Psycho Pass. OneShot.Fic [Kogami x Ginoza] ชื่อ...ของสัตว์ที่ไร้นาม : หมายเลขยี่สิบห้า



Psycho Pass. OneShot.Fic [Kogami x Ginoza]    ชื่อ...ของสัตว์ที่ไร้นาม : หมายเลขยี่สิบห้า

: Psycho Pass  Fanfiction
: Kogami Shinya x Ginoza Nobuchika
: Erotic Romantic (จะเปลี่ยนแนวเรื่องแม่งทุกตอนเลยเร๊อะ?!)
: NC-17


คำเตือน : เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ



แปะลิ้งค์ตอนก่อนหน้าด้วย เผื่อใครเพิ่งเปิดมาเจอ ^ ^ 







ขณะนี้ กิโนสะ โนบุจิกะ กำลังนั่งจ้องแผ่นหลังกว้างของโคงามิ ชินยะอย่างไม่สบอารมณ์

ทั้งๆที่เพิ่งจะออกจากโรงพยาบาลมาแท้ๆแต่กลับทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น โคงามิยังคงมานั่งทำงานด้วยใบหน้านิ่งๆเหมือนเดิม

นัยน์ตาภายใต้กรอบแว่นจ้องมองท้ายทอยที่ปกคุลมไปด้วยผมสีดำยุ่งๆนั่นอย่างที่ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองกำลังหวังอะไรอยู่?

ใบหน้าเรียวรีบสะบัดกลับมาที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ของตัวเอง นัยน์ตากวาดไปตามตัวหนังสือที่ขึ้นอยู่บนนั้น....ทำเหมือนกำลังทำงาน...ทั้งที่งานจริงๆมันเสร็จไปนานแล้ว

แต่จะให้ทำยังไงได้ ในเมื่อตอนนี้ห้องทำงานของหน่วยสืบสวนคดีพิเศษแห่งกรมความปลอดภัยมันดันเหลืออยู่แค่เขากับโคงามิ...สองต่อสอง...ถ้าไม่ทำเหมือนทำงานก็ไม่รู้ว่ามันจะฟุ้งซ่านไปขนาดไหน


หมอนั่นมีพรสวรรค์ในการล่อลวงคน
หมอนั่นมีพรสวรรค์ในการทำให้เรื่องจบ


เขารู้ดีเลยละ เพราะว่าเจอมากับตัวเองถึงสองครั้งสองครา!!!

ทั้งๆที่พยายามจะไม่อยู่ใกล้ ทั้งๆที่พยายามแทบตายในการขีดเส้นแบ่งขึ้นมา  แต่ทว่าโคงามิก็ยังใช้โอกาสเพียงครั้งเดียวในรอบสามปีตั้งแต่ที่เลิกรากันไปในการล่อลวงให้เขายอมผ่อนเส้นแบ่งเส้นนั้นลงจนมันเริ่มหย่อนยาน จากนั้นก็ก้าวผ่านมันเข้ามาปั่นป่วนหัวใจที่คิดว่าตายด้านไปแล้วของเขาอีกครั้ง

ถึงจะไม่อยากยอมรับ แต่มันก็เป็นความจริงที่ว่าหมอนั่นล่อลวงเขาสำเร็จ เหลือแค่ว่าจะจบเรื่องได้เมื่อไหร่เท่านั้นเอง

ไม่สบอารมณ์เลยแหะ...ทำไมเขาถึงได้ยอมหมอนั่นง่ายๆ ไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจเลยจริงๆว่าทำไมหัวใจถึงได้ชนะสมองทุกที?!

ยิ่งตอนนี้ผู้สังเกตการณ์สึเนะโมริยังอยู่ในช่วงฟื้นฟูสภาพจิตใจ เขาจึงต้องเข้าเวรมากกว่าเดิม เพราะงั้นจากที่เคยผลักโคงามิไปอยู่ใต้บังคับบัญชาของสึเนะโมริเพื่อให้ห่างจากเขาได้ มันเลยกลายเป็นว่าหมอนั่นกลับมาอยู่ภายใต้การดูแลของเขาอีกเหมือนเดิม  จากที่ไม่ต้องออกไปทำงานด้วยกันมานานกลับต้องมาอยู่เวรด้วยกันสองคนแบบนี้อีกจนได้

ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ยังไม่เท่าไหร่ แต่ดันมาเป็นช่วงเวลาแบบนี้...ช่วงเวลาที่เพิ่งจะมีเซ็กซ์กับหมอนั่นไปไม่นาน ทั้งฝ่ามือ ทั้งกล้ามเนื้อ ทั้งหยดเหงื่อ ทั้งอ้อมแขนของหมอนั่นมันเลยยังฝังอยู่ในทุกอณูของเขา


“ หลังชั้นมันมีอะไรเกาะอยู่หรือไงกิโนะ? อยากจะให้ถอดให้ดูไหม?”


เสียงทุ้มเอ่ยออกมาจากริมฝีปากที่คาบบุหรี่เอาไว้โดยที่ใบหน้าคมนั่นไม่ได้หันมามองด้วยซ้ำ...ทำให้ไหล่บางสะดุ้งน้อยๆ...........รู้ได้ยังไง?

“ คะ ใครจะไปอยากดู! บอกกี่ครั้งแล้วว่าในที่ทำงานห้ามสูบบุหรี่!”        ดีที่หาข้ออ้างได้ทัน.....นัยน์ตาภายใต้กรอบแว่นเสไปมองพื้น และนั่นก็ทำให้ไม่ทันจะได้เห็นว่าอีกคนก้าวขายาวๆเข้ามาประชิดตัวตั้งแต่เมื่อไหร่  เก้าอี้ถูกหันกลับไปก่อนที่ใบหน้านิ่งจะก้มลงมาจนริมฝีปากแทบจะชิดกัน

“ ถ้าไม่อยากให้สูบ นายก็ต้องหาอย่างอื่นมาปิดปากชั้น”        นัยน์ตาสีดำเหลือบลงมามองที่ริมฝีปากของเขาอย่างสื่อความหมาย นัยน์ตาภายใต้กรอบแว่นเบิกขึ้นก่อนจะพยายามถอยหนี เพราะใช่ว่าในที่ทำงานแบบนี้โคงามิจะไม่เคยทำเรื่องแบบนั้นกับเขา...ถึงแม้มันจะผ่านมานานมากแล้วก็เถอะ

ก็บอกแล้วว่าหมอนี่มีพรสวรรค์ในการล่อลวงคน!

แขนแข็งแรงกางกั้นกักขังลำตัวโปร่งบางเอาไว้ในเก้าอี้ ใบหน้าคมที่ก้มลงมาใกล้เรื่อยๆยิ่งทำให้คนที่หนีไปไหนไม่ได้อีกได้แต่หลับตาปี๋  แต่ก่อนที่ริมฝีปากจะได้สัมผัสกัน....


แจ้งเตือนการเพิ่มขึ้นของระดับความเครียดในพื้นที่ ตรวจพบค่าไซโครพาสสูงกว่าปกติ ที่ Iko Gryce Hill ในเขตอาดาจิ ผู้สังเกตการณ์ในหน้าที่ กรุณาลงพื้นที่กับหน่วยปฏิบัติการโดยด่วน


เสียงสัญญาณเตือนดังขึ้นพร้อมกับประกาศทำให้ใบหน้าคมถึงกับนิ่งค้าง จากที่ตายด้านอยู่ตลอดกลับมีแววหงุดหงิดใจแฝงอยู่บนใบหน้านั้นน้อยๆ

“ ถะ ถอยไป โคงามิ”      มือเรียวได้โอกาสผลักอีกคนออกไป ใบหน้าพยายามปรับกลับมาให้ดูนิ่งเฉยทั้งๆที่มันยังแดงเถือก มือเรียวจับสูทให้เข้าที่เข้าทางก่อนจะเดินนำออกไปท่ามกลางสายตาอมยิ้มของเจ้าหมาล่าเนื้อที่มองตามไปอย่างถูกใจ








ชายหนุ่มสองคนยืนอยู่ที่หน้าประตูทางเข้าศูนย์การค้ากึ่งสถานพักผ่อนแห่งใหญ่ของเมือง  คนหนึ่งยังคงมองมันด้วยใบหน้านิ่งสนิท ส่วนอีกคนถึงจะพยายามทำหน้าดุๆแต่ทว่าใบหน้าเรียวกลับแดงน้อยๆ

ให้ตายเถอะ ให้เขาไปไล่จับอาชญากรในเขตสลัมรกร้างยังดีกว่าให้เข้ามาตามหาตัวคนร้ายในสถานที่แบบนี้เยอะ

โคงามิกดสัญญาณที่สายรัดข้อมือก่อนที่ร่างทั้งร่างจะถูกปกคลุมด้วยอวาต้ารูปมาสคอตของกรมตำรวจ  ทำให้เขาจำต้องกดตาม แล้วร่างทั้งร่างก็กลายเป็นอวาต้ามาสคอตของกรมตำรวจไปเหมือนกัน....แต่ถ้าดูให้ดีๆแล้วมันก็ต่างกันอยู่นิดหน่อยนะ?

“ เดี๋ยว!โคงามิ!

“ หื๋อ?”

“ ทำไมอวาต้าของแกเป็นผู้ชายแล้วของชั้นเป็นผู้หญิงล่ะ? ถ้าดูจากความสูงแล้วมันควรจะสลับกันสิ?”        ดวงตาภายใต้กรอบแว่นเหลือบมองทั้งร่างกายของตัวเองและของอีกฝ่ายตั้งแต่หัวจรดเท้า เท้าจรดหัว

“ เรื่องแบบนั้นน่ะ ความสูงไม่เกี่ยวหรอก”         ใบหน้าตายตอบออกมาอย่างหน่ายๆทำเอาอีกคนถึงกับผงะ.....เรื่องแบบนั้นนั่นมันเรื่องแบบไหนฟ๊ะ?!

“ อีกอย่างนายก็สูงกว่าฉันแค่สามเซ็นต์ ดูภายนอกแทบจะไม่รู้น่า....อย่าเรื่องมากน่ากิโนะ ฉันว่าโบว์บนหัวนั่นมันก็เหมาะกับนายดีออก”      โคงามิเดินดุ่มๆเข้าไปในประตูจนร่างโปร่งได้แต่ยกมือค้างเอาไว้อย่างทำอะไรไม่ได้ ใบหน้าเรียวสะบัดพรืดอย่างหัวเสียระคนอับอาย

ก็ถึงได้บอกไง ว่าให้ไปจับอาชญากรในเขตสลัมยังดีเสียกว่า!!


“ หวัดดีค่ะ คุณตำรวจ”       เด็กหญิงตัวน้อยโบกมือทักทายมาสคอตกรมตำรวจด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม โดยที่มาสคอตที่ว่านั่นก็โบกมือตอบเช่นกัน

เพียงแต่ไม่มีใครรู้ว่าเบื้องหลังใบหน้ายิ้มร่าของมาสคอตมันจะเป็นใบหน้าราวกับปลาตายของชายหนุ่มรูปร่างบึกบึน

“ หวัดดีค่ะ พี่สาวตำรวจ”        และเด็กหญิงตัวน้อยคนเดิมนั่นแหละที่ทำเอามาสคอตตำรวจอีกคนที่เดินตามมาถึงกับยกมือขึ้นขยับแว่นด้วยความเครียด

“ กิโนะ?”        เสียงกระซิบทำให้มาสคอตตำรวจสาวจำต้องกัดฟันโบกมือตอบไปด้วยใบหน้าแดงเถือก และเมื่อเหลือบมองไปยังโคงามิก็ทันได้เห็นใบหน้ายิ้มกริ่มของหมอนั่น....นี่แกล้งเขาอยู่ใช่ไหม?

“ โคงามิ แก....”         ฝากไว้ก่อนเถอะ....ฝาก – ไว้ – ก่อน!





แล้วในที่สุดภารกิจอันน่าสะเทือนใจสำหรับเขาก็จบลงได้เสียที 

อาชญากรแอบแฝงถูกจับขึ้นรถขนนักโทษโดยที่เขาแทบจะไม่ต้องลงมืออะไรมากนักเพราะแค่โคงามิคนเดียวก็เอาอยู่ แต่ไอ้ที่ทำให้เหนื่อยก็คือชุดอวาต้ามาสคอตนี่แหละ

“ แกไม่ขึ้นไปกับรถรึไง?”       ใบหน้าเรียวพยายามปรับกลับมาให้นิ่งดังเดิม เสียงกดต่ำถามออกไปเมื่อเห็นโคงามิยังยืนอยู่ที่เดิมโดยไม่มีทีท่าว่าจะขึ้นรถขนนักโทษกลับอย่างที่ควรจะเป็น

“ ฉันออกเวรแล้วนี่? เพราะงั้นชั้นสามารถนั่งรถกลับไปกับนายได้”      ไม่ว่าเปล่าร่างแข็งแกร่งยังเดินไปที่รถของเขาก่อนจะเข้าไปนั่งประจำที่คนขับหน้าตาเฉย

“ แต่ฉันยังต้องเข้าเวรต่อนะ เพราะงั้นขับกลับไปที่กรมห้ามแวะนอกทางเด็ดขาด!

“ ก็ไม่ได้คิดจะแวะซักหน่อยนา...กิโนะ”        ใบหน้าเรียวถึงกับชะงัก....เปล่า.....เขาไม่ได้น้อยใจในคำตอบของใบหน้าเจ้าเล่ห์ที่มองมาที่เขาอย่างรู้ทันนั่น แต่ที่ชะงักไปคือเจ็บใจกับความคิดของตัวเองต่างหาก....เจ็บใจ....ที่ดันนึกถึงวันเก่าๆที่เรามักจะไปไหนต่อด้วยกันบ่อยๆหลังจากออกเวรแล้ว


รถคันเล็กวิ่งเข้าไปจอดที่กรมความปลอดภัยก่อนที่ร่างสูงโปร่งจะก้าวขาออกมาด้วยใบหน้ากังวลจนอีกฝ่ายสังเกตเห็น  ใบหน้าเรียวก้มลงมองนาฬิกาที่ข้อมือครั้งแล้วครั้งเล่ามาตั้งแต่ตอนที่นั่งอยู่ในรถแล้ว

“ มีอะไรหรือเปล่า กิโนะ?”

“ เปล่า.....ไม่มีอะไร...”         นัยน์ตาภายใต้กรอบแว่นเสลงไปมองที่พื้นอย่างไม่ยอมบอก และนั่นมันก็ทำให้โคงามิขมวดคิ้วน้อยๆก่อนจะเดินเข้ามากดดันใกล้ๆ

“ จะบอกหรือไม่บอก?”       ร่างแข็งแกร่งถามออกมาด้วยใบหน้าเฉยเมยตามปกติ

“ ไม่มีอะไรหรอกน่า อ่ะ?!!”       ร่างโปร่งสะดุ้งเฮือกเมื่อจู่ๆก็รู้สึกถึงมือของเจ้าโคงามิที่มันจับอยู่ที่ก้นเขา นิ้วทั้งห้าขย๋ำลงไปอย่างจะสื่อว่าถ้าไม่ยอมบอกเขาจะเจออะไร

“ โคยะ!!        ใบหน้าเรียวตะโกนออกไปพร้อมรอยแดงที่แก้ม แต่ถึงจะบอกไปแล้วมือใหญ่ก็ยังไม่ยอมละออกไป มันยังคงลูบก้นเขาเล่นจนนึกอยากจะตั๊นหน้ามันให้หงายไปซักทีสองที

“ โคยะ?”        ใบหน้าคมทำหน้าแปลกใจเมื่อเขาเอ่ยถึงชื่อของเจ้าลูกหมาที่เลี้ยงไว้

“ ก็ฉันยังต้องไปเข้าเวรต่อใช่ไหมล่ะ แต่ว่ามันก็ได้เวลาอาหารของเจ้าหมานั่นแล้วด้วย....”         นัยน์ตาภายใต้กรอบแว่นเสลงไปมองที่พื้นอย่างหมดมาด ทำไมเวลาอยู่ต่อหน้าหมอนี่เขาถึงใช้สายตาจิกกัดแบบที่ทำกับคนอื่นไม่ได้กันนะ!

“ เรื่องแค่นี้....”       ใบหน้าคมถอนหายใจให้ได้ยิน แต่นั่นทำให้เขาถึงกับกำมือแน่น....มันเรื่องแค่นี้ที่ไหนกันล่ะ!

แต่ก่อนที่จะได้รู้สึกน้อยใจ เสียงทุ้มที่พูดต่อมาก็ทำให้นัยน์ตาภายใต้กรอบแว่นถึงกับเบิกค้าง

“ คราวหลังก็บอกฉันสิ”         ใบหน้าเรียวเงยมองโคงามิอย่างที่พูดอะไรไม่ออก  เพราะสายตาของหมาล่าเนื้อที่มองกลับมาที่เขานั้นมันช่างอ่อนโยนเหลือเกิน








เจ้าหมาล่าเนื้อกับหมาบ้านจะอยู่ด้วยกันในสภาพไหนนะ?

ใบหน้าเรียวอมยิ้มน้อยๆในขณะที่กำลังเดินกลับคอนโด....หลังจากตอนนั้นเขาก็พาโคงามิไปทิ้งไว้ที่หน้าคอนโดของเขาก่อนจะกลับมาทำงาน ความจริงแล้วถ้าโคงามิจะแอบย่องกลับมาก่อนก็สามารถทำได้เพราะคอนโดของเขาก็อยู่ห่างจากกรมความปลอดภัยแค่ถนนกั้น หากหลบโดรนที่ตัวเองก็รู้ดีว่ามันจะเดินเพ่นพ่านอยู่ตรงไหนได้ ที่เหลือก็ไม่มีอะไรต้องกังวลแท้ๆ แต่โคงามิกลับบอกว่าจะอยู่รอเขา

สแกนเนอร์ที่ติดอยู่หน้าห้อง ทำงานทันทีที่ยื่นมือเข้าไปใกล้....ทั้งๆที่ระบบรักษาความปลอดภัยเป็นแบบสแกนดีเอ็นเอจากฝ่ามือแล้วทำไมโคงามิถึงยังเข้าไปได้งั้นหรอ?


ก็เพราะว่าเมื่อก่อนหมอนั่นเคยอยู่ที่นี่น่ะสิ.....


อยู่ด้วยกันกับเขาที่นี่...



คิดแล้วก็รู้สึกสมเพชตัวเอง ทั้งๆที่พยายามทำทุกอย่างเพื่อที่จะเลิกกันให้ได้...แต่สุดท้ายเขาก็ลบข้อมูลของโคงามิออกจากห้องนี้ไม่ได้...

ประตูเปิดออกอย่างแผ่วเบา ในห้องยังคงสว่างด้วยไฟของห้องนั่งเล่นยังถูกเปิดเอาไว้ แต่กลับไม่มีเสียงอะไรเล็ดลอดออกมา และนั่นมันก็ทำให้เขาเดินเข้าไปดูด้วยความสงสัย

เจ้าหมาสองตัวนั่นทำอะไรกันอยู่?

มองเห็นปลายเท้าที่ยังอยู่ในถุงเท้าสีขาวพาดยื่นออกมาจากโซฟา

หลับอยู่?

ใช่....หลับอยู่จริงๆด้วย....

โคงามินอนเหยียดยาวอยู่บนโซฟาโดยมีเจ้าหมาขนดำนอนขดอยู่บนหน้าท้องของหมอนั่นอีกที ใบหน้าคมที่เผยอริมฝีปากออกน้อยๆกับลมหายใจสม่ำเสมอบ่งบอกว่ากำลังหลับสนิท

นัยน์ตาภายใต้กรอบแว่นทอดมองอีกฝ่ายอย่างอ่อนโยน....เพราะการที่โคงามิจะหลับสนิทได้แบบนี้ มันแปลว่าในหัวใจของหมอนั่นยังคิดว่าที่นี่คือ “บ้าน” ของตัวเอง

เสื้อโค้ทสีดำถูกพาดเอาไว้ที่เท้าแขนโซฟาก่อนที่เขาจะจ้องมองใบหน้ายามหลับของอีกฝ่าย.....ถึงตอนนี้คงมีแต่ต้องยอมรับกับตัวเองแล้วว่า.....คิดถึง

และเมื่อความคิดถึงเข้าครอบงำทำให้ไม่ทันรู้ตัวเลยว่า ใบหน้าของเขาก้มลงมาใกล้ใบหน้าของโคงามิขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่....

ลมหายใจเป่ารดลงไปบนสันจมูกโด่ง นัยน์ตาของเขาเผลอมองไล่ลงไปยังริมฝีปากสีเข้ม กลิ่นบุหรี่จางๆยังคงลอยออกมา....SPINELสีเขียว….จนป่านนี้ก็ยังสูบยี่ห้อนี้อยู่สินะ...ไม่มีอะไรเปลี่ยนไปเลยจริงๆ

อีกนิดเดียวริมฝีปากของเขาก็จะแตะลงไปบนริมฝีปากรสบุหรี่อยู่แล้ว แต่เขาก็ทำได้เพียงค้างเอาไว้เท่านั้น....หัวใจมันเรียกร้องแต่ร่างกายกลับไม่ยอมขยับ...ก็แค่ก้มลงไปอีกนิดเดียว....จูบหมอนั่นเพื่อส่งผ่านหัวใจที่มันอัดแน่นไปด้วยความโหยหาของเขา....แค่จูบ....ทำไมมันถึงได้ยากเย็นแบบนี้ ทั้งๆที่อีกฝ่ายก็หลับไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอยู่แท้ๆ



กิโนะเซ็นเซย์นี่ไม่มีความสามารถในการทำให้เรื่องจบได้จริงๆด้วยสินะ ฮ่าๆๆ



คำพูดปนเสียงหัวเราะของเจ้าซาซายามะลอยเข้ามาในหัวทันที...และมันก็ดันเป็นแบบที่หมอนั่นพูดจริงๆด้วย

เพราะงั้นเขาถึงต้องมีโคงามิอยู่ข้างๆ คอยจัดการจบเรื่องทุกอย่างให้แทน



ในเมื่อเขาไม่ยอมจูบลงไปสักที ริมฝีปากรสบุหรี่นั่นจึงเป็นฝ่ายแล่บลิ้นออกมาเลียริมฝีปากของเขาแทน



“ อ่ะ...”       นัยน์ตาภายใต้กรอบแว่นเบิกขึ้นเมื่อรู้สึกถึงลิ้นเปียกแฉะที่แตะอยู่ที่ริมฝีปาก ถึงแม้ความรู้สึกมันจะเหมือนถูกเจ้าลูกหมาเลียแต่มันกำลังจะไม่เหมือนกันเพราะมือของคนที่คิดว่าหลับอยู่ดันยกขึ้นมากดท้ายทอยของเขาลงไปก่อนจะส่งลิ้นร้อนเข้ามาควานหาความหอมหวานอยู่ในปากของเขานี่สิ

“ อึก...อือ....อืม....”       รสจูบยิ่งหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆจนแทบจะทรุดลงเพราะเข่าเริ่มจะอ่อน....หมอนี่....ออกจะหน้าตาทองไม่รู้ร้อนขนาดนี้ ทำไมถึงได้จูบเก่งนัก?

กี่ปีๆ เขาก็แพ้ทั้งจูบทั้งเสียงของหมอนี่ไม่เคยเปลี่ยน...

“ อื้อ!!  แฮ่ก....แฮ่ก......”         มือเรียวดันตัวเองขึ้นมาเมื่อเริ่มจะรู้สึกว่าหัวหมุน ริมฝีปากสีแดงถึงกับต้องอ้าออกเพื่อช่วยหายใจ แต่เจ้าคนกระทำกลับยังคงนอนเลียริมฝีปากอยู่ในท่าเดิม

“ กำลังรออยู่เลย ว่านายจะก้มลงมาลักหลับฉันเมื่อไหร่? นานไปนะกิโนะ”       คำพูดหยอกเย้าของโคงามิทำเอาใบหน้าเรียวถึงกับร้อนผ่าว

“ คะ ใครจะไปทำแบบนั้น! ชะ ชั้นก็แค่ก้มลงมาดูใบหน้าที่หลับได้อย่างน่าหมั่นไส้ของแกต่างหาก!”       ร่างโปร่งสะบัดใบหน้าหนีก่อนจะเดินไปนั่งลงที่กลางโซฟาแล้วอุ้มเจ้าลูกหมาขนดำมาลูบแก้เขิน

ร่างแข็งแกร่งขยับมานอนตะแคงให้อีกฝ่ายนั่งได้ถนัดก่อนจะเท้าแขนมองไปยังใบหน้าเรียวที่อมยิ้มน้อยๆให้กับลูกหมาที่ตื่นเต็มตาขึ้นมาทันทีที่เห็นเจ้านายของมัน หางสีดำโบกไปมาอย่างระริกระรี้น่าหมั่นไส้ ใบหน้าที่เต็มไปด้วยขนพยายามขยับเข้าไปคลอเคลียทั้งๆที่ถูกอุ้มอยู่ ลิ้นเล็กๆแล่บเลียใบหน้าใสที่หัวเราะออกมาน้อยๆ

ทำไมเจ้าหมานั่นเลียได้ล่ะ? เขาก็เป็นหมาเหมือนกันเพราะงั้นก็...

“ โคงามิ?”         ใบหน้าเรียวชะงักไปเล็กน้อยเมื่อรู้สึกถึงลิ้นชื้นแฉะเลียอยู่ที่แก้ม และยังไม่ทันจะได้หันไปมองที่เอวก็ถูกแขนแข็งแรงกอดกระชับเอาไว้ ก่อนที่ลิ้นร้อนนั่นมันจะเลียลงไปที่ซอกคอเขาอีกครั้ง

“ ดะ เดี๋ยว”       มือบางข้างที่ไม่ได้อุ้มเจ้าลูกหมาพยายามผลักหัวสีดำที่ทำตัวอิจฉาหมาออกไปให้พ้นๆ แต่จากที่แค่เลีย ใบหน้าคมเริ่มจะทั้งซุกไซร้ทั้งระดมจูบลงไปที่ซอกคอ....จุดอ่อนของเขาที่โคงามิก็รู้ดี

“ มันดึกแล้ว แล้วพรุ่งนี้ฉันก็มีเข้าเวรเช้า”       พยายามตะล่อมด้วยเหตุผลแต่ไอ้คนกระทำกลับ....

“ ครั้งเดียวก็ได้กิโนะ...นะ....”        ใครจะไปเชื่อ!! ตั้งแต่เคยมีเซ็กซ์กันมามันเคยจบแค่ครั้งเดียวซะที่ไหน! ถ้าไม่ยันเช้าก็เอาจนกว่าเขาจะสลบไปนั่นแหละ

“ บอกว่าไม่ไงล่ะ!!”       เสียงตะคอกหลุดออกไปทำให้ใบหน้าคมถึงกับชะงัก นัยน์ตาสีดำมองมาที่เขาอย่างเหงาหงอยก่อนจะยอมปล่อยมือออกจากเขาแต่โดยดี

“ ขอโทษ.....ถ้างั้นนายก็นอนซะ....ฉันจะกลับละ”       รอยยิ้มจางๆถูกส่งมาให้หัวใจรู้สึกเจ็บแปลบ เขาได้แต่มองโคงามิที่ค่อยๆลุกขึ้นไปจากโซฟาด้วยสายตาสับสน

“.........”         ปลายนิ้วได้แต่ขยับไปมาอยู่บนฝ่ามือ อยากจะยกขึ้นไปดึงรั้งเสื้อของอีกฝ่ายเอาไว้แต่ก็ไม่กล้าพอ

ไม่ได้ตั้งใจจะตะคอกออกไปแบบนั้น มันก็แค่ไม่รู้จะทำยังไง....จะให้ยอมดีๆมันก็ใช่เขาเสียที่ไหน อีกอย่างก็ตื่นนิดๆเวลาที่ถูกรุกแบบนี้ เพราะความเคยชินมันหายไปกับระยะเวลาสามปีที่ผ่านมา

ไม่ใช่ว่าจะไม่ได้....แต่ว่า.........แต่ว่า......

ใบหน้าเรียวกระสับกระส่ายอย่างไม่รู้ว่าจะทำยังไง ยิ่งแผ่นหลังกว้างขยับเดินออกห่างไปเรื่อยๆก็ยิ่งสับสน


แค่เรียกเอาไว้....เรียกชื่อโคงามิออกไป

แค่ยกมือขึ้นไปรั้งเอาไว้....ดึงเสื้อโคงามิเอาไว้

แค่นั้น....ทำไมทำไม่ได้สักที


“.........”        ใบหน้าเงยมองแผ่นหลังกว้างอย่างพยายามจะเรียกแต่แล้วก็ต้องก้มลงมองที่พื้น และเมื่อพยายามจะเงยหน้าขึ้นไปเรียกอีกมันก็จะคอยแต่ก้มลงมองที่พื้นอีก

หงุดหงิดตัวเองเหลือเกิน....ทำไมเขาถึงได้เป็นคนแบบนี้

ทีกับคนอื่นยังพูดจาร้ายกาจ ส่งสายตาจิกกัดได้อย่างที่ใจอยากจะทำ แต่ทำไมกับคนที่รักเขาถึงได้ทำสิ่งที่ใจต้องการไม่ได้สักที


สองมือกำแน่นอยู่บนหน้าตัก พยายามรวบรวมความกล้าแล้วเปล่งเสียงออกไป

" คะ....โคงามิ"


ปัง.......



เสียงประตูที่ปิดลงพร้อมกันทำให้ใบหน้าเรียวที่หลับหูหลับตาพยายามเรียกชื่ออีกฝ่ายออกไปลืมตาขึ้นมาก่อนจะพบว่า....ที่ตรงหน้านั้นมันว่างเปล่า...

โคงามิไปแล้ว.....

โดยที่เขาก็รั้งเอาไว้ไม่ได้อีกตามเคย....


แผ่นหลังบางทิ้งตัวลงบนโซฟาอย่างหมดแรง เสียงหงิงๆดังมาจากเจ้าลูกหมาที่เงยมองขึ้นมาด้วยความสงสัย....ว่าทำไมเจ้านายของมันถึงทำหน้าราวกับว่าจะร้องไห้ออกไปแบบนั้น







จนแล้วจนรอดเมื่อคืนก็ไม่ได้นอนเลยสักงีบ....

ร่างสูงโปร่งนั่งลงบนโซฟาอย่างหมดแรง ทุกๆวันหลังจากเคลียร์งานช่วงเช้าเสร็จแล้ว หน้าที่อีกอย่างหนึ่งของเขาก็คือการมาตรวจค่าไซโครพาสของตัวเอง

" มันแย่ขึ้นนะครับเนี่ย"         เจ้าหน้าที่ตรงหน้ากำลังอ่านค่าไซโครพาสประจำวันของเขาก่อนจะพูดออกมาด้วยสีหน้ากังวล

" อย่างงั้นหรอครับ"         ถึงจะพูดออกไปแบบนั้นแต่ตัวเขาเองกลับไม่ค่อยแปลกใจเท่าไหร่....ในเมื่อเพิ่งจะผ่านคดีของ ฟุนาฮาระ ยูกิ ที่ทำให้โคงามิบาดเจ็บปางตายกลับมา จากที่ค่าไซโครพาสของเขาเคยอยู่แค่ระดับ30-40 มันกลับพุ่งพรวดขึ้นมาถึง 70 จากนั้นก็แทบจะไม่ยอมลดลงไป อีกทั้งเมื่อคืนยังมีเรื่องกันแบบนั้น มันก็คงไม่แปลกหรอกที่ค่าที่อ่านได้มันจะเป็น 86

" สัมประสิทธิ์อาชญากรรมขึ้นมาเจ็ดแต้มเลยเนี่ย...เป็นตัวเลขที่ปล่อยเอาไว้ไม่ได้นะครับ ถ้าเกิดยังแย่แบบนี้ผมคงต้องรายงานไปตามหน้าที่นะครับ"        ใบหน้าเรียวได้แต่รับฟังด้วยความนิ่งเฉย

" ผมเองก็ตั้งใจจะใช้การบำบัดอยู่นะครับ"         ไม่รู้ว่าสิ่งที่พูดออกไปนั้นเพื่อให้อีกฝ่ายสบายใจหรือต้องการหลอกตัวเองกันแน่ เพราะจนถึงป่านนี้เขาก็ยังไม่เคยคิดหาวิธีลดค่าไซโครพาสของตัวเองลงเลยแม้แต่ครั้งเดียว

ไม่ได้อยากจะกลายเป็นอาชญากรแบบที่โคงามิเป็น....ถึงสมองจะสั่งการมาว่าแบบนั้นแต่ในใจกลับรู้สึกว่าอยากจะลองเข้าใกล้หมอนั่นดู....แค่นิดเดียวก็ยังดี

" ควรจะใช้วิธีพื้นฐาน ที่ควรจะทำมากที่สุดก่อนนะครับ"         เจ้าหน้าที่ตรงหน้าให้คำปรึกษาด้วยรอยยิ้ม

" .....?"

" ปรึกษาปัญหากับคนใกล้ตัวที่สนิทกันน่ะครับ....มีแฟนหรือคนในครอบครัวไหมครับ"        สิ่งที่อีกฝ่ายพูดออกมาทำเอาใบหน้าเรียวชะงักไปเล็กน้อย

" ไม่มีแฟนครับ...."          นัยน์ตาภายใต้กรอบแว่นเสออกไปมองที่นอกหน้าต่าง...ผีเสื้อสองตัวบินพัวพันกันไป....กับหมอนั่น คงจะเรียกว่าแฟนกันไม่ได้...

" ครอบครัวก็....มีแต่พ่อที่ยังมีชีวิตอยู่ครับ"        

" อายุประมาณคุณเนี่ย คุณพ่อน่าจะเป็นที่ปรึกษาที่เหมาะสมที่สุดเลยนะครับ จะไม่ลองดูหรอครับ หรือว่ามีสาเหตุอะไรให้ไปปรึกษาท่านไม่ได้"

สาเหตุอื่นน่ะมีอยู่ก็จริง....แต่จะให้เขาไปปรึกษายังไง....เรื่องของผู้ชายที่ลูกชายตัวเองมีความสัมพันธ์ด้วยเนี่ย....แค่คิดก็พูดไม่ออก








ประตูห้องของหน่วยสืบสวนคดีพิเศษเปิดออกเมื่อร่างโปร่งเดินเข้ามา  นัยน์ตาคู่คมภายใต้กรอบแว่นกวาดมองไปทั่วห้องภายในแว่บแรก.....หน่วยปฏิบัติการณ์ที่เข้าเวรบ่ายนี้คือ โคงามิ กับ มาซาโอกะ โทโมมิ งั้นหรอ

ก็ยังดีที่ไม่ได้อยู่กันแค่สองต่อสอง....

ไม่ว่าจะเป็นเขาอยู่กับโคงามิ หรือ เขาอยู่กับมาซาโอกะ โทโมมิ.....จะแบบไหนก็น่าอึดอัดใจทั้งนั้น

และยังไม่ทันจะได้เดินไปถึงโต๊ะตัวเองด้วยซ้ำ เสียงประกาศเตือนให้ออกปฏิบัติการก็ดังขึ้นมาเสียก่อน

" อา...เริ่มแต่หัววันเลยหรอวันนี้"          คนที่มีอายุมากที่สุดในหน่วยสืบสวนเอ่ยออกมาด้วยเสียงทีเล่นทีจริง และเมื่อโคงามิทำท่าจะลุกขึ้น แขนที่เป็นเหล็กก็ยกขึ้นบอกเป็นเชิงว่างานนี้ตนจะเป็นคนออกไปเอง




" ทะเลาะกันมาหรือไง? หน้าตาดูไม่ได้ทั้งคู่เลยนะ แกกับโค"          เสียงสูงวัยเอ่ยถามในขณะที่เดินออกไปที่โรงจอดรถด้วยกันและนั่นก็ทำให้นัยน์ตาภายใต้กรอบแว่นเบิกขึ้นน้อยๆ

" โดยเฉพาะเจ้าโค...แกรู้ไหมว่าแค่ครึ่งชั่วโมงที่ฉันนั่งอยู่กับมัน...มันจะเอาขี้บุหรี่เขี่ยใส่แก้วกาแฟตั้งกี่รอบ ถ้าชั้นไม่ยกหนีมีหวังได้กินกาแฟผสมขี้เถ้าไปหลายรอบแล้ว...ถ้าไม่ใช่แกคงไม่มีใครทำให้มันใจลอยได้ขนาดนี้หรอก....เจ้าคนที่วันๆไม่คิดอะไรนอกจากเรื่องงานนั่นน่ะ"        เสียงที่ดังออกมาจากคนที่เดินนำหน้าทำให้ใบหน้าเรียวถึงกับนิ่งค้าง นัยน์ตาที่มีแต่ทิฐิอ่อนลงเมื่อได้ฟัง

" รู้ไหม....เวลาที่แม่แกงอนตอนฉันกลับดึกๆดื่นๆ ฉันไม่เคยเบื่อที่จะง้อเธอเลย....แต่แกรู้ไหมว่าทำไมตอนที่ฉันถูกตัดสินว่าเป็นอาชญากร....ทำไมฉันถึงไม่ไปหาเธอทั้งๆที่ก็มีโอกาสจะทำได้...."         จู่ๆมาซาโอกะ โทโมมิ ก็พูดในสิ่งที่เขาไม่คิดว่าจะได้ยินออกมา หัวใจเต้นแรงอย่างน่าประหลาด

" เพราะไม่กล้าจะไปเจอหน้า...ไม่กล้าจะง้อเพราะรู้ว่าตัวเองไม่คู่ควรน่ะสิ"          จะบอกว่าโคงามิก็เป็นเหมือนกันงั้นหรอ

ที่เมื่อคืนนี้ยอมปล่อยมือไปจากเขาง่ายๆ....ก็เพราะแบบนั้นน่ะหรอ

ที่รอเวลาจนผ่านมาตั้งสามปี....เพราะคิดเรื่องนี้อยู่น่ะหรอ


นัยน์ตาภายใต้กรอบแว่นมองไปที่แผ่นหลังที่ครั้งหนึ่งเขาเคยเกาะอยู่บนนั้นด้วยสายตาอ่อนโยน....เจ้าหน้าที่คนนั้นพูดถูก

คุณพ่อน่าจะเป็นที่ปรึกษาที่เหมาะสมที่สุด....










ประตูห้องถูกเปิดออกก่อนที่เงาร่างสูงใหญ่จะก้าวขาเดินเข้าไป...ซองบุหรี่และไลเตอร์ถูกโยนลงไปบนโต๊ะ เวลาจากนาฬิกามันบ่งบอกว่าตอนนี้ตีสองเข้าไปแล้ว

มือคลายเนคไทอย่างรู้สึกล้าน้อยๆ เพราะอาการบาดเจ็บยังไม่หายดีหรือไงกันนะถึงได้รู้สึกว่าร่างกายมันหนักๆแบบนี้ ทั้งๆที่การออกเวรดึกๆดื่นๆมันก็เป็นเรื่องที่เจอมาประจำ

นัยน์ตาสีดำจ้องมองเข้าไปในกระจกเงา กระดุมเสื้อเชิ้ตที่ถูกปลดออกจนหมดทำให้มองเห็นร่างกายที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามและรอยกระสุนบนสีข้างยังคงถูกปิดเอาไว้ด้วยผ้ากอซเพื่อรอให้มันแห้งสนิท

ร่างสูงเดินไปยังห้องน้ำอย่างไม่ใส่ใจมันนัก  เสื้อผ้าถูกถอดทิ้งเอาไว้ตามทางที่เดินผ่านมา และกว่าจะถึงห้องน้ำก็ก็เหลือแต่ร่างกายเปลือยเปล่า

สายน้ำปะทะเข้าที่ใบหน้าก่อนจะเลยไปทำให้เส้นผมสีดำเปียกลู่ แล้วตกไหลลงไปตามลำคอและลาดไหล่ ร่างกายที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อรู้สึกผ่อนคลายเมื่อสายน้ำกระทบไปทั่ว

เสียงเอี๊ยดๆดังขึ้นเมื่อก๊อกฝักบัวถูกหมุนปิด หยดน้ำยังคงเกาะพราวไปทั่วร่างสมชาย ขายาวก้าวเดินออกจากส่วนอาบน้ำทั้งๆร่างกายเปลือยเปล่า มือใหญ่หยิบผ้าขนหนูมาพันท่อนล่างเอาไว้ก่อนจะยกอีกมือขึ้นเสยผมโดยไม่สนใจหยดน้ำที่กระเด็นลงพื้น

ใบหน้านิ่งมองเงาของตัวเองในกระจก มือยกขึ้นลูบที่ปลายคางก่อนจะหยิบที่โกนหนวดขึ้นมาอย่างเคยชิน.....ก่อนที่จะคบกับกิโนะเขาก็โกนหนวดตอนเช้าเหมือนผู้ชายทั่วไป....แต่หลังจากที่อยู่ด้วยกัน กิโนะมักจับเขาโกนหนวดก่อนนอน...เพราะเวลาเขาซุกไซร้ไปตามร่างกายของหมอนั่นมันจะได้ไม่เจ็บ

จากนั้นมาการโกนหนวดก่อนที่จะนอนก็กลายเป็นกิจวัตรประจำวันของเขาไปโดยที่ไม่รู้ตัว

ผ้าขนหนูผืนเล็กซับไปตามใบหน้าเกลี้ยงเกลาก่อนจะย้ายมันไปขยี้หัวตัวเองสองสามครั้งอย่างไม่ใส่ใจ  กางเกงขาวยาวถูกหยิบมาสวมใส่ก่อนจะโยนผ้าขนหนูไปพาดๆไว้ที่ตะกร้าโดยที่ท่อนบนก็ยังไม่สวมอะไรตามเดิม

ร่างสูงใหญ่ที่สวมเพียงกางเกงตัวเดียวเดินไปทิ้งตัวลงที่เตียง

หนังสือเล่มหนึ่งที่ตั้งอยู่ที่หัวเตียงถูกหยิบออกมาก่อนที่มันจะถูกเปิดไปที่หน้าเดิมด้วยรูปถ่ายของใครบางคนที่ใช้แทนที่คั้นหนังสือ

ถึงแม้ว่าในห้องของเขาจะมีแต่รูปที่ใช้ในคดี ไม่มีรูปอื่นใดแปะให้จรรโลงใจ นั่นมันก็เพราะสำหรับเขาแค่รูปนี้รูปเดียวก็พอแล้ว....

ใบหน้าคมเผลออมยิ้มเมื่อมองคนที่อยู่ในรูป.....กิโนสะ โนบุจิกะ.....รูปนี้ถ่ายตอนที่หมอนั่นยังผมสั้นอยู่ ตอนนั้นดูเหมือนจะว่าง่ายกว่าตอนนี้เยอะ

ปลายนิ้วแตะลงไปบนใบหน้าคิ้วขมวดของคนที่อยู่ในรูป ถึงจะบอกว่า "ว่าง่าย" แต่เอาเข้าจริงกว่าเขาจะจีบสำเร็จก็เล่นเอาทั้งโดนด่าทั้งโดนลอบทำร้ายไปหลายยก

แต่ต่อให้โดนมาขนาดไหน....หากเป็นคนที่เขาต้องการ เขาก็จะทำให้คนคนนั้นเป็นของเขาให้ได้โดยยอมแลกทั้งหัวใจ ร่างกาย หรือแม้แต่จิตวิญญาณ

ทั้งๆที่นั่นคือนิสัยของเขา

แต่คราวนี้กลับทำแบบนั้นไม่ได้.....

ไม่ใช่ว่าจะไม่ยอมแลก....แต่เป็นเพราะไม่แน่ใจ....ว่า หัวใจ ร่างกายและจิตวิญญาณของอาชญากรแบบเขา มันควรค่าที่หมอนั่นจะต้องมาแลกด้วยหรือเปล่า

จะดีแน่แล้วหรอที่จะฉุดรั้งกิโนะเอาไว้กับคนที่แทบจะไร้ตัวตนบนโลกใบนี้ไปแล้วแบบเขา

เขาถึงได้ไม่กล้าที่จะเดินหน้าแบบเต็มที่เหมือนเดิมสักที



ครืด......


จู่ๆสายรัดข้อมือก็สั่นขึ้นมาจนสายตาหลุดออกมาจากภวังค์ และยิ่งต้องแปลกใจเมื่อมองเห็นว่าใครเป็นคนเรียกสาย

กิโนะ?

หมอนั่นไม่ได้เข้าเวรนี่? ไม่น่าจะใช่คดี?  ถ้างั้นมันเรื่องอะไรที่จะทำให้หมอนั่นโทรมาตอนดึกดื่นขนาดนี้ได้?  ไม่น่าจะเป็นเรื่องดี?

ปลายนิ้วกดรับสาย แล้วก็ต้องแปลกใจระคนตกใจเมื่อเสียงที่มาจากปลายสายนั้นดูลนลานไม่สมกับที่เป็น กิโนสะ โนบุจิกะเลยแม้แต่น้อย

" โคงามิแย่แล้ว...ฉันจะทำยังไงดี....แย่แล้ว...ทำ...ทำยังไงดี"

" ใจเย็นๆกิโนะ...ค่อยๆบอกฉันมาว่าเกิดอะไรขึ้น?"        เขาพยายามทำให้อีกฝ่ายใจเย็นลง ในใจนึกเป็นห่วงจนแทบจะพุ่งออกจากห้องตรงดิ่งไปหาให้รู้แล้วรู้รอด

" มันอ้วกออกมา...แล้วก็ตัวร้อนมาก"        เสียงจากปลายสายดูราวกับจะร้องไห้

" นายเป็นอะไรเนี่ย?"        ตอนนี้เขาเพิ่งจะรู้ว่าการที่ไม่ได้อยู่ด้วยกันนั้นมันทรมานขนาดไหน อีกฝ่ายกำลังจะเป็นจะตายยังไงเขาก็อยู่ไกลเกินไปจนถ้าไม่โทรมาบอกเขาคงไม่มีทางรู้แน่ๆ และถ้าเกิดไปรู้ทีหลังตอนที่ทุกอย่างมันสายไปเสียแล้วล่ะ?


เรื่องเดียวที่รู้สึกเสียใจ....ที่ปล่อยให้ตัวเองกลายเป็นอาชญากร

ก็คืออิสระ.....ที่ถูกพรากไปจนทำให้เขาไม่ได้อยู่ข้างๆกิโนะสะ โนบุจิกะ



" มันร้องหงิงๆใหญ่เลย ท่าทางมันทรมานจนฉันไม่รู้จะทำยังไงแล้วเนี่ย"         ร้องหงิงๆ?

" เดี๋ยวนะกิโนะ....คนที่อ้วกนี่มันนายหรือเปล่า?"

" เปล่า  เจ้าโคยะต่างหาก"          แล้วคำตอบจากปลายสายก็ทำให้เขาถึงกับถอนหายใจ ความกังวลจากความห่วงใยดูเหมือนจะผ่อนคลายลงได้

" งั้นรอเดี๋ยวนะ เดี๋ยวฉันไปหานาย แล้วค่อยพามันไปหาหมอนะกิโนะ"

" อะ อื้อ"      เสียงปลายสายตอบรับอย่างกังวล

“ ไม่ต้องกลัว ฉันกำลังจะไปหานาย.....ไปหานาย...”        หากอยู่ใกล้ๆเขาคงพูดคำนี้ออกไปในขณะที่กดหัวกิโนะเอาไว้กับหน้าอกแล้วจูบลงไปบนกลุ่มผมนุ่มลื่นนั่น แต่ตอนนี้ทำได้เพียงพูดกับหน้าจอเสมือนด้วยน้ำเสียงที่ทำให้อีกฝ่ายรู้ว่าเขาห่วงขนาดไหน

นิ้วจิ้มปิดหน้าจอก่อนจะคว้าเสื้อยืดคอวีสีดำมาสวมลวกๆแล้ววิ่งออกจากห้อง นัยน์ตาสีดำคมกล้ากวาดมองไปทั่วทางเดิน...ดึกป่านนี้คงมีแต่โดรนเท่านั้นแหละที่จะมาเดินเพ่นพ่าน ร่างสูงหลบเข้าข้างหลังผนังเหล็กก่อนจะกัดฟันรอ เพราะเขาไม่มีสิทธิจะข้ามเขตถนนนั่นออกไปตามลำพัง

โดรนของกรมตัวหนึ่งวิ่งผ่านหน้าไปตามคาด สแกนที่ติดอยู่ด้านหน้ามันกวาดทะลุผ่านสิ่งกีดขวางทุกอย่างเพื่อตรวจตราว่าจะมีอะไรผิดปกติไหม แต่สำหรับกำแพงเหล็กตรงนี้ รัศมีของแสงเลเซอร์นั่นจะมาไม่ถึง

จังหวะเดียวที่เขาจะหนีออกไปได้คือหลังจากที่โดรนนั่นคล้อยหลังไปนิดหน่อย ต้องอาศัยช่องว่างที่ตัวโดรนนั่นไม่ได้ติดสแกนที่ด้านหลังและสแกนที่ผนังกำลังเปิดช่องให้เจ้าโดรนนั่นทำงานโดยไม่เปิดสแกนเข้ามารบกวน

ขาก้าวกระโดดข้ามผ่านถนนไปอย่างรวดเร็ว ก่อนที่ร่างสูงใหญ่จะพลิกกายหลบเข้าไปยังหลังรถคันหนึ่งซึ่งกำลังออกตัวพอดี ปลายนิ้วจึงพ้นจากสแกนที่ผนังได้อย่างฉิวเฉียด

แต่ไม่มีเวลาแม้แต่จะถอนหายใจ เพราะเจ้าคนขี้กังวลกำลังรอเขาอยู่


ติ้ด.....



“ โคงามิ?”       เสียงตื่นๆเอ่ยเรียกเขาทันทีที่เท้าก้าวเข้าไป ใบหน้าภายใต้กรอบแว่นกังวลจนติดจะลนลานเล็กๆ

ร่างแข็งแกร่งย่อตัวนั่งลงมองเจ้าลูกหมาที่มีท่าทางทรมาน....คงจะป่วยเป็นอะไรสักอย่าง?

นัยน์ตาสีดำเหลือบมองใบหน้าเรียวของคนที่อยู่ข้างๆ ถึงจะรู้สึกผิดกับเจ้าลูกหมาอยู่บ้าง แต่ใบหน้าที่ไม่รู้จะทำยังไงดีและห่วงเรื่องของหมาตัวเองแบบนี้ของกิโนะ กลับทำให้เขาลอบยิ้ม

.....น่ารัก......

“ อุ้มไปทั้งเบาะแบบนี้เลยแล้วกัน นายคอยเปิดประตูที”       ท่อนแขนแข็งแรงช้อนเบาะที่มีเจ้าโคยะนอนอยู่ขึ้นมา ขาสองคู่ก้าวออกไปจากห้องด้วยความรีบเร่ง

แล้วรถยนต์สีดำที่ไม่ใช่รถของกรมความปลอดภัยก็วิ่งออกไปจากคอนโด





อาหารเป็นพิษ.....

สัตวแพทย์บอกเอาไว้แบบนั้นก่อนจะฉีดยาให้เจ้าลูกหมาจนมันหลับลงได้ในที่สุด....คืนนี้จำเป็นต้องทิ้งมันไว้ที่โรงพยาบาลสัตว์เพื่อให้น้ำเกลือ

“ เราคงต้องกลับกันก่อน”        ถึงแม้ว่าใบหน้าเรียวจะยังชะเง้อชะแง้แลมองเจ้าลูกหมาขนดำที่หลับปุ๋ยอยู่ในห้องฝากเลี้ยงไปเรียบร้อยแล้วอยู่ก็ตาม

“ นายรออยู่นี่แล้วกัน เดี๋ยวฉันไปจ่ายเงินเอง”        โคงามิเอ่ยบอกก่อนจะจับไหล่บางให้นั่งลงที่เก้าอี้  แผ่นหลังกว้างที่เดินห่างออกไปนั้นถูกมองตามด้วยนัยน์ตาที่อยู่ภายใต้กรอบแว่น

สองมือบีบเข้าหากันอยู่ที่หน้าตักอย่างรู้สึกขอบคุณ

เขาก็รู้....ไม่ว่าจะสามปีหรืออีกนานแค่ไหน...เขาก็ไม่อาจจะชินกับคำว่า “อยู่คนเดียว” ได้อีกแล้ว

เขาก็รู้....ว่าตัวเองจำเป็นต้องมีโคงามิอยู่ข้างๆ


นายจะรู้บ้างไหม....ว่าทำไมฉันถึงไม่ย้ายออกไปจากคอนโดนั่นทั้งๆที่มันกว้างเกินไปสำหรับการอยู่คนเดียว….






รถจอดลงอีกครั้งที่ใต้คอนโด

ร่างสูงใหญ่ลงจากที่นั่งคนขับก่อนจะหันไปมองประตูรถอีกฝั่งอย่างสงสัยเมื่อร่างโปร่งยังไม่ยอมลงมาจากรถ

“ กิโนะ?”      ประตูถูกเปิดออกและเสียงเรียกเบาๆก็ทำให้คนที่ยังนั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่ที่เบาะข้างคนขับถึงกับสะดุ้งโหยง

“ เป็นไรไป? ไม่ต้องห่วงหรอกน่า เจ้าหมานั่นมันอึดจะตาย ไม่เป็นไรหรอก”       ใบหน้าเรียวพยักหน้ารับเบาๆแต่ก็ยังไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมาจากการก้มลงมองฝ่ามือของตัวเอง

ใบหน้าคมหันกลับมามองที่ประตูทางออกของคอนโดก่อนจะหันกลับไปพูดกับคนที่ยังอยู่ข้างในรถ

“ ตีห้าแล้ว...นายควรจะขึ้นไปนอนได้แล้วนะ แต่ก่อนหน้านั้นช่วยเดินไปส่งฉันที่ถนนฝั่งนู้นหน่อยเถอะ ขี้เกียจจะกระโดดหลบไอ้เจ้าโดรนนั่นแล้วละ”        โคงามิพูดออกมาด้วยน้ำเสียงสบายๆ แต่แล้วนัยน์ตาสีดำก็ต้องเบิกกว้างเมื่อจู่ๆมือของคนที่ยังนั่งก้มหน้าก็ขยับมาจับชายเสื้อคอวีสีดำเอาไว้

“ ไปนอนที่ห้องสิ”        เสียงแผ่วเบาหลุดออกมาจากใบหน้าเรียวและนั่นมันก็ทำให้มือใหญ่ถึงกับกำแน่นอย่างที่ข่มใจเอาไว้ไม่ไหวอีกต่อไป

รู้ตัวบ้างไหมว่าพูดอะไรออกมา....

“ อ่ะ?!”       ข้อมือบางถูกจับเอาไว้ก่อนที่เรี่ยวแรงมหาศาลจะกระชากร่างโปร่งออกมาจากรถ

“ คะ โคงามิ?”        นัยน์ตาภายใต้กรอบแว่นได้แต่มองใบหน้าด้านข้างของคนที่ลากตนอยู่ด้วยใจที่เต้นระทึก โกรธหรอ? หรือว่าอะไร? ทำไมล่ะ?

ขายาวก้าวเร็วๆจนคนที่ถูกลากมาด้วยแทบจะเดินตามไม่ทัน มือใหญ่ยื่นเข้าไปขวางลิฟท์ที่กำลังจะปิดให้มันเปิดออกก่อนจะเหวี่ยงร่างโปร่งเข้าไป

“ อื้อ!”      และแค่ประตูลิฟท์ปิดลงเท่านั้น ริมฝีปากสีระเรื่อก็ถูกบดเบียดเข้ามาโดยริมฝีปากรสบุหรี่ทันที เรียวลิ้นสอดแทรกเข้าไปด้วยความเอาแต่ใจ สองมือใหญ่กดสองมือบางติดกับผนังลิฟท์ ทำเอาคนที่ถูกจู่โจมถึงกับนัยน์ตาเบิกกว้าง เพราะไม่คิดว่าความต้องการของคนตรงหน้าจะรุนแรงขนาดนี้

“ แฮ่ก....แฮ่ก....”       ริมฝีปากถูกละออกมาเมื่อเสียงลิฟท์ดังขึ้นอีกครั้ง ใบหน้าเรียวยังไม่ทันจะได้หายใจหายคอ ลำตัวโปร่งก็ถูกยกขึ้นพาดบ่า ราวกับว่าถ้าปล่อยให้เขาเดินเองมันจะไม่ทันใจ


ติ้ด.....



สแกนหน้าห้องตอบรับกับมือของโคงามิทันที และเมื่อประตูห้องถูกเปิดออกร่างที่อยู่บนบ่าก็ถูกวางลงไปที่พื้นหน้าประตูก่อนจะถูกคร่อมเอาไว้ด้วยร่างกายสูงใหญ่

ใบหน้าคมซุกไซร้ลงมาที่ซอกคออย่างไม่รออะไรอีก มือใหญ่ไล่ปลดกระดุมเสื้อของร่างโปร่งออกราวกับสัตว์ร้ายที่กำลังหิวกระหาย

“ เดี๋ยวโคงามิ! ไปที่เตียง อ่ะ”        มือบางที่พยายามจะยกขึ้นมาดันหัวสีดำให้ออกไปจากซอกคอกลับถูกจับเอาไว้ก่อนที่ริมฝีปากรสบุหรี่จะกัดมันเบาๆราวกับโดนหมากัด

“ ไม่ไหวแล้วกิโนะ...โทษที นายทำให้ข้างล่างมันตื่นสุดๆเลยล่ะ”        ใบหน้าเรียวเหว๋อน้อยๆก่อนจะเหลือบลงไปมองที่เป้ากางเกงของโคงามิที่มันนูนขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด ใบหน้าเรียวแดงเถือกขึ้นมาทันที และมันก็ไม่มีเวลาจะได้ซักถามอะไรอีกเมื่อมือใหญ่ตามมากระชากกางเกงของเขาออก เหลือเอาไว้แค่เสื้อเชิ้ตเพียงตัวเดียวที่เท่านั้นที่ยังติดไหล่อยู่

ซอกคอระหงถูกกดเม้มจนขึ้นสีแดงเช่นเดียวกับเบื้องล่างที่ถูกปลุกเร้าอย่างหนักหน่วง ใบหน้าภายใต้กรอบแว่นแดงระเรื่อ ริมฝีปากขบเม้มกันแน่นอย่างพยายามไม่ให้สติกระเจิงไปมากกว่านี้ โคงามิปลุกเร้าเขาราวกับว่ามันไม่ทันใจ และหากปล่อยไว้แบบนี้พรุ่งนี้เช้าซึ่งก็คือในอีกไม่กี่ชั่วโมงที่กำลังจะมาถึง เขาต้องลุกไม่ขึ้นแน่

“ คะ โคงามิ.....นะ ในถุงกระดาษนั่น มีโลชั่น....อื้อ!.ที่เพิ่งซื้อมาอยู่”        เสียงที่เอ่ยบอกนั้นขาดๆหายๆ นัยน์ตาสีดำจ้องมองลงมาพรางยิ้มน้อยๆก่อนจะเอื้อมมือออกไปยังถุงกระดาษสีดำที่วางอยู่ข้างประตูอย่างที่ยังไม่ทันจะได้แกะออกมาเพราะมัวแต่ห่วงเจ้าลูกหมาที่ป่วย

และด้วยความรีบร้อน มือใหญ่จึงไม่คิดที่จะควานหาให้เสียเวลา โคงามิจับถุงเททุกอย่างออกมาและนั่นมันก็ทำให้เขาเพิ่งจะนึกออกว่านอกจากโลชั่นและของใช้อย่างอื่นแล้ว...ในถุงนั่นมันยังมี..........อยู่ด้วย

“ เสื้อโค้ทนี่มัน....?”       ใบหน้าเรียวผงะไปเมื่อโคงามิจับเสื้อโค้ทตัวใหญ่ที่ดูยังไงก็เป็นไซส์ผู้ชายขึ้นมาดู ถึงแม้ว่ามันจะเป็นสีดำและมีฮูดเพิ่มเข้ามาแต่นอกนั้นทุกอย่างแทบจะเหมือนกับเสื้อโค้ทสีเทาคอตั้งที่มีขนฟูๆรอบคอตัวเก่าของโคงามิราวกับแกะ

“ ของฉัน?”       ใบหน้าคมเงยขึ้นมาถามด้วยนัยน์ตาเป็นประกายที่เห็นแล้วน่าหมั่นไส้สุดๆ

“ กะ ก็...ตัวเก่ามันใช้ไม่ได้แล้วใช่ไหมล่ะ? แล้วถ้าไม่ซื้อให้ ขี้งกอย่างแกก็คงไม่ซื้อเองหรอก ใช่ไหม?”        ใบหน้าเรียวเสมองไปที่พื้นด้วยความอาย ทั้งๆที่ตั้งใจจะทำใจอีกซักสองสามวันก่อนจะเอาไปปาให้แท้ๆ

และเพราะมัวละสายตาจึงไม่ทันได้เห็นใบหน้ายิ้มกริ่มอย่างเจ้าเล่ห์ของอีกฝ่าย

“ เอ๊ะ?!”       มือใหญ่จับร่างโปร่งถอดเสื้อเชิ้ตที่เหลืออยู่เพียงตัวเดียวออกให้ใบหน้าเรียวถึงกับงง เพราะปกติแล้วโคงามิจะชอบให้เขาอยู่ในสภาพเสื้อผ้าหลุดลุ่ยมากกว่าจะร่างกายเปลือยเปล่า

จนกระทั่งเสื้อโค้ทสีดำตัวนั้นคลุมลงมาที่ไหล่ ร่างโปร่งจึงเข้าใจอะไรๆได้ทันที

อย่าบอกนะว่าจะมีเซ็กซ์กันโดยให้เขาใส่เสื้อตัวนี้เอาไว้น่ะ

“ อื้อ!”       ยังไม่ทันจะได้ประท้วงนัยน์ตาภายใต้กรอบแว่นก็ต้องหลับแน่นเมื่อนิ้วชุ่มโชกไปด้วยโลชั่นสอดใส่เข้ามาที่ช่องทางด้านหลังอย่างรวดเร็ว แผ่นหลังบางถูกดันจนนอนลงไปกับพื้นห้อง ขนฟูๆที่ปกเสื้อแนบอยู่กับใบหน้าจนรู้สึกได้ถึงความนุ่มนิ่ม

นิ้วที่สองและสามถูกตามเข้าไปในทันที และยังไม่ทันที่ช่องทางจะขยายตัวดีพวกมันก็ถูกถอนออกไป โคงามิละไปถอดเสื้อของตัวเองออกก่อนจะโยนไปข้างๆอย่างไม่ใยดี มือรูดซิปกางเกงของตนออกแค่ให้พอเอาความเป็นชายของตัวเองออกมาได้ แกนกายที่ขยายใหญ่จนคิดว่าเขาต้องตายแน่ๆหากต้องรับมันเข้ามาโดยไม่มีอะไรช่วยหล่อลื่นเลยถูกสอดแทรกเข้ามา

“ อึก...”      คับแน่นจนแทบจะจุกจริงๆ ใบหน้าภายใต้กรอบแว่นหอบจนต้องเผยอปากออกช่วย น้ำตาหยดน้อยเอ่อคลอหน่วยตา

นัยน์ตาสีดำที่ไล่มองไปตามร่างกายของเขานั้นเต็มไปด้วยความปรารถนาอย่างปิดไม่มิด ร่างแข็งแกร่งขยับเข้าออกทั้งๆที่เขายังไม่พร้อมทำให้ต้องจิกเล็บลงไปที่ท่อนขาของโคงามิแน่น ใบหน้าสะบัดเงยปล่อยให้ร่างกายรับแรงกระแทกจากเบื้องล่าง

แล้วอารมณ์ก็พุ่งถึงขีดสูงสุดอย่างรวดเร็ว และถึงแม้ความอุ่นวาบมันจะแผ่ซ่านเข้ามาในร่างกายแต่กลับไม่ได้รู้สึกเลยว่าแกนกายที่ขยายใหญ่ของโคงามิที่ยังฝังอยู่ในร่างของเขานั้นมันจะมีขนาดลดลง

ท่อนแขนแข็งแรงอุ้มร่างของเขาขึ้นก่อนจะตรงดิ่งไปที่เตียง เสื้อโค้ทสีดำยังคงติดอยู่ที่ไหล่ของเขา

“ คะ  โคงามิ....”       สองขนดึงรั้งคอของอีกฝ่ายลงมา เสียงที่เปล่งออกไปผสมผสานไปกับเสียงหอบ เพราะรู้ดีว่าจากนี้ไปจนกว่าจะเช้า เขาคงจะแทบไม่มีสติอีกด้วยมือของเจ้าโคงามิ

เพราะฉะนั้นเลยอยากจะบอกออกไปเสียก่อน

“ ฉันไปอยู่ที่กรมกับแกไม่ได้...และแกก็ออกมาอยู่ที่นี่ถาวรไม่ได้....แต่วันไหน....ถ้าชั้นติดเวร...แกก็มาเลี้ยงเจ้าโคยะให้ฉันด้วยก็แล้วกัน”      นัยน์ตาสีดำเบิกกว้าง แววหม่นๆที่มันปกคลุมนัยน์ตาของโคงามิอยู่ดูเหมือนจะค่อยๆละลายหายไป

“ ถ้าแกกังวลเหมือนที่พ่อฉันเป็น....ก็เลิกคิดเรื่องนั้นไปได้แล้ว ถึงฉันจะยังโกรธแกอยู่แต่ก็ไม่เคยคิดว่าการที่แกยอมเป็นอาชญากรเพื่อเพื่อนของแกมันจะทำให้แกตกต่ำลง”       ใบหน้าเรียวเสมองไปข้างๆ เพราะเขินจนไม่อาจจะมองสบกับสายตาที่จ้องมองลงมาด้วยความดีใจนั่นได้

“ กิโนะ....”       อ้อมแขนแข็งแรงตวัดตัวเขาเข้าไปกอดแน่น ริมฝีปากรสบุหรี่กดจูบไปตามใบหน้าและลำคอของเขา

“ โนบุจิกะ....”        ชื่อที่ถูกเรียกซ้ำไปซ้ำมาราวกับว่ามันคือตัวแทนคำขอบคุณ ใบหน้าเรียวที่เกยอยู่ที่ไหล่หนายิ้มบางๆออกไปเพราะหัวใจมันไม่ได้รู้สึกอบอุ่นแบบนี้มาเกือบสามปี



วันพรุ่งนี้....ค่าไซโครพาสของเขาคงจะลดลงอย่างแน่นอน....











จะลดลงแน่เร๊อะ?!!

กิโนะสะ โนบุจิกะ นั่งกุมขมับอยู่ที่โต๊ะทำงานของตัวเองด้วยใบหน้าเครียดจัด

จะไม่ให้เครียดได้ไงในเมื่อเงยหน้าจากโต๊ะเมื่อไหร่ก็จะได้เห็นใบหน้าบานแฉ่งของเจ้าโคงามิที่อยู่ในเสื้อโค้ทสีดำคอตั้งขนฟูตัวนั้น...ใช่....ตัวที่ถูกหมอนั่นจับใส่ตอนมีเซ็กซ์เมื่อคืนนั่นแหละ!

ไอ้บ้านั่น...มันหน้าหนาจนไม่รู้สึกอายอะไรบ้างเลยหรือไงนะ!

“ โอ้! สีหน้าดีขึ้นแล้วนี่โค? เพราะมีคนซื้อเสื้อใหม่ให้งั้นหรอ?”       มาซาโอกะ โทโมมิ ที่เพิ่งเดินเข้ามาเอ่ยทักโคงามิ ก่อนจะเหลือบมองมาที่เขาด้วยรอยยิ้มกริ่ม


จริงๆนั่นแหละ....


ยังไงซะไอ้พวกอาชญากรมันก็ไว้ใจไม่ได้!!


โดยเฉพาะไอ้เจ้าอาชญากรสองตัวนี้ที่มันคอยปั่นป่วนหัวใจเขา!!





.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.

To be Con.(ละมั้ง กร๊ากกก)



แปะรูปมาสคอตกรมตำรวจก่อนเผื่อใครนึกไม่ออก 5555 ชอบอ่ะ...หน้ามันแฉ่งดี >w<...แล้วคิดว่าอย่างคุณโคกับกิโนะต้องอยู่ในนี้ดิ....น่าร้ากกกกกก



จริงๆยังชอบดีไซน์ของโดรนในเรื่องนี้อีกหลายตัวเลยค่ะ โดยเฉพาะไอ้ตัวที่อยู่ในสถานบำบัดที่คุยกับยาโยยเรื่องบริการยืมของนั่นน่ะ หน้าตาอย่างกวน555


ส่วนฟิค....= =”....มันก็ยังเป็นฟิคมึนๆอีกตามเคยเนอะคะเรื่องนี้ ฮ่าๆๆๆ (โดนตบ!) ต้องขออภัยไว้ล่วงหน้าถ้าหากว่ามันจะจับต้นชนปลายไม่ค่อยจะถูก แง๊~~ ไม่ค่อยมีอะไรแต่ก็อยากแต่งอ่ะ T^T แล้วดูตอนที่ 14 นะ เคะคุณโคแต่ละคนอย่างโมเอ้อ่า.....สครีมสุดตัวไปแล้วในเฟส เพราะงั้นที่นี่ขอแปะรูปเบาๆ เอาอีกช็อตที่ชอบมากๆแล้วกัน กร๊ากกก กิโนะตกใจได้อย่างโมเอ้ >////<





แล้วเจอกันตอนหน้าค่า



6 ความคิดเห็น:

  1. ขอบคุณที่แต่งฟิคเรื่องนี้ค่ะ พอเปิดมาเจอแล้วดีใจมากๆ เลยโดยเฉพาะคู่นี้เป็นคู่เมนของเราเลย รักสองคนนี้มากถึงตอนแรกๆจะหมั่นไส้ความเกรียนของกิโนะ แต่ยังไงก็ยังน่ารักอยู่ค่ะดีเคะราชินีนี่เนอะซึน+ปากร้าย เชิด หยิ่งแต่ใจจริงน่ารัก หุหุ อ่านฟิคแล้วรู้สึกว่าเข้ากับเรื่องหลักดีจัง สนุกมากเลยค่ะ แต่งต่อไปอีกนะคะ

    ตอบลบ
  2. //สลบจมกองเลือด

    ให้ตายดิ่โคงามิ!!! พูดมาแต่ละคำนี่ส่อทั้งนั้น ทำเอาอ่านไปปาดเลือดไปเลย

    จะเซ็กซี่ก็ให้มีลิมิตบ้างเซ่!!!!!! มากแบบนี้แม่ยกจะขาดเลือดตายเอาน้าาาาา

    อร๊ายยยยยยยยยยยยยยยย

    น่ารัก น่ารัก น่ารัก น่ารักมากๆๆๆๆ

    ตอนนี้กิโนะซื่อตรงกับใจตัวเองมากขึ้น เป็นผลจากที่โดนคุณโคกดเมื่อตอนที่แล้วสินะ

    ลุงมาซาโอกะคะ ลุงน่ะ...พออยู่กับโคงามิทีไร รู้สึกเลยว่าต้องเป็นตัวป่วนที่ทำให้กิโนะปวดหัวได้แน่ๆ

    โอ้ยยย น่ารักเกินไปแล้วววววววววว

    ตอนแรกไม่ค่อยชอบคู่นี้นะ ชอบคู่โคงามิกับมาคิชิมะมากกว่า แต่ตอนนี้...เทใจให้เป็นอันดับหนึ่งไปแล้วววววว

    ...สครีมยังไงดี แบบตอนนี้้รู้สึกว่าโคงามิจะหื่นกว่าตอนที่แล้วนะ //โดนซ้อม

    ให้ตายสิ เซ็กซี่ไปน้าาาาาาาาา โคงามิซัง

    รอตอนต่อไปน้าาา

    ตอบลบ
  3. อยากจะเม้น แต่ไม่รู้จะพิมพ์อะไร ขอกรี๊สอย่างเดียวได้มั๊ยคะ กรี๊สสสสส!!!
    อ้ากกก!!! โคกิโนะ โคกิโนะ โคกิโนะ!!!
    บ้าไปแล้ว 555
    ตอนนี้อ่านแล้วอารมณ์ดี ยิ้มไม่หุบเลย กับความน่ารักของหนูโนะ ไม่มีเคะคนไหนในไซโคพาส
    น่ารักน่ากดเท่าคนนี้อีกแล้วว!!!
    สู้ ๆ นะคะพี่กวาง พี่กวางทำให้คนอ่านอย่างหนูเริ่มมีแรงบันดาลใจ
    จากคนอ่าน เริ่มจะเป็นคนเขียนแระ แต่หนูเขียนในเด็กดี (เพราะไม่แต่ง nc)
    ว่างๆ ก็แวะเข้ามาดูผลงานหนูได้นะคะ เพิ่งเขียนได้ไม่กี่วันมานี้เอง เป็น All59 ค่ะ

    http://writer.dek-d.com/zzz31/writer/view.php?id=902724

    ไอดอลอ่าาา >_<

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ขอบคุณมากๆเลยนะคะ >////<

      เดี๋ยวแอบย่องตามเสียงเรียก(?)ไปน้า

      ลบ
  4. คุณโคลามกกกกกกกก แถมผู้ชายคนนี้ยังหึงกระทั่งหมา5555555
    ให้กิโนะใส่เสื้อไว้ตอนนั้น เวลาตัวเองใส่จะได้มีกลิ่นหรือไงกันคะ ฮาาา

    กิโนะน่ารักอ่ะค่ะคุณกวาง น่ารักทุกท่วงท่าและการกระทำ(เอ๊ะๆ กลับมาก่อน555)
    ตอนที่คิดว่าปรึกษาพ่อไม่ได้ แต่พ่อกลับรู้ทุกอย่างเนี่ย จะขำก็ขำ จะสงสารก็สงสารนะคะ ต้องเขินมากแน่ๆเลย
    ทำไมกิโนะของคุณกวางดูน่ารังแกขนาดนี้>w<

    ตอบลบ