Tsurune. One-Shot.Fic [Shuu x Minato] หรือรักเรียกหา : 17 : END
: Tsurune ; kazemai koukou kyudou-bu Short Fanfiction
:
Fujiwara Shuu x Narumiya Minato
:
Warmhearted
:
NC-17
คำเตือน :
เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ
"โทษที ฉันต้องเตรียมอาหารเย็นไว้ให้พ่อเลยช้าหน่อย …อื้อ
…กำลังจะออกไปแล้ว" เสียงนุ่มเอ่ยผ่านโทรศัพท์มือถือซึ่งถูกไหล่บางหนีบไว้กับซอกคอ
เพราะมือหนึ่งต้องใช้ล็อคกุญแจบ้าน
ส่วนอีกมือก็ถือกระเป๋าพะรุงพะรัง
ในนั้นมีทั้งหนังสือเรียนและเสื้อผ้าสำหรับการไปค้างคืนที่อื่นอยู่
"มินาโตะช้า~!" เสียงของนานาโอะดังแทรกเข้ามาท่ามกลางเสียงโหวกเหวกโวยวายของปลายสาย
พอรวมตัวกันเมื่อไหร่ก็ไม่เคยสงบได้สักที
แกร่ก
ใบหน้ามนอมยิ้มก่อนจะหย่อนกุญแจลงกระเป๋า
โทรศัพท์มือถือถูกมือบางจับแนบหูก่อนจะพูดต่อไป "ไปกันครบแล้วเหรอ?"
"อื้อ เหลือมินาโตะคนเดียว" เซยะตอบกลับมา
"เข้าใจแล้ว ฉันจะรีบ- เหวอ~?!!!"
เสียงกุกกักๆสวบสาบๆตามด้วยเสียงปิดประตูรถดังปึงให้กลุ่มคนที่อยู่ปลายสายได้ยิน
"มินาโตะ? เกิดอะไรขึ้น?" ถึงเสียงที่ถามกลับมาของเซยะจะยังราบเรียบแต่ก็แฝงไว้ด้วยความร้อนใจ
เขาเองก็ไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร มีแค่แรงดึงมหาศาลที่รับรู้ได้
แล้วตอนนี้เขาก็กำลังนอนคว่ำพาดอยู่บนหน้าตักของใครบางคน…อยู่บนเบาะหลังรถที่คุ้นเสียยิ่งกว่าคุ้น!
"ชู?!" เขาเงยมองใบหน้าเฉยชาของคนที่หยิบโทรศัพท์ของเขาไปอย่างถือวิสาสะ
ก่อนที่ชูจะกรอกเสียงลงไปแทนเขา!
"มินาโตะจะไม่ไปติวหนังสือกับพวกนาย" เฮ้ย?!
ไหงพูดเองเออเองงั้นล่ะ?! เขามองชูพลางอ้าปากค้าง
มือใหญ่ส่งสัญญาณบอกคนขับรถ
เจ้าพาหนะที่มาลักพาตัวเขาจึงเคลื่อนที่ออกไป…แล้วมันก็ไปคนละทางกับที่ที่เขาจะไปเลย!
เป็นเพราะใกล้จะสอบปลายภาคแล้วและพวกเขาก็สอบตกไม่ได้เสียด้วย
ถ้าต้องมาเรียนซ่อมก็จะไม่ได้ไปแข่งยิงธนูระดับประเทศ
เซยะจึงเสนอให้พวกเราไปนอนค้างเพื่อติวหนังสือด้วยกัน
และสถานที่ที่กว้างขวาง
มีทั้งอาหารฟรีและที่นอนก็ต้องเป็นที่ศาลเจ้ายาตะของมาสะซังอยู่แล้ว
แต่นารุมิยะ
มินาโตะกลับไปไม่ถึง…เพราะถูกฉุดขึ้นรถระหว่างทางซะก่อน!
"ทำอะไรของนายน่ะชู? พามินาโตะมาส่งให้ฉันเดี๋ยวนี้"
เสียงเซยะทำเอาขนลุกเกรียวอย่างบอกไม่ถูก
โทรศัพท์ของเขาเหมือนจะมีเงาวิญญาณแค้นคำสาปลอยหึ่งอยู่รอบๆเลย?
"ฉันจะติวให้มินาโตะเอง ตัวต่อตัว ที่บ้านของฉัน"
ทางนี้ก็ใช่ย่อยเหมือนกัน ชูตอบกลับไปเสียงแข็งแถมเย็นยะเยือก ได้ยินเสียงเปรี๊ยะๆเหมือนน้ำแข็งแตกดังมาจากโทรศัพท์ที่น่าสงสารของเขาเลย
"ชูน่ะเหรอจะติวให้มินาโตะ? นายไม่เคยติวให้ใครเลยนี่
จะทำได้เหรอ?" เซยะน่าจะกำลังยิ้มเยาะอยู่
"ทำได้สิ ปกติแล้วฉันก็สอนการบ้านให้มินาโตะบ่อยๆ สอนให้มินาโตะคนเดียว
เซยะคงจะไม่ได้ลืมใช่ไหมว่าคะแนนของฉันติดท็อป3ของชั้นปีตลอดน่ะ?
คนอย่างฟูจิวาระ ชูติวให้มินาโตะเองกับมือย่อมดีกว่าอยู่แล้ว
ไม่คิดงั้นเหรอ?"
~
เปรี๊ยะ ~
เขามองรังสีอำมหิตและจิตสังหารที่ปล่อยผ่านโทรศัพท์ของเขาด้วยความมึนงง
จะแย่งกันติวให้เขาไปทำไมเนี่ย?
ร่างโปร่งบางยันตัวขึ้นจากตักของชู
เอาเถอะ ยังไงเซยะก็ต้องติวให้เพื่อนๆในชมรมตั้งหลายคน
ให้ชูแบ่งเบาเอาเขาไปซักคนก็น่าจะดี
เพราะชูก็ไม่ยอมติวให้คนอื่นเสียด้วย…
แถมลงทุนดักฉุดเขาจากหน้าบ้านงี้
ไม่มีทางปล่อยเขาไปแน่ๆ
คบกันมาหลายปีเขาย่อมรู้ดีอยู่แล้วว่าชูจะเอาแต่ใจขนาดหนักเวลาที่หวงเขา
ไม่อยากแบ่งเขาให้ใคร
แล้วก็ไม่ชอบให้เขาไปนอนค้างที่ไหนกับใครด้วย
เจ้าคนขี้หวงนี่…
เขาส่ายหน้าก่อนจะดึงโทรศัพท์มือถือมาจากชู
"ไม่เป็นไรหรอกเซยะ เดี๋ยวฉันให้ชูติวให้ก็ได้ พวกนายก็ติวกันไปเถอะนะ"
ได้ยินเสียงครื้น…เหมือนฟ้าถล่มดินทลายออกมาจากปลายสายเลยแหะ?
"เอ่อ…ฝากสวัสดีมาสะซังด้วยนะ แค่นี้นะ"
เขารีบวางสายหนีเพื่อให้ศึกนี้สงบลง…
เฮ้อ…อยากให้เขาสอบผ่านถึงกับต้องแย่งกันติวให้ขนาดนี้
ช่างเป็นเพื่อนที่ดีกันจริงๆ…
แล้วก็เข้าใจเลยว่าทำไมชูถึงเลือกที่จะพาเขามาซ่อนไว้ที่บ้านของตัวเองแทนที่จะติวบ้านเขา
เมื่อรถคันงามแล่นผ่านรั้วที่มีป้ายชื่อ "ฟูจิวาระ" ติดอยู่
ตั้งแต่ประตูรั้วมาจนถึงประตูบ้านเขานับการ์ดซึ่งเฝ้าอยู่ได้เป็นสิบคนเลย
บ้านประธานาธิบดีหรือไงน่ะ?
ต่อให้เป็นเซยะก็คงจะบุกมาพาตัวเขาออกไปไม่ได้ง่ายๆแน่
กะจะเก็บเขาไว้ไม่ให้ใครมาเอาไปได้เลยสินะ? ชูน่ะ
“วันนี้คุณพ่อกับคุณแม่ไม่อยู่ ไว้ค่อยไปทักทายท่านพรุ่งนี้ก็แล้วกัน”
เจ้าคนหน้าตายเดินลงจากรถ คำพูดของชูทำให้เขาเบาใจขึ้นมาหน่อย
ถึงจะเคยเห็นหน้าค่าตากันมาบ้างแล้วแต่การทักทายอย่างเป็นทางการขนาดนี้มันก็อดที่จะตื่นเต้นไม่ได้
ให้เขาได้ทำใจก่อนสักคืนก็น่าจะดี
ทว่า…
ทันทีที่สองขาก้าวเข้าไปในห้องนอนของชูได้
เวลาทำใจของเขาก็หายไปราวกับภาพตัด
“อือ…”
แพขนตาสีดำค่อยๆปรือปรอยขึ้นอย่างเหนื่อยล้า
แต่แสงสว่างจ้าที่แยงตาก็ทำให้หลับต่อไม่ลง
เมื่อคืนนี้…
ได้ติวซะที่ไหนกันล่ะ!
ไม่สิ…อาจจะถือว่าได้สักวิชามั้ง?…เพศศึกษาภาคปฏิบัติน่ะนะ
“อืม…” แขนบางซุกเข้าไปใต้หมอนที่นิ่มมากก่อนจะซบหน้าลงไปอย่างไม่อยากจะลุกขึ้นมา
ไหล่ที่เปลือยเปล่ารู้สึกหนาวๆ
ร่างที่นอนคว่ำอยู่จึงพยายามซุกตัวจมลงไปในกองหมอนมากขึ้น
เขาห่อไหล่เหมือนลูกแมว
ทั้งผ้าปูที่นอนทั้งผ้าห่มให้ผิวสัมผัสที่ดีมากจนเขาเผลอถูไถใบหน้าด้วยความฟิน…นุ่มอะไรขนาดนี้เนี่ย?
นี่มันผ้าอะไรกัน? ทั้งๆที่เตียงนายดีงามขนาดนี้ไหงถึงชอบไปนอนเบียดอยู่บนเตียงแข็งๆที่บ้านเขาเนี่ย
ชู
“หึ…” จนกระทั่งได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆดังอยู่ข้างๆ
เขาจึงตะแคงใบหน้าขึ้นมามอง
ดวงตาสีมรกตทอดไปยังคนที่นั่งอ่านหนังสืออยู่บนเตียงเดียวกัน
ชูไม่ได้ลุกไปไหน ถึงแม้ร่างกายจะไม่ได้เปลือยเปล่าแบบเขาแล้วก็เถอะ
เขาช้อนสายตาขึ้นมองชู
…ชูเองก็ก้มมองลงมาที่เขา…
ดวงตาสีเขียวที่สุกสกาวราวกับดวงดาวคู่นั้น…
กับดวงตาสีม่วงที่ลุ่มลึกเยือกเย็นราวกับพระจันทร์…
พวกเราต่างมองกันและกันอยู่แบบนั้นโดยไม่จำเป็นต้องพูดอะไร
ความเงียบระหว่างเราไม่เคยทำให้รู้สึกอึดอัดใจ
เพราะมันมีคำพูดและภาษาบางอย่างที่แสดงออกได้ด้วยสายตาเท่านั้น
และเราก็มักจะสื่อสารกันด้วยภาษานี้
มือใหญ่ปิดหนังสือก่อนจะวางมันลง
“อรุณสวัสดิ์ มินาโตะ” ชูโน้มหน้าลงมาจูบไหล่เขาเบาๆ
ก่อนจะลากปลายนิ้วไปตามสันคอของเขาอย่างเผลอไผล
สัมผัสรับอรุณที่นุ่มนวลและแผ่วเบาเข้ากับเช้าที่สดใสเหล่านี้ชวนให้รู้สึกจั๊กจี้และขวยเขินไปพร้อมๆกัน
“อรุณสวัสดิ์” เขาตอบพลางซ่อนแก้มขึ้นสีไว้กับหมอน
ชูยังคงลากปลายนิ้วและมองไล่ไปบนแผ่นหลังของเขา
มัน…น่าจะหลงเหลือรอยจูบอยู่ไม่น้อยแน่ๆ
เพราะเมื่อคืนเขารับรู้ได้ถึงอารมณ์ที่รุนแรงของชู
รับรู้ว่าถูกกัดถูกกระตุ้นอยู่ตลอด
ถ้าลุกตอนนี้…ของของชูที่อยู่ในตัวเขาต้องไหลลงมาทันทีแน่
มันเยอะจนรู้สึกเหนอะหนะไปหมด…
“ลุกอาบน้ำไหม? แล้วไปยิงธนูกัน” หูของเขาผึ่งทันทีที่ได้ยินคำว่ายิงธนู
เขารู้อยู่แล้วว่าชูมีโรงฝึกเป็นของตัวเอง
เพราะเจ้าหมอนี่มักจะเก่งขึ้นทุกครั้งทั้งๆที่มีชั่วโมงเรียนเท่ากัน
เขาเลยเคยคาดคั้นว่าชูไปฝึกที่ไหนเพิ่มมาหรือเปล่า
“แล้วยังไม่เริ่มติวจะดีเหรอ?” ชูอุ้มเขาขึ้นจากเตียงไม้หลังใหญ่อย่างกับรู้ว่าสิ่งนั้นมันจะไหลลงมาหากให้เขาเดินเอง
“มินาโตะน่ะ จะมีสมาธิสูงที่สุดตอนยิงธนู
เพราะฉะนั้นการให้ยิงธนูก่อนก็เหมือนให้นั่งสมาธินั่นแหละ
หลังจากนั้นสอนอะไรไปก็จะจำได้ดี” สองแก้มร้อนผ่าวโดยอัตโนมัติเมื่อรับรู้ถึงความใส่ใจของอีกฝ่าย
ชูรู้จักเขาดีที่สุดจริงๆ
“เมื่อคืน…ฉันก็ทำเพื่อมินาโตะนะ…ฉันทำให้มินาโตะเหนื่อยล้า จะได้นอนหลับเต็มอิ่มพร้อมตื่นขึ้นมาติวไง”
ชูยิ้มอย่างภาคภูมิใจในความเอาใจใส่ของตัวเอง
ปื้ด!
แต่ว่ามันใช่เร๊อะ?!
ไม่ต้องเอาเขามาอ้างเลย!
คนที่ได้ผลประโยชน์น่ะมันนายชัดๆ! เขามองชูอย่างคาดโทษ
ร่างโปร่งบางเดินตามร่างสูงสง่าไป
ระเบียงทางเดินไม้ที่ให้ความรู้สึกราวกับอยู่ในวัดหรือตำหนักกลางป่ากำลังนำพาพวกเขาไปยังสถานที่เงียบสงบและปลีกวิเวกแห่งหนึ่ง
ความร่มรื่นของอาคารที่ถูกต้นไม้โอบล้อมไว้ทำให้แก้มของเขาขึ้นสีนิดๆ
เขาตกหลุมรักสถานที่แห่งนี้โดยไม่ต้องมีเหตุผลใดๆเลย
ครืด…
และยิ่งเมื่อได้ก้าวขาเข้าไปในโดโจหลังเล็กๆหลังนี้
หัวใจของเขาก็ยิ่งรับรู้ได้ถึงความรักที่เอ่อล้นออกมา
ร่างโปร่งบางหยุดนิ่งอยู่กลางลานยิงและเป้าธนูอย่างหลงใหล
ดวงตาสีมรกตเปล่งประกายระยิบระยับอย่างที่แค่ดูก็รู้แล้วว่าชอบมาก
“ชู! ขอยิงธนูได้ไหม?!” ใบหน้ามนหันมาหาเจ้าของโดโจอย่างตื่นเต้น
ซึ่งมันก็ทำให้ฟูจิวาระ ชูอมยิ้มอย่างอ่อนโยน
มินาโตะน่ะ
ไม่ได้ตื่นเต้นที่คนคนหนึ่งจะถึงกับมีโดโจเป็นของตัวเอง
ไม่ได้ตกใจกับฐานะทางบ้านของเขาที่สามารถมีของแบบนี้เป็นของส่วนตัวได้
แต่มินาโตะแค่ตื่นเต้นที่จะได้ยิงธนูแค่นั้น
และเพราะนิสัยแบบนี้ของมินาโตะมันเลยทำให้เขาอยู่ด้วยแล้วสบายใจ
มินาโตะไม่เคยเห็นเขาแตกต่างจากตัวเองเลยซึ่งนี่เป็นคนแบบที่เขาต้องการ
“ได้สิ มาเปลี่ยนชุดก่อนเถอะ ฉันเตรียมไว้ให้มินาโตะแล้ว” มือใหญ่เปิดประตูเลื่อนของห้องด้านหลังรอ
“เอ๋? มีชุดของฉันด้วยเหรอ?” มินาโตะเดินตามมาก่อนจะเอียงคอมองด้วยความสงสัย
“อื้ม ฉัน…อยากให้มินาโตะใส่ชุดนี้ด้วยกัน”
บนชั้นมีถาดไม้สองถาดวางอยู่ข้างๆกัน
ในนั้นมีชุดสำหรับใส่ฝึกยิงธนูอยู่และสีของเสื้อก็เป็นสีกรมท่าเหมือนกัน…
มันเป็นชุดของคิริซากิ
แก้มใสแดงระเรื่อน้อยๆ
มือบางลูบเสื้อสีกรมท่านั่นอย่างคิดถึง
สามปีที่เคยได้ใส่มันทุกความรู้สึกยังคงชัดเจน
เขาคิดถึงช่วงเวลานั้นจริงๆ
ดวงตาสีมรกตทอดมองเสื้อและฮากามะที่ถูกพับไว้อย่างประณีต
แม้แต่รอยยับสักนิดก็ไม่มี ชูต้องใส่ใจเขามากถึงเตรียมให้ขนาดนี้
เพราะนี่ไม่ใช่ชุดของชูที่ใส่เป็นประจำอยู่อย่างแน่นอน
ขนาดมันเล็กเกินกว่าที่ชูจะใส่ได้ แต่มันเป็นไซส์ที่พอดีตัวเขา
ชูเตรียมมันไว้ให้เขา…
“ฉันเตรียมไว้ให้มินาโตะมาตลอด เตรียมไว้ให้นานแล้ว” เสียงทุ้มพูดในขณะที่ถอดเสื้อออกแล้วเปลี่ยนเป็นชุดที่วางอยู่ในถาด
“ถ้าวันนั้นมินาโตะไม่ได้จากไป เราคงได้ใส่ชุดนี้ยืนยิงธนูอยู่ด้วยกัน…”
เสียงของชูฟังดูเหงาๆ
ใบหน้าหล่อเหลาเลือกที่จะก้มลงไปมองผ้าพันถุงมือแทนที่จะหันมามองเขาตรงๆ
สำหรับชูแล้ว
ความรู้สึกตอนสวมชุดของคิริซากิเมื่อสามปีก่อนคงจะต่างจากตอนนี้อย่างสิ้นเชิง
ไม่รู้ทำไม
แผ่นหลังของชูในตอนนี้ถึงได้ดูโดดเดี่ยวนัก
และมันก็ทำให้สองมือของเขาเอื้อมออกไปโดยไม่รู้ตัวเลย
ชึ่บ…
เขาสวมกอดชูจากข้างหลัง
ชูชะงักค้างไปน้อยๆเมื่อใบหน้าของเขาซบลงไปบนแผ่นหลังกว้าง
“ก็แค่ตอนนี้เท่านั้นแหละ…ที่เราจะแยกจากกัน”
เสียงนุ่มพูดออกไปให้ได้ยินกันแค่สองคน
“ฉันกับนายไม่ได้จะเรียนมัธยมปลายตลอดไปเสียหน่อยนี่? ชู”
เสี้ยวใบหน้าของชูอมยิ้มบางๆ
“นั่นสินะ” มือใหญ่วางทาบลงมาบนสองแขนของเขาที่กอดเอวชูแน่น
“ฉันจะไม่แยกจากมินาโตะอีกแล้วขอให้รู้ไว้
ฉันจะยึดตัวนายไว้ทั้งอนาคตของฉัน” ชูพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังและกลับมาเอาแต่ใจสมเป็นคุณชายตามเดิม
“ครับๆ เข้าใจแล้วครับ คิก” เขาหัวเราะเบาๆ
“ขอกอดด้วย” ชูหันตัวกลับมาก่อนจะดึงตัวเขาเข้าไปกอดแนบอก
นอกจากชุดฮากามะแล้ว
ชูก็ยังเตรียมธนูไม้ไผ่กับลูกธนูขนอินทรีดำไว้ให้เขาด้วย
มันเหมือนกับของชูทุกอย่าง
ยกเว้นขนาดที่เป็นไซส์ของเขา
หรือนี่จะเป็นชุดคู่
ธนูคู่ แบบที่คู่รักทั่วไปเค้าใส่หรือใช้ของที่เป็นคู่กัน?
ดูจากหน้าชูที่กำลังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่ในตอนนี้แล้ว…เขาว่าใช่แหละ
ใบหน้ามนหันไปยิ้มร่าเริง
เอาไว้เขาเตรียมแปรงสีฟันที่เข้าคู่กันไว้ที่บ้านของเขาบ้างก็แล้วกัน
เสียงทสึรุเนะสอดประสานดังก้องกังวานอยู่ในโรงฝึกหลังน้อยไปอีกพักใหญ่
ร่างสองร่างที่ยืนยิงธนูอยู่ข้างๆกันนั้นก็งดงามราวกับภาพวาด
มิใช่เพียงร่างกายแต่วิธีการหายใจก็เข้ากันได้โดยไม่ต้องพยายามอะไรเลย
เป็นความรู้ใจที่แสดงออกมาตามธรรมชาติและต่างก็ไม่เคยรู้ตัวเลย
ไม่รู้ตัวเลย...ว่านารุมิยะ มินาโตะจะยิงได้อย่างมั่นคงที่สุด
งดงามที่สุด...ตอนที่มีฟูจิวาระ ชูยืนอยู่ข้างหลัง
ไม่รู้ตัวเลย...ว่าฟูจิวาระ
ชูจะยิงได้แข็งแกร่งที่สุด สง่างามที่สุด...ตอนที่มีนารุมิยะ
มินาโตะยืนอยู่ข้างหน้า
"วิธีการติวของฉันก็คือ ฉันจะให้มินาโตะทำโจทย์ที่ฉันคัดเอาไว้แล้ว
ฉันสอนการบ้านมินาโตะมาตลอดเพราะฉะนั้นฉันพอจะรู้อยู่บ้างว่านายอ่อนเรื่องไหน"
ในที่สุดก็ได้เริ่มติวกันสักที
ตอนนี้เขาอยู่ในห้องนอนของชูโดยมีเพียงโต๊ะและสมุดเล่มเดียววางอยู่ตรงหน้า
"แต่ฉันมีกฎอยู่ข้อหนึ่ง" ชูยิ้มละไมซึ่งดูเป็นอะไรที่ไม่น่าไว้ใจสุดๆ
"ฉันจะให้โจทย์มินาโตะไปทำ… แล้วถ้ามินาโตะตอบผิด…ก็จะต้องโดนฉันจูบ" ห๊ะ?! โรงเรียนกวดวิชาที่ไหนมันมีกฎเห็นแก่ได้แบบนี้บ้างเนี่ย?!
นารุมิยะ
มินาโตะถึงกับอ้าปากค้าง
"เริ่มที่วิชาคณิตศาสตร์ก่อนก็แล้วกัน นี่คือโจทย์ข้อแรก"
มือใหญ่วางกระดาษที่ตั้งใจพิมพ์มาอย่างดีลงตรงหน้า
ดวงตาสีมรกตมองโจทย์ยาวเฟื้อยก่อนจะหรี่ตามองเจ้าของห้อง
“มันไม่ยากไปหน่อยเหรอ? ใช่ข้อสอบปลายภาคธรรมดาๆแน่นะ?”
ดวงตากลมโตเหล่มองคนเจ้าเล่ห์อย่างไม่ไว้ใจ
“ยากสิ ฉันตั้งใจคัดโจทย์ยากๆมาให้โดยเฉพาะเลย…เพราะฉันอยากจูบมินาโตะ”
แล้วฟูจิวาระ ชูก็ไม่เคยทำให้ผิดหวัง
เจ้าชายแห่งคิริซากิตอบอย่างจริงใจพร้อมรอยยิ้มที่ชวนหมั่นไส้ยังไงไม่รู้
“ฮึ่ย ฉันจะตอบถูกให้ดู! นายไม่ได้แอ้มฉันหรอก!” ใบหน้าหล่อเหลายิ้มบางๆ มินาโตะน่ะมีความดื้อดึงอยู่ในตัว
และถ้าตั้งใจจะทำอะไรแล้วก็จะมีสมาธิกับเรื่องนั้นๆสูงมาก จะต้องทำให้ได้ว่างั้น
เขาปล่อยให้มินาโตะทำโจทย์โดยนั่งดูวิธีคิดอยู่ข้างๆ
คอยสอนให้ถ้ามินาโตะทำท่าจะไปผิดทาง
…แต่โจทย์มันก็ยากเกินไปจริงๆนั่นแหละ
“ผิด คำตอบคือ 28”
ก็…ถึงมันจะเป็นหัวข้อเดียวกันแต่นี่คือข้อสอบเข้ามหาวิทยาลัยนี่นะ
ใบหน้าหล่อเหลายิ้มอ่อนโยนเมื่อเห็นคำตอบที่ใกล้เคียงมากแล้วของมินาโตะ
“อ๊า~ ไม่ถูกเหรอ~” ใบหน้ามนมุ่ยๆชะโงกมาดูเฉลยวิธีทำซึ่งเขากำลังเขียนลงกระดาษให้
“อ๊ะ! ผิดแค่ตรงนี้เอง” ถ้ามินาโตะทำได้ระดับนี้
เขาก็ไม่ห่วงเรื่องการสอบปลายภาคแล้วละ น่าจะได้คะแนนดีด้วยซ้ำ
“มีอะไรสงสัยไหม?” ปลายนิ้วยาวลูบลงไปที่สันจมูกรั้นอย่างเอ็นดู
ร่างกายของมินาโตะน่าสัมผัสไปเสียทุกส่วนเลยจริงๆ
เวลาที่เขาจ้องมองไปที่ร่างเล็กๆนี่ เขาก็เหมือนถูกเสน่ห์อันบริสุทธิ์ของมินาโตะอย่างดึงดูด
ขอแค่ได้อยู่ใกล้ ได้แตะต้องเนื้อตัวของมินาโตะสักนิดสักหน่อยก็ยังดี
“ไม่มี…”
“ถ้างั้นก็ได้เวลาลงโทษคนตอบผิด”
“ฮึ่ม…” มินาโตะเม้มปากอย่างแง่งอนก่อนจะยืดอกยอมรับแต่โดยดี
"หลับตาสิ" มีความสงสัยอยู่ในแววตาของมินาโตะแต่ดวงตาสีมรกตก็ค่อยๆปิดลงตามที่เขาบอก
ใบหน้าหล่อเหลาขยับเข้าไปใกล้…ก่อนจะบรรจงจูบลงไปที่เปลือกตา…
สัมผัสนุ่มหยุ่นและอ่อนโยนทำให้ใบหน้ามนถึงกับร้อนเป็นไฟ
จูบที่ผิดคาดของชูทำเอาหัวใจดวงน้อยเต้นระรัว นึกว่าจะถูกจูบที่ปากเสียอีก…
ใบหน้ามนค่อยๆลืมตาขึ้นเมื่อลมหายใจค่อยๆจางหายไป
ยิ่งได้สบประสานสายตาของคนที่กำลังยิ้มให้อยู่ตรงหน้ายิ่งรู้สึกเขินจนต้องเสสายตาหลบ
จูบแบบนี้มัน…
ไม่ได้เร่าร้อนแต่มีอานุภาพที่รุนแรงมาก… รู้สึกถูกรักถูกทะนุถนอมจนแทบทนกอดตอบไม่ไหว…
แล้วชูก็ไม่ได้จูบที่เปลือกตาเขาอย่างเดียว…
“X
= 64”
“ผิด”
ริมฝีปากร้อนแตะลงไปบนหน้าผาก…
“59
km/hr”
“ผิด”
ริมฝีปากร้อนจูบลงไปที่ข้างแก้มซ้าย…
“{3}”
“ผิด”
ริมฝีปากร้อนจูบลงไปที่โหนกแก้มขวา…
“160√3 m”
“ผิด”
ริมฝีปากร้อนจูบลงไปที่สันจมูก…
“X=2sin3t”
“ผิด”
ริมฝีปากร้อนจูบลงไปที่ปลายคาง…
“ความเร็วหารด้วยเวลา”
“ผิด”
ริมฝีปากร้อนจูบลงไปที่ใบหู…
“change”
“ผิด”
ริมฝีปากร้อนจูบลงไปที่ซอกคอ…
“in
the afternoon”
“ผิด”
ริมฝีปากร้อนจูบลงไปที่ลาดไหล่…
“I
have to leave now”
“ผิด”
ริมฝีปากร้อนจูบลงไปที่ไหปลาร้า…
“ฮีเลียม”
“ผิด”
ริมฝีปากร้อนจูบลงไปที่หลังมือ…
“ไนโตรเจน ไดออกไซด์”
“ผิด”
ริมฝีปากร้อนจูบลงไปที่ปลายนิ้ว…
“Lysosome”
“ผิด”
ริมฝีปากร้อนจูบลงไปที่แผ่นอก…
“หลุยส์ ปาสเตอร์”
“ผิด”
ริมฝีปากร้อนจูบลงไปที่หน้าท้อง…
“忍ぶれど色に出でにけりわが恋は
ものや思ふと人の問ふまで”
“ผิด”
ริมฝีปากร้อนจูบลงไปที่สะโพก…
“ฟุจิสึโบะโนะชูกุ 藤壺中宮”
“ผิด”
ริมฝีปากร้อนจูบลงไปที่รอยแผลเป็น…
“ปีคศ.1896”
“ผิด”
ริมฝีปากร้อนจูบลงไปที่ต้นขา…
ไม่ว่าตรงไหนที่อยู่บนร่างกายเขาล้วนถูกจูบทั้งสิ้น…
แต่กระนั้นก็ยังมีส่วนหนึ่งที่ชูยังไม่ยอมจูบ…
ที่ริมฝีปากของเขา…
"ข้อสุดท้ายแล้ว" คิ้วเรียวขมวดมุ่นอย่างไม่ได้ดั่งใจ
ไม่ใช่ว่าจนถึงข้อสุดท้ายแล้วก็ยังเอาแต่ตอบผิด แต่ที่หงุดหงิดคือ
จนถึงข้อสุดท้ายแล้วชูก็ยังไม่ยอมจูบที่ปากเขา!
"โชกุนคนแรกที่ย้ายศูนย์กลางการปกครองจากเกียวโตไปที่เอโดะคือใคร"
คำถามนี้ง่ายแสนง่ายและไม่น่าจะมีคนญี่ปุ่นคนไหนที่ตอบไม่ได้
ทว่า…ใบหน้ามนกลับตอบงึมงำออกไปว่า
"โทโยโทมิ ฮิเดโยชิ…." ดวงตากลมโตเสมองไปข้างๆอย่างมีพิรุธ
และคำตอบที่ได้รับกลับทำให้ฟูจิวาระ
ชูยกยิ้มแทนที่จะหนักใจ
เพราะไม่ใช่ว่ามินาโตะไม่รู้
แต่มินาโตะจงใจตอบผิด…
"ผิด คำตอบคือโตกุกาวะ อิเอยาสุ"
มินาโตะ…อยากให้เขาจูบ
และไม่ต้องเดาเลยว่าตรงไหน
ใบหน้าภายใต้กรอบผมสีชาโน้มเข้าไป…แล้วจรดริมฝีปากของตัวเองลงที่กลีบปากนิ่มของมินาโตะ…
แพขนตาสีดำปิดลงมีเพียงดวงตาสีม่วงหลุบต่ำที่ยังทอดมองใบหน้าที่อยู่ใกล้แสนใกล้
ลมหายใจผสมผสานเรียกรสชาติหวานๆออกมาจากอากาศที่เคยว่างเปล่า
เป็นจุมพิตแผ่วเบาแต่กลับเต็มไปด้วยความรู้สึกแสนรัก
ริมฝีปากบางขบเม้มกลีบปากสีเชอร์รี่เบาๆก่อนที่ดวงตาสีม่วงจะค่อยๆปิดลงแล้วจมดิ่งไปกับสัมผัสนุ่มนวลราวกับอยู่ในฝัน
ใบหน้าหล่อเหลาจูบค้างไว้แบบนั้นหลายวินาทีกว่าจะยอมละออกมา
รอยยิ้มปรากฏอยู่บนใบหน้าพร้อมๆกัน
“จบหลักสูตรการติวของวันนี้แล้วครับ คนดี”
หนึ่งสัปดาห์ให้หลัง…คะแนนสอบปลายภาคก็ออกมาให้ทุกคนในชมรมถึงกับอึ้งไป
เพราะนารุมิยะ
มินาโตะนั้นได้คะแนนรองแค่เซยะคนเดียว
“ว้าว! วิชานี้ได้93คะแนนเลยอ่ะ มินาโตะนายทำได้ไง!”
“แหะๆ” มือบางยกขึ้นมาเกาแก้มแก้เขิน
“ฟูจิวาระนี่…ติวเก่งแหะ
เจ้าหมอนี่ตอนสอบกลางภาคยังได้คะแนนพอๆกับฉันอยู่เลย!” ไคโตะขมวดคิ้วอย่างเชื่อมั่นในคนติวมากกว่าจะเชื่อในตัวเพื่อนอย่างเขา
แต่ก็นะ
วิธีติวมันออกจะ…ใช้ได้กับเขาคนเดียวน่ะนะ
แล้วทุกครั้งที่เห็นโจทย์ซึ่งเหมือนกับที่ชูหามา
รอยจูบตรงส่วนต่างๆของร่างกายก็จะร้อนผ่าวจนเขาจำวิธีแก้โจทย์ได้ขึ้นใจ…
"เห…ไม่รู้มาก่อนเลยนะว่าชูจะติวได้เก่งขนาดนี้…สงสัยคราวหน้าคงต้องเชิญมาติวให้คนอื่นในชมรมบ้างแล้วละ"
เซยะพูดด้วยเสียงทะมึน
"ไม่ได้" เสียงใสตอบไปทันควันจนเซยะถึงกับชะงักงัน
"?
มินาโตะ?"
"ยังไงก็ไม่ได้เด็ดขาด!" เพราะวิธีการติวของชูน่ะ
อนุญาติให้ใช้กับเขาแค่คนเดียวเท่านั้น!
แล้วหน้าแดงๆของเขาก็ตอบความสงสัยของเซยะได้ทุกอย่างว่าเขาผ่านการติวแบบไหนมา
ทาเคฮายะ
เซยะถึงกับกำหมัดแน่นอย่างมาดมั่นว่า…สักวันจะต้องขยี้เจ้าตัววายร้ายหน้าตายนั่นให้แหลกให้จงได้!
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
Story
never End
ศีลเสมอกันแหละคู่นี้55555
โอ้โหหหห
แต่Tsurune
ep8นี่ไม่ไหวจริงๆค่ะ ดูจบถึงกับกรี๊ดอัดหมอน หมอนทะลุ งื้ออออออ
ชูก็คือคลั่งรักมินาโตะมากกกก อนิเมะ20นาที ชูมองน้องไปแล้ว19นาที พ่อคะะะ เบาค่ะพ่ออออ มองน้องตลอด มองแล้วก็อมยิ้ม เผลอไม่ได้อย่างกับมีแม่เหล็กอ่ะ
ดูดติดเข้าหาน้องตลอดดด ไปอยู่ด้วย ไปยืนใกล้ๆ ตามติดน้องพอๆกับเซยะเลยอ่ะ โอยยย
คุณชายคะะะ >/////< แล้วน้องก็คือมองกลับตาใสคุณชายชูสตั๊นไปเลยก็มี
ตะเร้กตะน้อยน่ารักมากงื้อ >////< แล้วความสูงของสองคนนี้ก็พอดีมาก
เวลาน้องมองกลับต้องช้อนสายตาขึ้นนิดๆอ่ะ แม่~~ ชูจะทนไหวได้ยังไงสายตาแบบนี้ยยย
คือมันหวีดทั้งตอนเลยจริงๆ
ขำความชูกับเซยะที่ต่างก็ถือมีดอยู่ข้างหลังแต่ต่อหน้าน้องเราคือเพื่อนรักกันมากๆ5555
ฉากที่เดินคุยกันสามคนในหอพักไปจนถึงตอนชูทำทาโกะยากิให้กินคือจังหวะเดดแอร์รัวๆจนขำก๊ากเลยค่ะ5555
ขำหนักมากด้วย5555 //ถึงขั้นต้องออกจากบ้านไปซื้อทาโกะยากิกิน
โอ๊ย5555
แต่ชูเนี่ย
มีเรื่องที่ทำเฉพาะกับมินาโตะเยอะอยู่นะ อย่างล่าสุดเพิ่งได้ไลท์โนเวลเล่มสามมาค่ะ
ก็จัดการกูเกิลทรานสเลสหน้าที่มีรูปชูประกอบก่อนเลยค่ะ ก่อนจะพบว่า~~ //หันไปกรี๊ดอัดหมอนใบใหม่
ต่อจากนี้คือการสปอยด์นาคะ
-
เล่ม3 จะเป็นเรื่องราวที่พวกเด็กๆขึ้นปี2กันแล้ว ก็จะกลายเป็นรุ่นพี่ที่มีน้องปีหนึ่งเด็กใหม่เข้ามาในชมรม
ของคาเซไมมีเข้ามาใหม่อีก5คน ผู้ชาย2 ผู้หญิง3
-
ส่วนที่มาของภาพประกอบนี้ก็คือ
ปีนี้ก็มีการแข่งขันระดับจังหวัดตามปกติ วันแรกในประเภทชายเดี่ยว
ชูก็ได้ที่หนึ่งไป ส่วนวันที่สองเป็นการแข่งประเภททีม ในระหว่างรอแข่ง
ชูก็เข้ามาคุยกับมินาโตะ
-
ชูยื่นหน้าไปพูดที่หูขวาของมินาโตะ
เป็นเพราะอ.ไซออนจิหูซ้ายไม่ดี ชูจึงติดนิสัยเอียงหน้าไปพูดที่หูขวา
แล้วนิสัยแบบนี้ก็จะทำเฉพาะกับอ.ไซออนจิและมินาโตะเท่านั้น!!!! (แม๊~~ นึกถึงฉากจับแผลเป็นในซซ.แรกเลย แล้วแบบ
กับน้อนนี่ไม่ใช่แค่พูดใส่หูขวาแต่แทบจะจูบคอได้แล้วความใกล้ คุณชายคะะะ)
เรื่องที่ทั้งสองคนคุยกันก็คือ ชูขอบคุณมินาโตะที่ให้ของขวัญวันเกิดเขา
เขาชอบมันมาก แล้วก็ยกถุงใส่ถุงมือมั้งนะให้มินาโตะดู มันเป็นลายสีม่วงบนพื้นสีขาวมั้งนะ
พอเป็นศัพท์เฉพาะอิกูเกิลทรานก็งงทันทีถถถ
มินาโตะก็บอกกับชูว่าดีใจที่ได้ให้ชูในวันที่11พฤษภา
หวังว่ามันจะดีสำหรับชู จากนั้นทั้งสองทีมก็แยกย้ายกันไปเตรียมตัว….ส่วนตูก็วางโนเวลลงอย่างอ่อนโยน อีกแล้วค่ะ แค่หน้าแรกกุก็จะขิตแล้วค่ะ
เค้าให้ของขวัญวันเกิดกันด้วยแม๊~~~ โอยตายแล้วววว
>////< ลงไปดิ้นตั้งแต่ประตูบ้านยันประตูห้องน้ำแล้วตูอ่ะ
-
ต่อไปก็เป็นการแข่งซึ่งเราจะข้ามไป
//อินี่555
แต่คาเซไมก็คือเข้าไปรอในรอบชิงแล้ว แต่ทีนี้!
คิริซากิดันไปแพ้ในรอบสี่ทีมสุดท้ายค่ะ แล้วที่แพ้ก็คืออย่างโหดอ่ะสายนี้
คิริซากิยิงได้19ดอก ส่วนทีมคู่แข่งล่อไป20ดอกไม่พลาดซักคนไปเลยจ้า น่ากลัวมาก (ในขณะที่สายของคาเซไมนั้นยิงกัน16-17ดอก555)
-
พอจบการแข่งขัน
รุ่นน้องชื่อคุอองซึ่งเป็นคนที่ยิงพลาดเพียงดอกเดียวนั้นก็ตามมาขอโทษชู ชูก็เฉยๆ
แต่รุ่นน้องก็บอกให้ชูพูดอะไรบ้างถึงจะเป็นการตำหนิก็ตาม
แต่ชูก็ตอบแค่ว่าไม่มีอะไรแล้วเดินจากไป5555 เย็นชามากอ่ะพ่อ
ในขณะที่รุ่นน้องมองตามชูไปก็สังเกตเห็นว่ามีคนมองพวกเขาอยู่ เป็นมินาโตะนั่นเอง
มินาโตะรีบมาหาชูหลังรู้ผลการแข่ง
มินาโตะเข้าไปหารุ่นน้องคนนั้นแล้วก็บอกกับรุ่นน้องว่า ไม่ต้องกังวลไปเพราะชูมักจะไม่แสดงอารมณ์อะไรหลังแข่งอยู่แล้ว
แล้วก็รีบวิ่งตามชูไป
-
แล้วพอมินาโตะเรียกชู
ชูก็หันมายิ้มอ่อนโยนให้เลยจย้าาา มันยังไงคะคุณชายคะะะ
ชูขอโทษมินาโตะที่ไม่สามารถรักษาสัญญาที่ว่าจะไปเจอกันในนัดชิงได้
มินาโตะก็บอกว่าเขาไม่คิดแบบนั้น เพราะยังไงชูก็เป็นเพื่อนยิงธนูคนแรกของเขา
ชูคือนักธนูตัวจริง ชูเรียกชื่อมินาโตะแล้วก็ถามว่า สักวันหนึ่งเรามาร่วมมือกันไหม
น้อนก็ตอบว่าจะตั้งตารอเลย จากนั้นชูก็ยกมือขึ้นมาแตะหน้าผากน้อง
ปลายนิ้วของเขาเย็นเฉียบและสั่นเทา ชูคิดในใจว่าฉันไม่สามารถหนีจากอุณหภูมิที่ยากจะลืมนี้ได้…
ปิดโนเวลลงอย่างอ่อนโยนอีกรอบ
มันละมุนมากอ่ะฉากนี้ยยย
>////< ชูแตะหน้าผากน้อนด้วยมือที่ยังใส่ถุงมืออยู่
อย่างกร๊าวใจอ่ะ แถมน้อนยังมองตาใสกลับมาไม่หลบไม่เลี่ยงเลยด้วย
น้องรีบมาหาชูทันทีที่รู้ว่าแพ้ เหมือนจะรู้ตัวว่าตัวเองคือคนเดียวที่จะปลอบชูได้
เป็นคนเดียวที่ชูแสดงความอ่อนแอความเสียใจออกมาได้
ถึงจะไม่มีคำปลอบโยนใดๆแต่แค่อยู่ตรงนี้ด้วยกันก็พอ
ลึกซึ้งมากอ่ะความสัมพันธ์ของคู่นี้ย >////< นิ้วที่ยื่นไปแตะหน้าผากนั่นก็ทำตูเขินจนตัวบิดมาก
>////< ไหนจะงานสายตาที่เห็นจากภาพประกอบอีก หวานมากกกกก
หวานสุดๆ! แปะรูป
แล้วยังมีอีกนะของเรือนี้ >////< กลิ้งจนที่นอนเปิดเปิงหมดแล้วเนี่ยตู555
ขอบคุณทุกๆการติดตาม
ทุกๆหัวใจ ทุกๆคอมเม้นต์ ทุกๆโดเนทมากๆๆนะคะ ไว้เจอกันตอนหน้าน้า
จะไปทะเลกันแว้ววว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น