Tsurune. One-Shot.Fic [Shuu x Minato] หรือรักเรียกหา : 19 : END

 

Tsurune. One-Shot.Fic [Shuu x Minato]   หรือรักเรียกหา : 19 : END


: Tsurune ; kazemai koukou kyudou-bu Short Fanfiction 

: Fujiwara Shuu x Narumiya Minato

: Warmhearted

: NC-17

  

คำเตือน : เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ    

     

 

 

 

นายไปบอกอาจารย์ศิลปะอิท่าไหนเขาถึงได้ยอมเนี่ยชู?”   

 

เสียงของนารุมิยะ มินาโตะดังออกมาจากลำโพง แท่นที่ควรจะวางรูปปั้นสำหรับใช้เป็นแบบในการวาดรูปกลับมีสมาร์ทโฟนอันหนึ่งวางแทน ที่หน้าจอเป็นวีดีโอคอลและร่างโปร่งบางก็นั่งอยู่ในนั้น

 

ตอนนี้ที่ห้อง 1-A ของโรงเรียนคิริซากิแผนกม.ปลายกำลังเรียนวิชาศิลปะซึ่งนักเรียนทั้งห้องต้องสลับกันวาดรูปเพื่อนในห้อง จะมีแค่ฟูจิวาระ ชูเท่านั้นที่ต่างไปจากคนอื่น

 

เพราะเขาไม่ได้วาดเพื่อนในห้อง แต่วาดเพื่อนที่อยู่ต่างโรงเรียนเลยต่างหาก

 

ฉันก็แค่เดินไปบอกกับอาจารย์ตรงๆว่าผมทนมองหน้าคนอื่นนอกจากมินาโตะไม่ได้ครับ เท่านั้นอาจารย์ก็อนุญาติให้ฉันวาดรูปนายผ่านวีดีโอคอลได้อย่างที่เห็นนี่แหละ”    มินาโตะหรี่ตามองเขาทันที เขาอดขำกับใบหน้าแบบนั้นของมินาโตะไม่ได้เลยจริงๆ มันน่ารักน่าแกล้งมาก

 

“.....นายนี่มันจริงๆเลยนะชู…”

 

ก็ฉันคิดแบบนี้ ฉันก็พูดออกไปตรงๆ มินาโตะก็เป็นเหมือนกันนี่

 

ถึงอย่างงั้นก็เถอะ ฉันคงไม่เดินไปบอกอาจารย์หรอกนะว่าทนมองหน้าเพื่อนร่วมชั้นไม่ได้เนี่ยนายแยกหน้าคนกับลูกธนูออกแล้วหรือไง?”

 

ฮึฮะฮะฮะนั่นสินะ”   ความจริงเขาก็ไม่ได้พูดแรงขนาดนั้นหรอก แต่ด้วยความเป็นฟูจิวาระที่ครูทั้งโรงเรียนเกรงใจก็เลยอนุญาติง่ายๆต่างหากล่ะ อีกทั้งฝั่งมินาโตะเองก็เป็นคาบว่างพอดีเขาก็เลยวีดีโอคอลหาได้

 

ห้องของฉันมีจำนวนนักเรียนเป็นเลขคี่ มันไม่ครบคู่อยู่แล้ว”    ใบหน้าหล่อเหลาคุยกับมินาโตะไป มือใหญ่ก็วาดรูปไป 

 

ใบหน้าของมินาโตะเขาชอบมันทุกส่วน  

 

ยามเมื่อปลายดินสอตวัดวาดไปที่ริมฝีปากเขาก็จะนึกถึงสัมผัสนุ่มหนึบเหมือนเยลลี่ นึกถึงสีระเรื่อเจือจางๆหลังจากที่ถูกเขาบดขยี้ด้วยริมฝีปาก

 

ยามเมื่อปลายดินสอตวัดวาดไปที่จมูกเขาก็จะนึกถึงสันน่าลูบไล้และปลายที่รั้นขึ้นนิดๆเหมือนนิสัยดื้อๆของมินาโตะ

 

ยามเมื่อปลายดินสอตวัดวาดไปที่ดวงตาเขาก็จะนึกถึงอัญมณีเม็ดใหญ่ที่มักจะมองเขาตาใส  นึกถึงประกายสะอาดสะอ้านไร้สิ่งชั่วร้ายใดๆเจือปน

 

ยามเมื่อปลายดินสอตวัดวาดไปที่ขนตาเขาก็จะนึกถึงแพหนานุ่มเรียงสวยเมื่อมินาโตะหลับตา  นึกถึงละอองน้ำที่แต่งแต้มแพหนาเหล่านั้นยามที่มินาโตะแทบขาดใจจากความสุขสมที่เขาปรนเปรอให้

 

ยามเมื่อปลายดินสอตวัดวาดไปที่สองแก้มเขาก็จะนึกถึงผิวพรรณหมดจดแดงจัดเวลาที่ร่างกายของเราหลอมรวมกัน

 

ยามเมื่อปลายดินสอตวัดวาดไปที่หน้าผากเขาก็จะนึกถึงเหม่งใสๆที่น่าจรดริมฝีปากลงไป

 

ยามเมื่อปลายดินสอตวัดวาดไปที่ไรผมเขาก็จะนึกถึงหยดน้ำที่เกาะพราวจากเหงื่อที่ชื้นแฉะ

 

คนอื่นๆอาจจะมองว่ามินาโตะเป็นเด็กผู้ชายธรรมดาๆ แต่สำหรับเขาแล้วมินาโตะกลับมีเครื่องหน้าที่น่ารักมาก น่ารักที่สุด น่ารักน่าสัมผัสไปเสียทุกส่วนเลยจริงๆ เชาชอบมันมาก พูดแล้วก็อยากจูบขึ้นมาเลย

 

แต่ฉันว่าน่าจะมีคนอยากจับคู่กับนาย อยากวาดรูปนายเยอะอยู่นะชู?”    มินาโตะยังคุยกับเขาผ่านหน้าจอโทรศัพท์โดยไม่รู้ว่าเขาคิดอกุศลอะไรอยู่ 

 

ก็คงจะจริงอย่างที่มินาโตะพูด เพราะหลังจากที่อาจารย์ศิลปะประกาศหัวข้อออกไปก็มีสายตามากมายจ้องมาที่เขาอย่างดุเดือด หลายคนก็คงคิดว่าจะได้จับคู่กับเขา ทั้งคนที่วาดรูปเก่งที่สุดในห้อง ทั้งคนที่คิดว่าตัวเองสวยตัวเองหล่อที่สุดในห้อง ทั้งคนที่มีฐานะชาติตระกูลสูสีกับเขาที่สุดในห้อง

 

แต่แล้วยังไง...ไม่ว่าใครก็พ่ายแพ้ให้กับคนธรรมดาๆที่ไม่ได้อยู่ในห้องนี้ด้วยซ้ำอย่างมินาโตะ

 

คนที่เขาเลือกมีแค่นารุมิยะ มินาโตะ

 

แต่ฉันไม่อยากวาดคนอื่นนอกจากมินาโตะ”   เสียงทุ้มตอบตรงๆท่ามกลางเสียงแกร่กๆของปลายดินสอที่ขีดเขียนลงบนกระดาษ

 

ครับๆ”   มินาโตะเหล่มองอย่างหมั่นไส้ในคำตอบของเขา แต่ให้ตายเถอะ มันน่ารักมาก

 

อันที่จริงไม่จำเป็นต้องมองหน้ามินาโตะเขาก็วาดออกมาได้ แต่กระนั้นเขาก็ยังใช้มันเป็นข้ออ้างเพื่อให้ได้นั่งมองใบหน้ามนนั่นนานๆ

 

มินาโตะเองก็คงไม่อยากให้ฉันไปวาดรูปคนอื่นหรอกใช่ไหม?”   เขาอมยิ้มบางๆอย่างพยายามเก็บอาการเต็มที่

 

ก็ใช่”    มินาโตะตอบกลับมาตรงๆเช่นกัน

 

เขาน่ะ ทะนุถนอมมินาโตะของเขาเป็นที่สุด เพราะงั้นไม่ต้องห่วงเลยว่าเขาจะทำอะไรให้มินาโตะต้องคิดมากหรือไม่สบายใจ เขาจะไม่เข้าใกล้ผู้หญิงที่ดูน่าสงสัยในระยะที่หวังผลได้อย่างเด็ดขาดผู้ชายก็ด้วย

 

จะไม่ปล่อยให้ตัวเองตกเป็นเป้าหรือทำอะไรให้ใครเอาไปสร้างข่าวลือไร้สาระได้อย่างเด็ดขาด

 

ถ้าที่ห้องของมินาโตะต้องสลับกันวาดรูปแบบนี้บ้างละก็ ฉันอนุญาติให้นายจับคู่กับเซยะเท่านั้นนะ

 

รู้แล้วน่า

 

ห้ามใครมองมินาโตะของฉัน”    เจ้าคนขี้หวงนี่นารุมิยะ มินาโตะคงจะคิดแบบนั้น แต่มันก็เป็นความจริง

 

แล้วเซยะไม่เป็นไรรึไง?”    หมอนั่นไม่ใช่คน ฉันไม่สนหรอกก็อยากจะพูดแบบนี้อยู่หรอกนะ แต่ว่าต่อหน้ามินาโตะพวกเราต้อง

 

ก็เราเป็นเพื่อนกัน ฉันโอเค”    มุมปากกระตุกไปวูบหนึ่ง มินาโตะไม่เคยรู้เลยว่าระหว่างเขากับเซยะไม่เคยมีคำว่าเพื่อน พวกเราเป็นดั่งศัตรูคู่แค้นกันมาตั้งแต่ชาติปางก่อน แต่เพื่อให้มินาโตะสบายใจ เราถึงได้ยอมจับมือกันต่อหน้ามินาโตะเท่านั้น

 

อื้อ ดีใจจัง”   มินาโตะถึงได้ยิ้มอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราวอยู่แบบนี้

 

"ใกล้จะหมดเวลาแล้ว เอากลับไปวาดต่อที่บ้านให้เสร็จแล้วเอามาส่งครูคาบหน้าด้วยนะ"    อาจารย์ศิลปะเริ่มเดินดูและให้คำแนะนำเป็นรอบสุดท้าย

 

"ฟูจิวาระ ฝีมือการวาดรูปพัฒนาขึ้นนะ"    ครูพยักหน้าแล้วก็เดินจากไปอย่างไม่ต้องแนะนำอะไรเขามากนัก

 

ก็แหงละ ตลอดสามปีที่เรียนม.ต้นมาด้วยกัน เขาไม่เคยวาดรูปคนอื่นเลย รวมปีนี้ก็เป็นปีที่สี่แล้วที่เอาแต่วาดรูปมินาโตะอยู่คนเดียว มันก็ต้องเหมือนขึ้นบ้างละนะ

 

และครูศิลปะที่สอนพวกเขามาตั้งแต่ม.ต้นจนถึงม.ปลายย่อมเห็นพัฒนาการเหล่านั้นมาตลอด 

 

ครูม.ต้นคิริซากิทุกคนรับรู้ถึงความพิเศษของมินาโตะในฐานะที่เป็นเด็กที่ฟูจิวาระ ชูให้ความสนใจ ครูศิลปะจึงยังจำมินาโตะได้ดี เพราะงั้นแทบไม่ต้องมองหน้าจอโทรศัพท์ครูยังรู้เลยว่ารูปที่เขาวาดอยู่น่ะเหมือนนายแบบอย่างมินาโตะขนาดไหน

 

"ถ้าเป็นเมื่อก่อนเราคงมานั่งวาดรูปต่อหลังจากซ้อมเสร็จ"   ใบหน้าหล่อเหลายิ้มบางๆในขณะที่เก็บของลงกระเป๋า ภาพเก่าๆตอนที่เรายังอยู่ด้วยกันนั้นเขายังจำได้ดี

 

เราซ้อมยิงธนูอยู่ที่ชมรมด้วยกันจนเย็นจากนั้นก็กลับขึ้นมาที่ห้องศิลปะซึ่งไม่มีใครเหลืออยู่แล้ว

 

มินาโตะจะนั่งลงตรงหน้าเขาอมยิ้มน้อยๆราวกับรูปปั้นเทพีแสนสวย

 

พวกเราต่างหยิบสมุดสเก็ตขึ้นมาแล้ววาดใบหน้าของอีกฝ่ายลงในสมุดของตัวเอง

 

นั่งวาดรูปเงียบๆราวกับโลกนี้มีเพียงเราสองคน

 

และยิ่งมีเพียงเราที่ยังเคลื่อนไหวท่ามกลางรูปปั้นที่ยืนนิ่ง

 

ก็ยิ่งเหมือนเวลาถูกหยุดเอาไว้

 

เราอยู่ด้วยกันในห้องศิลปะแบบนั้นจนฟ้าเปลี่ยนเป็นสีส้ม

 

เป็นความทรงจำที่แสนงดงามและน่าโหยหา

 

แต่ว่า

 

หากภาพเหล่านั้นยังคงดำเนินต่อไป หากเขาไม่ต้องแยกจากมินาโตะเลย เขาคงไม่มีวันรู้ว่าเขาหวงแหนมินาโตะได้มากขนาดไหน

 

การที่เราต้องห่างกันในวันนี้มันก็มีความหมายของมัน

 

เขาได้เรียนรู้ถึงอุปสรรคและวิธีการรับมือที่จะไม่ให้เกิดวันแบบนี้ขึ้นอีก

 

ความโหยหาจะทำให้เราไม่ยอมพรากจากกันอีก

 

"อืมถ้าชูยังต้องให้ฉันเป็นแบบให้ต่องั้นวันเสาร์อาทิตย์ไหมล่ะ?"    มินาโตะเสนอมาจากในวีดีโอคอล มินาโตะเองก็กำลังถมระยะทางที่ห่างไกลเพื่อให้ได้อยู่ใกล้ๆเขาเหมือนกัน

 

"ได้สิ ขอบใจนะมินาโตะ"   เขายิ้มให้หน้าจอสมาร์ทโฟน

 

"อื้อ ฉันต้องไปเรียนแล้ว"

 

"อื้ม ตั้งใจเรียนนะ"

 

"บะบาย"   

 

แล้วหน้าจอโทรศัพท์ก็ดับลง เขาจึงได้เงยหน้าขึ้นมาพบกับสายตาตื่นตะลึงของเพื่อนร่วมห้อง

 

อ้อหลายๆคนที่ไม่ได้มาจากคิริซากิม.ต้นก็คงไม่เคยเห็นเขายิ้มแบบนี้สินะ?

 

บางคนอาจจะเพิ่งรู้เดี๋ยวนั้นเลยก็ได้ว่าฟูจิวาระ ชูก็ยิ้มเป็น



 

 

 

 

 

ในวันอาทิตย์ที่ผู้คนพลุกพล่าน รถยนต์สีดำของบ้านฟูจิวาระจอดลงตรงหน้าร้านขายเครื่องเขียนประจำย่านการค้าของเมือง

 

"ฉันมีของต้องซื้อหน่อยน่ะ"

 

ฟูจิวาระ ชูบอกนารุมิยะ มินาโตะก่อนจะก้าวขาลงจากรถ แน่นอนว่าเขาไม่คิดจะนั่งรออยู่ในนี้คนเดียว ร่างโปร่งบางจึงก้าวตามร่างสูงไป

 

"จะซื้ออะไรเหรอชู?"   ร้านเครื่องเขียนในวันอาทิตย์คนไม่เยอะนักหากเทียบกับร้านอาหารครอบครัวหรือร้านกิ๊ฟช็อปเครื่องสำอางค์ เขาเดินตามชูไปก่อนจะเอ่ยถามอย่างสงสัย เพราะชูไม่ได้เดินไปที่ชั้นวางกระดาษ ปากกา หรือแม้แต่ดินสอแรเงา

 

แต่ชูเดินไปที่ชั้นวางสี?

 

"สีน้ำน่ะ"   ชูหยุดยืนหน้าตู้ไม้ของสียี่ห้อ winsor & newton ในนั้นมีหลอดสีแขวนอยู่ครบทุกเฉดทุกเบอร์ แขวนไล่เรียงตั้งแต่โทนร้อนไปจนถึงโทนเย็น

 

"สีน้ำ?"

 

"อื้ม พอดีขาดไปสีนึง"   มือใหญ่เปิดตู้ก่อนจะเอื้อมไปหยิบสีแดงหลอดหนึ่งออกมา …Alizarin Crimson Red เบอร์ 004

 

นัยน์ตาสีม่วงของชูทอดมองมันด้วยสายตาละมุนละไมยิ่งทำให้เขาสงสัย

 

"ต้องใช้สีด้วยเหรอ? ไม่ใช่ว่าเป็นภาพวาดดินสอแรเงาหรอกเหรอ?"

 

"ใช้สิ โดยเฉพาะสีแดงนี่น่ะ"   ชูหันมายิ้มให้ก่อนจะเดินออกไปจ่ายเงินทิ้งให้เขายืนงงอยู่ตามลำพัง

 

"เอ๋?"  

 

แล้วหลังจากนั้นถามยังไงก็ไม่ตอบด้วยนะ



 

 

 

 

 

ถึงจะนัดกันไว้แล้วว่าจะเป็นแบบวาดรูปให้ แต่นารุมิยะ มินาโตะก็ไม่คิดว่ามันจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้

 

"นะ นี่มันอะไรน่ะ?"   ใบหน้ามนหันมองรอบกายอย่างหวาดหวั่น การบ้านวิชาศิลปะของเด็กสายวิทย์อย่างพวกเขาที่คิดไว้ก็นั่งวาดกันง่ายๆที่บ้านเขาก็ได้ไหม? อาจารย์คงไม่ได้คาดหวังผลงานระดับศิลปินเอกของโลกจากพวกเราหรอกไหม

 

แต่เมื่อเช้าชูกลับไปรับเขามาบ้านของตัวเอง

 

ไม่พอ ตอนนี้ห้องนอนของชูยังกลายสภาพเป็นสตูดิโอขนาดย่อมๆไปแล้ว

 

เตียงนั่นมันเป็นเตียงสี่เสาตั้งแต่เมื่อไหร่? ไหนจะผ้าปูสีแดงเลือดนกกับม่านโปร่งพลิ้วๆนี่อีก? แล้วโซฟาวินเทจนี่มันเคยมีอยู่ตรงนี้ด้วยเหรอ? พุ่มดอกไม้สมัยวิกตอเรียนที่แต่งละเรื่อยลงมาถึงพื้นนี่ก็อีก?

 

จะวาดรูปแข่งกับคุณโมนาลิซ่าเร๊อะ?

 

ก็แค่ฉากน่ะ มานั่งตรงนี้สิมินาโตะ”    ร่างโปร่งบางถูกจูงมืองงๆไปนั่งลงบนโซฟาที่โครงเป็นไม้หรูหรา มีผ้าสวยๆถูกพาดถูกจัดไว้เหมือนในสตูดิโอถ่ายภาพไม่มีผิด

 

นายจะวาดฉากพวกนี้ด้วยเหรอชู?”    เสียงนุ่มเอ่ยถามในขณะที่ยกสองแขนขึ้นเหนือหัวโดยอัตโนมัติเมื่อชูถลกเสื้อของเขาขึ้นไป

 

หื๋อ?

 

แล้วทำไมเขาต้องถอดเสื้อด้วยเนี่ย?

 

มันไม่ใช่การวาดรูปอนาโตมีไม่ใช่เหรอ? ทุกๆปีก็ให้วาดแค่หน้านี่? แล้วทำไมเขาถึงต้องเปลือยด้วย? ???

 

ความสงสัยไม่อาจหลุดรอดออกไปจากริมฝีปากได้เมื่อชูกำลังทอดสายตามองมาที่ร่างกายท่อนบนของเขาอย่างหลงใหล สายตาที่กำลังไล่มองไปตามกระดูกและกล้ามเนื้อบนร่างกายทำให้เขารู้สึกเขินอายจนใบหน้าร้อนผ่าวไปหมด ใบหน้ามนจึงต้องเสหลบอย่างช่วยไม่ได้

 

 



ไม่ได้มีแค่ใบหน้าของมินาโตะเท่านั้นที่นายน้อยฟูจิวาระชื่นชอบ แต่ร่างกายของมินาโตะเขาก็ชอบมันมากเช่นกัน

 

ดวงตาสีม่วงจ้องมองร่างกายท่อนบนที่เปลือยเปล่านั่นอย่างไม่คิดจะปิดบัง มองจนใบหูบางแดงระเรื่อไปหมด

 

ถ้าเทียบกับขนาดตัวของเขาแล้ว มินาโตะตัวเล็กและบอบบางกว่าเขามาก ทว่าในความบางนั้นกลับไม่ได้ผอมแห้งจนดูไร้เรี่ยวแรง

 

มินาโตะออกกำลังกายเป็นประจำ มินาโตะมีกล้ามเนื้อ ถึงจะเป็นกล้ามเนื้อของเด็กหนุ่มวัยขบเผาะแต่มันก็เป็นกล้ามเนื้อที่ประกอบกันเป็นเรือนร่างที่สวยงามมาก

 

ที่สำคัญมันสามารถกระตุ้นสัญชาติญาณดิบของเขาได้

 

มือใหญ่แตะลงไปบนผิวเนียนใสอย่างเผลอไผล

 

ก่อนที่นิ้วโป้งจะกดสัมผัสลากไล้ไปตามไหปลาร้าเล็กๆที่พระเจ้าสร้างมาอย่างประณีต

 

สวยจริงๆ

 

มือใหญ่หยุดลงที่หัวไหล่ไหล่ของมินาโตะแคบทำให้ดูเป็นผู้ชายตัวเล็ก ต้นแขนของมินาโตะเขาก็สามารถกำรอบได้ด้วยฝ่ามือเดียว

 

ถึงแขนของมินาโตะจะบอบบางจนดูเหมือนจะหักได้ง่ายๆ ดูเหมือนมันไม่น่าจะมีแรงง้างคันธนูได้ แต่มันก็เป็นกล้ามเนื้อเป็นกล้ามแขนเล็กๆที่ชวนให้อยากขบกัด

 

เขาย้ายสายตากลับมามองที่ต้นคอมินาโตะคอสวยมาก มันเล็กและเรียวยาวรับกับใบหน้า โดยเฉพาะต้นคอด้านหลัง หลายๆครั้งเขาก็ต้องยับยั้งใจแทบตายไม่ให้เผลอกัดจนมินาโตะต้องร้องไห้

 

ปลายนิ้วกลางแตะลงไปที่ลูกกระเดือกซึ่งมองแทบไม่เห็นก่อนจะลากลงมาตามลำคอผ่านรอยแหวกของไหปลาร้าลงมาจนถึงกลางหว่างอก

 

แผ่นอกของมินาโตะราบเรียบแต่เขากลับชอบซบใบหน้าลงไปเพื่อให้มินาโตะนอนกอดเขาเอาไว้ 

 

เขาชอบฟังเสียงหัวใจที่เต้นอย่างสม่ำเสมอของมินาโตะ มันเป็นเสียงที่ทำให้เขาสงบลงไม่ว่าจะเจอเรื่องอะไรมาก็ตาม

 

มินาโตะไม่ได้มีซิกแพ็คแต่กระนั้นหน้าท้องแบนเรียบของมินาโตะก็เป็นกล้ามเนื้อกระชับแน่นมันยังมีความนุ่มนวลอยู่ซึ่งมันเข้ากับกล้ามหน้าท้องแข็งๆของเขาได้ดีมากเวลาที่เราแนบชิดร่างกายเข้าหากัน

 

ร่างสูงสง่าคุกเข่าลงไปตรงหน้าโซฟา ฝ่ามือปลดกระดุมกางเกงยีนส์สีซีดของมินาโตะก่อนจะคอยๆรูดรั้งมันออกจากเรียวขาขาว

 

มินาโตะหน้าแดงแปร๊ดจนเหมือนลูกเชอร์รี่เลยเวลานี้

 

"...ตะ ต้องถอดกางเกงด้วยเหรอชู?"

 

"อื้ม ต้องถอดตัวนี้ด้วย"   มือใหญ่จับขอบกางเกงชั้นในสีขาวก่อนจะค่อยๆดึงมันตามออกมา

 

"เอ๊ะ?"   มินาโตะตกใจจนต้องรีบคว้าผ้าที่พาดอยู่แถวนั้นมาปิดไว้

 

"......วาดรูปอะไรของนายกันแน่เนี่ย? ไม่ใช่ที่จะส่งอาจารย์ใช่ไหม?"   มินาโตะลนลานก่อนจะมองเขาอย่างเลิ่กลั่ก ใบหน้าแดงจัดนั่นเหมือนมีไอร้อนแผ่ออกมาเลย

 

น่ารัก

 

"ไม่ใช่ งานที่วาดส่งอาจารย์ฉันวาดเสร็จไปแล้ว"    เขาสารภาพพร้อมรอยยิ้ม

 

"เจ้าหมอนี่…"   มินาโตะหรี่ตาลงอย่างคาดโทษ

 

"ไม่ได้เหรอ? มินาโตะ…"   เขาเงยหน้ามองคนที่นั่งอยู่บนโซฟาด้วยสายตาอ้อนๆ สองมือจับมือมินาโตะไว้จนอีกฝ่ายยอมใจอ่อน

 

"เฮ้อตามใจ มาขนาดนี้แล้วนี่"   เขายิ้มกว้าง

 

"นอนลงสิ"   ก่อนจะจับมินาโตะนอนลงแล้วจัดท่าให้นอนคว่ำกึ่งตะแคง สอดหมอนเนื้อนิ่มใบใหญ่ให้มินาโตะกอดไว้จะได้ไม่เมื่อย ต้นขาข้างหนึ่งถูกดึงมาบดบังส่วนที่จะไม่มีใครได้เห็นนอกจากเขา

 

สายตาของเขาถูกช่วงเอวคอดที่ดูเล็กบางดึงดูดเอาไว้อีกครั้ง ใบหน้าหล่อเหลาเผลอโน้มลงไปจูบรอยแผลเป็นที่พาดผ่านโดยไม่รู้ตัว

 

"อึกชู…"   มินาโตะถึงกับต้องฝังใบหน้าแดงกล่ำไว้กับหมอนก่อนจะสงบใจไว้ไม่ไหว ทุกการกระทำที่ทั้งรักทั้งอ่อนโยนของเขาก็คงไปกระตุ้นเร้าความต้องการของมินาโตะเช่นกัน

 

ร่างสูงเดินกลับไปนั่งลงบนโซฟาที่อยู่ตรงข้าม ขายาวยกขึ้นมาไขว่ห้างก่อนจะหยิบกระดานวาดรูปขึ้นมาสเก็ตภาพด้วยท่าทางสบายๆ

 

ตอนเด็กๆเขาถูกจับเรียนพิเศษมากมายไม่ว่าจะขี่ม้า ฟันดาบ ยิงธนู เปียโน ไวโอลิน ชงชา เขียนพู่กัน และหนึ่งในนั้นก็คือการเรียนวาดรูปด้วยสีน้ำ

 

ร่างสูงสง่าสบตากับร่างเปลือยเปล่าที่นอนอยู่บนโซฟาทุกครั้งที่เงยหน้าขึ้นไปมอง… 

 

ลมหายใจของเขาร้อนเป็นไฟ

 

การที่ต้องสะกดมันไว้แล้วทำได้แค่จ้องมองกับนำภาพแห่งแรงปรารถนานั้นมาละเลงลงบนกระดาษแบบนี้ก็รู้สึกอีโรติกไปอีกแบบ

 

ไม่ต้องสัมผัสด้วยมือแต่สัมผัสมินาโตะด้วยสายตาและหัวใจ

 

แบบนี้ก็เซ็กซี่ดี

 

"วาดรูปฉันมันสนุกตรงไหนกัน?"   ใบหน้ามนที่เกยคางไว้บนหมอนเอ่ยถามทำลายความเงียบ

 

"สนุกตรงที่ได้มองมินาโตะ"   เขายิ้มในขณะที่มองเส้นร่างดินสอบนกระดาษ มือใหญ่ขยับวาดโครงรูปไปเรื่อยๆ

 

"......"

 

"กล้ามเนื้อและกระดูกของมินาโตะสวยมาก ฉันอยากจะวาดเก็บไว้"

 

"ถ่ายรูปเอาก็ได้นี่? สมัยนี้แล้วยังมีคนนั่งเป็นแบบให้วาดรูปกันอยู่อีกเหรอ?"

 

"แบบนั้นมันไม่น่าจะดีนะ ให้ฉันเก็บภาพถ่ายแบบเปลือยๆของมินาโตะไว้?"   เขาเงยหน้าจากกระดาษไปมองมินาโตะด้วยรอยยิ้มหยอกเย้า

 

"เอ่อะไม่ดีจริงๆนั่นแหละ…"   ใบหน้าที่หนุนอยู่บนหมอนผงะไป

 

"แต่ถ้าเป็นภาพวาดมันก็อีกเรื่อง"   เพราะความคลาสสิคของมันจะทำให้ดูเป็นผลงานในเชิงศิลปะมากกว่า

 

"นี่น่ะ จะกลายเป็นสมบัติประจำตระกูลฟูจิวาระได้เลยนะ"   เขาหยอกมินาโตะไปอีกดอก

 

"โฮ่ นี่นายกำลังสรรสร้างสมบัติประจำตระกูลซึ่งจะตกทอดสู่มือลูกหลานของนายอยู่งั้นรึฟูจิวาระคุง"   มินาโตะหรี่ตามองพร้อมกับยอกย้อน

 

"ใช่แล้ว ภาพวาดที่เจ้าบ้านลำดับที่32ได้วาดนายหญิงของเขาเอาไว้นี่แหละจะกลายเป็นสมบัติที่แสนล้ำค่าของตระกูลฟูจิวาระ"

 

"เอาไว้ฉันใส่ลงไปในพินัยกรรมด้วยดีไหม? ผู้ถือครองภาพนี้จะได้ทรัพย์สมบัติทั้งหมดของตระกูลฟูจิวาระไป? ลูกหลานของฉันต้องแย่งชิงมันกันแน่"

 

"พอเถอะ ฮ่าๆๆ สงสารลูกหลานของนายบ้างเถอะ"   มินาโตะหัวเราะอย่างอารมณ์ดี



 

 

ชูใช้เวลาสเก็ตรูปอยู่ชั่วโมงกว่าๆก่อนจะย้ายไปนั่งด้านหลังขาตั้งสำหรับวาดรูป ตรงนั้นมีทั้งพู่กันและจานสีพร้อม

 

ไม่ได้มีแค่ชูหรอกที่เพลิดเพลินไปกับการได้มองเรือนร่างของเขา การได้เห็นชูที่กำลังตั้งใจวาดรูปเขาอยู่แบบนี้มันก็รู้สึกดีมากเหมือนกัน

 

สายตาที่มองมาที่เรามองเพียงแค่เราสีที่เลอะอยู่ตามข้อนิ้วมือที่จับพู่กันวาดรูปของเรามันจะมีอะไรดีไปกว่านี้อีก

 

ถ้าไม่ใช่ฟูจิวาระ ชูยังจะมีใครทำเรื่องแบบนี้ให้เขาอีก

 

ใบหน้ามนซบลงที่หมอนนุ่มนิ่มก่อนจะมองคนที่นั่งอยู่หลังขาตั้งรูปด้วยความเพลิดเพลิน

 

เขาชอบใบหน้าและสายตาของชูเวลาจ้องมองภาพของเขาจริงๆ

 

มันเป็นความรู้สึกของคนที่ถูกรัก ประมาณนั้น

 

แล้วพอต้องอยู่ในท่าเดิมนานๆ ห้องก็อุณหภูมิกำลังดี ไม่มีเสียงดังรบกวน ดวงตากลมโตจึงเริ่มจะปรือปรอย ริมฝีปากสีสดจึงต้องหาเรื่องคุยกับชูแก้ง่วง

 

"....ชู"

 

"หื๋ม?"

 

"แล้วสีแดงที่นายแวะซื้อก่อนจะมาล่ะ เอามาทาตรงไหน? ปากฉันเหรอ?"

 

"เปล่า สีปากของมินาโตะจะระเรื่อไม่แดงเข้มขนาดนั้น"

 

"เอ๋? แล้วถ้างั้นเอามาระบายอะไร? ดอกไม้?"   ดวงตาสีมรกตเหลือบมองไปที่ช่อดอกกุหลาบสีแดงสลับขาวซึ่งตั้งอยู่ข้างๆ

 

"อยากรู้เหรอ?"   ชูเงยหน้าจากกระดานวาดรูปแล้วมองมาด้วยสายตาที่ทำเอาหายใจไม่ทั่วท้อง

 

"อื้ม…"

 

ชูวางพู่กันลงแล้วเดินมาหาก่อนจะนั่งลงที่ขอบโซฟา 

 

ปลายนิ้วชี้แตะลงที่ไหล่เปลือยเปล่าของเขา

 

"ทาตรงนี้"   

 

แล้วไม่ทันที่ความสงสัยของนารุมิยะ มินาโตะจะได้ถามออกไปว่าตรงนั้นมันแดงยังไง

 

ริมฝีปากร้อนก็กดจูบลงมาพร้อมกับขบเม้มดูดดึงจนไหล่บางสะดุ้ง

 

"อ๊ะ?"   

 

จากที่ไม่มีสีแดงก็ปรากฎเป็นรอยขึ้นมา

 

คุณชายฟูจิวาระถือคติที่ว่า ถ้าไม่มีก็ทำให้มันมีเสียก็สิ้นเรื่อง

 

"อึกอื้อ~ ชู…"   แล้วก็ไม่ได้มีแค่รอยเดียว ตอนนี้คิสมาร์กเริ่มลามไปที่ลาดไหล่ ไหปลาร้า และลำคอเป็นที่เรียบร้อย

 

"แฮ่กแฮ่ก…"   มือบางถึงกับต้องยันใบหน้าตายด้านที่ยิ้มเจ้าเล่ห์นั่นออกไป กัดตรงไหนของนายเนี่ย?! 

 

ดวงตากลมโตเหลือบมองรอยสีกุหลาบบนเอว สะโพก ไปจนถึงบนก้นของตัวเอง

 

"ถ้าจะใช้สีแดงให้หมดหลอด รอยแค่นี้มันยังไม่พอนะ?"   ใบหน้าหล่อเหลาเอียงคอพูดอย่างใสซื่อ

 

"พอเลย เก็บไว้ใช้คราวหลังบ้างก็ได้!"

 

"คราวหลังสินะ?"   ใบหน้ามนอ้าปากค้างเพราะเพิ่งรู้ตัวว่าเพิ่งจะขุดหลุมฝังตัวเองไป ชูต้องเข้าใจและทึกทักเอาเองแน่ว่าเขาจะเป็นแบบให้วาดรูปแบบนี้อีก!

 

"ได้สิมินาโตะ ฉันเตรียมเตียงสี่เสา เก้าอี้หลุยส์ แกรนด์เปียโน โซฟาจากminottiไว้ให้นายแล้ว หรือถ้านายอยากได้ฟิลแบบญี่ปุ่นๆหน่อยฉันก็เตรียมฮาโอริลายนกกระเรียนไว้ให้เหมือนกัน เรามาวาดภาพกันอีกเยอะๆเลยนะ"   เจ้าชายแห่งคิริซากิมองเขาด้วยดวงตาเป็นประกาย

 

"....ยิงธนูเรากลับไปยิงธนูกันเถอะชู~~~"   เลิกวาดภาพอะไรนั่นได้แล้วววว นารุมิยะ มินาโตะได้แต่กรีดร้องในใจ



 

 

 

"มินาโตะ หลับแล้วเหรอ?"   มือลูบแก้มใสของคนที่หลับปุ๋ยคาหมอนไปแล้ว 

 

ดวงตาสีม่วงทอดมองใบหน้าสงบของมินาโตะด้วยรอยยิ้ม เขาโน้มตัวลงไปก่อนจะจูบหน้าผากใสเบาๆ

 

ผ้าห่มเนื้อนุ่มถูกคลุมลงไปบนร่างกายเปลือยเปล่า เขาเพิ่งจะวาดรูปเสร็จและตอนนี้สองมือก็มีสีเลอะเต็มไปหมด

 

หลับไปก่อนนะมินาโตะ ฉันไปล้างมือเดี๋ยวมา”    จุ๊บเขาจูบที่แก้มใสอย่างรักใคร่ไปอีกครั้ง

 

 

แกร่ก

 

 

อือชู?...”   เหมือนได้ยินเสียงชูพูดอะไรบางอย่าง เปลือกตาหนักอึ้งจึงค่อยๆเปิดขึ้นมาอย่างงัวเงียและทันเห็นประตูปิดลงไวๆ

 

ชูไปไหน?

 

แล้วรูปล่ะ วาดเสร็จแล้วเหรอ?

 

ร่างโปร่งบางลุกขึ้นนั่งก่อนจะรู้สึกถึงผ้าที่หลุดละลงไปกองที่หน้าตักหื๋อ? ผ้าห่ม? ชูเอามาคลุมให้เหรอ?

 

มือบางหยิบชายผ้าขึ้นมาคลุมไหล่ กลิ่นหอมอ่อนๆเหมือนกลิ่นดอกไม้ของมันทำให้เขาเผลอดึงผ้านั่นมาดม กลิ่นที่ซ้อนอยู่เหมือนกลิ่นของชูเลย~ ใบหน้ามนจึงเผลอคลอเคลียโดยไม่รู้ตัว

 

ดวงตากลมโตเหลือบมองไปที่ขาตั้งรูป รู้สึกตื่นเต้นหน่อยๆเหมือนกัน อยากรู้ว่าชูจะวาดรูปเขาออกมาเป็นแบบไหน คงไม่ใช่สไตล์แบบปิกัสโซ่หรอกมั้ง?

 

ร่างโปร่งบางจึงลุกขึ้นช้าๆ สองขาเดินไปยังขาตั้งรูปทั้งผ้าห่มที่คลุมกายอยู่แบบนั้น

 

อ๊ะ”   แล้วเขาก็ทำได้แค่อุทานออมาเบาๆเมื่อเห็นรูปของตัวเอง

 

นี่คือสิ่งที่ชูมองเห็นสินะ

 

สองแก้มของเขาร้อนผ่าวเพราะมันไม่ใช่ภาพแอบสแตค ไม่ใช่แบบปิกัสโซ่ แต่มันเป็นภาพเหมือนที่เบาบางตามสไตล์สีน้ำที่สวยมาก

 

ร่างกายของเขาใบหน้าของเขาในสายตาชูมันเป็นแบบนี้เองเหรอโดยเฉพาะที่ดวงตาสีเขียวใสนี่

 

เขารู้สึกเขินจนต้องยกมือขึ้นมาปิดปาก เพราะตัวเขาที่อยู่ในรูปนั่นมีเสน่ห์ดึงดูดจนแม้แต่ตัวเองยังรู้สึกได้

 

คนที่วาดมันขึ้นมาต้องรู้สึกแบบไหนกับนายแบบ ใครที่ได้ดูรูปนี้ก็จะรู้ทันที

 

แต่ชูวาดภาพเก่งขึ้นจริงๆแหะ

 

ดีไม่ดีเจ้ารูปๆนี้อาจจะกลายเป็นสมบัติประจำตระกูลฟูจิวาระไปจริงๆก็ได้นะเนี่ย 

 

 

อ่ะไม่สิ ไม่ได้นะ

 

 

แบบนี้มันก็แย่แล้วสิ!



 

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

 

Story never End

 

รีบลงก่องเพราะต้องไปเตรียมตัวหวีดกับตอนที่จะฉายคืนนี้ค่ะ555 มันยังไม่จบนาคะะะ ยังเหลือตอนที่13อีกตอนนน555 คือดูตอน12จบต่างคนก็ต่างงงว่ามันจบรึยัง? จบแล้วใช่ไหม? ซีนสุดท้ายมันเหมือนซีนจบเลย? จนเกี๊ยวต้องรีบเอารูปมาลงว่ามันยังไม่จ๊บ ยังเหลืออีกตอนนน555 แล้วคือจากตัวอย่างนี่ก็รออย่างใจจดใจจ่อเลยค่าาา คุณชายชูในชุดยูกาตะอ่ะ กรี๊ดดดดด >/////< ไหนจะเบบี้ชูน่ารักน่าเอ็นดูอี๊กกก >/////< เอาเลยเกี๊ยววว ตอนสุดท้ายแล้วก็เอาให้สุดไปเลยเกี๊ยววว ไหนๆซีซั่นนี้ก็ให้ชูมินาโตะเป็นเรือเมนแล้วนี่เกี๊ยววว 5555 ดูตอน12หวีดแทบสิ้นใจไปแล้ว คืนนี้ตูอาจจะตายไปเลยก็ได้555 ชายชูเค้ารักของเค้า เค้ารอของเค้ามาตั้งแต่เด็ก ในที่สุดก็ได้มินาโตะที่ทำหายไปคืนมาแล้วนะคะคุณชายคะ งื้อออ >////<  

 

แล้วด้วยความที่ตอนที่12ฉากแข่งกันของคิริซากิกับคาเซไมนั้นเกี๊ยวทำดีจัดจนตอนดูนี่ลุ้นมือสั่นมาก อยากให้น้อนชนะแต่ก็ไม่อยากให้ชูแพ้ ดูไปก็หัวใจจะวายไป ผลออกมาแบบนี้เราว่ามันก็ดีมากๆเลยนะ เนื้อเรื่องสมเป็นเกียวอนิ ถ้าเป็นอนิเมะกีฬาเรื่องอื่นทีมที่ชนะต้องเป็นทีมของพระเอกแน่นอน แต่อันนี้ให้คิริซากิที่เค้าเคี่ยวกรำมานานชนะเลิศไปเราว่ามันก็สมเหตุสมผลแล้ว และไม่ใช่แค่คิริซากิ จริงๆชูเองก็ชนะเลิศในประเภทชายเดี่ยวด้วย สุดมากอ่ะพ่อคะ >////< ชูแข็งแกร่งมากกก มัมหมีวางใจยกน้องมินาโตะให้เลยค่ะแบบนี้ อุงื้อออ

 

ก็นั่นแหละ ด้วยความลุ้นขนาดนั้นเลยอยากจะรู้ว่าในโนเวลจริงๆเค้ายังมีฉากอะไรซ่อนอยู่ไหมก็เลยเอามือถือไปส่องท้ายเล่ม2ดูค่ะ ถึงได้รู้ว่า โอ้โหหหห เกี๊ยวววว ตกลงซีซั่นนี้แกยกเรือเมนให้ชูใช่ม๊าย เพราะในนิยายจริงๆอ่ะ มันจะมีฉากเลิฟซีน(?)ของมาสะซังกับน้อนที่ถูกตัดออกไปทั้งดุ้นอยู่ค่ะ >/////< 

 

ใครไม่ได้อยู่มันสามเรือแบบตูข้ามไปนาคะ

 

ก็คือ จริงๆแล้วเหตุการณ์ติดลิฟท์ของน้องและรุ่นพี่นิไคโดอ่ะ มันเกิดขึ้นที่โรงแรมที่พักกันตอนแข่งนี่แหละค่ะ น้อนไปอาบน้ำกับเพื่อนๆแต่ขอกลับก่อน แล้วก็มาเจอรุ่นพี่ที่หน้าลิฟท์จนติดอยู่ในลิฟท์ด้วยกันถึง45นาที แต่ว่าน้องไม่ได้ล้มจนเล็บฉีกเหมือนในอนิเมะ ตอนออกจากลิฟท์ยังปกติดี  แต่พอกลับไปที่ห้องพักแล้วถึงมีอาการค่ะ แล้วก็ น้องไม่ได้พักห้องเดียวห้าคนแบบในอนิเมะ แต่น้องพักคู่กับเซยะแค่สองคนจ้ะแม่จ๋า >////< น้องเข้าไปนอนก่อน เซยะที่เพิ่งกลับมาจากห้องสามหน่อถึงได้เห็นว่าน้องนอนห่มผ้าคลุมมิดทั้งตัว ก็เลยถามน้องว่าไม่ร้อนเหรอมินาโตะ? เป็นอะไรหรือเปล่ามินาโตะ? น้องเลยบอกว่าหนาวแล้วก็ปวดเมื่อยเจ็บไปหมดทั้งตัวเลย เซยะเลยจับตัวน้องแล้วพบว่ามีไข้สูงมากกก ด้วยความที่ตัวเท่าๆกันเลยอุ้มน้องไม่ไหวเลยไปตามมาสะกับอ.ทอมมี่มาดู มาสะซังเลยตัดสินใจพาน้องไปโรงพยาบาล แล้วน้องลุกไม่ไหว มาสะซังเลยให้ขี่หลังไป >////< พอถึงแท็กซี่ก็ยังหันมาบอกกับเซยะว่าให้เปลี่ยนห้องกับตัวเอง ให้เซยะไปนอนกับอ.ทอมมี่เพราะกลัวว่าเซยะจะติดไข้ไปด้วย แข่งพรุ่งนี้เด่วจะลำบาก จย้าาา ใช้หน้าที่การงานในทางมิชอบให้สุดไป555 //โดนธนูปักหัวข้อหาแซว จากนั้นมาสะก็พาน้องไปโรงพยาบาล คนเยอะมาก ระหว่างรอก็เช็ดหน้าเช็ดตัวให้น้อง >/////< แถมยังถามแซวๆกับน้องว่าให้ฉันนอนด้วยไหม ว้อยยยย คุมโค้ชคะะะ >////< น้องก็บอกว่าไม่เป็นไร มาสะซังไม่ควรเข้ามาใกล้เพราะเดี๋ยวจะติดไปด้วย แต่มาสะก็บอกว่าคนที่บ้านตนเคยเป็นหวัดกันยกบ้านแต่ฉันไม่เป็นไรเลย เพราะงั้นหายห่วง นะ ความอยากจะดูแลเด่กอ่ะเนอะ จากนั้นก็บอกมินาโตะว่า ถ้าเหนื่อยก็พิงไหล่ฉันได้นะ //ปิดหน้าลงไปดิ้นแล้วตูอ่ะ แต่น้องกอดอกตัวเองไว้เฉยๆค่ะ55555 ว๊ายยยแพ้อ่ะ5555 ช็อตนี้คุมโค้ชแพ้คุณชายเค้านะคะ คนนั้นนายไม่พิงไหล่ฉันก็ไม่เป็นไร หลับแล้วซบไหล่น้องเองเลยก็ได้จ้ะ5555 จากนั้นด้วยความป่วยน้องก็งอแงว่าทำไมตัวเองถึงได้อ่อนแอแบบนี้ พรุ่งนี้จะแข่งยังไง ต้องลงแค่สี่คนไหม จนไปถึงเรื่องที่คุยกับรุ่นพี่นิไคโดตอนติดลิฟท์ที่ว่าน้องเป็นคนทำให้มาสะมีแผลเป็นที่หน้าผาก(อย่าถามตูว่าแผลอัลไล ไม่แน่ใจเหมือนกันค่ะว่าใช่แผลตอนอุบัติเหตุรถชนไหม) น้อนก็เลยงอแงว่าตนเป็นคนทำให้มาสะซังมีแผลเป็น มาสะก็บอกว่าไม่เห็นจะเป็นไรใช้ผมปิดไว้ก็ได้ น้องเลยขอร้องมาสะ ขอจับรอยแผลนั่นหน่อยได้ไหม ตอนแรกมาสะก็จะไม่ยอมแหละ แต่เจอเด่กป่วยอ้อนเข้าไป สุดท้ายก็ต้องยอมยื่นหน้าไปให้ น้องก็ค่อยๆปัดผมหน้าของมาสะออก จากนั้นก็

 

ค่ะ พอกลับจากโรงพยาบาลน้องก็หลับเป็นตาย ตื่นขึ้นมาก็หายค่ะ >////< ละไม่ต้องถามว่าคุมโค้ชแกไปนอนที่ไหน5555 คงจะดูแลเด่กป่วยทั้งคืนนนน 

 

เอามือทาบอก คือทั้งเวอร์ชั่นนิยายกับอนิเมะถึงจะต่างกันบ้างแต่ทั้งสองเวอร์ชั่นก็คือแรงไม่แผ่วทั้งคู่ โอยยยย ดูอนิเมะก็จะดิ้นตายกับความรักปักใจของชายชูอยู่แล้ว พอกูเกิลทรานโนเวลตายยิ่งกว่า แฮ่ก แฮ่กอ้อแล้วก็ มีคอมเม้นต์ถามมาหลายคนเลยค่ะว่าซื้อไลท์โนเวลมาจากที่ไหน ขอตอบตรงนี้อีกรอบนาคะ คุณกวางสั่งซื้อจากเวปของเกียวอนิโดยตรงเลยน่ะค่ะ เพราะเป็นช่องทางเดียวที่ขายอยู่5555 ดูความอินดี้ของนาง

 

อันนี้ลิ้งค์ค่ะ

Tsurune เล่ม 1

Tsurune เล่ม 2

Tsurune เล่ม 3 


โดยการเซฟลิ้งค์เหล่านี้ไปฝากร้านที่เค้ารับสั่งของจากญี่ปุ่นสั่งให้อีกทีค่ะ (เราใช้บริการร้าน Mochineko เพจในเฟสบุคค่ะ) เพราะเกี๊ยวนางส่งเฉพาะในญี่ปุ่น ต้องให้นางส่งไปบ้านหรือโกดังในญี่ปุ่นก่อน ค่อยให้บ้านหรือโกดังในญี่ปุ่นส่งมาไทยอีกที จากนั้นก็มีค่าส่งในไทยอีก คือเสียค่าส่งมัน3รอบกว่าจะมาถึงนี่ ค่าโนเวลไม่แพงเลยนะคะ แต่ค่าส่งนี่…..5555 ถึงได้รอ LC ในไทย ใครก็ได้ซื้อมาแปลทียยยย เพราะถึงจะกูเกิลทรานบางทีก็งงกับคำพูดพวกนางค่ะ แล้วศัพท์เฉพาะมันเยอะ กูเกิลทรานมันงงค่ะ555 

 

โอเค ไว้เจอกันตอนหน้า จริงๆมีที่ตั้งใจว่าจะเขียนฟิคตอนที่เป็นเทศกาลฤดูร้อนอะไรงี้อยู่แล้ว รอดูตอน13เบยว่าจะได้กาวอัลไลมา อิๆๆๆๆ ขอบคุณทุกๆคอมเม้นต์ ทุกๆการติดตาม ทุกๆหัวใจ ทุกๆโดเนทมากๆนะคะ ตอนนี้ปริ่มมาก ไม่คิดว่าจะมีคนกดหัวใจให้จนถึง300ดวง งื้ออออ >/////< ขอบคุณมากๆเลยค่ะ ดีใจจจจ



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น