Tsurune. One-Shot.Fic [Shuu x Minato] หรือรักเรียกหา : 25 : END

 Tsurune. One-Shot.Fic [Shuu x Minato]   หรือรักเรียกหา : 25 : END

 

: Tsurune ; kazemai koukou kyudou-bu Short Fanfiction 

: Fujiwara Shuu x Narumiya Minato

: Warmhearted

: NC-17

  

คำเตือน : เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ    

 

 

 

ร่างโปร่งบางในชุดกักกุรันของนารุมิยะ มินาโตะยืนโยกตัวไปมาในขณะที่เหม่อมองฟ้าอยู่หน้าโรงเรียน

 

เขากำลังรอใครคนหนึ่งอยู่

 

เย็นวันศุกร์แบบนี้นอกจากพวกชมรมกีฬาแล้วก็แทบไม่มีนักเรียนเหลืออยู่ในโรงเรียนอีก บรรยากาศรอบกายจึงเงียบเหงาลงไปถนัดตา 

 

เขาไม่ได้เอาจักรยานมาทั้งๆที่ปกติแล้วเขาจะเดินจูงจักรยานกลับบ้านพร้อมกับชูทุกเย็น

 

นั่นก็เพราะหมู่นี้ชูมีงานอดิเรก?แปลกๆอยู่อย่างหนึ่ง

 

เป็นงานอดิเรก?ที่มักจะทำกับเขาในเย็นวันศุกร์

 

ปกติแล้วงานอดิเรกของเด็กผู้ชายม.ปลายก็คงไม่พ้นเล่นกีฬา เที่ยวเล่นกับเพื่อน หรือทำอะไรที่ตนสนใจอย่างถ่ายรูป วาดรูป อ่านการ์ตูน ฟังเพลง ติ่งไอดอล อะไรพวกนี้ใช่ไหม?

 

แต่งานอดิเรกของฟูจิวาระ ชูก็คงจะมีแค่ฟูจิวาระ ชูเท่านั้นแหละที่ทำได้ 

 

นั่นก็คือการพาเขาตระเวนดูคฤหาสน์ที่ลงประกาศขายอยู่ยังไงล่ะ!!

 

เหมือนใครซะที่ไหน!

 

ดวงตากลมโตมองรถยนต์สีดำที่แล่นมาจอดลงตรงหน้าก่อนจะก้าวขาเข้าไปอย่างคุ้นเคย

 

รอนานไหมมินาโตะ? โทษทีนะที่ช้าไปหน่อย”     เสียงทุ้มเอ่ยทักหลังจากมือบางปิดประตูรถเรียบร้อย

 

ไม่นานหรอก ว่าแต่วันนี้จะไปไหนเหรอ?”   เขามักจะไม่รู้จุดหมายปลายทางเพราะคิดแค่ว่าไปเป็นเพื่อนชูเท่านั้น

 

บนเขาน่ะ เป็นอดีตบ้านพักตากอากาศของนักการทูตอังกฤษที่สร้างไว้ตั้งแต่ปี 1964”     รถออกตัวช้าๆก่อนจะค่อยๆแล่นเร็วขึ้นเมื่อออกจากเขตตัวเมือง

 

พ่อนายจะซื้อไว้ทำไมเยอะแยะเนี่ย?”   เสียงนุ่มถามออกไปอย่างสงสัย เพราะตั้งแต่เริ่มไปดูบ้านด้วยกันมานี่ก็น่าจะเป็นหลังที่15-16ได้ แล้วในบรรดาคฤหาสน์เหล่านั้นก็ถูกซื้อไปในนามตระกูลฟูจิวาระเกินกว่าครึ่งแล้วด้วย

 

ไม่ใช่พ่อ แต่เป็นฉันเอง”    แล้วเขาก็ต้องยิ้มแห้งเมื่อได้ยินคำตอบ

 

นั่นแหละ

 

ซื้อไว้ทำเรือนหอ”    เจ้าหมอนี่

 

ชูเอาดีๆ

 

ซื้อไว้เก็งกำไร แต่ถ้าหลังไหนเหมาะๆก็ว่าจะใช้เป็นเรือนหอจริงๆ ถึงพามินาโตะมาดูด้วยไงล่ะ มินาโตะเคยขอฉันแต่งงานแล้วนะ ห้ามเบี้ยวเด็ดขาดเลย”   ใบหน้าตายนั่นหันมาทวงอย่างไม่สนใจเสียงไอแค่กๆของคนขับรถเลยแม้แต่น้อย

 

“.....ครับๆ”    เขาได้แต่ตอบรับอย่างเพลียๆ มันใช่เรื่องที่เด็กม.ปลายควรจะคิดแล้วหรือไงนะเรื่องแบบนี้? แต่ก็ดูสมเป็นชูที่วันๆไม่คิดเรื่องอะไรนอกจากเขากับธนูจนไม่รู้จะละเหี่ยใจหรือดีใจดี ก็ใช่ว่าจะไม่เข้าใจเพราะเขาก็เป็นคนแบบนี้เหมือนกัน

 

หลังที่คามิโคจิกำลังดีเลยใช่ไหม?”    ชูพูดถึงบ้านกลางป่าที่ไปดูมาเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว มันเป็นบ้านแบบญี่ปุ่นซึ่งตั้งอยู่ท่ามกลางขุนเขา มีแม่น้ำอาสึสะสีมรกตไหลเอื่อยๆพาดผ่าน ทิวทัศน์รอบบ้านงดงามตระการตาราวกับอยู่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ก็ไม่ปาน

 

แต่มันไม่มีทางเข้าออกเลยนะ? นายจะเอาฉันไปขังไว้ที่นั่นอีกแล้วใช่ไหม? ไม่เด็ดขาด”    เขายังจำได้ดีว่าต้องนั่งเฮลิคอปเตอร์เข้าไปเพราะมันไม่มีถนนตัดผ่าน ทั้งน้ำทั้งไฟก็ปั่นขึ้นมาใช้เองล้วนๆ ดวงตากลมโตหรี่มองอย่างเริ่มจะตามทันความคิดของชู

 

เดี๋ยวฉันสร้างโดโจให้ มินาโตะอยู่แต่ในนั้นไม่ต้องออกมาเจอใครเลยก็น่าจะดี”   เจ้าคนขี้หวงพยายามจะเอาโดโจมาหลอกล่อ

 

ดีตรงไหนเนี่ย

 

ถ้าเป็นห่วงเรื่องต้องออกมาซื้อของลดราคาละก็ เดี๋ยวฉันสร้างคอนวีเนียนสโตร์ไว้ในนั้นให้ด้วย”    มันใช่วิธีแก้ปัญหาไหม? แล้วอย่าคิดว่าแค่พูดเล่นนะ ชูน่ะทำจริงๆนะ 

 

ชู…..ดูหลังใหม่เถอะ

 

แต่ฉันซื้อไปแล้ว

 

งั้นก็เอาไว้เก็งกำไร ใครมาซื้อต่อก็ขายไปนะ

 

เอางั้นเหรอ?”

 

เอางั้นแหละ”    เขาควรจะเพลียกับเจ้าหมอนี่ดีไหม? จอมเผด็จการขี้หวงที่คอยจ้องจะจับเขาขังเอาไว้ไม่ให้พบเจอกับใครแบบนี้เนี่ย

 

 

 

ถึงแล้วครับนายน้อย”    เพราะมัวแต่เถียงกับชูนั่นแหละถึงเพิ่งรู้ตัวว่ารถจอดลงที่ลานหินแห่งหนึ่งซึ่งล้อมรอบไปด้วยต้นสนซีดาห์สูงเสียดฟ้า

 

ว้าว~ อย่างสูง”    เสียงนุ่มอุทานออกไปเมื่อก้าวขาลงจากรถ ตอนนี้พวกเขาน่าจะอยู่กลางป่าโทงาคุชิที่ขึ้นชื่อเรื่องเส้นทางแสวงบุญของศาสนาชินโต อีกฟากของภูเขาลูกนี้มีศาลเจ้าชินโตที่มีชื่อเสียงอยู่ถึง5แห่ง

 

น่าจะมีอายุ400กว่าปีแล้วนะต้นสนพวกนี้”    ชูเอ่ยในขณะที่ติดกระดุมเสื้อสูทของโรงเรียนคิริซากิให้เรียบร้อย ขนาดเลิกเรียนแล้วและที่นี่ก็ไม่มีใครชูก็ยังไม่เคยปล่อยปละละเลยที่จะทำให้ตัวเองดูเนี้ยบตลอดเวลา

 

นายว่าถึง10เมตรไหม? แต่ฉันว่าเกิน”   เขาเงยมองต้นไม้ที่สูงใหญ่ราวกับต้นไม้ของยักษ์อย่างทึ่งๆ มันสูงมากจริงๆ และลำต้นก็ใหญ่ราวกับเสาสะพาน แถมไม่ได้มีแค่ต้นเดียวแต่เป็นแบบนี้ทั้งป่า

 

“15เมตร  เดี๋ยวผมจะไปเดินดูบ้าน คุณรออยู่ที่นี่ก็ได้ครับ”    ชูตอบเขาสั้นๆก่อนจะหันไปบอกคนขับรถ ใบหน้ามนจึงมองอย่างสงสัยเพราะจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่เห็นตัวบ้านเลยแม้แต่น้อย

 

แล้วความสงสัยของเขาก็ถูกไขกระจ่าง เพราะตัวคฤหาสน์นั้นอยู่ห่างออกไป มันถูกกั้นจากโลกภายนอกด้วยหน้าผาตื้นๆซึ่งเบื้องล่างเป็นลำธารใสสะอาด 

 

ดวงตากลมโตมองสะพานแขวนที่ทำจากเชือก เถาวัลย์ และแผ่นไม้ด้วยความตื่นเต้น นี่มันเป็นธรรมชาติและคลาสสิคสุดๆไปเลย เขาหันไปมองชูด้วยดวงตาใสแจ๋วแทนคำถามว่าข้ามได้ไหม? ขอลองข้ามไปได้หรือเปล่า?

 

ฮึ”    ชูยิ้มและหัวเราะออกมาเบาๆเมื่อเห็นปฏิกิริยาของเขา

 

ไปสิ”   ใบหน้าเปื้อนยิ้มเอ่ยบอก และเมื่อพวกเขาก้าวข้ามสะพานที่สวยงามนั่นไป หัวใจก็ต้องเต้นตึกตักไปกับบ้านหลังใหญ่ที่ซ่อนตัวอยู่ในหมู่สนซีดาห์ ดวงตากลมโตถึงกับเบิกกว้างอย่างตื่นตะลึง

 

สวยมากเลยอ่ะชู…”    มันเป็นบ้านสไตล์ยุโรปเก่าแก่ แต่ที่มันสวยก็เพราะมันถูกสร้างอย่างกลมกลืนไปกับธรรมชาติรอบๆ แค่บันไดหินที่โค้งมาต้อนรับพวกเขาราวกับกำลังเชิญชวนให้เข้าไปนั้นก็ทำให้รู้สึกหลงรักแล้ว

 

รอบๆบ้านยังเต็มไปด้วยต้นไม้ร่มรื่นมาก ต้นเมเปิลที่ถูกตัดแต่งไว้อย่างดีแผ่กิ่งก้านสยายในทิศทางที่แค่ดูก็รู้แล้วว่าต้องสวยแน่ๆหากมันเปลี่ยนเป็นสีแดง 

 

นี่มันเหมือนบ้านในเทพนิยายเลย 

 

ลองเดินดูรอบๆกัน”    ชูชักชวนเขาก่อนจะยื่นมือมาให้เขาจับไว้ ถึงจะรู้ว่าไม่มีอันตรายอะไรหรอกแต่เขาก็ยื่นมือออกไป

 

บรรยากาศใช้ได้เลยนะ ถึงจะสร้างมาเกือบ60ปีแล้วแต่บ้านก็ไม่ได้เก่าโทรมอย่างที่คิด”   เขาพยักหน้ารัวๆรับคำพูดของชู ที่นี่น่าประทับใจจริงๆ

 

ทำไมเจ้าของบ้านถึงอยากจะขายกันนะ? คงไม่ได้มีคดีฆาตกรรมอะไรแบบนี้หรอกใช่ไหม?”    เขาพูดคุยกับชูไปเรื่อยเปื่อยแต่ความสงสัยที่คิดขึ้นมาเองก็ทำเอาขนที่หลังคอลุกซู่ขึ้นมาเองซะงั้น

 

นั่นสิ ขายถูกด้วยนะ?”    แล้วชูก็ไม่ได้ช่วยกันเล้ย~

 

เห๊ะ?”    ดวงสีเขียวหันไปมองรอบกายอย่างหวาดๆ ก็ของถูกและดีมีผีแน่นอนน่ะสิ!

 

ครื้นนนนน!

 

แล้วจู่ๆฟ้าที่ร้องอย่างไม่มีที่มาที่ไปก็ทำเอาเขาสะดุ้งโหยง 

 

เปรี้ยง!!

 

เฮือก?”    จู่ๆรอบกายก็กลายสภาพเป็นหนังสยองขวัญซะงั้น?

 

เพราะเพียงชั่วพริบตาฟ้าที่เคยใสก็มืดมัวขึ้นมาทันที ไม่พอ จู่ๆฝนห่าใหญ่ก็ตกลงมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย!

 

ซ่า~~!!!

 

อะไรกันเนี่ย?!

 

ชูจับมือเขาวิ่งกลับมาทางหน้าบ้านท่ามกลางสายฝนที่ตกลงมาราวกับฟ้ารั่ว สีขาวของมันทำเอาทุกอย่างพร่ามัวไปหมด มองแทบไม่เห็นอะไรเลย

 

เข้าไปหลบในบ้านก่อนแล้วกัน”   ชูตัดสินใจพาเขาวิ่งขึ้นบันไดหินโค้งเข้าไปในตัวบ้านแทนที่จะวิ่งคลำทางไปสะพานแขวนซึ่งดูน่าจะอันตรายกว่าในเวลาที่ฝนเทกระหน่ำแบบนี้

 

เปียกหมดเลย ทำไมจู่ๆก็ตกขนาดนี้กันนะ?”    มือบางปัดน้ำฝนที่ติดตามตัวออกแต่มันก็ดูจะไม่ได้ช่วยอะไรเพราะตอนนี้มันเปียกไปถึงเสื้อเชิ้ตข้างในแล้ว 

 

นี่พวกเขากำลังซ้อมเป็นผู้ประสบภัยกันอยู่หรือไง? ไม่สิ เป็นผู้ประสบภัยแล้วจริงๆต่างหาก

 

เข้าไปในบ้านกัน”    ดูเหมือนการยืนอยู่ตรงโถงด้านหน้าจะกันฝนไม่ได้มากหากมันสาดหนักขนาดนี้ ชูจึงหยิบกุญแจบ้านขึ้นมาก่อนจะไขเปิดประตูไม้บานใหญ่เข้าไป

 

แอ๊ด

 

เสียงประตูที่ไม่ได้ใช้งานมานานร้องโหยหวนชวนให้นึกถึงหนังผีจริงๆนะ ทั้งฟ้าแล่บฟ้าร้องข้างหลังนั่นก็ยิ่งส่งเสริมความหลอนกันดีเหลือเกิน~

 

แต่กๆ

 

ชูลองเปิดไฟดู แต่จิ้มไปเท่าไหร่สวิตซ์ที่ออกจะเหลืองแล้วพวกนั้นก็ไม่ช่วยให้ไฟติดขึ้นมาสักดวง

 

สงสัยจะตัดไฟไปแล้ว”    ชูยังดูใจเย็น ใบหน้าหล่อเหลาไม่มีแววตื่นตระหนกเลยแม้แต่น้อยและนั่นมันก็ทำให้เขาพอจะผ่อนคลายได้บ้าง

 

อย่างน้อยเขาก็ยังมีชูให้พึ่งพาได้ ต่อให้มีผีร้ายโผล่ออกมาชูก็คงตีแสกหน้ามันให้อย่างไม่ลังเล

 

ตรู๊ดดดดด

 

เสียงโทรศัพท์มือถือที่จู่ๆก็ดังขึ้นมาทำให้เขาผวาก่อนจะถอนหายใจเฮือก

 

ครับ”    ชูกดรับโทรศัพท์ก่อนจะแนบมันไว้ที่หู ดวงตาสีม่วงยังคงพยายามมองสำรวจดูบริเวณโถงทางเข้าที่พวกเขายืนอยู่

 

นายน้อย! ปลอดภัยดีไหมครับ?! แล้วตอนนี้อยู่ที่ไหนกันครับ?!”    เสียงที่ดังลอดออกมาเป็นของพี่คนขับรถนั่นเอง คงจะเป็นห่วงพวกเขาอยู่แน่ๆ

 

ผมเข้ามาหลบฝนอยู่ในบ้านแล้วครับ ปลอดภัยดี คุณล่ะ?”    เสียงทุ้มตอบกลับไปอย่างเยือกเย็น

 

ผมอยู่ในรถครับ ฝนตกหนักแล้วก็ลมแรงมากเลยครับ ผมข้ามไปหานายน้อยไม่ได้แล้วนายน้อยก็อย่าข้ามกลับมาเด็ดขาดเลยนะครับ อยู่ในบ้านไปก่อนนะครับ ที่สะพานอันตรายมาก มันแกว่งไปหมดแถมด้านล่างก็มีน้ำป่าไหลบ่ามาเต็มลำธารเลยครับ อันตรายมาก”    คนขับรถเอ่ยรายงานด้วยเสียงตระหนกกึ่งโล่งใจที่ได้ข่าวว่านายน้อยคนสำคัญยังปลอดภัยดีอยู่

 

เข้าใจแล้วครับ”    ชูตอบรับก่อนจะวางสายไป

 

คงต้องอยู่ที่นี่สักพักนะมินาโตะ”    ชูหันมาบอกเขาด้วยใบหน้าสงบ บางครั้งเขาก็สงสัยนะว่าจะมีอะไรที่ทำให้ชูกลัวได้บ้าง ขนาดสถานการณ์แบบนี้ก็ยังมีสติเลย สมเป็นชูจริงๆ

 

เจอแล้ว”    แล้วจู่ๆชูก็ยิ้มก่อนจะดึงอะไรบางอย่างออกมาจากชั้นวางรองเท้า

 

มันคือตะเกียงน้ำมันก๊าดเก่าๆใบหนึ่ง

 

แต่ถึงจะเก่ามันก็ยังคงทำหน้าที่ของมันได้เป็นอย่างดี แสงไฟวงใหญ่แผ่ออกมาก่อนจะกระทบลงที่ผนังวอลเปเปอร์สีครีมของตัวบ้าน

 

ขออนุญาตินะครับ…”    เสียงนุ่มเอ่ยออกไปตามมารยาทถึงแม้จะไม่มีใครอยู่เมื่อชูพาเขาเดินเข้าไปยังห้องนั่งเล่นด้านใน แสงจากตะเกียงส่องให้เห็นเฟอร์นิเจอร์ที่ถูกคลุมด้วยผ้าสีขาวเอาไว้ 

 

ดูเหมือนเจ้าของบ้านจะย้ายออกไปแค่ของใช้ส่วนตัวเท่านั้น ส่วนเครื่องเรือนยังอยู่ครบ

 

มีเตาผิงด้วย”    ร่างโปร่งบางยืนมองเตาผิงสีขาวอย่างถูกใจในความแอนทีคของมัน ผนังด้านหลังเป็นรูปวาดวิวทิวทัศน์ด้วยสีน้ำมันอย่างสวยงาม

 

ชู?”   ดูเหมือนจะมีแค่เขาที่ตื่นตาตื่นใจไปกับการตกแต่งภายในของบ้านหลังนี้ เพราะหันกลับไปอีกทีชูก็กำลังคุ้ยหาอะไรบางอย่างในกระเป๋านักเรียนที่สะพายติดมาด้วย

 

เปลี่ยนชุดเถอะ ใส่เสื้อเปียกๆแบบนี้เดี๋ยวจะเป็นหวัดเอา เวลามินาโตะไม่สบายทีไรฉันกับเซยะว้าวุ่นใจมาก ต้องคอยไล่จับคนดื้อมานอน”    เขาขมวดคิ้วหรี่ตาน้อยๆ ดื้อที่ไหนกัน ไม่ได้ป่วยหนักอะไรสักหน่อย

 

เอ๊ะ? มีชุดเดียวเหรอ?”   ใบหน้ามนก้มลงไปมองชุดพละสีม่วง-ขาวของคิริซากิที่ชูยื่นมาให้ เขาไม่ได้หยิบกระเป๋านักเรียนของตัวเองมาเสียด้วย จึงมีแค่ชุดของชูเท่านั้น

 

มีชุดเดียวสิ มินาโตะไม่ได้อยู่คิริซากิด้วยสักหน่อย แล้วฉันจะพกชุดพละสองชุดไปให้ใครล่ะ?”    ถึงฉันจะอยู่คิริซากินายก็ไม่ต้องพกชุดพละสองชุดมาเผื่อฉันหรอก! เขาเหล่มองคนก่อกวนอย่างคาดโทษ

 

แล้วนายจะใส่อะไรล่ะชู?”     มือบางรับชุดพละของชูมา มีกลิ่นของชูอยู่เต็มไปหมดเพราะงั้นนี่น่าจะเป็นชุดที่ชูใส่มาแล้ว แต่น่าแปลกที่เขากลับไม่ได้รู้สึกรังเกียจเลย

 

ฉันไม่เป็นไรหรอก มินาโตะเปลี่ยนเถอะ”    จะไม่เป็นไรได้ไงในเมื่อชูเองก็เปียกโชกไปทั้งตัวไม่ต่างจากเขาเลย

 

ดวงตากลมโตมองชุดพละในมือก่อนจะเอ่ยงึมงำออกไป

 

“......อืมงั้นก็แบ่งกันคนละครึ่งไหม…”    มือบางข้างหนึ่งยื่นกางเกงสีม่วงที่มีแถบข้างสีขาวคืนไปส่วนอีกมือกอดเสื้อสีขาวที่มีแถบบนไหล่สีม่วงเอาไว้แนบอก

 

ชูถึงกับมองเขาตาค้างอย่างรู้ความหมาย

 

เพราะนี่มันไม่ต่างอะไรกับชุดนอนชุดเดียวกันที่แบ่งกันใส่คนละท่อนเลย

 

หยุดมองได้แล้ว เขาก็อายเหมือนกันนะ!

 

หยุดยิ้มเดี๋ยวนี้เลยนะ จะเอาไหม?”   ชูรีบยื่นมือมาจับกางเกงเอาไว้ ใบหน้าหล่อเหลานั่นยังยิ้มอย่างน่าหมั่นไส้ต่อไป อ๊า~~ เขาไม่ได้หลงกลอะไรใช่ไหมเนี่ย?

 

นายไม่ได้จงใจหรือวางแผนร้ายอะไรไว้ใช่ไหมชู?”    เขาหันไปมองอีกฝ่ายอย่างไม่ไว้ใจในขณะที่ถอดเสื้อเปียกๆออก ยิ่งคบกันนานเข้าเขาก็ยิ่งรู้ว่าชูเจ้าเล่ห์และจ้องจะเอาเปรียบเขาอยู่ตลอดเวลา 

 

เปล่าสักหน่อย”    ชูตอบด้วยรอยยิ้มบางๆในขณะที่ถอดเสื้อและกางเกงชื้นแฉะออก 

 

แล้วทำไมนายถึงสะพายกระเป๋านักเรียนมาด้วย?”    มือบางปลดตะขอกางเกงก่อนจะรูดลงไปตามเรียวขาเช่นกัน เขาหันไปมองแผ่นหลังกว้างกับเสี้ยวใบหน้าอมยิ้มอย่างรอฟังคำตอบ

 

ก็ในกระเป๋ามีแปลนบ้านอยู่ยังไงล่ะ”    มือใหญ่หยิบกางเกงพละแห้งมาสวมใส่โดยท่อนบนเปลือยเปล่า

 

จริงนะ?”    มือบางหยิบเสื้อพละมาสวมบ้าง เสื้อของชูตัวใหญ่จนไหล่ตก ชายเสื้อก็ยาวปิดต้นขารำไร  ไหนจะชื่อฟูจิวาระที่ถูกปักอยู่เหนือแผ่นอกซ้ายชวนให้รู้สึกละมุนในใจยังไงชอบกล

 

จริงสิ”    ชูหันมาจ้องมองเขาอย่างพินิจพิจารณาก่อนจะพูดออกมาว่า

 

ชอบมากเลยมินาโตะ

 

แปร๊ด~

 

ความร้อนทั้งร่างกายคงพุ่งมาอยู่บนใบหน้าของเขาหมดแล้ว ก็ดูสิ่งที่ชูพูดออกมาหน้าตาเฉยนั่นสิ! ไม่อายยังไงไหว!

 

อ้า~ อย่ามองนะ หันไปทางนู้นเลย”    มีแผ่นไม้ตรงไหนเลิกอยู่บ้างเขาอยากจะมุดหน้าลงไปเสียจริงเชียว หน้าของเขายังแดงจัด แดงไปจนถึงใบหู และชูก็ยังจ้องเขาไม่วางตา

 

เขาว่าจะจ้องกลับให้อีกฝ่ายอายบ้าง แต่พอเหลือบไปเห็นกล้ามหน้าท้องที่ขึ้นเป็นลอนอ่อนๆของชู เห็นแม้แต่วีเชฟที่โผล่พ้นขอบกางเกงพละมาอ๊า~ บ้าจริง กลายเป็นเขาเองนี่แหละที่อายยิ่งกว่าเก่า!

 

ร่างโปร่งถึงกับนั่งยองๆลงกับพื้น สองมือปิดหน้าอย่างทนไม่ไหวแล้ว ได้ยินเสียงชูหัวเราะในลำคออย่างชอบใจก่อนจะนั่งคุกเข่าตามลงมา

 

ทั้งร่างกายถูกดึงไปโอบกอดไว้ด้วยอ้อมแขนที่แสนอบอุ่น อุณหภูมิที่ถ่ายทอดให้แก่กันทำให้ไม่รู้สึกหนาวเลยสักนิดทั้งๆที่ข้างนอกฝนยังเทกระหน่ำ

 

อุ่นขึ้นไหมมินาโตะ?”   เสียงทุ้มถามเขาอย่างอ่อนโยน

 

อื้ม”    ท่อนแขนบางกอดตอบ ใบหน้าของเราต่างเกยไว้ที่ไหล่ของกันและกัน  อยู่แบบนั้นจนรู้สึกปรับตัวได้และเริ่มชินกับอากาศภายในบ้าน

 

ฉันไม่เคยคิดมาก่อนเลยนะ ว่าเสื้อพละจะมีพลังทำลายล้างขนาดนี้”    เสียงทุ้มพูดอยู่บนไหล่เขาอย่างอารมณ์ดี

 

คงจะเป็นเพราะคนใส่คือมินาโตะ และเสื้อตัวนั้นมันก็เป็นเสื้อของฉัน”   มือใหญ่ลูบรอยปักชื่อของตัวเองบนหน้าอกเขาราวกับยังติดอยู่ในความหลงใหล เขายังจำวินาทีที่เหมือนสตั๊นไปของชูได้ 

 

คงจะชอบให้เขาแต่งตัวแบบนี้? ชอบให้เขาใส่เสื้อของตัวเอง? เพราะได้แสดงความเป็นเจ้าของเขาผ่านเสื้อตัวนี้?

 

ก็บอกว่าอุ่นขึ้นแล้วไง จะทำให้หน้าร้อนขึ้นมาทำไมเนี่ย”    เสียงนุ่มพูดงึมงำอย่างอายๆ

 

อยากทำจัง”    เขาถึงกับผงะไป มือใหญ่เริ่มสอดเข้ามาใต้ชายเสื้อจนเขาตะครุบไว้แทบไม่ทัน

 

หยุดเลย นี่บ้านคนอื่นนะ”    ปลายนิ้วอุ่นๆยังลูบอยู่บนต้นขา

 

ฉันโอนเงินเดี๋ยวนี้เลย เท่านี้มันก็เป็นบ้านของเราแล้ว

 

เดี๋ยวเถอะ

 

ไม่ได้เหรอ?”   ชูละออกไปมองอย่างอ้อนๆ

 

ไม่ได้”   แต่เขาก็ยังใจแข็งไว้

 

ไม่ได้จริงๆเหรอ?”

 

ไม่ได้จริงๆ”   ชูเลยยอมล่าถอยแต่โดยดี ชูไม่ได้คิดจะเอาจริงหรอกแค่อ้อนเผื่อเขาจะใจอ่อน เพราะถ้าชูต้องการจริงๆ ยังไงก็จะหาทางหลอกล่อเขาจนได้ 



  

 



ครับห้องใต้ดินนะครับ ครับ”    ร่างสูงสง่าคุยโทรศัพท์กับใครสักคน ในขณะที่เขาหยิบเสื้อผ้าของเราสองคนมาตากตามโต๊ะตามเก้าอี้  มือบางต้องคอยตีมือใหญ่ที่คอยล้วงมาลูบต้นขาของเขาทุกครั้งที่ผ่านเข้ามาใกล้

 

ไหนใครกันที่บอกว่าเจ้าหมอนี่ตายด้าน? เป็นจอมฉวยโอกาสละไม่ว่า!

 

เจ้าของบ้านบอกว่ามีเครื่องปั่นไฟอยู่ชั้นใต้ดิน ถ้าดึงคันโยกขึ้นไฟก็จะทำงาน ปั๊มน้ำก็น่าจะทำงานด้วย ลงไปดูกันไหมมินาโตะ?”   ชูหันมาบอกหลังจากวางสายโทรศัพท์

 

หื๋อ? เอาสิ”     เพราะดูท่าว่าฝนจะยังตกอีกพักใหญ่ เขาก็ไม่อยากอยู่มืดๆหนาวๆเหมือนกัน

 

ชูจึงถือตะเกียงเดินนำโดยมีเขาเดินตามไปติดๆ  ทางลงไปยังชั้นใต้ดินนั้นมืดทึบและอับชื้น มันเป็นผนังหินที่ก่อล้อมรอบบันไดเวียนซึ่งมองไม่เห็นแม้แต่ปลายทาง 

 

แสงของตะเกียงก่อให้เกิดเงาวูบไหว

 

และเงาที่สะท้อนอยู่บนผนังยังคงทำให้รู้สึกอายจนต้องก้มหน้างุด  

 

คนที่เดินนำอยู่บนบันไดขั้นล่างนั้นมีไหล่กว้าง ลำตัวเปลือยเปล่าสวมเพียงกางเกงขายาว ท่อนแขนแข็งแรงเอื้อมมาจับมือบางของคนที่เดินอยู่ข้างหลังเอาไว้  ร่างกายที่เล็กกว่าสวมเพียงเสื้อตัวเดียวเผยให้เห็นเรียวขาสวยๆยามที่ก้าวเดิน

 

แค่เงาก็ดูอีโรติกและชวนใจสั่นแล้ว

 

ในที่สุดพวกเขาก็คลำทางลงมาจนถึงชั้นใต้ดินจนได้ ในห้องสี่เหลี่ยมกว้างใหญ่นี้มืดมาก ขนาดชูยกตะเกียงส่องไปรอบๆก็ยังไม่สามารถจะมองเห็นผนังของทุกด้านได้หมด มันดูน่ากลัวราวกับจะมีวิญญาณอาฆาต มีสัตว์ร้าย หรือมีสิ่งไม่ดีอะไรสักอย่างซ่อนอยู่เลยก็ได้

 

ปกติเขาเป็นคนจิตแข็งมากแต่เจอสถานที่แบบนี้เข้าไปมันเลยอดขยับแนบชิดตัวติดกับชูไม่ได้ มือที่จับอีกฝ่ายอยู่ก็เผลอบีบแน่นอย่างไม่รู้ตัว ดวงตากลมโตมองไปในความมืดพวกนั้นอย่างหวาดๆ เหงื่อเย็นๆไหลซึมออกมาจากผิวหนัง หัวใจก็เต้นรัวจากความตื่นตัวนี้

 

และชูก็คงรับรู้ว่าเขากลัว ร่างสูงจึงรีบมองหาเครื่องปั่นไฟให้เร็วที่สุด

 

เจอแล้ว”    เสียงทุ้มพูดออกมาแผ่วเบา

 

มือใหญ่ส่องตะเกียงไปยังเครื่องจักรที่ดูเก่าแก่ มันมีคันโยกสำหรับเปิดปิดไฟซึ่งหาได้ไม่ยากนัก ชูจึงเอื้อมมือไปสับมันขึ้น

 

พรึ่บ!!

 

แสงสว่างจ้าสาดเข้าตาโดยไม่ทันเตรียมใจ แล้ววินาทีที่ได้เห็นสภาพภายในห้อง เขาก็ร้องออกมาทันทีเพราะมีคนยืนล้อมพวกเขาอยู่เต็มไปหมด!!

 

เหวอ~!!”    หัวใจน่าจะหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่มแล้ว เขาหลับหูหลับตากอดแขนชูแน่น นั่นมันคนหรือผี?! นั่นมันคนหรือผี!!!!

 

จะอะไรก็ไม่รู้แหละแต่เขาจะไม่ลืมตาขึ้นไปดูเด็ดขาด!

 

มินาโตะ”    ชูเรียกเขาด้วยเสียงนุ่มนวลแต่เขาก็ยังซุกหน้าเอาไว้กับต้นแขนของชูแน่น

 

มินาโตะ ไม่ต้องกลัว ไม่มีอะไรหรอก”    ชูยังคงปลอบโยน จะไม่มีอะไรได้ไงล่ะ? คนยืนอยู่เต็มเลยนะเมื่อกี้ หรือว่าชูจะไม่เห็น?

 

งั้นก็ผีแน่แล้วใช่ไหม? ไม่นะ~

 

มินาโตะ ลืมตาขึ้นมาดูก่อน”    ชูกระซิบอยู่ใกล้ๆ แต่เขาก็ยังส่ายหน้ากับต้นแขนของชูรัวๆ ได้ยินเสียงชูหัวเราะอย่างเอ็นดูอยู่ข้างๆ

 

มินาโตะ ลองดูก่อนสิ หื๋ม”    ชูจูบหัวของเขาเบาๆ

 

ไม่เอา นายไม่เห็นเหรอว่ามีคนยืนอยู่เต็มเลย”    

 

ไม่ใช่คนหรอก นั่นแค่ชุดเกราะ”    ชูยังคงพรมจูบคลอเคลียลงที่หัวเขาอย่างปลอบโยนเดี๋ยวนะชุดเกราะ?

 

“........ไม่ใช่ผีแน่นะ?”    

 

ไม่ใช่ มันคือชุดเกราะจริงๆ”    

 

เขาจึงค่อยๆลืมตาขึ้นมา... เห็นต้นแขนซึ่งขึ้นเป็นมัดกล้ามจากการยิงธนูอย่างสม่ำเสมอ เห็นใบหน้าของชูที่ยื่นเข้ามาใกล้

 

ก่อนจะค่อยๆหันไปมองรอบกาย….

 

ก่อนจะเห็นว่าเงาตะคุ่มๆพวกนั้นมันคือชุดเกราะจริงๆ!

 

อ้า~~ อายมาก~ อายจนต้องหันกลับมาซบต้นแขนของชูใหม่

 

ว่าแต่ใครใช้ให้เอาชุดเกราะมากมายขนาดนี้มาไว้ในห้องใต้ดินเนี่ย?! ไม่หลอนไปหน่อยเหรอ?!

 

ขึ้นไปข้างบนไหม? ไฟน่าจะใช้ได้แล้ว”    ชูเอ่ยชวนทั้งๆอย่างนั้น

 

อื้อ”    เขาก็ตอบทั้งที่ยังไม่ละจากแขนของชู ให้ตายเถอะ ช่วยพาเขาออกไปจากตรงนี้ที

 

 

 


 

น่าจะเป็นของสะสมของนักการทูตเจ้าของบ้านหลังนี้คนแรกนั่นแหละ แต่เจ้าของบ้านคนต่อมาอาจจะไม่ได้ชอบเลยเอาลงไปเก็บไว้ที่นั่น”    ชูพาเขามานั่งพักที่ห้องครัวซึ่งมีโต๊ะไอส์แลนด์ขนาดใหญ่ตั้งอยู่ตรงกลาง เก้าอี้บาร์ถูกลากมาให้เขานั่ง ชูเท้าคางลูบหัวปลอบใจเขาด้วยรอยยิ้มเอ็นดู เขาจึงยิ่งเสสายตาหลบด้วยความอาย

 

หัวใจวายได้เลยนะนั่น”    เขาบ่นพึมพำ ขนาดเขายังกลัวแล้วคนทั่วไปไม่วิ่งเตลิดไปแล้วเหรอเนี่ย

 

ฮึมินาโตะน่ารักจัง”   หว๋า~เจ้าหมอนี่~ เขาตวัดสายตามาดุเจ้าคนที่ยังเท้าคางมองเขาด้วยรอยยิ้ม ไม่พูดด้วยแล้ว!

 

ร่างโปร่งบางจึงโดดลงจากเก้าอี้บาร์แล้วเดินสำรวจดูในห้องครัวว่ามีอะไรบ้าง เขารู้ว่าชูยังคงมองตามเขามาไม่วางตา ไม่รู้จะมองอะไรนักหนาเหมือนกันนะ?

 

มีกาต้มน้ำด้วยละ ดื่มน้ำอุ่นกันดีไหมชู?”    เขาหันไปมองชูตาใสและชูก็พยักหน้าให้แบบไม่ต้องคิดอะไร 

 

เจ้าของบ้านบอกว่ามีใบชาด้วยนะ ยังดื่มได้อยู่เพราะเขาเอาไว้ต้อนรับคนที่มาดูบ้านน่ะ”    เขาจึงเปิดลิ้นชักไอส์แลนด์ดู มีกระปุกใส่ใบชาหลากหลายชนิดอยู่จริงๆ

 

มือบางเลือกชาอังกฤษชนิดหนึ่งซึ่งมีกลิ่นหอมมากขึ้นมาใส่ไว้ในกา น้ำร้อนถูกเทลงไป และเมื่อรินมันใส่ถ้วยชา กลิ่นอันหอมกรุ่นละมุนละไมก็ลอยขึ้นมาแตะจมูก

 

การได้จิบชาอุ่นๆหอมๆในวันที่หนาวเหน็บแบบนี้ อยู่กับคนที่รักแบบนี้ มันช่างดีจริงๆ

 

สองมืออังไว้รอบๆแก้วก่อนจะยื่นหน้ารับไออุ่นที่ลอยขึ้นมา เขาหลับตาลงเพื่อดื่มด่ำไปกับมัน

 

แต่เขาก็ต้องลืมตาขึ้นมาเมื่อมีสัมผัสนุ่มๆหยุ่นๆแตะลงที่ริมฝีปาก

 

แพขนตาสีชาคือสิ่งที่มองเห็นเต็มสองตา ชูกำลังหลับตาและจุมพิตลงมาที่กลีบปากของเขา

 

ดวงตากลมโตปิดลงอีกครั้งอย่างไม่คิดจะขัดขืน สัมผัสเปียกแฉะแตะลงมาราวกับกำลังขออนุญาติ ริมฝีปากจึงอ้าออกน้อยๆให้เรียวลิ้นนั้นสอดแทรกเข้ามา

 

ใบหน้ารู้สึกร้อนผ่าวเมื่อริมฝีปากของชูเริ่มบดขยี้กลีบปากของเขา ลิ้นร้อนลื่นไหลกวาดไล้อยู่ภายใน มันทั้งหอมหวานรัญจวนใจ ทั้งเซ็กซี่จนเลือดลมสูบฉีดไปหมด

 

เสียงจุ๊บๆดังผสมผสานไปกับเสียงของสายฝน ที่ต้นขารับรู้ว่ามีมืออุ่นร้อนกำลังลูบไล้บีบเคล้นมันอยู่

 

ฮ้าฮ้า…”    เขาหอบหายใจด้วยใบหน้าแดงซ่านเมื่อชูละออกไป ทั้งถ้วยชา กาต้มน้ำและอะไรก็แล้วแต่ถูกกวาดให้พ้นทาง เพราะว่า

 

ตุ้บ

 

รู้ตัวอีกที เขาก็ขึ้นไปนั่งแทนที่ของพวกนั้นแล้ว

 

จุ๊บจุ๊บ

 

ชูตรงเข้ามาจูบเขาต่อและต้นขาก็ยังคงถูกปลุกเร้าด้วยมือใหญ่อย่างไม่ให้พักหายใจ

 

เขาค่อยๆถูกดันให้นอนราบไปกับพื้นโต๊ะไอส์แลนด์ทั้งที่ริมฝีปากยังจูบกับนัวเนีย และเพราะไม่รู้ว่าจะเอาขาที่ลอยคว้างอยู่กลางอากาศนั่นไปไว้ที่ไหน เขาจึงจำต้องใช้มันกอดเอวของชูไว้อย่างน่าอาย

 

ตอนนี้ใบหน้าแทบจะระเบิดเสียให้ได้

 

อื้อ~”    ชูเริ่มเปลี่ยนไปซุกไซร้ตามซอกคอและมันก็ทำให้รู้สึกวาบหวิวมาก ฝ่ามือใหญ่สอดเข้ามาใต้กางเกงชั้นในของเขาก่อนจะค่อยๆดึงรั้งมันออกไป

 

ปากทางที่เปลือยเปล่าจึงได้สัมผัสความนูนใหญ่ที่อยู่ภายใต้กางเกงพละตรงๆ

 

เขาอายจนต้องเสสายตาหลบทั้งๆที่ชูยังคงจ้องมองลงมาที่เขาตรงๆ มองอย่างกับจะบอกให้รู้ว่ากำลังต้องการเขาขนาดไหน มองอย่างกับอยากจะกลืนกินเขาเสียให้ได้

 

ชูไม่ได้ถอดเสื้อเขาออกเช่นเดียวกับที่ไม่ได้ถอดกางเกงของตัวเองออกเช่นกัน 

 

ความเป็นชายเพียงแค่ถูกดึงออกมาแล้วจ่อเข้ากับช่องทางที่เปียกไปด้วยเจลหล่อลื่น

 

ตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย?!

 

เขาถูกเล้าโลมอย่างเบามือจนแทบไม่รู้สึกถึงการรุกรานเลย

 

อึกอะ…”    ชูค่อยๆสอดใส่เข้ามาช้าๆ สองมือของเขากำชายเสื้อพละของชูอย่างต้องการระบายออก เพราะนอกจากความคับแน่นจนรู้สึกราวกับจะฉีกขาดแล้ว ความเสียววูบที่แล่นลิ่วไปทั่วท้องน้อยก็ทำให้เขาแทบทนไม่ไหว

 

กลุ่มผมสีชาซบลงมาที่ไหล่ก่อนที่ใบหน้าขึ้นสีนิดๆของชูจะกดจูบซุกไซร้ไปตามลำคอเพื่อทำให้เขาผ่อนคลาย ช่องทางที่ขยายออกจึงเผลอตอดรัดสิ่งแปลกปลอมอย่างห้ามตัวเองไม่อยู่

 

อ้า~”    ชูเองก็เหมือนจะทนไม่ไหวเพราะจู่ๆก็กระแทกกายเข้ามาจนลึก  สองแขนของเขาจึงตวัดโอบกอดลำคอแกร่งไว้โดยอัตโนมัติ

 

อะ อื้อ ชู?”    ปกติชูจะมีความอดทนมากกว่านี้ แต่ตอนนี้ชูกลับดูทนต่อไปไม่ไหวแล้ว อาจจะเป็นเพราะเห็นเขาอยู่ในสภาพเสื้อพละตัวเดียวอยู่นานสองนาน? อาจจะต้องการมาสักพักแล้วเพราะเอาแต่มองเขาอยู่ตลอด?

 

อ้า~ ช้าๆ”    ชูเริ่มขยับกายอย่างเอาแต่ใจ แผ่นหลังของเขาเสียดสีไปกับพื้นไอส์แลนด์ ยังดีที่ยังมีเสื้อรองชั้นหนึ่ง แต่ถ้าเทียบกับเตียงแล้วนี่มันก็แข็งกว่ามาก

 

มินาโตะ”   เสียงทุ้มเรียกชื่อเขาในขณะที่ขยับเข้าออก มือใหญ่เอื้อมมองรองหัวของเขาให้  ใบหน้าหล่อเหลาสูดดมกลิ่นพิเศษที่ลอยกรุ่นอยู่แถวซอกคอก่อนจะกดจูบซ้ำๆราวกับกำลังลุ่มหลง เช่นเดียวกับเบื้องล่างที่สอดประสานเข้ามาราวกับกำลังคลั่งไคล้ 

 

เขาไม่รู้เลยว่ามันผ่านไปนานแค่ไหน…. 

 

แต่เซ็กส์ที่หนักหน่วงถึงใจของชูก็ทำให้สติของเขากระเจิดกระเจิงไปหมด มันดีจนทำได้แค่ร้องครางอยู่ใต้ร่างของชูเพียงเท่านั้น

 

มันสุขสมจนสองขาไม่ยอมละออกจากเอวของชู ถึงแม้ว่าทุกความปรารถนาจะถูกปลดปล่อยออกไปแล้ว

 

เขานอนหอบหายใจด้วยร่างกายที่อ่อนระทวย ดวงตากลมโตทำได้แค่เพียงเหม่อมองใบหน้าของคนที่ทำให้เขาเป็นแบบนี้ก่อนที่สติจะดับวูบไป

 

 

  

 



เขาตื่นขึ้นมาอีกทีบนไหล่ของชู

 

เขากำลังถูกอุ้มไปที่ไหนสักที่เหมือนฝนจะหยุดตกแล้ว? เพราะรอบกายมีเพียงความเงียบ

 

ชูวางเขานอนลงที่ระเบียงไม้ ก่อนที่ชูจะนั่งลงข้างๆแล้วขยับหัวเขาไปหนุนตักของชูไว้

 

ตื่นแล้วเหรอ? ดูนั่นสิมินาโตะ”    เขาทอดสายตามองตามสายตาของชูไป แล้วจากที่ยังงัวเงียเขาก็ตื่นเต็มตาขึ้นมาทันที

 

สวยจัง…”    เสียงแหบพร่านิดๆเอ่ยออกไป 

 

เหนือบึงน้ำที่กว้างใหญ่มีหิ่งห้อยนับร้อยนับพันเปล่งแสงระยิบระยับยิ่งกว่าดวงดาวอยู่ ดอกไม้ราตรีที่ขึ้นอยู่ที่ริมบึงก็สะท้อนแสงจันทร์จนกลายเป็นสีเงิน  มันเป็นภาพที่สวยงามและโรแมนติกมาก

 

แสงไฟดวงน้อยๆดวงหนึ่งค่อยๆลอยอย่างอ้อยอิ่งเข้ามาหา ปลายนิ้วเรียวยาวจึงยื่นออกไปให้มันเกาะ

 

เขานอนมองเจ้าหิ่งห้อยตัวน้อยที่อยู่บนปลายนิ้วด้วยรอยยิ้ม ชูก็ก้มลงมามองมันเช่นกัน

 

มันเดินวนไปวนมาอยู่สองสามรอบก่อนจะโผบินต่อไป เขามองแสงไฟเล็กๆพวกนั้นด้วยความรู้สึกสงบและสุขใจมากๆ

 

ที่นี่สวยจังชู”    เขายังนอนหนุนตักของชูในขณะที่มองหมู่หิ่งห้อย

 

นั่นสิ ตรงนี้เป็นระเบียงหลังบ้านละ”    มือใหญ่สางผมเขาเล่นไปเรื่อยๆ

 

นายซื้อบ้านไว้เยอะขนาดนี้มันจะขายได้จริงๆน่ะเหรอ?”

 

พอปรับปรุงนิดหน่อยแล้วก็ปล่อยขายในนามของตระกูลฟูจิวาระก็มีแต่คนแย่งกันซื้อแล้วละ ผู้คนน่ะอยากจะเป็นเจ้าของและอยากจะลองใช้ชีวิตแบบฟูจิวาระทั้งนั้น พอรู้ว่านี่เป็นบ้านพักตากอากาศของตระกูลฉัน ก็แห่กันมาซื้อทันทีเลย

 

อย่างงี้นี่เอง

 

มีแต่มินาโตะนี่แหละที่ไม่ได้รู้ตัวเลยว่าได้ครอบครองฟูจิวาระที่ใครๆก็อยากได้กันทั้งประเทศ  ฝ่ามือบางๆข้างนี้แหละที่กำผู้ชายคนนั้นเอาไว้ในกำมือ”    มือใหญ่เอื้อมมาจับมือเขาไปดูก่อนจะดึงมันขึ้นไปจูบแนบแน่น

 

งั้นเหรอ? ฮะฮะ”    เขาซบหน้าลงไปบนตักของชูก่อนจะหัวเราะเบาๆ นั่นสินะ ก็ชูเป็นของเขานี่

 

บ้านหลังนี้ก็ดีนะ มินาโตะชอบไหม?”    พวกเรายังคุยกันต่อไป

 

อื้ม ไม่ได้ไกลจากในตัวเมืองเท่าไหร่ด้วย ไปหาพ่อได้ไม่ยาก

 

งั้นเอาไว้เรียนจบ เรามาอยู่ด้วยกันที่นี่นะ

 

อื้ม

 

ให้ที่นี่เป็นบ้านของเรานะ

 

อื้ม

 

สร้างโดโจไว้ตรงไหนดี ตรงนั้นดีไหม?”

 

อื้ม

 

แล้วคอนวีเนียนสโตร์ล่ะ?”

 

ง่ะ ไม่เอา ออกไปซื้อเอาก็ได้ ใกล้แค่นี้เอง

 

ฮะฮะฮะ

 

 

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

 

Story never End

 

มาถึงตอนที่25ได้อย่างน่าพิศวงมาก55555 ขอบคุณที่ติดตามกันมาตลอดจริงๆๆๆนะคะ >/////<

 

จะเห็นว่าโลเคชั่นส่วนใหญ่ในฟิคจะอยู่ละแวกเมืองนากาโน่ทั้งนั้นเลย อย่างในตอนนี้ก็ป่าโทงาคุชิที่อยู่ติดกับตัวเมืองนากาโน่ นั่นก็เพราะว่าโลเคชั่นที่เกี๊ยวเอามาใช้เป็นฉากในอนิเมะก็นากาโน่ทั้งเมืองนี่แหละค่ะ ใครไปญี่ปุ่นแวะไปตามรอยกันน้า >////< เอ๊ะ เคยเล่ารึยังนะว่าต้นแบบของโรงเรียนคิริซากิคือมหาวิทยาลัย Doshisha ในเกียวโตน่ะค่ะ โอ้โหหหห หามานานว่าต้นแบบอยู่ที่ไหน ที่แท้นางบอกไว้ในเอนเครดิตเพลงปิดนั่นเองค่ะ(ตอนที่แก๊งคาเซไมไปซ้อมแข่งที่คิริซากิ) เป็นมหาวิทยาลัยที่อยู่ติดกับพระราชวังเกียวโตเลย คือแบบ ลองเสิร์จในกูเกิลแมพสตรีทวิวดูแล้วแทบกรี๊ด  เจอแล้ววววเป้าหมายต่อไปของเรา555 ละเป็นมหาวิทยาลัยที่สวยมากๆเลยด้วยค่ะ อิฐแดงทุกอาคารเหมือนโรงเรียนคิริซากินั่นแหละค่ะ >/////<

 

ขอบคุณทุกๆคอมเม้นต์ ทุกๆการติดตาม ทุกๆหัวใจ ทุกๆโดเนทมากๆเลยนะคะ แล้วเจอกันตอนหน้าน้า

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น