Tsurune. One-Shot.Fic [Shuu x Minato] หรือรักเรียกหา : 28 : END

 Tsurune. One-Shot.Fic [Shuu x Minato]   หรือรักเรียกหา : 28 : END


: Tsurune ; kazemai koukou kyudou-bu Short Fanfiction 

: Fujiwara Shuu x Narumiya Minato

: Warmhearted

: NC-17

  

คำเตือน : เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ    

  

 

**คำเตือน : ตอนนี้มีสปอยด์เนื้อหาในไลท์โนเวลเล่มสามนิดหน่อยนะคะ ถ้าใครไม่อยากรู้ก่อนจะรอดูอนิเมะซีซั่นสาม(น่าจะมีแหละน่า)ก็ข้ามไปนาคะ**

 

 

[วันนี้ฉันติดธุระ คงจะไปหามินาโตะไม่ได้ กลับบ้านดีๆนะ ถึงบ้านแล้วก็บอกด้วย]

 

ใบหน้ามนของนารุมิยะ มินาโตะก้มลงมองข้อความที่ฟูจิวาระ ชูส่งมาทางไลน์ ก่อนจะพิมพ์ข้อความตอบกลับไป

 

 

[อื้อ เข้าใจแล้ว]

 

ถึงจะตอบไปว่าเข้าใจ แต่ที่จริงเขาไม่เข้าใจอะไรสักอย่าง

 

ร่างโปร่งบางขึ้นคร่อมจักรยานก่อนจะปั่นออกไปสุดแรง ปั่นไปเรื่อยๆให้ความหงุดหงิดที่สะสมอยู่ในใจมันปลิวออกไปสักที!

 

เขากำลังงอนชูอยู่

 

เพราะงั้นเห็นอะไรก็รู้สึกหงุดหงิดไปเสียหมด

 

เขาพาลไม่อยากกลับบ้าน

 

ถ้าเขาไม่ส่งข้อความไปว่าถึงบ้านแล้ว ชูจะหันมาสนใจเขาไหม? ถ้าเขาเงียบหายไป ชูจะทิ้งอะไรๆทางนั้นแล้วรีบมาหาเขาหรือเปล่า?

 

เพราะงั้นมือบางจึงหักเลี้ยวไปอีกทาง ซึ่งห่างไกลจากทางกลับบ้าน...

 

 

ก็หมู่นี้ชูทำตัวน่าสงสัยมากกกก

 

ไม่ใช่แค่อาทิตย์สองอาทิตย์ แต่เป็นเดือนมาแล้ว

 

จากที่ปกติจะต้องตรงดิ่งมาหาเขาที่โรงเรียนทุกเย็นแล้วกลับบ้านพร้อมกัน ช่วงนี้ก็มีสองสามวันต่อสัปดาห์ที่ชูอ้างว่าติดธุระแล้วไม่มาหาเขา วันเสาร์อาทิตย์บางทีก็ไม่มา แล้วพอถามว่าไปไหนก็ไม่ตอบ

 

ทั้งๆที่ชูไม่เคยมีความลับกับเขา เขาถามอะไรก็จะตอบอย่างตรงไปตรงมาว่าไปไหน ทำอะไร แต่คราวนี้ถามยังไงก็ไม่บอก

 

มันน่าสงสัยจริงๆ

 

บันไดจักรยานหมุนวนไปเรื่อยๆอย่างรวดเร็ว ถึงจะไม่อยากกลับบ้านแต่เขาเองก็มีที่ที่จะไปไม่เยอะนัก พอโมโหทีไรก็มักจะมาที่นี่ทุกที

 

ซุปเปอร์มาร์เกต!!

 

ขาเรียวก้าวลงจากจักรยานก่อนจะก้าวฉับๆเข้าไปอย่างคนอารมณ์ไม่ดี มือบางคว้ารถเข็นไม่ใช่ตะกร้าอย่างทุกที สายตากวาดมองหามุมสินค้าลดราคาแล้วมุ่งหน้าไปตรงนั้นทันที!

 

จะไม่ให้เขาหงุดหงิดได้ยังไง

 

ก็มันมีอยู่หลายครั้งที่ชูหลุดปากเรียกชื่อชื่อหนึ่งออกมา

 

ลิลลี่...

 

นี่เป็น...ชื่อของผู้หญิงคนหนึ่งหรือเปล่า?

 

ดูจากโรงเรียนคิริซากิแล้วมันก็มีความเป็นไปได้ที่จะมีคนชื่อแบบนี้ เธออาจจะเป็นชาวต่างชาติหรือลูกครึ่ง อาจจะเป็นคนรู้จักของครอบครัวชู มีผลประโยชน์ทางธุรกิจกับที่บ้านชู

 

ช่วงนี้ที่ชูหายไปเพราะไปอยู่กับเธอใช่ไหม?

 

ถึงไม่ได้คิดว่าชูจะนอกใจแต่อย่างน้อยก็บอกเขาหน่อยสิว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใครและมีเหตุผลอะไรที่ต้องไปอยู่กับเธอ ถ้าไปด้วยเรื่องงานหรือเรื่องของที่บ้านเขาพร้อมจะเข้าใจอยู่แล้วแค่บอกเขา

 

แต่นี่ไม่ยอมบอกอะไรเลยแบบนี้มันก็ยิ่งมีพิรุธ

 

ยิ่งทำให้เขาสงสัย

 

ยิ่งทำให้เขาคิดมาก

 

ยิ่งทำให้เขาน้อยใจ

 

ริมฝีปากสีระเรื่อเม้มแน่นก่อนจะหยิบบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปลดราคาใส่รถเข็นเอาๆ นี่แหน่ะๆ! ลงรถเข็นของเขาไปซะเจ้าอุด้งซุปมิโสะหมูชู! ราเมนซุปโชยุชูยากิโซบะซอสเข้มข้นชู! อุด้งแกงกะหรี่ไก่ชู!

 

มันน่าโมโหจริงๆ ทำไมชูถึงไม่บอกเขา!

 

 

 

 

 

 

รู้ตัวอีกที...ท้องฟ้าภายนอกก็มืดขนาดนี้แล้วเหรอเนี่ย~

 

มือบางเข็นรถเข็นที่ล้นทะลักออกมาจากซุปเปอร์มาร์เก็ตพลางถอนหายใจ พอได้ระบายออกไปกับการซื้อของลดราคา ใจก็ค่อยเย็นลงได้หน่อย

 

ติ๊ง!

 

ใบหน้ามนก้มลงไปมองโทรศัพท์มือถือในกระเป๋านักเรียนหลังจากที่มันส่งเสียงดังออกมา ใครส่งข้อความมากัน?

 

[มินาโตะ ถึงบ้านปลอดภัยดีใช่ไหม? ทำไมไม่ไลน์มาบอกล่ะ?]

 

ชูนี่เอง...เขาลืมเรื่องนี้ไปเลย

 

[ยังไม่ถึง]

 

เขาพิมพ์ตอบไปสั้นๆเพราะกำลังประคองไม่ให้ห่อบะหมี่ที่ล้นทะลักหล่นลงมาจากรถเข็น

 

ติ๊ง!

 

[แล้วอยู่ไหน? เกิดอะไรขึ้น? ทำไมยังไม่กลับบ้าน?]

 

[อยู่ข้างนอก ไม่ต้องสนใจฉันหรอก]

 

เขาตอบไปอย่างแง่งอนก่อนจะหันมาสนใจรถบะหมี่ของตนต่อไป...ทีนี้เขาจะเอามันกลับบ้านยังไงเนี่ย?!

 

ติ๊ง!

 

[มินาโตะ อยู่ไหน?]

 

ติ๊ง!

 

[มินาโตะ เกิดอะไรขึ้นรึเปล่า? นายอยู่ไหน?]

 

ติ๊ง!

 

[มินาโตะ ตอบฉันหน่อย ฉันเป็นห่วงนะ]

 

ติ๊ง!

 

[เซยะบอกว่ามินาโตะยังไม่กลับบ้านจริงๆด้วย นายอยู่ไหน? ตอบฉันที]

 

ทางนั้นก็อะไรนักหนาเนี่ย เขากำลังแก้ปัญหาเรื่องบะหมี่แห่งความวู่วามอยู่ไม่รู้รึไง!

 

ติ๊ง!

 

[ฉันกำลังไป ฉันจะหามินาโตะให้เจอเอง]

 

ชูส่งข้อความมารัวๆ สมใจเขาแล้วไหมละที่อยากให้ชูสนใจ...

 

ถึงกับโทรไปเช็คกับเซยะ แล้วก็ร้อนลนรีบออกมาหาเขาทันที เขายังมีอะไรต้องสงสัยในตัวชูอีก?

 

แต่ถึงอย่างงั้นก็บอกเขาสิว่ากำลังทำอะไรอยู่กับผู้หญิงที่ชื่อลิลลี่นั่น! ใบหน้ามนฟึดฟัดอย่างแง่งอน

 

[.....ฉันอยู่ที่ซุปเปอร์มาเก็ต]

 

เขายอมพิมพ์บอกไป เพราะรู้ว่าชูรักเขามาก  ในเมื่อตอนนี้เขากำลังงอน แล้วทำยังไงเขาถึงจะหายงอน?

 

ก็ต้องเอาตัวเองไปอยู่ในจุดที่จะให้ชูง้อได้น่ะสิ! 

 

ติ๊ง!

 

[เข้าใจแล้ว ฉันกำลังไป รอก่อนนะ]

 

 

 

 

 

ชูวิ่งกระหืดกระหอบลงมาจากรถที่จอดห่างออกไป เขานั่งรอชูอยู่ที่ม้านั่งหน้าซุปเปอร์มาร์เก็ตพร้อมกับของที่กองเป็นภูเขา  ชูผงะไปน้อยๆเมื่อมองเห็นของพวกนั้นเข้า

 

“เอ่อ...มินาโตะ...นี่อะไรน่ะ?”   เสียงทุ้มถามออกมาในขณะที่เหงื่อยังเกาะพราวอยู่ตามไรผม

 

“.......”    ใบหน้ามนเงยมองนิ่งๆด้วยสีหน้างอนๆ

 

“แล้วทำไมถึงตอบข้อความช้านัก ฉันเป็นห่วงมินาโตะมากเลยรู้ไหม ฉันร้อนใจไปหมดกลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับมินาโตะ”    มือใหญ่ทั้งสองข้างจับไหล่บางก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่ที่เห็นเขามีท่าทางปกติดี

 

“โทษทีที่ตอบช้า เพราะฉันกำลังคิดว่าจะขนของพวกนี้กลับบ้านยังไงอยู่น่ะ”

 

“แล้วของพวกนี้มันอะไร? มินาโตะถูกรางวัลงั้นเหรอ?”

 

“เปล่าซักหน่อย แต่มันเป็นความผิดนายนั่นแหละชู”    เขาจ้องชูเขม็ง

 

“ความผิดฉันเหรอ? ??”    ชูทำหน้างง เขาจึงขมวดคิ้วก่อนที่เสียงใสจะเอ่ยสั่งออกไป

 

“นั่งลงเดี๋ยวนี้!

 

“ครับ...”    ชูนั่งลงข้างๆตามคำสั่งของเขา ท่าทางเหมือนสามีที่กำลังถูกภรรยาดุเพราะกลับบ้านดึกยังไงอย่างงั้น

 

เห็นทีคงต้องคุยกันให้รู้เรื่องแล้วละ เก็บไว้นานกว่านี้ก็มีแต่จะทำให้เรื่องบานปลายเปล่าๆ เขาต้องบอกชูว่าเขารู้สึกยังไง อีกอย่าง...เขาก็มักจะนึกถึงเรื่องแม่ของเขา ถ้าปล่อยไว้มันอาจจะสายเกินกว่าจะได้ปรับความเข้าใจกันก็ได้

 

เพราะงั้นเวลามีอะไรเขาจึงมักจะรีบคุยรีบเคลียร์กันให้จบๆไป พูดกันตรงๆไม่อ้อมค้อม จะได้ไม่ต้องคิดไปเอง

 

เขาจึงนั่งเผชิญหน้ากับชูด้วยสีหน้าจริงจัง

 

“ก่อนอื่น ลิลลี่เป็นใคร? แล้วที่ช่วงนี้นายหายไปบ่อยๆนี่แพราะนายไปอยู่กับเธอมาใช่ไหม?”   ดวงตากลมโตจ้องมองอย่างคาดคั้น

 

“เอ่อ...”    ชูยังคงอ้ำๆอึ้งๆ

 

“มินาโตะรู้จักลิลลี่ด้วยเหรอ? ไปรู้มาจากไหน?”

 

“ก็เพราะนายหลุดปากพูดออกมาเองน่ะสิ”

 

“คือว่า...”    ชูน่าจะกำลังหาทางเลี่ยงที่จะไม่ตอบคำถามเขาเหมือนทุกที เขาจึงถอนหายใจแล้วพูดออกไปตรงๆ

 

“ก็เพราะว่าชูไม่ยอมบอกอะไรฉันเลย ฉันถึงได้คิดมาก ฉันหึง ฉันน้อยใจ แล้วฉันก็โมโหนาย จนรู้ตัวอีกทีก็ซื้อของลดราคาพวกนี้มาจนเต็มรถเข็นไปแล้วเห็นมั๊ยเนี่ย!

 

ชูถึงกับผงะไปเมื่อได้รับรู้ความรู้สึกของเขา สีหน้าของชูเปลี่ยนจากอึ้งเป็นรู้สึกผิด แล้วหลังจากมองไปที่กองผลลัพธ์ชูก็ค่อยๆถามออกมา

 

“มินาโตะ.....โมโหหึง ก็เลยไปลงกับของลดราคางั้นเหรอ?”  

 

“ก็ใช่น่ะสิ! เป็นเพราะนายนั่นแหละ ตอบมาเลยนะว่าลิลลี่เป็นใคร?!

 

“อุ๊บ...ฮึๆๆๆ”    จู่ๆชูก็เปลี่ยนอารมณ์แล้วขำออกมาเฉย

 

“ง่ะ?!”    ทำเอาอารมณ์ที่กำลังขุ่นมัวของเขาหยุดชะงักไปเลย

 

“มินาโตะน่ารักชะมัด ฮะๆๆ”

 

“ชู~ ไม่ขำนะ! ตอบมาก่อน”   เขาขมวดคิ้วก่อนจะกอดแขนของชูอย่างคาดคั้น ไม่รู้แหละ ยังไงวันนี้เขาก็ต้องได้คำตอบ!

 

ชูกลั้นหัวเราะจนท้องคัดท้องแข็งก่อนจะผ่อนลมหายใจแล้วหันมาเผชิญหน้ากับเขาตรงๆ

 

มือใหญ่ยกขึ้นมาลูบแก้มเขาด้วยสายตาเอ็นดูระคนขอโทษ

 

“เข้าใจแล้ว...พรุ่งนี้...เราไปเจอลิลลี่ด้วยกันไหม? ฉันจะแนะนำเธอให้มินาโตะรู้จัก”   ดวงตากลมโตเบิกกว้างอย่างไม่คิดว่าชูจะยอมพาเขาไปเจอกับผู้หญิงคนนั้นง่ายๆแบบนี้

 

ถ้าถามว่าอยากเจอไหมเขาก็ตอบไม่ได้เหมือนกัน แต่ถ้าไม่ไปเจอก็คงจะรู้สึกค้างคาใจอยู่แบบนี้แน่ๆ

 

“....เอางั้นก็ได้”    เสียงงึมงำจึงเอ่ยออกไป ถ้าชูยอมพาเขาไปเจอเธอ ชูก็น่าจะมั่นใจแล้วว่าเธอจะไม่มีทางทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาสั่นคลอนได้

 

“ขอโทษที่ทำให้กังวลนะ แต่มันไม่มีอะไรจริงๆ พรุ่งนี้ถ้ามินาโตะได้เจอเธอก็จะรู้เอง”

 

“อื้อ”    ถ้าชูว่าอย่างงั้นเขาก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไม่เชื่อชู ที่ผ่านมาชูก็พยายามหลีกเลี่ยงผู้หญิงทุกคนมาตลอด ครั้งนี้คงเลี่ยงไม่ได้จริงๆ

 

ไม่ใช่ว่าเขามีความมั่นใจในตัวเองมากเกินไป แต่เป็นเพราะชูที่ทำให้เขาเชื่อมั่นมาตลอดว่าเขาคือที่หนึ่งและชูจะไม่มีวันหันไปมองคนอื่น

 

“งั้นวันนี้เรากลับกันก่อนไหม? เอาของใส่รถฉันก็แล้วกัน เดี๋ยวฉันไปส่ง”    เขาจึงพยักหน้ารับเบาๆ ชูช่วยเขาขนถุงใส่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่กินได้อีกสองปีไปที่รถ

 

“มินาโตะ คราวหน้าใช้บัตรใบนี้รูดนะ ของฉันเอง ฉันให้นายไว้เลย”

 

“นายจะทำผิดให้ฉันโมโหอีกรึไงชู?”

 

“ไม่หรอก”

 

“งั้นก็ไม่ต้องให้ไว้สิ”

 

“เก็บไว้เถอะ ต่อให้ไม่ได้โมโหหึงแต่โมโหอะไรมา มินาโตะก็ใช้มันได้เลย”

 

“.....เห็นฉันเป็นคนยังไงเนี่ย?”

 

“คนน่ารัก ที่โมโหได้น่ารักสุดๆ”

 

“ง่ะ!

 

“ว่าแต่...นายคิดจะง้อฉันด้วยบัตรเครดิตนี่รึไงชู?...”

 

“แบล็คการ์ดเชียวนะ ดีกว่าดอกไม้เป็นไหนๆ”

 

“เจ้าหมอนี่...”

 

เสียงบทสนทนาค่อยๆจางหายไปตามระยะทางที่ทั้งสองคนเดินไป แต่ดูเหมือนบรรยากาศที่น่าอึดอัดใจได้เบาบางลงไปบ้างแล้ว...

 

 

 

 

 

 

ถุงใบสุดท้ายถูกวางลงที่โถงทางเข้าบ้านของมินาโตะ

 

“ฉันกลับก่อนนะมินาโตะ”    ใบหน้าหล่อเหลาหันไปยิ้มจางๆให้ มินาโตะยังคงมองเขานิ่งๆไม่พูดไม่จา อาจจะยังหลงเหลือความงอนอยู่น้อยๆซึ่งเขาก็ทำได้แค่ยอมรับความผิดที่ไม่บอกกับมินาโตะให้ชัดเจน และการที่เขายอมถอยออกไปในคืนนี้ มีระยะห่างและเวลาให้มินาโตะได้พักก็น่าจะดีกว่า

 

ร่างสูงสง่าจึงหันหลังเตรียมก้าวออกไป

 

ทว่า

 

ชายเสื้อของเขากลับถูกรั้งเอาไว้...

 

นัยน์ตาสีม่วงเหลือบลงไปมองมือบาง...มันกำอยู่ที่ชายเสื้อของเขา...ก่อนจะสลับขึ้นมามองหน้ามินาโตะ  ดวงตาสีมรกตใสเองก็จ้องมองมาที่เขา พวกเราต่างมองกันไปมาโดยไม่มีคำพูดใด

 

แต่เขากลับเข้าใจ

 

“ไม่อยากให้ฉันกลับเหรอ?”

 

“......”    ดวงตาใสๆช้อนมองเขา ริมฝีปากของมินาโตะเม้มแน่นจนแก้มป่องออกมา

 

“กลัวฉันจะไปหาลิลลี่?”

 

“......”    ใบหน้ามนทั้งอ้อนทั้งงอนจนอยากจับฟัดให้รู้แล้วรู้รอด อ้า...ให้ตายเถอะ มินาโตะน่ารักเกินไปแล้ว!

 

ถึงมินาโตะตอนหึงตอนงอนแบบนี้จะน่ารักมากก็เถอะ แต่เขาก็ไม่อยากทำให้มินาโตะไม่สบายใจไปมากกว่านี้แล้ว

 

“เข้าใจแล้ว ถ้างั้นก็ไปหาลิลลี่กันตอนนี้เลยเถอะ”    มือใหญ่ประคองไปที่แก้มใส นิ้วโป้งขยับเกลี่ยไล้ผิวนุ่มนิ่มนั่นอย่างเอ็นดู

 

“เอ๊ะ? ตอนนี้เหรอ? มืดแล้วนะ”    ท่อนแขนแข็งแรงรวบเอวบางก่อนจะพากลับไปที่รถอีกรอบ

 

“ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวฉันสั่งให้เขาเปิดไฟทั้งสนามให้”

 

“สนาม?”

 

 

 

 

 

แล้วมันก็เป็นสนามอย่างที่ชูว่าจริงๆ แต่ไม่ใช่สนามฟุตบอลหรือสนามเทนนิส ไม่ใช่สนามบาสหรือสนามยิงธนู

 

แต่เป็นสนามขี่ม้า!

 

ไฟทั้งสนามสว่างจ้าเผยให้เห็นสนามหญ้าที่ถูกตัดไว้อย่างดี ดวงตากลมโตมองข้ามรั้วโปร่งเข้าไปเห็นลู่วิ่งและเครื่องกีดขวางสำหรับการฝึกม้าวางอยู่ทั่วไป และชายคนหนึ่งก็กำลังจูงม้าตัวสูงใหญ่เข้ามาหาพวกเขา

 

มันเป็นม้าสีขาวปลอดทั้งตัว

 

แว่บแรกที่ได้มองเห็นมันชื่อชื่อหนึ่งก็ลอยก้องอยู่ในหัว เพราะเจ้าม้าที่แสนสง่างามตัวนี้ชวนให้นึกถึงดอกไม้สีขาวที่ดูสูงส่งดอกนั้นไม่มีผิด

 

คงไม่ใช่...อย่างที่คิดหรอกใช่ไหม...

 

“เดี๋ยวผมจัดการเอง”    ชูพูดกับชายคนนั้นก่อนจะรับสายจูงมา

 

“ครับนายน้อย จะกลับเมื่อไหร่ก็เรียกผมนะครับ”    ชูพยักหน้ารับ ชายคนนั้นจึงเดินจากไป เหลือแค่พวกเขาสองคนกับม้าอีกหนึ่งตัว

 

“นี่คือลิลลี่”    เสียงทุ้มเอ่ยขณะที่เอื้อมมือไปสัมผัสจมูกสีขาวเบาๆ เป็นอย่างที่คิดจริงๆด้วย!

 

“ละ ลิลลี่...คือชื่อของเจ้านี่งั้นเหรอ?”     ใบหน้ามนถึงกับอ้าปากค้าง ดวงตาเบิกกว้างจ้องมองม้าสีขาวตรงหน้า มองแล้วมองอีกว่าตนไม่ได้ตาฝาดไป

 

แต่ดูยังไงนี่ก็ม้าชัดๆ...ม๊า ม้า เลยด้วยนะ!

 

ลิลลี่...คือม้างั้นเหรอ?!

 

แล้วที่ผ่านมา เขาหึงม้าอย่างงั้นเหรออออ!!

 

ดวงตากลมโตตวัดไปมองชูอย่างคาดโทษ ใบหน้าหล่อเหลาหัวเราะแหะๆก่อนจะยกสองมือขึ้นมาในท่ายอมแพ้ แค่ม้าทำไมถึงไม่ยอมบอกเขาดีๆเนี่ย?!

 

ถึงว่า ชูดูไม่ทุกข์ไม่ร้อนเท่าไหร่ตอนถูกเขาจับได้ ถ้าเป็นผู้หญิงจริงๆน่าจะต้องพยายามอธิบายกันวุ่นวายกว่านี้ไปแล้ว

 

ชูนะชู!

 

“ลองจับดูสิมินาโตะ”    มือใหญ่เอื้อมมากุมมือเขาไปสัมผัสกับใบหน้าของเจ้าลิลลี่เบาๆ ขนของมันไม่ได้หยาบกร้านอย่างที่คิด เขาจึงเผลอลูบมันอย่างหลงใหล

 

“ขนสวยจัง...นึกถึงดอกลิลลี่สีขาวเลย”    เขามองมันด้วยสายตาอ่อนโยนและเป็นประกาย แพขนตาสีขาวที่ยาวมากของมันปิดลง มันกำลังหลับตาพริ้มยามที่ถูกเขาลูบหัว

 

“มันดูจะชอบมินาโตะนะ”    ชูยิ้มในขณะที่ยืนมองเขากับลิลลี่อยู่ใกล้ๆ

 

“ฉันก็ชอบมัน ต้องเรียกว่าลิลลี่สินะ? ว่าไงลิลลี่”   มือบางยังคงลูบหัวมันไปมาราวกับเล่นกับหมา

 

“ใครๆก็บอกว่ามันเป็นม้าอารมณ์ร้าย แต่เวลาอยู่กับฉันมันกลับเชื่อฟังและเชื่องมาก”

 

“ม้าก็ยังชอบคนหล่อสินะ? คิกๆ”    เขาเอ่ยแซว ดูจากที่ตัวมันเองก็เป็นม้าที่สง่างามมาก มันคงชอบให้คนที่สมบูรณ์แบบราวกับเจ้าชายอย่างชูขี่มันมากกว่าคนอื่นแน่ๆ

 

“ม้าก็ชอบคนใจดี(เหมือนเจ้าหญิงดิสนีย์)เหมือนกัน”    ในวงเล็บฟูจิวาระ ชูต้องพูดในใจ ดวงตาสีม่วงทอดมองภาพตรงหน้าด้วยสายตาอ่อนโยน

 

เขาคิดไว้ไม่ผิดว่าลิลลี่น่าจะเข้ากับมินาโตะได้และมันต้องชอบมินาโตะแน่ทั้งๆที่ไม่ใช่ใครก็ได้นะที่มันจะยอมให้จับ กว่าเขาจะหาพี่เลี้ยงให้มันได้ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยเพราะกับคนอื่นมันพยศมาก

 

มันก็สมกับที่เป็นม้าของตระกูลฟูจิวาระ มันเลือกเจ้าของ มันเลือกคนที่จะยอมให้แตะต้องมันได้

 

และมินาโตะก็เป็นคนที่สัตว์ทั้งโลกหลงรักและไว้ใจ ลิลลี่เองก็คงสัมผัสได้ถึงจิตใจที่ใสซื่อบริสุทธิ์ของมินาโตะเช่นกัน

 

“ฮะฮะ นี่ฉัน...หึงเจ้านี่เองงั้นเหรอ มันน่ารักออกขนาดนี้”   ลิลลี่ซุกไซร้หัวตัวเองกับมือมินาโตะเหมือนกับจะไม่อยากให้มินาโตะหยุดลูบหัวมัน

 

“ขอโทษด้วยจริงๆที่ยังไม่ได้บอกมินาโตะ เพราะว่าฉันเพิ่งจะเริ่มฝึก ฉันยังไม่เก่ง ฉันอยากบอกมินาโตะตอนที่ขี่เป็นแล้ว แต่ไม่นึกว่ามินาโตะจะคิดมาก ขอโทษนะ”    ร่างสูงสง่าเท้าแขนลงกับรั้วโปร่งที่สูงแค่เอวก่อนจะพูดออกมา ผู้ชายทุกคนย่อมอยากจะดูดีในสายตาคนรัก แล้วการขี่ม้าก็เป็นอะไรที่ยาก เขาจึงไม่อยากให้มินาโตะเห็นเขาตอนเพิ่งเริ่มฝึกซึ่งมันดูไม่ดีเอาเสียเลย  แต่เขาก็ไม่ทันคิดจริงๆว่ามินาโตะจะคิดมาก ถ้าเขารู้แบบนี้ก็คงจะรีบบอกไปตั้งแต่แรกแล้ว

 

“อื้อ ไม่เป็นไรแล้วละ จริงๆฉันก็แค่อยากรู้ว่าชูไปทำอะไร อยู่ที่ไหน กับใครก็เท่านั้นแหละ นายมักจะมาวนเวียนอยู่รอบๆตัวฉันทุกวันนี่นา พอไม่อยู่แล้วมันก็เลยวุ่นวายใจแปลกๆน่ะ ฉันก็ขอโทษนายเหมือนกันที่งอแง”   มินาโตะยังลูบหัวลิลลี่เล่นในขณะที่พูดออกมา

 

“แต่ไม่ใช่ว่าฉันไม่เชื่อใจชูหรอกนะ ก็แค่น้อยใจนิดหน่อยเองที่นายไม่ยอมบอก”   เขามองมินาโตะด้วยสายตาลึกซึ้ง พวกเราไม่เคยทะเลาะหรือเข้าใจผิดกันแรงๆก็เพราะมินาโตะเป็นเด็กผู้ชายแมนๆแบบนี้แหละ มินาโตะเลือกที่จะพูดกับเขาตรงๆแทนที่จะเก็บไว้ในใจ ทำให้ความสัมพันธ์ของเราไม่เคยอึดอัด เวลาอยู่กับมินาโตะเขาจึงสบายใจ

 

“ต่อไปฉันจะบอกมินาโตะทุกเรื่องเลย”   เขาพลิกตัวกลับมาใช้แผ่นหลังพิงรั้วกั้นไว้แล้วมองหน้ามินาโตะ

 

“ดีมาก”

 

“ถึงมินาโตะตอนหึงจะน่ารักมากก็เถอะ”

 

“ชู...”    ใบหน้ามนหันมาหรี่ตามองเขาจนเขาเผลอหัวเราะออกมา ดูทำหน้าเข้าสิ น่ารักชะมัด

 

“ว่าแต่ ทำไมถึงฝึกขี่ม้าล่ะ?”   มินาโตะถาม  ซึ่งเขาก็แทบไม่ต้องใช้เวลานึกหาคำตอบ เพราะเหตุผลของเขาไม่เคยหนีพ้นเรื่องธนูเลย

 

“ถ้าขี่ม้าไม่เป็นก็จะยิงธนูบนหลังม้าไม่ได้น่ะสิ ยาบุซาเมะน่ะ”    

 

ยาบุซาเมะเป็นพิธีกรรมของชินโตซึ่งจะเป็นการยิงธนูจากบนหลังม้าที่วิ่งด้วยความเร็วเต็มที่ ไม่เพียงแต่เป็นศิลปะการต่อสู้เท่านั้น ยังเป็นการสวดมนต์เพื่อความสงบสุขของประเทศและประชาชนอีกด้วย

 

“ฉันอยากยิงธนูเป็นทุกรูปแบบ”

 

ใบหน้ามนทึ่งไปเล็กน้อยเมื่อได้ฟังคำตอบของชู...

 

ผู้ชายคนนี้ไม่ได้ฝึกขี่ม้าเพราะเป็นกีฬาของพวกคนรวย ไม่ได้ฝึกขี่ม้าเพื่อใช้เข้าสังคมที่มีแต่พวกชนชั้นสูง...แต่ฝึกขี่ม้า...เพราะว่าอยากยิงธนูบนหลังม้า

 

ชูรักการยิงธนูมากจริงๆ

 

เขาไม่เคยเห็นใครทุ่มเทให้กับธนูมากขนาดนี้มาก่อน

 

ขนลุกเลย...

 

แล้วทำไมเขาถึงดีใจมากเขาก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน เขารู้สึกปลื้มอยู่ในใจจนอดที่จะโผเข้าไปกอดชูไม่ได้ ใบหน้าหล่อเหลานั่นถึงกับงง

 

“เท่ห์จัง ทำไมนายเท่ห์แบบนี้เนี่ยชู?”   เขาเงยหน้าขึ้นมาถามตาใส ชูถึงกับผงะไป

 

“ต้องให้ฉันตอบยังไงดี ฮะฮะ”   ชูยิ้มเขินๆก่อนจะจ้องหน้าเขาตรงๆ

 

“ฉันชอบการยิงธนู และมินาโตะก็เป็นส่วนหนึ่งของธนูดอกนั้นสำหรับฉัน ฉันอยากจะศึกษาศาสตร์แห่งการยิงธนูให้ลึกซึ้ง เหมือนกับที่อยากเป็นคนที่ดีที่สุดสำหรับมินาโตะ อยากเก่งที่สุด พึ่งพาได้ที่สุด เพื่อให้มินาโตะเลือกฉัน ไม่ไปจากฉัน”   เขาถึงกับหน้าขึ้นสีเมื่อได้ฟัง นี่มันยิ่งกว่าคำสารภาพรักเสียอีก

 

แขนบางกอดกระชับเอวของชูก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปพูดด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม

 

“แค่นี้ก็รักจะแย่แล้ว ถ้านายยังเก่งขึ้นกว่านี้ ฉันจะทำไงดีล่ะ? ต้องรักนายไปจนวันตายแน่เลยอ่ะชู” 

 

“ฮะๆๆ ฉัน...ก็ต้องการแบบนั้นแหละ”     ชูสวมกอดเอวเขาไว้เช่นกัน ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มของชูก้มลงมาจูบที่ปลายจมูกเขาเบาๆ

 

โลกสีชมพูยังคงแผ่กระจายอยู่ตรงนั้นไปอีกพักใหญ่

 

 

 

 

 

 

 

[มินาโตะ อยากมาดูฉันฝึกขี่ม้าไหม?]   

 

ชูส่งข้อความมาในบ่ายวันอาทิตย์และตอนนี้เขาก็ไม่ได้ติดอะไร

 

[ไปได้เหรอ?]    

 

มือบางจึงส่งข้อความกลับไป

 

[ได้สิ เดี๋ยวให้คนขับรถไปรับนะ]

 

ไม่นานรถของชูก็มารับเขาถึงบ้าน 

 

สนามขี่ม้าตอนกลางวันนั้นดูสว่างไสวและสดชื่นมาก ทั้งยอดหญ้าที่ทอประกาย รั้วไม้สีขาว แล้วยังจะอาคารรับรองสไตล์อังกฤษที่ตั้งอยู่ข้างๆ บนผนังหินสีเทาของมันมีกุหลาบสีงาช้างเลื้อยพันจนแทบเต็มพื้นที่ แค่ได้มองอยู่ไกลๆยังรู้สึกราวกับกลิ่นหอมอบอวลเหล่านั้นจะลอยละล่องมาแตะจมูกเลยทีเดียว

 

แล้วยิ่งประกอบกับร่างสูงสง่าที่นั่งอยู่บนหลังม้าภาพตรงหน้านี้จึงไม่ต่างจากภาพในเทพนิยายเลย

 

ร่างโปร่งบางยืนเกาะรั้วมองอย่างชื่นชม ชูกำลังควบม้าจากด้านหนึ่งไปยังอีกด้านหนึ่งของสนาม ความเร็วนั้นเทียบเท่ารถยนต์คันหนึ่งได้เลยทีเดียว จากนั้นก็เปลี่ยนมาวิ่งช้าๆกระโดดข้ามสิ่งกีดขวางต่างๆ ชูควบคุมลิลลี่ได้ดีมาก ดีจนดูแทบไม่ออกเลยว่าเพิ่งฝึกมาได้ไม่นานเท่าไหร่ และไม่ว่าจะควบด้วยความเร็วหรือวิ่งเหยาะๆ ชูก็ยังคงสง่างามมาก

 

ความรู้สึกภาคภูมิที่เอ่อล้นอยู่ในใจนี้ทำให้เขาเริ่มจะเข้าใจแล้วว่าทำไมใครต่อใครถึงชอบอวดแฟนของตัวเองนัก 

 

ก็ดูสิ ชูของเขาหล่อมากเลยนะ

 

แขนบางเท้าลงกับขอบราวกั้น ใบหน้ามนเผลออมยิ้มไปกับภาพอันเพลินตาตรงหน้า ร่างสูงสง่าของชูอยู่ในเสื้อเชิ้ตเข้ารูปสีขาวแขนยาว มีเสื้อกั๊กสีเทาคลุมอีกชั้น กางเกงสำหรับใส่ขี่ม้าสีดำมีรองเท้าบูทยาวทับจนถึงหัวเข่า ขอบรองเท้าบูทที่พับลงไปเป็นหนังสีเทาเข้ากับสีของเสื้อกั๊ก ไม่ว่าจะรายละเอียดเล็กๆน้อยๆอย่างกระดุมหรือระบายที่คอเสื้อล้วนถูกคัดเลือกและตัดเย็บมาอย่างพิถีพิถัน มันเข้ากันตั้งแต่หัวจรดเท้า

 

ชูเหมือนเจ้าชายมากจริงๆ

 

"มินาโตะ"   และเมื่อชูหันมาเห็นเขาเข้า เจ้าลิลลี่สีขาวก็วิ่งเหยาะๆมาหาเขาทันที

 

"มาถึงนานรึยัง?"   ชูกระโดดลงจากหลังม้าก่อนจะส่งสายจูงให้พี่เลี้ยง

 

"เพิ่งถึง"   เขายิ้มให้ชูก่อนที่มือใหญ่จะดันหลังเขาเบาๆให้เดินไปในทิศทางที่ชูต้องการ นั่นก็คืออาคารรับรองอวลกลิ่นกุหลาบหลังนั้น

 

"ไปเปลี่ยนชุดกันเถอะมินาโตะ"   เสียงทุ้มเอ่ยบอก เขาจึงขมวดคิ้ววอย่างสงสัย

 

"จะเลิกฝึกแล้วเหรอ?"

 

"เปล่า มินาโตะต่างหากที่ต้องเปลี่ยนชุด"    ห๊ะ? ยิ่งฟังยิ่งสงสัยหนักกว่าเดิมอีกคราวนี้

 

"ทำไมฉันต้องเปลี่ยนชุดด้วยล่ะ? แค่มานั่งดูเฉยๆเองนะ?"   คงไม่ใช่ว่าจะให้เขาเปลี่ยนไปใส่ชุดปอมปอมแล้วยืนเชียร์อยู่ข้างสนามหรอกนะ?

 

"ใครว่าจะให้ดูเฉยๆล่ะ"    บนขมับเขาเริ่มมีเหงื่อแตกพลั่ก 

 

"เราจะขี่ม้าไปปิกนิกกัน"   อ่อไม่ใช่ชุดปอมปอมเชียร์สินะ

 

"หื๋อ?"    เขาถึงกับหันควับไปมองชูเมื่อสติสตังเริ่มจับใจความได้ ขี่ม้า? ไปปิกนิก?

 

"ไปเถอะน่า เดี๋ยวก็รู้เอง"   ชูดันหลังเขาเข้าไปในห้องหนึ่งของอาคารสไตล์อังกฤษนั่น

 

ภายในห้องมีสภาพไม่ต่างจากห้องรับแขกที่ตกแต่งไว้อย่างหรูหราเลยสักนิด ไม่ว่าจะโซฟาสีสะอาดตาตรึงหมุดดูเรียบหรู หรือจะเฟอร์นิเจอร์ไม้ที่เน้นไปทางสีขาวงาช้างรับกับหน้าต่างบานใหญ่ซึ่งมีคิ้วไม้สีขาวตีเป็นช่องเล็กๆจนสามารถมองเห็นเถากุกลาบที่เลื้อยพันอยู่ด้านนอก บานที่เปิดได้ก็เป็นกรอบผนังหนาให้นั่งได้ด้วย

 

ชูเดินไปที่ราวแขวนเสื้อซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากโซฟา ก่อนที่มือใหญ่จะหยิบชุดที่อยู่ในไม้แขวนออกมาชุดหนึ่ง

 

มันคล้ายกับชุดที่ชูใส่อยู่แต่มีขนาดเล็กกว่าไม่ต้องสงสัยเลยว่านั่นเป็นชุดของใคร

 

"ห้องน้ำอยู่ตรงนั้น หรือมินาโตะจะเปลี่ยนให้ฉันช่วยดูตรงนี้ก็ได้"    ชูยิ้มเจ้าเล่ห์จนเขาต้องรีบคว้าชุดนั้นมา ช่วยดูอะไรล่ะ ขืนเปลี่ยนตรงนี้คงไม่ต้องไปไหนกันพอดี!

 

เขาเดินเข้าไปเปลี่ยนชุดในห้องน้ำ บนไม้แขวนมันมีแค่เสื้อเชิ้ตกับกางเกงขายาวเท่านั้น เขาจึงเปลี่ยนมันได้ไม่ยาก

 

"พอดีตัวเลยใช่ไหม?"    ชูมองสำรวจเมื่อเขาเดินออกมา

 

"อื้อ"   เขาไม่ได้แปลกใจหรอกที่ชุดมันจะพอดีตัวเขาเป๊ะแบบนี้ ก็คนที่รู้สัดส่วนของเขาดีที่สุดก็คงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากชู

 

ใบหน้ามนก้มลงมองเสื้อเชิ้ตที่มีระบายเล็กๆติดอยู่บริเวณสาบเสื้อ มันให้อารมณ์เหมือนชุดของพวกขุนนางยุคก่อนๆเลย แก้มเขาร้อนผ่าวนิดๆด้วยความเขินเพราะไม่คิดว่าจะได้มาใส่ชุดอะไรแบบนี้

 

"ยกแขนสิมินาโตะ"   เสียงชูกระซิบอยู่ข้างหลัง เมื่อเขาเหลือบไปมองจึงเห็นว่าชูกำลังกางเสื้อกั๊กให้เขาอยู่ แขนบางจึงสอดเข้าไปในแขนเสื้อ

 

ชูจับไหล่เสื้อให้เข้าที่ก่อนจะสอดแขนมาจากทางด้านหลัง มือใหญ่ค่อยๆติดกระดุมเสื้อกั๊กให้ลมหายใจคลอเคลียอยู่กับแก้มใสจนบัดนี้มันแดงระเรื่อไปหมดแล้วยิ่งกระดุมอยู่ต่ำลงไปมากเท่าไหร่ แผงอกกว้างก็ยิ่งแนบชิดกับแผ่นหลังบางมากขึ้นเท่านั้นนี่แค่ช่วยใส่เสื้อเองนะ

 

เขาถูกดันให้นั่งลงไปบนโซฟา ชูหยิบรองเท้าบูทมาก่อนจะคุกเข่าลงไปตรงหน้า

 

ฝ่ามือใหญ่ค่อยๆเอื้อมมาจับฝ่าเท้าเล็กๆของเขาก่อนจะสวมรองเท้าบูทให้ ตอนนี้หน้าเขาร้อนเป็นไฟและหัวใจก็เต้นแรงมากกับสิ่งที่ชูทำให้เขา เป็นใครจะไม่หลงรักเจ้าชายผู้แสนอ่อนโยนคนนี้บ้าง

 

"เสร็จแล้ว"   ชูเงยหน้าขึ้นมามองส่วนเขานั้นยกมือปิดหน้าแทบไม่ทัน ชูจึงหัวเราะเบาๆกับความเขินอายของเขาอย่างอารมณ์ดี

 

"มินาโตะน่ารักมาก…"    ชูมองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนจะเอ่ยออกมา หน้าเขายังไม่ทันจะหายร้อนดีก็เอาอีกแล้วเร๊อะ

 

เขาเสสายตาหลบไปมองนกมองไม้  ชุดของเขากับชุดของชูนั้นตัดมาคู่กันอย่างไม่ต้องสงสัย ถึงจะมีดีเทลเล็กๆน้อยๆที่ต่างกันบ้างแต่โดยรวมแล้วก็แทบจะเหมือนกัน

 

"ไปกันเลยไหม?"   ชูก้มลงมายิ้มให้อย่างอ่อนโยน

 

"อื้อ"

 

ลิลลี่ส่งเสียงฟืดฟาดก่อนจะเดินเข้ามาหาเมื่อเห็นหน้าเขามันดีใจอยู่ใช่ไหมนะ?

 

"ไงลิลลี่~"   มือบางยกขึ้นลูบหัวมันเบาๆ มันดูจะไม่ได้ต่อต้านเขานะ

 

"เราจะขี่ลิลลี่ไปกัน"

 

"เรา?"   เขารีบทวนคำของชูอย่างไม่อยากจะเชื่อหู ชูน่ะไม่เท่าไหร่แต่จะให้เขาที่ไม่เคยขี่ม้ามาก่อนเลยขี่ลิลลี่ไปด้วยเนี่ยนะ

 

"มันจะไม่อันตรายเหรอ? ฉันขี่ม้าไม่เป็นเลยนะ"    ทั้งๆตอนที่ดูในทีวียังเคยคิดว่าใครๆก็น่าจะขี่ม้ากันได้ แต่พอมาดูใกล้ๆแล้วม้ามันก็ตัวใหญ่อยู่นะ สูงมากอยู่นะ ถ้าตกขึ้นมาจะทำยังไง

 

"ไม่อันตรายหรอก มินาโตะเชื่อใจฉันนะ"    เขามองหน้าชูก่อนจะพยักหน้าเบาๆ เอาเถอะ ถ้าชูว่าไม่เป็นไรก็คงจะไม่เป็นไรจริงๆ ชูคงจะตรวจสอบจนมั่นใจแล้วว่าเขาจะปลอดภัย อย่างชูไม่มีทางทำเขาตกม้าจนได้แผลแน่

 

เขาก้าวขาไปเผชิญหน้ากับลิลลี่ มันสูงเกือบท่วมหัวของเขาเลย ถือเป็นม้าที่สูงใหญ่และลักษณะดีมาก เขาสอดเท้าเข้าไปในแป้นเหยียบ มือใหญ่ของชูจับยึดลำตัวเขาเพื่อช่วยพยุงเรียกให้แก้มใสขึ้นสีนิดๆในความเอาใจใส่ของชู ขาเรียวเทคตัวก้าวข้ามก่อนจะคร่อมลำตัวสีขาวของลิลลี่เอาไว้

 

ทิวทัศน์บนนี้มันดูแปลกตาและน่าตื่นเต้นมากทีเดียว มันสูงกว่าตอนที่เขาเดินอยู่ข้างล่างมาก

 

ชูก้าวตามมานั่งซ้อนข้างหลังเขา มือใหญ่กางออกก่อนจะจับอยู่เหนือรอยแผลเป็นของเขา จังหวะที่มือข้างนั้นกดลงไปเพื่อให้ร่างกายแนบชิดกันนั้นทำให้ใจเต้นตึกตักอย่างบอกไม่ถูก

 

และผ่านไปเป็นนาทีแล้วแต่ชูก็ไม่มีท่าว่าจะขยับไปไหน

 

มีแค่ร่างกายสูงสง่าที่ขยับมาใกล้เขาจนแทบจะสิงร่างเขาได้ ท่อนแขนแข็งแรงโอบกอดมาจากทางด้านหลัง ปลายคางคลอเคลียอยู่กับข้างแก้มเขา…..

 

ชูจะไปได้รึยัง?”     เจ้าหมอนี่ เผลอไม่ได้เลยนะ!

 

“....ครับ”     เสียงทุ้มตอบรับเบาๆ เขาได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอตามมา ชูยอมตัดใจกางอ้อมแขนออกเพื่อจับสายบังเหียน

 

แต่กระนั้นมันก็ยังเหมือนเขานั่งอยู่ในอ้อมแขนชูอยู่ดี

 

ลิลลี่เริ่มก้าวเดินเหยาะๆ เสียงอันเป็นเอกลักษณ์เมื่อเกือกม้ากระทบพื้นดังขึ้นเป็นจังหวะ เขาจึงรู้สึกตื่นเต้นจนเผลอนั่งตัวเกร็ง

 

ไม่ต้องกลัว”    เสียงของชูกระซิบอยู่ข้างใบหู อ้อมแขนที่แข็งแกร่งของชูซึ่งกางกั้นรอบตัวเขาอยู่ก็ทำให้เขารู้สึกปลอดภัยจนค่อยๆผ่อนคลายขึ้นเรื่อยๆ

 

ไปนะ”   จุ๊บ ชูจูบที่ขมับเขาเบาๆจนเขาต้องหันไปหรี่ตามอง ชอบหาเศษหาเลยกับเขาอยู่เรื่อยเลย~

 

ลิลลี่ค่อยๆเพิ่มความเร็วมากขึ้นเรื่อยๆ จากวิ่งเหยาะๆก็กลายเป็นวิ่งเต็มที่ แผ่นหลังของเขาจึงยิ่งจมหายลงไปในแผ่นอกของชูมากยิ่งขึ้น

 

จังหวะที่ร่างกายขยับโยกไปตามธรรมชาติจึงสอดประสานกับจังหวะของชูไปโดยปริยาย

 

ลิลลี่พาเราทั้งสองวิ่งออกไปในทุ่งกว้าง มันเป็นเนินหญ้าเขียวขจีสุดลูกหูลูกตา เขาที่เริ่มปรับตัวได้ก็เริ่มชินกับทิวทัศน์อันสวยงามที่มองเห็นจากข้างบนมันรู้สึกดีจริงๆ

 

และวันนี้ยังอากาศดีมากๆ เหมาะกับการออกมาวิ่งเล่นสูดอากาศบริสุทธิ์แบบนี้สุดๆ

 

ชอบไหม มินาโตะ?”    ชูก้มลงมากระซิบข้างหูในขณะที่เขาปล่อยตัวตามสบายอยู่ในอ้อมแขนของชูไปแล้ว

 

อื้อ ชอบมาก”    ใบหน้ามนยิ้มสดใสและใบหน้าของเขาก็ทำให้ชูยิ้มตาม

 

ม้าควบผ่านแนวต้นซากุระที่เรียงเป็นแถวยาว เขามองเห็นบางสิ่งบางอย่างที่ดูจะไม่เข้ากับเนินหญ้าสไตล์อังกฤษนี่ตั้งอยู่ มันคือเป้าสี่เหลี่ยมที่ปักอยู่ด้านหน้า มีผ้าผืนใหญ่ที่ขึงอยู่ด้านหลัง และเป้าเหล่านี้ก็วางห่างๆกันอยู่ถึงสามอัน

 

มันเป็นเป้าในพิธียาบุซาเมะอย่างไม่ต้องสงสัย

 

มันดูเหมือนจะยังติดตั้งไม่เสร็จดี แนวเชือกที่จะทำเป็นลู่วิ่งสำหรับม้ายังคงมีแค่เสาปักเป็นแนวไว้เฉยๆ แต่เขาก็เริ่มตะหงิดใจแล้วว่าสนามขี่ม้าที่นี่น่าจะไม่ใช่สนามฝึกที่คนทั่วไปเข้ามาใช้ได้ แต่อาจจะเป็นสนามส่วนตัวของตระกูลฟูจิวาระ และทิวต้นซากุระตรงนี้ก็เป็นพื้นที่ส่วนตัวของชู...

 

 

 

ชูพาเขาขี่ม้าวนรอบเนินหญ้าอยู่สักพักก็ไปหยุดลงใต้ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง  เขาลงไปยืนมองมันก่อนจะนึกถึงฉากสุดแสนโรแมนติกในหนัง มันสวยขนาดนั้นเลยก็ว่าได้

 

มานี่สิมินาโตะ”     ชูจูงมือเขาไปอีกด้านของต้นไม้ แล้วเขาก็เบิกตาขึ้นน้อยๆเมื่อมีใครสักคนมาปูเสื่อเอาไว้ให้ ไม่พอ ยังมีตะกร้าขนมและขวดใส่ชาเตรียมมาให้เสร็จสรรพ

 

ฝีมือโทโจซังสินะ?”    ชูหัวเราะกลบเกลื่อน ตอนแรกเขาก็ยังสงสัยเรื่องที่ชูบอกว่าจะพาไปปิกนิก แต่ตอนนี้เลิกสงสัยละ

 

ชูพาเขานั่งลงไปบนเสื่อสีสะอาดตา ยอดหญ้าที่อยู่รอบๆต่างมีดอกหญ้าสีขาวเล็กๆน่ารักกระจายอยู่เต็มไปหมด บรรยากาศดีจนน่าล้มตัวลงนอนเลย

 

แล้วในขณะที่เขาค้นดูขนมในตะกร้า ชูก็ล้มตัวลงไปกึ่งนอนกึ่งนั่งอยู่ข้างๆจริงๆ

 

คุณจะไม่ได้เห็นภาพแบบนี้ของคุณชายฟูจิวาระจากที่ไหนแน่ ท่าทางสบายๆที่เผยให้เขาเห็นแค่คนเดียว

 

ขนมปังอบน่ากินมากเลยชู กินไหม?”    มือบางบิขนมปังผสมเนื้อราสเบอร์รี่ที่โรยน้ำตาลไอซ์ซิ่งที่ยังหอมกรุ่นออกเป็นสองส่วน ก่อนจะยื่นครึ่งหนึ่งให้ชู

 

ชูไม่ได้ยื่นมือมารับแต่กลับยันแขนไว้กับพื้นเสื่อแล้วเงยหน้ามองเขา ดวงตาสีม่วงอ้อนๆนั่นราวกับจะบอกว่า ไม่เอาขนมปังแต่อยากได้อย่างอื่น

 

ฮึ จริงๆเลย”    เขายิ้มก่อนจะขยับใบหน้าลงไปหา

 

กลีบปากแตะสัมผัสกันเบาๆท่ามกลางสายลมอ่อนๆที่พัดอยู่รอบตัว

 

แล้วชั่ววินาทีชูก็ตวัดพลิกตัวขึ้นมา ท่อนแขนแข็งแรงโอบพลิกตัวเขาลงไปอยู่ใต้ร่างของตัวเอง

 

ชูมองเขาด้วยสายตาอ่อนโยนและรอยยิ้มอ่อนหวาน

 

จุ๊บ

 

ก่อนจะโน้มใบหน้าลงมาจูบปากเขาเบาๆ

 

จุ๊บๆๆ

 

เบาแต่หลายที

 

บรรยากาศรอบกายของเขาตอนนี้แม้แต่โรงงานผลิตน้ำตาลก็ยังอายอ่ะบอกเลย

 

"เฮ้ออยากทำจัง…"     ชูซบใบหน้าลงมาบนไหล่เขา เขามองท้องฟ้าใสข้ามไหล่ชูก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ

 

"ฮะฮะ นายก็รู้ว่าไม่ได้ เพราะงั้น ทำให้มันสงบลงซะ"      เขารู้สึกว่า เจ้าสิ่งที่แนบอยู่บนต้นขาเขานั้นมันเริ่มจะแข็งตัวหน่อยๆยังไงชอบกล

 

"ทำไมจะไม่ได้ล่ะ? ที่นี่ไม่ใช่สนามขี่ม้าสาธารณะแต่เป็นของตระกูลฟูจิวาระเอง ทุกคนก็รู้ว่าวันนี้ฉันจะเข้ามาใช้ เพราะงั้นไม่มีใครมากวนหรอก"     ชูถูไถใบหน้าไปมาอยู่บนไหล่เขา….ห้ามตามใจเจ้าตัวชูนี่เด็ดขาดเลยนะ  นี่มันอย่างOutdoorเลยนะ

 

"ถึงอย่างงั้นก็ไม่ได้ ลิลลี่มองอยู่นะ ดูสิ"     เขาชี้ไปที่ลิลลี่ซึ่งถูกผูกไว้อีกฝั่งของต้นไม้ มันเล็มหญ้าไปก็แอบมองพวกเขาไปอยู่จริงๆ

 

"......"    ชูยังทำหน้าอ้อนโดยไม่พูดอะไร

 

"ฉันกอดนายให้ก็ได้ กอดเฉยๆน่ะ มาสิ"    แขนบางอ้าออกทั้งๆที่โดนคนข้างบนทับแทบจะทั้งตัวอยู่แล้ว

 

"...มินาโตะ~"    ชูย้ายใบหน้าจากไหล่มาซบอยู่ที่อกเขา สองแขนบางจึงกอดร่างสูงสง่าเอาไว้ท่ามกลางคืนวันอันแสนสงบ

 

ดีจังเลยแหะ

 

แค่ได้อยู่ด้วยกันแบบนี้ก็ดีสุดๆไปเลยแหะ

 

 

“กอดอย่างเดียวเองเหรอมินาโตะ?”

 

“อื้อ กอดอย่างเดียวก็พอแล้วชู”

 

 

 

 

 

พอได้ก็แปลกแล้ว!

 

 

 

"อึกอื้อ…"    เสียงครางที่เปล่งออกมานั้นฟังดูอู้อี้เพราะฟันที่เรียงสวยกำลังกัดชายเสื้อเชิ้ตที่หลุดรุ่ยของตัวเองอยู่

 

ช่วยไม่ได้ที่ต้องทำแบบนี้ 

 

เพราะอาจจะมีใครผ่านมาได้ยินเข้าน่ะสิ!

 

แฮ่กแฮ่ก

 

เขาหอบหายใจในขณะที่ทั้งใบหน้า ฝ่ามือ และแผ่นอกวางแนบไปกับกระจกเงาผืนใหญ่ในห้องน้ำ  ใบหน้าแดงซ่านของตัวเองที่สะท้อนอยู่บนนั้นยิ่งทำให้ในท้องรู้สึกวูบไหวไปกันใหญ่

 

"อึก…"    แรงกระแทกที่แทรกกายเข้ามาทำให้ทั่วทั้งตัวสั่นสะท้าน จะเสียบให้มันทะลุออกมาเลยรึไงกันเนี่ย~ เบาๆหน่อยสิชู!

 

"อื้อ~!"    แล้วยิ่งเขาเหลียวไปมองเจ้าคนที่กอดเขาจากข้างหลังไม่ยั้งด้วยสายตาคาดโทษแค่ไหน ชูก็ยิ่งเหมือนจะได้ใจ ใบหน้าหล่อเหลาละมุนละไมนั่นกลับยิ้มแล้วยังคงกระแทกเข้ามาลึกๆแรงๆจนเขาต้องกัดชายเสื้อจนหูเหอแดงไปหมดเพื่อกลั้นเสียง!

 

แล้วทำไมหลังจากที่ปิกนิกกันเสร็จ พาลิลลี่ไปเก็บเสร็จ ตั้งใจจะกลับบ้านเสร็จ เขาถึงได้ถูกลากเข้าห้องน้ำในอาคารรับรองแล้วเสร็จเจ้าตัวชูแบบนี้น่ะเหรอ?!

 

 

"ฉันอยากลองทำในชุดขี่ม้าดูน่ะมินาโตะ"   

 

ชูพูดหน้าตายหลังจากกลับเข้าอาคารรับรองมาได้

 

ถึงเขาจะอ้าปากค้างแต่อย่างน้อยก็ดีกว่าOutdoorกลางเนินหญ้าละนะ!

 

 

"อื้อ~ อึก อึก…"   มือใหญ่ของชูกดลงบนหน้าท้องของเขาตรงตำแหน่งที่เจ้าคุณชายน้อยนั่นสอดใส่อยู่ข้างใน พอทำในท่ายืนแบบนี้มันก็นูนขึ้นมาจนรู้เลยว่าอยู่ตรงไหน เขาแทบจะรั้งสติไว้ไม่ได้เพราะมันรู้สึกดีสุดๆไปเลย...เหมือนจุดนั้นมันถูกกระตุ้นทั้งจากข้างในและข้างนอกพร้อมๆกัน...

 

ดวงตากลมโตมองภาพสะท้อนในกระจกอย่างล่องลอยน้อยๆพวกเขาทั้งคู่ยังไม่ได้ถอดเสื้อผ้าชูยังคงทำตามความตั้งใจที่จะทำในชุดขี่ม้า

 

มีเพียงกระดุมเสื้อกั๊กกับกระดุมเสื้อเชิ้ตเท่านั้นที่ถูกปลดออก ถึงเสื้อของเขาแทบจะหลุดจากไหล่และเสื้อของชูก็เผยกล้ามหน้าท้องมาบดขยี้แผ่นหลังของเขาก็เถอะนะ

 

ส่วนกางเกงมันก็ถูกดึงลงไปแค่ให้พอใช้งานได้

 

ไม่รู้ทำไมสภาพของพวกเขาตอนนี้กลับยิ่งดูเร้าอารมณ์มากกว่าปกติมากกก

 

"อื้อ! อื้อ!"   ปลายนิ้วยาวลูบคลึงอยู่บนยอดอกในขณะที่เบื้องล่างก็ยังใส่ไม่ยั้ง

 

"อึก..แฮ่ก…"   เขาเริ่มตาลอย  วันนี้เขาอาจจะตายไปเฝ้าพระเจ้าด้วยความสุขสมโดยที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเสร็จจากตรงไหนกันแน่เลยก็ได้นะถ้าชูจะดุดันขนาดนี้

 

จะว่าไปจังหวะการขยับโยกกายสอดประสานกันแบบนี้ก็คล้ายๆกับตอนที่นั่งอยู่บนหลังลิลลี่เลยแหะ?

 

"อื้อ"   ชูกัดลงบนลาดไหล่ของเขาก่อนจะฝังรอยรักสีกุหลาบเอาไว้อีกรอย ข้างล่างทวีความถี่กระชั้นมากขึ้นเรื่อยๆจนเขาไม่มีเวลามานึกถึงเรื่องอะไรได้อีก

 

"อื้อ~~!!"   ท่อนแขนแข็งแรงกอดเขาแนบแน่นจนแทบจะจมหายลงไปในอกในขณะที่เบื้องล่างก็ฝังลึกเข้ามาจนสุด

 

ของเหลวฉีดพุ่งกระจายอยู่ข้างในจนร่างกายกระตุกรับของของเขา...ก็กำลังไหลลงมาตามกระจกเงาเป็นทาง...

 

แต่ร่างสูงสง่าก็ยังกอดเขานิ่งพลางหอบหายใจอยู่แบบนั้น

 

นารุมิยะ มินาโตะไม่รู้เลยว่าจะได้กลับบ้านเมื่อไหร่

 

เพราะดูเหมือนว่าชูจะยังฝึกขี่ม้า?ไม่พอและยังอยากจะขี่ม้า?ต่อ!!

 

ข้างใน...มันยังไม่หดตัวลงเลยสักนิด...

 

ไม่นะ ม๊ายยย~~

 

 

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

 

Story never End

  

ตอนนี้ก็ไม่ใช่ตอนที่เขียนคาอยู่อีกแล้วค่ะ5555 เนื่องด้วยเมื่อวันก่อนหยิบโนเวลเล่มสามมากูเกิลทรานต่อ (ทรานได้วันละนิดละหน่อยค่ะ ตาจะบอด5555แล้วส่วนใหญ่ก็เลือกสแกนทรานเฉพาะตอนที่มีชื่อชายชูเท่านั้นอีกต่างหาก555 เพราะชูปรากฏตัวตอนไหนก็มักจะมีเรื่องเกี่ยวกับมินาโตะอยู่ด้วยตลอดอ่ะเอาจริงๆ ฮีรักของฮีมาก) ก็เลยไปเจอตอนที่ทำให้อุดปากกรี๊ดอีกตอนนึงเลยค่ะ ถ้าในซีซั่นสามมีฉากนี้คือเตรียมตัวตายเลยข่ะ เกี๊ยวต้องทำออกมาดีงามอลังการมากแน่ๆ เหมือนฉากยิงธนูในศาลเจ้าตอนสุดท้ายของซีซั่นสองอ่ะ ได้แต่หวังว่านางจะไม่ตัดออกนะ เพราะในโนเวลพูดถึงไว้ไม่เยอะมากแต่กรี๊ดหนักเลยค่ะ 

 

จากนี้ไปเป็นการสปอยด์จากไลท์โนเวลเล่มสามนาคะ

 

ใครอยากรอดูอนิเมะก็ข้ามไปก่อนน้า //ชั้นก็พูดเหมือนเกี๊ยวมันจะทำซีสามแน่แล้ว5555 ต้องทำสิเกี๊ยววว ภาคสามชูเป็นพระเอกนะะะะ /โดนมาสะซังกับเซยะเหยียบ

 

เรื่องมันก็มีอยู่ว่า

 

เปิดตอนมาที่ตึกสีอิฐของโรงเรียนคิริซากิที่ตอนนี้กุหลาบเริ่มบานสะพรั่ง กลิ่นกุหลาบกับอิฐแดงทำให้นึกถึงธรรมเนียมปฏิบัติอันสูงส่งของอังกฤษ บลาๆๆ

-          แสงแดดกระทบกับขนตาสีอ่อนของชู เขาพูดว่า ฉันได้พบกับเธอเมื่อปีที่แล้ว เธอเป็นหญิงสาวที่อารมณ์ร้าย แต่สำหรับฉัน เธอเป็นหญิงสาวที่สมบูรณ์แบบ

-          แฝด : เธอ?

-          ชู : เธอชื่อลิลลี่

-          แฝด : เธอเป็นชาวต่างชาติเหรอ?

-          จากนั้นชูก็เปิดรูปในสมาร์โฟนให้แฝดดู ...ขาสีขาวกับแผงคอสีขาววว ....ดูยังไงก็ม้าชัดๆ 5555555+ พ่ออออออ

-          ชูยังมีหน้าตอบแฝดอีกว่า ถึงชื่อเธอจะดูเป็นชาวต่างชาติ แต่เธอเป็นพันธ์พื้นเมืองของญี่ปุ่นนะ โอ๊ยยย5555 ชูมีม้าเป็นของตัวเองค่ะ อร๊ายยย ในที่สุดสัตว์เลี้ยงของสามกัปตันปีศาจก็เฉลยออกมาหมดแล้น มาสะซังก็ฟู(นกฮูก)  เซยะก็คุมะ(หมา)  ชูก็ลิลลี่(ม้า) สมเป็นสัตว์เลี้ยงของพ่อสุดอะไรสุด คุณชายไปอี๊กกก >/////<

-          ชูบอกว่า ถ้าขี่ม้าไม่เป็นก็จะยิงธนูแบบยาบุซาเมะไม่ได้ คือการยิงธนูบนหลังม้าอ่ะ พ่อก็เลยไปฝึกขี่ม้ามาจย้าาาาา โอ๊ยยยยย พ่อคุณชายยย >////< ละม้าขาวด้วยอ่ะะะ >/////<

-          แล้วประเด็นคือ มีงานแก้บนที่ศาลเจ้าของมาสะซัง แล้วเป็นพิธีแบบยาบุซาเมะ!! แล้ว!! ชูกับมาสะจะเป็นคนยิงในพิธีนี้!!! อร๊ากกกกกก ก็ขี่ม้ายิงธนูสู้กันไปเลยสิค้าาาา กรี๊ดดด หล่อๆเค้าทำกันอ่ะเนอะะะะ เอาจริงๆกรี๊ดมากเลยนะเพราะไม่คิดว่าจะได้เห็นฉากยิงธนูบนหลังม้าเลย ขนาดมาสะซังยังไม่คิดว่าจะทำได้เลยอ่ะ ว้าวมาก เพราะมันน่าจะยากมากนะต้องยิงธนูบนหลังม้าที่วิ่งแบบเต็มความเร็วอ่ะ แล้วไม่ใช่เป้าเดียว บางที่ยิงกันสามเป้าต่อกัน ต้องใส่ลูกธนูบนหลังม้าอีก แล้วเป้าไม่ได้ใหญ่ด้วย บางที่เป็นเหมือนถ้วยกระเบื้องก็มี

-          แน่นอนว่าพวกเด็กคาเซไมกับคิริซากิก็ไปดูกัน (เจ้าหยิ๋งไม่ไปเจ้าชายจะสู้กันได้ไงละเนอะะ) ในนิยายเค้าก็บรรยายเครื่องแต่งกายเอย พิธีแบบชินโตเอยอะไรไป ตูก็ข้ามเพราะขี้เกียจรบกับอิกูเกิลทรานไป555 แต่ต้องหล่อแน่เลยอ่าาา ไม่อยากจะคิดว่าถ้ามีฉากนี้ในอนิเมะจะตายกันยกด้อมแค่ไหนนน ลองเสิร์จดูคลิปในยูตูบได้ค่ะ Yabusame อย่างเท่ห์อ่ะ >////< แล้วเค้าจัดกันหลายศาลเจ้าทั่วญี่ปุ่นเลย ศาลเจ้าเมจิในโตเกียวก็จัดค่ะ ถ้าไปแล้วเจอพอดีคงจะโชคดีน่าดูอ่ะ งื้อ หรือทริปหน้าตูหาจังหวะไปให้มันพอดีที่เค้าทำพิธีกันดีไหม เพื่อนร่วมทริปจับไม่ได้แน่ เนียนๆไป อิๆๆ

-          ก็ยิงเสร็จอะไรเสร็จ มาสะซังก็สบตากับชู ชูก็พูดว่า “คิดไว้แล้วว่าทาคิกาว่าซังต้องยิงเข้ากลางเป้าแน่” ส่วนมาสะก็ “ไม่คิดเลยว่านี่จะเป็นการยิงครั้งแรกของนายนะฟูจิวาระคุง” ชูก็ “เพราะลิลลี่ให้ความร่วมมืออย่างดี ต้องขอบคุณเธอ”  คือแบบ บรรยายกาศระหว่างสองคนนี้ก็ไม่ต่างไปจากตอนที่ชูอยู่กับเซยะเลย...สนามรบไม่มีผิด5555+ ยิงหัวกันด้วยธนูได้ก็คงยิงไปแล้ว โอ๊ย

-          จากนั้นเรียวเฮก็วิ่งมา บอกกับชูว่าอยากลองขี่ม้าบ้างจัง ชูเลยบอกว่า ได้สิ ผลัดกันลองขี่ดูก็ได้ แล้วมันไม่ได้ขี่ธรรมดา!!! คือชูจะขี่ซ้อนข้างหลังไปด้วย!!  เรียวเฮย์ กับ มินาโตะ!! ขี่ตัวเดียวกับชู!!! ส่วนเซยะ นานาโอะ ไคโตะและคนที่เหลือ! คุณชายแกให้ไปขี่กับมาสะซัง!!5555555+ โว้ยยย นี่คาดว่าให้เรียวเฮย์นั่งไปซักรอบนึงพอเป็นพิธีก่อน จากนั้นพอน้องขึ้นมานั่งก็คงไม่ยอมปล่อยลงเลยมั้งทีนี้ยยยย  คนอื่นที่เหลือก็เลยต้องไปขี่กับมาสะซังอ่ะ55555+ พ่อคะะะะ ละคิดดูดิ น้องนั่งข้างหน้าชูซ้อนข้างหลังบนหลังม้าอ่ะะะะ งื้อออออ ตายๆๆๆๆ >/////< จะมีม๊ายยยฉากนี้ในซีซั่นสามมมมม //เกี๊ยวบอก ขอให้ตูประกาศว่าจะทำซีซั่นสามก่อนนะอย่าเพิ่งมโนตายไปก่อน555

 

ก็นั่นแหละค่ะ จากท่อนนี้ก็เลยได้ฟิคแทรกมาอีกตอนซะงั้นอ่ะ งื้ออออ >/////< แต่ก็นั่นแหละ จากที่ดูคลิปในยูตูบแล้วเค้าทำพิธีกันหลายสิ่งมาก กว่าจะถึงวันพิธีก็ซ้อมแล้วซ้อมอีก น้องคงได้ไปช่วยชูบ้างแหละ >/////< มโนตอนแต่งตัวไปแล้วหนึ่ง เพราะชุดที่ชูต้องใส่ก็คือเยอะสิ่งมาก แต่งตัวคนเดียวไม่ได้แน่ๆ ทีนี้มันก็ขึ้นอยู่กับว่าใครจะคว้าตัวน้องไปได้ก่อนระหว่างชูกับมาสะซัง5555 แล้วนี่ก็มโนต่อไปอีกว่า มาสะซังน่าจะรู้ว่าชูขี่ม้าได้ ยิงธนูบนหลังม้าได้เพราะมินาโตะเล่าให้ฟังรึเปล่า ขนาดกระต่ายในสวนบ้านเค้ายังรู้อ่ะ ชูทำยาบุซาเมะได้น้องก็น่าจะรู้ มาสะซังเลยไปขอให้มาช่วยงานที่ศาลเจ้ารึเปล่า เพราะปกติก็ไม่น่าจะคุยกันอยู่แล้วอ่ะนะชูกับมาสะซัง(นอกจากตอนที่ชูไปท้ารบกะมาสะซังเค้า555) มีแต่น้องนี่แหละที่ชอบหลุดเล่าเรื่องชูให้คนอื่นฟัง จนบางครั้งเซยะก็คงแบบ ไม่ได้อยากรู้เรื่องของหมอนั่นเลยนะแต่เข้าหูมาเองตลอด 555

 

จบการมโนของวันนี้ด้วยประการฉะนี้แล นะ นิยายจริงบางครั้งก็ยิ่งกว่าฟิค อุคริๆๆๆ

 

ขอบคุณทุกๆคอมเม้นต์ ทุกๆหัวใจ ทุกๆการติดตาม ทุกๆโดเนทมากๆๆนะคะ แล้วเจอกันตอนหน้าน้า

  

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น