Tsurune. One-Shot.Fic [Shuu x Minato] หรือรักเรียกหา : 18 : END

 Tsurune. One-Shot.Fic [Shuu x Minato]   หรือรักเรียกหา : 18 : END


: Tsurune ; kazemai koukou kyudou-bu Short Fanfiction 

: Fujiwara Shuu x Narumiya Minato

: Warmhearted

: NC-17

  

คำเตือน : เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ    

      

 

 

[ฉันอยู่หน้าเรียวกังของมินาโตะ ออกมาหาหน่อย]

 

 

ห๊ะ?!”    นารุมิยะ มินาโตะเด้งผึงขึ้นจากฟูกนอนเมื่อจู่ๆก็ได้รับข้อความเอาแต่ใจจากฟูจิวาระ ชู

 

เดี๋ยวฉันมานะ พวกนายนอนกันไปก่อนเลย”    ร่างโปร่งบางลุกพรวดพราดก่อนจะบอกเพื่อนๆในชมรมเอาไว้แค่นั้นแล้วรีบวิ่งออกจากห้องไป

 

ปวดฉี่ขึ้นมาหรือไงน่ะ?”   เรียวเฮย์มองตามพลางเอียงคออย่างไม่เข้าใจ สามวันนี้ชมรมยิงธนูของโรงเรียนคาเซไมมาเข้าค่ายเก็บตัวกันที่โรงฝึกริมทะเลแห่งหนึ่ง แล้วหลังจากที่ซ้อมกันมาทั้งวัน นั่งประชุมหารือกันจนดึกดื่น ตอนนี้เลยได้เวลาพักของพวกเขาแล้ว

 

ก็คงปวดฉี่นั่นแหละ ว่าแต่เซยะจะหลับเร็วไปไหม?”   นานาโอะที่กำลังนอนดูคลิปวีดีโอจากโทรศัพท์มือถือหันไปมองประธานชมรมยิงธนูของพวกเขาที่ไปเฝ้าพระอินทร์เรียบร้อย 

 

และเพราะแบบนั้นจึงไม่ทันรู้ตัวเลยว่าไข่ในหินของตนกำลังจะถูกขโมยไปแล้ว

 

 “ชู!”    เสียงใสตะโกนเรียกร่างสูงสง่าที่นั่งรออยู่ในรถยนต์ส่วนตัว

 

ชูหันไปบอกอะไรกับคนขับนิดหน่อยก่อนจะก้าวขาลงมา แล้วไม่นานรถคันนั้นก็แล่นจากไป

 

ทำไมนายมาอยู่ที่นี่ล่ะ?”   ร่างบางเท้าแขนลงกับต้นขาพลางหอบหายใจเพราะรีบวิ่งมาจากอาคารที่อยู่ด้านใน

 

ฉันพักอยู่ที่นั่น”    มือใหญ่ชี้ไปที่โรงแรมห้าดาวสูงสิบเอ็ดชั้นซึ่งตั้งอยู่ข้างๆกัน ก็แล้วไหงนายถึงมาพักอยู่โรงแรมนั้นได้ล่ะ?

 

นี่คงไม่ได้ตามฉันมาใช่ไหม…”   ดวงตากลมโตหรี่มองอย่างไม่ไว้ใจ ก็เจ้าคนตรงหน้ามีประวัติหวงเขายิ่งกว่าจงอางหวงไข่ จะตามมาก็ไม่แปลกใจเลย

 

ก็ไม่ถึงกับตามหรอก ยังไงนี่ก็เป็นกิจกรรมของชมรมยิงธนู ฉันไม่ก้าวก่ายอยู่แล้ว”   ชูตอบด้วยเสียงราบเรียบ แต่ก็จริงนั่นแหละ เพราะเมื่อก่อนพวกเขาก็เคยไปเข้าค่ายเก็บตัวของชมรมยิงธนูคิริซากิตลอด ชูก็ไม่เคยมีปัญหา

 

ถ้างั้นนายมาทำอะไรที่นี่?”   เขาถามออกไปเพื่อให้ชูตอบให้ตรงประเด็นเสียที

 

ปีนี้ค่ายเก็บตัวของคิริซากิอยู่ที่นี่น่ะสิ โรงฝึกกลางของเมืองนี้น่ะ”    อ๋อมาเข้าค่ายเหมือนกันนี่เอง คิริซากิคนเยอะก็เลยต้องไปใช้โรงฝึกใหญ่คนละที่กับพวกเขาแต่ก็ยังเลือกพักที่พักที่ติดทะเลเหมือนกันว่าแต่ มาถึงนี่ที่บ้านฟูจิวาระก็ยังส่งรถมาคอยรับ-ส่งชูอยู่สินะ?

 

ตอนอยู่ม.ต้นด้วยกันกับเขา ไม่ว่าจะไปเข้าค่ายหรือไปทัศนศึกษา ชูไม่เคยให้คนของที่บ้านตามไปแบบนี้เลย เพราะส่วนใหญ่จะใช้เวลาเกาะหนึบอยู่กับเขานี่แหละ

 

เพราะงั้นคราวนี้ เขาจึงแอบคิดว่าชูอาจจะวางแผนหนีออกจากค่ายมาก่อนแล้วแน่ๆ

 

เข้ามาก่อนสิ”    เขาชวนชูเข้ามาข้างในเรียวกัง จะยืนคุยกันอยู่บนถนนก็ใช่ที่

 

ว่าแต่ทำไมปีนี้ถึงมาที่นี่ได้นะ? คิริซากิไม่เคยมาฝึกในที่ที่ติดทะเลเลย?”    ใบหน้ามนหันไปถามอย่างสงสัย 

 

ไม่รู้เหมือนกัน เห็นเซ็นกับมันบอกว่าโค้ชของฉันไปได้ยินมาจากโค้ชของพวกนายว่าจะมาฝึกที่นี่ ก็เลยตามมามั้ง?”    ชูก็ตอบมาอย่างไม่มั่นใจนัก ถึงใบหน้าจะยังเรียบเฉยอยู่ก็เถอะ

 

โค้ชของคิริซากิกับมาสะซังนี่เค้ามีอะไรกันหรือเปล่า? ดูทั้งรักทั้งชังยังไงไม่รู้?”   ใบหน้ามนเอียงคออย่างสงสัย 

 

โค้ชนับถืออาจารย์ยาซากะมาก คุณทาคิกาวะที่เป็นทั้งลูกศิษย์และหลานชายก็คงจะถูกคาดหวังไปด้วยละมั้ง”    ใบหน้าหล่อเหลาเอ่ยในขณะที่เดินตามร่างโปร่งบางไปยังห้องโถงต้อนรับของเรียวกัง ก่อนที่จู่ๆมินาโตะจะหยุดกึกแล้วหมุนตัวกลับมาในชั่วพริบตา

 

ดวงตาสีมรกตแวววาวที่จับจ้องมาแบบไม่ทันตั้งตัวนั้นทำให้เขาแทบหยุดหายใจ

 

เขาหลงใหลและไม่เคยขัดขืนดวงตาใสๆนั่นได้เลยมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว แค่มินาโตะจ้องเขาด้วยดวงตาใสแจ๋วคู่นี้ต่อให้จะเอาเดือนจะเอาดาวเขาก็จะไปหามาให้ จะขอร้องอะไรเขาก็รับปากหมด

 

ชู! นายกินข้าวเย็นมารึยัง?”    นายน้อยแห่งตระกูลฟูจิวาระถึงกับนิ่งอึ้งไปกับคำถามไม่มีที่มาที่ไปของมินาโตะ

 

“.....”    ใบหน้าภายใต้กรอบผมสีชาจ้องมองคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า ใบหน้ามนกำลังทำตาวิ้งๆเหมือนอยากให้เขาตอบว่ายังอย่างไงอย่างงั้น

 

“...ยังไม่ได้กิน”   เสียงทุ้มจึงตอบไปแบบนั้น ทั้งๆที่จริงเขากินมาจากโรงแรมตั้งแต่เมื่อเย็น นี่ก็สี่ทุ่มแล้วนะ ใครจะยังไม่ได้กินบ้างล่ะ

 

ถ้างั้นไปที่ห้องครัวกันเถอะ เดี๋ยวฉันทำอะไรให้กิน”    มินาโตะดูตื่นเต้นมาก มือบางเอื้อมมาจับมือเขาไว้ก่อนจะลากให้เดินตามไปด้วยกัน

 

นายก็รู้ใช่ไหมว่าโรงเรียนของรุ่นพี่นิไคโดก็พักอยู่ที่นี่ แล้วทีนี้นะ อาจารย์ของพวกรุ่นพี่เป็นนักตกปลาด้วยละ ดูสิ ปลาพวกนี้เพิ่งตกมาจากทะเลเลยนะ สดมาก”    มือบางหยิบปลาสดๆออกมาจากตู้แช่ มันเป็นปลาตามฤดูกาลทั้งตัวที่ยังไม่ได้แล่

 

“.....”    เขามองมันอย่างไม่รู้ว่ามินาโตะกำลังจะทำอะไร แต่แค่ได้เห็นใบหน้าตื่นเต้นและเต็มไปด้วยรอยยิ้มของมินาโตะ แค่นั้นก็พอแล้ว

 

วันนี้ฉันเพิ่งเรียนวิธีแล่ปลามาจากเพื่อนของรุ่นพี่นิไคโดล่ะ เดี๋ยวฉันจะแล่ให้ชูกินนะ!”    ดวงตาสีเขียวสุกสกาวมากจนเขาเผลอยิ้มตาม นอกจากเรื่องยิงธนูแล้วก็มีเรื่องทำอาหารกับการซื้อของลดราคาทันนี่แหละที่ทำให้มินาโตะตื่นเต้นได้

 

มีดคมกริบแล่ลงไปบนเนื้อปลาอย่างประณีตและพิถีพิถัน ใบหน้ามนดูตั้งอกตั้งใจทำมันเพื่อเขามาก แค่เห็นความใส่ใจของมินาโตะเขาก็รู้แล้วว่าซาชิมิจานนี้จะต้องอร่อยมากแน่ๆ

 

เขานั่งมองนิ้วเรียวสวยพวกนั้นหยิบจับนู่นนั่นนี่ด้วยความเพลิดเพลิน

 

มินาโตะน่ะเหมือนผลงานศิลปะเหมือนภาพวาดโบราณซึ่งเป็นสมบัติล้ำค่า

 

แค่ได้ครอบครอง แค่ได้มองก็มีความสุขแล้ว

 

ชีวิตเขาขอแค่นี้ก็พอแล้ว

 

แค่ได้นั่งมองมินาโตะไปวันๆไม่ต้องอยู่ในบ้านที่หรูหรา ไม่ต้องรวยล้นฟ้าแค่มีมินาโตะคนเดียวก็พอแล้วจริงๆ

 

เอ้านี่”    มือบางวางจานปลาดิบที่ถูกจัดเรียงอย่างสวยงามลงตรงหน้าเขา ถึงจะทานอาหารเย็นมาแล้วแต่ไม่รู้ทำไมแค่ได้เห็นอาหารที่มินาโตะทำให้น้ำลายก็สอขึ้นมา

 

นายเป็นลูกค้าคนแรกของฉันเลยนะชู!”   มินาโตะมองเขาด้วยดวงตาเป็นประกาย

 

ขอบใจนะ”    มือใหญ่หยิบตะเกียบขึ้นมา เขามองเนื้อปลาส่วนต่างๆที่อยู่ในจานมินาโตะยังคงใส่ใจกันอยู่เสมอ เพราะในจานนี้ล้วนมีแต่สิ่งที่เขาชอบทั้งนั้น

 

เป็นไงบ้าง?”    มินาโตะมองเขาอย่างลุ้นระทึกเหมือนแม่บ้านที่เพิ่งลองทำอาหารจานใหม่ให้สามีทาน และเมื่อปลาดิบถูกคีบเข้าปาก

 

อร่อยมาก”    เขาตอบออกไปแทบจะทันที และนั่นก็ทำให้มินาโตะยิ้มกว้าง

 

ค่อยยังชั่ว แหะแหะ”   มินาโตะรู้ดีว่าเขาไม่เคยโกหกในเรื่องรสชาติอาหารที่มินาโตะทำ อร่อยก็บอกว่าอร่อย จานไหนยังแปลกๆเขาก็จะบอกไปตรงๆ แล้วมินาโตะก็จะค่อยๆปรับสูตรจนอาหารถูกปากเขาจนได้

 

กินตรงนี้ด้วยสิ รุ่นพี่บอกว่าแล่แบบนี้แล้วเนื้อจะฉ่ำ รสชาติจะกลมกล่อมขึ้นด้วย ฉันทำแล้วเป็นแบบนั้นรึเปล่านะ?”    มินาโตะมองเขาอย่างไม่มั่นใจ เขาจึงบอกออกไปให้มินาโตะหายกังวล

 

อื้ม นี่ก็อร่อย”    ใบหน้ามนยิ้มแฉ่ง มินาโตะทำอาหารเก่งจริงๆ นอกจากเรื่องธนูแล้วมือเล็กๆคู่นี้ยังมีพรสวรรค์เรื่องการทำอาหารด้วย

 

เพราะไม่ว่าจะทำอะไรออกมามันก็อร่อยสำหรับเขาไปหมด 

 

กินให้หมดเลยนะชู

 

อื้ม มินาโตะก็กินด้วยสิ”    มือใหญ่คีบปลาดิบป้อนใส่ปากให้ มืออีกข้างก็ช้อนรองข้างใต้ไม่ให้มันหกเลอะเสื้อของมินาโตะ ทุกการกระทำล้วนเต็มไปด้วยความนุ่มนวลและความรักก็ลอยอบอวลไปหมด

 

อร่อยเนอะ~”

 

อื้ม

 

เรานั่งกินปลาดิบกันอยู่ที่ห้องทานอาหารที่ร้างไร้ผู้คน ไม่มีใครอื่นนอกจากเราสองคน บรรยากาศกรุ่นไอรักจึงกระจายออกมาอย่างเต็มที่

 

เอาชาด้วยไหม?”

 

อื้ม

 

ต่างฝ่ายต่างดูแลกันและกันและมันก็กลายเป็นธรรมชาติระหว่างพวกเขาไปแล้ว 

 

ฉันแล่ปลาเป็นแล้ว เอาไว้เรากลับไปทำซาชิมิกินกันอีกนะ

 

อื้ม” 

 

มินาโตะยังอยากแล่ปลาอีกใช่ไหม?”

 

อื้อ

 

ไว้ก่อนกลับฉันไปเหมาตลาดปลาให้

 

อื้อ แต่เอาแค่ตัวสองตัวก็พอ ห้ามไปเหมามาหมดล่ะเข้าใจไหม?”

 

“......ก็ได้ ตัวสองตัวก็พอนะ?”

 

อื้อ

 

 

 

มินาโตะอยากแล่ปลาต้องได้แล่ ในระหว่างที่รอร่างโปร่งบางล้างจาน คุณชายฟูจิวาระก็จัดการส่งข้อความไปถึงหัวหน้าพ่อบ้านเป็นที่เรียบร้อย

 

'โทวโจซัง ช่วยประมูล Bluefin ให้ผมหนึ่งตัว'

 

'เอากี่กิโลกรัมดีครับนายน้อย?'

 

'100กิโลก็พอ ตัวใหญ่ไปมินาโตะน่าจะแล่ลำบาก'

 

'ครับ 100กิโลกรัมก็ยาวเป็นเมตรแล้วครับ'

 

'ส่งไปที่บ้านมินาโตะเลยนะครับ'

 

'รับทราบครับ'

 

ใบหน้าหล่อเหลาอมยิ้มอย่างภาคภูมิใจ มินาโตะต้องชอบปลาทูน่าตัวละร้อยกิโลที่เขาหามาให้แน่ แถมไม่ได้ไปเหมามาทั้งตลาดแต่ซื้อมาแค่ตัวเดียวอย่างที่มินาโตะบอกด้วย

 

ดวงตาสีม่วงทอดมองร่างที่กำลังเช็ดอ่างล้างจานอะไรไปเรื่อยโดยไม่ได้สนใจเงินหลายล้านเยนที่กำลังลอยออกจากบัญชีไปเพื่อแลกกับปลาทูน่ายักษ์หนึ่งตัวเลยสักนิด



 

 

 

 

"กลับไปนอนได้แล้วชู พรุ่งนี้ก็น่าจะซ้อมแต่เช้าไม่ใช่เหรอ?"    เสียงนุ่มเริ่มเอ่ยปากบอกหลังจากรู้สึกว่ามันดึกแล้ว ถึงแม้การได้นั่งคุยเรื่องการฝึกซ้อมยิงธนูในวันนี้กับชูจะสนุกดีก็เถอะ

 

"ฉันบอกให้คนขับรถมารับพรุ่งนี้เช้า"    แล้วก็เป็นอีกครั้งที่ฟูจิวาระ ชูไม่ทำให้ผิดหวัง

 

"ห๊ะ?"

 

"ฉันจะนอนกับมินาโตะที่นี่"   ใบหน้ามนทำได้แค่อ้าปากพะงาบๆเพราะรู้ว่าห้ามไปชูก็ไม่ทำตามอยู่ดี

 

"ดูสิ ใส่กางเกงนอนมาแล้วด้วย"   ดวงตากลมโตเหล่มองกางเกงวอล์มชุดพละของคิริซากิที่ชูสวมอยู่ ถึงว่าทำไมวันนี้ดูแต่งตัวแปลกๆ ปกติจะเนี้ยบทุกกระเบียดนิ้ว

 

"เฮ้องั้นก็ตามใจ ไปนอนกันเถอะ ฉันง่วงแล้ว"   เขาถอนหายใจก่อนจะเดินนำออกไป

 

"อื้อ"   เจ้าชายของคิริซากิพยักหน้ารับ มินาโตะไม่ได้รู้ตัวเลยว่าตัวเองคุ้นเคยกับการนอนข้างๆเขาขนาดไหน 

 

ก็มินาโตะไม่ถามสักคำว่าจะขอฟูกเพิ่มหรือเปล่าแต่กลับตรงดิ่งไปที่ฟูกของตัวเอง

 

เพราะมินาโตะรู้ดี ไม่ว่าจะทัศนศึกษาหรือเข้าค่ายเก็บตัวของชมรมยิงธนูเขาก็ไม่เคยนอนที่อื่นนอกจากฟูกของมินาโตะ

 

จนหลังๆมินาโตะก็เลิกถามไปโดยปริยาย

 

เดี๋ยวก่อน อย่าเพิ่งเข้าไป”   จู่ๆมินาโตะที่เดินนำอยู่ข้างหน้าก็หันกลับมาก่อนจะถึงประตูห้องนอนในไม่กี่วินาที

 

“?”    เขาก้มมองมินาโตะด้วยความสงสัย แต่แล้วมือบางก็เอื้อมออกมาช่วยถอดเสื้อเชิ้ตของเขาออกให้

 

ใบหน้าของเขาร้อนผ่าวกับความเอาใจใส่ของมินาโตะ

 

ใส่แต่เสื้อยืดนอนก็พอ เดี๋ยวก็อึดอัดจนนอนไม่หลับหรอก ยังดีที่กางเกงนายพร้อมนอนขนาดนี้นะ”   ใบหน้ามนประชดอย่างหมั่นใส้ในความวางแผนมาพร้อมของเขา ดวงตากลมโตมองสำรวจมาตามร่างกาย คงจะเป็นเพราะคุณแม่ของมินาโตะเสียไปแล้ว มินาโตะจึงต้องเป็นคนทำงานบ้านแทบทั้งหมดเพื่อแบ่งเบาภาระของคุณพ่อ ทำให้บางครั้งมินาโตะก็เผลอทำตัวเหมือนคุณแม่ ทั้งบ่นทั้งคอยดูแลแม้แต่เรื่องเล็กๆน้อยๆแบบนี้

 

และมันก็เป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆที่ทำให้เขาใจเต้น

 

หัวใจของเขามีชีวิตขึ้นมาและได้รู้จักกับคำว่ารักก็เพราะเรื่องเล็กๆน้อยๆแบบนี้นี่แหละ

 

 

 

เงาร่างสองร่างค่อยๆย่องเข้าไปในห้องที่ปิดไฟมืดสนิท

 

ไม่มีใครรู้เลยสักนิดว่าฟูจิวาระ ชูนอนอยู่ที่นี่ทั้งคืน



 

 

ไม่สิ การนอนหลับของพวกเขามันไม่ได้ราบรื่นขนาดนั้น



 

 

ช่วงนี้พวกเราต่างก็ยุ่งอยู่กับการฝึกซ้อมของชมรม ถึงชูจะแวะมาหาเขาไม่ได้ขาดแต่ก็แทบไม่มีเวลาอยู่ด้วยกัน บางวันแค่โผล่มาทันเห็นหน้าเท่านั้น

 

ไม่มีเวลามากพอจะทำเรื่องอย่างว่า

 

เพราะงั้น

 

"ชู…."   เสียงนุ่มกระซิบเรียกคนที่กอดเอวเขาไว้เบาๆ

 

"หื๋ม?"   เสียงทุ้มกลับตอบอย่างไม่รู้ไม่ชี้

 

"ลุกตามฉันออกมาเดี๋ยวนี้เลย"   ใบหน้ามนขมวดคิ้วมองก่อนจะลุกขึ้นแล้วย่องออกจากห้องอีกรอบ

 

ครืด

 

"ปล่อยไว้ก็ได้ เดี๋ยวก็สงบลงเอง"   เจ้าคนที่ลุกตามออกมาตอบราวกับไม่ถือสาทั้งๆที่ตัวเองเป็นคนผิด

 

"นายคิดว่ากระต่ายจะหลับได้ไหมถ้ารู้ว่ามีหมาป่านอนจ้องมันอยู่?"    ดวงตากลมโตเหล่มองอย่างคาดโทษ ให้ตายเถอะ แค่กอดเขาเจ้าชูตัวน้อยนั่นก็ตื่นขึ้นมาเฉย

 

"หึ…"   ชูหัวเราะในลำคออย่างชอบใจในคำเปรียบเปรยของเขา

 

"จะให้ฉันนอนทั้งๆที่มีเจ้านั่นทิ่มขาอยู่ได้เหรอ? ใครมันจะไปหลับลงล่ะ"   

 

แกร่ก

 

มือบางจัดการล็อคประตูห้องน้ำเสร็จสรรพแต่ยังไม่ทันจะได้ทำอะไรก็ถูกมือใหญ่รวบตัวไปกดติดกับผนัง

 

จูบที่เร่าร้อนถูกมอบให้ในทันทีราวกับชูทนต่อไปไม่ได้แม้แต่วินาทีเดียว

 

"อื้อ~ อื้ม~"   เป็นเพราะไม่ได้ทำมานาน ทั้งเขาทั้งชูจึงรักษาความเยือกเย็นเอาไว้ไม่ได้อีก

 

ตึง

 

ร่างกายโปร่งบางถูกอุ้มลอยอยู่ในอากาศ แผ่นหลังถูกยันไว้กับผนังกระเบื้องเย็นเฉียบ แต่เพราะร่างกายของเขาเริ่มร้อนขึ้นเรื่อยๆ ความเย็นที่ไหลผ่านเสื้อมาจึงนับว่ากำลังพอดี

 

"อะ..."   ปลายนิ้วชุ่มโชกถูกสอดใส่เข้ามาอย่างไม่รอช้า ร่างกายของเขาสั่นสะท้านไปด้วยความปรารถนา สองขาที่อ้าออกโดยมีร่างกายของชูค้ำกลางเอาไว้นั้นเปลือยเปล่าไปหมดแล้ว 

 

ดวงตาสั่นพร่าเหลือบมองไปที่พื้นกระเบื้อง กางเกงและซองเจลหล่อลื่นหล่นอยู่ตรงนั้นเองสินะ เขาเขินจนไม่กล้ามองมันตรงๆ

 

"อึก!"   ชูคงใจเย็นเหมือนตอนปกติไม่ไหว ความเป็นชายขนาดใหญ่แทรกกายเข้ามาจนเขาต้องกอดคอชูแล้วหลับตาปี๋

 

ทำด้วยท่ายืนแบบนี้….มันเลยแน่นมาก

 

"แฮ่กแฮ่ก…"   กว่าจะใส่เข้ามาได้หมด เขาแทบจะตายให้รู้แล้วรู้รอดเปล่าหรอก มันไม่ได้เจ็บ แต่ยิ่งมันคับแน่นอึดอัดมากเท่าไหร่ แรงเสียดสีของมันก็ยิ่งทรงอานุภาพและชัดเจนมากขึ้นเท่านั้น 

 

แค่ใส่เข้ามาเขาก็แทบจะถึงเสียให้ได้

 

ร่างกายสั่นๆละออกมาเพื่อก้มหน้ามองชู ดวงตาสีม่วงที่เงยมองมาที่เขานั้นมันเต็มไปด้วยไฟปรารถนาคงไม่ต้องถามแล้วละมั้งว่าไม่หนักหรือไงที่อุ้มเขาไว้ทั้งตัวแบบนี้

 

ชูมีพันธุกรรมของชาวตะวันตกอยู่หนึ่งในสี่ของร่างกายจึงแข็งแรงกว่าที่ตาเห็นมาก

 

เรื่องแบบนั้นก็เช่นกัน

 

"อื้อ!~"   เจ้าแท่งเนื้อร้อนระอุเริ่มขยับกายอย่างเอาแต่ใจ บั้นท้ายถูกบีบคลึงก่อนจะกลายเป็นที่จับยึดให้ชูเอาไว้ดึงตัวเขาเข้าไปรับแกนกายของตัวเอง สองขาของเขาจึงต้องเกี่ยวกระหวัดกันไว้เพื่อเป็นหลักยึด

 

ชูเป็นพวกหลั่งช้าถ้าเขาไม่ช่วยคงไม่ดีแน่เพราะยังไงซะที่นี่ก็ไม่ใช่ที่บ้านของพวกเราแต่เป็นห้องน้ำในเรียวกังซึ่งใครจะมาใช้เมื่อไหร่ก็ได้

 

มือบางจึงวางประกบไปที่สองแก้มของชูก่อนจะดึงใบหน้าหล่อเหลาเข้ามาจูบ

 

การสอดใส่ไปด้วยจูบไปด้วยจะช่วยกระตุ้นให้ชูเสร็จไวขึ้น

 

อีกอย่างก็เพื่อปกปิดเสียงครางของเขา

 

เสียงตึงตังจึงดังคละเคล้าไปกับเสียงจูบ

 

ฟังดูทั้งลามก ทั้งรุนแรง ทั้งเร้าอารมณ์

 

จังหวะสุดท้ายของการกระแทกกายที่หนักหน่วงชูก็ดึงมันออกมา

 

ก่อนจะปลดปล่อยน้ำรักใส่หน้าท้องของเขาจนเจ้าน้ำสีขาวขุ่นผสมปนเปกันไปหมด

 

"แฮ่กแฮ่กแฮ่ก…"    หน้าผากใสก้มจรดลงมาชนกันไว้ก่อนจะหอบหายใจไปพร้อมกัน

 

ชูไม่หลั่งข้างในเหมือนที่ทำเป็นปกติ คงเพราะไม่อยากสร้างภาระให้เขาในสถานการณ์ที่ต้องเร่งรีบแบบนี้ 

 

เพราะการทำความสะอาดจากข้างนอกมันง่ายกว่าการเอาออกมาจากข้างในมากนัก



 

 

พวกเขาย่องกลับเข้าห้องนอนอีกครั้ง



 

 

แต่เหมือนเลือดลมมันยังสูบฉีดอยู่… 

 

ลึกๆแล้วเขาก็รู้ดีว่าเมื่อกี้มันยังไม่พอ… 

 

พวกเขายังเป็นเด็กผู้ชายวัยรุ่นที่ฮอร์โมนยังคงพุ่งพล่าน

 

หลังจากนอนมองหน้ากันได้ไม่กี่นาที

 

“....ออกไปไหม มินาโตะ?”   ชูถามด้วยรอยยิ้มเมื่อมือใหญ่สัมผัสไปโดนเจ้ามินาโตะตัวน้อยที่ไม่อยู่ในความสงบ

 

“....อื้อ…”    เขาตอบพร้อมกับหน้าแดงแปร๊ดเพราะคราวนี้คนที่ตื่นก่อนคือเขาเอง

 

หมาป่าก็ทนไม่ไหวเหมือนกันถ้ามีกระต่ายพร้อมทานนอนอยู่ตรงหน้า”    จุ๊บ 

 

ชูจุ๊บเหม่งเขาเบาๆก่อนจะลุกนำออกไปอีกรอบ ยังดีที่ข้างๆคือเซยะที่ต่อให้ฟ้าถล่มดินทลายก็ปลุกคนคนนี้ไม่ได้ การลุกเข้าลุกออกของพวกเขาจึงไม่ได้รบกวนใครนัก

 

อื้อ”    ริมฝีปากประกบกันอย่างดุเดือดทันทีที่ประตูห้องน้ำปิดลงได้

 

ร่างโปร่งบางถูกยกวางลงบนเคาน์เตอร์ กางเกงถูกรูดออกจากเรียวขารวดเดียว 

 

ชูไม่ต้องใช้เวลาเล้าโลมเขาอีกเพราะช่องทางเบื้องล่างยังคงอ่อนนุ่มและชุ่มโชกพอที่ชูจะสอดใส่เข้าไปทันที

 

สองแขนบางโอบรอบลำคอแกร่งแล้วคล้องกันไว้ ริมฝีปากเริ่มจูบซุกไซร้ไปที่กลีบปากของชูและเขาเป็นฝ่ายสอดลิ้นเข้าไปก่อนเพราะเขาไม่อยากถูกชูสอดใส่เข้ามาเพียงฝ่ายเดียว

 

เหมือนเป็นการต่อสู้ระหว่างเบื้องบนกับเบื้องล่าง

 

ระหว่างลิ้นของเขากับของของชู

 

และผลแพ้ชนะก็ถูกตัดสินจากน้ำสีขาวขุ่นที่แตกกระจายเต็มฝ่ามือใหญ่

 

"แฮ่ก...แฮ่กแฮ่ก...."

 

แต่ชูก็ยังไม่เสร็จ!

 

เขาเป็นฝ่ายพ่ายแพ้!

 

"อื้อ~"   สองแขนบางโอบกอดรอบคอแกร่งก่อนจะกดใบหน้าลงกับไหล่กว้าง 

 

เขาต้องกัดฟันอย่างอดทนต่อความเสียวซ่านที่กระแทกเข้ามาไม่ยั้ง 

 

อีกนิดอีกนิดเดียว

 

"อึก.."   ชูดึงความเป็นชายออกไปในชั่วพริบตาแล้วปลดปล่อยมันลงบนต้นขาของเขาเพื่อไม่ให้เลอะพื้นห้องน้ำ

 

"แฮ่กแฮ่ก…"   หัวสีชาซบลงมาบนไหล่ของเขาก่อนจะหอบหายใจหนักหน่วง

 

ดวงตาทั้งสองคู่ต่างสบประสานเมื่อชูเงยหน้าขึ้นมา

 

ยังไม่พอ

 

แค่นี้มันยังไม่พอ

 

และเพื่อป้องกันไม่ให้พวกเขาต้องออกจากห้องนอนมาเป็นรอบที่สาม 

 

ชูดึงตัวเขาลงมาจากเคาน์เตอร์แล้วจับพลิกหันหลัง

 

แท่งเนื้อร้อนระอุถูกสอดใส่เข้ามาอีกครั้ง



 

 

 

 

 

"ตื่นได้แล้วเด็กๆ! ตื่นแล้วก็ออกไปวิ่งกัน!"

 

มาสะซังยังคงเป็นคนเข้ามาตะโกนปลุกผสมก่อกวนตั้งแต่ฟ้ายังไม่ทันสว่างเหมือนเดิม

 

".....ชู"   มือบางดันตัวคนที่นอนทับเขาทั้งคืนออกไปก่อนจะลุกขึ้นมานั่งงัวเงีย มือข้างหนึ่งปิดปากหาวส่วนอีกข้างก็เขย่าจนคนที่นอนอยู่บนฟูกเดียวกันลุกตามขึ้นมา ชูยังนั่งสลึมสะลือพอๆกับเขา

 

เฮ้ย?! ทำไมนายถึงมาอยู่ที่นี่ได้ฟ๊ะ? ฟูจิวาระ ชู!”   ไคโตะตะโกนอย่างตื่นตระหนกเมื่อบิดขี้เกียจไปมาแล้วดันไปสะดุดตากับหัวสีชาของคนที่เพิ่มเข้ามาโดยไม่รู้ตัว

 

"อรุณสวัสดิ์ไคโตะเซยะตื่นได้แล้ว…"    เขาตัดบทไม่ตอบคำถามแล้วหันไปเขย่าเซยะที่ยังนอนนิ่งแทน

 

ชูเอาหน้ามาเกยไว้บนไหล่เขาก่อนจะหลับตาอีกรอบสภาพเหมือนคุณแม่ที่มีลูกอ่อนสองคนเลยนะเขาเนี่ย

 

"ชู อย่าหลับอีกนะเซยะ ตื่นได้แล้ว นี่!"

 

กว่าวันนี้จะดำเนินต่อไปได้ ก็ไม่ใช่เช้าที่ง่ายสำหรับเขาเอาเสียเลย



 

 

 

 

 

คืนที่สองและสามนายน้อยแห่งตระกูลฟูจิวาระก็ยังมานอนอยู่ที่ฟูกของนารุมิยะ มินาโตะเหมือนเดิม

 

"มินาโตะ...."    เสียงเรียกที่ดังอยู่ในความมืดปลุกให้คนที่เพิ่งหลับไปได้ไม่นานจำต้องฟื้นคืนสติอีกรอบ

 

"อือ…"  

 

"มินาโตะ โฮ่ย!"   ….ไม่ใช่เสียงของชูนี่? แล้วใครเรียกกัน?

 

ดวงตาสีมรกตค่อยๆเปิดขึ้นช้าๆก่อนจะพบเงาร่างสามเงาชะโงกอยู่เหนือตัวเขา

 

"ไคโตะแล้วก็ทุกคน?"   นานาโอะกับเรียวเฮย์ก็อยู่ตรงนี้ด้วย

 

"ตื่นแป๊บสิมินาโตะ"

 

"อือมีอะไร…?"   เขาลุกขึ้นขยี้ตางัวเงีย

 

"ช่วยลุกไปเป็นเพื่อนไปห้องน้ำที…"    ไคโตะเสสายตาหลบอย่างอายๆ

 

"........"   พวกนายอายุกี่ขวบกันแล้วเนี่ย?

 

"นะ! ขอร้องละ!"    เรียวเฮย์ถึงกับประกบมือขอร้อง ให้ตายเถอะ

 

"ถ้าจะกลัวกันขนาดนี้ก็อย่าไปฟังมันสิ เรื่องผีน่ะ"   ใบหน้ามนถอนหายใจ เขารู้แล้วว่าทำไมเจ้าพวกนี้ถึงไปเข้าห้องน้ำกันเองไม่ได้ทั้งๆที่เมื่อสองคืนแรกยังไม่เป็นไรแท้ๆ

 

"ก็มันช่วยไม่ได้นี่นา~นายไม่อยากรู้เหรอว่ารูปสาวสวยที่ติดอยู่ตรงทางเดินนั่นเป็นใคร~"   นานาโอะเอ่ยถึงภาพแขวนโบราณของหญิงสาวคนหนึ่งที่แขวนประดับไว้ตรงโถงทางเดิน รูปนั้นทั้งสวยงามทั้งดูหลอนไปพร้อมๆกันจนมีเรื่องเล่าเป็นของตัวเอง

 

"ไม่อยากรู้ครับ เซยะล่ะ?…"

 

"เจ้าหมอนั่นน่ะปลุกยังไงก็ไม่ตื่น ก็เลยมาปลุกนายแทนนี่ไง อ้าว?เฮ้ย! เหวอ~?!! เจ้าหมอนี่มานอนที่นี่อีกแล้วเร๊อะ ฟูจิวาระ ชูของคิริซากิ!"   ไคโตะสะดุ้งโหยงพร้อมกับชี้หน้าเมื่อชูลุกขึ้นมาด้วยใบหน้างัวเงียจากใต้ผ้าห่มของเขา

 

"...มินาโตะ? เกิดอะไรขึ้น?..."   เสียงแหบพร่าอย่างคนเพิ่งตื่นถามออกมา

 

"ชู เดี๋ยวฉันลุกไปห้องน้ำเป็นเพื่อนพวกนี้ก่อน"

 

"อือฉันไปด้วย…"   ชูลุกตามทั้งๆที่ตาแทบจะยังไม่เปิด

 

"...ปกติเจ้าขุนนางของคิริซากิเป็นคนแบบนี้เหรอ? เกาะติดมินาโตะอย่างกับหมีโคอาล่าเกาะต้นไม้…"   ไคโตะซุบซิบนินทาอยู่ข้างหลัง

 

"ไม่รู้สิ คนที่จะถามได้ก็หลับอย่างกับตายไปแล้ว"   นานาโอะกระซิบตอบแต่เขาก็ได้ยิน

 

"ไปกันเถอะ"    ใบหน้ามนส่ายน้อยๆก่อนจะพาคนทั้งหมดนั่นออกไป



 

 

 

"ฉันว่าพี่สาวคนนั้นต้องออกมาจริงๆแน่ เมื่อคืนก่อนฉันได้ยินเสียงตึงตังดังแว่วออกมาจากในห้องน้ำด้วยละ"    …..เขาว่านั่นไม่ใช่เสียงพี่สาวในภาพแขวนหรอก แต่เป็นเสียงของเขากับชูมากกว่า

 

"ใช่! ฉันก็ได้ยินเสียงร้องไห้ ฮื้อๆ ดังมาจากในห้องน้ำด้วย!"   …….ไม่ใช่เสียงร้องไห้หรอกเรียวเฮย์ แต่เป็นเสียงครางต่างหาก

 

มีเสียงฟืดฟาดเหมือนเสียงผีที่กำลังดมกลิ่นเราจากข้างหลังดังออกมาด้วย!”     …..ก็บอกว่าไม่ใช่ผีไงแต่เป็นเสียงหอบหายใจของพวกเขาเอง!

 

"อย่าพูดสิวะ จะก้าวขาไม่ออกแล้ว!"   สามคนที่เดินอยู่ข้างหน้าแทบจะกอดกันกลม

 

ขอโทษที่ทำให้กลัวนะ เขากับชูก็ไม่คิดว่ามันจะกลายเป็นตำนานบทใหม่ไปเสียแบบนั้น

 

"ทำไมถึงกลัวกันขนาดนั้น?"    ชูถามอย่างสงสัยหลังจากที่เริ่มตื่นเต็มตา

 

"ก็เมื่อตอนกินข้าวเย็นดันไปฟังเรื่องผีประจำเรียวกังมาจากพวกผู้หญิงในชมรมน่ะสิ ประมาณว่าหญิงสาวในภาพแขวนตรงทางเดินนั่นจะออกมาถ้ามีคนเดินผ่านตอนกลางคืน"   เขาเล่าให้ชูฟัง

 

"แต่เราก็เดินผ่านกันทุกคืนนะ? ไม่เห็นเจออะไร? คืนแรกยังผ่านตั้งหลายรอบด้วย"

 

"ใช่ไหมล่ะ"

 

 

แกร๊ก

 

 

แล้วจู่ๆเสียงอะไรบางอย่างก็ดังขึ้นให้สามคนข้างหน้าสะดุ้งสุดตัว

 

ใบหน้าเลิ่กลั่กหวาดผวาหันมองไปในความมืดสลัวของทางเดินยาวเหยียดที่แสนวังเวง

 

มีเสียงแต่กลับไม่มีเงาร่างของใครสวนมาสักคน

 

 

แกรกๆๆๆๆๆๆ

 

 

"กรี๊ดดดดด!!!"   แล้วเสียงที่ดังถี่ๆก็ทำให้สามคนข้างหน้าแหกปากลั่นก่อนจะวิ่งหนีแตกกระเจิงไปคนละทิศละทาง

 

"......."

 

"......."

 

แน่นอนว่าคนจิตแข็งอย่างเขากับชูยังคงยืนงงอยู่ที่เดิม  

 

มันมีอะไรที่ไหนกันล่ะ?

 

เสียงนี่หรือเปล่า?”

 

ชูจับสายมู่ลี่ไม้ไผ่ที่ถูกลมพัดเพราะหน้าต่างปิดไม่สนิทขึ้นมาให้เขาดู

 

"สงสัย"   เขามองหาเพื่อนๆที่ไม่มีใครอยู่ให้อธิบายแล้ว วิ่งเตลิดไปถึงไหนกันแล้วนั่น?

 

"......"    เขากับชูต่างมองหน้ากันอยู่ภายในความเงียบ

 

"ไปเดินเล่นกันไหม?"   ชูเอ่ยชวนเพราะไหนๆก็ตื่นเต็มตาแล้ว

 

"อื้ม ไปสิ"   เขาตอบตกลง ยังไงคืนนี้ก็เป็นคืนสุดท้ายที่จะได้อยู่ที่นี่แล้ว ออกไปซึมซับบรรยากาศข้างนอกบ้างก็น่าจะดี

 

 

 

 

 

 

 

เรื่องที่เขาไปฟังมาจากสาวๆในชมรมไม่ได้มีแค่เรื่องผีเท่านั้นหรอก แต่ยังมีเรื่องที่ว่าด้านหลังเรียวกังแห่งนี้มีศาลเจ้าเล็กๆตั้งอยู่ด้วย

 

มันต้องเดินขึ้นเนินเขาไปและบันไดหินก็ชันมาก

 

จับไว้สิ”    ชูยื่นมือมาให้เขาจับ มือบางจึงเอื้อมออกไปให้มือใหญ่กระชับมันไว้

 

ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นคนที่นิ่งและทรงตัวได้ดีที่สุดในชมรม ถึงแม้ว่าเขาจะเล่นกีฬาได้ดีแทบจะทุกประเภท แต่เวลาอยู่ต่อหน้าชู อยู่ต่อหน้าแฟน บางครั้งก็อยากจะอ่อนแอให้อีกฝ่ายปกป้องบ้าง

 

อีกอย่าง

 

มือของชูก็ใหญ่และเย็นสบาย มันทำให้เขาทั้งเขินอายและอุ่นใจทุกครั้งที่ได้จับมันเอาไว้ 

 

ชูมักจะใช้แรงของตัวเองฉุดรั้งเขาขึ้นไปทำให้จังหวะการก้าวขาของเขานั้นเรียบง่าย สะดวกสบาย และไม่ต้องใช้แรงอะไรมากมาย

 

เหมือนที่ชูมักจะคอยปกป้องเขาอยู่เบื้องหลังโดยที่เขาไม่เคยรู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย

 

เรื่องของรุ่นพี่นิไคโดทำให้เขารู้ว่าที่เขาใช้ชีวิตอย่างสงบสุขมาจนถึงทุกวันนี้ได้โดยแทบไม่มีเรื่องอะไรให้ต้องกังวลล้วนเป็นเพราะชูแทบทั้งนั้น

 

ชูคอยจัดการปัญหาที่จะเกิดขึ้นกับเขาให้โดยที่ไม่บอกอะไรเขาเลย เลือกที่จะเก็บเงียบเอาไว้คนเดียวเพื่อไม่ให้เขาต้องทุกข์ใจ ให้เขาได้ใช้ชีวิตอย่างสดใสต่อไป 

 

ส่วนคนที่คิดร้ายกับเขาชูจะเก็บคนพวกนั้นเอาไว้เอง คอยจับตาดู คอยกันเขาให้ออกห่าง ไปจนถึงกำจัดคนพวกนั้นออกไปจากชีวิตเขาโดยที่เขาไม่เคยรู้ตัวเลยด้วยซ้ำ

 

"มินาโตะ? ฉันเดินเร็วไปเหรอ?"   ใบหน้าหล่อเหลาหันมาถามเมื่อเขาเผลอบีบมือใหญ่

 

"เปล่าหรอก ไม่มีอะไร"   เขาเงยหน้ามองชูพร้อมกับสูดกลิ่นของทะเลเข้าไปจนเต็มปอด 

 

ยิ่งรักเข้าไปใหญ่เลยทำไงดี

 

โคมไฟหินส่องสว่างสลัวๆไปตลอดทาง บรรยากาศทั้งดูลึกลับแต่ก็ดูสวยงามไปในคราวเดียวกัน ประกอบกับเสียงคลื่นที่ดังอยู่ไม่ไกลทำให้ที่แห่งนี้ดูมีความเฉพาะตัวอย่างบอกไม่ถูก

 

ศาลเจ้าที่ทำด้วยไม้ซึ่งอยู่ตรงหน้านั้นมีขนาดเล็กมาก มันเป็นศาลเจ้าที่อยู่กับโรงฝึกธนูเพราะฉะนั้นเทพที่อาศัยอยู่ในศาลเจ้านี้คงจะเป็นเทพแห่งธนูไม่ผิดแน่ 

 

พวกเขายืนพนมมือขอพรด้วยหัวใจที่สงบแต่คำอธิษฐานนั้นกลับแรงกล้า

 

เดินต่อขึ้นไปอีกหน่อยมีม้านั่งหินอยู่ บนสุดยอดเขาเล็กๆแห่งนี้มองเห็นตัวเมืองได้ทั่วบริเวณรวมถึงท้องทะเลที่กว้างไกลสุดลูกหูลูกตานี้ด้วย ผืนน้ำที่ระยิบระยับสะท้อนกับดวงดาวสวยงามจนบรรยายออกมาไม่ถูกเลยจริงๆ

 

พวกเขานั่งลงราวกับตกอยู่ในภวังค์

 

อีกไม่นานพระอาทิตย์ก็กำลังจะขึ้น

 

"ชูขอพรอะไรงั้นเหรอ?"   หัวสีดำเอนซบไหล่หนาที่ตั้งตรงสง่าให้เขาแอบอิง

 

"ขอให้มินาโตะอยู่ข้างๆฉันตลอดไปมินาโตะล่ะ?"    ใบหน้าหล่อเหลาหันมาถาม แก้มของชูคลอเคลียอยู่กับเส้นผมของเขา

 

"ขอให้ได้ยิงธนูกับชูตลอดไป"

 

ในความคิดของพวกเราต่างก็มีชื่อของอีกฝ่ายอยู่ในคำขอพร

 

"ฮึ ฮะๆๆๆ"   เราต่างหัวเราะออกมาพร้อมกัน 

 

แสงแรกของวันกำลังค่อยๆแทงทะลุออกมาจากขอบฟ้าราวกับต้นอ่อนของความหวัง พวกเขาหยุดเพื่อเฝ้ามองมัน

 

"ตลอดไปนี่จะถึงเมื่อไหร่กันนะ…"    เสียงนุ่มเอ่ยออกไปอย่างเลื่อนลอย ดวงตากลมโตยังไม่ละไปจากดวงตะวันที่เปลี่ยนท้องฟ้าให้กลายเป็นสีชมพู

 

"ก็คงจนกว่าพระอาทิตย์ดวงนี้จะไม่ขึ้นมาให้เห็นแล้วละมั้ง…"    เสียงทุ้มเอ่ยออกไปจนกว่าจะไม่ได้เห็นพระอาทิตย์ดวงนี้ จนกว่าจะตายจากกัน นั่นแหละตลอดไปของเขา

 

"ชู"

 

"หื๋ม?"

 

"จูบกันไหม?"

 

"เอาสิ"   

 

คำพูดสั้นๆง่ายๆถูกเอ่ยออกไปทั้งที่กำลังชวนกันทำเรื่องน่าเขินอายอยู่แท้ๆ

 

แต่น่าแปลก หัวใจที่กำลังเต้นระรัวกลับมีแต่อีกฝ่ายจนรู้สึกมั่นคงได้ขนาดนี้

 

 

ใบหน้ามนละออกมาจากต้นแขนแกร่งก่อนจะหลับตาลงช้าๆ

 

 

ใบหน้าหล่อเหลาโน้มเข้าหาโดยมีพระอาทิตย์ที่กำลังขึ้นจากขอบฟ้าเป็นฉากหลัง

 

 

เป็นจุมพิตที่งดงามดั่งภาพวาด

 

 

เป็นจูบแผ่วเบาแต่กลับคงอยู่ตลอดไป

 

 

พวกเขาละออกจากกันตอนที่ดวงอาทิตย์ทอแสงสีทองเต็มท้องฟ้าพอดี

 

 

"กลับกันไหมมินาโตะ?"

 

"อื้ม"



 

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

 

Story never End

 

ขออภัยในความหายไปหลายวันนาคะ 555 ทสึรุเนะมูฟวี่จะเข้าโรงอีกครั้งพรุ่งนี้แล้ววว(16มีนา) ไปดูกันนน เข้าโรงในเครือเมเจอร์เยอะมากนะคะ ต่างจังหวัดก็เยอะะ ไปดูกันเถอะะะ

 

ส่วนอนิเมะ อื้อหื๋อออออ ตอนที่8ว่าแรงแล้ว ตอนที่9แรงแบบตายไปเลยอ่ะค่ะะะะะ คุณชายชูคะะะะะ มันต้องหวงเค้าเบอร์ไหนอ่ะคะะะ แค่รุ่นพี่นิไคโดถามถึงมินาโตะนิดเดียวก็แทบจะเอาขีปนาวุธมาถล่มใส่แล้ว โอ๊ย5555 ถึงกับต้องสต๊อปเพื่อกรี๊ดอัดหมอนเลยอ่ะฉากนี้ ชายชูเค้าแรงมว๊ากกก โหดมาก เป็นเด็กประถมที่โหดสุดๆ ใครห้ามมาแตะต้องมินาโตะของฮี ไม่งั้นฮีไม่ปล่อยไว้แน่ ต้องร้ายเบอร์นี้แหละถึงจะรบกับเซยะและมาสะซังได้55555+ 

 

ส่วนเซยะก็คือ เป็นผู้ชายที่ไม่ควรเป็นศัตรูด้วยสุดๆ5555+ ดูจากสิ่งที่ไคโตะเจอ ขำมากกก ขำเซยะทั้งตอนเลยจริงๆ ส่วนมาสะซังก็ไม่เบานะคะ ร้ายกาจสมกับที่เป็นกัปตันเรือหนึ่งในสามลำนี้ได้5555+ 

 

อูยยยย ยิ่งดูยิ่งพีคขึ้นทุกตอน โดยเฉพาะความสัมพันธ์ของน้อนกับชูที่ค่อยๆเฉลยออกมาเนี่ย ไม่เคยมีใครอยู่ในสายตาฮีนอกจากน้อนคนเดียวที่เห็นเป็นทั้งเพื่อนและคู่แข่งคนเดียวที่ยอมรับ งื้ออออ //ลงไปดิ้นจนพื้นมันวับ >////<

 

แล้วตอนที่10ที่เพิ่งผ่านมา ถึงจะมาน้อยแต่ก็มาแรงอยู่นะคะะะ ถึงจะมาเป็นข้อความแต่ก็รับรู้ได้ว่าชูทะนุถนอมมินาโตะของเขาขนาดไหนนนน ทั้งๆที่รู้เรื่องของรุ่นพี่มาตลอดแต่ก็เก็บเงียบไว้เพราะไม่อยากให้น้องกังวลใจ ปล่อยน้องยิ้มตาใสไม่ต้องคิดมากอะไรไปเนอะพ่อเนอะ ส่วนสัสตูของน้องเด่วพี่จัดการเอง5555+ ละมันพีคตรงไม่ได้มีแค่ชูที่รู้ เซยะก็รู้แต่ช่วยกันปิดไว้ไม่บอกน้อง55555+ ทีเป็นเรื่องมินาโตะนี่ร่วมมือกันดีละเกินนะเจ้าพวกปีศาจ555+ 

 

รีบลงก่อนตอน11จะมาในคืนนี้ จะมีอัลไลให้หวีดอีกกก ชายชูดูจะออกเยอะอยู่นะจากตัวอย่าง555

 

ขอบคุณทุกๆคอมเม้นต์ ทุกๆหัวใจ ทุกๆการติดตาม ทุกๆโดเนทมากๆๆนะคะ แล้วเจอกัลตอนหน้าาา ก่อนไปแอบแปะรูปประกอบไลท์โนเวลอีกรูปนึงค่ะ ดูรอยยิ้มของคุณชายฟูจิวาระสิคะะะ

 


 

นี่!! เป็นรอยยิ้มตอนที่ชูมองมินาโตะค่ะะะะ >////<

 

สปอยด์เท่าที่กูเกิลทรานมานาคะ

 

-          ในการแข่งระดับจังหวัดวันแรก พวกคาเซไมก็เจอกับคิริซากิที่สนามแข่ง เรียวเฮก็ทักชู ชูถามว่าเรียวเฮสูงขึ้นอีกแล้วใช่ไหม เรียวเฮก็ตอบว่าใช่ ยังไงก็ไม่ยอมแพ้ชูหรอก แข่งกันสูงว่างั้น555

 

-          จากนั้นเรียวเฮก็หันไปคุยกับพวกแฝด ในขณะที่พวกปีสองกำลังคุยกัน ปีหนึ่งอย่างคุออง(สมาชิกปีหนึ่งชมรมยิงธนูคิริซากิ)ก็ถูกกันอยู่นอกวงแต่เดี๋ยวก่อน รุ่นพี่ฟูจิวาระกำลังมองอะไรอยู่น่ะ? แล้วพอมองตามสายตาของรุ่นพี่ไปก็เจอ นารุมิยะ มินาโตะยืนอยู่ตรงนั้น บนหน้าของชูมีรอยยิ้มที่อ่อนโยนมาก ไม่ยากจะเชื่อ รุ่นพี่ไม่ควรจะยิ้มแบบนั้นสิ 55555+ แม้แต่รุ่นน้องยังจับได้ ชูว้อยยย เบาได้เบานะพ่ออออ มันจะต้องมองน้อนอะไรขนาดนั้นนน มองตั้งแต่โนเวลยันอนิเมะ >////< 

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น