KHR feat.Attack on Titan , Bozhan , Tsurune AuFic [8059 ,รีเอ ,ป๋อจ้าน ,All Minato] HONEY so SWEET : 02

 

KHR feat.Attack on Titan , Bozhan , Tsurune AuFic [8059 ,รีเอ ,ป๋อจ้าน ,All Minato]  HONEY so SWEET : 02

 

: Attack on Titan Fanfiction , KHR , Bozhan , Tsurune Fanfiction Au

: Yamamoto Takeshi x Gokudera Hayato (8059) ,

  Levi x Eren ,

  Wang Yibo x Xiao Zhan , 

  Takigawa Masaki , Fujiwara Shuu , Takehaya Seiya x Narumiya Minato

: Romantic Comedy

: PG (ไปก่อน)

 

คำเตือน : เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ

           

 

 

ติ๊งต่อง~

 

 

เสียงที่ดังอยู่ไกลๆทำให้หัวคิ้วสีดำค่อยๆขมวดมุ่น อือ...นี่มันเพิ่งจะกี่โมงเอง ใครมากดออดกัน? นายแบบหนุ่มพยายามจะไม่สนใจมัน ท่อนแขนแข็งแรงคว้าหมอนข้างมากอดอย่างพยายามจะนอนต่อ

 

 

ติ๊งต่อง~

 

 

แต่ดูเหมือนคนกดออดก็จะไม่ยอมแพ้เช่นกัน มือใหญ่ขยี้หัวอย่างนึกหงุดหงิด เขาเพิ่งจะได้นอนเมื่อตอนตีสี่กว่าๆนี่เองนะ เพราะการถ่ายแบบงานที่ผ่านมาอยากได้ภาพตอนกลางคืน เขาจึงเพิ่งจะได้เลิกงาน

 

 

ติ๊งต่อง~

 

 

ใครฟ๊ะ?!

 

หวังอี้ป๋อลุกขึ้นมานั่งบนเตียงอย่างหัวเสีย ดวงตาคมกล้าเหลือบมองนาฬิกาที่ชี้ไปที่หกโมงกว่าๆ ยังเช้าอยู่เลย

 

มือใหญ่ตลบผ้าห่มออกไป ถ้าไม่ลุกไปไล่อีกฝ่ายคงไม่เลิกราเป็นแน่ พวกขายของก็ไม่น่ามาแต่เช้าขนาดนี้?

 

ร่างสูงสง่าลุกจากเตียงทั้งที่สวมเพียงกางเกงยีนส์ตัวเดียว เมื่อคืนเขาง่วงจนน้ำท่าไม่ได้อาบ กลับถึงห้องได้ก็ถอดเสื้อโยนไว้ไหนสักที่ก่อนจะทิ้งตัวลงบนเตียงหลับไปทั้งอย่างนั้น

 

 

ติ๊งต่อง~

 

 

รู้แล้ว! หยุดกดได้แล้ว!

 

 

แอ๊ด!

 

 

บานประตูเปิดออกอย่างดุดันตามความหงุดหงิดของเจ้าของห้อง แล้วคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าก็ดูจะไม่ใช่เซลล์ขายของ ไม่ใช่คนส่งหนังสือพิมพ์ แต่เป็นเพียงร่างโปร่งบางที่ดูคุ้นตาแต่เขาก็นึกไม่ออกว่าเคยเห็นหน้าแบบนี้ที่ไหน?

 

แขนแข็งแรงท้าวขอบประตูพร้อมทำหน้าทะมึนใส่ แต่นอกจากคนตรงหน้าจะไม่เกรงกลัวแล้ว จู่ๆใบหน้าภายใต้กรอบผมหน้าม้าสีดำสนิทก็ยื่นเข้ามาทำจมูกฟุดฟิดๆอยู่ที่แผงอกเปลือยเปล่าของเขา?!

 

เฮ้ย?! ทำอะไรเนี่ย?! ดมอะไร?

 

โรคจิตเหรอ? หรือจะเป็นแฟนคลับที่ไม่ปกติของเขา?

 

มือใหญ่เตรียมจะผลักอีกฝ่ายออกแต่ใบหน้ามนนั่นก็เงยขึ้นมายิ้มให้เขา

 

“นายจริงๆด้วย!   เขาถึงกับผงะ สองแก้มรู้สึกร้อนฉ่าเมื่อได้เห็นรอยยิ้มของคนตรงหน้า จะว่ายังไงดี...มันเป็นรอยยิ้มที่งดงามมาก ทั้งสดใสจนโลกทั้งใบสว่างไสว ทั้งอ่อนหวานอบอุ่นหัวใจ เขาไม่เคยเจอใครที่ยิ้มสวยขนาดนี้มาก่อนเลย

 

“มะ มีอะไรหรือเปล่าครับ?”   เขาต้องรีบชักสีหน้าดุๆเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายล่วงเกินเขามากไปกว่านี้ ทั้งที่ในใจรู้สึกสับสนมึนงงมาก ใครกันเนี่ย? เหมือนจะโรคจิตแต่ก็ดันน่ารักมาก

 

“ฉันอยู่ห้องข้างๆนี่ไง เมื่อวันก่อนนายช่วยขนฉันไปนอนที่โซฟาใช่ไหมล่ะ? ฉันพอจะรู้ตัวนะตอนที่ถูกอุ้มขึ้นมา แต่ว่าไม่มีแรงลืมตาเลย แต่จำกลิ่นนายได้เพราะตัวนายหอมมาก”   หื๋อ? ห้องข้างๆ?

 

แล้วภาพเมื่อสองวันก่อนก็ย้อนเข้ามาในความทรงจำ...อ๋อ~ คนคนนี้คือนักวาดการ์ตูนสาวน้อยที่นอนสลบอยู่ตรงหน้าประตูนี่เอง ถึงว่า เขาถึงได้คุ้นหน้า

 

“อ่า...ครับ...คุณ...ไม่เป็นไรก็ดีแล้วครับ...”   ผ่านไปสองวันแล้วเพิ่งจะมาขอบคุณเนี่ยนะ?

 

“ขอบคุณมากนะ พอดีฉันเพิ่งตื่น เลยเพิ่งได้มาขอบคุณ”   เดี๋ยวนะเฮ้ย สองวันที่ผ่านมานี่คือนอนตายอยู่เร๊อะ? คนคนนี้ใช้ชีวิตมาแบบไหนกันเนี่ย?!

 

“อ่า...”   ดวงตาคมกล้าเหลือบมองร่างกายที่ผอมแห้งแล้วก็เหมือนจะเข้าใจขึ้นมา มัวแต่นอนจนไม่ได้กินข้าวกินปลาเลยสินะ?

 

“ฉันให้นี่แทนคำขอบคุณ”   มือบางยัดกระสอบอะไรบางอย่างใส่อ้อมแขนเขา

 

“...?....ครับ”    พอก้มลงไปดูก็ถึงกับผงะ...ถุงใส่น้ำตาลก้อน? เดี๋ยวก่อน คนบ้าอะไรให้น้ำตาลก้อนเป็นของตอบแทนเนี่ย?!

 

“ฉันไปละ”  

 

“เอ่อ...”   ยังไม่ทันจะตอบโต้อะไร ยังไม่ทันจะได้แนะนำตัว เพื่อนบ้านที่แสนแปลกประหลาดของเขาก็วิ่งหายเข้าไปในห้องของตัวเองแล้ว

 

“.....”   มือใหญ่ปิดประตูก่อนจะย้ายมาปิดปาก

 

 

แต่ว่า...น่ารักจริงๆด้วยแหะ... 

 

 

เขาวางกระสอบน้ำตาลก้อนลงบนเคาน์เตอร์ครัว...ยืนมองมันอยู่หลายวินาที...ก่อนจะเผลอหัวเราะเบาๆ...อะไรของเค้ากันนะ

 

จากที่คิดว่าวันนี้คงอารมณ์ขุ่นมัวไปทั้งวันเพราะโดนก่อกวนเวลานอน แต่ตอนนี้เขากลับกำลังเดินฮัมเพลงเข้าห้องน้ำไปอย่างอารมณ์ดี

 

ถ้าได้เจอกันอีกก็คงจะดีนะ

 

 

 

 

 

 

 

 

แกร่ก...

 

มือบางในคาดิแกนแขนยาวอมมือยังจับคาอยู่ที่ลูกบิดประตูถึงแม้ว่าจะกดล็อคไปนานแล้ว ดวงตากลมโตคู่สวยยังคงเบิกค้าง

 

ผะ ผู้ชายข้างห้องคนเมื่อกี้หล่อมาก! แถมหุ่นยังดีมากอีกต่างหาก! ออกมาจากห้องนอนทั้งกางเกงยีนส์ตัวเดียวแบบนั้นดูแบดบอยสุดๆแต่ก็เท่ห์สุดๆ แถมหน้าตาก็ดูเย็นชา แบบว่านี่มันพระเอกการ์ตูนเลยอ่ะ หล่อระดับพระเอกการ์ตูนได้เลยนะ!

 

 

ตึงๆๆ

 

 

สองขาวิ่งตึงตังก่อนจะดีดรองเท้าแตะที่ใส่ในบ้านไปคนละทาง ร่างโปร่งโดดลงที่โซฟาก่อนจะควานหากระดาษมาสเก็ตรูปผู้ชายคนที่อยู่ห้องข้างๆอย่างกลัวว่าจะลืม

 

นี่แหละ! พระเอกมังงะเรื่องต่อไปของเขา!

 

“ฮึๆๆ”   สองมือกอดอกอยู่หน้าเครื่องแฟกซ์ เขาส่งรูปสเก็ตใบนั้นไปที่กองบก.โชโจมังงะที่เขาส่งผลงานให้อยู่ ใบหน้าหวานกระหยิ่มยิ้มย่องเพราะคิดว่าบก.ของเขาต้องกรีดร้องอย่างดีใจแน่ๆที่พระเอกมังงะเรื่องต่อไปของเขาจะหล่อขนาดนี้

 

ครืดๆๆ

 

สองนิ้วคีบกระดาษที่ถูกแฟกซ์กลับมาพร้อมกับยกยิ้มรอ ทว่า บนนั้นไม่ได้มีเสียงกรี๊ดกร๊าดหรือลายเส้นที่เขียนเป็นหน้าดีใจ แต่กลับมีตัวอักษรใหญ่เท่าบ้านเขียนอยู่เต็มหน้ากระดาษ

 

 

[เซริซาว่าเซนเซย์~...เอาเรื่องปัจจุบันนี้ให้จบก่อนดีไหมคะ! ถ้ามีเวลาจินตนาการถึงพระเอกเรื่องต่อไปละก็ ช่วยส่งเนมตอนใหม่มาให้ดูก่อนดีกว่าค่ะ!! เดือนนี้กำหนดส่งต้นฉบับไวกว่าปกติด้วย คิดไว้แล้วใช่ไหมคะเนื้อเรื่องตอนต่อไปน่ะ!]

 

 

“ชิ ยัยหมีขั้วโลก! ช่างไม่เข้าใจจิตใจของสาวน้อยเอาซะเลย!   ใบหน้ามนหงึใส่กระดาษแฟกซ์ ก่อนจะดึงกระดาษสเก็ตออกมา

 

“หล่อขนาดนี้เลยนะ...”    นิ้วเรียวแปะกระดาษแผ่นนั้นไว้ที่ผนังข้างโต๊ะทำงานของตน พอยัยบก.ทวงงานเข้าเขาเลยเริ่มคิดว่าคงต้องทำไว้แต่เนิ่นๆเสียแล้ว เพราะเดือนนี้เป็นเดือนธันวา สัปดาห์ท้ายเดือนพวกโรงพิมพ์จะหยุดยาวกัน ต้นฉบับของพวกเขาจึงต้องส่งก่อนปกติถึงหนึ่งอาทิตย์

 

รวมถึงโดจินที่จะวางขายในงานคอมมิเกะตอนสิ้นปีด้วย ถ้าส่งพิมพ์ไม่ทันก็ไม่มีขายกันพอดี

 

“ถ้างั้นเขียนโดจินก่อนก็แล้วกัน~

 

“ปกเล่มนี้เอาเป็นแบบไหนดีน้า~ มาสะซังกอดมินาโตะจากทางด้านหลังดีไหมน้า~   

 

.....เนี่ย...เพราะแบบเนี้ยแหละถึงจะได้โดนบก.สาวฆ่าเอา!

 

 

 

 

 

 

 

 

“เป็นอะไรไป ดูไม่ค่อยมีสมาธิเลยนะ มินาโตะ?”   ดวงตาสุขุมเหลือบมองไปที่เป้าสำหรับยิงธนู รูที่ควรจะเกิดอยู่ตรงกลางเป้ากลับกระจายอยู่รอบนอกเท่านั้น นั่นบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าคนที่ยิงไม่มีสมาธิขนาดไหน

 

เพราะฝีมือน่ะไม่ใช่เรื่องที่จะเอามาพูดกับมือหนึ่งของชมรมยิงธนูโรงเรียนคาเซไมอย่างนารุมิยะ มินาโตะที่ได้แชมป์ยิงธนูระดับมัธยมปลายมาหลายสมัยซ้อน

 

ที่ยิงแทบไม่เข้าเป้าน่าจะเป็นเพราะมีเรื่องกวนใจเด็กหนุ่มมากกว่า

 

ดวงตาของคนที่เป็นผู้ใหญ่กว่าทอดมองเด็กนักเรียนในความดูแลตรงหน้า

 

“....ผมต่างหาก ที่อยากรู้ว่าคุณยังมีสมาธิอยู่ได้ยังไง...มาสะซัง...”    เสียงเบาๆพูดงึมงำออกมาจากใบหน้าที่ก้มมองพื้นจนเขาฟังไม่รู้เรื่องเพราะแทบไม่ได้ยิน

 

“ว่าไงนะ?”    เสียงทุ้มจึงถามออกไปด้วยความสงสัย แต่นั่นยิ่งทำให้เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นมามองเขาด้วยแววตาตัดพ้อ

 

แล้วยังไม่ทันจะได้แก้ไขความข้องใจอะไร นารุมิยะ มินาโตะก็ลุกพรวดพราดวิ่งออกไปจากโรงฝึกทั้งๆที่ไม่ใช่มารยาทอย่างที่นักยิงธนูพึงกระทำ

 

ร่างสูงใหญ่ยังคงนั่งทับส้นอยู่ที่เดิม ดวงตาสีน้ำเงินเข้มทอดมองไปยังพื้นโรงฝึกที่ถูกแสงแดดยามเย็นทอดกระทบ...อันที่จริง...ก็ใช่ว่าเขาจะไม่รู้...ว่ามินาโตะเป็นอะไร

 

เพราะหัวใจของเขาเองก็เรียกร้องเช่นกัน...

 

แต่เพราะอีกฝ่ายเป็นเด็กนักเรียน ส่วนเขาเป็นอาจารย์ประจำชั้น ถึงเราจะใกล้ชิดกันจนก่อเกิดเป็นความรักขึ้นมาก็ใช่ว่าจะคบกันได้ง่ายๆเหมือนคู่รักทั่วไป เขาถึงต้องพยายามยับยั้งชั่งใจอยู่แบบนี้

 

ทั้งๆที่คิดว่ามันน่าจะส่งผลดีที่สุดแล้วสำหรับเราทั้งคู่...แต่ตอนนี้...ดูเหมือนมันจะไม่ใช่แบบนั้น

 

ยิ่งหักห้ามใจก็ยิ่งแย่ ยิ่งทำร้ายทั้งตัวเขาและเด็กคนนั้น...

 

ใบหน้าหล่อเหลาถอนหายใจออกไปเฮือกใหญ่...เขาคงต้องหาทางทำอะไร...ก่อนที่ความรู้สึกนี้จะไปทำลายอนาคตของมินาโตะ ยิ่งการแข่งขันยิงธนูภาคฤดูหนาวใกล้เข้ามาแบบนี้ เขายิ่งต้องตัดสินใจให้ดี

 

 

 

“มินาโตะ อย่าเพิ่งกลับ ฉันมีเรื่องจะคุยด้วย”   ร่างสูงใหญ่ยืนกอดอกดักรอเด็กหนุ่มอยู่ที่ประตูทางออกโรงฝึก นารุมิยะ มินาโตะเปลี่ยนกลับไปใส่ชุดกักกุรันเพื่อเตรียมตัวจะกลับบ้าน ส่วนเขายังอยู่ในชุดฮากามะเช่นเดิม

 

“แต่ผมไม่มีอะไรจะคุยกับคุณ”    ใบหน้ามนยังคงไม่ยอมสบตาเขาแล้วพูดบ่ายเบี่ยง มินาโตะเริ่มหลบหน้าเขามาสักพักแล้ว คงเพราะกลัวว่าจะถูกเขาปฏิเสธความรู้สึกของตน

 

มันก็ช่วยไม่ได้ที่มินาโตะจะกลัว มันเป็นความผิดของเขาเอง ทั้งๆที่ช่วงแรกที่เด็กคนนั้นรู้ใจตัวเองว่าชอบเขา ถึงมินาโตะจะไม่ได้สารภาพรักกับเขาตรงๆแต่ก็แสดงออกอย่างเปิดเผย กลับเป็นเขาเองที่แกล้งทำเป็นไม่รู้และปฏิบัติตัวกับมินาโตะเหมือนเด็กนักเรียนคนอื่นๆ มินาโตะเองก็คงคิด...ว่าเขาไม่ได้รักไม่ได้มีใจให้ ว่าตัวเองไม่ได้เป็นคนพิเศษสำหรับเขา และคงจะโดนเขาปฏิเสธเข้าสักวัน

 

มือบางจึงกระชับสายสะพายถุงใส่คันธนูยาวแล้วเตรียมจะเดินหนี เด็กหนุ่มก้าวขาออกไปเขาจึงทำได้แค่รีบตามไปคว้าข้อมือเล็กๆนั่นเอาไว้

 

“เดี๋ยวก่อนสิมินาโตะ ฟังฉันก่อน”

 

“ผมไม่อยากฟัง”   มินาโตะที่มีสีหน้าเจ็บปวดกำลังดิ้นหนีเขา มือบางพยายามสะบัดมือของเขาที่จับกุมอยู่ออกไป

 

แล้วหลังที่ยื้อยุดกันอยู่หลายวินาทีเขาจึงตัดสินใจใช้ความรุนแรงเพื่อให้อีกฝ่ายยอมหยุดฟังเขา

 

 

ปึ้ง!!

 

 

“มินาโตะ!    แผ่นหลังบางถูกเขาเหวี่ยงจนชนกับประตูโรงฝึก ข้อมือทั้งสองข้างก็ถูกเขากดเอาไว้กับแผ่นไม้ มินาโตะถูกเขาดันติดกับข้างฝาอย่างสมบูรณ์

 

ใบหน้ามนเงยมองเขาอย่างตื่นตระหนกเพราะปกติแล้วเขาไม่ใช่คนที่จะใช้ความรุนแรงแบบนี้ แต่ก็ไม่ทันที่ริมฝีปากสีระเรื่อจะได้พูดอะไร

 

เพราะมันถูกริมฝีปากของเขาปิดเอาไว้เสียก่อน!

 

ถ้าการอธิบายมันยากนัก ถ้าการจะยอมรับว่ารักมันลำบาก ก็ใช้การกระทำนี่แหละพูดแทนความรู้สึกในใจของเขา

 

จูบหนักๆครั้งแรกเพื่อให้มินาโตะยอมหยุดแล้วฟังเขา เพราะหลังจากใบหน้าที่ต่างแดงระเรื่อละออกจากกัน...คำสารภาพรักที่อ่อนหวานก็ค่อยๆพรั่งพรูออกไป...ผ่านจุมพิตที่แนบชิดอย่างอ่อนโยนครั้งแล้วครั้งเล่า

 

“มินาโตะ...กลับไปคุยกันต่อที่บ้านฉันเถอะนะ”   ลมหายใจหอบหนักถูกเป่ารดใบหูแดงกล่ำยามเมื่อเขาขยับเข้าไปกระซิบ

 

“....ครับ”   เสียงใสตอบงึมงำมาจากใบหน้าที่ยังแดงจัด ฝ่ามือบางที่ดึงรั้งคอเสื้อกิโมโนสีขาวทำให้เขาแทบจะทนไม่ไหว อยากจะพลิกตัวมินาโตะเข้าไปแล้ว “คุย” มันให้จบๆไปในโรงฝึกเสียให้ได้

 

มือใหญ่คว้าข้อมือบางก่อนจะโยนขึ้นรถอย่างรีบร้อน

 

และเมื่อถึงบ้าน.....

 

 

 

 

 

 

“อืม...ฉันว่ามันยังไม่ได้อ่ะ”    เสียงใสดังรอดมาจากใบหน้าที่อยู่ในจอโน้ตบุค

 

“ฉันก็ว่ายังไม่ได้”    ส่วนเสียงนี้ดังอยู่ข้างๆ ตอนนี้สมาชิกเซอร์เคิล Honey so Sweet ทั้งสามคนกำลังประชุมเพื่อแก้ไขโดจินชิเล่มล่าสุดกันอยู่ โดยเอเลน เยเกอร์มาสิงอยู่ที่บ้านของโกคุเดระ ฮายาโตะตั้งแต่เช้าแล้ว ส่วนเซียวจ้านอยู่ที่บ้านของตัวเอง

 

หน้ากระดาษที่วาดด้วยคอมพิวเตอร์และพวกเขากำลังสุมหัวกันดูอยู่นี้เป็นเพียงเนื้อเรื่องในโดจินเล่มใหม่เท่านั้น เพราะในเนื้อเรื่องออริจินัล นารุมิยะ มินาโตะไม่ใช่นักเรียนไฮสคูลแต่เป็นปิศาจจิ้งจอกเก้าหางที่หนีมาจากโลกปีศาจ ทาคิกาวะ มาซากิไม่ใช่อาจารย์โรงเรียนมัธยมปลายแต่เป็นนักบวชผู้ดูแลศาลเจ้ายาตะ

 

“ก็แล้วมันยังไม่ได้ตรงไหนล่ะ? สรีระเหรอ? หรือว่าหน้าตา? หรือว่าท่า?”    เอเลน เยเกอร์ถามออกไป ฉากต่อจาก “เมื่อถึงบ้าน” แล้วนั่นแหละที่พวกเขากำลังถกเถียงกันอยู่ คิ้วหนาเริ่มขมวดเข้าหากันอย่างหงุดหงิดเพราะคอมเม้นต์ที่ไม่เคลียร์ของเพื่อนๆ นี่เขาว่ามันก็ดีแล้วนะ? ไม่ดีตรงไหน?

 

อ้อ ต้องขออธิบายก่อนว่าโดจินที่พวกเขาวาดล้วนเป็นโดจินวาย 18+ ทั้งสิ้น ซึ่งงงง บรรดาฉาก NC ทั้งหลายเนี่ย คนวาดหลักๆคือเอเลน เยเกอร์ แล้วตอนนี้ต้นฉบับที่เกือบจะเสร็จสมบูรณ์นี่ก็ดันติดฉากNCที่เขาวาดนี่แหละ

 

“ไม่อ่ะ พวกนั้นก็โอเคหมดแล้ว อืม...”   โกคุเดระเซนเซย์ที่ถนัดฉากต่อสู้สุดอลังการใช้ปากกาเกาคางอย่างบอกไม่ถูกเหมือนกันว่ามันยังขาดอะไรไป

 

“มันยังดูไม่มีอารมณ์ร่วมรึเปล่า? แบบ ยังไม่อีโรติกพอ?”   เซริซาว่าเซนเซย์ที่ถนัดฉากในฝันของสาวน้อยเอียงคอพร้อมกับทำหน้างง

 

“อะไรของพวกนายเนี่ย? แล้วจะให้แก้ยังไง?”   เอเลนเริ่มกอดอกกระทืบปลายเท้าอย่างอารมณ์เสีย

 

“ไม่รู้อ่ะ?”  

 

“ไม่รู้เหมือนกัน?”

 

“ห๋า?”

 

ก็นั่นแหละ ถึงจะเป็นนักวาดเบอร์ต้นของวงการแต่ก็ใช่ว่าพวกเขาจะเก่งไปเสียทุกอย่าง แล้วด้วยความที่เป็นสามหนุ่มเวอร์จิ้นเลยมีปัญหากับฉากNCตลอด ไม่รู้จะแก้ยังไงให้มันดูอีโรติกกว่านี้

 

 

 

แกร่ก...

 

 

แต่แล้วเสียงเปิดประตูก็ดังขึ้นก่อนที่หมา แมว กระต่ายจะได้ตีกัน

 

“เอาหนังสืออ้างอิงมาให้”   อาคามะ ริวาอิวางตั้งหนังสือนับสิบเล่มลงบนโต๊ะเตี้ยหน้าโซฟาโดยยังไม่ได้หันมามองพวกเขา เพราะงั้นเลยยังสามารถรักษาชีวิตไว้ได้ทัน

 

“เหวอ~ เจ้าปีศาจริวาอิมา สลายตัว!   มือบางของเจ้าของห้องรีบปิดหน้าจอที่กำลังประชุมกันอยู่ หน้ายูทูบที่เปิดบังหน้าไว้จึงเด้งขึ้นมาแทน

 

“หื๋อ? มีอะไรรึเปล่า? ดูอะไรกันอยู่?”    หัวหน้ากองบก.โชเน็นมังงะเงยหน้ามองอย่างสงสัยเมื่อเห็นพวกเขาเลิ่กลั่กอย่างมีพิรุธ

 

“ปะ เปล่า หมอนี่กำลังฝึกเต้นตาม MV นี้อยู่น่ะ”    แล้วเพลงที่รันอยู่บนหน้าจอก็ดันเป็นเพลงของวงไอดอลสาวอย่าง AKB48 พอดีเสียนี่

 

“ห๊ะ? ชั้นเหรอ?”    เจ้าลูกหมาผงะไปว่าโยนอะไรมาฟ๊ะ?!

 

“เออ แกนั่นแหละ”   เจ้าลูกแมวรีบตีสีข้างให้รีบเออออเมื่อเห็นท่านบก.ขาโหดเริ่มขมวดคิ้ว

 

“อะ เอางั้นก็ได้ ผมเองแหละ...”    เอเลน เยเกอร์ยิ้มแฉ่งก่อนจะเต้นท่าน่ารักมุ้งมิ้งตามสาวๆในจออย่างไม่อายฟ้าดิน แล้วมันก็ดูจะได้ผลเมื่อคุณบก.มองอย่างเพลียๆก่อนจะส่ายหน้าแล้วเลิกสนใจพวกเขาไป

 

“นี่ข้อมูลเกี่ยวกับอาวุธโบราณที่นายขอมา ฉันคั่นหน้าเอาไว้ให้แล้ว ถ้าจะเอาเพิ่มก็บอกแล้วกัน ฉันจะไปหาที่ห้องสมุดให้”    ใบหน้าบอกบุญไม่รับหันมาคุยกับเจ้าของห้อง หน้าที่ซัพพอร์ตนักวาดรวมไปถึงช่วยหาข้อมูลที่จะใช้ในการวาดการ์ตูนก็เป็นหน้าที่ของบก.เช่นกัน

 

“อือ ขอบคุณ”    ใบหน้าภายใต้กรอบผมสีเงินพยักให้ก่อนที่ร่างบอบบางจะเดินมาเปิดหนังสือดู

 

“ว่าแต่...ทำไมแกมาอยู่ที่นี่เนี่ยเจ้าลูกหมา? หมอนั่นยังเขียนเนมไม่เสร็จเลย ยังไม่มีอะไรให้นายต้องช่วยซักหน่อย? อย่าบอกนะว่ามาสุมหัวเขียนโดจินกันอีกแล้ว?!    ร่างที่ไม่ได้สูงใหญ่ทว่าแข็งแกร่งยิ่งกว่าใครเดินไปกดหยุดวีดีโอของวงไอดอลสาวเพราะเริ่มจะทนไม่ไหว

 

“ปะ เปล๊า~   เอเลน เยเกอร์ยังคงปฏิเสธเสียงใส ทั้งน่าสงสัยทั้งน่าหมั่นเขี้ยวสุดๆ

 

“มานี่เลย กลับบ้านพร้อมฉันเลย ขืนให้แกอยู่ต่อ เจ้าฮายาโตะไม่เป็นอันได้แก้เนมที่ชั้นคอมเม้นต์ไว้แน่ๆ”   ท่อนแขนแข็งแรงล็อคลำคอบางก่อนจะลากออกไป

 

“ปล่อยนะ~ ผมยังไม่กลับ~ ผมจะมาเที่ยวบ้านเพื่อนมันผิดตรงไหน ปล๊อย~~   คนที่โดนบังคับก็ได้แต่โวยวายไปตามเรื่องตามราว

 

“แกก็ด้วย แก้เนมให้เสร็จนะคืนนี้ ห้าม-แอบ-เขียน-โด-จิน เข้าใจไหม?!    ใบหน้าดุดันยังอุตส่าห์หันมากำชับ

 

“ฮะ ฮื่อ...”    ทำเอาเจ้าของห้องได้แต่พยักหน้าหงึกหงัก ถะถึงจะไม่ได้กลัวแต่ก็แค่ขี้เกียจทะเลาะด้วยเท่านั้นแหละ...

 

“ไป กลับกันได้แล้ว”  

 

“ม๊ายยย ชั้นยังไม่กลับ~ ปล่อยชั้นนะเจ้ายักษ์ริวาอิ~    โกคุเดระเซนเซย์ได้แต่ยืนมองเพื่อนรักถูกลากลงนรกไป มือบางทำได้เพียงเปิดหน้าจอประชุมขึ้นมาก่อนจะรายงานสถานการณ์ให้อีกคนที่รออยู่ฟัง

 

“โย่ๆ...ขณะนี้เอเลนถูกยักษ์จับไปกินแล้ว เปลี่ยน”

 

“อ่า...ขอให้ไปสู่สุคตินะเจ้าลูกหมาของฉัน...”

 

“อืม งั้นวันนี้ก็เลิกประชุมเถอะ”

 

“อืม บาย~

 

 

 

 

 

 

 

 

“เอ้า”   จู่ๆกุญแจรถก็ถูกโยนให้จนเอเลนรับไว้แทบไม่ทัน ส่วนคนเป็นเจ้าของรถกลับก้าวขาไปยังเบาะข้างคนขับแทนที่จะเป็นด้านพวงมาลัย

 

“อะไร?”   ใบหน้ามนหันมามองอย่างสงสัย

 

“ขับรถให้ฉัน”   ใบหน้าเฉยชาไม่สนโลกก้าวขาเข้าไปนั่งในรถอย่างไม่สนใจว่าอีกคนจะปฏิเสธไหม

 

“ห๊ะ?”  

 

“ฉันจะงีบหน่อย ถึงบ้านแกแล้วก็ปลุกด้วย”   ไม่ว่าเปล่า คุณบก.ที่ตรากตรำทำงานหนักมาทั้งสัปดาห์ก็เอนเบาะเตรียมนอนเรียบร้อย

 

“ฮึ่ย ผมเป็นคนขับรถของคุณรึไง? ขอบตาดำเป็นหมีแพนด้าแล้ว แทนที่จะกลับบ้านไปนอนยังอุตส่าห์มาลากคอผมถึงนี่!   ถึงจะบ่นฟึดฟัดแต่ร่างโปร่งบางก็ก้าวขาเข้าไปประจำที่คนขับ

 

“ก็เพราะใครล่ะ”   เสียงดุๆพูดมาแค่นั้นก่อนจะหลับไปอย่างง่ายดาย เล่นเอาคนที่หันมามองถึงกับถอนหายใจก่อนจะอมยิ้มบางๆ

 

“ครับๆ เพราะผมเองแหละครับ~ ถึงจะช่วงสั้นๆแต่ก็ฝันดีนะครับ!

 

 

 

ชานเมืองโตเกียวนั้นไม่ได้วุ่นวายเหมือนในเมือง ถึงจะขับวนไปวนมาหลายรอบแต่ก็ยังถึงที่หมายได้ในเวลาไม่นาน

 

“...ถึงแล้วเหรอ?”   เสียงงัวเงียเอ่ยถามหลังจากรู้สึกว่ารถหยุดเคลื่อนที่ ดวงตาสีขี้เถ้าเปิดมองไปรอบตัวอย่างยังโฟกัสอะไรไม่ได้มากนัก

 

“ยังอ่ะ แต่ผมหิวแล้ว”   เสียงใสตอบกลับพร้อมๆกับเสียงปลดล็อคเข็มขัดนิรภัย

 

“ห๋า?”   คนเพิ่งตื่นถึงกับอ้าปากค้าง นึกจะแวะก็แวะไม่ถามเขาสักคำงี้ก็ได้เหรอ

 

“ไปกินข้าวกัน คุณกลับบ้านไปก็ไม่มีใครกินด้วยอยู่แล้วใช่ไหมล่ะ ยักษ์มารแบบนี้ใครเค้าจะอยู่ด้วย โอ๊ย!   บก.หนุ่มทนความน่าหมั่นไส้ไม่ไหวเลยดีดหน้าผากเข้าให้หนึ่งที

 

“ปากแกนี่มันลูกหมามาเกิดจริงๆ”    กินก็กินสิ เขาก็ชักจะหิวแล้วเหมือนกัน

 

 

 

ร้านกินดื่มดูจะไม่ใช่ที่นั่งกินอาหารเย็นเท่าไหร่ แต่แฟมมิลี่เรสเตอร์รองก็ไม่ใช่แนวเขาเสียด้วย สุดท้ายก็เลยได้กินข้าวพร้อมกับแกล้มนั่นแหละเย็นนี้

 

“ง่วงขนาดนี้ยังจะดื่มเบียร์อีกเหรอครับ? เดี๋ยวก็ขับรถกลับไม่ถึงบ้านหรอก”   บ่นเป็นเมียเขาเลยนะเจ้าเด็กนี่ แค่แก้วเดียวเนี่ยไม่ทำให้แอลกอฮอล์ในเลือดเขาขึ้นได้หรอก

 

“นอนไปเมื่อกี้ก็ดีขึ้นเยอะแล้ว”   เขากระดกเบียร์เข้าปากอย่างรำคาญ ฟองที่ติดอยู่บนริมฝีปากกับความเย็นเฉียบที่ไหลผ่านลงคอทำให้รู้สึกดีไม่น้อย

 

“ว่าแต่คุณริวาอิ คุณเคยจูบผู้ชายไหมครับ?”   พรูดดดด เบียร์แทบจะพุ่งออกจากปาก ไอ้เจ้าลูกหมาเหลือขอมันพูดอะไรของมันเนี่ย?!

 

“แค่ก! จะไปเคยได้ไงฟ๊ะ!    บก.หนุ่มมาดโหดถึงกับสำลัก แต่เจ้าลูกหมาขี้สงสัยก็ยังจะถามต่อไป

 

“แล้วกอดล่ะ? เคยกอดผู้ชายไหม?”    ดวงตาสีมรกตสุกใสเปล่งประกายวิ้งวับจ้องมองมาอย่างสนอกสนใจ

 

“จูบยังไม่เคย แล้วกอดจะเคยได้ไง ขนลุกตายชัก”   คิ้วเรียวถึงกับขมวดเป็นปม

 

“งั้น... เซ็กส์ล่ะ? เคยนอนกับผู้ชายไหม?”    เจ้าลูกหมายังถามตาใส มันใช่เรื่องเล่าระหว่างกินข้าวเร๊อะเรื่องแบบนี้

 

“ไม่เคย! แล้วถ้ายังไม่เลิกถาม ชั้นจะเอากะหล่ำปลียัดปากแก”    มือแข็งแรงคีบกะหล่ำปลีสับขึ้นมาขู่

 

“ไร้ประโยชน์จริงๆ”   แล้วพอไม่ได้คำตอบอะไรจากเขา เจ้าลูกหมาเหลือขอก็ยักไหล่ให้ มันน่าเตะซักทีจริงๆนะเจ้าเด็กนี่

 

“โฮ่ย  ชั้นไม่เคยจูบผู้ชายแล้วมีปัญหาตรงไหนรึไง ห๋า?”     ฝ่าเท้ากระทืบพื้นยิกๆแล้วเนี่ย

 

“ก็ฉากNCที่ผมกำลังเขียนอยู่น่ะสิ ทั้งเจ้าฮายาโตะทั้งจ้านจ้านต่างก็บอกว่าไม่ผ่านทั้งคู่เลย เจ้าพวกนั้นบอกว่า ดูไม่อีโรติกเอาซะเลย ตัวเองก็วาดได้เด็กอนุบาลแท้ๆยังมีหน้ามาว่าผม!

 

“พวกแกนี่นะ....เฮ้อ....”    บ่นจนปากจะฉีกถึงใบหูแล้วเนี่ยเรื่องโดจินวายพวกนั้น มั๊นก็ยังไม่เลิกวาดกันอีก

 

มือแข็งแรงคีบซาชิมิเข้าปาก ก็อยากจะช่วย อยากให้เอามาให้ดูอยู่หรอกนะเพราะยังไงเขาก็เป็นบก. เขามีข้อมูลและถนัดเรื่องแนะนำนักวาดอยู่แล้วไม่ว่าจะฉากแบบไหน แต่ถ้าเขาทำแบบนั้นมันก็จะกลายเป็นว่าเขาสนับสนุนเจ้าพวกนี้ให้แอบอู้ไปเขียนโดจินแทนที่จะปั่นงานหลักให้ทันเส้นตายน่ะสิ ยังไงก็ไม่ได้เด็ดขาด

 

“กินเข้าไป ถ้าวาดไม่ได้ก็เลิกเขียนโดจินพวกนั้นซะก็สิ้นเรื่อง”    ตะเกียบในมือคีบปลาแซลม่อนยัดปากที่กำลังบ่นของเจ้าลูกหมาตรงหน้า จริงๆเล้ย~

 

“อ๋มไอ่ออมแอ้ออก อ่ะ อี้ออ่อยอัง เอาอีกๆ”    ผมไม่ยอมแพ้หรอก อ่ะ นี่อร่อยจัง เอาอีก....คำแปลที่ทำให้เขาทั้งอ่อนเพลียหัวใจทั้งลอบขำอีกฝ่ายอย่างเอ็นดู

 

เอาเถอะ ถ้าจะให้ช่วย มันก็มีวิธีอยู่หรอก

 

 

 

 

แผ่นหลังที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อเอนพิงเบาะอย่างสบายใจ เขายังคงใช้ให้ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของผอ.โรงพยาบาลชื่อดังในโตเกียวขับรถให้ต่อไป และเมื่อรถวิ่งมาจอดที่หน้าบ้านหลังใหญ่หลังหนึ่งในเขตชานเมืองโตเกียว ก็ได้เวลาที่จะต้องล่ำลากันแล้ว

 

“ถึงบ้านผมแล้ว ที่เหลือคุณก็ขับกลับเองนะครับ”    เจ้าลูกหมาเก็บข้าวเก็บของเตรียมจะลงจากรถ เขาจึงก้าวขาลงไปบ้าง

 

แล้วในจังหวะที่มือบางปิดประตูรถ ท่อนแขนแข็งแรงก็ยันขอบประตูกักขังร่างโปร่งไว้โดยไม่ทันตั้งตัว

 

“อ๊ะ?”    พอใบหน้ามนหันกลับมา ทั้งใบหน้าทั้งสายตาจึงสบประสานกันพอดี

 

ราวกับโลกทั้งใบกำลังหยุดหมุน

 

เพราะตอนนี้สิ่งที่ดวงตาสีมรกตมองเห็น...ก็มีแต่ภาพของคนตรงหน้าเพียงอย่างเดียว

 

 

ตึกตัก ตึกตัก ตึกตักๆๆๆ

 

 

จู่ๆหัวใจดวงน้อยก็เต้นกระหน่ำ และยิ่งเต้นเร็วขึ้นไปอีกเมื่อใบหน้าหล่อเหลาค่อยๆโน้มเข้ามาใกล้

 

ริมฝีปาก...ค่อยๆแนบลงมาบนกลีบปากนุ่มชุ่มฉ่ำ

 

ดวงตาคู่โตเบิกกว้างแต่กลับมองไม่เห็นอะไรเลยนอกจากดวงตาสีขี้เถ้าคู่นั้น

 

ความนุ่มนวลที่แนบชิดกันอยู่นี้ก่อให้เกิดความรู้สึกดีอย่างน่าประหลาด

 

ริมฝีปากของคุณริวาอิบดเบียดลงมาเบาๆแต่ก็ทำเอาใจยิ่งเต้นหนักกว่าเก่า

 

จูบ...มันเป็นแบบนี้เองเหรอ...

 

ใบหน้าที่ร้อนผ่าวโดยไม่รู้ตัว หัวใจที่เต้นจนแทบระเบิด มือไม้ที่แข็งเกร็งไปหมด หัวสมองที่ขาวโล่งนึกอะไรไม่ออก แต่กลับรับรู้ถึงความอบอุ่นจากที่ไหนสักที่ รับรู้ถึงความโหยหาที่แล่นไปทั่วกาย รับรู้ว่าไม่อยากให้ริมฝีปากนั้นละออกไป อยากจะอยู่ใกล้ๆอีกฝ่ายให้มากกว่านี้ ให้หลอมรวมกันไปเลยได้ยิ่งดี ความรู้สึกตอนจูบกับคนที่ชอบ...มันเป็นแบบนี้เองสินะ

 

“......”    ใบหน้ามนเหม่อมองตามใบหน้าหล่อเหลายามที่ค่อยๆละออกไป ตอนนี้เขาตกอยู่ในภวังค์โดยสมบูรณ์ จนกระทั่งมีเสียงหนึ่งเอ่ยเบาๆ

 

“นายอยากรู้ไม่ใช่รึไง ว่าผู้ชายจูบกันมันเป็นยังไง?”

 

“ก็แบบนี้แหละ...”   เสียงกระซิบดังที่ใบหูก่อนใบหน้าคมจะยกยิ้มแล้วขับรถออกไป ปล่อยเขายืนหน้าแดงแปร๊ดอ้าปากพะงาบๆอยู่หน้าบ้านตามลำพัง

 

 

 

 

 

 

 

สัญญาณไฟจราจรยิ่งฉายชัดในความมืดของท้องถนน รถยนต์ที่เพิ่งวิ่งมาไม่เท่าไหร่จอดติดไฟแดงอยู่ตรงสี่แยกที่แทบไม่มีรถผ่านไปมา

 

แขนแข็งแรงที่ยกวางอยู่บนขอบหน้าต่างแตะฝ่ามือลงบนริมฝีปากตัวเองเบาๆ ในหัวของเขากำลังนึกถึงริมฝีปากนิ่มๆของเจ้าเด็กเหลือขอนั่น

 

ชั้นอุตส่าห์อดทนมาได้ตั้งนานนะ แกเองนั่นแหละที่ผิด ดันมาถามอะไรแบบนั้น เจ้าลูกหมาดื้อ

 

ดวงตาสีขี้เถ้าเสมองข้างทางไปเรื่อยเปื่อย

 

ตอนนี้...หน้าของเขายังร้อนอยู่เลย ดีนะที่เป็นตอนกลางคืน เอเลนคงไม่เห็น

 

และเมื่อสัญญาณเปลี่ยนเป็นสีเขียว รถคันนั้นก็แล่นออกไป

 

 

 

 

 

 

 

ส่วนคนที่เพิ่งเสียจูบแรกไปหมาดๆ ตอนนี้กำลังนอนกอดหมอนอยู่บนเตียง หัวสีน้ำตาลกำลังคิดเรื่องที่ถูกจูบวนไปวนมา หน้าก็แดงแปร๊ด

 

“ไหนบอกว่าจูบผู้ชายแล้วขนลุกไง...”   หรือจะไม่ได้เห็นเขาเป็นผู้ชาย? ห๊ะ! อย่าบอกนะว่าเห็นเขาเป็นลูกหมาจริงๆน่ะ!

 

“ฮึ่ม...”   แต่ยังไงก็เถอะ...ตัวเขาเอง...กลับไม่รู้สึกขนลุกหรือรังเกียจเลยสักนิด

 

หัวใจ...มันเต้นแรงจะตาย...

 

หน้าก็ร้อนไปหมด

 

ทุกสัมผัสยังติดตาตรึงใจอยู่เลย

 

“อ๊า~~    ร่างโปร่งกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนเตียง...โดยมีสายตาสองคู่แอบดูอยู่ที่รอยแง้มของประตู

 

 

“เอเลนที่น่ารักของป๊ะป๋าเป็นอะไรน่ะ? อยู่ๆก็ดิ้นไปดิ้นมาแถมหน้ายังแดงจัดอีก...”

 

“เข้าไปดูดีไหมครับ? อาจจะเป็นไข้ แล้วลามไปปอดบวม ทางเดินหายใจติดขัด กระเพาะทะลุ สมองตาย หัวใจล้มเหลว ก็ได้นะครับ”   ถ้าเป็นขนาดนั้นก็ไม่น่าจะยังลืมตาอยู่ได้แล้วไหม...แต่พ่อและพี่ชายที่ขี้กังวลเกินเหตุก็เริ่มร้อนลนวิ่งวนกันวุ่นวายอย่างกับลืมไปแล้วว่าตัวเองเป็นศัลยแพทย์ที่เก่งเบอร์ต้นๆของประเทศ

 

“ม่ายน๊า~~ เอเลนที่น่ารักของป๊ะป๋า~~

 

“น้องชายที่น่ารักของพี่~~    คุณผอ.และรองผอ.ของโรงพยาบาลชื่อดังเตรียมจะพุ่งเข้าไปดูน้องน้อยของบ้าน ทว่า

 

“หยุดอยู่ตรงนั้นเลยนะ! จะเข้ามาทำไมเนี่ย แล้วก็หยุดแหกปากได้แล้ว ดึกดื่นขนาดนี้เกรงใจเพื่อนบ้านซะบ้างสิ กลับไปทั้งคู่เลย!    เสียงใสและใบหน้าดุดันแบบลูกหมาก็ทำให้ขาสองคู่ชะงักอย่างไม่มีทางต้าน อ้า~เอเลนน่ารักละเกิน~

 

“...ครับ...”     ทั้งสองคนยอมถอยกลับไปพร้อมใบหน้าฟินๆ ความคลั่งรักลูกชายคนเล็กกับน้องชายคนเล็กนี้ต้องยกให้

 

ให้ตายสิ พ่อกับพี่นี่ละก็...

 

ดวงตาสีมรกตดุๆตวัดไปมองประตูที่ปิดสนิทก่อนจะกลับมานอนนึกถึงจูบต่อ อ๊า~ ไม่ไหวแล้ว~

 

มือบางหยิบแท็บเล็ตมาสเก็ตๆเพื่อระบายความอัดอั้นที่อยู่ในใจออกไป

 

โดจินเล่มใหม่คงแก้ได้ไม่มีปัญหาแล้วแบบนี้

 

 

 

 

 

 

 

ถึงจะใช้ผ้าพันคอสีเทาเข้มปิดบังใบหน้าไปกว่าครึ่ง แต่ด้วยรูปร่างที่สูงยาวสง่าผ่าเผย หวังอี้ป๋อก็ยังดึงดูดสายตาของคนที่เดินสวนกันไปมาได้เป็นอย่างดี

 

ร่างสูงนั่งลงไปบนที่นั่งในรถไฟใต้ดินอย่างพยายามไม่สนใจสายตาที่แอบมองอยู่รอบตัว วันนี้เขาถ่ายงานเสร็จไวก็เลยได้กลับบ้านไว ยังทันได้เห็นแสงสียามหัวค่ำของโตเกียวและผู้คนที่เดินกันพลุกพล่าน

 

สองมือล้วงเข้าไปในกระเป๋าเสื้อคลุมสีดำก่อนจะปิดตาลง เขาไม่ได้ง่วงหรอกแต่เขาขี้เกียจเห็นสายตาที่ลอบมองเขาอยู่ไกลๆพวกนั้น ไม่ได้รำคาญแต่ถ้าถูกมองทุกวันๆแบบนี้บางทีมันก็อยากจะหนีบ้างเหมือนกัน

 

“ดีจังที่มาซื้อทัน~ นี่เล่มสุดท้ายเลยนะ ถ้าไม่ทันก็ไม่รู้ต้องรออีกนานแค่ไหน งานอ.เซริซาว่าขายหมดไวจะตาย ทำไมสำนักพิมพ์ไม่พิมพ์ออกมาเยอะๆหน่อยก็ไม่รู้ เป็นแบบนี้ทุกรอบแท้ๆ~   แต่แล้วเสียงของเด็กนักเรียนหญิงสองคนที่ยืนอยู่ข้างๆก็ทำให้เขาต้องเงี่ยหูฟัง กำลังพูดถึงเพื่อนบ้านของเขาใช่รึเปล่า?

 

“ไม่ใช่ว่าเพิ่มจำนวนทุกเล่มอยู่แล้วหรอกเหรอ แต่ก็ยังไม่พออยู่ดี”   อีกคนก็พูดคุยโต้ตอบกลับมา

 

“ก็มันสนุกจะตาย ยิ่งอ่านยิ่งเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ แล้วอาจารย์เขียนเหมือนเข้าใจจิตใจของเด็กผู้หญิงที่กำลังมีความรักอย่างเราเลยอ่ะ เหมือนเข้ามาอยู่ในหัวของฉันเลยนะ อยากมีความรักแบบนางเอกบ้างจัง~    .....เข้าใจจิตใจของเด็กผู้หญิง? แบบที่ให้ของตอบแทนชายหนุ่มเป็นน้ำตาลก้อนน่ะนะ?

 

ฮึๆ...เขาลอบขำในลำคอเบาๆ

 

“เล่มนี้พิมพ์ครั้งแรกมีแถมโปสการ์ดด้วยนะ อ้า พระเอกหล่อจัง~ นึกว่าจะไม่ทันซะแล้ว ขนาดวางแผงเมื่อเช้านะเนี่ย”   เด็กสาวยังคุยกันต่อไป เขาแอบเหลือบมองรวมเล่มหนังสือการ์ตูนที่อยู่ในมือของพวกเธอ บนหน้าปกคือรูปสีที่เขาเห็นแปะไว้ที่ผนังตั้งแต่เมื่อสัปดาห์ก่อน ถ้ามันเพิ่งจะวางแผงเมื่อเช้า ถ้างั้นที่เขาคิดว่าอีกฝ่ายเป็นคนวาดมังงะเรื่องนี้ก็คงจะเป็นเรื่องจริงสินะ

 

ขายาวก้าวลงจากรถไฟทั้งๆที่ยังไม่ถึงสถานีที่จะต้องลง เขาแวะเข้าร้านหนังสือ ก่อนจะรู้ตัวอีกที...การ์ตูนตาหวานเรื่อง “กระซิบรักจากหัวใจ” ของเซริซาว่า จิอากิจำนวน16เล่มก็มาอยู่ในมือเรียบร้อย...

 

“........”   ดวงตาคมกล้าจ้องมองถุงใส่หนังสือการ์ตูนในมือด้วยใบหน้าเรียบเฉยทั้งๆที่ในใจกำลังเอาหัวโขกกำแพงอย่างแรงกล้า

 

เขาทำอะไรลงไปฟ๊ะเนี่ย?!

 

เป็นถึงคูลกายแต่ไปซื้อการ์ตูนสาวน้อยมาอ่านเนี่ยนะ?!

 

อ๊า อยากจะบ้า!

 

“เฮ้อ...”   ใบหน้าหล่อเหลาถอนหายใจก่อนจะเดินกลับเข้ามาที่สถานีรถไฟแล้วเดินทางกลับบ้านต่อไป

 

 

 

  

 

 

“โฮ่...นายต้องแอบไปทำเรื่องไม่ดีมาแน่ๆ ฉากNCที่แก้มาถึงได้เอโร่ยขึ้นขนาดนี้...”     โกคุเดระเซนเซย์ยกยิ้มมุมปากพลางเหล่มองเอเลน เยเกอร์หลังจากที่เอาฉากที่แก้มาให้ดู

 

มาสะซังในชุดฮากามะสำหรับยิงธนูจับมินาโตะในชุดกักกุรันกดในห้องหนึ่งของศาลเจ้านั้นทั้งอีโรติก ทั้งสวยงาม ทั้งอ่อนโยน ทั้งเร่าร้อน...

 

ร่างแข็งแกร่งที่ปลดเสื้อยูกาตะลงจนเหลือเพียงแผ่นอกเปลือยเปล่าแต่ก็ยังสวมฮากามะไว้นั้นเซ็กซี่สุดใจ ยิ่งมือใหญ่ๆดึงโคนขาที่อ้ากว้างของมินาโตะเข้ามาแนบชิดกับต้นขาของตัวเองอย่างรวดเร็วยิ่งทำให้คนอ่านหายใจติดขัดเพราะมันแสดงถึงความรีบร้อนจากความต้องการที่ล้นทะลัก มาสะซังที่ปกติจะใจเย็นสุขุมนุ่มลึกแบบผู้ใหญ่ก็มีช่วงเวลาที่รุนแรงเพราะควบคุมไฟปรารถนาของตัวเองไม่ได้ ตรงจุดนี้เอเลนวาดออกมาได้ดีกว่าครั้งแรกมาก

 

สีหน้าของทั้งคู่ก็แสดงออกถึงความรักและความต้องการซึ่งกันและกันได้อย่างเต็มเปี่ยมจริงๆ เป็นฉากNCที่ดีมาก

 

“นั่นสิ โดยเฉพาะฉากดันติดประตูจับจูบเนี่ย รุนแรงสุดๆ! แต่ตอนที่ละออกมาแล้วจ้องหน้ากันนี่ทำเอาฉันใจหวิวตามเลยนะ เซ็กซี่มาก~ นายไม่ได้ไปโดนใครจับจูบติดประตูมาใช่ไหมเอเลน?”   เซริซาว่าเซนเซย์ทำหน้าตื่นเต้นผ่านมาทางจอคอมพิวเตอร์ อีกฉากที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือฉากจูบที่ประตูโรงฝึก มันดีขึ้นกว่าเดิมเยอะมาก

 

“ปะ เปล่าซักหน่อย แอบทำเรื่องไม่ดีอะไรกัน ฮึ่ย! ฉันก็ต้องศึกษามาเป็นอย่างดีสิในเมื่อพวกนายมันพึ่งพาไม่ได้!   เอเลนประชดแก้เขิน จะไปบอกได้ไงว่าเขาเอาแต่นึกถึงตอนที่ถูกคุณริวาอิจูบจนวาดเป็นฉากพวกนี้ออกมา น่าอายจะตาย

 

“เอเลนโตเป็นหนุ่มแล้วสินะแม่...”   โกคุเดระเซนเซย์หรี่ตามองเอเลนก่อนจะหันไปพยักหน้าให้คนในจอ

 

“เอเลนโตเป็นหนุ่มแล้วละพ่อ...”    เซริซาว่าเซนเซย์ก็ตอบรับเป็นลูกคู่กันมาเชียว

 

“ใครเป็นลูกพวกนาย! แต่เท่านี้ก็ผ่านแล้วใช่ไหมล่ะ!    เอเลนยังคงขึ้นเสียงแก้เขิน

 

“ผ่าน”

 

“ผ่าน”

 

“โอเค๊ สั่งพิมพ์เถอะเดี๋ยวจะไม่ทัน”   ไฟล์ที่เตรียมไว้ถูกอัพโหลดไปที่โรงพิมพ์อย่างคุ้นเคย

 

“ว่าแต่นายส่งงานก่อนวันคอมมิเกะเลยนี่ จะมางานไหวเหรอ?”    เอเลนหันไปถามเซียวจ้านผ่านจอที่ยังเปิดคุยกันอยู่ ทางนั้นก็กำลังปั่นงานหลวงยิกๆอยู่เหมือนกัน

 

“ได้น่า สบายมาก!    ใบหน้าหวานยังไม่ทุกข์ร้อนทั้งๆที่รอบข้างดูจะมีเปลวไฟล้อมรอบแล้ว แต่ก็นั่นแหละ มันเป็นเรื่องปกติของพวกเขา

 

“งั้นเจอกันวันงาน”    มือบางโบกบ๊ายบาย ในขณะที่โกคุเดระแค่ยื่นหน้ามาชูสองนิ้วก่อนที่หน้าจอจะปิดไป ก็นะ ไม่ใช่แค่ทางนั้นหรอกที่กำลังไฟท่วม ทางนี้เองก็เช่นกัน คนทั่วไปคงดีใจที่ใกล้จะถึงวันคริสต์มาสแต่สำหรับพวกเขาแล้วมันวันตายชัดๆ ห้องทำงานของโกคุเดระเซนเซย์ยังคงร้อนราวกับอยู่ในนรกต่อไป...

 

 

 

 

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

 

To be Con.

 

สวัสดีค่าาาา หายไปนานนนนเบยสำหรับเรื่องนี้555 จริงๆตอนนี้ตั้งใจแต่งแฮปวันเกิดให้หนูก๊ก...แต่แต่งไปแต่งมาจนจะจบตอน...ไหงยามะก๊กแทบไม่โผล่เลยละโว้ย~ >A< ก็เลยกัดฟันปั่นต่อจนได้มาอีกตอนเพื่อให้มีฉากของ 8059 ถถถ นานแล้วที่ไม่ได้อัพฟิคบ้าระห่ำขนาดนี้นะคะ555 ยังไงก็ฝากฟิครักใสๆอบอุ่นหัวจัยเรื่องนี้ไว้ด้วยนาคะ~ โอยยย น่ารักทุกคู่เรยค่ะ งื้อ >////<

 

แฮปหนูก๊กก่อง

 

สุขสันต์วันเกิดนาลูก หนูก๊ก~~ my Hayato ของมี๊~

 

แฮปกันมาเป็นสิบๆปีแล้ว สิ่งที่อยากจะบอกก็คือร้ากกกหนูก๊กเหมือนเดิมนาลูก~ ปีนี้มี๊ไม่ขออัลไลมาก ขอให้อิยิ้มออกด๋อยหนูก๊กกับอิหมีมาซักทียยยย สาธุ >/\<

 

วันนี้อัพสองตอนเบยนาคะ~

 

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น