Tsurune.
One-Shot.Fic [Shuu x Minato] หรือรักเรียกหา : 19 : END
:
Tsurune ; kazemai koukou kyudou-bu Short Fanfiction
:
Fujiwara Shuu x Narumiya Minato
:
Warmhearted
:
NC-17
คำเตือน :
เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ
“นายไปบอกอาจารย์ศิลปะอิท่าไหนเขาถึงได้ยอมเนี่ยชู?”
เสียงของนารุมิยะ
มินาโตะดังออกมาจากลำโพง
แท่นที่ควรจะวางรูปปั้นสำหรับใช้เป็นแบบในการวาดรูปกลับมีสมาร์ทโฟนอันหนึ่งวางแทน
ที่หน้าจอเป็นวีดีโอคอลและร่างโปร่งบางก็นั่งอยู่ในนั้น
ตอนนี้ที่ห้อง
1-A
ของโรงเรียนคิริซากิแผนกม.ปลายกำลังเรียนวิชาศิลปะซึ่งนักเรียนทั้งห้องต้องสลับกันวาดรูปเพื่อนในห้อง
จะมีแค่ฟูจิวาระ ชูเท่านั้นที่ต่างไปจากคนอื่น
เพราะเขาไม่ได้วาดเพื่อนในห้อง
แต่วาดเพื่อนที่อยู่ต่างโรงเรียนเลยต่างหาก
“ฉันก็แค่เดินไปบอกกับอาจารย์ตรงๆว่า…ผมทนมองหน้าคนอื่นนอกจากมินาโตะไม่ได้ครับ
เท่านั้นอาจารย์ก็อนุญาติให้ฉันวาดรูปนายผ่านวีดีโอคอลได้อย่างที่เห็นนี่แหละ”
มินาโตะหรี่ตามองเขาทันที
เขาอดขำกับใบหน้าแบบนั้นของมินาโตะไม่ได้เลยจริงๆ มัน…น่ารักน่าแกล้งมาก
“.....นายนี่มันจริงๆเลยนะชู…”
“ก็ฉันคิดแบบนี้ ฉันก็พูดออกไปตรงๆ มินาโตะก็เป็นเหมือนกันนี่”
“ถึงอย่างงั้นก็เถอะ
ฉันคงไม่เดินไปบอกอาจารย์หรอกนะว่าทนมองหน้าเพื่อนร่วมชั้นไม่ได้เนี่ย…นายแยกหน้าคนกับลูกธนูออกแล้วหรือไง?”
“ฮึฮะฮะฮะ…นั่นสินะ” ความจริงเขาก็ไม่ได้พูดแรงขนาดนั้นหรอก
แต่ด้วยความเป็นฟูจิวาระที่ครูทั้งโรงเรียนเกรงใจก็เลยอนุญาติง่ายๆต่างหากล่ะ
อีกทั้งฝั่งมินาโตะเองก็เป็นคาบว่างพอดีเขาก็เลยวีดีโอคอลหาได้
“ห้องของฉันมีจำนวนนักเรียนเป็นเลขคี่ มันไม่ครบคู่อยู่แล้ว”
ใบหน้าหล่อเหลาคุยกับมินาโตะไป มือใหญ่ก็วาดรูปไป
ใบหน้าของมินาโตะ…เขาชอบมันทุกส่วน
ยามเมื่อปลายดินสอตวัดวาดไปที่ริมฝีปาก…เขาก็จะนึกถึงสัมผัสนุ่มหนึบเหมือนเยลลี่
นึกถึงสีระเรื่อเจือจางๆหลังจากที่ถูกเขาบดขยี้ด้วยริมฝีปาก
ยามเมื่อปลายดินสอตวัดวาดไปที่จมูก…เขาก็จะนึกถึงสันน่าลูบไล้และปลายที่รั้นขึ้นนิดๆเหมือนนิสัยดื้อๆของมินาโตะ
ยามเมื่อปลายดินสอตวัดวาดไปที่ดวงตา…เขาก็จะนึกถึงอัญมณีเม็ดใหญ่ที่มักจะมองเขาตาใส
นึกถึงประกายสะอาดสะอ้านไร้สิ่งชั่วร้ายใดๆเจือปน
ยามเมื่อปลายดินสอตวัดวาดไปที่ขนตา…เขาก็จะนึกถึงแพหนานุ่มเรียงสวยเมื่อมินาโตะหลับตา
นึกถึงละอองน้ำที่แต่งแต้มแพหนาเหล่านั้นยามที่มินาโตะแทบขาดใจจากความสุขสมที่เขาปรนเปรอให้
ยามเมื่อปลายดินสอตวัดวาดไปที่สองแก้ม…เขาก็จะนึกถึงผิวพรรณหมดจดแดงจัดเวลาที่ร่างกายของเราหลอมรวมกัน
ยามเมื่อปลายดินสอตวัดวาดไปที่หน้าผาก…เขาก็จะนึกถึงเหม่งใสๆที่น่าจรดริมฝีปากลงไป
ยามเมื่อปลายดินสอตวัดวาดไปที่ไรผม…เขาก็จะนึกถึงหยดน้ำที่เกาะพราวจากเหงื่อที่ชื้นแฉะ
คนอื่นๆอาจจะมองว่ามินาโตะเป็นเด็กผู้ชายธรรมดาๆ
แต่สำหรับเขาแล้ว…มินาโตะกลับมีเครื่องหน้าที่น่ารักมาก น่ารักที่สุด
น่ารักน่าสัมผัสไปเสียทุกส่วนเลยจริงๆ เชาชอบมันมาก พูดแล้วก็อยากจูบขึ้นมาเลย
“แต่ฉันว่าน่าจะมีคนอยากจับคู่กับนาย อยากวาดรูปนายเยอะอยู่นะชู?”
มินาโตะยังคุยกับเขาผ่านหน้าจอโทรศัพท์โดยไม่รู้ว่าเขาคิดอกุศลอะไรอยู่
ก็คงจะจริงอย่างที่มินาโตะพูด
เพราะหลังจากที่อาจารย์ศิลปะประกาศหัวข้อออกไปก็มีสายตามากมายจ้องมาที่เขาอย่างดุเดือด
หลายคนก็คงคิดว่าจะได้จับคู่กับเขา ทั้งคนที่วาดรูปเก่งที่สุดในห้อง ทั้งคนที่คิดว่าตัวเองสวยตัวเองหล่อที่สุดในห้อง
ทั้งคนที่มีฐานะชาติตระกูลสูสีกับเขาที่สุดในห้อง
แต่แล้วยังไง...ไม่ว่าใครก็พ่ายแพ้ให้กับคนธรรมดาๆที่ไม่ได้อยู่ในห้องนี้ด้วยซ้ำอย่างมินาโตะ
คนที่เขาเลือกมีแค่นารุมิยะ
มินาโตะ
“แต่ฉันไม่อยากวาดคนอื่นนอกจากมินาโตะ” เสียงทุ้มตอบตรงๆท่ามกลางเสียงแกร่กๆของปลายดินสอที่ขีดเขียนลงบนกระดาษ
“ครับๆ” มินาโตะเหล่มองอย่างหมั่นไส้ในคำตอบของเขา
แต่ให้ตายเถอะ มันน่ารักมาก
อันที่จริงไม่จำเป็นต้องมองหน้ามินาโตะเขาก็วาดออกมาได้
แต่กระนั้นเขาก็ยังใช้มันเป็นข้ออ้างเพื่อให้ได้นั่งมองใบหน้ามนนั่นนานๆ
“มินาโตะเองก็คงไม่อยากให้ฉันไปวาดรูปคนอื่นหรอกใช่ไหม?” เขาอมยิ้มบางๆอย่างพยายามเก็บอาการเต็มที่
“ก็ใช่” มินาโตะตอบกลับมาตรงๆเช่นกัน
เขาน่ะ
ทะนุถนอมมินาโตะของเขาเป็นที่สุด
เพราะงั้นไม่ต้องห่วงเลยว่าเขาจะทำอะไรให้มินาโตะต้องคิดมากหรือไม่สบายใจ
เขาจะไม่เข้าใกล้ผู้หญิงที่ดูน่าสงสัยในระยะที่หวังผลได้อย่างเด็ดขาด…ผู้ชายก็ด้วย
จะไม่ปล่อยให้ตัวเองตกเป็นเป้าหรือทำอะไรให้ใครเอาไปสร้างข่าวลือไร้สาระได้อย่างเด็ดขาด
“ถ้าที่ห้องของมินาโตะต้องสลับกันวาดรูปแบบนี้บ้างละก็
ฉันอนุญาติให้นายจับคู่กับเซยะเท่านั้นนะ”
“รู้แล้วน่า”
“ห้ามใครมองมินาโตะของฉัน” เจ้าคนขี้หวงนี่…นารุมิยะ มินาโตะคงจะคิดแบบนั้น แต่มันก็เป็นความจริง
“แล้วเซยะไม่เป็นไรรึไง?” หมอนั่นไม่ใช่คน
ฉันไม่สนหรอก…ก็อยากจะพูดแบบนี้อยู่หรอกนะ แต่ว่า…ต่อหน้ามินาโตะพวกเราต้อง…
“ก็เราเป็นเพื่อนกัน ฉันโอเค” มุมปากกระตุกไปวูบหนึ่ง
มินาโตะไม่เคยรู้เลยว่าระหว่างเขากับเซยะไม่เคยมีคำว่าเพื่อน
พวกเราเป็นดั่งศัตรูคู่แค้นกันมาตั้งแต่ชาติปางก่อน แต่เพื่อให้มินาโตะสบายใจ
เราถึงได้ยอมจับมือกันต่อหน้ามินาโตะเท่านั้น
“อื้อ ดีใจจัง” มินาโตะถึงได้ยิ้มอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราวอยู่แบบนี้
"ใกล้จะหมดเวลาแล้ว
เอากลับไปวาดต่อที่บ้านให้เสร็จแล้วเอามาส่งครูคาบหน้าด้วยนะ"
อาจารย์ศิลปะเริ่มเดินดูและให้คำแนะนำเป็นรอบสุดท้าย
"ฟูจิวาระ ฝีมือการวาดรูปพัฒนาขึ้นนะ" ครูพยักหน้าแล้วก็เดินจากไปอย่างไม่ต้องแนะนำอะไรเขามากนัก
ก็แหงละ
ตลอดสามปีที่เรียนม.ต้นมาด้วยกัน เขาไม่เคยวาดรูปคนอื่นเลย
รวมปีนี้ก็เป็นปีที่สี่แล้วที่เอาแต่วาดรูปมินาโตะอยู่คนเดียว
มันก็ต้องเหมือนขึ้นบ้างละนะ
และครูศิลปะที่สอนพวกเขามาตั้งแต่ม.ต้นจนถึงม.ปลายย่อมเห็นพัฒนาการเหล่านั้นมาตลอด
ครูม.ต้นคิริซากิทุกคนรับรู้ถึงความพิเศษของมินาโตะในฐานะที่เป็นเด็กที่ฟูจิวาระ
ชูให้ความสนใจ ครูศิลปะจึงยังจำมินาโตะได้ดี
เพราะงั้นแทบไม่ต้องมองหน้าจอโทรศัพท์ครูยังรู้เลยว่ารูปที่เขาวาดอยู่น่ะเหมือนนายแบบอย่างมินาโตะขนาดไหน
"ถ้าเป็นเมื่อก่อน…เราคงมานั่งวาดรูปต่อหลังจากซ้อมเสร็จ"
ใบหน้าหล่อเหลายิ้มบางๆในขณะที่เก็บของลงกระเป๋า
ภาพเก่าๆตอนที่เรายังอยู่ด้วยกันนั้นเขายังจำได้ดี
เราซ้อมยิงธนูอยู่ที่ชมรมด้วยกันจนเย็น…จากนั้นก็กลับขึ้นมาที่ห้องศิลปะซึ่งไม่มีใครเหลืออยู่แล้ว…
มินาโตะจะนั่งลงตรงหน้าเขา…อมยิ้มน้อยๆราวกับรูปปั้นเทพีแสนสวย…
พวกเราต่างหยิบสมุดสเก็ตขึ้นมา…แล้ววาดใบหน้าของอีกฝ่ายลงในสมุดของตัวเอง
นั่งวาดรูปเงียบๆราวกับโลกนี้มีเพียงเราสองคน…
และยิ่งมีเพียงเราที่ยังเคลื่อนไหวท่ามกลางรูปปั้นที่ยืนนิ่ง…
ก็ยิ่งเหมือนเวลาถูกหยุดเอาไว้…
เราอยู่ด้วยกันในห้องศิลปะแบบนั้นจนฟ้าเปลี่ยนเป็นสีส้ม
เป็นความทรงจำที่แสนงดงามและน่าโหยหา
แต่ว่า
หากภาพเหล่านั้นยังคงดำเนินต่อไป
หากเขาไม่ต้องแยกจากมินาโตะเลย เขาคงไม่มีวันรู้…ว่าเขาหวงแหนมินาโตะได้มากขนาดไหน
การที่เราต้องห่างกันในวันนี้…มันก็มีความหมายของมัน
เขาได้เรียนรู้ถึงอุปสรรคและวิธีการรับมือ…ที่จะไม่ให้เกิดวันแบบนี้ขึ้นอีก
ความโหยหา…จะทำให้เราไม่ยอมพรากจากกันอีก
"อืม…ถ้าชูยังต้องให้ฉันเป็นแบบให้ต่อ…งั้นวันเสาร์อาทิตย์ไหมล่ะ?" มินาโตะเสนอมาจากในวีดีโอคอล
มินาโตะเองก็กำลังถมระยะทางที่ห่างไกลเพื่อให้ได้อยู่ใกล้ๆเขาเหมือนกัน
"ได้สิ ขอบใจนะมินาโตะ" เขายิ้มให้หน้าจอสมาร์ทโฟน
"อื้อ ฉันต้องไปเรียนแล้ว"
"อื้ม ตั้งใจเรียนนะ"
"บะบาย"
แล้วหน้าจอโทรศัพท์ก็ดับลง
เขาจึงได้เงยหน้าขึ้นมาพบกับสายตาตื่นตะลึงของเพื่อนร่วมห้อง
อ้อ… หลายๆคนที่ไม่ได้มาจากคิริซากิม.ต้นก็คงไม่เคยเห็นเขายิ้มแบบนี้สินะ?
บางคนอาจจะเพิ่งรู้เดี๋ยวนั้นเลยก็ได้ว่า…ฟูจิวาระ
ชูก็ยิ้มเป็น
ในวันอาทิตย์ที่ผู้คนพลุกพล่าน
รถยนต์สีดำของบ้านฟูจิวาระจอดลงตรงหน้าร้านขายเครื่องเขียนประจำย่านการค้าของเมือง
"ฉันมีของต้องซื้อหน่อยน่ะ"
ฟูจิวาระ
ชูบอกนารุมิยะ มินาโตะก่อนจะก้าวขาลงจากรถ
แน่นอนว่าเขาไม่คิดจะนั่งรออยู่ในนี้คนเดียว ร่างโปร่งบางจึงก้าวตามร่างสูงไป
"จะซื้ออะไรเหรอชู?" ร้านเครื่องเขียนในวันอาทิตย์คนไม่เยอะนักหากเทียบกับร้านอาหารครอบครัวหรือร้านกิ๊ฟช็อปเครื่องสำอางค์
เขาเดินตามชูไปก่อนจะเอ่ยถามอย่างสงสัย เพราะชูไม่ได้เดินไปที่ชั้นวางกระดาษ ปากกา
หรือแม้แต่ดินสอแรเงา
แต่ชูเดินไปที่ชั้นวางสี?
"สีน้ำน่ะ" ชูหยุดยืนหน้าตู้ไม้ของสียี่ห้อ
winsor & newton ในนั้นมีหลอดสีแขวนอยู่ครบทุกเฉดทุกเบอร์
แขวนไล่เรียงตั้งแต่โทนร้อนไปจนถึงโทนเย็น
"สีน้ำ?"
"อื้ม พอดีขาดไปสีนึง" มือใหญ่เปิดตู้ก่อนจะเอื้อมไปหยิบสีแดงหลอดหนึ่งออกมา
…Alizarin Crimson Red เบอร์ 004
นัยน์ตาสีม่วงของชูทอดมองมันด้วยสายตาละมุนละไมยิ่งทำให้เขาสงสัย
"ต้องใช้สีด้วยเหรอ? ไม่ใช่ว่าเป็นภาพวาดดินสอแรเงาหรอกเหรอ?"
"ใช้สิ โดยเฉพาะสีแดงนี่น่ะ" ชูหันมายิ้มให้ก่อนจะเดินออกไปจ่ายเงินทิ้งให้เขายืนงงอยู่ตามลำพัง
"เอ๋?"
แล้วหลังจากนั้นถามยังไงก็ไม่ตอบด้วยนะ…
ถึงจะนัดกันไว้แล้วว่าจะเป็นแบบวาดรูปให้
แต่นารุมิยะ มินาโตะก็ไม่คิดว่ามันจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้…
"นะ นี่มันอะไรน่ะ?" ใบหน้ามนหันมองรอบกายอย่างหวาดหวั่น
การบ้านวิชาศิลปะของเด็กสายวิทย์อย่างพวกเขา…ที่คิดไว้ก็นั่งวาดกันง่ายๆที่บ้านเขาก็ได้ไหม?
อาจารย์คงไม่ได้คาดหวังผลงานระดับศิลปินเอกของโลกจากพวกเราหรอกไหม?
แต่เมื่อเช้าชูกลับไปรับเขามาบ้านของตัวเอง…
ไม่พอ
ตอนนี้ห้องนอนของชูยังกลายสภาพเป็นสตูดิโอขนาดย่อมๆไปแล้ว…
เตียงนั่นมันเป็นเตียงสี่เสาตั้งแต่เมื่อไหร่? ไหนจะผ้าปูสีแดงเลือดนกกับม่านโปร่งพลิ้วๆนี่อีก?
แล้วโซฟาวินเทจนี่มันเคยมีอยู่ตรงนี้ด้วยเหรอ? พุ่มดอกไม้สมัยวิกตอเรียนที่แต่งละเรื่อยลงมาถึงพื้นนี่ก็อีก?
จะวาดรูปแข่งกับคุณโมนาลิซ่าเร๊อะ?
“ก็แค่ฉากน่ะ มานั่งตรงนี้สิมินาโตะ” ร่างโปร่งบางถูกจูงมืองงๆไปนั่งลงบนโซฟาที่โครงเป็นไม้หรูหรา
มีผ้าสวยๆถูกพาดถูกจัดไว้เหมือนในสตูดิโอถ่ายภาพไม่มีผิด
“นายจะวาดฉากพวกนี้ด้วยเหรอชู?” เสียงนุ่มเอ่ยถามในขณะที่ยกสองแขนขึ้นเหนือหัวโดยอัตโนมัติเมื่อชูถลกเสื้อของเขาขึ้นไป
หื๋อ?
แล้วทำไมเขาต้องถอดเสื้อด้วยเนี่ย?
มันไม่ใช่การวาดรูปอนาโตมีไม่ใช่เหรอ? ทุกๆปีก็ให้วาดแค่หน้านี่?
แล้วทำไมเขาถึงต้องเปลือยด้วย? ???
ความสงสัยไม่อาจหลุดรอดออกไปจากริมฝีปากได้เมื่อชูกำลังทอดสายตามองมาที่ร่างกายท่อนบนของเขาอย่างหลงใหล
สายตาที่กำลังไล่มองไปตามกระดูกและกล้ามเนื้อบนร่างกายทำให้เขารู้สึกเขินอายจนใบหน้าร้อนผ่าวไปหมด
ใบหน้ามนจึงต้องเสหลบอย่างช่วยไม่ได้
ไม่ได้มีแค่ใบหน้าของมินาโตะเท่านั้นที่นายน้อยฟูจิวาระชื่นชอบ
แต่ร่างกายของมินาโตะเขาก็ชอบมันมากเช่นกัน
ดวงตาสีม่วงจ้องมองร่างกายท่อนบนที่เปลือยเปล่านั่นอย่างไม่คิดจะปิดบัง
มองจนใบหูบางแดงระเรื่อไปหมด
ถ้าเทียบกับขนาดตัวของเขาแล้ว
มินาโตะตัวเล็กและบอบบางกว่าเขามาก ทว่าในความบางนั้นกลับไม่ได้ผอมแห้งจนดูไร้เรี่ยวแรง
มินาโตะออกกำลังกายเป็นประจำ
มินาโตะมีกล้ามเนื้อ
ถึงจะเป็นกล้ามเนื้อของเด็กหนุ่มวัยขบเผาะแต่มันก็เป็นกล้ามเนื้อที่ประกอบกันเป็นเรือนร่างที่สวยงามมาก
ที่สำคัญ…มันสามารถกระตุ้นสัญชาติญาณดิบของเขาได้
มือใหญ่แตะลงไปบนผิวเนียนใสอย่างเผลอไผล…
ก่อนที่นิ้วโป้งจะกดสัมผัสลากไล้ไปตามไหปลาร้าเล็กๆที่พระเจ้าสร้างมาอย่างประณีต
สวยจริงๆ…
มือใหญ่หยุดลงที่หัวไหล่…ไหล่ของมินาโตะแคบทำให้ดูเป็นผู้ชายตัวเล็ก
ต้นแขนของมินาโตะเขาก็สามารถกำรอบได้ด้วยฝ่ามือเดียว
ถึงแขนของมินาโตะจะบอบบางจนดูเหมือนจะหักได้ง่ายๆ
ดูเหมือนมันไม่น่าจะมีแรงง้างคันธนูได้ แต่มันก็เป็นกล้ามเนื้อ…เป็นกล้ามแขนเล็กๆที่ชวนให้อยากขบกัด
เขาย้ายสายตากลับมามองที่ต้นคอ…มินาโตะคอสวยมาก
มันเล็กและเรียวยาวรับกับใบหน้า โดยเฉพาะต้นคอด้านหลัง
หลายๆครั้งเขาก็ต้องยับยั้งใจแทบตายไม่ให้เผลอกัดจนมินาโตะต้องร้องไห้
ปลายนิ้วกลางแตะลงไปที่ลูกกระเดือกซึ่งมองแทบไม่เห็นก่อนจะลากลงมาตามลำคอ…ผ่านรอยแหวกของไหปลาร้า…ลงมาจนถึงกลางหว่างอก
แผ่นอกของมินาโตะราบเรียบแต่เขากลับชอบซบใบหน้าลงไปเพื่อให้มินาโตะนอนกอดเขาเอาไว้
เขาชอบฟังเสียงหัวใจที่เต้นอย่างสม่ำเสมอของมินาโตะ
มันเป็นเสียงที่ทำให้เขาสงบลงไม่ว่าจะเจอเรื่องอะไรมาก็ตาม
มินาโตะไม่ได้มีซิกแพ็คแต่กระนั้นหน้าท้องแบนเรียบของมินาโตะก็เป็นกล้ามเนื้อกระชับแน่น…มันยังมีความนุ่มนวลอยู่…ซึ่งมันเข้ากับกล้ามหน้าท้องแข็งๆของเขาได้ดีมากเวลาที่เราแนบชิดร่างกายเข้าหากัน
ร่างสูงสง่าคุกเข่าลงไปตรงหน้าโซฟา
ฝ่ามือปลดกระดุมกางเกงยีนส์สีซีดของมินาโตะก่อนจะคอยๆรูดรั้งมันออกจากเรียวขาขาว
มินาโตะหน้าแดงแปร๊ดจนเหมือนลูกเชอร์รี่เลยเวลานี้
"...ตะ ต้อง…ถอดกางเกงด้วยเหรอชู?"
"อื้ม ต้องถอดตัวนี้ด้วย" มือใหญ่จับขอบกางเกงชั้นในสีขาวก่อนจะค่อยๆดึงมันตามออกมา
"เอ๊ะ?" มินาโตะตกใจจนต้องรีบคว้าผ้าที่พาดอยู่แถวนั้นมาปิดไว้
"......วาดรูปอะไรของนายกันแน่เนี่ย? ไม่ใช่ที่จะส่งอาจารย์ใช่ไหม?"
มินาโตะลนลานก่อนจะมองเขาอย่างเลิ่กลั่ก
ใบหน้าแดงจัดนั่นเหมือนมีไอร้อนแผ่ออกมาเลย
น่ารัก…
"ไม่ใช่ งานที่วาดส่งอาจารย์ฉันวาดเสร็จไปแล้ว" เขาสารภาพพร้อมรอยยิ้ม
"เจ้าหมอนี่…" มินาโตะหรี่ตาลงอย่างคาดโทษ
"ไม่ได้เหรอ? มินาโตะ…" เขาเงยหน้ามองคนที่นั่งอยู่บนโซฟาด้วยสายตาอ้อนๆ
สองมือจับมือมินาโตะไว้จนอีกฝ่ายยอมใจอ่อน
"เฮ้อ…ตามใจ มาขนาดนี้แล้วนี่" เขายิ้มกว้าง
"นอนลงสิ" ก่อนจะจับมินาโตะนอนลงแล้วจัดท่าให้นอนคว่ำกึ่งตะแคง
สอดหมอนเนื้อนิ่มใบใหญ่ให้มินาโตะกอดไว้จะได้ไม่เมื่อย
ต้นขาข้างหนึ่งถูกดึงมาบดบังส่วนที่จะไม่มีใครได้เห็นนอกจากเขา
สายตาของเขาถูกช่วงเอวคอดที่ดูเล็กบางดึงดูดเอาไว้อีกครั้ง
ใบหน้าหล่อเหลาเผลอโน้มลงไปจูบรอยแผลเป็นที่พาดผ่านโดยไม่รู้ตัว
"อึก…ชู…" มินาโตะถึงกับต้องฝังใบหน้าแดงกล่ำไว้กับหมอนก่อนจะสงบใจไว้ไม่ไหว
ทุกการกระทำที่ทั้งรักทั้งอ่อนโยนของเขาก็คงไปกระตุ้นเร้าความต้องการของมินาโตะเช่นกัน
ร่างสูงเดินกลับไปนั่งลงบนโซฟาที่อยู่ตรงข้าม
ขายาวยกขึ้นมาไขว่ห้างก่อนจะหยิบกระดานวาดรูปขึ้นมาสเก็ตภาพด้วยท่าทางสบายๆ
ตอนเด็กๆเขาถูกจับเรียนพิเศษมากมายไม่ว่าจะขี่ม้า
ฟันดาบ ยิงธนู เปียโน ไวโอลิน ชงชา เขียนพู่กัน
และหนึ่งในนั้นก็คือการเรียนวาดรูปด้วยสีน้ำ
ร่างสูงสง่าสบตากับร่างเปลือยเปล่าที่นอนอยู่บนโซฟาทุกครั้งที่เงยหน้าขึ้นไปมอง…
ลมหายใจของเขาร้อนเป็นไฟ
การที่ต้องสะกดมันไว้แล้วทำได้แค่จ้องมองกับนำภาพแห่งแรงปรารถนานั้นมาละเลงลงบนกระดาษแบบนี้ก็รู้สึกอีโรติกไปอีกแบบ
ไม่ต้องสัมผัสด้วยมือแต่สัมผัสมินาโตะด้วยสายตาและหัวใจ…
แบบนี้ก็…เซ็กซี่ดี
"วาดรูปฉันมันสนุกตรงไหนกัน?" ใบหน้ามนที่เกยคางไว้บนหมอนเอ่ยถามทำลายความเงียบ
"สนุกตรงที่ได้มองมินาโตะ" เขายิ้มในขณะที่มองเส้นร่างดินสอบนกระดาษ
มือใหญ่ขยับวาดโครงรูปไปเรื่อยๆ
"......"
"กล้ามเนื้อและกระดูกของมินาโตะสวยมาก ฉันอยากจะวาดเก็บไว้"
"ถ่ายรูปเอาก็ได้นี่? สมัยนี้แล้วยังมีคนนั่งเป็นแบบให้วาดรูปกันอยู่อีกเหรอ?"
"แบบนั้นมันไม่น่าจะดีนะ ให้ฉันเก็บภาพถ่ายแบบเปลือยๆของมินาโตะไว้?"
เขาเงยหน้าจากกระดาษไปมองมินาโตะด้วยรอยยิ้มหยอกเย้า
"เอ่อะ…ไม่ดีจริงๆนั่นแหละ…" ใบหน้าที่หนุนอยู่บนหมอนผงะไป
"แต่ถ้าเป็นภาพวาดมันก็อีกเรื่อง" เพราะความคลาสสิคของมันจะทำให้ดูเป็นผลงานในเชิงศิลปะมากกว่า
"นี่น่ะ จะกลายเป็นสมบัติประจำตระกูลฟูจิวาระได้เลยนะ" เขาหยอกมินาโตะไปอีกดอก
"โฮ่
นี่นายกำลังสรรสร้างสมบัติประจำตระกูลซึ่งจะตกทอดสู่มือลูกหลานของนายอยู่งั้นรึฟูจิวาระคุง"
มินาโตะหรี่ตามองพร้อมกับยอกย้อน
"ใช่แล้ว ภาพวาดที่เจ้าบ้านลำดับที่32ได้วาดนายหญิงของเขาเอาไว้นี่แหละจะกลายเป็นสมบัติที่แสนล้ำค่าของตระกูลฟูจิวาระ"
"เอาไว้ฉันใส่ลงไปในพินัยกรรมด้วยดีไหม? ผู้ถือครองภาพนี้จะได้ทรัพย์สมบัติทั้งหมดของตระกูลฟูจิวาระไป?
ลูกหลานของฉันต้องแย่งชิงมันกันแน่"
"พอเถอะ ฮ่าๆๆ สงสารลูกหลานของนายบ้างเถอะ" มินาโตะหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
ชูใช้เวลาสเก็ตรูปอยู่ชั่วโมงกว่าๆก่อนจะย้ายไปนั่งด้านหลังขาตั้งสำหรับวาดรูป
ตรงนั้นมีทั้งพู่กันและจานสีพร้อม
ไม่ได้มีแค่ชูหรอกที่เพลิดเพลินไปกับการได้มองเรือนร่างของเขา
การได้เห็นชูที่กำลังตั้งใจวาดรูปเขาอยู่แบบนี้มันก็รู้สึกดีมากเหมือนกัน
สายตาที่มองมาที่เรา… มองเพียงแค่เรา…
สีที่เลอะอยู่ตามข้อนิ้ว… มือที่จับพู่กันวาดรูปของเรา…
มันจะมีอะไรดีไปกว่านี้อีก
ถ้าไม่ใช่ฟูจิวาระ
ชู…ยังจะมีใครทำเรื่องแบบนี้ให้เขาอีก
ใบหน้ามนซบลงที่หมอนนุ่มนิ่มก่อนจะมองคนที่นั่งอยู่หลังขาตั้งรูปด้วยความเพลิดเพลิน
เขาชอบใบหน้าและสายตาของชูเวลาจ้องมองภาพของเขาจริงๆ
มันเป็นความรู้สึกของคนที่ถูกรัก
ประมาณนั้น
แล้วพอต้องอยู่ในท่าเดิมนานๆ
ห้องก็อุณหภูมิกำลังดี ไม่มีเสียงดังรบกวน ดวงตากลมโตจึงเริ่มจะปรือปรอย
ริมฝีปากสีสดจึงต้องหาเรื่องคุยกับชูแก้ง่วง
"....ชู"
"หื๋ม?"
"แล้วสีแดงที่นายแวะซื้อก่อนจะมาล่ะ เอามาทาตรงไหน? ปากฉันเหรอ?"
"เปล่า สีปากของมินาโตะจะระเรื่อไม่แดงเข้มขนาดนั้น"
"เอ๋? แล้วถ้างั้นเอามาระบายอะไร? ดอกไม้?" ดวงตาสีมรกตเหลือบมองไปที่ช่อดอกกุหลาบสีแดงสลับขาวซึ่งตั้งอยู่ข้างๆ
"อยากรู้เหรอ?" ชูเงยหน้าจากกระดานวาดรูปแล้วมองมาด้วยสายตาที่ทำเอาหายใจไม่ทั่วท้อง
"อื้ม…"
ชูวางพู่กันลงแล้วเดินมาหา…ก่อนจะนั่งลงที่ขอบโซฟา
ปลายนิ้วชี้แตะลงที่ไหล่เปลือยเปล่าของเขา
"ทาตรงนี้"
แล้วไม่ทันที่ความสงสัยของนารุมิยะ
มินาโตะจะได้ถามออกไปว่าตรงนั้นมันแดงยังไง
ริมฝีปากร้อนก็กดจูบลงมาพร้อมกับขบเม้มดูดดึงจนไหล่บางสะดุ้ง
"อ๊ะ?"
จากที่ไม่มี…สีแดงก็ปรากฎเป็นรอยขึ้นมา…
คุณชายฟูจิวาระถือคติที่ว่า
ถ้าไม่มีก็ทำให้มันมีเสียก็สิ้นเรื่อง
"อึก…อื้อ~ ชู…"
แล้วก็ไม่ได้มีแค่รอยเดียว
ตอนนี้คิสมาร์กเริ่มลามไปที่ลาดไหล่ ไหปลาร้า และลำคอเป็นที่เรียบร้อย
"แฮ่ก…แฮ่ก…" มือบางถึงกับต้องยันใบหน้าตายด้านที่ยิ้มเจ้าเล่ห์นั่นออกไป
กัดตรงไหนของนายเนี่ย?!
ดวงตากลมโตเหลือบมองรอยสีกุหลาบบนเอว
สะโพก ไปจนถึงบนก้น…ของตัวเอง
"ถ้าจะใช้สีแดงให้หมดหลอด รอยแค่นี้มันยังไม่พอนะ?" ใบหน้าหล่อเหลาเอียงคอพูดอย่างใสซื่อ
"พอเลย เก็บไว้ใช้คราวหลังบ้างก็ได้!"
"คราวหลัง…สินะ?" ใบหน้ามนอ้าปากค้างเพราะเพิ่งรู้ตัวว่าเพิ่งจะขุดหลุมฝังตัวเองไป
ชูต้องเข้าใจและทึกทักเอาเองแน่ว่าเขาจะเป็นแบบให้วาดรูปแบบนี้อีก!
"ได้สิมินาโตะ ฉันเตรียมเตียงสี่เสา เก้าอี้หลุยส์ แกรนด์เปียโน โซฟาจากminottiไว้ให้นายแล้ว
หรือถ้านายอยากได้ฟิลแบบญี่ปุ่นๆหน่อยฉันก็เตรียมฮาโอริลายนกกระเรียนไว้ให้เหมือนกัน
เรามาวาดภาพกันอีกเยอะๆเลยนะ" เจ้าชายแห่งคิริซากิมองเขาด้วยดวงตาเป็นประกาย…
"....ยิงธนู…เรากลับไปยิงธนูกันเถอะชู~~~"
เลิกวาดภาพอะไรนั่นได้แล้วววว นารุมิยะ
มินาโตะได้แต่กรีดร้องในใจ
"มินาโตะ หลับแล้วเหรอ?" มือลูบแก้มใสของคนที่หลับปุ๋ยคาหมอนไปแล้ว
ดวงตาสีม่วงทอดมองใบหน้าสงบของมินาโตะด้วยรอยยิ้ม
เขาโน้มตัวลงไปก่อนจะจูบหน้าผากใสเบาๆ
ผ้าห่มเนื้อนุ่มถูกคลุมลงไปบนร่างกายเปลือยเปล่า
เขาเพิ่งจะวาดรูปเสร็จและตอนนี้สองมือก็มีสีเลอะเต็มไปหมด
“หลับไปก่อนนะมินาโตะ ฉันไปล้างมือเดี๋ยวมา” จุ๊บ…เขาจูบที่แก้มใสอย่างรักใคร่ไปอีกครั้ง
แกร่ก…
“อือ…ชู?...” เหมือนได้ยินเสียงชูพูดอะไรบางอย่าง
เปลือกตาหนักอึ้งจึงค่อยๆเปิดขึ้นมาอย่างงัวเงียและทันเห็นประตูปิดลงไวๆ
ชูไปไหน?
แล้วรูปล่ะ
วาดเสร็จแล้วเหรอ?
ร่างโปร่งบางลุกขึ้นนั่งก่อนจะรู้สึกถึงผ้าที่หลุดละลงไปกองที่หน้าตัก…หื๋อ?
ผ้าห่ม? ชูเอามาคลุมให้เหรอ?
มือบางหยิบชายผ้าขึ้นมาคลุมไหล่
กลิ่นหอมอ่อนๆเหมือนกลิ่นดอกไม้ของมันทำให้เขาเผลอดึงผ้านั่นมาดม
กลิ่นที่ซ้อนอยู่เหมือนกลิ่นของชูเลย~ ใบหน้ามนจึงเผลอคลอเคลียโดยไม่รู้ตัว
ดวงตากลมโตเหลือบมองไปที่ขาตั้งรูป
รู้สึกตื่นเต้นหน่อยๆเหมือนกัน อยากรู้ว่าชูจะวาดรูปเขาออกมาเป็นแบบไหน
คงไม่ใช่สไตล์แบบปิกัสโซ่หรอกมั้ง?
ร่างโปร่งบางจึงลุกขึ้นช้าๆ
สองขาเดินไปยังขาตั้งรูปทั้งผ้าห่มที่คลุมกายอยู่แบบนั้น
“อ๊ะ” แล้วเขาก็ทำได้แค่อุทานออมาเบาๆเมื่อเห็นรูปของตัวเอง
นี่คือ…สิ่งที่ชูมองเห็นสินะ…
สองแก้มของเขาร้อนผ่าว…เพราะมันไม่ใช่ภาพแอบสแตค
ไม่ใช่แบบปิกัสโซ่ แต่มันเป็นภาพเหมือนที่เบาบางตามสไตล์สีน้ำที่สวยมาก
ร่างกายของเขา…ใบหน้าของเขา…ในสายตาชูมันเป็นแบบนี้เองเหรอ…โดยเฉพาะที่ดวงตาสีเขียวใสนี่…
เขารู้สึกเขินจนต้องยกมือขึ้นมาปิดปาก
เพราะตัวเขาที่อยู่ในรูปนั่นมีเสน่ห์ดึงดูดจนแม้แต่ตัวเองยังรู้สึกได้
คนที่วาดมันขึ้นมาต้องรู้สึกแบบไหนกับนายแบบ
ใครที่ได้ดูรูปนี้ก็จะรู้ทันที…
แต่ชู…วาดภาพเก่งขึ้นจริงๆแหะ
ดีไม่ดี…เจ้ารูปๆนี้อาจจะกลายเป็นสมบัติประจำตระกูลฟูจิวาระไปจริงๆก็ได้นะเนี่ย
อ่ะ…ไม่สิ
ไม่ได้นะ~
แบบนี้มันก็แย่แล้วสิ!
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
Story
never End
รีบลงก่องเพราะต้องไปเตรียมตัวหวีดกับตอนที่จะฉายคืนนี้ค่ะ555 มันยังไม่จบนาคะะะ ยังเหลือตอนที่13อีกตอนนน555 คือดูตอน12จบต่างคนก็ต่างงงว่ามันจบรึยัง? จบแล้วใช่ไหม? ซีนสุดท้ายมันเหมือนซีนจบเลย? จนเกี๊ยวต้องรีบเอารูปมาลงว่ามันยังไม่จ๊บ ยังเหลืออีกตอนนน555 แล้วคือจากตัวอย่างนี่ก็รออย่างใจจดใจจ่อเลยค่าาา คุณชายชูในชุดยูกาตะอ่ะ กรี๊ดดดดด >/////< ไหนจะเบบี้ชูน่ารักน่าเอ็นดูอี๊กกก >/////< เอาเลยเกี๊ยววว ตอนสุดท้ายแล้วก็เอาให้สุดไปเลยเกี๊ยววว ไหนๆซีซั่นนี้ก็ให้ชูมินาโตะเป็นเรือเมนแล้วนี่เกี๊ยววว 5555 ดูตอน12หวีดแทบสิ้นใจไปแล้ว คืนนี้ตูอาจจะตายไปเลยก็ได้555 ชายชูเค้ารักของเค้า เค้ารอของเค้ามาตั้งแต่เด็ก ในที่สุดก็ได้มินาโตะที่ทำหายไปคืนมาแล้วนะคะคุณชายคะ งื้อออ >////<
แล้วด้วยความที่ตอนที่12ฉากแข่งกันของคิริซากิกับคาเซไมนั้นเกี๊ยวทำดีจัดจนตอนดูนี่ลุ้นมือสั่นมาก
อยากให้น้อนชนะแต่ก็ไม่อยากให้ชูแพ้ ดูไปก็หัวใจจะวายไป
ผลออกมาแบบนี้เราว่ามันก็ดีมากๆเลยนะ เนื้อเรื่องสมเป็นเกียวอนิ
ถ้าเป็นอนิเมะกีฬาเรื่องอื่นทีมที่ชนะต้องเป็นทีมของพระเอกแน่นอน
แต่อันนี้ให้คิริซากิที่เค้าเคี่ยวกรำมานานชนะเลิศไปเราว่ามันก็สมเหตุสมผลแล้ว
และไม่ใช่แค่คิริซากิ จริงๆชูเองก็ชนะเลิศในประเภทชายเดี่ยวด้วย สุดมากอ่ะพ่อคะ
>////< ชูแข็งแกร่งมากกก
มัมหมีวางใจยกน้องมินาโตะให้เลยค่ะแบบนี้ อุงื้อออ
ก็นั่นแหละ
ด้วยความลุ้นขนาดนั้นเลยอยากจะรู้ว่าในโนเวลจริงๆเค้ายังมีฉากอะไรซ่อนอยู่ไหมก็เลยเอามือถือไปส่องท้ายเล่ม2ดูค่ะ
ถึงได้รู้ว่า โอ้โหหหห เกี๊ยวววว ตกลงซีซั่นนี้แกยกเรือเมนให้ชูใช่ม๊าย
เพราะในนิยายจริงๆอ่ะ มันจะมีฉากเลิฟซีน(?)ของมาสะซังกับน้อนที่ถูกตัดออกไปทั้งดุ้นอยู่ค่ะ
>/////<
ใครไม่ได้อยู่มันสามเรือแบบตูข้ามไปนาคะ
ก็คือ
จริงๆแล้วเหตุการณ์ติดลิฟท์ของน้องและรุ่นพี่นิไคโดอ่ะ มันเกิดขึ้นที่โรงแรมที่พักกันตอนแข่งนี่แหละค่ะ
น้อนไปอาบน้ำกับเพื่อนๆแต่ขอกลับก่อน
แล้วก็มาเจอรุ่นพี่ที่หน้าลิฟท์จนติดอยู่ในลิฟท์ด้วยกันถึง45นาที
แต่ว่าน้องไม่ได้ล้มจนเล็บฉีกเหมือนในอนิเมะ ตอนออกจากลิฟท์ยังปกติดี
แต่พอกลับไปที่ห้องพักแล้วถึงมีอาการค่ะ แล้วก็
น้องไม่ได้พักห้องเดียวห้าคนแบบในอนิเมะ แต่น้องพักคู่กับเซยะแค่สองคนจ้ะแม่จ๋า
>////< น้องเข้าไปนอนก่อน
เซยะที่เพิ่งกลับมาจากห้องสามหน่อถึงได้เห็นว่าน้องนอนห่มผ้าคลุมมิดทั้งตัว
ก็เลยถามน้องว่าไม่ร้อนเหรอมินาโตะ? เป็นอะไรหรือเปล่ามินาโตะ?
น้องเลยบอกว่าหนาวแล้วก็ปวดเมื่อยเจ็บไปหมดทั้งตัวเลย
เซยะเลยจับตัวน้องแล้วพบว่ามีไข้สูงมากกก
ด้วยความที่ตัวเท่าๆกันเลยอุ้มน้องไม่ไหวเลยไปตามมาสะกับอ.ทอมมี่มาดู
มาสะซังเลยตัดสินใจพาน้องไปโรงพยาบาล แล้วน้องลุกไม่ไหว มาสะซังเลยให้ขี่หลังไป
>////< พอถึงแท็กซี่ก็ยังหันมาบอกกับเซยะว่าให้เปลี่ยนห้องกับตัวเอง
ให้เซยะไปนอนกับอ.ทอมมี่เพราะกลัวว่าเซยะจะติดไข้ไปด้วย แข่งพรุ่งนี้เด่วจะลำบาก
จย้าาา ใช้หน้าที่การงานในทางมิชอบให้สุดไป555 //โดนธนูปักหัวข้อหาแซว
จากนั้นมาสะก็พาน้องไปโรงพยาบาล คนเยอะมาก ระหว่างรอก็เช็ดหน้าเช็ดตัวให้น้อง
>/////< แถมยังถามแซวๆกับน้องว่าให้ฉันนอนด้วยไหม ว้อยยยย
คุมโค้ชคะะะ >////< น้องก็บอกว่าไม่เป็นไร
มาสะซังไม่ควรเข้ามาใกล้เพราะเดี๋ยวจะติดไปด้วย
แต่มาสะก็บอกว่าคนที่บ้านตนเคยเป็นหวัดกันยกบ้านแต่ฉันไม่เป็นไรเลย
เพราะงั้นหายห่วง นะ ความอยากจะดูแลเด่กอ่ะเนอะ จากนั้นก็บอกมินาโตะว่า
ถ้าเหนื่อยก็พิงไหล่ฉันได้นะ //ปิดหน้าลงไปดิ้นแล้วตูอ่ะ
แต่น้องกอดอกตัวเองไว้เฉยๆค่ะ55555 ว๊ายยยแพ้อ่ะ5555 ช็อตนี้คุมโค้ชแพ้คุณชายเค้านะคะ คนนั้นนายไม่พิงไหล่ฉันก็ไม่เป็นไร
หลับแล้วซบไหล่น้องเองเลยก็ได้จ้ะ5555 จากนั้นด้วยความป่วยน้องก็งอแงว่าทำไมตัวเองถึงได้อ่อนแอแบบนี้
พรุ่งนี้จะแข่งยังไง ต้องลงแค่สี่คนไหม
จนไปถึงเรื่องที่คุยกับรุ่นพี่นิไคโดตอนติดลิฟท์ที่ว่าน้องเป็นคนทำให้มาสะมีแผลเป็นที่หน้าผาก(อย่าถามตูว่าแผลอัลไล
ไม่แน่ใจเหมือนกันค่ะว่าใช่แผลตอนอุบัติเหตุรถชนไหม)
น้อนก็เลยงอแงว่าตนเป็นคนทำให้มาสะซังมีแผลเป็น
มาสะก็บอกว่าไม่เห็นจะเป็นไรใช้ผมปิดไว้ก็ได้ น้องเลยขอร้องมาสะ
ขอจับรอยแผลนั่นหน่อยได้ไหม ตอนแรกมาสะก็จะไม่ยอมแหละ แต่เจอเด่กป่วยอ้อนเข้าไป
สุดท้ายก็ต้องยอมยื่นหน้าไปให้ น้องก็ค่อยๆปัดผมหน้าของมาสะออก จากนั้นก็…
ค่ะ
พอกลับจากโรงพยาบาลน้องก็หลับเป็นตาย ตื่นขึ้นมาก็หายค่ะ >////< ละไม่ต้องถามว่าคุมโค้ชแกไปนอนที่ไหน5555 คงจะดูแลเด่กป่วยทั้งคืนนนน
เอามือทาบอก
คือทั้งเวอร์ชั่นนิยายกับอนิเมะถึงจะต่างกันบ้างแต่ทั้งสองเวอร์ชั่นก็คือแรงไม่แผ่วทั้งคู่
โอยยยย ดูอนิเมะก็จะดิ้นตายกับความรักปักใจของชายชูอยู่แล้ว
พอกูเกิลทรานโนเวลตายยิ่งกว่า แฮ่ก แฮ่ก…อ้อแล้วก็
มีคอมเม้นต์ถามมาหลายคนเลยค่ะว่าซื้อไลท์โนเวลมาจากที่ไหน ขอตอบตรงนี้อีกรอบนาคะ
คุณกวางสั่งซื้อจากเวปของเกียวอนิโดยตรงเลยน่ะค่ะ เพราะเป็นช่องทางเดียวที่ขายอยู่5555
ดูความอินดี้ของนาง
อันนี้ลิ้งค์ค่ะ
โดยการเซฟลิ้งค์เหล่านี้ไปฝากร้านที่เค้ารับสั่งของจากญี่ปุ่นสั่งให้อีกทีค่ะ
(เราใช้บริการร้าน Mochineko
เพจในเฟสบุคค่ะ) เพราะเกี๊ยวนางส่งเฉพาะในญี่ปุ่น
ต้องให้นางส่งไปบ้านหรือโกดังในญี่ปุ่นก่อน
ค่อยให้บ้านหรือโกดังในญี่ปุ่นส่งมาไทยอีกที จากนั้นก็มีค่าส่งในไทยอีก
คือเสียค่าส่งมัน3รอบกว่าจะมาถึงนี่ ค่าโนเวลไม่แพงเลยนะคะ
แต่ค่าส่งนี่…..5555 ถึงได้รอ LC ในไทย
ใครก็ได้ซื้อมาแปลทียยยย เพราะถึงจะกูเกิลทรานบางทีก็งงกับคำพูดพวกนางค่ะ
แล้วศัพท์เฉพาะมันเยอะ กูเกิลทรานมันงงค่ะ555
โอเค
ไว้เจอกันตอนหน้า จริงๆมีที่ตั้งใจว่าจะเขียนฟิคตอนที่เป็นเทศกาลฤดูร้อนอะไรงี้อยู่แล้ว
รอดูตอน13เบยว่าจะได้กาวอัลไลมา อิๆๆๆๆ ขอบคุณทุกๆคอมเม้นต์ ทุกๆการติดตาม
ทุกๆหัวใจ ทุกๆโดเนทมากๆนะคะ ตอนนี้ปริ่มมาก ไม่คิดว่าจะมีคนกดหัวใจให้จนถึง300ดวง งื้ออออ >/////< ขอบคุณมากๆเลยค่ะ ดีใจจจจ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น