KW Original [องศาxพายุ] องศา π (พาย) : 14
:
KW Original เป็นนิยายออริของคุณกวางเองค่ะ ไม่ใช่ฟิคชั่นน้า
:
องศา x พายุ , เก้า x เจ้าจอม
, ภาค x กังหัน
:
Warmhearted Romantic
:
NC-17
คำเตือน :
เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย
หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ
: เนื้อเรื่องต่อไปนี้เป็นเพียงเรื่องที่แต่งขึ้น
ไม่เกี่ยวกับสถานที่หรือบุคคลใด
: อาจมีคำพูดหยาบคายและไม่เหมาะสม
โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
มหาสมุทร
ปัทมวารินทร์ลืมตาขึ้นมาบนเตียงของพี่ชายเพราะเสียงพูดคุยที่กระทบมายังโสตประสาท
มือที่เหนื่อยล้าขยับมาขยี้ตาก่อนจะพยายามลุกขึ้นมานั่งทั้งที่ยังมึนเบลอ...เมื่อคืน...พี่ภาคพาเขากลับมาที่บ้านหลังหนึ่งซึ่งเป็นบ้านของคุณย่า
เขาคุ้นๆว่าเคยมาที่นี่ตอนเด็กๆแต่มันก็ดูเปลี่ยนไปพอสมควร
เขาจำได้ว่ามันเป็นบ้านไทยที่ทั้งน่ากลัวทั้งหลอน
แต่ตอนนี้มันกลับดูน่ารัก ดูอบอุ่น ดูคึกคักและน่าอยู่มากๆ...
แม้แต่บ้านเองก็จะเปลี่ยนไปตามคนที่อาศัยอยู่สินะ...
“ตื่นแล้วเหรอ?
เอาโทรศัพท์นายมาซิ กดเบอร์คุณแม่ของกฤตย์ให้ด้วย
เมื่อกี้ฉันเพิ่งคุยกับทนายที่เพื่อนแนะนำมา คนนี้น่าจะพอช่วยเพื่อนนายได้” เขาหยิบโทรศัพท์มายื่นให้พี่ภาคอย่างเบลอๆ...นี่พี่ชายเขาได้นอนบ้างหรือเปล่า?
นอกจากจะไปพาเขาออกมาจากโรงพักแล้วยังจัดการเรื่องหาทนายให้เพื่อนเขาอีก
ความรู้สึกผิดจึงยิ่งทำให้เขาไม่กล้าเข้าใกล้อีกฝ่ายไปกันใหญ่...เผลอไปทำให้เดือดร้อนอีกแล้ว
เขานี่มันแย่จริงๆ แค่ตัวเองก็ยังรับผิดชอบไม่ได้...
“เอ่อ...ให้ผม...คุยกับแม่กฤตย์เองไหมครับ...” อย่างน้อยเขาก็ควรจะทำอะไรบ้าง...
“ไม่ต้องหรอก
ให้ฉันพูดทางนั้นน่าจะเกรงใจกันมากกว่า”
แล้วมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ
พี่ภาคพูดกับคุณแม่ที่กำลังสติแตกด้วยน้ำเสียงเด็ดขาดกว่าเขามาก หากเขาเป็นคนโทรไปเรื่องก็คงไม่จบภายในเวลาแค่นี้แน่ๆ
พี่ภาค...พยายามกันเขาออกจากความวุ่นวายทุกวิถีทางโดยการลงมาจัดการทุกอย่างด้วยตัวเอง
“ช่วงนี้นายก็อยู่กับฉันที่นี่ไปก่อน
เมื่อคืนเจอเพื่อนๆฉันไปบ้างแล้ว ทุกคนไว้ใจได้ นายไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น แล้วก็อยู่แต่ในบ้าน
อย่าเพิ่งออกไปไหน อีกไม่นานคุณย่าก็จะออกจากโรงพยาบาลแล้ว
รอให้คุณย่าแข็งแรงดีก่อนค่อยจัดการเรื่องของนาย”
พี่ชายหันมาบอกกับเขาหลังจากยื่นโทรศัพท์คืนให้
ยิ่งพี่ภาคจัดการทุกอย่างได้ดีแค่ไหนก็ยิ่งย้ำชัดถึงความแตกต่างระหว่างเราพี่น้อง...ยิ่งชัดเจนว่าเขามันไม่ได้เรื่องขนาดไหน
คนที่สมควรจะได้ชื่อว่าทายาทของปัทมวารินทร์ก็คือพี่ชาย
ไม่ใช่คนอย่างเขา...ไม่ใช่เลย...
“เดี๋ยวฉันจะไปโรงพยาบาล
ถ้าหิวก็ลงไปกินข้าวที่ห้องครัวข้างล่าง
หรือถ้าจะอาบน้ำก็หาเสื้อผ้าของฉันในตู้ใส่ไปก่อนแล้วกัน ของๆฉันนายใช้ได้เลย”
“ครับ...” พี่ภาคพยักหน้าให้ก่อนจะเดินออกไป เขายังไม่มีโอกาสได้คุยอะไรกับพี่ชายมากนักเพราะดูเหมือนพี่ภาคจะมีหลายเรื่องให้ต้องจัดการ
ยังไม่ได้บอก...ว่าทำไมเขาถึงได้ไปอยู่ในที่แบบนั้น
ระหว่างเขากับกฤตย์ไม่ใช่แค่เพื่อนกัน
และเหตุผลแท้จริงที่เขาหนีจากออสเตรียมามันงี่เง่ากว่าที่พี่ภาคคิดมาก...
เขาถอนหายใจก่อนจะนั่งนิ่งๆอยู่พักใหญ่
เขาจมปลักกับความงี่เง่านี้มานานมากแล้ว มันควรจะพอสักทีดีไหม?
แต่มันก็ไม่ได้ง่ายเลยเขาถึงได้ก่อเรื่องใหญ่โตขนาดนี้ลงไป...มันยาก...มากจริงๆ...
ใบหน้าที่อ่อนเพลียนิดๆหันไปมองสำรวจภายในห้องเป็นครั้งแรกเพื่อหาอย่างอื่นมาเบี่ยงเบนความคิดที่สับสนวุ่นวายของตัวเอง
เมื่อคืน...เขาไม่ทันได้มองอะไรก็เหนื่อยจนหลับไปเสียก่อน
พี่ภาคบอกว่าห้องอื่นๆมีเพื่อนใช้หมดแล้วจึงไม่มีห้องให้เขาอีก
ถ้าจะอยู่ที่นี่ก็ต้องนอนห้องเดียวกับพี่ภาคไปก่อน...
แน่นอนว่าเขาไม่ได้รู้สึกแย่อะไร...กลับ...ดีใจเสียด้วยซ้ำ...
เพราะนี่คือครั้งแรกที่เขาได้เข้าใกล้พี่ชายขนาดนี้
คือครั้งแรกที่ได้เข้าไปในห้องของพี่ชาย
ก็ตอนอยู่ที่บ้านใหญ่เขาไม่เคยแม้แต่จะได้เฉียดเข้าใกล้
จึงไม่เคยนึกไม่เคยฝันมาก่อนว่าจะได้มานอนอยู่ในห้องเดียวกัน
สำหรับเขาตัวตนของพี่ภาคนั้นยิ่งใหญ่เสมอ
เขามองพี่ชายเป็นเหมือนไอดอล
พี่ภาคเกิดมาพร้อมกับความสมบูรณ์แบบทั้งฐานะและชาติตระกูล
เวลาที่ใครชมว่าพี่ชายของเขาหล่อมากเท่ห์มากเขาก็จะปลื้มใจราวกับได้รับคำชมนั้นเสียเอง
พี่ภาคเรียนเก่ง เล่นกีฬาก็เก่ง แถมยังเล่นดนตรี และพี่ภาคยังมีความคิดเป็นของตัวเอง
มีความมั่นใจที่จะเดินไปตามเส้นทางที่ตัวเองเลือก
พี่ภาคมี...ทุกอย่างที่เขาไม่มี...
“เฮ้อ...” เพราะมีพี่ชายที่เพอร์เฟ็คเหนือมนุษย์มนาแบบนั้น
มันเลยกลายเป็นปมในใจของเขาไปโดยปริยาย เวลาที่ถูกเปรียบเทียบ
เวลาที่ถูกพ่อกดดันและเอาความคาดหวังที่เคยมีต่อคนแบบนั้นมาไว้ที่เขา
ความเครียดจึงยิ่งทบทวี...จนวันหนึ่งเขาก็ทนไม่ไหวแล้วหนีมันออกมา
หัวสีดำสะบัดไล่ความคิดอึมครึมที่อยู่ในหัว...จะมัวมาจิตตกอยู่แบบนี้ไม่ได้สิ
เขาควรจะต้องคิดแล้วว่าต่อจากนี้จะทำยังไงต่อไปดี
ดวงตาคู่สวยเหลือบมองกางเกงยีนส์ใส่แล้ว?ที่พาดอยู่ตามขอบโต๊ะที่น่าจะเอาไว้ใช้เขียนแบบ
มองประตูตู้เสื้อผ้าที่เผยอออกมาเพราะมีเสื้อยัดไว้ลวกๆ มองกีต้าโปร่งที่วางอยู่บนเก้าอี้
มองกีต้าไฟฟ้ากับตู้อะไรสักอย่างที่วางอยู่บนอาร์มแชร์
มองข้างฝาที่เต็มไปด้วยโน้ตเพลง มองกระดาษที่เต็มไปด้วยเนื้อเพลงลายมือของพี่ภาค
มองโต๊ะที่มีคีย์บอร์ดกับคอมพิวเตอร์ มองกองหนังสือรกๆที่ตั้งซ้อนๆกัน
พี่ภาค...ก็ดูเป็นผู้ชายปกติมากกว่าที่คิด...เขานึกว่าพี่ชายเขาจะเนี้ยบจะเป็นระเบียบมากกว่านี้เสียอีก...
เขาเดินเข้าห้องน้ำไปล้างหน้าล้างตาก่อนจะเดินกลับออกมามองสำรวจไปตามโต๊ะทำงานของพี่ภาค...เขาไม่เคยเห็นพี่ชายตอนเรียนมาก่อนเลย
พอจบม.ปลายพี่ภาคก็ทะเลาะกับพ่อและไม่ยอมกลับมาอยู่ที่บ้านอีก
นี่จึงเป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นพี่ชายในคราบเด็กถาปัด
ร่างผอมบางเดินส่องดูโมเดลที่วางสุมๆกันอยู่บนโต๊ะเขียนแบบ
มีคอมพิวเตอร์อีกตัววางอยู่ตรงนี้และมันก็มีแต่กระดาษซึ่งเต็มไปด้วยแปลนบ้านรูปด้านอาคารกองพะเนินจนแยกไม่ออกว่าอันไหนใช้อยู่หรืออันไหนจะทิ้งแล้วกันแน่
แถมอุปกรณ์เขียนแบบตัดโมเดลก็แทบจะล้นทะลักชั้นวาง
ตรงนี้ยังมีโมเดลกับม้วนแบบซุกๆอยู่อีก...
“คิก...” เขาหลุดขำออกมาเป็นครั้งแรก ดู...น่าสนุกจัง
ชีวิตของพี่ภาค
เขาก้าวขาออกมานอกห้องเพราะได้ยินเสียงคนพูดคุยเฮฮา
ตรงลานกว้างกลางบ้านมีกลุ่มคนที่เขาไม่เจอเมื่อคืนกำลังทำเจดีย์อยู่?
...เขาเพิ่งรู้ว่ามีคนอยู่กันเยอะขนาดนี้
ที่ผ่านมาพี่ภาคไม่เคยเล่าเรื่องเพื่อนให้ฟังเลย
ก็นึกว่าจะตัวคนเดียวเสียอีก แต่นี่กลับดูสนิทกับทุกๆคนมากๆ เพราะยังไงบ้านหลังนี้ก็เป็นบ้านของพี่ภาค
ถ้าไม่ได้สนิทกับพี่ชายเขาก็คงมาอยู่ด้วยกันเยอะขนาดนี้ไม่ได้หรอก
เขาพยายามเดินเลี่ยงๆไม่เข้าไปใกล้โมเดลเจดีย์ที่ดูยิ่งใหญ่อลังการนั่น
เกิดไปสะดุดล้มใส่จนพังขึ้นมาเขาคงไม่มีปัญญาทำใช้แน่ แล้วนี่พี่ชายเขาก็ต้องทำเจดีย์แบบนั้นด้วยหรือเปล่า?
เด็กถาปัดนี่สุดยอดจริงๆเลยแหะ
ตัวเขาเองแค่ตัดกระดาษให้ตรงยังทำไม่ได้เลย
“อ๊ากกกก!
ไอ้เก้า! ทำไมมึงไม่ปลุกกู!! เดี๋ยวกูก็ไปไม่ทันเครื่องลงหรอก
เวรเอ้ย~!” แล้วเสียงแหกปากลั่นของใครสักคนก็ทำให้เขาสะดุ้งโหยงก่อนจะหันไปมอง
เป็นเพราะพี่ๆพวกนี้ไม่ปิดประตูห้องกัน เขาจึงเห็นพี่พาย?
วิ่งตึงตังออกจากห้องพร้อมกับใส่เสื้อผ้าไปด้วย?
“มึงอย่ามากล่าวหากู
กูแงะมึงออกมาจากเตียงตั้งไม่รู้กี่รอบแล้ว มึงไม่ตื่นเอง”
พี่เก้า?ตามมายืนเท้าราวกันตกบันไดก่อนจะมองตามลงไปด้วยเสียงหัวเราะเยาะเย้ย?
“เป็นห่าอะไรของมันแต่เช้าวะ?
หนวกหูชิบหายตั้งแต่ตอนที่มึงพยายามปลุกมันละ”
พี่ธีร์?เดินมายืนหาวหวอดอยู่ข้างๆ
“อาจารย์องศาพ่อมันกลับจากบาหลีไง
แล้วมันต้องไปรับที่สนามบิน”
“เครื่องลงกี่โมงวะ?”
“แปดโมงครึ่ง” แล้วตอนนี้แปดโมง......
“อื้อ
อาจารย์องศาก็รักมันดีเนอะ ฮ่าๆๆ ไอ้สัส มึงต้องขี่ไม้กวาดบินไปน่ะถึงจะทัน
ไอ้เชี่ยพาย!” พี่ธีร์ป้องปากตะโกน เขาหันไปมองตามเสียงรถที่พุ่งทะยานออกจากบ้านไป...ต้องมีอย่างน้อยสองชั่วโมงละจากปิ่นเกล้าไปถึงสุวรรณภูมิเนี่ย...
“อ้าว
ภูมิ? มึงจะเอาอะไรรึเปล่า?”
พี่เก้า?เหลือบมาเห็นเขาเข้าจึงเอ่ยทักอย่างเป็นกันเอง แต่เพราะอีกฝ่ายดูน่ากลัวมากเขาจึงเผลอยืนตัวเกร็ง
“ปะ
เปล่าครับ...”
เขามองรอยสักกับผมสกินเฮดพลางลอบกลืนน้ำลาย
แต่อีกฝ่ายกลับยกยิ้มด้วยใบหน้าราวกับพวกแบดบอย
“มึงอยากได้อะไรมึงก็บอกพวกกูแล้วกัน
พี่มึงฝากไว้”
“ครับ...”
“หิวอ่ะดิ?
เมื่อคืนก็แทบไม่ได้แดกข้าวแดกปลา มึงตามกลิ่นไปเลย ลงบันไดเลี้ยวขวา ป่ะ” มือใหญ่ของพี่ธีร์?ตบหลังเขาก่อนจะดันให้เดินลงบันได
ก็จริงอยู่ที่เขาเริ่มจะรู้สึกหิวขึ้นมานิดๆ แต่การที่พี่พวกนี้ช่วยดูแลเขาแทนพี่ภาคให้กลับเป็นอะไรที่น่าประหลาดใจยิ่งกว่า
นึกว่าจะตัวใครตัวมันมากกว่านี้ นึกว่าจะไม่มีใครสนใจเขาเสียอีก
เขาได้กลิ่นอาหารจึงลองเดินตามไปอย่างที่พี่ธีร์บอก
แล้วก็ต้องมายืนงุนงงอยู่หน้าห้องครัวเมื่อมองเห็นแผ่นหลังที่ไม่คุ้นตา...เขาจำได้ว่าคนคนนี้เป็นเพื่อนพี่ภาค?
คนที่ผมยาวๆน่าจะชื่อ...พี่ไม้?
“ภูมิ?
เข้ามาสิ”
และในขณะที่เขามัวแต่ชะงักค้างอย่างลังเล ร่างสูงยาวนั่นก็หันมาเห็นเขาเข้า
สองขาก้าวตามเสียงเรียกไปอย่างงงๆ พี่ๆทำอาหารกินเองด้วยเหรอ?
เขานึกว่าจะจ้างแม่บ้านหรือเชฟมาทำให้เสียอีก?
“หิวแล้วสินะ
อืม...ทำไงดี...พี่ว่าจะทำแกงส้มน่ะ แต่น่าจะอีกพักใหญ่เลยกว่าจะเสร็จ ถ้าไงพี่ทอดไข่เจียวให้กินรองท้องก่อนแล้วกัน
ไข่เจียวปูได้ใช่ไหม?” เขาพยักหน้าไปอย่างเผลอไผล
ทั้งน้ำเสียงเนิบช้าและท่าทางใจเย็นนั่นมันทำให้เขาเคลิ้มตามไปเฉยเลย
ทั้งๆที่ไม่ได้หิวอะไรมากมาย จะให้รอแกงส้มอะไรนั่นก็ยังได้
เขานั่งลงที่โต๊ะไม้ตัวใหญ่ก่อนจะมองแผ่นหลังที่หันไปเจียวไข่ให้เขา
เสียงซ่ายามที่ไข่ถูกราดลงไปบนน้ำมันร้อนๆก่อนที่กลิ่นหอมมากจะโชยออกมามันกลับกลายเป็นเหมือนกุญแจที่ปลดล็อคอะไรบางอย่างซึ่งอยู่ในใจ
นานแค่ไหนแล้วที่เขาไม่ได้กินข้าวไข่เจียวฝีมือคุณแม่
ทุกวันมัวแต่วุ่นวายอยู่กับการปฏิบัติตัวให้เป็นคนที่ดีเลิศกว่าใคร
ต้องจดจำรายชื่ออาหารนานาสัญชาติรวมถึงวิธีที่จะทานมันอย่างมีมารยาท
ขนาดไวน์ชนิดไหนต้องใส่แก้วแบบไหนเขายังต้องรู้ มันเหนื่อย...มากๆ
“มาแล้ว~ ถึงจะเป็นไข่เจียวธรรมดาๆแต่ว่าอร่อยนะ”
ใบหน้าราวกับเอลฟ์นั่นยิ้มให้หลังจากวางจานข้าวที่โปะไข่เจียวสีเหลืองอร่ามลงตรงหน้าเขา
เขาก้มมองมันเนิ่นนาน...
สิ่งที่เขาต้องการไม่ใช่อาหารเลิศรสที่หรูหรา
แต่เป็นแค่ข้าวไข่เจียวแสนธรรมดาแค่นี้เท่านั้นเอง...
น้ำตาหยดแหมะลงไปจากใบหน้าโดยไม่รู้ตัว
หยดแล้วหยดเล่า...
“เฮ้ย?
ร้องไห้ทำไม? ภูมิ? ไม่ชอบข้าวไข่เจียวเหรอ? หรือว่าแพ้ปู?” พี่ไม้พุ่งเข้ามาดูเขาด้วยความตกใจ
แต่มันเหมือนกับเขื่อนที่แตกไปแล้ว เขาไม่สามารถจะหยุดน้ำตาของตัวเองได้อีกต่อไป
เขาร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อนและไม่คิดจะทำด้วย...แต่ว่า...พอเหนื่อยล้าจนถึงขีดสุด
แล้วจู่ๆก็มีมือที่อ่อนโยนของใครสักคนยื่นเข้ามา
เขาจึงเพิ่งรู้ว่าอดทนไม่ไหวมันเป็นยังไง
ที่ผ่านมาเขาทนมาตลอด
ทุกๆเช้าที่ตื่นขึ้นมามีแต่ความกดดัน ถึงจะพยายามหนีแต่ก็ยังต้องอดทนกับมันอยู่ดี
มันมีแต่ความหวาดกลัวว่าวันไหนจะถูกลากกลับไปอีก
กลับไปอยู่ในที่ที่เขาไม่เคยต้องการ แต่ว่า หากถามว่าแล้วที่ไหนล่ะที่เขาต้องการ?
เขา...ก็ตอบไม่ได้เหมือนกัน...
เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองต้องการอะไรกันแน่
เขาไม่เหมือนพี่ภาคที่มีสิ่งที่ตัวเองรักและอยากจะทำ
มีเส้นทางที่อยากจะเดินไปด้วยตัวเอง
พี่ภาคถึงได้เดินออกมาจากที่นั่นด้วยความมั่นคง ไม่เหมือนกับเขา
ตุบ...
มือที่ตบลงมาบนแผ่นหลังเบาๆนั่นทำให้ดวงตาที่พร่ามัวถึงกับเบิกกว้าง...
ร่างกายที่อบอุ่นของใครบางคนกำลังดึงเขาเข้าไปกอดไว้หลวมๆ
และนั่น...ก็ทำให้ทำนบน้ำตายิ่งพังทลายไปกันใหญ่
มันเป็นเพียงสัมผัสจากคนที่ไม่รู้จัก...แต่กลับเป็นสิ่งที่เขาต้องการมาตลอด...อ้อมกอดของใครสักคน
ฝ่ามือบางจึงกำกระชับชายเสื้อผ้าพื้นเมืองนั่นจนแน่น
เขาร้องไห้จนตัวโยนและมันคงจะดูไม่ได้เอาเสียเลย...แต่ฝ่ามือใหญ่ๆนั่นก็ยังตบหลังเขาโดยไม่พูดอะไรต่อไป
ความรู้สึกที่อัดแน่นอยู่ภายในใจเท่าอายุที่เขาเติบโตมาราวกับจะถูกค่อยๆกระเทาะออกไปทีละเล็กละน้อย
เขาไม่เคยรู้สึกสบายใจขนาดนี้มาก่อนเลยจริงๆ...ทั้งๆที่ร้องไห้จนปวดหัวไปหมดแล้ว...
“เอ้า
เช็ดหน้าก่อน แล้วก็ซับรอบๆดวงตาเอาไว้ ดูสิ แดงไปหมดแล้ว” เขารับผ้าขนหนูเย็นๆนั่นมาอย่างอายๆ
เขาก้มหน้าก่อนจะซับผ้านั่นตามที่อีกฝ่ายแนะนำ
“ข้าวเลยเย็นหมดเลย
เอาใหม่ไหม? เดี๋ยวพี่เปลี่ยนให้”
ใบหน้ารูปไข่ส่ายพั่บๆก่อนจะก้มหน้ามองสองมือที่กำอยู่บนตัก
“พี่...อย่าบอกพี่ภาคนะครับ...ว่าผมร้องไห้...เดี๋ยวพี่ภาคจะรำคาญ...” เขารู้ว่าเขาทำให้พี่ชายเดือดร้อนมามากแล้ว
หากเราเป็นพี่น้องที่สนิทกันก็ว่าไปอย่าง
แต่นี่ปกติแล้วเราก็แทบจะไม่ได้คุยกันด้วยซ้ำ ตอนพี่ภาคทะเลาะกับพ่อเขาก็ทำได้แค่ยืนดูอยู่เฉยๆ
แต่พอทีตัวเองกลับขอความช่วยเหลืออย่างน่าไม่อายขนาดนี้
“พี่ไม่บอกหรอก
ไม่ต้องกังวล” พี่ไม้ยิ้มให้ด้วยสายตาอ่อนโยน
บรรยากาศเย็นๆเป็นสายน้ำที่แผ่ออกมาจากร่างสูงยาวนั่นทำให้เขารู้สึกสงบยังไงชอบกล
“ภูมิ” เสียงที่นุ่มนวลนั่นเอ่ยเรียกเขา
“ครับ...” เขาจึงเงยหน้ามองและสบตากับพี่ไม้เป็นครั้งแรก
“ภูมิเป็นน้องชายนะ
อภิสิทธิ์หนึ่งของน้องชายก็คือการได้รับการปกป้องจากพี่ชาย
ไอ้ภาคมันไม่ได้รำคาญหรอก พวกพี่ชายน่ะมันจะมีสัญชาตญาณหนึ่งที่ทำไปโดยไม่รู้ตัว
นั่นก็คือการปกป้องน้องชายยังไงล่ะ”
เขาฟังอย่างอึ้งๆ...สัญชาตญาณของพี่ชาย...งั้นเหรอ...อภิสิทธิ์ของน้องชาย...งั้นเหรอ...
“เรื่องพวกนี้น่ะ
มีแต่คนที่มีพี่ชายกับน้องชายเท่านั้นถึงจะได้สัมผัสมันนะ ไม่คิดว่าน่าอิจฉาเหรอ?”
“พี่ก็มีน้องชายเหรอครับ?” เขาถามออกไปเสียงลอยๆ
“ก็เพราะว่าไม่มีน่ะสิ
พี่ถึงได้อิจฉาเรากับภาคมาก”
ใบหน้าราวกับเอลฟ์นั่นเหมือนกับจะเปล่งแสงได้เลย
นอกจากจะทำให้เขารู้สึกสงบใจแล้วยังแผ่ออกมาแต่ความอบอุ่นอีกต่างหาก
“สิ่งที่พี่จะบอกก็คือไอ้ภาคมันไม่ได้เห็นเราเป็นภาระหรือเรื่องน่ารำคาญอะไร
มันเองก็พยายามอย่างเต็มที่ที่จะปกป้องเรานะ”
พี่ไม้พูดด้วยรอยยิ้ม
“ครับ...”
แต่ถึงอย่างนั้น...พี่ภาคก็แทบจะไม่คุยกับเขาเลย...แล้วนี่ยังออกไปข้างนอกแต่เช้าทิ้งให้เขาอยู่กับเพื่อนๆของตัวเองตามลำพังแบบนี้...
“นายรู้ไหม
ตอนแรกที่เข้าปีหนึ่งมาพวกพี่ห้าคนไม่ได้สนิทกันแบบนี้หรอก”
แล้วจู่ๆพี่ไม้ก็พูดอะไรบางอย่างพลางจับช้อนกับส้อมยัดใส่มือเขาราวกับจะบอกว่าให้กินไปฟังไป
“พวกเราต่างก็มาจากคนละทิศละทาง
แล้วนายก็คงเห็นว่าเราทั้งห้าคนต่างกันมากขนาดไหน จริงๆน่าจะเรียกว่าเป็นกลุ่มที่มีปัญหาสุดๆเลยก็ว่าได้
ฮ่าๆๆ ไอ้ธีร์ก็ขี้โวยวายใจร้อนและชอบก่อเรื่อง ไอ้เก้าก็เถื่อนเหมือนพวกอันธพาล
ไอ้พายก็หยิ่งยโสและโลกส่วนตัวสูง ส่วนไอ้ภาคน่ะ...เย็นชาสุดๆเลยล่ะ” เขาตักข้าวไข่เจียวปูเข้าปากไปก็ฟังไป
เขาเพิ่งเคยได้ฟังเรื่องราวของเพื่อนพี่ภาคเป็นครั้งแรกเลยจริงๆ
ซึ่งนั่นต่างหาก...ภาพลักษณ์ของพี่ชายเขาที่เคยคิดเอาไว้...พี่ภาคเป็นคนเย็นชามาตั้งแต่ไหนแต่ไร
เพราะเคยถูกเลี้ยงดูแบบคุณชายยิ่งกว่าเขาเสียอีก ตอนเรียนมัธยม...ก็เหมือนจะไม่ได้มีเพื่อนสนิทที่ไว้วางใจกันได้ขนาดนี้?
พี่ภาคมีเพื่อนในวงดนตรีก็จริงแต่ก็เหมือนจะทะเลาะแตกหักกันด้วยเรื่องอะไรบางอย่าง
เขาก็ไม่รู้รายละเอียดมากนัก มีแฟน...ที่ดูเหมือนจะรักมาก แต่ก็คบกันได้ไม่นานเท่าไหร่
ไม่รู้ทำไม...
“เรียกว่ากว่าจะปรับจูลเข้าหากันได้...ก็ต้องใช้เวลาไม่ใช่น้อยๆเลยละ
แล้วนายดูตอนนี้สิ...พี่ชายนายยังเป็นคนเย็นชาอยู่ไหม?” อ่ะ จริงด้วย...กับเพื่อนๆตอนนี้
พี่ภาคดูต่างออกไปจากในคววามคิดของเขามากๆเลย
“ที่พี่จะบอกก็คือ...นายไม่ลองค่อยๆขยับเข้าหาไอ้ภาคมันดูล่ะ?
มันไม่ใช่คนเย็นชาไร้หัวจิตหัวใจขนาดนั้นหรอก”
เสียงของพี่ไม้ทำให้ริมฝีปากที่กำลังเคี้ยวข้าวชะงักค้าง
ที่ผ่านมา...เขาไม่เคยกล้าเดินเข้าไปหาพี่ภาคมาก่อนเลย...ได้แต่แอบมองอยู่ไกลๆ
ทำเหมือนอีกฝ่ายไม่ใช่พี่ชายแต่เป็นเหมือนสิ่งที่อยู่บนหิ้งเสียมากกว่า...เป็นเขาเอง...ที่ขีดกำแพงนั้นขึ้นมา
“ขนาดพวกพี่เป็นคนอื่น...ยังเข้ากับมันได้เลย...แล้วนายที่ได้รับอภิสิทธิ์ความเป็นน้องชายมา...ก็ต้องมีภาษีดีกว่าพวกพี่สิ” พี่ไม้ยิ้มให้กำลังใจ
และไม่รู้ว่าเพราะอะไรคำพูดของคนคนนี้ถึงซึมลึกเข้าไปในจิตใจของเขาได้มากขนาดนี้
“ไม่ต้องรีบร้อนให้สำเร็จภายในวันนี้หรอก
ค่อยๆปรับ ค่อยๆปรับ ทีละนิดๆก็ได้...นะ”
ความอบอุ่นของคนตรงหน้ามันแผ่ซ่านเข้าไปถึงหัวใจของเขาเลย
ใบหน้าเล็กจึงพยักรับเบาๆ พี่ไม้ยังคงยิ้มให้ไม่ละไปไหน
“อร่อยไหม?”
เสียงนุ่มนวลเปลี่ยนเรื่องไปถามถึงข้าวไข่เจียวปู
“อร่อยมากครับ...”
บอกตามตรงว่ามันคืออาหารที่อร่อยที่สุดเท่าที่เขาเคยกินมาในชีวิตนี้เลย
ไม่ว่าจะฝีมือเชฟระดับมิชลินหรือโรงแรมห้าดาวก็สู้อาหารจานนี้ไม่ได้เลย
เขาเคี้ยวไข่เจียวพลางน้ำตารื้นขึ้นมาอีก
พี่ไม้ยื่นมือมาลูบหัวเขาเบาๆ...ที่ตรงนี้...มันทั้งอบอุ่นและสบาย...เหมือนเขาได้พักหายใจ
ได้มีเวลาทบทวนหลายๆเรื่องที่ผ่านมา
ได้คิด...ถึงอนาคตของตัวเองเป็นครั้งแรก...
“ผม...ขออยู่กับพี่ตรงนี้ได้ไหมครับ?”
เขาเงยหน้าถามหลังจากกินไข่เจียวปูไปครึ่งจาน
“หื๋ม?
ได้สิ แต่พี่กำลังจะทำแกงส้มนะ กลิ่นปลามันอาจจะคาวนิดนึง?”
“ครับ
ยังไงกลับขึ้นไปผมก็ไม่มีอะไรทำอยู่ดี”
เขายิ้มให้และพี่ไม้ก็แค่ยักไหล่ก่อนจะเดินไปหยิบหัวไชเท้ามานั่งหั่นอยู่ข้างๆ
ขอเพียงมีสักที่ที่เราสามารถพักหายใจได้...ก็ไม่จำเป็นจะต้องหนีอีกต่อไป...
เขา...อาจจะเจอที่แบบนั้นเข้าให้แล้วก็เป็นได้...
ร่างสูงสง่าของน่านฟ้า
ปัทมวารินทร์กึ่งวิ่งกึ่งเดินลงมาตามทางเชื่อมยาวเหยียดข้างตึกผู้ป่วยใน ตลอดช่วงปิดเทอมเขามักจะใช้เวลาอยู่กับคุณย่าจนผ่านไปโดยไม่รู้ตัว
กว่าจะได้กลับออกมาก็บ่ายแก่ๆไปแล้ว
ขายาวก้าวไวๆ
เขาเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเผลอทิ้งน้องชายเอาไว้ที่บ้าน ไม่สิ เพราะว่าอยู่ที่บ้าน อยู่กับเพื่อนของเขานั่นแหละทำให้หายห่วงจนลืมไปเลย
ก็มันมีทั้งไอ้ตัววุ่นวายที่คงจะเข้าไปจุ้นจ้านพาไปกินข้าวทำนู่นทำนี่อย่างไอ้ธีร์ มีทั้งสายซัพอย่างไอ้ไม้ มีทั้งพ่อทุกสถาบันที่ถนัดการเลี้ยงเด็กอย่างไม่น่าเชื่ออย่างไอ้เก้า แล้วก็มีไอ้ตัวที่ไม่ทำห่าอะไรแต่แค่มีอยู่ก็สบายใจอย่างไอ้พาย
เขาจึงไม่ต้องกังวลอะไรที่จะปล่อยน้องชายเอาไว้แบบนั้น
แต่แล้วร่างกายที่กำลังก้าวอย่างเร่งรีบกลับต้องชะงักค้างเมื่อสายตาเหลือบไปเห็นกลุ่มคนที่ดูจะไม่เข้ากับโถงทางเดินของโรงพยาบาลเข้า
ขาของเขา...จู่ๆมันก็ก้าวไม่ออกราวกับเป็นความฝังใจที่มีต่ออีกฝ่าย...
ร่างทั้งร่างนิ่งงันท่ามกลางฝูงชนที่เดินสวนไปราวกับภาพสโลโมชั่น
...ดวงตาของเขาเบิกกว้าง ...ลมหายใจของเขาติดขัดเกิดเป็นความอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก
และอีกฝ่ายก็คงจะเห็นเขาแล้ว...มือใหญ่ๆนั่นจึงส่งสัญญาณให้บรรดาการ์ดหลบไป
ร่างสูงใหญ่ในชุดสูทที่เนี้ยบทุกกระเบียดนิ้วตรงดิ่งมาหาเขาทันที
จะหลบตอนนี้...ก็คงไม่ทันแล้วสินะ...
ริมฝีปากจึงเอ่ยออกไปอย่างเลื่อนลอยเพราะไม่คิดว่าจะมาเจอกันในที่แบบนี้
แถมยังเร็วกว่าที่ตั้งใจเอาไว้มาก
“พ่อ…”
เจ้าบ้านปัทมวารินทร์คนปัจจุบันหยุดยืนมองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า
ก่อนที่เสียงทรงอำนาจจะเอ่ยออกมาโดยไร้คำทักทายใดๆทั้งๆที่ไม่ได้เจอกันมาเกือบสามปีได้
“สารรูปดูไม่ได้เลยนะ” สายตาเข้มงวดและเย็นชาไล่มองเขาจากเท้าจรดหัวอีกรอบ
ทั้งๆที่คนอื่นบอกว่าเขาเท่ห์มากหล่อมากแต่ในสายตาของพ่อกลับบอกว่าเขาดูไม่ได้?
เฮอะ...
“......” เขาเบื่อหน่ายที่จะต้องเถียงกับอีกฝ่ายจึงเลือกที่จะนิ่งเงียบ
แต่ทั้งสีหน้าและแววตาก็ยังแสดงออกถึงการต่อต้านเอาไว้อย่างชัดเจนจนพ่อเริ่มจะหัวเสีย
แต่อีกฝ่ายก็ยังเป็นผู้ดีพอที่จะสะกดกลั้นความรู้สึกโมโหเอาไว้ในใจ
เสียงกดต่ำพยายามพูดกับเขาต่อไป
“แกไม่คิดจะบอกฉันบ้างหรือไง
เรื่องที่ย่าแกเข้าโรงพยาบาลน่ะ?”
เพราะอาการคุณย่าไม่ได้หนักและฉุกเฉินจนต้องถึงมือพ่อเขา
เขาจึงไม่ได้ให้ลุงพ่อบ้านรายงานต่ออีกฝ่าย
“ผมดูแลคุณย่าได้
พ่อทำงานของพ่อไปเถอะครับ”
“แล้วไอ้ภูมิอยู่ไหน? แกเอาน้องไปซ่อนไว้ที่ไหน
บอกชั้นมา มันต้องกลับออสเตรียกับชั้น”
“.......” เขาเลือกที่จะปิดปากเงียบในเรื่องนี้
เขาบอกเรื่องภูมิกับคุณย่าไปแล้วและท่านก็รับปากว่าจะช่วย
เพราะงั้นตอนนี้ก็แค่รอให้ท่านหายดีและทำยังไงก็ได้ให้พ่อหาภูมิไม่เจอ
ไม่งั้นน้องคงถูกพ่อเอาตัวกลับไปและคงจะถูกคุมประพฤติตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงจนไม่อาจหนีออกมาจากกรงนั่นได้อีก
“แกคงคิดว่าตัวเองทำดีมากงั้นสินะเรื่องที่ผับนั่นน่ะ
คงคิดว่าตัวเองเป็นฮีโร่ช่วยน้องชายเอาไว้ได้สินะ?” พอเขาไม่ยอมพูดพ่อก็เริ่มกดดันเขาด้วยน้ำเสียงและท่าทางอย่างคนที่เหนือกว่า
“แต่ฉันจะบอกอะไรแกให้ ถ้าแกไม่ปิดบังเรื่องที่ไอ้ภูมิหนีกลับมาแล้วส่งมันกลับออสเตรียไปตั้งแต่แรก
เรื่องมันก็คงจะไม่เป็นแบบนี้ มันคงจะไม่ถูกตำรวจจับ ไม่ต้องไปเหยียบโรงพัก ไม่ต้องเสียประวัติ
ไม่ต้องเจอพวกนักข่าวขุดคุ้ย”
“ไอ้ภาค…แกมันก็แค่เด็กอมมือที่หยิ่งยโสไม่เข้าเรื่องและหลงตัวเอง
แกมันทำอะไรไม่ได้เลยด้วยซ้ำถ้าไม่ต้องยืมมือคนอื่น ถ้าแม่ชั้นไม่คอยถือหางแก
คิดว่าอย่างแกจะมีปัญญาทำอะไรได้งั้นเหรอ?”
“......”
สองหมัดได้แต่กำแน่นไปกับคำพูดแดกดันของคนเป็นพ่อ
“แกคงคิดว่าเรื่องที่ผับนี่มันเงียบหายไปเองและที่น้องแกหลุดรอดมาได้ง่ายๆเป็นเพราะแกช่วยไว้?”
“ไม่เลย…ทุกอย่างมันเป็นเพราะชั้นต่างหาก
เพราะเส้นสายของชั้น ตำรวจถึงได้เลิกยุ่งกับน้องชายแก
เพราะอิทธิพลของชั้นข่าวมันถึงได้ถูกปิดเอาไว้
คนที่ไร้พลังอย่างแกก็ทำได้แค่ร้องโวยวายดื้อดึงไปวันๆก็เท่านั้นแหละ”
“ชั้นจะให้โอกาสแกอีกครั้ง พาไอ้ภูมิกลับบ้านซะ
ตัวแกจะเหลวแหลกยังไงชั้นก็ไม่อยากจะสนใจแล้ว แต่อย่าพาน้องแกเกเรไปด้วย”
“เกเร?” เขาพูดออกไปเป็นคำแรกเพราะเหลืออดเต็มที
ทำไมเขาจะไม่รู้ตัวล่ะว่าเขามันอ่อนด้อยและทำอะไรไม่ได้ขนาดไหน ใช่สิ
เขามันก็แค่เด็กคนหนึ่ง แต่อย่างน้อยเขาก็ไม่เคยทำตัวเกเรหรือเหลวแหลกอย่างที่พ่อคิด
ทำไมล่ะ?
เขาก็แค่อยากทำตามความต้องการของตัวเอง แค่ไม่เดินไปในทางที่พ่อขีดไว้
แค่นั้นเขาก็กลายเป็นสิ่งชั่วร้ายสำหรับพ่อไปแล้วเหรอ?
“.....เกเรงั้นเหรอ…พ่อเคยคิดบ้างไหม? เคยถามตัวเองบ้างหรือเปล่า? ว่าทำไมภูมิถึงหนีมา?
ถ้าสิ่งที่พ่อคิด ถ้าสิ่งที่พ่อทำมันดีนักหนา
ทำไมน้องมันถึงได้หนีมา?!” เสียงทุ้มเถียงกลับอย่างดุดันไม่แพ้กัน เขาเองก็ใกล้จะฟิวส์ขาดเต็มที
เพราะเขาไม่ลงรอยกับพ่อขนาดนี้ ขนาดที่แค่เห็นหน้าความคุกรุ่นในใจก็พร้อมที่จะปะทุขึ้นมาในชั่วพริบตา
“ก็เพราะมันเห็นตัวอย่างที่ไม่ดีจากพี่อย่างแกน่ะสิ”
“ไม่ใช่!” เขาตะโกนใส่หน้า
ก่อนที่เส้นความอดทนจะขาดผึง
“สาเหตุมันไม่ได้เกิดจากพ่อรึไงที่ทำให้ลูกชายของตัวเองกลายเป็นคนเหี้ยๆในสายตาพ่อทั้งคู่แบบนี้น่ะ!”
เพี๊ยะ!!
ความรู้สึกชาแล่นลิ่วอยู่บนแก้ม
เขาไม่ทันรู้ตัวด้วยซ้ำว่าทำไมหน้าถึงได้หันมาทางนี้
พ่อตบเขา?
สันกรามกัดฟันกรอดก่อนที่ดวงตาคมกล้าจะตวัดกลับไปจ้องเขม็งยังใบหน้าที่เหยียดมองเขาอย่างเย็นชา
“คุณคะ!” แม่ของภูมิต้องรีบถลาเข้ามาห้าม
ปกติเธอเป็นคนไม่มีปากมีเสียง พ่อเขาบงการยังไงเธอก็จะทำตามทุกอย่าง
แต่เขาก็ไม่ได้เกลียดเธอหรอกเพราะเขารู้ว่าเธอเองก็พยายามอดทนเพื่อที่จะทำหน้าที่เป็นแม่ที่ดีให้เขาด้วย
“ภาค…” เธอมองมาที่เขาด้วยสายตาขอร้อง
ใบหน้าภายใต้กรอบผมเดธร็อคจึงสะบัดอย่างหัวเสียก่อนจะก้าวขาเดินหนีออกมา
เขาไม่หันกลับไปมองคนทั้งคู่อีก
ถึงแม้แม่ของภูมิจะตะโกนไล่หลังด้วยเสียงราวจะขาดใจ
“ภาค! ภูมิอยู่กับภาคใช่ไหม? น้องไม่เป็นไรใช่ไหม?
บอกให้น้องโทรหาน้าที!” …หากเขาจะปล่อยให้ภูมิกลับไป
เหตุผลก็คงมีแค่คุณน้าที่กังวลจนแทบเป็นบ้าคนนี้เท่านั้นแหละ
มือใหญ่กำแน่นอย่างพยายามระงับความโกรธเอาไว้ไม่ไปลงกับผนังหรือใครก็ตามที่เดินสวนมา
แล้วในขณะที่กำลังจะเดินผ่านเสาต้นใหญ่...
หมับ!
มือแข็งแรงก็คว้าข้อมือของคนที่คิดว่าหลบซ่อนตัวอย่างมิดชิดแล้วก่อนจะลากให้เดินตามมา...
เป็นคุณหมอกังหัน...ที่น่าจะบังเอิญผ่านมาเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดเข้า...
เขาเห็นชายเสื้อกาวน์และรูปร่างที่คุ้นตาผลุบหายเข้าไปหลังเสา
เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงต้องไปลากอีกฝ่ายมาด้วยแบบนี้
เขากำลังอารมณ์ไม่ดีแบบสุดๆและคุณหมอก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรด้วยเลย...แต่เขา...กลับรู้สึกว่าปล่อยไปไม่ได้เพราะอีกฝ่ายดันมาเห็นด้านแย่ๆและภาพที่ไม่ควรจะเห็นของเขากับพ่อเข้า
ขายาวก้าวฉับๆไปด้วยจิตใจที่ขุ่นมัวโดยที่ไม่ได้สนใจเลยว่าเผลอออกแรงบีบข้อมือบางนั่นไปมากขนาดไหน
ยิ่งอีกฝ่ายพยายามจะสะบัดเขาก็ยิ่งบีบแน่นกว่าเดิม
จนกระทั่งถึงตึกที่ห่างออกไปและไม่มีใครเดินผ่าน
เขาถึงได้ยอมปล่อยมือขาวสะอาดข้างนั้น
“มันเจ็บนะครับ
ทำอะไรของเธอเนี่ย?”
คุณหมอหน้านิ่วคิ้วขมวดสะบัดข้อมือที่ขึ้นรอยแดงไปมา
เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาทำบ้าอะไรลงไป
รู้แต่ว่าตอนนี้เขาใกล้จะเป็นบ้าแล้วจริงๆ
ตุ้บ...
แผ่นหลังกว้างทิ้งตัวพิงผนังตึกที่ผ่านการใช้งานมาอย่างยาวนาน
สภาพอากาศที่เคยแจ่มใสจนถึงเมื่อครู่ก็แปรเปลี่ยนไปอย่างฉับพลันราวกับจะยิ่งตอกย้ำอารมณ์ที่ดำดิ่งของเขาด้วยสายฝนที่จู่ๆก็ตกซู่ลงมาขนาดหนัก
สองแขนยกขึ้นมากอดอกแล้วก็ยืนมองฝนที่ตกลงมานิ่งๆ
ถึงภายนอกเขาจะยังดูเยือกเย็นแต่ภายในกลับเต็มไปด้วยความโกรธ
เขากำลังครุ่นคิดว่าทำยังไงเขาถึงจะระบายความรู้สึกขุ่นเคืองที่พ่อทำไว้กับเขาออกไปได้
เขาอยากจะอาละวาดใส่อีกฝ่ายให้รู้แล้วรู้รอด แต่ถ้าเขาทำตัวเป็นเด็กๆแบบนั้นก็มีแต่จะยิ่งทำให้พ่อเป็นฝ่ายชนะ
เขาจึงต้องพยายามอดทนและข่มความโกรธนี้เอาไว้ในใจ
เขาต้องผ่านมันไปให้ได้...เหมือนที่เคยเป็นมาทุกครั้งที่ทะเลาะกัน
ทำไมเขาต้องเป็นฝ่ายหลบให้
ทำไมเขาต้องเป็นฝ่ายเดินหนี ทำไมเราถึงไม่เคยคุยกันดีๆได้เลย ทำไม?
ร่างสูงยาวยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นจนไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน
ใบหน้าเย็นยะเยือกก็เอาแต่จ้องมองสายฝนที่ถาโถมเข้ามาไม่หยุด...นาน...จนกระทั่งมันค่อยๆซาไป...
ต่อให้ตอนนี้จะเหลือเพียงฟองน้ำที่ไหลผ่านพื้นถนน
แต่สายตาที่มั่นคงคู่นั้นก็ยังไม่ละไปจากความว่างเปล่าที่อยู่ตรงหน้า
เอ่อ...ถึงเจ้าเด็กคนนี้จะมีเวลาทั้งชีวิตเพื่อยืนมองฝน...แต่คนเป็นหมออย่างเขาไม่ใช่ไง~!
คุณหมอร่างสูงโปร่งที่ถูกลากมาด้วยอย่างมึนงงยืนเลิ่กลั่กอยู่ข้างๆมาพักใหญ่แล้ว
เขาก็แค่จะเดินไปซื้อกาแฟสักแก้วแล้วทำไมต้องแจ็กพอร์ตไปเห็นฉากทะเลาะกันของพ่อลูกคู่นี้ด้วยก็ไม่รู้~
จะแอบย่องหนีไปก็ไม่ได้
แต่ก็ไม่รู้จะปลอบใจยังไงเพราะเขาก็ไม่ได้รู้ตื้นลึกหนาบางอะไรในความสัมพันธ์ของเด็กหนุ่มกับพ่อ
เลยได้แต่ยืนรออยู่เป็นเพื่อนเผื่อเด็กนี่จะพูดมันออกมาเอง~
แต่ก็เปล่า
กลับกลายเป็นเขาได้ยืนฆ่าเวลาพักของตัวเองไปเสียอย่างงั้น
ดวงตาภายใต้กรอบแว่นเหลือบมองเด็กหนุ่มที่สูงกว่าตัวเอง...จะไม่พูดอะไรเลยจริงๆเหรอเนี่ย?
เขาอุตส่าห์ยืนอยู่ตรงนี้ให้ระบายอะไรออกมาบ้างเผื่อจะดีขึ้นแต่ก็ดูเหมือนใบหน้าหล่อๆนั่นจะปากหนักพอสมควร
เฮ้อ...
ด้วยความที่เป็นหมอเด็กเลยใจดีกับเด็กเป็นพิเศษ
ถึงจะตัวโตแต่เขากลับมองว่าเจ้าเด็กถูกทิ้งที่ยืนอยู่ข้างๆนี้ก็ยังเป็นแค่เด็กเท่านั้น
คงปล่อยปละละเลยไม่ได้หรอก
“เอ่อ…ทะเลาะกับคุณพ่อมาเหรอ?” จะทิ้งไปก็รู้สึกไม่ดีแต่พอยืนอยู่ตรงนี้โดยไม่พูดอะไรก็อึดอัดเกินไปเขาเลยหาเรื่องชวนคุย
“ครับ...ผู้ชายคนนั้นเป็นเอกอัคราชทูตประจำกรุงเวียนนา หวังว่าคุณหมอจะไม่เอาเรื่องนี้เที่ยวพูดไปนะครับ
เพราะคนที่จะเดือดร้อนไม่ใช่ผมกับพ่อ แต่คือคุณหมอต่างหาก” เสียงทุ้มที่ฟังดูเด็ดขาดนั่นพูดออกมาทั้งที่ไม่หันหน้ามองเขาด้วยซ้ำ
แต่ดูจากหน้าที่การงานของคนพ่อก็พอจะรู้แล้วว่าคงไม่ได้ถูกเลี้ยงมาเหมือนเด็กธรรมดา
ถึงได้พูดจาฉะฉานไม่เกรงกลัวอะไรขนาดนี้
“.....ครับ” อืม…หรือว่าเขาไม่ควรจะเข้าไปยุ่งกับเจ้าเด็กที่ดูเป็นผู้ใหญ่คนนี้ดีนะ?
เริ่มสับสนเหมือนกันแหะ
“ว่าแต่แก้มเธอ…เป็นรอยแดงเลยนะ…ถ้าไม่ว่าอะไรก็ตามหมอมาสิ หมอจะทายาให้” เขาลองเอ่ยชวนอย่างไม่ได้คาดหวังอะไร
แต่เหมือนคำพูดของเขาจะทำให้อีกฝ่ายหยุดคิดเรื่องที่กำลังคิดอยู่ในหัวแล้วหันกลับมาสนใจตัวเองเป็นครั้งแรกตั้งแต่เกิดเรื่องขึ้น
“?”
มือใหญ่ลูบแก้มตัวเองก่อนจะกระพริบตาลงข้างหนึ่ง...เพิ่งรู้สึกเจ็บเหรอเนี่ย?
ให้ตายเถอะ
“ไปด้วยกันสิครับ” เขาเอ่ยชวนอีกครั้ง
“ครับ...” แล้วร่างสูงสง่านั่นก็เดินตามมาแต่โดยดีเล่นเอาเขาอึ้งไปเล็กน้อย
เขาพาอีกฝ่ายไปที่ห้องพักแพทย์ของตัวเองก่อนจะจับนั่งที่เก้าอี้ตัวหนึ่ง
เขาตรวจดูแผลก่อนและถึงจะมีแต่รอยช้ำแต่นั่นก็บ่งบอกได้ว่าเด็กหนุ่มถูกตบมาแรงขนาดไหน
นี่แค่ครั้งเดียวเองด้วยนะ
พ่อลูกคู่นี้ต้องทะเลาะกันรุนแรงมากเลยนะถึงได้ลงไม้ลงมือกันขนาดนี้
หรือจะเป็นปัญหาที่เกิดมานานแล้ว?
นั่นเขายิ่งไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วยหรือเปล่านะ...
“ห่วงหล่อกว่าที่คิดนะเนี่ย” เขาลองแหย่ในขณะที่จับปลายคางได้รูปพลิกซ้ายขวาแต่เด็กหนุ่มก็ยังทำหน้านิ่ง
“ไม่อยากให้เพื่อนรู้น่ะครับ ยิ่งถ้ามันช้ำ ไอ้พวกนั้นต้องถามแน่ๆ” ก็ยังดีที่ตอบอะไรกลับมาบ้าง
“กลัวเพื่อนเป็นห่วง?”
“ครับ ผมมีแค่พวกมัน ไม่อยากให้คิดมากเรื่องของผม”
“......”
มือบางทายาไปเงียบๆ...มันคงจะดีกว่าถ้าเราเป็นเพียงคนที่ไม่รู้จักกัน
เป็นคุณหมอกับญาติคนไข้ที่เคยเห็นกันบ้างแต่ก็ไม่ได้รู้เรื่องของอีกฝ่ายมากไปกว่านั้น...
ทว่า...ความตั้งใจของเขากลับพังทลายเพราะคำถามเพียงคำถามเดียวที่เด็กหนุ่มตรงหน้าเอ่ยออกมา
“คุณหมอ…ชอบผู้ชายหรือเปล่าครับ?” ห๊ะ?
“.....ทำไมถามเรื่องนั้นล่ะ?”
“อยาก... One Night Stand กับผมไหมครับ?”
ทั้งมือทั้งใบหน้าของเขาต่างชะงักค้าง
...เจ้าเด็กนี่...คิดอะไรอยู่กันแน่ถึงได้ถามออกมาแบบนี้? จู่ๆก็ชวน....เนี่ยนะ?!!
“.......ดูๆไปแล้ว…เธอไม่น่าเป็นคนแบบนั้นเลยนะ?”
“จากนี้ไป…ผมจะทำทุกอย่างที่พ่อผมเกลียด ว่าไงครับ?
ถ้าคุณหมอไม่เอา ผมก็จะไปหาคนอื่น” ใบหน้าหล่อเหลาเงยมองเขาด้วยแววตาเย็นชา
ถึงเขาจะเข้าใจว่าเรื่องแบบนี้ในสมัยนี้มันกลายเป็นเรื่องธรรมดาๆไปแล้ว
แต่เขา...ก็ยังไม่อยากจะเชื่ออยู่ดีว่ามันจะเกิดขึ้นกับตัวเอง...กับเด็กหนุ่มที่เขาเฝ้าคิดมาตลอดว่าเป็นผู้ชายที่ดี
คนเรานี่ดูแค่ภายนอกไม่ได้จริงๆนั่นแหละ...
“...เธอ…ตั้งใจจะทำเรื่องแบบนั้นกับหมอ…เพื่อประชดพ่ออย่างงั้นเหรอ?”
คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันก่อนจะเอ่ยถาม
“ครับ คุณหมอก็แค่สนุกไปกับผม วินวินกันทั้งสองฝ่าย ตกลงไหมครับ?” เด็กหนุ่มยอมรับตรงๆ...อย่าพูดเหมือนมันเป็นเรื่องปกติทั่วไปสิ!
เขาพยายามเก็บอาการตกใจเอาไว้ด้วยการทายาต่อไป
“.....เธอจะต้องเสียใจทีหลังแน่ คิดดูให้ดีก่อนเถอะ อย่าใช้อารมณ์ชั่ววูบสิ” เขาพยายามจะสั่งสอน
อีกฝ่ายกำลังโกรธ กำลังอารมณ์เสีย เลยทำเรื่องวู่วามแบบนี้
แต่ก็ดูเหมือนจะไม่ง่ายที่เขาจะเอาน้ำน้อยไปดับไฟป่าในตอนนี้
“ผมจะไม่เสียใจในสิ่งที่ผมตัดสินใจไปแล้วครับ ก่อนจะชวนผมก็เลือกนะครับ” เด็กหนุ่มยังคงเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
มันน่ากลัวตรงที่อีกฝ่ายไม่มีแววลังเลใจเลย
ใบหน้าที่เย็นชานั่นยังคงเอ่ยออกมาอย่างไม่สะทกสะท้าน
“เธออายุเท่าไหร่?”
“21ครับ เรียนอยู่ปีสามแล้วครับ”
“........”
เขาจ้อง...
ยังเป็นนักศึกษาอยู่สินะ ฝั่งไหนนะ? ท่าพระจันทร์? หรือวังท่าพระ? แต่ที่แน่ๆไม่ใช่วังหลังชัวร์
“........”
เด็กหนุ่มจ้องตอบด้วยสายตาที่ไม่หวั่นไหวต่อการตัดสินใจของตัวเองเลยแม้แต่น้อย
ถึงจะดูเป็นการกระทำที่หุนหันพลันแล่น
แต่อะไรหลายๆอย่างเขากลับรู้สึกว่าเด็กคนนี้มีความเป็นผู้ใหญ่กว่าที่เขาคิดมาก
อย่างน้อยก็ไม่ได้หลับหูหลับตาชวนใครไปทั่ว
แต่ต้องเลือกแล้วสิถึงได้มาเอ่ยปากชวนคนระดับเขาเนี่ย
“.....เฮ้อ…”
เขายอมแพ้ต่อสายตาที่แน่วแน่และไม่ยอมถอยคู่นั้น
“....หมอเลิกงานตอนสองทุ่ม
รอได้หรือเปล่าล่ะ?” มือบางวางหลอดยาลงก่อนจะจ้องตาอีกฝ่ายราวกับจะถามย้ำให้แน่ใจว่าเอาจริงเหรอ?
“ที่ไหนครับ?” แต่ดวงตาคมกล้าที่จ้องกลับมาก็แทนคำตอบได้เป็นอย่างดี
“5จ-339 ไปรอที่รถก่อนก็แล้วกัน” เขาได้แต่หวังว่าเวลาสามสี่ชั่วโมงที่ต้องรอนี้จะช่วยทำให้เด็กหนุ่มใจเย็นลงแล้วก็เปลี่ยนใจในที่สุด...
เพราะถ้าเขาปฏิเสธไปตอนนี้ เด็กนี่ก็คงจะไปหาคนอื่นในทันทีอย่างที่บอกแน่ๆ
“ครับ” เด็กหนุ่มรับคำง่ายๆก่อนจะลุกเดินจากไป
“.....”
นี่มันเรื่องบ้าอะไรเนี่ย~?
มันไม่ใช่ปัญหาที่หมอเด็กอย่างเขาจะแก้ได้แล้วไหม? นายกำลังเข้าไปพัวพันกับอะไรอยู่กันแน่นะกังหัน?
“เฮ้อ....” ใบหน้าหมดจดถอนหายใจ
ว่าแต่...เด็กนั่นรู้ได้ยังไงว่าเขาชอบผู้ชาย?
พอถอดเสื้อกาวน์ออกหมอก็แทบไม่ต่างจากคนทั่วไป...ไม่สิ
อาจจะต่างอยู่หน่อยก็ตรงสภาพสะโหลสะเหลเดินโซเซกลับบ้านนี่แหละ...
วันนี้คนไข้ก็ไม่ได้น้อยลงเลยน้า~
เขามัวแต่ยุ่งวุ่นวายจนลืมไปเลยว่าได้ไปสัญญิงสัญญาอะไรกับใครไว้...
จนกระทั่งเดินมาถึงรถแล้วนั่นแหละถึงได้นึกออก!
ร่างสูงโปร่งหลบเข้าหลังเสาพรึ่บเมื่อเห็นแต่ไกลว่าใครนั่งรออยู่ที่พื้นข้างล้อรถ
เขาชะโงกหน้าไปแอบดูให้แน่ใจอีกทีว่าเด็กหนุ่มยังรอเขาอยู่จริงๆ...
อ้า~ ถึงจะรู้สึกผิดต่อจิตสำนึกอยู่นิดหน่อยก็เถอะ
แต่ให้ตาย! เจ้าเด็กนั่นมันหล่อจริงๆเลยแหะ!
เป็นคนที่ทำผมเดธร็อคแต่ดูไม่สกปรกซกมกเลย
แต่กลับดูหล่อมีสไตล์แบบสุดๆของสุดๆ!
รูปร่างที่สูงยาวเข่าดีในชุดแบบเซอร์ๆนั่นก็เท่ห์มาก
ก็ขนาดนั่งชันขาอยู่บนพื้นลานจอดรถแท้ๆแต่อย่างกับกำลังถ่ายแบบยังไงอย่างงั้น
มือบางถึงกับต้องยกขึ้นมาตบหน้าตัวเองเรียกสติ
จะเห็นแก่ความหล่อไม่ได้สิคุณหมอกังหัน~
“คุณหมอ?” อึ้ก! ทำไมเจ้าเด็กนี่มันหูตาไวขนาดนี้นะ?
เขาอุตส่าห์หลบก็ยังจะอุตส่าห์เห็นเขาอีกกก~
ร่างสูงโปร่งฮึบเรียกมาดอันภูมิฐานก่อนจะก้าวเดินออกไปด้วยท่าทางมั่นใจ
เสียงติ๊ดๆดังจากกุญแจรถก่อนที่เสียงนุ่มจะเอ่ยบอกห้วนๆ
“ขึ้นรถสิครับ”
“จะทำที่ไหนเหรอครับ?” ใบหน้าหล่อเหลาหันมาถามในขณะที่คาดเข็มขัดนิรภัย จะไม่เปลี่ยนใจจริงๆเหรอ~ เปลี่ยนใจเถ้อออ~ ไหว้ละ~
“คอนโดหมอ หมอไม่ชอบเข้าโรงแรม มันสกปรก” เสียงนุ่มตอบไปอย่างพยายามเก็บอาการกระต่ายตื่นตูมของตัวเอง
“ตัวผมก็สกปรกนะครับ” หน้าหล่อๆนั่นยกยิ้ม กำลังหยอกเล่นอยู่หรือไง? ไม่ขำนะ!
“....ไม่เปลี่ยนใจแน่เหรอ? ให้หมอไปส่งบ้านตอนนี้ยังทันนะ”
“ไม่ครับ” เป็นเด็กหนุ่มที่ดื้อรั้นและมุ่งมั่นในทางที่ตัวเองเลือกจังแหะ
ชิบหายแล้วไง!
บอกไว้ก่อนเลยนะ
เขาไม่ได้คิดจะมีเซ็กส์กับเด็กนี่อย่างที่รับปากไว้
แต่เขาแค่ไม่อยากให้อีกฝ่ายเตลิดจนไปเจอคนไม่ดีหลอกเอาหรือไปเกิดเรื่องร้ายๆขึ้น
เพราะดูอารมณ์ตอนนั้นก็รู้แล้วว่าใครเดินชนก็คงหาเรื่องต่อยกับเค้าได้แน่ๆอ่ะ
เพราะงั้นเลยแค่ตั้งใจจะถ่วงเวลาไว้เฉยๆ แต่ก็ไม่คิดเลยว่าเด็กมันจะเอาจริงขนาดนี้!
หัวสมองขนาดใหญ่กำลังหาแผนสำรองรับมือยิกๆ
โธ่เว้ย คอนโดก็เจือกอยู่ใกล้อีก!
มือบางหักพวงมาลัยเลี้ยวรถเข้าชั้นที่จอดรถด้วยท่าทีสุขุม...แต่ภายในใจนี่กำลังเลิ่กลั่กเหงื่อแตกพลั่กไปหมด
ทำไงดีๆๆ ถึงเขาจะชอบผู้ชายแต่ก็เป็นคนที่บูชาในรักแท้นะ!
จะให้มานอนกับใครไปทั่วแบบนี้ได้ยังไง!
ถึงจะหล่อก็เถอะแต่มันไม่ได้~~!!
มือบางแตะคีย์การ์ดลงไปที่กล่องควบคุมของประตูห้อง
ถึงภายนอกจะยังดูใจเย็น ดูเป็นผู้ใหญ่ ดูควบคุมสถานการณ์ได้...แต่ภายในนี่กลับกำลังแหกปากกรี๊ดอย่างลุกลี้ลุกล้น
นี่ถ้าวิ่งไปทั่วห้องได้ก็คงจะทำไปแล้ว!
“เข้ามาสิ...แล้วก็...ไปอาบน้ำก่อนแล้วกัน”
เขายัดผ้าขนหนูใส่อ้อมแขนของคนที่มองสำรวจโถงทางเข้าที่เชื่อมต่อไปยังห้องนั่งเล่นของเขา
“ครับ” เด็กหนุ่มตอบรับก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไป
ร่างสูงโปร่งจึงรีบวิ่งถลาไปยังตู้เย็นและเคาน์เตอร์ครัว
เขาหยิบเหยือกชาเขียวออกมา หยิบน้ำแข็งและแก้วสองใบ เขาเทน้ำแข็งใส่ก่อนจะรินชาเขียวตามลงไป
จากนั้นก็วิ่งตึงตังไปยังลิ้นชักข้างเตียง...ในนั้นคือตู้ยาสามัญประจำบ้านของเขา
มือบางหยิบยาแก้แพ้ออกมาก่อนจะวิ่งหน้าตั้งอย่างเบาที่สุดกลับมายังเคาน์เตอร์ครัว
เขาผสมยาแก้แพ้ลงไปในแก้วใบหนึ่ง สองเม็ด...ไม่สิ สามเม็ดไปเลย!
“หึๆๆๆๆ” คุณหมอร่างโปร่งยืนเท้าสะเอวแสยะยิ้มมองแก้วชาเขียวแก้วนั้น...
เดี๋ยวพอเจ้าเด็กนั่นออกมาเขาจะเอาให้มันดื่ม! จากนั้นเด็กนั่นก็ต้องหลับไปแน่ๆเพราะยาแก้แพ้พวกนี้จะทำให้ง่วงแสนง่วง...แล้วพอตื่นมา...เขาก็จะโมเมว่าได้
one night stand กันไปแล้วน้า~ นายประชดพ่อสำเร็จแล้วกลับบ้านได้~
เย้~~ อะไรแบบนี้!
หึ! ฉลาดเสียไม่มีละนายเนี่ยคุณหมอกังหัน~
แกร่ก...
ร่างสูงเดินออกมาทั้งกางเกงยีนส์ขาดๆนั่นแค่ตัวเดียว...เอวที่ต่ำขนาดนั้นก็ยังไม่เห็นขอบกางเกงใน...นั่นก็แสดงว่า...เตรียมตัวพร้อมจะทำเรื่องอย่างว่าแล้วสินะเจ้าเด็กนี่...
เขาลอบมองท่อนแขนที่กำลังซับผ้าขนหนูซึ่งพาดคออยู่ไปตามใบหน้า
กล้ามแขนแน่นปึ้กนั่นไม่ได้ดูน่ากลัวแบบพวกนักกีฬาทว่ากลับดูแข็งแรงและดูจะสามารถปกป้องเราได้
กล้ามของผู้ชายแบบนี้นี่แหละที่ทำให้รู้สึกใจหวิวๆ อยากจะซบลงไป อยากจะดึงมางับให้เป็นรอย
โป๊ก...เขาหันไปโขกหัวกับผนัง...ตั้งสติไว้นายแพทย์กังหัน!
อึก...เขาถึงกับต้องลอบกลืนน้ำลายเมื่อไล่มองไปตามกล้ามอก
กล้ามหน้าท้องไปจนถึงขอบกางเกง...ก็ขนาดตอนใส่เสื้อผ้ายังคิดว่าเด็กนี่หุ่นดีมาก พอได้มาเห็นร่างกายที่เปลือยเปล่าถึงจะแค่ท่อนบนแต่บอกได้เลยว่ากล้ามเนื้อทุกชิ้นมันสมบูรณ์แบบสุดๆ! มันเป็นกล้ามเนื้อที่ดูสมวัยและเป็นธรรมชาติ
ไม่ได้ดูล่ำจนน่ากลัวแต่ก็ยังสามารถเจริญเติบโตได้อีก...อ้า...หล่อถึงระดับเซลล์ไม่เกินจริงเลยเจ้าเด็กนี่
ถ้าเอาไปส่องกล้องดูแม้แต่นิวเคลียสก็ยังหล่อเลยมั้งนั่น!
“....ดื่มน้ำก่อนสิ” เขาต้องพยายามตั้งสติ
เกิดหยิบแก้วพลาดไปได้ฮาน้ำตาร่วงแน่ เขาจะโบ๊ะบ๊ะเหมือนในละครตอนเย็นที่ชอบเปิดหน้าห้องฉุกเฉินพวกนั้นไม่ได้
ไอ้ที่แบบหยิบแก้วผิดแล้วเจือกดื่มแก้วที่มียานอนหลับซะเองน่ะ~
อย่าเชียว~
“ขอบคุณครับ”
เด็กหนุ่มรับแก้วไปก่อนจะยกขึ้นดื่มอย่างไม่ใส่ใจ
สงสัยว่าจะกระหายน้ำมากเด็กนั่นเลยดื่มไปจนหมดแก้วเลยทีเดียว ดีมาก! เขาจ้องแก้วเปล่าใบนั้นพลางกระหยิ่มยิ้มย่องในใจ
“นั่งรอที่โซฟาก่อนแล้วกัน หมอขออาบน้ำก่อน”
“ครับ”
เขาเดินอ้อยอิ่งเข้าห้องน้ำไปอย่างไม่รีบร้อน
ค่อยๆขัดสีฉวีวรรณรอเวลาไปเรื่อยๆ
หลังจากคำนวณแล้วว่าอีกฝ่ายคงหลับปุ๋ยคาโซฟาไปแล้วแน่ๆ
ร่างสูงโปร่งจึงก้าวขาออกจากห้องน้ำมา
เขาโยนเสื้อผ้าที่ใส่แล้วลงตะกร้า
ทั้งร่างหอมฟุ้งไปด้วยกลิ่นสบู่และโลชั่น แถมเขายังใส่ชุดนอนลายหมีครบทั้งบนล่างอีกต่างหาก~
หึ ยังไงคืนนี้ก็คงไม่ได้ทำเรื่องพวกนั้นอยู่แล้ว เตรียมเข้านอนเลยดีกว่า~
ทว่า...
ร่างสูงใหญ่ที่นั่งไถโทรศัพท์อยู่ที่โซฟาก็ทำให้เขาตาค้างอ้าปากกว้างจนแมลงวันบินเข้าไปได้ทั้งฝูง!
เดี๋ยวก่อนนะ...หรือเขาจะเหนื่อยจนเห็นภาพหลอน?
เด็กนั่นมันต้องสลบเหมือดอยู่ที่โซฟาสิไม่ใช่มานั่งเล่นมือถือ!
มือบางยกขึ้นมาขยี้ตารัวๆ
แต่ไม่ว่าจะขยี้เท่าไหร่ก็ยังเห็นเพียงเด็กหนุ่มที่ดูปกติดีสุดๆ! ไม่มีแววจะง่วงจะงุนเลยแม้แต่น้อย!
ห๊ะ? ทำไมยังไม่หลับอีกอ่ะ?
คนปกติเจอยาแก้แพ้ไปเม็ดเดียวก็ร่วงแล้วนะ? นี่เขาบดใส่ไปตั้งสามเม็ด!
เป็นช้างสารรึยังไงงงง?!
จะว่าเขาให้ดื่มผิดแก้วมันก็ไม่น่าใช่
เพราะไม่งั้นคนที่ต้องหลับเป็นตายไปแล้วก็ต้องเป็นเขาสิ! แต่นี่เขาก็ยังปกติดี?!
ยาหมดอายุเหรอ?
ก็ไม่น่าใช่? เขาตรวจดูยาของตัวเองอยู่เป็นประจำไม่มีทางหมดอายุได้หรอก! แล้วมันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย~?!
“ออกมาซักทีนะครับ” ใบหน้าหล่อเหลาหันมาเห็นเขาเข้า
คนที่รออยู่แล้วจึงไม่รอช้า ร่างสูงสง่าลุกขึ้นก่อนจะตรงดิ่งมาหาเขา บ้าเอ้ย ขนาดท่าตอนลุกจากโซฟายังเท่ห์เลย
ทำได้ไงอ่ะ?
มือใหญ่จับข้อมือบางก่อนจะลากเขาที่ยังมึนงงไปยังห้องนอน
เขาถูกโยนลงไปบนเตียงก่อนที่ร่างเปลือยท่อนบนนั่นจะก้าวขาคร่อมตามมาทันที
“เดี๋ยวๆๆ เธอ…ไม่ง่วงนอนเลยเหรอ?” เขารีบยกมือขึ้นห้ามก่อนจะเอ่ยถาม
ยังไงเขาก็จะต้องรู้สาเหตุของมันให้ได้ก่อนไม่งั้นเขาจะนอนตายตาหลับได้ยังไง~!
“ง่วง? ก็ง่วงอยู่นะครับ แต่ความง่วงแค่นี้ทำอะไรผมไม่ได้หรอก” หน้าหล่อๆนั่นเอียงคอยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ...แล้วเหมือนเขาจะเพิ่งนึกเอะใจขึ้นมาได้...ถึงรูปลักษณ์ของอีกฝ่าย
ทั้งการแต่งตัว ทั้งทรงผม ทั้งท่าทางที่ดูเซอร์ๆ........เดี๋ยวนะ....เดี๋ยวนะ!!!
“เธอ…อย่าบอกนะว่าเรียนถาปัด?!” เขาตะโกนออกไปแต่เด็กหนุ่มกลับตอบอย่างไม่ใส่ใจ
“ครับ ใช่ครับ มีอะไรเหรอครับ?” เวร!
ทำไมเขาไม่ถามมันก่อนนะว่าเรียนอะไร เขาลืมไปว่าถ้าเป็นพวกเด็กถาปัด
แม้แต่ยานอนหลับก็ล้มมันไม่ได้! ชิบหายของแท้แล้วไง!!!!
“...เปล่า…ไม่มีอะไร แหะๆๆ” เขาแทบจะหัวเราะทั้งน้ำตาแล้วตอนนี้ ไอ้พวกซอมบี้นี่มันแข็งแกร่งจริงๆ! รู้งี้เขาควรจะกินยาแก้แพ้นั่นเสียเอง แล้วก็สลบไปเองมันเสียเลย! ฮือออ~
“เอ่อ…หมอลืมไปว่าไม่มีถุงยาง” เขาพยายามหาข้ออ้างเพื่อหลบเลี่ยงสถานการณ์เลวร้ายนี่อย่างใจเย็น...ยังไงเขาก็เป็นผู้ใหญ่กว่า
จะให้มากลับคำตอนนี้มันก็เสียหน้าเห็นๆ ...ต้องหาข้ออ้าง ...ต้องหาข้ออ้าง!!
“ในระหว่างที่รอ ผมไปซื้อมาแล้วครับ” ว้อยยยย! ดันเป็นเด็กที่รอบคอบและเตรียมพร้อมจนเขาไม่มีช่องจะปฏิเสธอี๊กกก!
“มาเริ่มกันซักทีเถอะครับ”
มือแข็งแรงรวบข้อเท้าเขาขึ้นก่อนจะดึงกางเกงนอนลายหมีพรืดเดียวหายไปกองอยู่ข้างเตียง
บ้าเอ้ย! ดันเป็นชุดนอนผ้าไหมนุ่มลื่นสบายที่ไม่มีแรงเสียดทานใดๆถึงได้หลุดง่ายหลุดดายขนาดนี้!
“เดี๋ยว เดี๋ยวก่อน หมอลืมไปว่าวันนี้มันจันทรคราส ห้ามมีเซ็กส์เด็ดขาด” ข้ออ้างบ้าบออะไรก็ได้แล้วตอนนี้~!
“ปกติพวกหมอเค้าไม่เชื่อเรื่องงมงายแบบนี้นี่ครับ แล้ววันนี้ก็ไม่ใช่จันทรคราสด้วย
ดูสิ” ใบหน้าหล่อเหลาสะบัดพาเขาหันไปมองที่หน้าต่างบานใหญ่ซึ่งมีพระจันทร์กระจ่างใสอยู่เบื้องหลัง
ส่งให้บรรยากาศโรแมนติกอย่างกับคืนส่งตัวเข้าไปอีก!
“อ้าว? ไม่ใช่เหรอ เอ่อ ถ้างั้น อ๊ะ?!” ข้อมือสองข้างถูกรวบด้วยมือใหญ่ก่อนจะกดไว้กับเตียง
ใบหน้าราวกับลูกรักของพระเจ้าโน้มลงมาในชั่วพริบตา โน้มลงมาจนปลายจมูกแทบจะชนกัน
ยิ่งอยู่ใกล้...สายตาที่เย็นชาราวกับดวงตาของแวมไพร์คู่นั้น...มันยิ่งมีพลังที่ทำให้เขาถูกสะกดไว้ทั้งร่างกายได้ง่ายๆเลยจริงๆ...
“จูบ...ได้ไหมครับ?”
ดวงตาของเขาชะงักค้าง
ในขณะที่สมองกำลังหาข้ออ้างให้วุ่นวาย
แต่พอถูกเสียงทุ้มที่แน่วแน่ถามออกมาแบบนั้นกลับทำให้ใจสั่นจนอดหวั่นไหวไม่ได้
เจ้าเด็กนี่...มันโคตรอันตรายเลย!
อันตราย...ต่อหัวใจแบบสุดๆ!
นอกจากจะหล่อมากแล้วคาริสม่ายังฟุ้งกระจาย
เป็นผู้ชายที่มีเสน่ห์แบบเย็นชาๆเหมือนพวกพระเอกนิยายอะไรแบบนั้นเลย
เสียงทุ้มเอ่ยถามทั้งที่ดวงตาเย็นยะเยือกแสนงดงามคู่นั้นกำลังปรายมองลงไปยังริมฝีปากของเขา
น่าแปลกที่ความมืดมนนี้กลับดูยั่วเย้าและทำให้ลมหายใจของเขาเริ่มติดขัด
ความคิดที่จะทัดทานจึงราวกับถูกมัดเอาไว้ด้วยเชือกที่มองไม่เห็น
“ถ้านับหนึ่งถึงสามแล้วยังไม่ตอบ...ผมจะถือว่าอนุญาตนะครับ” เสียงทุ้มที่พร่ำกระซิบอยู่แถวใบหูไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้นมาเลย
เขายิ่งถูกดึงให้จมดิ่งลงไปในหุบเหวของกิเลสตัณหาจนมือยังคว้าปากหลุมเอาไว้ไม่ได้
“หนึ่ง...” ได้แต่จมดิ่งลงไป...พร้อมๆกับลมหายใจร้อนผ่าวที่คลอเคลียอยู่แถวซอกคอ
“สอง...”
ทำได้เพียงปรายตามองใบหน้าหล่อเหลาด้วยหัวใจที่เต้นกระหน่ำ
“อุ๊บ...”
ริมฝีปากได้รูปนับสามด้วยการกดแนบลงมาบนกลีบปากของเขา
...หัวใจ...เต้นจนนึกว่ากลายเป็นโรคร้าย
ทั้งใบหน้ายังร้อนเป็นไฟอีกต่างหาก
แต่เขา...ก็ไม่ได้มีความรู้สึกว่ารังเกียจหรืออยากจะผลักใสอีกฝ่ายออกไปเลย
กลับกัน ที่หัวใจเต้นขนาดนี้นี่แปลว่าเขาก็แอบชอบมันอยู่ใช่ไหม? จูบที่รุกเข้ามาอย่างกับภัยพิบัตินี่น่ะ
แล้วเด็กหนุ่มก็ไม่ได้จบด้วยจูบแบบใสๆ
แต่ตอนนี้ลิ้นร้อนกำลังไล้เลียกลีบปากเขาให้เผยอออก...
จะ
จะสอดลิ้นเข้ามาเลยเหรอ? เพิ่งจูบกันครั้งแรกเนี่ยนะ?
“อ้าปากสิครับ” ริมฝีปากยังคงนัวเนียและห่างออกไปไม่ไกล
“แต่ว่า
อื้อ~” เพราะงั้นทันทีที่เขาอ้าปากเพื่อจะคัดค้าน
ลิ้นร้อนจึงสอดแทรกสวนกลับมาอย่างทันท่วงที
หน้าเขาร้อนจี๋จนแทบจะลุกไหม้
หัวใจเต้นจนแทบจะเป็นบ้าไปแล้ว
ลิ้นชุ่มแฉะที่ลุกล้ำเข้ามาโรมรันอยู่ในโพรงปากเขามันช่างลื่นไหล
มันไม่ได้ทำให้รู้สึกขยะแขยงหรือสกปรกเลยแม้แต่น้อย
เขาเคยรู้สึกไม่ดีกับดิปคิสแบบนี้
เขาเคยค่อยๆห่างเหินกับแฟนเก่าเพราะเขาไม่อยากจูบกับอีกฝ่าย มันรู้สึกไม่ดี มันรู้สึกตะขิดตะขวงใจ
มันไม่ได้ทำให้รู้สึกลุ่มหลงมัวเมาแบบนี้ ไม่เลย ไม่เหมือนกันเลยสักนิด...
ถึงเขาจะชอบผู้ชาย
เคยมีแฟนเป็นผู้ชาย แต่เขาก็ไม่ได้สันทัดเรื่องพวกนี้
กลับเป็นเจ้าเด็กนี่เสียอีกที่จูบเก่งกว่าเขามาก
เพราะแบบนั้น…เลยโดนชักนำไปอย่างง่ายดาย...ด้วยปลายลิ้นที่ออกจะช่ำชองนั่น...
“แฮ่ก…แฮ่ก…แฮ่ก…”
ใบหน้าหล่อเหลาปล่อยให้เขาได้หายใจด้วยการยอมล่าถอยออกไปเล็กน้อย
แต่กระนั้นก็ยังอยู่ในระยะที่จะโจมตีกลับมาเมื่อไหร่ก็ได้
“เธอ…เคย One Night Stand บ่อยเหรอ?” เขาถามออกไปด้วยลมหายใจที่ยังหอบหนัก
เจ้าเด็กนี่เก่งเกินกว่าจะเชื่อว่ายังบริสุทธิ์ผุดผ่อง
“เปล่าครับ นี่ครั้งแรก”
“ครั้งแรก?” เขาเผลอทำหน้าไม่เชื่อออกไป
“แต่เคยมีเซ็กส์กับแฟนน่ะครับ”
เด็กหนุ่มยอมรับออกมาตรงๆและนั่นก็ทำให้เขาถึงกับตกใจ
มือบางรีบยันแผ่นอกที่ถาโถมลงมาก่อนจะลนลานถามออกไป
“เดี๋ยว! แล้วตอนนี้ยังมีแฟนอยู่รึเปล่า?”
“ไม่มีแล้วครับ เลิกกันไปนานแล้ว” ใบหน้าหล่อเหลาตอบด้วยสายตาที่ว่างเปล่าราวกับว่าไม่มีความรักครั้งเก่าอยู่ในหัวอีกต่อไป...หรือว่าจะ...เลิกกันไม่ดีเหรอ?
“งั้นเหรอ...” แล้วในขณะที่เขากำลังจะเห็นใจแต่เจ้าเด็กนี่กลับ!
“คุณหมอ มีเจลไหมครับ? ผมไม่ได้ซื้อมา” ว้อยยยย~ แต่ก็ดี! เขาจะได้มีข้ออ้าง!
“ไม่มี
ถ้าไงไว้เราค่อย-“
“ใช้อะไรที่มันลื่นๆแทนก็ได้ครับ
เช่น....อันนี้” ....ทำวันหลัง
เขายังพูดไม่ทันจบเลย!
นอกจากจะไม่ฟังยังไม่พอ
ใบหน้าหล่อเหลายังกวาดตามองไปที่โต๊ะเครื่องแป้งของเขา
แขนยาวเอื้อมไปหยิบขวดบีบขนาดเล็กกว่าฝ่ามือขวดหนึ่งขึ้นมา
เดี๊ยววว
นั่นมันเซรั่มบำรุงหน้าขวดละสองพันห้าของเขา! จะเอามาใช้แบบนี้ไม่ได้~!!
“อื้อ!” มือใหญ่ตลบเลิกชายเสื้อนอนลายหมีขึ้นและนั่นก็ทำให้เขาสะดุ้งโหยง
ก็เจ้าตัวเล็กของเขาได้สัมผัสกับอากาศเย็นๆเป็นครั้งแรก
แถมสายตาที่จ้องมองไม่วางตาก็ยังทำให้สั่นสะท้านไปทั้งร่างอีกต่างหาก มองอะไรเนี่ย~ มันน่าอายนะ~
“ผมเพิ่งเคยมีอะไรกับผู้ชายเป็นครั้งแรก ถ้าคุณหมอเจ็บก็บอกผมนะครับ”
“ห๊ะ เอ่อ อื้ม…” อ้าว? แฟนที่เคยมีนั่นเป็นผู้หญิงหรอกเหรอ?
“เดี๋ยวก่อน! แล้วนายทำเป็นเหรอ?.......กับผู้ชายน่ะ…”
มือบางรีบตะครุบมือใหญ่เอาไว้
“ถ้าทำไม่เป็นเราค่อยทำวันหลัง-” เขายังคงไม่ละความพยายามที่จะบ่ายเบี่ยง
คนที่ไม่ได้ชอบผู้ชายด้วยกัน แค่เห็นก็คงจะฝ่อแล้วไหม~ แต่ยังพูดไม่ทันจบประโยค!
เจ้าเด็กนี่ก็พูดทับลงมาทันที!
“ผมนั่งอ่านวิธีทำมาเมื่อกี้แล้วครับ ไม่ต้องห่วง ผมทำได้” แล้วมันดันเป็นเด็กใจถึงพึ่งได้อี๊กกก
อ๋อ~
ที่เห็นนั่งไถโทรศัพท์มือถืออยู่เมื่อกี้น่ะเหรอ? ว่าแต่นายคิดว่ามันเหมือนการต่อเลโก้รึง๊ายยย
แค่อ่านคู่มือก็คิดว่าจะทำได้งั้นเร้อออ นี่มันเซ็กส์นะ เซ็กส์!
จะแข็งหรือเปล่าเถอะนายน่ะ!
ดวงตาลอบเหลือบมองไปที่เป้ากางเกงยีนส์ซึ่งยังเรียบสนิท...อ๊ะ! มีหวังรอดแล้วสินะเขาน่ะ!
ก็อย่างว่าแหละผู้ชายที่ชอบผู้หญิงมาตลอดจะมีอารมณ์กับผู้ชายด้วยกันได้ยังไง!
“แต่ว่า…ผมคงต้องขอความร่วมมือจากคุณหมอหน่อยนะครับ” เพราะชะล่าใจเลยปล่อยให้อีกฝ่ายอยากทำอะไรก็ทำต่อไป
ร่างที่อ้าขาคร่อมล็อคตัวเขาอยู่กำลังบีบเซรั่มลงไปบนนิ้วช้าๆ...น้ำเหนียวหนืดค่อยๆไหลลงมาตามข้อนิ้วเรียวยาวและแข็งแรง
มือที่เต็มไปด้วยเส้นเลือดนั่นสมเป็นมือผู้ชายจนเขาต้องลอบกลืนน้ำลาย มันอดที่จะใจเต้นตามไม่ได้จริงๆนะ
บอร์ดี้ที่โคตรมีเสน่ห์ของเด็กนี่
ร่างสูงใหญ่โน้มตัวลงมาด้วยสีหน้าเย็นชาแท้ๆ~แต่เขากลับใจเต้นรัว
เสียงทุ้มเอ่ยกระซิบอยู่ใกล้ๆ...ด้วยน้ำเสียงที่ทำเอาหายใจไม่ทั่วท้อง...
“คุณหมอ…เป็นหมอนี่ครับ
คุณหมอย่อมต้องรู้ดีกว่าผมอยู่แล้วว่าส่วนไหนของร่างกาย…ที่โดนแล้วรู้สึกดี…จุดไหน…ที่ทำให้เสร็จ”
“อื้อ!” เขาสะดุ้งสุดตัวเมื่อรู้สึกว่าช่องทางเบื้องล่างถูกรุกล้ำเข้ามาด้วยปลายนิ้วที่ชุ่มโชก
แต่ใบหน้าหล่อเหลาก็ยังขยับเข้ามาคลอเคลียกับใบหน้าของเขาพร้อมกับเอ่ยต่อไปด้วยน้ำเสียงเย็นๆแต่โคตรเซ็กซี่
“คุณหมอ…ก็ช่วยขยับจุดนั้น…มาโดนนิ้วของผมทีนะครับ
ผมจะได้จำไว้...ใช้กับน้องชายของผม” เจ้าเด็กนี่…หน้าตาก็ออกจะเย็นชา ท่าทางก็อย่างกับคุณชายแท้ๆ
แต่ทำไมพูดเรื่องน่าอายได้หน้าตาเฉยแบบนี้เนี่ย~
“อื้อ~” แล้วนิ้วนั่น! มันไม่ได้ชักเข้าชักออกเหมือนอย่างที่คนทั่วไปเค้าทำกัน แต่มัน! ขยับงอไปมา ทำเอา...แทบทนไม่ไหว~ อ้า~
“ชอบเหรอครับ? คุณหมอกำลังขย๋ำนิ้วของผมด้วยตรงนั้นของคุณหมออยู่นะครับ”
“อ๊า! หยุดพูดได้แล้ว!” หลังจากโวยวายจบเขาก็ต้องรีบเม้มปากแน่นก่อนที่เสียงครางน่าอายจะหลุดออกไป
แต่อีกฝ่ายก็ยังแกล้งเขาไม่หยุด
“ถ้าไม่ให้พูดแล้วจะให้ผมทำอะไร?” ใบหน้าเรียบเฉยนั่นเผยรอยยิ้มบางๆอย่างคนที่คุมเกมอยู่หมัด
ฮึ่ย! ก็ได้!
มือบางกระชากลำคอแกร่งลงมาเพื่อแสดงให้เห็นว่าหากไม่พูดแล้วจะให้ใช้ปากทำอะไร!
ริมฝีปากประกบกันไว้และคราวนี้ก็ไม่ต้องอารัมภบทอะไรให้มากมาย
เรียวลิ้นสอดใส่เข้าไปในโพรงปากของอีกฝ่ายทันที
จูบที่เร่าร้อนถูกมอบให้แก่กันและมันก็ทำให้เขาเผลอโอบแขนไปกอดรั้งลำคอของอีกฝ่ายเอาไว้
ลิ้นแลกลิ้นราวกับจะไม่มีที่สิ้นสุด...
กลิ่นหอมจากน้ำยาบ้วนปากผสมปนเปกับกลิ่นคล้ายบุหรี่จนมั่วไปหมด
เขาไม่เคยหิวกระหายในรสจูบขนาดนี้มาก่อนเลยจริงๆ
นั่นมันแสดงว่าอีกฝ่ายทำให้เขารู้สึกดีมากๆ
เขาเคยกังวลกับการจูบมาตลอด
แต่เด็กคนนี้ทำให้เขายังไม่ทันจะได้คิดอะไรด้วยซ้ำก็เผลอตามน้ำกับรสชาติหอมหวานนั่นไปแล้ว
“แฮ่ก…แฮ่ก…มีอะไรให้ทำตั้งหลายอย่างไม่ใช่เหรอ?
ปากเธอน่ะ” เขาตวัดตาค้อนหลังจากที่ริมฝีปากแยกจากกัน
แต่ใบหน้าหล่อเหลากลับยกยิ้มเจ้าเล่ห์เบาๆ
“อย่างเช่นอะไรบ้างล่ะครับ?”
“เธออ่านวิธีทำมาแล้วนี่? ก็เอามาใช้สิ!”
เด็กหนุ่มหัวเราะในลำคอ
ให้ตายเถอะ ทำไมหล่อแบบนี้! ไม่ยิ้มก็หล่อ ยิ้มก็ยิ่งโคตรหล่อ!
“เข้าใจแล้วครับ” ริมฝีปากประกบลงมาใหม่พร้อมกับปลายนิ้วที่ขยับไปด้วย เสียงจุ๊บ เสียงจ๊วบ
เสียงแจ๊ะ เสียงน้ำเฉอะแฉะดังผสมกันมั่วไปหมดจนอารมณ์ของเขาเตลิดไปไกล
แล้วมือใหญ่อีกข้างก็ไม่ได้ว่าง
มันตรงเข้ามาปลุกเร้าแกนกายของเขาจนตั้งชูชัน
ไม่คิดเลยว่าเขาจะมีอารมณ์กับเด็กหนุ่มที่ไม่รู้จักแม้แต่ชื่อ
ไม่คิดเลยว่าเขาจะถูกทำให้ใจแตกขนาดนี้
แต่สิ่งที่เด็กนี่ทำให้เขามันดีเกินไป...ดีมากจนยากที่จะปฏิเสธได้...
พวกเรากอดจูบกันนัวเนีย
เหมือนต่างฝ่ายต่างได้เจออาหารอันโอชะหลังจากที่หิวโหยมานาน
ริมฝีปากละจากกันได้ไม่เท่าไหร่ก็ดูดติดเข้าหากันใหม่ ผิวนุ่มลื่นก็ถูกกล้ามเนื้อแข็งแกร่งบดเบียดแนบชิดทั้งร่างกาย
กระดุมเสื้อของเขาหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่ยังไม่รู้ตัวเลย
แต่กระนั้นดวงตาเย็นชาก็ยังปรายมองทุกปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นกับร่างบาง
ปลายนิ้วทั้งสามที่อยู่ในนั้นก็วนไล้หาจุดที่จะทำให้ไหล่แดงระเรื่อนี้สะดุ้งโหยงไปด้วย
“อื้อ?!” ดูเหมือนจะเจอแล้วสินะ?
นิ้วยาวลองกดลงไปที่จุดนั้นเพื่อเช็คให้แน่ใจ
“อ๊า~”
แล้วใบหน้าที่ขมวดคิ้วพร้อมกับเปล่งเสียงราวกับจะเป็นจะตายเสียให้ได้ก็ทำให้ร่างสูงยิ่งมั่นใจ...ว่าใช่จุดนี้แน่ๆ
อาการบีบรัดของผนังภายในก็ใช่ย่อยเลยแหะ
...ไม่ต้องสัมผัส...ไม่ต้องใช้ปากช่วย...ไม่ต้องชัก...
เจ้าน้องชายสุดที่รักก็ตื่นตัวขึ้นเรื่อยๆเพราะจังหวะการบีบรัดที่ส่งผ่านมาทางปลายนิ้วนี่แหละ...
แค่คิดว่าหากนิ้วนั่นถูกแทนที่ด้วยของที่ใหญ่กว่านั้นมันจะเป็นยังไง...ความเป็นชายก็ขยายและแข็งตัวรอแล้ว
“ฮ้า....” ใบหน้าหล่อเหลาก้มมองแท่งเนื้อเป่งนูนที่อยู่ภายใต้กางเกงยีนส์ด้วยลมหายใจหอบหนัก
ก็ไม่คิดว่าตัวเองจะมีอารมณ์กับผู้ชายเหมือนกัน
แต่คนที่ดูจะตกใจยิ่งกว่าก็คือคุณหมอร่างบางตรงหน้า
“มะ
มันแข็งด้วยเหรอ? ฮ้า...อ้า...”
“ก็อย่างที่เห็นนี่แหละครับ”
มือใหญ่ปลดกระดุมกางเกงก่อนจะรูดซิปลงช้าๆ
แล้วสิ่งที่เด้งผึงออกมาก็มีแต่จะทำให้ใบหน้าสะอาดใสถึงกับตะลึงอึ้งค้าง
เดี๋ยวดิ
แข็งจริงๆเหรอเนี๊ยยย?! เป็นไปได้ไง? นี่มันหนทางรอดสุดท้ายของเข๊า~~!
แล้วก็นะ
ถึงจะเคยเรียนมาว่าอวัยวะเพศของผู้ชายนั้นสามารถใหญ่โตได้ขนาดไหน แต่ก็เพิ่งเคยเห็นที่ใหญ่ขนาดนี้แบบตัวเป็นๆนี่แหละ! โอ้แม่เจ้า
ใหญ่จนอยากจะเป็นลม เจ้าเด็กนี่มันเป็นรอยัลอัลฟ่ารึยังง๊ายยย
“จับดูก่อนสิครับ
จะได้ไม่กลัว” ไม่จ๊าบบบ~
หมับ...
แล้วมือใหญ่ก็ดึงมือบางไปจับหมับที่แท่งเนื้อร้อนเป็นไฟนั่น
เส้นเลือดที่ปูดโปนไปทั่วทำให้เขารู้ว่ามันใกล้จะทนไม่ไหวและน่าจะดุดันขนาดไหน
ฮื้อ~
เขาน่าจะเอะใจตั้งแต่เห็นความสูงและขนาดร่างกายของเด็กนี่แล้วไหม ว่าเขาจะต้องมาเจอกับงูอนาคอนด้าไม่ใช่งูเขียวทั่วไปน่ะ~
แต่สัมผัสมันก็ดีนะเนี่ย เจ้างูยักษ์นี่ดูแข็งแรงดีสุดๆไปเลยแหะ...นิ้วเรียวลองแตะสำรวจดูตามประสาหมอ ก็นะ นานๆจะได้เจอเคสของจริงเข้าสักที บ้าเอ้ย มันแข็งมากเลยนะ? มีอารมณ์กับเขาขนาดนั้นเลยเหรอ...ไม่สิ มันใช่เวลามากังวลเรื่องนั้นที่ไหน! ไม่ใช่เวลามาตรวจสุขภาพอนาคอนด้าด๊วย~!
“ไหนๆก็จับแล้ว...ใส่...ถุงยางให้ด้วยสิครับ?” ห๊ะ?
เด็กหนุ่มคีบซองถุงยางออกมาจากกระเป๋าหลังของกางเกงยีนส์ก่อนจะส่งให้ด้วยรอยยิ้มมุมปาก
ทั้งๆที่อายุน้อยกว่าเขาแต่ทำไมถึงได้แพรวพราวขนาดนี้เนี่ย!
มือขาวรับซองสี่เหลี่ยมที่มีวงกลมอยู่ตรงกลางนั่นมา
ทั้งๆที่เห็นมาตั้งเท่าไหร่จากหน้าที่การงานแต่ทำไมคราวนี้ถึงได้ตื่นเต้นจนมือไม้สั่นแบบนี้นะ...แล้วยิ่งเด็กหนุ่มขยับมันเข้ามาจนแทบจะจ่อหน้า
เขาก็ยิ่งหายใจติดๆขัดๆ มือฉีกซองอย่างเงอะๆงะๆ
เขาหน้าแดงแปร๊ด
แดงไปถึงใบหูในขณะที่ใช้ปลายนิ้วบีบปลายถุงยางเอาไว้ แล้วในขณะที่เขาอายแทบตาย! เจ้าคนที่คุกเข่ายืนตั้งตระหง่านอยู่นั่นกลับหัวเราะออกมาเบาๆ
“นึกว่าจะใช้ปากใส่ให้เสียอีกนะครับ” แข็งขนาดนี้ไม่ต้องใช้แล้ว!
เขาทำหน้าหงึใส่แต่อีกฝ่ายกลับอมยิ้มด้วยความเอ็นดู บ้าจริง
ใครเด็กกว่าใครกันแน่ฟ๊ะ เริ่มงงแล้วเนี่ย!
ถุงยางอนามัยถูกแนบลงไปที่ส่วนปลายทำให้แก้มของเด็กหนุ่มตรงหน้าพอจะเปลี่ยนเป็นสีแดงได้บ้าง
ถึงจะมีแค่สีที่เปลี่ยนก็เถอะนะ!
“ฮู่ว...” ใบหน้าหล่อเหลาครางในลำคอเบาๆเมื่อเขาใช้สองมือค่อยๆรูดถุงยางลงไป
มือที่เล็กกว่าเจ้านั่นมาก
มือที่ขาวสะอาดและเรียบเนียนนุ่มนิ่ม มือของหมอ...คงจะไปปลุกเร้าสัญชาตญาณบางอย่างเข้า
ร่างสูงจึงถึงกับกัดฟันจนสันกรามสั่น
“อยากให้ใส่ท่าไหนครับ?
หงาย? หรือคว่ำ?” โอ๊ย ปากเจ้าเด็กนี่นี่นะ
แล้วยังถามออกมาทั้งใบหน้าไม่สะทกสะท้านนั่นอีก
“ถ้าหันหลังเธอจะกอดหมอไหม?” เพราะเห็นหน้ากันมันน่าอายกว่า
แต่เขาก็ชอบให้อีกฝ่ายกอดในขณะที่ทำไปด้วย
“ถ้าอยากให้กอดก็หันหน้าเข้าหากันสิครับ”
“แต่ว่า...” เขาเสสายตาหลบอย่างอายๆและอีกฝ่ายก็คงจะรับรู้ได้
เสียงทุ้มจึงเอ่ยหยอกเย้า
“ผมหล่อขนาดนี้
ไม่มีอะไรไม่น่าดูหรอกนะครับ” ฮึ่ย!
เถียงได้ซะที่ไหน!
“คุณหมอเองก็น่ารักมากนะครับ
ไม่งั้นไอ้นั่นของผมมันคงไม่ตั้งขึ้นมาเองแบบนี้หรอก” ใบหน้าหล่อเหลาพุ่งเข้ามากระซิบที่ใบหู
จู่ๆก็ถูกชมแบบนี้ทำให้เขาได้แต่อ้าปากพะงาบๆ เขินจนโต้ตอบอะไรไม่ได้ไม่ทันเลย
และมันก็กลายเป็นช่องว่างให้ฝ่ามือแข็งแรงดึงโคนขาของเขาเข้าปะทะกับต้นขาที่คุกเข่าอยู่ของตัวเอง
บอกตามตรงนะว่าหัวใจของเขาเต้นแรงเสียจนนับจำนวนครั้งไม่ถูกแล้วตอนนี้
ปากทางที่ถูกอ้ากว้างออกรู้สึกถึงความเหนียวหนืดชื้นแฉะของเซรั่มที่พยายามจะไหลทะลักออกมา
ทว่า!
มันก็ถูกอุดเอาไว้ด้วยส่วนปลายร้อนๆที่เขารู้ดีว่ามันคืออะไร
ริมฝีปากเม้มแน่นราวกับมันเป็นปฏิกิริยาอัตโนมัติยังไงอย่างงั้น
“อื้อ~” หัวคิ้วถึงกับขมวดมุ่นเมื่อเจ้าสิ่งนั้นมันพยายามสอดแทรกเข้ามา
“อ๊ะ
อื้อ!” เจ็บ!
เจ็บเป็นบ้าเลย!
ปฏิกิริยาของเขาคือถอยหนีและเด็กหนุ่มก็รู้ดี
ท่อนแขนแข็งแรงนั่นจึงรวบตัวเขาไปกอดเอาไว้แน่น
“อ๊า
ไม่เอา เจ็บ~ หยุดก่อน หยุดๆๆ!” เขาตะโกนพลางหอบหายใจ
เพราะมันใหญ่มากนั่นแหละเขาเลยทนไม่ไหว น้ำตาปริ่มจนไหลลงไปเป็นทาง
“อดทนนิดนะครับ...ฮ้า...แล้วผมจะชดเชยให้...เป็นสวรรค์ที่คุณหมอไม่เคยรู้จัก...”
แขนใหญ่กอดแผ่นหลังของเขาไม่ปล่อยไม่ว่าจะพยายามดิ้นหนียังไง
แท่งเนื้อร้อนระอุนั่นก็ยังสอดใส่เข้ามาไม่หยุด
มันเจ็บจนทั้งตัวเขาสั่นระริกไปหมดแล้ว ที่เล้าโลมไว้แทบจะไม่มีความหมายอะไรเลยให้ตายเถอะ
ในเมื่ออีกฝ่ายไม่ให้หนี
เขาจึงทำได้เพียงแค่เอื้อมมือไปโอบกอดแผ่นหลังกว้างนั่นเอาไว้...แล้วฝังรอยเล็บลงไป...
“อ๊า~”
เขาเกยปลายคางเอาไว้กับไหล่และซอกคอของเด็กหนุ่ม
เรากอดกันจนแทบจะไม่มีช่องว่าง ถึงมันจะเป็นการฝืนใส่เข้ามา
แต่ถ้าไม่ทำแบบนี้มันอาจจะคาราคาซังแล้วเขาอาจจะต้องเจ็บตัวมากกว่าเดิมก็เป็นได้
“แฮ่ก...แฮ่ก...แฮ่ก...” ดวงตาชุ่มน้ำถึงกับต้องกระพริบปริบๆ
ความเจ็บที่แล่นลิ่วมาจากเบื้องล่างทำให้เขาสั่นสะท้านไปจนถึงปลายนิ้ว
ยังดีที่อีกฝ่ายกอดเขาไว้...มันเลยไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด
ฝ่ามือ...ที่โอบกอดลูบเบาๆอยู่บนหัวของเขานั่นราวกับคำปลอบโยนที่แสนอบอุ่น...ให้ตายเถอะเจ้าเด็กนี่...แฟนเก่าคนนั้นยอมปล่อยไปได้ยังไงกันนะ?
“เข้าไปหมดแล้วครับ...ฮู่ว...”
ใบหน้าหล่อเหลากระซิบบอกเขาในระยะที่ใกล้แสนใกล้ ร่างสูงใหญ่หยุดให้เขาได้พักหายใจ
พฤติกรรมของเด็กนี่ไม่เหมือน One Night Stand เลยให้ตายเถอะ...ความเอาใจใส่แบบนี้มัน...เหมือนพฤติกรรมที่ทำให้คนรักมากกว่า...
หวังว่านี่จะเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายระหว่างเรา...
เพราะถ้ามีมากกว่านี้...เขาเองนี่แหละที่จะห้ามใจยังไงไม่ให้ตกหลุมรักเด็กนี่
เขาค่อยๆปรับตัวด้วยการบีบรัดผ่อนคลายช่องทางด้านหลังเบาๆ
แต่คนที่อุตส่าห์อยู่นิ่งๆให้เขาได้พักนี่สิดูเหมือนจะโดนดาเมจเข้าไปเต็มๆ
“อึก...” ท่อนแขนของเด็กหนุ่มกอดกระชับลำตัวเขาแน่น
ใบหน้าหล่อเหลาก็กดซุกอยู่กับซอกคอเขาพลางสะกดกลั้นอารมณ์ของตัวเอง
ได้ยินเสียงสูดกลิ่นดังคละเคล้าไปกับลมหายใจหนักๆที่ถูกปล่อยออกมา
แต่ยิ่งอยู่แบบนี้นานไปก็มีแต่จะยิ่งทำให้เสือร้ายหิวกระหายจนขาดสติ
ก่อนที่เด็กหนุ่มจะถูกสัญชาตญาณดิบครอบงำ เขาจึงเอ่ยออกไปเบาๆ...
“จะ...ขยับเลยก็ได้นะ...” เท่านั้นแหละ อ้อมแขนที่กอดรัดเขาแน่นก็คลายออก
เด็กหนุ่มหยัดกายขึ้นไปก่อนจะใช้สองแขนจับยึดต้นขาของเขาเอาไว้แทน
ใบหน้าราวกับรูปสลักซึ่งเต็มไปด้วยความต้องการ...กำลังทอดมองเขาจากมุมด้านบน...มัน...โคตรจะเซ็กซี่เลย
บ้าจริง
“อื้อ!” ส่วนที่เชื่อมต่อกันเริ่มขยับด้วยจังหวะที่เนิบช้า
เจ้าสิ่งที่ใหญ่โตนั่นมันเต็มแน่นอยู่ข้างในตัวเขา
แต่ก็เพราะว่ามันใหญ่นั่นแหละทุกที่ที่มันแทรกผ่านจึงเรียกความเสียวซ่านไปทั่วทุกอณู
“อะ...” เขาเผลอแอ่นกายรับโดยไม่รู้ตัว
ความเจ็บก็ยังอยู่แต่มันก็บรรเทาเพราะถูกความคับแน่นแสนรัญจวนนั่นหันเหไป นี่ขนาด...แค่เริ่มต้น...เขายังเบลอจนแทบจะคิดอะไรไม่ออกแล้ว
“อึก...อา~” จังหวะสอดใส่นั้นเริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
เขาหรี่ตามองร่างสูงใหญ่อย่างแปลกใจ
ก็ตั้งแต่ที่เข้ามาได้เจ้าเด็กนี่ก็ดูจะเงียบไป...ทั้งที่ก่อนหน้านี้ยังพูดแต่เรื่องน่าอายอยู่เลย
หรือจะผิดหวัง?
ที่ช่องทางของเขาไม่ได้หอมหวานเหมือนผู้หญิง? มัน...ไม่ดีเหรอ?
แล้วในขณะที่เขาเริ่มเฟลๆ
ใบหน้าเฉยชากลับขยับเข้ามา
“คุณหมอ...ผมอยากจะเข้าไปให้ลึกกว่านี้ครับ...” เอ๊ะ? ห๊ะ? ยังไง?
แต่นี่ก็ลึกจนเขานึกว่าตับไตใส้พุงถูกทะลวงยับหมดแล้วนะ!
ยังจะเข้ามามากกว่านี้อีกเหรอ?
“ไม่-
อ๊ะ?” ยังไม่ทันจะปฏิเสธ
เอวบางก็ถูกแขนแข็งแรงรวบแล้วยกตัวเขาขึ้นทั้งๆที่ความเป็นชายยังเสียบคาอยู่
ทั้งเปลี่ยนท่ากะทันหัน
ทั้งเจ้านั่นที่กระแทกโดนจุดอ่อนไหวภายในของเขาแบบไม่ตั้งใจ
เล่นเอาเขาแทบจะปล่อยพรวดออกมาเสียให้ได้ ดวงตาถึงกับเบิกค้าง ร่างทั้งร่างรัดเกร็งไปหมด
รวมถึงช่องทางด้านล่างด้วย
กว่าจะรู้ตัวว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ในท่าทางแบบไหน...เขาก็ไร้ซึ่งทางหนีไปแล้ว
“ฮ้า~
โคตรดี...”
เสียงทุ้มแสนเซ็กซี่ครางเบาๆอยู่ที่หน้าอกเขา
เล่นเอาสิ่งที่กังวลอยู่เมื่อกี้หายเกลี้ยง
“เดี๋ยวก่อน
ท่าแบบนี้มัน...” เด็กหนุ่มยังคุกเข่าอยู่บนเตียงก็จริงแต่ก็ยกตัวเขาลอยจากพื้นด้วยสองแขนเพียงเท่านั้น...ไม่ต่าง...จากท่ายืนเลยสักนิด
ถึงจะตกตะลึงในความแข็งแรงของอีกฝ่ายแต่ตอนนี้สิ่งที่ทำให้เขาถึงกับปิดตาแน่นก็คือเจ้านั่น!...มันเข้ามาลึกมาก!
ลึกจนรู้สึกถึงเจ้าแท่งร้อนๆแข็งๆนั่นได้เลย
ลึกจนรู้สึกเสียวทั่วท้องน้อยไปหมด แน่น...จนเขาต้องกอดคอของอีกฝ่ายไว้ราวกับมันจะช่วยระบายความอึดอัดได้
“อึก...อ้า...”
ใบหน้าหล่อเหลากดจูบซุกไซ้ไปตามซอกคอของเขาในขณะที่เรากอดกันแน่น
สองมือใหญ่ๆที่ช้อนจับอยู่ที่ก้นของเขาเริ่มขยับมันเข้าออก...รับกับความเป็นชายที่กระแทกเข้ามาอย่างหนักหน่วง
“อ๊า!” เขาครางแทบไม่เป็นภาษา
สองขาต้องเกี่ยวกระหวัดรัดเอวหนาเอาไว้ ครั้งแรกก็เล่นท่ายากเลยนะเจ้าเด็กนี่! แต่ก็ต้องยอมรับว่ามันถึงใจมาก!
“ดีไหมครับคุณหมอ?” ใบหน้าเร้าอารมณ์เงยขึ้นมามองเขา
“อะ
อื้อ!
ดี!”
แต่ละจุดแต่ละครั้งที่โดนกระแทกใส่ก็คือกะไม่ให้เขาได้พักหายใจเลยสักนิด
มันดีจนเขาแทบจะคลั่งตายเสียให้ได้
“ฮ้า...โคตรแน่น...ดูดผมไม่ปล่อยแบบนี้...กะจะให้ผมอยู่ในนั้นไปทั้งคืนเลยหรือไงครับ?
หื๋ม?”
คงจะมีแต่เจ้าเด็กนี่แหละที่ยังมีสติพอจะพูดอยู่ได้ ส่วนเขานั้น...
“อะ
อ้า~
อ้า”
แล้วก็เพราะว่ามันเสียวมากนั่นแหละเลยทำให้เขายิ่งรัดแน่นไปใหญ่
พอยิ่งรัดเด็กหนุ่มก็ยิ่งกัดฟันยิ่งควบคุมตัวเองไม่ได้ เลยยิ่งกระแทกใส่เขาไม่ยั้ง
เสียงสวบๆนี่ดังอย่างดุ!
“อ้า~
เบาๆ อ้า~”
ร่างทั้งร่างโยกคลอนแล้วก็ยิ่งกอดรัดร่างสูงใหญ่ไว้เป็นที่พึ่ง กอดแน่นจนแทบจะหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน
รัดพันอย่างไม่รู้สึกรังเกียจเม็ดเหงื่อที่ไหลไปทั่วตัวนี่เลยสักนิด
ดี!
มันดีไปหมดเลยให้ตายเถอะ!
เจ้าเด็กนี่ตรงสเปคเขาทุกอย่าง
ทั้งรูปร่าง หน้าตา นิสัยตอนที่อยู่บนเตียง ความเข้ากันได้...เขาไม่เคยรู้สึกดีกับเซ็กส์แบบนี้มาก่อนเลยจริงๆ
ไม่ว่าแฟนคนไหนก็ไม่เคยทำถึงแบบนี้มาก่อนเลย เพราะทุกคนล้วนทำเพื่อตัวเอง
สนใจแต่ความสุขสมของตัวเอง
เพิ่งจะมีครั้งนี้แหละที่เขามีความรู้สึกร่วมไปด้วยมากขนาดนี้
ถึงจะหยุดพูดไป...แต่เจ้าเด็กนี่ก็คอยสังเกตปฏิกิริยาของเขาตลอดว่าเขาชอบไหม
เขารู้สึกดีหรือเปล่า และหากเขาหยุดครางเมื่อไหร่
เจ้ากระป๋องสเปรย์นั่นก็จะกระแทกเข้าใส่จุดไวสัมผัสของเขาทันที
“อ๊า~
ฉัน ฉันจะ~ อ้า~”
แกนกลางร่างกายที่ถูไถอยู่กับหน้าท้องแกร่งเริ่มจนทนไม่ไหว
เขาอยากจะปลดปล่อยออกไปเสียให้ได้
ตุ้บ
ร่างสูงใหญ่ล้มตัวลงทำให้แผ่นหลังของเขานอนอยู่บนเตียงนุ่มทั้งที่ร่างของเรายังกอดกันไม่ปล่อยและข้างล่างก็ยังกระแทกใส่ถี่ยิบ
ให้ตายเถอะ เด็กหนุ่มที่ยังแรงดีมันดีแบบนี้นี่เอง! นึกอยากจะจับเขาพลิกซ้ายพลิกขวาสอดใส่ท่าไหนก็ทำได้ง่ายๆเลยนะ!
ฮึ่ย! ถึงจะน่าหมั่นไส้แต่เขาก็ทำได้แค่ครางต่อไป
“อ๊า
อื้อ~”
ฝ่ามือที่เคยจับอยู่ที่สะโพกย้ายมาโอบกอดแผ่นหลังกับหัวของเขาอย่างอ่อนโยน
ริมฝีปากแนบชิดประกบจูบกันอย่างเร่าร้อนไม่แพ้เบื้องล่างที่กระแทกใส่ไม่ว่างเว้น
ทั้งนุ่มนวล ทั้งรุนแรง ทั้งเรียกร้อง ทั้งรุกเร้า ทั้งมอบให้
ไม่ไหวแล้ว...เขาแทบจะสำลักความสุขสมจนจะขาดใจตายให้ได้แล้ว!
“คุณหมอ...พร้อมกันนะครับ” เสียงกระเส่าพร่ำกระซิบเมื่อละริมฝีปากออกไป
ถึงจะมึนเบลอแต่เขาก็พยักหน้าเข้าใจ
จังหวะสุดท้ายร่างสูงใหญ่ดึงความเป็นชายออกไปจนเกือบสุด
มันทำให้ในท้องของเขาเสียววูบวาบไปหมด ก่อนที่มันจะถูกเติมเต็มด้วยสิ่งที่กระแทกกลับเข้ามารวดเดียวอย่างหนักหน่วง! เท่านั้นแหละ
ความสุขสมก็พุ่งปรี๊ดทะลักทะลานออกมาราวกับเขื่อนแตก!
“อ๊า~!!” เขากระตุกเกร็งไปทั่วร่าง
ไม่เคยถึงจุดสุดยอดที่สุดยอดขนาดนี้มาก่อนเลยจริงๆ
“อื้อ~” หลังจากเปล่งเสียงครางสูงเขาก็หอบจนตัวโยน
ร่างยังกระตุกเกร็งอีกหลายรอบพร้อมกับน้ำรักสีขาวขุ่นที่พุ่งกระจายเต็มหน้าท้อง
ข้างใน...ก็รู้สึกถึงสิ่งที่อีกฝ่ายปลดปล่อยออกมาเต็มถุงยาง...
“แฮ่ก...แฮ่ก...ฮ้า...ที่รัดผม...ตอนที่ปลดปล่อยออกไปแล้ว...มันสั่น...แล้วก็ดีสุดๆไปเลยแหะ
คุณหมอ” เอาล่ะ
ปากน่าอายนั่นเริ่มจะทำงานอีกแล้ว!
เขาหรี่ตามองก่อนที่ใบหน้าหล่อเหลาจะขยับมาคลอเคลียจนเขาต้องปิดตาลงข้างหนึ่ง
“อีกรอบไหวไหมครับ?” แล้วจู่ๆเด็กหนุ่มก็ถามออกมาหน้าตาเฉย
ห๊ะ?
ห๊า~~?!! อีกรอบอะไร๊~
มือใหญ่พลิกกายให้เขานอนคว่ำลงโดยไม่รอฟังความเห็นของเขา
ริมฝีปากร้อนกดจูบไปตามท้ายทอยไล่ลงไปบนแผ่นหลังอย่างไม่รอฟังคำทัดทานใดๆ
ก้นของเขาถูกดึงตามขึ้นไปทั้งที่ขาซึ่งยันมันไว้ยังสั่นพั่บๆ
ได้ยินเสียงสวบสาบดึงถุงยางเก่าออกมาโยนทิ้งก่อนจะสวมถุงยางใหม่ลงไป...
เดี๋ยวสิๆๆๆ
นายอาจจะยังหนุ่มยังแน่นแต่คู่นอนของนายเป็นชายวัยทำงานที่ตรากตรำกับคนไข้หลายร้อยมาทั้งวันนะ!
จะทำอะไรก็เพลาๆบ้าง~
ถึงเขาจะร้องขอชีวิตอยู่ในใจ...แต่ก็ทำได้แค่นั้นแหละ...
ค่ำคืนนี้ยังคงดำเนินต่อไปด้วยเสียงเตียงที่ลั่นเอี๊ยดๆไปอีกหลายชั่วโมง...
.
.
.
.
.
.
.
.
To
be con.
ยาวหน่อยนาคะ
ไม่รู้จะตัดตอนยังไงดีเลยเนี่ย ใส่ไปหมดเลยแล้วกัน
ถถถ
และแล้วคุณหมอเด็กก็โดนเด็กจับกินไปอย่างมึนงง555 แพ้ของหล่อก็แบบนี้แหละเนอะ แง้~ >////<
ฝากเอ็นดูคู่พี่ภาคกับคุณหมอด้วยนาคะ
ขอบคุณทุกๆเสียงทวงมากๆๆเลยนะคะ
ไม่ได้ต่อเรื่องนี้มาซะนาน ก็จะพยายามแต่งต่อเรื่อยๆน้า
ขอบคุณที่ยังรักและรอคอยมาอย่างยาวนานนะคะ แล้วเจอกันตอนหน้า ขอบคุณค่า
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น