Tsurune. One-Shot.Fic [Shuu x Minato] หรือรักเรียกหา : 30 : END
:
Tsurune ; kazemai koukou kyudou-bu Short Fanfiction
:
Fujiwara Shuu x Narumiya Minato
:
Warmhearted
:
NC-17
คำเตือน :
เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ
[ทำอะไรอยู่เหรอมินาโตะ?]
เสียงทุ้มดังมาจากโทรศัพท์มือถือพร้อมกับภาพของฟูจิวาระ
ชูปรากฏอยู่ในนั้น
หลังๆมานี้แม้แต่ช่วงพักกลางวันบางทีชูก็วีดีโอคอลมา ไม่มีใครคบแล้วหรือไงนะ? ทำไมไม่ไปใช้ชีวิตกับเพื่อนร่วมห้องบ้าง?
[ชู แป๊บนึงนะ ขอใส่หูฟังก่อน พอดีตอนนี้อยู่ในห้องสมุด]
มือบางหยิบหูฟังออกมาจากกระเป๋าแล้วเสียบใส่หู
โทรศัพท์ถูกวางเอาไว้ที่ชั้นหนังสือแล้วหันกล้องหน้าเข้าหาตัวเอง
[กำลังหาหนังสืออ้างอิงอยู่น่ะ แต่ไม่ค่อยมีเลย…]
เสียงนุ่มเปล่งออกไปโดยไม่ได้หันมองคนในหน้าจอ
เพราะตอนนี้สายตาของนารุมิยะ มินาโตะกำลังไล่อยู่ที่ชั้นซึ่งเต็มแน่นไปด้วยหนังสือ
แต่ถึงห้องสมุดของโรงเรียนจะมีหนังสือเยอะแค่ไหนทว่าเรื่องที่เขาอยากได้กลับไม่มีเลย
นิ้วเรียวไล่ไปตามสันหนังสือพลางขมวดคิ้วมุ่น
[หาเกี่ยวกับเรื่องอะไร?]
ชูถามออกมา
ดูเหมือนทางนั้นจะไม่ได้ทำอะไรเป็นพิเศษ ชูถึงได้จ้องมองเขาไม่วางตา
[พอดีจับฉลากได้หัวข้อรายงานที่ต้องทำในวิชาสังคมเป็นเรื่องความสำคัญและประเภทของปราสาทในญี่ปุ่นน่ะ
อาจารย์บอกว่าถ้ามีแปลนเอามาเปรียบเทียบให้ดูด้วยก็จะดีมาก แต่จะไปหาจากไหนได้ล่ะ
ค้นจนทั่วห้องสมุดแล้วยังไม่เจอเลย]
ร่างโปร่งรู้สึกสิ้นหวัง
เขาหามาตั้งแต่เริ่มพักกลางวันแต่ก็ยังไม่เจอสักเล่ม
[อืม...ต้องเป็นห้องสมุดของมหาวิทยาลัยที่มีคณะพวกสถาปัตยกรรมศาสตร์หรือเปล่า?]
ชูช่วยเสนอความคิด
[เอ๋? งั้นเหรอ?]
สมเป็นชู
รอบรู้ไปเสียทุกเรื่อง
[อืม ฉันพอจะรู้จักอยู่ที่นึงนะ ให้พาไปไหม?]
แล้วนี่ก็สมเป็นชู!
พึ่งพาได้ตลอดเลย!
[ชู~ ขอบคุณมากเลย ช่วยได้มากเลย~]
เขาเอ่ยออกไปด้วยความดีใจ
คนที่อยู่ในจอยิ้มให้เขาเช่นกันที่ช่วยได้
[ด้วยความยินดีครับ]
แต่เวลาชูพูดกับเขาแบบนี้ทีไรมันก็จะรู้สึกเขินๆขึ้นมาทุกที
ความรู้สึกของเลดี้เวลาที่ถูกเจ้าชายปฏิบัติด้วยความสุภาพมันคงจะเป็นแบบนี้เองสินะ?
[ไปหลังเลิกเรียนเย็นนี้เลยไหม? มินาโตะลาซ้อมที่ชมรมสักวันได้หรือเปล่า?]
แล้วเสียงของชูก็ดึงเขาออกมาจากความร้อนผ่าวบนสองแก้ม
[เอ๋? แต่แบบนั้นชูก็ต้องขาดซ้อมไปด้วยนะ? ไม่เป็นไรเหรอ?]
[เอาไว้ซ้อมวันเสาร์อาทิตย์ชดเชยก็ได้ มินาโตะก็มาซ้อมด้วยกันสิ]
[เอางั้นก็ได้ อยากหาหนังสืออ้างอิงให้ได้ไวๆเหมือนกัน]
[งั้นเย็นนี้เจอกัน]
[อื้อ ขอบใจนะชู แล้วนี่กินข้าวรึยัง?]
เขาละจากชั้นหนังสือเพื่อเตรียมเก็บของ
[กินแล้ว กำลังเดินกลับตึกเรียน]
วิวที่อยู่เบื้องหลังชูเป็นภาพของตึกสีอิฐที่แสนคุ้นตา
เถากุหลาบพวกนั้นไม่มีดอกแล้วเพราะตอนนี้เป็นฤดูหนาว
ชูกำลังเดินไปตามทางเชื่อมอาคารอย่างที่บอกจริงๆ
มีกลุ่มเด็กผู้ชายเดินเล่นหัวกันสวนมา มีกลุ่มเด็กผู้หญิงยืนคุยกัน
มีคนตะโกนโหวกเหวก
แต่ชูกลับเดินถือโทรศัพท์คุยกับเขาไม่สนใจใครท่ามกลางคนเหล่านั้น…มันจึงไม่น่าแปลกใจเลยที่ทุกคนมักจะหันมาให้ความสนใจชู
[นายไม่ไปเตะบอลหรือเล่นบาสกับเพื่อนบ้างเหรอชู?]
[ไม่ละ อยากเห็นหน้ามินาโตะมากกว่า]
เขาถึงกับผงะ
ดวงตากลมใสหรี่มองเจ้าคนที่พูดออกมาหน้าตาเฉย เสียงนุ่มจึงแซวกลับไปเพื่อแก้เขิน
[หว๋า~ เจ้าคนคลั่งรัก]
[ครับ]
[ชู...ปฏิเสธซักหน่อยสิ]
[ปฏิเสธทำไม ในเมื่อมันเป็นความจริง]
ชูตอบหน้าตาย
[......]
อ๊า~! แล้วทำไมเขาต้องมาแซวเองเขินเองด้วยเนี่ย?!
[อะ ออดดังแล้ว ฉันไปเรียนก่อนนะ]
[อื้ม เจอกันเย็นนี้มินาโตะ]
[เจอกัน]
หน้าจอโทรศัพท์ที่ดับลงได้สะท้อนใบหน้าของเขาอยู่บนนั้น
สองแก้มแดงระเรื่ออย่างที่คิดจริงๆ…เป็นเครื่องสูบฉีดเลือดลมหรือไงกันนะ
ชูเนี่ย…แต่ถ้าชูเป็นเหมือนหัวใจของเขาก็คงจะทำแบบนั้นได้ละมั้ง?
ใบหน้ามนเอียงน้อยๆพลางนึกถึงวิชาชีวะที่เพิ่งเรียนเกี่ยวกับร่างกายมนุษย์มา
งงแหะ? อ่า…ช่างมันเถอะ
สองขาก้าวเข้าไปในห้องเรียนด้วยใบหน้าเหม่อๆ
เขาใช้เวลายามบ่ายไปกับการเรียนตามปกติ
รอ…จนกระทั่งช่วงเย็นที่จะได้เจอกันมาถึง
“ชู!” ร่างโปร่งบางในชุดกักกุรันวิ่งเข้าไปหาร่างสูงสง่าในชุดสูทสีน้ำตาลของคิริซากิซึ่งยืนรออยู่ก่อนแล้ว
ลมหายใจที่กลายเป็นไอสีขาวบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าตอนนี้เป็นฤดูหนาว
รอบกายจึงมืดไวกว่าปกติมากทั้งๆที่เพิ่งจะสี่โมงเย็น
“รอนานไหม? โทษที กะเวลาขึ้นรถไฟผิดไปหน่อย”
เสียงนุ่มเอ่ยบอก
เพราะมหาวิทยาลัยอยู่ไกลจากโรงเรียนของเขาค่อนข้างมากเลยต้องขึ้นรถไฟมา
“ไม่นานหรอก ฉันก็เพิ่งมาถึงเหมือนกัน” ชูส่ายหน้าก่อนจะยิ้มให้อย่างอ่อนโยน
“เข้าไปกันเลยไหม?” เขาพยักหน้าก่อนจะเดินผ่านรั้วมหาวิทยาลัยไปด้วยกัน
เขาไม่เคยมาที่นี่มาก่อนจึงเผลอมองรอบกายอย่างตื่นตาตื่นใจ ตึกรูปร่างทันสมัยและมีดีไซน์ให้ความรู้สึกที่ดูเป็นผู้ใหญ่
ผนังที่เป็นปูนเปลือยเจาะรูเป็นจังหวะดูเท่ห์และมีเอกลักษณ์มาก
เขาเคยเห็นผนังแบบนี้แต่ก็นึกชื่อของคนออกแบบไม่ออก
ดูเหมือนจะเป็นสถาปนิกชื่อดังของญี่ปุ่นเลยด้วยนะ
“ทาดาโอะ อันโดะ” แล้วจู่ๆชูก็พูดชื่อๆหนึ่งออกมา
“หื๋อ?”
“คนออกแบบอาคารที่ใช้ผนังแบบนี้ไง เห็นมินาโตะมองมันเหมือนกำลังนึกอะไรอยู่
ใช่ชื่อของสถาปนิกคนนี้ไหม?” ว้าว~ เขามองชูตาเป็นประกาย ไม่ใช่แค่รู้เรื่องรอบตัวพวกนี้เป็นอย่างดี
แต่ยังรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ด้วย!
“ตึกของที่นี่ก็ให้ทาดาโอะ อันโดะออกแบบเหมือนกันนะ” ชูยิ้ม ว่าแต่ไปรู้เรื่องแบบนั้นมาได้ยังไงน่ะ? แต่ก่อนจะได้ถาม
พวกเราก็เดินมาถึงห้องสมุดเสียก่อน มันใหญ่…และเป็นอาคารที่สร้างขึ้นมาเพื่อใช้เป็นห้องสมุดโดยเฉพาะเลย
ภายนอกว่าตื่นตาแล้วภายในกลับยิ่งกว่า
เพราะอาคารห้าชั้นนี้มีแต่หนังสือและหนังสือเต็มไปหมด แล้วมันก็ไม่ได้ดูทึบทึมเหมือนห้องสมุดในโรงเรียนแต่กลับโปร่งโล่งสบายมากๆด้วยผนังกระจกผืนใหญ่ที่เปิดรับแสงเข้ามา
โดยเฉพาะสกายไลท์บนหลังคาในบริเวณโถงตรงกลางที่เปิดโอเพ่นจนเห็นได้จากทั้งห้าชั้น
เขาเดินตามชูไปด้วยใบหน้าเลิ่กลั่ก
ร่างสูงสง่านั่นดูเหมือนจะคุ้นเคยกับที่นี่ดีจนไม่ต้องแวะถามที่เคาน์เตอร์ของบรรณารักษ์เลยด้วยซ้ำ
“หนังสือเยอะขนาดนี้เราจะหาเรื่องเกี่ยวกับปราสาทเจอได้ไง?”
เสียงนุ่มถามออกไปพลางหันซ้ายแลขวา
ถ้าต้องไล่ดูทุกชั้นคงต้องใช้เวลาเป็นอาทิตย์
แต่ชูกลับทำให้เรื่องมันง่ายขึ้น
ชูเดินตรงไปยังคอมพิวเตอร์ที่ใช้สืบค้นอย่างที่เขายังนึกไม่ถึงเพราะที่ห้องสมุดของโรงเรียนไม่มี
ชูนั่งลงบนเก้าอี้ก่อนจะพิมพ์ข้อความที่ใช้เป็นคีย์เวิร์ดในการค้นหาลงไป
“ชูนี่พึ่งพาได้จัง” เขามองชูอย่างทึ่งๆ
ถ้าเขามาคนเดียวคงจะไม่ได้เรื่องแน่ๆ ดีไม่ดีอาจจะกลับไปมือเปล่า
“ในฐานะแฟนแล้วก็อยากให้พึ่งพากันเยอะๆนะ” ชูพิมพ์หาชื่อหนังสือไปก็ตอบไปโดยที่สายตาไม่ได้ละจากหน้าจอคอมพิวเตอร์
มือบางจึงกอดกระเป๋าแล้วนั่งลงข้างๆ
“คงไม่ได้มีแต่ฉันที่พึ่งพาชูอยู่ฝ่ายเดียวใช่ไหม?”
“มินาโตะก็รู้อยู่แล้วนี่…ว่าหัวใจของฉัน…มันพึ่งพามินาโตะอยู่” ใบหน้าหล่อเหลาหันมายิ้มหยอกเย้า
เขาจึงหัวเราะออกไปเบาๆ
ใช่…เขารู้อยู่แล้วละว่าไม่ได้มีแต่เขาที่เอาแต่พึ่งชู
พวกเราต่างก็พึ่งพาซึ่งกันและกัน
มีหลายอย่างที่เขาทำไม่ได้แต่ชูทำได้ แล้วก็ยังมีอีกหลายอย่างที่ชูไม่มีแต่เขามี
เพราะงั้นเขาจึงไม่เคยลำบากใจเวลาที่ชูยื่นมือมาช่วยเหลือ
เพราะเขารู้ว่าชูเองก็ต้องการมือของเขาเช่นกัน
ไม่เคยรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจหรือไม่เท่าเทียม ไม่เคยรู้สึกว่ามีฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดที่เป็นผู้ให้หรือผู้รับมากกว่ากัน
คางมนเกยไว้บนกระเป๋าก่อนจะจ้องมองคนที่ค้นหาหนังสือให้ตนด้วยดวงตาเปี่ยมสุข
“มีหลายเล่มเลยนะ” เสียงทุ้มเอ่ยบอกพร้อมกับหยิบกระดาษมาจดเลขตู้อย่างคล่องแคล่ว
“ชูเคยมาที่นี่เหรอ?” เสียงนุ่มเอ่ยถามในขณะที่เดินตามร่างสูงไปยังชั้นสองซึ่งเป็นหนังสือหมวดประวัติศาสตร์สถาปัตยกรรม
“เคย เพราะที่นี่มูลนิธิของที่บ้านฉันดูแลอยู่
จะเรียกว่าเป็นผู้ก่อตั้งก็คงได้” ชูตอบด้วยเสียงราบเรียบราวกับมันเป็นเรื่องธรรมดา
แต่ถ้าเขาตีความไม่ผิด เจ้าของมหาวิทยาลัยเอกชนแห่งนี้ก็คือตระกูลฟูจิวาระสินะ?
ถึงว่า…ถึงได้รู้เรื่องที่คนส่วนใหญ่ไม่น่าจะรู้กัน…
เขายิ้มแห้งพลางมองสำรวจชั้นหนังสือ
ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าต้องไปที่ตู้ไหนยังไง ได้แต่เดินตามชูไปเรื่อยๆ
ที่ชั้นสองเองก็มีหนังสือมากมายแถมครึ่งหนึ่งยังมีสันเป็นภาษาอังกฤษอีกต่างหาก
ชูเดินไปหยุดที่ตู้หนังสือตู้หนึ่งก่อนจะไล่นิ้วเรียวยาวไปตามสันหนังสือ
ทำไมเขาถึงได้ชอบมองเวลาชูกำลังทำอะไรเพลินๆแบบนี้นักนะ
เพราะงั้นแทนที่จะช่วยหาเขากลับยืนมองชูอยู่เฉยๆ
“เจอแล้ว มินาโตะลองเอาไปเปิดดูที่โต๊ะสิว่ามีแปลนกับเนื้อหาที่ต้องการไหม
เดี๋ยวฉันหาอีกสองสามเล่มนี้ไปให้” มือใหญ่ยื่นหนังสือปกแข็งเล่มหนามาให้เขา
มือบางจึงรับมันมาแล้วเดินกลับไปที่โต๊ะซึ่งอยู่ไม่ไกล
สายตามองเห็นนักศึกษาที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ประปราย เด็กมหาลัยดูโตเป็นผู้ใหญ่มากในสายตาเขา
“เหม่ออะไรอยู่?” ชูวางหนังสือลงก่อนจะชะโงกหน้ามาขวางสายตาที่กำลังเหม่อลอยของเขา
ดวงตาของพวกเราสบประสานกันอยู่ครู่หนึ่งเขาจึงได้เอ่ยออกไป
“กำลังคิดว่า ตอนเราเป็นเด็กมหาลัยจะเป็นยังไงนะ?” ชูหัวเราะในลำคอก่อนจะเลื่อนเก้าอี้แล้วนั่งลงข้างๆ
“เป็นยังไงฉันก็ไม่รู้หรอก รู้แต่ว่ามินาโตะหนีฉันไม่พ้นแน่”
ชูพูดด้วยรอยยิ้มจนเขาได้แต่เหล่ตามอง คงไม่ต้องกังวลว่าจะต้องแยกจากเจ้าหมอนี่สินะ?
“ฮะฮะ ครับๆ” เขากลับไปสนใจกองหนังสือที่อยู่ตรงหน้า
อ่า มันทั้งหนาทั้งหนัก ข้อมูลก็มีเยอะมาก แล้วเขาควรจะใช้เล่มไหนยังไงดี? แล้วในขณะที่เขายังมึนงง ชูกลับพลิกเปิดหน้าหนังสือพวกนั้นดูคร่าวๆให้
“ใช้เล่มนี้กับเล่มนี้ก็น่าจะพอแล้วมินาโตะ มีแปลนของปราสาทครบทุกหลัง
ข้อมูลต่างๆก็ครบ” ห๊ะ? ไวไปไหมเนี่ย? แต่เวลาแบบนี้ก็มีแต่ชูกับเซยะเท่านั้นแหละที่พึ่งพาได้~
“อื้ม งั้นก็เอาสองเล่มนี้แหละ” เขาเชื่อชูอย่างไม่มีข้อกังขา
และชูก็ดูจะดีใจที่ได้ช่วยเขา ชูน่ะอยากเป็นคนสำคัญที่สุดของเขา
อยากให้ในสายตาเขามีแต่ตัวเองเท่านั้น
เพราะงั้นชูจึงไม่เคยละความพยายามที่จะทำอะไรต่อมิอะไรให้เขา
ซึ่งบางครั้งเขาก็อยากจะบอกกับชูว่า
ต่อให้ไม่พยายาม ชูก็เป็นคนสำคัญที่สุดของเขาอยู่แล้ว
“ว่าแต่เราจะยืมได้เหรอ?” เขามองหนังสือสองเล่มที่เลือกมาอย่างสงสัย
ไม่ใช่ว่าต้องเป็นนักศึกษาของที่นี่หรอกเหรอถึงจะยืมหนังสือในห้องสมุดนี้ได้?
“นายมากับฟูจิวาระ ชูนะ ก็ต้องยืมได้สิ” อ่า…เข้าใจแล้วครับ…
ชูไปยืมหนังสือให้เขาด้วยบัตรผ่านพิเศษของมหาวิทยาลัย
แต่อันที่จริงแค่เจ้าหน้าที่เห็นหน้าชูก็แทบจะขนหนังสือทั้งห้องสมุดมาให้แล้ว
ร่างทั้งสองยืนเคว้งคว้างอยู่หน้าหอสมุด
พอธุระเสร็จไวแถมจะกลับเลยก็ใช่ที่
ถึงบรรยากาศรอบตัวมันจะขมุกขมัวแต่นี่ก็เพิ่งจะสี่โมงเศษเองนะ มันยังเร็วเกินกว่าจะเป็นเวลากลับบ้าน
แต่คนสองคนที่ไม่เคยเถลไถลเที่ยวเตร่ที่ไหนหลังเลิกเรียนก็ได้แต่ยืนนิ่ง
เวลาแบบนี้คนส่วนใหญ่เค้าทำอะไรกันล่ะ? พวกเขาที่เอาแต่ซ้อมยิงธนูจนมืดค่ำอยู่ทุกเย็นย่ำจะไปรู้ได้ยังไง?
“มินาโตะ ไปเดตกันไหม?” แล้วก็เป็นเสียงทุ้มที่เอ่ยชวน
“เอ๊ะ? อ้อ อืม เอาสิ…” เสียงนุ่มตกใจเพราะอีกฝ่ายชวนอย่างกะทันหันก่อนจะตอบตกลงไปอย่างตะกุกตะกัก
เดต? เดตกับชูน่ะเหรอ? แถมเป็นเดตหลังเลิกเรียนด้วย?
ถึงปกติก็จะไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยๆอยู่แล้วแต่พอเรียกมันอย่างจริงๆจังๆว่าเดต...มันก็เขินๆเหมือนกันแหะ
เอาเถอะ
นานๆทีจะได้มีเวลาไปเที่ยวด้วยกันหลังเลิกเรียนบ้าง
เขาจึงไม่คิดจะปฏิเสธคำชวนของชู
"ไปกันเลยไหม?" ชูแบมือออกมาตรงหน้า
"อื้ม" และเขาก็วางมือของตัวเองลงไป
ปลายนิ้วสอดประสานเข้ามาก่อให้เกิดเป็นไออุ่นๆ
ทั้งๆที่รอบกายนั้นหนาวมากแต่ตรงนี้กลับไม่หนาวเลยสักนิด
ร่างทั้งสองออกเดินไปด้วยกัน มุ่งหน้าสู่สถานีรถไฟที่อยู่ไม่ไกล
ถึงจะบอกว่ามาเดตแต่ก็ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษนอกจากการเดินเล่นในย่านร้านค้าด้วยกัน
และเวลาหลังเลิกเรียนแบบนี้ที่นี่ก็ราวกับเป็นจุดนัดพบของนักเรียนทุกระดับทุกโรงเรียนในเมืองแห่งนี้
ตามท้องถนนจึงมีเด็กๆในชุดนักเรียนหลากหลายมาซื้อของบ้างหรือไม่ก็มาเที่ยวเล่นกับเพื่อนบ้าง
มาเดตแบบพวกเขาก็มี เรียกว่าเป็นสถานที่ที่คึกคักมากทีเดียว
"อยากได้คู่มือคณิตซักเล่มจัง" ที่แรกที่เขากับชูแวะเข้ามาก็คือร้านหนังสือ
มีเด็กนักเรียนโรงเรียนเดียวกับเขายืนเลือกหนังสือการ์ตูนมังงะอยู่สองสามคน
ถ้าเป็นโซนนี้ละก็ นิตยสารการ์ตูนรายสัปดาห์น่าจะขายดีที่สุด
ดวงตากลมใสจึงเหลือบไปมองกองหนังสือเล่มหนาที่เกือบจะหายไปทั้งกองก่อนจะเดินผ่านไป
"ฉันแนะนำให้ไหม?" สองขาเดินตามชูมาอยู่ที่มุมหนังสือเรียน
"อื้ม" เขามองชูที่กำลังไล่สายตาหาหนังสือให้เขาด้วยรอยยิ้มที่เบ่งบานอยู่เต็มหัวใจ
ทำไมรู้สึกมีความสุขแบบนี้นะ? ไม่เห็นจะได้ทำอะไรเลย?
"เล่มนี้
มีแบบฝึกหัดที่เริ่มจากระดับง่ายๆแล้วค่อยๆเพิ่มความยากขึ้นเรื่อยๆ
น่าจะเหมาะกับมินาโตะนะ" เขาแทบไม่ได้มองหนังสือเพราะมัวมองแต่หน้าชู
มันเป็นพลังของคำว่าเดตหรือเปล่านะ? เขาถึงละสายตาจากหน้าชูไม่ได้เลย?
"ถ้าอาจารย์ฟูจิวาระบอกว่าดีมันก็ต้องดีแน่ๆครับ"
เขาหยอกชูก่อนจะรับหนังสือคู่มือมาพลิกดูราคา
"อ่ะ แพงขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย?" คนที่ใช้จ่ายอย่างประหยัดถึงกับครุ่นคิด
"เอามาสิ เดี๋ยวฉันไปจ่ายให้" แต่คนที่ซื้อของไม่เคยดูราคากลับจะคว้าหนังสือไปจ่ายแทน
"ไม่เอา นายก็มีอยู่ใช่ไหมเล่มนี้น่ะชู?" อธิบายได้เป็นฉากๆขนาดนี้ชูต้องมีอยู่ที่บ้านแน่
"มี"
"งั้นก็เอาของนายมาให้ฉันยืมสิ จะซื้อทำไมตั้งสองเล่มเนี่ย?"
เขาพูดจาเอาแต่ใจแต่ชูกลับยิ้มให้
"จริงด้วย" มือบางจึงยัดคู่มือเล่มนั้นกลับที่เดิม
"ยังไงนายก็มาบ้านฉันทุกวันอยู่แล้ว จะใช้เมื่อไหร่ก็หยิบกลับไป
แบบนี้เป็นไง?"
"อื้ม"
เราไม่ได้อะไรจากล็อคหนังสือเรียน
จากนั้นก็แวะไปดูชั้นหนังสือเกี่ยวกับกีฬาแต่ก็ไม่มีหนังสือคิวโด้ออกใหม่
ถึงจะไม่ได้อะไรแต่การได้คุยกับชูเรื่องหนังสือก็สนุกดีทีเดียว
ได้ชี้ชวนกันดูคู่มือการเลี้ยงแมวบ้าง ชิบะอินุบ้าง
ชูยังไถหน้าฟีดไอจีให้เขาดูมาเมะชิบะหรือหมาชิบะพันธุ์เล็กสีดำตัวหนึ่งแล้วบอกว่าเขาเหมือนเจ้านี่มาก
ถึงจะอยากเถียงแต่น้องหมาตัวนั้นก็น่ารักสุดๆจนเขาเผลอเออออไปอย่างมึนงง เอาเถอะ
แสดงว่าในสายตาของชูคงจะเห็นว่าเขาน่ารักสินะ?
แล้วหลังออกจากร้านหนังสือ
ชูยังตั้งท่าจะเดินเข้าร้านฝั่งตรงข้ามซึ่งเขาจำได้ว่ามันเป็นร้านขายโดจินชิที่ชูเคยบอกไว้ ชูตั้งใจจะเข้าไปหาเล่มสองของโดจินที่เคยซื้อไปเพราะสงสัยว่าตัวการ์ตูนที่หน้าเหมือนเขานั่นจะคลอดลูกหรือยัง?
อ๊ากกก เขาต้องลากออกมาแทบไม่ทัน ไว้มาซื้อตอนที่คนน้อยๆสิ!
เดี๋ยวเว็บบอร์ดโรงเรียนก็แตกหรอกถ้านายเข้าไปในร้านนั่นตอนนี้! เห็นไหมว่ามีเด็กผู้หญิงยืนอยู่เต็มเลยน่ะ!
ร่างบางในกักกุรันกับร่างสูงในสูทของคิริซากิเดินผ่านหน้าร้านขายซีดีและมันก็ทำให้เขานึกถึงเพลงที่ได้ฟังทางวิทยุบ่อยๆในช่วงนี้ขึ้นมา
“ฉันอยากได้ซีดีเพลงนั้นน่ะชู ขอเข้าไปดูหน่อยได้ไหม?”
ชูจึงพยักหน้าอย่างไม่คิดอะไร
“เพลงอะไรเหรอมินาโตะ?” ชูหันมาถามเมื่อพวกเราเข้ามายืนงงอยู่ในดงชั้นวางซีดี
“ฉันไม่รู้ชื่อเพลง แต่เป็นเพลงที่เปิดบ่อยมากทางวิทยุในช่วงนี้”
เขาไล่สายตามองที่ชั้นซีดีแนะนำ
“น่าจะเป็นเพลงใหม่? มินาโตะลองไปร้องให้พนักงานฟังสิ
เผื่อเค้าจะช่วยหาได้?” แต่คราวนี้เขาถึงกับผงะไปกับคำแนะนำของชู
ใครมันจะไปกล้าร้องให้คนอื่นฟังเพื่อหาเพลงเนี่ย~ น่าอายจะตาย
มือบางจึงล็อคแขนของชูก่อนจะลากเข้าไปด้านใน
ตรงนี้มีตู้ตัวอย่างซีดีที่เปิดให้ลองฟังก่อนอยู่ด้วย เจ้าคนที่ไม่เคยเข้าร้านซีดีคงจะไม่รู้สินะว่ามันมีของแบบนี้อยู่!
“ตรงนี้เป็นตัวอย่างซีดี เราสามารถลองฟังเพลงในอัลบั้มก่อนที่จะซื้อได้
ลองหาดูจากตรงนี้แล้วกัน” เขาเอ่ยบอกก่อนจะหยิบหูฟังขึ้นมาสวม
“ขอฉันฟังด้วยสิ” ชูยืนมองเขาอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะดึงหูฟังข้างหนึ่งไปฟังด้วย
แล้วใบหน้าที่อยู่ใกล้… สายตาที่อยู่ใกล้…
ลมหายใจที่ส่งถึงกัน…ก็ทำให้รู้สึกเขินเบาๆ
เขาอมยิ้มให้ชู ชูก็อมยิ้มให้เขา
แรกๆนิ้วเรียวก็จิ้มผ่านไปเรื่อยๆเพราะไม่ใช่เพลงที่กำลังตามหา
ทว่าพอชูมาฟังด้วยก็เลยกลายเป็นว่ายืนฟังจนจบเพลงด้วยกัน
เราคุยกันมากมายเรื่องเพลง
ส่วนใหญ่ชูจะฟังพวกเพลงบรรเลงคลาสสิคเพราะทำให้จิตใจสงบ
แล้วก็ไม่ได้ฟังจากซีดีแต่เป็นเครื่องเล่นแผ่นเสียง? ส่วนเขาก็ฟังเพลงทั่วๆไปที่เปิดเจอตามวิทยุ
เพราะงั้นเขาจึงรู้จักเพลงญี่ปุ่นสมัยใหม่มากกว่าชู
แล้วจู่ๆซีดีที่ฟังอยู่ก็เปิดไปหยุดอยู่ที่เพลงๆหนึ่ง
…Fuyu
no Hanashi ของวง Given…เป็นชื่อที่ปรากฏขึ้นมาบนหน้าจอแสดงผล
พวกเขาไม่ได้รู้จักเพลงนี้หรอก แต่มันกลับทำให้ร่างสูงสง่าถึงกับชะงักไปเมื่อได้ฟังเนื้อหาของเพลงนี้ดีๆ
เพราะดูเหมือนเนื้อเพลงจะพูดถึงผู้ชายคนหนึ่งซึ่งต้องสูญเสียคนรักจากการตายจากกันไป… นัยน์ตาสีม่วงจึงรีบเหลือบไปมองหน้าคนที่ยืนอยู่ข้างๆ
มินาโตะมักจะอ่อนไหวกับการพรากจากที่อีกฝ่ายเสียชีวิตไปมากกว่าการจากลาในรูปแบบอื่น
แล้วพอประโยคหนึ่งถูกร้องออกมาด้วยเสียงตะโกนราวกับจะขาดใจว่า
“การต้องแยกจากกับใครสักคน...ที่เคยร่วมใช้ชีวิตมาด้วยกัน...เรื่องเล่ามันก็มีอยู่แค่นี้เท่านั้นเอง”
น้ำตาของมินาโตะก็ไหลลงมาตามแก้มโดยไม่ทันรู้ตัวทันที…
“เอ๊ะ?” มือบางยกขึ้นไปปาดน้ำใสๆนั่นอย่างงงๆ
ใบหน้ามนหันมามองเขาราวกับไม่รู้ว่ามันไหลออกมาได้ยังไง
มือใหญ่จึงเอื้อมออกไปดึงรั้งหลังคอของมินาโตะให้ร่างโปร่งขยับเข้ามา…แล้วซบหน้าเอาไว้กับไหล่ของเขา
คำพูดอันแสนอ่อนโยนพร่ำกระซิบเบาๆ “ไม่เป็นไรนะมินาโตะ ไม่เป็นไร…” เพราะเขารู้ว่าความตายเป็นบาดแผลที่ฝังอยู่ในใจของมินาโตะและมักจะแสดงมันออกมาโดยไม่รู้ตัวเสมอ
“ถึงแม้วันหนึ่งเราอาจจะต่อต้านจากความตายไม่ได้ แต่ก่อนที่จะถึงวันนั้น…เราได้รักกันมากมายขนาดนี้…มันก็ดีที่สุดแล้ว”
เสียงทุ้มเอ่ยปลอบคนที่ยังเอาหน้าผากชนไว้กับไหล่ของเขา
ขนาดในเพลง…สุดท้ายแล้วผู้ชายคนนี้ก็ตัดสินใจที่ก้าวเดินต่อไปเลย
มินาโตะเงยหน้าจากไหล่เขาเมื่อเพลงนั้นจบลง
หัวคิ้วยังขมวดน้อยๆเขาจึงให้นิ้วหัวแม่มือกดเกลี่ยลงไปพร้อมกับรอยยิ้มเอ็นดู
มือใหญ่ยังลูบท้ายทอยและหัวสีดำไปมา
หน้าผากจรดลงไปแนบหน้าผากใสอีกครั้งแล้วใช้สายตาในการปลอบโยน มินาโตะจึงยิ้มออกมาได้
เพลงที่อยู่ในซีดีหมุนเปลี่ยนไปเพราะตั้งเป็นแบบสุ่มเอาไว้
“Rumbling,
Rumbling, It’s coming Rumbling, Rumbling, BEWARE~~!!”
มือบางกับมือใหญ่ดึงหูฟังออกจากหูแทบไม่ทันเมื่อจู่ๆก็มีเสียงว๊ากตะโกนลั่นมาจากเพลง นี่มันเปลี่ยนอารมณ์ไวไปไหมเนี่ย?
“ฟุ ฮึๆๆ ฮ่าๆๆ” พวกเขาถึงกับหันหน้ามาหัวเราะด้วยกัน
ดูเหมือนนี่จะเป็นเพลงเปิดของอนิเมะเรื่องหนึ่งซึ่งเป็นแนวเพลงที่ห่างไกลตัวพวกเขามากๆ
…The Rumbling ของวง SIM คือชื่อที่ปรากฏขึ้นมาบนหน้าจอแสดงผล
ดวงตาสีม่วงเหลือบไปเห็นลิสรายชื่อเพลงภาษาอังกฤษเพลงหนึ่งซึ่งเขาเคยฟังมาก่อนและยังจำเนื้อหาของเพลงได้ดี
รอยยิ้มบางๆจึงปรากฏอยู่บนใบหน้าหล่อเหลา
“ฝึกภาษาอังกฤษกันหน่อยไหมมินาโตะ?” นิ้วยาวจิ้มเลือกเพลงนั้นไป
“เอ๋? ฉันฟังไม่รู้เรื่องทั้งหมดหรอกนะ”
ใบหน้ามนเอียงคอแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร
“งั้น…เดี๋ยวฉันจะแปลให้ฟัง” เขาลอบยิ้ม …Until You ของ Shayne Ward
เป็นชื่อที่ปรากฏขึ้นมาบนหน้าจอแสดงผล
[Baby,
life was good to me But you just made it better]
“ที่รัก...ชีวิตฉันที่ผ่านมามันก็ดีอยู่แล้ว และเธอก็เข้ามาทำให้มันดีขึ้นไปอีก”
แล้วแค่ประโยคแรกที่เสียงทุ้มแปลให้คนที่ยืนอยู่ข้างๆฟัง
แก้มใสก็ค่อยๆขึ้นสีแดงระเรื่อ พะเพลงนี้มัน…
[
I love the way you stand by me Throught any kind of weather]
“ฉันรักที่เธอมักยืนเคียงข้างฉันเสมอ...ไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์”
ดวงตาสีม่วงจ้องสบประสานเข้าไปในดวงตาสีเขียวใสอย่างไม่หลบเลี่ยงเมื่อเอ่ยประโยคถัดไป…ไม่รู้ว่านี่แค่แปลหรือจงใจจะบอกรักออกมากันแน่
รู้แต่ว่าตอนนี้สีแดงเริ่มลามขึ้นไปจนถึงใบหูบางแล้ว
[I
don't wanna run away Just wanna make your day When you feel the
world is on your shoulders]
“ฉันไม่อยากจะจากเธอไปไหน อยากจะอยู่ข้างๆคอยให้กำลังใจ
ในยามที่เธอรู้สึกเหนื่อยล้าอ่อนแรงจากปัญหาที่ต้องแบกรับ”
[It
feels like nobody ever knew me until you knew me]
“เหมือนกับว่า...ไม่เคยมีใครเข้าใจฉัน...เหมือนอย่างที่เธอเข้าใจ”
[Feels
like nobody ever loved me until you loved me]
“เหมือนกับว่า...ไม่เคยมีใครรักฉัน...ได้เท่ากับที่เธอรัก”
[Feels
like nobody ever touched me until you touched me]
“เหมือนกับว่า...ไม่เคยมีใครเข้าถึงหัวใจของฉันได้...อย่างที่เธอทำ”
[Baby...nobody,
nobody, until you]
“ที่รัก...ไม่มีใคร...ไม่มีใคร....จนกระทั่งผมได้เจอคุณ”
ร่างโปร่งบางเดินออกจากร้านซีดีด้วยใบหน้าแดงเถือก…สรุปก็ไม่ได้ซีดีเพลงที่อยากซื้อ
แต่ได้ความร้อนยิ่งกว่าไมโครเวฟมาแทน อ่า ดีเลย
เขาเดินฝ่าอากาศเกือบติดลบโดยไม่รู้สึกอะไรแล้วเนี่ย
ดวงตากลมใสตวัดไปมองใบหน้าหล่อเหลาที่อมยิ้มอย่างชอบใจที่ทำให้เขาเขินได้
ร้ายกาจจริงๆ!
แล้วในขณะที่เดินผ่านหน้าร้านขายเสื้อผ้าร้านหนึ่ง
ป้ายลดราคาที่แขวนไว้กับราวผ้าพันคอก็ทำให้แขนบางลากแขนแข็งแรงเข้าไปดูอย่างไม่รีรอ
นี่มันถูกมากเลยนะเนี่ย
ดวงตากลมใสกวาดมองผ้าพันคอหลากสีหลากสไตล์ที่เอามาลดราคา
มีทั้งที่เป็นผ้าขนฟูทั้งไหมพรม มีทั้งสีเรียบๆทึมๆที่ดูเหมาะกับพวกเขาอยู่ด้วย
มือบางจึงหยิบมันขึ้นมาทั้งไม้แขวนแล้วลองทาบกับคอของคนที่ยืนอยู่ข้างๆ
“สีนี้ก็ดีเนอะ? เหมาะกับนายมากเลยชู” ใบหน้ามนเอียงคอก่อนจะหยิบผืนต่อไปมาทาบอีก
ส่วนร่างสูงสง่าก็ได้แต่ยืนนิ่งๆเป็นหุ่นลองเสื้อให้
นัยน์ตาอ่อนโยนมองดูคนที่กำลังสนุกสนานกับการได้เลือกผ้าพันคอ เรื่องเล็กๆน้อยๆที่ได้ทำด้วยกันแค่นี้แต่มันกลับทำให้ใบหน้ายิ้มยากอยากจะยิ้มขึ้นมา
“อ่า อุ่นดีจัง แต่ผืนนี้ก็สีเรียบๆดี ส่วนอันนี้ก็ บลาๆๆ”
ร่างโปร่งบางตั้งใจเลือกจริงจังแต่ก็ดูเหมือนจะเลือกไม่ได้สักที
“งั้นก็เอาหมดนี่เลยแล้วกัน” เสียงทุ้มเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ
มือใหญ่ทำท่าจะรวบทั้งราวไปจ่ายเงินจนมือบางต้องรีบตะครุบตัวแล้วลากออกมาจากร้าน
“เดี๋ยวเถอะ นายจะซื้อไปเผื่ออีกสิบปีเลยหรือไงนะ ชูเนี่ย ฮะฮะฮะ”
ใบหน้ามนหัวเราะ สรุปแล้วก็ไม่ได้ผ้าพันคอแต่การได้เดินดูอะไรแบบนี้ด้วยกันมันกลับสนุกมาก
“ชู หิวไหม? แวะแม็คกันไหม?” เสียงนุ่มเอ่ยชวนเพราะรู้สึกหิวขึ้นมานิดๆ
“อื้ม เอาสิ” พวกเขาแวะเข้าไปในร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดที่กำลังจะเดินผ่าน
ร่างสูงสง่าเดินถือถาดใส่เบอร์เกอร์มายังโต๊ะที่อีกคนนั่งรออยู่
ดวงตากลมใสจ้องมองชูอย่างภาคภูมิใจ
ก็เดี๋ยวนี้ชูพัฒนาแล้วเพราะสั่งเองได้แล้วน่ะสิ
เมื่อก่อนเขาต้องเป็นคนสั่งให้เจ้าคนที่ไม่เคยเข้าร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดมาจนถึงม.ต้นปีสองคนนี้
“มินาโตะอยากลองชิมของฉันไหม? เป็นเมนูใหม่ที่มีเฉพาะช่วงนี้น่ะ”
เสียงทุ้มถามออกมาหลังจากนั่งลงที่ฝั่งตรงข้าม
“อื้ม ขอคำนึง” มือใหญ่จึงยื่นเบอร์เกอร์มาตรงหน้าเขา
ใบหน้ามนยื่นออกไปก่อนจะงับเบอร์เกอร์นั่นหนึ่งคำ
แต่ถึงจะไม่ใช่คำใหญ่อะไรทว่ากลับมีซอสไหลทะลักออกมา
ด้วยปฏิกิริยาอัตโนมัติลิ้นเล็กจึงแล่บเลียออกไปอย่างไม่ทันตั้งตัว แล้วความเปียกแฉะนั้นก็ไปแตะโดนนิ้วของชูเข้า…
“อ๊ะ! หกๆๆ” ไม่พอ
มือบางยังตะครุบมือใหญ่ให้ถือเบอร์เกอร์ดีๆแล้วตามไปเลียซอสที่ไหลลงไปตามง่ามนิ้วอีกทีสองที…
“ฟู่ว…เกือบไป เกือบเลอะมือนายแล้วเนี่ย
ถ้าไหลลงไปถึงแขนเสื้อสูทมันจะซักยากนะ” ใบหน้ามนถอนหายใจแต่ใบหน้าหล่อเหลากลับสตั๊นไปแล้ว
แก้มภายใต้ปรอยผมสีชาแดงขึ้นมานิดๆกับความไม่ตั้งใจแต่ก็ชวนให้ใต้แผ่นอกซ้ายแทบจะทะลุออกมา
มินาโตะนั่นแหละที่เกือบไป…
นัยน์ตาสีม่วงมองนิ้วของตัวเองก่อนจะสลับไปมองเบอร์เกอร์ของร่างบางที่กำลังถูกถือขึ้นมา
“ขอชิมบ้างได้ไหมมินาโตะ?”
“เอ๊ะ? ก็ได้อยู่หรอก แต่นี่มันก็เมนูปกตินะ?”
ถึงจะงุนงงแต่มือบางก็ยื่นเบอร์เกอร์ของตัวเองมาให้
แน่นอนว่าคุณชายฟูจิวาระไม่ได้สนใจเบอร์เกอร์ด้วยซ้ำ
ลิ้นร้อนตรงไปแล่บเลียนิ้วเล็กๆนั่นเฉย
“อ๊ะ?! ชู! เจ้าหมอนี่!” กว่านารุมิยะ มินาโตะจะไหวตัวทันก็ถูกเลียนิ้วไปอีกหลายที
มือบางยกเบอร์เกอร์หนีก่อนที่อีกมือจะยื่นไปบีบจมูกโด่งนั่นเบาๆ
“ฮะฮะฮะ” ชูหัวเราะออกมาด้วยสีหน้ามีความสุขและนั่นก็ทำให้เหล่าคนที่นั่งอยู่โต๊ะข้างๆถึงกับมองกันตาค้าง
อันที่จริงในร้านฟาสต์ฟู้ดช่วงเวลาแบบนี้แทบจะเป็นแหล่งรวมของเด็กนักเรียนมัธยมที่เพิ่งเลิกเรียนเลยก็ว่าได้
ทุกโต๊ะจึงมีเด็กวัยใกล้ๆกันนั่งเต็มไปหมด อีกทั้งยังมีเด็กนักเรียนเดินเข้าเดินออกไม่ขาดสาย
แน่นอนว่าเด็กมัธยมในเมืองนี้แทบจะรู้จักฟูจิวาระ
ชูเป็นอย่างดี
ถึงจะอยู่ต่างชั้นต่างโรงเรียนแต่ไม่ว่าจะที่ไหนอิทธิพลของตระกูลฟูจิวาระก็มักจะไปถึง
แล้วพอรู้จักเจ้าชายของคิริซากิคนนั้น ก็จะรู้จักนารุมิยะ
มินาโตะไปโดยปริยายเพราะมีรูปที่สองคนนี้อยู่ด้วยกัน
ไปแข่งด้วยกันที่ถูกแอบถ่ายมาลงตามโซเชียลให้เห็นบ่อยๆ
ตอนนี้เองก็เช่นกัน
ที่ทั้งรูปทั้งวีดีโอถูกโพสถามตามกระทู้ของโรงเรียนกันรัวๆว่า…ตกลงสองคนนี้คบกันอยู่หรือเปล่า?
เป็นแฟนกันเหรอ? ทำไมดูสนิทกันมากขนาดนั้น?
แล้วกลุ่มสาวๆในคิริซากิก็จะพยายามออกมาแก้ให้ทันทีว่าไม่ใช่แฟนหรอก
สองคนนี้แค่สนิทกันมาก เป็นแบบนี้มาตั้งแต่ม.ต้นแล้ว
เพราะไม่มีใครอยากจะทำใจยอมรับว่าเจ้าชายของตนมีเจ้าของหัวใจแล้ว
ความสัมพันธ์ของทั้งคู่จึงยังคลุมเครือต่อไป
เหมือนไม่ได้ปิดแต่ก็ไม่ได้เปิดซะทีเดียว
“กลับมาแล้วครับ~” ถึงจะรู้ว่าไม่น่าจะมีเสียงตอบรับเพราะพ่อน่าจะยังไม่กลับบ้านแต่เสียงนุ่มก็เอ่ยออกไปตามความเคยชินเมื่อเปิดประตูเข้ามา
“กลับมาแล้วครับ” นี่ก็เอ่ยตามด้วยความเคยชินเหมือนกันจนไม่รู้แล้วว่านี่มันบ้านใครกันแน่
มือบางวางกระเป๋าไว้บนโซฟาก่อนจะเดินไปยังเคาน์เตอร์ครัวเพื่อล้างมือ
“ชู กินข้าวอีกไหม? เดี๋ยวฉันทำอะไรให้กิน?”
ร่างโปร่งเอี้ยวตัวมาถามเพราะสองมือยังถูกันอยู่ในสายน้ำ
“ไม่ละ เบอเกอร์เมื่อกี้ยังจุกอยู่ที่คออยู่เลย” แล้วก็แทนที่จะรอให้เขาล้างให้เสร็จก่อน ชูกลับเดินมาประชิดติดแผ่นหลัง
ท่อนแขนแข็งแรงเอื้อมมาข้างๆก่อนจะยื่นมือเข้าไปในสายน้ำเช่นกัน
“ถูสบู่ด้วย” มือบางยื่นสบู่ให้
ไออุ่นจากร่างกายที่แนบชิดนั้นกลายเป็นความเคยชินไปแล้ว
“อื้ม” มือสองคู่พัวพันกันอยู่เหนืออ่างล้างจาน
เดี๋ยวมือบางจับมือหนาถูสบู่บ้าง เดี๋ยวมือหนาจับมือบางล้างน้ำให้บ้าง
เดี๋ยวมือบางหยิบผ้าเช็ดมือมาซับให้มือหนาบ้าง รู้ตัวอีกที
ในบ้านที่เคยหนาวเย็นก็เริ่มอุ่นขึ้นแล้ว
มือบางเก็บผ้าเช็ดมือไปแขวนไว้ที่เดิม
แต่ใบหน้าหล่อเหลากลับไม่ยอมละออกไปแถมยังวางปลายคางไว้บนไหล่บางอีก
สองแขนแข็งแรงยันเคาน์เตอร์ครัวกักขังร่างโปร่งเอาไว้ก่อนจะกระซิบที่ใบหูเบาๆ
“มินาโตะ…ขอทำได้ไหม?” สองแก้มจึงร้อนผ่าวขึ้นมาทันที เขานิ่งคิด
จะว่าไปก็ไม่ได้ทำมาหลายวันแล้วเพราะพ่อกลับบ้านไว แต่วันนี้ดูเหมือนจะทำโอทีเลยส่งข้อความมาบอกเขาว่าจะกลับช้าหน่อย
“อื้ม” ใบหน้ามนจึงพยักเบาๆ
มือที่จับมือเขานั้นร้อนชื้นขึ้นเล็กน้อยเหมือนชูเองก็กำลังตื่นเต้น
ขาทั้งสองคู่ก้าวตามกันขึ้นบันได ไฟหน้าห้องถูกเปิดเอาไว้แต่ภายในห้องของเขากลับมืดสนิท
มีเพียงแสงไฟถนนที่สาดส่องเข้ามาและภาพที่มองเห็นท่ามกลางความมืดนั้นก็ชวนให้ใจเต้นตึกตัก
ชูผลักเขานอนหงายลงกับเตียง
สองขาแข็งแกร่งก้าวคร่อมลงมาบนลำตัวของเขา
ความแข็งแรงของมันกลายเป็นปราการเหล็กที่กักขังเขาเอาไว้ในนั้น
ลมหายใจของชูกลายเป็นไอสีขาว
ในขณะที่ดวงตาหลุบต่ำคู่นั้นกำลังมองไล่ไปตามเรือนร่างที่อยู่ข้างใต้
มือใหญ่ดึงเนคไทลายทะแยงสีส้มเหลืองออกจากคอด้วยท่าทางที่ทำให้เขาถึงกับลอบกลืนน้ำลาย
ก็ชูในเวลานี้ดูหิวกระหาย
ดูอันตราย ดูเป็นผู้ชาย ดูจะต่อต้านสัญชาตญาณดิบของตัวเองไม่ไหวแล้ว
เนคไทเรียบลื่นถูกทิ้งลงที่ข้างเตียง…
ก่อนที่มือสะอาดสะอ้านแต่กลับเต็มไปด้วยเส้นเลือดคู่นั้นจะค่อยๆปลดกระดุมกักกุรันของเขาออกช้าๆ
ค่อยๆดึงเนื้อผ้าสีดำนั่นออกจากไหล่ ค่อยๆดึงมันออกจากปลายแขน…แล้วโยนมันไว้ที่เก้าอี้สักตัวในห้อง
เดี๋ยวเถอะ
เขาไม่ได้มีกักกุรันห้าตัวเหมือนที่ชูมีสูทของคิริซากิครบทั้งห้าวันหรอกนะ
อย่าทำยับสิ
แต่ดวงตาสีมรกตก็ทำได้แค่ส่งสายตาดุๆไปให้
เพราะตอนนี้ชูกำลังนั่งคุกเข่าแล้วดึงต้นขาของเขาขึ้นไปเทินไว้บนต้นขาของชู
มือใหญ่ปลดตะขอกางเกงของเขาก่อนจะรูดซิปลงอย่างใจเย็น
เขาที่เห็นทุกอย่างและรู้ว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้นสองแก้มจึงร้อนผ่าว ลมหายใจกลายเป็นไอสีขาวจากความร้อนที่ระบายออกไป
กางเกงสแลคสีดำถูกรูดออกจากปลายขาทั้งสองข้างด้วยมือของชู
ถึงใบหน้าหล่อเหลานั่นจะยังนิ่งเฉยไม่เปลี่ยน
แต่รอยแดงเล็กๆบนแก้มก็บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าชูเองก็กำลังรู้สึกอยู่เหมือนกัน
นิ้วยาวค่อยๆปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของเขาออกทีละเม็ด…ทีละเม็ด…
ไม่รู้ว่าทำไม
แต่การกระทำพวกนี้กลับกระตุ้นเร้าพวกเขาจนทั้งตัวเริ่มร้อนผ่าว
ผิวกายกลายเป็นสีชมพู ชูเองก็ดูจะทนไม่ไหว
ร่างสูงสง่าจึงโน้มตัวลงมาก่อนจะกดริมฝีปากลงที่ซอกคอของเขา
“อื้อ~” กลีบปากที่นุ่มหยุ่นกดจูบลงไปบนผิวเนื้ออ่อนๆ
จูบแล้วจูบอีก ซุกไซร้อยู่ที่ซอกคอจนเขาต้องหันหน้าไปอีกทาง
ความร้อนจากลมหายใจและแรงกดจากริมฝีปากปลุกความต้องการที่เคยหลับใหลให้ค่อยๆตื่นขึ้นมาจนเขาเผลอหลับตาลงอย่างเคลิบเคลิ้ม
มือใหญ่ของชูร้อนเป็นไฟ
และตอนนี้มันก็กำลังลูบจากสะโพกไปที่แผ่นหลัง ชูดึงรั้งเอวของเขาขึ้นมาจนหน้าท้องแนบชิดไปกับสูทสีน้ำตาลที่ยังอยู่ครบ
เนื้อผ้านุ่มลื่นนั่นชวนให้รู้สึกเซ็กซี่ยังไงก็บอกไม่ถูก
“อื้อ” เสียงครางดังออกไปจากลำคอเบาๆ
ชูยังคงกดจูบอยู่ที่ซอกคอราวกับจูบเท่าไหร่ก็ยังไม่พอ
ริมฝีปากที่กดลงมามันชัดเจนมาก ฝ่ามือที่ลูบไล้ลงไปยังก้นของเขาก็ชัดเจนมากเช่นกัน
ชูไล่ริมฝีปากมาที่ปลายคางทำให้เขาต้องเงยหน้าขึ้นก่อนจะหันอีกฝั่งให้เมื่อชูย้ายไปซุกไซร้ที่ซอกคออีกข้าง
ทุกการกระทำมันทำให้ลมหายใจติดขัด และทุกครั้งที่ริมฝีปากจูบย้ำลงมา
ฝ่ามือก็บังคับให้ช่วงล่างขยับโยกเป็นจังหวะเดียวกัน
มันอีโรติกจนเขาร้อนไปทั้งตัวแล้วตอนนี้
ชูละออกไปพร้อมด้วยลมหายใจหนักหน่วง
ไอสีขาวฟุ้งกระจายไปหมดอย่างไม่รู้ว่ามาจากเขาหรือชูกันแน่
ใบหน้านิ่งยังคงจ้องมองลงมา มองเขาไม่วางตาในขณะที่มือใหญ่ก็ปลดสูทสีน้ำตาลออกจากไหล่
มันถูกโยนไว้สักที่บนพื้น
ลมหายใจยังคงถูกพ่นออกมาเป็นไอขาว
ใบหน้าเฉยชายังคงไม่ละสายตาไปจากหน้าเขา
ชูค่อยๆปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของตัวเองออกทีละเม็ด ทีละเม็ด ทั้งสีหน้า ทั้งสายตา
มันเซ็กซี่จนเขาแทบจะกระชากคอเสื้อชูลงมาจูบเลยจริงๆ
เสื้อเชิ้ตไม่ได้ถูกถอดออก
แต่รอยแหวกก็ทำให้มองเห็นกล้ามหน้าท้องที่ชวนให้กลืนน้ำลาย ชูหุ่นดีขึ้นเรื่อยๆ
กล้ามทุกมัดก็ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะลอนทั้งหกบนหน้าท้อง
อาจจะเป็นเพราะชูมีสายเลือดของชาวตะวันตกอยู่ในตัวด้วยละมั้งที่ทำให้โครงร่างใหญ่กว่าเด็กญี่ปุ่นทั่วไปอย่างเขา
เวลากอดมาทีเลยแทบจะจมหายไปในอก…
แกร่ก…
เสียงปลดเข็มขัดกางเกงก็ยิ่งทำให้ปั่นป่วนอยู่ข้างใน
ชูดึงสายหนังอย่างดีนั่นออกจากเอวก่อนจะหย่อนมันลงที่พื้น
ตะขอกางเกงถูกปลดคาไว้แค่นั้น
ชูไม่จำเป็นต้องถอดกางเกงเหมือนเขา
ยิ่งทำกันในช่วงเวลาเสี่ยงที่พ่อจะกลับมาแบบนี้ด้วย… ถอดเท่าที่จำเป็นจึงดีกว่า
ถึงเขาจะมั่นใจว่าพ่อรู้เรื่องของเขากับชูอยู่แล้วก็เถอะ
แป่ก
ฝาเจลหล่อลื่นถูกเปิดออกและเจลใสๆก็ไหลลงไปตามนิ้วที่เรียวยาวของชู
ดวงตาสีม่วงมองมันอย่างเฉยชาก็จริงแต่รอยยิ้มบางๆที่ฉาบไล้อยู่บนใบหน้าของชูก็ทำเอาเขาอยากจะหยิบหมอนขึ้นมากดหน้าตัวเองหนีอายไปซะจริงๆ
นิ้วลื่นๆนั่นค่อยๆสอดเข้ามาและมันก็ทำให้เขาเผลอหลับตาจนหัวคิ้วขมวดมุ่น
จุ๊บ
ชูจูบเขาเบาๆบนหน้าท้องแบนเรียบราวกับกำลังปลอบโยน
แต่จูบนั้นก็ทำให้ทั้งหน้าร้อนผ่าวอีกครั้งเมื่อดวงตากลมใสเปิดขึ้นไปมอง
จุ๊บ
จุ๊บ จุ๊บ จุ๊บ
ชูจูบไล่ขึ้นมาตามแนวกลางลำตัว
เขามองหัวสีชานั้นด้วยดวงตาสั่นพร่า
ส่วนอ่อนไหวที่อยู่กลางหว่างขาค่อยๆตื่นขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
“อื้อ~” ยอดอกข้างหนึ่งถูกปลายลิ้นร้อนแล่บเลียเบาๆ
ชูเลียมันอย่างเนิ่บช้า ทว่ามันรัญจวนใจสุดๆ
ยิ่งประกอบสายตาที่มองเสยขึ้นมา ไอสีขาวก็ทะลักออกจากปากเขาพร้อมกับเสียงครางอย่างห้ามไม่อยู่
“อ้า~” ลิ้นเปียกแฉะยังคงเลียอยู่ที่เดิม
เลีย…ก่อนจะขบกัดมันเบาๆ ดูดดึง…แล้วเลียซ้ำ
“อะ อ้า ชู~” เขาถูกล่อลวงจากเรียวลิ้นนั่นทำให้เบื้องล่างเผลอคลายออก
จนนิ้วที่สามสอดใส่เข้ามาได้
เสียงแจ๊ะๆดังอย่างน่าอายทำให้เขาต้องยกแขนขึ้นมาปิดหน้าเอาไว้
“อย่าปิดหน้าสิมินาโตะ ฉันอยากมองหน้านาย” แต่มือใหญ่ก็เอื้อมมาดึงแขนเขาออกไป
ใบหน้าหล่อเหลาขยับขึ้นมามองเสยใกล้ๆ
ชูจ้องมองหน้าเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยอารมณ์ ถึงจะดีใจที่ถูกมองด้วยสายตาแบบนี้แต่มันก็อายนี่
จุ๊บ
ชูจูบเขาที่ริมฝีปากเพื่อป้องกันเขายกแขนขึ้นมาปิดหน้าอีก
เรียวลิ้นค่อยๆสอดแทรกเข้ามาก่อนจะเกี่ยวพันนัวเนียกับลิ้นของเขา มันเชื่องช้าไม่ได้เร่งเร้า
แต่กลับเป็นจูบที่ทำเอาละออกจากกันได้ยากและอยากจะจูบกันแบบนี้ไปตลอดกาล
ใบหน้าหล่อเหลายอมละออกไปพร้อมกับไอสีขาวคละคลุ้งไปทั่ว
ชูหอบหายใจหนักหน่วงและน่าจะอดทนจนถึงขีดสุดแล้ว
“อื้อ~” ปลายนิ้วที่ชักเข้าชักออกอยู่เบื้องล่างจึงถอนออกไปให้เขารู้สึกเสียววาบไปทั่วหน้าท้อง
มือใหญ่ค่อยๆดึงความเป็นชายที่ขยายเต็มที่ออกมาจากกางเกงชั้นในสีดำ
ชูมองดูมันพร้อมกับลมหายใจหนักๆ เขาเองก็มองดูมันพร้อมกับกลืนน้ำลายเช่นกัน
เห็นทีไรก็อยากจะเป็นลมทุกที
บางครั้งก็สงสัยนะว่ามันเข้ามาอยู่ในตัวเขาได้ยังไง
ใหญ่อย่างกับไม้เบสบอลขนาดนั้น…
“จะเข้าไปแล้วนะมินาโตะ” เสียงทุ้มเอ่ยบอกในขณะที่จ่อปลายเรียบลื่นเอาไว้กับปากทางร้อนระอุ
ใบหน้ามนพยักหน้าพร้อมกับหลับตาแน่น
“กอดฉันไว้สิ หื๋ม” ชูโน้มตัวลงมาจูบที่ขมับของเขาเบาๆ
เบื้องล่างเองก็ค่อยๆสอดใส่เข้ามาช้าๆ สองแขนบางจึงเอื้อมออกไปกอดแผ่นหลังที่ยังอยู่ในเสื้อเชิ้ตชุดนักเรียนของชูไว้เพื่อระบายความคับแน่นภายใน
“อึก อื้อ~” หน้าท้องที่บดเบียดจนแนบชิดช่วยผ่อนปรนความรู้สึกแน่นไปได้บ้าง
ผนังภายในที่ถูกเตรียมไว้อย่างดีพร้อมกับเจลหล่อลื่นก็ทำให้ชูกดตัวเข้ามาได้อย่างต่อเนื่อง
แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นเขาก็ต้องตั้งสติให้ดี
เพราะมันใหญ่มาก มันแน่นมาก มันทำให้ทุกพื้นที่เต็มไปด้วยความรู้สึกดี
จนมีไม่น้อยที่เขาถึงกับปลดปล่อยออกไปทั้งๆที่ยังสอดเข้ามาไม่หมดด้วยซ้ำ
“อ๊ะ อ้า…” เขาเงยหน้าหอบหายใจ
ท่อนแขนของชูกอดเขาไว้ทั้งตัว ริมฝีปากเองก็พรมจูบอยู่ที่ซอกคอไล่ไปจนถึงขมับ
บางครั้งก็จูบซับมาที่ริมฝีปาก ร่างกายแทบจะหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน
“ฮ้า~” เขาถึงกับครางออกไปเมื่อในที่สุดชูก็เข้ามาจนหมด
ร่างกายสั่นน้อยๆ ยังดีที่ชูพักให้เขาได้หายใจหายคอ
ถึงชูจะแทบทนไม่ไหวแต่ชูก็ยังใส่ใจเขาอยู่เสมอ
อ่อนโยน…กับเขาเสมอ
“ฉันรักมินาโตะนะ”
และมักจะบอกรัก…กับเขาเสมอ
“อื้อ ฉันก็รักนาย ขยับเถอะ ชู” และเมื่อเขาอนุญาต
ชูก็เริ่มขยับทันที
สวบ
ชูขยับสะโพกอย่างเชื่องช้าราวกับว่าต้องการจะซึบซับทุกอณูที่อยู่ในร่างกายเขา
ทุกส่วนที่เสียดครูดซึ่งกันและกัน สัมผัสซึ่งกันและกัน ชูอยากจะรับรู้มันทั้งหมด
“แน่นดีจัง มินาโตะ” เสียงทุ้มแหบพร่ากระซิบอยู่ที่ใบหู
ชูยังคงกดจูบคลอเคลียจนเส้นผมพันกันไปหมด
“อ่ะ อา…” นอกจากสะโพกที่ขยับตามจังหวะของชูแล้ว
เสียงครางก็เป็นเพียงอย่างเดียวที่เขาเอ่ยออกไปได้
ทุกครั้งที่ความเป็นชายของชูสอดใส่เข้ามา ในหัวเหมือนจะถูกกระแทกจนขาวโพลนไปหมด
ยิ่งมันเข้ามาลึกเท่าไหร่
ขยับโดนผนังที่อยู่ลึกสุดภายใน ทั้งลำไส้ก็จะเสียววาบไปหมด
“อะ อ้า ชู~” เขาครางไม่เป็นภาษา
หน้าเน้อแดงไปหมด
ท่อนแขนต่างกอดร่างกายของกันและกันไว้แน่นต่อให้เบื้องล่างจะขยับรุนแรงแค่ไหน
“อื้อ?! อ้า!” ดูเหมือนชูจะหาจุดกระสันของเขาเจอจนได้
ร่างกายใหญ่โตนั่นจึงจงใจกระแทกใส่มันไม่หยุด
“ชู อย่า~ อ้า~” เพราะมันเสียวมาก
รู้สึกดีมาก เขาจึงอยากจะให้ชูหลีกเลี่ยงมัน เพราะเขากำลังจะทนไม่ไหวแล้ว
“หึ” แต่เจ้าคนขี้แกล้งกลับหัวเราะชอบใจที่ได้เห็นเขาทรมาน
ชูยังขยับโยกใส่จุดนั้นไม่แผ่ว
“อ๊า ชู หยุดนะ อ๊า~” เสียงครางจึงดังระงมไปทั่วห้อง
เขาจะตายแล้ว รู้สึกดีจนจะตายให้ได้แล้ว!
“อ๊ะ อ๊า~~!!” ท้องน้อยเสียววาบก่อนจะปลดปล่อยออกไป
ความสุขสมพลุ่งพล่านอยู่ภายในแต่น้ำรักสีขาวขุ่นกลับสาดกระจายเต็มหน้าท้อง
“อะ แฮ่ก…แฮ่ก…แฮ่ก….”
เขาหอบจนตัวโยน
แรงบีบรัดอย่างไม่ได้ตั้งใจทำให้ชูถึงกับกัดฟันแน่น
แต่ถึงกระนั้นชูก็ยังไม่ได้ปลดปล่อยออกมา
ก็บอกแล้วไงว่าชูเป็นพวกหลั่งช้า
บางครั้งก็ใช้เวลาเป็นชั่วโมงๆกว่าจะเสร็จได้
“อื้อ?” จู่ๆมือใหญ่ก็พลิกร่างกายของเขาให้นอนคว่ำ
ก้นที่กระดกขึ้นไปดูเหมือนจะอยู่ในตำแหน่งที่พอดิบพอดี
สิ่งที่สอดคาอยู่ข้างในจึงกระแทกกลับมาตามเดิม
“อึ้ก?!” รู้สึกว่าก้นของเขาแนบไปกับโคนขาและหน้าท้องของชู
แกนกายของเขาก็เสียดสีไปกับผ้าปูที่นอนจนสิ่งที่เพิ่งปลดปล่อยไปหยกๆกลับเริ่มตื่นตัวขึ้นมาอีกครั้ง
อ้า…นี่มัน…
สวบ…
ชูกระแทกกายเข้ามาแรงๆทำให้ไหล่ที่อยู่ในเสื้อเชิ้ตสั่นระริก
ชูดึงคอเสื้อเขาลงมาจนมันหลุดจากไหล่แล้วแนบผิวกายของตัวเองลงไปเท่าที่จะแนบได้
ทั่วทั้งแผ่นหลังของเขาจึงเหมือนถูกมัดกล้ามของชูโอบกอดเอาไว้
ชูกอดเขาแน่นจนแทบจะไม่มีช่องว่างหลงเหลืออยู่
อุณหภูมิจากผิวกายของชูทำให้รู้สึกดีมาก
ดีสุดๆ
“อ๊ะ” ฝ่ามือใหญ่สอดเข้ามาด้านใต้ก่อนจะดึงรั้งหน้าท้องของเขาขึ้นไปให้รับแรงกระแทกได้พอดี
มันจงใจกดลงไปบนส่วนที่สอดใส่เข้ามาจนท้องน้อยเสียวซ่านไปหมด
“อื้อ ชู~” เขาซุกใบหน้าไว้กับหมอน
ทั่วทั้งร่างสั่นสะท้านไปหมดจากแรงกระแทกอย่างหนักหน่วงเบื้องหลัง
ชูขยับโยกอีกสองสามทีก่อนที่จู่ๆก็ดึงความเป็นชายนั้นออกไป
“?”
เขาสงสัยได้ไม่ถึงวินาทีร่างทั้งร่างก็ถูกชูดึงขึ้นไปนั่งอยู่บนตัก
“ยังไงฉันก็ชอบมองหน้ามินาโตะเวลาทำมากกว่าจริงๆนั่นแหละ”
หว๋า~ ทำไมพูดเรื่องน่าอายแบบนี้ออกมาหน้าตาเฉยได้เนี่ย~
“อ๊ะ!” ดวงตากลมใสจำต้องปิดไปข้างหนึ่งเมื่อจู่ๆชูก็สอดใส่แท่งเนื้อขนาดใหญ่นั่นเข้ามาในช่องทางที่ฉ่ำเยิ้มของเขา
สองแขนตวัดไปกอดคอของชูไว้เพื่อเป็นหลักยึดในทันที
ชูเงยหน้าขึ้นมาก่อนจะไล้เลียลิ้นร้อนมาที่ริมฝีปากสีระเรื่อ
แล้วเขาแค่เผยอออกเพียงนิดเดียวลิ้นสีแดงนั่นก็สอดแทรกเข้ามาทันที
“อื้ม” เขาปล่อยให้ลิ้นเอาแต่ใจนั่นเข้ามาพันพัว
แพขนตาปิดแนบแก้มใสปล่อยให้ชูจูบเขาต่อไป ในขณะที่มือใหญ่ก็บีบรั้งสะโพกมนให้ขย่มโยกเข้าใส่ความเป็นชายของตัวเอง
ช้าๆ เน้นๆ ค่อยๆเป็นจังหวะที่สอดรับกันทั้งร่าง
“อื้อ~” ปลายลิ้นที่ถูกดูดดึงทำให้ภายในเผลอบีบรัดไม่รู้ตัว
และนั่นมันก็ทำให้ชูถึงกับหน้าแดงก่ำ
“ฮู่ว…” ชูพ่นลมหายใจร้อนระอุออกมาก่อนจะย้ายริมฝีปากไปกดจูบสูดดมที่ซอกคอของเขา
มือใหญ่กดสะโพกมนเร็วและแรงขึ้นอีกจนเขาร้องครวญคราง
“อะ อ๊า ชู~ ฉัน ใกล้ อ๊า” ชูเองก็น่าจะใกล้ถึงเต็มทีดูจากมือที่ขยับตัวเขาขึ้นลงถี่ยิบ
ชูกดเขานอนลงบนพื้นเตียงในชั่วพริบตา ร่างสูงคุกเข่าแล้วดึงรั้งสะโพกเขาขึ้นมาให้รับแรงกระแทกสิบครั้งในหนึ่งวินาทีนั่นได้ถนัดยิ่งขึ้น
ลึกยิ่งขึ้นจนเขาถึงกับคิดอะไรไม่ออกแล้ว
ทั้งหัวทั้งตัวโยกคลอนจนทุกอย่างขาวโพลนไปหมด
สุขสมอย่างกับอยู่บนสวรรค์แต่ก็ทรมานแทบขาดใจเหมือนอยู่ในนรกอันหอมหวาน
แล้วในจังหวะสุดท้ายที่ชูดึงออกไปจนสุดก่อนจะกระแทกกายกลับเข้ามาด้วยความหนักหน่วง
สองแขนแข็งแรงก็คว้าตัวเขาไปกอดไว้แนบแน่น
“อ๊า~~!!” เขาร้องออกไปพร้อมกับความต้องการที่พุ่งทะยานสูง
ชูฝังร่างของตัวเองเอาไว้ในตัวเขา ฝังใบหน้าเอาไว้ที่ไหล่เขา ฝังรอยจูบ…เอาไว้ที่ซอกคอเขา
“อา…แฮ่ก…แฮ่ก…”
เขาหอบหายใจด้วยดวงตาเหม่อลอย ดีสุดๆ...
ชูยังไม่ยอมถอนความเป็นชายออกไปนั่นทำให้เขาอึดอัดไม่ใช่น้อย
ขนาดปลดปล่อยแล้วก็ยังแน่นอยู่เลย
“ชู…” เสียงนุ่มเอ่ยเว้าวอน
คนที่ฝังใบหน้าอยู่ที่ซอกคอจึงยอมค่อยๆละออกมา
“อยากทำอีกจัง…ขออีกรอบไม่ได้เหรอ?”
ชูอ้อน
“ไม่ได้แล้ว เดี๋ยวพ่อกลับมา ไว้วันหลังนะ” ชูมองเขาอย่างครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งก่อนจะถอนหายใจแล้วยอมพอแค่นี้แต่โดยดี
เพราะยังไงเวลาชูขอมีอะไรด้วยเขาก็ไม่เคยปฏิเสธอยู่แล้ว
ชูยอมถอนกายออกไป
แล้วน้ำรักเหนียวหนืดที่เชื่อมต่อระหว่างส่วนปลายของชูกับปากช่องทางที่แดงจัดของเขาก็ทำให้อยากจะยกมือขึ้นมาปิดหน้า ทำไมมันดูลามกแบบนี้เนี่ย~ เหมือนจะไหลออกมาด้วย อ๊า~
“มินาโตะ น่ารัก…” ชูขยับมาจ้องหน้าเขาในระยะประชิดเดือดร้อนมือบางต้องยันใบหน้าเจ้าเล่ห์นั่นออกไป
ชูหัวเราะอย่างอารมณ์ดีก่อนจะหยิบทิชชูมาเช็ดอะไรต่อมิอะไรให้
มือใหญ่ค่อยๆติดกระดุมเสื้อเชิ้ตกลับให้เขาก่อนจะหันไปแต่งตัวให้ตัวเอง
เขานอนมองชูที่หัวยุ่งหน่อยๆ มองชูที่ไม่ได้เอาชายเสื้อเชิ้ตใส่ในกางเกง
ไม่ได้สวมเข็มขัดแต่กลับถือมันไว้ในมือ
ไม่ได้ผูกเนคไทแถมยังปลดกระดุมคอเสื้อจนถึงเม็ดที่สอง ไม่ได้ติดกระดุมเสื้อสูทแต่กลับปล่อยให้มันหลุดรุ่ย ใบหน้ามนอมยิ้มอย่างชอบใจ ก็ชูที่มีสภาพไม่เนี้ยบแบบนี้…จะเห็นได้เฉพาะตอนหลังจากที่มีอะไรกับเขาเท่านั้นแหละ
“ยิ้มอะไรน่ะ?” ชูหันมาถามด้วยความสงสัย
“เปล่า” เขาปฏิเสธทั้งรอยยิ้มและนั่นก็คงจะทำให้ชูหมั่นเขี้ยวขึ้นมา
ร่างสูงสง่าจึงตรงมาที่เตียงก่อนจะโน้มตัวลงมาหา
ริมฝีปากร้อนกดจูบลงบนกลีบปากของเขาเบาๆ
ก่อนจะพลิกไปจูบที่ซอกคอ แล้วพอเขาเผลอ
“อ๊ะ?! ชู!” คมเขี้ยวของเจ้าตัวชูก็งับต้นคอเขาจนเป็นรอยฟันเรียงสวย…อีกแล้วเหรอ~!
“ฉันกลับก่อนนะ” เขาฮึ่มๆใส่คนที่ตีเนียนไม่รู้ไม่ชี้แล้วจุ๊บมาที่ปากเขาเบาๆ
“ลุกอาบน้ำก่อนนอนด้วยนะมินาโตะ อย่าลืมเอาออกให้หมด เดี๋ยวจะปวดท้องเอา”
ชูหันมายิ้มก่อกวนก่อนจะเดินออกจากห้องไป ปัดโธ่~ ถ้างั้นก็อย่าทิ้งไว้ให้เขาต้องลำบากเก็บกวาดสิ! เจ้าหมอนี่!
ใบหน้ามนฟึดฟัดก่อนจะคว้าหมอนมากอดเอาไว้
ได้ยินเสียงรถยนต์ที่มารอรับชูแล่นออกไป ข้างในกายยังรู้สึกเหนียวเหนอะหนะไปหมด
ยังรู้สึกว่าชูยังอยู่ตรงนี้ไม่ไปไหน
กลิ่นของชูก็ยังอยู่
เขากอดหมอนพร้อมกับสูดดมเบาๆ ชูทิ้งร่องรอยของตัวเองเอาไว้ที่ตัวเขาเต็มไปหมด
แล้วหนึ่งในนั้นก็คือ…
“นารุมิยะน่ะเหรอ?” เสียงพูดคุยของเพื่อนสักคนในห้องดังขึ้น
“น่าจะมีแฟนแล้วนะ? ก็หลังๆมานี้น่ะ
ชอบมีรอยแปลกๆที่คอมาให้เห็นเป็นประจำเลย ตอนแรกก็คิดว่าคงจะไปโดนยุงหรือแมลงกัดมา
แต่ว่ามันดันมีรอยฟันกัดมาด้วยนี่สิ เลยคิดว่าไม่ใช่แล้ว”
“แต่ที่พีคคือมีคนอกหักเพี้ยบ แล้วก็ดันมีทั้งผู้หญิงทั้งผู้ชายเลยด้วย
เจ้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำชมรมยิงธนูนั่นจริงๆแล้วฮ็อตน่าดูเลยละ”
“แฟนนารุมิยะเป็นใคร? ไม่มีใครรู้หรอก
เหมือนจะอยู่คนละโรงเรียน ส่วนคนที่น่าจะรู้อย่างทาเคฮายะก็ถามเรื่องนี้ไม่ได้เลย
สภาพหมอนั่นเหมือนจะถือเลื่อยไฟฟ้าไปสับคอคนที่บังอาจแย่งนารุมิยะไปเลยละ
น่ากลัวจนไม่มีใครกล้าถามเลย”
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
Story
never End
ตอนนี้ก็ไม่มีไรมากค่ะ
แค่อยากเขียนเกี่ยวกับเดตหลังเลิกเรียนให้สมกับที่ยังเป็นนักเรียนอยู่บ้าง5555 หลังจากผ่านความเว่อร์วังอลังการของคุณชายชูมาหลายตอน
มาดูชีวิตในวันธรรมดาๆตามประสาเด็กม.ปลายกันบ้าง อุงื้อ >/////< แล้วเพลง Until you นี่ก็ตามตูไปมันทุกฟิคจริงๆ55555
ก็แบบนึกไรไม่ออก แล้วก็ชอบอ่า
ถึงขนาดตั้งเป็นเสียงเรียกเข้าโทสับเลยนาคะเพลงนี้ (จะตั้ง BEWARE!!!มันก็จะตกอกตกใจกันเกินไป555)
แปะลิ้งค์สามเพลงที่ถูกพูดถึงในฟิคตอนนี้สักหน่อย
ขอบคุณสำหรับคำแปลมากๆเลยนะคะ
ขอบคุณทุกๆคอมเม้นต์
ทุกๆหัวใจ ทุกๆการติดตาม และทุกๆโดเนทมากๆๆนะคะ แล้วเจอกันตอนหน้าน้า
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น