ป๋อจ้าน Au.Fic [หวังอี้ป๋อ x เซียวจ้าน] GLIDE : 2x4 It’s me :
520 N. again [Part9]
:
ป๋อจ้าน Fanfiction Au
:
หวังอี้ป๋อ x เซียวจ้าน
:
Romantic
:
NC-17
คำเตือน :
เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย
หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ
: เนื้อเรื่องต่อไปนี้เป็นเพียงจินตนาการของผู้เขียน
ไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นจริงนะคะ
: ข้อมูลจะไม่แน่นเท่า GLIDE
ภาคก่อนๆนะคะ เพราะภาคนี้ข้ามมา 2 ล้อ ตรูขี้เกียจหาข้อมูลฝั่ง Moto
GP โฟ้ยยยย // โดนตบด้วยหมวกกันน็อค
GLIDE
: 2x4 It’s me : Special Episode :
“520 นิวตัน”
.
.
.
“คนที่ผมรัก คือหวังเฟยเฟยครับ”
“...........”
ห้องทั้งห้องเงียบกริบไปในทันที
สีหน้าของสามคนที่เหลือต่างก็กำลังช็อค
คุณปู่คุณย่าคงไม่คิดว่าจะได้ยินประโยคนี้จากเขา
ส่วนเจ้าลูกกระต่ายก็คงไม่คิดว่าเขาจะเดินดุ่มๆเข้ามาสารภาพแบบนี้
กระนั้นหวังอี้หยางก็ยังคงไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมที่ไหนและยังคงพูดต่อไป
“แล้วตอนนี้ เราก็กำลังคบกันแบบคนรักอยู่ครับ ผมต้องบอกให้คุณปู่รู้เอาไว้
จะได้ล้มเลิกเรื่องดูตัวอะไรนั่น” ใบหน้าของเจ้าพ่อวงการค้าเพชรยังคงนิ่งเฉย
ไม่ได้ตื่นตระหนกหรือเกรงกลัวอะไรเลย
ทั้งๆที่คนตรงหน้าสามารถออกคำสั่งทหารทั้งกองทัพได้และตอนนี้คนคนนี้ก็กำลังโกรธจัด
“เดี๋ยวก่อน” มือกร้านโลกกำหมัดแน่น
ไม่คิดไม่ฝันว่าหลานชายที่ไว้ใจจะแหกคอกได้เลวร้ายที่สุดในบรรดาลูกหลานของเขาแล้ว
นี่มันยิ่งกว่าหวังอี้เฟิงพ่อของมันอีก!!
“แกว่ายังไงนะ?! คบกันอยู่? แต่อาเฟยเป็นน้องชายของแกนะหวังอี้หยาง!"
ชายสูงวัยลุกขึ้นกระชากคอหลานชายขึ้นมาเผชิญหน้า ทว่า
สายตาดำมืดของอี้หยางกลับไม่ได้สะทกสะท้านต่อความโกรธของเขาเลย
ดวงตาที่เยือกเย็นคู่นั้นยังคงกล้าสบตากับเขาตรงๆราวกับราชสีห์หนุ่มที่กำลังจะถอนเขี้ยวเล็บสิงโตแก่อย่างเขา
ยิ่งมองก็ยิ่งโมโห!
"แกคิดว่าชั้นจะยอมรับได้หรือไง? นี่แกกำลังล้อเล่นอยู่ใช่ไหม?!”
มือที่กำคอเสื้อสูทอยู่ผลักหลานชายจนเซถอยหลัง
แต่ร่างสูงสง่านั่นก็ยังยืนหยัดอยู่ได้
ความแข็งแกร่งเหล่านี้ก็เป็นเขาที่มอบให้ทั้งนั้น
แล้วมันยังกล้าทำเรื่องงามหน้าแบบนี้กับเขาอีก!
รักอาเฟยเนี่ยนะ? รักน้องชายของตัวเองเนี่ยนะ?
เรื่องผิดจารีตแบบนั้นจะให้เขายอมรับได้ยังไง!
“ผมไม่ได้ล้อเล่น ที่คุณปู่เห็นว่าผมไม่เคยสนใจผู้หญิงที่ไหน
ก็เพราะผมสนใจแต่เฟยเฟยคนเดียวเท่านั้น รักมาตลอดยี่สิบปีที่ผ่านมา”
เสียงของหวังอี้หยางยังมั่นคงจนเส้นเลือดในหัวของเขาแทบจะแตกตายด้วยความโมโห
“ไม่จริง” เสียงสั่นไปด้วยความโกรธเอ่ยออกไป
“จริงครับ” ใบหน้าของหลานชายยังคงนิ่งเฉย
เพราะอี้หยางเป็นแบบนี้มาตลอด
ไม่ว่าเขาจะสั่งให้ทำอะไรก็ปกปิดทุกอารมณ์เอาไว้ด้วยสีหน้าแบบนี้ตลอด ไม่เคยเถียง
ไม่เคยแสดงความไม่พอใจ แสร้งทำตัวอยู่ในโอวาทของเขามาตลอด เขาถึงได้มองไม่ออกว่าเจ้าเด็กนี่แอบวางแผนร้ายเอาไว้!
“เป็นไปไม่ได้ แกจะมาทำแบบนี้กับชั้นไม่ได้” เพราะคนตรงหน้าไม่ใช้อารมณ์เข้าปะทะกับเขา เขาถึงได้โมโหโกธาอยู่ฝ่ายเดียว
เนื้อตัวสั่นสะท้านด้วยความโกรธจัดอยู่ฝ่ายเดียว
ยิ่งเห็นแบบนั้นก็ยิ่งโกรธยิ่งขึ้นไปอีก เสียงดุดันจึงตะคอกใส่หน้าผู้เป็นทายาทของตน
“นั่นน้องชายของแก แกจะมาทำเรื่องผิดศีลธรรม จะมาทำเรื่องเสื่อมเสียต่อวงศ์ตระกูลแบบนี้กับชั้นไม่ได้!
ชั้นไม่ยอมรับ! ไม่ยอมรับเด็ดขาด!”
“คุณปู่ก็รู้อยู่แก่ใจว่าผมกับอาเฟยไม่ได้มีสายเลือดเดียวกันแม้แต่น้อย
เพราะงั้นมันจึงไม่ใช่เรื่องที่ผิด ผมอยากให้คุณปู่ยอมรับเรื่องของเรา เพื่ออาเฟย”
หวังอี้หยางยังคงเยือกเย็นและมองลงมาด้วยสายตาราวกับผู้ที่เหนือกว่า
เสียงทุ้มยังคงพูดต่อไป
“เพราะสำหรับตัวผม ใครจะไม่ยอมรับก็ไม่เป็นไร ผมไม่แคร์ ผมแคร์แค่เฟยเฟย
แต่อาเฟยคงอยากให้คนในครอบครัวยอมรับเรื่องของเรา
เพราะงั้นผมจะทำทุกอย่างให้คุณปู่ยอมรับ”
“แก…แกนี่มัน…” นายเหนือหัวของบ้านโกรธจนตัวสั่น
“คุณปู่เลิกคิดเรื่องที่จะแยกพวกเราออกจากกันได้เลยนะครับ
ผมไม่ได้ขุดดินหาเพชรไปวันๆ แต่ผมมีคนรู้จักอยู่ทั่วโลก
คุณปู่ไม่มีทางซ่อนเฟยเฟยจากผมได้"
"คุณปู่มีทางเดียวคือยอมรับเท่านั้น ถ้าคุณปู่ลองคิดให้ดี
คุณปู่จะรู้ว่าไม่มีทางขัดขวางผมในตอนนี้ได้”
“หวังอี้หยาง!!!” นายเหนือหัวของตระกูลหวังตะโกนออกไปอย่างสุดจะทน
"แกอย่ามาอวดดีกับชั้นนะ!" นิ้วสั่นระริกชี้หน้าด่าหลานชาย
ก็เพราะรู้ว่าสิ่งที่อี้หยางพูดเป็นความจริงทุกอย่าง
เขาถึงได้โกรธจนจะพังบ้านได้ทั้งหลังแบบนี้
“ออกไป ออกไปจากบ้านชั้นเดี๋ยวนี้ ชั้นไม่อยากเห็นหน้าแก!”
“......ครับ ผมจะกลับไปก่อน
ผมมาเพราะแค่อยากจะบอกให้คุณปู่รู้เรื่องของเราเท่านั้น
มันถึงเวลาที่คุณปู่ควรจะรู้ได้แล้ว ผมเดินเข้ามาบอกคุณปู่ตรงๆทั้งๆที่หากผมจะปิดบังไว้หรือใช้แผนร้ายอย่างอื่นก็ได้
แต่เพราะเป็นคุณปู่ เป็นคนในครอบครัวที่สำคัญต่อผมกับเฟยเฟย
ผมจึงอยากจะขอร้องไม่ใช่ข่มขู่ ขอร้องให้คุณปู่รักพวกเราเหมือนเดิม”
ท้ายประโยคถูกเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงราวกับกำลังขอร้องอยู่จริงๆ
แต่ถึงกระนั้นมันก็ยังหักล้างความโกรธของผู้เป็นปู่ไม่ได้
“......ออกไป ไปซะก่อนที่ชั้นจะเอาเลือดหัวแกออก” มือที่เต็มไปด้วยริ้วรอยแห่งวัยกำหมัดแน่น
“....ครับ” หวังอี้หยางโค้งให้ก่อนจะเอื้อมมือไปจับมือเฟยเฟยไว้แล้วทำท่าจะเดินออกไปด้วยกัน
เสียงดุดันจึงตะโกนขวางไว้ทันที
“อาเฟย! อยู่กับปู่ ให้อี้หยางไปคนเดียว!”
“เอ๊ะ? อ่ะ ครับ…” หวังเฟยเฟยทำหน้าเลิ่กลั่กมองพี่ชายต่างสายเลือดทีมองคุณปู่ทีอย่างไม่รู้จะทำยังไง
แค่จู่ๆต้องมาอยู่ในสถานการณ์บ้านแตกแบบนี้ก็ทำตัวไม่ถูกจะแย่แล้ว
และเพราะรู้ว่าเฟยเฟยกำลังลำบากใจ
มือใหญ่จึงยอมปล่อยมือบางแต่โดยดี
“ชั้นอยู่แถวนี้แหละ นายไม่ต้องเป็นห่วง” ใบหน้าหล่อเหลาก้มลงมาบอกร่างบาง
ถ้าอยากให้คุณปู่ใจเย็นลงก็มีแต่ต้องให้อาเฟยอยู่ที่นี่…แค่คืนนี้คืนเดียวก็พอ
เขาไม่ได้อยากจะทะเลาะกับคุณปู่
เขาแค่อยากให้อีกฝ่ายยอมรับ จึงไม่มีเหตุผลที่จะทำให้คุณปู่โกรธมากไปกว่านี้
“อื้อ ดูแลตัวเองด้วยนะ…” ใบหน้ามนมองเขาตาละห้อย
คงจะเป็นห่วงอยู่ไม่ใช่น้อย
หวังอี้หยางลูบหัวสีดำเบาๆก่อนจะตัดใจเดินออกจากบ้านไป
ใบหน้ามนมองแผ่นหลังที่ค่อยๆจางหายด้วยสายตาอาลัยอาวรณ์
และนั่นก็ทำให้คิ้วของผู้เป็นปู่กระตุกถี่ๆ
“เลขาเหมา ขังคุณหนูเฟยเฟยไว้ในห้อง ถ้าไม่มีคำสั่งจากชั้น
ห้ามปล่อยออกมาเด็ดขาด!” เสียงดุดันเอ่ยสั่งคุณเลขาผู้ดูแลทุกอย่างในบ้านตระกูลหวัง
“ครับ…”
“ยึดโทรศัพท์มาด้วย” ร่างโปร่งบางถึงกับหันหน้ามามองขวับ
“เอ๊ะ? ไม่เอานะคุณปู่ ให้เฟยอยู่ในห้องก็ได้แหละแต่จะยึดโทรศัพท์เฟยไม่ได้นะ!”
หวังเฟยเฟยงอแงอย่างเอาแต่ใจ
แต่ก็ดูเหมือนจะใช้ไม่ได้กับคุณปู่ในเวลานี้
“ขอโทษนะครับคุณหนู” เลขาเหมาส่งสายตาขอโทษก่อนจะยึดโทรศัพท์มือถือไป
“คุณปู่!” แผ่นหลังกว้างต้องหันหลังให้เสียงตะโกนที่ค่อยๆหายขึ้นชั้นสองไป
ต้องแข็งใจไว้ จะยอมใจอ่อนไม่ได้
ผู้นำตระกูลหวังขังตัวเองอยู่ในห้องทำงาน
ร่างสูงใหญ่ของนายทหารทรุดนั่งบนเก้าอี้นวมอย่างหมดแรง…นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรกับครอบครัวของเขาอีกกัน?
ทั้งๆที่คิดว่าอีกไม่นานก็คงตายอย่างสงบได้แล้ว
เพราะทั้งอี้ป๋อ ทั้งอี้เฟิง พวกเขาก็ปรับความเข้าใจกันหมดแล้ว
สิบกว่าปีให้หลังมานี้ก็อยู่กันด้วยดีมาตลอด…
ไม่คิดเลยว่าจะเกิดเรื่องงามหน้าแบบนี้ขึ้น…แล้วยิ่งไม่คิดไปกันใหญ่ว่าคนที่ก่อเรื่องจะเป็นหวังอี้หยาง
หลานชายหัวแก้วหัวแหวนที่เขาคิดจะฝากฝังทุกอย่างเอาไว้
ถึงจะรู้ดีมาตลอด…ว่าอี้หยางเป็นเด็กฉลาดและเติบโตมาเป็นผู้ชายที่อันตราย
ในจุดนั้นเขาก็พยายามเข้าใจพยายามยอมรับ
ว่าการทำธุรกิจที่มีเม็ดเงินมหาศาลและการจะยืนอยู่บนจุดสูงสุดได้
มันต้องมีเล่ห์เหลี่ยมชั้นเชิง ต้องเด็ดขาด ต้องโหดเหี้ยม
แต่เขาก็ไม่คิดจริงๆว่าอี้หยางจะทำให้เขาทุกข์ใจด้วยเรื่องแบบนี้
ถึงเด็กนั่นจะบอกว่าไม่เคยเห็นอาเฟยเป็นน้อง…แต่ปู่อย่างเขาที่เห็นทั้งคู่เป็นแค่พี่น้องมาตลอดยี่สิบปีล่ะ
จะให้เขาทำยังไง?
จู่ๆทั้งคู่ก็เดินมาบอกว่าจะรักกัน
จะแต่งงานกัน แล้วเขาควรจะยอมรับมันได้ง่ายๆงั้นเหรอ?
มือกร้านโลกยกขึ้นมานวดขมับที่ปวดหนึบ
ก่อเรื่องกันได้ดีตั้งแต่รุ่นพ่อยันรุ่นลูกจริงๆ!
ถ้าเขาไม่ตายไปก่อนคงต้องรับมือกับอี้คุนอีกคนจนได้ละมั้ง? ก็ขนาดอี้หยางที่เขาไว้ใจยังทำกับเขาได้
มือที่เต็มไปด้วยริ้วรอยรินวิสกี้ลงในแก้ว
ก่อนจะยกขึ้นดื่มช้าๆ
เขาต้องคิดต้องตัดสินใจให้ดี…เพราะอีกฝ่ายคือเฟยเฟย
ไม่ว่ายังไงเขาก็อยากให้อาเฟยมีความสุข…
จะเห็นแก่ความรักที่เป็นเพียงอารมณ์ชั่ววูบไม่จีรังยั่งยืนไม่ได้
จะปล่อยให้ความรู้สึกที่มีวันสลายหายไปมาใช้ในการตัดสินใจไม่ได้
เพราะนี่คืออนาคตของอาเฟย หลานที่เขารักและเป็นห่วงมากที่สุด
ถ้าเป็นก่อนหน้านี้สักสิบปีเขาคงจะขัดขวางได้
คงจะจับทั้งสองคนแยกกันได้อย่างแน่นอน...แต่ตอนนี้...หวังอี้หยางมีอำนาจมากเกินไป
มีอิทธิพลเทียบเท่าเขาได้แล้ว
เผลอๆจะมากกว่าด้วยซ้ำเพราะคนรุ่นใหม่กลุ่มธุรกิจของตระกูลหวังย่อมต้องฟังคำสั่งของอี้หยางมากกว่าเขา
และอี้หยางก็รู้จักผู้มีอำนาจทุกคนที่เขารู้จักเพราะเขาเป็นคนแนะนำหลานชายคนนี้ให้เอง
รู้ทุกเรื่องในตระกูลหวัง รู้ทุกอย่างที่เป็นของของเขา
นี่ยังไม่รวมอำนาจทางการเงินของDiamond crownที่เด็กนั่นครอบครองไว้แต่เพียงผู้เดียวด้วย
เขาจะปฏิเสธหวังอี้หยางได้ยังไง...ยิ่งคิดก็ยิ่งอับจนหนทาง
ร่างโปร่งนอนกลิ้งอยู่บนเตียงด้วยใบหน้าว้าวุ่นใจ
มือบางกดรีโมทเปลี่ยนช่องในโทรทัศน์ไปเรื่อยๆเพื่อดูว่ามีข่าวอะไรเกี่ยวกับพี่อี้หยางหรือไม่
พอไม่มีโทรศัพท์…ก็ไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายยังปลอดภัยดีไหม ถูกคุณปู่ทำอะไรหรือเปล่า…
แกร่ก…
เสียงเปิดประตูถึงแม้ว่าจะแผ่วเบาแต่กับคนที่กำลังจดจ่อกับการหาวิธีที่จะเปิดมันออกไปแล้ว
เขาจึงรู้ได้ทันทีว่ามีใครบางคนกำลังแทรกตัวเข้ามา
“คุณย่า?” ร่างผอมบางในชุดกี่เพ้าที่คุ้นตายกนิ้วขึ้นจ่อที่ปากตัวเองเป็นเชิงบอกว่าอย่าส่งเสียงดัง
คุณย่าคงจะแอบเข้ามา?
“เป็นยังไงบ้าง? กินข้าวรึยัง?” คุณย่านั่งลงที่ขอบเตียงพร้อมกับลูบหัวเขาเบาๆ
ร่างโปร่งจึงลุกขึ้นนั่งราวกับลูกแมว
“งื้อ เฟยกินไม่ได้นอนไม่หลับ เป็นห่วงพี่อี้หยางจะตายแล้วเนี่ย~ คุณย่าได้ข่าวพี่อี้หยางไหมครับ?” ใบหน้ามนออดอ้อนจนนายหญิงแห่งตระกูลหวังยิ้มบางๆ
“ย่าโทรหาอี้หยางแล้ว ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงหรอก” แต่กระนั้นใบหน้ามนก็ยังเง้างอดจนผู้เป็นย่าต้องลูบหัวอย่างเอ็นดู
เธออยู่ท่ามกลางความขัดแย้งของท่านนายพลกับลูกๆมานานและคราวนี้เธอก็ไม่คิดที่จะอยู่เฉยๆอีก
มือที่เริ่มมีริ้วรอยตามวัยจึงเอื้อมออกไปจับมือหลานชายเอาไว้
“สมัยปะป๊ากับหม่าม้าของหลาน
ย่ายังเสียใจอยู่จนถึงทุกวันนี้ที่ไม่ได้ช่วยพวกเขาทั้งสองคนเลยทั้งๆที่อยากช่วยใจจะขาด
แต่วันนี้ ไม่ว่ายังไงย่าก็จะช่วยหลานให้ได้”
“นี่จ้ะ” โทรศัพท์มือถือเครื่องหนึ่งถูกยัดใส่มือบาง
ของคุณย่า?
“หลานโทรหาพี่อี้หยางแล้วปรึกษาพี่เค้าว่าจะเอายังไง
ถ้าหลานจะหนีก็ให้พี่เค้ามารับ ย่าจะช่วยเอง” สิ่งที่คุณย่าพูดออกมาทำให้ดวงตากลมโตสั่นระริก
“งื้อออ คุณย่า~~ขอบคุณนะครับ~” ร่างโปร่งโผเข้าไปกอดเอวคุณย่าที่อ่อนโยนกับพวกเขาเสมอมา
“คุณย่าไม่โกรธ ไม่รังเกียจพวกเราเหรอครับ พี่อี้หยางเป็นหลานชายหัวแก้วหัวแหวนของคุณย่าแท้ๆ”
ดวงตากลมโตช้อนขึ้นมองอย่างไม่มั่นใจนักแต่คุณย่ากลับยิ้มให้
“เพราะอี้หยางเป็นหลานชายหัวแก้วหัวแหวนของย่าน่ะสิ
ย่าถึงได้รู้ว่าเขาจะดูแลเราได้ เฟยเฟย ย่าก็ห่วงหลานไม่แพ้ใครหรอก
ถ้าให้พูดกันตามตรง ย่าห่วงหลานมากที่สุดในบรรดาพี่น้องสามคนเลย
ย่ายังคิดมาตลอดว่าหลานจะอยู่ได้ยังไง ใครจะคอยปกป้องหลานได้
พออี้หยางมาสารภาพเมื่อเย็น ตอนแรกย่าก็ช็อคพอสมควร แต่พอมาคิดอย่างใจเย็นแล้ว…คนที่จะย่าจะวางใจฝากหลานให้ดูแลได้ ก็คือคนอย่างอี้หยางนี่แหละ”
“ย่าอาจจะต้องใช้เวลาในการยอมรับอีกสักหน่อย เพราะหลานบอกอย่างกะทันหันเหลือเกิน
แล้วมันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆที่จะยอมรับกันได้ในเวลาไม่กี่นาที
แต่ถ้ามันจะทำให้ใบหน้าของอาเฟยเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ย่าก็ต้องยอมอยู่แล้ว”
“ขอบคุณนะครับคุณย่า…” แขนบางกอดเอวคุณย่าอย่างซึ้งใจ
“ไม่รู้คุณปู่จะเข้าใจและยอมให้อภัยเหมือนคุณย่าหรือเปล่า…”
เสียงหงอยๆเอ่ยออกไป
“หลานก็ต้องเข้าใจคุณปู่เขาด้วย เขาเกิดและเติบโตมาในสังคมแบบเก่า
เขาต้องรับแรงกดดันจากทั้งตระกูลของตัวเองและจากผู้คนมากมาย
บางเรื่องเขาก็ทำตามใจตัวเองไม่ได้ เขาเป็นผู้นำ
ยิ่งในประเทศที่มีขนบธรรมเนียมเคร่งครัดแบบนี้ด้วย หากเขาก้าวผิดไป
ตระกูลหวังก็จะเดือดร้อนไปด้วย แต่ย่าก็อยากให้หลานเชื่อในตัวคุณปู่นะ
คุณปู่เค้ารักหลานมากจริงๆ”
“มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะยอมรับเรื่องของปะป๊าหม่าม้าของหลานที่เป็นผู้ชายด้วยกันทั้งคู่
แต่เขาก็ยอมรับมันมาแล้ว มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะยอมรับเรื่องการเกิดมาของหลานกับอี้คุน
เพราะทั้งเด็กหลอดแก้วและการอุ้มบุญคือเรื่องที่ผิดในสังคมจีน
แต่เขาก็ยอมรับมาแล้วและเขาก็รักหลานทั้งสองคนมาก เรื่องในคราวนี้เองก็เช่นกัน
ย่าอยากให้หลานค่อยๆคุยกับคุณปู่เขาดีๆ หาจังหวะที่เขาเริ่มอารมณ์ดีขึ้นแล้วค่อยพูดคุยกัน
ย่าเชื่อว่าคุณปู่เขาจะเข้าใจ”
“เรื่องของหลานจะแตกต่างจากเรื่องของปะป๊า
เพราะอี้ป๋อไม่เคยได้พูดคุยดีๆกับคุณปู่ของหลานเลย
ต่างฝ่ายต่างมึนตึงใส่กันมาเป็นเวลานาน แต่หลานไม่ได้เป็นแบบนั้น
ย่าเชื่อว่าคุณปู่จะใจอ่อนกับหลานแน่” กำลังใจจากคุณย่าทำให้เขาใจชื้นขึ้นมาหน่อย
“....ครับ…เฟยจะลองคุยกับคุณปู่ดู”
“ย่าจะช่วยเต็มที่”
“ขอบคุณครับคุณย่า~”
คุณย่าลอบออกจากห้องไป
สิ่งที่เขาต้องทำตอนนี้ก็คือโทรหาพี่อี้หยาง!
เสียงรอสาย
ตรู๊ด…ตรู๊ด…ทำให้ใจจะขาดเสียให้ได้
ทำไมไม่รับสายสักทีเนี่ย~แค่วินาทีเดียวก็ทำเขาว้าวุ่นจนแทบบ้าแล้วนะ!
“ครับ คุณย่า?” แล้วเสียงทุ้มที่ได้ยินจากปลายสายก็ทำให้เขารู้สึกราวกับยกภูเขาออกจากอก
“พี่อี้หยาง!!!!” เขาตะโกนออกไปตามที่หัวใจเรียกร้อง
ดีใจจนน้ำตารื้นขึ้นมา
ไม่คิดเลยว่าการต้องอยู่ห่างกันในสถานการณ์แบบนี้มันจะทรมานมากขนาดนี้
“เฟยเฟย? นายเป็นยังไงบ้าง? ไม่ได้โดนคุณปู่ทำโทษอะไรใช่ไหม?”
เสียงทุ้มที่ตอบกลับมาก็ฟังดูเป็นห่วงเขามากไม่แพ้กัน
แต่มันก็เป็นเสียงที่ทำให้อุ่นใจจนอยากจะร้องไห้พอๆกัน
“เปล่า เฟยโดนขังไว้ในห้องแค่นั้นแหละ นอกนั้นก็สบายดี ทางพี่ล่ะ? พี่อยู่ไหน? คุณปู่ไม่ได้ส่งคนตามไปจัดการใช่ไหม?
เฟยกังวลจนจะเป็นบ้าแล้วเนี่ย ทำไมพี่ทำอะไรไม่ปรึกษาเฟยก่อนเลย
จู่ๆเดินดุ่มๆมาบอกคุณปู่แบบนี้ได้ไง แง๊~”
“ใจเย็นๆ ชั้นไม่เป็นไรหรอก คุณปู่ไม่ได้ส่งคนตามมา
ถึงจะส่งมาก็ทำอะไรชั้นไม่ได้หรอกนายก็รู้ ตอนนี้ชั้นอยู่ที่โรงแรมในเครือของเราในปักกิ่งนี่แหละ
ชั้นจะหาทางพานายออกมาก็แล้วกัน ไม่ต้องกังวลนะ” ปลายสายยังคงสุขุมและให้ความรู้สึกพึ่งพาได้
แต่ยิ่งพี่อี้หยางเคลื่อนไหวตอนนี้ก็มีแต่จะยิ่งทำให้คุณปู่โกรธมากขึ้น
เขาจึงต้องรีบห้ามอีกฝ่าย
“งื้อ! ไม่ต้องเลย! พี่ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น เดี๋ยวเฟยคุยกับคุณปู่เอง”
“แต่ว่า”
“ให้เฟยปกป้องพี่บ้าง จะให้พี่แบกรับทุกอย่างได้ไง
นี่มันเป็นเรื่องของเรานะ เราต้องช่วยกันสิ” ปลายสายเงียบไปเหมือนกำลังอึ้ง
“ขอเฟยลองค่อยๆคุยกับคุณปู่ดูก่อนนะ ต่อให้คุณปู่ตีเฟย
เฟยก็จะปกป้องพี่เอง!” มีเสียงหัวเราะเบาๆหลุดออกมา…คงไม่ได้กำลังดีใจอยู่หรอกใช่ไหมพี่อี้หยาง?
“....ก็ได้ แฟนชั้นนี่เท่ห์สุดๆไปเลย” กำลังดีใจอยู่จริงๆด้วยสินะ!
“หงึ ทำเป็นพูดดีไปเถอะ
ทั้งหมดนี่ก็เป็นเพราะพี่ทำอะไรไม่ปรึกษาเฟยก่อนนั่นแหละ!
ถึงเฟยจะดูพึ่งพาไม่ค่อยได้ แต่เฟยก็มีวิธีรับมือคุณปู่นะ
ถ้าได้เตรียมตัวมาก่อนก็คงไม่เป็นแบบนี้หรอก!” เขาพูดออกไปอย่างแง่งอน
“ฝากด้วยนะครับ ที่รัก” ปลายสายหยอกเย้ากลับมาในขณะที่เขานี่เครียดจะตายแล้ว
มันน่านัก!
“งื้อ! เดี๋ยวก็วางหูใส่เลย!”
“หึ”
“ยังจะหัวเราะอีก”
“ชั้นไม่กังวลหรอก ยังไงคุณปู่ก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมรับเรื่องของเรา”
พี่อี้หยางยังคงพูดด้วยเสียงสบายๆ
“พี่เอาอะไรมามั่นใจปานนั้น…”
“เพราะทุกอย่างที่ชั้นทำมา ก็เพื่อวันนี้นี่แหละ…เพื่อรับมือกับคุณปู่
เพื่อให้ได้นายมา ทั้งDiamond crown ทั้งตระกูลหวัง…ชั้นทำเพื่อนายทั้งนั้น” แล้วคำที่อีกฝ่ายสารภาพออกมาก็ทำให้ทั้งใบหน้าของเขาร้อนเป็นไฟ
ไม่จริงน่า…ที่ยอมดูแลDiamond crownต่อจากคุณลุง
ยอมรับสืบทอดตระกูลหวัง ก็เพื่อเงินและอำนาจต่อรองเรื่องของเขาอย่างงั้นเหรอ…
“ตั้งแต่ครั้งแรกที่ชั้นได้สัมผัสนาย
ได้รู้ว่าหัวใจของชั้นถูกนายปลุกขึ้นมา ชั้นก็เริ่มวางแผนที่จะครอบครองDiamond
crownกับตระกูลหวัง เพื่อทำให้ในโลกนี้ไม่อาจมีใครปฏิเสธชั้นได้
ไม่ว่าการรักนายจะเป็นเรื่องที่ผิดหรือไม่
แต่เงินและอำนาจที่ชั้นมีก็จะทำให้ทุกคนต้องหุบปากและยอมรับเท่านั้น”
“.....”
“ทำไมเงียบไป?”
“ก็คนกำลังเครียดอยู่ มาทำให้เขินเฉยเลยอ่ะ งื้อ” เพราะเขาเห็นมาตลอดน่ะสิว่าพี่อี้หยางต้องลำบากขนาดไหนกว่าจะขึ้นเป็นใหญ่และทำให้ทุกคนใน
Diamond crownยอมรับได้
ต้องพยายามมากขนาดไหนในการเข้ามาจัดการตระกูลหวังที่เดิมทีมีเพียงอำนาจจนกลายมาเป็นกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่และทรงอิทธิพลในจีนได้
แล้วจะบอกว่าทั้งหมดนี้ทำเพื่อเขา? เป็นใครก็ต้องเขินขนาดหนักแล้วไหม?
มีผู้ชายคนหนึ่งยอมทำเพื่อให้ได้ตัวเองมาขนาดนี้เลยนะ!
“หึ” ปลายสายหัวเราะเบาๆ
ก่อนที่เขาจะได้ยินเสียงอะไรบางอย่างแทรกเข้ามา
ติ๊ดๆ
เสียงปลดล็อครถยนต์?
“หื๋อ? พี่กำลังจะไปไหน? ดึกแล้วออกไปไหนอีก?”
เสียงใสถามออกไปอย่างตกใจ ขับรถออกมาเองด้วยใช่ไหมเนี่ย?
“ทำไงดี ชั้นคิดถึงลูกกระต่ายของชั้น ก็เลยว่าจะไปเจอหน้าหน่อย”
น้ำเสียงเจืออ้อนนิดๆดังพร้อมกับเสียงสตาร์ทเครื่องยนต์
ถึงจะดีใจกับคำว่าคิดถึงของอีกฝ่าย แต่พอนึกถึงคุณปู่แล้วเขาก็ควรจะห้ามพี่อี้หยาง
“เอ๊ะ? พี่จะมาเหรอ? อย่าเพิ่งดีกว่า
คุณปู่ยังเดือดปุดๆอารมณ์ไม่ดีอยู่เลย พี่มาตอนนี้มีแต่จะยิ่งทำให้คุณปู่โมโหนะ”
“ไม่ต้องห่วงหรอก ชั้นไม่ได้จะเข้าไป แค่ได้เห็นหน้าต่างห้องนายก็ยังดี”
“......”
บ้าจริง หน้าร้อนขึ้นมาอีกแล้วเนี่ย
ใจก็เต้นตึกตักไปกับทุกประโยคที่ได้ยิน
จากที่เคยเดินวนไปวนมาก็ไปหยุดถอนหญ้าในกระถางต้นไม้เพื่อระบายความเขินแทนแล้วเนี่ย
“เมื่อก่อนชั้นเคยคิดนะ ว่าทำไมพระเอกในละครถึงทำเรื่องไร้สาระแบบนั้น
แต่ตอนนี้…ชั้นเข้าใจดีเลยละ” เสียงพูดดังคละเคล้าไปกับเสียงสัญญาณไฟเลี้ยว
พี่อี้หยางคงกำลังขับรถอยู่
“พี่อี้หยาง…” ริมฝีปากสีสดเอ่ยเรียกเสียงอ่อน
ในใจมีแต่คำว่ารักที่เอ่อล้นออกมา
ทั้งคิดถึง ทั้งโหยหา ทั้งๆที่เพิ่งห่างกันยังไม่ทันข้ามวันด้วยซ้ำ
“พี่ห้ามทิ้งเฟยนะ ต่อให้คุณปู่จะขัดขวางยังไงก็ห้ามถอดใจนะ ถ้าไม่ไหวจริงๆพี่หนีตามเฟยไปก็ได้
เฟยจะดูแลพี่เอง” สองมือประคองโทรศัพท์อย่างมุ่งมั่น
ยังไงก็จะต้องอยู่ด้วยกันให้ได้
“ฮึ…ฮึๆๆ”
“ง่ะ หัวเราะเหรอ? หัวเราะเฟยเหรอ~ เดี๋ยวฟาดเลย!”
“เปล่า แค่ดีใจที่ได้ฟังนายพูดแบบนั้น ชั้น…ดีใจมากจริงๆนะเฟยเฟย”
เขารอฟังปลายสายอย่างตั้งใจ น่าแปลก
ทั้งๆที่ปกติแล้วเราแทบไม่เคยได้พูดความในใจออกมา
แต่ในสถานการณ์ที่ไม่รู้อนาคตแบบนี้ การที่ได้ฟังสิ่งที่อยู่ในใจของกันและกัน
มันกลับทำให้มีพลังเป็นอย่างมาก
“ชั้นรู้สึกเหมือนกับว่า นายจะจับมือชั้นไปตลอดไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น…ที่ผ่านมา…ชั้นเคยคิดว่าชั้นจะไม่มีวันปล่อยมือนาย
ซึ่งมันคงจะยากหากชั้นเป็นคนจับอยู่ฝ่ายเดียว แต่ตอนนี้…เราทั้งคู่ต่างจับมือของกันและกันไว้…จะไม่มีอุปสรรคอะไรที่เราก้าวข้ามไม่ได้อีก” เขาฟังคำพูดเหล่านั้นด้วยสองแก้มที่แดงระเรื่อ
ในใจเขา…ก็คิดว่ามันจะเป็นเช่นนั้นเหมือนกัน
ได้ยินเสียงรถดังอยู่นอกรั้ว
มือบางจึงแหวกม่านก่อนจะมองลงมา ไฟหน้าและไฟท้ายสีแดงเด่นชัดในความมืด
เบนซ์สปอร์ตสีเทาเข้มคันหนึ่งจอดอยู่ตรงนั้น
ประตูที่เปิดออกพร้อมกับเงาร่างที่คุ้นตาทำให้หัวใจของเขาอุ่นวาบเหลือเกิน
หวังอี้หยางก้าวขาลงจากรถแล้วยืนมองไปที่หน้าต่างชั้นสองเพียงบานเดียวที่เปิดทั้งม่านและไฟ ถึงจะไกลจนมองแทบไม่เห็นแต่ความรู้สึกที่อยู่ในใจกลับชัดเจน
เสียงที่ดังผ่านโทรศัพท์ยิ่งทำให้รู้สึกเหมือนยืนอยู่ตรงหน้า
“เฟยเฟย” ใบหน้าหล่อเหลายังไม่ละจากหน้าต่างบานนั้น
เสียงทุ้มกรอกลงไปในโทรศัพท์ด้วยความรู้สึกทั้งหมดที่มี
“ชั้นรักนายนะ”
“พี่อี้หยาง…” เสียงใสจากปลายสายสั่นเครือนิดๆเขาจึงมองไปยังเงาที่อยู่หลังหน้าต่างด้วยสายตาอ่อนโยน
“เฟยก็รักพี่”
ตึกตัก…
จู่ๆก็เหมือนหัวใจกระตุกวูบไป
ร่างสูงสง่ายืนนิ่งค้างเบิกตากว้างอยู่ตรงนั้นเพราะไม่คิดว่าจะได้ยินประโยคที่เขาเฝ้ารอมาตลอดแบบนี้
จะบอกว่าช็อคไปเลยก็ว่าได้…
เขาขยับตัวไม่ได้ไปหลายนาที
ริมฝีปากอยากจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็พูดอะไรไม่ออก ในหัวขาวโล่งไปหมด
สิ่งที่ทำมายี่สิบกว่าปีก็เพื่อประโยคนี้นี่แหละ
“พี่อี้หยาง?...” และคงเพราะเห็นว่าเขาเงียบไปนาน
ปลายสายจึงเอ่ยเรียกเขาเบาๆ
ราวกับวิญญาณกลับเข้าร่าง
ประโยคบอกรักจากเฟยเฟยยังคงอื้ออึงอยู่ในหัวเขา
ความรู้สึกที่อัดแน่นไปด้วยความสุขไหลทะลักท่วมท้นเต็มหัวใจจนแทบจะหลั่งน้ำตาออกมาให้ได้
ดีใจ…
ดีใจจนไม่รู้จะทำยังไง
ดีใจจนอยากจะตะโกนบอกให้คนทั้งโลกได้รู้
ไม่สิ ต้องตะโกนไปจนถึงดาวพลูโตมันถึงจะสาสมกับความรู้สึกที่อยู่ในใจของเขาตอนนี้
ทั้งชีวิตของเขา
เขาต้องการเพียงแค่นี้ แค่ประโยคที่เฟยเฟยพูดกับเขาเมื่อกี้…
แค่นี้จริงๆ…
“......อ้า~” เสียงทุ้มตะโกนอย่างต้องการระบายสิ่งที่อยู่ในใจ
แน่นอนว่าปลายสายย่อมต้องได้ยิน
“พี่…เป็นอะไรหรือเปล่า…” เฟยเฟยถามกลับมาอย่างกล้าๆกลัวๆ
“ชั้นเสียดายน่ะสิ” มือใหญ่ยกขึ้นมาเสยผมก่อนจะขมวดคิ้วสะบัดหน้าเบาๆ
“เสียดาย? เสียดายอะไร?”
“ทำไมนายไม่อยู่ตรงหน้าชั้นนะเฟยเฟย”
“หื๋อ?”
“ถ้านายยืนอยู่ตรงหน้าชั้นละก็ ชั้นคงกระชากตัวนายมากอดให้จมอก คงจูบนาย
สอดลิ้นเข้าไปกอดลิ้นของนายไว้
จะจูบหลายๆครั้งให้นายไม่มีอากาศหายใจจนต้องทุบอกชั้น
จากนั้นคงจะกดนายลงกับฝากระโปรงรถ แล้วจูบที่ซอกคอขาวๆของนาย
ทำเครื่องหมายของชั้นเอาไว้ คงจะฉีกกระชากเสื้อผ้าของนายออก
แล้วใช้ฝ่ามือลูบตั้งแต่ไหปลาร้า หน้าอก สะโพก ต้นขาของนาย
ชั้นจะกอบกุมลูกกระต่ายตัวเล็กๆของนายเอาไว้แล้วทำให้มันร้องไห้เป็นน้ำตาสีขาวๆออกมา
แล้วตอนที่นายกำลังแดงระเรื่อไปทั้งตัว ชั้นก็จะสอดใส่ตัวตนของชั้นเข้าไปในตัวนาย”
“..................”
ป่านนี้คนฟังคงหน้าแดงแปร๊ดไปถึงใบหู
“งะ งื้อ!!!! พูดเรื่องลามกอะไรเนี่ย~ หน้าไม่อายจริงๆเลยพี่เนี่ย~~”
เจ้าลูกกระต่ายโวยวายมาตามสาย
ส่วนเขาก็ยังทำได้แค่ขยี้หัวตัวเอง
“ชั้น…อยากทำเรื่องลามกแบบนั้นกับนายจริงๆ ให้ตายเถอะ”
“กลับไปเลยนะ มาทำคนอื่นร้อนไปทั้งตัวแล้วเนี่ย งื้อ”
“ตอนนี้…ชั้นอยากกอดนายมากจริงๆเฟยเฟย อ้า~ โธ่เว้ย~” เจ้าพ่อวงการค้าเพชรที่ยิ่งใหญ่ไม่เคยรู้สึกหงุดหงิดงุ่นง่านในหัวใจขนาดนี้มาก่อน
บุกเข้าไปอุ้มเจ้าลูกกระต่ายออกมาให้รู้แล้วรู้รอดมันซะเลยดีไหม? ระหว่างบอร์ดี้การ์ดของDiamond crown กับหน่วยสงครามรบพิเศษของคุณปู่จะได้ตัดสินให้รู้ไปเลยว่าใครเจ๋งกว่ากัน!
“ไม่คุยด้วยแล้ว งื้อ! หน้าร้อนจนจะระเบิดแล้วเนี่ย” เงาหลังหน้าต่างเดินม้วนไปม้วนมา เขาเองก็กำลังสะกดกลั้นอารมณ์ที่พรั่งพรูนี้เต็มที่
“ชั้นเอง ก็ต้องสงบสติอารมณ์เหมือนกัน” ต่างฝ่ายต่างเงียบกันไปก่อนที่จะเป็นเจ้าลูกกระต่ายที่เปิดบทสนทนาขึ้นมาใหม่
“พี่อี้หยาง…”
“หื๋ม?”
“เฟยรักพี่ แค่นี้นะ จุ๊บ” แล้วสายก็ตัดไป…
บ้าเอ้ย!
กว่าเขาจะสงบลงได้ เจ้าลูกกระต่ายวายร้ายมาปลุกมันให้ตื่นอีกแล้ว!
แถมหนีไปซะอย่างงั้นด้วย!!
ดวงตาคมกล้ามองไปที่หน้าต่างซึ่งรูดม่านปิดพรึ่บอย่างคาดโทษ
ก่อนที่ใบหน้าหล่อเหลาจะยิ้มบางๆ หัวใจเขา…มันยังทำงานปกติดีอยู่ไหมนะ…ก็เมื่อกี้มันเต้นจนแทบจะทะลุออกมาอยู่แล้ว
เขายังนั่งพิงกระโปรงรถอยู่อีกพักใหญ่
หลับตาแล้วเงยหน้ารับแสงจันทร์อันอบอุ่น เสียงของเฟยเฟยยังดังก้องอยู่ในหู
เขาจะจดจำมันไปจนวันตายเลย
ยิ่งนึกถึง
ก็มีแต่จะยิ่งรักมากขึ้นและมากขึ้น
ไม่อยากกลับเลยแหะ…
เช้าวันถัดมา
ร่างโปร่งบางแอบย่องออกจากห้องก่อนจะพบแผ่นหลังของคนที่ตามหาอยู่ในห้องทำงาน
“คุณปู่…” หวังเฟยเฟยแอบเกาะประตูมองอีกฝ่ายที่ทำเป็นไม่ได้ยิน
“.....”
ร่างสง่าผ่าเผยแม้ว่าจะอายุมากแล้วหันหลังให้ก่อนจะแสร้งชมนกชมไม้เมินเสียงเรียก
“โกรธเฟยเหรอ…โกรธที่เฟยแย่งพี่อี้หยางมาใช่ไหม?
ยังไงซะพี่อี้หยางก็เป็นทายาทคนสำคัญของตระกูลหวัง…”
หวังเฟยเฟยไม่สนใจหน้าตาบอกบุญไม่รับของอีกฝ่ายแล้วเดินดุ่มๆเข้าไปหา
“....…”
พอคุณปู่หันหน้าหนีก็ยังตามไปมองด้วยสีหน้าอ้อนๆ
“คุณปู่…คุยกับเฟยหน่อย…โกรธเฟยมากเลยเหรอ…”
เจ้าลูกกระต่ายหูลู่หางตกแต่ก็ยังเกาะแข้งเกาะขาไม่ยอมไปไหน
คงไม่มีประโยชน์ที่จะหันหน้าหนี
นายใหญ่ของตระกูลหวังจึงหันไปเผชิญหน้ากับหวังเฟยเฟยตรงๆ
“ปู่โกรธเจ้าเด็กวายร้ายนั่นต่างหาก ปู่ไม่ได้โกรธหลาน
ต่อให้เป็นทายาทแล้วยังไง ปู่ตัดมันออกจากกองมรดกก็ยังได้ แต่หลาน…”
ดวงตาที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมามากมองหน้าหลานชายผู้เป็นที่รักด้วยความเป็นห่วง
“อาเฟย….หลานไม่ได้โดนอี้หยางหลอกเอาใช่ไหม? ปู่เห็นพวกเรามาตั้งแต่ยังแบเบาะ ทำไมปู่จะไม่รู้ว่านิสัยใครเป็นยังไง
เจ้าอี้หยางน่ะมันร้ายที่สุดในบรรดาเราสามคนแล้ว อย่างหลานไม่มีทางทันมันแน่”
สิ่งที่คุณปู่พูดออกมามีแต่จะทำให้เขาเอียงคออย่างประหลาดใจ
ทำไมถึงคิดว่าเขาจะโดนหลอกกันนะ?
“เฟยไม่ได้โดนหลอกนะ พี่อี้หยางรักเฟยจริงๆ แล้วเฟยก็รักพี่อี้หยางด้วย
ทำไมคุณปู่ถึงคิดว่าพี่อี้หยางจะหลอกเฟยล่ะ? พี่อี้หยางมีทุกอย่าง
จะมาหลอกเฟยทำไม?” คิดเท่าไหร่ก็ยังไม่เข้าใจ
“เพราะว่าอี้หยางจะไม่ได้ทุกอย่างในสมบัติมากมายของตระกูลหวังน่ะสิ”
“หื๋ม?” เรื่องอะไรน่ะ? ทำไมเขาไม่เคยรู้มาก่อน?
“ปู่เพิ่งทำพินัยกรรมใหม่…ถึงสมบัติส่วนใหญ่จะยกให้ทายาทลำดับที่หนึ่งดูแลต่อไป
แต่มีส่วนที่เพิ่มเข้ามาก็คือ ที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ทั้งหมดในเซี่ยงไฮ้
ปู่จะยกให้หลาน หวังเฟยเฟย”
“เอ๊ะ?”
“หลานก็รู้ใช่ไหม ว่าในบรรดาทรัพย์สมบัติทั้งหมดของตระกูลหวัง
ที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ในเซี่ยงไฮ้คือส่วนที่มีมูลค่าสูงที่สุด”
“....ครับ ปะป๊าเคยบอกไว้…”
“ปู่จะยกมันทั้งหมดให้เฟยเฟย”
“???”
“เพราะปู่รู้ดีว่าเราไม่ได้มีสายเลือดเดียวกัน
วันนี้พี่น้องอาจจะยังรักใคร่กันดี
แต่ก็ไม่ได้มีอะไรรับประกันว่าหากวันหนึ่งที่ปู่ตายไปแล้ว
ทุกอย่างมันจะยังเหมือนเดิม…”
“ปู่เป็นห่วงเรามากนะอาเฟย อย่างน้อย
ที่ดินที่ปู่มอบให้ก็จะทำให้หลานอยู่ด้วยตัวเองได้สบายๆ วันข้างหน้า
ปะป๊าหม่าม้าของเราหรืออี้คุน อาจจะตายก่อนหลานก็ได้ใครจะไปรู้”
“....คุณปู่ก็เลยคิดว่า…พี่อี้หยางจะหลอกเฟยเพราะอยากได้ที่ดินกับอสังหาในเซี่ยงไฮ้คืนงั้นเหรอ?”
เรื่องแบบนี้ก็มีให้เห็นในครอบครัวมหาเศรษฐีที่แก่งแย่งทรัพย์สมบัติกัน
ก็ไม่แปลกที่คุณปู่จะกังวล
“ใช่ ถึงพินัยกรรมจะยังไม่ได้เปิดเผยที่ไหน แต่อย่างเจ้าอี้หยางต้องรู้แน่ๆ”
นี่ถ้าเขาไม่เห็นพฤติกรรมของพี่อี้หยางมาตลอดยี่สิบปี
เขาก็คงจะเชื่อคุณปู่ไปแล้ว
“ฮึ…ฮ่าๆๆๆ” ใบหน้ามนหัวเราะออกมาทำเอาคุณปู่ถึงกับชะงักไปอย่างประหลาดใจ
“คุณปู่นี่ไม่ไว้ใจทายาทของตัวเองเลยนะครับ ฮึๆๆ เฟยขอโทษ
แต่เฟยขำพอนึกถึงหน้าพี่อี้หยางถ้ารู้เรื่องขึ้นมา”
“ปู่ก็บอกอยู่นี่ไง ว่าในบรรดาเราสามคน
อี้หยางร้ายกาจและทำได้ทุกอย่างเพื่อความต้องการของตนที่สุดแล้ว ดูอย่างตอนนี้สิ
เจ้าเด็กนั่นกล้าเดินเข้ามาบอกว่าคบกับหลานอยู่ ไม่ร้ายแล้วจะให้เรียกว่าอะไร
แถมมันยังวางแผนเรื่องนี้ไว้อย่างดี มันไล่ต้อนปู่จนจนมุมได้
ปู่คิดอยู่ทั้งคืนว่าจะทำยังไงดี ปู่อยากจะพาหลานไปซ่อนไว้
แต่อย่างเจ้าอี้หยางก็คงจะหาหลานเจอทันทีเพราะไม่มีเรื่องอะไรในตระกูลหวังที่อี้หยางไม่รู้
ที่ดินของปู่ทุกผืน บ้านของปู่ทุกหลัง เพื่อนที่ปู่ไว้ใจพอจะฝากหลานได้
เจ้าอี้หยางก็รู้หมด แถมหูตาของมันก็เป็นสับปะรดอีกต่างหาก
ไม่มีประโยชน์ที่จะพาหลานหนีไปจากเงื้อมมือของมันเลย”
“ปู่อยากจะตัดมันออกจากกองมรดก อยากจะไล่ตะเพิดไปให้ไกลๆ
แต่ไม่ว่าจะทางไหนปู่ก็ทำไม่ได้เลยหากนึกถึงความเป็นผู้นำที่จะต้องทำให้ตระกูลหวังคงอยู่ต่อไป”
“อี้หยางคือทายาทที่ดีที่สุดในรอบร้อยปีข้อนี้ปู่ก็เถียงไม่ออก
หากคิดถึงตระกูลหวังปู่คงยกตำแหน่งทายาทอันดับหนึ่งให้คนอื่นนอกจากอี้หยางไม่ได้
ทั้งอี้ป๋อ อี้คุน ไม่มีใครสนใจเรื่องของตระกูลหวังเลย
เพราะงั้นปู่เลยจนหนทางที่จะไล่อี้หยางไปไกลๆ
ปู่ผิดเองที่ปล่อยให้อี้หยางมีอำนาจขนาดนี้ ทั้งๆที่รู้ดีว่าเด็กนั่นเป็นคนยังไง”
สีหน้าที่เต็มไปด้วยริ้วรอยแห่งวัยดูท้อแท้หมดหวัง
ขอบตาที่ดำคล้ำก็บ่งบอกให้รู้ว่าคิดมาทั้งคืนจริงๆ
ร่างโปร่งบางจึงนั่งลงที่พื้นหน้าเก้าอี้นวมที่คุณปู่นั่งอยู่ก่อนจะเกาะขามองหน้าด้วยแววตาอ้อนๆ
“คุณปู่…”
“คุณปู่ฟังเฟยนะ”
“พี่อี้หยางไม่ได้หลอกเฟย พี่อี้หยางรักเฟยจริงๆ
คุณปู่เพิ่งแก้พินัยกรรมไม่นานนี้ใช่ไหม? แต่พี่อี้หยางบอกรักเฟยมาตั้งแต่ตอนเฟยอายุ
15 แล้ว”
“.....”
สิ่งที่เขาบอกออกไปทำเอาคุณปู่พูดอะไรไม่ออก
“นี่ไง…เพชรแห่งหัวใจที่พี่อี้หยางทำให้เฟย
เฟยได้รับมันมาตั้งแต่เมื่อหกปีก่อนแล้วนะ” ล็อคเกตเพชรที่ดูก็รู้ว่ามีค่ามากกว่าเพชรเม็ดไหนๆบนโลกถูกส่งให้คุณปู่ดู
“.....”
สีหน้าของคุณปู่ดูอึ้งๆไป
ราคาเพชรเม็ดนี้อาจจะมากกว่าตึกในเซี่ยงไฮ้รวมกันสิบหลังอีกมั้ง?
“คุณปู่ไม่คิดบ้างเหรอ ว่าที่คุณปู่ถูกไล่ต้อนจนจนมุมแบบนี้
ก็เพราะพี่อี้หยางวางแผนเรื่องนี้มานานแล้ว? เฟยเองก็เพิ่งรู้ว่าพี่อี้หยางทำทุกอย่างนี้ก็เพื่อให้ได้เฟยมา
ทั้งDiamond crown ทั้งการรับสืบทอดตระกูลหวัง”
“.....”
“พี่อี้หยางไม่ใช่เพิ่งทำดีกับเฟยแค่ปีสองปี
แต่นานแค่ไหนแล้วก็ไม่รู้ที่พี่อี้หยางคอยอยู่ข้างๆเวลาที่เฟยเดือดร้อน
มาหาก่อนใครในวันที่เฟยป่วย
ทิ้งทุกอย่างได้เพื่อมาอยู่เป็นเพื่อนในวันที่เฟยต้องอยู่คนเดียว
คอยดูแลอย่างที่ไม่มีทางที่ใครจะทำให้เฟยได้
ที่คุณปู่ไม่เคยเห็นก็เพราะเราพยายามปกปิดมันไว้
แต่เฟยคือคนที่รับรู้ถึงความรักและการเอาใจใส่ของพี่อี้หยางเสมอมา
คุณปู่เชื่อเฟยนะ จะไม่มีใครดูแลเฟยได้ดีเท่าพี่อี้หยางอีกแล้วในโลกใบนี้
ถ้าคุณปู่เป็นห่วงเฟย คุณปู่ก็ควรยกเฟยให้พี่อี้หยาง”
“แต่มันผิด เพราะเราสองคนเป็นพี่น้องกัน” คุณปู่ยังคงไม่ยอมปล่อยวางเรื่องนี้
“เราไม่ใช่พี่น้องกันครับ” แต่เขาก็ยังยืนยันหนักแน่น
“.....”
“....…”
ต่างฝ่ายต่างก็เงียบไป คุณปู่ถอนหายใจเบาๆก่อนจะพูดต่อ
“นี่ป๊าม้าเรารู้รึเปล่า? ว่าเจ้าหลานที่เข้านอกออกในบ้านตัวเองมาตั้งแต่เล็กแต่น้อยนั่นมันคิดไม่ซื่อมาตลอด”
“เฟยก็ไม่แน่ใจ แต่อี้คุนรู้มาตลอดครับ เฟยบอกอี้คุนทุกเรื่อง”
“ก็ไม่แปลกละที่เจ้าเด็กนั่นจะช่วยปิดเป็นความลับกับปู่” เพราะสำหรับอี้คุนแล้ว ความสุขของเฟยเฟยคือที่หนึ่ง
“คุณปู่…เชื่อเฟยนะ…น้า~”
เพราะดวงตาที่เคยแข็งกร้าวของคุณปู่เริ่มอ่อนลง
สองแขนบางจึงตรงเข้ากอดขาก่อนจะเอาหัวซบลงไปอย่างออดอ้อน
“ถ้าคุณปู่ไม่ยอมยกเฟยให้พี่อี้หยาง งั้นยกพี่อี้หยางให้เฟยแทนก็ได้
เฟยจะให้คุณยายเอาสินสอดมาขอ!”
“เดี๋ยวเถอะ” บรรยากาศที่เคร่งเครียดค่อยๆผ่อนคลายลงเพราะความน่ารักของลูกกระต่าย
“งื้อ ถ้าคุณปู่ไม่ยอมรับแล้วลูกในท้องเฟยจะทำยังไง? ท้องไม่มีพ่อแล้วเฟยจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?”
“......เรามีอะไรกับเจ้าอี้หยางแล้วรึไง?”
“เปล่า”
“แล้วจะมีเด็กในท้องได้ยังไง? มันก็ไม่น่าจะมีได้ตั้งแต่แรกแล้วด้วย”
“เหะๆๆ คุณปู่อ่า~ ไม่หลงกลเฟยเลย~”
“......”
“.....เฮ้อ…” เขายังคงอ้อนต่อไปจนคุณปู่ถอนหายใจอีกรอบ
“…เรื่องเดียวที่จะทำให้ปู่ยอมรับได้
หลานต้องตอบมาก่อนว่าหลานรักอี้หยางหรือเปล่า รัก…จากใจของหลานจริงๆ”
“เฟยรักพี่อี้หยาง” เสียงใสตอบอย่างไม่มีลังเล
“จะต้องเป็นอี้หยางเท่านั้นเหรอ ถึงจะทำให้หลานมีความสุขได้?”
“ครับ ต้องเป็นพี่อี้หยางเท่านั้น”
“จะเอาให้ได้เลยใช่ไหมผู้ชายคนนี้? ต่อให้ต้องรบรากับคนทั้งโลกก็จะไม่เปลี่ยนใจใช่ไหม?”
“ครับ! ไม่เคยอยากได้อะไรเท่านี้มาก่อนเลย คุณปู่ยกให้เฟยนะ~”
คุณปู่ทำหน้าเพลียๆ
คงจะคิดเผื่อเขามามากมายว่าเขาจะต้องเจอกับอะไรบ้างหากรักพี่ชายของตัวเอง
"...ถ้าหลานหยุดคิดสักวินาที ปู่คงจะทำทุกวิถีทางให้อี้หยางเลิกยุ่งกับหลานแน่…แต่ดูท่าแล้ว…ปู่คงทำอะไรไม่ได้แล้วสินะ"
“ถึงอี้หยางจะดูแลหลานอย่างดี แต่การอยู่กับคนอันตรายอย่างอี้หยางอาจจะทำให้หลานต้องทุกข์ทรมาน
หลานก็ยังยืนยันว่าจะรักอี้หยางอยู่อีกเหรอ?”
“ครับ”
"....."
ใบหน้าที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมามากมองเขานิ่งๆราวกับในที่สุดก็ตัดสินใจได้สักที
“….วันนี้ปู่ยังทำใจยอมรับไม่ได้ แต่ปู่จะค่อยๆพยายามก็แล้วกัน
ปู่อยากให้หลานมีความสุข ที่ผ่านมาทั้งพ่อของอี้หยางแล้วก็พ่อของหลาน
ปู่ก็ทำให้เจ้าพวกนั้นทุกข์ใจมาตลอด
ปู่ไม่อยากให้หลานต้องเจอกับเรื่องแบบนั้นอีกแล้ว” ดวงตาของเขาถึงกับเปล่งประกายระยิบระยับ
คุณปู่ยอมเปิดใจให้ขนาดนี้ก็ดีแค่ไหนแล้ว
“งื้อ~ ขอบคุณครับ เฟยรักคุณปู่ที่สุด~”
ใบหน้ามนถูไถไปกับขาของคุณปู่จนมือใหญ่ต้องลูบหัวอย่างเอ็นดู
ถ้าดูกันให้ดี
กรณีของเขากับพี่อี้หยางนั้นน่าจะเลวร้ายที่สุดแล้ว ทั้งเป็นผู้ชายด้วยกัน
ทั้งไม่สามารถจะมีทายาทตามธรรมชาติให้กับตระกูลหวังได้
ทั้งยังใช้ชีวิตมาแบบพี่น้องกันอีกต่างหาก หากคุณปู่ไม่รักเขามากคงไม่มีทางเลยที่คนอย่างคุณปู่จะยอมรับ
แต่ถึงกระนั้น…
หวังเฟยเฟยก็ยังคงโดนขังอยู่ในบ้านตระกูลหวังติดต่อกันจนถึงวันที่ห้าแล้ว!
ไหนว่าจะพยายามยอมรับไง?! แล้วนี่มันอะไรกัน?!
ลูกกระต่ายเดินฟึดฟัดลงมายังชั้นล่างเมื่อรู้ว่าวันนี้คุณปู่ก็ยังไม่ยอมปล่อยเขากลับญี่ปุ่น
“คุณปู่~ ปล่อยเฟยกลับได้ยัง~ เฟยต้องไปฝึกงานต่อน้า~
ถ้าเฟยขาดบ่อยๆฝึกงานไม่ผ่านขึ้นมา เฟยก็จะเรียนไม่จบนะ
แล้วทีนี้มันก็จะมีปัญหากับทางเฟอร์รารี่อีก ปล่อยเฟยกลับไปเถอะ~~” มือบางเขย่าแขนคนที่นั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ที่โซฟา
“ไม่ กลับไปก็ต้องไปอยู่กับเจ้าอี้หยางสิ ปู่ยังทำใจไม่ได้
ส่วนเรื่องฝึกงานไม่ต้องห่วง เดี๋ยวปู่คุยกับรัฐมนตรีที่ดูแลที่ฝึกงานของหลานให้”
ใบหน้าของคุณปู่ยังไม่ละจากหน้ากระดาษในขณะที่พูดกับเขา
ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเจ้าพวกสิงโตที่บ้านเขาถึงเป็นคนแบบนั้น
ก็ได้มาจากคุณปู่ทั้งนั้นไม่ใช่เหรอเนี่ย?!
“งื้อ! ไม่เอา อย่าทำให้เป็นเรื่องใหญ่สิ เฟยแค่กลับไปฝึกงานต่อก็จบแล้ว
นะคุณปู่ น้า~” เขายังพยายามอ้อนต่อไป
“......ไม่”
“หงึ” ใบหน้ามนเบะปากใส่เมื่อไม่ได้ดั่งใจ
ยังดีที่มีเสียงโทรศัพท์ดังขัดจังหวะเสียก่อน
หื๋อ? หม่าม้าโทรมา?
จะว่าไป…เขาก็มัวแต่วุ่นวายซ้ำยังเพิ่งได้โทรศัพท์คืนเมื่อวานนี้เอง
สงสัยบ้านที่อิตาลีน่าจะเพิ่งรู้เรื่อง
“หม่าม้า~~” คุณปู่แอบเหล่ตามองเมื่อรู้ว่าใครโทรมา
“อาเฟย เป็นยังไงบ้างลูก?! หม่าม้ากับปะป๊าเพิ่งรู้เรื่องจากอี้หยาง
ไม่ได้โดนคุณปู่ทำโทษอะไรใช่ไหม?” เสียงหม่าม้าฟังดูเป็นห่วงมากเรื่องคุณปู่
แต่ก็ดูไม่ได้ตกใจเรื่องของเขากับพี่อี้หยางนัก?
“เปล่าครับ แต่คุณปู่ไม่ยอมปล่อยเฟยกลับญี่ปุ่นเลยเนี่ย ทำยังไงดี
เฟยต้องกลับไปฝึกงานนะ~” เขาฟ้องหม่าม้าด้วยเสียงเง้างอดในขณะที่ตาก็มองคุณปู่ไปด้วย
ใบหน้ามึนตึงเลยสะบัดหนีไปทางอื่น จะไม่ยอมปล่อยเขาไปจริงๆสินะ!
ส่วนทางปลายสายก็ได้ยินเสียงหม่าม้าหันไปคุยอะไรสักอย่างกับปะป๊า
ไม่นานจากเสียงนุ่มนวลก็กลายเป็นเสียงทุ้มต่ำที่คุยกับเขาแทน
“เฟยเฟย ไม่เป็นไรใช่ไหมลูก?”
“ปะป๊า เฟยไม่เป็นไร…” เสียงของปะป๊าทำให้เขารู้สึกอุ่นใจพอๆกับตอนที่ได้ยินเสียงพี่อี้หยางเลย
เขารู้ว่าเขาจะพึ่งพาปะป๊าได้ แล้วปะป๊าก็จะยื่นมือเข้ามาช่วยเขาแน่ๆ
“ถ้างั้นก็ดีแล้ว ขอปะป๊าคุยกับคุณปู่หน่อย” หื๋อ? นานทีปีหนเขาถึงจะเห็นปะป๊าอยากคุยกับคุณปู่
“ครับ สักครู่นะครับ?” มือบางยื่นโทรศัพท์ให้คุณปู่ทั้งที่ยังสงสัย
“คุณปู่ ปะป๊าอยากคุยด้วยอ่ะ”
“......”
มือที่เต็มไปด้วยริ้วรอยเอื้อมมารับโทรศัพท์ด้วยสีหน้ารำคาญใจและตั้งใจไว้แล้วว่าต่อให้เจ้าลูกชายตัวดีจะโน้มน้าวยังไงเขาก็จะไม่มีวันใจอ่อน
เพราะรู้ว่าอี้ป๋อรักลูกมาก ตามใจอาเฟยทุกอย่าง ถ้าอาเฟยอยากได้อะไรก็หามาให้หมด
เรื่องของอี้หยาง ถ้าอาเฟยต้องการ อี้ป๋อก็คงไม่ว่าอะไรอีกแน่ๆ
“มีอะไร?” ร่างสง่าแม้ว่าจะอายุมากแล้วลุกจากโซฟาก่อนจะปลีกตัวออกไปคุยโทรศัพท์ที่ระเบียงริมสวนทำให้เฟยเฟยไม่ได้ยินว่าทั้งคู่คุยเรื่องอะไรกัน
แต่สีหน้าของคุณปู่แปลกมาก…
ดูเหมือนจะตะลึงจนทั้งร่างนิ่งค้างไปหลายนาที…มีเรื่อง…อะไรกันนะ?
“คุณปู่…?” เสียงใสเอ่ยเรียกอย่างกล้าๆกลัวๆเมื่อคุณปู่เดินกลับเข้ามาด้วยสีหน้าเหมือนคนถอดใจ
“ไปเรียกอี้หยางมารับ กลับไปญี่ปุ่นก็ดูแลตัวเองดีๆด้วย”
“เอ๊ะ? ให้เฟยกลับได้แล้วเหรอ?” เขาทำหน้างง ทั้งๆที่เขาอ้อนมาตลอดห้าวันแต่คุณปู่ก็ไม่ยอมใจอ่อน
แล้วทำไมคุยกับปะป๊าแค่ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงถึงยอมปล่อยเขาไปได้ล่ะ?
“อื้ม…ไม่มีประโยชน์ที่จะห้ามแล้วละ” ใบหน้าของคุณปู่ยังดูครุ่นคิดและเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง เขาจึงยิ่งสงสัย
“หื๋อ? ทำไมอ่ะ? ปะป๊าคุยอะไรกับคุณปู่เหรอ?”
“......เอาไว้ให้อี้ป๋อบอกเราเองก็แล้วกัน” ไม่ใช่ว่าไม่อยากบอก
แต่สีหน้าของคุณปู่เหมือนกับว่าไม่รู้จะอธิบายให้เขาฟังได้ยังไงมากกว่า
“?
???”
“ที่เจ้าอี้หยางจดจ่อกับหลานมาตั้งแต่เกิดเป็นเรื่องจริงสินะ
แล้วก็ไม่ใช่เรื่องบังเอิญด้วย…” คุณปู่พึมพำราวกับพูดกับตัวเองมากกว่า
“อะไรอ่ะ?”
“รีบไปโทรบอกหวังอี้หยางสิ ก่อนที่ปู่จะเปลี่ยนใจ” คุณปู่หันมาบอกเขาอย่างตัดบท
อารมณ์กลัวว่าอีกฝ่ายจะเปลี่ยนใจจริงๆทำให้เขาจำต้องละทิ้งความสงสัยนั้นไป
“อ๊ะ ครับ!” เสียงใสรีบตอบรับก่อนจะรีบพรวดพราดออกไปโทรบอกคนที่รออยู่ที่โรงแรม
แล้วบ่ายวันนั้น…หวังอี้หยางก็ได้กลับมาเหยียบบ้านตระกูลหวังอีกครั้ง…โดยมีคุณปู่ที่นั่งทำหน้าบอกบุญไม่รับรออยู่
“ไม่ว่ายังไงแกก็จะไม่ยอมเลิกยุ่งกับอาเฟยใช่ไหม?” นายเหนือหัวของบ้านนั่งกอดอกมองหลานชายด้วยสายตาดุดันอยู่บนโซฟา
“ครับ” ใบหน้าหล่อเหลาตอบรับอย่างไม่สะทกสะท้านอยู่บนโซฟาฝั่งตรงข้าม
“ต่อให้ฉันตัดแกออกจากกองมรดกและแกก็จะไม่ได้ทรัพย์สมบัติของตระกูลหวังที่แกอุตส่าห์สร้างมันขึ้นมาเลยสักแดงเดียวน่ะเหรอ?”
“ครับ ผมไม่ได้เดือดร้อนนี่ ถึงไม่มีเงินของตระกูลหวังผมก็ยังมี Diamond
crownอยู่ แล้วต่อให้คุณปู่พยายามเล่นงานเหมืองเพชรของผม
ความพยายามของคุณปู่ก็จะสูญเปล่า คุณปู่มีอำนาจของคุณปู่ แต่ในวงการค้าเพชร
ผมก็มีอำนาจของผม คุณปู่ไม่มีทางกดดันจนผมสิ้นไร้ไม้ตอกได้
ผมบอกเอาไว้จะได้ไม่เสียเวลา ไม่ว่ายังไงผมก็จะไม่เลิกยุ่งกับเฟยเฟยเด็ดขาด”
“....หวังอี้หยาง…แกนี่มัน….” อวดดีสมกับที่เป็นลูกหลานของเขาจริงๆ!
แต่ก็คงจะเป็นอย่างที่อี้ป๋อบอก…
เราไม่มีทางแยกจิตวิญญาณที่ผูกพันกันมาตั้งแต่ชาติปางก่อนได้เลย…
ถึงจะฟังดูไม่น่าเชื่อ
แต่ความยึดติดของอี้หยางกับปานรูปผีเสื้อที่ไหล่ของอาเฟยก็ทำให้เขาคล้อยตามในสิ่งที่ลูกชายบอก
“รีบๆไปให้พ้นหน้าฉันเดี๋ยวนี้
ถ้าแกทำให้อาเฟยเสียใจหรือร้องไห้แม้แต่ครั้งเดียว ฉันจะจัดการแกแน่”
“ครับ ผมสัญญา ว่าจะรักและดูแลเฟยเฟยยิ่งกว่าชีวิตของผม” คุณปู่สะบัดหน้าก่อนจะยืนหันหลังให้
เป็นอันว่าหวังอี้หยางก็สามารถพาหวังเฟยเฟยออกมาจากบ้านตระกูลหวังได้อย่างปลอดภัย
ร่างทั้งสองเดินเคียงคู่กันอยู่ในสนามบินปักกิ่ง
ไม่ได้เจอกันแค่ห้าวันแต่กลับรู้สึกเหมือนนานเป็นปีๆ
ความคิดถึงทำให้อยากจะกอดหรือสัมผัสกันให้มากกว่านี้
แต่ก็ทำได้เพียงจับมือแล้วเดินไปด้วยกัน
ใบหน้าหล่อเหลาหันมามองหัวสีดำที่เอนซบมาที่ไหล่ก่อนจะอมยิ้มบางๆ
เฟยเฟยแสดงออกว่ารักเขาอย่างไม่เกรงกลัวสายตาใคร
ต่อให้คนอื่นจะไม่รู้ว่าพวกเขาเป็นพี่น้องกันแต่การที่เป็นผู้ชายทั้งคู่ก็ยังทำให้ถูกสายตาอยากรู้อยากเห็นลอบมองอย่างเลี่ยงไม่ได้
แต่เจ้าลูกกระต่ายกลับไม่สนใจ อะไรที่ตัดสินใจไปแล้วเฟยเฟยก็จะทำอย่างมั่นใจ
เพราะเป็นคนแบบนี้เขาจึงเชื่อว่าจะคบกันรอดแน่นอน
การฝ่าด่านสวรรค์ครั้งนี้ดูจะไม่ได้มีแต่เรื่องหนักใจเพียงอย่างเดียว
แต่เพราะมันเป็นด่านที่โหดหินที่สุดจึงทำให้เฟยเฟยยิ่งรู้ใจตัวเอง
รู้ว่ายิ่งห่างกันก็จะยิ่งคิดถึงกันมากขึ้น
นิ้วมือทั้งห้าสอดประสานเข้าด้วยกันก่อนจะกระชับจับกันแน่น
เอาเถอะ
ยังไงซะผู้คนก็ไม่ได้จ้องมองพวกเขาเพียงเพราะเป็นผู้ชายด้วยกันเท่านั้นหรอก
แต่หวังอี้หยางในสูทเข้ารูปสีเทาเข้มนั้นหล่อมาก
หวังเฟยเฟยในโค้ทแบรนด์เนมสีขาวก็น่ารักมากเช่นกัน อีกทั้งทั้งคู่ยังมีบอร์ดี้การ์ดเดินตามอีกเป็นขบวน
ทางที่เดินไปก็เป็นส่วนของวีไอพีอีก ไม่กลายเป็นจุดสนใจสิแปลก
“ถ้างั้นผมขอตัวก่อนนะครับนาย” อาเธอร์ก้มหัวให้ก่อนจะเดินแยกไปอีกทาง
ส่วนนายใหญ่ของ Diamond crownยังคงเดินต่อไปเพื่อไปขึ้นเครื่องบินเจ็ทส่วนตัว
“คุณอาเธอร์ไม่ไปด้วยกันเหรอ?” เสียงใสถามอย่างสงสัยเมื่อเห็นว่าคุณเลขาแยกไปขึ้นเครื่องบินอีกลำ
“อาเธอร์ต้องกลับไปทำ ‘ธุระ’ ที่ญี่ปุ่น”
ใบหน้าหล่อเหลาตอบอย่างไม่ใส่ใจ
“หื๋อ? แต่เราก็กำลังจะกลับญี่ปุ่นอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?”
“ขึ้นเครื่องเถอะ” หวังอี้หยางยิ้มบางๆก่อนจะดันหลังลูกกระต่ายให้ขึ้นเครื่องบินที่จอดรออยู่
“อะ อื้อ?” ใบหน้ามนดูจะงงๆแต่ก็ก้าวขาขึ้นไปแต่โดยดี
เครื่องบินส่วนตัวลำนี้เป็นกรรมสิทธิ์ของหวังอี้หยาง
ภายในจึงถูกตกแต่งใหม่จนเหมือนเป็นห้องรับแขกมากกว่าจะเป็นที่นั่งโดยสารบนเครื่องบิน
“มีห้องนอนด้วยนะ ถ้านายง่วง” เสียงทุ้มกระซิบข้างใบหูบาง
คำว่า “ห้องนอน” นี่ฟังดูไม่น่าไว้ใจเอาเสียเลย
“บินแค่สามสี่ชั่วโมงเองจะง่วงอะไรล่ะ” ร่างโปร่งบางสไลด์ตัวไปนั่งบนโซฟาจนคนแกล้งหยอกเย้าหัวเราะในลำคอเบาๆ
เครื่องบินเทคออฟขึ้นเหนือน่านฟ้าแดนมังกร
ดวงตากลมโตเหม่อมองท้องฟ้าภายนอกอย่างไม่อยากจะเชื่อว่าพวกเขาจะกลับออกไปได้อย่างไร้รอยขีดข่วนขนาดนี้
แต่ก็โล่งใจจริงๆที่ได้บอกความจริงกับคนที่บ้าน
แล้วป่านนี้คุณตาคุณยายของเขาก็คงจะรู้เรื่องแล้วเช่นกัน
“พี่พอจะรู้ไหม ว่าปะป๊าพูดอะไรกับคุณปู่? ถึงได้ยอมปล่อยพวกเรามาแบบนี้?”
ใบหน้ามนหันไปถามร่างสง่าที่นั่งอ่านเอกสารอยู่ที่โซฟาฝั่งตรงข้าม
ถึงจะถอดสูทออกเหลือแต่เสื้อกั๊กกับเชิ้ตก็ยังหล่อมากอยู่ดี
“ไม่รู้สิ แต่ตอนที่ชั้นโทรไปขอร้องให้อาอี้ป๋อช่วย…ก็ดูเหมือนพ่อนายจะรู้ความสัมพันธ์ของเราสองคนอยู่แล้วนะ”
งั้นเหรอ…รู้อยู่แล้วสินะ…
“เฟยไม่เคยบอกปะป๊าหม่าม้าเลยนะ อี้คุนก็ไม่น่าบอกด้วย”
“ก็คงสังเกตเห็นเองอยู่แล้วละมั้ง? อาอี้ป๋อเซ้นส์ดีจะตาย”
อืม…งั้นเหรอ…คำตอบของพี่อี้หยางดูเหมือนจะยังไม่สามารถไขข้อข้องใจของเขาได้
ใบหน้ามนจึงหันกลับไปมองท้องฟ้าอีกครั้ง
หื๋อ?
ภูเขาที่เห็นลิบๆอยู่ข้างล่างนี่มันหน้าตาคล้ายภูเขาไฟฟูจิเลยนะ?
หื๋อ?...???
ดวงตากลมโตตวัดกลับมามองจอเรดาห์ที่ขึ้นอยู่บนหน้าจอทีวี
เดี๋ยวสิ นี่เครื่องบินที่เขานั่งอยู่มันกำลังบินผ่านเกาะญี่ปุ่นไปแล้วนี่?! บินข้ามหัวไปเฉยๆเลยนี่?! ไม่ได้คิดจะลงจอดเลยนี่?!
พวกเขาไม่ได้กำลังจะไปญี่ปุ่นนี่!!!
“พี่อี้หยาง? นี่เรากำลังจะไปไหนเนี่ย?”
ใบหน้ามนเงยขึ้นไปถามอย่างตกอกตกใจ
“แคนาดา” แต่เจ้าของเครื่องบินกลับตอบด้วยใบหน้าเฉยๆ
ดวงตาคมกล้ายังไม่ละจากงานในมือ
“ห๊ะ? ไปแคนาดาทำไม? พรุ่งนี้เฟยต้องไปทำงานนะ?”
ลูกกระต่ายเริ่มโวยวายเมื่อรู้ตัวว่าน่าจะเสียรู้อีกฝ่ายเข้าเสียแล้ว!
“อาเธอร์ไปยื่นจดหมายลางานให้แล้ว ว่านายติดธุระของที่บ้าน
ทำให้จะขอเลื่อนกำหนดการฝึกงานออกไปอีก10วัน”
เสียงทุ้มยังคงตอบหน้าตาเฉย
“ห๋า? 10วัน? แล้วจะไปทำอะไรที่แคนาดาตั้ง10วัน? ถ้าพี่มีงานก็ให้อี้คุนมาอยู่เป็นเพื่อนเฟยแทนก็ได้?”
เมื่อได้ยินดังนั้นมือใหญ่จึงปิดแฟ้มเอกสารเข้าด้วยกันดัง
ฟึ่บ ใบหน้าหล่อเหลาเงยขึ้นมาก่อนจะยิ้มเจ้าเล่ห์
“ไม่ได้สิ…เรื่องนี้…ใครก็ทำแทนนายไม่ได้ทั้งนั้น
เฟยเฟย” รอยยิ้มของหวังอี้หยางในยามนี้ทำให้หวังเฟยเฟยถึงกับมีเหงื่อแตกพลั่กที่ขมับ…ร่างสง่าย้ายมานั่งที่ฝั่งเดียวกันก่อนจะขยับมากระซิบที่ข้างหู
“จำวันที่นายบอกรักชั้นได้ไหม? เรื่องที่ชั้นอยากทำกับนายในวันนั้น…เราจะไปสะสางมันที่บ้านของเรากันนะ” ใบหน้ามนถึงกับอ้าปากค้าง
เรื่อง…ที่อยากทำ…ในเซฟเฮ้าส์กลางป่าที่ไม่มีใครรู้…แล้วยัง…ลางานให้อีกสิบวัน…….
ทำไมเขาจะไม่รู้ล่ะว่าพี่อี้หยางต้องการอะไร!!
เจ้าลูกกระต่ายได้แต่ถอยครูดไปจนติดหน้าต่างเครื่องบิน
มือกระต่ายตะกายกระจกแกร่กๆก่อนจะร้องโหยหวนออกมาอย่างน่าสงสาร
“อ๊าก!!! ปล่อยเฟยลงน้า~ เฟยไม่ไปแคนาดา~~ เฟยจะลงตรงนี้ ลงกลางทะเลเลยก็ได้ ไม่เอา ไม่ไป~~~”
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
520
N.
To
be con.
ชะตากรรมของกระต่ายน้อยและคุณกวางจะเป็นยังไงต่อไปก็ติดตามได้ในตอนหน้า555
แต่หมู่นี้ก็คือโดนป๋อในชุดสูทเล่นงานจนนอนต่อไม่ได้เลยข่ะ
จะนอนๆGQก็ปารูปคุณเลขาเย่มา
ตูก็ต้องลุกขึ้นมาแต่งฟิคเพื่อระบายฟามหล่อไม่บันยะบันยังนี้ ป๋ออออ
หล่อขนาดนี้ไม่ได้มั๊ยยย ติ่งจะตายกันหมดดดด งื้ออออ โหยหวนไปแต่งฟิคไป 5555
ขอบคุณทุกๆการติดตาม
ทุกๆคอมเม้นต์ ทุกๆหัวใจและทุกๆโดเนทมากๆๆนะคะ ช่วงนี้หนาวแร้ว
รักษาสุขภาพกันด้วยน้า
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น