KHR feat.Attack on Titan , Bozhan , Tsurune AuFic [8059 ,รีเอ ,ป๋อจ้าน ,All Minato] HONEY so SWEET : 04

 

KHR feat.Attack on Titan , Bozhan , Tsurune AuFic [8059 ,รีเอ ,ป๋อจ้าน ,All Minato]  HONEY so SWEET : 04

 

: Attack on Titan Fanfiction , KHR , Bozhan , Tsurune Fanfiction Au

: Yamamoto Takeshi x Gokudera Hayato (8059) ,

  Levi x Eren ,

  Wang Yibo x Xiao Zhan , 

  Takigawa Masaki , Fujiwara Shuu , Takehaya Seiya x Narumiya Minato

: Romantic Comedy

: PG (ไปก่อน)

  

คำเตือน : เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ


       

 

 

ปึ้ง!

 

เสียงปิดประตูรถดังก้องไปทั่วที่จอดในคอนโด เขาไม่ได้ตั้งใจจะปิดดังขนาดนี้นะแต่เพราะตอนนี้บนหลังของเขากำลังแบกศพกระต่ายข้างห้องอยู่ ส่วนสองมือก็หอบกระเป๋าพะรุงพะรัง ไหนยังจะกล่องเค้กอีก จึงทำได้แค่ใช้ขาช่วยปิดประตูรถจนดังสนั่นขนาดนั้น

 

 

ติ๊ง!

 

หวังอี้ป๋อก้าวขาออกจากลิฟท์อย่างทุลักทุเล ต้องคอยเอาแขนดันตูดเอาไว้ไม่ให้เจ้าศพนี่ร่วงจากหลัง กล่องเค้กก็ต้องถือดีๆอีกเดี๋ยวหน้าเละ

 

“คุณ ถึงแล้วนะครับ บอกรหัสเข้าห้องมาสิครับ”    เงียบ...มีแต่เสียงฟรี้ๆตอบกลับมา...

 

“คุณ ตื่นก่อนครับ”    เขาเพิ่มระดับเดซิเบลในน้ำเสียงแต่ก็ดูเหมือนจะไม่สามารถรบกวนการนอนของอีกฝ่ายได้ ให้ตายเถอะ

 

“เซริซาว่าเซนเซย์ ถึงห้องแล้วครับ!    ปัดโธ่ ทำไมปลุกเท่าไรก็ไม่ยอมตื่นเนี่ย?! แล้วเขาจะพาอีกฝ่ายเข้าห้องได้ยังไง เขาไม่รู้รหัสเสียด้วย

 

“เฮ้อ....”   ใบหน้าหล่อเหลาถอนหายใจยาวอย่างช่วยไม่ได้ เขายื่นมือไปกดรหัสด้วยความจำใจ แน่นอนว่าไม่ใช่รหัสบ้านของอีกฝ่ายแต่เป็นบ้านเขาเอง!

 

“เอาไว้นี่ก่อนก็แล้วกัน”    เขาแบกเจ้าศพข้างห้องไปวางลงที่เตียงของเขา ก่อนจะยืดกายขึ้นคลายกล้ามเนื้อไปมา ถึงจะไม่ได้หนักมากแต่แบกจากข้างล่างขึ้นมาถึงนี่ก็ไม่ใช่เล่นๆนะ

 

ดวงตาคมกล้าทอดมองใบหน้าหวานที่ยังหลับไม่รู้เรื่อง ไม่อันตรายไปหน่อยเหรอเนี่ย หน้าตาน่ารักขนาดนี้ไปหลับอยู่ข้างถนนโดนใครหิ้วไปทำเรื่องไม่ดีจะว่ายังไง?

 

เขาถอนหายใจก่อนจะเอื้อมมือไปถอดรองเท้าให้ จากนั้นก็ถอดสเวตเตอร์สีชมพูออกเหลือแต่เสื้อยืดตัวใน ส่วนกางเกง...เฮ้อ...

 

ดวงตาคมกล้าทอดมองเอวบางๆที่ขอบกางเกงเกาะอยู่ก่อนจะกลืนน้ำลายดังเอื๊อก ผู้ชายเหมือนกันแท้ๆเขาจะเขินอะไรเนี่ย?!

 

แต่กระนั้นกว่าจะทำใจเอื้อมมือไปปลดกระดุมกางเกงได้ เขาก็เดินวนไปวนมาอยู่ข้างเตียงพักใหญ่ เสื้อยืดก็ดันถลกร่นขึ้นไปได้พอดีเหลือเกินนะ ภาพตรงหน้าเลยดูยั่วเย้ามาก

 

มือใหญ่รูดรั้งกางเกงยีนส์สีอ่อนออกมาจากเอวบางผ่านต้นขาเรียว เขาไม่ได้คิดจะทำเรื่องไม่ดีนะ แต่นอนทั้งกางเกงยีนส์แบบนี้มันไม่สบาย เนื้อยีนส์รูดผ่านข้อเท้าเล็กๆไปได้ ความขาวผ่องของต้นขาทำให้เขาต้องรีบเสสายตาไปมองอย่างอื่น

 

“ห่มผ้าๆ”   เขารีบคว้าผ้านวมมาห่มให้ บอกตามตรงว่าเขาไม่เคยดูแลใครขนาดนี้มาก่อนเลยนะ

 

 

 

เขากลับมานอนลงข้างๆร่างโปร่งอีกครั้งหลังจากอาบน้ำ กินข้าว ดูทีวี เช็คตารางงาน อะไรใดๆของเขาเสร็จ

 

ไม่มีทีท่าว่าจะตื่นเลยแหะ...

 

ร่างสูงยาวนอนตะแคงมองใบหน้าสวยๆที่หลับปุ๋ย... ยิ่งมองก็เหมือนจะยิ่งตกหลุมรัก...

 

อ้า~ แย่แล้ววววว~~

 

เขาพลิกตัวเองกลับมาอีกฝั่ง เอามือทาบหัวใจที่เต้นกระหน่ำ ดูท่าจะแย่แล้วจริงๆนะหวังอี้ป๋อ~

 

ใบหน้าหล่อเหลาค่อยๆหันกลับไปมองอีกฝ่าย...ตั้งแต่จำความได้ เขาว่าเขาไม่เคยมีรสนิยมชอบผู้ชายด้วยกันมาก่อนเลย แต่ทำไมเขาถึงชอบคนคนนี้ขึ้นมาก็ไม่รู้ เขาไม่รู้จริงๆ คุยก็ไม่เคยคุยกัน ตัวตนของอีกฝ่ายเป็นแบบไหน ชอบทำอะไร ชอบกินอะไร ชอบไปไหน ไลฟ์สไตล์เป็นยังไง จะเข้ากับเขาได้ไหม...เขาไม่รู้เลย

 

แต่กระนั้นหัวใจก็ยังเต้นตึกตักไม่หยุด

 

มันเรียกว่ารักแรกพบได้หรือเปล่านะ?

 

เฮ้อ~ ช่างมันแล้วกัน

 

 

 

 

ดวงตาคมกล้าเปิดขึ้นมาอีกทีเมื่อมีแสงสว่างจ้า อันที่จริงเขาเพิ่งจะได้นอนเมื่อเช้ามืดนี่เอง ตื่นเต้นจนนอนไม่หลับเสียได้ ต้องสงบจิตสงบใจไม่ให้ตื่นตัวขึ้นมาด้วย...

 

ใบหน้าหล่อเหลาหันควับไปมองคนข้างๆ...ยังหลับอยู่อีกเหรอ?

 

เขาขยับเข้าไปใกล้ๆก่อนจะเท้าคางมองดวงตาที่ยังหลับพริ้ม ริมฝีปากเผลออมยิ้มไม่รู้ตัวเลย ทำไมเขามีความสุขขนาดนี้ก็ไม่รู้แหะ

 

ทั้งๆที่ไม่ได้สัมผัส ไม่ได้จูบ ไม่ได้มีอะไรกัน แต่ข้างในกลับมีความสุขมาก กับการแค่ได้นอนมองอีกฝ่ายแบบนี้

 

เขานี่ท่าจะอาการหนักแล้วแหะ อีกฝ่ายยังไม่รู้จักชื่อเขาด้วยซ้ำเลยมั้งนั่น

 

 

ร่างสูงสง่าลุกขึ้นมาบิดขี้เกียจ...วันนี้เป็นวันคริสต์มาสและคนข้างๆก็คงจะเป็นของขวัญที่ซานตาครอสมอบให้เขา

 

ใบหน้าหล่อเหลายิ้มอย่างอารมณ์ดี เขาลุกออกไปล้างหน้าแปรงฟัน จากนั้นก็ทำอาหารเช้าเบาๆ จากโต๊ะที่เคยว่างเปล่าก็มีจานวางอยู่สองใบ...ไข่ดาว แฮม และไส้กรอกที่ทำเป็นรูปปลาหมึก

 

อ้า นี่คงจะเป็นฉากมอร์นิ่งคิสของคนที่เป็นแฟนกัน

 

แต่มันติดอยู่ที่ว่าเจ้าคนที่จะมาเป็นแฟนเขานั้น...ปลุกยังไงก็ไม่ตื่นนี่สิ!

 

“ยังไม่ตายใช่ไหมเนี่ย?”    เขานั่งยองๆมองหน้าอีกฝ่ายอยู่ข้างเตียง ทั้งเรียกทั้งเขย่าก็แล้วแต่เซริซาว่าเซนเซย์ก็ยังแน่นิ่ง...จริงสิ...คนคนนี้สามารถหลับยาวได้ถึงสองวันนี่นะ...

 

ช่วยไม่ได้แหะ

 

ท่อนแขนแข็งแรงช้อนเข้าที่ใต้ร่างบอบบางก่อนจะอุ้มขึ้น เขาพาอีกฝ่ายไปวางไว้บนเก้าอี้โต๊ะกินข้าว แล้วก็เหมือนกลิ่นอาหารจะไปทำปฏิกิริยากับสมองเข้า มันถึงสั่งให้ท้องร้องออกมา

 

โคร่ก...

 

เขายังคงนั่งยองๆมองหน้าอีกฝ่าย...ท้องก็ร้องแท้ๆแต่ดันไม่ยอมตื่นมากินนี่สิ?

 

มือใหญ่ลองหยิบส้อมจิ้มไส้กรอกรูปปลาหมึกไปยื่นใกล้ๆริมฝีปากสีระเรื่อ

 

“เฮ้ย!    ปรากฏว่างับเฉย?!

 

สัญชาติญาณสัตว์ป่ารึไงน่ะ?

 

เขาลุกขึ้นยืนขำ ดูสิ เคี้ยวหมุบหมับๆเหมือนกระต่ายเลย

 

“อือ...”   ดูเหมือนอาหารคำแรกจะช่วยปลุกให้อีกฝ่ายหลุดจากนิทรา ดวงตาคู่โตจึงค่อยๆเปิดขึ้นช้าๆ

 

แล้วตื่นขึ้นมาก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง มือบางหยิบส้อมจิ้มทุกอย่างที่ขวางหน้าเข้าปากก่อนจะเดินไปนอนต่อที่โซฟา....

 

เขามองตามอย่างอึ้งๆ...นี่รู้หรือเปล่าเนี่ยว่าไม่ได้อยู่ที่ห้องตัวเองน่ะ?

 

แล้วจากนั้น เขาอยากให้อีกฝ่ายกินอะไร ก็แค่เอาไปยื่นให้ใกล้ๆปาก พองับไปคำแรกแล้วเดี๋ยวก็ลุกมากินที่เหลือต่อเอง

 

เขามองกล่องเค้กที่หมดเกลี้ยงไปแล้ว ครีมยังติดอยู่ที่ริมฝีปากอวบอิ่มนั่นอยู่เลย ปลายนิ้วจึงยื่นไปเช็ดให้เบาๆ

 

 

ปีนี้...วันคริสต์มาสของเขาช่างแสนแปลกประหลาด...

 

ต้องมาดูแลคนที่ไม่รู้จัก ต้องอยู่กับคนที่แทบไม่เคยคุยกันทั้งวันแต่กลับมีความสุขมาก...

 

 

เขานั่งอยู่บนพรมหน้าโซฟา แผ่นหลังหนาเอนพิงโซฟาไว้ ลมหายใจของคนที่นอนอยู่บนนั้นเป่ารดต้นคอเขาน้อยๆ ปอยผมสีดำก็ระมาให้รู้ว่ามีอีกฝ่ายอยู่ด้วย

 

เขาเปิดหน้ามังงะเรื่อง “กระซิบรักจากหัวใจ” ที่อ่านค้างไว้เพื่ออ่านต่อ

 

 

การ์ตูนสาวน้อย...ก็ไม่เลวแหะ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

“อือ...”    ดวงตากลมโตค่อยๆเปิดขึ้นหลังจากที่ร่างกายรู้สึกว่าได้นอนจนเพียงพอแล้ว

 

เขากรอกสายตาที่ยังไม่จับโฟกัสสิ่งใดไปมา...ผ่านมากี่วันแล้วเนี่ย...แต่แปลกแหะ ทำไมตื่นมาคราวนี้ถึงไม่หิวเลย?

 

“อื้อ...”   ใบหน้ามนหันตะแคงข้างจนแก้มใสแนบไปกับที่นอนนิ่มๆ...หอมจัง...แต่นี่มันไม่ใช่กลิ่นที่นอนของเขานี่?

 

จะว่าไปกลิ่นนี้....

 

เหมือนกับกลิ่นของผู้ชายที่อยู่ห้องข้างๆเลย...

 

“อือ...”   ร่างโปร่งพลิกนอนคว่ำก่อนจะซุกหน้าลงกับพื้นเตียง ดวงตากลมโตหลับพริ้มเพื่อดื่มด่ำไปกับสัมผัสอันนุ่มลื่นหอมเย็นนี้ ผ้าปูสีดำ ผ้านวมก็สีดำเหรอ~

 

ไม่ใช่แล้ว!

 

ร่างโปร่งเด้งผึงหน้าตาตื่น เขาอยู่ที่ไหนเนี่ย?! ใครจับตัวเขามา?! กักขังหน่วงเหนี่ยวเหรอ? หรือว่าเรียกค่าไถ? อะไรยังไงกันแน่? ???

 

สองขารีบวิ่งออกจากห้องนอนอย่างลนลาน แต่สภาพห้องนั่งเล่นที่เรียบร้อยเป็นระเบียบแถมไม่มีชายฉกรรจ์หน้าโฉดคอยยืนเฝ้าก็ทำให้พอจะเบาใจได้บ้างว่าคงไม่ใช่การเรียกค่าไถ่ ถ้าอย่างงั้นที่นี่มันที่ไหนกัน?

 

ร่างโปร่งบางเดินงงๆไปยังโซฟา จะว่าไปแปลนห้องนี่มันคล้ายๆห้องเขายังไงชอบกล อย่างหน้าต่างกระจกบานใหญ่แบบนี้ห้องเขาก็มี?

 

“เหวอ???”   และเพราะมองไปที่กระจกจึงเห็นภาพสะท้อนของตัวเองกลับมารางๆ ทำไมเขาถึงแต่งตัวแบบนี้เนี่ย?!

 

ใบหน้ามนก้มลงมองตัวเองที่สวมเพียงเสื้อเชิ้ตตัวโคร่งตัวเดียว มันเป็นเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีดำที่มีกลิ่นหอมของผู้ชายข้างห้อง

 

หรือว่า!

 

เขารีบมองหากรอบรูปหรืออะไรก็ได้ที่บ่งบอกว่าเจ้าของห้องเป็นใคร แต่ห้องนี้ดันไม่มีรูปสักใบเลยนี่สิ! ขาเรียวก้าวฉับๆเข้าไปในห้องนอน นอกจากเตียงแล้วก็ไม่มีอย่างอื่นอีก...นอกจาก...ตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ซึ่งกินพื้นที่ไปกว่าค่อนห้อง แล้วมันน่าประหลาดใจเพราะข้างๆก็มี walk in closet ที่เต็มไปด้วยตู้เสื้อผ้า ตู้ใส่นาฬิกาและเครื่องประดับอีก

 

หมอนี่...แต่งตัวเก่งไปไหมเนี่ย?!

 

“งื้อ~ ฉันแค่อยากรู้ว่าฉันอยู่ที่ไหน~    ใบหน้ามนเริ่มงอแงก่อนจะวิ่งปรู๊ดกลับไปที่โซฟา เหมือนเมื่อกี้หางตาจะมองเห็นโน้ตหรืออะไรบางอย่าง?

 

จริงด้วย! มีกระดาษโน้ตวางอยู่บนโต๊ะเตี้ยหน้าโซฟาจริงๆด้วย!

 

มือบางจึงหยิบมันขึ้นมาอ่าน

 

 

 

ผมคือคนที่อยู่ห้องข้างๆคุณ และตอนนี้คุณก็อยู่ในห้องผม

พอดีผมต้องออกไปทำธุระ ถ้าคุณตื่นแล้วก็ทานข้าวปั้นที่อยู่บนโต๊ะนะครับ

ผมจะรีบกลับมา

 

หวังอี้ป๋อ

 

 

 

ผู้ชายห้องข้างๆจริงๆด้วย!

 

ตายๆๆ แล้วเขาไปก่อเรื่องอีท่าไหนถึงมาอยู่ในห้องอีกฝ่ายได้เนี่ย?! อ๊ากกก อยากจะบ้าตาย!

 

แล้วหลังจากนั่งระลึกชาติอยู่สักพัก บวกกับได้รับการคอนเฟิร์มจากเอเลนและฮายาโตะผ่านวีดีโอคอล...

 

 

 

E : นายมาถึงบูทได้ก็หลับไปทันที

 

G : ใช่ แล้วก็ไม่ตื่นอีกเลยจนงานเลิก

 

E : หวังอี้ป๋อขนนายมาแล้วก็ต้องขนนายกลับ

 

G : น่าสงสารจริงๆ

 

E : น่าสงสารจริงๆ

 

G : ตอนแรกฉันนึกว่าหมอนั่นเป็นแฟนนายซะอีก

 

E : แต่ถึงจะไม่ใช่ก็จีบไปเถอะ ผู้ชายดีๆแบบนี้

 

G : นั่นสิ นายให้เค้าอุ้มเป็นตุ๊กตาไปทั่วโตเกียว ผิดผีจนไม่มีใครแต่งงานกับนายได้นอกจากหวังอี้ป๋อแล้วละ

 

E : ให้ปะป๊ากับหม่าม้าไปขอเค้าซะนะ

 

 

 

ร่างโปร่งบางถึงกับนั่งวิญญาณออกจากร่างอยู่บนโซฟา...

 

น่าอายชะมัดเลยโอ๊ยยย แง๊~~

 

อยู่ไม่ได้แล้ว~ เขาจะสู้หน้าอีกฝ่ายได้ยังไงเนี่ย~~  สองมือยกปิดหน้าที่แดงกล่ำไปจนถึงใบหู ไม่ได้การละ ยังไงก็รีบออกไปจากห้องนี้ก่อนก็แล้วกัน~

 

แล้วในขณะที่กำลังย่องผ่านโต๊ะทานข้าว อะไรก็ต่อต้านสัญชาตญาณการเอาชีวิตรอดไปไม่ได้

 

โคร่ก...

 

ท้องร้องขึ้นมาจนสองขาถึงกับชะงักกึก

 

ใบหน้ามนหันไปมองข้าวปั้นสามลูกที่ถูกแรพไว้อย่างดีบนโต๊ะทานข้าว...อึก...น้ำลายถึงกับกลืนลงคอแทบไม่ทัน

 

“กะ กินก่อนค่อยไปก็แล้วกัน...จะได้ไม่เสียน้ำใจที่เค้าอุตส่าห์เตรียมให้เนอะ”    เนอะกับใครก็ไม่รู้แหละแต่ตอนนี้เซริซาว่าเซนเซย์กลับถือจานข้าวปั้นไปนั่งเคี้ยวตุ้ยๆอยู่ที่โซฟาหน้าตาเฉย

 

อร่อยอ่า~

 

ในขณะที่เคี้ยวอย่างมีความสุขไปด้วย สายตาก็มองสำรวจห้องนั่งเล่นไปด้วย

 

หวังอี้ป๋อสินะ...ชื่อของผู้ชายคนนั้น...

 

นอกจากหล่อมากแล้วยังเป็นคนดีอีกต่างหาก ก็จะมีใครที่ไหนดูแลคนไม่รู้จักกันขนาดนี้ล่ะ เขารู้สึกขอบคุณอีกฝ่ายอยู่ในใจและกำลังคิดว่าจะตอบแทนยังไงดี ดูเหมือนเขาจะอยู่ที่นี่มาสองวันแล้วและหวังอี้ป๋อก็ดูแลเขามาตลอด

 

หื๋ม~ นี่อะไรน่ะ?

 

ดวงตากลมโตไปสะดุดเข้ากับตั้งหนังสืออะไรบางอย่างที่วางอยู่ข้างๆโซฟา เหมือนเจ้าของห้องเพิ่งจะหยิบมาอ่านเลยยังวางอยู่ตรงนี้? และเมื่อมือบางหยิบมาเปิดดู ดวงตากลมโตก็ถึงกับเบิกกว้าง

 

นี่มันมังงะที่เขาวาดนี่?

 

มีมังงะที่เขาวาดอยู่ในห้องของผู้ชายคนนั้น? ทั้งๆที่บนชั้นไม่มีหนังสืออย่างอื่นเลย? จะมีก็แต่ของเล่นพวกเลโก้ไม่ก็รูปปั้นแนวอาร์ตๆกับกระถางต้นไม้?

 

อย่าบอกนะว่าผู้ชายคนนั้นอ่านมังงะที่เขาวาดด้วย? แล้วก็อ่านการ์ตูนแค่เรื่องนี้เรื่องเดียว?

 

จู่ๆความร้อนผ่าวก็พุ่งขึ้นสู่ใบหน้า ความรู้สึกแบบนี้ถ้าเป็นในการ์ตูนของเขาก็คงเป็นช่วงที่นางเอกเริ่มจะตกหลุมรักพระเอกไม่ผิดแน่ ดูสิ...หัวใจ...เต้นใหญ่เลย...

 

“งื้อ~ ไม่จริงน่า~    ร่างโปร่งลงไปนอนกลิ้งอยู่บนโซฟา ตอนนี้ยิ่งรู้สึกสู้หน้าอีกฝ่ายไม่ได้ไปกันใหญ่

 

ไม่ได้การละ ต้องรีบหนีก่อน!

 

มือบางจึงหยิบกระดาษโน้ตเยินๆแผ่นนั้นมาพลิกกลับหลัง ตัวอักษรอ่านง่ายถูกเขียนลงไปอย่างว่องไว

 

 

 

ผมว่าผมน่าจะชอบคุณ.

 

 

 

“อ๊ากกกก!!   เขียนอะไรลงไปละเฮ้ย!!! มือบางรีบขีดฆ่าอย่างลนลาน ความกระต่ายตื่นตูมของเขานี่เป็นปัญหาที่ไม่รู้จะแก้ยังไงจริงๆ เวลาตกใจนะ กำลังรู้สึกยังไงก็บอกออกไปหม๊ดดด!

 

 

 

 

ขอบคุณที่ดูแลผมนะ!

ตอนนี้ผมไม่เป็นไรแล้ว ผมกลับห้องก่อนล่ะ!

 

เซียวจ้าน

 

 

 

มือบางวางกระดาษลงบนโต๊ะก่อนจะรีบวิ่งออกไป แต่ก็วิ่งวนกลับมาใหม่เพราะกลัวว่ากระดาษจะปลิวหาย ร่างโปร่งงึกๆงักๆอยู่สักพักก็หันไปคว้าโหลใส่น้ำตาลก้อนมาวางทับไว้ ยังไม่หายกังวลจนต้องหยิบสารพัดโหลมาวางทับมันรอบกระดาษ

 

“อะ โอเคแล้วมั้ง?”    จากนั้นจึงรีบวิ่งกลับไปยังห้องของตัวเอง

 

 

 

 

 

 

 

หวังอี้ป๋อวางกระเป๋าลงบนโซฟาเมื่อกลับมาแล้วไม่เจอใคร ทั้งบนเตียงทั้งในห้องน้ำก็ไม่อยู่ แสดงว่าคงจะตื่นแล้วและกลับไปแล้วสินะ

 

ในขณะที่กำลังรู้สึกเสียดาย สายตาก็ไปปะทะกับกองขวดโหลใส่เครื่องปรุงที่วางอยู่บนโต๊ะ...อะไรน่ะ? ใครมาสร้างปะติมากรรมอะไรแถวนี้?

 

แล้วพอคิดว่าคงมีอยู่คนเดียวนี่แหละที่จะทำอะไรแบบนี้ได้ ริมฝีปากก็เผลอยิ้มออกมา

 

เขาลองมองดีๆ ดูเหมือนขวดโหลพวกนี้มันกำลังวางทับอะไรอยู่? หื๋ม? กระดาษโน้ต?

 

แล้วทันทีที่หยิบมันขึ้นมาดู มือใหญ่ก็ต้องยกขึ้นมาปิดปาก

 

ใบหน้าร้อนผ่าวจนรู้สึกได้ หัวใจก็เต้นถี่ขึ้นทุกที

 

เพราะถึงแม้จะถูกขีดฆ่าเอาไว้...แต่เขาก็ยังอ่านมันออกได้อย่างชัดเจน...

 

ประโยคที่บอกว่าชอบเขา...

 

นะ นี่มัน...

 

จดหมายสารภาพรักแบบในการ์ตูนสาวน้อยหรือเปล่า?

 

ถึงสภาพจะดูไม่ค่อยน่าใช่ ถึงอะไรจะบังตาให้เขาเห็นว่ามันเป็นจดหมายรักสีชมพูก็เถอะ แต่เขาก็จะเข้าข้างตัวเองว่ามันเป็นแบบนั้น

 

ร่างสูงสง่านั่งลงบนโซฟาอย่างเงียบๆ ตอนนี้เขายังอึ้งไม่หาย ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าต่างฝ่ายจะต่างตกหลุมรักกันได้อย่างง่ายดายขนาดนี้

 

“เซียวจ้าน...”    นี่คือชื่อจริงๆของอีกฝ่ายสินะ...

 

 

 

 

 

 

 

 

ติ๊ง!

 

มือใหญ่กระชับผ้าพันคอตามความเคยชินเมื่อต้องก้าวขาออกจากลิฟท์ ถึงแม้ว่าในโถงทางเข้าชั้น15จะไม่มีลมเข้ามาได้ก็ตาม

 

ที่จริงวันนี้จะเป็นวันสิ้นปี แต่เขายังมีงานถ่ายโฆษณาที่ต้องใช้บรรยากาศแห่งความสุขแบบนี้เป็นฉากหลังอยู่ เขาจึงต้องออกไปทำงานและเพิ่งจะได้กลับมา

 

นายแบบหนุ่มเดินไปยังหน้าห้องของตัวเอง แล้วดวงตาคมกล้าก็ถูกถุงกระสอบสีขาวที่วางขวางประตูดึงดูดสายตาเอาไว้ เขาไม่ต้องก้มลงไปดูก็รู้ว่าของใคร เพราะมันมีรูปสเก็ตของพระเอกการ์ตูนตาหวานเรื่องนั้นแปะอยู่

 

[ผมให้! ขอบคุณนะ!]

 

“หึ...”    ใบหน้าหล่อเหลาหลุดหัวเราะ กระต่ายแทนคุณหรือไงน่ะ เพราะตั้งแต่วันที่อีกฝ่ายตื่นขึ้นมา ที่หน้าประตูห้องเขาก็มีกระสอบข้าวสารบ้างละ ปลากระป๋องบ้างละ ต้นหอมยังมี มาวางอยู่ตรงนี้ทุกวัน แล้วแต่ละอย่างที่เลือกมาให้เขานี่ก็อย่างพีค โรแมนติกสมเป็นคนวาดการ์ตูนสาวน้อยเสียไม่มีละ ฮะฮะ

 

เขาก้มลงไปอุ้มกระสอบแป้งข้าวสาลีขึ้นมาไว้ในอ้อมแขน...แล้วเขาจะเอามันไปทำอะไรล่ะเนี่ย?

 

ติ้ดๆๆๆ

 

นิ้วยาวกดรหัสเพื่อเข้าห้อง

 

แกร่ก...

 

แล้วทันทีที่ประตูห้องเขาเปิดออก ประตูห้องข้างๆก็เปิดผางออกมาเช่นกัน

 

“คุณ!    เสียงใสตะโกนเรียกเขาจนไหล่กว้างสะดุ้งโหยง ยะ อย่าพรวดพราดออกมาแบบนี้สิ ตกใจหมด...

 

“งื้อ กลับมาจนได้นะ ผมรออยู่หลังประตูนี่มาตั้งสองชั่วโมงแล้ว นึกว่าคุณไปเคาต์ดาวน์กับเพื่อนแล้วเสียอีก”    หื๋อ? รอฟังเสียงเขาเปิดประตูอยู่เหรอ?

 

“มีอะไรหรือเปล่าครับ?”    เขาอมยิ้มบางๆให้อย่างเอ็นดู จะว่าไปตั้งแต่ที่อีกฝ่ายตื่นขึ้นมาเราก็ยังไม่เคยได้เจอหน้ากันตรงๆแบบนี้เลยสักครั้ง มีแต่ของมาวางเอาไว้ให้ที่หน้าประตู

 

“คือว่า...คืนนี้...คุณว่างไหมครับ?”   ใบหน้าหวานเอ่ยออกมาอย่างเขินๆอายๆ ดวงตากลมโตที่ช้อนมองเขาอย่างไม่มั่นใจนั่นทำให้ต้องสงบจิตสงบใจขนาดหนัก

 

“คืนนี้?”    จะว่าไปคืนนี้ก็เป็นคืนข้ามปีนี่นะ เขาก็ไม่ได้ตั้งใจจะทำอะไรนอกจากนอนดูถ่ายทอดสดเคาต์ดาวน์อยู่บ้านนั่นแหละ

 

“ครับ ว่างไหมครับ? คือว่า...ผมอยากจะชวนไปไหว้พระที่ศาลเจ้าน่ะครับ ผมอยากจะขอพรตอบแทนที่ช่วยผมเมื่อวันก่อน...”    อ่อ จะชวนไปไหว้พระปีใหม่นี่เอง

 

ว่าแต่เดี๋ยวนี้เค้าตอบแทนน้ำใจกันด้วยการขอพรให้แล้วเหรอ?

 

เขาส่ายหน้าให้กับความคิดแปลกๆของอีกฝ่าย แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันเป็นความคิดที่น่ารักมาก แล้วก็ทำให้หัวใจของเขาทั้งอบอุ่นทั้งเต้นแรง

 

“ว่างครับ ไปกี่โมงดีครับ?”    เขาจึงตอบรับไปด้วยสีหน้าอ่อนโยน

 

“ซักห้าทุ่มดีไหม?”

 

“ครับ แล้วเจอกันครับ”    ใบหน้าหวานยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ก่อนจะผลุบหายเข้าห้องไป

 

ทางเขาเองก็ยืนมองบานประตูที่ปิดลงนั่นราวกับตกอยู่ในภวังค์อีกพักใหญ่

 

 

จะว่าไป...แบบนี้มันเรียกว่าเดตได้ไหมนะ?

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ถึงจะเป็นวันหยุดยาวปีใหม่แต่จินตนาการในหัวมันก็ใช่ว่าจะหยุดไปด้วยเสียเมื่อไหร่ โกคุเดระเซนเซย์จึงนอนเอกเขนกวาดเนมของมังงะเรื่องกระจกเก้าหางอยู่บนโซฟาด้วยท่าทางแสนสบาย

 

แน่นอนว่าเขาไม่คิดจะออกจากบ้านไปไหนอยู่แล้ว คืนข้ามปีแบบนี้คนเยอะวุ่นวายจะตาย

 

 

[นายเข้ามาเปลี่ยนแปลงโลกที่โดดเดี่ยวของฉัน นายทำให้ฉันอยู่คนเดียวไม่ได้เพราะฉะนั้นนายต้องกลับไปกับฉัน อยู่เคียงข้างฉันไปจนวันตายมินาโตะนายต้องรับผิดชอบ]

 

 

มือบางกำลังสเก็ตใบหน้าของฟูจิวาระ ชู ตัวละครหลักใน Nine tail mirror ที่กำลังพูดประโยคทรงพลังนี้ออกมา ทั้งสีหน้า มุมมอง และสายตา จะวาดยังไงให้ดูมีพลังทำลายล้างมหาศาลได้กันนะ

 

ชูเป็นปีศาจเท็นงุหรืออีกาที่มีสีขาวปลอดทั้งตัว เป็นสายพันธ์ปีศาจที่หายากพอๆกับจิ้งจอกเก้าหางสีดำแบบมินาโตะ ทั้งสองคนจึงเป็นสองในสามทหารเสือของโลกปีศาจ

 

แล้วในวันที่มินาโตะนำกระจกของโลกปีศาจหนีมายังโลกมนุษย์ ชูจึงได้รับคำสั่งจากราชาปีศาจให้มาตามจับตัวมินาโตะกลับไป

 

เขาวางบทไว้ให้คนคิดว่าชูจะเป็นตัวร้าย แต่ที่จริงแล้วชูก็รักและเป็นห่วงมินาโตะมาก ที่อยากพากลับไปก็เพื่อความปลอดภัยของมินาโตะเอง แต่พอมินาโตะดื้อดึงไม่ว่ายังไงก็ไม่กลับ ชูเลยแอบช่วยอย่างลับๆไม่ให้ปีศาจตนอื่นที่ราชาปีศาจส่งมาทำร้ายมินาโตะได้

 

ก็นั่นแหละ มิตรภาพลูกผู้ชายที่เขาวางพล็อตไว้เลยกลายเป็นเรือศัตรูที่รักของพวกสาววายไป...

 

 

แกรกๆๆ

 

มือบางสเก็ตเส้นร่างคร่าวๆลงไปในกระดาษที่ตีกรอบแบ่งช่องเอาไว้แล้ว แต่ไม่ว่าจะลองมุมไหนก็ยังหาโพสดีๆไม่ได้สักที

 

“อ๊า!   กระดาษที่ใช้วาดเนมถูกโยนขึ้นฟ้าตามประสาคนใจร้อนที่วาดไม่ได้ดั่งใจสักที

 

ตอนนี้เลยมีกระดาษโปรยเกลื่อนกลาดเต็มห้องนั่งเล่นไปหมด โกคุเดระเซนเซย์นอนห้อยแขนลงมาจากโซฟาข้างหนึ่งก่อนจะมองกระดาษพวกนั้นอย่างปล่อยความคิดไปเรื่อยๆ อันที่จริงก็มีช่วงที่เขาเปลี่ยนไปวาดด้วยกระดานคอมพิวเตอร์อยู่เหมือนกัน แต่ด้วยความที่อดนอนจนเบลอ จึงมีหลายครั้งที่เผลอเดินสะดุดปลั๊กไฟจนต้นฉบับหายส่งงานไม่ทันอยู่หลายรอบ เจ้ายักษ์ริวาอิเลยบีบบังคับให้สตูดิโอเขากลับมาใช้กระดาษแบบแมนนวลเหมือนเดิม

 

“คิดไม่ออกเฟ้ย~!    ร่างบอบบางเด้งผึงขึ้นมาก่อนจะโยนดินสอส่งๆไป ช่างหัวมันละกันเดี๋ยวค่อยทำ

 

มือบางหันไปคว้าแท็บเล็ตก่อนจะตีกรอบเส้นร่างเนมขึ้นมาใหม่ แน่นอนว่าอันนี้ไม่ใช่กระจกเก้าหางแต่เป็นโดจินเล่มใหม่...

 

ดีนะที่เจ้าริวาอิก็หยุดปีใหม่กับเค้า ไม่งั้นเขาคงได้โดนกระทืบติดข้างฝา...

 

ก็ทางนั้นมันคิดไม่ออกนี่นา~ ว่าแต่โดเล่มนี้เอาเป็น ชูxมินาโตะก็แล้วกัน ไหนๆก็กำลังวาดฉากของชูในมังงะออริจินัลอยู่พอดี

 

อืม...งาน Good Comic city 44 ก็ใกล้เข้ามาแล้วสินะ ต้องรีบวางพล็อตแล้วละ~

 

 

 

  

 

 

 

 

“แฮ่ก...แฮ่ก...แฮ่ก.....”    ไอสีขาวถูกพ่นออกจากปากครั้งแล้วครั้งเล่า เขาเหนื่อยจนแทบขาดใจ แต่ถึงจะเหนื่อยแค่ไหนก็หยุดอยู่ตรงนี้ไม่ได้

 

ดวงตาสีมรกตกลมโตกรอกไปมาเพื่อมองหาทางหนี เขาวิ่งเข้ามาในตรอกโสโครกนี่อย่างไม่รู้ทิศรู้ทาง ไม่มีการวางแผน ทุกอย่างเป็นเรื่องเฉพาะหน้า สองขายังคงวิ่งต่อไปเพื่อเอาชีวิตรอด

 

จะปล่อยให้ถูกจับตัวกลับไปไม่ได้เด็ดขาด

 

“อึก!!    เพราะความตื่นตระหนกราวกับหนูสกปรกกำลังวิ่งหนีแมว หน้าขาเลยไปสะดุดกับกล่องลังที่วางเกะกะอยู่เต็มสองข้างทาง

 

โครม!

 

ร่างทั้งร่างล้มกลิ้งลงบนแอ่งน้ำขัง แรงกระแทกทำให้ความเจ็บแปลบแล่นลิ่วมาจากข้อเท้าจนน้ำตาแทบไหล กลิ่นเหม็นๆของน้ำคลำทำให้มือบางต้องรีบยันตัวเองลุกขึ้น หัวสีดำรีบหันซ้ายหันขวาแต่ดูเหมือนพวกนั้นจะยังไม่รู้ว่าเขาอยู่ตรงนี้

 

“อ๊ะ!    เสียงอุทานเบาๆหลุดออกจากปากเมื่อเขาพยายามจะลุกขึ้น ที่ข้อเท้าเจ็บมากจริงๆ

 

ใบหน้ามนสูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้วพยายามจะวิ่งต่อไป แต่แค่ก้าวแรกมันก็เจ็บจนต้องทรุดลงกับพื้น

 

ไม่ได้นะ...จะมาจบเห่ตรงนี้ไม่ได้...

 

“ฮึก...”    ทั้งความกลัวและความอัดอั้นตันใจทำให้เผลอร้องไห้ออกมา ไม่ไหวแล้ว...เขาทนไม่ไหวแล้ว...

 

“ฮึก...ชู...”    ชื่อของคนที่เฝ้ารอคอยหลุดออกมาจากปาก มันทรมานจนแทบจะดิ้นรนต่อไปไม่ไหวแล้ว

 

“ไปทางนั้น!    เสียงกระโชกโฮกฮากที่ไล่ตามอยู่ข้างหลังทำให้มือบางต้องยกขึ้นมาปิดปากอย่างลนลาน ใบหน้ามนหันมองรอบกายด้วยหัวใจที่เต้นกระหน่ำ สองขาอันสั่นระริกแบกร่างหนีเข้าไปในประตูผุพังที่ดูจะเป็นตึกร้างหลังหนึ่ง เขาวิ่งต่อไม่ไหวแล้ว ข้อเท้ามันบวมเป่งเสียขนาดนี้

 

“ฮึก...”   มือบางปาดน้ำตาก่อนจะกอดเข่าซุกตัวอยู่หลังลังไม้เก่าๆ ชื่อของเขาคือนารุมิยะ มินาโตะ และคนที่เขาหนีอยู่ก็คือเจ้าหนี้ที่เป็นแก๊งยากูซ่า...

 

เขาว่ากันว่าก่อนที่คนเราจะตาย ความทรงจำอันแสนสุขจะหลั่งไหลอยู่ในหัว...

 

ถ้าเช่นนั้นเขาเองก็คงใกล้จะตายแล้วเหมือนกันสินะ เพราะตอนนี้ในหัวเขามีแต่ภาพของชูที่ยังยิ้มยังหัวเราะอยู่ข้างๆกัน...ภาพมันย้อนกลับไปในวันคืนเหล่านั้น...เมื่อสิบกว่าปีก่อน...

 

เขากับชูเติบโตมาด้วยกันในเมืองเล็กๆอันห่างไกลแห่งหนึ่ง เรามีแม่คนเดียวกันและแม่ก็เลี้ยงพวกเรามาตั้งแต่เพิ่งลืมตาดูโลก

 

ไม่สิ...นั่นไม่ใช่แม่ของเขา แต่เป็นแม่แท้ๆของชูต่างหาก

 

แม่ของชูรู้จักกับแม่แท้ๆของเขาที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ทั้งสองคนเข้าโรงพยาบาลเพื่อไปเตรียมตัวคลอดและสนิทสนมกันโดยง่ายเพราะต่างก็ไร้ญาติขาดมิตรด้วยกันทั้งคู่ พวกเธอไม่มีสามี พวกเราไม่มีพ่อ พวกเธอจึงดูแลกันและกันจนถึงวันคลอด

 

พวกเราคลอดออกมาได้อย่างปลอดภัย แต่แม่ของเขากลับไม่รอด...

 

เขาจึงกลายเป็นเด็กกำพร้าที่ไม่มีแม้แต่แม่คอยดูแล

 

แม่ของชูสงสารเด็กน้อยอย่างเขา เธอจึงรับเขาไปเลี้ยงเป็นลูกอีกคนของเธอ เขากับชูจึงโตมาด้วยกัน เล่นด้วยกัน ยิ้มให้กันในวันที่มีความสุข ยามทุกข์เราก็ร้องไห้ด้วยกัน อยู่เคียงข้างกันมาตลอด

 

เขามีแต่ชูและชูเองก็มีแต่เขา

 

ความผูกพันแบบเพื่อนพี่น้องค่อยๆก่อตัวเป็นความรักในรูปแบบอื่น

 

 

เราเคยสัญญาว่าจะอยู่ด้วยกันตลอดไป...

 

 

แต่แล้วสัญญาก็ถูกฉีกกระชากด้วยมือที่มองไม่เห็น...ในวันที่เราอายุครบ10ขวบ

 

ในโลกของเราไม่ได้มีเพียงเพศหญิงกับเพศชายที่นับเป็นเพศหลักเท่านั้น แต่ยังมีเพศรองที่จะปรากฏตอนอายุครบสิบปีด้วย

 

อัลฟ่า...เบต้า...โอเมก้า...

 

เพศรองทั้งสามที่สามารถบ่งบอกสถานะในสังคมของเราได้อย่างชัดเจนที่สุด

 

เพราะผู้คนนับถืออัลฟ่าที่มีความฉลาดแข็งแกร่งเหนือเบต้าซึ่งเป็นคนหมู่มากทั่วๆไป และผู้คนมักไม่ให้ค่าโอเมก้าที่อ่อนแอและมีเงื่อนไขในการใช้ชีวิตที่มากกว่าเพศรองอื่นๆ

 

ชูเป็นอัลฟ่า...ส่วนเขาเป็นโอเมก้า...

 

เรื่องมันคงจะไม่เป็นแบบนี้ถ้าชูเป็นอัลฟ่าที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้าแบบเขา

 

เพราะแท้จริงแล้ว ชูเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของตระกูลฟูจิวาระ ตระกูลอัลฟ่าที่น่าเกรงขามและทรงอิทธิพลที่สุดในญี่ปุ่น

 

แม่ไม่เคยบอกพวกเราเลย และทางตระกูลฟูจิวาระก็ไม่เคยมาดูดำดูดีอะไรพวกเราด้วย...ทางนั้นปล่อยให้พวกเราชีวิตไปตามปกติเพียงแต่จับตาดูชูมาตลอด

 

แม่ของชูเป็นภรรยานอกสมรสและทนแรงกดดันไม่ไหวจึงหนีออกมาทั้งๆที่ท้องชูอยู่ เพราะอย่างนั้นทางตระกูลฟูจิวาระจึงตั้งใจจะปล่อยเธอกับลูกไป...หากเด็กคนนั้นเป็นเบต้าหรือโอเมก้า

 

ทว่า...ชูกลับเป็นอัลฟ่า

 

และไม่ใช่อัลฟ่าธรรมดาแต่เป็นอัลฟ่ายีนเด่นอันหาได้ยาก เป็นอัลฟ่าที่อยู่เหนืออัลฟ่าทั่วๆไป แม้แต่ในตระกูลฟูจิวาระเองก็ไม่มีอัลฟ่ายีนเด่นแบบนี้มานานมากแล้ว

 

ชูเลยถูกทางตระกูลฟูจิวาระมารับตัวกลับไปแทบจะทันที

 

ชูถูกจับแยกกับแม่และเขา ทางตระกูลฟูจิวาระเอาชูกลับไปแค่คนเดียว

 

ก่อนไป...ชูสัญญาว่าจะกลับมาหาเขา จะตามหาเขากับแม่ให้เจอไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน...ให้เขารอ...

 

แต่จนแล้วจนรอด...สิบปีที่ผ่านมา...ชูก็ไม่เคยโผล่มาหาพวกเราเลยสักครั้ง...

 

เขาได้แต่เชื่อใจและคิดในแง่ดี ว่าชูเองก็คงจะมีเหตุผลทำให้ต้องตัดการติดต่อกับพวกเราไป...ชูไม่ได้ลืมเขากับแม่ไปแล้วหรอก ไม่มีวัน...

 

เขาอยู่ได้เพราะเชื่อแบบนั้น...

 

และเขาคงจะรออย่างสงบต่อไป...หากโรคร้ายไม่มากล้ำกลายครอบครัวเราเสียก่อน

 

แม่ป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายจากการทำงานหนักและแทบไม่มีเวลาพักผ่อนหรือดูแลตัวเอง

 

และเขาก็ติดต่อชูไม่ได้เลย เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าชูถูกพาตัวไปอยู่ที่ไหน ดูเหมือนชูจะไม่ได้อยู่ในบ้านใหญ่ตระกูลฟูจิวาระ ชูอาจจะถูกส่งตัวไปอยู่ต่างประเทศ...

 

เขาไม่มีหนทางแล้วจริงๆ พวกเราไม่ได้มีเงินมากมายพอจะจ่ายค่าผ่าตัดของแม่ได้...และเขาก็ยังเด็กเกินไปที่จะไปขอกู้เงินจากธนาคาร ท้ายที่สุดจึงต้องไปยืมเงินนอกระบบของพวกยากูซ่า

 

ทว่า...แม่ก็ป่วยหนักเกินไปจนรักษาไม่ได้อีก

 

แม่เสียชีวิตไปในวันที่ดอกซากุระผลิบานพอดี...ทิ้งให้เขาเฝ้ารอลูกชายของแม่ตามลำพังในโลกที่โหดร้ายใบนี้

 

เพราะถึงแม่จะตายไป แต่หนี้ที่ต้องชดใช้ก็ยังอยู่

 

เด็กม.ปลายอย่างเขาจะไปมีปัญญาหาเงินขนาดนั้นในเร็ววันได้ยังไง ต่อให้ทำงานพิเศษจนแทบไม่ได้หลับได้นอน เงินที่หามาได้ก็ยังห่างไกลจากหนี้สินที่มีมากนัก

 

แถมพวกนั้นยังไม่ทำตามที่สัญญาเขียนไว้ ว่าจะให้เขาค่อยๆผ่อนผันใช้หนี้ได้ แต่กลับมาเร่งรัดให้เขาจ่ายภายในสิ้นเดือนนี้

 

เพราะพวกนั้นรู้ว่าเขาเป็นโอเมก้า...

 

และโอเมก้าที่กำลังจะฮีตเป็นครั้งแรกก็ขายได้ราคาดีที่สุด

 

ค่าตัวของเขาอาจจะพุ่งไปถึงล้านเยนเพียงแค่นอนด้วยกันคืนเดียว มันแทบจะใช้หนี้ทั้งหมดได้และอาจจะเหลือเป็นกำไรอีกต่างหาก

 

พวกนั้นจึงตั้งใจจะจับตัวเขาไปขายเพื่อใช้หนี้

 

เขาถึงต้องวิ่งหนีหัวซุกหัวซุนอยู่แบบนี้

 

ท่อนแขนผอมบางกอดเข่าด้วยเนื้อตัวสั่นระริก ในใจร่ำร้องหาคนที่เป็นที่พึ่งเดียว...แต่ทั้งหมดมันคือความว่างเปล่า...

 

หรือชูจะทิ้งเขาไปแล้วจริงๆ...

 

น้ำตาไหลลงมาเมื่อมองเห็นเงายืนจังก้าอยู่หน้าทางออกเดียวที่เขามี...

 

“ฮ่าๆ เจอ-ตัว-จน-ได้นะ เจ้าโอเมก้า”

 

 

 

 

 

เขาลืมตาขึ้นมาในห้องที่แสนหรูหราห้องหนึ่ง เนื้อตัวถูกชำระล้างจนสะอาดสะอ้าน ข้อเท้าที่บวมเป่งก็ถูกพันเอาไว้อย่างดี แต่ยิ่งได้รับการดูแลดีเท่าไหร่เขาก็ยิ่งรู้ตัวแล้วว่าเขากำลังจะถูกขาย กำลังจะถูกอัลฟ่าแปลกหน้าที่ไหนก็ไม่รู้ข่มแหง  เขาทั้งตะโกนทั้งทุบประตูให้พวกนั้นปล่อยเขา แต่มันก็เปล่าประโยชน์...

 

ตึกตึกตึกเอี๊ยด

 

เสียงพื้นรองเท้าหนังที่เสียดสีกับพื้นทางเดินไม่เคยฟังดูน่ากลัวขนาดนี้มาก่อน ยิ่งมันใกล้เข้ามาเท่าไหร่ยิ่งทำให้ร่างโปร่งบางขดตัวเข้าหามุมห้องมากขึ้นเท่านั้น

 

การที่ต้องนั่งฟังทุกเสียงความเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายก็เหมือนเหยื่อที่รอคอยความตาย ท้องไส้ปวดมวนจนอยากจะอ้วกออกมา แต่อีกปฏิกิริยาหนึ่งที่เขาควบคุมไม่ได้เลยกลับมาขวางเอาไว้ เพราะแทนที่จะคลื่นไส้ ในท้องน้อยเขากลับร้อนวูบวาบไปหมด มันส่งผลให้เนื้อตัวร้อนระอุเหมือนคนเป็นไข้ ภาพที่ดวงตามองเห็นช่างไม่ชัดเจนเอาเสียเลย ความปรารถนาที่ไม่รู้จักทำเอาร่างกายอ่อนระทวยไปหมด ช่องทางด้านหลังก็เปียกแฉะจนแม้แต่ตัวเขาก็รับรู้ได้

 

เขาไม่เคยรู้เลยว่าโอเมก้าเวลาฮีตจะไร้แรงต่อต้านขัดขืนได้ขนาดนี้ ทั้งๆที่ใจอยากจะลุกหนีไป แต่สองขากลับไม่มีแม้แต่แรงจะยืน

 

ฟีโรโมนที่พวยพุ่งออกจากร่างกายเพื่อเรียกหาอัลฟ่าสักคนมาร่วมรักด้วยมันรุนแรงขนาดนี้เลยเหรอมันควบคุมไม่ได้แม้กระทั่งสติสัมปชัญญะจริงๆ

 

"แฮ่กแฮ่ก…"   เขายกมือขึ้นมาปิดหัวและใบหน้าราวกับว่าทำแบบนั้นแล้วจะหนีพ้น เนื้อตัวที่สั่นสะท้านราวกับลูกนกยิ่งขดตัวซุกอยู่ที่มุมห้องเข้าไปใหญ่

 

แกร่ก

 

แล้วแค่ประตูเปิดออก ฟีโรโมนอันเข้มข้นของอัลฟ่าก็โชยเข้าจมูกมาทันที ร่างทั้งร่างสั่นระริกด้วยความกลัวอย่างห้ามไม่ได้

 

ไม่มีทางห้ามได้เลย

 

ดวงตาคู่โตถึงกับเบิกโพลงอยู่กับเข่าของตัวเอง ด้วยสัญชาติญาณของโอเมก้าเขาไม่เคยเจออัลฟ่าคนไหนมีฟีโรโมนเข้มข้นจนน่ากลัวขนาดนี้มาก่อนเลย เขาเชื่อว่าแม้แต่อัลฟ่าด้วยกันเองก็คงเกรงกลัวคนคนนี้แน่ๆ เพราะฉะนั้นโอเมก้าอย่างเขาจะถึงกับขยับตัวไม่ได้ก็ไม่แปลก

 

ตึก

 

เงาร่างราวกับสัตว์ป่านั่นมาหยุดยืนอยู่ข้างๆเตียงตรงหน้าเขาอยากจะกรีดร้องออกไปเหลือเกินว่า "ไม่เอา!" แต่เขากลับทำได้แค่สั่นกลัวและไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้าอีกฝ่าย

 

เขาไม่มีทางจะหนีไปจากตรงนี้ได้เลยเหรอ

 

น้ำตารื้นออกมา หนึ่งเพราะความกลัว สองเพราะทั้งหัวใจยังคงเรียกหาแต่ชู ร้องหาอย่างบ้าคลั่ง ได้แต่หวังลมๆแล้งๆว่าอีกฝ่ายจะโผล่มาช่วย

 

ฟื้ด

 

เนคไทถูกรูดออกจากคอของคนที่ยืนค้ำหัวเขาอยู่ ผ้าไหมเนื้อดีร่วงลงพื้นราวกับภาพสโลโมชั่นและนี่ก็คงจะเป็นฟางเส้นสุดท้ายของเขาแล้ว

 

ร่างกายของเขาความบริสุทธิ์ของเขาคงไม่สามารถจะเก็บเอาไว้ให้ชูได้อีก

 

"ฮึกปล่อยผมไปไม่ได้เหรอ…"    เขาลองอ้อนวอนเป็นครั้งสุดท้าย

 

ชึ่บ

 

อีกฝ่ายไม่ตอบอะไรแต่กลับนั่งลงมาข้างๆ เขารับรู้ได้จากน้ำหนักเตียงที่ยุบยวบ

 

มือใหญ่ๆที่เย็นเฉียบเอื้อมมาจับมือเขาไว้ทำเอาน้ำหูน้ำตาไหลกว่าเก่า หลังจากคืนนี้ไปชีวิตเขาก็คงไม่มีค่าอีกแล้ว 

 

ชูนายอยู่ที่ไหนกันตัวฉันที่แปดเปื้อนเป็นของคนอื่นไปแล้วนายจะยังต้องการมันอีกไหม?

 

"ปล่อยผมไปฮึกได้โปรด…"    เสียงสะอึกสะอื้นดังออกมาจากใบหน้าที่ซบอยู่บนเข่า แต่คราวนี้….กลับมีเสียงทุ้มตอบกลับมา

 

"ฉันปล่อยนายไปไม่ได้หรอกเพราะฉันซื้อนายมาด้วยราคาห้าเท่าของราคาปกติเลยนะ อีกอย่าง ไม่มีอัลฟ่าที่ไหนปล่อยโอเมก้าที่กำลังฮีตหลุดมือไปได้หรอก"

 

"แล้วที่สำคัญกว่านั้นฉันก็เคยสัญญากับโอเมก้าคนนี้เอาไว้ว่าฉันจะกลับไปรับเขา ฉันก็ต้องทำตามสัญญาสิว่าไหม? มินาโตะ"

 

จู่ๆก็เหมือนโลกพังทลายไปในชั่วพริบตา โลกที่มืดมนจนไร้ทางออกของเขาถูกเป่าสลายกลายเป็นฝุ่นผงในทันทีที่เขาได้ยินเสียงทุ้มนั่นเรียกชื่อของเขา

 

เป็นไปไม่ได้

 

คนที่ซื้อเขา...

 

ใบหน้ามนเงยจากหัวเข่าก่อนจะต้องเบิกตากว้าง….

 

เพราะถึงจะโตขึ้นมาก เครื่องหน้าทุกชิ้นก็คมคายหล่อเหลาขึ้นมากแต่เขาก็ไม่มีทางลืมใบหน้าของคนที่เฝ้าคะนึงหามาเป็นสิบๆปีได้หรอก

 

"ชู!!!!!"

 

ร่างโปร่งบางกระโดดใส่จนแขนแข็งแรงรับไว้แทบไม่ทัน

 

"ชู!! ฮึก นายนายจริงๆด้วย!"   น้ำตาของเขาไหลออกมายิ่งกว่าทำนบทลาย แต่คราวนี้ไม่ใช่ความกลัวอีกต่อไปแล้ว

 

"มินาโตะ ขอโทษที่มาช้ามากนะ นายคงกลัวมากใช่ไหม ต่อจากนี้ไปฉันจะปกป้องนายเอง"   ชูก้มจูบลงที่กลางกระหม่อมเขาราวกับกำลังปลอบโยน

 

ถ้อยคำที่เคยตัดพ้ออยู่ในใจหายไปทันที สองแขนบางกอดเอวหนาจนแทบจะจมหายไปในแผ่นอกที่กว้างใหญ่กว่าเดิมมาก

 

อ้ากลิ่นของชูถึงจะเบาบางมากแต่นี่คือกลิ่นของชูในวัยเด็กไม่ผิดแน่

 

เขาซุกหน้าสูดดมกลิ่นที่คุ้นเคยอย่างรู้สึกสบายใจ กลิ่นที่เขารู้จักมันจางมากเพราะถูกกลิ่นของชูที่เป็นอัลฟ่ามาบดบังจนเกือบหมด

 

จริงสิเขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยนี่นะ ว่ากลิ่นฟีโรโมนของชูเป็นยังไง ชูถูกพาตัวไปตั้งแต่ยังไม่ทันจะเป็นอัลฟ่าเต็มตัวดีด้วยซ้ำ

 

ฟุดฟิดๆ

 

ไม่ใช่แค่เขาที่สูดดมกลิ่มของอีกฝ่ายเพื่อทำความคุ้นเคย ชูเองก็กำลังดมเขาผ่านรอยจูบที่ลากผ่านร่างกายไปเรื่อยๆเช่นกัน

 

"อึก…"

 

หลังจากความกลัวค่อยๆคลี่คลาย สิ่งที่กำลังเป็นอยู่จึงกลับมาครอบงำสติของพวกเขาอีกครั้ง

 

ฟีโรโมนเข้มข้นของโอเมก้าที่ต้องการผสมพันธ์ถูกปล่อยออกไปอย่างห้ามไม่ได้ ชูถึงกับต้องยกมือขึ้นมาปิดจมูก

 

"แย่ละสิ กลิ่นของนายนี่มันไม่ธรรมดาเลยนะมินาโตะนายก็รู้ใช่ไหมว่าฉันเป็นอัลฟ่ายีนเด่น ปกติแล้วฉันจะควบคุมตัวเองได้"   เสียงทุ้มเอ่ยออกมาในขณะที่กดจูบไปตามลำคอของเขา กลิ่นของเขากำลังทำให้ชูมัวเมา

 

"อือ…"    ร่างกายที่แบบบางและนุ่มนิ่มแอ่นรับอ้อมกอดอันอ่อนหวาน แค่เป็นชู อยากจะทำอะไรกับร่างกายเขาก็ยอมได้ทั้งนั้น

 

"แต่กับนายฉันก็ไม่ได้คิดจะควบคุมตัวเองเสียด้วยสิ?"    มือใหญ่ปลดเสื้อผ้าเขาออกอย่างนุ่มนวล

 

"อะชู…"    ฟีโรโมนที่ต่างฝ่ายต่างปล่อยออกมายิ่งทำให้ความปรารถนาอันหน้ามืดตามัวพุ่งสูงยิ่งขึ้น กลิ่นหอมหวานผสมปนเปไปกับเรียวลิ้นที่แลกรับกันอยู่ในปาก เขาทิ้งสติสัมปชัญญะไป เขายอมปล่อยให้สัญชาติญาณครอบงำแต่โดยดีถ้าเป็นชู

 

“อะ อื้อ”   มือใหญ่ดึงต้นขาอันอ่อนนุ่มให้แนบชิดลำตัว ชูละออกจากร่างกายที่นอนอ่อนระทวยอยู่บนพื้นเตียงก่อนจะปลดประดุมเสื้อเชิ้ตช้าๆ

 

"...ฉันเป็นอัลฟ่ายีนเด่น แล้วเวลาที่อัลฟ่ายีนเด่นควบคุมตัวเองไม่ได้ก็ขอโทษนายไว้ล่วงหน้าเลยก็แล้วกันนะ มินาโตะ"    ใบหน้าที่ปกติจะนิ่งเฉยเย็นชากลับยกยิ้มมุมปาก ดวงตาของอัลฟ่าหนุ่มที่มองอย่างเหนือกว่ามาจากข้างบนทำให้หัวใจดวงน้อยเต้นระรัวอย่างรู้ตัวว่ากำลังจะถูกกิน แต่กระนั้นมันกลับเต็มไปด้วยความดีใจ

 

"นายนี่มัน อ๊ะ"   สองแขนอ้ารับอีกฝ่ายที่กดจูบซุกไซร้ลงมาที่ซอกคอ เช่นเดียวกับสองขาที่อ้ากว้างรอให้อีกฝ่ายเข้ามา โชคดีที่เขาเป็นโอเมก้า ต่อให้ชูจะใหญ่โตแค่ไหนช่องทางที่หยาดเยิ้มของเขาก็รับอีกฝ่ายเข้ามาได้อย่างไม่ยาก

 

 

คืนนั้นฟูจิวาระ ชูที่เป็นอัลฟ่าเหนืออัลฟ่าของตระกูลฟูจิวาระ ได้กัดคอนารุมิยะ มินาโตะ โอเมก้าที่ไร้หัวนอนปลายเท้า

 

 

ทั้งสองคนกลายเป็นคู่พันธะกันและจะไม่สามารถมีอะไรกับใครได้อีก

 

 

และแน่นอนว่าโอเมก้าที่ถูกอัลฟ่ายีนเด่นกัดคอและมีเซ็กส์กันในช่วงฮีตจะตั้งครรภ์อย่างแน่นอน

 

 

นารุมิยะ มินาโตะจึงท้องลูกของฟูจิวาระ ชูตั้งแต่ครั้งแรกที่มีอะไรกัน

 

 

จบเล่ม1.

 

 

 

 

 

 

 

 

"อ๊ากกก!! มันต้องมีซักสองสามเล่มแล้วไหมพล็อตแบบนี้!"    โกคุเดระเซนเซย์ตะโกนลั่นห้องหลังจากวางพล็อตจบไปครึ่งเรื่อง ตอนแรกก็สเก็ตเนมในแท็บเล็ตอยู่ดีๆ พอพล็อตในหัวพุ่งก็เลยหันมาจดใส่กระดาษเพราะไม่ทันใจ

 

"เล่มสองลองเล่าในมุมของชูดูก็น่าจะดีแหะ ส่วนเล่มสามก็เป็นเรื่องหลังจากที่ชูพามินาโตะไปแนะนำให้ผู้ใหญ่ในตระกูลฟูจิวาระรู้จัก ต้องถูกขัดขวางสารพัดสารเพ~"    แกรกๆๆ มือบางรีบเขียนลายมือไก่เขี่ยที่มีทั้งตัวอักษรภาษาญี่ปุ่นธรรมดาไปจนถึงภาษาG ที่เขาคิดขึ้นมาลงบนกระดาษก่อนที่จะลืม

 

แล้วก็ไม่ลืมเน้นดอกจันตัวใหญ่ให้กับประโยคที่ว่า ***NCต้องนัวเลยนะเฟ้ย อัลฟ่าอย่างหมอนี่ต้องแบบคุณชายสายแซ่บ! เอส! เยือกเย็นแต่ดุมาก!***

 

ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าประโยคนี้เขาเขียนให้ใคร หึๆๆ ตายแน่เจ้าลูกหมานั่น

 

 

ตรู๊ด...ตรู๊ด.....

 

 

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมาขัดขวางใบหน้าสวยๆที่กำลังหัวเราะชั่วร้าย ใครโทรมาฟ๊ะ?! พ่อแม่กับอาเจ้ก็น่าจะอยู่อิตาลีนี่?

 

แล้วเมื่อหยิบมือถือขึ้นมาดู ชื่อที่เซฟไว้ก็ทำเอาทั้งร่างผงะไป

 

[ยามาโมโตะที่รัก]

 

ผลั๊วะ!!

 

มือบางเฟี้ยงโทรศัพท์ไปอีกฝั่งของโซฟาทันที ใครเป็นที่รักแกวะเฮ้ยไอ้บ้าตัวเนียน! เขามัวแต่ละเหี่ยใจจนลืมดูไปเลยว่าไอ้บ้านนั่นเซฟชื่อตัวเองว่าอะไร

 

 

ตรู๊ด...ตรู๊ด.....

 

 

แล้วไม่รับก็ไม่ยอมเลิกลาจริงๆนะไอ้บ้านี่!

 

“มีอะไร?!    เขากรอกเสียงแทบพ่นไฟใส่ลงไปที่หูโทรศัพท์

 

“บ้านนายอยู่ไหนอ่ะ? บอกที่อยู่มาที”   เสียงทุ้มที่ดังรอดปลายสายมาทำเอาคิ้วสีเงินกระตุกถี่ๆ

 

“ทำไมต้องบอกฟ๊ะ?!  เฮอะ ทหารบอกที่มั่นตัวเองก็พินาศทั้งกองทัพแล้ว ใครจะยอมบอกมัน!

 

แต่ดูเหมือนยามาโมโตะ ทาเคชิจะจับไต๋โกคุเดระเซนเซย์ได้ เสียงทุ้มจึงพูดด้วยเสียงแบบที่ใช้พากย์เป็นมาสะซังกลับมาว่า

 

“ผม..อยากไปหาคุณครับ โกคุเดระเซนเซย์”    เท่านั้นแหละ...ทหารนอนตายเป็นเบือเลยครับฝั่งนี้...

 

ใบหน้าใสแดงแปร๊ดอย่างห้ามไม่ได้ บ้าจริง เอาเสียงมาสะซังมาข่มขู่(?)เขางั้นรึ ไอ้เจ้าตัวเนียนนั่นมันร้ายนัก!

 

“หะ ห้อง8059 Orange Sky Condo เขตนากาโนะ.....”   เสียงใสตอบอ้อมๆแอ้มๆ มะ ไม่ได้อยากจะบอกหรอกนะ แต่กลัวแกจะเอาเรื่องของฉันไปแฉก็เท่านั้นแหละ! 

 

“โอเค รออยู่ที่นั่นนะ เดี๋ยวฉันไปหา!    ยามาโมโตะกลับมาใช้เสียงเริงร่าตามปกติของตน ส่วนคนที่เสียรู้ก็ได้แต่เอาหัวยันกำแพงไว้อย่างหมดแรง

 

บ้าเอ้ย ไอ้บ้านั่น!!!

 

  

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

 

To be Con.

 

 

อห. ทันได้มาอีกตอนด้วยค่ะไม่น่าเชื่อออออ 555 เนี่ย ก็เพราะหวังอี้ป๋อกับ tsurune โปรโมทซีซั่นสองกันโบ้มๆ ละชูก็คือหล่อไม่ไหว อิแม่ใจละลายมาข่ะ เรือเมนหนูววว ส่วนอี้ป๋อก็คือ sdcมาแต่ละอาทิตย์ก็หวีดกันตายไปข้าง หล่อมว๊าก หล่อทิสุด หยุดแต่งฟิคไม่ได้เบย โอ๊ยยยย

 

ดูรูปโปรโมทหนังของ tsuruneนางสิ อันนี้เป็นโปสการ์ดนะ แล้วแต่ละรูปคือสวยมว๊ากกกก พอโปรโมทหนังเสร็จก็โปรโมทอนิเมะซีซั่นสองกันต่อเลย ภาพสวยนี่ยอมใจเกียวอนิจริงๆ ฮืออออ

 


 น้อนนน  นารุมิยะ มินาโตะ

 




ทาคิกาวะ มาซากิ หรือมาสะซัง กัปตันเรือครูศิษย์

 




ทาเคฮายะ เซยะ กัปตันเรือเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ

 




และ...เมนเราเอง ฟูจิวาระ ชู กัปตันเรือศัตรูที่รัก อรั๊ยๆๆ

 







ส่วนอันนี้ภาพโปรโมทซีซั่นสองที่ตัดมาแบบกาวๆ กร๊ากกก  แล้วจะให้ตูไหวอยู่ได้ยังง๊ายยยย งื้ออออ

 

ปล่อยคุณกวางมันเป็นบ้าไปค่ะ แล้วเจอกันใหม่ตอนหน้านะคะ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันน้า

 

1 ความคิดเห็น:

  1. ฮือ ชอบมากเลยค่ะ คู่ที่ชอบมารวมกันอร่อยไปหมดเลยค่ะ รอติดตามนะคะ🥺 สต.ชอบคู่รีเอมากก5555

    ตอบลบ