Tsurune. One-Shot.Fic [Shuu x Minato] หรือรักเรียกหา : 10 : END

 

Tsurune. One-Shot.Fic [Shuu x Minato]   หรือรักเรียกหา : 10 : END

 

: Tsurune ; kazemai koukou kyudou-bu Short Fanfiction 

: Fujiwara Shuu x Narumiya Minato

: Warmhearted

: NC-17

 

 

คำเตือน : เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ    

         

 

 

 

 

โรงเรียนคิริซากิ แผนก ม.ต้น

 

 

หมดเวลาแล้ว ทุกคนวางปากกาแล้วส่งกระดาษคำตอบขึ้นมาข้างหน้า”    เสียงประกาศกร้าวดังมาจากอาจารย์คุมสอบที่ยืนอยู่หน้าชั้นเรียนปีหนึ่ง เสียงอื้ออึงดังสวนขึ้นมาทันที มีทั้งหันไปพูดคุยกันว่าทำข้อสอบได้ไหม มีทั้งรีบหยิบตำราขึ้นมาเปิดเช็คคำตอบ มีทั้งคนที่ปลงตก มีทั้นคนที่ร้องโหยหวน มีทั้งคนที่เริงร่าเพราะในที่สุดการสอบปลายภาคก็จบลงเสียที

 

และการเป็นเด็กมัธยมต้นปีหนึ่งเองก็กำลังจะจบลงแล้วเช่นกัน

 

ไปชมรมกันไหม?”    นารุมิยะ มินาโตะในชุดนักเรียนม.ต้นคิริซากิเอ่ยชวนเพื่อนสนิทที่นั่งอยู่โต๊ะข้างๆกัน

 

ไปสิ ไม่ได้ยิงธนูมาหลายวัน มินาโตะคงคิดถึงแย่”    ทาเคฮายะ เซยะเอ่ยไปด้วยเก็บของบนโต๊ะไปด้วย เพราะต้องอ่านหนังสือสอบ ชมรมจึงไม่ได้ทำกิจกรรมมาร่วมอาทิตย์แล้ว

 

ชูล่ะ?”    ใบหน้าภายใต้กรอบผมสั้นสีดำหันไปถามอีกคนที่กำลังเก็บของลงกระเป๋าด้วยสีหน้าเรียบเฉย

 

มินาโตะไปก่อนเถอะ เดี๋ยวฉันตามไป พอดีมีธุระที่ห้องผู้อำนวยการนิดหน่อย”    เจ้าชายน้อยแห่งชมรมยิงธนูคิริซากิเอ่ยบอกด้วยเสียงราบเรียบ ต่างจากเพื่อนสนิททั้งสองที่อึ้งจนดวงตาเบิกค้างไปแล้ว ก็การถูกผอ.ของโรงเรียนเรียกพบมันใช่เรื่องธรรมดาของเด็กม.ต้นอย่างพวกเขาเสียที่ไหน

 

นายไปทำอะไรไว้รึเปล่า? คงไม่ได้ถูกเรียกไปทำโทษใช่ไหม?”    มินาโตะถามออกไปอย่างเป็นห่วง ถึงชูจะไม่ใช่คนที่ชอบก่อเรื่องแต่เขาก็นึกไม่ออกว่าจะถูกเรียกไปด้วยเรื่องอะไรได้อีก 

 

เปล่า ฉันเป็นคนไปขอพบเอง ไม่มีอะไรหรอก มินาโตะไปรอที่ห้องชมรมก่อนเถอะ”    แต่เจ้าคนหน้าตายก็ยังคงตอบด้วยเสียงที่เป็นเส้นตรง

 

นารุมิยะ มินาโตะหรี่ตามองอย่างไม่อยากจะเชื่อนัก แต่ถ้าชูไม่คิดจะบอก เค้นไปก็คงไม่ได้คำตอบอยู่ดี

 

ถ้างั้นเจอกันที่ชมรมนะ”    เป็นเซยะที่ตัดบทแล้วลากมินาโตะออกไป

 

ฟูจิวาระ ชูจึงเดินทอดน่องไปยังห้องที่อยู่ปลายสุดทางเดิน ไม่ค่อยมีใครมาที่นี่นัก บรรยากาศรอบกายจึงเงียบสงบ 

 

 

ก๊อกๆ

 

 

ฝ่ามือของเด็กชายที่กำลังจะกลายเป็นเด็กหนุ่มเคาะลงไปบนประตูไม้ และเมื่อได้ยินเสียงตอบรับดังมาจากข้างใน ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของตระกูลฟูจิวาระจึงเดินเข้าไปด้วยใบหน้าสุขุม

 

ในจังหวะที่ขายาวก้าวเดิน ในหัวสีน้ำตาลอ่อนก็คิดเรื่องที่จะมาพูดกับผู้อำนวยการโรงเรียนไปด้วย

 

จริงอยู่ ปีที่ผ่านมาเขากับมินาโตะอาจจะบังเอิญได้อยู่ห้องเดียวกัน แต่ใครจะไปรู้ละว่าพอขึ้นปีสองแล้วจะยังมีเรื่องบังเอิญแบบนี้อยู่อีกรึเปล่า

 

เพราะงั้นในเมื่อฟูจิวาระ ชูมีทั้งชื่อเสียง เงินทอง และอำนาจ เขาก็ควรจะใช้มันเพื่อกำหนดโชคชะตาของตัวเองสิ

 

"มาแล้วเหรอฟูจิวาระคุง? มีเรื่องอะไรจะคุยกับฉันล่ะ?"    ผู้อำนวยการโรงเรียนที่อยู่ในชุดเสื้อกั๊กสูทกับเชิ้ตสีขาวดูภูมิฐานสมกับที่เป็นคนคอยดูแลโรงเรียนเอกชนชื่อดังแห่งนี้จริงๆ ร่างสง่าแม้ว่าจะมีอายุแล้วกำลังยืนมองเด็กนักเรียนทยอยกลับบ้านจากหน้าต่างบานใหญ่ในห้อง 

 

"ผมสามารถขอร้องให้คุณพ่อบริจาคเงินเพื่อปรับปรุงโรงยิมได้นะครับ"    ไม่พูดพร่ำทำเพลง ใบหน้าที่หมดจดและหล่อเหลาราวกับเจ้าชายตัวน้อยเอ่ยออกมาทันทีที่เผชิญหน้ากับคนที่เป็นผู้ใหญ่กว่า

 

"หื๋ม…"    ผู้อำนวยการถึงกับยกมือขึ้นมาลูบคางอย่างสนใจ

 

ผมรู้มาว่าทางโรงเรียนกำลังมีแผนจะปรับปรุงโรงยิมใหม่”    อันที่จริงก็ไม่ใช่ความลับอะไรหรอก คณะกรรมการโรงเรียนทุกคนรู้เรื่องนี้กันอยู่แล้วและในเหล่าคณะกรรมการเองก็มีคนของตระกูลฟูจิวาระอยู่หลายคน เด็กนี่ที่เป็นทายาทสายตรงจะรู้ก็ไม่แปลก  ผู้อำนวยการจึงมองเด็กชายตรงหน้าด้วยสายตาเข้าใจความหมาย

 

"อย่างเธอคงจะไม่ขอร้องคุณพ่อให้ฟรีๆหรอกใช่ไหม? ฉันขอฟังก่อนได้รึเปล่าว่าเธอต้องการอะไร?"

 

"ผมต้องการอยู่ห้องเดียวกับนารุมิยะ มินาโตะไปจนจบการศึกษาเท่านั้นครับ ไม่น่าเกินความสามารถของผู้อำนวยการนะครับ"    แล้วฟูจิวาระ ชูก็บอกสิ่งที่ตัวเองต้องการมาตรงๆ 

 

"......"    มันไม่ใช่เรื่องที่เกินความสามารถของผู้อำนวยการโรงเรียนอย่างเขาจริงๆนั่นแหละ แต่ที่ไม่ค่อยเข้าใจก็คือจะให้เงินหลายล้านเยนแลกกับเรื่องแค่นั้นน่ะนะ?

 

เป็นเด็กที่แปลกจริงๆ 

 

"เรื่องนี้ต้องเป็นความลับระหว่างเรานะ"     ไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธอยู่แล้ว การหาเงินขนาดนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย และเรื่องที่เด็กชายขอก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร ดีไม่ดีคนจัดห้องอาจจะจัดให้ทั้งสองคนอยู่ห้องเดียวกันอยู่แล้วก็ได้

 

"ครับ"

 

"ดูท่าแล้ว ถ้าฉันอยากจะควบคุมนายน้อยของตระกูลฟูจิวาระอย่างเธอ คงต้องพึ่งเด็กคนนั้นสินะ?"    ใบหน้าใจดียิ้มออกไปในขณะที่เอ่ยหยอกเด็กชาย

 

"ครับ ถ้าคุณอยากให้ผมอยู่ในกำมือของคุณ คุณก็ต้องดูแลนารุมิยะ มินาโตะให้ดีครับ"    แต่เจ้าเด็กตรงหน้ากลับตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉยและยอมรับความจริงเสียอย่างงั้น

 

"แล้วคุณจะขอร้องอะไรผม มันก็จะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป"    นี่ไม่รู้เลยนะว่ามาเผยจุดอ่อนของตัวเองหรือมาข่มขู่เขาอยู่กันแน่? เพราะถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับเด็กคนนั้น ฟูจิวาระ ชูก็อาจจะเปลี่ยนมาเป็นศัตรูกับเขาก็ได้?

 

แต่สิ่งหนึ่งที่เรียกความสนใจจากผู้อำนวยการโรงเรียนอย่างเขาให้หันไปจับตามองได้นั่นก็คือ เด็กที่ชื่อนารุมิยะ มินาโตะเป็นใครกัน?

 

"ขอตัวก่อนนะครับ"   ฟูจิวาระ ชูเดินออกไปในขณะที่เขายังอึ้งไม่หาย

 

เจ้าเด็กนี่ร้ายกาจสมเป็นคนของตระกูลฟูจิวาระจริงๆ ตัวแค่นี้ยังกล้าเดินเข้ามาต่อรองกับผอ.อย่างเขาโดยไม่เกรงกลัวอะไร ดูท่าเด็กที่ชื่อนารุมิยะคงจะโดนยักษ์หมายหัวเข้าให้แล้ว จากนี้ไป ต่อให้ดิ้นหนียังไงก็คงไม่พ้นถูกจับกินอยู่ดี

 

คงต้องคอยสั่งให้พวกครูดูแลเป็นพิเศษเสียแล้ว ต้องระวังเอาไว้ก่อน ไม่มีใครอยากมีปัญหากับพวกฟูจิวาระหรอก



 

 

 

 

 

 

และเพราะแบบนั้น ในวันแรกของปีการศึกษาที่สองนัยน์ตาสีม่วงจึงมองเห็นแผ่นหลังที่คุ้นตาตั้งแต่เหยียบเข้าห้องเรียนมา

 

เงินสิบล้านเยนถือว่าเล็กน้อยมากหากเทียบกับการที่เขาจะมีมินาโตะนั่งอยู่ข้างๆตลอดทั้งปี

 

"ปีนี้ก็อยู่ห้องเดียวกันอีกแล้วนะ ชู"   ใบหน้าไร้เดียงสาเอ่ยทักอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว

 

"อืม"   เขาตอบสั้นๆพร้อมกับวางกระเป๋าลงไปบนโต๊ะซึ่งอยู่ข้างหลังมินาโตะโดยมีเซยะประกบอยู่ข้างหน้า

 

เขาชอบให้มินาโตะอยู่ในสายตาถึงได้เลือกที่ตรงนี้แทนที่จะนั่งข้างๆ เขาชอบมองท้ายทอยและช่วงคอที่สวยงามของมินาโตะ เขาชอบมองแผ่นหลังที่ตั้งตรงอยู่เสมอแม้จะไม่ใช่เวลายิงธนู เขาชอบมองเสี้ยวใบหน้าและแก้มป่องๆที่ยื่นออกมาทุกครั้งที่มินาโตะครุ่นคิด เขาชอบมองมินาโตะ

 

ตอนอยู่ปีหนึ่ง แรกๆเขาก็แค่ยังถูกความกลัวครอบงำ เพราะมินาโตะเคยประสบอุบัติเหตุและหายไปจากชีวิตเขามาระยะหนึ่ง เขากลัวว่ามินาโตะจะหายไปอีก เขาจึงเลือกที่จะนั่งตรงนี้เพื่อเฝ้ามองมินาโตะไม่ให้คลาดสายตา

 

แต่พอได้มองไปนานๆ เขาถึงรู้ตัวว่า การได้นั่งมองมินาโตะคือความสุขอย่างหนึ่งของเขา

 

 

แต่ชีวิตปีสองของเขาก็ไม่นับว่าสงบสุขนัก

 

 

เพราะฟูจิวาระ ชูไม่ใช่แค่หน้าตาดีและมาจากครอบครัวที่มีฐานะเท่านั้น ในโรงเรียนนี้มีเด็กบ้านรวยอยู่เต็มไปหมด แต่ที่เขาแตกต่างจากคนพวกนั้นนั่นก็เพราะตระกูลฟูจิวาระไม่ได้เพิ่งสร้างตัวขึ้นมาจากคนแค่รุ่นสองรุ่น แต่พวกเขามีชื่อเสียงและฐานะแบบนี้มาหลายร้อยปีแล้ว ชนชั้นทางสังคมของเขาจึงไม่ธรรมดา และแน่นอนว่าพวกลูกหลานเศรษฐีใหม่ย่อมอยากผูกมิตรกับเขาทั้งสิ้น

 

หมอนั่นเองก็เป็นหนึ่งในนั้น

 

ถ้าจำไม่ผิดรู้สึกจะชื่อมาเอดะ?

 

หรือจะอะไรก็ช่างเถอะ

 

เอาเป็นว่าในห้องเรียนม.ต้นปีสองของเขามีนักเรียนชายคนหนึ่งที่มักจะทำตัววุ่นวายและพยายามชักชวนเขาให้เข้าเป็นพวก พยายามสร้างกลุ่มเด็กที่มีอิทธิพลและชนชั้นสูงที่สุดในห้องเพื่อแสดงอำนาจให้เพื่อนคนอื่นเกรงใจ พยายามจะเข้ามาทำตัวสนิทสนมด้วยเพราะหมอนั่นคิดว่ามีแต่คนอย่างฟูจิวาระ ชูนี่แหละที่คู่ควรจะเป็นเพื่อนของตัวเองซึ่งเป็นถึงลูกชายบริษัทเดินเรือที่ใหญ่ที่สุดในคาบสมุทรญี่ปุ่น

 

แต่โทษที เขาไม่ได้สนใจเลยสักนิด

 

และไม่ว่าอีกฝ่ายจะพยายามผูกมิตรจอมปลอมกับเขาแค่ไหน พยายามแสร้งทำดีด้วยยังไง เขาก็แค่ทักทายตามมารยาทแล้วกลับไปนั่งกับมินาโตะตามเดิม

 

เขาไม่ได้รู้สึกรำคาญหรอกเพราะเขาเจอคนแบบนี้มาตลอด เขาก็แค่ต้องทำความเคยชินและใช้ชีวิตอยู่กับมันให้ได้ ตราบใดที่หมอนั่นไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้มินาโตะเขาก็จะปล่อยไป

 

เพราะบางครั้งความวุ่นวายของหมอนั่นมันก็มีประโยชน์เหมือนกัน

 

 

 

ในเทอมสองของม.ต้นปีสองมีกิจกรรมหนึ่งซึ่งเป็นที่ตั้งตาคอยของนักเรียนทุกคน นั่นก็คือการไปทัศนศึกษานอกสถานที่

 

พูดง่ายๆก็คือพานักเรียนทั้งชั้นปีไปเที่ยวนั่นแหละ

 

ส่วนมากก็จะไปเมืองแห่งประวัติศาสตร์อย่างเกียวโตหรือไปทะเลอย่างโอกินาว่าหรือฮาวาย 

 

แต่จะไปที่ไหนเขาก็ไม่ได้ใส่ใจหรอก เพราะสิ่งที่เขาสนใจมีแค่การไปทัศนศึกษานั้นต้องนอนค้างคืนกับเพื่อนในห้องนั่นก็หมายความว่าเขาจะได้นอนใกล้ๆมินาโตะเป็นครั้งแรก

 

ถึงจะเคยไปบ้านมินาโตะ เคยกอด เคยจูบ แต่ก็ไม่เคยนอนด้วยกันทั้งคืนแบบนี้มาก่อน

 

ตื่นเต้นดีไหมล่ะ? ถึงหน้าเขาจะยังราบเรียบไม่เปลี่ยนแต่เขาก็ตั้งตารอวันไปทัศนศึกษาอยู่นะ

 

เพราะงั้น ต่อให้มาเอดะจะพยายามใช้อภิสิทธิ์จัดให้เขาไปนอนห้องเดี่ยวกับตน แทนที่จะเป็นห้องรวม เขาก็ไม่สน

 

หลังจากนั่งชินคันเซ็นมาหลายชั่วโมง เขาจึงเดินตามมินาโตะต้อยๆไปยังห้องเสื่อทาทามิรวมโดยไม่แยแสห้องเดี่ยวที่ถูกจองเป็นพิเศษและน่าจะสะดวกสบายกว่านั่นเลยสักนิด

 

"ฟูจิวาระ? นายไม่ได้ไปนอนห้องเดี่ยวกับมาเอดะเหรอ? หมอนั่นให้อาจารย์จัดห้องเดี่ยวแพงหูฉี่ไว้ให้เลยนี่? แถมยังมาป่าวประกาศในห้องอีกว่านายจะไปนอนด้วยกัน?"  เพื่อนในห้องถามเมื่อเห็นเขาเดินตามมินาโตะเข้ามา ในห้องนี้เป็นเพียงห้องเสื่อทาทามิโล่งๆ มีฟูกพับวางตามตำแหน่งไว้ให้ เพื่อนผู้ชายในห้องจะนอนรวมกันที่นี่

 

"ฉันจะนอนที่นี่"   เขาตอบหน้าตาย

 

"อ้าว? แต่ไม่มีฟูกแล้วนะ?"

 

"ไม่เป็นไร ฉันนอนฟูกเดียวกับมินาโตะก็ได้"   ใบหน้าหล่อเหลาตอบด้วยรอยยิ้มพลางหันไปมองมินาโตะที่ขมวดคิ้วหรี่ตามองกลับมา

 

"....นายถามฉันรึยัง ชู?"   มินาโตะถอนหายใจก่อนจะวางกระเป๋ากีฬาของชมรมยิงธนูลงไปที่ข้างฝาห้อง

 

"....."   แล้วคนหน้าตายก็วางกระเป๋าตามหน้าตาเฉย เขาเคยต้องถามด้วยเหรอ?

 

 

 

 

 

 



เงาร่างทั้งสามเดินตามกลุ่มเพื่อนกลับเข้าโรงแรมอีกครั้งเมื่อภายนอกมืดสนิท ใบหน้าหล่อเหลาของฟูจิวาระ ชูกำลังอมยิ้มน้อยๆอย่างที่หากไม่สังเกตดีๆก็คงจะไม่รู้

 

ใช่ ตอนนี้เขากำลังอารมณ์ดีสุดๆ ในหัวกำลังนึกถึงภาพถ่ายมากมายที่อยู่ในโทรศัพท์มือถือของเขา การมาทัศนศึกษามันดีแบบนี้นี่เอง เขาจะถ่ายรูปกับมินาโตะเท่าไหร่ก็ได้ จะถ่ายมินาโตะกับวัดวาอารามพวกนั้นแค่ไหนก็ไม่มีใครคิดว่าแปลกอะไร

 

มือใหญ่ล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงก่อนจะแตะเจอวัตถุสี่เหลี่ยม ตอนนี้มันคือสิ่งของที่มีค่ารองจากธนูเลยก็ว่าได้ มินาโตะในรูปพวกนั้นน่ารักมาก

 

อาบน้ำกัน~”    เสียงของเพื่อนในห้องคนหนึ่งทำให้นัยน์ตาสีม่วงยอมละจากต้นคอขาวๆของคนที่เดินนำอยู่ก่อนจะหันไปมองอย่างสนใจ อาบน้ำกับมินาโตะ?

 

ได้ยินว่าเป็นห้องน้ำรวมแบบมีออนเซ็นด้วยนะเว้ย รีบไปเหอะ”   แต่แล้วเสียงของเพื่อนอีกคนก็ทำให้ทั้งเขาทั้งเซยะผงะไปห้องน้ำรวม?!

 

มินาโตะ ฉันทำพวงกุญแจที่จะซื้อไปฝากคุณแม่หาย ช่วยฉันหาหน่อยได้ไหม?”    เซยะพูดออกมาด้วยสีหน้านิ่งๆ ที่ต้นขาของเขารู้สึกว่ามีอะไรสะกิดอยู่? แล้วพอก้มลงไปดูถุงใส่ของฝากไม่ใช่เหรอ

 

เซยะกำลังแอบส่งถุงใส่พวงกุญแจที่ว่าหายไปนั่นให้เขา แน่นอนว่าพวกเขาไม่ต้องสื่อสารกันทางสายตาหรืออะไรให้เสียเวลา ถ้าเป็นเรื่องหวงมินาโตะ พวกเขาสองคนแทบไม่ต้องสื่อสารกันด้วยซ้ำ มือใหญ่คว้าหมับไปที่ถุงนั่นโดยไม่ให้มินาโตะเห็นแล้วซ่อนมันไว้ในกระเป๋ากางเกงทันที

 

หื๋อ? นายหาในกระเป๋าดีแล้วใช่ไหม? อยู่ตามซอกหรือเปล่า?”    มินาโตะหันมาถามอย่างใส่ใจ

 

ไม่มี นายลองดูสิ”    เซยะส่งกระเป๋าสะพายให้มินาโตะสำรวจ แน่นอนว่าไม่เจออะไรเพราะของนั่นมันอยู่ที่เขา ใบหน้าหล่อเหลาทำนิ่งๆเนียนๆไม่รู้เรื่องไป

 

ทำหล่นไว้ข้างนอกหรือเปล่า? ลองออกไปเดินหาตรงทางเข้าโรงแรมดูไหม?”    เสียงทุ้มเสนอความคิดเห็นอะไรก็ได้ขอแค่ลากมินาโตะให้พ้นห้องน้ำรวมในตอนนี้ก็พอ ถึงจะเป็นผู้ชายเหมือนกันแต่เขาก็ไม่อยากให้เพื่อนในห้องเห็นเรือนร่างที่สวยงามของมินาโตะหรอก

 

รวมถึงรอยแผลเป็นที่หน้าท้องนั่นด้วย

 

พวกเพื่อนๆคงอยากรู้อยากเห็นและคงถามมินาโตะแน่ว่าไปได้รอยแผลเป็นนั่นมาจากไหนซึ่งเขารู้ดีว่ามินาโตะยังไม่พร้อมจะพูดเรื่องนี้กับคนอื่น อุบัติเหตุที่พรากคุณแม่ไปจากมินาโตะ รอยแผลเป็นที่ทำให้เด็กที่เคยร่าเริงอย่างมินาโตะกลายเป็นคนเงียบขรึมไม่สดใสเท่าเมื่อก่อน

 

ถ้างั้นก็ลองไปดูตรงทางเข้าโรงแรมกันเถอะ”   มินาโตะเอ่ยออกมาก่อนจะเดินนำออกไป เขากับเซยะเหลือบมองกันโดยไม่ต้องพูดอะไร พวกเขาก้าวเดินตามไปอย่างเข้าใจกันดี อันที่จริงเขากับเซยะไม่ได้ญาติดีกันนักหรอก แต่พวกเขาก็สามัคคีกันมากหากเป็นเรื่องของมินาโตะ

 

 

อันที่จริงไม่ใช่ว่ามินาโตะจะไม่เนื้อหอม เพราะอยู่กับคนอย่างฟูจิวาระ ชูตลอด มินาโตะจึงถูกจับตามองไปโดยปริยาย 

 

มินาโตะจะเป็นไทป์แบบน้องชายข้างบ้านของพวกบรรดารุ่นพี่สาวๆมากเป็นพิเศษ ซึ่งเรื่องนี้เจ้าตัวไม่เคยรู้มาก่อน เพราะส่วนใหญ่แล้วมักจะโดนไม่เขาก็เซยะสกัดดาวรุ่งเอาไว้เสียหมด

 

ตัวอย่างเช่นเมื่อเขาไปเจอเข้ากับรุ่นพี่สาวที่ดักรอจะเอาคุกกี้ทำเองให้มินาโตะอยู่หน้าห้องเรียน

 

กลิ่นแบบนี้ถ้าเป็นที่บ้านฟูจิวาระคงถูกคัดทิ้งเป็นชิ้นแรกแน่ๆ  แต่ผมไม่ได้ว่าคุกกี้ของรุ่นพี่ไม่ดีหรอกนะครับ กลิ่นกับหน้าตาก็ใช่ว่าจะบ่งบอกรสชาติได้นี่ครับ มันอาจจะอร่อยก็ได้?”

 

หรือไม่ก็เมื่อเซยะไปเจอเข้ากับรุ่นพี่สาวที่ดักรอจะเอาข้าวกล่องอาหารกลางวันให้มินาโตะที่หน้าโรงอาหาร

 

ไม่จำเป็นต้องยิ่งใหญ่ ไม่ใช่เป้าหมายของชีวิต แต่มันคือสมดุลและภายใน

 

เอ๊ะ?”

 

แก่นของอิคิไกโดยเคน โมงิครับ ว่าด้วยเรื่องเหตุผลของการมีชีวิตอยู่ ข้าวกล่องอันนี้คงจะมาจากวงกลมของสิ่งที่เรารักบวกกับวงกลมของสิ่งที่เราทำได้ดีหรือก็คือวงกลมแห่งความหลงใหลสินะครับ?”

 

เอ่อ…..”

 

นั่นแหละทั้งถุงคุกกี้ทั้งเบนโตะทำเองต่างก็หดหนีเมื่อเจอความเหนือชั้นของพวกเขาเข้าข่ม เด็กสาวที่ไหนก็ต้องรู้สึกเกร็งและรู้สึกต่ำต้อยกว่าเป็นธรรมดาหากจะต้องเข้าหามินาโตะที่มีเพื่อนซึ่งไม่ธรรมดาประกบติดอยู่ถึงสองคนมินาโตะถึงได้ยังปลอดภัยหายห่วงจนถึงทุกวันนี้

 

 

 

 

 

 



การค้นหากินเวลากว่าครึ่งค่อนชั่วโมง ในขณะที่แสร้งทำเป็นหาของเขาก็ดูจนแน่ใจว่าพวกเพื่อนๆที่เดินไปอาบน้ำต่างเดินกลับมากันหมดแล้ว 

 

มือใหญ่จึงล้วงถุงพวงกุญแจออกมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วหย่อนไว้ตรงพุ่มไม้ใกล้ๆทางเดิน

 

ใช่อันนี้หรือเปล่า?”   เสียงราบเรียบถามออกไป ร่างสูงทำเป็นก้มลงไปแหวกพุ่มไม้ เซยะก็ทำเป็นเดินมาดูก่อนจะทำเป็นพูดออกไปด้วยน้ำเสียงดีใจ

 

ใช่แล้ว ถุงนี้แหละ ขอบใจมากนะ ชู มินาโตะ”   นัยน์ตาสีน้ำเงินสบตากับเขาชั่ววินาทีก่อนจะหันไปยิ้มให้มินาโตะ  เอาเป็นว่า แผนการก็ผ่านไปได้ด้วยดี

 

 

เพราะตอนนี้ในห้องอาบน้ำรวมไม่มีใครเหลืออยู่สักคน

 

 

มีเพียงไออุ่นๆลอยกรุ่นเหนือบ่อน้ำ สามทหารเสือแห่งชมรมยิงธนูยืนเรียงกันอยู่โดยมีผ้าขนหนูผืนเล็กๆปิดท่อนล่างไว้

 

ทายาทตระกูลดังถึงกับต้องลอบกลืนน้ำลาย ถึงแม้จะเคยเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยกันในห้องชมรมยิงธนูแต่สถานการณ์ก็แตกต่างกันมาก ตอนนี้มินาโตะกำลังยืนอยู่ข้างๆเขาโดยไม่มีแม้แต่กางเกงชั้นในใต้ผ้าขนหนูนั่นคือร่างกายที่เปลือยเปล่า

 

อันตรายสุดๆ

 

 

 

เขารู้ตัวมาสักพักแล้วว่าร่างกายของมินาโตะทำให้เขาเกิดอารมณ์ทางเพศทั้งๆที่ไม่เคยมีปฏิกิริยาแบบนี้กับใครมาก่อน นั่นยิ่งทำให้เขาแน่ใจว่าเขาชอบมินาโตะในความหมายไหน

 

ใบหน้าหล่อเหลาจำต้องสะกดกลั้นความรู้สึกว้าวุ่นใจเอาไว้ข้างในก่อนจะเดินตามลงน้ำด้วยสีหน้าเรียบเฉย แผ่นหลังของมินาโตะบอบบางจริงๆ

 

ชู? ทำอะไรน่ะ?”    มินาโตะหันมามองอย่างงงๆเมื่อจู่ๆก็ถูกมือของเขาลูบที่หลัง อ่าเผลอไปจนได้

 

แมลงน่ะ”   เขายิ้มให้หน้าตาย จะตอบว่าตัวชูก็กระไรอยู่ มินาโตะขมวดคิ้วอยู่ห้าวินาทีก็ยอมปล่อยเขาแต่โดยดี

 

น้ำร้อนกำลังดีเลยนะ”    มินาโตะนั่งแช่น้ำร้อนด้วยใบหน้าผ่อนคลาย เขาจึงนั่งลงข้างๆ

 

ไม่ร้อนเกินไปหน่อยเหรอ?”    ไม่ใช่เขาแต่เป็นเซยะที่พูดออกมา รู้สึกว่าหน้าหมอนั่นจะแดงแปลกๆ?

 

นายไหวไหมเนี่ยเซยะ?”    มินาโตะเหล่มอง ไม่ได้มีแต่เขาที่คิดว่าหน้าของเซยะแดงผิดปกติ

 

สงสัยว่าฉันคงต้องขึ้นก่อน พวกนายแช่กันต่อเถอะ”     หื๋อ? เพิ่งลงไปเองนะ?  

 

อื้อ เดี๋ยวเจอกันที่ห้อง”   เขาและมินาโตะมองตามเซยะที่แดงเถือกไปทั้งตัวเดินออกจากบ่อน้ำร้อนไป มินาโตะวักน้ำล้างหน้าอย่างไม่ใส่ใจราวกับรู้อยู่แล้ว

 

ทั้งๆที่กินเผ็ดเก่งขนาดนั้นแต่กลับแช่น้ำร้อนนานๆไม่ได้ ประหลาดดีใช่ไหมล่ะ?”    อ้อแบบนี้นี่เอง 

 

เขาไม่ได้สนิทกับเซยะมากขนาดนั้น เขาจึงไม่เคยรู้เรื่องเล็กๆน้อยๆของอีกฝ่าย เซยะเองก็เช่นกัน ที่ไม่รู้เรื่องอะไรของเขามากนัก จะมีก็แต่มินาโตะที่รู้จักพวกเราทั้งคู่ดีที่สุด 

 

บ่อน้ำร้อนที่เหลือเพียงเขากับมินาโตะนั้นเงียบงันแต่กลับไม่ได้อึดอัด พวกเรามักจะใช้เวลาอยู่ด้วยกันท่ามกลางความสงบนิ่งแบบนี้อยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องหาเรื่องมาคุยกันให้วุ่นวาย แค่ได้นั่งมองควันลอยฉุย ต้นเมเปิลที่ตั้งตระหง่านเหนือกำแพงไม้ไผ่ ใบสีแดงที่ลอยละล่องเหนือน้ำอย่างเอื่อยเฉื่อยแค่นี้ก็สุขใจแล้ว

 

อร๊าย~”   แต่แล้วความสงบของพวกเขาก็ถูกรบกวนด้วยเสียงที่ดังมาจากอีกฝั่งของกำแพง น่าจะมาจากห้องน้ำหญิง?

 

สวยจัง~ อยากแช่บ่อกลางแจ้งแบบนี้มานานแล้ว~”    ดูเหมือนอีกฝั่งน่าจะเพิ่งมีคนกลุ่มใหม่มาใช้บ่อน้ำร้อน พวกเขาจึงนั่งแช่ต่อไปอย่างไม่ใส่ใจนัก แต่แล้ว

 

กรี๊ด~ จู่ๆมาจับหน้าอกกันทำไมเนี่ย ว๊าย~”    อึ่ก!!! พวกเขาสองคนถึงกับสะอึกกับบทสนทนาที่บังเอิญได้ยิน

 

ก็มันใหญ่น่าจับดีนี่นา~ กรี๊ด~ อย่าบีบสิ~ ว๊าย~”     เสียงวี๊ดว๊ายดังมาไม่ขาดสาย  พวกผู้หญิงชอบเล่นแบบนี้กันเองเหรอเนี่ย

 

เขาหันไปมองมินาโตะที่หน้าแดงน้อยๆกับเสียงที่ได้ยิน มินาโตะค่อยๆกดตัวเองลงไปในน้ำจนโผล่มาแค่ครึ่งหน้า คงจะเขินอายกับคำพูดพวกนั้นสินะ

 

ร่างสูงจึงขยับไปนั่งซ้อนหลังมินาโตะอย่างเนียนๆก่อนจะซบหัวสีน้ำตาลอ่อนลงไปบนไหล่บาง

 

ชู? เป็นอะไร?”    มินาโตะดึงตัวเองขึ้นมาจากน้ำก่อนจะเอียงคอถาม

 

เป็นผู้ชาย”    เขาตอบหน้าตายทำให้ใบหน้ามนถึงกับผงะ

 

“......นาย คิดว่าฉันแยกระหว่างผู้ชายกับผู้หญิงไม่ออกหรือไง?”    มินาโตะหรี่ตามอง เขาจึงยิ้มให้แล้วกดลำตัวบางลงสู่อ้อมแขนจนแผ่นหลังเนียนแนบสนิทไปกับแผ่นอกที่กำลังแตกเนื้อหนุ่มของเขา เสียงทุ้มนุ่มลึกจงใจกระซิบข้างใบหู

 

เพราะเป็นผู้ชายไง เลยอยากทำเรื่องแบบนี้กับนาย”    มือใหญ่ลูบไล้ต้นขาด้านในขึ้นมาจนในที่สุดก็จับมินาโตะได้ มันยังเล็กและนอนสงบอยู่กลางหว่างขาไม่เหมือนกับฟูจิวาระ ชูที่เริ่มลืมตาขึ้นมาหน่อยๆ

 

เอ๊ะ?! จับอะไรของนาย?!”    มินาโตะร้องโวยวายเมื่อถูกแตะต้องของสำคัญ มือบางพยายามไล่ตะปบมือที่ซุกซนของเขา

 

"ชู่วเดี๋ยวทางนั้นก็ได้ยินหรอก"    เขาแกล้งกระซิบที่ใบหู

 

"อึก…"    มินาโตะถึงกับชะงักไป ขนาดเสียงฝั่งนั้นยังลอดมาถึงนี่ได้ เสียงจากทางนี้เองฝั่งนู้นก็ต้องได้ยินเหมือนกัน มินาโตะกัดฟันก่อนจะถลึงตาใส่เขา 

 

เป็นปฏิกิริยาที่น่ารักมาก เวลาถูกเขาจู่โจมมินาโตะมักจะแสดงสีหน้าอย่างอื่นออกมา ไม่ได้มีแต่สีหน้าเฉยชาไร้อารมณ์เหมือนตอนปกติ 

 

"ฉันก็อยากเล่นกับมินาโตะ เหมือนที่พวกผู้หญิงเล่นกันบ้าง"    เขาส่งยิ้มใสซื่อเหมือนคนจิตใจบริสุทธิ์เสียเต็มประดาให้ แต่มินาโตะก็หรี่ตามองอย่างรู้ทัน

 

"แต่พวกนั้นจับหน้าอกกัน แล้วนี่นายจับอะไร?"

 

"งั้นฉันจับหน้าอกมินาโตะก็ได้"

 

"ไม่ได้สิ? นี่ ชู~ อึก"   ไม่ว่าเปล่าเขาย้ายมือไปลูบคลึงที่หน้าอกของมินาโตะ แล้วก็ต้องแปลกใจกับปฏิกิริยาที่สะท้อนกลับมาจากใบหน้ามน เพราะเหมือนตรงนี้ก็ทำให้มินาโตะรู้สึกด้วย

 

"อ๊ะ?!"   เสียงร้องแปลกๆดังออกมาเบาๆราวกับหลุดปากเมื่อปลายนิ้วของเขาลองลูบผ่านยอดอก ทั้งเขาทั้งมินาโตะต่างมองหน้ากันอย่างตกใจ

 

มือบางดันมือของเขาออกจากหน้าอกของตัวเองด้วยใบหน้าไม่เข้าใจแต่ก็เขินอายกับเสียงที่เผลอเปล่งออกไป

 

"ไม่ได้เหรอ? จับตรงนี้ดีกว่าเนอะ"   เขายอมละจากมาแต่โดยดี คงต้องรอไปหาข้อมูลมากกว่านี้เสียหน่อย ส่วนตอนนี้

 

"เนอะ อะไรเล่า อ๊ะ"   ร่างในอ้อมแขนสะดุ้งเบาๆเมื่อมือของเขากลับไปจู่โจม "มินาโตะ" อีกรอบ

 

 

ถ้าเป็นตรงนี้ละก็นี่ไม่ใช่ครั้งแรก

 

 

ที่บ้านของมินาโตะเมื่อเดือนที่แล้วพวกเราก็เคยสัมผัสกันและกันจนถึงฝั่งฝันด้วยมือมาก่อน

 

 

[กรี๊ด ยูกะจังอย่าหนีนะ มาให้จับซะดีๆ]

[ว๊าย ทั้งใหญ่ทั้งนิ่มเลยจับแล้วรู้สึกดีจัง~]

 

 

ใบหน้าหล่อเหลาถึงกับยกยิ้มเต็มริมฝีปากเมื่อมีเสียงแบกกราวด์แสนลามกดังคละเคล้าในขณะที่เขากำลังทำให้มินาโตะเริ่มสั่นสะท้านอยู่ในอ้อมแขน

 

"ถ้ามินาโตะอยากรู้สึกดีก็จับของฉันบ้างสิ ทั้งใหญ่ทั้งแข็งเลยนะ"   เสียงเจ้าเล่ห์เอ่ยใส่ใบหูแดงระเรื่อก่อนจะเป่าลมตามไปจนไหล่บางสั่นระริก

 

"เดี๋ยวเถอะแฮ่กไม่ต้องมาเลียนแบบสาวๆพวกนั้นเลย อื้อ~"   มือใหญ่รูดขึ้นลงไปตามแกนกายขนาดเหมาะมือ นัยน์ตาสีม่วงจ้องมองเสี้ยวใบหน้ามนที่เห็นจากข้างหลังอย่างพึงพอใจแต่ว่าอยากเห็นจากข้างหน้าจัง

 

มือที่กำลังชักขึ้นลงหยุดชะงัก ก่อนที่เขาจับมินาโตะให้หันกายกลับมาหา ให้ท่อนขาเรียวนั่งคร่อมต้นขาของเขาไว้ เขาเงยหน้ามองใบหน้าของมินาโตะที่อยู่สูงกว่าอย่างหลงใหล แก้มใสที่แดงนิดๆกับสีหน้ายุ่งเหยิงที่กำลังคิดเรื่องความผิดชอบชั่วดีนั่นก็น่ารักมากจริงๆ

 

ชูนี่มันในห้องน้ำรวมนะ”   มินาโตะเอ่ยห้ามปรามเมื่อเขาจงใจเสียดสีความเป็นชายที่ขยายตัวพอสมควรกับแกนกายของมินาโตะ หัวคิ้วเรียวแทบจะขมวดเป็นปม

 

มินาโตะก็อย่าส่งเสียงดังสิ”    มันเป็นสัญชาตญาณของฝ่ายรุกหรือยังไงเขาก็ไม่แน่ใจ ทั้งๆที่ปกติแล้วเขาไม่ใช่คนที่จะยอมเอาชื่อเสียงมาเสี่ยงแบบนี้แท้ๆ

 

แต่พอได้เห็นใบหน้าที่ไร้ทางสู้ของมินาโตะ สัตว์ป่าในตัวก็เหมือนจะถูกปลุกขึ้นมาอยู่ตลอด

 

อึก…”    แกนกายทั้งสองถูกมือใหญ่รวบเข้าหากัน แค่มันถูกันนิดหน่อยเท่านั้นก็ทำให้รู้สึกดีขนาดนี้แล้ว

 

เดี๋ยว…”    มินาโตะยังพยายามห้ามปราม มือใหญ่อีกข้างจึงรวบมือบางก่อนจะบังคับให้มันมาช่วยกอบกุมแกนกายทั้งสองไว้

 

อ๊ะ…”    มินาโตะดูเหมือนจะถอดใจในการต่อต้านเขาไปแล้ว ต้นขาเรียวสั่นระริกบดเบียดอยู่บนต้นขาเขาบวกกับใบหน้ามนที่ปิดตาลงขมวดคิ้วน้อยๆบ่งบอกเป็นอย่างดีว่ามินาโตะกำลังรู้สึกดีขึ้นเรื่อยๆ 

 

เขาช้อนใบหน้ามองใบหน้าของมินาโตะด้วยหัวใจที่เต้นแรง ภาพที่สวยงามตรงหน้ากำลังทำให้เลือดสูบฉีดจนเบื้องล่างขยายใหญ่กว่าเดิมเป็นเท่าตัว 

 

แฮ่กยังไงก็เถอะนี่มันใช่เรื่องที่ผู้ชายจะทำกับผู้ชายรึไง? ฉันสงสัยมาตั้งนานแล้วนะ?”   มินาโตะพยายามเรียกสติแล้วเอ่ยถามเขาตรงๆ ดวงตาสีมรกตเอ่อคลอเปิดขึ้นมามองเขาอย่างต้องการคำตอบ เพราะที่ผ่านมามันเหมือนกับว่าพวกเขาทำเรื่องแบบนี้กันเพราะบรรยากาศพาไป ทำด้วยความเผลอไผล ทำด้วยความไม่ตั้งใจ

 

แต่มันไม่ใช่แบบนั้นหรอกนะมินาโตะ

 

ไม่ต้องสงสัยหรอก”    เสียงทุ้มต่ำที่สั่นพร่าน้อยๆเอ่ยออกไปด้วยความรู้สึกที่หนักแน่น

 

เพราะนี่เป็นเรื่องที่ฉันจะทำกับมินาโตะคนเดียว”   มินาโตะไม่ทันได้เปิดตาฟังคำตอบดีๆก็ต้องรีบปิดตาลงพร้อมไหล่บางสะดุ้งโหยง เพราะมือใหญ่ใช้ข้อนิ้วที่หยาบกร้านจากการฝึกยิงธนูขยับอย่างรุนแรงไปตามแกนกายที่ใกล้จะถึงปลายทางของอารมณ์อยู่รอมร่อ คราวนี้มันเลย

 

อ๊า~!”    น้ำสีขาวขุ่นพุ่งทะลักออกมาพร้อมๆกับความปรารถนาที่พุ่งถึงขีดสุด และเพราะใบหน้าหล่อเหลารีบปิดริมฝีปากของมินาโตะไว้ด้วยริมฝีปากของตัวเอง เสียงแห่งความสุขสมจึงเปล่งออกมาให้ใครได้ยินเพียงแค่นั้น

 

จุ๊บจุ๊บ

 

จูบทิ้งท้ายยังคงอ้อยอิ่งต่อไปอีกหลายนาที ก่อนที่หัวสีน้ำตาลอ่อนจะซบลงไปที่ไหล่ผอมบางของมินาโตะเพื่อปรับลมหายใจที่เคยหอบถี่ให้สงบลง

 

จะทำกับมินาโตะคนเดียวจากนี้และตลอดไป”    เสียงทุ้มเอ่ยเบาๆอยู่ที่หู ส่วนคนฟังก็ได้แต่อมยิ้มน้อยๆ

 

ดวงตาสีมรกตมองตามของเหลวที่เข้มข้นกว่าน้ำลอยละล่องไป มือบางช้อนมันขึ้นมาโดยไม่รู้ว่าของใครเป็นของใครชูนี่ละก็

 

 

 

 

 

 



นารุมิยะ มินาโตะนั่งดูดหวานเย็นด้วยสีหน้าล่องลอยน้อยๆอยู่ที่พื้นชานไม้ เรื่องที่เกิดขึ้นในบ่อน้ำร้อนเมื่อกี้สูบทั้งพลังงานและจิตวิญญาณของเขาไปไม่ใช่น้อย นัยน์ตาสีมรกตตวัดไปมองร่างสูงที่นั่งอยู่ข้างๆอย่างเคืองๆ ทำไมชูยังทำหน้าปกติอยู่ได้นะ มีแต่เขาที่เพลียหรือยังไง?

 

ดูเหมือนจะไปทดสอบความกล้าที่ศาลเจ้าข้างๆนี่กันหมดเลยนะ แล้วพวกเราล่ะจะตามไป? หรือจะทำอะไรกันดี?”    เซยะในชุดยูกาตะของโรงแรมเดินมาสมทบกับพวกเขาหลังจากไปสืบมาว่าพวกเพื่อนๆในห้องหายไปไหนกันหมด ก็หลังจากที่พวกเขาสามคนกลับมาจากห้องอาบน้ำ ในห้องนอนก็ไม่มีใครเหลือสักคน 

 

ไม่น่าแปลกใจหรอกว่าทำไมเจ้าพวกนั้นถึงไม่ชวนพวกเขาสามคนไปด้วย เพราะปกติแล้วสามทหารเสือของชมรมยิงธนูก็มักแยกตัวปลีกวิเวกกันอยู่สามคนอยู่แล้วจึงไม่ค่อยมีใครเข้ามายุ่งวุ่นวายกับพวกเขานัก

 

จะนอนก็ยังไม่ถึงเวลาสินะ”    เสียงราบเรียบของชูเอ่ยบอก ก่อนที่เซยะจะหันไปเห็นอะไรในห้องสันทนาการเข้า

 

แข่งกันซักตาไหม ชู?”   ใบหน้าภายใต้กรอบแว่นพยักเพยิดไปที่โต๊ะปิงปองพร้อมกับคำท้า กระแสไฟฟ้าเปรี๊ยะๆพาดผ่านหัวของเขาไปโดยที่เขาไม่รู้ตัวสักนิด เขาคิดเพียงแค่ว่าสองคนนี้ชอบแข่งกันจริงๆ

 

ได้สิ”    ชูเองก็รับคำท้า เอาเถอะอยากจะเล่นอะไรกันก็ช่างเถอะ เขาก็แค่ย้ายที่นั่งจากชานไม้มาเป็นเก้าอี้นวมแบบวินเทจในห้องก็แค่นั้น ริมฝีปากสีระเรื่อดูดหวานเย็นต่อไปอย่างไม่ได้คิดว่ามันจะเกี่ยวอะไรกับตัวเอง

 

แล้วในขณะที่เขาไม่คิดว่าจะต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการแข่งขันของปีศาจสองตนนี้ ชูที่มองเขามาพักใหญ่ก็เอ่ยประโยคที่ทำเอาหวานเย็นแทบร่วงจากปาก

 

ถ้าไม่มีเดิมพันคงไม่สนุก เอางี้ไหม ถ้าใครชนะจะได้หวานเย็นของมินาโตะไป”    ห๊ะ?

 

ตกลง”     แล้วเซยะก็รับเดิมพันซะอย่างงั้น แววตาของพยัคฆ์ร้ายสองตัววาวโรจน์ขึ้นมาทันที เดี๋ยวสิ?

 

"แต่ฉันกินไปแล้วนะ?"   ดวงตาสีมรกตเหลือบมองหวานเย็นสีเขียวที่เหลืออยู่เพียงครึ่งหลอด

 

"นายก็หยุดดูดเดี๋ยวนี้สิมินาโตะ"   จากนั้นทั้งสองคนจึงแข่งปิงปองกันแบบเอาเป็นเอาตาย แข่งกันแบบแชมป์โอลิมปิกยังอาย

 

เขานั่งทำหน้าเพลียอยู่ข้างโต๊ะปิงปองที่ดูจะแข่งกันต่อไปอย่างไม่มีจุดสิ้นสุด ปากก็ดูดหวานเย็นเรื่อยๆอย่างไม่ใส่ใจว่ามันจะกลายเป็นของเดิมพันไปแล้ว 

 

ในที่สุดหลอดหวานเย็นก็ฟี้บและไม่มีน้ำหวานเหลืออยู่อีกอยากกลับไปนอนแล้วแหะ สองคนนี้จะแข่งกันอีกกี่วันเนี่ย?

 

แล้วจู่ๆลูกปิงปองที่เซยะตบกลับมาก็ติดเนตราวกับเจอคำสาป ผู้ชนะในการแข่งขันระดับจักรวาลนี้ก็ตกเป็นของชูไปในที่สุด

 

ของเดิมพันล่ะมินาโตะ?”     ชูรีบเดินมาทวงถามหาหวานเย็นจากเขาทันที อยากกินขนาดนี้ก็ไปซื้อใหม่สักอันดีไหม?

 

หมดแล้ว เดี๋ยวฉันซื้อให้ใหม่ก็แล้วกัน”    เขาถอนหายใจหลบตาจากใบหน้าที่กำลังจ้องเขาเอาๆ ร่างโปร่งบางกำลังจะลุกออกไปซื้อหวานเย็นอันใหม่ให้ แต่กลับโดนมือใหญ่จับข้อมือไว้เสียก่อน

 

ไม่ต้องหรอกมินาโตะ เอาอันนี้ก็ได้

 

หื๋ม? แต่มันหมดไปแล้วนี่?”     แล้วทุกความสงสัยของเขาก็ถูกไขกระจ่าง เมื่อจู่ๆใบหน้าหล่อเหลาก็โน้มเข้ามาหา ปลายนิ้วยาวเชยคางเขาขึ้นมา

 

แล้วลิ้นร้อนก็แล่บออกมาไล้เลียริมฝีปากของเขา ครั้งแล้วครั้งเล่า

 

"อร่อย"     ชูละออกไปด้วยรอยยิ้ม ส่วนเขาก็ได้แต่ยืนอ้าปากพะงาบๆ ความร้อนทั้งร่างกายราวกับพุ่งมารวมกันอยู่ที่ใบหน้าหมดแล้ว

 

ตุ้บ!

  

เซยะถึงกับต้องเอาไม้ปิงปองทุบหัวชู อีกฝ่ายถึงจะเลิกจ้องปากเขาเหมือนอยากจะกินหวานเย็นอีก

 

ชูนะชูทำอะไรเนี่ย~



 

 

 

 

 

 

เซยะเป็นคนที่หลับง่าย หลับเป็นตาย และจะไม่ยอมตื่นจนกว่าตะวันจะขึ้นพ้นยอดไม้ยอดที่สูงที่สุดความจริงข้อนี้ก็เป็นอีกเรื่องที่ฟูจิวาระ ชูเพิ่งรู้

 

เพราะทันทีที่กลับถึงห้องนอนได้ เซยะก็ล้มตัวลงนอนบนฟูกตัวเองแล้วหลับไปในไม่กี่วินาที

 

แล้วไม่ว่าพวกเพื่อนๆที่เพิ่งไปทดสอบความกล้ากลับมาพร้อมเสียงดังโหวกเหวกยังไง เซยะก็ไม่ยอมตื่นนายเป็นอัศวินนะจะมัวนอนแล้วปล่อยเจ้าหญิงอยู่กับชายฉกรรจ์พวกนั้นได้ไง

 

นัยน์ตาสีม่วงมองฟูกข้างๆด้วยสายตาที่แทบจะเป็นเส้นตรง

 

"อ้าว? นารุมิยะ  ฟูจิวาระกลับไปนอนที่ห้องเดี่ยวกับมาเอดะเหรอ?"   เสียงเพื่อนคนหนึ่งทักมินาโตะเพราะคงมองไม่เห็นเขา แหงละก็ตอนนี้เขานอนซุกหน้าท้องมินาโตะอยู่ในผ้านวมน่ะสิ

 

"เปล่า"   มินาโตะตอบพร้อมกับเลิกผ้านวมให้เห็นปอยผมของเขาที่นอนอยู่บนฟูกเดียวกัน

 

"อะ โอ้…"   ดูเหมือนเพื่อนคนนั้นจะอึ้งน้อยๆและล่าถอยออกไปเองเพราะไม่คิดว่าคนอย่างฟูจิวาระ ชูจะมานอนอยู่ตรงนี้จริงๆ

 

"ไปขอฟูกใหม่ซักอันไม่ดีกว่าเหรอ? แบบนี้นายไม่เมื่อยเหรอชู?"   มินาโตะถามในขณะก้มมองในโปงผ้าห่มซึ่งมีเขาซุกอยู่

 

"ไม่"   เสียงทุ้มตอบกลับพร้อมท่อนแขนแข็งแรงกอดกระชับเอวบางเข้าหาตัว ใบหน้าหล่อเหลาที่ดูเอาแต่ใจนิดๆในเวลานี้ซบลงไปที่แผ่นอกบางอย่างไม่สนใจอะไร

 

"ฉันจะนอนกับมินาโตะ"    มินาโตะถอนหายใจกับความเอาแต่ใจของเขาก่อนจะปล่อยไปเหมือนทุกๆที

 

"ตามใจ"

 

จุดเริ่มต้นมันอยู่ตรงไหนกันนะ ที่เขาเริ่มเอาแต่ใจกับมินาโตะ และมินาโตะก็ยอมให้เขาเอาแต่ใจด้วย

 

 

น่าจะตั้งแต่วันนั้นวันที่กลับมาพบกันอีกครั้งที่โรงเรียนมัธยมต้นคิริซากิ

 

 

เพราะก่อนที่มินาโตะจะหายไปจากชีวิตเขาเนื่องจากประสบอุบัติเหตุเขาไม่เคยเป็นแบบนี้กับมินาโตะเลย ไม่เคยเอาแต่ใจ ไม่เคยบังคับให้มินาโตะต้องคอยรองรับอารมณ์ของเขา และถ้าเป็นมินาโตะคนก่อนที่จะประสบอุบัติเหตุก็คงไม่ยอมตามใจปล่อยให้เขาเอาแต่ใจด้วยแบบนี้เหมือนกัน

 

เป็นเพราะรอยแผลเป็นนี่สินะ

 

มือใหญ่ลูบรอยแผลที่หน้าท้องด้านซ้ายของมินาโตะเบาๆ

 

เขาเคยทุกข์ทรมานเพราะมันมามากแต่หากจะบอกว่าเขาหลงรักมินาโตะในแบบที่เป็นอยู่เพราะมันก็คงจะว่าได้

 

เมื่อสมัยที่ยังเป็นแค่เด็กประถม ช่วงเวลาที่จะได้ไปโรงฝึกของอาจารย์ไซออนจิคือช่วงเวลาเดียวที่เขารอคอย ทั้งสัปดาห์ช่างน่าเบื่อหน่าย รอบกายมีแต่เพื่อนที่มักจะพูดถึงแต่เรื่องที่บ้านไม่ก็เรื่องของตัวเอง ทุกนาทีมีแต่การฝึกฝนเพื่อให้เป็นเพชรเม็ดที่ดีที่สุดของฟูจิวาระ

 

เขาไม่เคยมีเพื่อนที่จะออกไปวิ่งเล่นด้วยกัน ไม่เคยมีเพื่อนที่จะยืนรอเขาเพียงเพื่อจะยิ้มให้ ไม่เคยได้รับรอยยิ้มที่แสนจริงใจและสดใสถึงเพียงนั้นจากใครมาก่อน

 

มินาโตะจึงเป็นเพื่อนคนแรกและคนเดียวของเขา ที่เขานับเป็นเพื่อนจริงๆ

 

ขอแค่มีมินาโตะที่แสนร่าเริงคนนั้นเพียงคนเดียวก็พอ เขาไม่ต้องการเพื่อนที่ไม่จำเป็นอีก

 

จนกระทั่งวันหนึ่งจู่ๆมินาโตะก็ไม่มาที่โรงฝึกและหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย

 

จากวันเป็นสัปดาห์ จากสัปดาห์เริ่มผ่านไปเป็นเดือนอย่างเชื่องช้าท่ามกลางความทรมานของคนที่คิดว่าตัวเองถูกทิ้งแบบเขา ถ้าบอกลากันสักนิดเขาย่อมทำใจได้อยู่แล้ว แต่จู่ๆก็หายไปไม่บอกกล่าวมันทำให้โลกทั้งใบของเขาแทบจะพังทลาย

 

ก็อย่างที่บอกว่าเขาไม่ต้องการอะไรอีกนอกจากมินาโตะและโลกเล็กๆของเราในโรงฝึก

 

เบอร์โทรศัพท์ที่ให้ไว้ก็ติดต่อไม่ได้ แม้แต่อ.ไซออนจิก็ยังติดต่อแม่ของมินาโตะไม่ได้เช่นกัน

 

การไปโรงฝึกกลายเป็นความน่ากลัวสำหรับเขาไปเลยในช่วงนั้น เพราะเขามักจะไปด้วยความหวังว่าจะได้เห็นมินาโตะกลับมาและยืนยิ้มร่ารอเขาอยู่แต่มันก็มีเพียงความว่างเปล่าอยู่ร่ำไป

 

มันทำให้เขากลัวจนไม่กล้าไปโรงฝึก ไม่กล้าจับธนู

 

หลังเลิกเรียน เขาเคยให้คนขับรถขับไปจอดดักรออยู่ที่หน้าโรงเรียนประถมที่มินาโตะเคยเล่าให้ฟังว่าตนเรียนอยู่ที่นั่น วันแล้ววันเล่าจนเป็นอาทิตย์เขาไปดักรอทุกเย็นไม่ขาดแต่ก็ไม่เจอมินาโตะเดินออกมาจากที่นั่นเลย

 

มินาโตะหายไปราวกับไม่เคยมีตัวตนมาก่อน

 

เขาหมดหนทางแล้วจริงๆเพราะไม่รู้ว่าบ้านของมินาโตะอยู่ที่ไหน มีเพื่อนที่ติดต่อได้คนอื่นอีกหรือเปล่า เขาไม่รู้อะไรเลยจริงๆ

 

เขาพยายามกลับมาใช้ชีวิตของตัวเองต่อไป พยายามหยิบธนูขึ้นมาอย่างยากเย็น

 

 

แล้ววันหนึ่งก็ราวกับมีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นกับตัวเขา

 

 

เขายังจำวินาทีแรกที่มินาโตะก้าวเข้ามาในโรงฝึกของชมรมยิงธนูคิริซากิได้

 

วินาทีที่ความรู้สึกมากมายเกิดขึ้นในใจเขา 

 

เขา ที่คิดจะตัดใจเรื่องของมินาโตะเพราะไม่ว่าจะหายังไงก็หาไม่เจอแต่ตอนนี้มินาโตะกลับมายืนอยู่ตรงหน้า

 

จู่ๆก็หายไปจู่ๆก็กลับมา

 

น่าแปลกที่เขาไม่นึกโกรธนึกเคืองมินาโตะเลยที่ทิ้งเขาไว้และทำให้เขาทรมานแทบตาย เพราะแค่ได้เห็นหน้ามินาโตะอีกครั้งก็มีเพียงความคิดถึงและโหยหาเท่านั้นที่แผ่ซ่านออกมาเต็มหัวใจ

 

"มาแล้วเหรอ มินาโตะ"   เขาพูดออกไปได้แค่นั้น

 

เขาไล่มองมินาโตะตั้งแต่หัวจรดเท้า รูปลักษณ์ของมินาโตะดูเปลี่ยนไปเล็กน้อย รอยยิ้มหายไปจากใบหน้าและมือข้างขวาที่ชอบเผลอไปกุมหน้าท้องซีกซ้ายเอาไว้ยามที่ไม่รู้ตัว

 

หลังจากนั้นมินาโตะจึงขอโทษเขาที่ไม่ได้ติดต่อไปและยังเล่าว่าเกิดอะไรขึ้นกับมินาโตะ

 

มันทำให้เขาแทบช็อค

 

เพราะช่วงเวลาที่เขาตามหามินาโตะเป็นบ้าเป็นหลัง มินาโตะกลับกำลังต่อสู้กับความตายอยู่ในโรงพยาบาล

 

เขาเกือบจะเสียมินาโตะไปตลอดกาลแล้วแท้ๆ

 

และนั่นคงจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาเริ่มเอาแต่ใจกับมินาโตะ เริ่มจากเรื่องเล็กๆอย่าง ขอไปบ้านมินาโตะ ยึดตัวมินาโตะเอาไว้ใกล้ๆ คอยมองดูมินาโตะไม่ให้คลาดสายตาและพยายามทำความรู้จักเซยะซึ่งเป็นเพื่อนข้างบ้านและสามารถติดต่อกับมินาโตะได้ในยามจำเป็น 

 

และเพราะนิสัยของมินาโตะเองก็เปลี่ยนไป จากเด็กผู้ชายที่สดใสร่าเริงกลับเงียบขรึมไปถนัดตา

 

หากมินาโตะยังเป็นเด็กผู้ชายที่ร่าเริงคนนั้นเขาก็คงจะยังคิดว่ามินาโตะเป็นแค่เพื่อนผู้ชายคนหนึ่ง

 

แต่เพราะรอยแผลเป็นที่หน้าท้องมันพรากความสดใสนั้นไปเหลือทิ้งไว้เพียงมินาโตะที่เศร้าหมองและเงียบขรึม แต่ความเงียบและรอยตำหนิกลับมีเสน่ห์ดึงดูดเขาในอีกรูปแบบหนึ่งเขาเริ่มมองมินาโตะเปลี่ยนไปก็เพราะรอยแผลเป็นนั่น

 

รูปแบบความรักของเขาเปลี่ยนไปก็เพราะรอยแผลนี่แหละ

 

 

"อือนอนได้แล้วชู…"    เสียงงัวเงียของมินาโตะดังขึ้นพร้อมกับมือบางจับลงมาที่มือซึ่งกำลังลูบอยู่บนรอยแผลเป็น

 

"อื้ม"    เขาตอบเบาๆพร้อมกับขยับขึ้นไปหนุนบนหมอนแล้วสลับที่กับมินาโตะ

 

สองแขนโอบกอดร่างกายบางเข้ามาไว้ในอ้อมแขน ให้หัวสีดำซบหน้าอกเขาแทนหมอน

 

ใบหน้าหล่อเหลาจูบขมับของมินาโตะเบาๆ เขาสัญญาว่าจะดูแลรักษามินาโตะให้ดีและจะไม่ยอมให้มินาโตะหายไปจากชีวิตของเขาอีก

 

 

แต่ถึงจะหายเขาก็จะไปเอาคืน

 

 

แน่นอน.

 

 

 

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

 

Story never End

 

 

อห.~~ ไม่ได้เขียนฟิคเรื่องนี้ซะนานนนน เรารู้นะว่ามีคนคิดถึงงง5555+ ขอบคุณสำหรับคอมเม้นต์และหัวใจที่ส่งมารัวๆสำหรับเรื่องนี้มากๆค่ะช่วงนี้ จริงๆก็แอบเขียนพล็อตเบ็ดเตล็ดเอาไว้ตลอดๆนะฟิคเรื่องนี้ แต่ด้วยความที่มันไม่ยาวและไม่ปะติดปะต่อก็เลยไม่ค่อยจะได้เขียนต่อ มาสครีมบ้านพังก็ช่วงครึ่งปีนี้แหละค่ะ ตั้งแต่มูฟวี่จนประกาศซีซั่นสอง เรือชูมินาโตะตูต้องกลับมาทะยานฟ้าแล้วไหมมมม5555 อร๊ายยยย >////<

 

แล้วเนี่ย พอรู้ว่าตัวละครใหม่ในซีซั่นสองก็มาจากชมรมยิงธนูม.ต้นคิริซากิเหมือนกันและเล็งชูกับมินาโตะไว้เพราะมีความแค้น(?)ส่วนตัว เท่านั้นแหละ กรี๊ดเป็นบ้าเลยค่ะะะะ คือแบบ มันน่าจะมีตอนที่แฟลชแบ็กถึงอดีตไม่มากก็น้อยแหละไหมมมม น่าจะพูดถึงเจ้าสามทหารเสือตอนอยู่ด้วยกันบ้างแหละไหมมม กรี๊ดดดด รอสุดอะไรสุดแหละ Tsurune ซีนี้ >/////<

 

อย่าง PV ตัวแรกนี่ก็จะไม่ทน ดูเค้าโทรหากันสิคะะะะ รอยยิ้มชูแบบ อ่อนโยนมว๊ากกกก น้อนก็แบบโทรหาชูไปยิ้มไป โอ๊ย คือต้องเข้าใจนะว่าสองคนนี้ไม่ใช่คนยิ้มง่ายเลยอ่ะ แต่โทรหากันแล้วยิ้มแบบนี้ก็คืออิแม่อย่างตูตายไปเลยข่ะะะะ >/////<

 

รอวันที่4มกราที่ซีซั่นสองจะฉายอย่างใจจดใจจ่อเลยค่ะ งื้ออออ

 

แล้วเจอกันตอนหน้าน้า อ้อ ใครคิดถึงเรืออื่นอย่างมาสะมินาโตะหรือเซยะมินาโตะ หรือแม้แต่ชูมินาโตะเองก็มีแอบไปแจมในฟิคเรื่อง Honey so sweet อยู่นะคะ อ่านระหว่างรอปั่นเรื่องนี้ก่อนกะได้ค่ะ อิๆๆ มุมมองของสามเรือนี้จะแปลกมากๆค่ะในฟิคเรื่องนั้น แบบพล็อตซ้อนพล็อตซ้อนพล็อตอีกที555 แบบ เป็นโดจินของมังงะออริที่นายเอกของเรื่องแต่งขึ้นมาอีกที555

 

ขอบคุณสำหรับทุกๆการติดตาม ทุกๆคอมเม้นต์ ทุกๆหัวใจด้วยน้า~

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น