KW Original [พ่อใหญ่xกลิ่นแก้ว] คู่ชีวิต : 02
:
KW Original เป็นนิยายออริของคุณกวางเองค่ะ ไม่ใช่ฟิคชั่นน้า
:
พ่อใหญ่ x กลิ่นแก้ว
:
Period Romantic Drama
:
NC-17
คำเตือน :
เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย
หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ
: เนื้อเรื่องต่อไปนี้เป็นเพียงเรื่องที่แต่งขึ้น
ไม่เกี่ยวกับสถานที่หรือบุคคลใด
: อาจมีคำพูดหยาบคายและไม่เหมาะสม
โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
โลงศพถูกตั้งไว้ที่บ้านเพื่อสวดพระอภิธรรมเป็นเวลาสามคืน
บัดนี้บ้านที่เคยครึกครื้นกลับดูเงียบเหงาลงไปถนัดตา
ทุกตารางนิ้วเต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งความโศกเศร้า
ขนาดเด็กที่ซุกซนอย่างเจ้าแก้วยังมีสีหน้าหม่นหมองและขอบตาก็ยังแดงช้ำอยู่ตลอดเวลา
“มีร่องรอยของผีพรายเต็มไปหมด
รอยที่ทิ้งไว้ที่ขาและข้อเท้านั่นยิ่งชัดเจน”
ร่างเล็กแอบฟังที่พ่อกับพระอาจารย์ของพี่บัวคุยกันอยู่ที่ม้านั่งตัวหนึ่งบนชานเรือน
ก่อนหน้านี้ยังมิมีใครรู้ว่าเหตุใดคนที่ว่ายน้ำเก่งอย่างพี่บัวถึงไปตายอยู่ในคลองได้
แต่ตอนนี้...คงจะสรุปได้แล้วสินะ
“เป็นไปได้ว่าลูกชายของเจ้าน่าจะไปลองใช้คาถาสะกดวิญญาณกับพวกผีพราย
แต่ช่วงนี้ร่างกายของเจ้าบัวมิได้แข็งแรงพอที่จะรั้งคาถาไว้ได้...เลยถูกพวกผีพรายเล่นงานกลับ...เจ้าก็รู้ว่าผีพรายนั้นอันตรายมาก
จริงอยู่ที่หากมีตัวเดียวกำลังของมันอาจจะไม่มาก
แต่ความร้ายกาจคือมันมักจะรวมตัวอยู่เป็นฝูง
และเราก็มิอาจรู้ได้เลยว่ามันมีจำนวนมากเพียงใด” พ่อที่ได้ฟังก็นิ่งอึ้งไป
“ทั้งๆที่เขารับปากข้า...ว่าจะเพลาเรื่องการฝึก...แต่กลับแอบไปใช้คาถานอกบ้าน...” พ่อก้มหน้าลงไปบนสองฝ่ามือของตัวเอง
ไหล่กว้างใหญ่พยายามกลั้นลูกสะอื้นเอาไว้ พ่อคงโทษตัวเองที่มิอาจหยุดยั้งพี่บัวได้
“ข้าเสียใจด้วยจริงๆ
เขาเป็นศิษย์ที่ดีที่สุดคนหนึ่งของข้าเลยก็ว่าได้ ช่างน่าเสียดาย” พระอาจารย์ตบไหล่พ่อปุๆ
เขาได้แต่ยืนนิ่งพิงผนังอยู่อย่างนั้น
ภาพของพี่บัวยังคงชัดเจนอยู่ในบ้านหลังนี้ไม่ว่าจะมุมซอกหลืบไหน แค่คิดว่าเมื่อวันก่อนร่างสูงยังเดินไปเดินมา
น้ำตา...ก็พาลจะไหลลง...
“นั่นท่านโหรหลวงนี่?”
แต่แล้วเสียงอื้ออึงก็เรียกให้ใบหน้าเล็กเงยขึ้น...เพื่อที่จะได้เห็นร่างของคนสองคนเดินขึ้นบันไดมา...
คนหนึ่งเป็นชายสูงวัยผมสีดอกเลา
การแต่งตัวดูมียศถาแต่ใบหน้ากลับไว้เครายาว
นั่นน่าจะเป็นพระยาโหราธิบดีหรือท่านโหรหลวงที่ผู้คนกล่าวขาน ท่านมีส่วนร่วมในการทำงานของพ่อเขามิใช่น้อย
เพราะไม่ว่าเพชฌฆาตจะขยับตัวทำอะไรย่อมต้องให้สำนักโหราจารย์ดูฤกษ์งามยามดีให้
พ่อเขาจะรู้จักกับอีกฝ่ายคงไม่แปลก
ส่วนอีกคนที่เดินตามหลังมาติดๆเป็นเด็กชายที่น่าจะรุ่นราวคราวเดียวกับเขา
ใบหน้าที่นิ่งสนิทปราศจากอารมณ์ใดๆทำให้เขารู้ได้ทันทีแม้ว่านี่จะเป็นการพบหน้ากันเป็นครั้งแรก...ว่านั่น...คือคู่อริของพี่ชายเขา
ถ้าจำไม่ผิด...เจ้านั่นชื่อใหญ่...
คิ้วเรียวขมวดม้วนเข้าหากันอย่างโกรธเคืองทันที!
ยังมีหน้ากล้ามาเหยียบงานศพของพี่เขาอีกรึ?!
มือเล็กกำหมัดแน่นแต่ก่อนที่จะได้ก้าวขาไปเอาเรื่อง
เสียงของแม่ก็ห้ามปรามเอาไว้เสียก่อน
“เจ้าแก้ว...พระใกล้จะสวดแล้ว
มานั่งกับแม่สิ...”
เป็นเพราะเสียงอันอ่อนระโหยโรยแรงของแม่ทำให้เขามิอาจดื้อรั้นได้ลง
ร่างเล็กจึงกระแทกเท้าปึงปังเดินไปนั่งลงแถวหน้า
สายตาไม่พอใจตวัดมองเด็กผู้ชายคนนั้นเขม็ง...ตั้งแต่ที่อีกฝ่ายเดินไปจุดธูปเคารพศพ
ก้มลงไปกราบขอขมาพี่ชายเขา
จนกระทั่งเดินไปนั่งลงข้างๆท่านโหรหลวงที่เป็นประธานของการสวดในคืนนี้
แล้วตลอดเวลาที่พระสวดพระอภิธรรม
ด้านหลังเขาก็มีเสียงซุบซิบนินทาว่ามาไม่ขาด
“นั่นไงพ่อใหญ่...ลูกชายท่านโหรหลวง
คนที่เป็นคู่เพชฌฆาตกับพ่อบัว”
“ที่เขาว่ากันว่าเป็นเพราะพ่อบัวถูกดวงชะตาของเด็กคนนั้นข่มเอาถึงได้เป็นเช่นนี้ใช่ไหม?”
“ใช่สิ
ทั้งสำนักรู้กันดีว่าลูกชายของท่านโหรมิใช่ดวงเพชฌฆาตธรรมดาแต่เป็นดวงมัจจุราชเลยด้วยซ้ำ
ใครอยู่ใกล้ก็มีอันแพ้ภัยล้มหายตายจากไปเองแทบทั้งนั้น
ขนาดตอนเกิดมาคนเป็นแม่ยังทนไม่ไหวคลอดลูกจนตายไปอย่างไรเล่า”
“น่ากลัวจริงๆ
พ่อบัวนี่ตอนเกิดมานับว่าดวงแข็งที่สุดในบ้านแล้วมิใช่รึ?
ตอนนั้นทั้งตระกูลยังดีใจกันยกใหญ่ แล้วดูตอนนี้สิ...”
“คิดดูเถอะว่าลูกท่านโหรต้องขนาดไหน...คนดวงแข็งอย่างเจ้าบัวยังสู้มิไหว”
ใบหน้าเล็กไม่มีสมาธิกับการฟังสวดพระอภิธรรมเลยเพราะสองหูรับมาแต่เสียงนินทาจากด้านหลัง...เขาเพิ่งรู้เลยนี่แหละ...ว่าคู่แข่งของพี่บัวเป็นถึงคนที่มีดวงแข็งแกร่งขนาดนั้น
ภาพความทรงจำเกี่ยวกับพี่ชายถูกนึกทบทวนขึ้นมาอีกครั้ง...ช่วงหลังๆสภาพพี่เขาก็เหมือนคนโดนของจริงๆ
ใบหน้าดำคล้ำไม่สดใสร่าเริงเหมือนเดิม ไม่มาเล่นกับเขา วันๆเอาแต่หมกมุ่นอยู่กับตำราคาถาอาคมจนตีกลับเข้าตัวก็มี
หรือทั้งหมดนี้จะเป็นเพราะเจ้านั่นจริงๆ?
เขาเก็บความคับแค้นใจจนการสวดพระอภิธรรมจบลงด้วยดี
ตอนนี้จึงเป็นการเลี้ยงอาหารว่างให้กับแขกเหรื่อที่มางาน
ดวงตากลมใสจ้องเขม็งมองเจ้าคนหน้าไม่อายซึ่งบัดนี้นั่งกินขนมบัวลอยอยู่ที่ชานเรือนตามลำพังเพราะท่านโหรหลวงไปคุยกับพ่อของเขาอยู่ที่ริมระเบียง
สองขาจึงเดินตรงดิ่งไปหาเจ้าหมอนั่นทันที
คนอย่างไอ้แก้วเคยกลัวใครเสียที่ไหน ดวงมัจจุราชแล้วอย่างไร?!
โครม!!
ถ้วยบัวลอยในมือเล็กโยนโครมลงไปตรงหน้าที่เด็กชายนั่งอยู่
ถ้วยกระเบื้องเคลือบสีเขียวไข่กากลิ้งกระเท่เร่ น้ำกะทิสีขาวจึงกระเด็นสาดไปทั่วเลอะเทอะไปหมด
“เจ้าทำให้พี่ชายข้าตายยังมีหน้ามานั่งอยู่ตรงนี้อีกรึ?!” เจ้าแก้วตะโกนใส่ทันทีอย่างไม่มีเก็บอาการ
สีหน้าแสดงออกว่าโกรธเกลียดหนักหนา
“ออกไปจากบ้านข้า!
ออกไปจากงานศพพี่ข้าเดี๋ยวนี้!!” เด็กชายออกปากไล่ ต่างจากเจ้าใหญ่ที่ยังเงยหน้ามองอย่างอึ้งๆ
เรื่องโดนซุบซิบนินทาหรือว่าร้ายลับหลังนั้นเขาผ่านมันมามาก หากแต่กลับไม่เคยมีใครกล้าเข้ามาหาเรื่องเขาตรงๆเช่นนี้มาก่อน
นี่จึงเป็นครั้งแรก...
“เจ้าแก้ว!
อย่าเสียมารยาทสิ!”
แม่กิ่งรีบเข้ามาห้ามปรามพลางหันมาพยักหน้าขอโทษเขาด้วยสีหน้าอ่อนแรง
“บอกให้ออกไปไง!
บ้านข้าไม่ต้อนรับเจ้า!”
แต่เจ้าเด็กตัวเล็กบางนั่นยังไม่ยอมแพ้แม้จะถูกผู้เป็นแม่จับตัวเอาไว้
ทั้งแขนทั้งขายังเอื้อมออกมาหมายจะกระชากหัวเขาให้จงได้...น่าแปลก...ที่เขากลับมองใบหน้าโกรธแค้นนั้นด้วยดวงตาเป็นประกาย...
“เกิดอะไรขึ้น?
เจ้าแก้ว หยุดนะ!”
คราวนี้ก็ถึงมือผู้เป็นพ่อจนได้ ร่างสูงใหญ่ของพ่อมิ่งยึดตัวลูกชายเอาไว้ถนัดมือจนเด็กคนนั้นดิ้นไม่หลุดแต่กระนั้นก็ยังไม่ยอมลามือง่ายๆ
ใบหน้ารูปไข่ยังแยกเขี้ยวยิงฟันใส่เขาราวกับลูกหมาดุๆ
ดื้อมาก...แต่ก็...
เขามองภาพตรงหน้าอย่างอึ้งๆ
กว่าจะรู้ตัวว่าพ่อของเขาก็เดินตามพ่อมิ่งมาด้วยก็เมื่อร่างสูงวัยนั่นมายืนคั่นกลางระหว่างเขากับเด็กคนนั้นแล้ว
“นี่ลูกชายคนรองของเจ้ารึ?” ท่านโหรหลวงมิได้มีท่าทีใส่ใจในความเสียมารยาทของเด็กชาย
แต่กลับมองด้วยสายตาเอ็นดู
“ขอรับ” พ่อมิ่งจับลูกชายหลบไปด้านหลัง
มิรู้ว่าอยากซ่อนไว้หรือกลัวเด็กคนนั้นจะพุ่งใส่เขากันแน่
“มีดวงเพชฌฆาตเช่นเดียวกันใช่หรือไม่?” ผู้ใหญ่ทั้งสองสนทนากันด้วยคำพูดถ้อยทีถ้อยอาศัย
ดูเหมือนพ่อมิ่งจะมิได้เข้าใจเขาผิดอย่างที่คนอื่นๆเป็น
“...ขอรับ” แต่พ่อมิ่งดูเหมือนจะไม่อยากบอกใครนักว่าลูกชายอีกคนก็สามารถเป็นเพชฌฆาตได้...จากหัวใจของพ่อที่ต้องสูญเสียลูกชายไปก็พอจะเข้าใจได้ว่าเหตุใดจึ่งหวงแหนลูกชายคนที่เหลืออยู่
“...เช่นนั้นอีกไม่นานคงได้เจอกัน
ยังไงเสียผู้เป็นพี่ชายก็ตายไปแล้ว
คนที่จะต้องรับหน้าที่นี้ต่อก็คงไม่พ้นเด็กคนนี้ใช่หรือไม่” พ่อเขามองเด็กคนนั้นด้วยสายตาอ่อนโยน
เพราะอย่างไรเสียเด็กที่มีดวงเพชฌฆาตนั้นใช่ว่าจะหาได้ง่ายๆ
ขนาดในสำนักของพระอาจารย์ยังมีเพียงเขากับพี่บัวที่ตายไปแค่สองคนเท่านั้น...เด็กคนนี้...แทบจะไม่มีโอกาสปฏิเสธเลย
“...ขอรับ” พ่อมิ่งเสสายตามองพื้นราวกับไม่อยากจะรับคำ
“เจ้าเขียนเวลาตกฟากของเขาให้ข้า
ข้าจะหาทางช่วยเอง” ท่านโหรหลวงพูดด้วยน้ำเสียงเป็นกันเองและอยากช่วยเหลือจากใจจริง
“ขอบคุณขอรับ” พ่อมิ่งกล่าวด้วยน้ำเสียงซาบซึ้ง
“อย่างไรก็คงหลีกเลี่ยงกันไปมิได้
ถือว่าเจ้าสองคนดวงสมพงษ์ให้ได้มาพบเจอก็แล้วกัน” ท่านโหรหลวงค่อมตัวลงไปลูบหัวเด็กชายที่ยังมองตรงมาด้วยสายตาแข็งกร้าวก่อนจะหันมาพูดกับเขาราวกับอยากจะช่วยสานสัมพันธ์
เขามองสวนสายตาดุร้ายนั่นกลับไปด้วยความรู้สึกแปลกๆในใจ...เขา...ไม่เคยรู้จักกับความรู้สึกแบบนี้มาก่อนเลย...?
สองพ่อลูกขอตัวลากลับไป
และเจ้าใหญ่ก็รู้ด้วยว่ามีสายตาจ้องมองตนเขม็งราวกับจะกินเลือดฉีกเนื้อออกเป็นชิ้นๆ
“เรื่องนี้อย่างไรก็ต้องคุยกับเจ้าเข้าสักวัน...เจ้าแก้ว...แต่ถ้าเจ้าไม่อยากเป็นเพชฌฆาตพ่อก็จะไม่บังคับ” พ่อมิ่งหันไปพูดกับลูกชายที่ยังยืนฮึ่มๆอยู่ข้างกาย
เอาจริงๆข้าก็ไม่อยากเสียลูกชายไปอีกคนหรอก เห็นได้ชัดว่าสาเหตุการตายของเจ้าบัวคงหนีไม่พ้นลูกชายของท่านโหรหลวงเป็นแน่
ถึงเด็กคนนั้นจะไม่ได้ทำอะไรเลยแต่แค่การมีอยู่ของเด็กคนนั้นก็รุนแรงพอจะทำให้คนรอบข้างฉิบหายได้แล้ว
ถึงเขาจะไม่ได้โทษเด็กคนนั้นแต่ก็ไม่อยากให้เจ้าแก้วไปอยู่ใกล้
“ไม่...
ข้าจะเป็นเพชฌฆาต ข้าจะสั่งสอนเจ้านั่นแทนพี่บัวเอง!”
แต่ผู้เป็นลูกชายกลับตอบด้วยสายตามุ่งมั่นและนั่นก็ทำให้เขาทั้งหนักใจและโล่งใจไปในคราเดียวกัน
ที่ว่าโล่งใจเพราะถึงอย่างไรตระกูลของเขาก็เป็นตระกูลเพชฌฆาต
ผลิตเพชฌฆาตมือดีมาไม่รู้กี่ชั่วคน
ฉะนั้นจึงถูกคาดหวังและกดดันให้รับหน้าที่นี้ต่อไป
ต่อให้จะมีตัวสำรองมากมายแต่ตำแหน่งเพชฌฆาตตัวจริงหนึ่งในสองดาบก็จะถูกวางไว้ให้เป็นของคนของตระกูลเขาเสมอ
เขาจึงมิอาจปล่อยให้รุ่นต่อไปเว้นว่างได้
หากเจ้าแก้วงอแงไม่ยอมทำอย่างที่เขาเคยคิดเอาไว้ก็คงต้องไปหาเด็กสักคนจากในบรรดาเครือญาติกันซึ่งก็มิได้หาคนที่จะมีดวงเพชฌฆาตโดยตรงแบบนี้ได้ง่ายๆ
เพราะฉะนั้นเมื่อเจ้าแก้วตกลงปลงใจที่จะรับหน้าที่นี้ให้ เขาจึงโล่งใจ
ส่วนที่หนักใจก็คงไม่พ้นดวงมัจจุราชของลูกชายท่านโหรหลวงนั่นแหละ
เขาย่อมต้องกลัวประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยอยู่แล้ว
ขนาดเจ้าบัวที่ดวงแข็งเสียยิ่งกว่าเขายังพ่ายแพ้ไม่เป็นท่า...
เห็นที...คงต้องคอยเฝ้าดูอย่างใกล้ชิดเสียแล้ว
เรือของพระยาโหราธิบดีค่อยๆลอยออกจากท่าน้ำบ้านงานศพ
สองพ่อลูกนั่งอยู่ในเรือลำเดียวกันโดยบ่าวไพร่ที่ติดตามมาอยู่ในเรืออีกลำ
“พ่อใหญ่
อย่างไรก็ผูกมิตรกับเด็กคนนั้นเสีย อย่าได้เก็บเรื่องในวันนี้มาใส่ใจ เพราะอย่างไรเด็กคนนั้นก็คงเข้ามาทำหน้าที่เพชฌฆาตแทนพี่ชาย
ต้องอยู่กับเจ้าไปอีกนาน” ผู้เป็นพ่อกล่าวด้วยความเป็นผู้ใหญ่และเด็กชายก็พยักหน้ารับคำ
“ขอรับ” ใบหน้าคมคายร้อนผ่าวน้อยๆอย่างไม่รู้สาเหตุ
น่าแปลกที่ท่าทางเกรี้ยวกราดของเด็กคนนั้นยังคงติดอยู่ในใจ
มันเป็นความรู้สึกที่มิเคยได้รับจากใครมาก่อน...จะบอกว่าประทับใจก็คงจะประหลาดเกินไป?
เด็กชายได้แต่เอียงหัวอย่างสงสัยก่อนจะมองสายน้ำที่เคลื่อนผ่านไปช้าๆ
กว่าพ่อใหญ่จะเข้าใจว่าความรู้สึกนั้นคือรักแรกพบ...ก็คงจะอีกนาน...
ร่างของเจ้าบัวถูกฝังให้หลับใหลชั่วกัปชั่วกัลป์อยู่ในป่าช้าหลังวัดโคกศิลา
วัดที่เจ้าแก้วไปร่ำเรียนกับหลวงตา และต่อจากนี้ก็คงจะมิได้ไปอีกแล้ว...
เพราะตั้งแต่เดือนหน้าเป็นต้นไป
สถานที่ที่เขาจะต้องไปเล่าเรียนศึกษา ก็คือที่สำนักครูเพชฌฆาต
แต่ก่อนหน้านั้น
“พ่อ! เอาตำราคาถามาสิ
ข้าจะอ่านเตรียมพร้อมไว้ก่อน ข้าจะเอาชนะเจ้าดวงมัจจุราชนั่นให้ดู! ฮึ!”
เจ้าแก้วพูดอย่างกระตือรือล้น
ซึ่งพ่อมิ่งก็เอาตำราคาถาสำหรับเพชฌฆาตมาวางให้แล้วก็มองอย่างหวาดหวั่นระคนเป็นห่วง
“อย่าฝืนเกินไป
เข้าใจหรือไม่?”
“รู้แล้วน่า”
เจ้าแก้วตอบก่อนจะรับตำราคาถาตั้งเบ้อเริ่มไปเปิดอ่าน เขามองอย่างกังวล เพราะภาพเจ้าบัวที่จริงจังกับการต่อสู้นั้นยังติดตาเขาอยู่
พ่อมิ่งถอนหายใจก่อนจะเดินไปๆมาๆระหว่างใต้ถุนบ้านกับต้นกล้วย
“เฮ้อ...” ถ้าจะเป็นเอามากขนาดนี้เข้าไปห้ามเสียดีไหมนะ?
ไม่ให้เป็นมันแล้วดีไหมเพชฌฆาตเนี่ย?
ใบหน้าคมเข้มสะบัดไปมาเพื่อไล่ความประสาทเสียก่อนจะคว้ามีดพร้าขึ้นมา
ไปตัดกล้วยเสียทีเถอะก่อนที่เขาจะเป็นบ้า
หนึ่งชั่วโมงผ่านไป...
พ่อมิ่งเดินเลิ่กลั่กกลับมาพร้อมกล้วยน้ำว้าหนึ่งเครือบนไหล่
สองขารีบจ้ำอ้าวกลับมาดูลูกชายด้วยความเป็นห่วง
ทว่า...
สิ่งที่เขาเห็นมิใช่เจ้าแก้วที่มีสีหน้าเคร่งเครียดกระอักเลือดแดดิ้นอยู่ที่พื้น...แต่เป็นเจ้าแก้วที่กำลังหลับน้ำลายยืดคาตำราคาถาที่ถูกกางเอาไว้เต็มไปหมด...
“........” เขายืนอ้าปากค้าง ก่อนจะได้ยินเสียงแม่กิ่งยืนขำอยู่ข้างๆ
“คิก...พี่ว่าจะไหวหรือไม่
เจ้าลูกชายของพี่คนนี้?”
“......นั่นสิ” ทำเป็นพูดเสียดิบดีว่าจะเอาชนะลูกชายท่านโหรหลวงให้ได้
แต่ยังไม่ทันไรก็ล้มเลิกเสียแล้ว? เขาควรจะดีใจในความไม่เอาไหนของเจ้าแก้วหรือควรจะปวดหัวดี?
“พี่ก็อย่าไปคาดหวังอันใดมากเลย
ก็รู้อยู่ว่าเจ้าลูกคนนี้เคยอดทนกับสิ่งใดได้บ้าง
คงจะเล่นสนุกสักวันสองวันแล้วก็เลิกไปเอง พี่ไปหาลูกๆของพี่หมายดีหรือไม่
อาจจะมีเด็กที่ดวงแบบนี้สักคนสองคน อย่างไรเสียก็เป็นคนตระกูลเรา”
“ข้าก็ว่า...”
มือใหญ่ดึงตำราพรึ่บออกมาจากใบหน้าเล็กก่อนที่น้ำลายจะหยดแหมะให้คาถาอันศักดิ์สิทธิ์ต้องมีอันแปดเปื้อน
นี่มันสมุดข่อยที่ตกทอดจากบรรพบุรุษเชียวนะ~
นี่มันสมุดข่อยที่มีอายุเป็นร้อยปีเชียวนะ~ เจ้าแก้ว~
แล้วก็ดู๊ดู
ขนาดนี้ก็ยังไม่ตื่นเลยนะเจ้าตัวดี เฮ้อ...เอาความกังวลที่เสียเปล่าของเขาคืนมา!
“คร่อก~” ยังมีหน้ามาขานรับอี๊ก!
ตัดภาพไปที่ท่านโหรหลวงซึ่งกำลังเอาดวงชะตาเวลาตกฟากของเจ้าแก้วไปตรวจดู...
หลังจากขีดเขียนตัวเลขลงไปในกระดานชนวน
ดวงตาที่อยู่ใต้คิ้วดกหนาก็ถึงกับเบิกขึ้นอย่างประหลาดใจ
หากดวงชะตาของพ่อใหญ่ว่าหายากแปลกประหลาดแล้ว...
ดวงของเด็กคนนี้ยิ่งประหลาดกว่า?
เขาไม่เคยเห็นดวงเพชฌฆาตที่ชวนสงสัยและสับสนวุ่นวายแบบนี้มาก่อน?
“...?”
มือที่เต็มไปด้วยริ้วรอยลบแล้วก็เขียนใหม่เพราะกลัวว่าจะเขียนสิ่งใดผิดพลาดไป
ทว่า ดวงชะตาก็ยังออกมาเหมือนเดิม?
มันไม่ใช่ดวงที่แข็งแกร่งดั่งหินผาแต่ก็หาได้อ่อนแอเหลาะแหละ
เป็นดวงที่สามารถขึ้นถึงจุดที่สูงที่สุดได้แต่ก็อาจจะไม่ขึ้นไปด้วยตัวเอง?
คิ้วหนาขมวดมุ่นอย่างมึนงง
หรือดวงแบบนี้จะเป็นดวงเกื้อหนุน? มิใช่แข็งปะทะแข็งอย่างที่ผ่านมา?
มือที่เต็มไปด้วยริ้วรอยแห่งวัยขีดเขียนเวลาตกฟากของบุตรบุญธรรมลงไปข้างๆกันก่อนจะประหลาดใจยิ่งกว่า
“นี่มัน...?”
มือลูบเครายาวอย่างไม่รู้ว่าควรจะหัวเราะชอบใจหรือขว้างกระดานพวกนี้ทิ้งดี
ก็ถ้าลูกของพ่อมิ่งเป็นอิสตรี...คงเรียกได้ว่านี่คือ
“ดวงเนื้อคู่” ไม่ผิดแน่
แต่อย่ากระนั้นเลย
เพื่อเป็นการมิประมาทเกินไป ข้าจะผูกดวงให้ทั้งสองคนซ้ำลงไปอีก
แล้วท่านโหรหลวงก็ขีดเขียนอะไรบางอย่างเพิ่มลงไปในกระดานแผ่นนั้น
เพื่อผูกพันดวงชะตาของทั้งสองให้แน่นแฟ้นมิอาจแยกขาดยิ่งกว่าเดิม
.
.
.
.
.
.
โปรดติดตามตอนต่อไป
เป็นยังไงบ้างคะฟิคออริเรื่องที่สองของคุณกวาง555 จากเรื่องแรกที่สโลไลฟ์ใช้ชีวิตเป็นเด็กถาปัดไปวันๆ
พอเรื่องที่สองนอกจากจะโดดไปพีเรียดไทยยังดำเนินเรื่องอย่างไว
ถ้าตามไม่ทันก็อ่านซ้ำอีกรอบนาคะ555 //อินี่...
จริงๆแต่งฟิคพีเรียดมาเยอะแล้วก็ชอบแต่งพีเรียดด้วย
แต่!
นี่คือพีเรียดไทยเรื่องแรกเลยค่ะ ฮื้อออ //กอดขาพ่อใหญ่ของแม่
อาจจะยังมีความงุนงงอยู่บ้าง รอคุณกวางมันปรับตัวซักหน่อยนะคะ555 ถ้าอ่านแล้วเจออะไรที่มันสับสนก็ข้ามไปก่อนนะคะ ^ ^”
เวลาแต่งนี่มือถือไม่ได้ห่างตัวเลยค่ะ ต้องเปิดพจนานุกรมตลอดเวลาถถถ
ความอ่อนด้อยภาษาไทยของตูนี้ พอไม่ได้ใช้นานๆบางทีคำง่ายๆยังเขียนผิดเลยค่ะ
ต้องเช็คกันตลอด แต่ถ้าเจอตรงไหนผิดอีกก็แจ้งกันได้น้า
ส่วนนิยายเรื่องนี้ได้แต่ใดมา...วันหนึ่งนอนฟังอะไรในยูตูบไปเรื่อยแล้วก็ไปเจอเรื่องของเพชฌฆาตสมัยโบราณคือเพิ่งรู้ว่าเค้าต้องทำงานกันเป็นคู่
มีดาบหนึ่งคอยตัดหัว ดาบสองคอยรำหลอกล่อ ตูก็เริ่มเอ๊ะละ ซักพักมีเรื่องดวงเพชฌฆาต
ตระกูลเพชฌฆาต เริ่มมีตัวละครในหัว5555
เริ่มหาข้อมูลชื่อแบบไทย ตำราคาถา รอยสักยันต์นู่นนี่นั่น เป็นเรื่องเป็นราวละตู5555 นะ ก็เลยกลายมาเป็นเรื่อง “คู่ชีวิต” ที่ทุกท่านกำลังอ่านอยู่นี่แล =/////=
ส่วนชื่อเรื่อง
“คู่ชีวิต” มาจากชื่อยันต์ที่ในอนาคตทั้งคู่จะสักยันต์นี้ไว้ที่หลังเหมือนกันค่ะ
แต่มันไม่ใช่ยันต์คู่รักนะ เป็นยันต์คงกระพันใช้ป้องกันศาสตราวุธ ภูตผีปีศาจค่ะ
ความหมายก็คือเป็นยันต์ที่จะอยู่คู่กับชีวิตเรานั่นเอง
จริงๆยัยแก้วตั้งใจจะสักเสือเผ่นและกลัวพระเอกจะแข็งแกร่งกว่าตัวเองเลยบังคับเค้าให้สักเหมือนกัน
แต่พระจารย์เกิดหมั่นไส้ยขึ้นมาเลยสักยันต์คู่ชีวิตให้ทั้งคู่เลย5555 ก็เลยกลายเป็นที่มาของชื่อนิยายเรื่องนี้ค่ะ
เป็นคำพ้องถึงคู่ชีวิตในความหมายถึงความรักด้วยก็ได้ =////=
แล้วก็อย่างที่แจ้งไปว่าเรื่องนี้จะมีการติดเหรียญในอนาคตนาคะ
ฝากสนับสนุนคุณกวางมันด้วยนะค้า ต้องหาเงินไถ่ตัวลูกค่ะ
พออิยิ้มประกาศจะทำด๋อยหนูก๊กเท่านั้นแหละ กุอยู่เฉยๆไม่ได้แร้ววว5555 กราบบบบ แล้วก็อาจจะต้องแจ้งไว้ล่วงหน้าว่าเรื่องนี้จะดราม่าหนักมากนะคะ
แจ้งไว้ก่อนเผื่อนึกเสียดายคอยน์ทีหลัง ^ ^a แต่จบแฮปปี้แน่นอนค่ะ
นังคนแต่งมันก็รักลูกที่มันสร้างขึ้นมานะ อยากให้เค้ารักกันจนชั่วฟ้าดินสลายไปเลย
กร๊ากกก
โอเค
ถ้าใครพร้อมไปต่อก็เจอกันตอนหน้าน้า ตอนหน้ายังไม่ติดเหรียญ
เอาความเกรียนและความน่ารักของยัยนายเอกมาล่อให้อ่านต่อก่อน555
ขอบคุณทุกๆคอมเม้นต์
ทุกๆหัวใจ ทุกๆการติดตามที่มีให้กันมาเสมอนะคะ ฝากกกกแชร์นิยายเรื่องนี้ให้โลกรู้(?)ทีนะคะ
อยากให้มีคนมาอ่านเยอะๆจะได้มีกะลังจัยยย แล้วเจอกันค่า
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น