ป๋อจ้าน Au.Fic [หวังอี้ป๋อ x เซียวจ้าน] GLIDE : 2x4 It’s me : 520 N. again [Part6]

  

ป๋อจ้าน Au.Fic [หวังอี้ป๋อ x เซียวจ้าน]  GLIDE : 2x4 It’s me : 520 N. again [Part6]

 

: ป๋อจ้าน Fanfiction Au

: หวังอี้ป๋อ x เซียวจ้าน

: Romantic

: NC-17

 

คำเตือน : เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ

           : เนื้อเรื่องต่อไปนี้เป็นเพียงจินตนาการของผู้เขียน ไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นจริงนะคะ

           : ข้อมูลจะไม่แน่นเท่า GLIDE ภาคก่อนๆนะคะ เพราะภาคนี้ข้ามมา 2 ล้อ ตรูขี้เกียจหาข้อมูลฝั่ง Moto GP โฟ้ยยยย // โดนตบด้วยหมวกกันน็อค

  

 

GLIDE : 2x4 It’s me : Special Episode :

 

“520 นิวตัน

 

.

.

.

 

 

เกียวโตเคยเป็นเมืองหลวงเก่าแก่ของญี่ปุ่น...

 

และสถานีเกียวโตเองก็นับเป็นสถานีรถไฟชุมสายขนาดใหญ่แห่งหนึ่งในภูมิภาคคันไซ 

 

ถึงแม้ว่าในตัวเมืองเกียวโตเองจะมีสายรถไฟวิ่งน้อยมากหากเทียบกับโตเกียวหรือเมืองใหญ่อย่างโอซาก้าที่อยู่ติดกัน

 

เนื่องด้วยตัวเมืองเกียวโตนั้นกระจุกรวมกันเป็นกลุ่มและยังมีแต่อาคารทางประวัติศาสตร์อย่างวัด ศาลเจ้า ตำหนัก พระราชวังที่มีอายุหลายร้อยปี การจะไปทำอะไรใต้อาคารเหล่านี้จึงเป็นไปได้ยาก 

 

การเดินทางในตัวเมืองเกียวโตจึงใช้รถเมล์และรถยนต์เป็นส่วนใหญ่ ทำให้เกียวโตเป็นเมืองเดียวของญี่ปุ่นที่อาจจะเจอรถติดได้

 

แต่เรื่องนั้นจะยังไงก็ช่างเถอะ 

 

เพราะตอนนี้หวังเฟยเฟยกำลังฟินมาก 

 

ร่างโปร่งบางเดินทำหน้าปลื้มปริ่มออกมาจากเกทของชินคันเซ็นก่อนจะเดินตามแผ่นหลังกว้างลงบันไดเลื่อนมาชั้นแล้วชั้นเล่า 

 

ถึงที่นี่จะเป็นเมืองเก่าแต่ตัวสถานีเกียวโตกลับเป็นสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ที่สวยงามทันสมัย หลังคาและผนังด้านหน้าที่เป็นกระจกคงจะสว่างไสวน่าดูในตอนกลางวัน แต่ตอนนี้ดึกดื่นเที่ยงคืนแล้วแม้แต่ผู้โดยสารก็ดูบางตา

 

รถลีมูซีนจากโรงแรมมารอรับทันทีที่พวกเขาก้าวขาออกจากสถานีเกียวโต  แสดงว่าตลอดสองชั่วโมงที่อยู่บนชินคันเซ็น คุณอาเธอร์คงนั่งจองโรงแรมให้พวกเขาแน่ๆเพราะพี่อี้หยางหลับมาตลอดทาง

 

แล้วก็เป็นอีกครั้งที่เลขามือพระกาฬทำงานได้ถูกใจเจ้านายยิ่งนัก หลังจากรถที่แล่นห่างจากตัวเมืองเกียวโตมุ่งหน้าเข้าป่ามาเรื่อยๆนั้นได้หยุดลงที่หน้าโรงแรมแบบเรียวกังแห่งหนึ่ง ดวงตาคมกล้าของนายใหญ่แห่ง Diamond crownก็ถึงกับตะลึง

 

บ้านไม้แบบญี่ปุ่นโบราณหลังใหญ่ตั้งตระหง่านต้อนรับพวกเขาท่ามกลางต้นเมเปิลสีแดงฉานตระการตา แค่ด้านหน้าก็บรรยากาศดีมากแล้ว พอเข้ามาในเรือนพักแบบญี่ปุ่นแท้ๆหลังนี้ได้ หวังอี้หยางก็ยิ่งรู้สึกราวกับถูกสะกด

 

ภายในห้องพักก็ถูกตกแต่งตามแบบญี่ปุ่นโบราณเช่นกัน ตั้งแต่พื้นที่ปูด้วยเสื่อทาทามิ เฟอร์นิเจอร์ไม้เก่าแก่และไม่มีเตียง คืนนี้พวกเขาต้องนอนด้วยฟูกแบบญี่ปุ่น 

 

มีออนเซ็นส่วนตัวด้วยนะ ถ้านายอยากลองลงไปแช่ก็ได้”    นายใหญ่แห่ง Diamond crown เดินตามร่างโปร่งบางเข้ามาก่อนจะแขวนสูทเอาไว้ในตู้ พวกเขาไม่มีเสื้อผ้ามาเลยสักชุดแต่คงไม่มีอะไรต้องห่วงเพราะในถาดไม้ที่เรียวกังวางไว้มีชุดยูกาตะสำหรับใส่นอนเตรียมให้อยู่

 

จริงเหรอ?”   เจ้าลูกกระต่ายหันมาทำตาโต ร่างโปร่งวิ่งปรู๊ดไปยังประตูบานเลื่อนกระจกกรอบไม้บานใหญ่ก่อนจะผลักทั้งสองบานออกจากกัน 

 

แล้วลานหินกว้างโล่งที่ล้อมรอบด้วยรั้วไม้ไผ่ก็ปรากฎแก่สายตา… 

 

ด้านนอกเป็นต้นเมเปิลที่ใบเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงห้อยย้อยลงมาสวยงามยิ่งนัก 

 

สมเป็นออนเซ็นกลางแจ้งที่ตั้งอยู่กลางป่า ขนาดเป็นตอนกลางคืนยังสวยมากหากเป็นตอนกลางวันคงยิ่งไม่ต้องพูดถึง 

 

บ่อน้ำร้อนรูปทรงธรรมชาติขนาดใหญ่มีไอลอยกรุ่น  ใบเมเปิลสีแดงลอยเอื่อยเฉื่อยอยู่ในนั้น  มีไม้ดัดและหินตกแต่งอย่างงดงามอยู่รอบๆ เห็นแล้วใครก็คงอดใจไม่ลงแช่ไม่ไหว

 

งื้อ สวยมากกกก แช่ได้จริงเหรอ?”    เจ้าลูกกระต่ายหันมามองด้วยสายตาอ้อนๆอย่างไม่แน่ใจ

 

ได้สิ”    ใบหน้าหล่อเหลาอมยิ้ม ดีใจที่เฟยเฟยชอบ เขาเองก็ชอบเพราะห้องนี้วิวดีมาก 

 

แค่เปิดบานเลื่อนออก ลานหินสีดำที่เป็นออนเซ็นก็เชื่อมต่อกับส่วนนั่งเล่นของห้องแล้ว เขาจะนั่งจิบสาเกไปมองลูกกระต่ายแช่น้ำไปก็ยังได้ 

 

ถึงได้บอกไงว่าวิวดี 

 

ร่างโปร่งที่ยังไม่เอ่ะใจวิ่งลั้นลากลับเข้าห้องมาเตรียมตัวด้วยท่าทางดีใจ

 

อ๊ะ! ต้องโทรบอกยูกิซังก่อนว่าผมได้นั่งชินคันเซ็นแล้ว~ อิๆๆ”    เจ้าลูกกระต่ายดูภูมิใจมากที่ได้นั่งรถไฟความเร็วสูงกับเขาสักที มือบางหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาก่อนจะกดโทรหารุ่นพี่ที่ฝึกงาน

 

โทรไปตอนนี้?”    เขาถามอย่างสงสัย เพราะนี่มันก็ตีหนึ่งกว่าไปแล้ว ทางนั้นยังไม่นอนกันอีกเหรอ ถ้าเป็นอี้คุนหรือเขาก็ว่าไปอย่าง เฟยเฟยจะโทรมาเมื่อไหร่ก็คงไม่โกรธ แต่กับคนอื่นเค้าจะไม่ว่าอะไรเหรอ?

 

ครับ รุ่นพี่ยังไม่นอนหรอก ต้องปั่นงานกันอยู่แน่ อ่ะ! ยูกิซัง”    อาเฟยตอบในขณะที่ปลายสายกดรับพอดี

 

เอ๋? ทำไมเป็นนายได้ล่ะคุโรทากะ? นี่โทรศัพท์รุ่นพี่ชิโรยูกิไม่ใช่เหรอ? หื๋อ? รุ่นพี่สลบไปเลยเอากลับบ้าน? ช่างเถอะ ตอนนี้ชั้นอยู่เกียวโตล่ะ! ชั้นนั่งชินคันเซ็นมาล่ะ! ชั้นเข้าใจที่ยูกิซังบอกแล้ว! กลับไปชั้นแก้แอโร่ไดนามิคได้แน่ คอยดูเลย หึๆๆ”   เจ้าลูกกระต่ายพูดใส่รัวๆ 

 

เดี๋ยวก่อน รุ่นพี่นายไม่เป็นไรแน่เหรอ ถึงกับสลบไปเลยนะ? เป็นเรื่องปกติเหรอ? ไม่ถามซักหน่อยเลยเหรอ? เขาเหล่มองอย่างสงสัยแต่เฟยเฟยกลับคุยต่อเหมือนไม่มีอะไร

 

หื๋อ? กลับพรุ่งนี้เช้าไง พี่ชายชั้นบอกว่าทัน”   ปลายสายคงกลัวว่าจะกลับไปไม่ทันทำงานมั้ง เหมือนงานก็กำลังเร่งมากด้วย?

 

เอ๋? ยูกิซังว่างั้นเหรอ? เข้าใจแล้ว อื้อ แล้วจะซื้อขนมไปฝากนะ~”    มือบางกดวางสายไปก่อนจะหันมาบอกเขาว่า

 

ดูเหมือนยูกิซังจะผงกหัวขึ้นมาบอกว่าให้อยู่เกียวโตต่ออีกวันนึงได้ล่ะครับ"    ….ไม่เป็นไรจริงๆสินะรุ่นพี่ของนาย 

 

"เพราะแถวๆนี้มีศูนย์วิจัยของRTRIอยู่ ให้ผมแวะไปดูเผื่อจะได้เข้าใจหลักการออกแบบรถไฟมากขึ้น พี่ไปกับเฟยได้ไหม?”   ดวงตาคู่โตส่งประกายวิบวับออดอ้อนอย่างไม่มีปิดบัง เขาจึงยิ้มให้ก่อนจะพูดออกไป

 

ชีวิตนี้ของหวังอี้หยางยกให้หวังเฟยเฟยไปแล้วนี่นายอยากให้ชั้นไปไหนหรือทำอะไรชั้นก็จะทำให้”   มือใหญ่วางทาบลงไปที่ตำแหน่งเพชรแห่งหัวใจที่อีกฝ่ายสวมไว้  รอยยิ้มยกขึ้นมาที่มุมปากอย่างหยอกเย้า

 

งื้อ”   มือลูกกระต่ายจึงได้แต่ตีแขนเขาอย่างเขินๆ

 

ดูเหมือนเจ้าอาเธอร์คงต้องหัวหมุนเปลี่ยนตารางงานให้เขาอีกแล้วสินะ

 

"ถ้างั้นวันนี้อย่าเพิ่งแช่ออนเซ็นเลย อาบน้ำนอนเถอะ ดึกมากแล้ว"   เขามองเวลาตีหนึ่งกว่าไปแล้ว ยังไงก็ต้องอยู่อีกคืน ไว้ค่อยแช่พรุ่งนี้ก็ยังได้

 

"อื้อ"   เฟยเฟยพยักหน้าหงึกๆ

 

"งั้นเฟยอาบน้ำก่อนนะ เหม็นบุหรี่จะแย่แล้ว"   

 

"ครับ"    เขายิ้มบางๆให้เจ้าคนที่หอบชุดยูกาตะเข้าไปในห้องน้ำ ถึงจะเสียดายแต่วันนี้พวกเขาก็เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว คงได้นั่งหลับคาบ่อแน่ๆหากลงไปแช่

 

ผ่านไปพักใหญ่ลูกกระต่ายตัวหอมฟุ้งก็เดินสวมยูกาตะงงๆออกมาจากห้องน้ำ ใบหน้าใสดูเปล่งปลั่งหลังจากได้อาบน้ำ 

 

"นายสวมถูกแน่ใช่ไหม?"   ดวงตาราชสีห์จ้องไปที่ชุดยูกาตะของเจ้าตัววุ่นวาย มันดูแปลกๆนิดหน่อยแต่เขาก็บอกไม่ได้ว่ามันแปลกยังไง เขาเองก็ไม่เคยใส่เสียด้วย

 

"ถูกสิ เฟยเคยเห็นในอนิเมะ เฟยจำได้"   เจ้าลูกกระต่ายตอบอย่างมั่นใจแต่นั่นยิ่งทำให้เขารู้สึกว่ามันน่าจะผิดแน่ๆ แต่ก็เอาเถอะ ยังไงก็แค่ใส่นอน

 

"พี่อาบน้ำเลยก็ได้ เดี๋ยวเฟยจะออกไปกดน้ำกับขนมหน่อย เฟยเห็นตู้อยู่ตรงระเบียงทางเดิน"   ยังจะกินขนมอีกเร๊อะดึกดื่นขนาดนี้

 

"ให้อาเธอร์ไปเป็นเพื่อน อาเธอร์อยู่ห้องข้างๆ"   เสียงทุ้มเอ่ยบอก

 

"อื้อ เดี๋ยวมานะ~"   เจ้าลูกกระต่ายเดินยิ้มร่าออกจากห้องไป

 

เขาอาบน้ำไม่นานและพอออกจากห้องน้ำมา อาเฟยก็หอบขนมและขวดน้ำกลับมาพอดี

 

"จะกินทั้งหมดนี่เลยเหรอ?"   เขามองกองถุงขนมและขวดชาบ้าง กาแฟบ้าง น้ำผลไม้บ้างพวกนั้น มันไม่ใช่น้อยๆเลยนะ?

 

"เฟยซื้อมาเผื่อพี่ไง~"   เสียงใสทำไม่รู้ไม่ชี้ แต่มีหรือคนอย่างหวังอี้หยางจะตามไม่ทันเจ้าลูกกระต่ายแสบตัวนี้

 

"....สารภาพมาซะดีๆว่าไปทำอะไรไว้?"    ใบหน้าหล่อเหลาหรี่ตามอง

 

"งื้อ ไม่ได้ทำ! เฟยแค่จะกินชานมอ่ะ แต่ว่ากดเท่าไหร่ก็ไม่ได้ชานมซักที มันยังไงกันเนี่ย?"   เจ้าลูกกระต่ายทำหน้างง เขาต่างหากที่ควรจะงง ไปกดตู้อิท่าไหนมาถึงไม่ได้ของที่อยากจะกินเนี่ย? มันก็แค่จิ้มปุ่มให้ตรงกับตัวอย่างหน้าตู้ไม่ใช่เร๊อะ

 

แต่อย่างเจ้าลูกกระต่ายเบลอนี่ก็มีความเป็นไปได้อยู่หรอกที่จะตั้งใจอย่างดิบดีว่าจะจิ้มอันนี้แต่พอก้มลงไปหยอดเหรียญ แล้วเงยหน้าขึ้นมาใหม่ มือก็ไปจิ้มอีกอันเสียได้

 

"พี่กินที่เหลือให้หน่อยนะ"   เขาส่ายหน้าให้กับความลูกกระต่ายของอีกฝ่าย ดีนะที่คนเขาเยอะ ช่วยกันกินคนละขวดคงจะหมดอยู่หรอก จริงๆเล้ย

 

"อ๊ะ พี่ใส่ยูกาตะผิดนี่นา"   เฟยเฟยทักหลังจากมองมาที่ชุดที่เขาสวมอยู่

 

"ผิดเหรอ?"   เขาก้มมองตัวเองอย่างไม่แน่ใจ เขาว่าเขาก็ใส่เหมือนที่เฟยเฟยใส่แล้วนะ?

 

"ผิดสิ มานี่เดี๋ยวเฟยใส่ให้ใหม่ เฟยไปศึกษามาแล้ว"   ร่างโปร่งขยับมายืนตรงหน้าอย่างเป็นธรรมชาติก่อนจะโอบแขนมารอบเอวเขา เขายืนนิ่งๆให้มือบางแกะปมโอบิที่มัดไว้ข้างหลังออกให้

 

เหมือนกำลังถูกกอดอยู่เลยแหะ

 

กลิ่นกายหอมกรุ่นยิ่งชัดเจนเมื่ออยู่ใกล้กันแค่นี้ และแค่เขาเหลือบตามองต่ำลงไป ทั้งรอยแหวกลึกจากสาบเสื้อยูกาตะ ทั้งทรวดทรงองเอวบางๆที่ถูกเน้นชัดจากการมัดของโอบิก็ทำให้เขาถึงกับต้องลอบกลืนน้ำลาย เขาต้องรีบหาเรื่องคุยเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของตัวเองเสียแล้ว

 

"ศึกษา?"   ใบหน้าหล่อเหลาก้มมองคนที่ตั้งอกตั้งใจแกะโอบิ เขารู้สึกร้อนๆที่ใบหน้า นี่คือความรู้สึกของสามีที่ถูกภรรยาจัดแต่งเสื้อผ้าให้เรียบร้อยก่อนออกจากบ้านสินะ? มันทั้งเขินทั้งอบอุ่นหัวใจเลยแหะ

 

"ก็ตอนไปตู้กดน้ำเมื่อกี้ใช่มะ เฟยเจอพนักงานเรียวกังเดินผ่านมาพอดี เค้าบอกว่าถ้าสวมยูกาตะขวาทับซ้ายจะเป็นแบบที่สวมให้คนตายละ ที่ถูกต้องคือซ้ายทับขวาต่างหาก"   แสดงว่านายก็ใส่ผิดสินะตอนแรกเพราะเขาว่าเขาก็ใส่ตามเฟยเฟยแล้วนะ เห็นมั่นใจซะขนาดนั้นว่าแล้วเชียว เจ้าลูกกระต่ายเอ้ย

 

เขายังไม่ละสายตาไปจากคนตรงหน้า โอบิค่อยๆหลุดจากเอว สาบเสื้อทั้งสองข้างค่อยๆคลายออกจากกัน… 

 

เฟยเฟยอาจจะเคยชินกับการสวมเสื้อผ้าให้กันกับอี้คุนและอาจจะเผลอเอาความเคยชินนั้นมาใช้กับเขาด้วย แต่ทุกครั้งที่เพิ่งรู้ตัวว่าเขาไม่ใช่พี่ชายฝาแฝด ใบหน้ามนก็จะแดงระเรื่ออย่างเขินอาย สายตาก็จะหลุบต่ำไม่กล้าสบตากับเขาตรงๆ และเขาก็ชอบมองปฏิกิริยาแบบนี้ของอาเฟยมาก

 

มันน่ารักมาก

 

 

 

 

ภายใต้ยูกาตะคือร่างกายเปลือยเปล่าของเขา

 

เจ้าลูกกระต่ายจึงยิ่งหน้าแดงหนักกว่าเก่าเมื่อสิ่งที่ปรากฏแก่สายตาคือซิกแพ็กแน่นๆกับกล้ามอกแข็งๆ

 

"....."    เขาจ้องมองเฟยเฟยอย่างอยากรู้ว่าอีกฝ่ายจะทำยังไงกับสถานการณ์นี้ 

 

ใบหน้ามนดูอึกๆอักๆ สองแก้มแดงจัดอย่างเขินอาย สายตาก็พยายามเสไปมองพื้นแต่ก็แอบช้อนขึ้นมามองกล้ามหน้าท้องของเขาเหมือนจะอยากดูแต่ก็อาย มือบางกางๆหุบๆค้างอยู่เหนือเอวแข็งแรง ปลายนิ้วหยุกหยิกๆเหมือนจะอยากลองแตะแต่ก็ไม่กล้าจึงล่าถอยออกไปแต่เดี๋ยวๆก็กลับมาใหม่

 

เขาอมยิ้มกับปฏิกิริยาอันแสนน่ารักนั่น

 

"อยากจับก็จับสิ"    มือใหญ่เอื้อมไปจับมือบางก่อนจะดึงมาวางไว้บนแผงอกของตัวเอง

 

"อ๊ะ"   เสียงนุ่มอุทานเบาๆ คราวนี้สีแดงแปร๊ดแล่นมาถึงใบหูเลยทีเดียว

 

"....."   ลมหายใจของเขาก็ติดขัดไปชั่วขณะหนึ่ง เขาเองก็คาดไม่ถึงว่าแค่ถูกมือนิ่มๆนั่นสัมผัส มันจะทำให้ใจเต้นได้ขนาดนี้

 

"แข็งมากเลย…"   ดวงตากลมโตช้อนขึ้นมามองเขาก่อนจะก้มลงไปมองซิกแพ็กที่ตนสัมผัสอยู่อย่างตื่นตาตื่นใจ

 

"แข็งแล้วก็สวยมากเลยมันไม่ได้ดูน่ากลัวเหมือนพวกนักกล้าม แต่มันจับแล้วรู้สึกดีมาก…"   เสียงนุ่มพูดราวกับอยู่ในภวังค์ ทั้งสายตาทั้งฝ่ามือบางยังไม่ละไปจากร่างกายของเขา

 

หัวใจของเขายิ่งเต้นกระหน่ำจนหายใจปกติไม่ได้เลย ยิ่งสายตาไล่มองตามปลายนิ้วเรียวที่ลากไล้ไปตามก้อนนูนๆของกล้ามหน้าท้อง ข้างในยิ่งรู้สึกวูบโหวง

 

นี่เขาหาเรื่องทรมานตัวเองทำไมเนี่ย? แค่อยากจะหยอกเย้าให้เจ้าลูกกระต่ายเขินอาย แต่กลับกลายเป็นเขาเองที่ประเมินลูกกระต่ายใจกล้าแถมไม่ค่อยจะรู้เรื่องรู้ราวนี่ต่ำเกินไป 

 

"อึก…"   ใบหน้าหล่อเหลาถึงกับต้องกัดฟัน  

 

ความปรารถนาอันแรงกล้าแทบจะทำให้สัญชาติญาณดิบชนะเหนือสติสัมปชัญญะ ลมหายใจยิ่งหนักหน่วงขึ้นทุกทีๆเมื่อแผงอกรู้สึกถึงการถูกลูบไล้เบาๆอย่างอยากรู้อยากเห็น

 

แล้วสิ่งที่ทำให้ฟางเส้นสุดท้ายของเขาขาดผึงก็คือ จู่ๆใบหน้ามนนั่นก็แนบลงมาบนกล้ามหน้าท้องของเขา!

 

"อ๊ะ?"    มือใหญ่กระชากไหล่บางออกจากแผงอกของตนทันที

 

"อื้อ?!"   ก่อนที่ใบหน้าคมจะก้มลงไปประกบริมฝีปากกับกลีบปากนุ่มราวกับคนสติหลุด

 

"อื้อ! อื้ม~"   เรียวลิ้นถูกบังคับสอดแทรกเข้าไป จูบทวีความดูดดื่มเร่าร้อนรุนแรงขึ้นเรื่อยๆอย่างรวดเร็ว 

 

เขารู้ว่าเขาควรจะหักห้ามใจ

 

แต่ฝ่ามือกลับกดเอวบางเข้ามาจนแนบชิด

 

เขารู้ว่าเขาควรจะหยุด

 

แต่มือใหญ่กลับแหวกสาบเสื้อยูกาตะของเฟยเฟยออกจากไหล่บางจนผิวเนื้ออ่อนนุ่มแนบสัมผัสลงมาบนกล้ามหน้าท้องแข็งๆของเขา

 

"อื้อ~"    คนที่ถูกจูบอยู่ถึงกับสะดุ้งโหยง ปฏิกิริยาบางอย่างจากเฟยเฟยบ่งบอกให้รู้ว่ารู้สึกดีมากเช่นกัน

 

"...…"    หัวคิ้วถึงกับขมวดมุ้นเพราะสัมผัสนี้มันดีและมีอานุภาพมากเกินไป มันแทบจะทำให้เขื่อนแตกพังทลาย เขากับเฟยเฟยเคยกอดกันมานับครั้งไม่ถ้วนก็จริง

 

แต่ไม่เคยกอดกันด้วยร่างกายเปลือยเปล่าแบบนี้

 

ไม่อยากจะเชื่อก็ต้องเชื่อว่าร่างกายของพวกเราเข้ากันได้ดีเหลือเกิน มันเหมือนความบอบบางกับความแข็งแกร่งมาเจอกัน ความแตกต่างกันมากนี้เหมือนต่างฝ่ายต่างได้รับการเติมเต็มหากหลอมรวมเข้าด้วยกัน เหมือนมีกระแสไฟสปาร์คขึ้นทั่วร่าง

 

แย่แน่

 

แบบนี้แย่แน่ๆ

 

เขาควบคุมตัวเองไม่อยู่แน่ๆ



ก๊อกๆๆๆ

 

 

เฮือก?!!

 

ร่างกายของพวกเราผละออกจากกันทันที ทั้งเขาทั้งเฟยเฟยต่างนิ่งค้างหน้าตาตื่น มือของเขารีบตลบสาบเสื้อก่อนจะหยิบโอบิขึ้นมามัด ส่วนมือของอาเฟยก็รีบดึงแขนเสื้อยูกาตะขึ้นมาสวมให้เรียบร้อย

 

หัวใจยังเต้นโครมๆอยู่เลย

 

 

ก๊อกๆๆ

 

 

เสียงเคาะประตูยังดังต่ออีกสองสามที ร่างสูงสง่าจึงเดินออกมาเปิดให้ ใบหน้าเขายังค้างๆอยู่เลย เกือบไปๆๆ

 

"ขออนุญาตินะคะ ให้ปูฟูกเลยไหมคะ?"    เป็นพนักงานของเรียวกังที่จะเข้ามาปูฟูกนอนให้นั่นเอง 

 

"ครับ"    เขาหลีกทางให้ ดวงตาคมกล้าเหลือบมองเจ้าลูกกระต่ายที่ยืนเข้ามุมเอาหัวยันผนังไว้? ใบหูบางยังแดงเถือก

 

เขาเสสายตาไปอีกทางพลางยกมือขึ้นมาแตะริมฝีปาก เขาเองก็เขินเหมือนกัน ถ้าคุณป้าพนักงานไม่มาเคาะประตู เรื่องของเราคงเลยเถิดแน่ๆ

 

เพราะอาเฟยไม่ต่อต้านเขาเลยแม้แต่น้อยตลอดเวลาเขาจูบอีกฝ่ายอยู่ เขาจึงรู้ดีที่สุด

 

หวังอี้หยางต้องยืนสงบสติอารมณ์อีกพักใหญ่เขาไม่อยากจะผิดสัญญาที่ให้ไว้จริงๆ แต่เขาจะทนได้อีกนานแค่ไหนให้ตายเถอะ



 

 

"นายจะนอนฟูกไหน?"   เขาหันไปถามเจ้าลูกกระต่ายหลังจากคุณป้าปูฟูกเสร็จและขอตัวออกไป  ตอนนี้พวกเขากลับมาเผชิญหน้าโดยพยายามไม่นึกถึงเรื่องเมื่อครู่ได้แล้ว

 

"เฟยจะนอนอันนี้"   เจ้าลูกกระต่ายไม่ชี้เปล่าแต่ร่างโปร่งโดดลงฟูกอันที่วางชิดด้านประตูเชื่อมไปออนเซ็นเรียบร้อย

 

เขาจึงเดินไปยังฟูกอีกอันที่ปูอยู่ข้างๆกัน ดวงตาคมกล้าทอดมองคนที่ดึงผ้าห่มขึ้นมาถึงคอพร้อมกับหลับตาพริ้มจะนอนได้แน่ใช่ไหมน่ะ?

 

ร่างสูงสง่าล้มตัวลงนอนบ้าง เขายังไม่หลับเพราะคิดว่าเดี๋ยวคงมีคนเรียกเขาแน่

 

แล้วนอนไปได้สักพักก็มีเสียงเรียกจริงๆ

 

"พี่อี้หยาง…"  

 

"หื๋ม?"

 

"เฟยเปลี่ยนใจแล้ว เฟยจะนอนฟูกนั้น"   เขาถึงกับถอนหายใจ คิดไว้ไม่มีผิด เจ้าตัววุ่นวายเอ้ย~

 

และเขาก็รู้ด้วยว่าอาเฟยไม่ได้อยากจะสลับฟูกกับเขา แต่เจ้าตัวดีอยากนอนฟูกนี้ด้วยกันต่างหาก

 

"มาสิ"   เพราะงั้นแค่เขาเลิกผ้าห่มเป็นโพรงรอ เจ้าลูกกระต่ายก็กลิ้งกลุกๆมาจากฟูกตัวเองทันที

 

"ตรงนั้นน่ากลัวมากเลยอ่ะ เฟยพยายามแล้วนะแต่ทำยังไงก็หลับไม่ลง แง๊~"   มาถึงได้ก็รีบแก้ตัวทันที เขายิ้มอย่างเอ็นดู

 

"พรุ่งนี้ก็ให้คุณป้าเค้าปูแค่ฟูกเดียวพอ…"   เสียงทุ้มดังอยู่ในโปงผ้าห่มหลังจากเจ้าลูกกระต่ายซุกตัวเข้าหาพร้อมกับหลับตาปี๋ ก็นะ รอบๆห้องดันมีแต่ป่าเสียด้วย

 

ท่อนแขนแข็งแรงโอบรอบแผ่นหลังบางก่อนจะกอดเอาไว้ตอนนี้คงไม่เป็นไรเพราะพายุไฟแห่งปรารถนานั้นสงบลงแล้วและบนร่างกายของพวกเขาต่างก็สวมใส่ยูกาตะเรียบร้อย

 

ซะที่ไหนกันล่ะ!

 

เฟยเฟย…”    เสียงทุ้มเอ่ยเรียกเจ้าตัวดีที่ไม่ยอมหลับยอมนอน

 

หื๋อ?”    เสียงใสตอบกลับมาทำเป็นไม่รู้เรื่อง

 

ถ้ายังไม่เลิกซน ชั้นจะจับนายกินจริงๆนะ”     มือใหญ่ตะครุบมือลูกกระต่ายที่เนียนแทรกเข้ามาในสาบเสื้อยูกาตะของเขา เจ้าตัววุ่นวายยังติดใจสงสัยกล้ามหน้าท้องของเขาอยู่

 

ขี้งก ขอจับหน่อยก็ไม่ได้”    ใบหน้ามนบ่นหมุบหมิบก่อนจะลอบมองตามรอยแหวกของสาบเสื้ออย่างเสียดาย

 

ไว้นายบอกรักชั้นเมื่อไหร่ จะให้จับทุกวันเลย”    เจ้าลูกกระต่ายตวัดสายตาขึ้นมามองก่อนจะทำหน้าหงึ มือบางเลิกซนแต่โดยดี

 

นายก็รู้ใช่ไหม ว่าแค่นายแตะมัน ชั้นก็ควบคุมตัวเองไม่อยู่แล้ว”    เขากอดร่างโปร่งบางไว้ เกยคางกับหัวสีดำในขณะที่พูดออกมา

 

อื้อ”    เสียงตอบรับดังมาจากใบหน้าที่ซุกอยู่แถวหน้าอก

 

นายไม่เคยจับของอี้คุนหรือไง?”    เขาคุยเรื่อยเปื่อยกับคนในอ้อมแขน

 

ไม่เคย ถึงจะเคยเห็นบ่อยๆแต่ก็ไม่เคยจับ ของอี้คุนไม่ขึ้นชัดขนาดนี้ด้วย”     อี้คุนเป็นนักแข่งรถนี่นะ กล้ามเนื้อที่เป็นจุดแข็งเลยเป็นที่คอ แขนและขามากกว่า

 

ของพี่จับแล้วรู้สึกดีมากเลย….”    พูดไปก็อายไป ใบหน้าใสเลยก้มงุดอยู่กับแผงอกเขา

 

คงเป็นเพราะเฟยเฟยไม่มีกล้ามหน้าท้องเลยแม้แต่นิดเดียว เจ้าลูกกระต่ายถึงได้ชอบและคงอยากมีบ้าง

 

ทำเอานึกถึงเมื่อตอนนั้นขึ้นมาเลย

 

เขาเคยบอกใช่ไหม ว่าเขาได้ร่างกายแบบนี้มาจากการถูกคุณปู่จับส่งไปฝึกโหด

 

มันเป็นเรื่องที่ผู้ชายตระกูลหวังทุกคนต้องเจอ แน่นอนว่าทั้งหวังอี้คุนและหวังเฟยเฟยก็เคยโดนมาเหมือนกัน

 

เจ้าเด็กแฝดเคยถูกส่งไปฝึกพร้อมกันตอนปิดเทอมซัมเมอร์เหมือนที่เขาโดนนี่แหละ คุณปู่ใช้มุกเรียกให้ไปหาที่ปักกิ่งและรวบตัวทั้งคู่ส่งค่ายทหารเหมือนเขาเป๊ะ

 

แต่ที่มันต่างออกไปก็เพราะคนที่ถูกจับไปคือหวังเฟยเฟยนี่แหละ!

 

อี้คุนถูกฝึกตามขั้นตอนอย่างไม่มีปัญหาอะไร แต่กับเจ้าลูกกระต่ายนี่คนละเรื่องกันเลย 

 

ประมาณว่าคนทั้งกองร้อยต้องมายืนคอยเจ้าลูกกระต่ายที่วิ่งไม่ครบรอบสนามซักที ความเร็วพอๆกับหอยทากแถมวิ่งไปโซไปเซมาเล่นเอาเพื่อนทหารลุ้นตามครูฝึกถึงกับปาดเหงื่อ จะดุด่ามากก็ไม่ได้เพราะเจ้าลูกกระต่ายร้องไห้โฮไม่อายใครจนครูฝึกต้องเป็นฝ่ายอายแทน แถมยังเป็นหลานรักของผู้บังคับบัญชาการสูงสุดอีก 

 

ให้ฝึกลุยโคลนก็จมหายไปในโคลนจนครูฝึกและเพื่อนร่วมกองร้อยต้องลงไปช่วยกันงม  ให้ลากยางรถยนต์ก็ลากไม่ไปจนคนอื่นได้แต่ยืนขำกับความลูกกระต่ายทะเลาะกับยางรถ  กลางคืนก็นอนปิดไฟไม่ได้เลยสว่างไสวไปทั้งโรงนอน บางคืนก็มีเสียงโหวกเหวกโวยวายเพราะไล่ตีแมลงสาบให้เจ้าตัววุ่นวาย เรียกว่าป่วนมันทั้งกองร้อยจนครูฝึกถึงกับกุมขมับ

 

อยู่ยังไม่ทันถึงอาทิตย์ คุณปู่ก็ต้องวิ่งแจ้นไปรับกลับแทบไม่ทัน

 

แล้วหลังจากนั้นเจ้าลูกกระต่ายก็แฮ่ใส่และไม่ยอมให้คุณปู่เข้าใกล้อีกเลยเป็นเดือนๆ คนที่ไม่เคยง้อใครอย่างคุณปู่ถึงกับทำอะไรไม่ถูก พยายามจะเอาใจแต่เจ้าลูกกระต่ายก็หลบอยู่หลังคุณย่าแล้วมองด้วยสายตาไม่ไว้วางใจตลอด พยายามจะอธิบายเหตุผลว่าทำไมต้องจับไปฝึกโหดทั้งๆที่กับพวกเขานี่ไม่เคยบอกอะไรแท้ๆ แต่เจ้าลูกกระต่ายขี้งอนก็ไม่ฟัง เล่นเอาผู้ชายที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของกองทัพถึงกับไปไม่เป็นเลยทีเดียว

 

จากนั้นคุณปู่จึงไม่กล้าส่งเจ้าลูกกระต่ายไปค่ายทหารอีกเพราะกลัวหลานรักไม่ยอมพูดด้วยนี่แหละ เขานึกถึงทีไรก็ยังขำไม่หาย

 

ก็นั่นแหละ เหตุผลว่าทำไมเจ้าลูกกระต่ายถึงไม่มีกล้ามอะไรกับใครเค้า

 

ดวงตาคมกล้าทอดมองคนในอ้อมแขนที่หลับไปแล้วอย่างเอ็นดู  ไออุ่นที่มอบให้แก่กันทำให้เปลือกตาค่อยๆปิดลง

 

พวกเขาหลับยาวจนถึงเช้าเลยทีเดียว




"เฟย…"

 

"เฟยเฟย…"    เสียงกระซิบเหมือนจะดังอยู่ไกลแสนไกล แต่ก็ใกล้แสนใกล้

 

"ตื่นได้แล้วครับ"    ใบหน้าหล่อเหลาก้มลงไปกระซิบแนบใบหูทำให้คนหลับสนิทเริ่มจะรู้สึกตัว

 

"อือ~ ที่นี่ที่ไหน~"   เฟยเฟยถามออกมาทั้งๆที่ยังไม่ยอมลืมตา เสียงทุ้มหัวเราะเบาๆก่อนจะตอบกลับไป

 

"ในอ้อมแขนของหวังอี้หยางครับ"

 

"ง่ะ"   เจ้าลูกกระต่ายถึงกับผงะ ก็มีอย่างที่ไหน ตื่นมาปกติเค้าต้องถามว่ากี่โมงแล้วงี้สิ แต่เจ้าตัววุ่นวายกลับถามว่าที่ไหนซะได้

 

"หื๋อ?…ข้างนอกยังมืดอยู่เลย?"   ใบหน้ามนผงกหัวขึ้นมามองนอกประตูเลื่อนกระจก พระอาทิตย์ยังไม่ขึ้นทำให้ข้างนอกยังไม่สว่างดี

 

"ใช่ แต่ว่าเราต้องไปที่ที่หนึ่ง ไปแต่เช้าน่าจะดีกว่า สายๆคนเยอะแล้วจะถ่ายรูปไม่สวยนะ"

 

"งือขอนอนหน่อย~"   เจ้าลูกกระต่ายงอแงยังคงกอดผ้าห่มแน่น

 

"ลุกเถอะ นายต้องชอบแน่ๆ"   เขาพยายามโน้มน้าว

 

"อือ~ ก็ได้~"   ใบหน้าเง้างอดชั่งใจอยู่หลายนาที อยากนอนก็อยาก อยากไปเที่ยวก็อยาก

 

เฟยเฟยยืดแขนยืดขาบิดขี้เกียจ สภาพเหมือนลูกกระต่ายที่กำลังงัวเงียไม่มีผิด

 

พวกเขาเพิ่งอาบน้ำไปเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน เพราะงั้นจึงใช้เวลาเปลี่ยนชุดไม่นาน 

 

เขาไม่ได้ซื้อเสื้อผ้าใหม่หรือใส่ซ้ำ แต่ระหว่างที่นายใหญ่กำลังนอนหลับ เหล่าลูกน้องของเขาก็เอาทั้งเสื้อผ้าทั้งรถมาให้ถึงเรียวกังเรียบร้อย

 

เพราะงั้นพอก้าวขาออกมาจากเรียวกัง จะมองเห็นเจ้าม้าลำพองเปิดประทุนสีขาวของเฟยเฟยมาจอดรออยู่ก็ไม่แปลก ใบสีแดงของเมเปิลปลิวตกลงมาบนกระโปรงรถ ช่างเป็นภาพรับอรุณที่สวยงามจริงๆ

 

Ferrari Portofino M วิ่งไปตามถนนที่เต็มไปด้วยบ้านเรือนสองชั้นที่สร้างตามสไตล์ญี่ปุ่นร่วมสมัย ในเกียวโตไม่ค่อยมีตึกสูงเท่าไหร่และผู้คนก็ใช้ชีวิตกันอย่างสบายๆไม่รีบเร่งเหมือนในโตเกียว ใช้เวลาไม่ถึง20นาทีเจ้าม้าสีขาวก็มาจอดใต้เสาโทริอิสีแดงอันใหญ่แล้ว

 

เฟยเฟยยังดูงงๆเพราะภาพตรงนี้ยังไม่คุ้นตา เขาพาร่างบางเดินเข้าไปในศาลเจ้าที่ไม่มีใครเลยนอกจากผู้ดูแลศาลเจ้าที่เดินสวนมาพร้อมกับพยักหน้าทักทาย

 

หกโมงยังเช้าเกินไปสำหรับนักท่องเที่ยว เพราะงั้นเมื่อพวกเขาเดินทะลุกลุ่มอาคารประกอบพิธีไปจนถึงด้านหลังศาลเจ้า ดวงตากลมโตจึงเริ่มเบิกกว้างเพราะเริ่มคุ้นกับภาพตรงหน้าแล้ว

 

รูปปั้นจิ้งจอกหินตัวใหญ่นั่งประกบอยู่สองข้าง ส่วนตรงกลางคือเสาโทริอิสีแดงนับพันต้นที่ตั้งเรียงรายทอดยาวไปแสนไกล ภาพนี้ก็คือไฮไลท์แห่งหนึ่งหากจะพูดถึงเกียวโต

 

ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ!”    เฟยเฟยพูดออกมาอย่างตื่นเต้นและหันมามองเขาตาโต

 

อื้อ”    ใบหน้าหล่อเหลาพยักรับเบาๆ เขามองตามร่างโปร่งบางที่หมุนตัวเดินขึ้นบันไดหินภายใต้อุโมงค์โทริอิสีแดงไปอย่างไม่วางตา

 

ร่างขาวๆที่อยู่ท่ามกลางเสาของศาลเจ้าสีแดงช่างดูสวยงามและลึกลับไปในคราวเดียวกัน โคมไฟสี่เหลี่ยมที่แขวนกับเสาไว้เป็นระยะๆยังมีไฟติดอยู่เลยยิ่งทำให้ภาพที่เขาถ่ายออกมาราวกับมีมนต์ขลัง ใบเมเปิลที่หล่นอยู่บนบันไดหินสีดำเหล่านั้นก็ยิ่งขับเน้นให้ภาพดูงดงามตระการตา

 

คิดไม่ผิดจริงๆที่ตื่นมาแต่เช้า 

 

สวยมากเลย เฟยเคยเห็นแต่ในรูป ของจริงสวยสุดๆเลยอ่ะ บรรยากาศก็อย่างกับจะมีเทพจิ้งจอกเดินออกมาต้อนรับเลย”   เฟยเฟยยิ้มอย่างมีความสุข ร่างโปร่งกึ่งเดินกึ่งกระโดดไปตามแนวเสาโทริอิสูงๆต่ำๆที่ไล่ขึ้นไปบนเนินเขา  เขาเองก็มองตามไปอย่างเพลิดเพลินเช่นกัน

 

อ๊ะ ตรงนี้มีศาลเจ้าน้อยด้วย มาขอพรกันนะพี่อี้หยาง”    มือบางคล้องแขนเขาก่อนจะลากไปยังศาลเจ้าไม้หลังกลางๆที่ตั้งอยู่ระหว่างทาง

 

เฟยเฟยหลับตาพนมมือขอพรอย่างตั้งอกตั้งใจ เขาลอบยิ้มในขณะที่ลอบมองริมฝีปากสีระเรื่อขมุบขมิบอะไรยืดยาว ส่วนตัวเขาคงไม่ขออะไรมากเพราะทั้งชีวิตเขาก็อยากได้อยู่แค่สิ่งเดียว

 

นั่นก็คือคนที่ยืนอยู่ข้างๆนี่แหละ

 

เขาปล่อยให้เจ้าลูกกระต่ายสายมูไปดูเครื่องรางที่วางขายอยู่ในอาคารไม้ข้างๆ ร่างสูงสง่าเดินทอดน่องดูรอบๆไปเรื่อยๆก่อนที่สายตาจะไปเห็นแผ่นป้ายไม้ขอพรที่ถูกแขวนอยู่นับหมื่นนับพันอันเข้า ทั้งหมดนั้นมันเป็นรูปหน้าจิ้งจอกที่ไม่เหมือนกับศาลเจ้าไหนๆ แล้วแต่ละอันก็เขียนกันได้จัดเต็มสุดๆ เขายืนมองรูปวาดตัวการ์ตูนที่ราวกับหลุดมาจากมังงะพวกนั้นอย่างเอ็นดู วาดตกแต่งกันแม้แต่หน้าจิ้งจอกบนแผ่นไม้

 

เฟยซื้อมาเผื่อพี่ด้วย เขียนขอพรกันนะ”   เอ้า เจ้าลูกกระต่ายสายมูนี่ก็เอากับเค้าด้วยเหรอ เขาถึงกับหัวเราะในความไวกับเรื่องแบบนี้ของเฟยเฟย

 

เขามองแผ่นไม้รูปหน้าจิ้งจอกที่อยู่ในมือ 

 

ของอาเฟยนั้นเขียนอะไรยาวเยื้อยจนแทบจะล้นแผ่นไม้ ส่วนของเขากลับมีเพียงประโยคเดียวสั้นๆ

 

 

ขอให้เฟยเฟยรักและอยู่เคียงข้างเขาไปจนวันตาย

 

 

เขาไม่ขออะไรมากไปกว่านี้อีก

 

เจ้าลูกกระต่ายที่ยื่นหน้ามาสปายว่าเขาขอพรอะไรถึงกับเม้มปากหน้าแดงแปร๊ดกลับไป เขาจึงยิ้มให้เจ้าคนที่ผูกแผ่นไม้ไปเขินไป

 

น่ารัก...

 

 

 

 



พวกเขาลงมาจากเสาโทริอิพันต้นตอนสายๆ นักท่องเที่ยวเริ่มทยอยมากันแล้ว ถ่ายรูปตอนนี้คงติดคนมากมายแน่ๆ

 

Ferrari Portofino M แล่นออกจากเมืองเกียวโตไปยังทางทะเลสาบบิวะ เพราะ Wind Tunnel Technical Center ตั้งอยู่ในเมืองไมบาระ จังหวัดชิงะ 

 

ที่นั่นเป็นศูนย์ทดสอบวิจัยเรื่องแรงลมและเสียงของสถาบันวิจัยRTRI  มีอุโมงค์ลมขนาดใหญ่ซึ่งใหญ่กว่าที่ใช้เทสรถทั่วไปมาก เพราะนี่คือการเทสรถไฟทั้งคันไม่ใช่แค่รถF1หรือซุปเปอร์คาร์ธรรมดาๆ

 

หวังอี้หยางเป็นคนนั่งอยู่หลังพวงมาลัยโดยมีเจ้าลูกกระต่ายนั่งยิ้มกริ่มสไลด์จอมือถือดูรูปถ่ายจากศาลเจ้าฟูชิมิอินาริเมื่อเช้าอยู่ข้างๆ น่าจะอีกเกือบชั่วโมงกว่าจะถึงไมบาระ 

 

"ผู้หญิงคนนั้นกำลังท้องอยู่"   จู่ๆนายใหญ่ของDiamond crown ก็เอ่ยลอยๆออกมาทำให้คนที่นั่งอยู่บนเบาะข้างๆถึงกับทำมือถือร่วง

 

"ผู้หญิงคนไหน?!!"    ใบหน้ามนหันมามองเขาอย่างตกใจ

 

"ผู้หญิงคนที่แกล้งเมาแล้วให้นายไปส่งที่บ้านเพื่อจะถ่ายรูปแบล็กเมล์เมื่อคืนนี้ไง"    ลูกน้องเขาที่นำตัวทั้งสองคนไปเค้นคอเพิ่งรายงานมาเมื่อเช้านี้ เขาจึงตัดสินใจเล่าให้เฟยเฟยฟัง

 

"อ๋อ~ ตกใจหมด นึกว่าพี่ไปทำใครท้องซะอีก! ห้ามเลยนะ!"    เขาถึงกับหัวเราะในลำคอกับความขี้หวงของเจ้าลูกกระต่าย

 

"หึ ชั้นจะไปทำใครท้องได้นอกจากนาย"    ใบหน้าหล่อเหลาจึงหันไปหยอกเย้าเสียหนึ่งดอก

 

"งื้อ!"   ฟันกระต่ายแยกเขี้ยวให้ก่อนจะหันหน้าไปบ่นงุ้งงิ้งแล้วหันมาถามต่อ

 

"แล้วยังไงต่อ? สองคนนั้นเป็นยังไงบ้าง?"

 

"แค่โดนต่อยไปทีเดียว ผู้ชายทุเรศๆคนนั้นก็สารภาพแทบจะทันที"     มือใหญ่จับพวงมาลัยอย่างมั่นคงเช่นเดียวกับสายตาที่มองตรงไปข้างหน้า เขาคิดมาดีแล้วว่าอาเฟยควรได้รู้เรื่องของสองคนนั้น ส่วนอาเฟยจะเอายังไงเขาก็จะปล่อยให้เลือกเอง

 

"สองคนนั้นคบกันอยู่ ฝ่ายผู้ชายไม่ได้ทำงานทำการเป็นหลักแหล่งอะไร เป็นพวกนักเลงปลายแถวรีดไถเงินคนอื่นไปวันๆ แล้วพอฝ่ายหญิงท้อง มันก็ไม่คิดจะรับผิดชอบ ซ้ำยังข่มขู่ผู้หญิงคนนั้นอีกว่าถ้าไม่ยอมทำตามแผนแบล็กเมล์ของมัน มันจะให้เอาเด็กออก"

 

"เลวที่สุดเลย!"   เฟยเฟยด่าอย่างใส่อารมณ์เมื่อได้ฟังเรื่องที่เขาเล่า

 

"ผู้หญิงคนนั้นอยากเอาลูกไว้ อยากเลี้ยงลูก แต่ลำพังเธอก็ไม่ได้มีเงินมากพอที่จะทำแบบนั้นได้ แล้วฝ่ายชายที่เป็นพ่อเด็กยังไม่คิดจะช่วยเรื่องค่าใช้จ่ายอีก เธอจึงจำเป็นต้องทำตามที่หมอนั่นบอกเพื่อให้ได้เงินมาคลอดลูกแล้วก็เลี้ยงดูเด็ก"

 

"เธอบอกว่าเธอก็ไม่อยากจะแบล็กเมล์นายเพื่อรีดไถเงินหรอก เพราะนายเป็นคนดี แต่เพราะเธอรู้มาว่าบ้านนายน่าจะรวยมาก เงินที่เธอรีดไถอาจจะเป็นแค่เศษเงินก็ได้ นายอาจจะไม่ได้เดือดร้อนเท่าคนอื่น แล้วนายยังเป็นชาวต่างชาติ อาจจะอยู่ที่ญี่ปุ่นอีกไม่นาน แฟนเธอคงตามไปรีดไถอีกไม่ได้"   ฝั่งผู้หญิงน่าจะยังมีจิตสำนึกอยู่บ้าง ถึงทางที่เลือกทำมันจะไม่ถูกก็เถอะนะ

 

"อ๊า! แล้วยังไง? ยังจะคบผู้ชายชั่วๆนั่นต่ออีกเหรอ เจอขนาดนี้แล้วยังไม่คิดจะเลิกอีกเหรอ~!"     เฟยเฟยแทบจะพ่นไฟออกมา

 

"เธอก็รู้ว่าหมอนั่นมันเลว แต่เธอไม่มีทางเลือก เธอจำเป็นต้องพึ่งพาผู้ชายเลวๆคนนั้น การคลอดเด็กแล้วก็เลี้ยงเด็กสักคนให้โตขึ้นมา มันต้องใช้เงินเยอะ แถมสังคมจะตราหน้าอีกหากเด็กไม่มีพ่อ"   เฟยเฟยถอนหายใจอย่างหดหู่ เจ้าลูกกระต่ายก็รู้อยู่หรอกว่าในโลกนี้ยังมีคนที่ลำบากเพราะความเหลื่อมล้ำและไม่ยุติธรรมพวกนี้อยู่ โชคชะตาของคนเรานั้นไม่เหมือนกัน บางคนดิ้นรนเท่าไหร่ก็ยังไม่หลุดพ้นจากความทุกข์ทรมานเสียที

 

"...โชคดีจังที่ปะป๊าของเฟยเป็นผู้ชายที่ดี รักลูกรักเมียที่สุด!"   เจ้าลูกกระต่ายตะโกนออกมาอย่างอัดอั้น คงจะเห็นใจผู้หญิงคนนั้นนั่นแหละ

 

"คนที่มีครอบครัวอบอุ่นน่ะ ไม่ได้มีมากนักหรอกนะ…"    เสียงทุ้มเอ่ยออกไปในขณะที่สายตาก็ยังมองทาง

 

"ชั้นเองก็จะพยายามเต็มที่ เพื่อสร้างครอบครัวที่อบอุ่นให้นายนะ เฟยเฟย…"

 

"งื้อ~"

 

"ชั้นจะไม่ปล่อยให้นายต้องเจอเรื่องแบบที่ผู้หญิงคนนั้นต้องเจออย่างเด็ดขาด"   มือใหญ่เอื้อมไปจับมือบางที่วางอยู่บนหน้าตัก

 

"เฟยก็จะพยายามเหมือนกัน! จะทำให้พี่มีครอบครัวที่อบอุ่น!"

 

"จะมีลูกกระต่ายตัวเล็กๆให้ชั้นด้วย?"

 

"อื้อ!"

 

"ตกลงยอมเป็นแม่ของลูกให้ชั้นแล้วใช่ไหม? ถ้างั้นก็บอกรักชั้นซะสิ"

 

"เอ๊ะ? ง่ะ! อย่ามาเนียนนะ! พูดเรื่องของอาซาโกะซังอยู่แท้ๆ วกมาเรื่องตัวเองเฉย!"    เจ้าลูกกระต่ายที่เพิ่งรู้ตัวทำหน้าหงึจนเขาได้แต่อมยิ้มอย่างอารมณ์ดี ว่าแต่ ผู้หญิงคนนั้นไม่ได้ชื่ออาซานะเหรอ?

 

รถสีขาวเลี้ยวเข้าเมืองไมบาระด้วยเส้นทางที่ลัดเลาะไปตามริมทะเลสาบบิวะ ในที่สุดพวกเขาก็มาถึง Wind Tunnel Technical Center จนได้

 

ดูเหมือนรุ่นพี่ของเฟยเฟยจะติดต่อทางศูนย์วิจัยเอาไว้เรียบร้อยแล้ว พวกเขาถึงได้บัตรวีไอพีมาห้อยอยู่ที่คอ

 

เขาเดินตามเฟยเฟยเข้าไปทั้งๆที่ไม่ได้รู้เรื่องอะไร แต่แค่ได้มองใบหน้ามนที่ดูตื่นเต้น ดูสนอกสนใจกับทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ในนี้ เขาก็มีความสุขแล้ว

 

ดวงตาคมกล้าทอดมองอุโมงค์ลมขนาดใหญ่อย่างทึ่งๆ วันนี้มีการทดสอบรถไฟชินคันเซ็นสายเหนือพอดี เฟยเฟยจึงได้เรียนรู้เต็มที่ เขาเองก็มองเหล่าวิศวกรในชุดนักวิจัยที่ยืนอ่านค่าอะไรต่างๆพลางปรึกษาหารือกันอยู่ที่ห้องควบคุมอย่างรู้สึกทึ่งๆ คนพวกนี้เองสินะที่สร้างสิ่งน่าอัศจรรย์นี้ขึ้นมา 

 

 

 




Ferrari Portofino M กลับถึงตัวเมืองเกียวโตอีกครั้งตอนบ่ายแก่ๆ จะกลับโรงแรมตอนนี้ก็ดูจะเร็วเกินไปประกอบกับอากาศที่กำลังเย็นสบายก็เหมาะกับการเดินเล่น แล้วถนนสายกาน้ำชาหน้าวัดคิโยมิสึที่เจ้าอาเธอร์หาข้อมูลส่งมาให้ก็ดูน่าสนใจดี เขาจึงพาเฟยเฟยแวะไปเสียหน่อย

 

อ๊ะ อันนี้ทางไปวัดคิโยมิสึเหรอครับ?”    ร้านขนมญี่ปุ่น ร้านขายผ้า ขายของที่ระลึก ของกระจุกกระจิกน่ารักๆสไตล์ญี่ปุ่นที่ขนาบอยู่สองข้างทางทำให้เฟยเฟยเบิกตากว้างอย่างตื่นเต้น 

 

อืม”    เส้นทางเดินปูหินที่ต้องขึ้นเนินบ้าง หักเลี้ยวไปตามมุมกำแพงกรุไม้ไผ่สไตล์ญี่ปุ่นบ้างทำให้ที่นี่ดูมีเสน่ห์ อาคารร้านค้าก็ยังความเป็นอาคารไม้อยู่

 

ร่างโปร่งเริ่มแวะมันตั้งแต่ร้านแรก มือบางชูตุ๊กตากระต่ายที่ทำจากผ้าญี่ปุ่นขึ้นมาให้เขาดู ใบหน้ามนยิ้มหวานแลดูสนุกสนานกับการได้เดินดูของฝากน่ารักๆพวกนี้ เขาเองก็เดินตามไปอย่างไม่รู้สึกเบื่อเลย

 

แล้วจู่ๆเฟยเฟยก็หยุดนิ่งอยู่ที่หน้าร้านๆหนึ่ง ดวงตากลมโตกวาดมองตั้งแต่บนลงล่าง ล่างขึ้นบนอีกครั้งก่อนจะหันมาหาเขาด้วยประกายวิบวับในดวงตา

 

พี่อี้หยาง ร้านเช่าชุดกิโมโนละ เฟยอยากลองใส่บ้างอ่ะ ใส่กันนะๆๆ”    เขายังไม่ทันได้ตอบรับหรือปฏิเสธ มือบางก็ลากเขาเข้าร้านไปแล้ว

 

"สวัสดีค่ะ เชิญค่ะ เช่าชุดกิโมโนหรือว่าถ่ายภาพดีคะ?"   คุณป้าที่น่าจะเป็นเจ้าของร้านเดินใส่ชุดกิโมโนเรียบร้อยออกมาต้อนรับทันทีที่พวกเขาก้าวเข้าร้านไป เมืองท่องเที่ยวอย่างเกียวโตร้านเช่าชุดกิโมโนแบบนี้กำลังเป็นที่นิยมสำหรับนักท่องเที่ยวที่อยากใส่ชุดกิโมโนเดินเที่ยวในเมืองเพื่อถ่ายรูปและสัมผัสกับความเป็นญี่ปุ่นมากขึ้น

 

"เช่าชุดครับ"   เสียงทุ้มตอบแทนเจ้าคนที่ลากเขาเข้ามาแต่ตอนนี้กลับกำลังเกาะตู้กระจกที่มีหุ่นลองชุดตั้งอยู่อย่างตื่นตาตื่นใจ มีลายผ้ากิมิโนวางโชว์อยู่หลายผืน

 

"อ๊ะ? ที่นี่มีสตูดิโอถ่ายรูปด้วยเหรอครับ?"   เฟยเฟยหันมาถามตาโตเมื่อได้ยินเสียงคุณป้าเจ้าของร้านแนะนำ

 

"มีค่ะ ทางนี้เป็นตัวอย่างภาพถ่ายจากสตูดิโอค่ะ"   คุณป้าผายมือไปที่กรอบรูปขนาดใหญ่ที่ตั้งพิงข้างฝาไว้บ้าง ติดผนังอย่างแอนทิคไว้บ้าง การตกแต่งร้านสไตล์เก่าๆยิ่งทำให้ดูมีมนต์ขลังจนเจ้าลูกกระต่ายถึงกับโพล่งออกไป

 

"ผมอยากถ่ายรูปแบบนี้ครับ!"   นิ้วเรียวชี้ไปที่กรอบรูปหนึ่งซึ่งแขวนเอาไว้บนผนัง ทั้งคุณป้าเจ้าของร้านทั้งหวังอี้หยางถึงกับผงะไปเมื่อได้เห็นว่ารูปนั้นคือรูปแบบไหน

 

คนหนึ่งใส่ชุดฮากามะแบบพิธีการสีดำยืนซ้อนอยู่ข้างหลัง คนหนึ่งสวมกิโมโนสีขาวมีหมวกคลุมผมนั่งอยู่บนเก้าอี้

 

"พี่อี้หยาง มาถ่ายด้วยกันนะ! เฟยเคยเห็นแต่ในทีวี กิโมโนสีขาวแบบนี้สวยมากเลยอ่ะ~ ไม่คิดว่าจะมีให้ใส่ทั่วไปด้วย"   แค่ผงะยังไม่พอตอนนี้คุณป้าเจ้าของร้านยืนอ้าปากค้างไปแล้ว  แต่ด้วยความที่เป็นมืออาชีพและคงได้เจอลูกค้าชาวต่างชาติแปลกๆมามาก คุณป้าจึงกลับเข้าโหมดยิ้มแย้มต้อนรับลูกค้าต่อ

 

เอ่อถ่ายฉากเซตนี้นะคะ…”    คุณป้าถามย้ำให้แน่ใจแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรซ้ำยังอมยิ้มกับท่าทางกระตือรือล้นของเฟยเฟย 

 

ครับ!”    เขาลอบมองเจ้าตัววุ่นวายที่ตอบรับอย่างแข็งขัน เจ้าลูกกระต่ายนั่นรู้รึเปล่าว่าชุดนี้มันคือชุดอะไร? แต่ก็น่าจะรู้ไหมนะ? น่าจะรู้แหละน่า?...

 

ถึงจะไม่มั่นใจนักแต่เขาก็ตามน้ำไป คุณป้าเชิญพวกเขาไปที่ห้องเปลี่ยนชุด เฟยเฟยเลือกกิโมโนสีขาวตัวนั้นอย่างตั้งใจ ถึงมันจะเป็นสีขาวทั้งตัวแต่ก็มีลายอยู่บนเนื้อผ้าด้วย 

 

เขามองมือบางลูบเนื้อผ้าของกิโมโนแต่ละตัวเบาๆ เฟยเฟยตั้งใจเลือกมันอย่างพิถีพิถัน เขามองภาพเหล่านั้นด้วยความรู้สึกราวกับมีอะไรแผ่ซ่านอยู่เต็มหัวใจ เพราะชุดที่พวกเขากำลังจะสวมใส่นี้มันคือชุดแต่งงาน

 

มันคือชุดเจ้าบ่าวเจ้าสาวแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่น

 

คุณผู้ชายเชิญทางนี้ค่ะ”    คุณป้าพนักงานร้านอีกคนเชิญเขาไปที่ห้องซึ่งอยู่ข้างๆกัน

 

เจ้าบ่าวหล่อ เจ้าสาวสวยแบบนี้ ใส่ชุดไหนก็ออกมาดูดีมากๆแน่ค่ะ”    เขาพยายามเก็บรอยยิ้มไว้ภายใต้ใบหน้าเคร่งขรึม จริงๆก็ต้องบอกว่าเกินคาดของเขาไปมากที่จะได้ทำอะไรแบบนี้

 

ชุดนี้น่าจะเหมาะนะคะ”    คุณป้าเปิดกล่องแบนๆเรียบหรูใบหนึ่ง ในนั้นมีกิโมโนและฮาโอริสีดำวางอยู่ กล่องอีกใบถูกเปิดวางข้างๆกัน ในนั้นมีกางเกงฮากามะลายทางขาวสลับดำวางทับไว้ด้วยเชือกคาดเอวสีดำ

 

เขามองชุดที่ตัดเย็บอย่างประณีตนี้ด้วยความรู้สึกเหมือนตกอยู่ในภวังค์ 

 

ถ้าเราได้ใส่ชุดนี้เข้าพิธีแต่งงานจริงๆจะดีสักแค่ไหนกันนะ เฟยเฟย

 

"เอาชุดนี้เลยดีไหมคะ?"    เสียงคุณป้าทำให้เขาหลุดจากภวังค์ 

 

"ครับ"   ใบหน้าหล่อเหลาพยักรับ

 

"ดีจริงๆ ในที่สุดก็มีคนใส่มันได้สักที ป้าเก็บชุดนี้มานานมากแล้ว แต่หาชายหนุ่มที่หุ่นดีพอที่จะใส่มันไม่มีเลย คุณสูงมาก ไหล่กว้าง แขนยาวขายาว ช่วงลำตัวก็ไม่หนาไปไม่บางไป ต้องใส่ฮากามะชุดนี้สวยมากแน่ๆค่ะ นี่เป็นงานมาสเตอร์พีชของร้านตัดกิโมโนที่ดีที่สุดของญี่ปุ่นเลยนะคะ"    คุณป้าร่ายยาวในขณะที่ช่วยเขาใส่กิโมโน ดูแกจะภาคภูมิใจกับชุดๆนี้มาก

 

ร่างสูงสง่าได้แต่ยืนกางแขนอยู่นิ่งๆ การใส่กิโมโนว่ายากสำหรับชาวต่างชาติอย่างเขาแล้ว กางเกงฮากามะที่คล้ายกระโปรงจับจีบนั่นยิ่งยากกว่า เพราะการคาดผ้าผูกเอวนั้นแสนจะยุ่งยาก เขาจึงทำได้แค่ยืนดูคุณป้าใส่ให้เท่านั้น 

 

"เหมาะมากจริงๆ"   คุณป้าละออกมาดูเมื่อสวมเสื้อคลุมฮาโอริที่ปักตราประจำตระกูลด้วยให้เขาเสร็จ มือที่มีริ้วรอยเหี่ยวย่นเอื้อมมาจับจีบจัดทรงกางเกงฮากามะให้เขาอีกรอบ จากนั้นย้ายไปดึงเชือกตรงพู่ที่เหมือนปอมปอมสีขาวกลางหน้าอกให้อยู่ในตำแหน่งที่พอดี เขาแทบไม่ต้องส่องกระจก เพราะแค่มองหน้าคุณป้าที่ดูภูมิใจในผลงานชิ้นนี้มากก็คงบ่งบอกได้เป็นอย่างดีแล้วว่าเขาใส่ชุดนี้ออกมาได้ดูดีขนาดไหน

 

"ไม่เคยเห็นเจ้าบ่าวที่หล่อขนาดนี้มาก่อนเลยค่ะ"   เขายิ้มบางๆรับคำชม ตอนที่คุณป้าแต่งตัวให้ เขาก็รู้สึกเหมือนมีแม่ที่กำลังดูแลความเรียบร้อยของเขาในวันแต่งงานจริงๆเลย

 

ปกติจะใส่แต่สูทอยู่ตลอด ได้มาแต่งตัวแบบนี้ก็แปลกใหม่ดี แถมชุดนี้ยังให้ความรู้สึกเหมือนพวกซามูไรอีกด้วย

 

"คุณรออยู่ที่นี่ก่อนนะคะ เดี๋ยวป้าไปช่วยแต่งตัวให้คุณหนูก่อน ชุดเจ้าสาวใช้เวลานานกว่า กว่าจะเสร็จ"   ใบหน้าเปื้อนยิ้มยิ้มให้ก่อนจะขอตัวออกจากห้องไป

 

เขาได้แต่เดินวนอยู่ในห้องเล็กๆนี่อย่างลุ้นในใจ เฟยเฟยจะเป็นยังไงบ้างนะ? จะใส่ชุดได้หรือเปล่า? เขาลุ้นพอๆกับเจ้าบ่าวที่รอพบเจ้าสาวในวันแต่งงานเลยจริงๆ

 

 

ก๊อกๆ

 

 

เสียงเคาะประตูทำให้เขาหันไปดู คนที่เดินเข้ามาคืออาเธอร์นั่นเอง

 

"เซตผมหน่อยไหมครับนาย?"   มือใหญ่ยื่นกระปุกเจลเซตผมที่เขาใช้ประจำมาให้ ฮึ หมอนี่สมควรได้ตำแหน่งเลขาที่ดีที่สุดในโลกไปจริงๆ

 

"ขอบคุณ"   เขารับเจลมาก่อนจะเสยผมขึ้นไป เคยหล่อแค่ไหนก็คูณไปอีกสองสามเท่าเมื่อทั้งเสื้อผ้าหน้าผมอยู่ในชุดพิธีการแบบนี้

 

เจ้าอาเธอร์เองก็ยืนมองด้วยสายตาเหมือนคุณป้าไม่มีผิด ก็นะยังไงหมอนี่ก็เลี้ยงเขามาตั้งแต่เด็ก

 

 

ก๊อกๆๆ

 

 

คราวนี้คนที่เคาะประตูเป็นคุณป้าเจ้าของร้าน 

 

"เสร็จแล้วค่ะ เชิญทางนี้ค่ะ"   คุณป้ายิ้มแย้มอย่างมีเลศนัย เหมือนตื่นเต้นที่จะได้เห็นปฏิกิริยาของเขายามเมื่อได้พบเฟยเฟยในชุดเจ้าสาวญี่ปุ่นเป็นครั้งแรก

 

แล้วคุณป้าก็ไม่ผิดหวังในเมื่อตอนนี้ร่างทั้งร่างของเขานิ่งค้างไปแล้ว

 

บอกตามตรงว่าตอนแรกเขาคิดไม่ออกเลยจริงๆว่ามันจะเป็นยังไง ถึงหน้าตาอาเฟยจะสวยมากแต่ยังไงร่างกายก็ยังเป็นผู้ชายอยู่ดี ไม่ได้มีหน้าอก ไม่ได้ตัวเล็กน่ารักเหมือนผู้หญิงญี่ปุ่นแต่ตัวบางสูงโปร่ง ถึงไหล่จะแคบกว่าผู้ชายทั่วไปแต่หากเทียบกับผู้หญิงก็ยังกว้างกว่าอยู่ดี

 

แต่คุณป้ากลับเนรมิตรให้เจ้าสาวของเขาที่นั่งรออยู่ที่เก้าอี้นั้นงดงามบอบบางราวกับตุ๊กตาญี่ปุ่น

 

เฟยเฟยสวยมาก

 

สวยจนเขาแทบหยุดหายใจ

 

เขาไม่รู้ว่าคุณป้าแต่งหน้ายังไง ใบหน้ามนนั่นถึงเหมือนตุ๊กตาดินปั้นได้ขนาดนี้ ยิ่งยามเมื่อดวงตากลมโตค่อยๆเหลือบขึ้นมา หัวใจของเขาก็ราวถูกกระชากออกไป

 

กิโมโนสีขาวที่ซ้อนทับกันหลายชั้นก็ไม่ดูเก้งก้างแต่กลับเน้นสัดส่วนจนร่างโปร่งดูบอบบางน่าทะนุถนอม

 

หมวกคลุมผมสีขาวของเจ้าสาวก็ปิดบังใบหน้าบางส่วนทำให้ดูลึกลับมีเสน่ห์ชวนมอง

 

และล็อกเก็ตเพชรแห่งหัวใจที่ถูกคล้องไว้ด้านบนกิโมโนนั่นก็เข้ากับชุดเจ้าสาวมาก

 

 

นี่เขาคงได้ตกหลุมรักอาเฟยอีกรอบนึงแล้วแน่ๆ

 

 

"เจ้าบ่าวไปยืนซ้อนด้านหลังเจ้าสาวเลยครับ"    

 

เสียงๆหนึ่งเรียกให้เขาหลุดจากภวังค์ เมื่อหันไปมองชายคนนั้นก็คือตากล้องนั่นเอง

 

เขาเดินเข้าไปหาเฟยเฟยที่จู่ๆก็ทำหน้างง มือใหญ่บีบไหล่บางเบาๆก่อนจะก้มลงไปกระซิบให้ได้ยินแค่สองคน

 

"นายสวยมากเลยเฟยเฟย"   ใบหน้ามนเอียงอายเล็กน้อยก่อนจะพูดงึมงำๆตอบเขา

 

"พี่ก็หล่อมากเลย…."    ใบหน้าหวานก้มงุด แต่เจ้าตุ๊กตาดินปั้นก็เป็นตุ๊กตาอยู่ได้แค่วินาทีเดียว

 

"เอ๊ะ? ทำไมพี่หล่ออยู่คนเดียวอ่ะ? แถมยังเดินได้สบายๆอีก ดูเฟยซิ คุณป้ารัดเอวเฟยจนลุกไปไหนไม่ได้เลยเนี่ย ชุดก็อย่างหนักอ่ะ หมวกนี่ก็อีก บังมองไม่เห็นอะไรเลย?"   ….บ่นงุ้งงิ้งแบบนี้กลับมาเป็นเจ้าลูกกระต่ายตัววุ่นวายประจำบ้านแล้วสินะ

 

"พร้อมนะครับ มองกล้องนะครับ~"   เสียงของตากล้องทำให้เจ้าลูกกระต่ายจำต้องหยุดบ่น เราสองคนหันไปมองที่กล้องโดยพร้อมเพียง

 

"เจ้าสาวเอียงหน้ามาทางขวานิดนึงครับ"   เขาได้ยินเสียงเฟยเฟยอุทานดัง "เอ๊ะ

 

"เจ้าสาว?"   เจ้าลูกกระต่ายงงเบาๆอยู่คนเดียวแต่ก็ยังไม่ได้พูดอะไร เสียงรัวชัตเตอร์ก็กลบความสงสัยไปเสียก่อน

 

"โอเค~ เจ้าสาวสวยมากเลยครับ เจ้าบ่าวก็หล่อมากครับ ดีมากครับ นิ่งๆครับ แบบนั้นแหละครับ"

 

"เจ้าสาว??"

 

"เจ้าบ่าวเอามือวางไว้บนไหล่เจ้าสาวนะครับ แบบนั้นแหละครับ ดีครับ"

 

"เจ้าสาว????"    คราวนี้ดูเหมือนจะงงหนักจนเขากลั้นขำแทบแย่ แสดงว่าคุณป้าไม่ได้บอกเจ้าลูกกระต่ายเลยสินะว่าชุดนี้มันชุดอะไร

 

"เอาละครับ เรียบร้อยแล้วครับ รูปต้องออกมาดีมากแน่ๆเลยครับ เจ้าบ่าวหล่อมากเจ้าสาวก็สวยมากเหมาะสมกันที่สุดเลยครับ"   ตากล้องเอ่ยชมไม่หยุดปากถึงแม้ว่าการถ่ายภาพจะเสร็จสิ้นแล้ว

 

และนั่นก็เปิดโอกาสให้คนที่สงสัยอยู่นานได้หันมาถามเขาเสียที

 

"ทำไมตากล้องถึงเรียกเฟยว่าเจ้าสาวอ่ะ? แล้วทำไมเรียกพี่ว่าเจ้าบ่าวด้วย?"    เจ้าลูกกระต่ายสงสัยจริงจัง เขาจึงยอมเฉลยด้วยรอยยิ้ม

 

"ก็ชุดที่เราถ่ายกันอยู่เนี่ย มันคือชุดแต่งงานแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่นไง"

 

"ห๊ะ?"   เฟยเฟยถึงกับทำพัดในมือร่วง 

 

"ชุดแต่งงาน? เจ้าบ่าว? เจ้าสาว? ???"    นิ้วเรียวชี้มาที่เขาก่อนที่จะชี้ตัวเอง

 

"ใช่"    เขาตอกย้ำความจริงด้วยใบหน้าขำๆ  ส่วนเจ้าลูกกระต่ายนั้น~

 

"อ๊า~~!!!!"   ใบหน้าจิ้มลิ้มพริ้มเพราภายใต้หมวกคลุมผมเจ้าสาวอ้าปากค้างไปแล้ว

 

"ไม่จริ๊งงงง!"    เจ้าลูกกระต่ายถึงกับกรี๊ดลั่นห้อง ...ไม่รู้จริงๆด้วยสินะเจ้าลูกกระต่ายเอ้ย คราวหน้าดูทีวีก็ฟังคำบรรยายด้วยสิ

 

เอารูปกลับไปติดไว้ที่ห้องนอนของเราในบ้านที่แคนาดาเลยก็แล้วกันนะ อาเธอร์ บอกให้เค้าขยายให้ใหญ่ๆด้วย นายกะดูแล้วกันว่าหัวเตียงผมต้องใช้ขนาดเท่าไหร่ ใส่กรอบไม้ก็น่าจะสวยดี”    ประโยคแรกเขาเอ่ยหยอกเย้าเจ้าลูกกระต่ายที่ได้แต่อ้าปากพะงาบๆ แต่ประโยคถัดมาเขาเอาจริงถึงได้หันไปสั่งเลขาส่วนตัวแบบนั้น

 

ครับ”    เลขาผู้เก่งกาจถึงกับอมยิ้ม

 

นายใหญ่แห่ง Diamond crown ได้รูปพรีเวดดิ้งอย่างอลังการมาอย่างมึนงงซะงั้น เลขามือพระกาฬไม่ต้องเหนื่อยหาออแกไนซ์เซอร์เลย เพราะคุณหนูเฟยเฟยจัดการ(?)เองหมด

 

 

 

พวกเขาตัดสินใจเช่าชุดยูกาตะสำหรับใส่เดินเที่ยวต่อ

 

เจ้าลูกกระต่ายตะกายขึ้นมาจากหลุมที่ขุดฝังตัวเองแล้วและตอนนี้ก็กำลังขุดหลุมใหม่ต่อไป

 

เขายืนอมยิ้มมองเฟยเฟยที่กำลังเลือกลายของชุดยูกาตะอย่างตั้งใจ คงจะเป็นเพราะถูกคุณย่ากับคุณยายเสี้ยมสอนมาตั้งแต่เล็กๆ เฟยเฟยเลยแต่งตัวเก่งมาก รสนิยมการเลือกเสื้อผ้าก็ดี อย่างตอนนี้ ยูกาตะสีฟ้าเหลือบชมพูลายดอกซากุระโบราณที่มือบางจับอยู่นั้นก็สวยคลาสสิคมาก

 

"ขอลองตัวนี้ได้ไหมครับ?"    คุณป้าเลิกตกใจแล้วจึงเชิญเฟยเฟยเข้าไปเปลี่ยนชุดด้วยรอยยิ้ม

 

ส่วนเขาก็เลือกยูกาตะสีดำเรียบๆก็พอ

 

"คุณหนูใส่ยูกาตะขึ้นมากเลยค่ะ ทั้งๆที่เป็นยูกาตะของผู้หญิงก็ยังใส่แล้วดูดีมาก ตัวสูงๆโปร่งๆบางๆเหมาะมากเลยค่ะ"    คุณป้าชื่นชมไม่หยุดแม้ในขณะที่ช่วยคาดโอบิเส้นใหญ่ที่เอวให้ โอบิสีเข้มเส้นนี้มีการประดับตกแต่งให้ดูน่ารักสมวัยมากกว่าโอบิชุดเจ้าสาวที่ดูเคร่งขรึมเรียบร้อย

 

ห๊ะ? ยูกาตะของผู้หญิง? มีแยกของผู้หญิงของผู้ชายด้วยเหรอครับ?”      หวังอี้หยางถึงกับขำพรืด นั่นไง ว่าแล้วไม่รู้เรื่องจริงๆด้วยสินะเจ้าลูกกระต่ายเอ้ย

 

ค่ะ แบบนี้เป็นแบบของผู้หญิงค่ะ นอกจากแยกหญิง-ชายแล้ว ของผู้หญิงเองก็ยังมีแยกช่วงอายุหรือสถานะด้วยนะคะ อย่างที่คุณหนูสวมอยู่นี้เป็นยูกาตะแขนยาวสำหรับเด็กสาว แต่ถ้าแต่งงานแล้วก็จะเป็นยูกาตะแบบทางนั้นมากกว่า”   คุณป้าผายมือไปที่ราวแขวนอีกฝั่งพร้อมทั้งอมยิ้มให้กับใบหน้าเหวอๆของเฟยเฟย

 

“....หรือจะเปลี่ยนเป็นยูกาตะผู้ชายไหมคะ?”   คุณป้าเสนอตัวเลือก แต่เจ้าลูกกระต่ายหันมามองราวแขวนยูกาตะแบบผู้ชายที่มีแต่สีเรียบๆทึมๆแล้วก็ทำหน้าหงึ

 

แต่ผมชอบลายของตัวนี้มากเลยอ่ะ  งื้อ”    ถ้าเป็นเรื่องเสื้อผ้าละก็ หวังเฟยเฟยจะเรื่องมากกว่าเซียวจ้านผู้เป็นแม่มากกกก

 

งั้นก็ใส่ไปเถอะ”   เสียงทุ้มรีบบอกออกไปเพราะกลัวเฟยเฟยจะเปลี่ยนใจ เพราะชุดนี้ดูเหมาะกับเจ้าลูกกระต่ายมาก

 

พี่ชอบไหม?”    ใบหน้ามนหันมาเอียงคอถาม

 

ชอบสิ ชอบมาก”     แก้มใสขึ้นสีน้อยๆก่อนจะเสหน้าหลบด้วยความเขินอาย

 

"งั้นเปลี่ยนเป็นยูกาตะผู้ชายดีกว่าครับ"    อ้าว?

 

เจ้าลูกกระต่ายแสยะยิ้มมาให้เขา สงสัยยังงอนที่เขาไม่ยอมบอกเรื่องชุดแต่งงาน

 

เขาส่ายหน้าเบาๆกับความเจ้าคิดเจ้าแค้นของเจ้าตัววุ่นวาย ถึงจะแอบเสียดายแต่ต่อให้เป็นยูกาตะผู้ชาย เฟยเฟยก็ยังใส่ออกมาได้น่ารักมาก

 

ดวงตาคมกล้าจ้องมองร่างโปร่งในยูกาตะสีแดงเข้มแซมไหมสีทองอยู่ในเนื้อผ้า โอบิสีดำที่คุณป้ากำลังรัดเอวบางให้ทำเอาเขาถึงกับต้องกลืนน้ำลาย 

 

แขนบางกางออกเพื่อให้คุณป้าช่วยสวมฮาโอริหรือเสื้อคลุมตัวสั้นสีดำให้ เขามองเฟยเฟยแต่งตัวอย่างไม่วางตา ทุกอิริยาบทนั้นน่ารักจริงๆ

 

"เป็นไงบ้าง?"    เฟยเฟยหมุนตัวให้เขาดู มือใหญ่ถึงกับต้องยกขึ้นมาปิดหน้าเพราะสองแก้มของเขามันกำลังร้อนผ่าว น่ารักขนาดนี้ได้ยังไงกันนะ ให้ตายเถอะ จะให้เขาตกหลุมรักอีกสักกี่รอบกัน

 

"อืม น่ารักมาก"   ใบหน้ามนหัวเราะคิกคักทั้งๆที่เขินอาย

 

แล้วรองเท้าเกี๊ยะก็ทำให้เจ้าลูกกระต่ายเดินไม่ค่อยชินจนต้องคอยเกาะแขนเขาไว้

 

พวกเขาออกจากร้านเช่าชุดกิโมโนแล้วเดินเล่นดูข้าวของในร้านสองข้างทางของถนนสายกาน้ำชา

 

คุกกี้รูปแมวเทา แมวสามสี แมวเมเปิลที่จะซื้อไปฝากรุ่นพี่ คุกกี้รูปหมาชิบะที่จะซื้อไปฝากคุโรทากะจากร้าน maigoto  ชาเขียวเกียวโตที่จะซื้อไปฝากปะป๊า แยมผสมกลีบดอกไม้และน้ำผึ้งที่จะซื้อไปฝากหม่าม้า ตุ๊กตาซามูไรที่จะซื้อไปฝากอี้คุน ชุดชงชาญี่ปุ่นและถ้วยชากระเบื้องเคลือบอย่างดีที่จะซื้อไปฝากคุณปู่คุณย่าคุณตา ผ้าไหมลายดอกสึบากิที่จะซื้อไปฝากคุณยาย แล้วไหนยังจะของเล่นของกระจุกกระจิกที่ซื้อฝากตัวเอง(?)ของเจ้าลูกกระต่ายอีก

 

กว่าจะถึงวัดคิโยมิสึหรือวัดน้ำใสได้ นอกจากข้าวของพะรุงพะรังที่เจ้าอาเธอร์กับการ์ดต้องช่วยกันถือแล้ว พวกเขายังถูกทั้งขอและแอบถ่ายรูปมาตลอดทาง

 

ด้วยบรรยากาศราวกับคู่รักซีอีโอที่มีบอร์ดี้การ์ดคอยตามติด พวกเขายังเป็นคู่ที่ใส่ชุดยูกาตะออกมาได้ดูดีมาก คนหนึ่งหล่อมากอีกคนก็น่ารักมาก เดินผ่านไปทางไหนใครก็มอง

 

แต่ก็ยังดีที่สองข้างทางมีร้านรวงให้ค่อยๆเดินแวะมาเรื่อยๆ เพราะถ้าขึ้นมาตรงๆคงเหนื่อยหอบแน่ๆ วัดคิโยมิสึตั้งอยู่บนเขาที่สูงจากปากทางเข้าพอสมควร

 

เฟยเฟยอยากมาไหว้พระที่นี่ วัดคิโยมิสึเป็นวัดใหญ่และเก่าแก่จนขึ้นทะเบียนมรดกโลก ภายในวัดมีอาคารมากมาย แต่ที่ขึ้นชื่อที่สุดก็คงไม่พ้นอาคารที่มีระเบียงไม้ยื่นออกไปนั่นเอง

 

และตอนนี้เขาก็กำลังยืนอยู่บนระเบียงไม้ที่ว่านั่น 

 

จากบนนี้สามารถมองเห็นวิวเมืองเกียวโตได้อย่างกว้างไกล ต้นเมเปิลสูงใหญ่ส่งปลายยอดขึ้นมาล้อมระเบียงเอาไว้ และใบของมันก็กำลังแดงสะพรั่ง เกิดเป็นภาพที่งดงามเกินจะจินตนาการเลยจริงๆ

 

ผู้คนมากมายยืนอยู่บนระเบียงไม้นี้ มันน่าทึ่งตรงที่คนสมัยก่อนสร้างมันขึ้นมาได้อย่างไร มันยื่นออกไปในหน้าผา มันเป็นอาคารที่มีขนาดใหญ่มาก มันเป็นไม้ทั้งหลัง และมันยังใช้เพียงแค่สลักไม้ยึดอีกต่างหาก ไม่มีตะปูอยู่ในอาคารนี้แม้แต่ตัวเดียว

 

"พี่อี้หยาง ไปไหว้พระกัน"   เฟยเฟยชวนเขาเข้าไปไหว้พระที่อยู่ในตัวอาคาร 

 

เขายืนพนมมืออยู่ข้างๆร่างโปร่งบาง ในใจยังคงอธิษฐานแค่เรื่องเดียวนั่นก็คือการได้ครองรักกับเฟยเฟยอย่างเนิ่นนาน

 

ช่างภาพจากสตูดิโอตามมาถ่ายรูปให้ด้วย จึงมีรูปตั้งแต่ที่เขาสองคนกำลังเลือกซื้อของด้วยกัน ชิมขนมญี่ปุ่นด้วยกัน ยืนไหว้พระอยู่ข้างๆกัน และชมวิวเมืองเกียวโตท่ามกลางใบเมเปิลสีแดงอยู่ที่ระเบียงไม้ด้วยกัน

 

เสียดายที่พวกเขามีเวลาแค่ครึ่งวัน เกียวโตยังมีสถานที่ทางประวัติศาสตร์ที่สวยงามอีกมากมาย และเจ้าลูกกระต่ายก็จ้องรถลากตาเป็นมันแต่มืดค่ำเสียก่อนจึงอดไป



 

 



"งื้ออออ ส่งงานเสร็จต้องกลับมาเกียวโตอีกให้ได้เลย!"    เจ้าลูกกระต่ายเดินเง้างอดกลับเข้าโรงแรมมาอย่างเสียดาย และด้วยความที่ไม่อยากให้ใครใช้ชุดยูกาตะตัวนี้ต่อเขาจึงตัดสินใจซื้อต่อจากคุณป้ามาเลย ตอนนี้พวกเขาจึงยังอยู่ในยูกาตะชุดเดิม

 

"อืม ที่นี่สวยมาก"   ขนาดเขายังเอ่ยปากชม

 

"เนอะ~ เฟยอยากไปขึ้นรถไฟสายโรแมนติกกับเดินดูป่าไผ่ที่อาราชิยามะ อยากไปตำหนักทองที่วัดกินคะกุจิ อยากไปทางเดินปรัชญา อยากไปดูใบไม้แดงวัดโทฟุคุจิ อยากไปโอฮาระ อยากไปวัดเบียวโดอิน อยากไปกิออน บลาๆๆ"   เฟยเฟยสาธยายพลางทำหน้าเคลิ้ม

 

"เอาไว้ค่อยมาใหม่ นายจะแช่ออนเซ็นก่อนไหม?"   เขาเอ่ยถามหลังจากเข้าห้องพักมาได้

 

"อื้อ~ ออนเซ็น~ ออนเซ็น~~"   เจ้าลูกกระต่ายเปลี่ยนอารมณ์ด้วยการโดดตึ๋งๆไปที่ห้องอาบน้ำ

 

เขาจึงเดินไปเปิดประตูบานเลื่อนที่เชื่อมต่อกับบ่อน้ำร้อนเอาไว้ให้

 

มือใหญ่ถือขวดไวน์กับแก้วมาวางไว้บนโต๊ะไม้ มืออีกข้างคลายคอเสื้อยูกาตะสีดำให้รู้สึกสบายก่อนจะนั่งลงไปบนชุดรับแขกที่มองออกไปเห็นทั่วทั้งบ่อออนเซ็น

 

ไม่นานเขาก็เห็นร่างขาวๆที่มีเพียงผ้าขนหนูผืนเล็กพันท่อนล่างเดินไปที่บ่อ

 

อึก

 

ไม่รู้ว่ากลืนน้ำลายหรือกลืนไวน์เข้าไปเลยแหะ

 

เจ้าลูกกระต่ายลองแหย่ๆขาลงไปในน้ำก่อนจะรีบชักออกมาเพราะว่ามันน่าจะร้อน ร่างบางกระโดดเหยงๆก่อนจะพยายามหย่อนขาลงไปใหม่

 

"ฮึ…"   เขานั่งหัวเราะอยู่คนเดียวเพราะภาพตรงหน้า กว่าจะลงไปแช่ได้เจ้าตัววุ่นวายก็โดดอยู่หลายรอบ

 

เขาทอดสายตามองใบหน้าฟินๆนั่นพลางอมยิ้ม ไวน์ถูกยกขึ้นมาจิบในขณะที่สายตายังไม่ละไปจากแผ่นหลังขาว

 

อึก

 

บอบบางขนาดนั้นได้ยังไงกัน

 

มันยิ่งทำให้เขาอยากกอด

 

เขามองเฟยเฟยแช่น้ำไปดื่มไวน์ไป แรกๆมันก็สุนทรีดีอยู่หรอก แต่พอยิ่งดื่มหลายแก้วเข้า อารมณ์ที่ถูกสะกดไว้มันก็เริ่มสะกดไม่อยู่

 

มือใหญ่วางแก้วไวน์ที่ว่างเปล่าลงก่อนจะลุกขึ้นช้าๆ สายตายังคงจับจ้องอยู่ที่ร่างขาวผ่องซึ่งบัดนี้เริ่มจะอมชมพู

 

ฝ่าเท้าก้าวย่างไปอย่างเงียบเชียบ ฝ่ามือปลดโอบิที่รัดเอวออก

 

ชึบ

 

เสียงที่จู่ๆก็มาหยุดอยู่ที่ขอบบ่อทำให้คนที่หลับตาพริ้มหันมามองอย่างมึนงง

 

"อ๊ะ?!"    มือบางรีบยกขึ้นมาปิดตาก่อนจะรีบหันหน้าไปทางอื่น

 

เพราะเขายืนอยู่ตรงนั้นโดยที่สาบเสื้อยูกาตะแหวกออกจากกัน โอบิคงถูกทิ้งอยู่กลางทางที่ไหนสักแห่ง

 

สวบ

 

เสียงท่อนขาที่เดินลงน้ำมาทำให้คนที่แช่อยู่ก่อนแล้วหันมามองเลิ่กลั่กทั้งๆที่ยังเอามือปิดตา

 

เขานั่งลงข้างๆเฟยเฟยก่อนจะเงยหน้าพิงขอบบ่อแล้วหลับตาอย่างผ่อนคลาย

 

อ่าน้ำร้อนนี่ดีจริงๆ นอกจากจะช่วยทำให้ร่างกายหายเหนื่อยล้ายังช่วยทำให้จิตใจของเขาสงบลงด้วย

 

เจ้าสิงโตหิวกระหายถึงได้ถูกสะกดไว้อีกครั้ง

 

"พะ พี่จะไม่จับเฟยกินใช่ไหม…"   เสียงตะกุกตะกักดังมาจากคนข้างๆ เจ้าลูกกระต่ายมีท่าทางหวาดระแวงเพราะยังไงเสียตอนนี้ร่างกายของพวกเขาก็เปลือยเปล่าด้วยกันทั้งคู่ ถึงแม้ว่าไอน้ำจะทำให้มองไม่เห็นอะไรเท่าไหร่ก็เถอะ

 

"ชั้นจะอดทนไว้เสียงทุ้มตอบทั้งๆที่ยังไม่ลืมตา 

 

"แต่บอกไว้ก่อนเลยนะ ถ้าวันไหนชั้นจับนายกินได้ ชั้นจะทบต้นทบดอกเอาให้ครบยี่สิบปีที่ชั้นอดทนมาเลย ฮึ"

 

"อึ๋ย~....."    เจ้าลูกกระต่ายถึงกับขนลุกเป็นลูกคลื่นเลยทีเดียว

 

"ถ้าไม่อยากถูกขังไว้บนเตียงเป็นเดือนๆ ก็รีบบอกรักชั้นมา ดอกจะได้ไม่เยอะ"   ใบหน้าหล่อเหลายกยิ้มอย่างหยอกเย้า

 

"จะทำแบบนั้นได้ไงเล่า! พี่ยังไม่ทันไปขอเฟยจากปะป๊าหม่าม้าเลย ต้องเข้าโบสถ์แต่งงานจดทะเบียนสมรสให้เรียบร้อยด้วย จะให้หนีตามกันไป ได้เสียก่อนแต่งเนี่ย ไม่ได้เด็ดขาด!"    เจ้าลูกกระต่ายทำหน้าตาจริงจัง ส่วนเขา

 

"หึๆๆๆ"   มือใหญ่ยกขึ้นมาปิดปากกลั้นขำจนไหล่สั่น เอ็นดูในความหัวโบราณและรักนวลสงวนตัวของเฟยเฟยมาก

 

"งื้อ! อย่ามาหัวเราะนะ!"   มือกระต่ายฟาดแขนเขาหลายที เขาหยุดขำก่อนจะเอนหลังพิงขอบบ่ออย่างอารมณ์ดี

 

เขาเข้าใจความหมายของเฟยเฟยนะ ที่ตอนนี้ยังไม่ยอมบอกรักเขา 

 

ไม่ใช่ว่าอาเฟยลังเลหรือไม่มั่นใจในความรักของเรา เพียงแต่ คงอยากจะได้รับการยอมรับจากใครสักคนในครอบครัวก่อน ขอแค่พ่อกับแม่ของตัวเองยอมรับก็พอ

 

เห็นทีเขาคงต้องเข้าไปคุยกับอาอี้ป๋อและอาเซียวจ้านอย่างจริงจังสักที

 

เขานึกย้อนไปถึงวันเก่าๆ

 

ตอนนั้นอาอี้ป๋อก็เคยกลุ้มใจที่ต้องเข้าไปคุยกับคุณปู่เรื่องของอาเซียวจ้าน เพราะเป็นผู้ชายด้วยกันเลยติดเรื่องการสืบทายาท

 

แล้วเขาก็เป็นคนช่วยทั้งคู่จากสถานการณ์ที่หาทางออกไม่ได้นั้น

 

มาถึงตอนนี้จะมีใครช่วยเขาจากสถานการณ์ที่คล้ายคลึงกันนั่นได้บ้างไหมนะ?

 

"พี่เมาเหรอ? กลิ่นไวน์ใช่ไหมเนี่ย? ไปดื่มมาตอนไหนเนี่ย??"    เสียงใสทำให้เขาหลุดออกจากความคิดของตัวเอง เฟยเฟยยื่นหน้าเข้ามาเอี้ยงๆมองๆ จมูกดมกลิ่นเขาฟุดฟิดๆ

 

แล้วท่าทีหวาดระแวงแบบนั้นมันก็ทำให้เขานึกอยากแกล้ง

 

มือใหญ่ที่อยู่ใต้น้ำจึงดึงแขนบางจนร่างโปร่งเซถลาคร่อมลงมานั่งบนหน้าตัก

 

อึก

 

ไม่สิ เขาไม่ได้ตั้งใจจะดึงแรงขนาดนี้ ใบหน้าที่เซชนแผ่นอกเงยขึ้นมามองอย่างตกใจ

 

ใบหน้าของเขาก็ก้มมองเจ้าลูกกระต่ายอย่างนิ่งค้าง ท่าทางตอนนี้ก็คือล่อแหลมสุดๆๆ

 

 

โคร่ก~~

 

 

และแล้วทุกความโรแมนติก อีโรติก แปซิฟิกใดๆก็ถูกทำลายด้วยเสียงท้องร้องของเจ้าลูกกระต่ายเสียสิ้น

 

"......."

 

"......."

 

"ฮึ ฮ่าๆๆๆๆ"    เขาหัวเราะเสียงดังอย่างที่ไม่ได้หัวเราะแบบนี้มานาน เจ้าลูกกระต่ายถึงกับลุกออกไปอายม้วนอยู่ข้างบ่อ

 

"งื้อ! ก็คนมันหิวแล้วอ่ะ! พี่ก็ให้แช่ออนเซ็นมาได้ ไม่ให้กินข้าวกินปลาก่อน!"    โทษเขาอีกเจ้าตัววุ่นวายนี่ เขาหัวเราะจนท้องคัดท้องแข็ง อาเฟยดึงผ้าขนหนูมาพันเอวก่อนจะลุกเดินฟึดฟัดกลับเข้าห้องไป เจ้าลูกกระต่ายเอ้ย~ ทำคนอ่านลุ้นตกเก้าอี้แล้วไหมเนี่ย

 

เขาลุกตามขึ้นมาอย่างอารมณ์ดี

 

 



มื้อเย็นวันนี้เป็นอาหารญี่ปุ่นที่ทางโรงแรมจัดไว้ให้

 

หลังจากนั้นนั่งคุยกันได้ไม่นานก็หลับไป

 

ก็ถือเป็นเดตที่ประทับใจมากทีเดียว

 

 

 

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

 

520 N.

To be con.

 


เกียวโตนี่เป็นเมืองที่สวยจริงๆ =////= สายเที่ยววัดปราสาทพระราชวังอย่างเรานี่ปลื้มปริ่มมากเลยค่ะเมืองนี้ มีคลิปรวมๆให้ดูล่วยค่ะ

 

 Kyoto Japan - Hyper Motion | Glidecam HD4000



ส่วนใครที่นึกภาพชุดเจ้าบ่าวเจ้าสาวแบบญี่ปุ่นไม่ออก เราก็มีคลิปให้ดูค่ะ 555 คือแบบ พอจิ้นเป็นพี่อี้หยางกับน้องเฟยแล้วมันก็แบบ....ลงไปดิ้น แอร๊ยยยย >/////<


A Traditional Japanese Wedding Ceremony「Hanayome Noren」


Our Japanese Wedding Ceremony | 私たちの神前結婚式



ขอบคุณทุกๆคอมเม้นต์ ทุกๆการติดตาม ทุกๆหัวใจ ทุกๆยอดโดเนทด้วยนะคะ เวลาได้อ่านคอมเม้นต์ให้กำลังใจก็จะมีไฟอยากแต่งต่ออยู่ตลอดๆเลยค่ะ ขอบคุณมากๆๆเลยนะคะ >////<

 

แล้วเจอกันใหม่ตอนหน้าน้า

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น