KW Original [องศาxพายุ] องศา π (พาย) : 11

 KW Original [องศาxพายุ]  องศา π (พาย) : 11

 

: KW Original เป็นนิยายออริของคุณกวางเองค่ะ ไม่ใช่ฟิคชั่นน้า

: องศา x พายุ , เก้า x เจ้าจอม

: Warmhearted Romantic

: NC-17

 

คำเตือน : เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ

             : เนื้อเรื่องต่อไปนี้เป็นเพียงเรื่องที่แต่งขึ้น ไม่เกี่ยวกับสถานที่หรือบุคคลใด

           : อาจมีคำพูดหยาบคายและไม่เหมาะสม โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน

 

 

 

 

ติ๊ง! 

 

คิ้วเรียวเลิกขึ้นเมื่อได้ยินเสียงแจ้งเตือนไลน์ ใบหน้าภายใต้กรอบผมสกินเฮดหันมองหาต้นเสียงเมื่อรู้แล้วว่ามันไม่ได้ดังมาจากโทรศัพท์ของตัวเอง

 

ติ๊ง!

 

เสียงเตือนยังดังต่อเนื่องมาจากโทรศัพท์สีแดง...ของไอ้ธีร์นี่เอง เขาพยายามจะไม่สนใจและหันมาตั้งใจทำโมเดลอาคารโครงสร้างเหล็กของเขาต่อ

 

ติ๊ง! ติ๊ง! ติ๊ง!

 

แต่เสียงเตือนที่ดังไม่หยุดก็ทำให้คิ้วกระตุก เขาหันไปมองเจ้าของมันที่นอนคว่ำแผ่ราบอยู่บนพื้นสตูโดยมีไอ้พายเดินเหยียบอยู่...นี่พวกมึงอู้งานไปนวดฝ่าเท้าเล่นกันเร๊อะ?

 

ติ๊งๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ!

 

ปื้ด! เส้นความอดทนของเขาขาดผึง นี่เสียงไลน์หรือเสียงพากย์เรือหางยาวกันแน่วะ?! มึงพักหายใจบ้างก็ได้~

 

ไอ้ห่าธีร์! มึงมาเอาโทรศัพท์มึงไปไกลๆซิ หนวกหูเหมือนตัวมึงเลยนะไอ้สัส!     เขาหันไปตะโกนด่าพร้อมกับปายางลบใส่หัวกัดสีของมัน

 

“มึงอย่าเพิ่งมากวนช่วงเวลาสุดฟินของกู น้ำหนักตัวมึงนี่กำลังดีเลยนะไอ้เชี่ยพาย”     เพราะพวกเขานั่งเขียนแบบกันทั้งวันทั้งคืน นอกจากอดนอนแล้วอาการปวดหลังปวดคอก็ยังรุมเร้าอีกต่างหาก 

 

ใบหน้าแบดบอยส่ายไปมาอย่างระอากับไอ้ห่าพวกนี้ เสื่อที่ปูไว้นี่ไม่ได้เกรงใจงานกลุ่มที่ต้องทำเลยนะไอ้พวกเวร  ไอ้พายกับไอ้ธีร์ผลัดกันเหยียบหลัง ส่วนไอ้ไม้ก็อย่างกับนอนตายอยู่ในพิธีไว้อาลัยและอีกไม่นานก็คงจะมีคนมาวางดอกไม้ ใบหน้าสงบและสองมือที่วางซ้อนกันอยู่บนหน้าท้องนั่นเหมือนชิบหายอ่ะบอกเลย  ส่วนไอ้ภาคก็ไปหาหม่อมย่ามันอยู่ศิริราชนู่น...

 

นี่พวกมึงไม่ทำงานกลุ่มกันรึไง? งานกลุ่มวิชาคอนสตรัคชั่นหรือการก่อสร้างอาคารของพวกมึงน่ะ?

 

มันน่าเตะรายตัวนัก! ถ้าไฟไม่ลนก้นก็ไม่เริ่มกันซักที ทั้งๆที่ถ้าทำตั้งแต่ตอนนี้มันก็คงจะเสร็จทันเวลาแบบได้นอนแท้ๆ!

 

“จิ๊”    เขาสบถก่อนจะแปะกระดาษทำเป็นคานเหล็กต่อไป แต่สายตาที่ควรจะโฟกัสกับโมเดลกลับเหลือบไปเห็นรูปที่เด้งขึ้นมาในหน้าจอโทรศัพท์ของไอ้ธีร์

 

มันเป็นรูปถ่ายทุ่งดอกทานตะวันที่สวยมากๆ

 

สวยจนเขานึกไปถึงรูปทุ่งดอกไม้สีฟ้าของเจ้าจอม...เด็กนั่นก็กำลังวาดรูปทุ่งดอกไม้จากภาพถ่ายอยู่นี่นา...ถ้าได้ไปดูของจริงก็น่าจะดีนะ

 

“ที่ไหนวะไอ้ธีร์?”    เขาหยิบมือถือมันขึ้นมาเปิดดู เป็นภาพที่ส่งกันอยู่ในกลุ่มตากล้องของไอ้ธีร์

 

“มึงก็เลื่อนๆหาดูดิวะ ในนั้นน่าจะลงไว้แหละ”    ไอ้คนที่นอนหน้าเคลิ้มอยู่ที่พื้นบอกอย่างไม่ใส่ใจ พวกเขาสนิทกันจนแม้แต่โทรศัพท์มือถือก็เปิดดูของกันได้ เครื่องใครรหัสอะไรก็รู้กันหมด นิ้วยาวจึงไถในกรุ๊ปไลน์นั่นดู

 

ทุ่งดอกทานตะวันที่ลพบุรี? เขาแชร์ลิ้งค์โลเคชั่นนั่นต่อมายังไลน์ของเขา

 

อยากจะ...พาเจ้าจอมไปดู...

 

 

ร่างสูงยาวหมุนเก้าอี้ก่อนจะหันหน้ามองไปยังตึกข้างๆ...ไม่ได้อยู่ในสตูดิโอวาดรูปกันแหะ พวกเด็กปีหนึ่งของจิตรกรรม

 

มือใหญ่จึงยกโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมาแนบหู เขากดโทรออกถึงเจ้าจอมครั้งแล้วครั้งเล่า....แต่เจ้าเด็กนั่นกลับไม่รับเลย!

 

ทำอะไรอยู่เนี่ย?!

 

“กูไปหาเจ้าจอมแป๊บ”    เสียงห้าวบอกเพื่อนที่มองกันตาค้างไว้แค่นั้นก่อนจะเดินดุ่มๆออกมา

 

เขาก้าวขาเข้าไปในตึกจิตรกรรมอย่างไม่ได้สนใจสายตาเจ้าของตึกที่ต่างมองมาอย่างอึ้งๆ ใบหน้าเรียวพยายามมองหากลุ่มคนที่ใส่ชุดนักศึกษา แต่ไม่ว่าจะในสตูไหนก็ไม่เจอ วันนี้ก็มีเรียนนี่หว่า? เมื่อเช้ายังเจออยู่เลย? แล้วไปไหนกันหมดวะ?

 

ไอ้เก้า? มาทำไรวะ?”   เสียงๆหนึ่งทำให้เขาหันไปมอง อ้อ มันเป็นเพื่อนในคณะจิตรกรรมของเขาเอง

 

ร่างในชุดแบบติสๆนั่นเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกันที่ตอนนี้เรียนอยู่เอกปั้นหรือประติมากรรม เพราะงั้นเนื้อตัวมันจึงมอมแมมเป็นเรื่องปกติ...

 

ที่รู้จักกันก็เพราะไอ้ห่าพวกนี้ชอบไปขโมยปลาที่บ่อหน้าคณะสถาปัตย์ของเขามาปิ้งแดกแกล้มเหล้ากัน แต่จะโทษพวกมันฝ่ายเดียวก็ไม่ได้เพราะคณะเขาก็เสือกเลี้ยงปลาแดกได้อย่างปลาช่อน ปลาดุก ปลาตะเพียนแทนที่จะเลี้ยงปลาสวยงามอย่างชาวบ้านเค้า ดูยังไงมันก็ควรจะเป็นบ่อปลาคาร์ฟชัดๆแต่ดันมีแต่ปลาช่อนหรือจริงๆแล้วจะเคยเลี้ยงปลาคาร์ฟมาก่อน แต่โดนไอ้ห่าพวกนี้จับไปแดกหมด? ก็เลยลดงบเหลือแค่ปลาตะเพียน? ไหนๆมันก็จะเอาไปแดกกันอยู่แล้วเลยเลี้ยงปลาแดกได้ให้พวกมันไปเลยแล้วกัน? เขาสะบัดหัวไล่เรื่องบ่อปลาหน้าคณะออกไปก่อนจะหันมาตอบคำถาม

 

กูมาหาเจ้าจอม น้องปีหนึ่งพวกมึงอยู่ไหนกันวะ?”

 

เจ้าจอม? กูเห็นพวกปีหนึ่งอยู่ที่สตูภาพพิมพ์นะ? ไปเรียนศิลปะพื้นฐานกันมั้ง?

 

ตรงไหนวะ? มึงพากูไปดิ๊

 

ตามมา ว่าแต่มึงจะหาตัวน้องกูไปทำไมเนี่ย?”

 

กูมีเรื่องจะถามหน่อย โทรไปแล้วมันไม่รับ

 

อะไรเนี่ย? มึงสนิทกับเจ้าจอมเหรอ? กูได้ยินว่ามึงจะเป็นแบบให้ด้วย? ทีพวกกูขอ มึงยังหัวเด็ดตีนขาดก็ไม่ยอมเลย

 

เออ ก็แฟนกู กูจะยอมให้ไปวาดรูปคนอื่นได้ไง ห้องนี้ใช่ไหม? ขอบใจว่ะ    ใบหน้าเรียวยกยิ้มร้ายๆส่งให้เพื่อนที่ไม่ทันตั้งตัว มือใหญ่ตบไหล่ไปหนึ่งทีก่อนจะเดินเข้าสตูไปเพื่อนจึงไม่ทันได้ถามอะไรต่อ

 

ห๊ะ?...แฟน?....”     ทิ้งไว้เพียงใบหน้าอึ้งๆระคนงงงวย สงสัย ค้างคา แถมจะซักต่อก็ไม่ทันแล้วอีกต่างหาก

 

เขากวาดตามองหาเจ้าจอมและก็เจอตัวได้โดยง่าย ร่างผอมบางกำลังง่วนกับการทำงานอยู่ที่แท่นพิมพ์อันหนึ่งเขาจึงแอบเดินเข้าไปหาเงียบๆ ในขณะที่เจ้าจอมนั้นไม่ได้รู้ตัวเลยว่าเขาเข้าไปดูผลงานภาพพิมพ์นั่นอยู่ใกล้ๆแต่เพื่อนในสตูต่างก็มองมาที่เขากันตาค้าง

 

เจ้าจอม   เสียงทุ้มเรียกออกไป

 

อ๊ะ?! พี่เก้า? มาได้ไง…”    ใบหน้ามนที่หันมาเห็นเขาสะดุ้งตกใจเบาๆ            

 

ก็กูโทรหามึงจนโทรศัพท์แทบไหม้~ แต่มึงก็ไม่รับสายกู~”   มือใหญ่เอื้อมไปกางอยู่บนหัวเล็กก่อนจะขยี้อย่างเมามัน

 

เอ๊ะ? โทรมาเหรอครับ?     เจ้าจอมหยี๋ตาทำหน้าเหมือนลูกแมวที่เพิ่งถูกขยี้ขย๋ำหัวมา มือบางพยายามจับแขนเขาไว้ก่อนจะล้วงหาโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าอันว่างเปล่า

 

“อ้าว? แล้วโทรศัพท์ผมล่ะ?”     ใบหน้ามนเงยขึ้นมาถามอย่างมึนๆ

 

“กูจะรู้กับมึงไหมล่ะ”    เขาหัวเราะอย่างเอ็นดูในความป้ำๆเป๋อๆของอีกฝ่าย

 

“....สงสัยจะอยู่ที่สตูวาดเส้น แหะๆ   

 

เอ่อพี่มีอะไรหรือเปล่าครับ…”     ดวงตาหวานๆช้อนขึ้นมามองเขาทำเอาต้องรีบตั้งสติ

 

พรุ่งนี้มึงว่างไหม?”    เสียงทุ้มถามออกไป เจ้าจอมจึงทำท่านึกก่อนจะตอบออกมา

 

พรุ่งนี้? …อืมก็ไม่ได้ติดอะไรเป็นพิเศษนะครับ

 

ดี ทำตัวให้ว่างไว้ กูจะพามึงไปเดต   

 

ดะ เดต?!”    ร่างบางผงะตกใจจนลูกกลิ้งในมือร่วง

 

เพื่อนข้างๆที่แอบเงี่ยหูฟังอยู่ก็ถึงกับหูผึ่ง ใบหน้าแบดบอยจึงยกยิ้มก่อนจะหันไปหาเพื่อนๆของเจ้าจอมซึ่งก็พากันหันขวับหนีกันเลิ่กลั่ก

 

ไม่ต้องไปแอบถามเจ้าจอมทีหลังหรอกนะครับ พี่จะตอบให้เลยตรงนี้ว่าพี่กับเจ้าจอมคบกันอยู่ เราเป็นแฟนกัน

 

เคร้ง....

 

เสียงเกรียงหล่นดังสนั่น ก่อนจะตามมาด้วย

 

เคร้งๆๆๆๆ

 

ทั้งอุปกรณ์แกะสลักไม้ ยางปาดสี พู่กัน คัตเตอร์ก็หล่นตามมาอีกหลายราย หล่นแม้แต่แท่นพิมพ์! เดี๋ยวนะเฮ้ย แท่นพิมพ์นี่อย่าให้หล่นสิฟ๊ะ มันอันตรายนะ! ฮ่าๆๆ จะตกใจอะไรกันขนาดนั้นวะ

 

กูไปละ พรุ่งนี้เช้ากูไปรับ”   ร่างสูงยาวหันมาบอกก่อนจะเดินฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดีออกจากห้องไป

 

มาทิ้งระเบิดไว้แล้วก็ไปเฉยเลย~

 

ร่างผอมบางยืนอ้าปากค้างหน้าแดงจนแทบจะเปล่งแสงได้...พี่เก้าาาาาาา~!!

 

“แฟนเลยเหรอ!

 

“ถึงว่ายอมมาเป็นแบบให้...”

 

“พี่เก้าเป็นเกย์เหรอวะ?”

 

“เชี่ย แต่เราว่าอย่างแมนอ่ะ ยอมรับตรงๆเลยด้วยนะ หล่อสุดๆ”

 

“ดูๆไปก็เหมาะมากนะเนี่ยพี่เก้ากับเจ้าจอมอ่ะ”

 

“สตอรี่ก็ดีอยู่นะ แบบ ตำนานรักข้ามตึกอะไรงี้”

 

“เจ้าจอม! มันเป็นไงมาไงถึงไปคบกันได้ ไหนมาเล่าให้ฟังหน่อยดิ๊~

 

ตอนนี้ไม่มีแก่ใจจะทำงานทำการกันแล้ว เพื่อนๆในสตูต่างส่งเสียงแซวกันยกใหญ่ แม้แต่พวงชมพูก็ยังอ้าปากค้าง

 

ทำไมนายไม่บอกล่ะว่าเป็นแฟนพี่เก้า อย่างงี้เรื่องที่เราดันทุรังไปก็ยิ่งโคตรน่าอายเลยสิ อ้า~”

 

ใบหน้ามนได้แต่หัวเราะแหะๆ  เขาก็ไม่ได้คิดหรอกว่าคนอย่างพี่เก้าจะปกปิดเรื่องของเราไว้ แต่ก็ไม่คิดว่าจะเปิดตัวไวขนาดนี้ไง~

 

ว่าแต่...พี่เก้าขอคบกับเขารึยังนะ?

 

เราตกลงว่าจะเป็นแฟนกันแล้วเหรอ? แล้วเขาบอกชอบพี่เก้าไปตั้งแต่เมื่อไหร่?

 

เอ๊ะ?

 

เอ๊ะะะ???

 

 

 

 

 

 

 

ตรู๊ดดดด....

 

ไฟหน้าจอโทรศัพท์สว่างจ้าท่ามกลางความมืด เสียงเรียกเข้าค่อยๆดังขึ้นเรื่อยๆเช่นเดียวกับอาการสั่นของมัน

 

ตรู๊ดดดด...ตรู๊ดดดด...

 

“อืม...”

 

มือเล็กยกขึ้นมาขยี้ตาอย่างมึนเบลอก่อนจะเหลือบมองโทรศัพท์มือถือที่ค่อยๆขยับเข้ามาหาเรื่อยๆตามแรงสั่น...ใคร...โทรมาป่านนี้เนี่ย...

 

ดวงตางัวเงียเหลือบมองนาฬิกาปลุกที่วางอยู่บนหัวนอน...ตีสาม...เนี่ยนะ...?

 

“อือ...”    แขนบางเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์ก่อนจะเพ่งมองไปที่หน้าจอ แล้วชื่อที่ปรากฏอยู่บนนั้นก็ทำให้ประหลาดใจ

 

พี่เก้า?

 

“ครับ....”    เขากดรับก่อนจะกรอกเสียงที่งัวเงียใส่โทรศัพท์

 

“มึงลุกมาเปิดประตูให้กูหน่อย กูอยู่หน้าบ้านมึงแล้ว”    ห๊ะ? อยู่หน้าบ้าน? ตอนนี้?

 

เขาถึงกับต้องดึงโทรศัพท์ออกไปดูใหม่ว่าเขาไม่ได้ฝันไปหรือไม่ได้มองชื่อผิดแน่ใช่ไหม? ถึงจะพอรู้ว่าพวกเด็กถาปัดใช้ชีวิตแบบเดียวกับนกฮูก แต่ว่ามาหาเขาตอนตีสามเนี่ยนะ? จะมาซ่อมประตูหรืออะไรมันไม่เช้าไปหน่อยเหรอ? อ่ะ แต่จะว่าไปวันนี้เรามีนัดกันนี่ หรือว่าจะมารับเขา?

 

ร่างผอมบางเดินสะลึมสะลือไปคิดไป มือเล็กไขกุญแจรั้วทั้งๆที่ยังเบลอ...ใช่พี่เก้าจริงๆด้วย...

 

ร่างสูงยาวยืนเท้าประตูรอ ใบหน้าหล่อร้ายยกยิ้มทันทีที่เห็นคนซึ่งออกมาเปิดประตูทั้งชุดนอนที่เป็นแค่เสื้อยืดตัวใหญ่ๆตัวเดียว

 

พี่เก้า…”   ที่เขาจงใจไม่นัดเวลาก็เพราะว่าอยากเห็นสภาพตอนตื่นนอนของเจ้าจอมนี่แหละ และมันก็น่ารักสุดๆไปเลย

 

เราต้องไปกันแล้ว มึงไปอาบน้ำให้ตาแจ้งก่อน   มือใหญ่ดันแผ่นหลังบางให้เดินกลับเข้าไปในบ้าน

 

หื๋อ? ตีสามเนี่ยนะครับ?”     เจ้าจอมยังงัวเงียในขณะที่เขาเป็นคนดึงผ้าขนหนูออกจากไม้แขวนมาพาดหัวสีน้ำตาลนั่นแล้วดันอีกฝ่ายเข้าไปในห้องน้ำ

 

เออ ถ้าออกสายมันจะร้อน

 

อือครับ…”

 

“แล้วกางเกงมึงไปไหนเนี่ย?”    เขาสงสัยมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว เจ้าเด็กนี่ใส่เสื้อนะ แต่เหมือนจะไม่ได้ใส่กางเกง? เขาถึงได้เห็นชั้นในรำไรๆอยู่นี่ไง

 

“ผมไม่ใส่กางเกงนอน...มันอึดอัด...”    

 

แกร่ก...

 

ดีนะที่ร่างบางปิดประตูห้องน้ำไปแล้ว...

 

อ๊ากกกกกก! ไม่ใส่กางเกงเวลานอนเร๊อะ!! บ้าเอ้ย! เกือบพุ่งแล้วนะ!

 

ถึงเจ้าจอมจะตอบแบบไม่คิดอะไรและมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ผู้ชายจะไม่ใส่เสื้อผ้านอน...แต่นี่มันไม่เกินไปหน่อยเร๊อะ?! ปกติแล้วผู้ชายทั่วไปก็จะถอดท่อนบน ไม่ก็ถอดทั้งตัวไปเลย มีที่ไหนล่ะใส่ท่อนบนแต่ถอดท่อนล่างเนี่ย?!

 

บ้าจริง กำเดาจะไหล!

 

ไอ้เก้าน้อยมึงอย่าตื่นขึ้นมานะ! กูต้องพาเจ้าจอมไปดูทุ่งดอกไม้~~!! เดตแบบใสๆน่ะ ใสๆ!

 

“แฮ่ก...แฮ่ก...”     เขาถึงกับต้องนั่งยองๆเพื่อสงบสติอารมณ์ แต่ภาพโคนขาขาวๆที่ติดตาอยู่นั้นก็ทำให้มันยากจริงๆที่จะไม่หันไปตะครุบร่างผอมบางแล้วกดลงที่นอนไปซะ

 

“แฟรงก์ ลอยด์ ไรท์เป็นคนอเมริกัน มิส แวน เดอโรเป็นคนเยอรมัน เกาดี้ แฟรงก์แกร์รี่  ริชาร์ดไมเยอร์ บลาๆๆ”    เสียงทุ้มถึงกับต้องท่องชื่อสถาปนิกเอกของโลกเพื่อสงบใจ เฮ้อ...ให้ตาย...เจ้าเด็กนั่นยิงอาวุธสงครามใส่เขาเร๊อะ พลังทำลายล้างมหาศาลมาก

 

เสื้อคลุมกูที่เคยให้มึงไว้ยังอยู่ไหม? ตัวที่เป็นลายสก็อตสีดำ”   เขาตะโกนถามคนที่ยังอยู่ในห้องน้ำหลังจากความร้อนลุ่มลดลง

 

ยังอยู่ครับ อยู่ในตู้เสื้อผ้า พี่เปิดหาได้เลยครับ    เสียงนุ่มตะโกนฝ่าสายน้ำกลับมา ให้เขาเปิดเองเลยเหรอ ไม่มีของมีค่าอะไรซุกไว้เลยหรือไง ฮ่าๆๆ

 

เขาดีใจจนหุบยิ้มไม่ได้เมื่อรู้สึกว่าอย่างน้อยเจ้าจอมก็ไว้ใจเขามากทีเดียว

 

มือใหญ่จึงเปิดตู้เสื้อผ้าไม้ลามิเนตถลอกๆนั่นออก เขากวาดตาแล้วก็หาเสื้อลายสก๊อตสีดำของเขาเจอได้ไม่ยาก ด้วยความที่ทั้งขนาดตัวและสีที่ดูจะโดดเด่นทีเดียวเมื่อเทียบกับเสื้อผ้าส่วนใหญ่ของเจ้าจอม

 

จะว่าไป...เจ้าเด็กนี่ก็แต่งตัวน่ารักมากเลยนะ ถึงเขาจะเห็นเจ้าจอมแต่งไปรเวทไม่บ่อยนักเพราะจิตรกรรมยังไม่หมดรับน้อง แต่เท่าที่เคยเห็นร่างผอมบางมักจะแต่งตัวสไตล์อินดี้ๆติสๆหน่อย มีความโบโฮชิคหรือแนวๆโบฮีเมียนผสมวินเทจเบาๆ ดูจากเสื้อผ้าพลิ้วไหวที่มีลวดลายเล็กๆที่แขวนอยู่ในตู้ สีก็ไปในโทนขาวหรือโทนธรรมชาติอย่างน้ำตาล เบจ ส่วนตัวที่มีสีสันหน่อยก็จะเป็นสีสันที่ออกโทนตุ่นๆเสียมากกว่า เป็นแนวที่พวกอาร์ตติสชอบใส่กัน

 

เขาหยิบเสื้อสีขาวที่ดูเบาสบายกับกางเกงยีนส์ตัวหนึ่งออกมา ก่อนจะยัดใส่อ้อมแขนคนที่เพิ่งเดินหอมฟุ้งออกจากห้องน้ำเพื่อมาเอาเสื้อผ้าพอดี

 

“? ให้ใส่ตัวนี้เหรอครับ?”    ใบหน้าใสเอียงคองงๆ

 

“เออ”    เจ้าจอมเดินกลับเข้าห้องน้ำไปอย่างไม่อิดออด เขาจึงเดินกลับไปยังถุงกระดาษมากมายที่เขาถือมาด้วย ในนั้นมีแจ็คเกตหนัง รองเท้าบูท และหมวกกันน็อค เพราะไม่รู้ว่าเจ้าจอมมีถุงเท้าไหมเขาจึงซื้อมาให้แม้แต่ถุงเท้าสีขาว

 

ต้องใส่หมดนี่เลยเหรอครับ…”     เจ้าจอมออกมายืนมองผลงานที่เขาวางพาดเอาไว้บนโต๊ะ

 

ใช่ เพราะน่าจะต้องขี่มอเตอร์ไซค์สองชั่วโมงกว่า ถ้ามึงไม่ใส่แจ็คเกตหนังกับรองเท้าบูท มึงจะร้อนมาก     เขาหยิบเสื้อคลุมลายสก๊อตมาช่วยสวมให้ก่อนจะทับด้วยแจ็คเกตหนังสีดำอีกชั้น

 

อ่า ครับ     เจ้าจอมก้มมองตัวเองที่ดูแปลกตา

 

มานั่งนี่”    เขาดึงให้ร่างบางนั่งลงไปบนเก้าอี้...ก่อนที่ร่างสูงยาวจะคุกเข่าลงไป...

 

“อ๊ะ? พี่เก้า? เดี๋ยวผมใส่เอง...”     เจ้าจอมทำท่าตกใจเมื่อเขาดึงถุงเท้ามาจากบนโต๊ะ

 

“มึงนั่งเฉยๆ”    เขาก้มลงไปก่อนจะดึงฝ่าเท้าขาวสะอาดนั่นขึ้นมา มือใหญ่ค่อยๆสวมถุงเท้าให้อย่างทะนุถนอมโดยไม่ได้ถือสาเลยว่ามันเป็นอวัยวะที่คนทั่วไปเห็นว่าต่ำ เพราะไม่ว่าจะเป็นร่างกายส่วนไหนของเจ้าจอม เขาก็มองว่ามันน่ารักไปหมด

 

เขาจับฝ่าเท้านั่นสวมลงไปในรองเท้าบูทก่อนจะรูดซิปให้ การกระทำที่อ่อนโยนผิดกับหน้าตาวาจาและกริยาของเขานั้นทำให้คนที่มองลงมาจากเบื้องบนหน้าแดงเป็นลูกเชอร์รี่ เจ้าจอมขยุกขยิกอย่างเขินอายจนเขาลอบยิ้มอยู่ในใจ

 

พอดีอย่างที่คิดเลยแหะ จากนี้มึงก็เก็บไว้เลย เพราะมึงยังต้องไปไหนมาไหนกับกูอีกเยอะ    เขาเอ่ยปากในขณะที่ไล่มองร่างตรงหน้าตั้งแต่หัวจรดเท้า...อ่า...น่ารักชิบหาย

 

“.....ครับ ขอบคุณครับ…”    เขารีบสะบัดหน้าเรียกสติก่อนที่ตบะจะแตก ท่อนแขนแข็งแรงหอบหมวกกันน็อคที่เล็กกว่าของเขาหลายเบอร์ขึ้นมา

 

“ไปเลยไหม?”

 

“อ่ะ ครับ”    เจ้าจอมพยักหน้าก่อนจะหันไปคว้ากระเป๋าเป้ที่น่าจะเตรียมไว้ตั้งแต่เมื่อคืนขึ้นมาสะพายหลัง

 

ร่างทั้งสองเดินผ่านร้านค้าของตลาดวังหลังที่เงียบเชียบในตอนนี้เพราะยังไม่ถึงเวลาเปิดขายของ เขาพาเจ้าจอมเดินไปยังที่ที่จอดมอเตอร์ไซค์เอาไว้ มือใหญ่ช่วยสวมหมวกกันน็อคให้คนที่ไม่คุ้นเคยกับมัน ทั้งปรับสายรัดคาง ทั้งมองผ่านเข้าไปด้วยรอยยิ้ม แล้วก่อนที่มือใหญ่จะปิดชิลด์ลง เสียงห้าวก็มิวายจะหยอกเย้าทิ้งท้าย

 

จริงๆกูจะขับรถยนต์ไปก็ได้ แต่ที่กูเลือกบิ๊กไบต์เพราะกูอยากให้มึงกอดกูตลอดสองชั่วโมงนี้มากกว่า”  

 

 

 

 

 

 

เพราะยังเด็ก ยังอยู่ในช่วงวัยที่อะไรก็ลุยได้หรือเปล่านะ ถึงทำให้การซ้อนมอเตอร์ไซค์เป็นเวลาหลายชั่วโมงไม่ใช่เรื่องลำบากอะไร

 

จะเสียก็แค่ การใส่หมวกกันน็อคทำให้เขาไม่สามารถจะแนบแก้มไว้กับแผ่นหลังกว้างของพี่เก้าได้...น่าเสียดายจริงๆ...เขาอยากฟังเสียงหัวใจ อยากได้กลิ่นกาย อยากรับรู้ถึงอุณหภูมิของพี่เก้ามากกว่านี้

 

แขนบางกอดกระชับเอวได้รูปนั่นอย่างไม่รู้สึกขัดเขินเหมือนครั้งแรกๆแล้ว  เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพี่เก้าจะพาเขาไปไหน แล้วมันจะคุ้มกับการที่ต้องตื่นแต่เช้าเพื่อนั่งซ้อนมอเตอร์ไซค์อีกเป็นชั่วโมงๆไหม ไม่รู้เลยว่าปลายทางจะได้ไปพบไปเจอกับอะไร

 

แต่เขากลับไม่กลัวเลยหากคนที่พาเขาไปคือพี่เก้า

 

มันน่าแปลกนะที่เราจะเชื่อใจใครสักคนมากๆในช่วงเวลาไม่นานแบบนี้

 

แต่พลังของพี่เก้าที่ส่งผ่านแผ่นหลังมาก็ทำให้เขารู้ว่าเขาจะปลอดภัยหากอยู่ในอ้อมแขนที่แข็งแกร่งนี้ ไม่มีอะไรต้องกลัวทั้งนั้น

 

พี่เก้าพาเขาแวะทานข้าวเช้าที่ร้านริมทางง่ายๆร้านหนึ่ง จึงทำให้เขาได้รู้ว่าเราสองคนมีอีกเรื่องที่คล้ายกันนั่นก็คือต่างเป็นคนที่เห็นว่ามื้อเช้าสำคัญทั้งคู่ ไม่ว่าจะอดนอนหรือทำงานเพลิดเพลินขนาดไหนก็ยังต้องทานข้าวเช้าที่ถูกสุขอนามัยให้ได้ หลายๆเรื่องเราก็เข้ากันได้อย่างน่าประหลาดใจ

 

มันราวกับว่านี่คือคนที่สวรรค์ส่งมาให้ยังไงอย่างงั้น

 

เขาซ้อนมอเตอร์ไซค์ต่อจากนั้นอีกไม่นานก็ดูเหมือนจะถึงที่หมายในที่สุด

 

“ต้องปิดตาด้วยเหรอครับ?”    เสียงนุ่มถามออกไปเมื่อมือใหญ่ๆนั่นปิดไปทั้งหน้าของเขาเลยก็ว่าได้ จะพามาดูอะไรกันนะ?

 

“เออน่า เดินไปเถอะ”    ตอนนี้เขาเหมือนตุ๊กตาที่ถูกพี่เก้าพาเดินไปเรื่อยๆ ได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักของคนขายตั๋วดังแว่วเข้ามา...มัน...น่าอายหรือเปล่าเนี่ย...

 

“หลับตาไว้ก่อนนะ”

 

“ครับ...”    แต่ถึงจะยังมองไม่เห็นอะไร เขากลับได้กลิ่นรอบกายที่ให้ความรู้สึกสดชื่นมากๆ เหมือนจะอยู่กลางทุ่งอะไรสักอย่าง?

 

“เอ้า ลืมตาได้”    มืออุ่นๆค่อยๆละออกไปจากใบหน้า เขาค่อยๆลืมตาก่อนที่มันจะค่อยๆเบิกกว้างโดยไม่รู้ตัว

 

ที่นี่มัน...ทุ่งดอกทานตะวัน?

 

เจ้าดอกสีเหลืองนั่นหันหน้ามาหาเขาราวกับได้เจอดวงตะวัน มันเหลืองอร่ามชูช่ออยู่ตรงหน้า เหลืองอร่ามไปจนสุดลูกหูลูกตา

 

สวย...สวยสุดๆไปเลย...

 

หัวใจดวงน้อยตะลึงพรึงเพริดไปกับภาพที่เห็น เขาไม่เคยไปทุ่งดอกทานตะวันมาก่อน ไม่เคยรู้เลยว่ามันจะสวยมากๆๆๆขนาดนี้

 

“เป็นไง? สวยไหม? กูเห็นมึงวาดรูปทุ่งดอกไม้อยู่ แต่ที่นี่ก็ไม่มีทุ่งดอกไม้สีฟ้าเลยแหะ”

 

“....ทุ่งดอกทานตะวันก็สวยเหมือนกันครับ...สวยมากๆเลย!    เขาหันไปบอกพี่เก้าด้วยสีหน้าตื่นเต้น เขาชอบมัน เขาชอบมันมากจนแทบจะเก็บอาการไม่อยู่

 

“ฮึ...ฮ่าๆๆ”    พี่เก้าหัวเราะอย่างอารมณ์ดีและดูจะดีใจมากที่เขาชอบเซอร์ไพรส์ที่อีกฝ่ายเตรียมให้

 

อ่า...เขาหลงรักผู้ชายคนนี้มากกว่าเมื่อวานอีก ทำยังไงดี...

 

“ผม...ขอวาดรูปได้ไหม?”    เขาบอกพี่เก้าด้วยดวงตาเป็นประกาย

 

“ห๊ะ? มึงเตรียมอุปกรณ์วาดรูปมาด้วยเหรอ?”    พี่เก้าทั้งตกใจทั้งขำทั้งอมยิ้มที่เขาดูตื่นเต้นดีใจเหมือนเด็กๆ ก็ที่นี่มันสวยมากนี่นา

 

“ไม่ได้เหรอครับ...”    เขาเผลอมองอีกฝ่ายอย่างอ้อนๆ เขาทำไปโดยไม่รู้ตัวจริงๆ เพราะเขาก็แค่อยากวาดรูปที่นี่ อยากเก็บทุกสถานที่และทุกสิ่งทุกอย่างที่พี่เก้ามอบให้เขาเอาไว้ตราบนานเท่านาน

 

“กูก็ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย อยากวาดก็วาดสิ กูพามึงมาก็เพราะอยากให้มึงมีแรงบันดาลใจในการวาดรูปนี่แหละ”    พี่เก้าถูจมูกอย่างเขินๆ

 

“ขอบคุณนะครับ”    เขายิ้มหน้าบาน เพราะเขาดีใจและมีความสุขมากๆ เขาดีใจที่พี่เก้าเข้าใจเขา ยอมรับในตัวตนของเขา มันไม่ง่ายเลยนะที่เราจะเจอใครที่ชอบในสิ่งที่เราเป็นทุกอย่าง

 

ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยกล้าคิดถึงความรัก เขานึกว่าตัวเองจะต้องอยู่คนเดียวแบบนี้ไปจนตายเสียอีก เพราะเขาไม่ใช่คนสนุกสนาน ไม่ใช่คนที่จะเข้ากับใครได้ง่ายๆ เขาขี้อายและมักจะจมอยู่แต่ในโลกของตัวเอง เขาสามารถนั่งวาดรูปได้เป็นวันๆโดยไม่คิดจะไปไหน เขาเป็นคนน่าเบื่อ แล้วจะมีใครทนอยู่กับเขาได้

 

แต่พี่เก้ากลับเป็นคนบุกทะลวงเข้ามาในโลกของเขาเอง เขาไม่ออกไปพี่เก้าก็เข้ามาอยู่กับเขาเอง

 

“นั่งนี่แล้วกัน มึงต้องใช้ขาตั้งหรือเปล่า ไม่ได้เอามาซะด้วย”    ร่างสูงยาวพาเขาไปที่แคร่ไม้ไผ่ตัวหนึ่งซึ่งอยู่ใต้ต้นไม้หลังจากที่เดินดูดอกทานตะวันจนพอใจ

 

“ไม่ต้องใช้หรอกครับ ผมวาดในสมุดสเก็ต”    เขาหยิบสมุดสเก็ตพร้อมกับจานสีออกมาด้วยรอยยิ้ม ในจานสีของเขามีสีน้ำที่บีบไว้จนแห้งพร้อมใช้งานได้ทุกที่อยู่แล้ว เขาจึงไม่ต้องการอุปกรณ์อะไรมากมายเลย

 

“กูก็นึกว่ามึงจะแค่สเก็ตลายเส้นง่ายๆนะเนี่ย นี่จะลงสีน้ำจริงจังเลย? ฮ่าๆๆ”    พี่เก้าแซวจนเขารู้สึกเขิน

 

“อ่ะ เดี๋ยวผมไปเอาน้ำก่อน”    แต่สีน้ำก็ยังขาดน้ำไม่ได้นั่นแหละ เขาจึงมองหาห้องน้ำหรือก๊อกอะไรก็ได้

 

“เดี๋ยวกูทำให้ มึงนั่งอยู่นี่แหละ”    มือใหญ่ชูขวดน้ำดื่มที่เหลืออยู่ครึ่งขวดขึ้นมา ก็จริงนะ ถึงเขาจะไปห้องน้ำแต่ก็ไม่มีอะไรใส่น้ำมาอยู่ดี

 

เขายืนมองพี่เก้าเดินไปที่ซุ้มขายตั๋วเพื่อขอยืมมีดมาตัดปากขวดออก นอกจากจะไม่รำคาญเขาแล้วพี่เก้ายังช่วยเขาอีกด้วย ถึงจะเป็นแค่เรื่องเล็กๆน้อยๆแบบนี้แต่เขาก็ประทับใจมาก ในหัวใจของเขามันกำลังแผ่ซ่านไปด้วยความรู้สึกบางอย่าง

 

ชอบ...เขาชอบพี่เก้ามากจริงๆ

 

เขานั่งวาดรูปของเขาไปเรื่อยๆ การได้มาเห็นสถานที่จริง ได้ซึมซับบรรยากาศโดยรอบ มันทำให้เขามองเห็นมิติที่หลากหลายมากกว่าดูจากภาพถ่าย แสงเงาที่ค่อยๆเปลี่ยนไปตามสายลม ความรู้สึกที่ส่งผ่านมาจากผู้คน ทุกๆอย่างล้วนเป็นสิ่งที่ต้องมาดูมาสัมผัสด้วยตัวเองเท่านั้นถึงจะเข้าใจ

 

แต่ถึงเขาจะเพลิดเพลินกับการลงสีดอกไม้ตรงหน้าขนาดไหน เขาก็ยังไม่ลืมว่าข้างๆเขามีอีกคนอยู่ด้วย ใบหน้ามนหันไปมองพี่เก้าที่นอนยาวสไลด์มือถืออยู่ใกล้ๆ

 

เขาอดหน้าแดงไม่ไหว เพราะพี่เก้าไม่ได้นอนแกร่วรอเขาจนต้องนั่งเล่นโทรศัพท์ไปพลางๆอย่างที่ใครคิด แต่ในมือถือที่พี่เก้าเลื่อนดูอยู่น่ะ มันเป็นรูปถ่ายของเขาล้วนๆ!

 

เหมือนจะกำลังนอนลบรูปที่ไม่สวยออกจากรูปกว่าร้อยที่ถ่ายเขาตอนนั่งวาดรูปอยู่นี่เอาไว้ สีหน้าของพี่เก้าก็ดูเพลินสุดๆ ไม่ได้มีแววเบื่อหน่ายใดๆสักนิด

 

“พี่เก้า...เบื่อหรือเปล่าครับ?”    ถึงจะรู้คำตอบดีแต่เขาก็ลองถามเผื่อๆไป

 

“ไม่เบื่อ เพราะกูชอบดูเวลามึงวาดรูป”

 

“......”     นะ...

 

“แล้วก็ ถ้ากูหลับมึงก็ไม่ต้องคิดว่ากูเบื่อนะ มึงคบกับเด็กถาปัดมึงต้องรู้ว่าพวกกูพร้อมจะหลับเสมอถ้านั่งอยู่เฉยๆ”

 

“คิก...ครับ เข้าใจแล้วครับ”    เขาเองก็กำลังพยายามเรียนรู้วิถีชีวิตของพี่เก้าอยู่เหมือนกัน

 

ว่าแต่...มึงโอเครึเปล่า ที่กูบอกคนที่คณะมึงว่าเราเป็นแฟนกันทั้งที่มึงยังไม่ทันจะตอบตกลงเลยด้วยซ้ำ    จู่ๆพี่เก้าก็ถามขึ้นมา ดูเหมือนพี่เก้าเองก็คงคิดเรื่องนี้อยู่บ้างเหมือนกัน ไม่ได้ทำอะไรห่ามๆตามใจตัวเองไปเสียหมด

 

ผมโอเคครับแต่ก็ไม่คิดว่าพี่จะบอกเร็วขนาดนี้…”

 

กูหวง

 

เอ๊ะ?”    เขาถึงกับต้องตวัดหน้าไปมองอีกฝ่ายอย่างอึ้งๆ

 

กูจงใจบอกเพื่อนๆพี่ๆในคณะของมึงก่อน เพราะมึงแทบจะใช้ชีวิตอยู่แต่ที่นั่น มึงไม่ค่อยได้พบเจอคนนอกคณะ เพราะงั้นที่ที่อันตรายสำหรับกูก็คือที่คณะของมึงนั่นแหละ กูเลยต้องบอกพวกมันก่อน ว่ามึงเป็นของกู อย่ามายุ่ง    พี่เก้าพูดด้วยสีหน้าจริงจังและยังคงมามองที่เขาไม่วางตา

 

“.....”    ...มันเขินนะเนี่ย~  เขาโดนคำพูดตรงๆแมนๆดิบๆพวกนี้เล่นงานอีกแล้ว~

 

แต่ก็น่าแปลก การที่พี่เก้าหวงเขาขนาดนี้กลับทำให้รู้สึกดีมากกว่าจะน่าหนักใจ  ก็ตอนที่ดูซีรี่ย์แล้วเจอผู้ชายขี้หึงมันน่ารำคาญออกนี่นา

 

แต่พอมาเป็นพี่เก้า เขากลับรู้สึกว่าตัวเองสำคัญ พี่เก้าทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองควรค่าแก่การหวงแหน แล้วพี่เก้าก็แค่ทำอะไรให้มันชัดเจน ไม่ได้งี่เง่าจนเขาไม่โอเค

 

“ถ้างั้น...ผมบอกพี่ตอนนี้ตรงนี้เลยได้ไหมครับ”    เขาก้มมองพื้นด้วยใบหน้าที่ร้อนผ่าว ก่อนจะตวัดช้อนสายตาขึ้นไปมองพี่เก้า หัวใจดวงน้อยเต้นโครมๆแต่เขาก็พยายามจะข่มมันเอาไว้

 

“หื๋อ?”     พี่เก้าหันมามองอย่างสงสัย เขาจึงหลับหูหลับตาบอกออกไป

 

 

“...ผมก็ชอบพี่...อยากเป็นแฟนกับพี่เหมือนกัน!...”

 

 

ถึงจะเขินมากประหม่ามาก แต่เขาก็หันไปยิ้มให้...ด้วยรอยยิ้มที่สวยที่สุดในชีวิต

 

เขาเอง...ก็ต้องทำอะไรให้มันชัดเจนเช่นกัน ถึงจะรู้สึกดีที่พี่เก้าหวงแต่การทำให้อีกฝ่ายต้องคิดมากและไม่สบายใจมันก็ไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ

 

พี่เก้าถึงกับอึ้งไป ใบหน้าแดงไปหมดแล้วตอนนี้

 

“กูไม่ให้มึงเปลี่ยนใจนะ บอกไว้เลย”    เสียงห้าวแสร้งพูดออกมาทั้งที่ยังยิ้มแก้มปริ

 

“ครับ”    เขาก็ไม่คิดจะเปลี่ยนใจหรือถอยหลังกลับแล้วเช่นกัน

 

“อ๊า~ อยากจูบมึงชะมัด ทำไมต้องมาบอกกูท่ามกลางผู้คนมากมายอย่างงี้ด้วยว้า~ มึงตั้งใจจะทรมานกูใช่ไหม? บอกมานะ”    พี่เก้าขยี้หัวตัวเองก่อนจะหันมาดึงแก้มเขา เปล่านะ~ เขาไม่ได้ตั้งใจแบบนั้นสักหน่อย

 

“ฮะฮะฮะ”    เขายิ้มให้กับดอกทานตะวันของเขา  ดีจัง...ที่ได้พูดมันออกไป

 

 

 

 

 

“ผมขอไปห้องน้ำแป๊บนึงนะครับ”     จู่ๆเสียงนุ่มก็พูดออกมาหลังจากนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ชื่นชมผลงานทุ่งดอกทานตะวันที่ตัวเองเพิ่งจะวาดเสร็จหมาดๆ เจ้าจอมวาดรูปสีน้ำไวมากแล้วก็แม่นมาก มันเหมือนกับเจ้าเด็กนี่เพิ่งได้ปลดล็อคอะไรบางอย่างหลังจากที่ได้เจอกับเขาเลย ดอกทานตะวันพวกนี้มันถึงได้ดูมีชีวิตชีวามากจากการตวัดพู่กันง่ายๆแค่ไม่กี่ที

 

“อื้อ ให้ไปเป็นเพื่อนไหม?”     ใบหน้าหล่อแบบร้ายๆหันไปถาม

 

“ไม่เป็นไรครับ”    เจ้าจอมยิ้มให้ก่อนจะวิ่งปรู๊ดออกไป

 

เขามองตามร่างผอมบางด้วยความรู้สึกดี ยิ่งนึกถึงคำสารภาพรักเมื่อกี้ก็ยิ่งรู้สึกดี...อ้า...มือใหญ่ถึงกับต้องยกขึ้นมาปิดบังใบหน้าที่ร้อนผ่าวขึ้นมาอีกแล้วเมื่อนึกถึง

 

ถึงจะรู้อยู่แล้วว่าเจ้าจอมน่าจะชอบเขา แต่พออีกฝ่ายพูดมันออกมาตรงๆ หัวใจของเขามันกลับเต้นเสียจนแทบจะควบคุมไม่ได้ น่าจะเป็นอีกครั้งหนึ่งในชีวิตเลยที่ดีใจมากขนาดนี้

 

ใบหน้าเรียวเสมองนกมองฟ้าเพื่อหันเหความสนใจของตัวเองออกไปจากใบหน้าของเจ้าจอมที่อยู่ในหัว ไม่งั้นเขาต้องอกแตกตายแน่ถ้ายังเอาแต่นึกถึงเด็กนั่น

 

เพราะงั้นดวงตาคมกริบจึงเหลือบไปเห็นโทรศัพท์มือถือของเจ้าจอมที่ถูกวางทิ้งเอาไว้...ไม่เอาติดตัวไปด้วยล่ะเนี่ย? เจ้าเด็กนี่ชอบลืมวางโทรศัพท์ไว้ไหนต่อไหนตลอดเลยแหะ

 

แต่ก็เพราะแบบนั้นแหละ เขาจึงนึกอะไรขึ้นมาได้ รอยยิ้มกรุ้มกริ่มจึงเผยอยู่บนริมฝีปาก มือใหญ่ยกโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมาแนบหูก่อนจะกดโทรออกไปที่เบอร์ของเจ้าจอม

 

เขาก็แค่อยากจะรู้ว่าเด็กนั่นเซฟชื่อเขาไว้ว่าอะไร?

 

ตรู๊ด....

 

ดวงตาคมกล้าเหลือบมองไปยังหน้าจอที่สว่างวาบขึ้นมา...แล้วก็ทั้งๆที่คิดว่าเจ้าจอมคงจะเซฟเป็นชื่อ “พี่เก้า” ตามปกติ...แต่มันกลับขึ้นเป็นคำว่า ChouChou?

 

หื๋อ? มันแปลว่าอะไรวะ?

 

เขาเอียงคอมองคำๆนั้นด้วยความแปลกใจ เป็นภาษาอะไรยังไม่รู้เลยเนี่ย? เพราะงั้นเขาจึงพิมพ์เข้าไปในกรุ๊ปไลน์กลุ่มตองเก้า ไอ้สี่ตัวนั้นมันมีคนที่รู้ภาษาอื่นที่นอกจากอังกฤษอยู่ ทั้งญี่ปุ่น เยอรมัน ฝรั่งเศส ม้ง แม้ว?

 

 

อวาต้าร์รอยสัก : เฮ้ยพวกมึง คำว่า ChouChou นี่มีความหมายว่าอะไรวะ?

 

อวาต้าร์ราฟาเอล : กะหล่ำปลี

 

อวาต้าร์รอยสัก : มึงมั่วป่ะเนี่ยไอ้พาย เจ้าจอมมันจะกล้าตั้งชื่อกูว่ากะหล่ำปลีเหรอวะ?

 

อวาต้าร์ราฟาเอล : ว๊ายยย ตั้งชื่ออะไรกันคะคุณพ่อ~

 

อวาต้าร์รอยสัก : เดี๋ยวกูถีบ ก็เบอร์โทสับกูไง เจ้าจอมมันเซฟด้วยคำว่า ChouChou อ่ะ

 

อวาต้าร์ตากล้อง : แต่ภาษาญี่ปุ่นมันแปลว่าผีเสื้อนะโว้ย 

 

อวาต้าร์ Mr.น่านฟ้า : ไอ้เก้ากับผีเสื้อ?……..

 

อวาต้าร์ราฟาเอล : 5555555555555555555555555555555555+

 

อวาต้าร์ตากล้อง : ไอ้เชี่ยพาย มึงก็จริงใจเกินป๊าย พวกกูยังไม่ขำมันเลยเนี่ย (แต่กลั้นกันขี้ไหลหมดแระ5555555+)

 

อวาต้าร์ราฟาเอล : น้องมันมองมึงยังไงถึงเห็นมึงเป็นผีเสื้อวะ? 555555+ ถ้าเห็นเป็นหมาสามหัวเฝ้าแม่น้ำแห่งความตายของกูยังจะน่าเชื่อกว่าอีกไอ้สัส 5555+

 

อวาต้าร์ทะเลยามเย็น : มึงไม่ได้อ่านผิดใช่ไหมวะไอ้เก้า 55555

 

อวาต้าร์รอยสัก : ผิดเชี่ยไร คำนี้แหละ กูยังนั่งมองอยู่เลยเนี่ย

 

อวาต้าร์ราฟาเอล : น้องมันเข้าใจว่าเคร์เบรอสกูชื่อชูชูเปล่าวะ? 555555+

 

อวาต้าร์รอยสัก : หัวเราะอิ่มกันเลยนะพวกมึง!

 

อวาต้าร์ราฟาเอล : อ๊ะ! เดี๋ยวก่อนมึง!

 

อวาต้าร์รอยสัก : ห่าไรอีก

 

อวาต้าร์ราฟาเอล : มึง! มันเป็นสแลงฝรั่งเศสเว้ย! ไอ้เชี่ยยยยย น้องเจ้าจอมของมึงแม่งงงง

 

อวาต้าร์ราฟาเอล : [สติ๊กเกอร์แมวดิ้น]

 

อวาต้าร์รอยสัก : มึงเป็นห่าอะร๊ายย ใครอยู่ใกล้ๆช่วยถีบให้มันคายออกมาซักที๊ยยย

 

อวาต้าร์ Mr.น่านฟ้า : ว้าว~!

 

อวาต้าร์ตากล้อง : ไอ้เชี๊ยยย มึงแวะโบสถ์ขอน้องเค้าแต่งงานเหอะะะ

 

อวาต้าร์ทะเลยามเย็น : โอ้ยยยย กูเขินแทนมึงว่ะเก้า~

 

อวาต้าร์รอยสัก : พวกมึงบอกกูเซ่!! มึงรวมหัวกันอยู่ใช่ม๊าย มึงบอกกูมา!!

 

อวาต้าร์ตากล้อง : สมหน้า มึงอยากไปเดตน่าหมั่นไส้เอง ก๊ากๆๆ

 

อวาต้าร์รอยสัก : พี่พายคร้าบบบ บอกผมทีคร้าบบบ

 

อวาต้าร์ราฟาเอล : มึงฟังนะ

 

อวาต้าร์ราฟาเอล : มันเป็นภาษาฝรั่งเศสเว้ย ถ้าแปลตรงตัวมันจะแปลว่ายางรัดผม แล้วถ้าชูคำเดียวมันคือกะหล่ำปลี

 

อวาต้าร์ราฟาเอล :  แต่ไอ้เชี่ยคำนี้เนี่ย มันเอามาเรียกว่าที่รักได้ด้วยเว้ยยยย

 

อวาต้าร์ราฟาเอล :  น้องมันเซฟชื่อมึงว่าที่รักไงไอ้เชี่ย อ๊ากกก กูเขินว่ะะะะ

 

อวาต้าร์ราฟาเอล :  กูอยู่ไม่ได้แล้ววว กูต้องไปดูบ้างว่าอาจารย์องศาเซฟชื่อกูว่าไง ถ้าไม่ใช่เด่วกูเปลี่ยนให้เอง! ChouChou~~

 

อวาต้าร์ตากล้อง : ChouChou~

 

อวาต้าร์ Mr.น่านฟ้า : ChouChou~

 

อวาต้าร์ทะเลยามเย็น : ChouChou~

 

อวาต้าร์ Mr.น่านฟ้า : ไอ้เก้า มึงยังมีชีวิตอยู่ม๊ายย

 

อวาต้าร์ตากล้อง : มึงจะตายตอนนี้ไม่ได้นะโว้ย มึงต้องแวะโบสถ์ก่อนนน

 

อวาต้าร์ทะเลยามเย็น : มึงให้พวกกูตามไปเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวไหมวะะะ

 

อวาต้าร์รอยสัก : เชี่ยกูจะร้องไห้

 

อวาต้าร์ราฟาเอล :  มึงฮึบไว้ มึงอย่าเพิ่งตาย 5555+

 

อวาต้าร์รอยสัก : แค่นี้ก่อนนะ เจ้าจอมมันกลับมาแล้ว กูเขินว่ะไอ้สัส!!!

 

 

 เขาต้องฮึบขนานใหญ่อย่างที่ไอ้พายบอกจริงๆเพื่อไม่ให้หลุดเสียอาการออกไปว่าเขารู้แล้ว

 

ใบหน้ามนมองเขาอย่างสงสัยเมื่อเห็นเขานั่งหน้าแดง ไม่สิ ไม่ใช่แค่หน้า แต่แดงตั้งแต่กกคอยันใบหู!

 

“พี่เก้า...ร้อนเหรอครับ? หน้าแดงมากเลย...หรือจะเป็นลมแดด?...เข้าไปพักในอาคารก่อนไหมครับ?”

 

“ไม่เป็นไร มึงไม่ต้องสนใจกู กูโอเคมาก โอเคสุดๆ”

 

“...?”

 

“กลับ...กันเลยไหม?”

 

“ครับ...”    เจ้าจอมตอบรับอย่างมึนงง

 

 

 

 

แล้วร่างผอมบางก็ยิ่งงงหนักกว่าเก่าเมื่อพี่เก้าไม่ได้พาเขาไปที่รถมอเตอร์ไซค์แต่กลับจูงมือเดินฝ่ากลับเข้าไปในดงดอกทานตะวัน?

 

ดวงตาอ่อนหวานเหลือบมองแผ่นหลังกว้างของคนที่เดินนำหน้า พี่เก้าไม่พูดไม่จาแถมยังเดินแหวกต้นทานตะวันเข้าไปลึกขึ้นเรื่อยๆ เรื่อยๆ ลึกจนในที่สุดก็มองไม่เห็นใครอีก ไม่ได้ยินเสียงอะไรนอกจากเสียงใบไม้ที่เสียดสีเพราะแรงลม

 

และยิ่งห่างไกลจากผู้คนมากเท่าไหร่ ต้นทานตะวันก็ยิ่งสูงท่วมหัวกลายเป็นปราการดอกไม้และตัดขาดเราออกจากโลกภายนอก

 

“พี่เก้า?”    เขาเอ่ยเรียกพี่เก้าอย่างสงสัย เพราะดูยังไงนี่ก็ไม่ใช่ทางที่จะกลับไปยังลานจอดรถ

 

ฟึ่บ!

 

แล้วจู่ๆร่างสูงใหญ่ก็หันพรึ่บกลับมาพร้อมกับดึงเขาจนเซถลาเข้าไปปะทะกับแผงอกแข็งแรง

 

“?!    มันรวดเร็วและรุนแรงจนเขาตามไม่ทัน

 

เพราะฉะนั้น...รู้ตัวอีกที...ริมฝีปากของเขาก็ถูกพี่เก้าขโมยไปเสียแล้ว...

 

 

ตึกตัก...ตึกตัก...ตึกตัก...

 

 

เสียงหัวใจเต้นราวกับกลองทัด...ตรงข้ามกับสมองที่มึนเบลอไปหมด...ดวงตาของเขาเบิกค้างเช่นเดียวกับร่างกายที่แทบจะแข็งเป็นหิน

 

สัมผัสนุ่มนิ่มที่แนบลงมาอย่างนุ่มนวลนั้นทำเอาใบหน้าแทบจะระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆ

 

พี่เก้าจูบเขา

 

จากที่แตะเพียงแผ่วเบาก็ค่อยๆบดเบียดลงมาละเรื่อย...

 

มันเหมือนกับเวลาถูกหยุดเอาไว้... เรายืนจูบกันท่ามกลางดอกทานตะวันนับล้าน...

 

เขาตื่นเต้นจนหัวใจแทบจะทะลุออกมา จากที่เคยเบิกตาค้างกลับค่อยๆเคลิบเคลิ้มไปกับสัมผัสอันหวานละมุนที่พี่เก้ามอบให้ พี่เก้าไม่ได้จูบค้างเอาไว้แต่กลับกดจูบลงมาเป็นจังหวะ

 

ค่อยๆไล่จากกลีบปากบนมาจนกลีบปากล่าง ค่อยๆไล่จากกลีบปากซ้ายไปกลีบปากขวา ค่อยๆแนบชิดบดเบียดลงมาก่อนจะละออกไป พี่เก้ากดจูบที่ปากเขาซ้ำไปซ้ำมาราวกับว่าจูบเท่าไหร่ก็ไม่พอ

 

นี่เป็นจูบแรกของเขา แล้วก็เป็นจูบที่ทำเอาแทบจะมอดไหม้ไปทั้งตัว หากดอกทานตะวันจะเข้าใจผิดว่าเขาเป็นพระอาทิตย์ก็ไม่แปลกแล้วตอนนี้...

 

พี่เก้าละออกไปก่อนจะจรดหน้าผากไว้กับหน้าผากของเขา ดวงตาของเราสบประสานกันใกล้แสนใกล้ ใกล้ราวกับว่าพี่เก้าต้องการจะตรึงเขาเอาไว้ จับให้เขาต้องอยู่กับพี่เก้า มองแต่พี่เก้าตลอดไป

 

ใบหน้าเรียวยิ้มบางๆทั้งที่ยังจรดหน้าผากอยู่ พี่เก้าเอียงหน้าช้าๆก่อนจะแตะริมฝีปากลงมาอีกครั้ง ดวงตากลมใสจึงค่อยๆปิดลง

 

เขาเฝ้าสงสัยมาตลอดว่าการจูบกันมันเป็นยังไงกันแน่ ทำไมคู่รักถึงทำเรื่องพวกนี้ด้วยกัน เขาไม่เคยเข้าใจเลยจนกระทั่งวันนี้

 

ชั่วขณะที่กลีบปากของเราแนบชิด ชั่วขณะที่ลมหายใจของเราผสมปนเป ชั่วขณะที่หัวใจเต้นอย่างบ้าคลั่ง ชั่วขณะนั้น...ความรักซึ่งไม่มีตัวตนจะปรากฏกายขึ้นอย่างชัดเจน

 

เขามองพี่เก้าที่ค่อยๆละออกไปด้วยใบหน้าร้อนจัด ดวงตาคมกล้ายังคงจ้องหน้าเขาไม่วางตา

 

ฟุ่บ

 

เขาทิ้งตัวลงไปในอ้อมแขนของพี่เก้าอย่างต้านไม่ไหว เขาซุกใบหน้าไว้กับเสื้อยืดสีดำ ตอนนี้รอบๆหัวเขาคงจะมีควันขึ้นไม่ผิดแน่

 

“คิก...”    ได้ยินเสียงพี่เก้าหัวเราะเบาๆ มีเพียงท่อนแขนแข็งแรงที่กอดกระชับลำตัวเขาไว้โดยไม่พูดอะไร สิ่งที่ต่างก็คิดตรงกันอยู่ในใจคงไม่พ้น...

 

 

จูบแรกของเรา...มันดีชะมัด...

 

 

 

.

.

.

.

.

.

.

.

To be con.

 

ปิดท้ายด้วยคู่นี้ทีไรก็คือจะลงไปดิ้นนน งื้ออออ เขิลลลล >/////<

 

ขอยาดรวบช่วงเม้าท์มอยมาไว้ตอนเดียวกันเลยนะคะ คือ จริงๆกะจะลงเป็นตอนเดียวกัน แต่มันยาวจัดกลัวจะเปิดอ่านกันลำบากก็เลยตัดเป็นสองตอนละกันเนอะ ^ ^a ก็จะเห็นว่าคู่ที่สามค่อยๆแง้มมาให้เห็นบ้างแล้ว การันตีความดุเดือด(?)มากค่ะคู่คุณชายภาค555

 

ขอบคุณทุกๆคอมเม้นต์ ทุกๆหัวใจ ทุกๆการติดตามด้วยนะคะ เวลาที่ได้อ่านคอมเม้นต์ก็รู้สึกปลื้มปริ่มทุกครั้งเลยจริงๆค่ะ เพราะเรื่องนี้มันเป็นนิยายออริที่เราสร้างตัวละครขึ้นมาเอง มันอาจจะยังไม่ได้ดีมากแต่เราก็จะพยายามพัฒนาต่อไปค่ะ ขอบคุณมากๆนะคะที่ชอบในตัวผลงานของเรา =////= แล้วเจอกันตอนหน้าค่ะ

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น