Tsurune. One-Shot.Fic [Shuu x Minato] หรือรักเรียกหา : 14 : END

 Tsurune. One-Shot.Fic [Shuu x Minato]   หรือรักเรียกหา : 14 : END


: Tsurune ; kazemai koukou kyudou-bu Short Fanfiction 

: Fujiwara Shuu x Narumiya Minato

: Warmhearted

: NC-17

  

คำเตือน : เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ    

         

 

 

วันเกิดปีที่ 18 ของฟูจิวาระ ชูเพิ่งผ่านไปได้ไม่นาน ร่างสูงสง่าจึงสามารถเข้ามายังสถานที่ที่เด็กไม่อาจเข้าแห่งนี้ได้ 

 

แต๊ง

 

เสียงชามิเซ็งดังก้องอยู่ในห้องรับรองชั้นสูง...มีเพียงแขกระดับวีไอพีเท่านั้นถึงจะจองที่นี่ได้

 

ดวงตาที่ถูกแต่งแต้มจนสวยหวานกรีดมองไปยังเด็กหนุ่มหน้าตาดีมากซึ่งนั่งจิบสาเกอุ่นๆอยู่ที่โต๊ะอาหาร ใบหน้าราวกับรูปสลักแต่ไร้รอยยิ้มนั่นดูไม่เข้ากับสถานบันเทิงแบบนี้เลยสักนิด แถมคนที่พาเด็กหนุ่มมายังไม่ใช่ใคร แต่เป็นเจ้าบ้านฟูจิวาระหรือคุณพ่อของเด็กหนุ่มเอง

 

พรึ่บ!

 

พัดถูกคลี่และสะบัดไปตามเสียงดนตรีที่บรรเลง หญิงสาวที่ได้ชื่อว่าเป็นเกอิโกะอันดับหนึ่งของย่านนี้ลอบมองสถานการณ์ที่ดูแปลกประหลาดตรงหน้า เธอเคยถูกจองตัวให้มารับรองแขกของตระกูลฟูจิวาระก็มากมาย แต่เธอไม่เคยเห็นภาพแบบนี้มาก่อนเลย 

 

ทั้งห้องมีกันอยู่แค่สองคน

 

ไม่มีแขกคนอื่น ไม่มีเสียงหัวเราะครึกครื้น มีเพียงฟูจิวาระคนพ่อกำลังนั่งเผชิญหน้ากับลูกชายโดยมีโต๊ะอาหารชั้นเลิศขวางกั้น ทั้งสองกำลังจิบสาเกเงียบๆโดยไม่ได้พูดอะไรกันมากมาย

 

ดูเหมือนเด็กหนุ่มคนนั้นจะเป็นทายาทสายตรงของตระกูลฟูจิวาระและน่าจะต้องขึ้นเป็นเจ้าบ้านคนต่อไปในไม่ช้า ผู้เป็นพ่อจึงเริ่มฝึกฝนเรื่องต่างๆให้ตั้งแต่ยังเป็นไม้อ่อนดัดง่าย รวมถึงวิธีการรับรองแขกของที่บ้านซึ่งต้องติดต่อด้วยในอนาคต

 

"แกต้องดื่มให้เป็น ไม่ว่าจะเหล้านอกหรือสาเก แกโตพอที่จะต้องเรียนรู้ได้แล้ว"    เสียงเข้มงวดของผู้นำตระกูลฟูจิวาระเอ่ยบอกลูกชาย อันที่จริงแล้วเธอไม่ค่อยได้เจอนายท่านของตระกูลฟูจิวาระนักเพราะไม่บ่อยครั้งที่เขาจะมารับรองแขกด้วยตัวเอง ต้องเป็นแขกระดับผู้บริหารประเทศเท่านั้นถึงจะได้รับเกียรตินี้

 

"ครับ"    เด็กหนุ่มตอบด้วยเสียงราบเรียบจนเธอชักจะสนใจ ปกติเด็กในวัยนี้ก็เริ่มดื่มเหล้าดื่มเบียร์ดื่มของมึนเมากันเองแล้ว แต่เธอก็เพิ่งเคยเห็นนี่แหละที่คนสอนให้คือพ่อ ไม่ใช่เพื่อนๆในก๊วน

 

ร่างในกิโมโนหรูหราร่ายรำไปมาในขณะที่ลอบสังเกตอากัปกิริยาของนายน้อยตระกูลฟูจิวาระไปด้วย

 

ร่างสูงสง่านั่งทับสนอยู่บนเบาะรองนั่ง แผ่นหลังตั้งตรงแต่กลับดูเป็นธรรมชาติราวกับถูกฝึกมาอย่างดี เธอเคยเจอคนของตระกูลฟูจิวาระมานับครั้งไม่ถ้วน ถึงแม้ทุกคนจะสง่างามแตกต่างจากคนทั่วไปอย่างเห็นได้ชัด แต่เธอไม่เคยเจอฟูจิวาระคนไหนดูสูงส่งเท่าเด็กหนุ่มคนนี้เลย

 

หากได้ขึ้นเป็นผู้นำตระกูลฟูจิวาระตั้งแต่ยังหนุ่ม คงจะเป็นที่น่าจับตามองแน่เพราะไม่เคยมีผู้นำตระกูลคนไหนหล่อเหลาและดูดีมีชาติสกุลขนาดนี้มาก่อนเลยจริงๆ

 

เป็นเพราะใบหน้าราวกับภาพวาดนั่นหรือเปล่านะ? หรือเพราะดวงตาสีม่วงที่มีพลังคู่นั้น?

 

หรือเป็นเพราะไหล่กว้างๆกับท่าทางสง่าผ่าเผยนั่นกันแน่?

 

ตระกูลฟูจิวาระยังมีของดีซุกซ่อนเอาไว้อีกขนาดนี้เชียวนะนั่นคือสิ่งที่เธอคิดในขณะที่มองเด็กหนุ่มคนนี้

 

พรึ่บ!

 

พัดในมือถูกสะบัดในขณะที่เธอหมุนตัวกลับมา และนั่นก็เป็นครั้งแรกที่เธอได้สบประสานสายตากับเด็กหนุ่ม

 

จู่ๆสองแก้มของเธอก็ร้อนผ่าว ดวงตาที่ทรงพลังคู่นั้นทำให้เธอถึงกับเสียอาการจนรำผิดไปหนึ่งจังหวะ...

 

มันหาได้ยากมากที่เธอจะทำพลาดแบบนี้เพราะอย่างที่บอกว่าเธอคือเกอิโกะอันดับหนึ่งของที่นี่ เรื่องการรำไมนั้นอยู่ในร่างกายของเธอจนแม้แต่หลับตาเธอก็ยังรำได้...แต่นี่...เธอกลับประหม่าเพราะเผลอไปสบดวงตาสีม่วงคู่นั้นเข้า...

 

เธอค่อยๆช้อนสายตามองเด็กหนุ่มอีกครั้งอย่างเอียงอาย...ทว่า...น่าจะมีแต่เธอที่เขินอายไปเอง...เพราะนายน้อยฟูจิวาระยังคงมองมาที่เธอด้วยสีหน้าเหมือนเดิมเป๊ะ?

 

มองมา...ราวกับกำลังศึกษาตำราไฮกุโบราณเสียมากกว่าที่จะเป็นการมองการรำของเกอิชา

 

เขาไม่ได้รับรู้ถึงเสน่ห์ของหญิงสาวเช่นเธอเลยสักนิด!

 

เด็กหนุ่มไม่ได้เสสายตาหลบเพราะขวยเขินอย่างเด็กหนุ่มม.ปลายทั่วไปที่ได้เจอพี่สาวเกอิโกะแสนสวยอย่างเธอ นายน้อยฟูจิวาระมองมาที่เธอนั้นไม่ผิดแน่แต่สายตาของเด็กหนุ่มมันช่างราบเรียบนิ่งเฉยเหมือนมองสิ่งของหรือคนที่เดินสวนตามท้องถนน ดวงตาสีม่วงคู่นั้นไร้ซึ่งความหวั่นไหว ไม่ได้มีความประทับใจหรือชื่นชมใดๆทั้งสิ้น 

 

มันเป็นสายตาที่นิ่งเฉยเย็นชามาก

 

เป็นสายตาที่ทำเอาเกอิโกะอันดับหนึ่งอย่างเธอถึงกับสูญเสียความมั่นใจไปเลย

 

ใบหน้าขาวถึงกับกระตุกยิ้มเมื่อเด็กหนุ่มละสายตาไปจากเธออย่างไม่ใยดี ก่อนที่จะก้มลงไปมองถ้วยสาเกในมือราวกับมันดูน่าสนใจกว่า

 

แล้วต่อให้เธอพยายามชายตาทอดสะพานแค่ไหน เด็กหนุ่มก็ยังนิ่งเฉย ไม่มีปฏิกิริยาใดๆเลยต่อสเน่ห์แพรวพราวที่เธอหว่านให้ ไม่มีเบิกตาค้าง ไม่มีหน้าแดง ไม่มีเคอะเขิน ไม่มีทำของในมือร่วง ไม่มีลุกลี้ลุกลน ไม่มีอะไรเลย!

 

น่าเจ็บใจจริงๆ...

 

 

แต่เธอก็รู้ว่าผู้ชายที่จะมีสายตาแบบนี้ได้มีอยู่แค่ประเภทเดียว

 

 

เด็กหนุ่มคนนี้น่าจะมีคนรักอยู่แล้ว

 

 

และเขาก็คงจะรักเธอคนนั้นมากจนไม่ว่าความงดงามหรือเสน่ห์เล่ห์ร้ายประเภทไหนก็ไม่อาจสั่นคลอนหัวใจที่มั่นคงนั้นได้ ต้องรักมากจนไม่มีสายตาไว้มองผู้หญิงที่ไหนอีก

 

น่าอิจฉาเธอคนนั้นจริงๆคนที่ได้รับความรักเท่าชีวิตของเด็กหนุ่มผู้เพียบพร้อมคนนี้ไป

 

เธอชักอยากจะเห็นเสียแล้วสิ ว่าจะเป็นเด็กสาวที่น่ารักขนาดไหน?

 

 

 



 

“แครอทนี่...เก็บเอาไว้ทำแกงกะหรี่ดีไหมนะ?”    และนี่ก็คือเด็กสาว(?)ที่เกอิโกะอันดับหนึ่งเฝ้าอิจฉา...

 

นารุมิยะ มินาโตะกำลังยืนลูบคางอย่างใช้ความคิดว่าจะเก็บแครอทอีกครึ่งหัวที่เหลือเอาไว้ทำอะไรดี ดวงตาสีมรกตกลมโตจ้องเจ้าหัวสีส้มที่วางอยู่บนเขียงอย่างไม่ลดละ

 

“มินาโตะ ยังไม่ไปอีกเหรอ? เดี๋ยวก็สายหรอก แครอทน่ะเดี๋ยวค่อยกลับมาคิดก็ได้”    เสียงพ่อตะโกนดังมาจากข้างหลังทำให้ใบหน้ามนจำต้องปล่อยวางเรื่องตรงหน้าไป

 

“ครับ กำลังจะไปแล้ว”    ร่างโปร่งละจากเคาน์เตอร์ครัวก่อนจะเตรียมตัวออกจากบ้าน

 

วันนี้เขามีนัดกับมาสะซังที่ขอให้เขาไปช่วยงานที่ศาลเจ้าเพราะผู้ช่วยเกิดป่วยกะทันหัน

 

ทั้งๆที่คิดว่าก็คงให้ไปช่วยขนของยกของธรรมดาๆไม่น่ามีอะไร...

 

 

แล้วไหงมาสะซังถึงได้จับเขาเปลี่ยนชุดทันทีที่ไปถึงเนี่ย?!

 

 

แถมคราวนี้มันก็ไม่ใช่ชุดที่ใช้ในพิธียิงธนูเสียด้วย

 

ไม่ใช่กิโมโนสีดำ ไม่ใช่ฮากามะสีดำ...

 

 

แต่เป็นกิโมโนสีขาว กับฮากามะสีฟ้า!

 

 

ทำไมถึงจับเขาแต่งชุดนักบวชผู้ดูแลศาลเจ้าล่ะ?!

 

นารุมิยะ มินาโตะยืนกางแขนให้อีกฝ่ายผูกโอบิให้ไปก็งงไป

 

“คุณนักบวชครับ...ผมขอคำอธิบายได้ไหมครับ...ว่าทำไมผมถึงต้องใส่ชุดนี้ด้วย...?”   ดวงตาสีมรกตหรี่ลงในขณะที่เหล่มองไปยังมาสะซังอย่างต้องการคำอธิบาย

 

“โอ้ ฉันยังไม่ได้บอกมินาโตะคุงสินะ ว่างานที่จะให้มาช่วยคือหน้าที่ผู้ช่วยนักบวชในการประกอบพิธีกรรมน่ะ”   มาสะซังตอบด้วยสีหน้าไม่รู้ไม่ชี้ก่อนจะหันไปหยิบฮากามะสีฟ้ามาให้เขาสวม

 

“ถ้าบอกก่อนผมคงไม่มาหรอกครับ มาสะซัง...”   ดวงตาสีมรกตมองคนตรงหน้าอย่างคาดโทษ

 

“นั่นสิ ฉันถึงไม่บอกนายก่อนไง ฮ่าๆๆ”   เนี่ย เพราะเป็นแบบนี้ถึงเข้ากับเซยะไม่ได้สักที

 

“....ทำไมเป็นคนแบบนี้เนี่ย...”   เขาถอนหายใจอย่างยอมแพ้

 

“เอาเถอะน่า แค่ช่วยถือของที่ใช้ในการประกอบพิธีกรรมเดินตามฉันมาเอง ไม่ใช่เรื่องยากหรอก...หรือถ้านายไม่พอใจ จะเปลี่ยนเป็นฮากามะสีแดงของมิโกะไหม? ฉันอนุโลมให้เป็นกรณีพิเศษเลยก็ได้นะ”   มาสะซังเงยหน้าจากเอวเขาขึ้นมามองด้วยดวงตาเป็นประกาย

 

“..........หน้าตาดูเจ้าเล่ห์มากเลยครับ”

 

“น่าจะเหมาะแหะ”

 

“เลิกคิดไปเลยครับ”   เขาขมวดคิ้วใส่คนที่กำลังหัวเราะร่วน

 

“แล้วนี่...กำลังจะทำพิธีกรรมอะไรเหรอครับ? ปกติมาสะซังก็ทำคนเดียวได้ไม่ใช่เหรอ?”   เสียงใสเอ่ยถามในขณะที่ปล่อยให้มาสะซังผูกเชือกคาดเอวของฮากามะให้

 

“พิธีขอพรประจำปีน่ะ เป็นพิธีกรรมที่มีขั้นตอนเยอะ เลยจำเป็นต้องมีผู้ช่วย แต่คนที่มาช่วยเป็นประจำดันเป็นไข้หวัดใหญ่น่ะ”

 

“พิธีขอพรประจำปี?”

 

“ใช่ หลังจากช่วงปีใหม่ของทุกๆปีที่ศาลเจ้ายาตะจะประกอบพิธีกรรมนี้เพื่อขอพรต่อเทพเจ้าให้ช่วยคุ้มครองผู้คนในเมืองให้อยู่เย็นเป็นสุขในปีนั้นๆ นอกจากขั้นตอนในพิธีกรรมจะเยอะแล้ว แขกที่จะมาร่วมงานก็จะเป็นพวกคนสำคัญๆของเมืองเราอย่างนายกเทศมนตรี ประธานมูลนิธิต่างๆ รวมไปถึงบรรดาตระกูลผู้อุปถัมภ์ของศาลเจ้าอย่างตระกูลฟูจิวาระด้วย”

 

"เอ๊ะ? ตระกูลฟูจิวาระก็มาด้วยเหรอครับ?"   เขาถึงกับผงะไป

 

"ใช่แล้ว นั่นน่ะเป็นหนึ่งในผู้อุปถัมภ์รายใหญ่ของศาลเจ้าเลยนะ ถึงที่จริงแล้วคนพวกนั้นจะอุปถัมภ์มันทุกวัดทุกศาลเจ้าในเมืองนี้ก็เถอะ ไม่น่าแปลกใจหรอกว่าทำไมพวกฟูจิวาระถึงได้ร่ำรวยขนาดนี้"    เรื่องรวยไม่รวยอะไรนั่นเขาไม่ได้สนใจหรอก ตอนนี้เขาอยากรู้แค่ว่า

 

"ชูจะมาด้วยรึเปล่านะ?"   เสียงใสพูดพึมพำ เขาไม่ได้บอกชูไว้เสียด้วยว่าจะมาช่วยงานมาสะซัง ถ้าชูเห็นเขาในชุดนักบวชของศาลเจ้าแบบนี้จะมองว่ายังไงนะมันน่าอายรึเปล่านะ

 

"หื๋อ? ชู? โอจิของคิริซากิน่ะเหรอ? อ้อ เด็กคนนั้นก็นามสกุลฟูจิวาระนี่นะ”   มาสะซังทำหน้านึกขึ้นได้

 

“วางใจเถอะ ส่วนใหญ่แล้วคนที่มารับกระดาษขอพรจะเป็นเจ้าบ้านกับพวกผู้ใหญ่ในบ้านน่ะ ฉันไม่เคยเห็นเด็กคนนั้นมาเลยนะแต่อะไรมันก็เกิดขึ้นได้ไม่ใช่เหรอ หมู่นี้ยิ่งรู้สึกว่าพ่อของชูกำลังพยายามสอนให้ชูเรียนรู้งานของที่บ้านอยู่ด้วย

 

"...ชูก็กำลังจะเป็นเจ้าบ้านคนต่อไปนะ?…"   เขาพูดกับตัวเอง มาสะซังจึงไม่ได้ยิน

 

"โอ้ ดูดีมากเลยแหะมินาโตะคุง"   มือใหญ่ตบปุๆมาที่สะโพกของเขาเมื่อแต่งตัวให้จนเสร็จ

 

"อย่ามาล้อผมน่า"   ใบหน้ามนก้มลงไปมองตัวเองอย่างอายๆ ใส่ชุดแบบนี้แล้วมันแปลกๆแหะ ถึงจะเป็นฮากามะเหมือนชุดที่ใส่ตอนยิงธนู แต่ความรู้สึกกลับต่างกันลิบลับเลย

 

เพราะยังไงเสียชุดที่ใส่ยิงธนูมันก็คือชุดที่ใส่ในการต่อสู้

 

แต่ชุดนี้มัน...

 

มันดูศักดิ์สิทธิ์และบริสุทธิ์แปลกๆ...

 

"ฉันพูดจริงๆ นายเรียนจบแล้วมาทำงานที่ศาลเจ้าของฉันสิ มีโรงฝึกให้ยิงธนูฟรีด้วยนะ"

 

"มาสะซัง…."    อย่ามาล่อลวงกันแบบนี้สิ

 

 



 

 

ร่างสูงสง่าของนายน้อยแห่งตระกูลฟูจิวาระก้าวขาออกมาจากบ้านด้วยชุดฮากามะสีดำแบบพิธีการเต็มยศ บนเสื้อคลุมฮาโอริที่ไหล่ทั้งสองข้าง หน้าอก และกลางแผ่นหลังปักตราประจำตระกูลฟูจิวาระทำให้ชุดนี้ยิ่งดูพิเศษและชั้นสูงขึ้นไปอีก

 

เส้นผมสีน้ำตาลหยักศกถูกเซตจนดูภูมิฐานยิ่งส่งให้ใบหน้าที่หล่อเหลาอยู่แล้วดูหล่อเหลากว่าเดิมขึ้นไปอีกเป็นเท่าตัว

 

ใบหน้าเฉยชาหันไปมองผู้เป็นพ่อซึ่งเดินตามออกมา เจ้าบ้านฟูจิวาระก็อยู่ในชุดฮากามะดำแบบพิธีการเหมือนเขา

 

จะต่างกันก็ตรงที่คุณพ่อมีคุณแม่เดินมาจับคอเสื้อที่ไม่เรียบร้อยให้ เป็นการกระทำที่อ่อนโยนและเต็มไปด้วยความรักความเอาใจใส่จนเขาอดที่จะนึกถึงมินาโตะไม่ได้เลย

 

มินาโตะ...กำลังทำอะไรอยู่นะ?

 

 

สองพ่อลูกฟูจิวาระก้าวขาขึ้นรถ เป็นอีกครั้งในรอบสัปดาห์ที่พวกเขาเดินทางไปยังที่ต่างๆตามลำพังพ่อลูก

 

เสียงทุ้มจึงเอ่ยถามถึงเรื่องที่สงสัยเมื่อรถเริ่มแล่นออกจากบ้าน

 

"ผมถามได้ไหมครับ ที่คุณพ่อแต่งงานกับคุณแม่ ไม่ใช่การแต่งงานทางการเมืองใช่ไหมครับ?"

 

“ไม่ใช่ ถึงปู่ของแกจะขอหมั้นหมายไปแทบจะทันทีที่รู้ว่าเราสองคนชอบพอกันก็เถอะ แต่มันไม่ใช่การแต่งงานทางการเมือง”    เขาเหลือบมองเสี้ยวใบหน้าของพ่อที่ดูจะมีรอยยิ้มอยู่น้อยๆราวกับกำลังนึกถึงความหลังในช่วงเวลานั้น

 

“ทั้งสองท่านรักกันสินะครับ”   พ่อถึงได้ไม่คัดค้านจนหัวชนฝาเมื่อรู้เรื่องของเขากับมินาโตะ

 

“.....”   พ่อไม่ได้ตอบอะไรเพียงแค่อมยิ้มบางๆในขณะที่เหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง แผ่นหลังกว้างเอนพิงเบาะสบายๆก่อนจะเอ่ยออกมา

 

"ตระกูลฟูจิวาระน่ะ ไม่จำเป็นต้องแต่งงานทางการเมืองหรอกนะ ชู"

 

"เราไม่จำเป็นต้องพึ่งพาอำนาจหรือการเงินของใคร เพราะฉะนั้น แกเองก็แต่งงานกับคนที่แกรักเถอะ"

 

"ครับ"

 

 

 


 

 

ศาลเจ้ายาตะในวันนี้ดูแตกต่างจากวันที่เขามากับเพื่อนๆในชมรมยิงธนูคิริซากิมาก ร่างสูงสง่าก้าวขาเข้าไปในห้องรับรองซึ่งดูเป็นทางการและเคร่งขรึม คนจำนวนน้อยนิดในที่แห่งนี้ล้วนเป็นคนสำคัญของเมืองทั้งนั้น หากไม่ใช่นักการเมือง นักปกครอง ก็จะเป็นคนของตระกูลชื่อดังที่มีลูกหลานเรียนอยู่ในคิริซากิเหมือนกับเขา และทุกคนถ้าไม่ใส่สูทสีดำเรียบร้อยก็จะสวมฮากามะพิธีการแบบเขาทั้งสิ้น

 

เขารับรู้ผ่านบรรยากาศได้ทันทีว่านี่คือพิธีการที่สำคัญและจริงจัง

 

พ่อพาเขาไปแนะนำตัวกับแขกผู้ใหญ่ซึ่งก็รู้จักหน้าค่าตากันมาอยู่แล้ว เพราะคงหายากเต็มทีที่ใครในเมืองนี้จะไม่รู้จักฟูจิวาระ ชู ทายาทผู้เพียบพร้อมของตระกูลฟูจิวาระ

 

เขากลับมานั่งลงบนเก้าอี้หลังจากพิธีกรรมใกล้จะเริ่มต้นขึ้น

 

คนที่เดินนำออกมานั้นเขารู้จักดี ทาคิกาวะ มาซากิซัง โค้ชของชมรมยิงธนูโรงเรียนคาเซไมและก็เป็นนักบวชชินโตเจ้าของศาลเจ้าแห่งนี้ด้วย

 

ทว่า...

 

คนที่ถือถาดเครื่องสักการะซึ่งเดินตามหลังมานั่นต่างหาก...ที่เขารู้จักดียิ่งกว่า...

 

มินาโตะ?

 

ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ? แถมยังเป็น....

 

 

มินาโตะ....ในชุดนักบวชของศาลเจ้า?

 

มินาโตะ....ในกิโมโนสีขาวกับฮากามะสีฟ้า...

 

มินาโตะ....กับชุดที่แสนบริสุทธิ์....

 

 

อึก...

 

 

ดวงตาสีม่วงเบิกตาค้าง ลำคอกลืนน้ำลายอึกใหญ่จนพ่อต้องหันมาสะกิดให้เขามีสมาธิกับพิธีการตรงหน้า

 

 

อ่า...แต่ได้เห็นมินาโตะในชุดแบบนี้แล้วเขาจะมีสติตั้งสมาธิอยู่ได้ยังไง ให้ตายเถอะ...

 

 

มินาโตะเองก็ผงะไปเช่นกันเมื่อเหลือบมองมาแล้วสบตากับเขา ร่างโปร่งบางถึงกับชะงักค้างไปหลายวินาทีเลยกว่าจะตั้งสติแล้วเดินต่อไปได้

 

บนแก้มใสก็ขึ้นสีแดงระเรื่อจนเขาเผลออมยิ้มตาม

 

มินาโตะเลิ่กลั่กอยู่หลายจังหวะแต่ในสายตาของเขามันเป็นอะไรที่น่ารักมาก

 

มินาโตะน่ารักมากจริงๆ

 

และก็ดูเหมือนแขกเหรื่อในห้องก็ให้ความสนใจกับนักบวชผู้ช่วยหนุ่มน้อยที่ถึงจะดูเรียบร้อยแต่ก็ยังทำอะไรงกๆเงิ่นๆน่าเอ็นดูในสายตาผู้หลักผู้ใหญ่ คงจะเป็นเพราะมินาโตะดูเด็กกว่านักบวชผู้ดูแลศาลเจ้าทั่วๆไปมาก อีกอย่างร่างเล็กๆบางๆของมินาโตะเวลาใส่ชุดแบบนี้นอกจากจะดูดีแล้วมันยังมีความน่ารักมากอย่างบอกไม่ถูก

 

สายตาหลายๆคู่จึงจับจ้องไปที่มินาโตะซึ่งดูจะแปลกใหม่สำหรับที่แห่งนี้ ร่างบอบบางในชุดที่แสนศักดิ์สิทธิ์จึงกลายเป็นจุดสนใจไปโดยปริยาย

 

ขนาดพ่อของเขาเองก็ยังต้องยอมรับ

 

 

 

พิธีกรรมตรงหน้ายังคงดำเนินต่อไป แต่มันเป็นยังไงบ้างนั้นมันแทบจะไม่เข้าหัวเขาเลย...

 

เพราะตลอดทั้งพิธีการ สายตาของเขาเอาแต่จับจ้องไปที่คุณผู้ช่วยนักบวชซึ่งดูน่ากินไปหมดทั้งตัวนั่นมากกว่า

 

ในขณะที่สายตาคู่อื่นๆต่างมองมินาโตะด้วยความเอ็นดู แต่ในสายตาของเขามันกลับไม่ใช่แบบนั้นเสียทีเดียว

 

เขามองไหล่เล็กๆในกิโมโนสีขาวที่แสนบริสุทธิ์  มองเอวบางๆในฮากามะสีฟ้าที่น่าทำให้แปดเปื้อน  มองรอยแหวกที่ต้นขาที่พาให้จิตสำนึกจางหาย  มองแขนผอมบางที่ยกนู่นยกนี่ชวนให้อยากทำบาปมากกว่าจะอยากทำบุญ...

 

“ชู...”    พ่อถึงกับต้องเรียกเมื่อเขาเอาแต่จ้องเขม็งไปที่มินาโตะ พ่อก็คงรู้ตั้งแต่วินาทีที่เห็นมินาโตะเดินเข้ามาแล้วว่าเขาจะเก็บอาการไม่อยู่ ทั้งสีหน้าและแววตาของนายน้อยฟูจิวาระในเวลานี้จึงเป็นสิ่งที่หาดูได้ยากเต็มที

 

เพราะมันเต็มไปด้วยความอ่อนโยนแต่ลึกลงไปก็เต็มไปด้วยไฟปรารถนาที่คุกรุ่น

 

พ่อถึงกับส่ายหน้าเบาๆก่อนจะเลิกสนใจเขา

 

 

ก็สำหรับเขาแล้ว...

 

นี่แหละ สิ่งที่สวยงามที่สุดในโลก

 

มินาโตะในชุดแบบญี่ปุ่นโบราณก็คือสิ่งที่งดงามและเย้ายวนที่สุดในโลก

 

 

 


 

คุณชายน้อยของตระกูลฟูจิวาระเดินเลี้ยวไปห้องด้านหลังของศาลเจ้าแทนที่จะไปห้องน้ำอย่างที่ขอตัวออกมา งานพิธีการนั้นเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้วตอนนี้แขกเหรื่อในห้องจึงเพียงแค่จับกลุ่มพูดคุยกันเท่านั้น

 

ดวงตาสีม่วงกวาดมองหาแผ่นหลังที่คุ้นตา แล้วเขาก็เจอมินาโตะในที่สุด

 

มินาโตะกำลังเขย่งสุดปลายเท้าเพื่อเก็บแจกันทองเหลืองไว้ที่ชั้นเหนือหัว เอวบางๆที่ถูกขอบฮากามะพันไว้อย่างเป็นระเบียบนั่นมันน่ากอดจนเขาทนต่อไปไม่ไหวแล้วจริงๆ ร่างสูงใหญ่จึงตรงดิ่งเข้าไปรวบมันไว้อย่างไม่ให้สุ้มให้เสียง

 

“อ๊ะ?!   มินาโตะสะดุ้งโหยงเมื่อจู่ๆก็ถูกกอดเอวจากทางด้านหลัง และเมื่อเขาดึงร่างบางเข้ามาไว้ในอ้อมแขนทั้งหมด มินาโตะก็หัวเราะออกมาเบาๆ

 

“ชู...ตกใจหมด”   กลิ่นกายที่คุ้นเคยทำให้ร่างที่แข็งเกร็งของมินาโตะผ่อนคลายลง

 

“ฉันก็ตกใจเหมือนกันที่เจอมินาโตะที่นี่”   ใบหน้าหล่อเหลาก้มลงไปคลอเคลียใบหน้ามนของคนที่อยู่ในอ้อมแขน

 

“ก็มาสะซังเพิ่งขอให้ฉันมาช่วยเมื่อเช้านี้ ฉันเลยไม่มีเวลาได้บอกใคร แถมไม่รู้มาก่อนด้วยว่าจะต้องมาเป็นผู้ช่วยนักบวช นึกว่าแค่มาช่วยยกของเฉยๆน่ะ ถ้ารู้ว่าจะต้องมาใส่ชุดแบบนี้ต่อหน้าแขกผู้ใหญ่แบบนั้น ฉันจะไม่มาเด็ดขาด น่าอายชะมัด”   มินาโตะบ่นทำให้เขาหัวเราะออกมาเบาๆ

 

“แต่พ่อฉันเอ็นดูมินาโตะนะ”    สายตาที่พ่อมองมินาโตะอ่อนลงกว่าตอนที่เจอกันครั้งแรกๆมาก

 

“เอ๊ะ? จริงน่ะ?”

 

“อื้ม เพราะมินาโตะเป็นคนเดียวที่เอาชนะลูกชายที่แสนภาคภูมิใจของพ่อได้ มินาโตะเหมาะสมกับฉันในแบบของนาย เข้าใจไหม? นายไม่จำเป็นต้องปรุงแต่งอะไรเลย”

 

“ไม่เห็นจะเข้าใจเลย?”    เขาหัวเราะในลำคอเบาๆเมื่อเห็นหน้ายู่ของมินาโตะ

 

“แต่ได้เจอกันโดยไม่ได้ตั้งตัวในสถานการณ์แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน”    เขาเอ่ยบอกคนในอ้อมกอด ความรู้สึกตอนที่เห็นมินาโตะในแว่บแรกยังฝังแน่นในใจอยู่เลย... มันเป็นความตื่นตะลึง...เหมือนเจ้าบ่าวที่ได้เห็นเจ้าสาวของตัวเองเป็นครั้งแรก...อะไรแบบนั้นหรือเปล่านะ

 

“อื้ม ฉันก็เหมือนกัน ชูในชุดฮากามะแบบพิธีการดูดีมากเลยละ ฉันตกใจจนก้าวขาพลาดเลยนายเห็นรึเปล่า?”   มินาโตะหัวเราะเบาๆเมื่อเขากระชับอ้อมแขนพลางแนบหน้าลงไปนัวเนียแก้มใส

 

“มินาโตะ”

 

“หื้ม?”

"มีอะไรต้องทำอีกรึเปล่า?"    เขาหยุดคลอเคลียก่อนจะหันหน้าไปถามคนที่ยังอยู่ในอ้อมแขน

 

"ไม่มีแล้วละ ฉันกำลังจะไปเปลี่ยนชุด"   มินาโตะหันหน้ามาตอบทำให้ปลายจมูกแทบจะชนกัน

 

"ถ้างั้น…"   เขาไม่รออธิบายแต่สองแขนแข็งแรงกลับอุ้มมินาโตะในท่าอุ้มเจ้าสาวขึ้นมาทันที

 

"เอ๊ะ? ทำอะไรน่ะชู?"   มินาโตะทำหน้าเลิ่กลั่ก

 

"ขอลักพาตัวผู้ดูแลศาลเจ้ายาตะไปเลยแล้วกันนะครับ"   เสียงทุ้มพูดพร้อมกับอมยิ้ม ไม่ว่าเปล่าสองเท้ายังก้าวเดินออกไปทันที

 

"เอ๊ะ?"   มินาโตะได้แต่หันไปหันมาอย่างมึนงง ส่วนเขาก็อุ้มร่างเบาหวิวนั่นไปที่รถ

 

ตุ้บ

 

คุณนักบวชหนุ่มน้อยที่ถูกลักพาตัวมาถูกวางลงบนเบาะหลังรถโรลส์รอยด์สีดำคันใหญ่

 

"นายน้อยชู?"    คนขับรถหันมามองเขาด้วยความสงสัย แต่เขากลับก้าวขาเข้าไปนั่งข้างๆมินาโตะแล้วปิดประตูรถ

 

"เอ่อแล้วคุณผู้ชายล่ะครับ?"

 

"คุณพ่อน่าจะคุยกับนายกเทศมนตรีของเมืองอีกสักพัก พาผมไปส่งที่บ้านฟูจิสึกิที"    เสียงทุ้มเอ่ยสั่งในขณะที่คนข้างๆยังทำหน้าเหวอ

 

"ครับ"   แล้วรถสีดำคันใหญ่ก็แล่นออกจากศาลเจ้าไป ส่วนนารุมิยะ มินาโตะก็ได้แต่นั่งอ้าปากค้างอย่างไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร

 

“นายจะพาฉันไปไหนเนี่ย ชู~~

 

 


 

 

นอกจากบ้านใหญ่ที่อยู่ใจกลางเมืองแล้ว ตระกูลฟูจิวาระยังมีบ้านพักอีกหลายหลังที่กระจายอยู่ในสถานที่ต่างๆ บางหลังก็เอาไว้ชงชาโดยเฉพาะ บางหลังก็เอาไว้เรียนเขียนพู่กัน บางหลังก็เอาไว้หลีกหนีความวุ่นวาย บางหลังก็เอาไว้พักในหน้าร้อน และบางหลังก็เอาไว้ชื่นชมในฤดูหนาว...

 

เช่นบ้านหลังนี้

 

รถคันใหญ่แล่นผ่านถนนที่เงียบสงบและไกลออกมาจากตัวเมืองพอสมควร มันแล่นผ่านป่าแล้วตรงเข้าไปในภูเขา ไม่นานมันก็มาจอดอยู่ที่หน้าบ้านแบบญี่ปุ่นหลังหนึ่งซึ่งตั้งอยู่กลางป่า

 

ถึงแม้ว่าใบไม้จะร่วงหล่นไปหมดแล้วและต้นไม้ก็เหลือแต่กิ่งก้านที่แตกแขนง ทว่าร่องรอยของความงดงามนั้นก็ยังหลงเหลืออยู่อย่างเต็มเปี่ยม

 

ใบหน้ามนทอดสายตามองภาพด้านนอกหน้าต่างรถอย่างทึ่งๆ

 

“คืนนี้ผมจะนอนที่นี่ ฝากบอกคุณพ่อด้วยก็แล้วกัน”    ร่างในชุดฮากามะสีดำเอ่ยบอกคนขับรถ

 

“ครับ”

 

“ลงกันเถอะมินาโตะ”   ร่างโปร่งบางเขยิบตามร่างสูงสง่าออกไป แต่เขาก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเขาถูกอุ้มมาทั้งเท้าเปล่าๆ ที่สวมอยู่มีแค่ถุงเท้าแบบญี่ปุ่นเท่านั้น

 

“คือว่า....”    ใบหน้ามนอึกๆอักๆเมื่อมองไปยังพื้นโรยกรวดด้านล่าง แล้วชูก็เหมือนจะนึกออก

 

“อ้อ ฉันอุ้มนายขึ้นรถมานี่เนอะ”    เพราะงั้นก็เลยต้องอุ้มลงด้วย ท่อนแขนแข็งแรงช้อนตัวเขาขึ้นอย่างไม่รีรอ คนขับรถมองพวกเขาด้วยใบหน้าเขินๆจนเขาต้องเสสายตาหลบ ชูนี่ก็ไม่เคยอายอะไรเลยจริงๆ

 

สองแขนยกขึ้นคล้องลำคอแกร่งเอาไว้ แต่แทนที่ชูจะวางเขาลงเมื่อถึงทางเข้าบ้าน ร่างสูงใหญ่กลับอุ้มเขาเดินต่อไปหน้าตาเฉย

 

บ้านหลังนี้ดอกฟูจิสีม่วงจะเบ่งบานในฤดูใบไม้ผลิ ส่วนต้นสึบากิจะออกดอกสีแดงในฤดูหนาว    เสียงทุ้มเล่าให้ฟังในขณะที่ตัวเขายังลอยอยู่ในอากาศ ถึงบ้านหลังนี้จะถูกสร้างมาแบบบ้านญี่ปุ่นโบราณ แต่วัสดุต่างๆก็ยังดูใหม่อยู่มาก น่าจะเพิ่งสร้างได้ไม่เกินสิบปี

 

“ฉันอยากให้มินาโตะได้เห็น...กุหลาบแห่งฤดูหนาวของที่นี่”    เขามองลำคอที่กำลังพูดเรื่องที่ฟังดูโรแมนติกของชูด้วยสายตาเหม่อๆ

 

“มินาโตะ......ถ้ายังทำแบบนี้อยู่นายอาจจะไม่ได้เห็นกุหลาบแห่งฤดูหนาวแต่จะได้เห็นประตูทางเดินทั้งคืนแทนนะ...”    ชูกัดฟันในขณะที่อุ้มเขาเดินผ่านบานประตูที่เรียงรายอยู่สองฝั่งทางเดิน

 

“ฮึๆ...”    เขาละออกมาหัวเราะคิกคักอย่างชอบใจ ก็ลูกกระเดือกของชูมันอยากน่างับเองนี่นา~ ทีชูยังชอบกัดสะโพกแถวๆรอยแผลเป็นของเขาเลย ทำไมเขาจะจูบสัญลักษณ์แห่งความเป็นชายที่ลำคอชูบ้างไม่ได้?

 

ครืด...

 

เขาถูกปล่อยตัวลงบนฟูกขนาดใหญ่ที่ปูไว้กลางห้อง

 

ต้องบอกว่าห้องเสื่อทาทามิที่กว้างมากกว่าสี่สิบเสื่อนี้มีฟูกอยู่เพียงฟูกเดียวเท่านั้น ทั้งห้องไม่มีเฟอร์นิเจอร์อย่างอื่นเลย ถ้าจะบอกว่ามันเป็นห้องนอนก็คงเป็นห้องนอนที่อลังการและชั้นสูงมากจริงๆ

 

แต่เขาจะตกใจตอนนี้ยังเร็วไป พอชูกดรีโมทอะไรบางอย่าง เขาถึงได้รู้ว่าความอลังการที่แท้จริงมันเพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น

 

ประตูบานเลื่อนอัตโนมัติของผนังฝั่งที่ติดกับสวนค่อยๆถูกเลื่อนออกช้าๆ กำแพงต้นสึบากิที่กำลังออกดอกสีแดงสะพรั่งค่อยๆปรากฏแก่สายตาจนเขาต้องตะลึง

 

ความสวยงามของมันราวกับกำลังตรึงให้เขาขยับตัวไม่ได้ ดอกสีแดงนับร้อยนับพันกำลังชูช่อเบ่งบานอยู่บนลำต้นที่เต็มไปด้วยใบสีเขียวสด...มันสวยจนเขาแทบจะหยุดหายใจ

 

นี่สินะ...กุหลาบแห่งฤดูหนาวของชู

 

 

 

ผิดแล้ว...กุหลาบแห่งฤดูหนาวของเขาไม่ใช่ดอกสึบากิพวกนั้น...

 

แต่คือนายต่างหาก มินาโตะ

 

ดวงตาสีม่วงทอดมองร่างกายบอบบางที่นั่งยันแขนอยู่บนฟูกสีขาวอย่างหลงใหล...ห้องที่กว้างใหญ่ยิ่งทำให้มินาโตะดูราวกับดอกไม้เล็กๆที่น่าปกป้อง

 

ทว่า มินาโตะกลับเป็นดอกไม้ที่แข็งแกร่ง เป็นดอกไม้ที่สามารถเบ่งบานอยู่ในหิมะหนาวเหน็บดั่งเช่นหัวใจของเขาได้

 

มินาโตะไม่ได้อ่อนแอเหมือนเด็กผู้หญิง แต่มินาโตะเข้มแข็งเหมือนเด็กผู้ชาย ความบอบบางของมินาโตะที่เป็นแบบนั้นมันทำให้เขาหลงใหล

 

ใบหน้ามนกำลังเหม่อมองกำแพงดอกสึบากิที่สวยสดงดงามราวกับตกอยู่ในภวังค์

 

แต่สำหรับเขาแล้ว ภาพของมินาโตะในตอนนี้กลับงดงามยิ่งกว่าดอกสึบากิพวกนั้น ความบอบบางของมินาโตะทำให้เขาหายใจไม่ทั่วท้อง ชุดอันศักดิ์สิทธิ์ที่มินาโตะสวมใส่อยู่ก็ทำให้เขากดสัญชาติญาณดิบของตัวเองเอาไว้แทบไม่ไหว

 

ตอนนี้รู้สึกราวกับตัวเองเป็นซาตานผู้ชั่วร้ายที่หมายจะทำลายความบริสุทธิ์ของเทพผู้รับใช้พระเจ้ายังไงอย่างงั้น

 

 

ร่างในชุดฮากามะสีดำค่อยๆนั่งคุกเข่าลงไปบนฟูกก่อนจะดึงตัวคนที่ยังมองดอกสึบากิอย่างตะลึงงันมากอด

 

ถึงประตูบานเลื่อนไม้ชั้นนอกจะถูกเปิดออกหมดทั้งผนัง แต่ในห้องนี้ก็ไม่หนาวเพราะยังมีกระจกผืนใหญ่ขวางกั้นอากาศภายนอกเอาไว้อีกชั้นหนึ่ง

 

และมันก็อุ่นมากขึ้นเมื่อมือใหญ่สอดเข้ามาที่เอวแล้วกอดร่างโปร่งบางไว้

 

"มินาโตะ…"

 

"หื๋ม?"    ใบหน้ามนอมยิ้มน้อยๆชนอยู่กับแผ่นอกของเขา

 

"ทำยังไงดี    เขาเกยคางไว้กับหัวสีดำ ในขณะที่สองแขนโอบกอดแผ่นหลังเล็กๆเข้าหาตัว

 

“เรื่องอะไรล่ะ?”     มินาโตะยังยิ้มบางๆ

 

“ฉันมีอารมณ์ทุกครั้งที่เห็นมินาโตะแต่งตัวแบบนี้"    แล้วคำสารภาพที่ดูขัดแย้งกับบรรยากาศโรแมนติกก็ทำให้มือบางถึงกับต้องยันแผ่นอกหนาออกไป

 

"ห๋า?!"

 

"ฉันชอบมากที่มินาโตะแต่งตัวแบบนี้"   แต่ท่อนแขนที่แข็งแรงกว่าก็ทำให้ลำตัวบางถูกดึงกลับเข้ามาในอ้อมอกได้ไม่ยาก

 

มือบางดึงรั้งหลังเสื้อฮาโอริของร่างสูงไว้เพราะรู้ดีว่าต่อให้ผลักอีกฝ่ายออกไปก็ไม่มีประโยชน์

 

ชูคงจะดึงเขาเข้ามากอดอยู่เสมอ ไม่ว่าจะกี่ครั้งก็ตาม

 

ใบหน้ามนจึงเกยคางไว้กับไหล่กว้างแล้วยอมรับอ้อมกอดนั้นแต่โดยดี

 

 

เอาเถอะ...ในฐานะคนที่กำลังคบกัน เห็นเขาแล้วมีอารมณ์ย่อมดีกว่าไม่มีอยู่แล้ว

 

นารุมิยะ มินาโตะคิดง่ายๆแค่นั้น

 

 


 

แต่ถึงจะคิดแบบนั้น

 

 

 

สวบ!

 

"อ๊า~"   

 

ทุกครั้งที่ชูกดสะโพกของเขาลงไปรับความเป็นชายอันใหญ่โตนั่น ในท้องมันก็ยังเสียววูบทุกที ในขณะเดียวกันก็รู้สึกถูกเติมเต็มไปด้วยความสุขสมจนเผลอปล่อยเสียงครางออกไปอย่างไร้สติ

 

"อึกอ้า~ ชู…"

 

สองขาที่กางคร่อมหน้าตักของชูอยู่รับรู้ได้ถึงแรงปะทะระหว่างต้นขานิ่มๆของเขากับโคนขาที่เป็นกล้ามเนื้อแข็งๆของชู ชูไม่ได้ปลดฮากามะออกทั้งหมด บางครั้งที่ถูกฉุดรั้งลงไป ต้นขาเขาก็ยังสัมผัสถูกเนื้อผ้าคุณภาพดีนั่นอยู่บ้าง

 

"อ้า~ ชู~"  

 

ดวงตาที่พร่ามัวเหลือบมองกองผ้าสีฟ้าที่เข่าทั้งสองข้างกางทับอยู่ เขากำลังนึกขอโทษขอโพยมาสะซังอยู่ในใจที่ทำให้ฮากามะอันแสนศักดิ์สิทธิ์ตัวนี้ต้องแปดเปื้อนเสียแล้ว

 

"มินาโตะ"

 

"อะ อ้า~ เบาๆ อึก~"

 

เขาแทบสะดุ้งสุดตัวเมื่อเจ้าแท่งเนื้อร้อนระอุนั่นจู่ๆก็สอดใส่เข้ามาอย่างหนักหน่วง ชูคงต้องการจะบอกเขาว่าห้ามคิดเรื่องอื่น 

 

คิดอะไรอยู่?”

 

ใบหน้าหล่อเหลาเงยมองหน้าเขาก่อนจะยืดกายมาจูบปลายคางเขาเบาๆ

 

"อื้อ~ แค่คิดแฮ่กเรื่องฮากามะแฮ่ก อื้อ~ ของศาลเจ้า แต่มันเปื้อน อ้า~ หมดแล้ว ชู! เอาออกไปหน่อย มันลึกเกินไปแล้ว!"

 

สองมือที่จับยึดไหล่กว้างถึงกับสั่นระริกเมื่อเจ้าคนเอาแต่ใจกดแกนกายเข้ามาจนสุดในรวดเดียว มันเสียวซ่านจนแทบทนไม่ไหวแต่มันก็ลึกเกินไปจนเขากลัว เขาเอ่ยปากขอร้องชูทั้งน้ำตาคลอ ถึงแม้จะเป็นฝ่ายอยู่ข้างบนแต่คนที่ควบคุมทุกอย่างกลับเป็นชู

 

ต้องใส่ให้ลึกๆสิ มินาโตะจะได้ไม่มีเวลาไปคิดเรื่องอื่น จริงไหม? หื๋ม~”

 

อึก~”

 

สองแขนโอบรอบลำคอแกร่งก่อนจะดึงหัวชูมากอดไว้ นิ้วยาวจับยึดสะโพกและบั้นท้ายของเขาจนขึ้นเป็นรอยปื้นสีแดงหลังจากที่กดมันลงไปครั้งแล้วครั้งเล่า 

 

แล้วชอบไหม?”

 

เสียงทุ้มถามอย่างนุ่มนวลแต่มันก็เจ้าเล่ห์น่าดู เขาจึงปิดปากไม่ยอมพูดสิ่งที่ชูอยากจะได้ยินหรอก

 

“.............อ๊ะ!”   

 

และเพราะเขาไม่ยอมตอบ ชูจึงกระทุ้งเข้าใส่จุดไวต่อความรู้สึกของเขาแรงๆ แรงจนแทบจะถึงได้ในครั้งเดียว

 

ชอบ อ้า~ ตอบแล้วไงว่าชอบ!

 

ฮึ

 

ใบหน้าชื้นเหงื่อของชูยกยิ้มอย่างพึงพอใจ ส่วนเขาก็ยังดีที่รั้งสติให้มองอีกฝ่ายอย่างคาดโทษได้ เล่นแบบนี้ใช่ไหม? คิดว่าเขาเอาคืนไม่ได้งั้นสิ!

 

“อึก...มินาโตะ...”

 

ไม่ใช่ว่าจะมีแค่ชูที่คิดจะทำยังไงกับร่างกายของเขาก็ได้ ในเมื่อต่างฝ่ายต่างสอดประสานร่างกายจนแทบจะหลอมรวมกันได้อยู่แบบนี้ เขาเองก็ทำอะไรกับร่างกายของชูได้เหมือนกัน ช่องทางเบื้องล่างจึงบีบรัดแกนกายร้อนราวกับไฟนั่นจนแน่น

 

“มิ...นา...โตะ...แฮ่ก....”

 

ชูมองเขาหน้าแดงก่ำ ส่วนเขาก็ยิ้มอย่างชอบใจบ้าง...ถึงแม้ว่าแก้เผ็ดชูไปแล้วจะเป็นเขาเองนี่แหละ...ที่ต้องยอมรับผลกรรมที่ตัวเองก่อขึ้นก็เถอะนะ

 

“เดี๋ยว? หยุดขยายเดี๋ยวนี่ ชู! อื้อ~~

 

ท่อนแขนบางถึงกับผวากอดลำคอแกร่ง จู่ๆแกนกายที่ใหญ่อยู่แล้วก็ขยายตัวเพิ่มขึ้นอีกจนข้างในมันคับแน่นไปหมด ร่างทั้งร่างถึงกับสั่นสะท้าน หัวสีดำจำต้องซบเพื่อหอบหายใจอยู่กับลาดไหล่กว้าง...

 

นี่มันอะไรกันเนี่ย? ที่ผ่านมายังไม่ได้เอาจริงงั้นเหรอ? แบบนี้เขาจะตายไหม?

 

“แฮ่ก...แฮ่ก...”

 

และชูก็คงรู้ว่าเขาอาจจะรับไม่ไหว ร่างสูงสง่าจึงหยุดอยู่นิ่งๆให้เขาปรับตัวก่อน

 

เขากอดชูนิ่ง สิ่งที่อยู่ภายในยังคงยิ่งใหญ่และเต้นตุบๆจนรู้สึกได้ แต่กระนั้นอุณหภูมิของร่างกายที่เขากอดไว้ก็ทำให้รู้สึกผ่อนคลายขึ้นเรื่อยๆ

 

เหงื่อของชู ผิวของชู กลิ่นของชู ความร้อนจากร่างกายชู...แล้วยัง...เสียงของชู...

 

ฉันก็ชอบมินาโตะมากไม่สิรักฉันรักมินาโตะที่สุด

 

เสียงทุ้มพูดอยู่ใกล้ๆหู เสียงของชูฟังแล้วทำให้เขาปิดตาลง ทำให้เขาหายกลัว

 

อื้อ~”

 

ทำไมฉันถึงรักมินาโตะขนาดนี้กันนะ?”   

 

ชูดันตัวเขาออกมาน้อยๆเพื่อมองหน้า กิจกรรมที่เคยเร่าร้อนถูกหยุดลงชั่วขณะ

 

แต่ก็นะ เซ็กส์ระหว่างเราสองคนไม่ได้เน้นปริมาณแต่เน้นคุณภาพ ไม่จำเป็นต้องใส่เอาๆแล้วเสร็จหลายๆครั้ง...บางคืน...อาจจะเสร็จแค่ครั้งเดียวด้วยซ้ำทั้งๆที่ใช้เวลาอยู่ด้วยกันนานขนาดนี้

 

ก็เพราะว่านายคือฟูจิวาระ ชูยังไงล่ะ

 

เขายิ้มให้ชูทั้งๆที่สองแขนยังกอดคออีกฝ่ายไว้

 

หื๋ม?”

 

ชูก็ยิ้มให้เขา ดวงตาสีม่วงมีแววซุกซนและอยากรู้ว่าเขาจะพูดว่าอะไร

 

ฟูจิวาระ ชูน่ะ ถูกพระเจ้ากำหนดเอาไว้แล้ว ว่าต้องรักนารุมิยะ มินาโตะไปตลอดชีวิต

 

เขาหยอกเย้าทั้งรอยยิ้ม

 

ฮึ ถึงว่าสิ ฟูจิวาระ ชูคนนี้ถึงได้หยุดรักนารุมิยะ มินาโตะไม่ได้เลยสักวินาทีเดียว

 

ชูหัวเราะก่อนจะยื่นหน้ามาจูบปากเขาเบาๆทั้งรอยยิ้มเช่นกัน

 

ถ้าฉันหยุดรักนาย ฉันก็คงจะตาย

 

ดวงตาสีม่วงสบประสานกับดวงตาสีมรกตของเขานิ่งนาน ความรักจากหัวใจแผ่ออกไปจนห้องที่กว้างใหญ่นี้ก็ไม่พอที่จะบรรจุมันได้หมด

 

ริมฝีปากขยับเข้าหากันอีกครั้ง จูบหวานๆสอดประสานกลีบปากและเรียวลิ้นเข้าด้วยกัน

 

ร่างทั้งสองเริ่มกอดรัดนัวเนียกันใหม่

 

กิโมโนสีขาวที่สวมอยู่หลุดรุ่ยและค่อยๆหลุดจากไหล่ลงไปกองที่ข้อพับช้าๆ ค่อยๆไหลลงไปตามแรงกระแทกที่ได้รับจากเบื้องล่าง

 

มินาโตะ..

 

ชูซบหัวสีน้ำตาลไว้ที่ไหล่เปลือยเปล่าของเขาก่อนจะกดจูบมันไปทั่ว สัมผัสจากริมฝีปากร้อนๆนั่นทำให้เขาต้องสะบัดเงยหน้า มันทำให้เคลิบเคลิ้ม คล้อยตาม และหวาบหวาม

 

ชู...”

 

บางครั้งจูบนั้นก็รุนแรงจนเกิดเป็นรอยสีแดงขึ้นบนลาดไหล่และซอกคอเขา

 

บางครั้งริมฝีปากของชูก็ย้ายมาครอบครองยอดอกจนเขาต้องบิดเร่า

 

สองแขนกอดหัวสีน้ำตาลเอาไว้ราวกับจะขาดใจ

 

ถึงความปรารถนาจะทำให้กอดรัดกันอย่างเร่าร้อน

 

ถึงความต้องการจะทำให้สอดใส่กันด้วยความหนักหน่วงและรุนแรง

 

แต่ความรักก็ทำให้ทุกสัมผัสกลับนุ่มนวลและอ่อนโยน

 

 

เป็นเซ็กส์ที่สวยงาม...อยู่ท่ามกลางกุหลาบแห่งฤดูหนาวที่บานสะพรั่ง

 

 

 



 

ฟูกอย่างหนาสำหรับฤดูหนาวยังคงวางอยู่กลางห้อง...

 

ผ้าห่มผืนหนักโอบกอดร่างกึ่งเปลือยทั้งสองเอาไว้ด้วยกัน

 

ความหลุดๆรุ่ยๆของทั้งกิโมโนสีขาวกับสีดำที่ยังติดอยู่บนร่างของทั้งคู่หากบอกว่าไม่ได้ใส่อะไรเลยยังจะดูเข้าใจได้กว่า

 

นารุมิยะ มินาโตะค่อยๆลืมตาขึ้นช้าๆหลังจากที่น่าจะหลับไปพักใหญ่ ไออุ่นและน้ำหนักที่อยู่บนแผ่นหลังทำให้รู้ว่าชูยังคงนอนกอดเขาไว้ไม่ไปไหน ใบหน้ามนจึงหันไปคลอเคลียเส้นผมสีน้ำตาลที่ซบอยู่บนไหล่

 

เขาเคยบอกชูใช่ เขาน่าจะเคยพูดกับชูไว้

 

ว่าการตื่นขึ้นมาตามลำพังหลังจากร่วมรักกันมาทั้งคืนนั้นมันน่ากลัว

 

ตั้งแต่นั้นมาก็ไม่มีครั้งไหนเลยที่ชูจะลุกไปก่อน ต่อให้มีธุระอะไรชูก็จะปลุกเขาให้รับรู้ก่อนไปเสมอ

 

ใบหน้ามนอมยิ้มก่อนจะหันกลับมาซุกลงบนหมอน ถึงจะเป็นเรื่องเล็กๆแบบนี้แต่เขาก็ยังบอกชูไปตามตรง ระหว่างเราสองคนจึงไม่เคยมีความลับและไม่เคยต้องมานั่งเดาใจกันให้ยุ่งยาก ชอบหรือไม่ชอบอะไรก็พูดคุยกันตรงๆ

 

เพราะถึงเราจะคบกันมาตั้งแต่เด็กและดูเหมือนจะยังมีเวลาเรียนรู้กันอีกนานแสนนาน ทว่า อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับแม่เขาก็มักจะคอยย้ำเตือนเขาอยู่เสมอว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้ในชั่วพริบตา

 

เขาจึงสัญญากับตัวเองเอาไว้ว่าจะไม่ยอมเสียเวลาไปกับการไม่ยอมพูดไม่ยอมบอกความรู้สึกกับคนที่เขารักอย่างเด็ดขาด

 

รวมถึงการตัดสินใจเรื่องของชูก็ด้วย

 

เขายอมรับความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อชูด้วยความตรงไปตรงมา 

 

ยอมรับว่ารักชูอย่างไม่ยอมให้เสียเวลาแม้ว่ามันจะไม่ใช่เรื่องง่ายในสายตาของคนอื่นเลยหากมองจากสถานภาพของเราสองคน

 

ดวงตาสีมรกตทอดมองออกไปยังนอกหน้าต่าง ถึงแม้ท้องฟ้าจะเปลี่ยนเป็นสีดำสนิทแต่ดอกสึบากิก็ยังคงเบ่งบานอยู่ที่เดิม

 

ประตูบานเลื่อนไม้ที่ถูกเปิดไว้ทั้งหมดเพื่อให้มองทะลุไปยังสวนได้ทำให้กรอบของห้องราวเป็นกับกรอบของภาพวาด

 

ยิ่งตอนนี้เริ่มมีหิมะโปรยปรายลงมา...

 

จึงเกิดเป็นภาพอันงดงามตระการตาหาดูที่ไหนไม่ได้อีก

 

ต้นสึบากิใบสีเขียวกับดอกสีแดงนับพันของมันกำลังถูกละอองหิมะสีขาวพาดผ่าน...ถึงจะดูพร่ามัวแต่มันก็สวยงามจริงๆ

 

จะว่าไป...นี่มันหิมะแรกของปีหรือเปล่านะ?

 

“ชู...”    ใบหน้ามนเอียงคอเล็กน้อยเพื่อหันไปปลุกคนที่สวมกอดตนอยู่ข้างหลัง

 

“ชู ตื่นเร็ว หิมะแรกของปีกำลังตกละ”    ชูส่งเสียงอืออามาเบาๆก่อนที่หัวซึ่งซบซุกอยู่บนไหล่เขาจะค่อยๆผงกขึ้นมาช้าๆ

 

“อื้อ...มินาโตะ...”    ชูยังคงงัวเงียอยู่สักพักแต่อ้อมแขนที่กอดกระชับตัวเขาเข้าไปหานี่ราวกับเป็นปฏิกิริยาอัตโนมัติเสียมากกว่า

 

“ดูสิ หิมะกับดอกสึบากิสวยมากเลย”    เขานอนมองภาพตรงหน้าอยู่บนฟูกที่แสนอบอุ่น เขารู้ว่าการจะทำให้ดอกสึบากิบานท้าหิมะได้มากมายขนาดนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากด้วยเช่นกันหากเป็นสึบากิของตระกูลฟูจิวาระ

 

“อืม...มินาโตะ...”    ชูเริ่มจะตื่นเต็มตา ใบหน้าหล่อเหลากำลังคลอเคลียลาดไหล่เขาจนคอกิโมโนไหลร่นลงไปจนกลายเป็นไหล่เปลือยเปล่า

 

"เค้าว่ากันว่า ถ้าได้ดูหิมะแรกด้วยกัน...ก็จะได้มีอะไรกันไปตลอดทั้งปี”   เสียงทุ้มแหบพร่าน้อยๆพูดออกมา...เดี๋ยวสิ มันน่าจะเป็นอะไรที่โรแมนติกอย่างได้แต่งงานและอยู่ด้วยกันไปตลอดชีวิตอะไรแบบนี้มากกว่าไม่ใช่หรือไง?

 

"เค้าที่ว่านี่ใครครับ?"    ดวงตาสีมรกตเหล่มองโคอาล่ายักษ์ที่เกาะอยู่ข้างหลัง

 

"ฟูจิวาระ ชูครับ"

 

"ฮึ ฮะฮะฮะ"

 

"มินาโตะ…"

 

"หื๋ม?"

 

"ขอทำอีกรอบได้ไหม?"

 

"ห๋า?!"    ร่างโปร่งดิ้นขลุกขลักหนีแต่อ้อมแขนแข็งแรงก็กอดเขาไว้แน่น

 

"พอฉันนึกถึงภาพที่มินาโตะสวมชุดนักบวชของศาลเจ้า ฉันก็มีอารมณ์ขึ้นมาจุ๊บ"    พอจบประโยค ที่ไหล่ก็รับรู้ได้ถึงริมฝีปากที่จุมพิตลงมา ทั้งรักไคร่ทั้งต้องการจะออดอ้อนเอาใจ

 

"ก็อย่าไปนึกถึงมันสิ!"    แต่เขาก็ยังไม่ยอม 

 

"ภาพที่เซ็กซี่ขนาดนั้นฉันจะลบมันออกจากหัวยังไงล่ะ?"    กลุ่มผมสีน้ำตาลระไปตามหลังคอของเขา จูบแผ่วเบาที่แสนอ่อนโยนนั่นทำให้เคลิบเคลิ้มจนแทบจะคล้อยตามไปหมด

 

"....ฉันละไม่เข้าใจต่อมความเซ็กซี่ของนายเลยจริงๆ ชู"

 

"ได้ไหม มินาโตะ~"

 

"......ถ้าของนายใส่เข้ามาตอนนี้ฉันคงตายแน่…"    

 

"เจ็บเหรอ?"    ชูชะโงกหน้ามามองเขาด้วยสายตาเป็นห่วง

 

"อื้ม มันน่าจะบวมเอวก็ปวดไปหมดแล้วด้วย"    เพราะเพิ่งผ่านการเสียดสีมาอย่างหนักหน่วงและยาวนาน  พอบอกออกไปชูก็เข้าใจและไม่ดึงดันจะทำต่ออีก

 

"ขอโทษนะจุ๊บ"    ชูจูบไหล่เขาเบาๆแทนคำขอโทษและปลอบโยน

 

"....เพราะงั้นเพื่อเป็นการไถ่โทษ พรุ่งนี้นายต้องไปซื้อของกับฉัน"    เขาเปลี่ยนเป็นมานอนคุยกันเฉยๆ มือใหญ่ๆของชูเอื้อมผ่านเอวมาจับมือของเขาไว้ บางครั้งชูก็ดึงมันไปจูบเบาๆ

 

"ได้สิ มินาโตะอยากได้อะไรฉันจะซื้อให้หมดเลย ธนูไม้ไผ่ไหม? หรือว่าลูกธนูหางเหยี่ยวหิมะ? หรือชุดฮากามะของศาลเจ้า?"

 

"พรืด ฮะๆๆ เดี๋ยวเถอะ ฉันจะอยากได้ชุดของศาลเจ้าไปทำไม?"

 

"งั้นจะเอาบ้านหรือรถฉันก็ซื้อให้มินาโตะได้ หรือนายอยากได้ศาลเจ้า?"

 

"ชู…….ฮึ ฮ่าๆๆ นี่อย่าบอกนะว่านายจะซื้อศาลเจ้าให้ฉัน?"

 

"ก็น่าจะทำได้นะ อาจจะยุ่งยากหน่อยแต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีทาง"

 

"คิกคิดอะไรของนายอยู่เนี่ย แล้วก็นะ ฉันไม่เอาหรอกศาลเจ้าน่ะ ขืนใส่ชุดผู้ดูแลศาลเจ้าทุกวัน ฉันไม่โดนนายขังไว้ในห้องทุกคืนเลยเหรอ"

 

"ใช่"

 

"ยังจะมาใช่อีก มีจุดประสงค์แอบแฝงชัดๆ"

 

"ถ้างั้น พรุ่งนี้จะไปซื้ออะไรล่ะ?"

 

 

 

ของที่นารุมิยะ มินาโตะอยากได้นั้นเรียบง่ายกว่าบ้าน รถ และศาลเจ้ามาก

 

 

 

ตัดภาพไปที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตใกล้บ้านที่ตอนนี้กำลังมีสงครามกลางเมืองระหว่างแม่บ้านเกิดขึ้น เหล่าคุณแม่คุณป้าคุณน้าคุณอากำลังรบราฆ่าฟันกันเพื่อแย่งชิงสินค้าลดราคาที่วางอยู่ในตะกร้านั่นมาให้ได้ นี่มันวุ่นวายและโหดร้ายยิ่งกว่าเซกิกาฮาระเสียอีก?

 

ฟูจิวาระ ชูคิดแบบนั้นในขณะที่กำลังยืนหอบถุงใส่ทิชชูเต็มสองแขน ไม่พอ ยังมีถาดใส่ไข่ไก่สดที่วางซ้อนกันจนสูงมิดหัวใบหน้าหล่อเหลาได้แต่ราบเรียบเหมือนทะเลไร้คลื่นในขณะที่ยืนแบกของพวกนั้น...

 

เขาเป็นเจ้าชายของคิริซากิเชียวนะ แถมยังเป็นนายน้อยเพียงหนึ่งเดียวของตระกูลฟูจิวาระด้วย

 

"เอ้า นี่ด้วย”    น้ำตาลทรายอีกสองถุงถูกวางเทินลงมา...แล้วดูมินาโตะทำกับเจ้าชายและนายน้อยอย่างเขาสิ...

 

“ดีจริงๆเลยที่ได้นายมาช่วย ฉันเลยซื้อของลดราคาแบบจำกัดจำนวนชิ้นต่อคนได้สองเท่าเลย แถมนายยังตัวสูงหอบของได้เยอะกว่าฉันด้วย ขอบใจนะชู"    มินาโตะยิ้มร่าท่าทางอารมณ์ดีสุดๆ

 

"อืม"   เอาเถอะ เห็นมินาโตะดีใจเขาก็ดีใจแล้วแหละ ถึงสถานการณ์ในเวลานี้ถ้าโทโจซังมาเห็นเข้าคงได้หัวเราะยันเช้าแน่ๆ

 

"มินาโตะ"   ร่างสูงสง่าหอบของเดินตามร่างโปร่งบางไป

 

"หื๋ม?"

 

"ทำทาโกะยากิให้กินด้วย"

 

"ได้สิ งั้นก็ซื้อปลาหมึกไปด้วยดีกว่า"

 

"อื้อ"

 

 

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

 

Story never End

 

ไปดูมาแล้วค่ะมูฟวี่ทสึรุเนะ ฮือออออ  มันดี~ มันดีมากๆๆๆ กรี๊ดมือหงิกตั้งแต่ฉากแรกยันฉากสุดท้ายเบยจริงๆ >/////< ถึงเรือเมนของเราอย่างชูมินาโตะจะมีไม่มากแต่บอกเลยว่าคุณชายชูหล่อมว๊ากกก หล่อแบบหล่อชิหายอ่ะ ออกมาทีก็คือกรี๊ดทั้งโรง5555 และเราผู้อยู่มันทุกเรือก็คือกรี๊ดดับอ่ะค่ะเพราะอีกสองเรือคือฉากให้หวีดเยอะมว๊ากกกก รายละเอียดที่เพิ่มเข้ามาคือดีมากเลยค่ะ มันทำให้รู้ถึงความรู้สึกของตัวละครอย่างมินาโตะ มาสะซัง เซยะ ได้มากขึ้น ได้รู้ที่มาที่ไปมากขึ้น มินาโตะตอนเด็กๆก็น่ารักมากกก ฉากถอดเสื้อ ฉากในอ่างอาบน้ำก็ทำมัมหมีใจกาป(กาม+บาป)อย่างตูอยู่ไม่ได้แล้วค่ะ555 ภาพ เสียง คือดีไปหมด ชอบมาก ฮืออออ ถึงกับต้องดูมันสองรอบ รอบแรกก็คือไม่มีสติเลยตอนออกจากโรง555 รอบสองถึงค่อยเก็บรายละเอียดได้หน่อย มินาโตะกับมาสะซังนี่คือคู่แท้พรหมลิขิตชัดๆอ่ะ เจอกันมาตั้งแต่เด็กแล้วแต่จำกันไม่ได้5555

 

แล้วก็ทอล์ควันนี้อาจจะยาวนิดนุงนะคะ พอดีเมื่อตอนที่แล้วมีคอมเม้นต์มาว่า รอดูตอนทำทาโกะยากิเลย ไอ้เราก็นึกขึ้นได้ เหมือนเคยกูเกิลทรานสเลสหน้านั้นไว้หน่อยๆ ก็เลยไปหยิบไลท์โนเวลหรือนิยายต้นฉบับเล่ม2มาเปิดดู แล้วก็กูเกิลทรานสเลสมันตั้งแต่ต้นตอนเลย….โอ้โหหหหหหหห นี่ตูเก็บสมบัติชาติไว้เร๊อะเนี่ยยยย เพิ่งรู้ตัวว่าในโนเวลมันสุดมว๊ากกกก แง๊ คือซื้อมาน่าจะตั้งแต่ปี2019ตอนที่ไปเกียวโต(ไปซื้อที่ร้านของเกียวอนิซึ่งตอนนี้นางปิดไปแล้ว//เขย่า) คือกูเกิลทรานสเลสไปก็ ตูอ่านฟิคอยู่รึง๊ายยยย ทำไมมันหวานมากกกก มันฟิลแฟนมากขนาดนี้อ่ะแง๊

 

และต่อไปนี้ก็คือสปอยด์นะคะ ใครอยากรอดูอนิเมะ ไม่อยากโดนสปอยด์ก็ข้ามไปนะคะ เป็นสรุปที่คุณกวางเข้าใจจากการกูเกิลทรานสเลสมาอีกทีนะ5555



-          ชูอยู่กับสมาชิกชมรมยิงธนูคิริซากิ แต่แล้วเขาก็ได้รับข้อความๆหนึ่งทางโทรศัพท์มือถือทำให้เขารีบร้อนออกไปทั้งๆที่ไม่เคยกลับก่อน เพื่อนๆในชมรมก็เข้าใจว่าคงเป็นธุระของทางบ้าน

-          ชูนั่งรถไฟแล้วต่อด้วยรถแท็กซี่ไปยังบ้านที่ร่มรื่นแห่งหนึ่ง แล้วเขาก็เจอมินาโตะยืนอยู่หน้าบ้าน ทั้งสองคนคุยกันว่าได้รับข้อความจากโซตะ (น่าจะบอกประมาณว่าอ.ไซออนจิล้มมั้งนะ ไม่แน่ใจ อิกูเกิลก็แปลให้กุงงละเกิน ^ ^” )

-          ทั้งสองคนก็เข้าไปในบ้านด้วยกัน สรุปว่าอ.ไซออนจิไม่ได้เป็นอะไรแต่โซตะที่เป็นหลานชายของอ.เป็นคนส่งข้อความให้ทั้งสองคนเพราะ ชูนี่จังกับมินาโตะนี่จังเคยสัญญาว่าถ้าขึ้นม.ปลายแล้วจะมาหา แต่ทั้งคู่ก็ไม่เคยมาเลย

-          ทั้งสองคนก็นั่งคุยกับอ.ไปสักพัก (คุยเรื่องมีสาระเราจะไม่แปล5555)

-          ทั้งสองคนก็ออกมาเดินในสวน ชูได้เห็นมินาโตะอยู่ใกล้ๆก็ยิ่งรู้สึกว่าไม่อยากเห็น(น่าจะอารมณ์ทั้งรักทั้งไม่อยากเห็นเพราะนายทิ้งชั้นไป/กาว) ชูคิดในใจว่า ทำไมนายถึงทิ้งคิริซากิไป ทำไมนายถึงทิ้งฉันไป ถ้านายยังอยู่ ฉันคงเอาชนะได้ ถ้ายังได้เฝ้ามองแผ่นหลังของนาย ฉันคงไม่แพ้ (คือเหตุการณ์นี้เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากการแข่งระดับจังหวัดที่คิริซากิแพ้ให้คาเซไม , แล้วปกติตอนน้องอยู่คิริซากิ น้องจะยืนตำแหน่งยิงคนแรก ส่วนชูจะยิงคนสุดท้าย ชูจะได้เห็นแผ่นหลังของมินาโตะตลอด) คืออ่านท่อนนี้จบนี่ลงไปดิ้นสามตลบ นี่มันฟิคมากกก งื้อออ แต่ชูแม่งคิดกับน้อนแบบนี้จริงๆอ่ะแม่จ้า

-          จากนั้นก็ได้ยินเสียงคนวิ่ง เป็นโซตะนั่นเอง น้องวิ่งมาจับมือข้างหนึ่งของชู อีกข้างหนึ่งของมินาโตะแล้วชวนไปเล่นด้วยกัน (ฟิลพ่อแม่ลูกมาก โอ๊ยยยย)

-          ที่ทั้งสามคนเล่นกันก็คือซูโม่555 โซตะเล่นกับชูก่อน แต่ด้วยความที่โซตะเป็นเพียงเด็กประถม ไม่ว่าจะออกแรงเท่าไหร่ก็ดันชูไม่ได้เลย ชูไม่ขยับเลย กลายเป็นน้องที่ถูกผลักออกมาจากวงแทน มินาโตะเห็นชูไม่ยอมอ่อนข้อให้น้องก็เลยเข้าไปแท็คทีมกับโซตะ แต่ไม่ได้สู้หนึ่งต่อหนึ่งนะ เป็นสองรุมหนึ่ง5555 ก็คือมินาโตะจับมือดันกับชูอยู่ข้างบนแล้วน้องดันข้างล่าง ซักพักมินาโตะล้มออกนอกวง ส่วนชูก็เดินตามออกมาด้วยความสมัครใจ >////< โซตะเลยชนะไป 

-          ในระหว่างที่โซตะกำลังประกาศชัยชนะ ชูก็ช่วยจับมินาโตะให้ลุกขึ้น มินาโตะก็ต่อว่าชู นายเล่นสกปรก นายจั๊กจี้เอวฉัน (โว๊ยยยยยยยยย ชูโว๊ยยยยย จี้เอวน้อนอ่ะะะะ มันต้องน่ารักกันเบอร์ไหนเนี่ยยยย)

-          ชูก็บอกว่า ก็พวกนายเล่นสองรุมหนึ่งนี่ มินาโตะก็เถียงกลับ แต่นายสูงกว่าฉันตั้งเยอะนะ (น้อนนนน >/////<) จากนั้นก็เล่นกันต่อจนเย็น

-          ชูกับมินาโตะนั่งรถเมล์กลับบ้าน มินาโตะนั่งริมหน้าต่าง ชูนั่งฝั่งทางเดิน บรรยากาศชวนให้คิดถึงตอนสมัยอยู่ม.ต้นที่นั่งรถเมล์กลับบ้านด้วยกัน(ไม่แน่ใจว่าไปทัศนศึกษาหรือไปแข่งหรืออะไร อิกูเกิลแปลมาจนตูหาข้อสรุปไม่ได้555) ชูค่อยๆหลับตาลง

-          ได้ยินเสียงเรียกเลยเพิ่งรู้ตัวว่ารถเมล์วิ่งมาถึงหน้าสถานีแล้ว ชูพูดประมาณว่าฉันคงหลับไปสินะ มินาโตะก็ตอบว่า หลับไม่หลับไม่รู้แหละแต่นายพิงไหล่ฉันสบายใจเลย (โว้ยยยยยยย อีกรอบ ฮือออออ)

-          ชูก็มองทางเดินที่แยกจากกัน มินาโตะต้องไปขึ้นรถไฟอีกฝั่ง ส่วนเขาไปอีกฝั่ง ก็เหมือนเส้นทางที่พวกเราเลือกเดิน ที่ต้องแยกจากกัน แล้วในขณะที่กำลังจะก้าวขาไป ก็ได้ยินเสียงมินาโตะเรียก

-          ชูหยุดและหันไปมอง มินาโตะก็ชวนชูว่า อยากกินทาโกะยากิไหม? ถ้าไปที่บ้านจะทำให้กิน (คือน้องน่าจะรู้ว่าชูเศร้าๆ อยากจะรั้งไว้แต่ก็นึกอะไรไม่ออก เห็นชูแล้วก็ดันนึกออกแต่ทาโกะยากิ5555 น้อนนน) ระหว่างนั้นก็บ่นๆว่าสงสัยปลาหมึกที่บ้านจะไม่พอ กินข้าวโพดกับชีสดีไหม ชวนเซยะมาด้วยดีไหมแต่แบตมือถือฉันหมด บลาๆ ส่วนชูก็คิดในใจ นี่คู่แข่งของฉันกำลังจับฉันด้วยทาโกะยากิงั้นเหรอ 5555 แต่ก็ตามเค้าไปนะคะ

-          จากนั้นชูก็ถามว่าจะทำกี่ชิ้น มินาโตะก็ตอบว่าจนกว่าชูจะบอกว่าพอ ชูก็ตอบกลับมาว่าเช่นนั้นข้าจะไม่บอกเจ้าจนกว่าชีวิตจะหาไม่”  แกกกกกกก ชูอ่ะแกกกก มีมุมนี้ด๊วยยยยย >/////< จะให้เค้าทำให้กินทั้งชีวิตงี้ จีบเค้าอยู่ก็บอกเค้าไปปป เค้าน่ารักกันมากเลยอ่ะ มีหยอกมีล้อกันตลอดอ่ะ เด่วแปะหน้านี้ให้ดูเลยค่ะ ดูค่ะว่าอิกูเกิลมันแปลมาเมากาวขนาดไหน ตูก็เมาตามมันไปค่ะ5555 >////<



-          วันต่อมาที่ห้องชมรมยิงธนูคาเซไม เซยะคุยกับมินาโตะว่าแปลกใจที่เมื่อวานเห็นมินาโตะกลับบ้านมาพร้อมชู (อุงื้ออออ) แล้วจากนั้นได้คุยอะไรกันอีกไหม เหมือนมินาโตะจะบอกว่าชูบอกว่าปิดเทอมฤดูร้อนเราควรจะฝึกด้วยกัน บลาๆ

-          จากนั้นมินาโตะก็เล่าว่าชูหลับตอนนั่งรถเมล์กลับบ้าน  เซยะเลยบอกว่า ตอนเขานั่งข้างๆฉัน ไม่สิ อาจจะคนอื่นๆด้วย เขาไม่เคยหลับเลยแม้แต่ครั้งเดียว (แม่จ้าาา ชูจะหลับเฉพาะตอนนั่งข้างๆมินาโตะเท่านั้น แม๊~~~~) 

 

ปิดโนเวลลงอย่างอ่อนโยน นี่กุกูเกิลทรานสเลสไปแค่สิบกว่าหน้ากุยังจะขิตแล้ว ถ้าแปลทั้งเล่มบ้านกุคงรับไม่ไหว อยากจะกรี๊ดให้ตายกันไปข้างนึงอ่ะ ฮือออออ เค้าน่ารักกันมาก ชูที่เย็นชาสุดๆคนนั้นแต่กลับมีมุมหยอกล้อ มีมุมแหย่มินาโตะอย่างน่ารักอ่ะ >/////< 

 

ใครมีอะไรก็เสริมได้นะคะ เพราะคุณกวางกูเกิลทรานสเลสเอานะคะ มันอาจจะผิดๆถูกๆบ้าง กาวไปเองบ้าง ตกหล่น(น่าจะเยอะเลยแหละ)บ้าง ก็ตามสภาพกูเกิลทรานสเลส5555 หรือใครมีตอนไหนจะแนะนำอีกก็บอกได้ค่ะ >////< บอกหน้าบอกเล่มมาด้วยนะ5555 โอยยย อยากให้มีคนซื้อ LC มาแปลละเกิน มันสุดมากจริงๆเวอร์ชั่นนิยายเนี่ย

 

แฮ่ก แฮ่ก หวีดให้สมกับที่หายไปอาทิตย์กว่า5555 ขอบคุณทุกๆคอมเม้นต์ ทุกๆการติดตาม ทุกๆหัวใจ ทุกๆโดเนทมากๆๆนะคะ แล้วเจอกันตอนหน้าค่า

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น