Tsurune. One-Shot.Fic [Shuu x Minato] หรือรักเรียกหา : 11 : END

 Tsurune. One-Shot.Fic [Shuu x Minato]   หรือรักเรียกหา : 11 : END

 

: Tsurune ; kazemai koukou kyudou-bu Short Fanfiction 

: Fujiwara Shuu x Narumiya Minato

: Warmhearted

: NC-17

  

คำเตือน : เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ    

       


 

 


[นายกลับบ้านก่อนได้เลยนะชู วันนี้ฉันต้องอยู่ช่วยเพื่อนๆเตรียมงานโรงเรียน]

 

 

นารุมิยะ! ไปกันเถอะ! ”     นิ้วเรียวกดส่งข้อความข้างต้นในจังหวะที่ถูกเพื่อนร่วมชั้นเรียกพอดี

 

กำลังไป”    เสียงราบเรียบเอ่ยบอกเพื่อนก่อนจะยัดโทรศัพท์มือถือลงกระเป๋าอย่างรีบร้อนและไม่ทันได้รอดูว่าฟูจิวาระ ชูจะตอบอะไรกลับมา ร่างโปร่งบางวิ่งตามกลุ่มเพื่อนที่กำลังออกไปช่วยกันขนไม้เพื่อเอากลับมาทำฉากประดับตกแต่งห้อง

 

ใช่แล้ว อาทิตย์หน้าโรงเรียนคาเซไมกำลังจะมีงานเทศกาลประจำปีที่นักเรียนทุกคน ทุกห้อง ทุกชั้นปีต้องร่วมกันจัด และมันก็เหมือนงานโรงเรียนทั่วๆไปนั่นแหละที่แต่ละห้องต้องขายของหรือจัดกิจกรรมบางอย่างขึ้น แน่นอนว่ากิจกรรมยอดฮิตก็คงหนีไม่พ้นการจัดห้องเป็นคาเฟ่ในธีมต่างๆ

 

ห้อง 1-5 ของพวกเขาเองก็เช่นกัน

 

ด้วยความที่เป็นห้องสุดชิวและไร้ความกระตือรือร้นที่สุดในชั้นปี ถึงจะได้ข้อสรุปว่าจะทำคาเฟ่แต่ก็เป็นคาเฟ่ที่ไม่ได้คิดจะไปแข่งกับใครหรือหวังยอดขายถล่มทลาย พวกเขาต้องการแค่จัดๆไปให้มีอะไรบังหน้าเสียหน่อย ด้วยความที่คงจะมีคาเฟ่มากมายแล้วห้องของเขาก็ไม่ได้มีหนุ่มฮ็อตหรือสาวป๊อปประจำโรงเรียน เพราะงั้นคงไม่ได้ขายดิบขายดีเท่าไหร่ คงจะว่างและคงจะปิดร้านได้ไว จะได้เอาเวลาไปเดินเที่ยวงานกับแฟนหรือกับเพื่อนก็ว่ากันไป นั่นแหละคอนเซ็ปต์ของห้องเขา

 

นารุมิยะ มินาโตะยิ้มแห้งทุกครั้งที่นึกถึงสิ่งที่เพื่อนๆในห้องต้องการ ยังดีที่เซยะยังอุตส่าห์พยายามเคี่ยวเข็ญให้อย่างน้อยก็มีธีมเสียหน่อยเมดคาเฟ่จึงเป็นอะไรที่ง่ายที่สุดแล้วสำหรับพวกเขา

 

เอาน่า อย่างน้อยก็ยังมีฉากสวนกุหลาบพอเป็นพิธีอยู่บ้างละนะ มือบางยกแผ่นไม้อัดที่ชมรมละครเวทีบริจาคให้ก่อนจะเดินกลับห้องเรียนอีกครั้ง

 

ถึงจะไม่ได้ออกแบบไว้อลังการเหมือนห้องอื่นแต่ก็ดูไม่ใช่งานที่จะเสร็จง่ายๆเลยแหะ เขาคิดพลางก้าวขาต่อไป

 

 

 

 

 



ปั่ก!

 

เสียงเจาะทะลุเป้าอย่างดุดันและเฉียบคมดังตามเสียงทสึรุเนะที่ก้องกังวานไปทั่วโรงเรียนคิริซากิแผนกม.ปลาย และส่วนใหญ่คนในโรงเรียนก็จะรู้ว่านี่คือเสียงการยิงธนูของฟูจิวาระ ชู

 

เอกลักษณ์อีกอย่างหนึ่งที่ทำให้ใครต่อใครรู้ว่าเป็นการยิงของเจ้าชายแห่งชมรมยิงธนูนั่นก็คือ เสียงที่หนักแน่นและมั่นคงนี้มันดังติดต่อกันมาเป็นครั้งที่20แล้ว

 

ในโรงเรียนนี้ไม่มีใครสามารถยิงต่อเนื่องในเป้าเดียวติดกันถึง20ครั้งทั้งๆที่ยังคงเสียงทสึรุเนะที่หนักหน่วงและไพเราะขนาดนี้ได้อีกแล้ว

 

คันธนูถูกลดลงข้างตัวในท่าผ่อนคลายกระนั้นใบหน้าหล่อเหลาก็ยังคงนิ่งขรึม ดวงตาสีม่วงค่อยๆละจากเป้า รอบกายในยามนี้ช่างเงียบสงบเหลือเกิน

 

ร่างสูงใหญ่เดินออกจากตำแหน่งยิงด้วยท่าทางสง่างามที่ถูกฝึกฝนมาตั้งแต่เด็ก ชายฮากามะสีดำพลิ้วไหวไปตามจังหวะการก้าวเดิน ใครได้เห็นฟูจิวาระ ชูในตอนนี้ก็คงกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่าช่างเป็นผลงานศิลปะชั้นสูงจริงๆ

 

ทว่า ทั่วทั้งโรงฝึกก็ไม่มีใครเหลือให้พูดคำนั้นแล้ว

 

เด็กหนุ่มก้าวลงจากพื้นโรงฝึกก่อนจะสวมรองเท้าแตะแล้วเดินไปยังอาคารที่วางเป้า เขาชินแล้วที่มักจะอยู่เป็นคนสุดท้ายคอยปิดโรงฝึกให้กับทุกคน ร่างสูงนั่งคุกเข่าลงไปก่อนที่มือใหญ่จะถอนลูกธนู20ดอกซึ่งปักอยู่ตรงกลางเป้าออกมา เขามักจะใช้เวลาอยู่ที่นี่จนเย็นย่ำเพื่อรอมินาโตะ เวลาที่เขาไปถึงโรงเรียนคาเซไมมินาโตะก็จะเลิกฝึกพอดี

 

หลังจากเก็บเป้าและปิดประตูกันฝนเรียบร้อย ร่างสูงใหญ่จึงเดินไปยังห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า ชุดฮากามะถูกถอดวางไว้ในล็อคเกอร์ก่อนที่ร่างกายของเขาจะถูกเปลี่ยนเป็นชุดนักเรียน

 

ติ๊ง!

 

นัยน์ตาสีม่วงเหลือบมองข้อความหลังจากมีเสียงเตือนเด้งให้ได้ยิน จากมินาโตะ?

 

หลังจากอ่านข้อความจบใบหน้าหล่อเหลายังคงนิ่งเฉย มือใหญ่หยิบเสื้อสูทสีน้ำตาลของโรงเรียนคิริซากิมาสวมใส่เป็นสิ่งสุดท้าย

 

ร่างสูงสง่าก้าวขาเดินออกจากโรงฝึก แสงอาทิตย์กำลังโพล้เพล้ แต่แทนที่เสียงทุ้มจะเอ่ยสั่งคนขับรถให้ขับกลับบ้าน คำสั่งของเขาก็ยังคงเป็นไปโรงเรียนคาเซไมครับเหมือนเดิม

 

ฟูจิวาระ ชูก็มีความดื้อรั้นในแบบของฟูจิวาระ ชู

 

เรื่องนี้มินาโตะคงรู้ดีที่สุด

 

 

 

 

 

 

 

ไม่นานเมอร์ซิเดสเบนซ์สีบรอนซ์สุดหรูก็มาจอดอยู่ที่หน้าโรงเรียนมัธยมปลายธรรมดาๆแห่งหนึ่ง

 

ขายาวก้าวลงจากรถก่อนจะติดกระดุมเสื้อสูทให้เรียบร้อย ดูภายนอกแล้วฟูจิวาระ ชูดูเป็นคุณชายทุกกระเบียดนิ้ว เขาก้าวขาเข้าไปในโรงเรียนที่วันนี้ดูวุ่นวายกว่าทุกๆวัน เพราะปกติเขาจะมาหามินาโตะในเวลาหลังเลิกชมรมไปแล้วซึ่งก็คือเวลาเย็นมากๆจึงแทบจะไม่มีนักเรียนเหลืออยู่นอกจากพวกชมรมกีฬา

 

ปกติแล้วเขาแทบจะไม่เจอใคร ทว่าวันนี้กลับมีสายตานับร้อยคู่จับจ้องเขาจากทุกทิศทุกทาง

 

แต่กระนั้นคนที่เป็นจุดสนใจตั้งแต่เกิดกลับเดินทอดน่องต่อไปอย่างไม่ใส่ใจ เป้าหมายของเขาอยู่ที่ห้อง 1-5 แค่นั้น

 

 

ใครน่ะ? หล่อมาก!

 

ชุดนักเรียนของคิริซากิไม่ใช่เหรอ?”

 

ไม่ใช่เจ้าชายของคิริซากิหรอกเหรอ? ฉันเคยเห็นรูปในเวปบอร์ดโรงเรียนนั้นบ่อยๆ ชอบมีคนถ่ายมากรี๊ดอยู่ตลอด

 

จริงดิ หล่อม๊าก

 

 

ถึงจะได้ยินคำเหล่านั้นผ่านหูมาตลอดทางแต่ใบหน้าใต้กรอบผมสีน้ำตาลอ่อนก็ยังคงเฉยชา

 

ดวงตาสีม่วงเหลือบมองป้ายเลขห้อง 1-5 ที่แขวนอยู่เหนือหัว นี่เองสินะห้องเรียนของมินาโตะ ถึงจะมายืนรออยู่ที่หน้าโรงเรียนทุกวันแต่เขาก็ไม่เคยขึ้นมาถึงนี่เลย โต๊ะของมินาโตะอยู่ตรงไหนกันนะ อยากเห็นจัง

 

อ๊ะ? มะ มาหาใครเหรอคะ?”    เด็กสาวคนหนึ่งซึ่งกำลังเดินออกจากห้องถึงกับผงะไปเมื่อแทบจะชนกับร่างสูงที่ยืนอยู่หน้าห้อง ใบหน้าหล่อเหลาเพียงแค่ก้มลงมามองก็ทำให้เด็กสาวถึงกับหน้าแดงได้

 

มินาโตะ  ผมมาหานารุมิยะ มินาโตะ”   เสียงทุ้มนุ่มกังวานตอบกลับไป กว่าเด็กสาวจะตั้งสติและหันไปเรียกมินาโตะให้เขาได้ก็ใช้เวลาไปหลายนาที

 

นารุมิยะ! มีคนมาหา!”    ใบหน้ามนที่คุ้นตาหันมามองทางเขาก่อนจะทำหน้าประหลาดใจ

 

ชู?”    มินาโตะลุกขึ้นก่อนจะเดินทำหน้างงมาหา 

 

ทำไมมาอยู่ที่นี่ล่ะ? เอ่อเข้ามาก่อนสิ”    มินาโตะเอ่ยชวนก่อนจะเดินนำเข้าไปในห้องท่ามกลางสายตาอยากรู้อยากเห็นของเพื่อนๆโดยเฉพาะเพื่อนผู้หญิงที่ต่างหันไปซุบซิบกันและลอบมองตามพวกเขาทุกฝีก้าว

 

นายไม่เห็นข้อความของฉันเหรอ?”    มินาโตะหันมาพูดกับเขาโดยไม่ได้สนใจสายตาของใครพอๆกับเขานั่นแหละ

 

ไม่เห็น

 

อย่ามามั่ว มันขึ้นว่าอ่านแล้วชัดๆ”    เขายิ้มออกมาเป็นครั้งแรกในรอบวันเมื่อมินาโตะรู้ทัน

 

“......ฉันอาจจะตายก็ได้ ถ้าไม่ได้เห็นหน้ามินาโตะ”    หัวสีน้ำตาลเอนเข้าหาหัวสีดำอย่างหยอกเย้า แล้วยิ่งเขายิ้มเท่าไหร่เสียงรอบกายก็ดูจะยิ่งอื้ออึงมากขึ้นเท่านั้น

 

เดี๋ยวเถอะ”    มินาโตะหรี่ตามองกลับมา

 

ตรงนี้ โต๊ะของมินาโตะเหรอ?”    ดวงตาสีม่วงเหลือบมองโต๊ะนักเรียนที่มีกระดาษสีแดงกองอยู่เต็มโต๊ะ ประกายอ่อนโยนทอแสงออกมาจากดวงตาที่มักจะเฉยชายามเมื่อทอดมองลงไปบนโต๊ะ เขารักมินาโตะมากจริงๆนั่นแหละ ไม่ว่าชีวิตประจำวันของมินาโตะจะเป็นยังไง จะนั่งตรงไหนในห้อง มองเห็นอะไรบ้าง เขาก็อยากรู้ไปเสียหมด

 

อื้ม นั่งสิ เดี๋ยวฉันหันโต๊ะของเซยะมาก็แล้วกัน ฉันกำลังช่วยเพื่อนๆพับดอกกุหลาบอยู่”     ดอกกุหลาบงั้นเหรอมือใหญ่หยิบดอกไม้กระดาษดอกหนึ่งขึ้นมาหมุนดูในขณะที่มินาโตะกำลังยกโต๊ะตัวหน้าให้หันกลับมา เซยะไม่อยู่งั้นเหรอ?

 

หรือนายจะกลับบ้านก่อนดี? เห็นหน้าฉันแล้วนี่? วันนี้ไม่ตายแล้ว”    มินาโตะหันมาแซวและมันก็ทำให้เขาหลุดหัวเราะออกมา

 

ฮึๆๆ”   มินาโตะก็มีอารมณ์ขันอยู่เหมือนกันนะ และมันก็มักจะทำให้เขาหัวเราะได้เสมอ

 

มินาโตะทำงานไปเถอะ ฉันจะนั่งอยู่นี่”    มือใหญ่เลื่อนเก้าอี้ออกมาก่อนจะนั่งลงไป 

 

พับดอกกกุหลาบไปทำไมเหรอ?”    เสียงราบเรียบเอ่ยถามในขณะที่ยังหมุนดอกกุหลาบในมือเล่น มินาโตะนั่งลงฝั่งตรงข้ามก่อนจะเริ่มลงมือพับกระดาษสีแดงต่อ

 

จะเอาไปติดที่ฉากสวนกุหลาบน่ะ ห้องฉันทำคาเฟ่ธีมร้านน้ำชาสไตล์อังกฤษและชุดเมด

 

หื๋ม~ มินาโตะจะใส่ชุดแบบพ่อบ้านงั้นเหรอ?”

 

อื้ม

 

จะเรียกฉันว่านายท่านด้วยรึเปล่า?”

 

ถ้านายมาฉันก็คงเรียก

 

ถ้างั้นฉันจะมา

 

ฮะฮะ อะไรของนายเนี่ย ชอบอะไรแบบนี้ด้วยเหรอ? ถ้าอยากฟังก็บอกสิ ฉันเรียกนายตอนไหนก็ได้

 

ฉันอัดเสียงเอาไว้แล้วนะมินาโตะ”    ไม่ว่าเปล่า มือใหญ่ยังโชว์โทรศัพท์ที่มีเครื่องหมายกดอัดให้ดูอีก

 

ชู…”

 

มินาโตะส่ายหน้าน้อยๆก่อนจะหันไปพับดอกไม้ต่อ เขาจึงยกมือขึ้นมาเท้าคางมองใบหน้ามนที่กำลังทำงานง่วน การได้มองมินาโตะทำอะไรแบบนี้ก็เพลินดี ปกติเรามักจะเห็นแต่มุมที่ฝึกซ้อมยิงธนูกัน ไม่ก็มินาโตะตอนทำกับข้าว ตอนอยู่บ้านทำงานบ้าน แต่มินาโตะที่กำลังพับดอกกุหลาบสีแดงแบบนี้ก็แปลกใหม่ดี

 

ดวงตาสีม่วงทอดมองใบหน้าอ่อนโยนที่กำลังก้มมองกระดาษในมืออย่างตั้งใจ เขามองมินาโตะด้วยความรักที่เอ่อล้นออกมาอย่างไม่มีปิดบัง และไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหน สายตาของเขาก็ไม่เคยละไปจากใบหน้าของมินาโตะเลยแม้แต่วินาทีเดียว

 

ถ้าจะมานั่งมองกันเฉยๆละก็ ช่วยพับด้วยสิ”    หลังจากถูกเขาจ้องอยู่นาน ถึงจะเป็นมินาโตะก็คงจะเขินกันไปบ้างแหละ ใบหน้ามนจึงกลบเกลื่อนด้วยการยัดกระดาษสีแดงใส่มือเขา

 

พับตามฉัน”    เขามองมินาโตะแล้วทำตามอย่างไม่อิดออดอะไร และมันก็ไม่ได้ยากเพราะงั้นไม่นานจึงมีกุหลาบสีแดงดอกน้อยๆดอกหนึ่งมาอยู่ในมือเขา

 

ดอกนี้ฉันให้มินาโตะ”    เขายื่นมันให้มินาโตะ แล้วหลังจากรู้ว่าอะไรเป็นอะไร แก้มใสก็แดงระเรื่อขึ้นในพริบตา

 

ชูนี่ละก็…”   มือบางเอื้อมมารับดอกกุหลาบดอกนั้นไว้ก่อนจะก้มมองมันแล้วอมยิ้ม มินาโตะแยกมันใส่ไว้ในกระเป๋าไม่ได้เอาไปรวมกับดอกอื่นๆ

 

นารุมิยะจะไม่แนะนำเพื่อนให้รู้จักบ้างเลยเหรอ…”    เพื่อนผู้หญิงกลุ่มหนึ่งของมินาโตะเดินเอี้ยงๆมองๆก่อนจะรวบรวมความกล้าบุกเข้ามาทักทายเขา แหงละ บรรยากาศระหว่างเขากับมินาโตะไม่ใช่ว่าใครจะแทรกเข้ามาได้ง่ายๆ เป็นแบบนี้มาตั้งแต่ตอนที่อยู่ม.ต้นด้วยกันแล้ว พวกเธอคงหาโอกาสกันอยู่นาน

 

ฟูจิวาระ ชู จากคิริซากิครับ ถ้ารู้แล้วก็กลับไปทำงานเถอะครับ เดี๋ยวจะไม่เสร็จเอา ผมแค่มาหามินาโตะเฉยๆ”    เขาแนะนำตัวพร้อมกับตัดบทไปในตัวโดยไม่ต้องรอให้มินาโตะมีสีหน้าลำบากใจ ส่วนบรรดาสาวๆก็ได้แต่หน้าเจื่อนกลับไปเมื่อเขาแสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่อยากให้ใครมารบกวนและไม่อยากคุยกับใครนอกจากมินาโตะ

 

ใช่เจ้าชายของคิริซากิจริงๆด้วย~ ทำไมถึงรู้จักนารุมิยะได้นะ?”    เสียงซุบซิบแอบกรี๊ดกร๊าดดังตามกลุ่มเด็กสาวที่เดินห่างออกไป เดี๋ยวพรุ่งนี้ทั้งโรงเรียนก็คงจะสงสัยและขุดคุ้ยประวัติของมินาโตะกันยกใหญ่แน่ 

 

แต่พวกเขาก็ไม่ได้แคร์อะไร

 

มินาโตะ”     เสียงทุ้มเอ่ยเรียกคนที่ยังก้มหน้าก้มตาพับดอกกุหลาบ

 

หื๋ม?”

 

ไม่หึงหน่อยเหรอ?”    เขาถามออกไปด้วยหน้าตาย

 

หึงสิ”    มินาโตะก็ตอบกลับมาหน้าตายเหมือนกัน

 

ฮึ ฮะฮะฮะ”    แล้วพวกเขาก็หัวเราะออกมาพร้อมกัน ไม่ใช่เพียงแค่รอยยิ้มของเขาหรอกที่หาดูได้ยาก รอยยิ้มของนารุมิยะ มินาโตะเองก็เช่นกัน เพื่อนในห้องจึงต่างหันมามองอย่างประหลาดใจ

 

กระดาษสีแดงถูกเปลี่ยนเป็นดอกกุหลาบกองโต แต่กระนั้นก็ยังไม่มีทีท่าว่ามันจะพอ เวลาล่วงเลยไปจนถึงสองทุ่ม เสียงๆหนึ่งจึงดังอยู่ที่หน้าประตูห้อง

 

กลับบ้านกันได้แล้วเด็กๆ ไปๆ วันนี้โรงเรียนเปิดให้แค่สองทุ่มเท่านั้น กลับบ้านไปๆๆ”    น่าจะเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาของห้องมินาโตะมาไล่ให้กลับบ้านแล้ว

 

คร้าบ”    เสียงขานรับอย่างเนือยๆจึงดังไปทั่ว ต่างคนก็ต่างเก็บของเพื่อเตรียมตัวกลับบ้าน

 

ถึงจะกลับดึกแต่ก็อย่าลืมทำการบ้านที่ครูสั่งด้วยล่ะ”    เขาทันได้เห็นมินาโตะชะงักน้อยๆก่อนจะพยายามทำเหมือนไม่มีอะไร

 

โหย อาจารย์เป็นยักษ์หรือไงเนี่ย?”    เสียงบ่นเสียงครางโหยหวนดังจากเพื่อนๆในห้อง

 

ไปๆ”    แต่คุณครูก็ไม่สนใจและยังโบกมือไล่ ดูท่าทางคืนนี้นักเรียนห้อง 1-5 คงจะไม่ได้นอนกันง่ายๆสินะ

 

 

 

 



คนขับรถของบ้านฟูจิวาระถึงบ้านนานแล้ว เพราะฉะนั้นนายน้อยของบ้านที่ออกคำสั่งว่าไม่ต้องรอจึงมาเดินอยู่ข้างๆจักรยานที่ถูกจูงไปเรื่อยๆ

 

ภาพวันเก่าๆราวกับถูกฉายซ้ำไปซ้ำมา เพราะว่าตอนเด็กๆพวกเขาก็เดินกลับบ้านหลังจากฝึกยิงธนูด้วยกันแบบนี้ตลอด มินาโตะตัวเล็กๆจูงจักรยานสำหรับเด็กเดินอยู่ข้างๆเขา เดินเป็นเพื่อนจนกว่าเขาจะถึงสถานีรถไฟ เราพูดคุยกันมากมาย สำหรับเขาแล้วมันเป็นช่วงเวลาที่มีค่าและมีความสุขมากจริงๆ

 

ตอนนายมีงานเทศกาลที่โรงเรียน ฉันไม่เคยไปอยู่เป็นเพื่อนเลย รู้สึกผิดแหะ”   นารุมิยะ  มินาโตะเอ่ยทำลายความเงียบ สองข้างทางมีเพียงเสียงหริ่งเรไรและไม่มีรถสวนมาสักคัน

 

มินาโตะไม่ต้องรู้สึกผิดหรอก เพราะฉันไม่เคยอยู่ดึก ฉันใช้เงินแก้ปัญหา อย่างฉากพวกนั้นฉันก็จ้างศิลปินมาวาดให้ โต๊ะก็สั่งซื้อจากร้านเฟอร์นิเจอร์ ชุดก็สั่งตัด ขนมก็ให้เชฟที่โรงแรมทำ ฉันต้องไปหามินาโตะทุกเย็น ฉันไม่ว่าง

 

“.......”    ดวงตาสีมรกตเหล่มองอย่างไม่รู้จะหมั่นไส้ดีหรือว่าจะดีใจดี? จะว่าไปเขาก็ไม่เคยเห็นชูอยู่โรงเรียนจนดึกจริงๆนั่นแหละ ทุกๆเย็นเจ้าหมอนี่จะต้องมายืนหน้าตายรอเขาอยู่ที่หน้าโรงเรียนจริงๆนั่นแหละ เขาจึงไม่เคยสังเกตเห็นเลยว่าชูต้องอยู่ช่วยงานที่ห้องในงานเทศกาล

 

ถนนหนทางที่เคยเดินอยู่ทุกวันกลับดูแปลกตาไปยามเมื่อเปลี่ยนจากกลางวันมาเป็นกลางคืน จากท้องฟ้าสีส้มกลับเต็มไปด้วยหมู่ดาวพร่างพราวเต็มนภา แค่เปลี่ยนเวลาบรรยากาศรอบกายกลับชวนขวยเขินขึ้นยังไงชอบกล

 

มินาโตะ พรุ่งนี้ไม่ต้องเอาจักรยานมาได้ไหม?”    จู่ๆชูก็เอ่ยออกมา

 

หื๋อ? ทำไมล่ะ?”

 

ฉันอยากเดินจับมือกับมินาโตะ”    ไม่ได้มีเพียงเขาสินะที่รับรู้ถึงความโรแมนติกของบรรยากาศรอบกาย ชูเองก็รับรู้ได้เช่นกัน

 

สองแก้มจึงร้อนผ่าวไปกับคำพูดตรงๆนั้น

 

อื้ม”   

 

 

 

 

 



ในที่สุดก็ถึงบ้าน ร่างโปร่งบางจึงเอ่ยทักทายตามมารยาทออกไปเมื่อก้าวขาเข้ามาในบ้านได้

 

กลับมาแล้วครับ

 

กลับมาแล้วครับ

 

เดี๋ยวเถอะ นายจะมากลับมาแล้วครับอะไรล่ะ? ดึกแล้ว กลับบ้านนายได้แล้วชู”    ใบหน้ามนหันไปขมวดคิ้วใส่คนที่ยังตามติดยิ่งกว่าเหาฉลาม นอกจากจะไม่มีทีท่าว่าจะกลับบ้านตัวเองแล้ว ชูยังก้มลงไปหยิบรองเท้าสอดเข้าไปวางในชั้นเรียบร้อยอีกต่างหาก

 

ฉันจะค้างที่นี่”    ชูตอบหน้าตาย

 

ห๊ะ?”

 

ฉันจะอยู่ช่วยมินาโตะทำการบ้าน มินาโตะจะได้นอนไวๆ”   เขาถึงกับชะงักไป ชูสังเกตเห็นสินะว่าเขามีความกังวลเกี่ยวกับการบ้านของวันนี้  ลึกๆก็รู้สึกอุ่นอยู่ในใจกับความพึ่งพาได้ของชู

 

กลับมากันแล้วเหรอ?”    เสียงพ่อดังมาจากโต๊ะเตี้ยหน้าโซฟา ดูเหมือนพ่อเองก็ยังหอบงานกลับมาทำไม่เสร็จเหมือนกัน

 

ครับพ่อ

 

อ้าว ชูก็มาด้วยเหรอ”    พ่อเอนตัวมาทักทาย

 

ครับ ผมจะค้างที่นี่

 

อ้อ งั้นก็ตามสบายนะ

 

ครับ ขอบคุณครับคุณพ่อ

 

พ่อเขาคุ้นชินกับการที่มีชูอยู่ในบ้านไปแล้ว สองขาเดินขึ้นบันไดโดยมีชูเดินตามมา แล้วก็ดูเหมือนพ่อจะพอใจที่เขามีชูคอยอยู่ข้างๆ เพราะมันคือช่วงเวลาที่เขามักจะยิ้มได้

 

 

 

 

 

 

 

มือใหญ่ใช้ผ้าขนหนูซับน้ำตามปลายผมและใบหน้า สองขาก้าวเดินกลับไปยังห้องนอนของมินาโตะหลังจากไปอาบน้ำมา เขามีเสื้อผ้าอยู่ที่นี่เป็นตู้เพราะงั้นชุดที่เขาใส่อยู่จึงเป็นชุดของเขาเอง

 

มินาโตะกำลังทำหน้ายุ่งอยู่ที่โต๊ะญี่ปุ่นซึ่งเอาออกมากางไว้กลางห้อง กองสมุดการบ้านพวกนั้นดูแล้วไม่น่าจะทำเสร็จได้ง่ายๆเลยถ้ามินาโตะอยู่คนเดียวละก็นะ

 

เขานั่งลงข้างๆมินาโตะอย่างเงียบๆ ก่อนจะเอียงคออ่านโจทย์คณิตศาสตร์จนหัวแทบจะชนกับหัวสีดำ มินาโตะคงจะได้กลิ่นสบู่จากตัวเขา ปลายจมูกรั้นจึงขยับเข้ามาดมฟุดฟิดๆ

 

น่ารัก

 

เขาจึงขยับหน้าผากไปชนกับหน้าผากใสเบาๆก่อนจะยิ้มอ่อนโยนให้ ดวงตาสบประสานกันอยู่หลายนาทีก่อนที่เขาจะต้องพยายามขนาดหนักที่จะละออกมาอ่านโจทย์คณิตต่อ

 

ถ้าหัวใจสื่อถึงกันแล้ว มันก็ไม่จำเป็นต้องใช้การกระทำที่มากมายอะไรเลย

 

แต่ก็อยากจูบ

 

ข้อนี้ใช้สูตรนี้มินาโตะ”   มือใหญ่ใช้ดินสอเขียนเบาๆไว้เหนือโจทย์ มินาโตะลองทำตามแล้วก็แก้สมการได้จริงๆ

 

จากนั้นเขาก็นั่งเขียนสูตรข้อต่อๆไปให้เงียบๆ ไม่ใช่ว่ามินาโตะจะแก้โจทย์พวกนี้ด้วยตัวเองไม่ได้หรอก แต่มินาโตะต้องใช้เวลาในการทำความเข้าใจโจทย์ ไม่เหมือนเขาที่ดูออกในพริบตา หากเป็นในยามปกติเขาคงปล่อยให้มินาโตะทำเอง แต่ตอนนี้ดึกมากแล้ว มินาโตะไม่ควรจะเสียเวลานอนไปกับเรื่องพวกนี้

 

น่าสงสัยจริงๆ”    มินาโตะเอ่ยขึ้นก่อนจะหรี่ตามองมาที่เขา

 

หื๋ม?”

 

นายเอาเวลาที่ไหนไปอ่านหนังสือ? ปกติก็อยู่ที่นี่จนมืดค่ำกว่าจะกลับบ้าน ทำไมถึงแก้โจทย์ยากๆได้ง่ายๆแบบนี้?”

 

ฉันอ่านหนังสือจนกว่าจะเข้านอนนั่นแหละเพราะถ้าไม่อ่าน…”   เขาเงยหน้ามองมินาโตะอย่างจงใจ

 

ฉันก็จะเอาแต่คิดถึงมินาโตะจนแทบบ้า ฉันเลยต้องหาอะไรทำ”    แล้วเขาก็ก้มลงไปเขียนสูตรต่อปล่อยให้มินาโตะนั่งหน้าแดงอยู่คนเดียว 

 

ทำไมพูดคำน่าอายด้วยใบหน้าตายด้านแบบนั้นได้กันนะ? เกิดความสงสัยอยู่ภายในใจนารุมิยะ มินาโตะเป็นหมื่นล้านคำ

 

 

 

 

 

 

ฉันปิดไฟเลยนะมินาโตะ”   ร่างสูงสง่าที่ยืนอยู่ข้างสวิตซ์ไฟเอ่ยบอกอีกคนที่ซุกตัวเข้าไปในผ้าห่มเรียบร้อย กว่ามินาโตะจะทำการบ้านเสร็จก็เกือบห้าทุ่ม ใบหน้ามนจึงพยักเนือยๆ

 

แป๊ก

 

ทั้งห้องมืดสนิท มีเพียงแสงไฟข้างถนนที่สาดเข้ามาจางๆทำให้เขาพอจะมองเห็นทางเดินไปที่เตียงอยู่บ้าง

 

ฟูกสำหรับแขกไม่เคยจำเป็นสำหรับเขา มินาโตะเองก็เคยพยายามจะปูฟูกให้เขานอนข้างๆเตียงเหมือนเวลาเพื่อนมาค้างที่บ้านทั่วไป แต่แล้วมินาโตะก็เริ่มรับรู้ได้ว่าปูฟูกให้เขาไปก็เหนื่อยเปล่า เพราะเมื่อตื่นตอนเช้าเขาก็ขึ้นไปนอนกอดมินาโตะอยู่บนเตียงตลอด จากนั้นมามินาโตะจึงไม่ทำเรื่องเสียเวลาแบบนั้นอีก

 

เสียงสวบสาบดังเบาๆเมื่อเขาล้มตัวนอนลงข้างๆมินาโตะ มือใหญ่ดึงผ้าห่มผืนเดียวกันมาคลุมกาย ไออุ่นๆจึงแผ่มาจากตัวอีกฝ่ายทันที หมอนที่มีเพียงใบเดียวทำให้ใบหน้าของเราห่างกันแค่คืบ

 

ดวงตาสีมรกตสุกใสยังจ้องมองเขาอยู่ในความมืด ดวงตาสีม่วงของเขาจึงมองกลับไป เรานอนมองหน้ากันอยู่แบบนั้นโดยไม่จำเป็นต้องพูดอะไร 

 

ยิ่งสื่อสารผ่านความเงียบงันก็ยิ่งรับรู้ได้ถึงตัวตนของกันและกัน ในดวงตากลมโตคู่นั้นมีเพียงภาพสะท้อนของเขาและในดวงตาของเขาก็มีเพียงภาพของมินาโตะ

 

ไม่รู้ว่าผ่านไปแล้วกี่นาที ที่หัวใจมันมีแต่ความรู้สึกอุ่นๆ อุ่นทุกครั้งที่ได้เห็นมินาโตะอยู่ในสายตา เขาเฝ้ามองใบหน้าแสนรักนั่นไม่วางตา มินาโตะเองก็ยังคงมองหน้าเขาอยู่เช่นกัน

 

ตึกตัก  ตึกตัก  ตึกตัก

 

เสียงหัวใจที่เต้นแรงจนได้ยินกำลังเรียกร้องให้เขาทำอะไรสักอย่าง กลิ่นกายของมินาโตะทำให้สองมือยื่นออกไปในที่สุด

 

ชึบ

 

ท่อนแขนแข็งแรงขยับไปดึงรั้งเอวบางเข้าหาตัวก่อนจะกอดกระชับร่างโปร่งไว้แนบอก 

 

ริมฝีปากจูบลงไปบนกลุ่มผมสั้นสีดำที่นุ่มนิ่มเหมือนขนแมว มินาโตะเองก็สอดแขนมากอดแผ่นหลังของเขาไว้เช่นกัน

 

รักจนไม่รู้จะต้องทำยังไงแล้ว

 

ฉันจะไม่ยอมปล่อยนายไปอีกแล้ว มินาโตะ   เสียงทุ้มพูดออกไปด้วยความรู้สึกจากใจ

 

จากนี้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เขาก็จะไม่ยอมให้มินาโตะหายไปจากสายตาของเขาอีกแล้ว จะไม่มีวันปล่อยมือคู่นี้อีกเด็ดขาด

 

อื้ม ช่วยจับฉันไว้ให้แน่นๆที ชู”   เสียงนุ่มเอ่ยอยู่ที่อกเขาก่อนจะซบหน้าลงมากกว่าเดิม 

 

ดวงตาทั้งสองคู่ต่างค่อยๆปิดลงด้วยความสบายใจ กลิ่นกายของกันและกันทำให้หลับลงโดยง่าย แค่รับรู้ว่ามีอีกฝ่ายอยู่ตรงนี้ ก็ไม่มีอะไรต้องกลัวอีกแล้ว

 

 

 

 

 

 

เฮ้อ…”    นารุมิยะ มินาโตะเดินถอนหายใจไปตามโถงทางเดินหน้าห้องเรียน เมื่อเช้านี้กว่าจะแงะตัวชูออกจากตัวเขาแล้วไล่ไปโรงเรียนได้ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริงๆ 

 

เป็นอะไรไปเหรอมินาโตะ?”   เสียงเซยะที่เดินอยู่ข้างๆทักขึ้นเมื่อเห็นหน้าเพลียๆของเขา

 

เปล่าหรอก ไม่มีอะไร”   อย่าให้เขาต้องนึกถึงเรื่องเมื่อเช้าอีกเลย เพราะชูที่ทำหน้าตายแล้วกอดเขาไม่ยอมปล่อยแม้ว่ากำลังจะสายแล้วนั่นทำเอาปวดหัวขึ้นมาทุกทีที่นึกถึง ทำไมเอาแต่ใจขนาดนั้นกันนะ?

 

จริงสิ เมื่อเช้าตอนออกไปให้อาหารคุมะ ผมเห็นรถของบ้านฟูจิวาระจอดอยู่เมื่อคืนคงไม่ใช่ว่าชูค้างที่บ้านมินาโตะหรอกใช่ไหม?”   อึ่ก! คำถามของเซยะทำเอาสะดุ้งโหยง เมื่อเช้าคนขับรถเอาสูทกับชุดนักเรียนมาให้ชูเลยจอดรออยู่นาน เซยะจะเห็นก็ไม่แปลก

 

เอ่ออ่า…”   เขาทำหน้าเลิ่กลั่ก จริงๆเซยะรู้เรื่องของเขากับชูอยู่แล้ว และเซยะก็มักจะสวมร่างปีศาจทุกครั้งที่เห็นชูอยู่กับเขา ไม่รู้ทำไม?

 

“......”    เซยะมองลอดแว่นมาด้วยสายตาทะมึนทำเอาเขาสั่นหงึกๆ แต่ประตูห้องเก็บอุปกรณ์ก็ช่วยชีวิตเขาเอาไว้ได้ทัน

 

ถะ ถึงแล้ว…”    พวกเขาสองคนเป็นเวรขนสื่อการสอนมาเก็บ ในอ้อมแขนจึงเต็มไปด้วยม้วนแผนที่ แล้วในขณะที่มือบางกำลังจะเลื่อนประตูเปิดออก เสียงจากข้างในก็ลอดออกมาให้ได้ยิน

 

ฟูจิวาระ ชู?!”     มือของเขาถึงกับชะงักกึก

 

"ใช่ รู้หรือเปล่าว่าเมื่อวานนี้เจ้าชายของคิริซากิมาที่นี่ด้วยละ!"   เสียงเด็กผู้หญิงกำลังพูดคุยกันอย่างออกรสดังลอดออกมา สองหูเผลอฟังอย่างไม่ได้ตั้งใจเพราะมันไม่ใช่เรื่องของใครอื่น

 

"จริงเหรอ? ใช่คนของตระกูลฟูจิวาระคนนั้นรึเปล่า?"

 

"ใช่ นี่ไง ฟูจิวาระ ชู มีแต่คนแอบถ่ายรูปมาอวดกันเต็มเว็บบอร์ดของโรงเรียน ขนาดเด็กโรงเรียนคิริซากิยังเข้ามาคอมเม้นต์เลย!”   เพราะที่บานประตูมีช่องกระจกเล็กๆติดอยู่เขาจึงมองเห็นข้างในห้อง เด็กผู้หญิงกลุ่มนั้นกำลังรุมล้อมดูรูปจากโทรศัพท์มือถือกันอยู่ เขาก็พอจะรู้อยู่หรอกว่าชูเป็นจุดสนใจขนาดไหน แต่ก็ไม่ทันคิดว่าการที่อีกฝ่ายมาหาเขาเมื่อวานจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ที่พูดกันทั่วโรงเรียนไปแล้ว

 

มันรู้สึกแปลกๆ

 

ทั้งๆที่ชูก็โด่งดังมานานแล้ว แต่ทำไมเขาถึงเพิ่งจะมารู้สึกแบบนี้กันนะ?

 

เพราะโตขึ้นจนเข้าใจความรู้สึกที่คนทั่วไปมีงั้นเหรอ?

 

หรือเพราะเข้าใจสิ่งที่เรียกว่าความรักมากขึ้น?

 

เสียดายจังที่เมื่อวานกลับก่อน แล้วเจ้าชายของคิริซากิคนนั้นมาทำอะไรที่นี่ล่ะ?”   มือบางยังชะงักค้างอยู่ที่เดิม ได้แต่ปล่อยให้คนข้างในพูดถึงเขากับชูต่อไป

 

รู้สึกว่าจะเป็นเพื่อนกับเด็กห้อง5นะ ก็เลยมาหาเด็กคนนั้น"

 

"เป็นเพื่อนกับเจ้าชายของคิริซากิเนี่ยนะ? ใครกัน อยากรู้จักเลย!"

 

"พวกเด็กชมรมยิงธนูน่ะ ได้ข่าวว่าเคยอยู่ม.ต้นที่คิริซากิมาก่อน"

 

"จริงดิ~ ในโรงเรียนเรามีคนแบบนั้นด้วยเหรอเนี่ย~ แต่พวกเด็กชมรมยิงธนูก็ดูไม่ธรรมดาจริงๆ ดูชั้นสูง ดูมีระดับมากอ่ะแต่ละคน"   เขาเพิ่งรู้ว่าคนภายนอกมองพวกเขาเป็นแบบนั้น ทั้งๆที่พวกเขายิงธนูก็เพราะชอบเท่านั้นเอง

 

ริเอะจัง ไม่คิดว่านี่เป็นโอกาสที่ดีบ้างเหรอ? เจ้าหญิงของคาเซไมกับเจ้าชายของคิริซากิเลยนะ ว๊าย แค่คิดก็เหมาะสมแล้ว”    เดี๋ยวนะ? เพราะได้ยินประโยคที่ทำให้ตะขิดตะขวงใจ สายตาจึงเหลือบมองใบหน้าของเด็กสาวผ่านกระจกโดยอัตโนมัติ เด็กคนนั้นรู้สึกจะเป็นเด็กผู้หญิงที่น่ารักที่สุดในโรงเรียนจนถูกเรียกว่าเจ้าหญิงใช่ไหมนะ?

 

บ้าน่า…”    เด็กสาวทำท่าทางเขินอายแต่ในแววตากลับมีแววเอาจริง นี่กำลังคิดจะแย่งชูไปจากเขางั้นเหรอ?

 

"แต่จู่ๆจะเข้าไปคุยด้วยได้ยังไงล่ะ เขาไม่ได้เรียนอยู่ที่นี่สักหน่อย"   เพื่อนๆช่างยุยังคงพูดต่อไปในขณะที่เขาเผลอกำหมัดโดยไม่รู้ตัว

 

"ถ้าไม่มีก็ต้องสร้างสถานการณ์ให้มีสิ เรื่องที่จะคุยกันน่ะ"   เด็กสาวที่ชื่อริเอะอะไรนั่นเอียงคอด้วยท่าทางน่ารัก และก่อนที่เขาจะได้เปิดประตูพรวดเข้าไปขวาง เสียงจากคนที่ยืนอยู่ข้างๆเขามาตลอดก็ดังขึ้นเสียก่อน

 

ถ้าผู้หญิงคนนั้นทำสำเร็จฉันคงจะดีใจมาก”    เซยะพูดออกมาแล้วมองหน้าเขาตรงๆ

 

แต่ก็อย่างที่มินาโตะรู้ ขนาดผู้หญิงที่สวยที่สุด ชาติตระกูลดีที่สุด ฐานะดีที่สุด เรียนเก่งที่สุด ดูภูมิฐานที่สุดของคิริซากิ ชูยังแยกหน้าเธอกับลูกธนูไม่ออกเลย จะไปหวังอะไรกับผู้ชายตายด้านแบบนั้น”   เขาผงะไปเล็กน้อยก่อนจะคิดได้เพราะคำพูดของเซยะ จริงสิเขาไม่จำเป็นต้องห่วงเลยว่าชูจะสนใจใครนอกจากเขา ไม่ต้องห่วงเลยว่าคนฉลาดอย่างชูจะไปตกบ่วงใครเข้า

 

ขอโทษครับ ผมเอาอุปกรณ์มาเก็บ ขอทางหน่อย”   เป็นเซยะที่เปิดประตูแล้วเดินนำเข้าไป ถึงจะชอบเถียงกันแปลกๆแต่สุดท้ายแล้วคนที่เซยะยอมรับก็คงมีแค่ชู

 

“....ชูไม่ได้ตายด้านสักหน่อย…”    เสียงใสบ่นงึมงำก่อนจะเดินตามเข้าไป

 

เด็กคนนั้นไงที่ฟูจิวาระคุงมาหา…”   เด็กผู้หญิงกลุ่มนั้นซุบซิบกันทันทีที่เห็นหน้าเขา 

 

ขอ ทาง หน่อย”   ยังดีที่เซยะมาด้วย เขาจึงไม่ถูกรุมถามเรื่องของชูเพราะสีหน้าราวกับปีศาจร้ายของเซยะขวางทุกคนเอาไว้

 

ดวงตาสีมรกตแอบเหลือบมองหน้าเด็กผู้หญิงคนนั้นอีกครั้งก็คงน่ารักในสายตาทุกคนจริงๆนั่นแหละ? เขาก็ไม่แน่ใจ? เพราะเขาเองก็แยกหน้าเด็กผู้หญิงกับลูกธนูไม่ออกเหมือนกัน 

 

แต่ความรู้สึกที่ชัดเจนคือเขาไม่ชอบใจ 

 

ไม่ชอบใจที่ใครๆก็คิดจะแย่งชูไปจากเขา

 

หวงคือความรู้สึกแบบนี้เองสินะ



 

 

 

 

 

เย็นวันนี้ ฟูจิวาระ ชูก็ยังมาหานารุมิยะ มินาโตะที่โรงเรียนคาเซไมตามปกติ

 

ฟะ ฟูจิวาระคุงวันนี้ก็มาหานารุมิยะอีกแล้วเหรอ?”   แล้วแค่เดินขึ้นมาถึงชั้นที่ห้อง1-5อยู่ เขาก็เจอเด็กผู้หญิงคนที่เป็นเพื่อนร่วมห้องของมินาโตะทันที คงจะกลัวว่าหากเขาเข้าห้องไปเจอกับมินาโตะแล้วใครก็คงเข้าไปแทรกได้ยากสินะถึงได้มาดักรอตรงนี้ เด็กสาวพยายามทักทายเขาอย่างเป็นกันเอง จะทำให้ใครๆเห็นหรือยังไงเขาก็ไม่ได้สนใจหรอก เพราะเรื่องที่ออกจากปากเขามีแต่เรื่องของมินาโตะเท่านั้น

 

ครับ ปกติแล้วผมต้องมารับเขากลับบ้านพร้อมกันทุกเย็น แต่ในเมื่อช่วงนี้เขาต้องอยู่ดึก ผมเลยต้องอยู่ด้วยเพื่อที่จะได้กลับพร้อมกัน

 

“...บ้านทั้งสองคนอยู่ใกล้กันเหรอ?”   เด็กสาวพยายามเข้ามาชวนคุย

 

ไม่ใกล้ อยู่คนละมุมเมืองเลย

 

อ้าว?”   เขาจงใจเดินจากมาแล้วทิ้งความสงสัยค้างคาไว้แบบนั้น ไม่ได้ปฏิเสธแต่ก็ไม่ได้ป่าวประกาศไปตรงๆว่าเราคบกันอยู่ ไม่ได้แสดงออกแต่ก็ตั้งใจให้ระแคะระคาย

 

ฟูจิวาระ ชูก็ร้ายประมาณนี้แหละ

 

แต่ก่อนที่จะถึงห้อง1-5อีกไม่กี่ก้าว

 

ฟึ่บ!

 

ทั่วทั้งแผ่นอกก็รู้สึกเย็นวาบจากน้ำอะไรบางอย่าง

 

อ๊ะ! ตายจริง!”    แล้วเมื่อก้มลงไปดูจึงรู้ว่ามันคือน้ำหวานสีแดงซึ่งสาดไปทั่วเสื้อสูทของเขาและคงจะลามไปถึงเสื้อเชิ้ตข้างในแล้วแน่ๆ ที่ชายเสื้อมีน้ำหยดติ๋งๆลงไป เขายังก้มมองมันด้วยสีหน้าเฉยชา ถึงแม้ว่าคนที่เดินชนเขาแล้วทำน้ำทั้งแก้วหกใส่จะดูตื่นตระหนกมากก็ตาม

 

ขอโทษค่ะ! ฉันไม่ทันระวัง ตายแล้ว เลอะหมดเลย ทำยังไงดี?”   เด็กสาวตรงหน้าทำท่าทางตกใจ อ่าบังเอิญชนได้ถูกคนดีเหลือเกิน สถานการณ์แบบนี้คิดว่าเขาเคยเจอมากี่ครั้งแล้วในชีวิต

 

เอ่อ คือถอดเสื้อสูทออกก่อนดีไหมคะ? เดี๋ยวฉันเอาไปซักให้ ขอโทษจริงๆค่ะ!”    มือเล็กๆกระวีกระวาดไปมา จะแตะกระดุมเสื้อสูทเขาก็ไม่กล้าเพราะเขาไม่มีทีท่าว่าจะขยับไปไหนหรือทำตามที่เธอบอก ใบหน้าหล่อเหลามีแต่ความเย็นชาจนเธอเริ่มจะใจแป้วขึ้นมาจริงๆ

 

เสียงที่โหวกเหวกโวยวายอยู่หน้าห้องเรียน ต่อให้จะเป็นคนที่ไม่สนใจเรื่องของชาวบ้านขนาดไหนก็ต้องหันไปมองบ้างแหละถ้าคนจะมามุงดูกันเยอะขนาดนี้ นารุมิยะ มินาโตะจึงชะโงกหน้าออกไปมองบ้าง

 

แล้วใบหน้าที่คุ้นตาของคู่กรณีก็ทำให้นัยน์ตาสีมรกตเบิกกว้างนั่นมันชูไม่ใช่เหรอ?

 

ร่างสูงสง่ายืนเปียกโชกไปทั้งตัว แล้วเมื่อมองหน้าเด็กสาวคู่กรณีเขาก็เข้าใจได้ทันที

 

สถานการณ์ที่ว่ามันคือแบบนี้เองสินะ

 

ร่างโปร่งบางจึงแหวกฝูงชนที่มุงอยู่เข้าไปทันที

 

เกิดอะไรขึ้น ชู?”   เขาจงใจเรียกชื่อต้นของชูให้ได้ยิน ให้ทุกคนรู้ว่าเราสนิทกัน แล้วเหมือนชูก็จะรอเขาอยู่แล้ว ใบหน้าเฉยชาจึงเงยขึ้นมายิ้มให้เขา

 

"อ่ามินาโตะขอยืมชุดพละหน่อยสิ วันนี้มินาโตะมีเรียนพละไม่ใช่เหรอ?"   ร่างสูงสง่าที่นิ่งงันมานานกลับเดินเข้ามาหาเขา ชูทำราวกับเด็กผู้หญิงคนนั้นและคนอื่นๆไม่มีตัวตน ไม่แคร์ไม่สนว่าจะมีสายตาหลายสิบคู่จ้องมองอยู่

 

"แต่ว่าฉันใส่ไปแล้ว…"    เขาหรี่ตามองเพราะรู้ว่าชูจงใจพูดแบบนั้น

 

"ไม่เป็นไร ฉันชอบกลิ่นของมินาโตะ"    เด็กผู้หญิงคนนั้นคงจะหน้าชาไปแล้วเพราะชูเมินเฉยต่อความช่วยเหลือของเธอ ส่วนคนอื่นๆก็อึ้งไปในความสนิทสนมของพวกเขาที่รู้ตารางเรียนของกันไม่พอ ยังกล้าใส่ชุดพละที่ใส่ไปแล้วของกันด้วย

 

".....มานี่สิเขาถอนหายใจก่อนจะเดินเข้าไปในห้อง หยิบชุดพละออกมาแล้วพาชูไปห้องน้ำ

 

ที่จริงแล้วคนที่ได้ประโยชน์จากสถานการณ์ที่เด็กสาวคนนั้นสร้างขึ้นมามากที่สุดกลับเป็นชูต่างหาก พลิกสถานการณ์กลับได้แบบนี้สมกับที่ฉลาดติดท็อปของคิริซากิจริงๆ!

 

เขาไม่ควรจะหวงชูจริงๆนั่นแหละ แต่ควรจะห่วงเด็กผู้หญิงพวกนั้นมากกว่า

 

เช็ดให้หน่อยสิมินาโตะ”   นั่นไงบอกไว้ยังไม่ทันจะขาดคำว่าคนที่ได้ผลประโยชน์ที่สุดก็คือเจ้าคนหน้าตายนี่!

 

ชูถอดสูทกับเสื้อเชิ้ตกองไว้บนเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้า ท่อนบนจึงมีเพียงร่างกายเปลือยเปล่า คราบน้ำสีแดงๆยังเลอะอยู่ตามกล้ามหน้าท้องที่สวยงาม ถึงจะเห็นอยู่ทุกวี่ทุกวันแต่พอมันเป็นที่ห้องน้ำในโรงเรียนแบบนี้ก็ทำให้ใบหน้าของเขาขึ้นสีได้ไม่ยาก

 

แขนนายหักหรือไง?”   ใบหน้ามนถอนหายใจก่อนจะรับผ้าเช็ดหน้าของชูมา

 

ฉันง้างคันธนูจนปวดแขนไปหมดแล้ว”    

 

อย่ามาอ้าง คนที่ยิงธนูวันละ200ดอกอย่างนายเนี่ยนะจะปวดแขนกับเรื่องแค่นั้น”   เขาบิดผ้าเช็ดหน้าที่เปียกชุ่มให้หมาดๆก่อนจะเช็ดมันลงไปที่หน้าท้องแข็งแรง ลอนกล้ามที่ขึ้นเป็นลูกๆทำให้รู้สึกเขินแปลกๆ

 

มันไหลลงไปในกางเกงด้วยละมินาโตะ”    เสียงทุ้มพูดหน้าตาย อ๊า! แล้วจะให้เขาทำยังไง?!

 

ดวงตาสีมรกตตวัดมองใบหน้าภายใต้กรอบผมสีน้ำตาลอย่างคาดโทษ 

 

 

เพราะเป็นน้ำสตอร์เบอร์รี่หรือไงนะ กลิ่นของมันถึงได้หอมหวานมัวเมาขนาดนี้

 

 

อื้อ~ อื้ม~~”    มือบางพยายามดันแผ่นอกเปลือยเปล่าที่กำลังบดเบียดริมฝีปากลงมาบนกลีบปากเขาอยู่นี้ออกไป มืออีกข้างกำลังล้วงขอบกางเกงเข้าไปเช็ดบนวีเชฟที่อยู่ต่ำลงไปกว่าหน้าท้องให้ 

 

แต่เพราะสองแขนแข็งแรงยันเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้ากักขังตัวเขาเอาไว้ เขาจึงหนีไปจากจูบที่อ่อนหวานและดุดันนั่นไม่ได้เลย

 

แฮ่กแฮ่กแฮ่ก…”    มือบางออกแรงดันอกกว้างในจังหวะที่มืออีกข้างเช็ดในกางเกงเสร็จพอดี เขาถึงกับหอบหายใจหนักหน่วงในขณะที่มองชูแลบลิ้นเลียริมฝีปากของตัวเอง น้ำใสๆยังติดอยู่ที่มุมปากให้เขายิ่งหน้าแดงเมื่อได้เห็น

 

เปลี่ยนชุดได้แล้ว”    มือบางยัดชุดพละไปที่หน้าอกของชูก่อนจะมองอย่างคาดโทษอีกครั้ง ชอบนักละเรื่องหาเศษหาเลยกับเขาเนี่ย

 

ชูมองชุดพละพลางยิ้มอย่างอ่อนโยนแล้วสวมมันลงไป ไม่ได้มีท่าทีรังเกียจถึงแม้ว่าเขาจะใส่มันไปแล้วก็ตาม

 

ทำไมดูเสื้อตัวเล็กลงอย่างงี้เนี่ย?”    ตอนเขาใส่แขนยังแทบจะถึงข้อศอกอยู่เลย แต่พอชูใส่กับดูพอดีตัวเป๊ะ กางเกงก็ขาลอยขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด 

 

น่าหมั่นไส้จริงเชียว”   เขายู่หน้าใส่ก่อนจะหันไปซักผ้าเช็ดหน้าในอ่างล้างหน้า

 

"แล้วสูทนายจะทำยังไง? ส่งซักไม่ทันแล้ว พรุ่งนี้ก็ยังต้องใส่ไปโรงเรียนอยู่"   ปากก็พูดไปในขณะที่มือก็ขยี้เสื้อเชิ้ตให้สีแดงหลุดออกไป

 

"ก็ใส่ตัวที่ทิ้งไว้ที่บ้านมินาโตะสิ"     เสียงทุ้มเอ่ยในขณะที่ชูเข้ามานัวเนียอยู่ข้างหลัง ถ้าว่างขนาดนี้ก็ช่วยกันขยี้เสื้อซะสิ สีมันจะได้ไม่ติด

 

"อ้อ ลืมไปว่านายไม่ได้มีแค่ตัวเดียวเหมือนชาวบ้านเค้า"

 

"ฉันมีครบห้าวันนั่นแหละ ฉันไม่เคยใส่ซ้ำ"

 

"...น่าหมั่นไส้จริงๆนั่นแหละ"   ใครๆก็รู้ว่าสูทของคิริซากิตัวนึงไม่ใช่ราคาถูกๆ นักเรียนส่วนใหญ่ก็มีเสื้อตัวนอกแค่ตัวเดียวกันทั้งนั้น

 

 



แล้วในขณะที่เขาเอาดอกกุหลาบติดโครงเหล็กของซุ้มกุหลาบไป ชูก็นั่งอมยิ้มก้มมองชุดพละที่สวมอยู่ไป 

 

เขานึกหมั่นไส้จนเผลอตีต้นแขนชูไปหนึ่งที  

 

รู้นะว่าคิดอะไรอยู่

 

ชูนี่ละก็

 

 

 

 



การเตรียมงานเทศกาลโรงเรียนของห้องเขาดูจะคืบหน้าไปมาก ก็นับว่าคุ้มค่าที่อุตส่าห์อยู่ทำกันจนดึกดื่น

 

กลับก่อนนะ”    เขาเอ่ยบอกเพื่อนๆเมื่อต่างคนต่างเก็บของเตรียมแยกย้ายกันกลับบ้าน ร่างโปร่งบางเดินออกจากห้อง1-5โดยมีชูเดินอยู่ข้างๆ

 

พอมามองดูชูที่เดินอยู่ในชุดพละของโรงเรียนคาเซไมแบบนี้แล้วก็แปลกตาดี มันเหมือนเราได้อยู่โรงเรียนเดียวกันจริงๆเลย

 

ถ้าจะบอกว่าเขาไม่เสียใจเลยที่ออกจากคิริซากิแล้วมาเข้าเรียนที่คาเซไมมันก็คงไม่ใช่ทั้งหมดถึงเรื่องยิงธนูเขาจะไม่เสียใจแต่เรื่องของชูต่างหากที่เขายังเสียดายอยู่จนถึงทุกวันนี้

 

เสียดายที่เราไม่ได้ใช้ชีวิตม.ปลายด้วยกัน

 

เสียดายที่วันนั้นเขาตัดสินใจทิ้งชูมากลางคัน

 

มินาโตะ”    เสียงทุ้มเอ่ยเรียกเขาเบาๆทำให้เขาหลุดออกมาจากความคิดของตัวเอง มือใหญ่ยกขึ้นบังหัวเขาให้ เขาจึงเพิ่งรู้ว่าเผลอไปเดินเฉียดใกล้ฉากของห้องข้างๆที่ยื่นเลยออกมาจากประตู

 

ความดูแลเอาใจใส่ของชูทำให้อุ่นใจทุกครั้งที่ได้รับมัน ครั้งนี้ก็เช่นกัน

 

ขอบคุณ…”    เขาก้มหน้าลงพลางยิ้มบางๆ แต่แล้วบรรยากาศแสนหวานก็ถูกทำลายลงด้วยเสียงเรียกหนึ่ง

 

ฟูจิวาระคุง! รอก่อนค่ะ!”    เป็นเด็กสาวที่ทำน้ำสตอเบอร์รี่หกใส่เสื้อของชูนั่นเอง เด็กสาววิ่งตามมาก่อนจะมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้า 

 

คือว่าฉันอยากจะขอโทษจริงๆที่ทำน้ำหกใส่เสื้อสูทเธอ”    เด็กสาวโค้งอย่างขอโทษขอโพย 

 

นี่คือเบอร์ของฉัน ให้ฉันรับผิดชอบค่าส่งซักเสื้อสูทเถอะนะคะ เท่าไหร่ก็โทรมาบอกนะ”   เด็กสาวยื่นกระดาษจดเบอร์โทรศัพท์ให้ราวกับกำลังยื่นจดหมายสารภาพรัก  สถานการณ์แบบนี้ถ้าเป็นผู้ชายคนอื่นก็คงจะใจอ่อน เห็นใจ และให้อภัยเด็กสาวผู้น่ารักคนนี้ไปแล้ว

 

แต่ไม่ใช่กับฟูจิวาระ ชู

 

ไม่เป็นไรครับ ต่อให้เป็นสูท ที่บ้านผมก็ซักเอง คงไม่มีเรื่องให้คุณต้องรับผิดชอบ”     เสียงเย็นชาเอ่ยออกไปในขณะที่ร่างสูงใหญ่ยังคงยืนนิ่งและไม่มีทีท่าว่าจะยื่นมือไปรับหรือผลักไสกระดาษจดเบอร์โทรศัพท์แผ่นนั้น ชูเมินมันไปเลย

 

แต่ว่าถ้าอย่างงั้น เอ่อ ฉันขอเลี้ยงกาแฟสักแก้วเป็นการขอโทษได้ไหมคะ?”    เด็กสาวเองก็ยังไม่ยอมแพ้ ในการ์ตูนสาวน้อยคงจะมีหลายๆเรื่องเลยสินะที่พระเอกกับนางเอกเริ่มทำความรู้จักกันผ่านสถานการณ์แบบนี้

 

ไม่ต้องหรอก ผมไม่ชอบดื่มกาแฟ”    ชูปฏิเสธอย่างไม่อ้อมค้อม

 

เอ่อ ถ้างั้นก็มื้อเย็น?”    เด็กสาวก็ยังตื้อไม่หยุด ตื้อจนคนรักแบบเขาถึงกับเริ่มทนไม่ไหว คงจะเป็นเพราะเขาเป็นผู้ชาย คนอื่นๆเลยไม่เอะใจว่าแฟนของฟูจิวาระ ชูยืนอยู่ตรงนี้ทั้งคน!

 

ตอนเย็นผมกินข้าวที่บ้านมินาโตะอยู่แล้ว

 

ชู!”    เสียงนุ่มตะโกนขวางบทสนทนาอย่างเหลืออด

 

กลับกันเถอะ”   ก่อนที่มือบางจะจับข้อมือชูแล้วตั้งท่าจะดึงตัวออกไป

 

อื้ม  ขอตัวก่อนนะครับ ไม่ต้องคิดจะรับผิดชอบอะไรหรอก เพราะผมรู้ว่าคุณจงใจ”    ชูหันมาตอบรับเขาก่อนจะหันกลับไปพูดกับเด็กสาวอีกประโยค เป็นประโยคที่ทำเอาเจ้าหญิงของคาเซไมถึงกับหน้าชาและคงจะไม่หน้าหนาพอจะมายุ่งกับชูอีกแล้ว

 

 

 

 



ท้องฟ้ายามราตรีในคืนนี้ก็ไม่ได้ต่างจากเมื่อวาน

 

แต่กระนั้นความหงุดหงิดในใจเขาก็ทำให้มันดูต่างออกไป 

 

ความเงียบงันในวันนี้มันไม่ได้เย็นฉ่ำชวนใจสบายเหมือนเมื่อวาน แต่มันกลับเป็นความเงียบงันซึ่งเต็มไปด้วยไฟร้อนระอุ

 

ชึบ

 

นิ้วทั้งห้าของชูสอดประสานมากับนิ้วทั้งห้าของเขาชูรู้ว่าเขากำลังหงุดหงิดและขุ่นมัว

 

แต่ชูก็ยังจับมือแล้วเดินอยู่ข้างๆเขาโดยไม่พูดอะไรรอให้เขาอารมณ์เย็นลง



 

 

 

 

ตึง!

 

คอเสื้อพละถูกมือบางกำทันทีหลังจากก้าวขาเข้าห้องนอนมาได้ แผ่นหลังกว้างใหญ่ของชูถูกดันไปติดผนังจนเกิดเสียงตึงตัง

 

ไม่ได้มีแค่ชูฝ่ายเดียวนี่ที่ใช้เขาเป็นที่ระบายอารมณ์เวลาหงุดหงิด เขาเองก็ทำได้เหมือนกัน

 

หัวสีน้ำตาลยันอยู่กับผนัง ดวงสีม่วงหลุบต่ำมองเขาด้วยแววสงบนิ่งไม่ได้ตระหนกตกใจอะไรเลย 

 

ใบหน้ามนจึงช้อนขึ้นไปแล้วจูบชูในชั่ววินาที

 

ริมฝีปากนิ่มบดเบียดจู่โจมลงไปบนกลีบปากบางเฉียบ ชูไม่ได้ถอยหนีแต่กลับยืนนิ่งปล่อยให้เขาทำตามแต่ใจแถมยังเป็นฝ่ายสอดลิ้นกลับมาแทนเมื่อรสจูบเริ่มเร่าร้อนรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ

 

มือบางกำคอเสื้อพละของตัวเองเป็นหลักยึด เพราะชูสูงกว่าเขาพอสมควรและหากไม่รั้งเอาไว้คงได้ไหลลงไปกองอยู่ที่พื้นแน่

 

ยิ่งจูบยิ่งรู้สึกดีจนลืมความหงุดหงิดในใจไปได้ ทั้งลมหายใจทั้งน้ำลายที่ผสมปนเปกันไปหมดยิ่งทำให้ไม่ยอมละออกจากกัน 

 

ทุกครั้งที่เรียวลิ้นได้สัมผัสเกี่ยวพัน ร่างกายก็เหมือนได้หลอมรวมกันมากขึ้น มากขึ้น มากขึ้นไปอีก มากขึ้นจนใครก็ไม่อาจเข้ามาแทรกระหว่างเราได้ เขาอยากจะจูบชูจนขาดอากาศหายใจตายกันไปข้างเลยจริงๆ

 

แฮ่กแฮ่กแฮ่ก…”    ต่างฝ่ายต่างหอบหายใจหนักหน่วงเมื่อละริมฝีปากออกจากกัน ฝ่ามือบางยังคงดึงรั้งคอเสื้อของชูเอาไว้ นัยน์ตาทั้งสองคู่ยังคงสอดประสานไม่ห่าง

 

"ทำไมถึงได้มีแต่คนจ้องจะแย่งนายไปจากฉันกันนะ?"    เสียงนุ่มพูดออกไปอย่างใส่อารมณ์มากกว่าปกติ

 

"ฉันเองก็จะไม่ยอมยกนายให้ใครเหมือนกัน ชู"    กลีบปากนิ่มขยับไปจูบริมฝีปากบางอีกครั้งเบาๆ สายตาที่ทอดมองกันและกันเต็มไปด้วยความรู้สึกหวงแหนและมันก็สื่อแทนทุกคำพูดไปหมดแล้ว

 

จะไม่ปล่อยนายไปอีกแล้วเหมือนกัน ชู

 

ใบหน้าหล่อเหลายิ้มรับกับคำพูดของเขาราวกับกำลังดีใจมาก เพราะมันเป็นรอยยิ้มที่สวยงามที่สุดครั้งหนึ่งที่เขาได้เห็นจากใบหน้าของชูเลย

 

ถึงจะรู้ว่าชูไม่ได้สนใจเด็กผู้หญิงพวกนั้น แต่มันก็น่าหงุดหงิดไม่ใช่เหรอที่มีแต่คนมายุ่งกับคนรักของเราน่ะ”    เขาพูดเหมือนตัดพ้อ มือบางค่อยๆปล่อยคอเสื้อของชูเมื่อความหงุดหงิดเริ่มคลายลง

 

ถ้างั้นมินาโตะก็ลองทำแบบฉันดูสิ”    ชูตอบกลับมาด้วยรอยยิ้มเย็นๆให้เขาเอียงคอถามอย่างสงสัย

 

ทำแบบไหน?”

 

กำจัดทุกคนที่เข้ามายุ่งวุ่นวายกับคนที่เรารักไง”    แล้วคำตอบของคนที่ใครๆก็คิดว่าเป็นเจ้าชายขี่ม้าขาวก็ทำให้เขาผงะไป

 

“....เดี๋ยวจะบอกว่าที่ผ่านมานายก็ทำงั้นเหรอ?”    เขาเริ่มสังหรณ์ใจไม่ดีเพราะแววตาของชูดูไม่ได้มีแววล้อเล่น อย่าบอกนะว่าที่เขาใช้ชีวิตอย่างสงบสุขไม่เจอดราม่าอย่างใครเค้าเนี่ย มันเป็นเพราะศัตรูโดนชูสั่งเก็บไปก่อนแล้ว

 

ใช่”     รอยยิ้มเย็นๆช่วยเน้นย้ำอีกครั้งว่าเขาหวงอีกฝ่ายไปก็เสียเวลาเปล่า

 

เพราะชูน่าจะหวงเขามากกว่าเป็นร้อยเท่า ที่เขาไม่เคยถูกสารภาพรัก ไม่เคยถูกตามตื้อตามรังควาญ รวมถึงไม่เคยมีใครเข้ามาท้าทายเขาตรงๆแบบนี้มาก่อน ล้วนเป็นฝีมือชูทั้งนั้น?

 

ดวงตาสีมรกตหรี่มองใบหน้าที่กำลังอมยิ้ม ชูเป็นฝ่ายดันตัวเขากลับจนล้มลงไปบนเตียงด้วยกัน

 

ตุบ

 

“.....ตัวชูนี่มันร้ายนักนะ”    เขามองใบหน้าของคนที่คร่อมอยู่เหนือร่าง รอยยิ้มอ่อนโยนนั้นยังคงมอบให้เขาเพียงคนเดียวอยู่เสมอ

 

ถึงจะร้าย แต่มินาโตะก็ต้องรักมันนะ”    ไม่พูดเปล่า ใบหน้าหล่อเหลายังฝังจูบลงบนริมฝีปากของเขาอีกครั้ง สองแขนยกขึ้นโอบรอบลำคอแกร่งแล้วกอดเอาไว้ เขาปล่อยให้เรียวลิ้นสอดใส่เข้ามาด้วยความวาบหวาม ดวงตาสีมรกตปิดตามด้วยความเคลิบเคลิ้ม

 

เสียงจุ๊บๆดังอยู่กว่าครึ่งค่อนชั่วโมง

 

เราละออกจากกันเมื่อต้องการจะหายใจ ก่อนริมฝีปากจะโผเข้าหากันใหม่ราวกับหัวใจเรียกร้องมันอยู่ตลอดเวลา 

 

อะไรก็ต้านทานแรงดึงดูดมหาศาลนี้ไม่ได้เลย

 

 

 

 



และแล้ววันงานเทศกาลก็มาถึง

 

จากคาเฟ่เมดที่ไม่ได้หวังอะไรมากแค่จัดๆไป ตอนนี้กลับเนืองแน่นไปด้วยเด็กสาวที่มาเข้าแถวรอจนยาวเหยียดสุดทางเดิน จากเมดคาเฟ่ที่คิดว่าคงมีคนมาแค่ประปรายกลับขายดิบขายดีเป็นเทน้ำเทท่า จากที่คิดว่าจะขายกันเงียบๆกลับเป็นคาเฟ่ที่โด่งดังเป็นพลุแตกใครๆก็พูดถึงจนขึ้นอันดับหนึ่งของงานเทศกาลโรงเรียนในครั้งนี้

 

แล้วทำไมมันถึงเป็นแบบนี้ได้น่ะเหรอ

 

ก็ต้องไปถามฟูจิวาระ ชูเอานะ ว่าว่างนักหรือไงถึงได้มานั่งจิบชายามสายจนกระทั่งบ่ายไม่ยอมไปไหนจนกลายเป็นตัวเรียกแขกแทนที่จะเป็นแค่แขกไปแล้วนั่น

 

นัยน์ตาสีมรกตจ้องมองร่างสูงสง่าในชุดไปรเวทโทนสีขาวกับโค้ทตัวยาวสีสะอาดตาซึ่งกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่โต๊ะริมหน้าต่างตัวหนึ่ง แสงแดดอ่อนๆที่ส่องกระทบเส้นผมเป็นประกายนั่นราวกับกำลังสะท้อนภาพของเจ้าชายผู้สูงศักดิ์อยู่จริงๆ แค่นั่งเฉยๆยังหล่อราวกับภาพวาดได้ เด็กสาวจากทั่วสารทิศจะอยากแห่มาชื่นชมภาพนี้ก็คงไม่แปลก

 

แล้วยิ่งเวลาผ่านไปคนที่มาต่อแถวกลับไม่ลดลงเลย ยิ่งภาพเหล่านี้ถูกโพสลงโซเชียลมากเท่าไหร่ก็เหมือนแถวจะยิ่งยาวมากขึ้น ทั้งเด็กสาวจากโรงเรียนนี้ จากคิริซากิหรือแม้แต่โรงเรียนใกล้เคียงล้วนต่างก็อยากจะมาเห็นภาพนี้ด้วยตาตัวเองแทบทั้งนั้น

 

ชาเอิร์ลเกรย์ที่สั่งได้แล้วขอรับ นายท่าน”    นารุมิยะ มินาโตะในชุดพ่อบ้านสีดำถือถาดใส่ถ้วยชาหอมกรุ่นเดินเข้าไปหา ใบหน้าหล่อเหล่าเงยขึ้นมายิ้มให้ทันทีที่ได้ยินคำว่านายท่านจากปากของเขา

 

เป็นรอยยิ้มชวนให้เขินจนไม่กล้าสบตาที่มองมาตรงๆนั่นเลยให้ตายเถอะ

 

เขาคงไม่ต้องถามชูหรอกว่าไม่คิดจะไปไหนบ้างหรือไงอุตส่าห์มางานเทศกาลโรงเรียนทั้งที เพราะชูคงตอบมาเพียงคำเดียวว่าไม่ไปเพราะตั้งใจแค่จะมาหาเขาเท่านั้นแน่ๆ

 

เขาเดินกลับไปที่เคาน์เตอร์ซึ่งถูกสร้างขึ้นมาชั่วคราว หน้าตาเพื่อนๆของเขาแต่ละคนนี่เริ่มจะไม่ไหวกันแล้ว เพราะทุกคนต่างเตรียมตัวจะมาเที่ยวเล่นไม่มีใครตั้งใจจะมาขายของกันสักคน การที่มีแขกรอเข้าร้านล้นหลามขนาดนี้จึงทำให้ทั้งกายใจรู้สึกเหนื่อยล้าแต่จะทิ้งไปก็ไม่ได้เพราะทุกคนต่างยุ่งกันจนหัวหมุน

 

นะ นารุมิยะ…”    จนในที่สุดเพื่อนคนหนึ่งก็จับมาที่ไหล่เขาด้วยมืออันอ่อนแรง

 

ช่วยเอาหมอนั่นออกไปจากห้องเราทีเถอะ ขอร้องละ ฉันอยากจะพักบ้างงงง”    เพื่อนคนนั้นร้องโหยหวน เขามองหน้าคนอื่นๆที่ต่างพยักเห็นด้วยแล้ว มือบางจึงวางถาดลง

 

“....เข้าใจแล้ว…”   ใบหน้ามนถอนหายใจก่อนจะเดินไปหาแมวกวักประจำร้าน

 

ชู ไปเดินเล่นในงานกัน”   แค่เขาเอ่ยชวน ร่างสูงใหญ่ก็ลุกขึ้นอย่างไม่อิดออด พวกเราก้าวขาออกจากห้องท่ามกลางเสียงร้องอย่างเสียดายของคนที่มาไม่ทัน

 

ไปไหนดี?”    เขาหันไปถามชู

 

ไปที่ที่มินาโตะอยากไปเถอะ”   เสียงทุ้มตอบกลับมาเขาจึงเดินเตร็ดเตร่ไปเรื่อยๆ

 

เมื่อก่อนเขาก็เคยเดินเล่นในงานเทศกาลโรงเรียนกับชูและเซยะทุกปี ถึงโลเคชั่นของปีนี้จะเปลี่ยนไป แต่คนที่เดินอยู่ข้างๆเขาก็ยังเป็นชูไม่เคยเปลี่ยน

 

เราแวะห้องที่ทำบ้านผีสิง แวะปาลูกดอก ยิงปืนและร้านประลองความแม่นยำต่างๆ แน่นอนว่าพวกเขาไม่ยอมให้เสียชื่ออดีตสามทหารเสือแห่งคิริซากิ ทั้งขนมและตุ๊กตาที่ได้มาจึงเต็มสองแขน  พวกเราแวะกินราเม็งด้วยกันในร้านของพวกชั้นปีสอง แวะไปแอบส่องโรมิโอกับจูเลียตอีกแล้วของชมรมการแสดง แวะไปดูการแข่งบาสกระชับมิตรระหว่างชมรมเบสบอลกับชมรมฟุตบอลที่ชอบทะเลาะกันเพื่อแย่งสนามซ้อม แวะดูของกระจุกกระจิกที่ชมรมคหกรรมทำมาขาย แวะดื่มชาเขียวแบบดั้งเดิมจากชมรมชงชา แวะแม้แต่ห้องศิลปะเพื่อไปนั่งระบายสีตุ๊กตาปูนปลาสเตอร์รูปคนกำลังยิงธนูด้วยกัน

 

งานโรงเรียนที่มีชูอยู่ข้างๆมันสนุกจริงๆ

 

เขาอยากจะให้มันเป็นแบบนี้ไปอีกนานแสนนาน



 

 

 

 

 

มินาโตะ ข้าวสุกแล้ว กินเลยไหม?”    เสียงตะโกนของพ่อที่ดังมาจากข้างล่างเรียกให้เขาหันไปมอง

 

ครับ”    เขาตะโกนตอบไปในขณะที่มือก็จับตุ๊กตาปูนปลาสเตอร์สองตัวนั้นให้หันหน้าออกมาจากชั้นดีๆ ตัวหนึ่งสวมกีหรือเสื้อสำหรับยิงธนูสีขาว ส่วนอีกตัวสวมกีสีกรมท่า ตัวหนึ่งตาสีเขียวส่วนอีกตัวตาสีม่วง ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าตุ๊กตาทั้งคู่นั้นแทนใคร

 

เขาวางมันไว้ด้วยกัน

 

ใบหน้ามนอมยิ้มก่อนจะมองมันอีกครั้งแล้วเดินออกจากห้องไป

 

กินข้าวกันเถอะ ชู

 

 

 

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

 

Story never End

 

 

ในที่สุดอนิเมะซีซั่นสองก็ฉายแล้วววว /โบกแท่งไฟ   ได้ดูกันรึยังคะะะ แค่ตอนแรกก็หวีดจะตายได้แล้วค่ะ งื้ออออ คุณกวางดูไปจะดิ้นตายไป เรือแรงมากกกก แรงทุกลำ กัปตันแต่ละคนก็คือมาเต็มตั้งแต่ตอนแรกเหมือนพร้อมไฝว้กันมาก555 ทั้งเซยะที่ในที่สุดก็หาเจ้าของนกเจอ ทั้งชูที่จะไม่ปล่อยเธอไปอีกแล้ว อร๊ายยย >/////< ตายๆๆ

 

เนี่ยค่ะ ก็เลยต้องรีบปั่นรีบลงก่อนที่ตอนที่สองจะมาคืนนี้ค่ะ555 ใครยังไม่ได้ดูไปดูกันนะค้า มินาโตะน่ารักมากกกกก มากแบบตะโกน >////< ใครยังไม่รู้ว่าดูได้ที่ไหนบ้างก็แนะนำแอพ iqiyi เลยค่ะดูแบบขึ้นจอทีวีได้และในแอพก็แคปภาพได้ด้วย อีกที่ก็ ais playค่ะ มีซับไทยสวยงามทั้งสองที่เลยค่ะ มันดีต่อใจมากจริงๆงื้อออ

 

แล้วเจอกันตอนหน้าน้า ขอบคุณสำหรับทุกๆคอมเม้นต์ ทุกๆหัวใจ ทุกๆการติดตาม ทุกๆโดเนทด้วยนะคะ >////<

 

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น