KHR feat.Attack on Titan , Bozhan , Tsurune AuFic [8059 ,รีเอ ,ป๋อจ้าน ,All Minato] HONEY so SWEET : 03

 

KHR feat.Attack on Titan , Bozhan , Tsurune AuFic [8059 ,รีเอ ,ป๋อจ้าน ,All Minato]  HONEY so SWEET : 03

 

: Attack on Titan Fanfiction , KHR , Bozhan , Tsurune Fanfiction Au

: Yamamoto Takeshi x Gokudera Hayato (8059) ,

  Levi x Eren ,

  Wang Yibo x Xiao Zhan , 

  Takigawa Masaki , Fujiwara Shuu , Takehaya Seiya x Narumiya Minato

: Romantic Comedy

: PG (ไปก่อน)

 

คำเตือน : เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ

           

 

 

 

มือใหญ่กระชับเสื้อโค้ทให้แนบตัวมากขึ้นหลังจากเดินออกจากสถานีรถไฟใต้ดินมา อากาศภายนอกน่าจะ 0 องศาไปแล้วดูจากที่เขาเริ่มจะเห็นละอองหิมะบางๆ

 

แต่กระนั้นความหนาวเย็นก็ยังทำลายบรรยากาศแห่งความสุขของมวลมนุษยชาติไม่ได้ เพลงคริสต์มาสดังอยู่รอบตัว เช่นเดียวกับไฟประดับที่กำลังกระพริบระยิบระยับแม้เป็นเวลากลางวัน

 

“เค้กไหมคะ~ วันนี้คริสต์มาสอีฟนะคะ รับเค้กอร่อยๆไปทานกับครอบครัวหรือคนรักไหมคะ~   พนักงานร้านเบเกอร์รี่ในชุดซานตาครอสตะโกนร้องขายเค้กคริสต์มาสกันอยู่หน้าร้าน บรรยากาศคึกคักจนนายแบบหนุ่มเผลอเดินเข้าไปดู

 

ดวงตาคมกล้ากวาดมองเค้กหน้าน่ารักที่ตกแต่งด้วยต้นคริสต์มาสบ้าง ซานตาครอสตัวจิ๋วบ้าง กวางเรนเดียร์บ้าง ทั้งๆที่ตั้งใจแค่จะมาดูเฉยๆแต่กลับมีเค้กก้อนหนึ่งซึ่งสะดุดตาเขามาก

 

ตุ๊กตากระต่ายหิมะแก้มฟูสีอมชมพูใส่หมวกคริสต์มาสที่วางอยู่บนเค้ก มันทำให้เขานึกถึงใครบางคนขึ้นมา...

 

“เอ่อ...เอาชิ้นนี้ชิ้นนึงครับ”    แล้วก็เป็นอีกครั้งที่หวังอี้ป๋อเผลอซื้อของที่ไม่เข้ากับตัวมาอีกจนได้ ให้ตายเถอะ คงจะเป็นเพราะหมู่นี้เขาอ่านมังงะของเจ้านักวาดเพื่อนบ้านนั่นเข้าไปแน่ๆ ภาพของเซริซาว่าเซนเซย์ถึงได้ชอบโผล่มาอยู่ในหัวเขาอยู่เรื่อย

 

ร่างสูงในชุด All black ยกถุงใส่กล่องเค้กขึ้นมาดูก่อนจะถอนหายใจ เขากินเค้กเสียที่ไหน ถึงลึกๆในใจแล้วอยากจะซื้อไปฝากคนข้างบ้าน แต่เขาจะมีข้ออ้างอะไรล่ะ? เราไม่ได้รู้จักกันถึงขั้นจะชวนมากินเค้กด้วยสักหน่อย จู่ๆก็ซื้อไปฝากยิ่งดูแปลกไปใหญ่

 

เฮ้อ...ช่างมันแล้วกัน

 

ร่างสูงยาวเดินกลับมาจนถึงคอนโด มือใหญ่กดลิฟท์ตามความเคยชิน แต่การที่เขากลับบ้านเวลานี้สิที่ไม่ชินเอาเสียเลย

 

ติ๊ง

 

เสียงลิฟท์ดังขึ้นพร้อมกับประตูที่เปิดออก มีผู้คนเดินออกมายิ่งเป็นภาพที่ไม่ค่อยคุ้นตา เพราะปกติแล้วเขาจะกลับบ้านดึก คนที่ใช้ลิฟท์จึงแทบไม่มี

 

ขายาวก้าวเข้าไปในลิฟท์ มือกดชั้น15 หลังจากนั้นก็ยืนรอให้ลิฟท์ค่อยๆเคลื่อนที่ขึ้นไป

 

วันนี้เขาไม่มีงานแล้ว เพราะเขาเพิ่งกลับจากการไปเซ็นต์สัญญาเป็นนายแบบให้กับแบรนด์ H. Naoto ซึ่งเป็นแบรนด์เสื้อผ้าและเครื่องประดับแนวพังค์โกธิคโลลิต้าชื่อดังของญี่ปุ่น

และเขาจะต้องเดินแบบให้กับแบรนด์นี้ในงาน Japan fashion week in Tokyo ด้วย

 

ติ๊ง

 

ลิฟท์มาถึงชั้น 15 เขาตั้งใจว่าวันนี้จะพักผ่อนอยู่ที่คอนโด จะนอนอ่านการ์ตูนตาหวานนั่นให้จบเสียที...แต่พอเปิดลิฟท์มาได้ เขาก็ต้องสะดุ้งโหยงกับเงาร่างอะไรบางอย่างที่ยืนเอาหัวยันกำแพงอยู่หน้าลิฟท์!

 

“เหวอ?!    อะ อะ อะไรเนี่ย? มีผีออกมาแต่เช้าเลยเหรอ~?!

 

แล้วพอดูให้ดีๆ

 

คุณเองเร๊อะ?! คุณนักวาดข้างห้อง!

 

ทำไมเจอกันทีไรก็เป็นภาพสยดสยองทุกทีเลยเนี่ย?! เขาละสุดแสนจะไม่เข้าใจ!

 

"เอ่อคุณ…"    เขาลองเรียกดูก่อน แต่เจ้าคนที่ยืนเอาหัวยันกำแพงไว้ก็ยังไม่ไหวติงยังหายใจอยู่ใช่ไหมเนี่ย? แล้ววันนี้ทำไมมายืนตายไกลจากประตูห้องตัวเองนัก? หรือกำลังจะไปไหนแต่หมดแรงตายก่อน? โว้ย~

 

"คุณครับ? คุณ…"    มือใหญ่ลองเอื้อมไปเขย่าไหล่บางเบาๆ แล้วก็ดูเหมือนจะได้ผลเมื่อเจ้าคนที่ยืนหลับในท่าประหลาดกลับสะดุ้งตื่นแล้วหันมามองเขาตาลอยนี่เพิ่งส่งงานเสร็จสินะสภาพนี้

 

"หื๋อ?"   ยังมีหน้ามางงใส่เขา 

 

"คุณจะไปไหนรึเปล่า? รอลิฟท์อยู่ใช่ไหมครับ?"   เขาถามนำทางให้แล้วเจ้าตัวก็เหมือนจะนึกขึ้นได้

 

"อ๋อ ลิฟท์~ รอตั้งนาน…"    ร่างโปร่งบางเดินโงนเงนเข้าไปนี่รอลิฟท์มาตั้งแต่กี่โมงเนี่ย? ไม่ใช่ว่ายืนหลับอยู่ตรงนี้มานานแล้วนะ

 

เขายืนมองเจ้าคนที่ย้ายไปยืนเอาหัวยันผนังในลิฟท์แทนอย่างนึกห่วงวันนี้จะออกจากคอนโดได้ไหมเนี่ย?

 

ประตูลิฟท์ค่อยๆเลื่อนเข้าหากันเช่นเดียวกับสันกรามของเขาที่กัดฟันโดยไม่รู้ตัว

 

ให้ตายเถอะ!

 

ครึ่ก!

 

ประตูลิฟท์สะดุดกึกเพราะมือใหญ่ยื่นไปขวางไว้ มันค่อยๆเปิดออกอีกครั้งให้เขาแทรกกายเข้าไปจนได้ ในหัวเขามีแต่คำว่าให้ตายเถอะๆๆเต็มไปหมด แต่ก็นะ จะปล่อยไปคนเดียวได้ไงสภาพแบบนี้!

 

แล้วจากที่ตั้งใจแค่จะลงมาส่งหน้าคอนโด ตอนนี้เขากลับกำลังขับรถของตัวเองโดยมีเจ้าคุณนักวาดชื่อดังนั่งข้างๆได้ยังไงก็ไม่รู้!

 

เขาไม่รู้อะไรเลย จะไปไหนยังไม่รู้เลยเนี่ย! เพราะขึ้นรถได้เจ้าศพข้างห้องก็หลับไปทันที….

 

ดวงตาคมกล้าทอดมองคนที่หลับอยู่บนเบาะข้างๆอย่างละเหี่ยใจ เขาเดินตามมาถึงหน้าคอนโดแต่ด้วยความที่วันนี้เป็นวันคริสต์มาสอีฟ แท็กซี่จึงถูกใช้บริการอย่างเนืองแน่น พวกเขายืนอยู่นานแต่ก็ไม่มีรถแท็กซี่เข้ามาสักคัน เซริซาว่าเซนเซย์จึงปิ๊งไอเดียจะเดินไปขึ้นรถเมล์ด้วยสภาพครึ่งหลับครึ่งตื่นแบบนั้น แค่เดินออกถนนก็เสียวรถจะชนตูดแล้วไหม เขาจึงตามไปคว้าข้อมืออีกฝ่ายไว้อย่างห้ามตัวเองไม่ไหว จากนั้นก็ตัดสินใจว่าเขาจะขับรถไปส่งเองก็แล้วกัน ไหนๆวันนี้ก็ว่างอยู่แล้ว เพื่อความสบายใจของตัวเองด้วย เกิดเดินไปโดนรถชนตายกลายเป็นวิญญาณพยาบาทกลับมาอยู่ข้างห้องขึ้นมาเขาจะลำบาก

 

มือใหญ่วางกล่องเค้กที่ยังไม่ถึงห้องสักทีลงที่เบาะหลังรถ เสียงเครื่องยนต์ดังกระหึ่มเมื่อเขาสตาร์ท ขนาดตัวเองยังไม่ค่อยขับรถไปทำงานเลย นานๆทีก็มีขับออกไปนอกโตเกียวบ้างในวันว่างๆ ไม่คิดเลยว่าจะต้องมาขับรถไปส่งใครแบบนี้

 

"คุณตกลงคุณจะไปไหนครับ?"    มือใหญ่เขย่าไหล่บางอีกรอบ คนหลับจึงสะดุ้งตื่นมาทำหน้าเบลอๆใส่เขา

 

"จะให้ผมไปส่งที่ไหนครับ?"

 

"อือฉันกำลังจะไปไหน?"   แล้วเขาจะรู้ด้วยไหมล่ะ?! ขนกลับไปนอนที่ห้องให้จบๆไปซะดีมั๊ย? ไม่ต้องไปน่าจะง่ายกว่านะ!

 

แล้วหลังจากนั่งเหม่ออยู่พักใหญ่ เซริซาว่าเซนเซย์ก็หันมาบอกเขาด้วยเสียงลอยๆ

 

"คอมมิเกะ ฉันกำลังจะไปงานคอมมิเกะ…"    เขาถึงกับถอนหายใจออกไปไม่สิจะโล่งใจตอนนี้มันยังเร็วไป นั่นก็เพราะว่า

 

"แล้วงานคอมมิเกะที่ว่านี่มันอยู่ที่ไหนครับ?"   ฟังชื่อแล้วน่าจะเป็นงานเกี่ยวกับการ์ตูน ซึ่งเขาก็ไม่ได้รู้เรื่องในวงการนี้เลยสักนิด

 

"โตเกียว…"    เดี๋ยวเฮ้ย อย่าเพิ่งหลับ~ โตเกียวนี่มันกว้างมากเลยนะครับ~~

 

แล้วหลับไปรอบนี้เขย่ายังไงก็ไม่ตื่นด้วยนะ...

 

เสิร์จในเนตเอาน่าจะไวกว่า เขาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาค้นหาอย่างอ่อนใจ

 

ว่าแต่ไม่มีทีมงานคอยดูแลเลยเหรอเนี่ย? สำนักพิมพ์ก็น่าจะส่งคนมารับหน่อยก็ไม่ได้ ดูแล้วอีกฝ่ายน่าจะไปงานแจกลายเซ็นต์อะไรพวกนั้นไหม?

 

“โตเกียวบิ๊กไซท์?”   เขาพึมพำชื่อสถานที่จัดงานออกมา Tokyo big sight ที่อยู่บนเกาะโอไดบะน่ะนะ?

 

เขาหันมามองหน้าคนที่กำลังหลับพริ้มอยู่บนเบาะรถของเขาด้วยความรู้สึกแปลกๆ...ไม่เคยมีใครได้นั่งบนรถของเขามาก่อนเลย ที่เบาะข้างๆนี้เคยว่างมาตลอด เพราะนี่คือรถส่วนตัวของเขา เขาไม่เคยมีเพื่อนหรือใครที่สนิทพอจะไปไหนมาไหนด้วยกันได้ หัวใจของเขามันเลยเต้นแปลกๆ ยิ่งคนที่นั่งหลับอยู่ตอนนี้น่ารักมากๆด้วยแล้ว...

 

ใบหน้าหล่อเหลารีบสะบัดไปมาไล่ความสับสนในหัวออกไป โอเค เมื่อรู้เป้าหมายแล้วก็ไปกันเถอะ มือใหญ่จึงเข้าเกียร์ออกรถอย่างไม่ลังเล

 

 

  

 

 

 

“จ้านจ้านยังไม่มาอีกเหรอเนี่ย? งานจะเริ่มแล้วนะ?”    ใบหน้าภายใต้กรอบผมสีเงินของโกคุเดระถามหาสมาชิกของเซอร์เคิลอีกคนที่ยังไม่เห็นแม้แต่เงา เขากับเอเลนมาจัดบูทกันตั้งแต่เช้าแล้ว และอีกไม่กี่นาทีประตูก็จะเปิดให้คนทั่วไปเข้ามาซื้อของในงานได้ซึ่งพวกเขาคงจะยุ่งจนหัวหมุนทันที

 

“สงสัยยังไม่ตื่นมั้ง ก็เพิ่งส่งงานเมื่อคืนนี่ ช่างเถอะ นายเตรียมตัวแล้วใช่ไหม?”    เอเลนหันมาตอบอย่างไม่ใส่ใจ ถึงจ้านจ้านจะดูง๊อกๆแง๊กๆแต่ก็อยู่รอดปลอดภัยมาจนถึงตอนนี้ได้ การเดินด้วยสภาพซอมบี้ไม่ใช่อะไรที่แปลกใหม่สำหรับหมอนั่นหรอก อาจจะถึงช้าสักหน่อย แต่เดี๋ยวก็มาถึงเองแหละ

 

“ฮื่อ”   ใบหน้าสวยพยักรับด้วยสายตาแข็งกร้าว เรื่องของจ้านจ้านเอาไว้ก่อนก็แล้วกันเพราะตอนนี้พวกเขามีเรื่องที่หนักหนากว่านั้นรออยู่

 

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่างานอีเว้นท์ระดับชาติของวงการโดจินชิก็คือสงครามดีๆนี่เอง

 

ดวงตาสีมรกตทั้งสองคู่มองปกวิ้งวับที่วางเรียงอยู่บนโต๊ะ บนปกโดจินเล่มใหม่ของเซอร์เคิลเขามีมาสะซังกับมินาโตะกำลังกอดกันอยู่

 

เสียงประกาศเริ่มงานดังขึ้น ใบหน้าน่ารักหันมองกันก่อนจะทำหน้าฮึบสู้เมื่อได้ยินเสียงเปิดประตู

 

ตึงๆๆๆ

 

ฝูงสาววายวิ่งกรูเข้ามาที่บูทเขาราวกับแจกฟรี แล้วไม่นานพื้นที่หน้าบูท Honey so Sweet ก็เต็มแน่นไปด้วยสาวๆที่ต่อแถวซื้อโดจินยาวเป็นหางว่าวไปจนสุดทางเดิน ไม่พอ ยังยาวทะลักออกไปจนจะถึงประตูทางเข้า บูทเขาฮ็อตขนาดไหนก็คิดดูแล้วกัน

 

 

“เห็นภาพตัวอย่างเล่มนี้แล้วกรี๊ดมากเลยค่ะ รอเลยนะคะ ยังไงวันนี้ก็ต้องซื้อให้ได้เลยค่า นี่มาต่อแถวเข้างานตั้งแต่ตีสี่เลยนะคะ”

 

“ตัวอย่างฉาก...ที่ลงเมื่อคืนก็คือละมุนไม่ไหว มันแบบ การกอดรัดของผู้ใหญ่มากเลยค่ะ มาสะซังงื้อ~

 

“เนื้อเรื่องยังน่าสนใจไม่เปลี่ยนเลยนะคะ เอาไปเขียนเป็นออริจินัลได้เลยนะคะเนี่ย”

 

“ช่วยเซ็นต์ให้ด้วยนะคะ”

 

“ขอถ่ายรูปกับทั้งสองคนด้วยนะคะ”

 

“ทั้งสองคนน่ารักมากเลยอ่า~ แล้วอีกคนไม่มาด้วยเหรอคะ อยากเจอจังเลยค่า”

 

 

สารพัดที่จะสรรหามาพูดกับเซอร์เคิลอย่างพวกเขาได้ มีทั้งชื่นชมผลงานและชื่นชมความน่ารักของคนวาด ก็นะ นอกจากลายเส้นที่สวยเป๊ะและเนื้อเรื่องที่เกินเบอร์โดจินไปมากแล้ว สิ่งหนึ่งที่ดึงดูดใจและทำให้เซอร์เคิล Honey so Sweet มีคนติดตามเยอะและมีแฟนคลับเป็นของตัวเอง เป็นเซอร์เคิลชื่อดังในหมู่สาววายนั่นก็เพราะคนวาดทั้งสามคนมีหน้าตาน่ารักมากกกก แถมเป็นผู้ชายล้วนอีกต่างหาก คนที่มาซื้อโดจินในงานจึงเอาไปลือกันปากต่อปากจนโด่งดังไปทั่วโซเชียล จากงานแรกมีมาแค่ร้อยคน งานต่อไปก็เป็นพันเป็นหมื่น เพราะทุกคนล้วนอยากมายลโฉมความน่ารักของคนวาดนี่แหละ

 

“จะถ่ายรูปกันอีกนานไหม?! ซื้อเสร็จแล้วก็หลบไปสิฟ๊ะ! เกะกะหน้าบูทเฟ้ย”    เสียงตะโกนแง้วๆเหมือนแมวขู่ของนักวาดหัวเงินไม่ได้ทำให้แฟนคลับกลัวแต่ส่วนใหญ่กลับหัวเราะและมองว่าน่ารักมากกว่า ประมาณว่าบุคลิกแบบซึนเดเระก็เป็นหนึ่งในคาร์แรกเตอร์ที่พวกเธอชอบ

 

“นี่ครับ~ ขอบคุณมากนะครับ~ เข้าแถวให้ตรงด้วยครับ เข้าแถวด้วย~ อย่าไปขวางทางเดินนะครับ~    ใบหน้าน่ารักที่ดูจริงจังของนักวาดหัวสีน้ำตาลก็ทำให้แฟนๆอมยิ้ม เพราะดวงตาเอาเรื่องคู่โตนั่นเหมือนลูกหมาไม่มีผิด

 

เพราะงั้นนอกจากจะมีชื่อเล่นที่แฟนคลับเรียกกันว่า เซอร์เคิลน้ำผึ้งหวานแล้ว ยังถูกแซวว่าเป็นเซอร์เคิลหมาแมวกระต่ายอีกด้วย

 

 

 

 

 

 

 

รถจอดลงในลานจอดรถขนาดใหญ่ที่อยู่ริมอ่าวโตเกียว เขามองเห็นบรรยากาศโดยรอบว่าเขามาไม่ผิดงานแน่ๆนั่นก็เพราะมีบรรดาคอสเพลย์ที่แต่งตัวตามคาร์แรกเตอร์ในการ์ตูนยืนถ่ายรูปอยู่เต็มไปหมด

 

“คุณ...ถึงแล้ว ตื่นเถอะครับ”    มือใหญ่หันไปเขย่าเจ้าศพข้างห้องที่กำลังหลับสบายน้ำลายยืดน้อยๆที่มุมปาก เป็นถึงนักวาดการ์ตูนชื่อดังแท้ๆนะ...

 

“ฮึ...”   เขาลอบขำกับความน่ารักของอีกฝ่าย ถ้าเป็นคนอื่นอยู่ในสภาพนี้คงดูไม่ได้แน่นอน แต่คนคนนี้กลับน่ารักมากกกกก

 

“อือ...?”   หัวสีดำที่กำลังสัปหงกทำให้ดวงตาคู่โตเปิดขึ้นมาอย่างเบลอๆ

 

“ถึงแล้วเหรอ...”    อีกฝ่ายขยับตัวจะเปิดประตูรถราวกับทำไปตามสัญชาติญาณมากกว่าจะมีสติจริงๆ

 

“ครับ  คุณมาแจกลายเซ็นต์เหรอครับ? ให้คนของสำนักพิมพ์มารับดีไหมครับ คนเยอะมากเลยนะครับ”    เขาเงยหน้ามองออกไปนอกรถอีกครั้งอย่างนึกห่วง นอกจากกลุ่มคอสเพลย์ที่มีคนรุมถ่ายรูปอยู่เต็มลานแล้ว แถวที่ยาวล้นจากประตูทางเข้าขดไปขดมาไม่รู้กี่ตลบนั่นก็ชวนให้รู้สึกว่าจะหลงทางยังไงบอกไม่ถูก

 

“หื๋อ? ไม่ได้มาแจกลายเซ็นต์ แต่มาขายหนังสือ งืม...”   แต่เซริซาว่าเซนเซย์กลับไม่ได้รู้สึกถึงอันตรายเลยสักนิด มือบางเปิดประตูรถออกไปท่ามกลางสายตาที่มองตามอย่างเป็นห่วงของเขา

 

ขายหนังสือ? ยอดขายถล่มทลายขนาดนั้นยังต้องมาขายเองอีกเหรอ? เขาได้แต่มองแผ่นหลังบางอย่าง งงๆ

 

แล้วก็เพราะมองอยู่นั่นแหละ แค่ก้าวแรกที่เจ้าศพข้างห้องนั่นเดินออกไป เขาก็รีบลุกออกจากรถพร้อมกับปิดประตูดังโครมทันที

 

“จะไปไหนครับ?! ทางเข้ามันอยู่ทางนี้”    ส่วนทางนั้นน่ะ อ่าวโตเกียวแล้วครับ อยู่ดีๆก็จะเดินลงทะเลซะงั้น โอ๊ย~

 

“งืม...อ่ะ นี่...”   หลังจากที่ถูกเขาคว้าข้อมือไว้ คุณนักวาดชื่อดังก็คุ้ยหาอะไรบางอย่างในกระเป๋า ก่อนจะยัดบัตร “เซอร์เคิล”ให้

 

หมายความว่าไง? หรือจะหมายถึงให้เขาพาไปงั้นสินะ? หวังอี้ป๋อได้แต่ยืนถอนหายใจ แต่จะปล่อยไปเองก็คงไม่ไหวแน่ แค่ก้าวแรกก็ผิดทิศผิดทางไปไหนแล้วเนี่ย เอาเถอะ ยังไงเขาก็มาถึงนี่แล้วนี่!

 

“ผมไปส่งก็แล้วกัน มาเถอะ”    มือใหญ่ถือวิสาสะจับมือบางเอาไว้ เขาไม่ได้คิดจะล่วงเกินนะ แค่กลัวเด็กหลงเท่านั้นแหละ ตื่นรึยังก็ไม่รู้เนี่ย?

 

บอกตามตรงว่าเขาไม่เคยมาอีเว้นท์ของวงการการ์ตูนเลย อีเว้นท์ที่เขาไปส่วนใหญ่ก็เป็นงานแฟชั่นโชว์ งานเปิดตัวสินค้าอะไรเทือกๆนั้น มันเลยมีแต่บรรยากาศแบบผู้ใหญ่ๆ เนี้ยบๆหรูๆจริงจังๆ ไอ้ที่จะมาใส่ชุดหลุดโลกยืนถ่ายรูปกันเกะกะๆแบบนี้ไม่มีเสียหรอก แล้วข้างนอกที่ว่าวุ่นวายแล้วข้างในยิ่งทำให้เขาตื่นตระหนกตกใจยิ่งกว่า

 

เพราะมันดูเหมือนจะไม่ใช่งานมีตติ้งเล็กๆอย่างที่เขาคิด แต่ทั้งฮอลล์ขนาดกว้างใหญ่นี้กลับเต็มไปด้วยโต๊ะขายหนังสือที่น่าจะทำมือหรือไม่ก็แฟนเมดวางเรียงรายเป็นพันๆบูท

 

เขาว่าเขาน่าจะรู้จักหนังสือประเภทนี้...มันน่าจะเรียกว่าโดจินชิ?

 

โดจินชิจะเป็นมังงะที่แฟนๆวาดขึ้นมาจากคาร์แรกเตอร์ในมังงะออริจินัลอีกที มันจึงไม่ใช่ผลงานที่ถูกลิขสิทธิ์แต่บรรดาสำนักพิมพ์ก็อนุโลมให้เพราะถือเป็นการโปรโมทออริจินัลไปในตัว เนื้อเรื่องของโดจินอาจจะดำเนินตามเนื้อเรื่องในออริหรือแต่งขึ้นมาใหม่เลยก็ได้ โดยใช้เพียงตัวละครในออริก็พอ อาจจะจับคู่ใหม่ตามแต่จินตนาการของแฟนๆเองก็ได้

 

หวังอี้ป๋อมองไปรอบงานอย่างทึ่งๆ อย่าบอกนะว่างานใหญ่ขนาดนี้นี่ขายแต่โดจินล้วนๆเลยงั้นเหรอ? โอ้มายก้อด~

 

เขาเดินเข้าไปในงานอย่างตื่นตาตื่นใจ และหลังจากเค้นคอถามเจ้าซอมบี้ที่เดินตามเขาต้อยๆนี้แล้ว เขาก็พาอีกฝ่ายมาถึงที่หมายจนได้...บูทที่ติดป้ายไว้ว่า Honey so Sweet...

 

ว่าแต่บูทนี่มันอะไรกัน? คนต่อแถวยาวเป็นกิโลได้แล้วไหม? หางแถวอยู่ไหนก็ไม่รู้เนี่ย? เขาหันไปมองเซริซาว่าเซนเซย์อย่างไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายมาทำอะไรที่นี่? นี่ไม่ใช่การ์ตูนสาวน้อยที่เขียนอยู่นี่?

 

ดวงตาคมกล้าเหลือบมองปกวิ้งวับที่มีรูปผู้ชายสองคนโอบกอดกันอย่างละมุนละไมกรุ่นไอรักอยู่ เหงื่อเริ่มหยดที่ขมับ...ใช่สินะ?...นี่มันบูทโดจินวายสินะ?...เพราะอยู่ในญี่ปุ่นมานานเขาจึงรู้จักการ์ตูนชายรักชายพวกนี้อยู่บ้าง

 

และการ์ตูนออริจินัลที่มีผู้ชายบนปกสองคนนี้อยู่ก็ดังมากๆด้วย ดังที่สุดในสายโชเน็นตอนนี้เลยมั้ง ไม่ว่าจะไปที่ไหนเขาก็จะต้องเห็นเข้าสักครั้งในหนึ่งวันเลย

 

“อ๊ะ! เค้ามาแล้ว!    จู่ๆเสียงกรี๊ดเบาๆก็ดังอยู่รอบกายจากสาวๆที่ต่อแถวซื้อโดจินกันอยู่ เค้า? ใคร?

 

“ใช่จริงๆด้วย คุณกระต่าย~ เอ๊ะๆๆ มากับหนุ่มหล่อที่ไหนเนี่ย~    หื๋อ? หมายถึงใคร? เขามองเด็กผู้หญิงพวกนั้นอย่างสงสัย แต่สายตาวิบวับที่มองตรงมายังคนข้างๆเขาเป็นตาเดียว ทำให้เขาได้คำตอบแล้วว่าพวกเธอกรี๊ดอะไรกัน แต่ถึงอย่างงั้นเขาก็ยังไม่ค่อยเข้าใจอะไรอยู่ดี?

 

“จ้านจ้าน! มาจนได้นะ เอ้า มาทางนี้ๆ”   แล้วจู่ๆผู้ชายผมสีน้ำตาลคนหนึ่งก็โผล่ออกมาจากบูทแล้วลากพวกเขาเข้าไป? และพอมาถึงข้างในบูทได้...

 

“ให้ฉันนอน....”    เจ้าศพข้างห้องก็สไลด์ตัวลงไปนอนบนเสื่อที่พื้นทันที เรียกว่ากองห่อหนังสือเป็นตั้งๆที่ถูกแกะวางเรี่ยราดก็ไม่สามารถจะเป็นอุปสรรคในการนอนได้เลย

 

“เอ๊อะ...”   ผู้ชายผมสีเงินอีกคนเดินมาผงะกับศพกระต่ายที่นอนขวางอยู่บนพื้นก่อนจะตวัดสายตามาจ้องเขา

 

“...นายมากับจ้านจ้านใช่ไหม?”    เสียงห้าวไม่เข้ากับหน้าเอ่ยห้วนๆ

 

“ครับ...ผมแค่พาเค้ามาส่ง...”

 

“งั้นก็ดีเลย มาช่วยกันหน่อย ทางนี้ยุ่งจนบ้านแทบแตกแล้ว”

 

“ห๊ะ?”   ไม่ว่าเปล่า อีกฝ่ายยังลากเขาไปนั่งหน้าเคาน์เตอร์หน้าตาเฉย

 

“เอ่านี่ เล่มละ 670 เยนนะ นายรับเฉพาะเงินสดไปก็แล้วกัน เงินทอนอยู่ในนี้ ถ้าใครจะจ่ายออนไลน์ให้มาทางชั้นนะ”    ตั้งโดจินกว่าครึ่งร้อยเล่มวางปึ้งลงมาตรงหน้าพร้อมกับกระป๋องใส่เงินเหรียญบ้าง แบงก์ย่อยบ้าง

 

“ครับ?”    แล้วอยู่ดีๆ หวังอี้ป๋อก็ต้องไปช่วยขายโดจินอย่างมึนงงซะงั้น...นี่มันอะไรกันเนี่ย~!!!

 

เขาไม่มีเวลาจะได้ถามอะไรมาก ลูกค้าคนแรกก็พุ่งเข้ามาราวกับพายุ แล้วมันก็วุ่นจนหัวหมุนอย่างที่เจ้าของผมสีเงินบอกจริงๆนั่นแหละ ไม่ว่าจะแถวการต่อคิวที่ดูจะไม่มีวันสิ้นสุด บางคนก็อยากได้เล่มเก่าด้วย บางคนก็อยากได้แฟ้มอยากได้เข็มกลัด หนังสือที่แกะไว้ก็หยิบมาวางแทบไม่ทั่วไม่ทัน เขานี่ต้องทอนเงินมือเป็นพัลวัน ไหนจะมีคนมาขอถ่ายรูปอีก ขอลายเซ็นต์นักวาดที่เขาต้องคอยส่งให้สองคนนั้นอีก แบบว่าสุดขีดมาก!

 

แล้วในขณะที่พวกเขาสามคนยุ่งกันแทบตาย มันก็ยังมีคนนอนหลับปุ๋ยอยู่ได้นะ...มันน่านักเชียว!

 

 

 

 

 

 

 

เพราะนับวันงานคอมมิเกะหรือ Comic market ก็จะยิ่งเป็นงานใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ คนที่มางานก็มีเป็นแสนๆคน ทางผู้จัดจึงได้มีการเชิญนักพากย์ดังๆ นักร้องที่ร้องเพลงอนิเมชั่นที่กำลังเป็นกระแสตอนนั้น รวมไปถึงผู้ที่มีความเกี่ยวข้องกับวงการนี้มาสัมภาษณ์บ้าง เปิดมินิคอนเสิร์ตบ้าง ที่เวทีหลักของงาน

 

แน่นอนว่าหลังจาก Nine tail mirror ได้ประกาศรายชื่อนักพากย์ทั้งหมดออกไป  นักพากย์4ตัวละครหลักก็ถูกเชิญมาในงานนี้ทันที

 

นี่ขนาดอนิเมะยังไม่ทันจะฉายก็เห็นแววว่าจะดังเปรี้ยงปร้างขนาดหนักแล้ว เพราะตั้งแต่ปล่อยทีเซอร์ออกไป ยอดวิวในช่องทางโซเชียลก็ถล่มทลายแถมมีการพูดถึงกันอย่างกว้างขวาง มีคนรอดูอยู่ทั่วโลก

 

ดังไม่ดัง...ก็ดูจากโดจินชิกว่าครึ่งงาน...ที่เป็นโดจินจากเรื่องนี้ก็ได้

 

ยามาโมโตะ ทาเคชิ อมยิ้มอย่างอารมณ์ดีเมื่อเดินผ่านบูทขายโดจินซึ่งมีตัวละครที่เขาต้องให้เสียงพากย์เด่นหราอยู่บนปก มาสะซังนี่ก็ฮอตจริงๆ

 

ร่างสูงใหญ่เดินโดดเด่นอยู่ท่ามกลางเด็กสาวที่ต่างหันมามองเป็นตาเดียว ทุกคนจำเขาได้ ทุกคนรู้จักเขา นอกจากเสียงแล้วเขายังมีใบหน้าค่อนข้างจะคมคายกับรูปร่างสูงชะลูดแบบนักกีฬาทำให้เป็นที่หมายตาของสาวๆได้ไม่ยาก มีหลายคนเข้ามาขอถ่ายรูป มีหลายคนเข้ามาขอลายเซ็นต์ ทำให้ความตั้งใจที่จะเดินสำรวจตลาดเสียหน่อยกลับไปไม่ถึงไหนสักที เขาอยู่แถวนี้มาพักใหญ่แล้ว

 

และก็เพราะว่าอยู่นานพอจึงสังเกตเห็นแถวๆหนึ่งซึ่งแทบไม่รู้เลยว่าหัวแถวอยู่ตรงไหน บูทอะไรกันถึงแถวยาวมากกกกขนาดนี้?

 

“ต่อแถวซื้ออะไรกันครับเนี่ย? ฮะฮะ”    เสียงทุ้มลองเอ่ยถามเด็กสาวในแถวซึ่งเอี้ยวตัวมาขอถ่ายรูปกับเขาด้วย ได้ยินเด็กสาวหันไปกรี๊ดเบาๆกับเพื่อนที่ยืนอยู่ข้างๆ?

 

หรือว่าจะเป็น...

 

“โดจินคู่มาสะซังxมินาโตะค่า~    ...ว่าแล้วเชียว ที่กรี๊ดกันเพราะว่าเขาคือคนพากย์เสียงมาสะซังน่ะสิ

 

“รอฟังเสียงมาสะซังอยู่นะคะ”   เด็กสาวยิ้มเขินๆ เขาจึงพยักหน้ารับอย่างไม่คิดอะไร เห็นแบบนี้เขาก็เป็นตัวท็อปของเสียงเซเมะหรือฝ่ายรุกในพวกดราม่าซีดีการ์ตูนวายเลยนะ เขาพากย์มาหมดแล้วทั้งฉากรักใสๆไปจนถึง NC

 

เขาตั้งใจจะเดินกลับไปที่หลังเวทีเพราะเริ่มอยากพัก

 

เขาเกือบจะเดินผ่านไปแล้ว...

 

แต่ชั่วขณะหนึ่งของพรหมลิขิต...ที่ขีดให้พวกเขาต้องได้เจอกัน...

 

เพราะตอนที่แถวขยับนั้น...

 

เขาก็มองเห็นเงาร่างที่คุ้นตา...จากช่องว่างของคนที่กำลังเดินอยู่ในแถว

 

เส้นผมสีเงินเป็นประกาย...กับใบหน้าที่อยู่ในใจของเขามาแสนนาน...ภาพกลีบซากุระที่ร่วงหล่นลงบนใบหน้าใสซึ่งกำลังหลับสบาย สองแขนกอดสมุดสเก็ตไว้แนบอก ภาพเมื่อหกปีก่อนยังคงอยู่กับเขาเสมอ เพราะนั่นคือวินาทีที่เขาตกหลุมรัก โกคุเดระ ฮายาโตะ

 

“นั่น...คือนักวาดของเซอร์เคิลนี้เหรอ?”    เสียงทุ้มถามออกไปอย่างลอยๆ แฟนๆที่อยู่ในแถวจึงหันไปตามสายตาของเขาก่อนจะกลับมาพยักหน้ากันรัวๆ

 

“ใช่ค่ะ น่ารักมากเลยเนอะ เซอร์นี้มีนักวาดอยู่สามคน เป็นผู้ชายแต่วาดโดจินวายก็ว่าหายากแล้ว นี่ยังมีตั้งสามคน แถมยังน่ารักทุกคนด้วยค่ะ”    ใบหน้าคมคายถึงกับอึ้งไป หลังจากจบม.ปลายเขาก็ไม่ได้เจอโกคุเดระอีกเลย เพราะงั้นจึงมีเรื่องที่เขาไม่รู้อยู่อีกสินะ

 

หึ...ใบหน้าคมคายลอบยิ้มมุมปาก

 

เพราะแบบนี้เองสินะถึงไม่ยอมเปิดเผยใบหน้าของโกคุเดระเซนเซย์ผู้วาดมังงะเรื่อง Nine tail mirror... เพราะเป็นนักวาดของเซอร์เคิลวายชื่อดังมาก่อนนี่เอง และแฟนคลับที่ติดตามเซอร์นี้อยู่ย่อมรู้จักหน้าค่าตาของนักวาดเป็นอย่างดีเพราะคงได้เจอตอนมาซื้อโดจินในงานอีเว้นท์ ดูจากความยาวแถวแล้วก็คาดว่าคงมีคนติดตามอยู่ไม่น้อยแน่ๆ

 

จากที่คิดว่าจะเดินกลับไปพักที่หลังเวที ขายาวกลับเลี้ยวไปในทิศตรงข้าม แฟนคลับต่างฮือฮากันยกใหญ่เพราะจู่ๆยามาโมโตะ ทาเคชิผู้ให้เสียงพากย์มาสะซังก็มาต่อแถวซื้อโดจินด้วยซะงั้น

 

เขาต่อแถวไปคุยกับบรรดาแฟนคลับที่อยู่แถวนั้นไป จนได้รู้ว่า ทุกคนต่างเรียกนักวาดหัวเงินคนนั้นว่าเนโกะซังหรือ “คุณแมว”

 

หนึ่งชั่วโมงเต็มๆที่ยามาโมโตะ ทาเคชิยืนอยู่ในแถว แล้วในที่สุด...ร่างสูงใหญ่ก็มายืนอยู่ตรงหน้าโกคุเดระ ฮายาโตะจนได้ แต่ถ้าเทียบกับเวลาที่เขาใช้อ้อมไปอ้อมมาจนถึงหกปีกว่า...หนึ่งชั่วโมงนี้ก็นับว่าแค่น้อยนิด

 

จากนี้ไปเขาจะไม่หนี ไม่อ้อมค้อมวกวนอีกแล้ว เพราะหกปีที่ผ่านมาก็ทำให้รู้ว่าถึงจะหนีไปก็ไม่มีประโยชน์ โกคุเดระคงจะเป็นรักแรกและรักเดียวของเขาจริงๆ ไม่ว่ายังไงหัวใจเขาก็คิดถึงแต่คนตรงหน้านี้เท่านั้น

 

“รับเล่มเดียวใช่ไหม?”    เสียงห้วนเอ่ยถาม และเพราะว่าโกคุเดระมัวแต่ก้มหยิบนู่นนี่นั่น จึงไม่ทันสังเกตว่าคนที่ยืนอยู่ตรงนี้คือเขา

 

“ช่วย...เซ็นต์ให้ด้วยได้ไหมครับ...คุณแมว...”    แต่พอได้ยินเสียงทุ้มที่คุ้นเคยเพราะแอบฟังเทปเดโมเสียงพากย์ของมาสะซังอยู่ทุกวัน ใบหน้าสวยจึงเงยขึ้นมาทันที

 

“ง่ะ!!!!    โกคุเดระตกใจจนทำโดจินในมือร่วง ใบหน้าสวยอ้าปากค้างหน้าเหว๋อถึงขั้นสุดจนเขาถึงกับหลุดหัวเราะออกมา

 

“ฮึ ฮึๆๆๆ”    น่ารักชะมัด

 

“นะ นะ นะ นายมาทำอะไรที่นี่?!    มือบางตรงมากระชากคอเขาเข้าไปกระซิบกระซาบ ใบหน้าสวยคือเลิ่กลั่กไปหมดแล้วเพราะเขาดันมารู้ความลับเข้า...ใช่...เขาเป็นคนเดียวในที่นี้ที่รู้ว่าเจ้าของเส้นผมสีเงินคนนี้คือโกคุเดระเซนเซย์

 

เขาเป็นคนเดียวที่รู้...ว่าคนที่วาดมังงะเรื่อง Nine tail mirror กับโดจินที่วางอยู่บนโต๊ะ...คือคนคนเดียวกัน

 

“ผมเห็นคนต่อแถวเยอะ ก็เลยคิดว่าโดจินเรื่องนี้มันเป็นยังไงกันนะ ก็เลยอยากซื้อไปอ่านบ้าง ไม่เห็นเป็นไรนี่ครับ? เซนเซย์~    เขาจงใจลากเสียงคำว่าเซนเซย์เพื่อให้อีกฝ่ายยิ่งเลิ่กลั่ก

 

“อ๊าก! อย่าเรียกชั้นว่าเซนเซย์สิฟ๊ะ”    ใบหน้าสวยดูตลกไปหมด ทั้งพยายามจะด่าเขาแต่ก็ต้องแอบๆไม่ให้คนอื่นเห็น ทั้งตกใจและไม่รู้ว่าจะทำยังไง เขาจึงหลุดขำออกมาอีกรอบ

 

“ฮึ ฮะฮะฮะ”    ก็แกล้งแล้วดันน่ารักแบบนี้นี่นา

 

“ซื้อแล้วก็รีบๆไสหัวไปเลย! แล้วถ้าแกเอาไปบอกใคร ชั้นจะตามไปฆ่าแกถึงบ้านเลยคอยดู”     คุณเหมียวพยายามข่มขู่ ดูน่ากลัวเสียไม่มีละ

 

“ครับ ผมไม่บอกใครแน่ครับ เซนเซย์~    เขาตั้งใจก่อกวนก่อนจะยิ้มหน้าบานเมื่อเห็นอีกฝ่ายแยกเขี้ยวขู่ฟ่อ

 

“แล้วก็...อย่าลืมดูผมสัมภาษณ์บนเวทีด้วยนะ ฮะฮะ”   มือใหญ่หยิบโดจินก่อนจะเดินจากไป ปล่อยให้โกคุเดระเซนเซย์เต้นแร้งเต้นกาชี้นิ้วด่าอยู่ตามลำพัง

 

หมอนี่นี่มันกวนประสาทจริงๆ! แล้วเจือกดันมารู้ความลับของเขาอี๊ก จากนี้ไปชีวิตอันสะบักสะบอมของเขาจะเป็นยังไงต่อไปเนี่ย?! แค่นี้ก็ไม่มีเวลาจะนอนแล้วนะเว้ย!

 

ร่างบอบบางทรุดนั่งลงบนเก้าอี้อย่างหมดแรง ให้ตายเถอะ ทำไมต้องเป็นหมอนี่ด้วยเนี่ย!

 

 

 

 

 

 

กว่างานจะเลิก พนักงานของบูท Honey so Sweet ก็แทบจะไร้แรงยืน ตอนนี้ทั้งสามคนกำลังนั่งพิงพนักเก้าอี้เหมือนวิญญาณออกจากร่างกันไปแล้ว

 

กระดาษสีน้ำตาลที่ใช้ห่อโดจินมาถูกฉีกเกลื่อนกลาดอยู่เต็มพื้น ขนาดพิมพ์มาหมื่นเล่มก็ยังขายหมดเกลี้ยง นี่พวกเขาต้องไปสั่งพิมพ์เพิ่มเพื่อจะเอาไปวางขายตามร้านอย่างโทระหรือเคบุ๊คอีก

 

ร่างบอบบางพยายามลากสังขารออกมาจากเก้าอี้ เจ้าของผลงานทั้งออริจินัลและโดจินเล่มนี้เดินโซซัดโซเซออกจากบูท ริมฝีปากพึมพำออกไปเบาๆพอให้เพื่อนรักได้ยิน

 

“ฉันไปห้องน้ำนะ เดี๋ยวมา...”

 

“อือ...”    อีกคนก็ตอบกลับด้วยเสียงระโหยโรยแรงไม่แพ้กัน

 

โกคุเดระ ฮายาโตะเดินผ่านหน้าเวทีที่ตอนนี้ไม่มีใครอยู่แล้วทั้งๆที่เมื่อชั่วโมงก่อนยังเนืองแน่นไปด้วยผู้คนอยู่เลย...การสัมภาษณ์นักพากย์ตัวละครหลักทั้งสี่คนของอนิเมะเรื่อง Nine tail mirror จบลงแล้ว...น่าจะเป็นกิจกรรมบนเวทีที่มีคนรอดูเยอะที่สุดแล้วมั้ง เขาก็เพิ่งรู้นี่แหละว่ามังงะของตัวเองมีคนรอดูอนิเมะมากขนาดไหน นี่ขนาดยังไม่ฉายพวกนักพากย์ก็ต้องเดินสายไปตามอีเว้นท์ต่างๆมากมายแล้วเพราะเป็นอนิเมะที่ใครๆก็จับตามองและกระแสแรงที่สุดในตอนนี้แล้ว

 

ในฐานะคนที่วาดมันขึ้นมา...ก็รู้สึกภูมิใจนิดๆแหะ...

 

แก้มใสขึ้นสีนิดๆทั้งๆที่ยังคีฟใบหน้าเหมือนคนหงุดหงิดตลอดเวลา  สองขาก้าวเดินต่อไปยังห้องน้ำที่อยู่ด้านข้าง แล้วทันทีที่ก้าวขาเข้าไปได้ เขาก็รู้สึกถึงเงาร่างสูงใหญ่ตามมาประกบชิดติดแผ่นหลัง?! ไม่แค่นั้นยังมีลมหายใจร้อนๆเป่ารดลงมาที่ซอกคอจากด้านหลังด้วย!

 

อะ อะ อะไร? สตอล์คเกอร์โรคจิตเหรอ?!!

 

เขายังไม่ทันจะได้หันไปซัดซักหมัด เสียงทุ้มที่คุ้นเคยก็กระซิบลงมาที่ใบหูเสียก่อน

 

“ได้ฟังฉันสัมภาษณ์รึเปล่า โกคุเดระ?”    ไอ้บ้ายามาโมโตะเองเร๊อะ!

 

“แกเป็นสตอล์คเกอร์โรคจิตรึไงฟ๊ะ?! ถอยไปห่างๆเลย!    มือบางผลักคนที่หัวเราะร่าออกไปให้ห่างตัว ถึงเขาจะแยกเขี้ยวใส่ไปไอ้หมอนี่กลับดูชอบใจและยังยิ้มหน้าบานเป็นดอกทานตะวันกลับมาให้ กวนประสาทจริงๆ!

 

“ต้องการอะไร? ตั้งใจจะแบล็กเมล์ใช่ไหม? หรืออยากให้ชั้นช่วยอะไร? รีบๆพูดมาให้จบๆ”   ใบหน้าสวยชักสีหน้าหงุดหงิดเสียเต็มประดา รู้ความลับของเขาไปขนาดนั้นแล้วนี่ ปกติก็คงอยากจะเรียกร้องอะไรสักอย่างจากเขานั่นแหละ และเขาก็น่าจะทำให้หน้าที่การงานในฐานะนักพากย์ของหมอนี่ไปได้ไกลกว่านี้ด้วยถ้าเขาช่วยออกปากกับทางสำนักพิมพ์ที่เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์มังงะกว่าอีกร้อยพันเรื่องให้

 

แต่ยามาโมโตะ ทาเคชิกลับเรียกร้องอะไรที่ผิดคาดไปกว่านั้น...

 

“เอาโทรศัพท์นายมาให้ยืมหน่อย”  

 

“ห๋า?”

 

“เอามาสิ”    มือใหญ่แบลงตรงหน้าเขาแถมกระดิกปลายนิ้วให้รีบส่งให้อีก

 

“ฮึ่ย!    ใบหน้าสวยกระฟัดกระเฟียดอย่างไม่อยากจะให้อยู่พักใหญ่ แต่ร่างสูงก็ไม่มีทีท่าจะเปลี่ยนใจ มือบางจึงจำต้องควักโทรศัพท์ออกมายื่นให้อย่างเสียมิได้

 

ดวงตาสีมรกตจ้องเขม็งอย่างไม่ไว้ใจ และเพราะมองอยู่ตลอดจึงรู้ว่ายามาโมโตะกดเบอร์ๆหนึ่งแล้วโทรออก

 

ตรู๊ด....

 

เสียงสายเรียกเข้าดังอยู่ที่กระเป๋ากางเกงของยามาโมโตะ ไอ้บ้านี่กดโทรหาตัวเองหรอกเหรอ? อย่างงี้ก็ได้เบอร์โทรศัพท์ของเขาไปแล้วสิ?

 

แถมไม่จบแค่นั้น มือใหญ่ยังเมมเบอร์ตัวเองไว้ในโทรศัพท์เขาเสร็จสรรพ...

 

“ฉันไม่ได้คิดจะบอกใครอยู่แล้ว เพราะตอนนี้ฉันได้ของที่ต้องการมาแล้ว”   เสียงทุ้มพูดพร้อมกับชูโทรศัพท์ที่มีเบอร์เขาเซฟอยู่ให้ดู....

 

ชิบหายแล้ว...โดนมารร้ายตามรังควาญแน่แล้วชีวิตเขา...

 

“ถ้าผมโทรไปก็รับด้วยนะครับ โกคุเดระเซนเซย์~   ใบหน้าคมคายยังยิ้มระรื่นตอกย้ำความคิดของเขาให้

 

“อ๊ากกก~   มือบางได้แต่ทึ้งเส้นผมสีเงินไปมา ไม่น่าเสียรู้มันเล้ยยยย!!

 

ยามาโมโตะปล่อยให้เขาโวยวายจนหมดแรง สองแขนผอมแห้งจึงได้แต่ยันเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้าเอาไว้ จบสิ้นแล้วชีวิตอันไม่ค่อยจะสงบอยู่แล้วของเขา...ใบหน้าสวยได้แต่ห่อเหี่ยวท้อแท้

 

ใบหน้าคมคายจึงยิ้มบางๆแล้วพูดออกมา สีหน้าของยามาโมโตะดูอ่อนโยนและจริงจังกว่าเมื่อกี้นี้มาก

 

“เชื่อฉันสิ ฉันไม่คิดจะบอกใครหรอก แล้วก็ไม่ได้คิดจะเอาความลับมาข่มขู่นายด้วย...เพราะฉัน...แค่อยากจีบนายเท่านั้นเอง”   เอ๊ะ? ว่าอะไรนะ? จีบ? จีบอะไร? จีบใคร? เขา?

 

“ห๋า~~??”    จีบเขาเนี่ยนะ?!!

 

ใบหน้าสวยอ้าปากพะงาบๆ หมอนี่มันบ้าจริงๆใช่ไหมไม่ใช่แค่แกล้งบ้า? พูดอะไรออกมาฟ๊ะเนี่ย?!

 

“ฮะฮะฮะ”    ถึงยามาโมโตะจะหัวเราะอย่างอารมณ์ดีแต่กลับไม่ได้มีแววล้อเล่นอยู่เลย

 

“นายอาจจะจำฉันไม่ได้นะโกคุเดระ แต่ว่าเราเคยเรียนม.ปลายที่เดียวกัน และฉันก็แอบชอบนายมาตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว”   ห๋าาาาาาาาาา เขาอ้าปากค้างหนักกว่าเก่า ม.ปลาย? ชอบเขามาตั้งแต่ม.ปลาย? นี่มันบ้าอะไร? ตัวเขาเมื่อสมัยม.ปลายนี่ทำให้ใครชอบได้ด้วยเร๊อะ?! แถมยังเป็นผู้ชายอีก!

 

“ตอนนั้น...นายคงไม่รู้จักฉันหรอก เพราะวันๆนายก็มัวแต่ขลุกอยู่กับเอเลน เอาแต่วาดรูปอะไรกัน คงไม่ทันมองเห็นกัปตันชมรมเบสบอลอย่างฉันหรอก”    ใบหน้าคมคายพูดอย่างน้อยใจแต่มันกลับน่าหมั่นไส้มาก~

 

แต่ถ้าพูดถึงชมรมเบสบอล...ก็มีภาพของคนคนหนึ่งที่ลอยเข้ามาในหัวเขาอยู่เหมือนกัน...

 

ถึงเราจะไม่เคยคุยกันเลย แต่ภาพของเด็กผู้ชายคนนั้นกลับชัดเจนอยู่ในช่วงหนึ่งในวัยเยาว์ของเขา

 

คงไม่ใช่....หรอกนะ....

 

“ฉันต้องไปแล้ว แล้วค่อยคุยกันนะ เจอกัน โกคุเดระ”    ใบหน้าภายใต้กรอบผมสั้นสีดำเอียงคอยิ้มให้ เขาจึงหลุดจากภวังค์กลับสู่ความเป็นจริง

 

“ไม่อยากเจอ แล้วก็ไม่ต้องมาให้เห็นหน้าเลยนะเฟ้ย!    เขายืนตะโกนไล่คนที่เดินหัวเราะเหมือนคนบ้าจากไป

 

คำสารภาพรักที่มาแบบไม่ทันตั้งตัวและภาพความทรงจำเก่าๆที่ลอยอยู่ในหัว...มันทำให้เขาต้องยืนอยู่ตรงนั้นอีกพักใหญ่

 

เรื่องแบบนี้...จะเป็นไปได้ด้วยเหรอ...

 

 

 

 

 

 

 

ในที่สุดสมาชิกของเซอร์เคิล Honey so Sweet ก็เก็บบูทเสร็จจนได้...หลังจากกลิ้งศพกระต่ายที่หลับเป็นตายไปตรงนู้นทีตรงนี้ทีเพื่อเก็บเศษกระดาษห่อหนังสือที่ร่างโปร่งนอนทับอยู่

 

เอเลน เยเกอร์ยืนปาดเหงื่อก่อนจะหันมาถามหวังอี้ป๋อที่ตอนนี้ยังไม่รู้จักแม้แต่ชื่อของกันและกัน งานยุ่งจนไม่มีเวลาจะแนะนำตัวกันเลย

 

“ขอบคุณที่มาช่วยนะ ว่าแต่นายเป็นใครเนี่ย? เป็นอะไรกับจ้านจ้าน? ไม่เคยเห็นหมอนั่นเล่าเรื่องของนายเลย?”   เพิ่งจะมาถามเอาป่านนี้เนี่ยนะ? สมกับเป็นเพื่อนของเจ้าศพข้างห้องนั่นจริงๆ

 

“อันที่จริงผม...เป็นแค่คนข้างห้องที่บังเอิญเดินผ่านมาเท่านั้นแหละครับ...”    แล้วหลังจากที่เขาเล่าเรื่องทั้งหมดออกไปว่าตั้งใจแค่จะลงมาส่งหน้าคอนโดแต่เลยเถิดมาถึงนี่ได้ยังไง เจ้าคนผมสีน้ำตาลก็หัวเราะเสียยกใหญ่ ส่วนคนหัวสีเงินกลับนั่งถอนหายใจด้วยใบหน้าปลงๆ

 

“โชคดีที่เจอคนดีๆนะแกเนี่ย ให้ตายเถอะ!    มือบางดึงแก้มคนหลับจนยืดอย่างหมั่นเขี้ยว  แต่เท่าที่ดูแล้วสามคนนี้คงจะเป็นเพื่อนสนิทกัน?

 

“เอาเถอะ ยังไงนายก็กลายเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดไปแล้ว จากนี้ไปก็ฝากตัวด้วยล่ะ ปกติแล้วช่วงบ่ายคนจะน้อยกว่านี้ แต่เพราะมีนายมาช่วยขายด้วย ไทม์ไลน์ในทวิตเตอร์เลยแทบแตก คนแห่มาแอบดูนายกันทั้งบ่ายอย่างที่เห็น โดเลยขายหมดเกลี้ยงเลยงานนี้ หึๆๆ”   ใบหน้าภายใต้กรอบผมสีเงินแสยะยิ้มชวนขนลุกยังไงชอบกล

 

“ใช่ ขอบคุณนะ แล้วก็ฝากเอาจ้านจ้านกลับบ้านด้วยล่ะ”   

 

“ไว้คราวหน้าค่อยนัดเลี้ยงขอบคุณนายอีกทีก็แล้วกัน วันนี้เหนื่อยแล้ว แยกย้ายกันกลับเลยเถอะ”    แล้วสองคนนั้นก็หันมาโบกมือลาพร้อมกับลากกระเป๋าเดินทางที่ใส่ของมาเดินจากไป ทิ้งให้เขาอยู่กับเจ้าศพข้างบ้านตามลำพัง....ไม่ไว้ใจคนง่ายไปหน่อยเหรอเนี่ย? ไม่คิดว่าเขาจะทำอะไรเพื่อนตัวเองบ้างเลยเหรอเนี่ย?

 

ดวงตาคมกล้าทอดมองใบหน้าหลับปุ๋ยก่อนจะถอนหายใจ ตอนเช้าก็ต้องพามา ตอนเย็นก็ต้องพากลับทั้งๆที่ยังหลับ สรุปคุณมาทำอะไรกันแน่เนี่ย?!

 

“เฮ้อ...”     ท่อนแขนแข็งแรงแบกร่างเบาหวิวขึ้นหลัง จะประคองไปก็ดูทุลักทุเลเหมือนเขาทำจะมิดีมิร้ายอีกฝ่าย เดี๋ยวยามจะเข้ามาถามเอาได้ ขี่หลังเขาไปแบบนี้แล้วกัน

 

“ของตอบแทนคราวนี้ไม่เอาน้ำตาลก้อนแล้วนะครับ”    ใบหน้าหล่อเหลาอมยิ้มบางๆ มันก็น่าแปลกนะที่เขาไม่นึกรำคาญเลยที่ต้องมาคอยดูแลอีกฝ่ายแบบนี้ทั้งๆที่ไม่ใช่วิถีชีวิตของเขาเลย

 

 

 

 

 

 

 

ติ้ดๆๆ แกร่ก...

 

แค่จะกดรหัสประตูบ้านมือเขายังสั่นหงึกๆ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าบรรดากระเป๋า ข้าวของ รองเท้าที่ถูกลากมาถึงนี่ต่างถูกกองไว้ตรงทางเข้านั่นแหละ ตอนนี้โกคุเดระ ฮายาโตะเหลือแรงแค่เอาตัวเองไปให้ถึงเตียงแค่นั้น

 

บ้าจริง แค่ไปนั่งขายหนังสือทำไมมันเหนื่อยขนาดนี้ฟ๊ะ

 

ร่างบอบบางล้มแผละลงไปบนเตียงขนาดดับเบิ้ลคิงไซส์ นัยน์ตาสีมรกตจะหลับๆเสียให้ได้ แต่แล้วเสียงไลน์ก็ดังขึ้น

 

ติ๊ง!

 

มือบางควานหาโทรศัพท์ที่เสียบอยู่ที่กระเป๋าหลังของกางเกงมาเปิดดู แล้วจากที่กำลังเคลิ้มๆอยู่ คิ้วสีเงินก็กระตุกขึ้นมาทันที

 

[ถึงบ้านรึยาง~ โกคุเดระ~]

 

เป็นข้อความใหม่จากยามาโมโตะ ทาเคชิ! นิ้วเรียวจึงกดสติ๊กเกอร์แมวแยกเขี้ยวขู่กลับไป

 

[ถึงแล้วสินะ ถ้างั้นก็พักผ่อนเถอะ จุ๊บๆ]

 

อ๊ากก แฟนคลับของแกรู้บ้างไหมเนี่ยว่าแกเป็นคนแบบนี้?!

 

จริงสิ ที่วันนี้เขาเหนื่อยมากกว่าปกติก็เพราะไอ้บ้านี่แหละ!

 

มือบางทิ้งโทรศัพท์ลงบนเตียงก่อนจะนอนแผ่หลา แต่พอนึกถึงใบหน้าแย้มบานนั่นแล้วก็ทำใจนอนต่อไปไม่ได้ เขาจึงลุกขึ้นก่อนจะเดินไปยังห้องเก็บของ

 

อืม...จำได้ว่าเก็บไว้ในนี้นี่นา...

 

มือบางรื้อๆค้นๆลังกระดาษสองสามใบที่วางอยู่บนชั้น เพราะไม่ได้เข้ามาทำความสะอาดเสียนานฝุ่นเลยตลบอบอวลไปหมด

 

“แค่กๆๆ”   ในขณะที่มือปัดฝุ่นที่ลอยอยู่ในอากาศไปมา ดวงตาสีมรกตก็ค้นพบสิ่งที่กำลังหาจนได้

 

มันเป็นสมุดสเก็ตเก่าๆเล่มหนึ่ง...

 

นิ้วเรียวค่อยๆเปิดหน้ากระดาษขึ้นทีละใบ ภาพที่น่าคิดถึงหวนกลับมาในหัวอีกครั้ง เพราะสมุดเล่มนี้คือเล่มที่เขาใช้สเก็ตภาพต่างๆสมัยตอนที่เขายังเรียนม.ปลาย

 

เขาค่อยๆเปิดไปเรื่อยๆจนกระทั่งถึงหน้าหนึ่ง...ซึ่งมีรูปสเก็ตของเด็กผู้ชายในชุดเบสบอลคนหนึ่ง แขนขาที่ยาวสมส่วน ร่างกายที่สูงโดดเด่น ไม่ว่าจะเป็นกล้ามเนื้อส่วนไหนๆก็ดูสวยงามไปหมด และเพราะมีร่างกายที่ดีแบบนั้น ไม่ว่าจะเล่นเบสบอลด้วยท่าทางแบบไหน มันจึงสะกดสายตาของเขาจนเผลอหยิบดินสอขึ้นมาสเก็ตภาพของเด็กผู้ชายคนนั้นเอาไว้...

 

ใช่จริงๆด้วย...

 

คนในภาพสเก็ตภาพนี้...คือยามาโมโตะ ทาเคชิจริงๆด้วย...

 

เขาเคย...สเก็ตรูปหมอนั่นตอนเล่นเบสบอลอยู่จริงๆด้วย...

 

ร่างบอบบางนั่งลงกับพื้นก่อนจะไล่ปลายนิ้วไปตามเส้นสเก็ต ภาพวันเก่าๆหวนกลับเข้ามาในหัวอีกครั้ง...เขามักจะนั่งอยู่แถวๆใต้ต้นไม้บนเนินที่มองเห็นได้ทั่วทั้งสนามเบสบอล ทั้งๆที่คนในชมรมเบสบอลมีตั้งยี่สิบสามสิบคน แต่เขากลับสเก็ตเพียงรูปของหมอนั่นคนเดียว

 

แต่มันก็นาน...จนเขาลืมไปแล้วจริงๆ...

 

หลังจากเรียนจบม.ปลายชีวิตเขาก็วุ่นวายมาก เพราะต้องเรียนมหาวิทยาลัยไปด้วย เดบิวต์มังงะเรื่องกระจกเก้าหางไปด้วย มันหนักหนาเสียจนเขาลืมเรื่องของเด็กผู้ชายคนนั้นไปเลย

 

“ใครว่าฉันไม่รู้จักนายกันละไอ้บ้าเอ้ย!   เสียงใสสบถออกมาเบาๆ

 

ที่ไม่ได้จดจำเรื่องของนายไว้...ก็แค่...ไม่คิดว่าเราสองคนจะมาเดินบนถนนเส้นเดียวกันได้น่ะสิ

 

เมื่อก่อนนี้...เราต่างกันมากจริงๆ...

 

 

 

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

 

To be Con.

 

 

หมู่นี้ก็คือแยกร่างแต่งฟิคแทบไม่ทันแบ้วค่ะ เมนขยันจิกหัวกลับด้อมกันละเกิน555 เริ่มจากหวังอี้ป๋อกับรายการSDC5และละคร Being A Hero พ่อจำเป็นต้องหล่อขนาดนี้ด้วยเหรอคะะะะ อ่ะตูก็กลับไปปั่นGLIDEเป็นบ้าเป็นหลังอยู่ใช่มะ ซักพัก Tsurune ประกาศซีซั่นสองมา ตายห่าไปเลยค่ะคราวนี้555 กรี๊ดมาก เลยว่าจะแอบแต่ง หรือรักเรียกหา แต่ว่าวันเกิดหนูก๊กก็ใกล้เข้ามาแล้ว ก็เลย อ๊ะ ไหนๆเรื่อง Honey so Sweet ก็มีครบทุกคู่ที่ว่ามา แต่งเรื่องนี้แฮปหนูก๊กมันซะเลย กร๊ากกกก

 

ยังไงก็ขอบคุณมากๆๆนะคะที่เข้ามาอ่านกัน มันอาจจะงงๆหน่อยเพราะตัวละครมันเยอะ แต่คู่หลักสามคู่นี่ก็จะน่ารักมากๆๆเลยคอนเฟิร์ม555 ส่วนคู่ All minato จะมาในรูปแบบของโดจินเป็นหลักค่ะ อาจจะไม่ได้ลงรายละเอียดมากแต่จะเหมือนได้อ่านเรื่องหลายๆเรื่อง หลายๆแบบอ่ะนะของแก๊งนี้ จะมีทั้งครูศิษย์ โอเมก้าเวิร์ส ทหารสงคราม แวมไพร์ อะไรที่ตูไม่เคยแต่งก็จะมาทดลองในเรื่องนี้ก่อน 555 // แอบกระซิบว่า ชูมินาโตะ เป็นโอเมก้าเวิร์สค่ะ อูยยยยยไม่ไหว >/////<

 

ขอบคุณทุกๆการติดตาม ทุกๆคอมเม้นต์ ทุกๆหัวใจ ทุกๆโดเนทด้วยนะคะ แล้วเจอกันตอนหน้าน้า

 

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น