ป๋อจ้าน Au.Fic [หวังอี้ป๋อ x เซียวจ้าน] GLIDE : 2x4 It’s me : 520 km/hr. again [Part1]


ป๋อจ้าน Au.Fic [หวังอี้ป๋อ เซียวจ้าน]  GLIDE : 2x4 It’s me : 520 km/hr. again [Part1]

 

ป๋อจ้าน Fanfiction Au

หวังอี้ป๋อ เซียวจ้าน

: Romantic

: NC-17

 

คำเตือน : เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ

           เนื้อเรื่องต่อไปนี้เป็นเพียงจินตนาการของผู้เขียน ไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นจริงนะคะ

           ข้อมูลจะไม่แน่นเท่า GLIDE ภาคก่อนๆนะคะ เพราะภาคนี้ข้ามมา 2 ล้อ ตรูขี้เกียจหาข้อมูลฝั่ง Moto GP โฟ้ยยยย // โดนตบด้วยหมวกกันน็อค

  

 

GLIDE : 2x4 It’s me : Special Episode :

 

“520 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

 

.

.

.

 



 Ferrari 812 Superfast สีดำพุ่งออกจากโรงเรียนไฮสคูลประจำเมืองมาราเนลโล่อย่างรีบเร่ง กระโปรงหน้ารถหรูแทบจะเสยประตูรั้วโรงเรียนติดไปด้วย โชคดีที่ไม่มีนักเรียนเหลืออยู่ในโรงเรียนแล้วจึงไม่มีใครได้รับลูกหลง


“ช้าจริงๆเลย ไหนบอกจะออกมาตั้งแต่สิบนาทีแรกแล้วไง? แบบนี้จะไปทันขึ้นเครื่องไหมเนี่ย? หม่าม้ายิ่งไม่ให้ขับรถเร็วอยู่”   หวังเฟยเฟยวัย18ย่าง19ปีที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัยบ่นเป็นหมีกินผึ้ง ส่วนคนที่เพิ่งกระโจนขึ้นรถได้ก็กำลังรีบเปลี่ยนเสื้อผ้า


“ก็อยากจะรีบออกมาอยู่หรอก  แต่นายก็รู้ว่าตัวอะมีบาพวกนั้นชั้นไม่เข้าใจมันสักนิด ทำไมต้องออกข้อสอบถึงสัตว์ประหลาดพวกนี้ด้วย บ้าจริง ไม่ได้อ่านตรงนั้นมาเลย!”   หวังอี้คุนสบถไปในขณะที่ถอดเสื้อไป เสื้อฟอร์มสีขาวดำแดงของทีมอัลฟ่าโรเมโอถูกหยิบมาสวมแทน


“ห๊ะ? มีออกถึงตัวอะมีบาด้วยเหรอ? ว่าแต่อะมีบาคืออะไร??? สัตว์นอกโลกจากดาวอังคารเหรอ?”   แฝดผู้น้องทำหน้างงแต่ฝ่าเท้าก็ยังคงเหยียบคันเร่งมิด ยังไงพวกเขาก็เกิดมาในครอบครัวนักแข่งรถซ้ำยังชอบเรื่องการออกแบบรถ หวังเฟยเฟยจึงขับซุปเปอร์คาร์เป็นตั้งแต่ยังทำใบขับขี่ไม่ได้ด้วยซ้ำ 


“ยิ่งกว่าชั้นอีกนะนายเนี่ย...มันเป็นสัตว์เซลล์เดียวเฟ้ย แล้วก็ไม่ต้องมาสปายเลยนะ ไม่บอกข้ออื่นแล้ว! บ้าจริง เผลอหลุดปากไปซะได้”   แฝดผู้พี่สบถออกมาอีกรอบ วิชาชีววิทยาไม่ใช่วิชาถนัดของพวกเขาสองพี่น้องจริงๆนั่นแหละ มือใหญ่ถอดกางเกงออกอย่างว่องไว การแต่งตัวในรถเป็นเรื่องที่เขาทำบ่อยเลยในปีนี้ 


เพราะว่าหวังอี้คุนยังเป็นนักเรียนไฮสคูลอยู่ เป็นปีสุดท้ายของการเป็นนักเรียนแล้ว แต่เขาก็ได้รับเลือกจากทีมแข่งรถฟอร์มูล่าวันอย่าง Alfa Romeo ให้เป็นนักขับตัวจริงและยังเป็นมือหนึ่งของทีมด้วย เขาจึงต้องทำทั้งสองอย่างไปพร้อมๆกัน ถึงแม้ว่าการแข่งรถไปด้วยเรียนไปด้วยจะเป็นเรื่องที่หนักมากสำหรับเด็กคนหนึ่งเลยก็ตาม


เพราะการแข่ง F1จริงจังและมีพิธีการกว่า F2 มาก เขาต้องขาดเรียนเพื่อไปอยู่ที่สนามแข่งตั้งแต่วันพฤหัสบดี ซึ่งนักขับผู้ใหญ่คนอื่นๆจะบินไปแบบชิลๆกันในวันอังคาร แต่เพราะเขายังต้องเรียนหนังสือ ทุกสัปดาห์ที่มีแข่งจึงทำได้แค่รีบเร่งตามไปในเย็นวันพุธ


แต่อาทิตย์นี้ค่อนข้างหนักกว่าอาทิตย์อื่นๆ เพราะสนามที่กำลังจะไปแข่งนั้นคือสนามโมนาโกซึ่งเป็นสตรีทเซอร์กิต ต้องปิดถนนในเมืองมาทำสนามแข่งรถ เพราะงั้นเพื่อหลีกเลี่ยงการจราจรอันแสนคับคั่งในเย็นวันศุกร์  ทางF1จึงจัดให้มีการซ้อมในวันพฤหัสบดีแทน 


นั่นหมายความว่าเขาจะต้องไปถึงโมนาโกเร็วกว่าสัปดาห์แข่งทั่วไปหนึ่งวัน แทนที่จะไปเย็นวันพุธเขาจึงต้องบินตั้งแต่เย็นวันอังคาร


ที่หนักอีกอย่างก็เพราะอาทิตย์นี้ดันเป็นอาทิตย์ที่มีสอบกลางภาคพอดี การสอบที่คนอื่นๆใช้เวลาสอบสามวันแต่หวังอี้คุนจำเป็นต้องมาอัดสอบในวันเดียว มันไม่ง่ายเลยจริงๆ


“กางเกงชั้นล่ะ?”   ร่างสูงเอี้ยวตัวไปคุ้ยกองเสื้อผ้าที่วางอยู่หลังรถเมื่อหากางเกงยีนส์ที่ต้องใส่ไม่เจอ


“จะรู้ไหมเล่า หอบมาเองแท้ๆอ่ะ”    คนที่กุมพวงมาลัยยังตั้งใจขับรถต่อไป หน้าที่คอยไปรับไปส่งหวังอี้คุนจริงๆแล้วเป็นของปะป๊า แต่ว่าวันนี้ปะป๊าไม่อยู่ ถึงจะรีไทร์เลิกเป็นนักแข่งรถใน Moto GPแล้ว แต่ปะป๊าก็ยังเป็นที่ปรึกษาให้ทีมยามาฮ่าอยู่ จึงมีวันที่ต้องไปโรงงานในเลสโม่อยู่บ้าง


“ไม่เจอแหะ หรือว่าหล่นอยู่ที่โรงเรียน?”   ใบหน้าหล่อเหลาหันมามองใบหน้ามน


“อะไรของนายเนี่ย ไม่มีเวลากลับไปเอาแล้ว”   เจ้าลูกกระต่ายเหลือบมามองแว่บหนึ่งก่อนจะขมวดคิ้วให้


“ถอดกางเกงนายมาให้ชั้นยืมก่อน”   ดวงตาเจ้าป่าหนุ่มเหลือบมองกางเกงที่น้องชายฝาแฝดใส่อยู่ 


“ไม่เอา! นายจะให้ชั้นขับรถโป๊กลับบ้านรึไง!”   เจ้าลูกกระต่ายแยกเขี้ยวใส่ทั้งๆที่ยังมองถนน มือบางหักพวงมาลัยให้รถพุ่งเข้าโค้ง รีบก็รีบ เจ้าลูกสิงโตนี่ยังจะมาก่อกวนอีก


“หรือนายอยากให้ชั้นเดินโป๊ในสนามบินไปจนถึงโมนาโกล่ะ?”   


“งื้อ!! ทำไมเป็นคนแบบนี้เนี่ย! ยังไงก็เถอะ ขับรถอยู่ไม่เห็นเหรอ?!”   ลูกกระต่ายกับลูกสิงโตที่อยู่ในรถแทบจะยกขาหน้ามาตีกัน แต่ไม่ต้องห่วง พวกเขารักกันดีแล้วก็เพราะว่าสนิทกันมากถึงกล้าหาเรื่องกันแบบนี้


“อยู่ไหนเนี่ย?”   หวังอี้คุนหันไปคุ้ยหาในกองเสื้อผ้าที่หมกอยู่ข้างหลังอีกที


“ก็ใส่ตัวที่ใส่มานั่นก็ได้นี่”


“เมื่อเช้ารีบเลยหยิบผิด ตัวนี้ไม่ได้ซักมาสองเดือนกว่าแล้ว จะใส่ไปสนามก็...นะ”   ใบหน้าภายใต้กรอบผมสีน้ำตาลหันมายิ้ม


“ทำไมซกมกแบบนี้เนี่ย?”   ใบหน้ามนทำหน้าแหยงๆ


“ซกมกที่ไหน มันเป็นแฟชั่นของยีนส์ต่างหาก”


“ยี้~ หนอนขึ้นรึเปล่าเนี่ย อย่าเอามาใกล้ชั้นนะ”   เจ้าลูกกระต่ายทำหน้ารังเกียจอย่างโอเว่อร์แอคติ้ง 


“เดี๋ยวเถอะ”   นี่ถ้าไม่ติดว่าขับรถอยู่คงได้ถูกฟาดสักที


“อ่ะ อยู่นี่เอง”   กางเกงยีนส์สีดำไหลไปอยู่หลังเบาะคนขับเขาจึงมองไม่เห็น มือใหญ่รีบหยิบมาใส่ก่อนจะถึงสนามบิน จากมาราเนลโล่ไปโบโลญญ่าใช้เวลาไม่นานนัก ยิ่งเจ้าลูกกระต่ายเหยียบมัน160กิโลเมตรต่อชั่วโมง จึงยิ่งถึงไวกว่าเดิมมาก


ครึ่กๆๆๆ


รถกระเด้งกระดอนจนทั้งตัวโยกคลอน มือใหญ่ติดกระดุมกางเกงไม่ได้จึงหันไปบ่นใส่เจ้าคนขับ


"ขับให้มันนุ่มนวลหน่อยสิ ถนนเป็นหลุมก็เห็นอยู่ ยังจะขับเข้าไปอีกเจ้าลูกกระต่ายนี่"   กว่าเขาจะรูดซิปกางเกงได้ หัวก็โยกไปโยกมาจนแทบหลุดจากบ่า เห็นท่าทางมึนๆดูเป็นลูกกระต่ายขี้กลัวแบบนี้ แต่เวลาขับรถก็ระห่ำใช่ย่อยนะ ดูจากการเอาซุปเปอร์คาร์ของปะป๊าไปบดขยะจนช่วงล่างพังมาหลายรอบ


"ก็มันเร็วนี่ จะให้ขับส่ายไปมาหลบหลุมได้ไง มันไม่ปลอดภัยนะ"   เขาได้แต่เหล่มองการขับรถที่เถรตรงนั่นอย่างอนาถใจ นายก็เลยขับตะลุยลงมันทุกหลุมจนปะป๊าต้องเสียค่าซ่อมรถมหาศาลแบบนั้นอ่ะนะ? นี่ซุปเปอร์คาร์นะไม่ใช่รถโฟว์วิล!


ใบหน้าหล่อเหลาส่ายน้อยๆกับความลูกกระต่ายของอีกฝ่าย หม่าม้าถึงขั้นไม่ยอมให้แตะFerrari Portofinoของหม่าม้า เจ้าลูกกระต่ายนี่ขับรถได้เลวร้ายขนาดไหนก็คิดดูแล้วกัน











มือใหญ่รูดซิปแจ็คเกตสีขาวแดงของทีมจนสุดลำคอ Ferrari 812 Superfast ก็จอดลงที่หน้าอาคารผู้โดยสารขาออก สนามบินโบโลญญ่าพอดี


ร่างสูงโปร่งแบบเด็กหนุ่มเท่ห์ๆคนหนึ่งเปิดประตูรถก่อนจะรีบก้าวลงมา  กระเป๋าเดินทางของเขาไปพร้อมกับพวกทีมเฟอร์รารี่ตั้งแต่เมื่อหลายวันก่อนแล้ว หวังอี้คุนจึงเดินตัวปลิวเข้าสนามบินได้เลย


"อี้คุนเดี๋ยวก่อน!"   ขายาวถึงกับชะงักเมื่อเจ้าลูกกระต่ายเรียกเขาไว้และเมื่อหันกลับไป มือบางของคนที่ยังนั่งอยู่ในรถก็ดึงมือเขาเข้าไป สร้อยข้อมือหินเม็ดกลมเส้นหนึ่งถูกวางลงมาก่อนจะพันรอบข้อมือเขาด้วยฝีมือของเจ้าลูกกระต่าย


"เชือกเส้นเก่ามันขาดใช่ไหมล่ะ ชั้นเลยทำมาให้ใหม่ มันจะได้ช่วยคุ้มครองให้นายปลอดภัย"   เขามองปลายนิ้วที่กำลังผูกสร้อยข้อมือให้เขาด้วยใบหน้าร้อนผ่าว  สำหรับนักแข่งรถอย่างพวกเขาที่อาจจะตายจากการแข่งได้ทุกเมื่อ เครื่องรางจากคนที่บ้านเป็นสิ่งยึดเหนียวจิตใจที่ดีที่สุด เป็นเครื่องย้ำเตือนว่ายังมีคนรอให้กลับบ้านอยู่ ให้ระมัดระวังและกลับมาอย่างปลอดภัย


“ขอบใจนะ”   เขามองสร้อยข้อมือทำเองเส้นนั้นอย่างอบอุ่นหัวใจ


"ชั้นฝากคุณย่าไปปลุกเสกมาแล้ว วัดนี้ขลังมาก ไม่ต้องห่วง"   มันน่าห่วงตรงการปลุกเสกของนายนี่แหละ! เจ้าลูกกระต่ายสายมูเอ้ย อารมณ์ที่กำลังซาบซึ้งถูกพัดปลิวไปในทันที 


เขาก้มมองหินสีชมพูม่วงฟ้าที่ร้อยเป็นสร้อยข้อมืออย่างเพลียๆ เมื่อไหร่จะเลิกใช้สีแบบนี้ซักทีเนี่ย? มันไม่คูลเลยสักนิด! มันไม่เข้ากับสร้อยข้อมือสีดำเส้นอื่นๆของเขาด้วย ไม่เข้ากับการแต่งกายไม่เข้ากับอะไรทั้งนั้น เพราะงั้นไม่ว่าใครเห็นก็จะทักเพราะมันเด่นมากเวลาอยู่บนตัวเขาเนี่ย!


บ่นมากก็ไม่ได้ด้วยนะ เดี๋ยวงอนอีก แล้วไม่ใส่ให้เห็นก็ไม่ได้ด้วยนะ เดี๋ยวงอนอี๊กกก


“ขอให้ทำผลงานได้ดีๆนะ แล้วก็กลับบ้านอย่างปลอดภัย”   ริมฝีปากสีระเรื่อเป่าเพี้ยงลงมาหนึ่งที  ถึงจะเถียงกันตีกันมาตลอดทาง แต่ยังไงคนที่พวกเขาหวังดีและห่วงใยด้วยที่สุดก็คงไม่พ้นคนตรงหน้า


“อื้ม นายก็ขับรถกลับดีๆ แล้วก็ไม่ต้องขับเร็ว”   มือใหญ่เอื้อมผ่านหน้าต่างรถเข้าไปขยี้หัวเจ้าลูกกระต่ายก่อนจะกระชับสายสะพายกระเป๋า


“รู้แล้วน่า ไปเถอะ”   เฟยเฟยนั่งส่งเขาอยู่ในรถจนเขาลับสายตา  812 Superfastถึงได้ขับออกไป













จากท่าอากาศยานโบโลญญ่าประเทศอิตาลี ในที่สุดเครื่องบินก็แลนดิ้งลงที่สนามบินเมืองนีซประเทศฝรั่งเศส เพราะโมนาโกเป็นประเทศที่เล็กมาก เล็กเป็นอันดับสองรองจากนครรัฐวาติกัน เล็กจนไม่มีแม้แต่สนามบินของตัวเองจึงต้องไปใช้สนามบินในฝรั่งเศสที่อยู่ติดกันแทน


ถึงจะเป็นประเทศเล็กๆ แต่ราชรัฐโมนาโกกลับเป็นประเทศร่ำรวยที่มีค่าครองชีพสูงที่สุดในโลก 30%ของคนที่เดินอยู่ในประเทศนี้คืออภิมหาเศรษฐี ส่วนอีก70%คือมหาเศรษฐีธรรมดา  


ดวงตาคมกล้าทอดมองอ่าวสีน้ำเงินที่มีเรือยอร์ชสีขาวจอดอยู่เต็มพื้นที่ ภูมิประเทศของที่นี่นับว่าสวยงามมาก ด้านหลังมีเทือกเขาแอลป์โอบล้อม ด้านหน้าเป็นอ่าวของทะเลเมดิเตอร์เรเนียน  ทุกตารางนิ้วเป็นตึกที่สร้างไล่กันไปบนเนินเขา เป็นประเทศที่สามารถเดินจนทั่วทั้งประเทศได้ภายในวันเดียว


Alfa Romeo Giulia สีแดงเลือดนกซึ่งเป็นรถของทีมที่มารับเขาจากสนามบินแล่นผ่านถนนกลางเมืองที่ลัดเลาะริมทะเล บนถนนเต็มไปด้วยเครื่องหมายเบี่ยงการจราจรและสองข้างทางก็มีรั้วโปร่งและแบร์ริเออร์กั้น พรุ่งนี้รถปกติก็จะวิ่งบนถนนเส้นนี้ไม่ได้แล้วเพราะมันจะกลายเป็นสนามแข่งรถที่เร็วที่สุดในโลก แต่มันน่าอัศจรรย์ตรงที่ผ่านไปอีกแค่ 24 ชม.มันก็จะต้องกลับมาเป็นถนนให้รถบ้านทั่วไปวิ่งในวันศุกร์ก่อนจะกลับไปเป็นสนามแข่งในวันเสาร์อาทิตย์อีกรอบ 


สนามโมนาโกจึงเป็นสตรีทเซอร์กิตที่มีเสน่ห์มาก ทั้งพิตการาจ แพดดอก สนามแข่ง อัฒจรรย์ ถูกเซ็ตอัพขึ้นมาในเวลาสองเดือนก่อนที่จะมีการแข่งขันจากนั้นก็จะรื้อมันออกหลังจากแข่งเสร็จ เป็นแบบนี้วนไปในทุกๆปี 


รถสีเพลิงแล่นผ่านหน้าแหล่งเศรษฐกิจที่สำคัญของโมนาโก อาคารรูปแบบสถาปัตยกรรมบาโรคตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ตรงหน้า มันคือมอนติคาร์โล คาสิโน สถานที่เสี่ยงโชค ฆ่าเวลา หรือเอาไว้ใช้เงินมากมายที่ไม่รู้จะเอาไปทำอะไรของพวกมหาเศรษฐี มันคือคาสิโนแบบถูกกฎหมายแหล่งทำรายได้มหาศาลเข้าประเทศนี้เพราะรัฐเป็นคนดูแลที่นี่แต่เพียงผู้เดียว


ดวงตาคมกล้าทอดมองอาคารที่สวยงามราวกับอยู่ในความฝัน สมกับเป็นสถานที่แห่งความหวังและความฝันของพวกนักเสี่ยงโชคจริงๆ 


Alfa Romeo Giulia เลี้ยวเข้าไปจอดหน้าโรงแรมที่อยู่กลางสนามแข่ง ที่จริงทีมอัลฟ่าโรเมโอของเขาไม่ได้พักที่นี่ แต่ทีมที่ใช้โรงแรมนี้เป็นฐานทัพคือเฟอร์รารี่ต่างหาก แต่หวังอี้คุนเป็นข้อยกเว้นเพราะหม่าม้าของเขาไม่ยอมให้ลูกชายวัยเยาว์ไปพักที่อื่น เขาจึงพักกับพวกทีมเฟอร์รารี่ตั้งแต่เริ่มขับ F3 แล้ว 


“ขอบคุณครับ”   เขากล่าวขอบคุณเจ้าหน้าที่ในทีมที่อุตส่าห์ไปรับเขามาก่อนจะเดินเข้าโรงแรมไป มือใหญ่รับคีย์การ์ดจากล็อบบี้แล้วขึ้นลิฟท์ต่อ


เลขห้องกับเลขชั้นถูกส่งเข้าอีเมล์ของเขานานแล้ว เขาเดินหาไม่นานก็พบกับห้องพักของเขากับหม่าม้า


เขาเคาะประตูสองสามทีก่อนจะเปิดประตูเองด้วยคีย์การ์ด แล้วก็คิดถูกจริงๆที่ไม่รอให้หม่าม้ากระต่ายมาเปิดประตูให้ เพราะอีกฝ่ายกำลังนอนกลิ้งวีดีโอคอลคุยกับปะป๊าของเขาอยู่บนเตียง


“อ๊ะ อี้คุนมาถึงแล้ว วันนี้อาเฟยขับรถมาส่งที่สนามบินสินะ?”   หม่าม้าโบกมือให้โดยไม่ลุกขึ้นมา เขาจึงเดินเก็บของทำอะไรของเขาไป ภาพปะป๊าหม่าม้าคุยกันตลอดเวลานั้นเขาเห็นจนชินตามาตั้งแต่เกิดแล้ว


“ครับ ไม่รู้รถพังไปยังเนี่ย? ผมว่าซื้อรถโฟว์วิลให้ลูกดีไหม? ถนนอิตาลีก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้นนะ ไม่รู้ขับยังไง”    เขาหลุดขำเมื่อได้ยินเรื่องที่ป๊าม้าคุยกัน


“ฮ่าๆๆๆ จ่ายค่าซ่อมรถไปเถอะนายน่ะ อยากเป็นพ่อคนเองนี่”   สองคนยังคุยกันงุ้งงิ้งๆต่อไป เลิฟเลิฟกันดีจริงๆนะพ่อแม่เขา  เขาหันไปมองด้วยรอยยิ้มก่อนจะหยิบเสื้อผ้าเข้าห้องน้ำไป


จะว่าไปก็รู้สึกอิจฉานิดๆเหมือนกันแหะ ปะป๊ากับหม่าม้ามีอีกคนคอยอยู่ข้างๆตลอดเวลา ไม่ว่าจะเมื่อไหร่ก็มีคนคอยคิดถึงอยู่เสมอ


มือใหญ่หมุนบิดปิดก๊อกฝักบัวเมื่อชำระล้างร่างกายเสร็จ เขาเดินทั้งที่ตัวเปียกโชกไปที่อ่างอาบน้ำก่อนจะนอนแช่ลงไป...ใช่...บางครั้งก็รู้สึกเหงาเหมือนกัน...


ดวงตาคมกล้าทอดมองไปที่เพดานเมื่อเอนกายอย่างผ่อนคลาย...ยิ่งโตก็ยิ่งรู้ว่าต้องอยู่คนเดียวให้ได้ ต่อให้เกิดมาพร้อมกันแต่คงอยู่ด้วยกันไปตลอดไม่ได้ อาเฟยต้องมีชีวิตของตัวเอง เขาเองก็ต้องมีชีวิตของเขาเช่นกัน ถึงจะห่วงอีกฝ่ายมากแค่ไหนแต่คงมีสักวันที่เขาต้องยอมปล่อยมือ


ถ้ามันไม่มีคนที่เหมาะสมเขาก็ยังพอจะดื้อดึงได้ แต่มันดันมีนี่สิ...คนที่ดีพอที่จะดูแลอาเฟยไปตลอดชีวิตได้


ตรู๊ด...ตรู๊ด…..


เสียงโทรศัพท์ดังขัดความคิดที่กำลังดำดิ่ง ร่างกายสมส่วนพุ่งขึ้นมาจากน้ำ สองมือเสยผมที่เปียกลู่ขึ้นไปก่อนจะควานหาโทรศัพท์มาดู...เจ้าลูกกระต่ายวีดีโอคอลมา?


“อี้คุน ชั้นเอาแว่นตาไว้ไหนอ่ะ?”   แค่เปิดบทสนทนามาเขาก็ถึงกับหัวเราะในลำคอ เอาเถอะ ดูจากสภาพแล้วน่าจะอีกนานแหละกว่าเจ้าลูกกระต่ายนี่จะอยู่คนเดียวได้และไม่ต้องให้เขาคอยดูแล


“แล้วชั้นจะรู้กับนายไหมเนี่ย? หาบนที่นอนดูยัง?”   มือใหญ่วางโทรศัพท์ไว้ที่ขอบอ่างแล้วนอนแช่น้ำต่อไป ดวงตาคมกล้ามองดูเจ้าลูกกระต่ายที่กำลังทำหน้ามึนอยู่ในจอ


“หาแล้ว มองไม่เห็นเลยอ่ะ”   ไม่ใช่หาไม่เจอ แต่มองไม่เห็นสินะ เจ้าลูกกระต่ายตาบอดเอ้ย


“ก็ใส่คอนแทคเลนส์ก่อนสิ”   


“คอนแทคอยู่ในห้องทำงานหม่าม้าข้างล่างอ่ะ ถ้าลงไปเอาต้องตกบันไดตายแน่เลย”    ว้อยยยย เจ้าตัววุ่นวายนี่! แล้วปีนขึ้นมาถึงนี่ได้ไงเนี่ย?


“เรียกปะป๊าป่ะ เห็นคอลคุยกับหม่าม้าอยู่ ยังไม่หลับหรอก”   เขาส่ายหน้า ถอนหายใจ ละเหี่ยในอก ก่อนจะเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงปลงๆ


“งั้นเหรอ”   เจ้าลูกกระต่ายตาวาวขึ้นมาทันที


“เดี๋ยวก่อนนะ”   เขาเริ่มตะหงิดๆแล้วว่าเขาเห็นแว่นสีแดงนั่นอยู่ที่ไหน 


“เหมือนชั้นเห็นมันวางอยู่ในตู้เย็น…?”   ในห้องของเจ้าลูกกระต่ายจอมขี้เกียจมีตู้เย็นวินเทจหลังเล็กๆอยู่ด้วย เมื่อคืนเขาอ่านหนังสือจนดึกดื่นเลยเข้าไปหยิบน้ำดื่ม กำลังง่วงๆเบลอๆเลยไม่แน่ใจว่าสิ่งที่เห็นนั่นมันเป็นแว่นตาหรือเปล่า ไม่สิ เขาไม่คิดต่างหากว่าจะมีใครเอาแว่นตาไปวางไว้ในตู้เย็น!


“ตู้เย็น?”   เจ้าลูกกระต่ายคลำทางจนเจอตู้เย็นจนได้


“เจอแล้ว! อยู่นี่จริงๆด้วย!”    เขาถึงกับอ้าปากค้าง...ทำไมแว่นตาไปอยู่ในตู้เย็นได้ละเว้ย~!


“ขอบใจนะอี้คุน!”    เขามองมือบางหยิบแว่นมาใส่ด้วยความละเหี่ยใจ จะมีชีวิตรอดจนโตเต็มวัยไหมเนี่ยเจ้าลูกกระต่ายเอ้ย~


“นี่นายยังไม่นอนอีกเหรอ? พรุ่งนี้ต้องซ้อมแล้วนี่นา นอนดึกไม่ดีนะ”   ยังมีหน้ามาว่าเขานอนดึกอีก ก็เพราะใครล่ะ?


“ก็ว่าจะไปนอนนานแล้ว ถ้าไม่ต้องมัวช่วยใครบางคนหาแว่นน่ะนะ”   เขาส่ายหน้าก่อนจะลุกออกจากอ่างอาบน้ำ


“แล้วนายล่ะ ยังไม่นอน?”   หาแว่นตาแบบนี้แสดงว่าจะยังไม่นอนแน่ๆ


“ก็ต้องอ่านหนังสือสิ พรุ่งนี้สอบนี่ วิชาชีวะด้วยอ่ะ ตอนนี้สมองชั้นมีสภาพเหมือนตัวอะมีบาสุดๆ ไม่เห็นจะเข้าใจเลย แง๊ คนเราจะต้องรู้เรื่องของไอ้ตัวที่มันไหลๆได้นี่ไปทำไม? ถ้ามันใช้หลักอากาศพลศาสตร์ในการเคลื่อนที่ค่อยน่ารู้หน่อย”   แบบนั้นมันจะน่ากลัวไปนะ...อะมีบาที่เคลื่อนที่แบบเครื่องบิน?  เขาส่ายหน้าเมื่อเผลอจินตนาการตามที่เจ้าลูกกระต่ายพูด


“งั้นก็ตั้งใจอ่านหนังสือสิ เลิกคุยกับชั้นได้แล้ว”


“ข้อสอบออกไรบ้างอ่ะ?”   นั่น...นี่สินะจุดประสงค์ของนาย เจ้าลูกกระต่ายวายร้ายเอ้ย


“ไม่มีทางที่ชั้นจะบอกนายหรอก หึ!”    เห็นอย่างงี้พวกเขาก็เป็นคู่แข่งกันนะ เขาอาจจะไม่เก่งฟิสิกส์เท่า แต่วิชาที่เรียนมันไม่ได้มีแค่ฟิสิกส์นี่ พอเอาคะแนนวิชาอื่นมาหารเฉลยด้วย เขาก็ชิงที่หนึ่งของชั้นปีกับเจ้าลูกกระต่ายนั่นได้สบายๆแหละ


“บอกหน่อยน่า~ น้า~~ พี่อี้คุนสุดหล่อ บอกน้องเฟยหน่อย~~”    เสียงออดอ้อนน่ามะเหงกดังมาจากในจอ 


“ไม่”   เขาคุยกับเจ้าลูกกระต่ายไปใส่เสื้อผ้าไป 


“ขี้งก!”   เจ้าตัวดีแลบลิ้นปลิ้นตายู่หน้าใส่เขาเมื่อหลอกถามข้อสอบเขาไม่สำเร็จ มันน่านัก


“อาเฟยคอลมาเหรอ?”   หม่าม้าละจากจอแท็บเล็ตมามองเมื่อได้ยิ้นเสียงแง้วๆของเจ้าลูกกระต่าย


“หม่าม้า~~”  เสียงใสร้องอ้อนออกมาจากหน้าจอโทรศัพท์ของเขา


“กระต่ายน้อยของหม่าม้า ไหนมากอดหน่อย ม๊วฟๆๆ”   ลูกกระต่ายกับหม่าม้ากระต่ายโผเข้ากอดกันผ่านจอ ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปีภาพแบบนี้สำหรับเขาแล้วก็ยังคงน่ารักน่าเอ็นดูอยู่เสมอ


“หม่าม้า อี้คุนไม่ยอมบอกข้อสอบเฟยเลยอ่ะ”    ฟ้องอีกเจ้าลูกกระต่ายนี่ ตัวเองกำลังทำเรื่องชั่วร้ายแท้ๆนะ ควรจะขอบใจเขาสิที่คอยห้ามปราม


“ดึกแล้ว นอนได้แล้ว ไม่ต้องไปอ่านมันเยอะหรอกหนังสือน่ะ สุขภาพของเฟยเฟยสำคัญกว่า”    พวกอัจฉริยะคุยกันมันก็จะประมาณนี้แหละ…


“อื้ม หม่าม้าก็ฝันดีนะ~”


“ครับ~”   แล้วเจ้าตัววุ่นวายก็ยอมวางสายไป เขาล้มตัวลงนอนด้วยความเหนื่อยล้า ใครไม่มาสอบเจ็ดวิชารวดแบบเขาคงไม่รู้หรอกว่ามันเหนื่อยขนาดไหน เปลือกตาหนักๆจึงปิดลงไปอย่างง่ายดาย













ก๊อกๆๆๆๆๆ!!!


ร่างสูงโปร่งแทบจะเด้งผึงออกจากที่นอนเพราะเสียงเคาะประตูที่ดังสนั่น เกิดอะไรขึ้น? ไฟไหม้หรืออะไร? เขาหันมองรอบกายจึงรู้ว่าเช้าแล้ว


“งืม…”    ในขณะที่หวังอี้คุนเลิ่กลั่กไปหมดแต่หม่าม้ากระต่ายกลับยังหลับปุ๋ยได้อย่างหน้าตาเฉย เขาหันไปมองแม่ตัวเองที มองประตูที่ถูกเคาะจนแทบจะพังลงมาที ใครเคาะเนี่ย? มีเรื่องด่วนอะไรหรือเปล่า?


“หม่าม้า”   เขาตัดสินใจเรียกผู้เป็นแม่ที่ยังไม่ยอมลืมตา ที่นี่เป็นโรงแรมที่ทีมเฟอร์รารี่พักกัน ทั้งชั้นนี้ก็มีแต่คนของเฟอร์รารี่ เพราะงั้นคนที่เคาะประตูอยู่นั่นก็น่าจะมีธุระกับแม่เขามากกว่า


“หม่าม้า ตื่นเถอะ ใครมาเคาะประตูก็ไม่รู้ จะพังแล้ว”    มือใหญ่เขย่าไหล่คนที่กำลังพยายามลืมตา น่าจะตื่นแล้ว? เขาจึงละไปดูที่ประตู ช่องตาแมวมองเห็นว่าเป็นทีมบอสของเฟอร์รารี่ยืนอยู่ คุณเอลวิน?


“สวัสดีครับ”    เขาเปิดประตูให้อีกฝ่ายเพราะรู้จักกันดี ถึงใบหน้าของทีมบอสแห่งเฟอร์รารี่จะยังราบเรียบ แต่หัวคิ้วที่ขมวดมุ่นก็ทำให้รู้ว่าน่าจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น


“หวัดดีอี้คุน เซียวจ้านล่ะ?”    เขายิ้มแหยๆก่อนจะเบี่ยงตัวให้ผู้เป็นแม่ที่เดินขยี้ตาอยู่ข้างหลัง


“บอส? มีไร? ยังเช้าอยู่เลย?”    หม่าม้ากระต่ายของเขายืนคุยด้วยสภาพหัวสีดำยุ่งเหยิงผมชี้โด่ชี้เด่อย่างคนเพิ่งตื่น มาดเมิดอะไรไม่จำเป็นต้องมีทั้งที่อีกฝ่ายเป็นถึงนายใหญ่ของทีม แต่เขาก็ชินแล้ว เพราะตั้งแต่เริ่มแข่ง F3 เขาก็พักห้องเดียวกับหม่าม้ามาตลอด ไม่ได้มีแค่แม่เขาหรอกที่เดินอยู่ในโรงแรมหรูด้วยสภาพเหมือนอยู่บ้านแบบนี้ คนทั้งพิตสีแดงนี่ก็เป็นเหมือนกันหมด 


“เมื่อคืนKKมีไข้สูงทั้งคืนเลยส่งตัวไปโรงพยาบาล หมอบอกว่าอาจจะเป็นไข้ป่า”    KKคือชื่อนักขับมือสองของเฟอร์รารี่ในตอนนี้  หลังจากที่สเลน ทรอยยาร์ดเลิกขับF1ไป คะชู คิโยมิตสึก็ขยับขึ้นไปเป็นนักขับมือหนึ่งแทน ตอนนี้จึงขับคู่กับKK


“ห๊ะ? ไข้ป่าในโมนาโกเนี่ยนะ?”    หม่าม้าเขาเริ่มจะตื่นเต็มตา เสียงนุ่มอุทานขึ้นมาอย่างพิศวง


“หมอนั่นเพิ่งกลับจากเม็กซิโก เห็นว่าไปเดินป่ามา”


“แล้วอาการเป็นไงบ้าง?”


“หนักเลย น่าจะลงแข่งไม่ได้”


“ขนาดนั้นเลยเหรอ…”


“อืม ยังไงก็ต้องไปประชุมกันอีกที นายรีบล้างหน้าล้างตาแล้วไปเจอกันที่ห้องประชุม”


“ครับบอส”   คุณเอลวินเดินจากไปเคาะประตูห้องพวกหัวหน้าวิศวกรห้องอื่นต่อ นี่มันเรื่องใหญ่เลยไม่ใช่หรือไงเนี่ย?


“คุณKKจะเป็นไรมากไหมครับ?”   ยังไงอีกฝ่ายก็เป็นคนที่เขารู้จัก มาป่วยกะทันหันแบบนี้ก็อดรู้สึกเห็นใจไม่ได้


“น่าจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่”   หม่าม้ารีบหยิบผ้าคาดผมก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไป


“แล้วอย่างงี้การแข่งทำไง?”   เขาเงยหน้าถามเมื่ออีกฝ่ายออกมาทั้งผ้าคาดผมกระต่ายแดงที่ปะป๊าซื้อให้ มือบางซับหน้าลวกๆก่อนเตรียมจะพุ่งออกไป


“คงต้องให้ใครขับแทน ไม่ได้เปลี่ยนเซตติ้งรถฉุกละหุกแบบนี้มานานแล้วนะเนี่ย เดี๋ยวหม่าม้าไปประชุมก่อน  ลูกไปสนามยังไง?”


“เทรนเนอร์มารับครับ”


“งั้นไว้เจอกัน วันนี้ก็ตั้งใจทำให้เต็มที่นะ หม่าม้าอ้ายหนี่~”    เขาหลุดขำก่อนจะอมยิ้มเขินๆ หม่าม้าหอบโน้ตบุควิ่งไปนู่นแล้ว จะไม่ถอดผ้าคาดผมน่าอายนั่นออกก่อนจริงๆเหรอ? ถึงจะน่ารักดีเวลาหม่าม้าใช้ก็เถอะ แต่มันน่าอายออกนะ...













ใช้เวลาไม่นานห้องประชุมของทีมเฟอร์รารี่ก็เต็มไปด้วยสีแดงเถือก ดวงตาทรงพลังของทีมบอสม้าลำพองกวาดมองสำรวจทั้งห้อง...ดูเหมือนจะมากันครบแล้วนะ


เวลาเรียกประชุมเจ้าพวกนี้ทีไรมักใช้เวลาไม่กี่นาทีในการรวมตัว สมกับที่เป็นทีมแข่งรถจริงๆ ถึงแต่ละคนจะมาในสภาพเหมือนเพิ่งลุกจากเตียงเลยก็เถอะนะ ยัยฮันซี่นั่นล้างหน้ามารึเปล่าเนี่ย? แล้วผ้าคาดผมกระต่ายสีแดงมุ้งมิ้งบนหัวเซียวจ้านนั่นมันอะไร? นายเป็นถึงหัวหน้าวิศวกรฝ่ายออกแบบรถนะ ช่วยให้เกียรติหน้าที่การงานนิดนึงได้ไหม? ต้องโทษไอ้คนซื้อมาให้ใช้เนี่ยแหละเพราะอย่างเจ้ากระต่ายฉงชิ่งนี่คงไม่ได้สนใจหรอกว่ามันเป็นรูปอะไร….ใบหน้าคมคายถึงกับต้องกระแอมหนึ่งทีเพื่อเรียกสมาธิให้ตัวเอง


“เมื่อกี้ชั้นโทรเช็คกับหมอแล้ว”    เสียงทุ้มของเอลวิน สมิธเริ่มเปิดการประชุมโดยไม่ต้องเกริ่นอะไรมาก ทีมบอสของเฟอร์รารี่เริ่มเข้าประเด็นในทันที


“หมอยืนยันว่าลงแข่งไม่ได้แน่นอน  เพราะงั้นประเด็นของตอนนี้ก็คือต้องหานักขับคนอื่นมาขับแทน”   สิ่งที่เขาบอกทำให้คนทั้งห้องต่างหันไปมองหน้ากัน แต่ทุกคนก็ไม่ได้ตื่นตระหนกอะไรมาก เพราะมันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ในการแข่งขันที่ทุกอย่างสามารถพลิกฟ้ากลับปฐพีได้ในทุกวินาที พวกเขารับมือกับความเปลี่ยนแปลงพวกนี้มาจนคุ้นเคยแล้ว


นัยน์ตาสีฟ้าทรงพลังมองหน้าทุกคนช้าๆ อันที่จริงเขาเริ่มคิดเรื่องนี้มาตั้งแต่เมื่อเช้ามืดแล้ว สนามโมนาโกเป็นสนามที่อยู่ช่วงกลางๆในตารางแข่งขัน เพราะงั้นฝีมือนักขับในฤดูกาลนี้เป็นยังไงเขาก็พอจะมองออกบ้างแล้ว 


นักขับสำรองของทีมที่มีอยู่ตอนนี้ก็แค่เอาไว้เทสรถเฉยๆ เพราะจุดประสงค์ที่รับเข้ามานั้นแตกต่างจากตอนรับคะชู คิโยมิตสึ   นักขับสำรองในตอนนี้จึงยังไม่เก่งพอจะให้ลงสนามแข่งจริงๆได้


ตัวเลือกที่เป็นไปได้ในตอนนี้คือต้องไปดึงนักขับทีมลูกของเฟอร์รารี่อย่างทีมอัลฟ่าโรเมโอหรือไม่ก็ทีมฮาสมาใช้แทน เพราะสำหรับทีมใหญ่อย่างเฟอร์รารี่การจะเรียกใช้งานเด็กฝึกในอะคาเดมี่ที่ไม่มีประสบการณ์การขับF1เลยนั้นเป็นไปไม่ได้ พวกเขาไม่ใช่สถานอนุบาล อย่างน้อยคนที่จะมาขับรถของเฟอร์รารี่ได้ก็ต้องเคยขับF1มาก่อน เสียงทุ้มจึงเอ่ยความคิดของตัวเองออกไป


“มีตัวเลือกหนึ่งซึ่งชั้นคิดว่าคุ้มค่าที่จะลอง…”   ทุกคนในห้องต่างเงยหน้าขึ้นมองเขาเป็นตาเดียว


“ชั้นเสนอชื่อ หวังอี้คุน”   สิ้นประโยคเสียงอื้ออึงก็ดังขึ้นทั่วห้อง


“เอ๊ะ? อี้คุนเหรอ?”   ขนาดคนเป็นแม่ยังเงยหน้าขึ้นมามองอย่างไม่อยากจะเชื่อหู หวังอี้คุนเพิ่งขยับขึ้นมาขับF1ปีนี้เป็นปีแรก ยังขับF1มาไม่ถึง10สนามด้วยซ้ำ 


ที่จริงแล้วยังมีนักขับคนอื่นๆที่เหมาะสมอยู่อีกมากมาย ทีมลูกของเฟอร์รารี่ไม่ได้มีแค่อัลฟ่าโรเมโอที่อี้คุนสังกัด นักขับที่ขับมานานกว่าอี้คุน ประสบการณ์มากกว่าอี้คุนก็ยังมีให้เลือกอีกหลายคน แล้วไม่ว่าพวกเขาจะเลือกใครก็คงไม่มีใครปฏิเสธ ทุกคนล้วนอยากขึ้นมาขับให้เฟอร์รารี่ทีมใหญ่ทั้งนั้น นักขับคนไหนๆก็อยากนั่งเก้าอี้สีแดงนี้กันแทบตาย


“ใช่  ถึงจะเป็นนักขับรุกกี้ที่เพิ่งเข้ามาขับF1ปีนี้เป็นปีแรก แต่กับรถที่เป็นรองของทีมอัลฟ่าโรเมโอหวังอี้คุนก็ยังทำผลงานได้ดี จบแบบมีคะแนนมาก็หลายสนาม ชั้นเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าถ้าเด็กนั่นได้ขับรถที่อยู่แถวหน้าของวงการฟอร์มูล่าวันจะเป็นยังไง ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ก็น่าจะลองดูสักหน่อย”    เอลวิน สมิธพูดด้วยดวงตาเปล่งประกาย


ทั้งห้องเงียบไป ไม่ใช่ว่าไม่เห็นด้วยแต่ทุกคนดูเหมือนกำลังครุ่นคิด ทีมแข่งรถอย่างพวกเขากล้าที่จะเสี่ยงอยู่แล้วเพราะงั้นแทนที่จะเลือกนักขับมากประสบการณ์ผลงานกลางๆที่มีอยู่ดาษดื่น ลองเสี่ยงกับเด็กใหม่ดีไม่ดีอาจจะไปเจอเพชรดิบเข้าก็ได้ใครจะรู้ แล้วยิ่งคนที่เสนอชื่อมาคือเอลวิน สมิธ ทีมบอสตลอดกาลของพวกเขาที่เคยขุดเจอเพชรในโคลนตมมาหลายต่อหลายเม็ดคนนี้ด้วย... 


สายตาที่ไม่เคยพลาดของชายผู้นี้ ใครจะกล้าปฏิเสธ


“มีใครอยากเสนอคนอื่นไหม?”   ไม่มีใครยกมือ มติจึงเป็นเอกฉันท์


“ถ้างั้นก็ตกลงตามนี้ ชั้นจะไปขอยืมตัวจากทีมบอสอัลฟ่าโรเมโอและแถลงข่าวก่อน พวกนายเริ่มปรับแต่งรถกันได้เลย เซียวจ้าน ฝากบอกอี้คุนไปวัดตัวด้วยเผื่อต้องแก้ชุดหมี”


“ครับ”   พลพรรคม้าแดงต่างแยกย้ายกระจายตัวเหมือนผึ้งแตกรัง ไม่กี่วินาทีห้องทั้งห้องก็ว่างเปล่า


หนึ่งในคนที่พุ่งออกจากห้องประชุมด้วยความเร็วแสงกำลังวิ่งหน้าตั้งอยู่บนทางเดินหน้าห้อง นักออกแบบรถมือหนึ่งของวงการฟอร์มูล่าวันไม่ได้ตื่นเต้นจนเก็บอาการไม่อยู่แบบนี้มานานแล้ว 


“อ๊าาาาาาา”    ใบหน้าภายใต้กรอบแว่นและผ้าคาดผมกระต่ายแดงแหกปากตะโกนไปตลอดทาง ซึ่งพวกเพื่อนๆที่เดินตามอยู่ข้างหลังต่างหัวเราะอย่างเอ็นดู 


ก็นะ...หัวอกคนเป็นพ่อเป็นแม่ ลูกประสบความสำเร็จขนาดนี้ย่อมต้องดีใจมากเป็นธรรมดา


ปึง!!!


ประตูถูกเปิดกระเแทกฝ้าผนังดังลั่นจนคนที่กำลังเก็บของใส่กระเป๋าเตรียมจะไปสนามแข่งถึงกับสะดุ้งโหยง หวังอี้คุนหันไปมองด้วยใบหน้างงๆ อะไรอีกละเนี่ย? เสียงร้องลั่นทางเดินข้างนอกนั่นคือเสียงหม่าม้าของเขาเองสินะ?


“หม่าม้า? เป็นไรรึเปล่าครับ?”   เขาเอ่ยถามคนที่ค่อมตัวลงไปหอบแฮ่ก ท่าทางลนลานเหมือนอยากจะพูดอะไรแต่ก็ยังหายใจไม่ทันนั่นทำให้เขาต้องเข้าไปช่วยพยุง


“รีบ...แฮ่ก...รีบไป...แฮ่ก...เปลี่ยนชุด...แฮ่ก…”    ใบหน้าหล่อเหลาก้มมองผู้เป็นแม่ที่พูดอะไรไม่รู้เรื่องอย่างมึนงง สองมือใหญ่ต้องจับไหล่ของอีกฝ่ายให้ยืนตรงแล้วทำท่าผ่อนลมหายใจให้อีกฝ่ายทำตาม


“หม่าม้าใจเย็นก่อน ค่อยๆหายใจ ฮึบ”   หม่าม้ากระต่ายหายใจเฮือกๆเข้าปอดดูเหมือนความตื่นเต้นจะลดลงไปหน่อยจนสามารถพูดเป็นประโยคได้


“หวังอี้คุน ลูกจะได้ขับรถของเฟอร์รารี่ในสนามนี้แทนKK!!!”    หม่าม้าตะโกนลั่นและคราวนี้กลับเป็นเขาเองที่ช็อกจนตาค้าง


“ว่าไงนะ? ผม จะได้ ขับ รถ ของ เฟอร์รารี่?”   เสียงทุ้มเอ่ยออกไปราวกับวิญญาณยังไม่กลับเข้าร่าง เป็นใครก็ต้องคิดว่าฝันไปอยู่แล้ว เขาจึงยังเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งฟังอีกฝ่ายด้วยอาการลอยๆ


“ใช่!”   และเมื่อหม่าม้าเน้นย้ำว่ามันเป็นเรื่องจริง


“จริงดิ? อ๊ากกกกก!!!”    กลายเป็นเขาที่แหกปากลั่นแทน


“อ๊าาาาา!!!”   หม่าม้าตะโกนใส่เขา มือไม้อยู่นิ่งไม่ได้แล้ว


“อ๊า!!!”  สองแม่ลูกแหกปากใส่กันด้วยความตื่นเต้นดีใจ เขาดีใจ ดีใจมาก ดีใจจนต้องกระโดดไปมา เขาจับหม่าม้าเขย่าด้วยความดีใจ แล้วหม่าม้าก็กระโดดไปกับเขาด้วย


“ไม่อยากจะเชื่อเลย!”    เขาแทบจะอุ้มหม่าม้าหมุนรอบห้อง ทั้งตื่นเต้นทั้งดีใจ มันเหมือนกับสิ่งที่ทำมาทั้งหมดถูกมองเห็นแล้ว มีคนเห็นคุณค่าของเขาแล้ว เพราะเฟอร์รารี่เป็นความฝันอันสูงสุดของเขามาแต่ไหนแต่ไร


“ดีใจอ่ะหม่าม้า ทำไงดี”    เขาโผเข้าไปกอดหม่าม้าแน่น หม่าม้าเองก็กอดรัดฟัดเหวี่ยงเขาด้วยความยินดีเช่นกัน 


“หม่าม้าดีใจด้วยนะอี้คุน โอ๊ย ใจเต้นจนแทบจะทะลุออกมาแล้วเนี่ย ไหน มาให้หม่าม้าดูหน้าหน่อยซิ ลูกสิงโตของหม่าม้าทำได้แล้ว~ งื้ออออ~”   มือบางแสนนุ่มนิ่มประคองสองแก้มของเขาก่อนจะมองหน้าเขาชัดๆ ดวงตาของหม่าม้าบ่งบอกว่าภูมิใจในตัวลูกชายคนนี้มาก


“ขอบคุณนะครับ”   เขายิ้มกว้าง ความดีใจยังแผ่ไปทั่วหัวใจไม่หยุด นี่น่าจะเป็นเรื่องที่เขาดีใจที่สุดในชีวิต18ปีของเขาเลยก็ว่าได้ 


“รีบไปเตรียมตัวเถอะ บอสบอกให้ลูกไปวัดตัวด้วยเพราะต้องเปลี่ยนมาใส่ชุดหมีของเฟอร์รารี่ ในที่สุดเราก็ได้ใส่สีแดงทั้งตัวเหมือนกันแล้วนะ หม่าม้าภูมิใจมาก งื้อ~”    มือบางบีบแก้มเขาไปมากว่าจะยอมปล่อย


“ลูกไปสนามก่อนได้เลยนะ เดี๋ยวหม่าม้าตามไป มีอะไรให้ต้องทำอีกเยอะแน่วันนี้!”   หม่าม้ากระโดดโล้ดเต้นเข้าห้องน้ำไป เขายังยืนลอยๆด้วยความดีใจอยู่อีกพักใหญ่กว่าจะเรียกสติเข้าร่างได้ เป็นใครก็ต้องอยากดื่มด่ำกับความรู้สึกดีนี้ไปนานๆหน่อยใช่ไหมล่ะ













แล้ววันนี้ก็เป็นอีกวันที่ยุ่งวุ่นวายตั้งแต่เช้ายันสายจริงๆ ตอนนี้เขายืนอยู่ในมอเตอร์โฮมของเฟอร์รารี่ ก่อนหน้านี้เขาเข้าออกที่นี่ได้ตามใจก็จริงแต่ก็เป็นเพราะอภิสิทธิ์ที่ได้รับมาจากหม่าม้า แต่ครั้งนี้เขาได้เข้ามาด้วยตัวเขาเอง ความรู้สึกที่อยู่ในใจมันจึงต่างกันโดยสิ้นเชิง


ดวงตาคมกล้าจ้องมองชุดหมีสีแดงเพลิงที่ปักชื่อ Wang Yikun กับธงชาติจีนตรงเอว มันเป็นช่วงเวลาที่ล้ำค่าจริงๆ นักขับคนไหนๆก็อยากใส่ชุดหมีของเฟอร์รารี่กันทั้งนั้น เขาทั้งตื่นเต้นทั้งภูมิใจ ความดีใจมันล้นจนจุกอยู่ที่คอหอยแล้ว


"อี้คุน ลองชุดรึยัง? พอดีไหม?"   หม่าม้าเปิดประตูห้องพักในมอเตอร์โฮมเข้ามาก่อนจะมองเขาด้วยสายตาภาคภูมิใจ แต่ละทีมก็มีรูปแบบการตัดชุดนักแข่งของตัวเอง ถึงจะดูเหมือนๆกันไปหมดแต่ที่จริงแล้วก็มีส่วนมีทรงที่ต่างกันพอสมควร แล้วชุดหมีของเฟอร์รารี่ก็เป็นชุดหมีที่ตัดเย็บแบบพอดีตัวที่สุดในกริด หุ่นของนักขับเป็นยังไงก็จะเห็นได้ชัดเจนทุกส่วน 


โชคดีที่หวังอี้คุนนั้นหุ่นดีมากเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เงาร่างที่ปรากฏอยู่บนกระจกจึงดูดีมาก


"ว้าว! ลูกชายใครเนี่ย เท่ห์จัง~ นึกถึงหวังอี้ป๋อตอนใส่ชุดนักแข่งเลย~"    ดวงตาคู่โตเป็นประกาย


"หม่าม้าอย่าแซวสิ"   ลูกสิงโตถึงกับยิ้มเขิน


"เหมาะมาก"   มือบางปัดรอยผ้าบนไหล่ก่อนจะมองอย่างภูมิใจ


"คนอื่นจะไม่คิดเหรอครับ ว่าผมได้มาขับแทนเพราะหม่าม้า"    ถึงจะดีใจมากแต่ลึกๆในใจเขาก็รู้ตัวดีว่ายังมีนักขับคนอื่นที่เหมาะสมกว่าเขาอยู่ ถึงเขาจะไม่ได้คลางแคลงใจเพราะรู้ว่าทีมอย่างเฟอร์รารี่คงไม่ได้ใช้เส้นสายเลือกเขามา ไม่ได้สนใจสปอนเซอร์หรือแหล่งเงินทุนที่ติดมากับนักขับอย่างที่ทีมอื่นสนใจ แต่คนอื่นๆอาจจะคิดก็ได้ว่าเขาได้รับเลือกเพราะมีแม่เป็นหัวหน้าวิศวกรฝ่ายออกแบบรถของที่นี่


"ลูกก็ต้องใช้ฝีมือตอกหน้าไอ้คนที่มันว่าลูกสิ ให้มันรู้ไปว่าลูกไม่ใช่เด็กเส้น"    หม่าม้ากลับยิ้มอย่างไม่ใส่ใจ


"อีกอย่างนะ คนที่เสนอชื่อลูกคือเอลวิน สมิธ เชื่อมั่นในตัวเองได้เลย ในโลกของฟอร์มูล่าวันไม่มีใครมองเพชรได้เด็ดขาดเท่าบอสแล้ว"


"ครับ…"   สองแก้มของหวังอี้คุนแดงระเรื่อ ความรู้สึกเหมือนยังอยู่ในฝันอันแสนหวาน


"หม่าม้าไปปรับแต่งรถก่อน"   นักออกแบบรถมือหนึ่งของเฟอร์รารี่เดินออกไปด้วยท่าทางชิลๆ ทั้งๆที่น่าจะยุ่งจนหัวหมุนเพราะต้องเปลี่ยนเซตติ้งรถกะทันหัน แถมเป็นนักขับจากทีมอื่นที่ตนไม่มีข้อมูลเลยแต่หม่าม้าของเขากลับดูไม่รีบร้อนลนลาน


"หม่าม้าต้องรู้ดีกว่าใครสิ ลักษณะการขับขี่ที่ลูกชายของตัวเองถนัด"  นั่นคือสิ่งที่หม่าม้าบอกเขา และมันก็ทำให้เขาเต็มตื้นในใจ ที่ผ่านมาหม่าม้าดูเขาอยู่ตลอดสินะถึงจะอยู่คนละทีมกัน


ตรู๊ด...ตรู๊ด…..


เสียงโทรศัพท์เรียกให้เขาหันไปมอง เป็นเจ้าลูกกระต่ายวีดีโอคอลมา ยังไม่เข้าห้องสอบอีกเหรอเนี่ย? แล้วทันทีที่กดรับ...


“หวังอี้คุน!!!”   เสียงตะโกนแปดหลอดดังลั่นทำให้เขาต้องเลื่อนมือถือออกไปไกลๆ


"ชั้นเพิ่งรู้ข่าวจากปะป๊า อ๊าาา!! อี้คุน! ชั้นดีใจด้วย! นายเท่ห์ที่สุดเลย!! งื้อออ อยากไปดูด้วยอ่ะะะ ทำไมต้องมีสอบด้วยเนี่ย?! ชั้นโดดไปเลยดีไหม ยังไงคะแนนวิชาชีวะก็คงไม่ดีเท่าไหร่อยู่แล้ว ช่างหัวตัวอะมีบามันไปดีไหม อยากไปอ่ะ อยากไปๆๆ!"    เจ้าลูกกระต่ายโวยวายงอแงชุดใหญ่อยู่หน้าห้องสอบจนเพื่อนๆหันมามองกันเป็นแถว


“ขอบใจนะ”    เขาเกาแก้มยิ้มอย่างเขินๆ


"เฮ้ย! ทำไมมึงใส่ชุดหมีของเฟอร์รารี่วะคุณชายหวัง? อย่าบอกนะว่า!"   และแก๊งเพื่อนเลวของเขาก็โผล่เข้ามาแจมในจอ


"อะไรนะ! อี้คุนได้ขับให้เฟอร์รารี่เหรอ? เฮ้ย! ไอ้บ้าเอ้ย กูตื่นเต้นแทนแล้วเนี่ย!"   เจ้าลูกกระต่ายถูกแย่งโทรศัพท์ไปโดยเพื่อนเลวของเขา แต่ละคนกรี๊ดกร๊าดกันยกใหญ่ ทำเอาเขาทำตัวไม่ถูกได้แต่ยืนยิ้มอยู่กับที่ เพราะเฟอร์รารี่คือสิ่งที่อยู่ในใจของคนในมาราเนลโล่ เพื่อนๆของเขาจะตื่นเต้นจนแตกฮือกันทั้งโรงเรียนแบบนี้ก็ไม่แปลก ได้ยินเสียงตะโกนต่อๆกันไปดังลั่นทางเดินหน้าห้อง อีกไม่นานก็คงรู้กันทั้งโรงเรียน


"โดดสอบไปดูแม่งเลยดีไหมวะ โมนาโกแค่นี้เอง"   เดี๋ยวก่อนทุกคน พวกนายจะไม่สนใจอะมีบาแบบนี้ไม่ได้นะ เขาขำที่พวกมันตื่นเต้นยิ่งกว่าตัวเขาเสียอีก


"พวกมึง...ไปสอบกันได้แล้ว"   เขาโบกมือไล่เมื่อได้ยินเสียงกริ่งดังอยู่ในจอ เจ้าพวกนั้นแข่งกันตะโกนแสดงความยินดีกับเขาจนฟังไม่ได้สรรพเลยสักคน 


"เอาโทรศัพท์คืนน้องชายกูด้วย"   เขาอยากเห็นหน้าเจ้าลูกกระต่ายก่อนที่จะลงซ้อมช่วงสายนี้


"แง๊~ ตื่นเต้นอ่ะ"   อาเฟยได้โทรศัพท์คืนจนได้ เขายิ้มให้เจ้าคนที่ยังทำหน้าดีใจไม่หาย


"นายจะตื่นเต้นอะไรเล่า ตั้งใจทำข้อสอบเถอะ"   ตอนนี้เขามีความสุขมากจริงๆ


"อื้อ ซ้อมตอนเช้าก็สู้ๆนะ ว่างแล้วก็คอลมานะ อยากไปอ่ะ~~"   เจ้าลูกกระต่ายงอแงจนอาจารย์ต้องออกมาลากเข้าห้องสอบ เขามองหน้าจอที่มืดสนิทไปแล้วด้วยรอยยิ้ม ตอนนี้เขามีกำลังใจเต็มเปี่ยม ไม่กลัว ไม่กังวลอะไรแล้ว


มือใหญ่หยิบหมวกกันน็อคมาหิ้วไว้ที่สีข้าง ดวงตาคมกล้าจ้องมองไปยังพิตสีแดงพร้อมด้วยรอยยิ้มของเจ้าป่า


ได้เวลาปราบม้าพยศแล้ว!



.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

 

520 km/hr.

To be con.

 


หายไปนานกราบขอประทานอภัย555 แถมตอนที่ลงนี่ยังไม่ใช่ตอนที่ทุกคนรออีก ถถถ //หลบไห ก็แบบว่า วันเกิดป๋อก็เลยอยากจะแฮปกับเค้าบ้าง แต่ตอนของเฟยเฟยกับพี่อี้หยางที่ค้างไว้ก็ยังไม่เสร็จ //กระซิก เพราะงั้นขอยาดลงตอนของอี้คุนให้สับสนเล่นไปก่อนนาคะ555 ตามไทม์ไลน์แล้วตอนของอี้คุนจะเกิดก่อนที่เฟยเฟยจะไปฝึกงานที่ญี่ปุ่นค่ะ จริงๆแต่งตอนนี้มาก่อนด้วย แต่งไว้นานแล้ว แต่ว่ายิ่งแต่งยิ่งยาวยิ่งมีเหตุการณ์ต่างๆเพิ่มเข้ามาเรื่อยๆ orz. ทั้งๆที่ความตั้งใจแรกก็แค่อยากจะเล่าถึงเหตุการณ์หนึ่งในการแข่งเอฟวันเมื่อปีก่อนนู้นเท่านั้นเอ๊งงงง


อะ เอาเป็นว่า ถือซะว่าอ่านเพลินๆไป มันอาจจะเรื่อยๆเนือยๆ เนื้อเรื่องไม่ได้หนักหน่วงอะไรมาก  จากความเนี้ยบความคูลของพี่อี้หยางมาดูความเท่ห์แบบแบดบอยหน่อยๆของน้องอี้คุนกันบ้างเนอะ ^ ^" จากตอนแรกที่ว่าจะเจาะเฉพาะตอนแข่งก็เลยกลายเป็นจะได้เห็นมันทั้งเรซเลยค่ะ555 อยากให้ได้เห็นความสัมพันธ์ของลูกสิงโตกับคนรอบๆตัวบ้างว่าที่เค้าเท่ห์เค้าหล่อได้ขนาดนี้ก็เพราะมีพื้นฐานที่ดีจากครอบครัว จากความรักของพ่อแม่เค้านั่นแหละ


อีกอย่างสนามโมนาโกนี่มันน่าสนใจมากแล้วก็สวยมากกกกกด้วยค่ะ นอกจากเรื่องของการแข่งขันแล้วในแต่ละวันยังมีอีเว้นท์อื่นแทรกอยู่ด้วย  รอติดตามกันในพาร์ทหน้านะค้า~


มาแฮปให้ป๋อกันก่อง อิๆๆๆ นานๆทีจะทันกับเค้าบ้าง 


สุขสันต์วันเกิดนะค้าพ่อสิงโตมุเร้ก หวังอี้ป๋อ~


มีความสุขมากๆๆนะคะ เรื่องงานก็ขอให้ผ่านไปได้อย่างราบรื่นทุกอย่าง ปังๆดังๆหล่อวันหล่อคืน ทำอะไรก็ดีก็ขึ้นไปหมด แควนรักแควนหลง อิๆๆ ติ่งเองก็จะติดตามต่อไปจนกว่าจะสิ้นแสงเลยค่า


ขอบคุณทุกๆคอมเม้นต์ ทุกๆหัวใจ และทุกๆการติดตามมากๆนะค้า ช่วงนี้คุณกวางก็คือแทบไม่ได้อยู่บ้าน จริงๆกว่าจะอัพตอนนี้ได้ก็ขลุกขลักละเกินเนื่องด้วยไม่ได้เซฟไฟล์กลับมาเพราะเข้าใจว่าไฟล์ในคอมที่บ้านอัพเดทสุด แต่พอมาดูอีกที เอ้า อันที่อัพเดทคือในโน้ตบุคซึ่งไม่ได้เอากลับมาด้วย ถถถ คือปกติจะต้องไปเรียบเรียงให้เรียบร้อยในเวิร์ดก่อนแล้วค่อยอัพทีเดียวน่ะค่ะ แต่ตอนนี้ก็คือตัดแปะเอาจากในกูเกิลไดร์ฟมันสดๆนี่แหละ TvTb ขอประทานอภัยไว้ก่องถ้ามันมีอะไรแปลกๆ  แล้วเจอกันตอนหน้าน้า~


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น