Tsurune.
One-Shot.Fic [Shuu x Minato] หรือรักเรียกหา : 10 : END
:
Tsurune ; kazemai koukou kyudou-bu Short Fanfiction
:
Fujiwara Shuu x Narumiya Minato
:
Warmhearted
:
NC-17
คำเตือน :
เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ
โรงเรียนคิริซากิ
แผนก ม.ต้น
“หมดเวลาแล้ว ทุกคนวางปากกาแล้วส่งกระดาษคำตอบขึ้นมาข้างหน้า”
เสียงประกาศกร้าวดังมาจากอาจารย์คุมสอบที่ยืนอยู่หน้าชั้นเรียนปีหนึ่ง
เสียงอื้ออึงดังสวนขึ้นมาทันที มีทั้งหันไปพูดคุยกันว่าทำข้อสอบได้ไหม
มีทั้งรีบหยิบตำราขึ้นมาเปิดเช็คคำตอบ มีทั้งคนที่ปลงตก มีทั้นคนที่ร้องโหยหวน
มีทั้งคนที่เริงร่าเพราะในที่สุดการสอบปลายภาคก็จบลงเสียที
และการเป็นเด็กมัธยมต้นปีหนึ่งเองก็กำลังจะจบลงแล้วเช่นกัน
“ไปชมรมกันไหม?” นารุมิยะ
มินาโตะในชุดนักเรียนม.ต้นคิริซากิเอ่ยชวนเพื่อนสนิทที่นั่งอยู่โต๊ะข้างๆกัน
“ไปสิ ไม่ได้ยิงธนูมาหลายวัน มินาโตะคงคิดถึงแย่” ทาเคฮายะ เซยะเอ่ยไปด้วยเก็บของบนโต๊ะไปด้วย เพราะต้องอ่านหนังสือสอบ
ชมรมจึงไม่ได้ทำกิจกรรมมาร่วมอาทิตย์แล้ว
“ชูล่ะ?” ใบหน้าภายใต้กรอบผมสั้นสีดำหันไปถามอีกคนที่กำลังเก็บของลงกระเป๋าด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“มินาโตะไปก่อนเถอะ เดี๋ยวฉันตามไป พอดีมีธุระที่ห้องผู้อำนวยการนิดหน่อย”
เจ้าชายน้อยแห่งชมรมยิงธนูคิริซากิเอ่ยบอกด้วยเสียงราบเรียบ
ต่างจากเพื่อนสนิททั้งสองที่อึ้งจนดวงตาเบิกค้างไปแล้ว
ก็การถูกผอ.ของโรงเรียนเรียกพบมันใช่เรื่องธรรมดาของเด็กม.ต้นอย่างพวกเขาเสียที่ไหน
“นาย…ไปทำอะไรไว้รึเปล่า? คงไม่ได้ถูกเรียกไปทำโทษใช่ไหม?”
มินาโตะถามออกไปอย่างเป็นห่วง
ถึงชูจะไม่ใช่คนที่ชอบก่อเรื่องแต่เขาก็นึกไม่ออกว่าจะถูกเรียกไปด้วยเรื่องอะไรได้อีก
“เปล่า ฉันเป็นคนไปขอพบเอง ไม่มีอะไรหรอก มินาโตะไปรอที่ห้องชมรมก่อนเถอะ”
แต่เจ้าคนหน้าตายก็ยังคงตอบด้วยเสียงที่เป็นเส้นตรง
นารุมิยะ
มินาโตะหรี่ตามองอย่างไม่อยากจะเชื่อนัก แต่ถ้าชูไม่คิดจะบอก
เค้นไปก็คงไม่ได้คำตอบอยู่ดี
“ถ้างั้นเจอกันที่ชมรมนะ” เป็นเซยะที่ตัดบทแล้วลากมินาโตะออกไป
ฟูจิวาระ
ชูจึงเดินทอดน่องไปยังห้องที่อยู่ปลายสุดทางเดิน ไม่ค่อยมีใครมาที่นี่นัก
บรรยากาศรอบกายจึงเงียบสงบ
ก๊อกๆ
ฝ่ามือของเด็กชายที่กำลังจะกลายเป็นเด็กหนุ่มเคาะลงไปบนประตูไม้
และเมื่อได้ยินเสียงตอบรับดังมาจากข้างใน
ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของตระกูลฟูจิวาระจึงเดินเข้าไปด้วยใบหน้าสุขุม
ในจังหวะที่ขายาวก้าวเดิน
ในหัวสีน้ำตาลอ่อนก็คิดเรื่องที่จะมาพูดกับผู้อำนวยการโรงเรียนไปด้วย
จริงอยู่
ปีที่ผ่านมาเขากับมินาโตะอาจจะบังเอิญได้อยู่ห้องเดียวกัน แต่ใครจะไปรู้ละว่าพอขึ้นปีสองแล้วจะยังมีเรื่องบังเอิญแบบนี้อยู่อีกรึเปล่า
เพราะงั้น… ในเมื่อฟูจิวาระ
ชูมีทั้งชื่อเสียง เงินทอง และอำนาจ เขาก็ควรจะใช้มันเพื่อกำหนดโชคชะตาของตัวเองสิ
"มาแล้วเหรอฟูจิวาระคุง? มีเรื่องอะไรจะคุยกับฉันล่ะ?"
ผู้อำนวยการโรงเรียนที่อยู่ในชุดเสื้อกั๊กสูทกับเชิ้ตสีขาวดูภูมิฐานสมกับที่เป็นคนคอยดูแลโรงเรียนเอกชนชื่อดังแห่งนี้จริงๆ
ร่างสง่าแม้ว่าจะมีอายุแล้วกำลังยืนมองเด็กนักเรียนทยอยกลับบ้านจากหน้าต่างบานใหญ่ในห้อง
"ผมสามารถขอร้องให้คุณพ่อบริจาคเงินเพื่อปรับปรุงโรงยิมได้นะครับ"
ไม่พูดพร่ำทำเพลง ใบหน้าที่หมดจดและหล่อเหลาราวกับเจ้าชายตัวน้อยเอ่ยออกมาทันทีที่เผชิญหน้ากับคนที่เป็นผู้ใหญ่กว่า
"หื๋ม…" ผู้อำนวยการถึงกับยกมือขึ้นมาลูบคางอย่างสนใจ
“ผมรู้มาว่าทางโรงเรียนกำลังมีแผนจะปรับปรุงโรงยิมใหม่”
อันที่จริงก็ไม่ใช่ความลับอะไรหรอก คณะกรรมการโรงเรียนทุกคนรู้เรื่องนี้กันอยู่แล้วและในเหล่าคณะกรรมการเองก็มีคนของตระกูลฟูจิวาระอยู่หลายคน
เด็กนี่ที่เป็นทายาทสายตรงจะรู้ก็ไม่แปลก ผู้อำนวยการจึงมองเด็กชายตรงหน้าด้วยสายตาเข้าใจความหมาย
"อย่างเธอคงจะไม่ขอร้องคุณพ่อให้ฟรีๆหรอกใช่ไหม? ฉันขอฟังก่อนได้รึเปล่าว่าเธอต้องการอะไร?"
"ผมต้องการอยู่ห้องเดียวกับนารุมิยะ มินาโตะไปจนจบการศึกษาเท่านั้นครับ
ไม่น่าเกินความสามารถของผู้อำนวยการนะครับ" แล้วฟูจิวาระ ชูก็บอกสิ่งที่ตัวเองต้องการมาตรงๆ
"......"
มันไม่ใช่เรื่องที่เกินความสามารถของผู้อำนวยการโรงเรียนอย่างเขาจริงๆนั่นแหละ
แต่ที่ไม่ค่อยเข้าใจก็คือจะให้เงินหลายล้านเยนแลกกับเรื่องแค่นั้นน่ะนะ?
เป็นเด็กที่แปลกจริงๆ
"เรื่องนี้…ต้องเป็นความลับระหว่างเรานะ"
ไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธอยู่แล้ว
การหาเงินขนาดนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย และเรื่องที่เด็กชายขอก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร
ดีไม่ดีคนจัดห้องอาจจะจัดให้ทั้งสองคนอยู่ห้องเดียวกันอยู่แล้วก็ได้
"ครับ"
"ดูท่าแล้ว ถ้าฉันอยากจะควบคุมนายน้อยของตระกูลฟูจิวาระอย่างเธอ
คงต้องพึ่งเด็กคนนั้นสินะ?" ใบหน้าใจดียิ้มออกไปในขณะที่เอ่ยหยอกเด็กชาย
"ครับ ถ้าคุณอยากให้ผมอยู่ในกำมือของคุณ คุณก็ต้องดูแลนารุมิยะ
มินาโตะให้ดีครับ" แต่เจ้าเด็กตรงหน้ากลับตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉยและยอมรับความจริงเสียอย่างงั้น
"แล้วคุณจะขอร้องอะไรผม มันก็จะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป"
นี่ไม่รู้เลยนะว่ามาเผยจุดอ่อนของตัวเองหรือมาข่มขู่เขาอยู่กันแน่?
เพราะถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับเด็กคนนั้น ฟูจิวาระ
ชูก็อาจจะเปลี่ยนมาเป็นศัตรูกับเขาก็ได้?
แต่สิ่งหนึ่งที่เรียกความสนใจจากผู้อำนวยการโรงเรียนอย่างเขาให้หันไปจับตามองได้นั่นก็คือ
เด็กที่ชื่อนารุมิยะ มินาโตะเป็นใครกัน?
"ขอตัวก่อนนะครับ" ฟูจิวาระ
ชูเดินออกไปในขณะที่เขายังอึ้งไม่หาย
เจ้าเด็กนี่…ร้ายกาจสมเป็นคนของตระกูลฟูจิวาระจริงๆ
ตัวแค่นี้ยังกล้าเดินเข้ามาต่อรองกับผอ.อย่างเขาโดยไม่เกรงกลัวอะไร ดูท่า…เด็กที่ชื่อนารุมิยะคงจะโดนยักษ์หมายหัวเข้าให้แล้ว จากนี้ไป
ต่อให้ดิ้นหนียังไงก็คงไม่พ้นถูกจับกินอยู่ดี
คงต้องคอยสั่งให้พวกครูดูแลเป็นพิเศษเสียแล้ว
ต้องระวังเอาไว้ก่อน ไม่มีใครอยากมีปัญหากับพวกฟูจิวาระหรอก
และเพราะแบบนั้น
ในวันแรกของปีการศึกษาที่สอง…นัยน์ตาสีม่วงจึงมองเห็นแผ่นหลังที่คุ้นตาตั้งแต่เหยียบเข้าห้องเรียนมา
เงินสิบล้านเยนถือว่าเล็กน้อยมากหากเทียบกับการที่เขาจะมีมินาโตะนั่งอยู่ข้างๆตลอดทั้งปี
"ปีนี้ก็อยู่ห้องเดียวกันอีกแล้วนะ ชู" ใบหน้าไร้เดียงสาเอ่ยทักอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว
"อืม" เขาตอบสั้นๆพร้อมกับวางกระเป๋าลงไปบนโต๊ะซึ่งอยู่ข้างหลังมินาโตะโดยมีเซยะประกบอยู่ข้างหน้า
เขาชอบให้มินาโตะอยู่ในสายตาถึงได้เลือกที่ตรงนี้แทนที่จะนั่งข้างๆ
เขาชอบมองท้ายทอยและช่วงคอที่สวยงามของมินาโตะ
เขาชอบมองแผ่นหลังที่ตั้งตรงอยู่เสมอแม้จะไม่ใช่เวลายิงธนู
เขาชอบมองเสี้ยวใบหน้าและแก้มป่องๆที่ยื่นออกมาทุกครั้งที่มินาโตะครุ่นคิด
เขาชอบมองมินาโตะ
ตอนอยู่ปีหนึ่ง
แรกๆเขาก็แค่ยังถูกความกลัวครอบงำ
เพราะมินาโตะเคยประสบอุบัติเหตุและหายไปจากชีวิตเขามาระยะหนึ่ง
เขากลัวว่ามินาโตะจะหายไปอีก
เขาจึงเลือกที่จะนั่งตรงนี้เพื่อเฝ้ามองมินาโตะไม่ให้คลาดสายตา
แต่พอได้มองไปนานๆ
เขาถึงรู้ตัวว่า การได้นั่งมองมินาโตะคือความสุขอย่างหนึ่งของเขา
แต่ชีวิตปีสองของเขาก็ไม่นับว่าสงบสุขนัก
เพราะฟูจิวาระ
ชูไม่ใช่แค่หน้าตาดีและมาจากครอบครัวที่มีฐานะเท่านั้น
ในโรงเรียนนี้มีเด็กบ้านรวยอยู่เต็มไปหมด
แต่ที่เขาแตกต่างจากคนพวกนั้นนั่นก็เพราะตระกูลฟูจิวาระไม่ได้เพิ่งสร้างตัวขึ้นมาจากคนแค่รุ่นสองรุ่น
แต่พวกเขามีชื่อเสียงและฐานะแบบนี้มาหลายร้อยปีแล้ว
ชนชั้นทางสังคมของเขาจึงไม่ธรรมดา
และแน่นอนว่าพวกลูกหลานเศรษฐีใหม่ย่อมอยากผูกมิตรกับเขาทั้งสิ้น
หมอนั่นเองก็เป็นหนึ่งในนั้น
ถ้าจำไม่ผิดรู้สึกจะชื่อมาเอดะ?
หรือจะอะไรก็ช่างเถอะ
เอาเป็นว่าในห้องเรียนม.ต้นปีสองของเขามีนักเรียนชายคนหนึ่งที่มักจะทำตัววุ่นวายและพยายามชักชวนเขาให้เข้าเป็นพวก
พยายามสร้างกลุ่มเด็กที่มีอิทธิพลและชนชั้นสูงที่สุดในห้องเพื่อแสดงอำนาจให้เพื่อนคนอื่นเกรงใจ
พยายามจะเข้ามาทำตัวสนิทสนมด้วยเพราะหมอนั่นคิดว่ามีแต่คนอย่างฟูจิวาระ
ชูนี่แหละที่คู่ควรจะเป็นเพื่อนของตัวเองซึ่งเป็นถึงลูกชายบริษัทเดินเรือที่ใหญ่ที่สุดในคาบสมุทรญี่ปุ่น
แต่โทษที
เขาไม่ได้สนใจเลยสักนิด
และไม่ว่าอีกฝ่ายจะพยายามผูกมิตรจอมปลอมกับเขาแค่ไหน
พยายามแสร้งทำดีด้วยยังไง เขาก็แค่ทักทายตามมารยาทแล้วกลับไปนั่งกับมินาโตะตามเดิม
เขาไม่ได้รู้สึกรำคาญหรอกเพราะเขาเจอคนแบบนี้มาตลอด
เขาก็แค่ต้องทำความเคยชินและใช้ชีวิตอยู่กับมันให้ได้
ตราบใดที่หมอนั่นไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้มินาโตะเขาก็จะปล่อยไป
เพราะบางครั้ง…ความวุ่นวายของหมอนั่น…มันก็มีประโยชน์เหมือนกัน…
ในเทอมสองของม.ต้นปีสองมีกิจกรรมหนึ่งซึ่งเป็นที่ตั้งตาคอยของนักเรียนทุกคน
นั่นก็คือการไปทัศนศึกษานอกสถานที่
พูดง่ายๆก็คือพานักเรียนทั้งชั้นปีไปเที่ยวนั่นแหละ
ส่วนมากก็จะไปเมืองแห่งประวัติศาสตร์อย่างเกียวโตหรือไปทะเลอย่างโอกินาว่าหรือฮาวาย
แต่จะไปที่ไหนเขาก็ไม่ได้ใส่ใจหรอก
เพราะสิ่งที่เขาสนใจมีแค่การไปทัศนศึกษานั้นต้องนอนค้างคืนกับเพื่อนในห้อง…นั่นก็หมายความว่าเขาจะได้นอนใกล้ๆมินาโตะเป็นครั้งแรก
ถึงจะเคยไปบ้านมินาโตะ
เคยกอด เคยจูบ แต่ก็ไม่เคยนอนด้วยกันทั้งคืนแบบนี้มาก่อน
ตื่นเต้นดีไหมล่ะ? ถึงหน้าเขาจะยังราบเรียบไม่เปลี่ยนแต่เขาก็ตั้งตารอวันไปทัศนศึกษาอยู่นะ
เพราะงั้น
ต่อให้มาเอดะจะพยายามใช้อภิสิทธิ์จัดให้เขาไปนอนห้องเดี่ยวกับตน
แทนที่จะเป็นห้องรวม เขาก็ไม่สน
หลังจากนั่งชินคันเซ็นมาหลายชั่วโมง
เขาจึงเดินตามมินาโตะต้อยๆไปยังห้องเสื่อทาทามิรวมโดยไม่แยแสห้องเดี่ยวที่ถูกจองเป็นพิเศษและน่าจะสะดวกสบายกว่านั่นเลยสักนิด
"ฟูจิวาระ? นายไม่ได้ไปนอนห้องเดี่ยวกับมาเอดะเหรอ?
หมอนั่นให้อาจารย์จัดห้องเดี่ยวแพงหูฉี่ไว้ให้เลยนี่? แถมยังมาป่าวประกาศในห้องอีกว่านายจะไปนอนด้วยกัน?" เพื่อนในห้องถามเมื่อเห็นเขาเดินตามมินาโตะเข้ามา
ในห้องนี้เป็นเพียงห้องเสื่อทาทามิโล่งๆ มีฟูกพับวางตามตำแหน่งไว้ให้
เพื่อนผู้ชายในห้องจะนอนรวมกันที่นี่
"ฉันจะนอนที่นี่" เขาตอบหน้าตาย
"อ้าว? แต่ไม่มีฟูกแล้วนะ?"
"ไม่เป็นไร ฉันนอนฟูกเดียวกับมินาโตะก็ได้" ใบหน้าหล่อเหลาตอบด้วยรอยยิ้มพลางหันไปมองมินาโตะที่ขมวดคิ้วหรี่ตามองกลับมา
"....นายถามฉันรึยัง ชู?" มินาโตะถอนหายใจก่อนจะวางกระเป๋ากีฬาของชมรมยิงธนูลงไปที่ข้างฝาห้อง
"....."
แล้วคนหน้าตายก็วางกระเป๋าตามหน้าตาเฉย
เขาเคยต้องถามด้วยเหรอ?
เงาร่างทั้งสามเดินตามกลุ่มเพื่อนกลับเข้าโรงแรมอีกครั้งเมื่อภายนอกมืดสนิท
ใบหน้าหล่อเหลาของฟูจิวาระ ชูกำลังอมยิ้มน้อยๆอย่างที่หากไม่สังเกตดีๆก็คงจะไม่รู้
ใช่
ตอนนี้เขากำลังอารมณ์ดีสุดๆ
ในหัวกำลังนึกถึงภาพถ่ายมากมายที่อยู่ในโทรศัพท์มือถือของเขา
การมาทัศนศึกษามันดีแบบนี้นี่เอง เขาจะถ่ายรูปกับมินาโตะเท่าไหร่ก็ได้
จะถ่ายมินาโตะกับวัดวาอารามพวกนั้นแค่ไหนก็ไม่มีใครคิดว่าแปลกอะไร
มือใหญ่ล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงก่อนจะแตะเจอวัตถุสี่เหลี่ยม
ตอนนี้…มันคือสิ่งของที่มีค่ารองจากธนูเลยก็ว่าได้ มินาโตะในรูปพวกนั้นน่ารักมาก
“อาบน้ำกัน~” เสียงของเพื่อนในห้องคนหนึ่งทำให้นัยน์ตาสีม่วงยอมละจากต้นคอขาวๆของคนที่เดินนำอยู่ก่อนจะหันไปมองอย่างสนใจ
อาบน้ำกับมินาโตะ?
“ได้ยินว่าเป็นห้องน้ำรวมแบบมีออนเซ็นด้วยนะเว้ย รีบไปเหอะ” แต่แล้วเสียงของเพื่อนอีกคนก็ทำให้ทั้งเขาทั้งเซยะผงะไป…ห้องน้ำรวม?!
“มินาโตะ ฉันทำพวงกุญแจที่จะซื้อไปฝากคุณแม่หาย ช่วยฉันหาหน่อยได้ไหม?”
เซยะพูดออกมาด้วยสีหน้านิ่งๆ
ที่ต้นขาของเขารู้สึกว่ามีอะไรสะกิดอยู่? แล้วพอก้มลงไปดู…ถุงใส่ของฝากไม่ใช่เหรอ?
เซยะกำลังแอบส่งถุงใส่พวงกุญแจที่ว่าหายไปนั่นให้เขา
แน่นอนว่าพวกเขาไม่ต้องสื่อสารกันทางสายตาหรืออะไรให้เสียเวลา
ถ้าเป็นเรื่องหวงมินาโตะ พวกเขาสองคนแทบไม่ต้องสื่อสารกันด้วยซ้ำ
มือใหญ่คว้าหมับไปที่ถุงนั่นโดยไม่ให้มินาโตะเห็นแล้วซ่อนมันไว้ในกระเป๋ากางเกงทันที
“หื๋อ? นายหาในกระเป๋าดีแล้วใช่ไหม? อยู่ตามซอกหรือเปล่า?” มินาโตะหันมาถามอย่างใส่ใจ
“ไม่มี นายลองดูสิ” เซยะส่งกระเป๋าสะพายให้มินาโตะสำรวจ
แน่นอนว่าไม่เจออะไรเพราะของนั่นมันอยู่ที่เขา
ใบหน้าหล่อเหลาทำนิ่งๆเนียนๆไม่รู้เรื่องไป
“ทำหล่นไว้ข้างนอกหรือเปล่า? ลองออกไปเดินหาตรงทางเข้าโรงแรมดูไหม?”
เสียงทุ้มเสนอความคิดเห็น…อะไรก็ได้ขอแค่ลากมินาโตะให้พ้นห้องน้ำรวมในตอนนี้ก็พอ
ถึงจะเป็นผู้ชายเหมือนกันแต่เขาก็ไม่อยากให้เพื่อนในห้องเห็นเรือนร่างที่สวยงามของมินาโตะหรอก
รวมถึงรอยแผลเป็นที่หน้าท้องนั่นด้วย…
พวกเพื่อนๆคงอยากรู้อยากเห็นและคงถามมินาโตะแน่ว่าไปได้รอยแผลเป็นนั่นมาจากไหน…ซึ่งเขารู้ดีว่ามินาโตะยังไม่พร้อมจะพูดเรื่องนี้กับคนอื่น
อุบัติเหตุที่พรากคุณแม่ไปจากมินาโตะ
รอยแผลเป็นที่ทำให้เด็กที่เคยร่าเริงอย่างมินาโตะกลายเป็นคนเงียบขรึมไม่สดใสเท่าเมื่อก่อน
“ถ้างั้นก็ลองไปดูตรงทางเข้าโรงแรมกันเถอะ” มินาโตะเอ่ยออกมาก่อนจะเดินนำออกไป
เขากับเซยะเหลือบมองกันโดยไม่ต้องพูดอะไร พวกเขาก้าวเดินตามไปอย่างเข้าใจกันดี
อันที่จริงเขากับเซยะไม่ได้ญาติดีกันนักหรอก
แต่พวกเขาก็สามัคคีกันมากหากเป็นเรื่องของมินาโตะ
อันที่จริง…ไม่ใช่ว่ามินาโตะจะไม่เนื้อหอม
เพราะอยู่กับคนอย่างฟูจิวาระ ชูตลอด มินาโตะจึงถูกจับตามองไปโดยปริยาย
มินาโตะจะเป็นไทป์แบบน้องชายข้างบ้านของพวกบรรดารุ่นพี่สาวๆมากเป็นพิเศษ
ซึ่งเรื่องนี้เจ้าตัวไม่เคยรู้มาก่อน
เพราะส่วนใหญ่แล้วมักจะโดนไม่เขาก็เซยะสกัดดาวรุ่งเอาไว้เสียหมด
ตัวอย่างเช่น…เมื่อเขาไปเจอเข้ากับรุ่นพี่สาวที่ดักรอจะเอาคุกกี้ทำเองให้มินาโตะอยู่หน้าห้องเรียน…
“กลิ่นแบบนี้…ถ้าเป็นที่บ้านฟูจิวาระคงถูกคัดทิ้งเป็นชิ้นแรกแน่ๆ
แต่ผมไม่ได้ว่าคุกกี้ของรุ่นพี่ไม่ดีหรอกนะครับ
กลิ่นกับหน้าตาก็ใช่ว่าจะบ่งบอกรสชาติได้นี่ครับ มันอาจจะอร่อย…ก็ได้?”
หรือไม่ก็…เมื่อเซยะไปเจอเข้ากับรุ่นพี่สาวที่ดักรอจะเอาข้าวกล่องอาหารกลางวันให้มินาโตะที่หน้าโรงอาหาร…
“ไม่จำเป็นต้องยิ่งใหญ่ ไม่ใช่เป้าหมายของชีวิต แต่มันคือสมดุลและภายใน”
“เอ๊ะ?”
“แก่นของอิคิไกโดยเคน โมงิครับ ว่าด้วยเรื่องเหตุผลของการมีชีวิตอยู่
ข้าวกล่องอันนี้คงจะมาจากวงกลมของสิ่งที่เรารักบวกกับวงกลมของสิ่งที่เราทำได้ดีหรือก็คือวงกลมแห่งความหลงใหลสินะครับ?”
“เอ่อ…..”
นั่นแหละ…ทั้งถุงคุกกี้ทั้งเบนโตะทำเองต่างก็หดหนีเมื่อเจอความเหนือชั้นของพวกเขาเข้าข่ม
เด็กสาวที่ไหนก็ต้องรู้สึกเกร็งและรู้สึกต่ำต้อยกว่าเป็นธรรมดาหากจะต้องเข้าหามินาโตะที่มีเพื่อนซึ่งไม่ธรรมดาประกบติดอยู่ถึงสองคน…
มินาโตะ…ถึงได้ยังปลอดภัยหายห่วงจนถึงทุกวันนี้…
การค้นหากินเวลากว่าครึ่งค่อนชั่วโมง
ในขณะที่แสร้งทำเป็นหาของเขาก็ดูจนแน่ใจว่าพวกเพื่อนๆที่เดินไปอาบน้ำต่างเดินกลับมากันหมดแล้ว
มือใหญ่จึงล้วงถุงพวงกุญแจออกมาจากกระเป๋ากางเกง…แล้วหย่อนไว้ตรงพุ่มไม้ใกล้ๆทางเดิน…
“ใช่อันนี้หรือเปล่า?” เสียงราบเรียบถามออกไป
ร่างสูงทำเป็นก้มลงไปแหวกพุ่มไม้
เซยะก็ทำเป็นเดินมาดูก่อนจะทำเป็นพูดออกไปด้วยน้ำเสียงดีใจ
“ใช่แล้ว ถุงนี้แหละ ขอบใจมากนะ ชู มินาโตะ” นัยน์ตาสีน้ำเงินสบตากับเขาชั่ววินาทีก่อนจะหันไปยิ้มให้มินาโตะ
เอาเป็นว่า แผนการก็ผ่านไปได้ด้วยดี
เพราะตอนนี้ในห้องอาบน้ำรวมไม่มีใครเหลืออยู่สักคน…
มีเพียงไออุ่นๆลอยกรุ่นเหนือบ่อน้ำ
สามทหารเสือแห่งชมรมยิงธนูยืนเรียงกันอยู่โดยมีผ้าขนหนูผืนเล็กๆปิดท่อนล่างไว้
ทายาทตระกูลดังถึงกับต้องลอบกลืนน้ำลาย
ถึงแม้จะเคยเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยกันในห้องชมรมยิงธนูแต่สถานการณ์ก็แตกต่างกันมาก
ตอนนี้…มินาโตะกำลังยืนอยู่ข้างๆเขา…โดยไม่มีแม้แต่กางเกงชั้นใน…ใต้ผ้าขนหนูนั่นคือร่างกายที่เปลือยเปล่า…
อันตราย…สุดๆ
เขารู้ตัวมาสักพักแล้วว่าร่างกายของมินาโตะทำให้เขาเกิดอารมณ์ทางเพศทั้งๆที่ไม่เคยมีปฏิกิริยาแบบนี้กับใครมาก่อน
นั่นยิ่งทำให้เขาแน่ใจว่าเขา “ชอบ” มินาโตะในความหมายไหน
ใบหน้าหล่อเหลาจำต้องสะกดกลั้นความรู้สึกว้าวุ่นใจเอาไว้ข้างในก่อนจะเดินตามลงน้ำด้วยสีหน้าเรียบเฉย
แผ่นหลังของมินาโตะบอบบางจริงๆ
“ชู? ทำอะไรน่ะ?” มินาโตะหันมามองอย่างงงๆเมื่อจู่ๆก็ถูกมือของเขาลูบที่หลัง
อ่า…เผลอไปจนได้…
“แมลงน่ะ” เขายิ้มให้หน้าตาย
จะตอบว่าตัวชูก็กระไรอยู่ มินาโตะขมวดคิ้วอยู่ห้าวินาทีก็ยอมปล่อยเขาแต่โดยดี
“น้ำร้อนกำลังดีเลยนะ” มินาโตะนั่งแช่น้ำร้อนด้วยใบหน้าผ่อนคลาย
เขาจึงนั่งลงข้างๆ
“ไม่ร้อนเกินไปหน่อยเหรอ?” ไม่ใช่เขาแต่เป็นเซยะที่พูดออกมา
รู้สึกว่าหน้าหมอนั่นจะแดงแปลกๆ?
“นายไหวไหมเนี่ยเซยะ?” มินาโตะเหล่มอง
ไม่ได้มีแต่เขาที่คิดว่าหน้าของเซยะแดงผิดปกติ
“สงสัยว่าฉันคงต้องขึ้นก่อน พวกนายแช่กันต่อเถอะ” หื๋อ? เพิ่งลงไปเองนะ?
“อื้อ เดี๋ยวเจอกันที่ห้อง” เขาและมินาโตะมองตามเซยะที่แดงเถือกไปทั้งตัวเดินออกจากบ่อน้ำร้อนไป
มินาโตะวักน้ำล้างหน้าอย่างไม่ใส่ใจราวกับรู้อยู่แล้ว
“ทั้งๆที่กินเผ็ดเก่งขนาดนั้นแต่กลับแช่น้ำร้อนนานๆไม่ได้
ประหลาดดีใช่ไหมล่ะ?” อ้อ…แบบนี้นี่เอง
เขาไม่ได้สนิทกับเซยะมากขนาดนั้น
เขาจึงไม่เคยรู้เรื่องเล็กๆน้อยๆของอีกฝ่าย เซยะเองก็เช่นกัน
ที่ไม่รู้เรื่องอะไรของเขามากนัก จะมีก็แต่มินาโตะที่รู้จักพวกเราทั้งคู่ดีที่สุด
บ่อน้ำร้อนที่เหลือเพียงเขากับมินาโตะนั้นเงียบงันแต่กลับไม่ได้อึดอัด
พวกเรามักจะใช้เวลาอยู่ด้วยกันท่ามกลางความสงบนิ่งแบบนี้อยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องหาเรื่องมาคุยกันให้วุ่นวาย
แค่ได้นั่งมองควันลอยฉุย ต้นเมเปิลที่ตั้งตระหง่านเหนือกำแพงไม้ไผ่
ใบสีแดงที่ลอยละล่องเหนือน้ำอย่างเอื่อยเฉื่อย…แค่นี้ก็สุขใจแล้ว
“อร๊าย~” แต่แล้วความสงบของพวกเขาก็ถูกรบกวนด้วยเสียงที่ดังมาจากอีกฝั่งของกำแพง
น่าจะมาจากห้องน้ำหญิง?
“สวยจัง~ อยากแช่บ่อกลางแจ้งแบบนี้มานานแล้ว~”
ดูเหมือนอีกฝั่งน่าจะเพิ่งมีคนกลุ่มใหม่มาใช้บ่อน้ำร้อน
พวกเขาจึงนั่งแช่ต่อไปอย่างไม่ใส่ใจนัก แต่แล้ว
“กรี๊ด~ จู่ๆมาจับหน้าอกกันทำไมเนี่ย ว๊าย~”
อึ่ก!!! พวกเขาสองคนถึงกับสะอึกกับบทสนทนาที่บังเอิญได้ยิน
“ก็มันใหญ่น่าจับดีนี่นา~ กรี๊ด~ อย่าบีบสิ~ ว๊าย~” เสียงวี๊ดว๊ายดังมาไม่ขาดสาย พวกผู้หญิง…ชอบเล่นแบบนี้กันเองเหรอเนี่ย…
เขาหันไปมองมินาโตะที่หน้าแดงน้อยๆกับเสียงที่ได้ยิน
มินาโตะค่อยๆกดตัวเองลงไปในน้ำจนโผล่มาแค่ครึ่งหน้า คงจะเขินอายกับคำพูดพวกนั้นสินะ
ร่างสูงจึงขยับไปนั่งซ้อนหลังมินาโตะอย่างเนียนๆก่อนจะซบหัวสีน้ำตาลอ่อนลงไปบนไหล่บาง
“ชู? เป็นอะไร?” มินาโตะดึงตัวเองขึ้นมาจากน้ำก่อนจะเอียงคอถาม
“เป็นผู้ชาย” เขาตอบหน้าตายทำให้ใบหน้ามนถึงกับผงะ
“......นาย คิดว่าฉันแยกระหว่างผู้ชายกับผู้หญิงไม่ออกหรือไง?”
มินาโตะหรี่ตามอง
เขาจึงยิ้มให้แล้วกดลำตัวบางลงสู่อ้อมแขนจนแผ่นหลังเนียนแนบสนิทไปกับแผ่นอกที่กำลังแตกเนื้อหนุ่มของเขา
เสียงทุ้มนุ่มลึกจงใจกระซิบข้างใบหู
“เพราะเป็นผู้ชายไง เลยอยากทำเรื่องแบบนี้กับนาย” มือใหญ่ลูบไล้ต้นขาด้านในขึ้นมาจนในที่สุดก็จับ “มินาโตะ”
ได้ มันยังเล็กและนอนสงบอยู่กลางหว่างขาไม่เหมือนกับ “ฟูจิวาระ ชู” ที่เริ่มลืมตาขึ้นมาหน่อยๆ
“เอ๊ะ?! จับอะไรของนาย?!” มินาโตะร้องโวยวายเมื่อถูกแตะต้องของสำคัญ
มือบางพยายามไล่ตะปบมือที่ซุกซนของเขา
"ชู่ว…เดี๋ยวทางนั้นก็ได้ยินหรอก"
เขาแกล้งกระซิบที่ใบหู
"อึก…" มินาโตะถึงกับชะงักไป
ขนาดเสียงฝั่งนั้นยังลอดมาถึงนี่ได้
เสียงจากทางนี้เองฝั่งนู้นก็ต้องได้ยินเหมือนกัน มินาโตะกัดฟันก่อนจะถลึงตาใส่เขา
เป็นปฏิกิริยาที่น่ารักมาก
เวลาถูกเขาจู่โจมมินาโตะมักจะแสดงสีหน้าอย่างอื่นออกมา ไม่ได้มีแต่สีหน้าเฉยชาไร้อารมณ์เหมือนตอนปกติ
"ฉันก็…อยากเล่นกับมินาโตะ
เหมือนที่พวกผู้หญิงเล่นกันบ้าง" เขาส่งยิ้มใสซื่อเหมือนคนจิตใจบริสุทธิ์เสียเต็มประดาให้
แต่มินาโตะก็หรี่ตามองอย่างรู้ทัน
"แต่พวกนั้นจับหน้าอกกัน แล้วนี่นายจับอะไร?"
"งั้นฉันจับหน้าอกมินาโตะก็ได้"
"ไม่ได้สิ? นี่ ชู~ อึก"
ไม่ว่าเปล่าเขาย้ายมือไปลูบคลึงที่หน้าอกของมินาโตะ
แล้วก็ต้องแปลกใจกับปฏิกิริยาที่สะท้อนกลับมาจากใบหน้ามน เพราะเหมือนตรงนี้…ก็ทำให้มินาโตะรู้สึกด้วย…
"อ๊ะ?!" เสียงร้องแปลกๆดังออกมาเบาๆราวกับหลุดปากเมื่อปลายนิ้วของเขาลองลูบผ่านยอดอก
ทั้งเขาทั้งมินาโตะต่างมองหน้ากันอย่างตกใจ
มือบางดันมือของเขาออกจากหน้าอกของตัวเองด้วยใบหน้าไม่เข้าใจแต่ก็เขินอายกับเสียงที่เผลอเปล่งออกไป
"ไม่ได้เหรอ? จับตรงนี้ดีกว่าเนอะ"
เขายอมละจากมาแต่โดยดี
คงต้องรอไปหาข้อมูลมากกว่านี้เสียหน่อย ส่วนตอนนี้…
"เนอะ อะไรเล่า อ๊ะ" ร่างในอ้อมแขนสะดุ้งเบาๆเมื่อมือของเขากลับไปจู่โจม
"มินาโตะ" อีกรอบ
ถ้าเป็นตรงนี้ละก็…นี่ไม่ใช่ครั้งแรก
ที่บ้านของมินาโตะ…เมื่อเดือนที่แล้ว…พวกเราก็เคยสัมผัสกันและกันจนถึงฝั่งฝันด้วยมือมาก่อน…
[กรี๊ด ยูกะจังอย่าหนีนะ มาให้จับซะดีๆ]
[ว๊าย ทั้งใหญ่ทั้งนิ่มเลยจับแล้วรู้สึกดีจัง~]
ใบหน้าหล่อเหลาถึงกับยกยิ้มเต็มริมฝีปากเมื่อมีเสียงแบกกราวด์แสนลามกดังคละเคล้าในขณะที่เขากำลังทำให้มินาโตะเริ่มสั่นสะท้านอยู่ในอ้อมแขน
"ถ้ามินาโตะอยากรู้สึกดีก็จับของฉันบ้างสิ ทั้งใหญ่ทั้งแข็งเลยนะ"
เสียงเจ้าเล่ห์เอ่ยใส่ใบหูแดงระเรื่อก่อนจะเป่าลมตามไปจนไหล่บางสั่นระริก
"เดี๋ยว…เถอะ…แฮ่ก…ไม่ต้องมาเลียนแบบ…สาวๆพวกนั้นเลย อื้อ~"
มือใหญ่รูดขึ้นลงไปตามแกนกายขนาดเหมาะมือ
นัยน์ตาสีม่วงจ้องมองเสี้ยวใบหน้ามนที่เห็นจากข้างหลังอย่างพึงพอใจ…แต่ว่า…อยากเห็นจากข้างหน้าจัง…
มือที่กำลังชักขึ้นลงหยุดชะงัก
ก่อนที่เขาจับมินาโตะให้หันกายกลับมาหา ให้ท่อนขาเรียวนั่งคร่อมต้นขาของเขาไว้
เขาเงยหน้ามองใบหน้าของมินาโตะที่อยู่สูงกว่าอย่างหลงใหล
แก้มใสที่แดงนิดๆกับสีหน้ายุ่งเหยิงที่กำลังคิดเรื่องความผิดชอบชั่วดีนั่นก็น่ารักมากจริงๆ
“ชู… นี่มันในห้องน้ำรวมนะ” มินาโตะเอ่ยห้ามปรามเมื่อเขาจงใจเสียดสีความเป็นชายที่ขยายตัวพอสมควรกับแกนกายของมินาโตะ
หัวคิ้วเรียวแทบจะขมวดเป็นปม
“มินาโตะก็อย่าส่งเสียงดังสิ” มันเป็นสัญชาตญาณของฝ่ายรุกหรือยังไงเขาก็ไม่แน่ใจ
ทั้งๆที่ปกติแล้วเขาไม่ใช่คนที่จะยอมเอาชื่อเสียงมาเสี่ยงแบบนี้แท้ๆ
แต่พอได้เห็นใบหน้าที่ไร้ทางสู้ของมินาโตะ
สัตว์ป่าในตัวก็เหมือนจะถูกปลุกขึ้นมาอยู่ตลอด…
“อึก…” แกนกายทั้งสองถูกมือใหญ่รวบเข้าหากัน
แค่มันถูกันนิดหน่อยเท่านั้นก็ทำให้รู้สึกดีขนาดนี้แล้ว
“เดี๋ยว…” มินาโตะยังพยายามห้ามปราม
มือใหญ่อีกข้างจึงรวบมือบางก่อนจะบังคับให้มันมาช่วยกอบกุมแกนกายทั้งสองไว้
“อ๊ะ…” มินาโตะดูเหมือนจะถอดใจในการต่อต้านเขาไปแล้ว
ต้นขาเรียวสั่นระริกบดเบียดอยู่บนต้นขาเขาบวกกับใบหน้ามนที่ปิดตาลงขมวดคิ้วน้อยๆบ่งบอกเป็นอย่างดีว่ามินาโตะกำลังรู้สึกดีขึ้นเรื่อยๆ
เขาช้อนใบหน้ามองใบหน้าของมินาโตะด้วยหัวใจที่เต้นแรง
ภาพที่สวยงามตรงหน้ากำลังทำให้เลือดสูบฉีดจนเบื้องล่างขยายใหญ่กว่าเดิมเป็นเท่าตัว
“แฮ่ก…ยังไงก็เถอะ…นี่มันใช่เรื่องที่ผู้ชายจะทำกับผู้ชายรึไง?
ฉันสงสัยมาตั้งนานแล้วนะ?” มินาโตะพยายามเรียกสติแล้วเอ่ยถามเขาตรงๆ
ดวงตาสีมรกตเอ่อคลอเปิดขึ้นมามองเขาอย่างต้องการคำตอบ เพราะที่ผ่านมา…มันเหมือนกับว่าพวกเขาทำเรื่องแบบนี้กันเพราะบรรยากาศพาไป
ทำด้วยความเผลอไผล ทำด้วยความไม่ตั้งใจ
แต่มันไม่ใช่แบบนั้นหรอกนะมินาโตะ
“ไม่ต้องสงสัยหรอก” เสียงทุ้มต่ำที่สั่นพร่าน้อยๆเอ่ยออกไปด้วยความรู้สึกที่หนักแน่น
“เพราะนี่เป็นเรื่องที่ฉันจะทำกับมินาโตะ…คนเดียว”
มินาโตะไม่ทันได้เปิดตาฟังคำตอบดีๆก็ต้องรีบปิดตาลงพร้อมไหล่บางสะดุ้งโหยง
เพราะมือใหญ่ใช้ข้อนิ้วที่หยาบกร้านจากการฝึกยิงธนูขยับอย่างรุนแรงไปตามแกนกายที่ใกล้จะถึงปลายทางของอารมณ์อยู่รอมร่อ
คราวนี้มันเลย…
“อ๊า~!” น้ำสีขาวขุ่นพุ่งทะลักออกมาพร้อมๆกับความปรารถนาที่พุ่งถึงขีดสุด
และเพราะใบหน้าหล่อเหลารีบปิดริมฝีปากของมินาโตะไว้ด้วยริมฝีปากของตัวเอง
เสียงแห่งความสุขสมจึงเปล่งออกมาให้ใครได้ยินเพียงแค่นั้น
จุ๊บ…จุ๊บ…
จูบทิ้งท้ายยังคงอ้อยอิ่งต่อไปอีกหลายนาที
ก่อนที่หัวสีน้ำตาลอ่อนจะซบลงไปที่ไหล่ผอมบางของมินาโตะเพื่อปรับลมหายใจที่เคยหอบถี่ให้สงบลง
“จะทำกับมินาโตะคนเดียว…จากนี้และตลอดไป”
เสียงทุ้มเอ่ยเบาๆอยู่ที่หู ส่วนคนฟังก็ได้แต่อมยิ้มน้อยๆ
ดวงตาสีมรกตมองตามของเหลวที่เข้มข้นกว่าน้ำลอยละล่องไป
มือบางช้อนมันขึ้นมาโดยไม่รู้ว่าของใครเป็นของใคร…ชูนี่ละก็…
นารุมิยะ
มินาโตะนั่งดูดหวานเย็นด้วยสีหน้าล่องลอยน้อยๆอยู่ที่พื้นชานไม้
เรื่องที่เกิดขึ้นในบ่อน้ำร้อนเมื่อกี้สูบทั้งพลังงานและจิตวิญญาณของเขาไปไม่ใช่น้อย
นัยน์ตาสีมรกตตวัดไปมองร่างสูงที่นั่งอยู่ข้างๆอย่างเคืองๆ
ทำไมชูยังทำหน้าปกติอยู่ได้นะ มีแต่เขาที่เพลียหรือยังไง?
“ดูเหมือนจะไปทดสอบความกล้าที่ศาลเจ้าข้างๆนี่กันหมดเลยนะ แล้วพวกเราล่ะ…จะตามไป? หรือจะทำอะไรกันดี?” เซยะในชุดยูกาตะของโรงแรมเดินมาสมทบกับพวกเขาหลังจากไปสืบมาว่าพวกเพื่อนๆในห้องหายไปไหนกันหมด
ก็หลังจากที่พวกเขาสามคนกลับมาจากห้องอาบน้ำ ในห้องนอนก็ไม่มีใครเหลือสักคน
ไม่น่าแปลกใจหรอกว่าทำไมเจ้าพวกนั้นถึงไม่ชวนพวกเขาสามคนไปด้วย
เพราะปกติแล้วสามทหารเสือของชมรมยิงธนูก็มักแยกตัวปลีกวิเวกกันอยู่สามคนอยู่แล้วจึงไม่ค่อยมีใครเข้ามายุ่งวุ่นวายกับพวกเขานัก
“จะนอนก็ยังไม่ถึงเวลาสินะ” เสียงราบเรียบของชูเอ่ยบอก
ก่อนที่เซยะจะหันไปเห็นอะไรในห้องสันทนาการเข้า
“แข่งกันซักตาไหม ชู?” ใบหน้าภายใต้กรอบแว่นพยักเพยิดไปที่โต๊ะปิงปองพร้อมกับคำท้า
กระแสไฟฟ้าเปรี๊ยะๆพาดผ่านหัวของเขาไปโดยที่เขาไม่รู้ตัวสักนิด
เขาคิดเพียงแค่ว่าสองคนนี้ชอบแข่งกันจริงๆ
“ได้สิ” ชูเองก็รับคำท้า เอาเถอะ…อยากจะเล่นอะไรกันก็ช่างเถอะ
เขาก็แค่ย้ายที่นั่งจากชานไม้มาเป็นเก้าอี้นวมแบบวินเทจในห้องก็แค่นั้น
ริมฝีปากสีระเรื่อดูดหวานเย็นต่อไปอย่างไม่ได้คิดว่ามันจะเกี่ยวอะไรกับตัวเอง
แล้วในขณะที่เขาไม่คิดว่าจะต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการแข่งขันของปีศาจสองตนนี้
ชูที่มองเขามาพักใหญ่ก็เอ่ยประโยคที่ทำเอาหวานเย็นแทบร่วงจากปาก
“ถ้าไม่มีเดิมพันคงไม่สนุก เอางี้ไหม ถ้าใครชนะจะได้หวานเย็นของมินาโตะไป”
ห๊ะ?
“ตกลง” แล้วเซยะก็รับเดิมพันซะอย่างงั้น
แววตาของพยัคฆ์ร้ายสองตัววาวโรจน์ขึ้นมาทันที เดี๋ยวสิ?
"แต่ฉันกินไปแล้วนะ?" ดวงตาสีมรกตเหลือบมองหวานเย็นสีเขียวที่เหลืออยู่เพียงครึ่งหลอด
"นายก็หยุดดูดเดี๋ยวนี้สิมินาโตะ" จากนั้นทั้งสองคนจึงแข่งปิงปองกันแบบเอาเป็นเอาตาย
แข่งกันแบบแชมป์โอลิมปิกยังอาย
เขานั่งทำหน้าเพลียอยู่ข้างโต๊ะปิงปองที่ดูจะแข่งกันต่อไปอย่างไม่มีจุดสิ้นสุด
ปากก็ดูดหวานเย็นเรื่อยๆอย่างไม่ใส่ใจว่ามันจะกลายเป็นของเดิมพันไปแล้ว
ในที่สุดหลอดหวานเย็นก็ฟี้บและไม่มีน้ำหวานเหลืออยู่อีก…อยากกลับไปนอนแล้วแหะ
สองคนนี้จะแข่งกันอีกกี่วันเนี่ย?
แล้วจู่ๆลูกปิงปองที่เซยะตบกลับมาก็ติดเนตราวกับเจอคำสาป
ผู้ชนะในการแข่งขันระดับจักรวาลนี้ก็ตกเป็นของชูไปในที่สุด
“ของเดิมพันล่ะมินาโตะ?” ชูรีบเดินมาทวงถามหาหวานเย็นจากเขาทันที
อยากกินขนาดนี้ก็ไปซื้อใหม่สักอันดีไหม?
“หมดแล้ว เดี๋ยวฉันซื้อให้ใหม่ก็แล้วกัน” เขาถอนหายใจหลบตาจากใบหน้าที่กำลังจ้องเขาเอาๆ
ร่างโปร่งบางกำลังจะลุกออกไปซื้อหวานเย็นอันใหม่ให้
แต่กลับโดนมือใหญ่จับข้อมือไว้เสียก่อน
“ไม่ต้องหรอกมินาโตะ เอาอันนี้ก็ได้”
“หื๋ม? แต่มันหมดไปแล้วนี่?” แล้วทุกความสงสัยของเขาก็ถูกไขกระจ่าง
เมื่อจู่ๆใบหน้าหล่อเหลาก็โน้มเข้ามาหา ปลายนิ้วยาวเชยคางเขาขึ้นมา
แล้วลิ้นร้อนก็แล่บออกมาไล้เลียริมฝีปากของเขา
ครั้งแล้วครั้งเล่า…
"อร่อย" ชูละออกไปด้วยรอยยิ้ม
ส่วนเขาก็ได้แต่ยืนอ้าปากพะงาบๆ ความร้อนทั้งร่างกายราวกับพุ่งมารวมกันอยู่ที่ใบหน้าหมดแล้ว
ตุ้บ!
เซยะถึงกับต้องเอาไม้ปิงปองทุบหัวชู
อีกฝ่ายถึงจะเลิกจ้องปากเขาเหมือนอยากจะกิน ”หวานเย็น” อีก
ชูนะชู…ทำอะไรเนี่ย~
เซยะเป็นคนที่หลับง่าย
หลับเป็นตาย และจะไม่ยอมตื่นจนกว่าตะวันจะขึ้นพ้นยอดไม้ยอดที่สูงที่สุด…ความจริงข้อนี้ก็เป็นอีกเรื่องที่ฟูจิวาระ
ชูเพิ่งรู้
เพราะทันทีที่กลับถึงห้องนอนได้
เซยะก็ล้มตัวลงนอนบนฟูกตัวเองแล้วหลับไปในไม่กี่วินาที…
แล้วไม่ว่าพวกเพื่อนๆที่เพิ่งไปทดสอบความกล้ากลับมาพร้อมเสียงดังโหวกเหวกยังไง
เซยะก็ไม่ยอมตื่น…นายเป็นอัศวินนะจะมัวนอนแล้วปล่อยเจ้าหญิงอยู่กับชายฉกรรจ์พวกนั้นได้ไง
นัยน์ตาสีม่วงมองฟูกข้างๆด้วยสายตาที่แทบจะเป็นเส้นตรง
"อ้าว? นารุมิยะ ฟูจิวาระกลับไปนอนที่ห้องเดี่ยวกับมาเอดะเหรอ?"
เสียงเพื่อนคนหนึ่งทักมินาโตะเพราะคงมองไม่เห็นเขา
แหงละก็ตอนนี้เขานอนซุกหน้าท้องมินาโตะอยู่ในผ้านวมน่ะสิ
"เปล่า" มินาโตะตอบพร้อมกับเลิกผ้านวมให้เห็นปอยผมของเขาที่นอนอยู่บนฟูกเดียวกัน
"อะ โอ้…" ดูเหมือนเพื่อนคนนั้นจะอึ้งน้อยๆและล่าถอยออกไปเองเพราะไม่คิดว่าคนอย่างฟูจิวาระ
ชูจะมานอนอยู่ตรงนี้จริงๆ
"ไปขอฟูกใหม่ซักอันไม่ดีกว่าเหรอ? แบบนี้นายไม่เมื่อยเหรอชู?"
มินาโตะถามในขณะก้มมองในโปงผ้าห่มซึ่งมีเขาซุกอยู่
"ไม่" เสียงทุ้มตอบกลับพร้อมท่อนแขนแข็งแรงกอดกระชับเอวบางเข้าหาตัว
ใบหน้าหล่อเหลาที่ดูเอาแต่ใจนิดๆในเวลานี้ซบลงไปที่แผ่นอกบางอย่างไม่สนใจอะไร
"ฉันจะนอนกับมินาโตะ" มินาโตะถอนหายใจกับความเอาแต่ใจของเขาก่อนจะปล่อยไป…เหมือนทุกๆที
"ตามใจ"
จุดเริ่มต้นมันอยู่ตรงไหนกันนะ
ที่เขาเริ่มเอาแต่ใจกับมินาโตะ และมินาโตะก็ยอมให้เขาเอาแต่ใจด้วย
น่าจะตั้งแต่วันนั้น…วันที่กลับมาพบกันอีกครั้งที่โรงเรียนมัธยมต้นคิริซากิ…
เพราะก่อนที่มินาโตะจะหายไปจากชีวิตเขาเนื่องจากประสบอุบัติเหตุ…เขาไม่เคยเป็นแบบนี้กับมินาโตะเลย
ไม่เคยเอาแต่ใจ ไม่เคยบังคับให้มินาโตะต้องคอยรองรับอารมณ์ของเขา
และถ้าเป็นมินาโตะคนก่อนที่จะประสบอุบัติเหตุก็คงไม่ยอมตามใจปล่อยให้เขาเอาแต่ใจด้วยแบบนี้เหมือนกัน
เป็นเพราะรอยแผลเป็นนี่สินะ…
มือใหญ่ลูบรอยแผลที่หน้าท้องด้านซ้ายของมินาโตะเบาๆ
เขาเคยทุกข์ทรมานเพราะมันมามากแต่หากจะบอกว่าเขาหลงรักมินาโตะในแบบที่เป็นอยู่เพราะมันก็คงจะว่าได้
เมื่อสมัยที่ยังเป็นแค่เด็กประถม
ช่วงเวลาที่จะได้ไปโรงฝึกของอาจารย์ไซออนจิคือช่วงเวลาเดียวที่เขารอคอย
ทั้งสัปดาห์ช่างน่าเบื่อหน่าย
รอบกายมีแต่เพื่อนที่มักจะพูดถึงแต่เรื่องที่บ้านไม่ก็เรื่องของตัวเอง
ทุกนาทีมีแต่การฝึกฝนเพื่อให้เป็นเพชรเม็ดที่ดีที่สุดของฟูจิวาระ
เขาไม่เคยมีเพื่อนที่จะออกไปวิ่งเล่นด้วยกัน
ไม่เคยมีเพื่อนที่จะยืนรอเขาเพียงเพื่อจะยิ้มให้ ไม่เคยได้รับรอยยิ้มที่แสนจริงใจและสดใสถึงเพียงนั้นจากใครมาก่อน
มินาโตะจึงเป็นเพื่อนคนแรกและคนเดียวของเขา
ที่เขานับเป็นเพื่อนจริงๆ
ขอแค่มีมินาโตะที่แสนร่าเริงคนนั้นเพียงคนเดียวก็พอ
เขาไม่ต้องการเพื่อนที่ไม่จำเป็นอีก
จนกระทั่งวันหนึ่ง…จู่ๆมินาโตะก็ไม่มาที่โรงฝึกและหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
จากวันเป็นสัปดาห์
จากสัปดาห์เริ่มผ่านไปเป็นเดือนอย่างเชื่องช้าท่ามกลางความทรมานของคนที่คิดว่าตัวเองถูกทิ้งแบบเขา
ถ้าบอกลากันสักนิดเขาย่อมทำใจได้อยู่แล้ว
แต่จู่ๆก็หายไปไม่บอกกล่าวมันทำให้โลกทั้งใบของเขาแทบจะพังทลาย
ก็อย่างที่บอกว่าเขาไม่ต้องการอะไรอีกนอกจากมินาโตะและโลกเล็กๆของเราในโรงฝึก
เบอร์โทรศัพท์ที่ให้ไว้ก็ติดต่อไม่ได้
แม้แต่อ.ไซออนจิก็ยังติดต่อแม่ของมินาโตะไม่ได้เช่นกัน
การไปโรงฝึกกลายเป็นความน่ากลัวสำหรับเขาไปเลยในช่วงนั้น
เพราะเขามักจะไปด้วยความหวังว่าจะได้เห็นมินาโตะกลับมาและยืนยิ้มร่ารอเขาอยู่…แต่มันก็มีเพียงความว่างเปล่าอยู่ร่ำไป…
มันทำให้เขากลัวจนไม่กล้าไปโรงฝึก
ไม่กล้าจับธนู
หลังเลิกเรียน
เขาเคยให้คนขับรถขับไปจอดดักรออยู่ที่หน้าโรงเรียนประถมที่มินาโตะเคยเล่าให้ฟังว่าตนเรียนอยู่ที่นั่น
วันแล้ววันเล่าจนเป็นอาทิตย์เขาไปดักรอทุกเย็นไม่ขาด…แต่ก็ไม่เจอมินาโตะเดินออกมาจากที่นั่นเลย
มินาโตะหายไปราวกับไม่เคยมีตัวตนมาก่อน…
เขาหมดหนทางแล้วจริงๆ…เพราะไม่รู้ว่าบ้านของมินาโตะอยู่ที่ไหน
มีเพื่อนที่ติดต่อได้คนอื่นอีกหรือเปล่า เขาไม่รู้อะไรเลยจริงๆ
เขาพยายามกลับมาใช้ชีวิตของตัวเองต่อไป
พยายามหยิบธนูขึ้นมาอย่างยากเย็น
แล้ววันหนึ่งก็ราวกับมีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นกับตัวเขา
เขายังจำวินาทีแรกที่มินาโตะก้าวเข้ามาในโรงฝึกของชมรมยิงธนูคิริซากิได้
วินาทีที่ความรู้สึกมากมายเกิดขึ้นในใจเขา
เขา
ที่คิดจะตัดใจเรื่องของมินาโตะเพราะไม่ว่าจะหายังไงก็หาไม่เจอแต่ตอนนี้มินาโตะกลับมายืนอยู่ตรงหน้า
จู่ๆก็หายไปจู่ๆก็กลับมา
น่าแปลกที่เขาไม่นึกโกรธนึกเคืองมินาโตะเลยที่ทิ้งเขาไว้และทำให้เขาทรมานแทบตาย
เพราะแค่ได้เห็นหน้ามินาโตะอีกครั้งก็มีเพียงความคิดถึงและโหยหาเท่านั้นที่แผ่ซ่านออกมาเต็มหัวใจ
"มาแล้วเหรอ มินาโตะ" เขาพูดออกไปได้แค่นั้น
เขาไล่มองมินาโตะตั้งแต่หัวจรดเท้า
รูปลักษณ์ของมินาโตะดูเปลี่ยนไปเล็กน้อย
รอยยิ้มหายไปจากใบหน้าและมือข้างขวาที่ชอบเผลอไปกุมหน้าท้องซีกซ้ายเอาไว้ยามที่ไม่รู้ตัว
หลังจากนั้นมินาโตะจึงขอโทษเขาที่ไม่ได้ติดต่อไปและยังเล่าว่าเกิดอะไรขึ้นกับมินาโตะ
มันทำให้เขาแทบช็อค
เพราะช่วงเวลาที่เขาตามหามินาโตะเป็นบ้าเป็นหลัง
มินาโตะกลับกำลังต่อสู้กับความตายอยู่ในโรงพยาบาล…
เขาเกือบจะเสียมินาโตะไปตลอดกาลแล้วแท้ๆ
และนั่นคงจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาเริ่มเอาแต่ใจกับมินาโตะ
เริ่มจากเรื่องเล็กๆอย่าง ขอไปบ้านมินาโตะ ยึดตัวมินาโตะเอาไว้ใกล้ๆ
คอยมองดูมินาโตะไม่ให้คลาดสายตาและพยายามทำความรู้จักเซยะซึ่งเป็นเพื่อนข้างบ้านและสามารถติดต่อกับมินาโตะได้ในยามจำเป็น
และเพราะนิสัยของมินาโตะเองก็เปลี่ยนไป
จากเด็กผู้ชายที่สดใสร่าเริงกลับเงียบขรึมไปถนัดตา
หากมินาโตะยังเป็นเด็กผู้ชายที่ร่าเริงคนนั้นเขาก็คงจะยังคิดว่ามินาโตะเป็นแค่เพื่อนผู้ชายคนหนึ่ง
แต่เพราะรอยแผลเป็นที่หน้าท้องมันพรากความสดใสนั้นไปเหลือทิ้งไว้เพียงมินาโตะที่เศร้าหมองและเงียบขรึม
แต่ความเงียบและรอยตำหนิกลับมีเสน่ห์ดึงดูดเขาในอีกรูปแบบหนึ่ง…เขาเริ่มมองมินาโตะเปลี่ยนไปก็เพราะรอยแผลเป็นนั่น…
รูปแบบความรักของเขาเปลี่ยนไปก็เพราะรอยแผลนี่แหละ
"อือ…นอนได้แล้วชู…" เสียงงัวเงียของมินาโตะดังขึ้นพร้อมกับมือบางจับลงมาที่มือซึ่งกำลังลูบอยู่บนรอยแผลเป็น
"อื้ม" เขาตอบเบาๆพร้อมกับขยับขึ้นไปหนุนบนหมอนแล้วสลับที่กับมินาโตะ
สองแขนโอบกอดร่างกายบางเข้ามาไว้ในอ้อมแขน
ให้หัวสีดำซบหน้าอกเขาแทนหมอน
ใบหน้าหล่อเหลาจูบขมับของมินาโตะเบาๆ
เขาสัญญาว่าจะดูแลรักษามินาโตะให้ดีและจะไม่ยอมให้มินาโตะหายไปจากชีวิตของเขาอีก
แต่ถึงจะหาย…เขาก็จะไปเอาคืน
แน่นอน.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
Story
never End
อห.~~ ไม่ได้เขียนฟิคเรื่องนี้ซะนานนนน เรารู้นะว่ามีคนคิดถึงงง5555+ ขอบคุณสำหรับคอมเม้นต์และหัวใจที่ส่งมารัวๆสำหรับเรื่องนี้มากๆค่ะช่วงนี้
จริงๆก็แอบเขียนพล็อตเบ็ดเตล็ดเอาไว้ตลอดๆนะฟิคเรื่องนี้
แต่ด้วยความที่มันไม่ยาวและไม่ปะติดปะต่อก็เลยไม่ค่อยจะได้เขียนต่อ
มาสครีมบ้านพังก็ช่วงครึ่งปีนี้แหละค่ะ ตั้งแต่มูฟวี่จนประกาศซีซั่นสอง
เรือชูมินาโตะตูต้องกลับมาทะยานฟ้าแล้วไหมมมม5555 อร๊ายยยย
>////<
แล้วเนี่ย
พอรู้ว่าตัวละครใหม่ในซีซั่นสองก็มาจากชมรมยิงธนูม.ต้นคิริซากิเหมือนกันและเล็งชูกับมินาโตะไว้เพราะมีความแค้น(?)ส่วนตัว
เท่านั้นแหละ กรี๊ดเป็นบ้าเลยค่ะะะะ คือแบบ
มันน่าจะมีตอนที่แฟลชแบ็กถึงอดีตไม่มากก็น้อยแหละไหมมมม
น่าจะพูดถึงเจ้าสามทหารเสือตอนอยู่ด้วยกันบ้างแหละไหมมม กรี๊ดดดด รอสุดอะไรสุดแหละ
Tsurune ซีนี้ >/////<
อย่าง
PV ตัวแรกนี่ก็จะไม่ทน ดูเค้าโทรหากันสิคะะะะ รอยยิ้มชูแบบ อ่อนโยนมว๊ากกกก
น้อนก็แบบโทรหาชูไปยิ้มไป โอ๊ย คือต้องเข้าใจนะว่าสองคนนี้ไม่ใช่คนยิ้มง่ายเลยอ่ะ
แต่โทรหากันแล้วยิ้มแบบนี้ก็คืออิแม่อย่างตูตายไปเลยข่ะะะะ >/////<
รอวันที่4มกราที่ซีซั่นสองจะฉายอย่างใจจดใจจ่อเลยค่ะ
งื้ออออ
แล้วเจอกันตอนหน้าน้า
อ้อ ใครคิดถึงเรืออื่นอย่างมาสะมินาโตะหรือเซยะมินาโตะ
หรือแม้แต่ชูมินาโตะเองก็มีแอบไปแจมในฟิคเรื่อง Honey so sweet อยู่นะคะ
อ่านระหว่างรอปั่นเรื่องนี้ก่อนกะได้ค่ะ อิๆๆ
มุมมองของสามเรือนี้จะแปลกมากๆค่ะในฟิคเรื่องนั้น แบบพล็อตซ้อนพล็อตซ้อนพล็อตอีกที555
แบบ เป็นโดจินของมังงะออริที่นายเอกของเรื่องแต่งขึ้นมาอีกที555
ขอบคุณสำหรับทุกๆการติดตาม
ทุกๆคอมเม้นต์ ทุกๆหัวใจด้วยน้า~
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น