KW Original [องศาxพายุ] องศา π (พาย) : 15
:
KW Original เป็นนิยายออริของคุณกวางเองค่ะ ไม่ใช่ฟิคชั่นน้า
:
องศา x พายุ , เก้า x เจ้าจอม
, ภาค x กังหัน
:
Warmhearted Romantic
:
NC-17
คำเตือน :
เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย
หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ
: เนื้อเรื่องต่อไปนี้เป็นเพียงเรื่องที่แต่งขึ้น
ไม่เกี่ยวกับสถานที่หรือบุคคลใด
: อาจมีคำพูดหยาบคายและไม่เหมาะสม
โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
ท่านอนคว่ำ...น่าจะเป็นท่าที่ดีที่สุดแล้วในตอนนี้เพื่อที่จะบรรเทาอาการเจ็บก้น
ปวดสะโพก ปวดเมื่อยช่วงล่าง และเคล็ดขัดยอกตามเนื้อตามตัว
ร่างโปร่งจึงปล่อยกายแนบอิงแอบไปกับผ้าห่มผืนหนาที่ขมวดม้วนจนเข้ากับสรีระที่อ่อนล้าของเขามากที่สุด ใบหน้าหมดจดขยับซุกไซร้ลงไปบนผืนผ้านิ่มที่คลุมตัวอยู่ก่อนจะทอดสายตามองไปในอากาศที่ว่างเปล่า...
บอกตามตรงนะว่าเขาไม่เคยมีเซ็กส์หนักหน่วงถึงขนาดลุกไม่ขึ้นแบบนี้มาก่อนเลย
กับแฟนเก่าเต็มที่สองรอบก็หมดแรงต่างฝ่ายต่างแยกย้ายกันแล้ว แต่กับเจ้าเด็กนั่น...ยิ่งทำก็ยิ่งรู้สึกไม่พอ
ยิ่งทำความรู้สึกดีก็ยิ่งทบทวีจนไม่อาจจะละจากกันได้แม้แต่วินาที
ยิ่งทำก็ยิ่งเหมือนมีแรงดึงดูดมหาศาลที่เผาผลาญร่างกายจนเร่าร้อนหลอมรวม ยิ่งทำก็ยิ่งไม่อยากละจากอ้อมแขนของอีกฝ่าย...
อ้า...เขาต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ...เป็นเซ็กส์ที่บ้าคลั่งจนไม่อาจจะยับยั้งชั่งใจได้เลย
แล้วถ้าถามว่าทำไปกี่รอบ....
เขากวาดสายตานับเอาจากจำนวนถุงยางที่ทิ้งอยู่บนพื้นและปลายเตียง...มันเท่าไหร่กันแน่เนี่ย?
ขนาดนับเอาจากหลักฐานที่มองเห็นได้ยังนับไม่ถูกเลย!
เขาตวัดสายตามองไปยังห้องน้ำอย่างนึกเคืองเจ้าคนที่อยู่ข้างใน
เสียงน้ำไหลทำให้รู้ว่าเขาไม่ได้อยู่คนเดียว...ไม่ได้ถูกเด็กนั่นทำเสร็จแล้วก็ทิ้งเอาไว้
แต่ร่างสูงใหญ่ก็ยังมีน้ำใจที่จะรอให้เขาตื่นก่อนแล้วค่อยไป
เด็กหนุ่มกำลังอาบน้ำอยู่...
เขาเผลอหลับไปอีกรอบเพราะความเหนื่อยล้า
กว่าจะรู้สึกตัวอีกทีก็เมื่อมีเสียงสวบสาบกับเตียงที่ยุบยวบไปตามน้ำหนักอยู่ใกล้ๆ
“คุณหมอครับ” เสียงทุ้มดังอยู่ไม่ไกล
“หื๋อ?” และเมื่อเขาพยายามจะลืมตาขึ้นมา
ใบหน้าหล่อเหลานั่นก็ขยับเข้ามาใกล้แสนใกล้
เด็กหนุ่มโน้มตัวลงมาจูบที่ริมฝีปากเขาเบาๆ
ก่อนจะจุ๊บไหล่เปลือยเปล่าแล้วละออกไป
“ผมกลับก่อนนะครับ”
“อื้อ....”
ร่างสูงใหญ่ที่แต่งกายเรียบร้อยลุกจากเตียงไป
“.....” ถ้าจะเรียกมันว่า One Night Stand
ก็อย่ามาจูบลากันแบบนี้สิ
เพราะพอคิดว่าพรุ่งนี้เราจะกลับไปเป็นแค่คนที่เดินสวนกันในโรงพยาบาล
หัวใจก็รู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาอย่างหาสาเหตุไม่ได้
ไม่สิ...บางทีเขาอาจจะรู้สาเหตุของมันอยู่แล้วก็ได้...
เสียดาย
ติดใจ
ไม่อยากจบมันไว้แค่นี้
ถ้าเขาเอ่ยรั้งอีกฝ่ายไว้จะเป็นยังไงนะ?
เด็กนั่น...จะยอมหยุดแล้วหันกลับมามองเขาหรือเปล่า?
แต่ความสัมพันธ์ที่ไม่ได้เริ่มต้นด้วยความรัก...มันจะคงอยู่ได้นานสักแค่ไหนกัน
ดวงตาที่เหนื่อยล้าจึงได้แต่มองตามแผ่นหลังกว้างที่เดินออกจากห้องไปโดยไม่อาจเอื้อนเอ่ยอะไรได้...
ไฟท้ายรถสีแดงลากเป็นเส้นแต่ก็ไม่เด่นชัดเท่าไฟสัญลักษณ์แท็กซี่ที่อยู่บนหลังคารถ
ก่อนที่ทั้งหมดจะค่อยๆไกลห่างออกไปแล้วจางหายท่ามกลางความมืด
ใบหน้าหล่อเหลาภายใต้กรอบผมเดธร็อคก้มมองพื้นถนนที่หลงเหลือไว้เพียงแอ่งน้ำเจิงนอง...เหลืออยู่แค่นี้เองสินะ...หลังจากที่พายุและห่าฝนลูกใหญ่พวกนั้นพัดผ่านไป...
“เฮ้อ...” ร่างสูงยาวนั่งลงที่เบาะรถบิ๊กไบต์ของไอ้เก้าด้วยความรู้สึกที่หนักอึ้งอยู่ในใจ
จากประตูรั้วบ้านเขาเดินมาถึงแค่ใต้ถุนที่จอดรถเท่านั้น
แม้แต่ไฟก็ยังไม่มีกระจิตกระใจเดินไปเปิด ณ.ที่แห่งนี้จึงมีเพียงเงาตะคุ่มๆของเขา
บิ๊กไบต์ของไอ้เก้า กับรถของไอ้พายแค่นั้น
เขาเอนหลังพิงผนังอย่างเหนื่อยล้า
ใบหน้าเงยมองฝ้าเพดานอย่างตั้งใจปล่อยให้ความรู้สึกค่อยๆลอยออกไปเรื่อยๆ
เขากำลังสับสน...ในหัวของเขาเต็มไปด้วยความวุ่นวาย...
เลยว่าจะนั่งอยู่ตรงนี้เพื่อทบทวนเรื่องที่ผ่านมา...
แค่วันนี้วันเดียว...ก็เกิดเรื่องขึ้นตั้งมากมาย
มือของเขาที่จับมือของน้องชายเอาไว้...ใบหน้าของเขาที่ถูกพ่อตบ...แล้วยังอ้อมแขนที่กอดคุณหมอแน่น...อ้อมแขน...ที่แทบจะไม่ได้ปล่อยร่างที่บอบบางขนาดนั้นให้ห่างออกไป
แล้วเรื่องที่ทำให้เขาสับสนที่สุดกลับเป็นเรื่องของคุณหมอ
ทั้งน้องชายทั้งพ่อไม่เคยทำให้ความตั้งใจของเขาสั่นคลอนได้
แต่กับคุณหมอ...มันไม่ใช่...
ยิ่งกอด
ก็ยิ่งรู้ ว่าเขาหวั่นไหว...
เรื่องที่จะประชดพ่อด้วยการหันไปคบกับผู้ชายเป็นความตั้งใจของเขาก็จริง
แต่เพราะมีคุณหมออยู่ตรงนั้นด้วยหรือเปล่าความคิดบ้าๆที่ไร้ความรับผิดชอบแบบนี้ถึงได้ผุดขึ้นมา...
เพราะคุณหมอคือคนที่ยืนอยู่ด้วยกันตรงนั้น...เขาถึงได้คิดจะทำเรื่องแบบนี้ขึ้นมา...
ไม่เช่นนั้น
คนมีตั้งมากมายทำไมเขาถึงได้เลือกคุณหมอล่ะ? ถ้าคิดจะ One Night Stand จริงๆแค่โทรเรียกใครสักคนออกมาหาก็ได้แล้วไหม
เขาไม่ได้ขาดแคลนเลยแม้แต่นิดเดียว ต่อให้เป็นผู้ชายก็มีคนอยากนอนกับเขาอยู่แล้ว
แต่ที่ดึงคุณหมอเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยมันน่าจะเป็นความต้องการลึกๆของเขาเอง
อยากให้คนที่กอดเขา
ปลอบใจเขาคือคุณหมอ ไม่ใช่ใครอื่น...
“ไอ้ภาค?
มึงมานั่งทำไรตรงนี้วะ? ไม่เปิดไฟเนี่ย?”
เสียงที่คุ้นหูดังอยู่ที่หัวบันได เขาหันไปมองแล้วก็เป็นไอ้พายจริงๆ
ใบหน้าสวยๆนั่นชะโงกมองเขาอย่างสงสัยก่อนจะเอื้อมมือไปเปิดไฟ
เอาจริงๆตอนนี้เขาปวดหัวมากนะ
เหมือนมันมีเรื่องให้ต้องคิดเยอะไปหมด แค่เรื่องพ่อกับน้องก็เครียดจะแย่อยู่แล้ว
แล้วนี่...เขาเผลอไปทำเรื่องไม่ดีกับคุณหมอเอาไว้หรือเปล่า? ทำไมถึงเริ่มต้นความสัมพันธ์ด้วยเรื่องแบบนั้นกันนะ?...จะโมโหพ่อก็ไม่ควรเอาไปลงกับคุณหมอสิ...
เพราะงั้น...พอเห็นพวกมันสี่คนก็เลยเหมือนได้เห็นที่พักใจ
เสียงทุ้มจึงเอ่ยปากออกไป
“พาย...มึงมานี่ดิ๊” ไอ้พายเดินเข้ามาหาอย่างมึนงง
หมับ...
แล้วเขาก็ดึงมันมาสวมกอดทั้งที่ยังนั่งพิงอยู่บนเบาะรถมอเตอร์ไซค์
...ซบใบหน้าไว้กับอกของเพื่อน
“มึงเป็นไรเนี่ย?” ใบหน้ามนถามอย่างตกอกตกใจแต่ก็ไม่ได้ผลักไสร่างสูงใหญ่ออกไป
ร่างโปร่งบางเพียงแค่คิดอยู่ในใจ...ปกติแล้วในพวกเราห้าคนไอ้ภาคมักจะเป็นคนที่พึ่งพาได้และมีความเป็นผู้ใหญ่ที่สุดในกลุ่ม
มันไม่เคยทำให้เพื่อนลำบากใจและไม่เคยเอาเรื่องน่าปวดหัวของตัวเองมาเล่าให้ฟัง ใครเลยจะรู้ว่ามันเก็บความรู้สึกอะไรไว้ในใจบ้าง
ท่อนแขนบางจึงได้แต่กอดคอมันเอาไว้
“กู...น่าจะเผลอไปทำเรื่องไม่ดีไว้กับคนคนนึงว่ะ
กูไม่ได้ตั้งใจ...” ถ้าคุณหมอตื่นขึ้นมา...จะรู้สึกแย่ไหมนะ?
เซ็กส์ที่ทำกันมันไม่ได้แย่
ไม่สิ มันดีมากจนเขาแทบจะควบคุมตัวเองไม่ได้ ถึงได้เผลอทำไปมากขนาดนั้น
แต่เป็นความสับสนในใจของเขาตอนนี้ต่างหากที่จะทำให้คุณหมอรู้สึกแย่ เขาใช้อ้อมแขนของคุณหมอเพื่อปลอบใจตัวเอง
เขาไม่ได้คิดจะให้ความสัมพันธ์มันเริ่มต้นด้วยการเป็นคู่นอนแบบนี้สักหน่อย
แต่เพราะอารมณ์ชั่ววูบจึงทำให้ก้าวขึ้นบันไดผิดขั้นไป
ถึงเขาจะไม่ได้เสียใจในภายหลัง
แต่ถึงยังไงเรื่องแบบนี้ก็ยังขัดต่อจิตสำนึกของเขาอยู่ดี เขาไม่ใช่คนที่จะนอนกับใครไปทั่วสักหน่อย
แต่เพราะว่าคนที่ยืนอยู่ตรงนั้นคือคุณหมอต่างหากเขาถึงได้เอ่ยปากออกไป
คุณหมอจะผิดหวังในตัวเขาไหม จะเข้าใจผิดว่าเขาเป็นผู้ชายเฮงซวยคนหนึ่งหรือเปล่า?
เฮ้อ....
“ไอ้ภาค” แล้วในขณะที่ในหัวเขายังวุ่นวาย
ไอ้พายก็เอ่ยเรียกสติเขา
“หื๋ม?”
“มึงก็แค่ไปขอโทษเค้า
บอกเค้าสิว่ามึงไม่ได้ตั้งใจให้มันเป็นแบบนี้ มันจะไปยากอะไรวะไอ้ห่านี่” พายพยายามจะปลอบโยนตามประสาเพื่อน
“แต่ถ้าตอนนี้มึงยังไม่สบายใจ...
อ่ะ มึงกอดกูเลย กอดกูจนกว่ามึงจะใจเย็นลง จากนั้นมึงค่อยๆคิด
ว่ามึงจะทำยังไงกับเค้า”
เขายิ้มบางๆให้กับความแมนของไอ้พาย
ตัวมันก็มีอยู่แค่นี้แต่กลับไม่เคยสับสนกับสิ่งที่ยึดมั่นถือมั่นเลย
เรื่องที่มันกล้าจีบอาจารย์องศานั่นเขาก็นับถือใจมันมากทีเดียว
ส่วนตัวเขา...อาจจะเป็นเพราะความรักครั้งก่อนที่จบไม่สวยด้วยมั้งทำให้เขาปิดกั้นหัวใจของตัวเองมาตลอด
เขาไม่กล้ายอมรับ...ว่าเขาเองก็สนใจคุณหมอเด็กคนนั้นอยู่เหมือนกัน...ถึงได้เฝ้ามองอยู่ห่างๆอย่างไม่คิดจะเอื้อมมือออกไปคว้าเอาไว้มานานขนาดนี้
“พวกมึงทำไรกันอยู่วะเนี่ย?” ไอ้ไม้โผล่หน้าลงมาจากบันไดอีกคน เขากับไอ้พายจึงหันไปมองทั้งที่ยังไม่ละอ้อมแขนไปจากกันและกัน
“ไอ้ภาคมันอกหักว่ะ
กูเลยปลอบมันอยู่เนี่ย” หึ....เขาหลุดหัวเราะออกไป
จู่ๆที่รู้สึกเสียใจอยู่ก็ถูกความบ้าบอของพวกมันเข้ามาแทนที่ ต่อให้เป็นคำพูดตรงๆและไม่รักษาน้ำใจห่าอะไรเลย
แต่ก็นั่นแหละ เพื่อนก็เป็นแบบนี้แหละ
“งั้นกูกอดด้วย” ไอ้ไม้เดินลงมากอดไอ้พายจากข้างหลังเฉย
“มึงกอดกูสิ
กูเป็นคนเศร้านะโว้ย มึงไปกอดไอ้พายมันทำไม”
เขาขำกับความมึนของมัน
“ก็มึงนั่งอยู่แล้วกูจะกอดมึงยังไง?
มึงลุกสิ” ทำไมคนเศร้าอย่างเขาต้องมาเถียงกับพวกมันด้วยเรื่องแบบนี้ด้วยเนี่ย
ฮ่าๆๆ บ้าเอ้ย
“พวกมึงทำเชี่ยไรกันวะ?!
ตลกชิบหาย ฮ่าๆๆๆ” แล้วไอ้ตัวตลาดแตกก็โผล่หัวสีบรอนด์ลงมาอีกคน
“มึงเล่นไรกันน่ะ?
ฮ่าๆๆๆ” ไอ้เก้าที่คงได้ยินเสียงเลยตามมาอีกคน
“แล้วพวกมึงสองตัวจะมากอดกูทำไมเนี่ย! ไปกอดไอ้ภาคสิโว้ย” ตอนนี้ไอ้พายเลยกลายเป็นไส้แซนวิชไปแล้ว
“กูก็ไม่รู้
กูกอดมึงตามไอ้ไม้”
ไอ้ธีร์ตอบอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว
“มึงเลือกตัวอย่างหน่อยเถอะไอ้ห่านี่
ฮ่าๆๆ” เขาอมยิ้มอยู่กับแผ่นอกแบนเรียบของไอ้พาย
บนหัวเขาก็ยังเถียงกันไม่หยุด
อ่า...เขาคิดไม่ออกเลยว่าถ้าเขาไม่มีไอ้พวกนี้คอยดึงรั้งเอาไว้
เขาจะเตลิดเปิดเปิงไปถึงไหน
“ว่าแต่มึงมีเรื่องอะไรเนี่ยไอ้ภาค?
มึงบอกพวกกูซิ”
เก้าชะโงกหน้ามามองเขาอย่างจริงจัง เขาชั่งใจ เดิมทีที่เขาไม่บอกพวกมันก็เพราะไม่อยากให้ต้องมาคิดมากเรื่องของเขา
แต่ตอนนี้กลับเป็นเขาเองที่ต้องการการเยียวยาจากพวกมัน เขาเอง...ก็ทนเก็บไว้ในใจไม่ไหวแล้วเหมือนกัน
เขาอยากให้ใครสักคนรับฟังเขา
“....คือว่า...”
เพราะงั้นเขาจึงตัดสินใจเล่าให้เพื่อนทั้งสี่คนฟังทั้งหมด...ทั้งเรื่องของพ่อ
เรื่องของคุณหมอ...
“โห...มึงนี่เพื่อนเชี่ยจริงๆ
มึงจะเก็บเรื่องพวกนี้ไว้ทำไมวะ? มึงบอกพวกกูมาสิ
ถึงกูจะช่วยอะไรมึงไม่ได้แต่เพื่อนก็มีไว้คอยรับฟังไม่ใช่เหรอวะ?
ไอ้ห่าพวกนี้มีอะไรมันก็พึ่งมึงตลอด มึงก็พึ่งพวกมันบ้างงงงง” ไอ้ธีร์ด่ายาวเป็นหางว่าวหลังจากเขาเล่าจบ
“แล้วนี่ยังไปทำเรื่องเชี่ยๆไว้กับคุณหมอผู้มีพระคุณอีก!
มึงไปเลยนะ ซื้อดอกไม้ธูปเทียนไปกราบขอขมาคุณหมอเค้าเลยนะ! ไม่สิ
อย่างมึงนี่ต้องจัดพานชุดใหญ่แล้วไหม? เดี๋ยวกูถามแม่กูให้ว่าซื้อที่ไหน?” ไอ้ธีร์ด่าไม่พัก แต่เรื่องที่เขาทำลงไปก็สมกับที่จะต้องให้มันด่านั่นแหละ
“เออ
กูรู้แล้ว...”
แล้วก็ไม่ต้องถึงมือแม่มึงหรอกไอ้สัส
เขายกมือขวางก่อนที่ไอ้ธีร์จะโทรหาคุณแม่สายมูของมัน
เดี๋ยวได้ขนบายศรีเจ็ดชั้นมาแน่...
เรื่องของคุณหมอคงมีแต่จะต้องไปขอโทษและปรับความเข้าใจกัน
คุยกันใหม่ คงจะรีบร้อนอะไรมากไม่ได้
ตอนนี้เขาจึงอยากจะจัดการเรื่องที่เร่งด่วนกว่า
“กูต้องจัดการเรื่องน้องกูก่อน...” เสียงทุ้มเอ่ยออกไป
โชคดีที่ภูมิไม่ใช่นกฮูกเหมือนไอ้พวกนี้ ตอนนี้คงกำลังหลับอยู่ข้างบน
จึงไม่ต้องมาเห็นสภาพที่ดูไม่ได้ของพี่ชายแบบเขา
“มึงจะจัดการยังไงวะ?” เก้าที่ยืนกอดอกอยู่ข้างๆเอ่ยถาม
“กูคงต้องหาที่ซ่อนให้ภูมิก่อน
ถ้าพ่อเจอตัวตอนนี้คงถูกลากกลับออสเตรียแบบไม่ฟังอะไรแน่ๆ
คุณย่าก็ยังไม่แข็งแรงพอจะไปรบรากับพ่อได้เสียด้วย”
“ครอบครัวมึงนี่ก็ซับซ้อนดีเหลือเกินนะ...ถ้างั้นมึงคิดจะเอาไอ้ภูมิไปเก็บไว้ที่ไหนวะ?” ธีร์ถามในขณะที่นั่งยองๆอยู่กับพื้น
“บ้านคุณย่ากี่หลังๆพ่อกูก็รู้หมด
กูเลยคิดไม่ตกอยู่เนี่ย”
“ให้ไปอยู่บ้านกูไหมล่ะ?
พ่อกูจะได้มีเพื่อนเล่นด้วย”
พายเสนอแต่ไอ้เก้าก็ยกมือขยี้หัวมันอย่างรู้ทันทันที
“มึงคิดจะเอาน้องคนอื่นไปขัดทัพขวางพ่อมึงไม่ให้มาวุ่นวายกับมึงสินะ
ไอ้ลูกเนรคุณนี่”
เขายิ้มในความตัวแสบของไอ้พาย แต่ทำแบบนั้นไม่ได้หรอก มันรบกวนอาภพเกินไป
“....กู...ว่าจะกลับบ้าน...มึง...ให้น้องมึงไปกับกูไหมล่ะ?” ไม้ที่ยืนเงียบมานานเอ่ยถามอย่างไม่แน่ใจนักว่ามันจะเป็นความคิดที่ดีไหม
“บ้าน?
ที่นี่?”
จริงๆพอรู้ว่าไอ้ไม้สอบติดศิลปากร พ่อมันก็ซื้อบ้านแถวจรัญสนิทวงศ์เอาไว้ให้หลังนึง
แต่มันก็แทบไม่ได้กลับไปอยู่ที่นั่นเลย
“เปล่า
ที่ภูคา ไกลขนาดนั้นพ่อมึงคงตามไปไม่ถูกหรอกมั้ง?” เขามองไอ้ไม้ตาเป็นประกาย ถ้าเป็นที่ที่ไกลสุดหล้าฟ้าเขียวขนาดที่ทางเข้ายังเป็นถนนดินเลนเดียวแบบนั้น
พ่อเขาคงตามไปไม่ถูกจริงๆนั่นแหละ...
“ดีเลย
ขอบใจมึงมากว่ะ จะไม่กวนมึงใช่ไหม?”
เขาถามอย่างเกรงใจ ยังไงสิ่งที่จะฝากฝังก็เป็นคนทั้งคน
ถึงไอ้ไม้จะใจเย็นใจดีขนาดไหนเขาก็ไม่อยากจะรบกวนมันเยอะ
“กวนอะไรล่ะ
น้องมึงก็เหมือนน้องกูแหละ ภูมิก็ไม่ใช่เด็กดื้อด้วย” เขายิ้มอย่างโล่งใจไปได้เปราะหนึ่ง
อย่างน้อยก็พอจะหาทางออกเรื่องของน้องชายได้แล้วละนะ
ที่เหลือก็...เรื่องของคุณหมอ...
การต้องไปเดินตรวจผู้ป่วยในทั้งๆสภาพร่างกายแบบนี้มันหนักหนาสาหัสเกินไปจริงๆแหะ...เมื่อคืน...ไอ้เจ้าเด็กนั่นมันทำไปกี่รอบกันนะ?
แค่จะประชดพ่อจริงๆแค่แกล้งๆควงกันให้เห็นก็พอแล้วไหม?
ต้องทำจริงจังขนาดนี้เลยรึไงเนี่ย?! แล้วเขาก็ไม่ได้ทำเรื่องพวกนี้มานานแล้ว
ตอนนี้เลยปวดเมื่อยไปหมด
“อูยยย” คุณหมอร่างสูงโปร่งเดินไปก็ลูบสะโพกไป ตอนที่นอนอยู่บนเตียงมันก็ไม่เท่าไหร่
แต่พอต้องลงมาเดินวุ่นวายอยู่ในวอร์ดแบบนี้แล้วมันเจ็บก้นชะมัด อ๊ากกก~! รีบกลับไปพักดีกว่า!
แล้วในขณะที่เขากำลังจะก้าวผ่านเคาน์เตอร์พยาบาลอยู่แล้ว~
สองหูก็ดันไปได้ยินเรื่องที่พี่พยาบาลคุยกันเข้าเสียก่อน
“น้องคนนั้นไง
คนที่ชอบมานั่งอยู่ที่สนามเด็กเล่นตอนเย็นๆบ่อยๆน่ะ” สองขาถึงกับชะงักกึก
เพราะคนที่มานั่งอยู่ที่สนามเด็กเล่นแล้วโดดเด่นพอที่พวกพยาบาลจะจำกันได้ก็มีแค่เด็กนั่นเท่านั้นแหละ
“อ๋อ~ ที่ทำผมทรง...เค้าเรียกอะไรนะ?
เดธร็อค?” ใช่จริงๆด้วย...
“นั่นแหละๆ
ที่หล่อจนพยาบาลทั้งวอร์ดเด็กพูดถึงกันให้ทั่วเลยน่ะ”
“จริงเหรอ?
ใช่เหรอ?” หื๋ม? มีเรื่องอะไรกันนะ?
เกี่ยวกับเด็กนั่นเสียด้วย?
“ใช่สิ
หล่อขนาดนี้ แล้วยังผมแบบนี้ จะมีใครเหมือนได้ง่ายๆอีกเนี่ย” อย่าบอกนะว่า! ความแตกแล้ว!
ความลับระหว่างเขากับเด็กนั่นรู้กันไปทั้งวอร์ดแล้ว! ขาเรียวเลี้ยวเข้าไปที่เคาน์เตอร์พยาบาลทันที
“เอ่อ...มีเรื่องอะไรกันเหรอครับ?
ดูตื่นเต้นกันน่าดูเลย” เขาแกล้งๆเนียนๆถาม
มือก็แกล้งๆหยิบแฟ้มคนไข้ที่วางไว้แถวนั้นมาเปิดดู
“คุณหมอ!
คุณหมอจำเด็กหนุ่มหล่อๆที่ชอบมานั่งอยู่ที่สนามเด็กเล่นแทบทุกเย็นได้ไหมคะ?
คนที่ทำผมเดธร็อคน่ะค่ะ!” พี่พยาบาลพุ่งเข้ามาคุยกับเขาราวกับอยากจะเม้าเสียเต็มแก่
“....อ๋อ...เอ่อ...จำ...จำได้ครับ...” เขาถึงกับเลิ่กลั่กๆ
“คุณหมอรู้ไหมคะว่าน้องผู้ชายคนนั้นน่ะ
โด่งดังในโซเชียลมากๆเลยนะคะ!” เอ๊ะ?
อ่อ...อย่างน้อยก็โล่งใจไปเปราะหนึ่งที่ไม่ใช่เรื่องที่เขานอนกับเด็กนั่น
“เห๋...เป็น...ดาราอะไรพวกนั้นเหรอ....” ใบหน้ามนแกล้งถามต่อไป...ไม่น่า...คงไม่ใช่หรอกใช่ไหม...เขาจะได้จับพลัดจับผลูไปนอนกับดาราเนี่ยนะ?!
ไม่น่าใช่นะ!
“ยังไม่ถึงกับเป็นดาราแต่ก็น่าจะดังพอๆกับดาราเลยไหมคะ
เดี๋ยวนี้เค้าเรียกอะไรนะ ยูทูบเบอร์? จะอะไรก็ไม่รู้ละแต่คุณหมอดูยอดติดตามช่องของเด็กคนนั้นสิคะ
เกือบจะถึงล้านอยู่แล้วนะคะ!”
เห๋~ มีช่องยูทูบเป็นของตัวเองด้วยเหรอ เดี๋ยวนะ ยอดติดตามเก้าแสนกว่านี่มันอะร๊ายยย?! แบ่งมาให้ช่องนานาสาระของโรงพยาบาลบ้างสิ! เขามองหน้าจอโทรศัพท์มือถือที่พี่พยาบาลเปิดให้ดูพลางอ้าปากค้าง
“ส่วนใหญ่ที่ลงไว้จะเป็นพวกเพลงค่ะ
มีทั้งที่แต่งเอง? แล้วก็เพลงโคฟเวอร์? แต่ที่เด็ดสุดคืออันนี้ค่ะคุณหมอ
น้องเค้ามีวงเฉพาะกิจที่เล่นในงานของคณะด้วย แล้วแต่ละคนในวงคือหล่อระดับดารานักร้องเลยค่ะคุณหมอ!” พี่พยาบาลคุยกันอย่างตื่นเต้น
ตอนนั้นเขาได้แต่มองหน้าจอผ่านๆเพราะสมองยังประมวลผลไม่ทัน
เพราะไม่คิดจะผูกพันกันมาก่อนจึงไม่เคยใส่ใจใคร่รู้เลยว่าอีกฝ่ายมีชีวิตความเป็นอยู่ยังไง
เมื่อคืน...ก็เพิ่งรู้ว่าเรียนสถาปัตย์...
“ยอดวิวแต่ละเพลงก็เป็นล้านๆวิวเลยนะคะ
อีกไม่นานคงได้เป็นศิลปิน เป็นนักร้องแน่ๆ ตายแล้ว
ต้องไปขอลายเซ็นต์ไว้ก่อนไหมนะ?”
“น้องเค้าคงคิดว่ายัยป้าพวกนี้เป็นบ้าอะไรแน่ๆ
ฮ่าๆๆ”
กริ๊ง~ แล้วเสียงกริ่งจากห้องผู้ป่วยในห้องหนึ่งก็ดังขัดจังหวะการพูดคุยทำให้พี่พยาบาลต้องหันไปมอง
“อ๋า
เจ้าตัวแสบนั่นกดกริ่งเล่นอีกแล้วหรือเปล่าเนี่ย ไปดูก่อนนะ ไปนะคะคุณหมอ”
“ครับ”
เขาเองก็เดินกลับห้องพักของตัวเองบ้าง
แท็บเล็ตถูกหยิบออกมาแต่ไม่ได้กำลังค้นหาข้อมูลทางการแพทย์อย่างทุกที
สิ่งที่เขาเสิร์จคือชื่อช่องในยูทูบของเด็กนั่น...5ก-999....? มาจากอะไรเนี่ย? เหมือนพวก...ทะเบียนรถ?
ปลายนิ้วสะอาดสะอ้านสไลด์หน้าจอผ่านไปช้าๆ...มีลงคลิปเอาไว้เยอะเลยแหะ
แล้วส่วนใหญ่ก็เป็นการเล่นดนตรีอย่างที่พี่พยาบาลบอก
เขาลองจิ้มลงไปที่คลิปแนะนำซึ่งเด้งขึ้นมา
คลิปนี้มียอดวิว10ล้านกว่าทั้งที่เพิ่งลงได้ไม่นานเลยนะ อะไรกันเนี่ย...
[Cover]
Trash : KoRn [Cover by 5ก-999] ปาร์ตี้ปีสามหน้าคณะครับ
แค่ชื่อคลิปเขาก็ตามไม่ทันแล้วว่ามันพูดถึงอะไร?
เด็กนั่น...เหมือนอยู่คนละโลกกับเขาเลยแหะ...
นิ้วเรียวใส่หูฟังเข้าไปในหู
เขาจ้องมองหน้าจอด้วยความรู้สึกเหมือนกำลังรอคอยอะไรบางอย่างอยู่
...เวทีที่ดูเหมือนจะเป็นเวทีชั่วคราว? แถมยังเห็นป้ายคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์
มหาวิทยาลัยที่วังท่าพระเด่นหราอยู่ข้างหลัง แกลลอรี่แสดงผลงานก็ยังเปิดไฟอยู่ มีบ่อปลา?
มีม้านั่งหน้าคณะ? มีต้นไม้ร่มรื่นยามค่ำคืน...แล้วก็มีวงเหล้า? เดี๋ยวนะ
นี่มันคนละโลกกับที่เขาอยู่แบบสุดๆไปเลยนี่นา...
“คิก...”
เขารู้แล้วว่าทำไมเด็กนั่นถึงมีเสน่ห์ขนาดนั้น เพราะแบบนี้นี่เอง...
ภาพในจอเริ่มปรากฎเงาร่างสูงยาวห้าคนเดินขึ้นเวทีพร้อมกับเสียงโฮ่ฮิ้วร้องแซวของเพื่อนพี่น้อง?ที่นั่งกันอยู่หน้าคณะ
ถึงในคลิปจะเก็บภาพได้ไม่หมดแต่ฟังจากเสียงก็น่าจะมีคนหลายร้อยอยู่นะ?
เป็น...ปาร์ตี้ของคณะอะไรงี้เหรอ?
แต่เขาก็เลิกสนใจบริบทอื่นไปเมื่อสายตาถูกดึงดูดไปยังเงาร่างสูงใหญ่ที่คุ้นตา...เด็กนั่น...สะพายกีต้าร์เอาไว้...
เป็นมือกีต้าร์เหรอ...ก็เหมาะดีนะ...
“ลุกเลยครับพวกมึงลุกเลย~ วันนี้ใครไม่โดดกูจะเรียกว่าไอ้สัสนะครับ~” คนผมสีบรอนด์ที่เป็นมือกีต้าร์อีกคนพูดใส่ไมค์
แน่นอนว่ามีเสียงตะโกนสวนกลับมาจากด้านล่างเวทีทันที
“ไอ้ห่า กูเป็นพี่มึงนะ~”
“พี่สัสคร้าบบบ”
“ไอ้พวกเวรฮ่าๆๆๆ” ดูเหมือนจะเป็นการโต้ตอบที่ไม่ได้ถือสากันเท่าไหร่ทั้งที่อีกฝ่ายเป็นรุ่นพี่
ถ้าเป็นวงเหล้าทั่วไปคงลุกขึ้นมาตีกันแล้วไหม แสดงว่าทั้งคณะต้องสนิทกันมากอยู่นะ
แล้วแค่ซาวด์เช็คก็ทำเอารู้สึกตื่นเต้นแล้ว
เจ้าเด็กหัวกัดสีนั่นตะโกนบิ๊วซะจนอยากจะลุกขึ้นตาม ตรงข้ามกับคนที่เป็นนักร้องนำ?
ที่โหนขาไมค์ดูคูลๆนิ่งๆหยิ่งๆเสียมากกว่า
กลองเริ่มตีเข้าจังหวะ
สามคนบนเวทีก็เริ่มโดดเบาๆ ก่อนที่เสียงนิ่งของนักร้องนำจะตะโกนออกมาให้คนทั้งหมดลุกฮือ
“เอ้า ไป!!”
ตอนนั้นเขาไม่รู้เลยว่าเด็กพวกนั้นมีฝีมือแค่ไหน
อาจจะเป็นแค่มือสมัครเล่นที่ฟอร์มวงเฉพาะกิจเล่นกันขำๆกับพี่น้องในคณะก็ได้?
จนกระทั่ง...เสียงดนตรีดังขึ้นมา...
เขาก็ถึงกับอ้าปากค้าง!!
เพราะมันไม่ใช่เพลงป๊อปใสๆอย่างที่เขาคิดเอาไว้
แต่มันเป็นเพลงเฮฟวี่เมทัล!
แล้วเจ้าพวกในจอก็โดดกันอย่างมันส์อ่ะ
โดดกันจนกล้องสะเทือน!
มีเสียงตะโกนร้องรับในท่อนฮุกดังกระหึ่มอย่างกับอยู่ในคอนเสิร์ต
นักร้องนำที่ดูจะตัวเล็กบางกว่าเพื่อนก็มีเสน่ห์มากๆ
ตรงที่ร้องไปก็ถือแก้วเหล้าไป ไม่นานแก้วพลาสติกนั่นก็สาดกระจายไปทั่วทำให้บรรยากาศยิ่งร้อนแรงไปอีก
ดนตรีก็เล่นกันมันส์สุดๆ
ว๊ากกันมันส์สุดๆ เรียกว่าโดดกันหัวโยกหัวคลอนตั้งแต่บนเวทีลงมาถึงข้างล่าง
ขนาดเขาดูผ่านจอก็ยังรู้สึกขนลุกเลย
นี่มันไม่ใช่มือสมัครเล่นแล้ว!
หน้าจอนิ่งค้างพร้อมกับรูปเครื่องหมายเล่นซ้ำไปแล้วแต่เขาก็ยังอึ้งไม่หาย
ภาพที่เขาเห็นเมื่อกี้นี่มันอะไรกัน...เขาเพิ่งเคยเห็นมุมนี้ของเด็กนั่น...มุมที่อีกฝ่ายเป็นเพียงนักศึกษาปีสามที่กำลังสนุกสนานเฮฮากับบรรดาเพื่อนๆพี่ๆน้องๆร่วมคณะ
มุมที่อีกฝ่ายเล่นดนตรี มุมที่อีกฝ่ายเท่ห์มากขนาดนี้ตอนที่เล่นกีต้าร์ มุมที่อีกฝ่ายสมกับที่เป็นเด็กจากคณะสายศิลปะ...
มือบางยกขึ้นไปกุมหัวใจที่เต้นโครมคราม...แย่แล้วสิ
เขาไม่ควรจะถลำลึกไปมากกว่านี้แล้วนะ เรื่องของเรามันควรจะต้องจบ...แค่นั้น...
ทั้งๆที่สมองสั่งให้ปฏิเสธแทบเป็นแทบตาย...แต่หัวใจเจ้ากรรมก็ดันไม่เชื่อฟังด้วยการกดเล่นคลิปต่อไปทั้งๆที่เขาควรจะกดปิดยูทูบให้รู้แล้วรู้รอดไปซะ
เขา...โกหกตัวเองต่อไปไม่ได้แล้ว...ว่าอยากจะรู้จักเด็กนั่นให้มากกว่านี้...
เพราะงั้นเขาจึงนั่งอ่านแม้แต่คอมเม้นต์
จนในที่สุดก็รู้ชื่อของเด็กนั่นจนได้
“ภาค” ริมฝีปากลองเปล่งเสียงออกไปเบาๆแต่กลับเป็นคำที่ก้องอยู่ในใจเขาจนต้องยกปลายนิ้วขึ้นมาแตะที่ปากของตัวเอง
สองแก้มร้อนผ่าวจนรู้สึกได้
จูบเมื่อฟ้าใกล้สางก่อนที่จะจากลากันนั่น...เขาก็ยังรู้สึกถึงมันได้ดี...
แล้วแบบนี้จะลืมได้ยังไง
จะกลับไปเป็นคนที่ไม่รู้จักกันได้ยังไง...
[Cover]
ว่าว : มีนตรา อินทิรา [Cover by 5ก-999] งานครบรอบวันสถาปนามหาวิทยาลัยที่ทับแก้วครับ
คลิปถัดไปมันเปิดเล่นอัตโนมัติและเสียงกรี๊ดสนั่นที่ดังออกมาก็เรียกเขาออกจากห้วงความคิดของตัวเอง
เพราะเสียงกรี๊ดมันไม่ได้ฟังดูเถื่อนมีแต่เสียงผู้ชายเหมือนคลิปก่อน
แต่คราวนี้มีแต่เสียงผู้หญิง...
หื๋อ?
มีไปเล่นที่วิทยาเขตสนามจันทร์ด้วยเหรอ? แบบนี้ก็ยิ่งป๊อปปูล่าไปใหญ่เลยสิ
แล้วทำไมคนที่ป๊อปแบบนั้นถึงได้เลือกเขาเนี่ย~
ไม่เห็นจะเข้าใจเลย หรือเขาก็แค่อยู่ตรงนั้นพอดี?
อยู่ในจังหวะที่เด็กนั่นหาใครไม่ได้พอดี?...
เธอคือรักที่ลมพัดมา
ช่วงเวลาแค่เพียงสั้นๆ
อีกไม่นานก็ต้องเลิกกัน
กับความรักที่ไม่มีวันจะได้ครอบครอง
อึ้ก?!
นี่มันเพลงรักอกหักหรืออะไรเนี่ย?
ถึงจะเพราะดีแต่ก็ต่างจากเพลงเฮฟวี่เมทัลนั่นแบบฟ้ากับเหวเลยนะ
เจ้าเด็กพวกนี้เล่นดนตรีได้ทุกแนวเลยเหรอ เก่งจัง...
ก็มันรักไปแล้ว
จะให้ทำเช่นไร ไม่มีทางที่ย้อนให้ฉันกลับไปเริ่มใหม่
ถึงวันที่ต้องเจ็บ
ฉันต้องทนให้ได้ ผิดจริงๆก็รู้แต่ไม่ยอมตัดใจ
ก็มันรักไปแล้ว
จะให้ทำเช่นไร ปล่อยไปตามหัวใจทั้งๆที่รู้ไม่มีจุดหมาย
อยู่กับรักที่เป็นดั่งความฝัน
รอคอยวันแตกสลาย
เมื่อสายลมหมด
ฉันก็ตกลงมาตาย...
โป๊ก!
หัวสีดำโขกอยู่ที่ผนัง...
ก็แค่เพลง ก็แค่เพล๊งงง จะมาอินอะไรกันเนี่ย ไม่นะ!
แต่นักร้องนำของวงนี่หน้าตาน่ารักจัง
เป็นผู้ชายแน่ใช่ไหม? แต่เสียงก็ผู้ชายนะ แต่หน้าสวยมากเลยอ่ะ...ไม่ได้เป็นอะไรกับเด็กนั่นใช่ไหม?
อ๊ากกกกก! เขาต่างหาก! คนที่ไม่ได้เป็นอะไรกัน! แล้วจะมาคิดมากเรื่องของเด็กนั่นได้ยังไงเนี่ย?! มีสิทธิ์อะไร!
มือบางยกยันผนังอย่างหมดแรง
ในหัวคิดอะไรจนสับสนไปหมดแล้วตอนนี้ แต่ถึงอย่างงั้นมันก็มีแต่เรื่องของเด็กนั่นทั้งนั้น
ทำยังไงดี...
นิ้วเรียวเขี่ยๆหน้าจอแท็บเล็ตก่อนจะมองส่องคลิปต่อไปอย่างทอดถอนใจ
เดี๋ยวก่อนนะ เข้าใจแล้วว่าทำไมสาวๆถึงกรี๊ดกันบ้านแตกขนาดนี้ ก็ไอ้เด็กห้าคนนี่มันโคตรหน้าตาดีเลยอ่ะ
หล่อกันทุกคนเลยนี่หว่า!
แล้วเขาก็เลื่อนไปเจอคลิปหนึ่งซึ่งดูแตกต่างจากคลิปอื่นๆเพราะมันไม่ใช่การเล่นดนตรี
แต่เป็นคลิปที่ถ่ายตอนที่เด็กพวกนั้นอยู่บ้านกันชิวๆ?
ปลายนิ้วจิ้มเปิดดูอย่างห้ามตัวเองไม่ได้
ก็แค่อยากรู้ว่าปกติแล้วเด็กนั่นเป็นคนยังไง อ้า~
เขาแย่แล้วหรือเปล่าเนี่ย~
“ถ่ายยังวะ? อ่ะ ได้แล้วๆ~” คลิปเริ่มด้วยเจ้าเด็กผมบรอนด์ที่ดูเหมือนพวกพระเอกการ์ตูนญี่ปุ่นกำลังเปิดกล้องกุกกักๆ
“และนี่ก็คือโกโปรใหม่ของไอ้ภาค
แต่ผมในฐานะตากล้องจึงได้อภิสิทธิ์ในการใช้ก่อนครับ ไม่ได้ไปดอยมันมาหรอกนะครับ~”
“เพราะงั้นนี่ก็ไม่มีอะไร
เป็นคลิปลองกล้องเฉยๆ” แล้วกล้องก็แพลนไปรอบๆบ้านหลังหนึ่งซึ่งดูไม่มีอะไรจริงๆ
แต่ถ้ามันไม่มีอะไรยอดวิวก็ไม่น่าทะลุเจ็ดแสนกว่าทั้งที่เพิ่งลงคลิปได้อาทิตย์นิดๆแบบนี้ไหม?
เขาจึงดูเพลินๆต่อไป
“บ้านนี้อยู่กันกี่คน? ปกติแล้วห้าคนครับ
เป็นอภินันทนาการจากหม่อมย่าของไอ้ภาคครับ กราบขอบพระคุณเป็นอย่างสูงเลยคร้าบบบ
รักหม่อมย่านะคร้าบบบ” เด็กหนุ่มพูดไปก็ลองกล้องไปอย่างที่บอกจริงๆ แต่สิ่งที่เรียกความสนใจของเขาให้หันมาตั้งใจดูนั่นก็คือ
บ้านหลังนี้เป็นบ้านของเด็กนั่น...บ้านของภาค...
“เจอสมาชิกรายแรกแล้วครับ
กำลังทำอะไรอยู่ครับพี่เก้าครับ?” แล้วกล้องก็หันไปที่เด็กหนุ่มคนที่ตัดผมทรงสกินเฮด เนื้อตัวส่วนที่โผล่พ้นเสื้อกล้ามออกมาเต็มไปด้วยรอยสัก
แต่ใบหน้าแบบเถื่อนๆนั่นก็หล่อทรงแบดบอยสุดๆ...คนนี้...มือกลองใช่ไหมนะ?
“ถ่ายเชี่ยไรของมึงเนี่ย? กูหาไอ้พายอยู่
พ่อมันโทรมาแล้วมันไม่รับ เลยให้กูไปดูมันหน่อยว่าตายห่าไปรึยัง” อีกฝ่ายหันมาพูดคำหยาบใส่ด้วยความเคยชิน
แต่คนที่ไม่ชินอย่างเขาก็สะดุ้งนิดๆตอนได้ฟังครั้งแรก
“อ้าว? ไม่ได้อยู่ในห้องมันเหรอ?”
“มึงมาดู” แล้วทั้งสองคนก็เดินเข้าไปในห้องๆหนึ่งซึ่ง...รกม๊ากกก รกสุดๆ! มีแต่ข้าวของอะไรไม่รู้วางเต็มไปหมด
ส่วนใหญ่จะเป็นถุงกระดาษที่ยังไม่ได้เปิดแล้วก็เป็นแบรนด์แปลกๆที่ไม่คุ้นตา
กล้องถ่ายไปเห็นเตียงคิงไซส์ซึ่งมันควรจะนอนได้สามคนเลยนะ ทว่า...มันกลับมีเพียงตุ๊กตา?ตัวใหญ่ตัวหนึ่งนอนหล่อๆอยู่ตัวเดียว...แล้วรอบๆเป็นกองเสื้อผ้าของตุ๊กตา?
ชิ้นส่วนแขน ขา ลูกตา ข้อต่อ ผม? เรียกว่าไม่มีที่ว่างพอจะให้คนนอนได้เลยสักนิด...
“โหไอ้สัส เตียงมึงนี่มีไว้ให้ลูกนอนสินะ ส่วนตัวมึงนี่เที่ยวไประรานชาวบ้านเค้านะ
ไอ้เชี่ยพาย!” คนผมบรอนด์ตะโกนด่าเหมือนเจ้าของเตียงอยู่ตรงนี้
แต่ก็ไม่มี
“สงสัยนอนอยู่ห้องไอ้ภาค เมื่อคืนกูฉีดยากันยุง มันคงเหม็น” ชื่อที่ออกมาจากปากเด็กหนุ่มผมสกินเฮดทำให้เขาชะงักเบาๆ
นอนอยู่ห้องของภาค?....ปกติเด็กพวกนี้นึกอยากจะเดินไปนอนห้องใครก็ไปได้เลยเหรอ?
ต้องสนิทกันขนาดไหนเนี่ย คนไม่ชินอย่างเขาได้แต่มองอย่างอึ้งๆ
“เลือกที่นอนซะด๊วย?! ไอ้เด็กจากนรกนี่” ทั้งสองคนเดินออกจากห้องแต่ก็ยังคุยกันไปเรื่อย
“แต่มันก็ไม่เลือกห้องมึงนะ
มันคงหนวกหู ฮ่าๆๆ”
“ไอ้สัส”
แล้วทั้งสองคนก็เดินเข้าไปในห้องๆหนึ่งซึ่งเปิดประตูคาไว้
ได้ยินเสียงเพลงเปิดคลออยู่เบาๆ ...แต่แล้วภาพที่เขาได้เห็นหลังจากนั้น...ก็ทำเอาหัวใจชาวาบอย่างไม่มีสาเหตุ...
ภาค...นั่งเอนหลังพิงหมอนใบใหญ่อยู่บนเตียง
เด็กหนุ่มไม่ได้ใส่เสื้อ ร่างสูงใหญ่นั่นสวมเพียงกางเกงผ้าขาสี่ส่วนสีดำตัวเดียว
มือหนึ่งยังคีบบุหรี่และควันสีขาวก็ลอยออกมาจากปาก
ถึงภาพที่ใบหน้าหล่อๆนั่นหันมาจะเท่ห์มากแต่สิ่งที่ทำให้หัวใจของเขาเจ็บแปล๊บๆก็คือ...มือใหญ่ๆอีกข้างกำลังลูบหัวร่างอีกร่างที่นอนขดตัวหลับซุกอยู่แถวๆต้นขา...
นั่นใช่...คนที่เป็นนักร้องนำหรือเปล่า?
เด็กคนที่หน้าสวยๆคนนั้น...ทำไมถึงมานอนอยู่ด้วยกันล่ะ?
คนที่ไม่เคยรู้จักกับเด็กพวกนี้อย่างเขามีแต่ความสงสัยจนอกจะแตกตายอยู่แล้วเนี่ย~
“ไอ้เชี่ยภาค สูบบุหรี่แต่เช้าเลยนะมึง” คนผมบรอนด์เอ่ยทักและใบหน้าภายใต้กรอบผมเดธร็อคที่ดูอิดโรยหน่อยๆก็หันมาตอบโต้ด้วยคำหยาบอย่างที่เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะได้ยินจากปากของเด็กหนุ่มที่พูดสุภาพกับเขาทุกคำแบบนั้น
“แต่เช้าเชี่ยไร กูยังไม่ได้นอน” แต่มันกลับดูเป็นคำพูดของคนที่สนิทกันมากจนน่าอิจฉา...
“วันนี้มีตรวจแบบกลุ่มตอนสิบโมงครับ” เด็กหนุ่มผมบรอนด์หันกล้องกลับมาพูดอธิบายว่าทำไมแต่ละคนถึงมีสภาพเหมือนซอมบี้ขนาดนี้
เพราะมีส่งงานก็เลยยังไม่ได้นอนนี่เอง
“ว่าแต่ สภาพมึงสองคนนี่อย่างกับเพิ่งได้กันมาเลยนะไอ้สัส ฮ่าๆๆ” เด็กหนุ่มผมบรอนด์แซวราวกับว่ามันไม่มีอะไร
แต่มันกลับทำให้คนที่ไม่เข้าใจอย่างเขารู้สึกเหมือนมีไฟช็อตอยู่ใต้แผ่นอกซ้ายจริงๆนะ...ไม่ชอบ...ใจเลย...
“กรี๊ด~ พายลูกพ่อโดนไอ้ภาคจับแดกไปแล้วเหรอเนี่ย~!”
เด็กหนุ่มผมสกินเฮดโดดลงไปนอนบนเตียงข้างๆคนหลับอีกคน
...ทั้งๆที่เด็กพวกนั้นดูเป็นแค่เพื่อนที่สนิทกันมากเท่านั้นแท้ๆ
แต่การที่เขาใจแคบ การที่เขารู้สึกไม่ชอบใจแบบนี้
มันก็แน่แล้วไม่ใช่หรือไงว่าเขามีใจให้เด็กนั่น...เขาให้ใจอีกฝ่ายไปแล้วโดยที่ไม่รู้ตัวเลย
“มึงดูเถอะ ขนาดนี้มันยังไม่ตื่น แล้วกูจะไปทำห่าอะไรมันได้ ฮ่าๆๆ”
ภาคหัวเราะอย่างไม่ใส่ใจก่อนจะหันไปบอกคนที่ยืนถ่ายคลิปอยู่
“มึงโยนเสื้อมาให้กูทีดิ๊ไอ้ธีร์
เมื่อคืนร้อนชิบหาย” ตากล้องหันไปหยิบเสื้อคอกว้างผ้าบางสีขาวที่พาดๆอยู่แถวตะกร้าโยนให้เด็กหนุ่มอย่างหยาบคาย
แต่มือใหญ่ก็คว้าเอาไว้อย่างไม่ถือสา
“มึงก็ให้หม่อมย่าติดแอร์ทั้งบ้านเลยดิวะ
เอาแบบที่ติดในห้างไปเลย”
“มึงแค่เลิกเดินเข้าเดินออกห้องกู
แล้วให้กูปิดประตูเปิดแอร์ก็จบแล้วไหม~”
“ไม่เอา~
ถ้ากูเผลอหลับไปแล้วใครจะปลุกกู~” แล้วในขณะที่ภาคกับเด็กหนุ่มผมบรอนด์กำลังเถียงกัน
เด็กหนุ่มผมสกินเฮดก็ยกโทรศัพท์มือถือของตัวเองขึ้นมาวีดีโอคอลหาใครสักคน?
“อาภพ เจอศพไอ้พายแล้วครับ” กล้องหน้าของมือถือแพลนลงไปให้เห็นว่ามือใหญ่ของเด็กหนุ่มกำลังจิ้มแก้มคนที่ยังหลับนิ่ง...เด็กที่ชื่อพายนี่หน้าตาน่ารักมากจริงๆนะ
ขนาดหลับยังน่ารักเลย
“อยู่ไหนน่ะ? ห้องของภาคเหรอ?” เขาได้แต่ดูคลิปต่อไปอย่างที่ไม่รู้ว่าใครเป็นใคร
“อาภพ หวัดดีครับ” แต่คนที่ทำให้เขาชักจะอยากรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใครก็คือเด็กหนุ่มที่ยื่นหน้าเข้ามาในกล้องด้วยนี่แหละ...ภาคก็รู้จักกับผู้ชายคนนี้
“อาภพ หวัดดีคร้าบบบ”
แล้วเด็กหนุ่มผมบรอนด์ก็โดดทับตักภาคลงมาอีกคนเพื่อทักทายคนในจอ
“ไอ้สัส ตัวมึงเบานักรึไง กูยิ่งไม่ได้นอนอยู่” ภาคหันไปขยี้หัวสีบรอนด์อย่างมันมือ
เกิดเป็นการต่อสู้เล็กๆขึ้น
“แล้วมีใครได้นอนบ้างวะไอ้ห่า”
“หวัดดีเด็กๆ …นี่เตียงรกจนนอนไม่ได้อีกแล้วสินะพระพาย
ใช้ไม่ได้เลยจริงๆเจ้าลูกคนนี้ รบกวนพวกเธอด้วยนะ ไว้อาเลี้ยงข้าว”
“ครับ ไม่เป็นไรเลยครับ”
“นั่นคือคุณพิภพ
ธารธารากุล เจ้าของ THARA
Architect พ่อของไอ้พายครับ”
เด็กหนุ่มผมบรอนด์หันกล้องกลับมาอธิบาย
เขาไม่ได้อยู่ในวงการสถาปัตย์เขาจึงไม่รู้จักอีกฝ่าย
แต่ที่น่าสนใจก็คือเด็กพวกนี้รู้จักแม้แต่พ่อของเพื่อนในกลุ่มด้วยเหรอ?
ดูท่าทางจะคุ้นเคยกันดีด้วย
“แล้วนี่ไปตรวจแบบกันกี่โมง?”
ไม่น่าแปลกใจที่เด็กชื่อพายจะหน้าตาดี
เพราะคุณพ่อที่อยู่ในจอนั่นหล่อมว๊าก~
“สิบโมงครับ”
“งั้นก็ให้นอนต่ออีกซักครึ่งชั่วโมงค่อยปลุกแล้วกัน ฝากด้วยนะ”
“คร้าบ~” วีดีโอคอลถูกปิดไปแล้ว
ตอนนี้สายตาทั้งสามคู่จึงจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าคนที่ยังหลับปุ๋ย
“มันทำแบบเสร็จยังวะ? ตอนตีสี่กว่าๆกูหันมาอีกทีก็เห็นมันมานอนแหมะอยู่บนเตียงกูแระ”
เสียงทุ้มที่ฟังดูนุ่มนวลของภาคเอ่ยถาม มือหนึ่งยังคีบบุหรี่ส่วนอีกมือก็วางอยู่บนหัวคนหลับพลางเกลี่ยเส้นผมให้อย่างอ่อนโยน
“เสร็จก็ไม่ใช่ไอ้พายแล้ว ฮ่าๆๆ
เมื่อหัวค่ำยังเห็นมันร้องไห้ขี้มูกโป่งเพราะโดนอาจารย์องศาแก้แบบอยู่เลย” เด็กหนุ่มผมสกินเฮดหัวเราะร่าพาเอาคนข้างๆหัวเราะไปด้วย
“ไอ้สัส ฮึ ฮึๆๆ” เด็กนั่น...ตอนหัวเราะแบบนี้เหมือนเป็นคนละคนกับตอนที่อยู่กับเขาเลย...ดูสดใส
ดูมีความสุข...เพื่อนกลุ่มนี้หรือเปล่านะที่เด็กนั่นเคยบอกว่ามีแค่พวกนั้นและไม่อยากให้เป็นห่วง...
“เอามาดูดมั่งดิ๊ ง่วงชิบหายแล้วเนี่ย” เด็กหนุ่มผมบรอนด์ที่ยังนอนพาดอยู่บนตักของภาคชูสองนิ้วขึ้นมา
และเขาไม่คิดเลยว่าภาคจะส่งต่อบุหรี่ในมือให้อีกฝ่ายเอาไปดูดต่อกันอย่างไม่ได้รังเกียจอะไรเลย
เขาได้แต่มองหน้าจอตาค้าง
มองเด็กหนุ่มผมบรอนด์ที่พ่นควันออกมาทั้งที่ยังนอนหงายอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา
“สัส หมอนกระต่ายของเชี่ยพายนี่อย่างสบายหัวอ่ะ มันซื้อมาจากไหนนะ?” เด็กหนุ่มผมบรอนด์พูดออกมา
เขาจึงเพิ่งได้มองว่าหัวกัดสีนั่นหนุนอยู่บนตุ๊กตาขนนิ่มตัวเดียวกับที่เด็กชื่อพายหนุนอยู่
“งานกระต่ายกับเต่า?”
ภาคเอียงคออย่างไม่แน่ใจ
“กระต่ายกับหมาป่าต่างหาก แล้วมันน่ะ
ฝากซื้อหมาป่าแต่อาภพซื้อมาผิดเป็นกระต่าย ฮ่าๆๆ” เด็กหนุ่มผมสกินเฮดเป็นคนเฉลย
“มันจะผิดแบบนั้นได้ยังไงวะกูสงสัยมาก กูว่าอาภพจงใจมากกว่าฮ่าๆๆ อ่า~กูชักจะง่วงจริงๆแล้วนะเนี่ย”
เด็กหนุ่มผมบรอนด์เริ่มตาปรือ
“มึงอย่ามาทำขี้บุหรี่ตกบนเตียงกู” ภาคหยุมหัวสีบรอนด์นั่นอย่างไม่ได้เบามือ
แต่อีกฝ่ายนอกจากจะไม่ได้ว่าอะไรแล้วยังกวนประสาทกลับด้วยการยื่นบุหรี่ที่แทบจะเหลือแต่ก้นคืนให้
“เอาของมึงคืนไปเลย”
“ไอ้สัสนี่” มือใหญ่หยิบที่เขี่ยมาให้เพื่อนขยี้บุหรี่ลงไป
ดูจากที่เขี่ยซึ่งค่อนข้างสะอาดและไม่มีก้นบุหรี่อยู่เลยเขาก็วางใจ
เด็กนั่นคงจะสูบบุหรี่เฉพาะเวลาที่อดนอน ไม่ได้สูบเป็นประจำ
“พาย~ พายลูกพ่อตื่นเร้ว~” ดูเหมือนเด็กหนุ่มผมสกินเฮดจะเริ่มปลุกคนหลับ
“เชี่ยพาย
ถ้ามึงไม่ตื่นกูจะยึดหมอนกระต่ายมึงแล้วนะ~” เด็กหนุ่มผมบรอนด์ดึงหมอนไปจนหัวคนหลับหล่นตุ้บลงบนพื้นเตียง
แต่เด็กคนนั้นก็ยังไม่ยอมตื่น...ไปอดหลับอดนอนมาขนาดไหนกันเนี่ย
“ไอ้พาย
มึงลืมตาก่อน ลืมตาเร็วเข้า” เด็กหนุ่มผมสกินเฮดนวดแก้มใสจนบู้บี้ ดวงตาที่ปิดสนิทมาตลอดจึงยอมเปิดขึ้นมาอย่างมึนงง
“อือออ....” ตัวบางๆขดหนี ขนาดเขามองอยู่ตรงนี้ยังรู้สึกเอ็นดูแทนที่จะรำคาญเลย
ใครๆก็คงอยากปลุกอยากวอแวคนที่น่ารักแบบนี้กันทั้งนั้น...
“ลุกได้แล้ว~
มึงต้องทำงานนะ ไม่งั้นพ่อมึงจะเอาลูกมึงไปทิ้งไง~ มึงนึกถึงหน้าพ่อมึงที่ยืนอยู่ทะเลทรายซาฮาร่าแล้วแขนขวาอุ้มราฟาเอลอยู่สิ~ มึงยอมได้เหรอ~ มึงลุกขึ้นมาสู้เร๊ว~” ท่อนแขนที่เต็มไปด้วยรอยสักดึงร่างโปร่งบางที่เหลวเป๋วราวกับแมวหลับนั่นขึ้นมานั่งจนได้
แต่ใบหน้ามนที่ยังไม่ยอมลืมตาก็งอแงขั้นสุดกว่า
“ฮื้อออ~ กูสู้ไม่หวายยย…กูตายแล้ว...มึงปล่อยกูกลับนรกบ้านกูเถอะนะ….ให้กูนอน~”
“ไม่ได้โว้ยยยย
มึงจะนอนลงไปอีกไม่ได้~” เกิดการยื้อยุดกันอยู่ด้านหลัง
ตีนแมวถึงกับยกขึ้นมายันหน้าคนที่พยายามจะดึงตัวเองขึ้นมา
“คิก~ ไอ้พายตอนงอแงไม่ยอมตื่นนี่ยังทำกูขำได้ตลอด
ฮ่าๆๆ” ภาคนั่งหัวเราะจนไหล่สั่น...ดู...มีความสุขจัง...
“สาวๆดูไว้นะครับ ใครที่อยากได้ไอ้เชี่ยพายเป็นสามี
ทุกๆเช้าก็จะมีสภาพแบบนี้แหละครับ ฮ่าๆๆ” เด็กหนุ่มผมบรอนด์โฟกัสกล้องมาที่ตนเอง
ทำให้ภาพที่เด็กหนุ่มผมสกินเฮดอุ้มคนหลับพาดบ่าลุกออกจากเตียงไปเป็นเพียงภาพเบลอๆอยู่ด้านหลัง
“แล้วไอ้ไม้?” ทำให้ตอนนี้ในจอเหลือสมาชิกอยู่เพียงสองคน ภาคจึงหันไปคุยกับเด็กหนุ่มผมบรอนด์
“มึงไม่ได้กลิ่นอาหารหอมๆนี่รึไง? กูว่าป่านนี้มันคงหนีความจริงลงไปทำกับข้าวอยู่ในครัวนู่นแหละ”
“มึงว่าอะไรวะ? ข้าวต้มกุ้ง? โจ๊กปลา?
มาม่าหมูสับ?”
“อะไรก็ทำมาเหอะ กูแดกหมดแหละ”
“แล้วแบบมึงเสร็จยังเนี่ย?”
เด็กหนุ่มผมบรอนด์ถามในขณะที่ลุกเดินวนไปที่โต๊ะเขียนแบบซึ่งมีกระดาษแผ่นใหญ่ติดอยู่
บนนั้นมีรูปด้านของอาคารแปะซ้อนๆกันอยู่หลายด้าน
เขาที่เพิ่งเคยเห็นงานของเด็กถาปัดตอนที่เรียนอยู่จึงรู้สึกตื่นเต้นไม่น้อย
“กูพอแระ กูเริ่มเห็นเส้นมีสองสามเส้นแล้วว่ะ” มือใหญ่หยิบกีต้าร์มาดีดด้วยสีหน้าชิวๆ
แต่เท่าที่เขาเห็นผ่านๆก็เหมือนงานจะเสร็จแล้วจริงๆ? มันดูเต็ม ดูสมบูรณ์แล้ว?
“เสร็จแล้วมึงก็นอนสิวะไอ้ห่า”
เด็กหนุ่มผมบรอนด์หันมาด่า
แต่ภาคตอนที่นั่งดีดกีต้าร์ชิวๆบนเตียงแบบนี้กลับดูดีมากกกก
ขนาดอดนอนมาแท้ๆนะยังทำอะไรความหล่อระดับเทพเจ้านี้ไม่ได้เลย ให้ตายเถอะ
“เดี๋ยวกูไม่ตื่น” ใบหน้าหล่อเหลาตอบทั้งที่สายตายังทอดมองไปยังคอร์ดกีต้าร์
เด็กหนุ่มผมบรอนด์จึงขยับเดินไปที่โต๊ะซึ่งมีแต่เศษกระดาษเกลื่อนกลาด
บนนั้นมีโมเดลสีขาวที่ตัดเสร็จแล้ววางอยู่
“โห~ โรงบาลมึงสวยดีนะเนี่ย ตรงนี้อย่างเท่ห์อ่ะ
แผนกอะไรวะ?” ใบหน้าเหมือนพระเอกการ์ตูนญี่ปุ่นก้มลงไปส่องๆที่โมเดลก่อนจะเอ่ยชมออกมา
แต่ที่เขาสะดุดก็คือคำพูดที่ว่า
อาคารที่เด็กหนุ่มพวกนี้ออกแบบกันอยู่ก็คือโรงพยาบาล...มันดู...มีความเชื่อมโยงมาถึงเขา...ถึงเขาจะคิดไปเองฝ่ายเดียวก็เถอะ
“แผนกเด็ก ฮึ” แล้วจู่ๆใบหน้าของเขาก็ร้อนผ่าวอย่างไม่มีสาเหตุ...เพียงแค่คำว่า
“แผนกเด็ก”
นั่นเอ่ยออกมาจากปากของภาค...เพียงแค่ใบหน้าหล่อเหลานั่นอมยิ้มยามเมื่อนึกถึงมัน...
“ยิ้มไรวะ?”
“เปล่า กูนึกถึงหมอเด็กคนนึง”
ภาคตอบทั้งที่ยังเกลากีต้าร์ ตอบทั้งที่ยังยิ้มบางๆ
เอ๊ะ?
คงไม่ได้...หมายถึงเขา...ใช่ไหม?
“หมอเด็ก?”
“อื้ม หมู่นี้กูเจอเค้าบ่อยๆ เค้า…น่ารักดี” หน้าเขาแดงแปร๊ดไปแล้วทั้งที่ไม่รู้เลยว่านั่นหมายถึงเขาแน่หรือเปล่า
หัวใจ...ก็เต้นตึกตักๆๆไปแล้ว...
“หื๋ม~ มึงนี่น่าสงสัยนะเนี่ย~” เด็กหนุ่มผมบรอนด์หรี่ตามอง
“งั้นมึงก็สงสัยไปเถอะ” แต่เด็กนั่นก็ไม่ได้มีทีท่าอยากจะเล่าให้ฟังแต่อย่างใด
เด็กหนุ่มผมบรอนด์เลยหันไปสนใจโมเดลต่อ
อ้า~
ทำไมไม่ตื้อถามให้รู้เรื่องเนี่ย~
เขาสงสัยจนแทบจะลงแดงให้ได้แล้วว่าหมอเด็กคนที่ว่านั่นเป็นใคร~~ ถ้าเป็นเพื่อนทั่วไปต้องเซ้าซี้ต้องอยากรู้เรื่องแบบนี้ของเพื่อนแล้วสิ!
แต่เจ้าเด็กพวกนี้กลับดูไม่ได้สนใจเรื่องรักๆใคร่ๆเลย?!
“ทุกคนครับ รู้ไหมครับว่าที่หนึ่ง ที่สอง และที่สามของชั้นปีรวมหัวกันอยู่ที่นี่~” เขาหันกลับไปมองจออย่างท้อใจที่เจ้าเด็กผมบรอนด์นั่นเปลี่ยนเรื่องไปแล้ว
“และนี่ก็คือผลงานที่สองของชั้นปีเราครับ~~” แล้วกล้องก็ถ่ายโมเดลสีขาวนั่นให้ดู
มันสวยเลยนะ นั่นโรงพยาบาลเหรอ? ดูไม่เหมือนโรงพยาบาลทั่วๆไปที่เขาเคยเจอมาเลย
เขาดูคลิปเพลินๆต่อไป
“แต่เอาจริงๆนะ สำหรับกู มึงคือที่หนึ่งของชั้นปีว่ะ
ส่วนไอ้เชี่ยพายนั่นมันเป็นมนุษย์ต่างดาว กูไม่นับ” เด็กหนุ่มหันไปคุยกับภาค
“ฮ่าๆๆๆ” ภาคหัวเราะอีกแล้ว... มันน่าแปลกไหมล่ะ
ที่คนเราจะรู้สึกเพลิดเพลินได้ กับการนั่งดูการใช้ชีวิตของคนที่ไม่รู้จักกันแบบนี้
แต่เด็กพวกนี้ก็มีเสน่ห์จริงๆถึงทำให้เขาอยากจะดูต่อไป...
“ใครจะไปเอาชนะมันได้วะเก็บแสดงแม่งทุกงานขนาดนั้น
แล้วมึงเห็นโรงบาลบ้าของมันยัง? ไอ้เชี๊ยยยย
อย่างกับส่งมาจากดาวอังคารอ่ะ สวยสัสเท่ห์จัดๆเลยอ่ะมึง”
“ทั้งๆที่คนทำแม่ง สภาพนั้น….” แล้วจู่ๆกล้องก็แพลนไปที่หน้าประตูห้องน้ำ?
ซึ่งมีเด็กที่ชื่อพายยืนกอดวงกบประตูหลับอยู่? อุ๊บ! ฮ่าๆๆๆ เขาถึงกับขำพรืดออกมา
ก็ดูสิ สภาพ~
“มึงจะตื่นกี่โมงวะไอ้เชี่ยพาย!
พ่อมึงแทบจะแปรงฟันให้แล้วนั่น ฮ่าๆๆ”
เด็กหนุ่มผมสกินเฮดยังไม่ละความพยายามในการแงะร่างบางๆนั่นออกจากวงกบประตู
ก่อนจะพยายามลากเข้าห้องน้ำ โอ๊ย~
หัวเราะจนเจ็บท้องไปหมดแล้วเนี่ย ฮ่าๆๆ
เขาหันกลับมามองคนที่นั่งดีดกีต้าร์พลางซับน้ำตาที่ปริ่มออกมาจากการหัวเราะ
แสงอาทิตย์นอกหน้าต่างเริ่มจะทอประกายเรืองๆ ตอนนี้ทั้งห้องเงียบงัน
เสียงกีต้าร์จึงขับกล่อมเป็นเพลงที่คุ้นหู...วิมานดิน?
แล้วจู่ๆเด็กหนุ่มผมบรอนด์ก็หันไปมองหน้าคนที่ดีดกีต้าร์
ทั้งสองคนพยักหน้าเข้าจังหวะ...ก่อนที่ใบหน้าภายใต้ผมกัดสีจะร้องเป็นเพลงที่เข้ากับบรรยากาศตอนนี้ออกมา...
“ก่อนฟ้าจะสาง...
ก่อนจันทร์จะร้างแรมไกล... ยังอยู่กับเธอข้างเคียงกาย~
อยู่ในความฝัน~”
แล้วร่างสูงใหญ่ที่เพิ่งเดินออกจากห้องน้ำมาก็เป็นคนร้องสอดรับในท่อนต่อไป
“ฝากเสียงกระซิบ...
ฝากไปในสายลมผ่าน... ข้ามขอบราตรีที่ยาวนาน~ ให้เธอฝันดี~”
เขาเพิ่งได้เห็นหน้าสมาชิกคนที่ห้าของบ้าน
เด็กหนุ่มผมยาวที่หล่อราวกับเอลฟ์เดินถือหม้อไอกรุ่นเข้ามาพร้อมกับร้องเพลงในท่อนต่อไป
“เป็นวิมานอยู่บนดิน~
ให้เธอได้พักพิงพิง และนอนหลับใหล~”
และท่อนสุดท้ายก็กลับไปเป็นเสียงที่เขาคุ้นเคยเพราะฟังคลิปของเด็กพวกนี้มาหลายคลิป...นักร้องนำที่ฟื้นคืนจากความตายเดินร้องเพลงออกมาจากห้องน้ำทั้งๆที่หยดน้ำยังเกาะพราวไปทั่วใบหน้า
“เก็บดาว~เก็บเดือนมาร้อยมาลัย~ เก็บหยาดน้ำค้างกลางไพร~ มาคล้องใจเราไว้รวมกัน~”
ภาพที่เด็กทั้งห้าคนร้องเพลงเล่นดนตรีอยู่ด้วยกันชิวๆแบบนี้มันเป็นบรรยากาศที่มีเสน่ห์มากจริงๆ
...มันทำให้คนที่เฝ้าดูอยู่ทางนี้และไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรด้วยเลยกลับรู้สึกอุ่นๆในใจ
รู้สึกมีความสุขตามไปด้วย รู้สึกมีแรงมีพลังที่จะสู้กับวันใหม่ของตัวเองเช่นกัน...
น่าแปลกจังแหะ...
“มึงนี่
เช็ดหน้าเช็ดตาหน่อยเถอะ หยดเป็นทางแล้วเนี่ย”
พอซึ้งจบก็เข้าโหมดหยุมหัวกันต่อ...พ่อหนุ่มสกินเฮดกำลังล็อคปลายคางมนของคนที่เพิ่งตื่นเอาไว้
แขนที่เต็มไปด้วยรอยสักอีกข้างก็คว้าๆไปที่เสื้อเชิ้ตลายตารางซึ่งแขวนอยู่หน้าตู้
“นั่นเสื้อกู” ภาคหันมาบอก
แต่เด็กหนุ่มผมสกินเฮดก็ถามกลับสั้นๆ
“ซักยัง?”
“ซักแล้ว”
“ดี” แล้วมือใหญ่นั่นก็ใช้เสื้อสะอาดตัวนั้นเช็ดหน้าให้พายเสียอย่างงั้น
เอ้า? ฮ่าๆๆ เป็นพ่อเด็กนั่นรึไงเนี่ย ดูแลยิ่งกว่าลูกน้อยอี๊ก
“ไอ้สัสพวกนี้นี่
เสื้อกู!” ภาคได้แต่ปาหมอนใส่ก่อนจะหันมาสนใจหม้อข้าวต้มที่น่าจะหอมมากๆแทน
“พวกมึงแดกไรกันวะ กลิ่นโคตรหอม”
เจ้านักร้องนำที่สภาพต่างจากเมื่อกี้ลิบลับถามออกมา
เขาเพิ่งได้เห็นใบหน้าใสปิ๊งนั่นเต็มๆตา เป็นเด็กหนุ่มที่หน้าสวยมากจริงๆด้วย
ผมเผ้าที่เคยปิดหน้าปิดตาเวลานอนถูกมัดรวบครึ่งหัวลวกๆแต่กลับดูเซอร์สุดๆ แล้ว ถึงจะหน้าตาน่ารักแต่ก็ไม่ได้มีบรรยากาศหวานๆเหมือนเด็กผู้หญิง
แต่ออกจะดู...เถื่อน?นิดๆ ดูคูลๆ ดูนิ่งๆหยิ่งๆ?
“ข้าวต้มกุ้ง” เด็กหนุ่มผมยาวที่มาใหม่แจกช้อนให้ทุกคน หื๋อ? ไม่ได้ใส่ถ้วยแยกเหรอ?
“กูแดกด้วย~” พายจ้วงช้อนลงไปในหม้อข้าวต้มพร้อมกับอีกสามคนที่เหลือ...เดี๋ยวนะ
กินด้วยกันง่ายๆงี้เลยเหรอ?
“มึงนี่ยังมีแก่ใจมานั่งแดกข้าวต้มอยู่อีกนะ มึงลืมหน้าอาจารย์องศาพ่อมึงไปแล้วรึไง?
ไป กลับไปทำแบบต่อได้แล้วโว้ย เดี๋ยวกูช่วยมึงตัดโมเอง” แต่ข้าวต้มก็เข้าปากเล็กนั่นได้ไม่กี่คำ
เด็กหนุ่มผมสกินเฮดก็กางมือลงมาบนหัวสีดำแบบพร้อมจะลากออกไปจากห้อง
“กูแดกข้าวต้มก่อนก็ทัน~”
แต่คนที่ทำงานไม่ทันก็ยังดูไม่เดือดไม่ร้อน?
“มันไม่ทันหรอกมึงอ่ะ ไปได้แล้ว”
เป็นอีกคนมากกว่าที่ดูจะเดือดร้อนแทน
“ข้าวต๊มมมม~” เสียงร้องโหยหวนค่อยๆจางหายพร้อมกับร่างโปร่งบางที่ถูกลากออกไป
อีกสามคนก็เพียงโบกมือให้แล้วตักข้าวต้มกินต่อไป...จะว่ารักกันดีก็คงใช่...แหละมั้ง?
“แล้วมึงอ่ะไอ้ไม้
งานใกล้เสร็จยัง?” ภาคหันไปถามเด็กหนุ่มผมยาวที่มัดรวบไว้ที่ท้ายทอย
“กูชิวๆ~”
“.......มันพูดแบบนี้
กูว่ามึงไปช่วยมันตัดโมเหอะเชี่ยภาค”
เด็กหนุ่มผมบรอนด์พูดออกมาหลังจากหันไปสบสายตากับภาค
“กูก็ว่า”
“งั้นเหรอ?” แต่เด็กหนุ่มผมยาวยังหันมาถามงงๆ
จนทั้งสองคนต้องตะโกนออกมาพร้อมกัน
“เออ!”
แล้วธีร์ก็ทิ้งกล้องไว้ที่ห้องของไม้...เขานั่งจำชื่อเพื่อนของภาคได้ไม่ยากนักเพราะแต่ละคนก็มีเอกลักษณ์โดดเด่นกันเหลือเกิน
ในห้องนี้ค่อนข้างเงียบและสะอาดสะอ้าน
เขาจึงได้เห็นการทำงานของพวกเด็กถาปัดอย่างชัดเจน...ไม้กำลังนั่งเขียนแบบอยู่ที่โต๊ะดร๊าฟไฟ
ส่วนภาคดูเหมือนจะมาช่วยตัดโมเดล
“มึงมีแบบหลังคายังวะ?
มันเป็นจั่วหรือฮิปวะเนี่ย? หรือสแลบ? ไม่น่าใช่?” ภาคหันมาถามเจ้าของงาน
“มึงว่าไง?” แต่เจ้าของงานก็ยังดูงงๆ
“ไอ้สัส
งานมึงแล้วกูจะรู้กับมึงไหม?”
“กูยังไม่ได้คิดไง” แล้วคำตอบของคนที่ใจเย็นเป็นสายน้ำก็ทำให้ภาคถึงกับสตั๊น
“.........มึงควรต้องคิดได้แล้ว~ นี่มันเจ็ดโมงกว่าแล้ว
มึงไม่คิดตอนนี้มึงจะไปคิดตอนไหน~” เจ้าของงานยังหัวเราะชิวๆ
ในขณะที่ภาคได้แต่เท้าสะเอวถอนหายใจ
“แต่ถ้าให้กูดู...กูว่าเป็นจั่วก็น่ารักดีนะ?
โรงบาลมึงแม่งออกแนวคอนเท็มเหมือนโรงบาลสมัยเก่า ถ้าใส่ฮิปก็จะดูจริงจังไปหน่อยนะกูว่า
ไอ้ไม้ นี่มึงยังไม่เคยคุยกับอาจารย์เรื่องรูปแบบอาคารอีกเหรอวะ?”
“ยัง
ฮ่าๆๆ”
“.........กูจะทำยังไงกับมึงดี?
ใจเย็นไปไหน~ แล้ววันนี้ต้องตรวจกับอาจารย์องศาด้วย มึงอยากโดนพ่อไอ้พายฆ่าตายรึยังไง~
ขนาดไอ้พายยังร้องไห้กระซิกๆกลับมาทุกครั้งที่ตรวจแบบเลยนะ
จารย์แกโหดขนาดนั้นเลยนะโว้ย”
ภาคถอนหายใจอีกครั้ง
เขาเพิ่งเคยเห็นมุมที่อีกฝ่ายเป็นนักเรียนสถาปัตย์แบบนี้ ก็ดูเป็นเด็กเรียนดีต่างจากภาพลักษณ์เลยแหะ
ดูเป็นเด็กที่เก่งในสายงานของตัวเอง สมกับที่ธีร์บอกว่าเป็นที่สองของชั้นปี...
“ถ้ามึงว่าจั่วดี
กูก็ว่าดี”
“.........งั้นกูใส่จั่วนะ?
ถ้าจารย์แงะทิ้งมึงอย่ามาโทษกูล่ะ”
“เออ มึงเก่งรองจากไอ้พาย
กูไม่เชื่อสายตามึงแล้วจะไปเชื่อใคร?”
“ฮึ” ภาคหัวเราะพลางส่ายหน้าก่อนจะก้าวขาคร่อมลงไปบนเก้าอี้
นอกจากจะเป็นเด็กที่เรียนเก่งแล้วยังเท่ห์ขนาดนี้
ไม่เข้าใจพ่อของเด็กนี่เลยว่ายังต้องการอะไรจากลูกชายที่แสนจะเพอร์เฟ็คคนนี้อีก
“มึงอ่ะ
เก่งของจริง แล้วก็พึ่งพาได้ของจริง ส่วนไอ้พาย.......ฮ่าๆๆ มันเก่งก็จริงนะ
แต่มันพึ่งพาไม่ได้เอาซะเลย” เด็กหนุ่มทั้งสองคนแยกโต๊ะกันทำงานแต่ก็ยังคุยกันไปเรื่อย
“งานมันเองมันยังทำส่งๆไปเล้ย~
จะไปหวังพึ่งอะไรมันได้วะ มีอย่างที่ไหน
ที่อย่างไอ้เก้าอย่างกูต้องไปช่วยที่หนึ่งของชั้นปีแบบมันเนี่ย?” ถึงจะนินทาแต่สายตาของทั้งคู่ก็ดูจะมีแต่ความเอ็นดูเด็กที่เป็นนักร้องนำคนนั้น
“มึงดร๊าฟแปลนเป็นแคดไว้ใช่ไหม?
กูขึ้นหลังคาจากในแคดแล้วค่อยมาตัดโมตามง่ายกว่าว่ะ”
“เออ
เปิดอยู่ในคอม”
แล้วภาคก็ย้ายจากโต๊ะตัดโมมานั่งหน้าคอม
มือใหญ่ๆที่ใช้โปรแกรมเขียนแบบอย่างคล่องแคล่วกับใบหน้าที่ไม่ละสายตาไปจากหน้าจอสีดำนั่นดูมีเสน่ห์มาก
ผู้ชายมักจะมีเสน่ห์เวลาที่ทำงาน
คำพูดนี้ไม่เกินจริงสำหรับเด็กหนุ่มเลย เขานั่งดูภาคทำงานต่อไปอย่างไม่รู้สึกเบื่อ
และทั้งสองคนก็ยังหันมาคุยกันอยู่เรื่อยๆ
“กูใส่องศาหลังคาให้มึง
60 องศานะ กูว่าทำหลังคาสูงๆแล้วโชว์โครงสร้างข้างในก็เท่ห์ดีว่ะ มึงว่าไง?”
“เออ
กูว่างั้นแหละ”
“ไอ้ห่านี่
งานใครกันแน่วะ?”
“เดี๋ยวกูทำแกงส้มชะอมทอดถวายมึงเลย”
“ดีล” เขาดูไปก็อมยิ้มตามไป
เหมือนได้รู้จักกับตัวตนของอีกฝ่ายเพิ่มมากขึ้น เพราะจากมุมที่เขาเคยเห็น
ชีวิตของเด็กหนุ่มช่างมีแต่ความดราม่าและเย็นชา
ไม่ได้ดูผ่อนคลายดูสดใสเหมือนตอนอยู่กับเพื่อนๆเลย
สักพัก
ธีร์ก็เดินมาล้มฟุ้บอยู่บนเตียงของไม้
“เสร็จแล้ว?” ภาคหันไปถาม
“กูพอแล้ววว
ทางนี้อ่ะ?”
“เหอะๆๆ” ภาคหัวเราะอย่างละไว้ในฐานที่เข้าใจเพราะตอนนี้เพิ่งจะทำหลังคาอาคารได้แค่ส่วนเดียว
“กูเอากล้องไปไว้ห้องไอ้พายก่อน
เดี๋ยวกูกลับมาช่วยเผา มึงต้องเผาแล้วววว เวลานี้~”
แล้วภาพก็ตัดมายังห้องที่รกอย่างกับอยู่คนละโลกกับห้องเมื่อกี้
แล้วห้องนี้มันก็ดูแฟนตาซีมากเพราะเต็มไปด้วยข้าวของที่ดูจะเล็กกว่าสเกลของมนุษย์ไปนิดหน่อย
ตุ๊กตาที่ยืนหล่อๆสวยๆอยู่ตามมุมต่างๆจะว่าไปก็แอบหลอนไม่ใช่น้อย
“เสร็จยังวะ~?” ธีร์ถามเก้าที่กำลังวุ่นวายอยู่ที่โต๊ะตัดโมเดล
ส่วนเจ้าของงานนั้นยังนั่งถูคางไม่สนใจรอบข้างอยู่ที่โต๊ะเขียนแบบ
“ยัง...ไอ้ห่านั่นมันยังแก้ไม่เลิกเลยเนี่ย~
ไอ้พ๊ายยย มึงแก้พอก่อนนน เดี๋ยวก็ตัดโมตามไม่ทันพอดี~” เก้าโวยวาย
แต่เจ้าของงานกลับไม่ได้สนใจเท่าไหร่
ร่างผอมบางเดินมาถึงโมเดลได้ก็แกะอาคารก้อนหนึ่งออกง่ายๆซะงั้นเลย
“กูว่าจะบิดแมสตรงนี้ใหม่”
ใบหน้าสวยก้มลงไปส่องโมเดลก้อนนั้นที่ถูกวางลงไปใหม่
ปกติ...แก้แบบกันโหดงี้เลยเหรอ...
“.........แต่มึงต้องแก้แปลนกับรูปด้านตามนะ?” เก้ายังคงพยายามค้าน
“สวยขึ้นนะว่าไหม?” แต่พายก็ดูไม่ได้สนใจอะไรจริงๆ
เหมือนในหัวของเด็กคนนี้มีแต่งานจนมองข้ามอย่างอื่นไปหมด
“........มึงฟังกูบ้างเซ่~ ไอ้เด็กจากนรกนี่
มึงอยู่กับความเป็นจริงบ้าง~ มันจะไม่ทันแล้ววว” เก้าแทบจะจับคอเขย่า
แต่อีกฝ่ายก็ยังคูลอยู่ได้
“ทันน่า
เชื่อกู กูมีวิธีเผางานให้ออกมาดูดีอยู่”
ไม่ว่าเปล่ายังหันมายกยิ้มให้อย่างมั่นใจ
ดูไม่เกรงกลัวอะไรเลยสักนิด
“มึงนี่มันฮาเดสจริงๆ...เป็นกูคงคิดไม่ถึง
แล้วก็ไม่คิดที่จะแก้แล้วด้วย” เก้าถอนหายใจ แต่พูดก็พูดเถอะ
เด็กที่ชื่อพายนี่มันลักษณะของเด็กอัจฉริยะชัดๆ
“เออว่ะ
ไอ้ห่า ส่องตรงนี้แล้วสวยขึ้นจริงๆ ถึงกูจะคิดว่าของเดิมมันก็สวยอยู่แล้วนะ
เป็นกูคงพอที่แบบเดิมนั่นแล้วว่ะ ถ้าไม่บ้าอย่างมึงนี่คงเป็นที่หนึ่งของชั้นปีไม่ได้จริงๆไอ้เชี่ยพาย
ฮ่าๆๆ” ธีร์เอ่ยชมหลังจากก้มลงไปส่องโมเดลใหม่
“มึงอย่าเพิ่งมากวนกู” แล้วร่างโปร่งบางนั่นก็เดินไปนั่งลงหลังโต๊ะเขียนแบบ...ใบหน้ามนที่จ้องมองลงไปยังกระดาษแบบร่างพวกนั้นราวกับหลุดเข้าไปอยู่ในโลกของตัวเองและใครก็ไม่อาจรบกวนได้
ท่อนแขนเล็กๆชักทีสไลด์อย่างไวราวกับกำลังเอาทุกอย่างที่อยู่ในหัวออกมา สายตาจับจ้องมองอยู่แต่เส้นบนกระดาษ
มือบางลากดินสอเขียนแบบอย่างไม่ได้สนใจเลยว่ามีกล้องตั้งส่องตัวเองอยู่ตรงนี้
มีเสน่ห์...
เป็นเด็ก...ที่มีเสน่ห์มากๆ...
ขนาดเขามองอยู่ตรงนี้ยังคิดว่าเป็นเด็กที่น่าหลงใหลเลย
ถ้าภาค...จะหลงรักเด็กคนนั้น...เขาคงจะไม่แปลกใจเลย...
อ๊า
บ้าจริง!
เขาจะมาหึงมาหวงคนที่เป็นเพื่อนรักกันแบบนั้นได้ยังไง! ตัวเองก็ใช่ว่าจะมีสิทธิ์เสียหน่อย!
เป็นแค่...คู่นอนคืนเดียวแท้ๆ...
ฟุ้บ...
ใบหน้าภายใต้กรอบแว่นฟุ้บลงกับโต๊ะอย่างหมดแรง
เพราะตกหลุมรักอีกฝ่ายเข้าให้แล้วนั่นแหละ...ถึงได้มีความรู้สึกงี่เง่าๆพวกนี้...
เพราะรัก...ถึงได้หวง
ถ้าไม่อยากหวง
ไม่อยากให้ตัวเองงี่เง่า...ก็ต้องไม่รัก...
“เฮ้อ...ยากจัง...”
“เก้าครึ่งแล้วพวกมึง!
เก็บของได้แล้ว ห้องปิดสิบโมงนะโว้ย!” ได้ยินเสียงของเก้าตะโกนอยู่ในจอ
เขาได้แต่ตะแคงหน้ามองทั้งที่ยังฟุ้บอยู่กับโต๊ะ เด็กพวกนั้นกำลังเก็บของกันให้รึ่บรั่บ
บ้างก็วิ่งจากห้องนู้นไปห้องนี้
“และนี่ก็คือการเอาชีวิตรอดไปวันๆของพวกเราครับ
ไปส่งงานก่อนนะครับ บ๊ายบาย~”
ธีร์ยื่นหน้าเข้ามาในกล้องก่อนจะกล่าวลาอย่างหน้าตื่นๆ เป็นการปิดคลิปที่ลนลานที่สุดเท่าที่เคยดูมาแล้ว
“ฮึ...” เขาหัวเราะเบาๆ
หน้าจอปิดไปหมดแล้วแต่เขาก็ยังมองเครื่องหมายเล่นซ้ำนั่นด้วยแววตาเหม่อๆ
เป็นการนั่งดูคลิปชั่วโมงกว่าๆที่ไม่เบื่อเลยจริงๆ
เด็กพวกนั้น...นอกจากจะสนิทกันมากแล้วยังมีมุมฮาๆมุมน่าเอ็นดูของแต่ละคนอีกด้วย
และเขาก็เพิ่งจะเคยเห็น...สีหน้าที่ไม่เย็นชาของภาค...
ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มทั้งที่อดนอน
สายตาที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยน แล้วยังเป็นผู้ชายที่พึ่งพาได้ เป็นคนเก่ง
ถึงแม้ว่าเขาจะดูคลิปนี้ด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย
ทั้งตื่นเต้น ทั้งมีความสุข ทั้งอยากรู้อยากเห็น ทั้งตื่นตาตื่นใจ ทั้งขำขัน
ทั้งหึงหวง ทั้งไม่เข้าใจ ทั้งเต็มไปด้วยคำถาม...แต่สิ่งหนึ่งที่รับรู้ได้ก็คือ...
เขาอยากรู้จักเด็กนั่นให้มากกว่านี้...
อยากเรียกชื่อของเด็กนั่นออกไปจากปาก
อยากเรียกว่า “ภาค”...
เรื่องของเรา...ขอให้มันไม่จบแค่คืนเดียวแบบนี้จะได้ไหมนะ?
แต่ก็นั่นแหละ...จะเอาเหตุผลอะไรไปรั้งเด็กนั่นเอาไว้ได้ล่ะ?
ดูก็รู้ว่าโลกของเรานั้นต่างกันมาก
แถมอายุก็ห่างกันไม่ใช่น้อยๆเลยด้วย
เขาควร...จะปล่อยเด็กนั่นไป...แล้วก็ตัดใจซะ...
หาคนที่เหมาะสมกับตัวเอง
จบทุกอย่างเอาไว้แค่นี้เถอะ...
ทั้งๆที่คิดอย่างนั้น...
แต่เจ้าเด็กวายร้ายมหาภัยพิบัตินั่น...กลับเป็นฝ่ายถาโถมเข้ามาหาเขาเอง!
ซะงั้น!
สองขาได้แต่ชะงักค้างเมื่อเห็นว่าใครนั่งรออยู่ที่หน้าห้องพักแพทย์ของเขา...
ให้ตายเถอะ
นั่งกับพื้นยังไงให้หล่อขนาดนี้เนี่ย?!
ไม่สิๆ
นี่ไม่ใช่เวลามาหลงใหลใบหน้าของเจ้าเด็กนั่นนะ! เขารีบส่ายหัวก่อนจะพยายามเรียกสติกลับคืนมา
หลังจากไปนอนคิดทบทวนอยู่ทั้งคืน...เขาก็ตัดสินใจแล้วว่าจะตัดใจจากเด็กนี่...
เพราะอะไรหลายๆอย่างที่ต่างกันมากเกินไปนี้
อาจจะทำให้เราคบกันไม่รอด...ถ้ายังไงก็จะต้องเลิกกัน สู้ไม่คบกันแต่แรกเลยดีกว่า...
เขาถึงต้องอดทนอดกลั้นหักห้ามใจอยู่นี่ไง...
“กลับมาแล้วเหรอครับ
คุณหมอ?” แล้วพออีกฝ่ายมองเห็นเขาเข้า
ร่างสูงใหญ่ก็ลุกขึ้นยืนทันที...อืม...วันนี้...ทำไมเจ้าเด็กนี่ดูจะมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปเล็กน้อย?
สายตาที่มองมายังเขา...ก็ไม่ได้เย็นชาเท่าก่อนหน้านี้แล้ว...?
“มีอะไรครับ?” เขาปั้นเสียงแข็งถามออกไป
มือบางเอื้อมไปจับลูกบิดอย่างพยายามไม่สนใจไม่หันไปมองเพราะกลัวว่าตัวเองจะใจอ่อน
ร่างสูงยาวจึงยกนิ้วชี้ซึ่งมีแผลคัตเตอร์บาดขึ้นมาให้เขาดู...?
“ผมเป็นแผลน่ะครับ
คุณหมอ...ช่วยทำแผลให้ผมหน่อยได้ไหมครับ?”
“........” แข็งใจไว้นายแพทย์กังหัน~
อย่าไปหลงใบหน้าหล่อๆนั่นเป็นอันขาดดดด
ต่อให้อีกฝ่ายจะยกยิ้มเจ้าเล่ห์ที่ดูมีเสน่ห์แค่ไหนก็ตาม~
“เฮ้อ...เข้ามาสิครับ” ปัดโธ่!
ใจแข็งได้กี่วินาทีกันฟ๊ะเขาเนี่ย! ถึงจะหงุดหงิดตัวเองแต่มันก็ช่วยไม่ได้นี่
อีกฝ่ายบาดเจ็บอยู่นะ ในฐานะคนเป็นหมอแล้วก็ต้องช่วยเหลือก่อนสิ!
“....แผลแค่นี้
คุณแปะพลาสเตอร์ยาเอาก็ได้ครับ”
เขามองแผลเท่าแมวข่วนนั่นพลางอยากจะเอาหัวโขกกำแพง
แต่ก็ต้องรักษามาดด้วยการทายาให้ไปตามประสา
“ผมแค่อยากเจอคุณหมอ
แต่ผมไม่มีข้ออ้างน่ะสิ” อึ้ก!
ทั้งสายตา ทั้งคำพูดนี่มันอะไรกัน เดี๋ยวเขา...ก็เข้าใจผิดหรอก...
“......เจ้าเด็กนี่ คิดว่าหมอทุกคนชอบรักษาคนไข้งั้นเหรอครับ?
มาแบบไม่เจ็บไม่ป่วยหมอจะยินดีมากกว่าครับ”
เขาทำเป็นไม่สนใจและพยายามริดรอนต้นอ่อนแห่งความรักที่กำลังงอกเงยอยู่ในใจพวกนั้นทิ้งไป
จะปล่อยให้มันโตไปมากกว่านี้ไม่ได้นะ
“งั้น...ถ้าผมไม่เป็นแผล
ผมก็ยังมาหาคุณหมอได้ใช่ไหมครับ?”
“ครับๆๆ
อยากมาเมื่อไหร่ก็มาเลย ปกติก็มานั่งมองไม่เคยขออยู่แล้วนี่ คราวนี้ทำเป็นมาถาม” ใบหน้าเนียนใสแสร้งบ่น
มือสะอาดสะอ้านแปะพลาสเตอร์ยาบนแผลให้อย่างเรียบร้อยสวยงาม
“แล้ว
อยากเจอหมอนี่มีเรื่องอะไรเหรอครับ?”
เขามัวแต่ก้มลงไปเก็บห่อกระดาษพลาสเตอร์ยาจึงไม่ทันมองเลยว่าร่างสูงใหญ่นั่นลุกขึ้นมายืนในระยะกระชั้นชิดแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่
ใบหน้าหล่อเหลาขยับมาใกล้ใบหูก่อนจะกระซิบออกมาเบาๆ...ถึงจุดประสงค์ที่มาหาเขาในวันนี้...
“......มีเซ็กส์กันไหมครับ?
คืนนี้”
เขาตกใจจนผงะถอยหลัง
ติดก็ตรงที่เขาหนีไปไหนไม่ได้เพราะถูกท่อนแขนแข็งแรงนั่นกักขังเอาไว้กับโต๊ะของตัวเอง...
“ห๊ะ?
ทะ ทำไมหมอต้องทำแบบนั้นด้วย?” เพราะไม่ได้คาดคิดมาก่อนเขาจึงถามออกไปแบบไม่ได้เตรียมคำพูดให้ดีๆ
ตกใจก็ตกใจ ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะชวนทำเรื่องแบบนั้นอีก
นี่คงไม่ได้เห็นเขา...เป็นคนที่นึกอยากจะทำก็มาหาหรอกใช่ไหม?...
ดวงตาภายใต้กรอบแว่นได้แต่สบประสานสายตาคมกล้าอย่างไม่เข้าใจและหวั่นไหว
ต่างจากนัยน์ตาของอีกฝ่ายที่มองมาด้วยแววตาหนักแน่นและมั่นคง
“ถ้าหมอไม่ทำ
ผมจะไปหาคนอื่น ผมนอนกับผู้ชายแค่ครั้งเดียว พ่อผมจะไปโมโหจนควันออกหูได้ยังไง?
ว่าไหมครับ?” คำพูดที่แสนเย็นชานั่นทำเอาเจ็บแปลบไปทั้งหัวใจ
คิดจะผูกพันกันด้วยเรื่องอย่างว่าเพียงเท่านั้นสินะ...
เขาควรจะปฏิเสธ
ควรจะผลักอีกฝ่ายออกไป แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไมวันนี้ปากถึงได้หนักอย่างกับถูกหินถ่วงเอาไว้
“...........” มือใหญ่ๆที่ค่อยๆสอดประสานนิ้วทั้งห้ามาจับมือเขาไว้ยิ่งทำให้พูดอะไรไม่ออก
เขาได้แต่ยืนนิ่งมองต้นคอแกร่งที่อยู่ไม่ไกลราวกับลืมไปแล้วว่าคำว่า “ไม่เอา”
นั้นพูดยังไง
“หึ...งั้นผมรอที่รถนะครับ”
ภาคหัวเราะในลำคอก่อนจะกดจูบขมับของเขาเบาๆแล้วละออกไป
ร่างสูงใหญ่เดินออกจากห้องโดยไม่หันกลับมามอง
ทิ้งให้เขาจมอยู่กับความสับสนในใจเพียงลำพัง
ไม่ว่าจะวัยวุฒิหรือคุณวุฒิต่างก็ไม่มีประโยชน์เลยเมื่อต้องเผชิญหน้ากับสิ่งที่เรียกว่าความรัก...ดูอย่างเขาในตอนนี้สิ
จะทำยังไงกับหัวใจเจ้ากรรมดวงนี้ดีนะ...
.
.
.
.
.
.
.
.
To
be con.
หมดแล้วในสต็อคที่แอบกักตุนไว้ยยย
ตอนต่อไปก็อาจจะต้องรอหน่อยนาคะ 555
แอบแปะเพลงที่มีการกล่าวถึงไว้ในตอนนี้
เพลงแรก Trash ของวง
Korn เนื้อเพลงมันอาจจะเถื่อนๆหน่อยนาคะ ข้ามๆไป ^
^ แต่จังหวะคือน่าโดดมากกกก
เพลงที่สอง
ว่าว ของมีนตรา อินทิรา ขอยาดแปะเวอร์ชั่นคริส-สิงโตนาคะ
อิๆๆๆ
เพลงที่สาม
วิมานดิน ก็ขอยาดแปะเวอร์ชั่นคริส-สิงโตอีกเช่นกัล =/////=
ขอบคุณทุกๆคอมเม้นต์
ทุกๆการติดตาม ทุกๆหัวใจที่มอบให้กันมากๆๆเลยนะคะ แล้วเจอกันตอนหน้าน้า
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น