Tsurune. One-Shot.Fic [Shuu x Minato] หรือรักเรียกหา : 29 : END

 Tsurune. One-Shot.Fic [Shuu x Minato]   หรือรักเรียกหา : 29 : END

 

: Tsurune ; kazemai koukou kyudou-bu Short Fanfiction 

: Fujiwara Shuu x Narumiya Minato

: Warmhearted

: NC-17

  

คำเตือน : เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ    

  

 

ร่างโปร่งบางในชุดกักกุรันของนารุมิยะ มินาโตะนั่งพ่นควันสีขาวออกจากปากในขณะที่รอฟูจิวาระ ชูอยู่ที่ม้านั่งในสวนสาธารณะใกล้ๆกับที่เรียนพิเศษของร่างสูง

 

เปล่าหรอก เขาไม่ได้สูบบุหรี่แต่ไอพวกนี้คือสิ่งที่บ่งบอกว่าตอนนี้อยู่ในฤดูหนาวแล้วต่างหาก

 

อากาศที่เย็นจัดทำให้ทุกอย่างดูขมุกขมัวไปหมด ทั้งไฟถนนที่โดนหมอกจางๆบดบัง ทั้งตึกรามบ้านช่องที่ดูเป็นสีเทาๆ ทั้งผู้คนที่เดินหดคออยู่ในผ้าไหมพรมผืนหนา ทั้งเรียวขาในรองเท้าบูทที่เดินอย่างรีบเร่งเพื่อหนีความหนาวเย็นพวกนี้

 

“ฟู่ว~

 

ริมฝีปากสีแดงพ่นควันออกไปเพราะไม่มีอะไรทำ น่าจะอีกสิบนาทีได้กว่าชูจะเรียนพิเศษเสร็จ เขามาไวไปหน่อย แต่ก็นั่นแหละ การอยู่กับเพื่อนในห้องที่คุยแต่เรื่องที่เขาไม่รู้จักมันไม่สนุกเท่าการมานั่งรอชูแบบนี้นี่นา

 

พอดีว่าวันนี้เขาต้องออกมาซื้อของเพื่อทำงานกลุ่ม เพื่อนๆเลยชวนกันไปคาราโอเกะต่อ แล้วในขณะที่กำลังลังเลว่าจะไปดีไหม ชูก็ส่งข้อความมาชวนให้กลับบ้านด้วยกันกำลังจะเรียนเสร็จแล้ว เขาจึงเลือกชูอย่างไม่มีลังเล

 

“ฟู่วๆ”

 

ทำยังถึงพ่นควันออกไปเป็นวงได้กันนะ? เขาเคยเห็นในทีวี

 

“อืม...”

 

แต่พอได้นั่งมองไอที่ลอยออกไปจากปาก...จู่ๆก็นึกถึงจูบแรกขึ้นมา

 

จูบแรกที่เขาเกือบจะลืมไปแล้วด้วยซ้ำ

 

ไม่สิ เขาไม่แน่ใจต่างหากว่านั่นมันคือจูบในเชิงนั้นได้หรือเปล่า เขาเลยแทบไม่เคยนับว่ามันเป็นจูบแรก

 

ตอนนั้นมันเป็นช่วงไหนกันนะ?

 

ม.ต้นปีสอง? ไม่สิ ปีหนึ่งเลยต่างหาก

 

นั่นสินะ เขายังเด็กมาก เด็กจนแยกไม่ออกว่ามันเป็นจูบแบบไหนกันแน่?

 

แล้วตอนนั้น

 

เขาก็ยังเป็นเพียงเด็กชายที่เพิ่งเสียแม่ไปได้ไม่นานด้วย

 

ถึงแม้ในสายตาของคนอื่นๆ  เขาจะดูเหมือนทำใจได้แล้ว ค่อยๆกลับมายิ้มกลับมาใช้ชีวิตตามปกติได้แล้ว ดูเหมือนจะไม่คิดอะไรแล้ว

 

แต่สำหรับตัวเขา ทุกวันมันยังผ่านไปได้อย่างยากเย็น

 

ยังมีเรื่องมากมายที่เขาอยากจะบอกแม่ อยากเล่าให้แม่ฟัง โดยเฉพาะเรื่องของธนูกับชู...

 

เพราะการไปเรียนกับอ.ไซออนจิยังเป็นความลับระหว่างเขากับแม่อยู่ เขาจึงไม่เคยเล่าให้แม่ฟังเลยว่าเขามีเพื่อนที่ยอดเยี่ยมอย่างชูอยู่

 

แม่ยังไม่เคยรู้จักชู แม่ยังไม่รู้ว่าชูมีตัวตนที่ชัดเจนขนาดไหนในหัวใจดวงน้อยๆของเขา

 

ใบหน้ามนเงยขึ้นไปมองท้องฟ้าสีเทาอย่างเหม่อลอย เกล็ดสีขาวของหิมะเกล็ดหนึ่งร่วงหล่นลงมาบนใบหน้า ไอสีขาวที่พ่นออกไปยังคงทำให้นึกถึงวันนั้นขึ้นมา

 

ใช่แล้ว มันเป็นช่วงปลายปีของม.ต้นปีหนึ่ง ในวันนั้น...อากาศก็หนาวแบบนี้แหละ

 

 

 

 

 

“มากันครบแล้วใช่ไหม?”   เสียงก้องกังวานของโค้ชประจำชมรมยิงธนูโรงเรียนคิริซากิแผนกม.ต้นเอ่ยถามสมาชิกกว่าครึ่งร้อยชีวิตที่นั่งอย่างเป็นระเบียบอยู่ในโรงฝึก ต่อให้เป็นม.ต้นแต่ชมรมยิงธนูของที่นี่ก็มีชื่อเสียงมาก แค่จะเข้ามาก็ยากแล้วแต่การทำผลงานให้โดดเด่นท่ามกลางคนเก่งๆเหล่านี้ยิ่งยากกว่า การแข่งขันในชมรมจึงสูงมาก เพราะตำแหน่งที่ทุกคนใฝ่ฝันก็คือตัวจริงที่จะมีเพียง 5 คนเท่านั้น

 

“ครับ”    ประธานชมรมซึ่งเป็นรุ่นพี่ปีสามเอ่ยตอบโค้ชด้วยเสียงแข็งขัน

 

“อย่างที่รู้กันว่าช่วงปิดเทอมฤดูหนาวจังหวัดของเราจะจัดแข่งขันยิงธนูประจำจังหวัด ซึ่งชมรมของเราก็จะส่งตัวแทนไปร่วมลงแข่งด้วย”   โค้ชเริ่มเข้าเรื่องทันที งานที่โค้ชพูดถึงอยู่นี้เป็นงานที่จัดขึ้นในจังหวัดของเราเองเท่านั้น ยังไม่ใช่การแข่งขันของโรงเรียนมัธยมต้นทั่วประเทศ เป็นกึ่งๆงานเทศกาล เป็นเหมือนสนามประลองฝีมือก่อนที่จะถึงสนามจริงเสียมากกว่า

 

แต่กระนั้นชมรมยิงธนูของคิริซากิก็ยังเอาจริงเอาจังเสมอ ต่อให้เป็นถ้วยเล็กๆก็ยังส่งแต่ตัวจริงไปแข่งเสมอ

 

สำหรับตำแหน่งตัวจริงของการแข่งในครั้งนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงสองตำแหน่ง   แล้วสิ่งที่โค้ชพูดออกมาก็เรียกความสนใจของคนทั้งชมรมได้เป็นอย่างดี เพราะตำแหน่งตัวจริงในปัจจุบันนี้ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงมาตั้งแต่ปีที่แล้วแล้ว ใครกันที่จะมากระชากรุ่นพี่ที่มีฝีมือสูงที่สุดทั้งห้าคนลงจากบัลลังก์ได้

 

ตำแหน่งแรก โอจิ ให้ฟูจิวาระ ชูเป็นตัวจริง”    เสียงฮือฮาดังขึ้นทันทีเพราะนี่คือครั้งแรกในประวัติการณ์ของชมรมยิงธนูคิริซากิ  ที่จะให้เด็กปีหนึ่งได้ตำแหน่งตัวจริง และเป็นตัวแทนของสมาชิกร่วมห้าสิบคนในชมรมไปแข่งขันในรายการที่ถือเป็นหน้าเป็นตาของโรงเรียนเช่นนี้

 

แล้วยิ่งชื่อต่อไปที่โค้ชประกาศออกมา  ก็มีแต่จะยิ่งทำให้คนทั้งชมรมถึงกับแตกฮือ

 

อีกตำแหน่งโอมาเอะ ให้นารุมิยะ มินาโตะเป็นตัวจริง”    รุ่นพี่ปีสามคนหนึ่งถึงกับยกมือขึ้นคัดค้านทันที

 

โค้ชครับ! ให้เด็กปีหนึ่งเป็นตัวจริงจะไม่เป็นไรจริงๆเหรอครับ? ถึงสองคนนี้จะเก่งแต่ก็ยังด้อยประสบการณ์ อาจจะทำให้ทีมโรงเรียนเราแพ้ก็ได้นะครับ    สมาชิกหลายคนพยักหน้าเห็นด้วยซึ่งส่วนใหญ่ล้วนเป็นพวกรุ่นพี่ 

 

เพราะยังไม่มีประสบการณ์ไง ฉันถึงได้ให้พวกเขาลงแข่งรายการนี้เพื่อหาประสบการณ์และเตรียมพร้อมสำหรับการเป็นตัวจริงในการแข่งขันระดับประเทศ หรือเธอคิดว่าเอาชนะฟูจิวาระกับนารุมิยะได้?”

 

“.......”    รุ่นพี่ถึงกับเถียงไม่ออกเพราะมันเป็นความจริงที่ว่าฝีมือการยิงธนูของทั้งคู่นั้นโดดเด่นมาก แถมได้ข่าวมาด้วยว่าคนที่สอนธนูให้ทั้งคู่คืออ.ไซออนจิ ปรมาจารย์ด้านการยิงธนูที่คนทั้งวงการต่างก็เคารพคนนั้น

 

ถ้าเธอไม่พอใจจะท้าแข่งกับทั้งสองคนไหม?”    รุ่นพี่กัดฟันกรอด มือที่กำอยู่ที่ฮากามะทำให้กางเกงสีดำนั่นยับยู่ยี่ไปหมดแล้ว

 

ผมขอท้าแข่งได้ไหมครับ?”    กลับเป็นรุ่นพี่ปีสองที่ถูกนารุมิยะ มินาโตะแย่งตำแหน่งตัวจริงไปที่ยกมือขึ้นอย่างข้องใจ  เพราะหากปล่อยโอกาสนี้ไป  ไม่เพียงแต่ตำแหน่งตัวจริงในงานนี้เท่านั้นแต่อาจจะรวมไปถึงตำแหน่งตัวจริงในการแข่งทั้งหมดในอนาคตด้วยที่จะถูกแย่งไป 

 

อีกอย่างในบรรดาตัวจริงทั้งหมด ไม่ว่าจะในการแข่งทีม3คนหรือ5คน ตำแหน่งโอมาเอะก็จะมีเพียงคนเดียวเท่านั้น เป็นตำแหน่งที่สำคัญพอๆกับโอจิเลย

 

นารุมิยะ เธอยินดีรับคำท้าไหม?”    โค้ชหันมาถามร่างเล็กบางที่ยังดูจะตื่นเต้นน้อยๆอยู่

 

ครับ! พร้อมครับ!   ยิ่งพอร่างบางตอบออกไปแบบนั้นก็ยิ่งทำให้พวกรุ่นพี่ไม่พอใจ  เพราะตามมารยาทแล้วรุ่นน้องก็ควรจะหลีกทางให้รุ่นพี่สิ

 

ถ้างั้นก็เตรียมตัวเถอะ”   แล้วสมาชิกทั้งชมรมก็ลุกขึ้นเพื่อหลีกทางให้และตั้งใจดูการแข่งขันนี้

 

แน่นอนว่ามีเพียงตำแหน่งโอมาเอะเท่านั้นที่มีการท้าแข่ง ส่วนตำแหน่งโอจิกลับไม่มีใครกล้าท้าทายคุณชายจากตระกูลฟูจิวาระสักคน

 

 

 

 

ร่างโปร่งบางของนารุมิยะ มินาโตะยืนสวมถุงมือหนังกวางอยู่ที่มุมหนึ่งของโรงฝึก ใบหน้ามนดูไม่ได้ใส่ใจว่าใครจะคิดยังไง เพราะเขาแค่อยากจะยิงธนูเท่านั้น

 

มินาโตะ ทำเหมือนทุกทีก็พอแล้ว”    ฟูจิวาระ ชูเดินเข้ามาหาพร้อมกับรอยยิ้มบางๆอย่างให้กำลังใจ

 

อื้อ เข้าใจแล้ว”    ถึงจะตอบไปแบบนั้นแต่ใบหน้ามนก็ยังดูเกร็งๆอย่างเห็นได้ชัด ถึงจะไม่สนใจคำพูดของคนอื่นแต่การแข่งขันก็ทำให้ตื่นเต้นอยู่นะ

 

มินาโตะ”    สองมือของทาเคฮายะ เซยะจึงตบแปะลงไปที่แก้มนิ่มเพื่อทำให้มินาโตะหายประหม่า

 

อู้แอ้ว”    ริมฝีปากที่ถูกบีบจนปากจู๋นั่นตอบอู้อี้เป็นคำว่า รู้แล้ว มือเรียวของเซยะจึงยอมถอยไปได้

 

ถ้างั้นฉันไปนั่งดูอยู่นั่นนะ”    ใบหน้ามนพยักรับ เซยะจึงเดินกลับไปนั่งรวมกับสมาชิกในชมรมคนอื่นๆ มีเพียงร่างสูงสง่าที่ยังยืนอยู่ตรงนี้ มือใหญ่ทั้งสองยื่นลูกธนูที่ร่างโปร่งต้องใช้มาให้

 

แล้วในขณะที่มือบางยื่นไปรับมันมา เสียงทุ้มก็พูดออกมาให้ได้ยินกันสองคนว่า

 

ไปแข่งด้วยกันนะ มินาโตะ”    ดวงตากลมโตจึงเบิกขึ้นน้อยๆ จริงสิ เขาอยากจะแข่งยิงธนูกับชูมาตลอด และนี่ก็เป็นโอกาสที่เราจะได้ไปแข่งด้วยกัน ได้ยืนอยู่ใกล้ๆกันในสนาม ได้ทำให้แม่ของเขาเห็น...ว่าเขาเองก็กำลังแข่งยิงธนูเหมือนที่แม่เคยแข่ง

 

อื้อ!”    เสียงใสตอบกลับไปด้วยความมุ่งมั่น ไม่ว่ายังไงก็จะต้องเอาตำแหน่งตัวจริงนี้มาให้ได้

 

 

 

 

แล้วนารุมิยะ มินาโตะก็ทำได้จริงๆ

 

ร่างที่หอบน้อยๆอยู่ในลานยิงที่หนึ่งเก็บคันธนูลงข้างกายในท่าคลาย ใบหน้ามนยังคงมองไปที่เป้าซึ่งไม่มีพลาดเลยสักดอก ลูกธนูทั้งแปดล้วนปักอยู่ในวงกลมขนาด 36 เซ็นติเมตรนั่นทั้งสิ้น ในขณะที่เป้าของคนที่ยืนอยู่ข้างหลังนั้นพลาดไปถึง 3 ดอก

 

เท่านี้ผลก็ออกมาแล้วว่าใครสมควรจะได้ตำแหน่งตัวจริงไป

 

ยังไงพวกฉันก็ไม่ยอมรับง่ายๆหรอกนะ”    แต่พวกรุ่นพี่ปีสามก็ยังคงตั้งแง่กับเขา คนที่ตัวใหญ่กว่าเดินชนไหล่จนร่างเล็กบางแทบกระเด็น แต่ใบหน้ามนก็มองตามไปด้วยสีหน้าไม่คิดมากอะไร

 

ต่างจากอีกสองคนที่ยืนอยู่ข้างๆ

 

ดวงตาในกรอบแว่นเหลือบมองนัยน์ตาสีม่วงแทนคำถามว่าใครจะจัดการ? ใบหน้าหล่อเหลาของเจ้าชายแห่งคิริซากิจึงพยักลงเบาๆ เป็นอันรู้กันสองคนว่าฟูจิวาระ ชูจะเป็นคนไปจัดการหมอนั่นเอง

 

มินาโตะ เป็นไงบ้าง เจ็บแผลหรือเปล่า?”    เพราะเป็นการยิงต่อเนื่องในเป้าเดียวถึง 8 ดอก ทำให้คนที่เพิ่งผ่าตัดใหญ่มาได้ไม่นานถึงกับเหงื่อแตกพลั่ก เซยะจึงถามด้วยสายตาเป็นห่วง

 

ไม่เป็นไรหรอก พักแป๊บเดียวก็หาย”   แล้วจู่ๆก็มีผ้าเช็ดหน้าผืนหนึ่งแปะลงมาบนหน้าผาก

 

ชู?”    มือบางจับผ้าเช็ดหน้านุ่มลื่นนั่นเอาไว้ก่อนจะใช้มันเช็ดเหงื่อเบาๆ

 

มินาโตะลืมเอามาใช่ไหมล่ะ? ผ้าเช็ดหน้า”   ใบหน้ามนหัวเราะแหะๆเพราะลืมจริงๆ คงจะเป็นเพราะในหัวมัวแต่นึกถึงเรื่องการยิงธนู ทำให้เขาลืมใส่ใจเรื่องอื่นไปเลย

 

การยิงเมื่อกี้ยอดเยี่ยมมากเลยนะ”    ใบหน้าภายใต้กรอบผมสีชาชมออกมาจากใจจริง สีหน้าที่อมยิ้มอย่างอ่อนโยนนั่นทำให้ใบหน้ามนดีใจไปกับคำชมที่ได้รับ

 

อื้ม ได้ไปแข่งด้วยกันแล้วนะ ชู”    เขายิ้มออกไป ถึงจะดูเหม่อๆแต่ที่จริงแล้วเขาดีใจมากเพราะนี่คือการแข่งอย่างเป็นทางการครั้งแรก เขาอยากจะทำผลงานให้ดีๆ อยากให้แม่ได้เห็นการแข่งขันของเขาจากสวรรค์ 

 

แม่คงจะมองดูอยู่สินะ

 

 

 

 

แต่ความหนักของตำแหน่งตัวจริงที่แบกเอาไว้บนบ่านั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะแบกมันได้อย่างมั่นคง

 

เพราะเป็นตัวจริงเลยต้องซ้อมหนักกว่าคนอื่นหลายเท่า กว่าจะได้กลับบ้านก็มืดค่ำ

 

อีกทั้งการสอบปลายภาคก็ใกล้เข้ามาแล้วด้วย การแข่งยิงธนูของจังหวัดนั้นจัดขึ้นในช่วงปิดเทอม นั่นก็หมายความว่ามันจะอยู่หลังการสอบปลายภาคไปแค่อาทิตย์เดียว

 

ดวงตากลมโตจ้องมองฝ่ามือที่สั่นน้อยๆ เบื้องล่างคืออ่างล้างหน้าในห้องน้ำของชมรมซึ่งตอนนี้ไม่มีใครอยู่แล้ว

 

เพราะฝืนใช้ร่างกายมากเกินไปหรือเปล่านะถึงได้รู้สึกเหนื่อยขนาดนี้  ทั้งๆที่เขาสนุกกับการได้ยิงธนู  รักที่จะยืนอยู่หน้าเป้าแล้วปล่อยลูกธนูในมือออกไป  ชอบที่จะได้ยินเสียงทสึรุเนะที่ดังแหวกอากาศ 

 

แต่ตอนนี้ร่างทั้งร่างแทบจะยืนไม่ไหว ง่วงมาก เหนื่อยด้วยเหนื่อยมากจริงๆ

 

ซ่า~

 

สายน้ำเย็นๆถูกวักใส่หน้าเพื่อไม่ให้ตัวเองง่วงจนล้มลงไป ดวงตากลมใสจ้องมองเงาสะท้อนของตัวเองที่อยู่ในกระจก เขาอยากจะทำผลงานในการแข่งนี้ให้ดีจริงๆ อยากให้แม่ได้เห็นเขายืนอยู่ในลานแข่ง อยากให้เราทั้งคู่ได้ทำตามสัญญาที่ให้แก่กันไว้

 

เขาจะแข่งยิงธนูและแม่จะคอยตามมาเชียร์เขา

 

แล้วพอคิดถึงแม่ขึ้นมาทีไร  หลุมแห่งความเศร้าก็มักจะเข้ามาเกาะกินหัวใจจนน้ำตาเอ่อล้นออกมาทุกที

 

ฮึก…”    หยดน้ำตาร่วงกราวลงไปในอ่างล้างหน้า เพราะร่างกายที่เหนื่อยล้าหรือไงนะ จิตใจถึงได้รู้สึกหดหู่ไปด้วย 

 

เขาอยากให้แม่อยู่ตรงนี้ อยากเล่าความภาคภูมิใจนี้ให้แม่ฟัง อยากเล่าว่าเขาเหนื่อยขนาดไหนที่ต้องใช้เวลาทั้งวันฝึกซ้อม อยากบอกกับแม่ว่าเขาได้เป็นตัวจริง ได้ไปแข่งแล้วนะ

 

อึกฮึก…”   ก้อนสะอื้นถูกกลืนลงไปในลำคอ น้ำตายังร่วงลงมาไม่หยุดและไหล่บางก็สั่นสะท้าน

 

ดีนะที่ไม่มีใครอยู่แล้ว

 

มือบางจึงเอื้อมมากอบกุมอยู่เเหนือรอยแผลเป็นที่ยังเจ็บแปลบ ตรงนี้ว่าเจ็บแล้วแต่ที่ใต้แผ่นอกซ้ายกลับเจ็บกว่า เจ็บจนหายใจแทบไม่ออกเลย

 

และเสียงสะอื้นที่ยังดังอย่างต่อเนื่องก็ทำให้ร่างสูงสง่าของฟูจิวาระ ชูทำได้เพียงยืนพิงแผ่นหลังเอาไว้กับผนัง  มินาโตะอาจจะคิดว่าไม่มีใครอยู่แล้วแต่เปล่าเลย เขายังคงอยู่ตรงนี้ อยู่ข้างๆมินาโตะเสมอ

 

หัวสีชาเงยหน้าพิงผนังเย็นเฉียบของห้องน้ำ ปล่อยให้มินาโตะร้องไห้ต่อไป ให้มินาโตะได้ระบายสิ่งที่อัดอั้นอยู่ในใจออกมา

 

เรื่องของคุณแม่เป็นแผลที่เขาไม่สามารถจะเข้าไปแตะต้องได้

 

ต่อให้มีล้านคำปลอบใจก็ไม่อาจฉุดรั้งมินาโตะออกมาจากหลุมบ่อที่เต็มไปด้วยความผูกพันนั้นได้ มีเพียงเวลาที่จะช่วยเยียวยาและทำให้หลงลืมความเศร้านั้นไป เขาทำได้แค่ยืนอยู่ข้างๆแบบนี้เท่านั้น

 

 

 

ร่างเล็กบางเดินออกจากห้องชมรมมาด้วยรอยแดงใต้ตาและปลายจมูก ดวงตากลมโตเหลือบมองรอบกาย มืดจนได้ ต้องรีบกลับไปทำอาหาร ทำการบ้าน แล้วก็อ่านหนังสือเตรียมสอบอีก

 

แต่การร้องไห้ขนาดหนักก็ทำให้เปลือกตารู้สึกหนักๆ  ถึงสิ่งที่อยู่ในใจจะระบายออกไปได้บ้าง ทว่า ภาระที่เกิดขึ้นกับร่างกายนี่ก็ใช่ย่อยเลยแหะ 

 

ง่วงจัง…”    ร่างในชุดสูทสีน้ำตาลลากสังขารไปยังห้องพักครูเพื่อคืนกุญแจห้องชมรม ก่อนจะต้องลากสังขารกลับมายังประตูทางเข้าเพื่อเปลี่ยนรองเท้า อ่า อยากนอนแล้ว...

 

กึ้ง!

 

หื๋อ? จู่ๆก็มีเสียงอะไรบางอย่างดังอยู่ที่ทางเดินเล่นเอาดวงตาที่เคยหรี่ปรือถึงกับตื่นขึ้นมาเลย เขาพยายามจ้องไปที่เงาซึ่งกำลังเดินออกมาจากความมืดสลัวของทางเดิน

 

ชู?....”   เสียงนุ่มเอ่ยชื่อเจ้าของเงานั้นออกไป

 

พักหน่อยไหม?”   มือใหญ่ชูกระป๋องชานมร้อนที่น่าจะเพิ่งกดมาจากตู้ก่อนจะยื่นมาให้เขา สัมผัสอันอบอุ่นของมันในคืนฤดูหนาวแบบนี้ทำให้รู้สึกดีมากจริงๆ

 

ขอบใจนะ แล้ว นายยังไม่กลับเหรอ?”    ชูออกมาจากชมรมได้สักพักแล้วนี่?

 

พอดีมีเรื่องต้องไปคุยกับผอ.โรงเรียนหน่อยน่ะ มีมดปลวกน่ารำคาญอยากให้จัดการให้หน่อย”    

 

“มดปลวก? โรงเรียนของเราโดนปลวกขึ้นเหรอ? แบบนั้นก็อันตรายสิ”    ใบหน้ามนถามอย่างใสซื่อและไม่ได้เข้าใจความหมายที่คุณชายฟูจิวาระพูดประชดถึงพวกรุ่นพี่ปีสามในชมรมเลย

 

“หึ...ดีแล้วละที่มินาโตะไม่เห็น  มันน่ารังเกียจจนอยากขยี้ให้ตายเลยละ”   แต่ความใสซื่อนั้นกลับทำให้ใบหน้าหล่อเหลาอมยิ้มอย่างเอ็นดู

 

“เหรอ? อย่าไปขยี้นะ เดี๋ยวมันก็กัดเอาหรอก เอายาฆ่าแมลงฉีดเอาสิ”

 

“อื้ม”   ชูพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม

 

ชูเปลี่ยนรองเท้าเสร็จพวกเราจึงเดินออกมาด้วยกัน ก่อนที่เขาจะแวะนั่งลงที่ขอบกระถางต้นไม้ใหญ่ข้างทางเดินเพื่อจิบชานมอุ่นๆในมือให้หมดเสียก่อน ชูเองก็กำลังดูดถุงเจลลี่ผสมวิตามินซีอยู่

 

น่าแปลกที่ความเงียบงันนี้กลับทำให้รู้สึกสบายใจ ชูไม่ได้ถามเขาทั้งๆที่คงจะสังเกตเห็นรอยแดงบนจมูกและขอบตาของเขาแล้ว

 

ไม่ได้ถามว่าเกิดอะไรขึ้นหรือร้องไห้ทำไม เพราะนั่นจะทำให้เขารู้สึกอึดอัดที่จะต้องหาคำตอบมาให้อีกฝ่าย

 

มินาโตะ”    ไอสีขาวออกมาจากปากของชูเมื่อเสียงทุ้มเอ่ยเรียกชื่อเขา

 

หื๋ม?”

 

มาติวหนังสือด้วยกันไหม? ทั้งมินาโตะทั้งฉันต้องซ้อมมากกว่าคนอื่น เวลาอ่านหนังสือก็ไม่ค่อยมี อ่านคนเดียวก็คอยแต่จะหลับด้วย”    ชูพูดออกมาและมันก็ทำให้ดวงตาของเขาเบิกกว้าง จู่ๆความโดดเดี่ยวที่เกาะกุมหัวใจอยู่ก็สลายหายไป

 

จะว่าชูพึ่งพาได้หรือชูเข้าใจเขาดี? แต่การกระทำของชูทำให้เขาหรี่ตาลงด้วยรอยยิ้ม

 

อื้อ เอาสิ”   

 

 

 

 

หลังจากวันนั้นชูก็มานอนค้างที่บ้านเขา พวกเราอ่านหนังสือด้วยกันและชูก็ช่วยสอนในเรื่องที่เขาไม่เข้าใจให้

 

เพราะก่อนหน้านี้เราไม่ได้เรียนโรงเรียนประถมที่เดียวกัน เขาจึงไม่เคยรู้เลยว่าชูเรียนเก่งมาก  ก่อนหน้านี้เรามักจะพูดคุยกันแต่เรื่องธนู  แต่ชูที่กำลังสอนเลขให้เขาอยู่ตอนนี้ก็แปลกดีไปอีกแบบ

 

ไม่ไหวแล้ว~ หัวจะระเบิดแล้ว~ นายเข้าใจเรื่องพวกนี้ได้ไงน่ะชู?”    ชูน่าจะคุยกับเซยะรู้เรื่องนะ? แต่สิ่งที่ชูต่างจากเซยะเวลาสอนหนังสือให้เขาก็คือ ชูใจเย็นมากและมีความอดทนกับเขามาก ถ้าเป็นเซยะป่านนี้เขาคงโดนเชือดคอตายไปแล้วที่ต้องให้อธิบายซ้ำถึงสามรอบแบบนี้

 

ใบหน้ามนไถลลงไปกับหน้าสมุดราวกับจะให้มันซึมเข้าไปเอง  หัวสีดำจึงอยู่ตรงหน้าร่างสูงสง่าพอดี

 

หัวสีชาจึงโน้มลงไปนอนบนหนังสือด้วย

 

สายตาทั้งสองคู่จึงสบประสานกันท่ามกลางความเงียบงัน

 

ต่างฝ่ายต่างไม่มีความรู้สึกที่อยากจะถอยหนีหรือขยับไปไหน แต่มันกลับเป็นความสบายใจที่ได้จ้องมองกันอยู่แบบนี้

 

เป็นใบหน้าหล่อเหลาที่ขยับเข้าไปหาก่อนจะหอมหัวสีดำนั่นเบาๆ  ซึ่งเขาเองก็อยู่เฉยๆให้ชูทำ

 

ไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่กลับรู้สึกสงบอยู่ในใจ 

 

ชูละออกไปและตะแคงหน้ามองเขาอยู่แบบเดิม ไม่รู้ว่านานแค่ไหน แต่กลับรู้สึกอุ่นอยู่ในใจ

 

สำหรับเด็กม.ต้นปีหนึ่งอย่างเขา แค่มีใครสักคนหนึ่งอยู่ข้างๆแบบนี้ก็พอแล้ว

 

คอยจับมือแบบที่ชูกำลังจับมือเขาอยู่ แค่นี้ก็พอแล้วจริงๆ

 

 

 

 

ตอนเช้าชูยังชวนเขาออกไปวิ่งจ๊อกกิ้งเบาๆก่อนไปโรงเรียนอีกด้วย 

 

ชูสอนเขาออกกำลังกายง่ายๆและมันก็ทำให้เขาค่อยๆเหนื่อยจากการซ้อมยิงธนูน้อยลง ร่างกายของเขาดูเหมือนจะแข็งแรงขึ้นเลย

 

ทุกๆเช้า ร่างสองร่างมักจะวิ่งเคียงข้างกันไปตามถนนที่ไร้ผู้คน ถึงอากาศจะเย็นแต่มันก็ทำให้รู้สึกสดชื่นมากจริงๆ 

 

ดีจริงๆที่ได้ออกมาวิ่งกับชู

 

ใบหน้ามนหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดีเมื่อมือใหญ่ของคนที่วิ่งอยู่ข้างๆเอื้อมมาหยิบผ้าขนหนูที่พาดคอเขาอยู่ขึ้นมาเช็ดเหงื่อที่ข้างแก้มให้  เขาจึงทำแบบนั้นให้ชูบ้าง  มือบางเอื้อมไปจับผ้าขนหนูของชูก่อนจะซับไปตามซอกคอให้  ชูจึงหัวเราะออกมาเบาๆ

 

บรรยากาศระหว่างเขากับชูนั้นต่างจากตอนที่เขาอยู่กับเซยะหรือเรียวเฮย์ แต่เขาก็ไม่รู้ว่ามันต่างกันตรงไหน เขาไม่ได้รีบเร่งที่จะหาคำตอบเสียด้วยจึงปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติแบบนี้ต่อไป

 

 

 

 

ก่อนสอบหนึ่งอาทิตย์ก็เป็นช่วงที่ชมรมทุกชมรมงดการทำกิจกรรม  แต่ถึงจะได้กลับบ้านไว  เขาก็ยังคงฝึกซ้อมท่ายิงกับธนูยางอยู่ที่บ้านทุกวัน 

 

และเหมือนชูจะรู้ว่าเขาแอบทำอะไรอยู่ จึงคอยส่งข้อความมาเตือนให้เขาอ่านหนังสืออยู่ตลอด

 

แชะ

 

[แก้โจทย์เสร็จแล้วครับ]

 

เขาส่งข้อความพร้อมรูปถ่ายหน้าสมุดที่แก้สมการคณิตศาสตร์ตามโจทย์ที่ชูให้มาเสร็จแล้วส่งไปให้ชูดูเป็นหลักฐานว่าเขาไม่ได้อู้นะ อ่านหนังสืออยู่นะ

 

ติ๊ง

 

ชูส่งสติ๊กเกอร์ชมว่าดีมากกลับมาให้  กับเรื่องแค่นี้ก็ทำให้เขายิ้มไม่หุบ แปลกจัง

 

ติ๊ง

 

ชูส่งรูปถ้วยชากลับมาพร้อมข้อความว่า

 

[พักสายตาด้วยนะ อย่าหักโหมเกินไป]

 

และความใส่ใจนั้นมันก็ทำให้เขาอมยิ้ม ความรู้สึกที่มีให้ชูนั้นต่างจากที่มีให้เพื่อนคนอื่นจริงๆ จะว่าเข้าใจกันก็คงจะได้ละมั้ง?

 

 

 

 

แล้วในที่สุดการสอบปลายภาควันสุดท้ายก็ผ่านพ้นไปด้วยดี

 

นี่เป็นครั้งแรกเลยที่เขารู้สึกว่าตัวเองทำข้อสอบได้และน่าจะผ่านอย่างไม่มีปัญหาอะไร

 

เขายิ้มให้ชูผู้อยู่เบื้องหลังทุกอย่างเมื่อต่างฝ่ายต่างเดินมาหากัน

 

ทำข้อสอบได้ไหมมินาโตะ?”    เสียงของชูยังคงอ่อนโยนเสมอ  เขาจึงไม่เข้าใจเลยว่าทำไมคนอื่นถึงได้ชอบบอกว่าชูเย็นชาจะตายไป

 

อื้ม มีที่ชูเก็งไว้ตั้งหลายข้อ ขอบใจนะ มานี่สิเดี๋ยวฉันเลี้ยงน้ำนายเอง”    ชูพยักหน้าก่อนที่จะเดินไปด้วยกัน คนอื่นๆมักจะมองชูที่อยู่กับเขาด้วยความสงสัย ซึ่งเขาไม่เข้าใจคนพวกนั้นเลย ชูมีอะไรแปลกกว่าคนอื่นตรงไหน?

 

ชูก็คือชู เป็นแบบนี้มาตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกันแล้ว

 

กึ้ง

 

ถุงเจลลี่ผสมวิตามินหล่นลงมาสองถุง มือบางยื่นถุงหนึ่งให้ชู ก็มีแค่เรื่องต้องกินอาหารตามที่ที่บ้านเตรียมให้เท่านั้นนี่แหละที่ทำให้ชูต่างจากคนอื่น ชูจึงไม่ค่อยดื่มน้ำอัดลมหรือนมอะไรที่อยู่นอกเหนือจากช่วงเวลาที่ต้องกินเลย

 

ดวงตากลมใสจ้องมองเจลลี่รสองุ่นในมือใหญ่ก่อนจะถามออกไป

 

รสนั้นอร่อยไหม?”    เขาไม่เคยกินเพราะยึดติดอยู่กับรสเลมอนที่กินเป็นประจำนี่แหละ

 

ลองดูสิ”    ชูยื่นเจลลี่มาให้ เขาก็ยื่นหน้าเข้าไป ริมฝีปากดูดปากถุงอย่างไม่คิดอะไร 

 

อื้อ อร่อยแหะ”    เขาละออกมาก่อนจะมองที่ถุงสีม่วงนั่นอย่างไม่อยากจะเชื่อว่ามันจะอร่อยขนาดนี้

 

ใช่ไหมล่ะ”   ชูตอบก่อนจะดูดเจลลี่ในมือต่อไปอย่างไม่สนใจว่าเขาจะดูดไปแล้ว เหมือนจะเคยได้ยินมาจากเพื่อนในห้องว่าชูจะไม่กินน้ำแก้วเดียวหรือขวดเดียวกับใครเด็ดขาดเลยนี่นา 

 

ไม่จริงสักหน่อย ชูดื่มน้ำขวดเดียวกับเขาตอนไปวิ่งด้วยกันเป็นประจำ ทำไมคนอื่นถึงพูดแบบนั้นล่ะ?

 

 

 

 

ถึงจะเข้าสู่ช่วงปิดเทอมแล้ว แต่ชมรมยิงธนูก็ยังเปิดให้ซ้อมสำหรับการแข่งขันของจังหวัดกันอยู่ ซึ่งมันเป็นช่วงเวลาที่เขาชอบมาก เพราะจะได้ยิงธนูทั้งวัน ไม่ต้องไปเรียน ไม่ต้องไปทำกิจกรรมอย่างอื่น

 

ดูเหมือนรุ่นพี่ปีสามที่คอยหาเรื่องเขาจะหลีกเลี่ยงเขาไปเสียแล้ว อาจจะเบื่อแล้วก็ได้? ถึงได้พอเจอหน้าเขาก็เดินห่างออกไปเป็นวาแบบนั้น?

 

อรุณสวัสดิ์ครับ”    เขาทักทายด้วยรอยยิ้ม แต่อีกฝ่ายกลับขมวดคิ้วแล้วพูดออกมาเบาๆ

 

อรุณสวัสดิ์”    ไม่มีคำแดกดันกระแทกกระทั้นอย่างที่เคยเป็นมา? สงสัยจะเบื่อแล้วจริงๆ? แล้วก็ดูเหมือนรุ่นพี่เองก็ไม่อยากอยู่ใกล้เขาเท่าไหร่ อีกฝ่ายหันมองรอบกายราวกับหาใครอยู่ก่อนจะรีบเดินจากไป

 

แปลกคน? ระแวงอะไรอยู่หรือเปล่านะ?

 

แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องที่เขาต้องกังวล เพราะตอนนี้แค่การฝึกซ้อมก็ทำให้ในหัวเขาไม่มีเรื่องอะไรจะมาอาศัยอยู่ได้แล้วนอกจากเรื่องธนู

 

เขายืนอยู่ข้างหน้า ชูยืนอยู่ข้างหลัง ก่อนจะยิงออกไปพร้อมๆกัน

 

มันเป็นความรู้สึกที่อุ่นใจจนกลายเป็นความเคยชิน กับการมีชูยืนอยู่ข้างหลังแบบนี้ เขารู้สึกมาตั้งนานแล้ว

 

มือจึงง้างคันธนูต่อไปด้วยความมั่นใจ

 

 

 

 

ใบหน้ามนเหม่อมองฟ้าเมื่อถึงเวลาพัก ปากยังคงคาบถุงเจลลี่วิตามินแต่คราวนี้ถุงมันเป็นสีม่วง

 

มินาโตะ เอามือมาสิ”   ชูนั่งลงข้างๆก่อนจะแบมือขอให้เขาวางมือลงไป

 

อะไรเหรอ?”   ถึงจะถามอย่างสงสัยแต่เขาก็วางมือของตัวเองลงไปบนมือที่ใหญ่กว่าเขาพอสมควร

 

แป่ก

 

ชูเปิดฝาหลอดอะไรบางอย่างก่อนจะเทครีมลงมาบนมือเขา กลิ่นหอมของมันลอยมาแตะจมูกจนเขาเผลอก้มหน้าลงไปดมฟุดฟิดๆใกล้ๆ

 

อะไรน่ะ? หอมจัง

 

ครีมทามือน่ะ”    ไม่ทาเปล่า ชูยังนวดมือของเขาไปมา

 

ช่วงนี้ต้องฝึกทั้งวัน ต้องดูแลมือบ้างนะมินาโตะ ถ้าแตกขึ้นมามันก็เจ็บใช่ไหมล่ะ”   ปลายนิ้วยาวกดย้ำอยู่ที่รอยช้ำสีแดงๆซึ่งเกิดจากการเสียดสีกับธนูเป็นเวลานาน เขาไม่เคยสังเกตและไม่เคยสนใจเลยจริงๆว่าบนฝ่ามือของตัวเองจะมีรอยแบบนี้ด้วย แต่ชูกลับมองเห็นมันเสมอ เห็นมันมาตั้งแต่เด็กๆแล้ว

 

รอยช้ำที่เกิดโดยไม่ได้ตั้งใจถูกชูดูแลให้อย่างดี  เหมือนหัวใจที่กลวงโบ๋จากการสูญเสียตัวตนของใครบางคนไป  ก็ค่อยๆถูกชูที่ก้าวเข้ามาอยู่ใกล้ๆเติมเต็มให้โดยไม่รู้ตัว

 

เขาเพิ่งนึกขึ้นได้ ว่าวันคืนที่เขาเอาแต่ร้องไห้อยู่ตามลำพังเพราะคิดถึงแม่มันค่อยๆน้อยลง เพราะมีชูคอยอยู่ข้างๆ

 

คอยชวนเขาคุยเรื่องธนู คอยชวนเขาอ่านหนังสือ คอยชวนเขาออกไปวิ่ง คอยชวนเขาทำนู่นทำนี่ บางทีก็คอยนั่งอยู่ข้างๆโดยไม่พูดอะไรเลยก็มี

 

ตั้งแต่เช้าจรดเย็น ไม่มีสักนาทีเลยที่เขาจะไม่รู้สึกว่าชูอยู่ตรงนี้ 

 

ขอบใจนะ ชู”    เขาเกยหน้าไว้บนหัวเข่าที่ยกชันขึ้นมาก่อนจะมองไปที่ชูด้วยรอยยิ้ม

 

อื้ม ครีมนี่มินาโตะเก็บไว้นะ”    ชูปิดฝาหลอดก่อนจะยื่นมาให้

 

ไม่เอาหรอก”   เสียงใสตอบไป

 

“?”    ชูทำหน้าสงสัย

 

ชูเก็บไว้นั่นแหละ แล้วก็...ฝากมือของฉันด้วยนะ”   ใบหน้ามนยิ้มกว้างท่ามกลางสีหน้าประหลาดใจของชู

 

“ถ้ามือฉันมีแผลเมื่อไหร่ ก็ฝากนายดูแลมันให้ที เพราะฉันคงไม่ทันจะมองเห็นมันเหมือนอย่างทุกทีนั่นแหละ”

 

อื้ม เข้าใจแล้ว”    ชูหัวเราะเบาๆก่อนจะเก็บครีมทามือลงกระเป๋า  ใครที่ไหนกันที่บอกว่าชูเป็นคนหน้าตายและไม่เคยยิ้มเคยแย้ม  ดูสิ  ชูยิ้มสวยออกขนาดนี้เลยนะ

 

กลับไปซ้อมกันเถอะ   ชูลุกขึ้นก่อนจะยื่นมือมาให้ เขาจึงเอื้อมมือออกไปให้ชูดึงเขาขึ้น

 

อื้ม

 

 

 

 

 

ในที่สุดวันแข่งก็มาถึง

 

เขาลงสนามด้วยหัวใจที่สงบนิ่งเพราะเบื้องหลังมีพลังที่แข็งแกร่งคอยผลักดันเขาอยู่

 

ธนูทุกดอกที่ยิงออกไปนั้นเต็มไปด้วยความมั่นใจ และมันก็เข้าเป้าทั้งหมด 4 ดอก

 

คันธนูถูกลดลงข้างตัวก่อนที่เขาจะเดินกลับไปนั่งที่เก้าอี้ด้วยใบหน้าเหม่อลอย

 

แม่ดูอยู่ใช่ไหมครับ?

 

ดูผมยิงธนูอยู่ใช่ไหม? ตามมาเชียร์อย่างที่บอกไว้ใช่ไหม? ดูสิ ผมยิงเข้าเป้าทั้งหมดเลยนะ

 

และเมื่อเสียงทสึรุเนะหนักแน่นที่คุ้นเคยยิงออกไป เป้าสุดท้ายก็ถูกเติมเต็มด้วยลูกธนูดอกที่ 4 เช่นกัน

 

แม่ครับดูสิ ทีมของผมชนะแล้วนะ แม่ดีใจไหม?

 

ส่วนผมน่ะ ดีใจมาก มากๆเลย

 

หลังจากนั้นเขาเดินออกมาได้ยังไง ออกมาทางไหน มีพิธีการอะไรต่อบ้าง เขาแทบจะจำไม่ได้เลย

 

รู้ตัวอีกทีก็นั่งอยู่ในห้องพักตามลำพังเพราะคนอื่นคงออกไปถ่ายรูปกันหมด

 

ชึ่บ

 

ชายกางเกงฮากามะสีดำตัวหนึ่งมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้า ถึงแม้จะไม่เงยมองเขาก็รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร

 

ชู…”    จู่ๆทำนบที่เคยกักเก็บทุกสิ่งทุกอย่างในใจเอาไว้ก็พังทลาย

 

เขาปฏิเสธไม่ได้เลยว่าความเศร้าเหล่านั้นได้ฉุดรั้งเขาเอาไว้ ไม่อาจยิ้มออกมาจากใจเหมือนเมื่อก่อนได้ แต่มือที่ค่อยๆดึงเขาออกมาจากเงามืดนั้นก็คือมือข้างนี้

 

เขาเอื้อมออกไปจับมือของชูพร้อมกับยืนขึ้น

 

ชูขอบใจนะ”    เขาเงยมองหน้าชูทั้งรอยยิ้ม มองทั้งน้ำตาที่เอ่อคลออยู่ในดวงตา

 

ขอบใจที่อยู่ข้างๆฉันมาตลอด

 

แล้วชั่ววินาทีที่ไม่ทันตั้งตัว มือใหญ่ที่เขาเคยจับเอาไว้มันก็ย้ายมาประคองสองแก้มของเขาแล้วดึงหน้าเขาเข้าไปหาอย่างรวดเร็ว

 

 

ริมฝีปากของชูแตะจรดลงมาที่ริมฝีปากของเขา

 

 

เอ๊ะ?

 

เขาได้แต่ยืนนิ่งค้างอย่างทำอะไรไม่ถูก

 

นี่มัน….

 

ชูละใบหน้าออกไปเล็กน้อย สีหน้าของชูในเวลานี้คือสีหน้าที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน มันเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ถูกเก็บซ่อนไว้มานาน

 

ดวงตาสีม่วงนั่นจ้องมองมาที่ปากของเขา ก่อนจะขยับเข้ามากดจูบมันอีกรอบ

 

ฝ่ามือที่ประคองสองแก้มของเขาร้อนจนรู้สึกได้

 

ต้นคอของเขาก็ร้อนจนรู้สึกได้

 

หัวใจของเขาก็เต้นดังมากจนรู้สึกได้

 

นะ นี่มันอะไรกัน?

 

หมับ!

 

ชูกอดเขาจนทั้งตัวแทบจะจมลงไปในอ้อมแขน เส้นผมสีชาละอยู่ที่ใบหูและต้นคอ เขาได้แต่เกยคางของตัวเองเอาไว้กับไหล่กว้างของชู

 

ถึงจะไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่เขากับไม่รู้สึกรังเกียจเลย

 

กลับกัน  เขารู้สึกอุ่นใจจนดวงตาค่อยๆปิดลงแล้วปล่อยให้ตัวเองจมอยู่ในอ้อมแขนนั้นต่อไป

 

ฝ่ามือ...ยกขึ้นไปดึงรั้งหลังเสื้อของชูเอาไว้ ปล่อยให้เสียงของหัวใจเต้นสอดประสานกันไปอยู่อย่างนั้น

 

 

 

 

 

 

นั่นสิ นั่นน่าจะเป็นจูบแรกของเขาที่ไม่เข้าใจอะไรสักอย่าง

 

แต่ถึงอย่างนั้นมันก็เป็นความรู้สึกที่พูดออกมาไม่ถูก อ้อมกอดนั้น จูบนั้น มันเยียวยาหัวใจที่กำลังร้องไห้ของเขา มันดึงเขาออกจากวังวนของความเศร้าที่คอยแต่จะคิดว่าตัวเองคือสาเหตุที่ทำให้เสียแม่ไป

 

มันเป็นจูบที่ทำให้เขาก้าวเดินต่อไปได้สักทีหลังจากที่หยุดยืนนิ่งมานาน

 

มินาโตะ”    เสียงทุ้มที่คุ้นเคยเอ่ยเรียกทำให้เขาหันหน้าไปมอง ชูเดินออกมาจากที่เรียนพิเศษและตอนนี้ก็กำลังยืนอยู่ตรงหน้าเขา

 

รอนานไหม?”    มือใหญ่ปัดเกล็ดหิมะบนหน้าเขาออกให้ ชูยังคงใส่ใจเขาไม่เคยเปลี่ยน

 

อื้อ”    ใบหน้ามนส่ายน้อยๆก่อนจะลุกขึ้น

 

กลับกันเลยไหม?”    ชูพยักหน้ารับก่อนจะก้าวขามาเดินเคียงข้าง

 

อยากกินอะไรไหมชู? เดี๋ยวฉันทำให้”   เขาหันไปถาม จู่ๆก็อยากจะเอาใจขึ้นมา

 

ทาโกะยากิ”    ชูตอบด้วยรอยยิ้ม

 

โธ่~ นั่นไม่นับว่าเป็นข้าวเย็นนะ บอกมาเร็วๆว่าอยากกินอะไร

 

งั้นกินมินาโตะได้ไหม?”

 

ชู...

 

ฮะฮะฮะ

 

เสียงหัวเราะดังคละเคล้าไปกับร่างของเราสองคนที่ยังคงเดินไปด้วยกัน

 

ถึงไม่รู้ว่าปลายถนนเส้นนี้จะไปสิ้นสุดลงที่ตรงไหน แต่สิ่งเดียวที่มั่นใจก็คือมือข้างนี้จะไม่ปล่อยออกจากกันแน่นอน

 

 

 

แม่ครับนี่คือชู

 

ฟูจิวาระ ชู… 

 

คนรักของผมเองครับ

 

 

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

 

Story never End

 

 

ไม่ได้กลับมาเขียนเรื่องนี้ซะนาน มีใครคิดถึงเราบ้างไหมมม //รีดบอก ไม่คิดถึงแกหรอก คิดถึงชูมินาโตะต่างหาก 5555

 

อะฮื้อออ ชอบตอนนี้มากเลยค่ะ มันอุ่นๆในใจ มันน้ำตาไหลกับความสัมพันธ์ของพวกเขาที่ค่อยๆถักทอขึ้นมา จากเพื่อนในวัยเด็กค่อยๆเปลี่ยนเป็นคนรัก แง๊~ มันดีย์ >////<

 

ข้างล่างเป็นสปอยด์นะคะ

 

ในโนเวลเล่มสามมีเฉลยเอาไว้แล้วว่าคุณแม่ของน้องมิรู้อยู่ตลอดเลยค่ะว่าน้องมิแอบไปฝึกกับอ.ไซออนจิ เพราะอ.ติดต่อกับแม่น้องอยู่ตลอดโดยไม่บอกน้องเช่นกัน แล้วอ.ก็เป็นคนถ่ายวีดีโอตอนน้องแข่งกับชูที่โรงฝึกส่งไปให้คุณแม่ดูด้วย สรุปคือ คุณแม่เคยเห็นน้องตอนยิงธนูแล้วและรู้จักชูอยู่แล้วด้วย~~ >////<

 

เรื่องมันก็มีอยู่ว่า

 

- วันหนึ่ง ชูกับน้องไปหาอ.ไซออนจิที่บ้าน แต่พลตามอย่างเซยะกับแฝดก็ตามไปด้วย5555 เซยะกับแฝดยังคงพยายามขอฝากตัวเป็นสาวกอ.แต่อ.บอกไม่รับลูกศิษย์แล้วแต่จะยิงธนูให้ดูแล้วกัน

- อ.ก็ยิงแบบเทพๆไปเลยจย้า คือยิงกลางเป้ามันง่ายไปง่ะ อ.แกก็เลยยิง4ดอกเข้า4มุมตามเข็มนาฬิกาไปเลย555

- แฝดก็ มีแต่อ.ของชูนี่แหละที่น่านับถือสุด แบบทึ่งไปเลย

- จากนั้นอ.ให้ทุกคนยิงแบบตะโกนแล้วก็ดูให้

- ชูกับมินาโตะคุ้นเคยอยู่แล้วก็เลยตะโกนเต็มเสียงเหมือนสิงโตคำราม ส่วนคนอื่นๆก็น้อยกว่า

- พอซ้อมเสร็จ มินาโตะก็หยิบกล่องข้าวกลางวันขึ้นมา ในนั้นมีทาโกะยากิจย้าาาา น้องบอกกลัวจะไม่พอเพราะทำมาเผื่อแค่สามคน น้องน่าจะไม่รู้ว่าแฝดจะมาด้วย555

- หลังจากแฝดหยิบไปกินก็ การได้กินทาโกะในชุดฝึกนี่มันสดชื่นจริงๆ , นี่ กินสิๆ นี่มันอร่อยมากเลยนะ , ต้องมีส่วนผสมของตระกูลนารุมิยะอยู่แน่ๆถึงอร่อยขนาดนี้ , ไม่แปลกใจเลยที่ชูจะชอบทาโกะยากิ แอร๊ยยยยย น้องน่าจะทำอร่อยมากอ่ะะะะ ชายชูถึงได้ติดใจขนาดนี้ยยยย

- แฝดก็กินอย่างรวดเร็ว ส่วนชูที่ค่อยๆกินอย่างละเมียดละไมเพื่อให้ซึมซับทุกรสชาติ หันมาอีกที กล่องเปล่าไปแล้ว55555

- พอถึงเวลาต้องกลับ อ.ไซออนจิก็โทรมาเรียกให้น้องกับชูอยู่ก่อน ส่วนอีกสามคนให้กลับไปก่อน

- แล้วอ.ก็เรียกไปคุย บอกว่าน่าจะถึงเวลาแล้วที่ต้องบอกน้อง ว่าจริงๆแล้วอ.ได้แจ้งคุณแม่ของน้องไปแล้วว่าน้องกำลังฝึกอยู่กับตน ตอนเกิดอุบัติเหตุก็รู้อยู่แล้วแต่ไม่ได้บอกชู ขอโทษด้วยจริงๆ

- ชูก็บอกว่าไม่เป็นไร ตนคิดอยู่แล้วว่าน่าจะมีเหตุร้ายแรงอะไรบางอย่าง คิดว่ามินาโตะไม่น่าจะเลิกชอบธนูจนหยุดยิง

- จากนั้นอ.ก็บอกกับน้องว่า ที่จริงคุณแม่เคยเห็นวีดีโอตอนน้องยิงธนูแข่งกับชูตอนฝึกที่นี่แล้ว น้องทำให้ความฝันของคุณแม่ที่จะได้เห็นน้องยิงธนูเป็นจริงไปแล้วนะ ไม่ต้องเสียใจเรื่องนี้แล้ว

- ชูก็เอามือจับไหล่น้อง น้องก็ งั้นเหรอครับ

- จากนั้นน้องก็ขอโทษชูที่ขาดการติดต่อไปทั้งที่ตัวเองก็ไม่ได้ห่างหายไปจากสนามธนูเลย(น่าจะหมายถึงที่ฝึกยิงที่บ้านคนเดียว)  ชูก็บอกว่าไม่เป็นไร เข้าใจ

- น้องเอามือแตะมือชูที่อยู่บนไหล่ ดีใจที่แม่เคยได้ดูตนยิงธนูแล้ว แล้วน้องก็ร้องไห้ออกมา

 

โอ๊ยยยยยย สองคนนี้ก็คือออออ อยู่ในกันและกันมากอ่ะ แง๊~~~ แล้วอ.ไซออนจิก็คือชงไม่ไหว ชงแก้วแตกมาก ฮืออออ เลิฟอ.นะคะ >/////< คือแบบ ถ้าจับแต่งได้อ.คงจัดให้แล้วมั้งคะะะ 5555

 

ปล.แปลผิดแปลถูกยังไงก็ไปโทษกูเกิลทรานเอานาคะ คุณกวางก็ดำน้ำตามมันไปนี่แหละค่ะ5555 คือมันไม่ได้แปลเป๊ะๆอ่ะนะ บางทีเราก็ต้องมาตีความเองอีกว่ามันหมายความว่าไงวะเฮ้ย

 

ขอบคุณสำหรับทุกๆความคิดถึง ทุกๆคอมเม้นต์ ทุกๆหัวใจ ทุกๆการติดตาม ทุกๆโดเนทมากๆๆเลยนะคะ พักNCเรื่องยักษ์มาอู้อยู่นี่แป๊บ 555 แต่ตอนต่อไปของยักษ์ก็ชอบมากๆเหมือนกันค่ะ ไว้เจอกันน้า

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น