Attack on Titan. S.Fic HBD.Eren [Levi x Eren] “รักสุดท้าย จนกว่าจะกลายเป็นเถ้ากระดูก” : END

  

Attack on Titan. S.Fic HBD.Eren [Levi x Eren]  รักสุดท้าย จนกว่าจะกลายเป็นเถ้ากระดูก” : END

 

: Attack on Titan Fanfiction 

: Levi x Eren

: Romance Drama

: NC-17

 

 

คำเตือน : เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ

            

        

 

เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีการสปอยด์ตอนจบของ Attack on Titan นะคะ ใครไม่อยากโดนสปอยด์ก็ปิดฟิคเรื่องนี้ไปก่อนค่า

 

 

 

ฝ่าเท้าขนาดยักษ์ยังคงฝังลึกอยู่ทั่วทั้งแผ่นดิน ถึงแม้เวลาจะล่วงเลยผ่านมานานแค่ไหนแต่รอยแผลที่ถูกสร้างไว้ก็ยังคงอยู่

 

เหมือนดั่งรอยยาวที่พาดผ่านใบหน้าซีกหนึ่งของเขา นี่ก็คือสิ่งยืนยันว่าทั้งหมดนั่นไม่ใช่เพียงแค่ความฝัน

 

โลกใบนี้เคยตกอยู่ภายใต้ความสิ้นหวังและหวาดกลัว เสียงร้องไห้โหยหวนเคยดังระงมไปทั่วสารทิศ ให้เรียกมันว่านรกยังดีเกินไปด้วยซ้ำ ผู้คนได้แต่วิ่งหนีและล้มตายอยู่ใต้ฝ่าเท้าไททันยักษ์โดยไร้ทางสู้ไม่มีทางสู้ ไม่มีทางขัดขืนหรือทำอะไรได้เลย

 

ไททันขนาดมหึมานับหมื่นนับพันดาหน้าเข้ามาไม่หยุด

 

บ้านของพวกเขาถูกเหยียบและพังไปต่อหน้า เมืองที่เคยสวยงามถูกทำลายย่อยยับในพริบตา พวกเขาถูกพรากไปแม้แต่ลมหายใจ ไม่มีอนาคตหรือสิ่งใดเหลือให้มนุษยชาติที่อยู่นอกเกาะพาราดี้อีก

 

นี่คือสงครามล้างเผ่าพันธ์ที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์โลก

 

และคนที่มอบนรกแบบนั้นให้กับโลกใบนี้ก็คือเอเลน เยเกอร์

 

เด็กหนุ่มที่เป็นทั้งวีรบุรุษและเป็นทั้งฆาตกร




แต่ตอนนี้สงครามสองพันปีที่ยาวนานนั่นได้จบลงไปแล้ว 

 

ถึงแม้ความชิงชังจะยังคงอยู่เพราะมันคือสันดานที่มนุษย์ทุกคนต้องมี แต่เอเลน เยเกอร์ก็ได้สร้างความยำเกรงทิ้งไว้ในใจพวกเขาและคงจะหวาดกลัวสงครามไปอีกพักใหญ่

 

จ้อก

 

น้ำร้อนไหลรินลงไปจากกาต้มน้ำทำให้กลิ่นใบชาลอยกรุ่นขึ้นมาแตะจมูก กลิ่นแบบนี้ช่วยทำให้จิตใจของเขาได้ซึมซับกับความสงบ ชีวิตที่ต้องต่อสู้และอยู่ในสนามรบที่อันตรายมาตลอดเขาอยากจะวางมือสักที

 

ไม่มีหัวหน้าทหาร ไม่มีรีไวเฮย์โจวอีกต่อไป

 

ตรงนี้มีเพียงรีไว อัคเคอร์แมน ที่เป็นเพียงผู้ชายธรรมดาๆคนหนึ่งเท่านั้นเอง

 

ผ่านมาห้าปีแล้วหลังจากที่พวกเขาหยุดเอเลนเอาไว้ได้ เขาไม่ได้กลับไปอยู่ที่เกาะพาราดี้แต่เลือกที่จะใช้ชีวิตอยู่ในแผ่นดินอันกว้างใหญ่ 

 

คำพูดของใครคนหนึ่งยังคงลอยผ่านหูของเขาอยู่ทุกวันหมอนั่นอยากบินไปในโลกกว้างยิ่งกว่าใคร โหยหาเพียงอิสระมาทั้งชีวิต

 

ตอนนี้นายไปล่องลอยอยู่ที่ไหนกันนะ เอเลน?

 

เขาพักรักษาขาอยู่ในเมืองที่กำลังฟื้นฟูของประเทศสัมพันธมิตรบนแผ่นดินใหญ่จนหายดี ถึงจะกลับไปใช้งานหนักๆอย่างการใช้อุปกรณ์เคลื่อนที่สามมิติเหมือนเดิมไม่ได้ก็ไม่เป็นไร เพราะของแบบนั้นมันไม่จำเป็นอีกต่อไปแล้ว

 

จะมีก็เพียงรอยแผลบนใบหน้าที่ยังคงหลงเหลืออยู่ กับดวงตาข้างขวาที่ไม่อาจเรียกคืนกลับมาได้ 

 

ดวงตาข้างซ้ายเหลือบมองมือข้างที่เหลืออยู่เพียงสามนิ้วอ้อนี่ก็ด้วยที่ไม่อาจเรียกคืนกลับมา

 

แต่ก็ใช่ว่าเขาจะเรียกคืนไม่ได้ไปซะทุกสิ่งหรอกนะ

 

ปลายนิ้วครอบอยู่บนปากแก้วชาก่อนจะถือมันเดินกลับเข้าไปในห้องนอน ท่าจับแก้วที่ไม่เหมือนใครนี้ทำให้เขานึกถึงคิ้วหนาที่ขมวดมองมันอย่างสงสัยทุกครั้ง เจ้าเด็กนั่นไม่เข้าใจว่าถือแบบนี้มันทำให้ดื่มง่ายตรงไหน

 

แอ๊ดแอ๊ด

 

สายลมบริสุทธิ์พัดผ่านหน้าต่างที่เปิดอ้าไว้จนส่งเสียงเสียดสีเบาๆ ข้างนอกนั่นมีแต่ลำธารและป่า

 

เขาปลีกตัวออกมาโดยไม่ได้ร่ำลาใคร จึงไม่มีใครรู้ว่าเขาอยู่ที่นี่

 

บนแผ่นดินใหญ่ส่วนที่ยังไม่ถูกทำลายมีบ้านที่ถูกทิ้งร้างแทรกอยู่ในป่าเขามากมาย และที่นี่ก็เป็นกระท่อมไม้หลังเล็กๆที่ชวนให้นึกถึงเรื่องราวบนเกาะพาราดี้ตอนที่เขาต้องคอยพาเอเลน เยเกอร์หลบหนีการตามล่าจากหน่วยสารวัตรทหารไปทั่ว

 

ตอนนั้นเขาไม่เคยได้นอนหลับอย่างสบายใจเลย ทุกวินาทีมีแต่อันตราย ความตายอยู่ใกล้แสนใกล้จนบางครั้งก็ไม่รู้เลยว่ารอดมาได้ยังไง

 

แต่จากนี้จะไม่มีเรื่องแบบนั้นอีกแล้ว

 

เขาวางแก้วชาหอมกรุ่นลงที่โต๊ะไม้ข้างหน้าต่าง เขามักจะใช้เวลาทั้งวันอยู่ตรงนี้ นั่งมองไปเรื่อยๆ

 

ชดเชยให้กับในอดีตที่เขาแทบไม่มีเวลาได้มองอีกฝ่ายเต็มๆตาเลย

 

สายตายังคงหยุดอยู่ที่เตียงขาวสะอาดซึ่งมีร่างของใครบางคนนอนอยู่เตียงของเขามันกว้างใหญ่เกินไปถ้าจะต้องนอนคนเดียว

 

 

น่า นายก็คิดอย่างงั้นใช่ไหม เอเลน?

 

 

ดวงตาราวกับพญาเหยี่ยวทอดมองร่างกายที่ค่อยๆฟื้นฟูทีละนิดๆนั่นด้วยความรู้สึกจุกแน่นในอก

 

ถึงจะช้ามากแต่เอเลน  เยเกอร์ก็ยังพยายามต่อสู้เพื่อจะมีชีวิตอยู่

 

จนตอนนี้ก็ผ่านมาสองปีแล้วนับจากวันที่เขาพาเอเลนกลับมา  ผ่านมาห้าปีแล้วหลังจากสงครามล้างเผ่าพันธ์ที่ทุกคนคิดว่าเด็กนี่ถูกฆ่าตายไปแล้ว

 

 

ห้าปีต้นขาเพิ่งจะงอกออกมาเท่านั้น

 

 

พวกเขาเหนื่อยมามากพอแล้ว

 

จากนี้จะไม่มีการสู้รบกับใครอีก

 

ถึงแม้สงครามจะยังคงเกิดอยู่ที่ไหนสักแห่งในโลกก็ตาม แต่เขาจะไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับมันอีก

 

จะไม่ยอมให้เจ้าเด็กเหลือขอนี่ต้องไปรบราฆ่าฟันเสี่ยงอันตรายหรือเสียสละเพื่อใครอีก

 

จากนี้พวกเขาจะขออยู่เพื่อตัวเอง

 

.

.

.

.

 

หากนึกย้อนกลับไปในวันนั้นมันนานมากทีเดียวกว่าเขาจะยอมไปเยี่ยมหลุมศพของเอเลน เยเกอร์

 

สองปีไม่สิ น่าจะสามปีมากกว่า

 

สามปีหลังจากที่เอเลนพยายามจะใช้พิภพคำรามฆ่าล้างเผ่าพันธ์มนุษย์นอกเกาะพาราดี้  ใช่ เขาใช้เวลาถึงสามปีกว่าจะไปยืนอยู่ใต้ต้นไม้ที่ฝังหัวของเด็กนั่นได้

 

จนคนอื่นเริ่มต้นใหม่และกลับไปใช้ชีวิตปกติกันได้แล้ว บางคนก็ลืมเลือนเรื่องราวอันโหดร้ายของสงครามในครั้งนั้นไปแล้ว

 

 

แต่จะให้เขาลืมได้ยังไง ว่าครั้งหนึ่งเขาเคยรักเด็กนั่นมากขนาดไหน

 

 

เขายอมเสียทุกอย่างได้ แต่เอเลน เยเกอร์จะเป็นสิ่งสุดท้ายเสมอที่เขาจะยอมเสียไป

 

ต่อให้ต้องสละแขนขาหรือร่างกาย เขาก็จะต้องปกป้องเด็กนั่นให้ได้

 

สุดท้ายคนที่สมควรจะตายอย่างเขากลับยังมีชีวิตอยู่ แต่เด็กนั่นกลับเหลือให้ฝังเพียงหัว

 

 

 

เขาไปยืนอยู่หน้าป้ายหินเล็กๆพร้อมกับดอกไม้สีขาวช่อหนึ่ง

 

ทุกคนคงคิดว่าเขาไร้หัวใจหรืออาจจะเห็นว่าเอเลนก็เป็นเหมือนลูกน้องคนหนึ่ง เขาจึงไม่เคยมาที่นี่เลย

 

ไม่เคยมาเยี่ยมหลุมศพที่มีทั้งคนเทิดทูนบูชาและคนเกลียดชังนี้เลย

 

 

แต่หารู้ไม่ เขาก็แค่ทำใจไม่ได้

 

 

หัวใจของเขาไม่ได้แข็งแกร่งดั่งหินผา ไม่ได้ทำมาจากเหล็กกล้า 

 

สายตาที่ดื้อดึงและรอยยิ้มราวกับลูกหมานั่นยังคงอยู่ในใจของเขาเสมอ

 

และมันยากเหลือเกินที่จะต้องยอมรับว่ามันจากเขาไปแล้วจริงๆ

 

ถึงจะชอบทำตัวให้เป็นห่วงแต่เขาก็ไม่เคยเกลียดในเรื่องที่เอเลนตัดสินใจทำลงไป เด็กนั่นก็แค่เลือกในสิ่งที่ตัวเองจะไม่เสียใจในภายหลัง เพราะไม่มีใครรู้หรอกว่าการตัดสินใจไหนผิดถูกจนกว่าจะได้เห็นผลลัพธ์ของมัน และเขาก็เคารพการตัดสินใจของเอเลนเสมอ

 

ถึงแม้จะดูดื้อรั้นดุดันไม่ฟังใครและชอบเอาตัวเองไปเสี่ยงตาย แต่เจ้าปีศาจตัวน้อยนั่นก็ยังมีหัวใจที่บริสุทธิ์ซึ่งอยากจะปกป้องพวกพ้องและคนที่ตนรัก เขาจึงเชื่อมั่นในหัวใจของเอเลนเสมอมา ถึงแม้ท้ายที่สุดแล้วคนที่ออกคำสั่งให้ฆ่าเอเลนจะเป็นเขาเองก็ตาม

 

 

 

มือแข็งแรงวางดอกไม้ลงไปไม่มีใครอยู่ ณ.ที่แห่งนี้แล้ว

 

ไม่มีใครมาเยี่ยม ไม่มีใครมาเฝ้า แม้แต่นายก็ไม่อยู่แล้วจริงๆใช่ไหมเอเลน?

 

หัวใจของเขารู้สึกวูบโหวง เหมือนมีรูขนาดใหญ่เกินขึ้นอยู่ข้างใน เขาไม่มีอะไรให้ต้องปกป้องอีกต่อไปแล้ว สิบกว่าปีที่ยึดติดกับคนคนหนึ่งมันไม่มีอีกต่อไปแล้ว

 

แต่เขาไม่เคยอยากเป็นอิสระ

 

 

ฉันน่ะไม่เคยอยากถูกปลดปล่อยจากนายเลยนะเอเลน

 

 

ทั้งๆที่คิดว่าสามปีคงนานพอที่จะทำใจได้

 

 

แต่ทำไมน้ำตายังไหลลงมาอีก

 

 

ก่อนหน้านี้มันไม่มีแม้แต่หยดเดียว เขาไม่เคยร้องไห้ต่อให้รู้ว่าเอเลนถูกตัดคอและได้ตายลงไปแล้ว

 

แต่พอต้องมาเผชิญหน้ากันจริงๆ ได้มายืนอยู่ต่อหน้าหลุมศพของนาย ฉันถึงได้รู้ว่าฉันยังรับไม่ได้ขนาดไหน

 

จะให้ฉันทำยังไงดี เอเลน?

 

 

นายมันขี้โกงขี้โกงที่สุด

 

 

เอเลนเคยมาหาเขาก่อนที่สงครามจะเริ่มขึ้น

 

เคยมากำคอเสื้อของเขาพร้อมกับร้องไห้โวยวายว่า อย่าลืมผมนะ อย่าลืมผม! แค่หัวหน้าคนเดียวก็ได้ อย่าลืมผม!

 

แล้วเด็กนั่นก็ลบความทรงจำส่วนนั้นไป

 

กว่าเขาจะได้รับความทรงจำนั่นกลับคืนมาก็หลังจากที่ทุกอย่างจบลงแล้ว 

 

เขาได้รู้ว่าทำไมเอเลนถึงเลือกที่จะทำเรื่องเลวร้ายแบบนั้นก็ในวันที่สายไปเสียแล้ว เด็กนั่นคิดที่จะสร้างให้พวกเขากลายเป็นฮีโร่ในสงครามและมีชีวิตอยู่อย่างยืนยาว ในขณะที่ตัวเองต้องตายในฐานะฆาตกร

 

นายคิดว่าฉันที่รู้เรื่องนั้นแล้วจะมีชีวิตอยู่อย่างมีความสุขต่อไปได้จริงๆน่ะเหรอเอเลน?

 

คิดว่าฉันจะตัดใจได้จริงๆน่ะเหรอเอเลน?

 

ยิ่งได้มาเห็นหลุมศพของนายวันเวลาที่เคยใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันยิ่งแจ่มชัดในความทรงจำ

 

จะให้ฉันทำยังไงดี เอเลน?

 

 

 

เขานิ่งอยู่หน้าหลุมศพเล็กๆนั่นเนิ่นนาน การพยายามห้ามมือที่สั่นเทาของตัวเองนี้มันยากเย็นจริงๆ

 

เอเลน…”

 

เสียงทุ้มเอ่ยเรียกชื่อเจ้าของหลุมศพเป็นครั้งแรกตั้งแต่ที่มาถึง

 

เจ้าเด็กเหลือขอ ฉันอยากจะเตะแกให้ฟันหลุดเลยจริงๆ

 

มือแข็งแรงยกขึ้นมาบีบหัวตาที่เริ่มจะคลอขึ้นมาอีกรอบ

 

แล้วในขณะที่เขากำลังก้มหน้ามองพื้นดินที่ปกคลุมด้วยหญ้าพวกนั้นควันอะไรบางอย่างก็ค่อยๆลอยขึ้นมา

 

มันเบาบางมาก บางจนแทบมองไม่เห็น

 

แต่กับคนที่คุ้นเคยกับไอสีขาวเหล่านี้ดีแบบเขา ดวงตาก็ถึงกับเบิกค้าง

 

นี่มันไอที่เกิดจากการฟื้นฟูร่างกายของไททัน

 

 

ใช่นายรึเปล่า เอเลน?

 

 

นี่อาจจะเป็นของขวัญจากยูมีร์

 

อาจจะเป็นคำขอสุดท้ายของเอเลนและอาจจะเป็นของขวัญชิ้นสุดท้ายสำหรับเขา

 

 

เข่าทั้งสองข้างทรุดลงไปทันที สองมือที่มีเพียงแปดนิ้วแหวกหญ้าออกไปก่อนจะขุดดินสีเข้มพวกนั้นขึ้นมา 

 

ถ้าใครมาเห็นภาพนี้เข้าคงคิดว่าเขาไม่ให้เกียรติคนตาย แต่ตอนนี้หัวใจของเขากำลังเต้นกระหน่ำ เขาไม่อาจเพิกเฉยต่อความเป็นไปได้แม้จะเพียงน้อยนิดว่าเอเลนอาจจะยังมีชีวิตอยู่

 

เขาคงบ้าไปแล้วจริงๆ

 

สิ่งแรกที่สัมผัสกับปลายนิ้วของเขาก็คือเส้นผมสีน้ำตาลซึ่งยาวมากๆ

 

ถึงแม้มันจะถูกคลุกไปด้วยดินแต่มันกลับยังดูมีสภาพดีและไม่เน่าเปื่อยผุสลาย

 

หัวใจของเขายิ่งเต้นแรงมากขึ้น

 

สองมือรีบปัดเศษดินร่วนๆนั่นออกไป

 

ในที่สุดเขาก็แตะโดนปลายจมูกที่แสนคุ้นเคย

 

มันยังอุ่น

 

มันยังมีเนื้อหนัง

 

และมันยังนุ่มนิ่ม

 

สองมือรีบขุดต่อไปราวกับคนกำลังบ้าคลั่ง หัวใจของเขาก็เต้นราวกับบ้าคลั่งไปแล้วด้วยเช่นกัน

 

ผ่านมาสามปีแล้วมันควรจะกลายเป็นกระดูกที่เย็นชืดสิถึงจะถูก เพราะงั้นมันเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้เลยนอกจากเอเลนยังมีชีวิตอยู่

 

แต่การฟื้นฟูร่างกายน่าจะมีปัญหาอะไรบางอย่าง ทำให้เพื่อนสนิทของเด็กนี่ที่น่าจะมาเยี่ยมหลุมศพบ่อยๆในช่วงแรกไม่มีใครสังเกตเห็นเลย

 

แฮ่กแฮ่ก…”    เพราะหัวใจเต้นเร็วไปหรือเพราะมือที่ขุดไม่หยุดถึงแม้เล็บจะถลอกปอกเปิกกันนะที่ทำให้เขาหายใจแรงแบบนี้

 

สองมือชะงักค้างเมื่อเศษดินหย่อมสุดท้ายถูกปัดออกไปพ้นใบหน้าที่ยังมีสภาพเหมือนคนหลับไปเท่านั้น

 

มันเป็นใบหน้าที่แสนคิดถึง

 

เขาจึงไม่รอช้าที่จะดึงมันขึ้นมากอด

 

คิดถึงเหลือเกิน

 

ใบหน้าซบลงไปที่ไหล่เปลือยเปล่าอย่างไม่นึกรังเกียจแม้ว่ามันจะสกปรก

 

มีแต่กลิ่นดินกลิ่นหญ้าที่โชยออกมา

 

แต่ว่านี่คือไหล่ของเอเลนไม่ผิดแน่

 

เขาไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร ควรจะใช้คำไหนเพื่อบ่งบอกว่าเขาดีใจมาก

 

ดีใจที่ได้พบกันอีกครั้ง ดีใจที่อีกฝ่ายยังมีชีวิตอยู่

 

เขาไม่รู้จะพูดคำไหน

 

จึงทำได้แค่ปล่อยให้น้ำตาไหลลงไปเงียบๆ

 

หยดลงไปจนไหล่บางเปียกปอน

 

เขากอดเอเลนให้แน่นขึ้น

 

และความอบอุ่นที่แผ่ออกมาจากร่างกายนี้ก็ช่วยยืนยันต่อเขาอีกทีว่าเอเลนยังไม่ตาย

 

ตัวเขามักจะเย็นอยู่เสมอและตัวเอเลนก็มักจะอุ่นจนร้อนอยู่เสมอ นี่จึงเป็นอ้อมกอดจากคนที่โหยหามาแสนนานไม่ผิดแน่

 

เขาพยายามตั้งสติและใช้แรงที่มีมหาศาลของอัคเคอร์แมนดึงตัวเอเลนออกมาจากดินที่ร่วนซุยนั้นได้อย่างง่ายดาย

 

ดูเหมือนการฟื้นฟูร่างกายจะเป็นไปได้ช้ากว่าปกติมากจริงๆ เพราะตอนนี้ร่างกายของเอเลนยังมีแค่ท่อนบนถึงปลายกระดูกสันหลังเท่านั้น

 

นี่อาจจะเป็นการฟื้นฟูร่างกายด้วยพลังของไททันเป็นครั้งสุดท้ายก็เป็นได้ เพราะชาวเอลเดียทุกคนถูกปลดปล่อยจากยูมีร์แล้ว

 

เพราะงั้น ต่อจากนี้ไป หากเอเลนถูกตัดแขนตัดขาอีก มันก็จะงอกออกมาใหม่ไม่ได้แล้ว

 

อย่างกับจิ้งจกจริงๆนะแกเนี่ย เจ้าเด็กเหลือขอ”   เสียงทุ้มเอ่ยออกไปทั้งรอยยิ้มและน้ำตาอันหาได้ยาก เขาถอดเสื้อคลุมออกมาพันร่างที่เปลือยเปล่าเอาไว้ก่อนจะหันไปจัดการหลุมศพให้อยู่ในสภาพเดิม

 

จากนี้ไป เอเลนจะกลายเป็นเพียงคนธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น ไม่ได้มีเก้าชีวิตเหมือนเมื่อก่อนแล้ว

 

เพราะงั้นแค่บาดเจ็บนิดเดียวก็อาจจะตายได้

 

และเขาไม่มีวันยอมให้เกิดเรื่องแบบนั้น

 

เขาจะพาเอเลนกลับไป จะอยู่ในที่ที่ไม่มีใคร ไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกับเรื่องอันตรายใดๆอีก

 

และจะไม่มีใครรู้ว่า เอเลน เยเกอร์ยังมีชีวิตอยู่

 

.

.

.

.

 

 

 

ผมนายเนี่ย จะยาวไปถึงไหนกันนะเจ้าเด็กเหลือขอ?”    มือหยาบสางเส้นผมสีน้ำตาลยาวอย่างแผ่วเบา หวีไม้ค่อยๆทำให้เส้นผมนิ่มนั่นเรียบสวย ตั้งแต่วันนั้นเอเลนก็ยังไม่ฟื้นขึ้นมาเลย

 

ยังมีสภาพเหมือนเจ้าชายนิทราที่แขนขาค่อยๆงอกเพิ่มขึ้นเรื่อยๆวันละนิดๆ

 

เขาคอยดูแลเอเลนมาเป็นเวลาสองปีแล้ว

 

ใบหน้าคมก้มลงไปจรดกับหน้าผากใสไม่เป็นไรหรอกต่อให้รอนานแค่ไหนฉันก็จะรอ

 

นี่คงจะเป็นบทลงโทษ สำหรับคนที่ทำเรื่องชั่วช้ากับเพื่อนมนุษย์ด้วยกันมามากอย่างเขากับเจ้าเด็กนี่

 

นี่คงจะเป็นบททดสอบ ว่าพวกเราจะก้าวข้ามกำแพงที่สูงเสียดฟ้านี้ไปได้หรือไม่ หัวใจที่มีให้กันนั้นเป็นของแท้แน่หรือเปล่า

 

เขารู้ว่าเอเลนก็กำลังพยายามอยู่ เขาจึงไม่คิดจะถอดใจมาตั้งแต่แรก

 

 

ปีศาจ ก็ควรจะอยู่เคียงข้างได้เพียงปีศาจ

 

ปีศาจไม่มีทางอยู่เคียงข้างเทวดาได้หรอก ไม่มีวัน

 

เพราะฉะนั้น พวกเขาสองคนจึงเหมาะสมกันที่สุดแล้ว

 

 

 

 

 

 

 

 

ปึก!

 

ท่อนฟืนถูกผ่าออกเป็นสองซีกด้วยกำลังแขนเพียงข้างเดียว ถึงเขาจะไม่ใช่ทหารแล้วแต่การฝึกร่างกายก็เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ เขายังมีสิ่งที่ต้องปกป้องอยู่

 

ร่างที่ไม่ได้สูงใหญ่ทว่าแข็งแกร่งยิ่งกว่าใครยกฟืนที่ถูกผ่าขึ้นพาดบ่า รอบกายยังคงมีเพียงเสียงสัตว์ตัวเล็กๆคละเคล้าไปกับเสียงสายลมและเสียงน้ำไหลอยู่ในลำธาร มันสงบสุขเสียจนไม่อยากจะคิดว่าเขายังมีชีวิตอยู่ในโลกที่โหดร้ายใบนี้

 

ท่อนฟืนถูกวางลงไปในเตาผิงก่อนที่เขาจะหันหน้าไปพูดกับคนที่อยู่บนเตียง

 

โฮ่ย วันนี้ต้องอาบน้ำนะเจ้าเด็กเหลือขอ”   เขาพูดออกไปราวกับอีกฝ่ายกำลังสนทนากับเขา แต่เปล่าเลย ร่างที่นอนอยู่บนเตียงยังนิ่งสนิท

 

แขนเสื้อถูกพับขึ้นไปในขณะที่สองขาก้าวเดินไปยังชานไม้หลังบ้าน อ่างไม้ใบใหญ่ถูกตั้งรับลมชมวิวอยู่ตรงนั้น ตรงนี้อยู่ใกล้กับลำธารและยังมีน้ำตกเล็กๆไหลผ่าน ผืนป่าร่มรื่นตัดขาดพวกเขาออกจากโลกภายนอก

 

เขาหิ้วน้ำใสสะอาดและเย็นสบายขึ้นมาจากลำธารก่อนจะเทใส่อ่างไม้ รอให้ความร้อนจากแสงแดดทำให้มันอุ่นขึ้นเล็กน้อยก่อนจะเดินกลับเข้าไปในห้องนอน

 

ท่อนแขนแข็งแรงค่อยๆอุ้มร่างเปลือยเปล่าขึ้นจากเตียง ตอนนี้สองแขนฟื้นฟูจนครบหมดแล้ว มีเพียงสองขาที่ยังมีไอน้ำลอยกรุ่นอยู่ ใช้เวลาไปอีกครึ่งปีกว่าจะได้หัวเข่าคืนมา

 

เขาวางเอเลนลงในอ่างน้ำเบาๆ เส้นผมยาวปรกละถึงพื้น 

 

ทำไมแกไม่เอาเวลาที่ใช้งอกผมพวกนี้ไปงอกขาแทนนะเจ้าเด็กเหลือขอ? ฉันตัดผมให้แกทุกอาทิตย์แท้ๆทำไมมันถึงยาวไวขนาดนี้”    เขาบ่นไปนั่งลงที่เก้าอี้ไม้ไป ขันน้ำค่อยๆถูกตักรดลงไปบนเส้นผมสีน้ำตาลเข้ม

 

ทุกการกระทำล้วนนุ่มนวลจนไม่คิดว่าคนหยาบคายอย่างเขาจะทำได้ สองมือถูกสบู่จนฟองฟอดก่อนจะค่อยๆสระผมให้คนที่ยังไม่ได้สติ ค่อยๆนวดขมับไล่ไปจนถึงหัวทุยๆ สองมือรวบเส้นผมยาวก่อนจะถูกมันด้วยฟองสบู่ ผมของเด็กนี่นิ่มไม่เคยเปลี่ยน เมื่อก่อนเขาเคยรู้สึกผ่อนคลายเวลานั่งลูบมันอยู่ในคุกใต้ดิน และเวลาที่เขาบอกเจ้าเด็กนี่ว่ารู้สึกเหมือนได้ลูบขนหมา ดวงตาดุร้ายนั่นก็จะมองค้อนให้เขาจนรู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมาทุกที

 

ขันน้ำถูกตักรดลงมาบนเส้นผมอีกครั้ง ฟองสบู่ค่อยๆไหลลงไปจนเหลือเพียงหัวสีน้ำตาลที่สะอาดเอี่ยม 

 

ผ้าถูกชุบลงไปในถังน้ำก่อนที่มันจะถูกนำมาลูบใบหน้ามน ทุกส่วนเว้าส่วนโค้งเขาล้วนจดจำได้เป็นอย่างดี กลีบปากสีระเรื่อนี้เขาเคยจูบมาไม่รู้กี่ครั้ง

 

ปลายนิ้วลูบลงไปบนริมฝีปากอวบอิ่มที่เคยช่างเจรจา รีบตื่นขึ้นมาโวยวายใส่ฉันสิเจ้าเด็กเหลือขอ

 

สองมือประคองสองแก้มใสอย่างแผ่วเบา ใบหน้าของเขาค่อยๆขยับเข้าไปหาก่อนที่ริมฝีปากจะกดแนบลงไปบนกลีบปากนุ่มที่ไร้การตอบสนอง หัวใจของเขาเรียกร้องหาคนตรงหน้าไม่หยุด

 

ริมฝีปากแตะค้างอยู่แบบนั้นเนิ่นนาน ต้องการเพียงซึมซับซึ่งกันและกัน เขาไม่รู้ว่าเอเลนจะรู้สึกถึงเขาไหม แต่เขารู้อยู่เต็มหัวใจว่าอีกฝ่ายยังคงอยู่

 

 

แค่นั้นก็พอแล้ว

 

 

แขนบางถูกยกขึ้นมาจากอ่างน้ำก่อนที่ผ้านุ่มฟูไปด้วยฟองสบู่จะถูลงไปเบาๆ ดูเหมือนเอเลนจะไม่จำเป็นต้องกินอะไร แต่กระนั้นกล้ามเนื้อที่เคยมีกลับค่อยๆหายไป

 

ผ้าถูกเช็ดไปตามง่ามนิ้วทีละนิ้ว ทีละนิ้วแม้แต่ปลายเล็บเขาก็ดูแลมันอย่างดี เขาลูบแขนบางนั่นตั้งแต่ปลายนิ้วไปจรดโคนแขน เหมือนกำลังทำความสะอาดตุ๊กตาตัวสวย เพียงแต่ตุ๊กตาตัวนี้มีหัวใจที่กำลังเต้นอยู่

 

เขาวางมือลงไปบนแผ่นอกซีกซ้าย มันเต้นอยู่จริงๆหัวใจของเอเลน

 

น้ำเย็นสบายถูกรดลงไปบนท่อนแขนที่เพิ่งผ่านการขัดสีฉวีวรรณอย่างดี ฟองสบู่ไหลลงไปบนพื้นก่อนจะหายไปกับร่องกระดาน เขาวางแขนข้างนั้นกลับลงไปในอ่างก่อนจะทำความสะอาดส่วนต่อไป

 

เวลาตลอดช่วงบ่ายหายไปกับการอาบน้ำให้เอเลน และตอนนี้ร่างที่หอมฟุ้งก็กำลังนั่งรับลมอยู่ที่เก้าอี้ตัวโปรดบนชานไม้นั่นแหละ

 

เขาเงยหน้าจากการขัดอ่างไม้ขึ้นมามองใบหน้าที่ยังหลับตานั่นเป็นระยะๆ มันจะดีแค่ไหนกันนะถ้าดวงตาสีมรกตลืมขึ้นมา

 

 

 

 

 

 



พอตกกลางคืนในป่าก็มืดมาก มือแข็งแรงปิดประตูลงกลอนเรียบร้อย ตะเกียงถูกหยิบขึ้นมาก่อนที่เขาจะก้าวขาไปยังห้องนอน

 

เขาเดินไปเป่าโคมไฟด้านที่อยู่ฝั่งเอเลนก่อนจะเดินกลับมาที่ฝั่งของตัวเอง ตอนนี้แสงเรืองๆจึงเหลืออยู่เพียงดวงเดียว 

 

ร่างที่ไม่ได้สูงใหญ่ทว่าแข็งแกร่งยิ่งกว่าใครล้มตัวลงนอนข้างๆร่างที่ยังหลับสนิท เขาทอดสายตามองใบหน้าสงบซึ่งสะท้อนแสงตะเกียงนวลๆนิ่งนาน

 

เขาเห็นใบหน้านี้มาตั้งแต่ที่มันยังกลมป๊อกเหมือนเด็ก เห็นมาตั้งแต่ที่มันยังดูน่ารักและมีแต่แววดื้อรั้น จนกระทั่งมันค่อยๆเปลี่ยนไปตามกาลเวลา ใบหน้าที่ค่อยๆเรียวสวยได้รูปนั้นดูละมุนละไมดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้น และเพราะผ่านเรื่องโหดร้ายมาต่างๆนานาทำให้นับวันรอยยิ้มก็ยิ่งหายไปจากใบหน้าของเอเลน

 

นายจะหลับไปถึงเมื่อไหร่กันนะเจ้าเด็กเหลือขอ? กลางวันนายก็นอน กลางคืนนายก็ยังนอนอีก”    ใบหน้าคมซบลงไปที่ไหล่บาง กี่คืนกันแล้วที่เขาทำได้แค่มองหน้าอีกฝ่ายแล้วหลับไป

 

ใบหน้าภายใต้กรอบผมสีดำขยับคลอเคลียแก้มใส การรอคอยมันทรมานก็จริง แต่เพราะทรมานแบบนี้ไม่ใช่รึที่เป็นเครื่องยืนยันว่าเรายังมีชีวิตอยู่

 

การรอคอยทำให้คิดถึงแต่เรื่องของนาย ทุกสัมผัสจึงเต็มไปด้วยความรักและความโหยหา

 

ฝ่ามือหยาบวางลงไปบนมือบางซึ่งวางอยู่บนหน้าท้องแบนเรียบของเอเลน นิ้วของเขาค่อยๆสอดประสานเข้าไปในนิ้วของคนที่ไม่ไหวติง เขาปล่อยลมหายใจให้เป่ารดต้นคอระหง เพราะกลิ่นที่จะได้รับกลับมาคือกลิ่นหอมราวกับดอกไม้ป่าซึ่งโชยมาจากตัวของเอเลน

 

ไออุ่นและกลิ่นที่คุ้นเคยนี้ทำให้เขาหลับตาลงได้และไม่ฝันร้ายอีก



 

 

 



ถึงแม้เอเลนจะไม่ต้องการอาหารแต่สำหรับเขาแล้วไม่ใช่แบบนั้น 

 

หมูป่าตัวเขื่องที่ถูกหิ้วพาดบ่ามาถูกโยนลงไปบนพื้น ไททันตัวเท่าบ้านเขายังล้มได้ภายในพริบตา กับอีแค่หมูป่ามีหรือจะรอดเงื้อมมือเขาไปได้

 

ผ้ากันเปื้อนถูกหยิบมาสวมใส่ก่อนที่มือแข็งแรงจะเริ่มแล่เนื้อหมู ถึงแม้ผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรอย่างพวกข้าว แป้ง หรือใบชาเขาจะปลูกกินเองไม่ได้ แต่เขาก็ใช้ของป่าแบบนี้แหละไปแลกมา เขายังพอจะรู้ว่าโลกไปถึงไหนต่อไหนอยู่บ้างเพราะยังไงเขาก็ยังต้องมีการติดต่อกับผู้คนเพื่ออุปกรณ์ดำรงชีพ

 

 

ปั่ก!

 

 

ปังตอถูกปักลงไปบนเขียงหลังจากจัดการเจ้าหมูนั่นเรียบร้อย เขานำเนื้อและชิ้นส่วนที่จะเอาไปแลกเก็บไว้ในห้องใต้ดิน แล้วถือกลับมาเพียงชิ้นที่จะใช้ทำอาหารกินตามลำพัง

 

โฮ่ย ตรงนี้มีเนื้อด้วยนะ ถ้าอยากกินก็ลุกขึ้นมาสิ”   ถึงจะเอ่ยเรียกไปแต่ร่างที่นอนอยู่ก็ยังไม่ไหวติง ตอนนี้ไอน้ำพวกนั้นกำลังสร้างนิ้วเท้าให้เอเลนอยู่

 

เอาจริงๆเขาไม่รู้เลยว่า ถ้าร่างกายของเอเลนฟื้นฟูจนครบหมดแล้ว เด็กนั่นจะลืมตาขึ้นมาแน่หรือเปล่า

 

จะกลายเป็นแค่ตุ๊กตาตัวสวยให้เขาต้องดูแลไปตลอดแบบนี้หรือเปล่า

 

เขาไม่รู้ และไม่แน่ใจอะไรเลย

 

เขารู้แค่ว่าเขามีความสุขที่ได้อยู่กับเอเลน ถึงแม้จะต้องหวีผมให้ไปตลอด ต้องคอยอาบน้ำให้ ต้องพาออกไปนั่งรับลม หรือแม้แต่อ่านหนังสือให้ฟัง เขาก็ไม่เคยรู้สึกเบื่อ ไม่เคยรู้สึกท้อ ไม่เคยรำคาญ ไม่เคยเหนื่อย

 

เพราะความรู้สึกทุกอย่างมันเทียบไม่ได้เลยหากต้องเสียเอเลนไปจริงๆ ถ้าคุณได้คนรักที่ตายจากไปกลับคืนมา คุณจะไม่รู้สึกอย่างอื่นเลยนอกจากอยากทะนุถนอมเขาไว้ให้ดีที่สุด

 

หอมขนาดนี้เลยนะ นายไม่อยากกินบ้างรึไง?”    เขาคีบสเต็กหมูใส่จานก่อนจะยกไปนั่งกินใกล้ๆ ถ้าเป็นเมื่อก่อนก็คงนอนน้ำลายยืดไปแล้วละเจ้าเด็กนี่



 

 

 



 

 

เป็นเพราะฝนที่ตกลงมาอย่างหนักทำให้เขาติดอยู่ในเมืองถึงสองวัน

 

เนื่องจากครั้งนี้ตั้งใจว่าจะขนของใช้จำเป็นกลับไปเยอะๆแล้วจะไม่กลับเข้าเมืองอีกพักใหญ่ เขาจึงไม่ทันพายุที่พัดผ่านมาพอดี

 

ตอนนี้ร่างกายของเอเลนฟื้นฟูครบหมดแล้วจึงมีโอกาสที่จะฟื้นขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ได้ ช่วงเวลาหลังจากนี้เขาจึงไม่อยากห่างจากเอเลนมากนัก เลยอยากจะเตรียมกักตุนของใช้จำเป็นเอาไว้ก่อน

 

ม้าสีน้ำตาลวิ่งฮ่อไปตามถนนที่แทบมองไม่ออกว่าเป็นถนน สายฝนยังคงโปรยปรายลงมาบางๆแต่กระนั้นก็ทำให้ผ้าคลุมสีเขียวของเขาเปียกโชกไปหมด

 

เม็ดฝนเย็นจัดตกกระทบมาบนใบหน้า แต่ลางสังหรณ์บางอย่างก็ทำให้เขารู้สึกว่าจะเสียเวลามากไปกว่านี้ไม่ได้แล้ว

 

เขาทิ้งให้เอเลนอยู่ตามลำพังถึงสองวัน แค่นั้นก็ห่วงจะแย่อยู่แล้ว

 

อาจจะมีใครบังเอิญหลงเข้ามา ถึงแม้อีกฝ่ายจะไม่รู้ว่าคนที่นอนเป็นผักอยู่นั่นคือเอเลน เยเกอร์ ศัตรูของมวลมนุษยชาติ แต่แค่เอเลนป้องกันตัวเองไม่ได้มันก็อันตรายมากแล้ว

 

ดวงตาสีขี้เถ้าเหลือบมองดินที่สไลด์ลงมาจากภูเขา มันถล่มลงมาทับถนนไปกว่าครึ่งค่อน ถ้าเป็นรถม้าคงยากที่จะผ่านไปได้ แต่เขายังข้ามไหวเพราะมีเพียงม้าตัวเดียว

 

ทางเข้าป่านี้ไม่ปลอดภัยเป็นอย่างมากโดยเฉพาะในวันที่พายุเข้า แต่ถึงจะรู้ว่าอันตรายเขาก็ยังกุมบังเหียนต่อไป ความหนาวเย็นทำให้ร่างกายแทบจะไม่รับรู้อะไรแล้ว ใบหน้าด้านชาไปหมด นอกจากสภาพทางที่ไม่เป็นใจ สิ่งที่ทำให้ม้าวิ่งได้ช้าลงก็เพราะข้าวของที่บรรทุกมาเต็มหลังมันนี่แหละ

 

ฮี้~

 

เสียงม้าร้องดังลั่นเพราะฝ่ามือที่กระตุกบังเหียนอย่างกะทันหัน ร่างกายสูงใหญ่ของมันถึงกับต้องยกขาหน้าขึ้นเพื่อเบรกอย่างรวดเร็ว

 

โครม!!

 

ต้นไม้ขนาดใหญ่ล้มพาดผ่านหน้าเขาไปแบบเส้นยาแดงผ่าแปด ถ้าหยุดไม่ทันคงได้กลายเป็นซากอยู่ใต้ต้นไม้นั่นแน่ๆ

 

ลมหายใจกลายเป็นไอสีขาวเมื่อเขาพยายามหันหน้ามองไปรอบๆเพื่อหาทางใหม่ ความยากลำบากแค่นี้มันน้อยนิดนักหากเทียบกับสิ่งที่เขาเคยเจอมาในอดีต มือแข็งแรงจึงกระตุกบังเหียนให้ม้าวิ่งอ้อมต้นไม้ไป

 

ตอนนี้ในใจเขามีความกังวลใหม่ ถึงจะถางรอบๆบ้านจนโล่งเตียน แต่พายุเข้าแบบนี้มันก็อาจจะมีความเป็นไปได้ที่ต้นไม้จากไหนจะปลิวมาตกใส่บ้านของเขา มันไม่ตลกแน่ๆหากร่างกายที่เขาเฝ้าดูแลมาตลอดสามปีนี้จะถูกทับเละเป็นแมลงสาบติดอยู่ใต้ต้นไม้ กว่าแขนขาของเจ้าเด็กนั่นจะงอกครบมันนานนะเฟ้ย

 

เขาพยายามเร่งม้าเท่าที่จะทำได้ ในใจรู้สึกร้อนลนเหลือเกิน กังวลไปหมดแล้วเนี่ย

 

แล้วในที่สุดเงาทะมึนของบ้านหลังเล็กๆที่คุ้นตาก็มาอยู่ตรงหน้า มันไม่มีต้นไม้ปักอยู่ หน้าต่างประตูก็ยังปิดครบ ไม่มีบานไหนแตกร้าว ไม่มีแสงไฟรอดออกมา มันมีสภาพเหมือนตอนที่เขาจากไปไม่มีผิด

 

 

เปรี้ยง!!

 

 

แต่ทำไมความกังวลใจของเขาถึงยังไม่หมดไปแบบนี้ 

 

ร่างที่ไม่ได้สูงใหญ่ทว่าแข็งแกร่งยิ่งกว่าใครโดดลงจากหลังม้า เสียงฟ้าผ่าดังอยู่ไกลๆแต่แสงสว่างวาบจากฟ้าแล่บก็ทำให้พอจะเห็นสภาพในบ้านที่ดูแปลกไป

 

สองขาก้าวเข้าไปอย่างร้อนใจ ข้าวของยังถูกทิ้งไว้บนหลังม้าแบบนั้น

 

เขาไม่ได้สนใจรอยน้ำที่เปียกเลอะจากรองเท้าบูทแต่ยังก้าวขาต่อไปเรื่อยๆ ตอนนี้เขาต้องได้เห็นร่างโปร่งบางนอนอยู่บนเตียงถึงจะคลายความกังวลนี้ได้

 

 

เปรี้ยง!!

 

 

มือแข็งแรงเปิดประตูห้องนอน แล้วแสงสว่างวาบจากสายฟ้าก็ทำให้ดวงตาของเขาเบิกกว้าง

 

เพราะคนที่ควรจะนอนอยู่บนเตียงกลับไม่อยู่แล้ว

 

สองขาเดินเข้าหาเตียงอย่างเลื่อนลอย หัวใจของเขาหล่นวูบไปไหนแล้วก็ไม่รู้เอเลนร่างของเอเลนหายไปแล้ว

 

ไม่จริงไม่จริงใช่ไหม?

 

ร่างเปียกโชกยืนนิ่งอย่างตะลึงงันอยู่ตรงนั้น ความรู้สึกราวกับว่าโลกทั้งใบกำลังจะหายไป ตอนนี้ในหัวของเขาขาวโล่งไปหมด

 

เอเลนเอเลนหายไปไหน

 

ใครเอาเจ้าเด็กเหลือขอของเขาไป?!!

 

ฝ่ามือกำกระชับในฉับพลัน นัยน์ตาสีขี้เถ้าวาวโรจน์ราวกับถูกเข้าสิง พลังแปลกประหลาดของอัคเคอร์แมนไหลเวียนไปทั่วร่างทันที 

 

ไม่ว่าจะหายไปไหน ไม่ว่าใครจะเอาไป เขาจะต้องไปตามหาและทวงของของเขาคืน!

 

 

แอ๊ดแอ๊ด

 

 

และก่อนที่เขาจะได้ก้าวขาออกไปตามหาเอเลนดั่งคนบ้าคลั่ง เสียงประตูหลังบ้านที่ดังเอี๊ยดอ๊าดเพราะถูกลมพัดก็ทำให้เขาตวัดดวงตาไปมอง

 

ทำไมมันเปิดอยู่ล่ะ?

 

มือแข็งแรงดึงมีดที่เหน็บอยู่ในรองเท้าบูทขึ้นมา ดวงตาราวกับปีศาจจ้องมองไปทางชานไม้หลังบ้านเขม็ง

 

 

เปรี้ยง!!

 

 

สายฟ้ายังฟาดลงมาไม่หยุดเฉกเช่นสายฝนที่ยังโปรยปรายลงมา เขาซ่อนลมหายใจให้เงียบเชียบที่สุดก่อนจะย่องไปทางนั้นช้าๆ สายตาจับจ้องอะไรก็ตามที่อยู่บนชานไม้ ฝ่ามือกระชับมีดในท่าเตรียมพร้อม

 

 

เปรี้ยง!!

 

 

แต่แล้วภาพที่มาพร้อมกับเสียงฟ้าผ่านั่นก็ทำให้ดวงตาของเขาเบิกกว้างยิ่งกว่าครั้งไหนๆ

 

หัวใจเต้นรุนแรงทั้งๆที่ร่างทั้งร่างทำได้แค่ยืนแข็งทื่อ

 

 

ร่างโปร่งบางที่แสนคุ้นตากำลังยืนเงยหน้ารับหยาดน้ำจากฟ้าอยู่ตรงนั้น

 

 

เส้นผมสีน้ำตาลยาวถึงกลางหลังเปียกลู่ไปกับชุดนอนกระโปรงที่เขาเป็นคนสวมมันให้เองกับมือ เชือกที่สานอยู่ตรงคอเสื้อนั่นก็เป็นแบบที่เด็กนั่นชอบใส่เขาจึงสั่งตัดแบบนั้นมาให้

 

 

เคร้ง….

 

มีดในมือร่วงลงไปและนั่นก็ทำให้ร่างที่ยืนหันข้างให้เขาค่อยๆหันหน้ามา

 

ดวงตาสีมรกตค่อยๆลืมขึ้นช้าๆ

 

เขาจะจำไม่ได้ได้อย่างไร ในเมื่อคนที่ยืนอยู่ตรงนั้นคือคนที่เขาเฝ้าดูแลมากว่าสามปี ตอนนี้น้ำตาของเขารื้นขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว

 

 

เอเลน!

 

 

เสียงทุ้มก้องกังวานยิ่งกว่าเสียงฝน ร่างกายของเขาขยับออกไปโดยสมองไม่ต้องสั่งการ สองแขนแข็งแรงรวบลำตัวบางเข้ามากอดไว้ด้วยหัวใจที่แสนโหยหา

 

 

คิดถึง….คิดถึงเหลือเกิน

 

 

ในที่สุดนายก็กลับมา…”    สองแขนยิ่งกระชับแน่นเพื่อให้แน่ใจว่านี่ไม่ใช่ความฝัน ร่างกายที่อบอุ่นนี้กำลังยืนด้วยตัวเอง

 

 

เอเลนฟื้นแล้วจริงๆ

 

 

อะ อะ…”    เสียงอึกอักๆดังอยู่ที่ไหล่เขา มันน่าจะเป็นเสียงของเอเลน เขาจึงคลายอ้อมแขนออกก่อนจะละออกมามองใบหน้ามนที่กำลังอ้าปากเหมือนพยายามจะพูดกับเขา

 

แต่อาจจะเป็นเพราะไม่ได้พูดมานาน เสียงที่เปล่งออกมาจึงไม่เป็นคำสักเท่าไหร่ เขามองใบหน้าที่แสนคิดถึงด้วยรอยยิ้มบางๆ ทุกอย่างยังเหมือนเดิมไม่มีผิด ทั้งแววตาดื้อรั้นเอาเรื่อง ทั้งเครื่องหน้าที่จะมองว่าสวยก็ได้หล่อก็ได้ของเด็กนี่

 

หะ หัวหน้า”    แล้วในที่สุดคำพูดแรกก็ออกมาจากริมฝีปากสีระเรื่อจนได้

 

มันเป็นชื่อของเขา

 

ฝ่ามือแข็งแรงดึงร่างของเอเลนเข้ามากอดอีกครั้งอย่างอดใจไม่ไหว เขาอยากจะบอกให้โลกรู้จริงๆว่าเขาดีใจมากขนาดไหน

 

เรายืนกอดกันอยู่กลางสายฝนแบบนั้นอยู่เนิ่นนาน



 

 

 

 



เช็ดหัวให้มันดีๆสิ เกิดแกเป็นหวัดตายไปนี่ไม่ขำเลยนะ”   มือแข็งแรงจับผ้าขนหนูขยี้ลงไปบนหัวสีน้ำตาลให้หลังจากที่เห็นมันโปะอยู่บนนั้นมานานแต่เจ้าคนที่เพิ่งฟื้นก็ยังดูงงๆว่าต้องทำยังไงกับมัน

 

นั่งลงสิ แกนี่มันจะสูงเกินไปแล้ว!”    ร่างที่สูงกว่าเขามากนั่งลงที่พื้นอย่างว่าง่าย เขาจึงนั่งลงไปที่ขอบเตียง มือค่อยๆผ่อนแรงเช็ดผมให้อย่างนุ่มนวล

 

โชคดีจริงๆที่กลับมาทัน ถ้าเกิดนายฟื้นขึ้นมาแล้วไม่เจอใคร นายอาจจะเดินสะเปะสะปะออกไปในป่าก็ได้”    เสียงทุ้มพูดกับคนที่นั่งหลับตาให้เขาเช็ดผมให้ สีหน้าของเอเลนดูจะชอบใจและเพลินกับสัมผัสนี้ของเขาเขากลัวเหลือเกินตอนที่ไม่เห็นร่างของเอเลนนอนอยู่บนเตียง 

 

ผมไม่ไปไหนหรอกครับเพราะผมรู้ว่าหัวหน้าอยู่กับผมที่นี่”    แล้วคำพูดของเอเลนก็ทำให้มือของเขาชะงักไปนิดๆ เขาเพิ่งรู้นี่แหละว่าเด็กนี่รู้สึกถึงเขาด้วย

 

ผมได้ยินทุกอย่างที่หัวหน้าพูดกับผมรับรู้ทุกอย่างผ่านการกระทำของหัวหน้า…”    หัวใจของเขารู้สึกอุ่นวาบขึ้นมาทันที ที่แท้เอเลนก็รู้สินะว่าเขาอยู่ตรงนี้เสมอ

 

อย่างตอนที่หัวหน้ามาหาตอนที่ผมถูกฝังอยู่เพราะผมได้ยินเสียงของหัวหน้าตรงหัวใจมันฟื้นฟูอย่างรวดเร็วเร็วมากจนน่าจะทำให้ควันมันลอยขึ้นไปมากกว่าปกติหัวหน้าเลยมองเห็น…”    เขาอึ้งไป เพราะแบบนี้เองสินะ ก่อนหน้านี้ถึงไม่มีใครสังเกตุเห็นการมีอยู่ของเอเลนเลย ทั้งๆที่น่าจะมีคนไปเยี่ยมหลุมศพนั่นมากมาย ยัยมิคาสะเองก็เฝ้าอยู่เป็นปีๆ แต่ไม่มีใครรู้เลยว่าเอเลนยังมีชีวิตอยู่

 

ผมรอหัวหน้ามาตลอดเลยนะครับพอได้ยินเสียงหัวหน้าเรียกชื่อผมผมก็ดีใจมาก”     มือที่กำลังเช็ดผมให้หยุดชะงักลง เขาเพิ่งรู้จริงๆว่าเอเลนรอเขาอยู่ 

 

ในหัวใจรู้สึกปวดแปลบไปแว่บหนึ่ง เขาน่าจะไปให้เร็วกว่านี้ เด็กนี่ต้องนอนอยู่ในดินมืดๆเย็นๆสกปรกๆด้วยความรู้สึกแบบไหนกัน คงจะทั้งหวาดกลัวต่อสิ่งที่อยู่รอบตัวและวิตกกังวลว่าเขาจะทอดทิ้งไป

 

การรอคอยอยู่ในที่แบบนั้นมันจะรู้สึกสิ้นหวังขนาดไหนกัน

 

สองแขนดึงร่างโปร่งให้จมลงมาในอกแล้วกอดไว้

 

นายคงกลัวมากสินะฉันขอโทษที่ไม่ได้ไปให้เร็วกว่านี้…”   หัวหน้าทหารรีไวไม่เคยขอโทษใครง่ายๆเพราะเขาไม่เคยทำผิดต่อใคร แต่ครั้งนี้เขารู้สึกผิดจริงๆ รู้สึกผิดมาก

 

ผมกลัวมากจริงๆนั่นแหละครับผมกลัวว่าหัวหน้าจะเกลียดผม กลัวว่าหัวหน้าอาจจะไม่ได้รับความทรงจำในวันที่ผมไปหาก่อนสงครามคืนมา เพราะหัวหน้าเป็นคนตระกูลอัคเคอร์แมนที่ไม่เหมือนใคร ผมกังวลใจไปหมดว่าหัวหน้าอาจจะยังเข้าใจผมผิดอยู่ ผมกลัวว่าหัวหน้าอาจจะเบื่อที่จะต้องคอยดูแลเด็กเหลือขออย่างผมแล้ว กลัวว่าหัวหน้าจะทิ้งผมไป กลัวว่าหัวหน้าจะไม่รักผมแล้วถึงไม่ยอมมาหาผมเลย หรือหัวหน้าอาจจะมาแล้วแต่ไม่ยอมพูดอะไรผมเลยไม่ได้ยิน ตลอดเวลาที่ถูกฝังอยู่อย่างนั้น ผมกังวลไปหมดเลยครับหัวหน้าพอได้ยินเสียงหัวหน้า ผมถึงได้ดีใจจนแทบจะควบคุมตัวเองไม่ได้”    ถ้อยคำทั้งตัดพ้อทั้งหวาดหวั่นพรั่งพรูออกมาจากริมฝีปากช่างเจรจา ทุกคำพูดล้วนบ่งบอกว่าเอเลนหวาดกลัวมากขนาดไหน

 

เขาทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากกระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้นและสัญญากับตัวเองว่าจะดูแลรักษาเด็กนี่ไม่ให้ต้องเจอกับความรู้สึกแบบนี้อีก

 

ฉันไม่เคยเกลียดนาย ไม่เคยเบื่อที่จะต้องดูแลเด็กเหลือขออย่างนาย ไม่เคยคิดจะทิ้งนายด้วยแต่ที่ฉันไม่ไปเพราะฉันยังทำใจไม่ได้ที่จะต้องไปยืนต่อหน้าหลุมศพของนายเพื่อตอกย้ำว่านายตายจากฉันไปแล้วจริงๆฉันขอโทษนะเอเลนที่ไปช้ามาก”    ปกติแล้วเขาไม่ใช่คนพูดมาก แต่บางครั้งที่การกระทำอย่างเดียวก็อาจจะสื่อไปไม่ถึง เขาจึงพูดออกไปเพราะอยากให้เอเลนคลายความกังวลและเลิกกลัว

 

ผมรู้แล้วครับหลังจากวันนั้น หลังจากที่หัวหน้าพาผมกลับมาที่นี่ผมก็รู้ดีเลยว่าผมก็แค่คิดมากไปเองหัวหน้ายังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนไปเลย”    แขนของเอเลนกอดตอบทาบทับลงมาที่อ้อมแขนของเขา

 

ตลอดเวลาที่ผ่านมา..ขอบคุณมากนะครับที่ช่วยดูแลผม…”    ใบหน้ามนเอียงแก้มใสมาคลอเคลียกับมือของเขาทำให้ดวงตาที่แข็งกร้าวอ่อนแสงลง

 

อืม ฉันก็ต้องดูแลนายอยู่แล้วสิ เจ้าเด็กเหลือขอ ทำเรื่องไว้ใหญ่โตขนาดนั้นแต่จนแล้วจนรอดก็ยังต้องให้ฉันคอยดูแลอยู่อีก”   นานแล้วที่เราไม่ได้นั่งคุยกันแบบนี้

 

“....มีบางครั้งผมก็ลังเลนะครับว่าผมสมควรมีชีวิตอยู่ต่อไปไหม คนอย่างผมควรจะฟื้นขึ้นมาไหม”    เขารับฟังเอเลนเงียบๆ

 

แต่เป็นเพราะหัวหน้าที่ทำให้ผมไม่ถอดใจ

 

ผมทำร้ายใครต่อใครมามากมายแล้ว ผมไม่ควรจะทำร้ายคนที่รักผมยิ่งกว่าใครอีก”    ปลายคางของเขาวางเกยลงไปบนกลุ่มผมสีน้ำตาลเบาๆ

 

อืม รู้ก็ดีแล้ว”    และเอเลนเองก็ทิ้งตัวลงมาในอ้อมแขนของเขา แผ่นหลังบางทาบทับกับหัวใจของเขาพอดี

 

ขอบคุณที่ไม่ทิ้งผมไปนะครับ

 

ถ้าแกรู้ว่าฉันรักแก แกก็ต้องรู้สิว่าฉันจะไม่มีวันทิ้งแก จากนี้ก็เตรียมใจไว้ล่ะ ฉันจะไม่ปล่อยแกไปไหนอีกแล้ว เจ้าเด็กเหลือขอ

 

ครับ…”    รอยแดงลุกลามขึ้นมาบนแก้มใสของเอเลนจนเขาเผลอยิ้มบางๆ  ชีวิตของเขายังไม่จบสิ้น มันกำลังจะเริ่มเดินต่อไปตั้งแต่บัดนี้ ตั้งแต่วินาทีที่เอเลนลืมตาขึ้นมา

 

ว่าแต่ แล้วมันเกิดอะไรขึ้น? ทำไมนายถึงยังไม่ตาย?”    นี่ก็เป็นอีกคำถามที่เขาเฝ้าสงสัยมานาน

 

ผมไม่อยากตายนั่นคือความรู้สึกสุดท้ายของผม…”    เสียงของเอเลนเล่าให้เขาฟังเป็นครั้งแรก ทั้งๆที่เตรียมใจเสียสละตัวเองแต่สุดท้ายก็ยังอยากมีชีวิตอยู่สินะ 

 

ยูมีร์คืนทุกอย่างให้ลูกหลานของตัวเอง และผมก็เป็นลูกหลานคนหนึ่งของเธอเช่นกันผมคิดว่าเพราะแบบนั้นถึงทำให้ผมยังมีชีวิตอยู่

 

แบบนี้นี่เองถ้าอย่างนั้นก็คงต้องขอบคุณเธอ”    ไม่ว่าจะอะไรก็ตามที่ทำให้เอเลนยังอยู่กับเขาตรงนี้ เขาก็พร้อมที่จะขอบคุณเสมอ

 

และขอบคุณนายด้วย ที่ไม่ถอดใจ”    เขากอดเอเลนเอาไว้อย่างนั้น




 

 

 

 

 

พายุพัดผ่านไปแล้ว ตอนนี้ฟ้าจึงใส แสงแดดทำให้ทุกอย่างเปล่งประกายไปหมด

 

หยดน้ำไหลลงมาจากใบไม้ก่อนจะหยดลงพื้นดินที่ยังชุ่มฉ่ำ ดวงตาสีมรกตกลมโตจ้องมองสิ่งเล็กๆน้อยๆเหล่านั้นอยู่ข้างๆกองดินที่กำลังถูกขุดไปทิ้งเรื่อยๆ ตอนนี้เขากำลังขนดินภูเขาที่สไลด์ลงมาทับถนนออกไป และเขาก็พาเอเลนมาด้วย

 

ถึงแม้ถนนเส้นนี้จะไม่มีใครใช้นอกจากพวกเขา แต่ทำให้มันโล่งๆไว้น่าจะดีกว่า

 

โครม!

 

ดินในตะกร้าถูกเทลงไปข้างทาง ร่างที่ไม่ได้สูงใหญ่ทว่าแข็งแกร่งยิ่งกว่าใครยืดตัวขึ้นก่อนจะยกมือขึ้นมาปาดเหงื่อออกจากใบหน้า เขาหันไปมองเอเลนที่ยังนั่งเล่นกับผีเสื้อ ร่างกายของเด็กนั่นยังไม่ฟื้นตัวดีเขาจึงบังคับให้นั่งอยู่เฉยๆไปก่อน

 

สวบ! สวบ!

 

พลั่วขุดดินใส่ตะกร้าอีกรอบ พละกำลังของเขายังมีเหลือเฟือ วันนี้ก็น่าจะขนหมด

 

"...ให้ผมอยู่ที่นี่จะดีเหรอครับ…”    เสียงของเอเลนเอ่ยลอยๆออกมาทำให้เขาหันไปมอง

 

ผมเป็นคนฆ่าญาติพี่น้องของพวกเขา ทำลายบ้านเมืองของพวกเขา ทำให้พวกเขาบ้านแตกสาแหร่กขาด ถ้าพวกเขารู้ว่าผมยังมีชีวิตอยู่ละก็พวกเขาคงไม่ให้อภัยผม…"    ร่างโปร่งนั่งกอดเข่า

 

"นายรู้สินะว่าที่นี่คือแผ่นดินใหญ่?"

 

"ครับ…"    

 

ไม่แปลกหรอกที่เอเลนจะยังคิดเรื่องนี้อยู่และไม่แน่ใจว่าตนสมควรที่จะได้รับโอกาสให้ยังมีชีวิตอยู่ไหม หลังจากตัดสินใจฆ่าล้างเผ่าพันธ์คนอื่นไป 

 

แต่เขาก็รู้ ว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างแน่นอนก่อนที่เด็กนี่จะตัดสินใจทำเรื่องแบบนั้นลงไป

 

สวบ!

 

พลั่วปักลงไปในดินร่วนซุย เขาเงยหน้าขึ้นมาสบกับดวงตาสีมรกตนั่นตรงๆ

 

"ฉันจะไม่บอกให้นายละทิ้งบาปของตัวเองไปหรอกนะ ทั้งฉันทั้งนายต่างก็ฆ่าคนมามากมาย บาปที่ตัวเองก่อไว้ก็ควรจะจดจำมันไปจนวันตายนั่นแหละ"

 

 

"แต่จะให้ทำไงได้ล่ะเอเลน ในเมื่อเรายังมีชีวิตอยู่"

 

 

"เราก็ทำได้แค่ต้องอยู่ต่อไป อยู่เพื่อสำนึกผิดต่อสิ่งที่ตัวเองทำไว้ แต่ถึงอย่างนั้น...ตอนนี้นายก็เป็นอิสระแล้ว เอเลน"

 

ดวงตากลมโตคล้ายตาแมวเบิกกว้างกับคำว่าอิสระ แววตาที่มืดมนอยู่จนถึงเมื่อครู่เปล่งประกายขึ้นมาทันที

 

"ไม่มีกำแพงอีกต่อไป บ้านเมืองก็ไร้พรมแดนที่นี่นายจะใช้ชีวิตยังไงก็ได้ ไม่มีคนรู้จักนาย ทุกคนข้างนอกนั่นหวั่นเกรงต่อเอเลน เยเกอร์ก็จริง แต่นายตอนนี้ก็เป็นแค่เจ้าเด็กเหลือขอคนหนึ่ง อยู่ที่นี่ นายจะมีอิสระมากกว่าบนเกาะพาราดี้"    เพราะบนเกาะเล็กๆนั่นทั้งเขาทั้งเอเลนต่างเป็นที่รู้จัก ไม่นานคงถูกหาตัวพบได้ง่ายๆแน่และเอเลนก็คงไม่พ้นต้องกลายเป็นสัญลักษณ์ทางการทหารต่อไป

 

"นายทำเพื่อชาวเอลเดียบนเกาะนั่นมามากแล้ว ทำเพื่อพวกพ้องของนายมามากแล้ว  ต่อจากนี้นายอยู่เพื่อตัวเองเถอะเอเลน"

 

"ครับ…"    ถึงแม้ใบหน้าของเอเลนจะยังดูไม่แน่ใจแต่ดวงตาสีมรกตนั่นก็พอจะเปล่งประกายขึ้นมาบ้างแล้ว

 

คงมีแค่เวลาที่จะเยียวยาทุกสิ่งได้ ขนาดเขาเองก็ยังต้องใช้เวลามากมายถึงจะทำใจใช้ชีวิตต่อไปได้เช่นกัน

 

อีกอย่างที่ผมกลัวถ้าผมอยู่กับหัวหน้าพวกเขาจะไม่โกรธแค้นจนทำให้หัวหน้าเดือดร้อนไปด้วยเหรอครับผมอุตส่าห์ทำให้หัวหน้ากลายเป็นฮีโร่ของพวกเขาโอ๊ย?!”    มือแข็งแรงมะเหงกเข้าให้สักที  ไอ้เจ้าผู้นำกลุ่มเยเกอร์ที่แสนเย็นชาคนนั้นมันหายไปไหนแล้ว? ทำไมตรงนี้ถึงมีแต่เจ้าเด็กเหลือขอจอมคร่ำครวญเนี่ย

 

อย่าคิดที่จะตีตัวออกห่างจากฉันเชียวนะเจ้าลูกหมา แกก็รู้ว่าฉันไม่มีทางเดือดร้อนเพราะคนอื่น คนเดียวที่จะทำให้ฉันเดือดร้อนได้ก็คือแกนี่แหละ

 

“...ครับเข้าใจแล้วครับผมจะไม่หนีไปไหน จะเกาะติดหัวหน้าเหมือนเห็บหมัดเกาะหมาเลยครับ

 

หึ อย่ามาเลียนแบบคำพูดฉัน”   สันมือสับลงไปบนหัวสีน้ำตาลจนเอเลนต้องยู่หน้า แต่หลังจากนั้นใบหน้ามนก็ดูเบาใจขึ้น ร่างโปร่งนั่งดูเขาขนดินต่อไปจนพลบค่ำ



 

 

 

 



ใส่ไว้”   มือแข็งแรงวางหมวกฟางลงไปบนหัวสีน้ำตาล ดวงตากลมโตเหลือบมามองเขาก่อนที่สองแก้มจะขึ้นสีนิดๆ

 

อันที่จริงเมื่อก่อนพวกเขาก็เคยทำเพื่อกันและกันมาไม่ใช่น้อย แต่ส่วนใหญ่มักจะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับความเป็นความตายเสียมากกว่า พวกเขาแทบไม่เคยมีเวลามาใช้ชีวิตสบายใจเฉิบแบบนี้เลย เพราะงั้นเรื่องเล็กๆน้อยๆที่ทำให้กันมันเลยเพิ่งเคยเกิดขึ้น

 

แล้วเอเลนก็ดูจะเขินกับสิ่งเหล่านี้ที่เขาทำให้

 

เขาเองก็ใช่ว่าจะไม่รู้สึกอะไร แต่เขาซ่อนเอาไว้ในใบหน้าตายด้านของเขาต่างหาก

 

ขาแข็งแรงก้าวเดินนำเข้าไปในป่า เอเลนเดินตามเขามาติดๆ ใบหน้ามนยังสงสัยว่าเขาจะพาไปไหน ถึงแม้ในสายตาคนอื่นเอเลนจะดูเป็นเด็กหนุ่มเต็มตัว แต่เวลาอยู่กับเขาก็ยังทำตัวเป็นลูกหมาไม่เคยเปลี่ยน ดวงตาดื้อรั้นมองนู่นมองนี่ไปทั่ว เพราะไม่ต้องแกล้งทำตัวโหดเหี้ยมเย็นชาแล้ว เจ้าเด็กเหลือขอนี่จึงกลับมาเป็นเอเลนที่สดใสร่าเริงเหมือนเดิม ไม่สิ ไม่เหมือนเดิมซะทีเดียว เพราะดันเป็นลูกหมาที่สวยขึ้นนิดหน่อยน่ะสิ

 

นัยน์ตาสีขี้เถ้าเหลือบมองปลายผมยาวที่ทำให้ใบหน้าได้รูปนั่นดูละมุนละไมมากขึ้น ถึงแม้จะพยายามรวบมันไปมัดเป็นก้อนดังโงะไว้ข้างหลังแล้วแต่ความที่มันยาวมาก มันเลยพลิ้วไหวขึ้นลงตลอดเวลาในยามที่เด็กนั่นก้าวเดิน

 

ตกลงเราจะไปไหนกันเหรอครับหัวหน้า?”    ริมฝีปากช่างเจรจาเริ่มทำงาน

 

ไปหาอาหาร พอตื่นมาแกก็หิวแล้วใช่ไหมล่ะ?”    ถึงตอนที่หลับอยู่จะไม่ต้องกินอะไร แต่พอลืมตาขึ้นมาเอเลนก็กลับมาใช้ชีวิตแบบคนปกติ

 

ถึงเขาจะทำนาปลูกข้าวเองไม่ได้ แต่ถ้าเป็นผักง่ายๆหรือหัวมันเขาก็พอจะปลูกเองได้อยู่หรอก ห่างจากบ้านไปไม่ไกล เขาปลูกของกินได้เอาไว้ตรงนั้น

 

นี่หัวหน้าปลูกเองเหรอครับ?”   ดวงตาสีมรกตกวาดมองไปรอบแปลงผักสวนครัวแบบมั่วๆของเขาอย่างไม่อยากจะเชื่อว่าคนดิบเถื่อนแบบเขาจะทำได้

 

ในระหว่างที่แกนอนอย่างสบายใจอยู่สามปีนั่นไง ฉันที่ไม่มีอะไรทำก็เลยมาปลูกเผือกปลูกมันอยู่ตรงนี้”   เอเลนหัวเราะให้กับคำพูดขวานผ่าซากของเขา

 

เอ๋? แล้วไม่เก็บเหรอครับ?”   เอเลนถามอย่างสงสัยเมื่อเขาเดินผ่านแปลงผักพวกนั้นไป

 

วันนี้จะไปเก็บของที่อยู่ในป่า

 

ดวงตาคมกล้าเริ่มเหลือบมองหาอะไรบางอย่างหลังจากเดินเข้าป่ามาลึกพอสมควร  อยู่นั่นไง

 

เขาเดินเข้าไปหาต้นไม้ที่มีผลสีดำๆซึ่งขึ้นติดกันเป็นดง

 

เก็บเจ้านี่ซะ”   นิ้วที่ขึ้นเป็นข้อๆแบบมือผู้ชายชี้ไปที่ลูกไม้สีดำพลางหันไปสั่งเอเลนที่กำลังเอาหมวกฟางพัดใส่หน้า ห้าหกปีที่ไม่ได้เดินเลยทำให้เด็กนั่นเหนื่อยสินะที่ต้องเดินขึ้นเขามาไกลขนาดนี้ 

 

ครับ…”   เอเลนตอบรับอย่างว่าง่ายทั้งๆที่ยังไม่หายเหนื่อย สงสัยขากลับเขาคงต้องเดินช้าลงหน่อยเสียแล้ว

 

มันคืออะไรครับหัวหน้า? ระเบิด?”   เจ้าลูกหมาขี้สงสัยเริ่มถามทันทีที่เก็บลูกแรกได้

 

ถ้ามันเป็นระเบิด นิ้วแกมันจะยังอยู่บนมือไหม? มันคือบลูเบอร์รี่ป่า เป็นผลไม้ชนิดหนึ่ง

 

มันกินได้จริงๆเหรอครับ…”    ผลไม้ชนิดนี้ไม่มีบนเกาะพาราดี้ เอเลนจะจ้องมันอย่างสงสัยก็ไม่แปลก

 

ในโลกนี้ยังมีอะไรที่นายไม่เคยเห็นอีกเยอะเลย ไว้ค่อยๆดูไปด้วยกันนะ”    เขาพูดไปในขณะที่มือก็เก็บบลูเบอร์รี่ป่าไป

 

ครับ!”   เอเลนขานรับพร้อมรอยยิ้ม เขารู้ว่าเด็กนี่อยากออกมาเห็นโลกภายนอกมากกว่าใคร ถึงจะเป็นเรื่องเล็กน้อยแค่นี้แต่มันกลับมีความหมายต่อเอเลนมาก

 

 

 

 

 



เขาใช้เวลาช่วงบ่ายเปลี่ยนบลูเบอร์รี่ป่าเต็มตะกร้าให้กลายมาเป็นของหวานส่งกลิ่นหอมไปทั่วบ้าน เอเลนแทบทนรอไม่ไหว เจ้าลูกหมามาเดินวนๆเวียนๆอยู่รอบตัวเขามาพักใหญ่แล้ว

 

หอมจัง หัวหน้าทำอะไรอยู่เหรอครับ?”   ใบหน้ามนเดี๋ยวชะโงกซ้าย เดี๋ยวชะโงกขวา เหมือนลูกหมาไม่มีผิด

 

เมื่อก่อน แค่มีขนมปังดีๆให้กินนี่ก็ถือว่าเป็นเรื่องดีที่สุดแล้วนะ ขนมหรือของหวานเป็นสิ่งที่อยู่ไกลตัวพวกเขามาก เพราะงั้น ก่อนที่เอเลนจะฟื้นขึ้นมา ความตั้งใจหนึ่งของเขาก็คือทำให้เด็กนี่ได้รับรู้ถึงความสุขเวลาที่ได้กินของอร่อยๆบ้าง ไม่ใช่กินเพียงเพื่อให้มีชีวิตรอดแบบเมื่อก่อน

 

เสร็จแล้ว ลองกินดูสิ”    ถ้วยทรงกลมซึ่งมีครีมชีสสีขาวโรยหน้าด้วยซอสบลูเบอร์รี่สีม่วงเข้มมีเนื้อบลูเบอร์รี่ที่ผสมกันอย่างกลมกลืนถูกวางลงไปบนโต๊ะไม้ซึ่งมีเอเลนนั่งรออยู่อย่างใจจดใจจ่อ ความน่ากินของมันนอกจากจะทำให้ดวงตากลมโตเป็นประกายแล้ว ที่ริมฝีปากก็ยังมีน้ำลายยืดอีกต่างหาก

 

ปลายนิ้วเอื้อมไปปาดน้ำลายนั่นแรงๆอย่างหมั่นเขี้ยว ผู้นำกลุ่มเยเกอร์อะไรล่ะนี่มันลูกหมาชัดๆ

 

มือบางหยิบช้อนขึ้นมาตักเข้าปากอย่างไม่รีรอ แล้วดวงตาสีมรกตนั่นก็ราวกับจะเปล่งแสงได้

 

อื้อ~~ นี่มันอะไรกันครับ? อร่อยมากเลย!”    เอเลนก้มลงไปมองของหวานในถ้วยด้วยใบหน้าที่บ่งบอกว่าชอบสุดๆก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองเขาสลับไปสลับมา แค่เห็นแบบนั้นเขาก็รู้สึกประสบความสำเร็จแล้ว

 

บลูเบอร์รี่ชีสพาย ตอนฉันพักฟื้นอยู่ในเมือง เจ้าเด็กสองคนนั่นชอบเอามาฝาก”   เขาคิดว่าเอเลนน่าจะชอบ ก็เลยลองศึกษาวิธีทำมานิดหน่อยและมันก็ไม่ได้ทำยากอย่างที่คิดด้วย

 

เอเลนก้มลงไปกินต่อด้วยท่าทางเอร็ดอร่อย แก้มใสยกยิ้มไปด้วย ดูมีความสุขกับขนมถ้วยเล็กๆที่เขาทำให้ แค่ได้เห็น หัวใจของเขาก็ฉาบไล้ไปด้วยความสุขแล้ว

 

"ฮิ.."   นิ้วเรียวแทบจะปาดถ้วยขึ้นมาเลีย… 

 

"เวลากินยังจะหัวเราะอะไรเจ้าเด็กเหลือขอ?"

 

"ก็ไม่คิดว่าคนอย่างหัวหน้าจะทำขนมให้กิน แล้วยังดูแลผมอย่างดี ปกติต้องเตะฟันหลุดแล้วนี่"   เอเลนพูดด้วยรอยยิ้มมันก็จริงนะ

 

"คิดว่าใครคอยอาบน้ำล้างหน้าแปรงฟันให้แกตลอดสามปีมานี้กันเจ้าลูกหมา?"

 

"ฮิฮิ"   รอยยิ้มเหมือนสมัยที่ยังเยาว์วัยหวนคืนกลับมาบนใบหน้าใสนั่นอีกครั้ง เล่นเอานึกถึงช่วงเวลาที่พวกเราซ่อนตัวอยู่ในปราสาทของกองบัญชาการหน่วยสำรวจด้วยกันเลย

 

เขากับเอเลนใช้ชีวิตหลบๆซ่อนๆเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายอยู่ด้วยกันมานานเหลือเกิน  ในวันที่ไม่เหลือใครก็มีเพียงร่างกายของกันและกันที่ช่วยปลอบประโลมความโศกเศร้าจากการสูญเสียพวกพ้องได้ ในวันที่ไร้หนทางก็ยังมีอีกฝ่ายเป็นแสงสว่างนำพาให้หลุดพ้นจากความมืดมิด  ในวันที่หนาวเหน็บต่างฝ่ายต่างก็มีไออุ่นให้แก่กัน 

 

ชีวิตแบบนั้นถึงจะโหดร้ายแต่มันก็ดีจริงๆ

 

"แล้วก็ เลิกเรียกฉันว่าเฮย์โจวเถอะ ฉันไม่ใช่หัวหน้าทหารของนายอีกต่อไปแล้ว"   เขาคิดเรื่องนี้มาสักพักแล้ว พวกเราไม่ไช่ทหารแล้ว ไม่มีหัวหน้าไม่มีลูกน้องแล้ว มีเพียงคนสองคนที่เท่าเทียมกัน 

 

"เอ๊ะ? งั้นจะให้ผมเรียกหัวหน้าว่าไงล่ะครับ? คุณลุง?"

 

"ฉันก็มีชื่อของฉันไหม? หื๋ม~"   นิ้วแข็งแรงดึงแก้มย้วยอย่างนึกมันเขี้ยว เรียกผัวตัวเองว่าลุงเนี่ย มันต้องโดนซะบ้างแล้ว!

 

"อ้า! อ่อยอ๋ม~"   เอเลนพยายามจะยันมือเขาออกมา บรรยากาศเด็กดื้อกับผู้ปกครองจอมเฮี้ยบระหว่างพวกเขาค่อยๆกลับคืนมา 

 

"ถ้างั้นเรียกคุณรีไวได้ไหมครับ…"   ดวงตากลมโตช้อนขึ้นมามองอย่างไม่แน่ใจ แก้มใสขึ้นสีระเรื่อนิดๆเพราะนี่คือครั้งแรกที่เอเลนเรียกชื่อเขา

 

หัวใจของเขาเองก็กระตุกไปวูบหนึ่ง

 

แค่ถูกเรียกชื่อก็มีอานุภาพขนาดนี้เลยหรือ

 

"อืม"    เขาตอบออกไปด้วยรอยยิ้มบางๆระหว่างเราค่อยๆขยับเข้าหากันอีกก้าวหนึ่งแล้วนะ



 

 

 

 

 

 

 

เอเลนยังมีอาการง่วงนอนหลงเหลืออยู่

 

พอเริ่มมืด บางครั้งเอเลนก็ผลอยหลับไปบนโซฟาในห้องนั่งเล่นก็มี บางทีก็ไม่ตื่นไปจนยันเช้า และเขาก็ต้องเป็นคนอุ้มไปนอนอยู่บ่อยๆ

 

อืม…”    แต่วันนี้ดูเหมือนจะรู้ตัวแหะ?

 

ท่อนแขนแข็งแรงวางร่างโปร่งลงบนเตียง ดวงตาสีมรกตปรือปรอยเปิดขึ้นมาอย่างงัวเงีย

 

ผมเผลอหลับไปอีกแล้วเหรอครับ?”   เอเลนหาวหวอดก่อนจะพยายามยันตัวขึ้นมานั่ง

 

นอนเถอะ นี่ก็ดึกแล้ว”   เขาเดินไปเป่าตะเกียงให้เหลือเพียงดวงเดียว

 

เอเลนนั่งมองตามทุกการเคลื่อนไหวของเขา จนกระทั่งเขานั่งลงบนเตียง นัยน์ตาสีมรกตก็ยังมองหน้าเขาไม่วางตา

 

มีอะไรรึเปล่า?”   แล้วแทนที่จะตอบ มือบางกลับเอื้อมมาลูบไปตามรอยแผลบนใบหน้าเขา

 

เพราะแผนการของผมทำให้คุณเกือบเอาชีวิตไม่รอด”  เสียงสลดเอ่ยออกมาอย่างรู้สึกผิด

 

ผมขอโทษนะครับ…”   มือบางแตะลงไปบนมือข้างที่เหลือเพียงสามนิ้วของเขาก่อนจะจับมันเอาไว้ เอเลนยกมือข้างนั้นขึ้นมาชนกับหน้าผากของตัวเอง

 

มันไม่ใช่ความผิดของแก ถ้าจะมีคนที่ผิด คนคนนั้นก็คือไอ้พี่ชายเฮงซวยของแกต่างหาก”   เพราะคนที่ทำให้เขามีสภาพแบบนี้ก็คือซีค เยเกอร์ พี่ชายต่างแม่ของเอเลน

 

ฮึๆ สนิทกันน่าดูเลยนะครับ คุณรีไวกับพี่”   ใบหน้ามนเอ่ยแซวพร้อมรอยยิ้ม ใครๆต่างก็รู้ดีว่าเขากับซีคเป็นไม้เบื่อไม้เมากันขนาดไหน

 

เอ่อสิ สนิทจนอยากจะลากคอมันลงนรกอยู่ทุกวันเลยละ  ไอ้เวรตะไลหน้าหนวดนั่น”   แค่นึกถึงก็หงุดหงิดแล้ว 

 

แต่ในขณะที่เขากำลังทำหน้าราวกับกำลังจะฆ่าคน  เจ้าเด็กตรงหน้ากลับอมยิ้ม

 

ยิ้มอะไร?”

 

ผมชอบความป่าเถื่อนของหัวหน้าจัง~”   จู่ๆคนที่นั่งอยู่ข้างๆก็โผมากอดเอวเขาซะอย่างงั้น

 

ไม่ได้โดนเตะมานานแล้วสินะ เจ้าเด็กเหลือขอ?”   ถึงจะพูดแบบนั้นแต่ท่อนแขนแข็งแรงก็กอดตอบ

 

อย่านะครับ ถ้าทำผมฟันหลุดตอนนี้ละก็ มันอาจจะไม่งอกออกมาอีกเลยก็ได้ แล้วหัวหน้าก็ต้องทนอยู่กับคนฟันหลอนะครับ”   ริมฝีปากช่างเจรจารีบหาข้ออ้าง

 

แทนที่จะเตะเปลี่ยนเป็นทำอย่างอื่นดีกว่าไหมครับ?”    เจ้าเด็กเหลือขอที่เขาคิดว่ายังเป็นเด็กตอนนี้ไม่ใช่เด็กอีกต่อไปแล้วสินะ ใบหน้าภายใต้กรอบผมยาวนั่นถึงได้ส่งสายตาเชิญชวนมาแบบนี้

 

หื๋มได้สิ”   มือแข็งแรงกระชากคอขึ้นมาจูบทันที ไม่จำเป็นต้องมากพิธีและเอเลนเองก็คุ้นเคยกับจูบที่ดุดันนี้ดี

 

เรียวลิ้นบังคับสอดแทรกเข้าไปในกลีบปากนุ่มนิ่ม ตอนนี้เอเลนไม่ได้ไร้เดียงสา ไม่ใช่เด็กน้อยที่จะตอบสนองเขาแบบเงอะๆงะๆอีกต่อไป ลิ้นร้อนไม่ได้ถูกเขาไล่ต้อนอยู่ฝ่ายเดียวเหมือนเมื่อก่อน แต่มันกลับตอบรับปลายลิ้นที่รุกเร้าเข้าไป

 

เอเลนเกี่ยวกระหวัดรีดรัดลิ้นของเขาเช่นกัน มันพัวพันแบบไม่มีใครยอมใคร

 

ริมฝีปากของเขายกยิ้มทั้งๆที่ยังจูบกันอยู่ เจ้าเด็กน้อยที่เขาเป็นคนสอนเรื่องแบบนี้ให้เองกำลังอวดเก่งกับเขาอยู่สินะ หึ 

 

เขาถอนลิ้นของตัวเองออกมาแต่ก็ยังจูบเม้มริมฝีปากชุ่มฉ่ำน้ำลายนั่นต่อไป เดี๋ยวลงน้ำหนักเน้นๆบ้าง เดี๋ยวจูบหยอกเย้าเบาๆบ้าง เดี๋ยวดึงดูดออกมาบ้าง เดี๋ยวเปลี่ยนมุมบ้าง เสียงจุ๊บๆที่ดังขึ้นชวนให้อารมณ์พลุ่งพล่าน   และจูบที่มีชั้นเชิงแถมเซ็กซี่อย่างร้ายกาจนั่นก็ทำเอาคนที่เป็นรองถึงกับสติกระเจิดกระเจิง

 

มือบางรีบยกขึ้นมาดันแผ่นอกหนาเป็นเชิงห้าม

 

แฮ่กแฮ่กคุณรีไวมากกว่านี้ผมยังไม่พร้อม

 

เพราะรู้ดีว่าถ้าปล่อยไปอะไรจะเกิดขึ้นและลึกๆในใจของเอเลนก็ยังต่อต้าน ยังคงจมอยู่กับความรู้สึกผิดและคงคิดว่าตนยังไม่สมควรจะได้รับความสุข

 

เขามองใบหน้าแดงซ่านนั่นอย่างเข้าใจ เขาเองก็ไม่คิดจะฝืนใจเอเลน ตอนนี้อาจจะทำจนถึงขั้นสุดท้ายไม่ได้ก็ไม่เป็นไร

 

งั้นก็เอาแค่นี้แหละ แต่แกรู้รึเปล่า ว่าแค่จูบก็ทำให้แกถึงสวรรค์ได้”   เสียงทุ้มแหบพร่าน้อยๆกระซิบลงที่ใบหูบาง

 

เดี๋ยวฉันจะแสดงให้ดู”   เสียงเซ็กซี่ที่เปล่งอยู่ข้างหูเรียกสีแดงจัดขึ้นบนแก้มใส  

 

แล้วหลังจากนั้น ริมฝีปากแดงช้ำก็ถูกดึงมาจูบซ้ำๆอีกหลายรอบ

 

ทั้งชั้นเชิง ทั้งความช่ำชอง ทั้งเทคนิคที่ถูกใช้ร่วมกันเล่นเอาคนที่อ่อนประสบการณ์กว่าถึงกับหน้ามืดตามัว

 

ความเป็นชายของเอเลนขยายตัวอย่างควบคุมไม่ได้

 

แค่จูบอย่างเดียวก็เป็นได้ถึงขนาดนี้ ไม่ต้องบอกเลยว่าอดีตหัวหน้าทหารรีไวนั้นดุดันขนาดไหน

 

"อื้ม~"   ฝ่าเท้าบางจิกลงไปบนผ้าห่มที่ยับยู่ยี่อย่างทนไม่ไหวอีกต่อไป ฝ่ามือแข็งแรงจึงเอื้อมไปกอบกุมส่วนอ่อนไหวนั่นเอาไว้แล้วชักเข้าออกแรงๆให้

 

"อะ อ๊า~"   เพราะไม่ได้ทำมานานเอเลนจึงความรู้สึกไวมาก เขาขยับมือไม่กี่ครั้งก็ถึงได้แล้ว

 

ต่างจากเขาตลอดเวลาที่เอเลนนอนอยู่บนเตียงเขานั่งทำให้ตัวเองอยู่ข้างๆนั่นตั้งไม่รู้กี่ครั้ง

 

กลิ่นคาวที่หอมหวานคละคลุ้งไปทั่วห้องเล็กๆเมื่อน้ำสีขาวขุ่นของเอเลนไหลเลอะเต็มฝ่ามือเขา ส่วนเจ้าของมันก็ยังใช้สองมือยึดคอเสื้อของเขาไว้พร้อมกับหอบหายใจหนักหน่วง ใบหน้าสวยบัดนี้แดงจัดอยู่ภายใต้กรอบผมยาว

 

เขาจูบเบาๆลงไปบนกลีบปากแดงก่อนจะละออกมาเช็ดมือ

 

แล้วคุณล่ะ?”   เอเลนเอี้ยวตัวมาถามเขาเมื่อเห็นว่าเขาไม่มีทีท่าว่าจะทำต่อ

 

ถ้าไม่ใช่ตรงนี้ฉันก็ไม่ทำหรอก”   มือแข็งแรงตีก้นเอเลนไปทีนึงเพื่อบ่งบอกให้รู้ว่าตรงนี้นี่มันตรงไหน ใบหน้ามนถึงกับยู่หน้าใส่แต่เขากลับยกยิ้มเจ้าเล่ห์

 

พร้อมเมื่อไหร่ก็เอามาให้ฉันใส่เข้าไป

 

คุณนี่มันทั้งดิบเถื่อนทั้งหยาบคายจริงๆ แต่ผมที่ดันชอบนี่แหละที่แปลกคน เฮ้อ~”   ร่างโปร่งตะแคงตัวล้มลงนอนก่อนจะซุกเข้าหาอกเขา

 

นัยน์ตาสีขี้เถ้าทอดมองกลุ่มผมสีน้ำตาลอย่างไม่แน่ใจ ความรู้สึกบางอย่างค้างคาอยู่ในใจเขามาตั้งแต่วันนั้น และตั้งแต่ที่เอเลนฟื้นขึ้นมา เขาก็พยายามหลบเลี่ยงที่จะถามคำถามนี้มาตลอด

 

พยายามหาข้ออ้างให้ตัวเองราวกับคนขี้ขลาด

 

เอเลน”   เสียงทุ้มเอ่ยเรียกคนที่ซุกอยู่ที่แผงอก วันนี้เขาจะพยายามรวบรวมความกล้าที่จะเผชิญหน้ากับมันเสียที

 

ครับ?”

 

มีคำถามหนึ่งที่ฉันอยากถาม แต่ก็กลัวคำตอบของนาย แต่ถ้าฉันไม่ถาม มันก็คงจะเหมือนเสี้ยนที่คาส้นตีนอยู่แบบนี้

 

หื๋อ? ลองถามมาสิครับ?”   ใบหน้ามนเงยจากอกขึ้นมามองเขา

 

นายเกลียดฉันหรือเปล่าเพราะฉันเป็นคนสั่งให้มิคาสะฆ่านาย…”

 

ความเจ็บแปลบที่มองไม่เห็นยังคงแล่นลิ่วอยู่รอบหัวใจของเขาเมื่อคำถามนี้หลุดออกจากปากไป เอเลนก็ดูจะผงะไปเช่นกัน

 

ในวันที่ทุกคนต่างหันอาวุธเข้าหานาย ไม่มีใครเข้าข้างนายสักคน ทั้งๆที่ฉันควรจะเป็นคนที่ยืนอยู่ตรงนั้น ยืนอยู่ข้างๆนาย แต่ฉันกลับ…”   นี่คือเรื่องที่เขาเสียใจมาตลอด เขาเฝ้าคิดมาตลอดว่าในใจของเอเลนตอนนั้นจะรู้สึกยังไง ต้องเจ็บปวดแทบแหลกสลายขนาดไหนที่ต้องเห็นคนที่ตัวเองรักหยิบดาบขึ้นมาฟาดฟันใส่

 

หัวหน้า”   แต่แล้วเสียงใสก็เป็นฝ่ายเรียกสติเขาให้กลับคืนมา

 

หัวหน้าครับ ฟังผมนะครับ”   มือบางทั้งสองข้างเอื้อมมาประคองใบหน้าเขาให้สบประสานกับดวงตาสีมรกตที่อ่อนโยนแต่ก็เข้มแข็งมาก

 

เรื่องที่ผมทำ มันคือการฆ่าล้างเผ่าพันธ์มนุษย์นะครับหัวหน้าพยายามหยุดผมมันเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้วเป็นเรื่องที่คนที่รักกันควรทำครับ”   ใบหน้ามนขยับยืดตัวมาจูบเขาเบาๆก่อนจะละออกไปพูดต่อ

 

ผมไม่เคยโกรธ ไม่เคยเกลียดหัวหน้าเลยตั้งแต่เมื่อก่อน จนถึงตอนนี้ไม่มีวันไหนที่ผมเกลียดหัวหน้าเลยครับ”   เอเลนยิ้มให้เขา มันเป็นรอยยิ้มที่ทำให้ภูเขาในอกเขาพังทลาย เขาโล่งใจจนแทบร้องไห้

 

งั้นเหรอ…”   เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำหน้ายังไงออกไป แต่เอเลนเห็นแล้วถึงกับยิ้มกว้างพลางเป็นฝ่ายดึงตัวเขาเข้าไปกอดแนบอกของเอเลนแทน

 

ค่อยยังชั่ว…”    เขาเปล่งเสียงที่อ่อนแรงแต่ก็โล่งอกมากออกไป แขนบางทั้งสองข้างกอดเขาเอาไว้หลวมๆราวกับกำลังช่วยปลอบโยน

 

ฮิผมยังจำเมื่อก่อนนี้ได้อยู่เลย วันนั้นทั้งๆที่เตะผมจนฟันหลุดในศาลทหาร แต่ลับหลังหัวหน้ากลับมาถามผมว่านายเกลียดฉันหรือเปล่า?” น่ารักที่สุดเลยครับ”   จากที่กำลังซึมๆคิ้วก็กระตุกขึ้นมาทันที 

 

ล้อเลียนฉันหรือไง? หื๋ม~ เจ้าลูกหมา”   เขาเงยหน้าขึ้นไปกระตุกยิ้มก่อนจะลงมือจี้เอวบางจนเอเลนถึงกับดิ้นพล่าน

 

ฮ่าๆๆๆ หยุดนะครับ ฮ่าๆๆ หัวหน้า~”



 

 

 

 




ปั่ก!  ปึ่ก!

 

ทุกครั้งที่ฟืนถูกผ่าเป็นสองซีกแล้วร่วงลงจากขอนไม้ คิ้วหนาก็จะขมวดเข้าหากันอย่างสงสัยว่ายังไม่พออีกเหรอ? เขาจะผ่าฟืนเอาไว้ทำอะไรมากมาย 

 

ร่างกายของเอเลนเริ่มคุ้นชินกับการออกแรงบ้างแล้ว เขาจึงใช้ให้เด็กนั่นไปแบกกิ่งไม้ที่เขาตัดไว้ในป่ามา ทั้งๆที่เขาแบกเป็นสิบยี่สิบอันได้สบายๆแต่เจ้าเด็กนั่นแบกแค่สามสี่อันก็ขาแข้งสั่นแล้ว เขามองร่างที่เดินแบกไม้โซไปเซมาอย่างอนาถใจ นายเคยเป็นไททันที่ตัวโตเท่าสามทวีปเลยนะเฮ้ย อย่าให้มันเสียชื่อสิ

 

เอาท่อนฟืนพวกนี้ไปเรียงไว้ในยุ้งซะ”    เขาชี้ไปที่กองฟืนซึ่งถูกผ่าเรียบร้อยแล้ว หลังจากเอเลนวางกิ่งไม้ที่เพิ่งไปขนมาลงกับพื้น มือบางถึงกับต้องยกขึ้นมาปาดเหงื่อ

 

จะผ่าเอาไว้ทำไมเยอะแยะครับเนี่ย? จะเผาฟืนขายเหรอครับ?”   ใบหน้ามนหันไปมองยุ้งเก็บฟืนที่มีฟืนเรียงอยู่กว่าครึ่ง

 

จริงสิ เอเลนไม่รู้จักฤดูหนาวที่หนาวถึงขนาดมีหิมะตก เพราะบนเกาะพาราดี้ไม่เคยหนาวถึงขั้นนี้ เด็กนี่ถึงไม่เข้าใจความโหดร้ายของพายุหิมะ 

 

เก็บไว้ใช้เองนี่แหละ เดี๋ยวนายก็รู้

 

เห๋~~”    เอเลนลากเสียงยาวอย่างเหนื่อยหน่ายแต่ก็ยอมไปนั่งเรียงฟืนแต่โดยดี การอยู่บนแผ่นดินใหญ่มาหกปีทำให้เขารู้ว่ายังมีอะไรต้องเตรียมอีกมากมายก่อนที่ฤดูหนาวจะมาถึง แต่เอเลนยังไม่รู้จักมัน ใบหน้ามนถึงได้เม้มปากหน้ามุ่ยเพราะโดนใช้งานแบบนั้น

 

มือบางเรียงฟืนไปก็ทำหน้าเบื่อไป สมเป็นเด็กจริงๆเจ้าเด็กเหลือขอนี่ หรือเป็นเพราะช่วงนี้เขาไม่ค่อยได้ลงไม้ลงมือก็เลยเริ่มดื้อ

 

ใบหน้าคมส่ายไปมาอย่างพยายามไม่ถือสาก่อนจะหันไปผ่าฟืนต่อ

 

อยากไปหาเพื่อนๆของนายบ้างหรือเปล่า? อยู่กับคนแก่อย่างฉันไปวันๆนายคงเบื่อ”    เสียงทุ้มเอ่ยถามในขณะที่มือก็ยังผ่าฟืนไปเรื่อยๆ

 

“.....”    เอเลนไม่ตอบ ถึงมือจะยังเรียงฟืนอยู่แต่ใบหน้านิ่งๆนั่นก็เหมือนกำลังคิดอะไรสักอย่าง

 

อยากไปหามิคาสะกับอาร์มินไหม? ถ้าอยากไป ฉันก็จะพาไป”    เขาผ่าฟืนชิ้นสุดท้ายเสร็จก่อนจะหันไปมองเอเลน ดวงตากลมโตจ้องมองฟืนที่เรียงอยู่ในยุ้งก่อนจะยอมพูดออกมาในที่สุด

 

ไม่ไปหรอกครับ ตอนนี้ เจ้าพวกนั้นคงกำลังพยายามใช้ชีวิตที่ไม่มีผมอยู่ ขืนผมโผล่ไป ทุกอย่างก็พังพอดี”    ดวงตาของเอเลนมีทั้งแววเศร้าหมองและแววตาของคนที่ต้องตัดใจ

 

ถึงผมจะมั่นใจว่าเจ้าพวกนั้นคงจะดีใจที่รู้ว่าผมยังไม่ตาย แต่แล้วยังไงล่ะครับ ผมเป็นอาชญากรสงครามนะครับ จะให้เจ้าพวกนั้นทำยังไงกับผมล่ะ”    เอเลนก้มมองพื้นอย่างรู้ตัวดีว่าการโผล่ไปหาเพื่อนคงจะเป็นการสร้างปัญหาให้มากกว่า  เขาเองก็ไม่คิดจะเร่งเร้าแต่ปล่อยให้เอเลนตัดสินใจเอง ถ้าอยากไปเขาก็จะพาไปจริงๆ จะพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้เอเลนได้เจอกับเด็กพวกนั้นอย่างปลอดภัย 

 

เอเลนเงียบไปพักใหญ่ก่อนจะทำหน้าเหมือนเลิกคิดได้เสียที ใบหน้ามนพยายามฮึบสู้แล้วเงยหน้าขึ้นมามองเขา

 

แต่ผมก็เบื่อจริงๆนั่นแหละ คุณรีไว~ เลิกให้ผมแบกท่อนไม้พวกนี้สักทีเถอะ เราไม่ใช่ทหารแล้วนะครับ ทำไมยังต้องฝึกร่างกายอยู่อีก ไม่ได้จะไปรบราฆ่าฟันกับใครแล้วด้วย ผมอยากนอนแผ่อยู่เฉยๆ~ อยากกินบลูเบอร์รี่ชีสพายแล้วด้วย  แล้วเนี่ย ยังมีไก่ต้องไปเลี้ยง มีไข่ต้องเก็บ มีผักต้องไปรดน้ำ มีผ้าต้องซัก มีกับข้าวต้องทำ มีห้องน้ำต้องขัด มีโต๊ะต้องเช็ด แถมยังมีโซฟาขาดๆต้องซ่อมอีก คุณจะให้ผมเอาเวลาที่ไหนไปเหงาครับ?”    เจ้าเด็กเหลือขอเริ่มงอแง สภาพเหมือนเด็กที่ถูกพ่อแม่ใช้ให้ทำงานบ้านไม่มีผิด

 

แกยังไม่รู้จักความโหดร้ายของฤดูหนาวสินะ เจ้าเด็กเหลือขอ”    มือแข็งแรงหยิบฟืนขึ้นมาช่วยเรียง จริงๆเมื่อก่อนตอนที่หลบซ่อนตัวอยู่ในปราสาทด้วยกัน เขาก็รู้ดีว่าเจ้าเด็กดื้อนี่ก็แอบงอแงลับหลังเขาอยู่บ่อยๆเวลาโดนใช้ให้ทำงานบ้าน แต่ตอนนั้นคงยังเกรงกลัวเขามากอยู่ก็เลยไม่เคยเอาแต่ใจให้เห็นซึ่งๆหน้าแบบนี้

 

จะเรียกว่ามีพัฒนาการหรือยังไงดี?

 

แต่จะเตะซักทีก็เตะไม่ลงเพราะความงอแงเง้างอดแบบนี้มันก็เหมือนที่คนรักทำต่อกัน 

 

เฮ้อเขาจึงทำได้แค่ถอนหายใจแล้วปล่อยไป

 

แต่มันต้องเตรียมฟืนมากมายขนาดนี้เลยเหรอครับ?”   มือเรียงฟืนไปปากก็ยังบ่นไป

 

แค่นี้น่ะ ยังไม่พอหรอก ไปแบกมาเพิ่มซะ” 

 

เอ๋~~~”   เอเลนรีบหันมาส่ายหน้า มือแข็งแรงเลยฟาดก้นงามงอนนั่นไปสักทีด้วยความหมั่นเขี้ยว ร่างโปร่งลุกหนีโดยมีเขาเดินตามไปช่วยแบกไม้ด้วย

 

กล้ามหน้าท้องแกเนี่ย มันหายไปไหนหมดแล้วห๋า? กินแต่บลูเบอร์รี่ชีสพายทุกวันจนมันกลายเป็นพุงกะทิแล้ว

 

พุงกะทิที่ไหนกันเล่า ยังแบนกริบขนาดนี้นะครับ นี่ไง ลองจับดูสิ”    เสียงเถียงกันบ้าง คุยกันบ้าง อ้อนกันบ้างยังคงดังต่อไป

 

แบบนี้มันดีกว่าการอยู่เงียบๆคนเดียวเป็นไหนๆ



 

 

 

 

 

 

พลั่ก!

 

ประตูหนักๆถูกเปิดออกพร้อมกับหิมะที่ทับถมอยู่หล่นกระจาย ที่ป่าบนภูเขาเข้าสู่ฤดูหนาวอย่างเต็มตัวแล้ว

 

ไม่มีสีเขียวเหลืออยู่ ทุกอย่างล้วนขาวโพลนไปหมด นอกจากนี้ยังหนาวเย็นจับใจ

 

นี่เป็นหิมะแรกของเอเลน

 

แต่เจ้าคนที่เขาคิดว่าคงจะเอาแต่นอนขดตัวสั่นอยู่ในผ้าห่มทั้งวันกลับดูจะตื่นเต้นกับฤดูหนาวมาก

 

ก็พอเปิดประตูบ้านได้ เจ้าลูกหมาที่ถูกปล่อยออกมาก็วิ่งพรวดออกไปลุยหิมะทันที

 

"นี่มันอะไรกันครับเนี่ย? อ๊ะ! เย็นเป็นบ้าเลยครับ! คุณรีไวดูสิ รอบบ้านเราขาวไปหมดเลย!"   ดวงตาสีมรกตมีประกายวิบวับเมื่อมองไปรอบตัว 

 

คิดถูกแล้วจริงๆที่จับใส่เสื้อกันหนาวมาจนตัวกลมดิก เพราะตอนนี้เด็กนั่นกำลังวิ่งหัวทิ่มหัวตำอยู่ในกองหิมะที่สูงท่วมเข่าอยู่

 

"มันคือหิมะ มันตกลงมาจากฟ้าในวันที่เย็นจัด"   เขาพยายามอธิบายเท่าที่เขารู้ ก็อย่างว่าละนะ เขาก็เพิ่งเห็นหิมะมาหกครั้งเท่านั้นเอง

 

"หิมะเหรอครับ? เหมือนที่ในหนังสือของอาร์มินบอกไว้เลย ว่าฤดูหนาวจะมีทุ่งสีขาวสุดลูกหูลูกตา เป็นเกล็ดน้ำแข็งที่กินยังไงก็ไม่มีวันหมด!"

 

"โฮ่ย อยากเอาเข้าปากสิ มันสกปรก"   เขาต้องคอยห้ามเจ้าเด็กสามขวบไม่ให้อ้าปากงับก้อนหิมะ

 

"เรียกมันว่าหิมะเหรอเนี่ย หิมะ~ ดีจังเลย หิมะ~ หิมะนี่สวยมากเลยนะครับ~"    เอเลนดูจะชอบมันมาก ถึงแม้จะต้องล้มลุกคลุกคลานแต่ใบหน้าแดงระเรื่อก็ยิ้มแฉ่ง

 

เขายืนมองภาพเหล่านั้นด้วยหัวใจที่เป็นสุข

 

เอเลนค่อยๆนึกถึงภาระหน้าที่ในอดีตของตัวเองน้อยลงเรื่อยๆ และยิ่งคิดถึงมันน้อยลงเท่าไหร่ เอเลนก็จะยิ่งได้ชีวิตของตัวเองกลับคืนมา

 

เขารู้ว่าในช่วงแรกที่เพิ่งฟื้น เอเลนยังไม่กล้าไขว่คว้าหาความสุขให้ตัวเอง ความสำนึกผิดที่คร่าชีวิตศัตรูไปมากมายก็เป็นส่วนหนึ่ง แต่ความรับผิดชอบต่อหน้าที่ผู้นำกลุ่มผู้ปกป้องชาวเอลเดียบนเกาะนั่นต่างหากที่เป็นเหมือนโซ่ผูกคอเอเลนไว้

 

ถึงตอนนี้จะไม่มีพลังอะไรแล้วแต่ตัวเองจะแยกมามีความสุขอยู่คนเดียวแบบนี้จะดีเหรอ? ในขณะที่คนอื่นๆยังต่อสู้เพื่อปกป้องเอลเดียกันอยู่หรือเปล่า? เอเลนคงจะคิดเรื่องนี้มาตลอด

 

ก็นับว่าเขาคิดถูกแล้วที่ออกจากเกาะพาราดี้มาได้  โลกภายนอกกำแพงที่แปลกใหม่และไม่เคยเห็นจะทำให้เอเลนรู้สึกเป็นอิสระอย่างแท้จริง ค่อยๆหลุดพ้นจากโซ่ตรวนที่รัดคอเอาไว้ในที่สุด

 

วันเวลาที่ตนเป็นเพียงอาวุธมนุษย์นั้นมันจบลงไปแล้ว ไม่ต้องทำเพื่อใคร ไม่ต้องปกป้องใครอีกต่อไปแล้ว

 

ดวงตาสีขี้เถ้าทอดมองร่างโปร่งที่กำลังตะกุยหิมะเล่นอย่างสนุกสนาน เขาสาบานว่าจะพาเอเลนไปพบเห็นโลกใบนี้อย่างที่อีกฝ่ายอยากเห็นมาตลอด ไม่ใช่แค่หิมะในฤดูหนาวแต่ยังมีดอกไม้สีชมพูทั้งต้นในฤดูใบไม้ผลิ หรือต้นไม้ที่เปลี่ยนเป็นสีแดงในฤดูใบไม้ร่วง ภูเขาที่มีแต่น้ำแข็ง ผืนดินที่มีแต่เม็ดทราย โลกใบนี้ยังมีความหลากหลายอีกมากมายรอให้เอเลนไปพบเจอ

 

เขาจะพาไป จะพาไปทุกที่ที่เอเลนอยากไป

 

เจ้าเด็กเหลือขอ เข้าบ้าน วันนี้เล่นพอแล้ว เดี๋ยวเป็นหวัด”    เขาตะโกนเรียกเอเลนที่โดดเหยงๆอยู่ในกองหิมะ

 

ครับ!”    เอเลนหันมาตอบรับเขาด้วยรอยยิ้ม ร่างโปร่งวิ่งกลับมาหาก่อนจะเดินเข้าบ้านไปด้วยกัน

 

ควันไฟจากเตาผิงยังคงลอยกรุ่นอยู่เหนือหลังคาบ้านไปตลอดฤดูหนาวที่ยาวนาน 

 

ถึงภายนอกจะหนาวเหน็บเพียงใดแต่ในบ้านก็ยังคงสว่างไสวและอบอุ่นอยู่เสมอ

 

และไม่ว่าจะผ่านไปอีกกี่ปีเขาก็จะเป็นคนเตรียมที่แบบนี้ไว้ให้เอเลนเอง

 

 

 

 

 

 



เสร็จรึยัง?”    เสียงห้วนตะโกนเร่งคนที่ยังพิรี้พิไรมัดผมไม่เสร็จสักที ทั้งๆที่ตอนนี้ม้าทั้งสองตัวก็เตรียมพร้อมหมดแล้ว

 

เสร็จแล้วครับจะรีบไปไหนเนี่ย…”    ใบหน้ามนบ่นเง้างอด นับวันเอเลนก็ยิ่งสวย คงจะเป็นใบหน้าที่ได้มาจากคุณแม่อย่างไม่ต้องสงสัย

 

ยังไงก็สวมฮู้ดคลุมหัวอยู่แล้ว จะมัดอะไรกันนักหนา”    มือหยาบรูดปอยผมสีน้ำตาลนิ่มเป็นเชิงบ่น

 

ถ้าไม่มัดให้ดี เดี๋ยวมันก็พันกันยุ่งเหมือนคราวที่แล้วอีกหรอกครับ แล้วก็ต้องให้คุณช่วยสาง ผมนี่เจ็บจนน้ำตาเล็ดเลย ไม่เอาแล้วแบบนั้นน่ะ”    เอเลนบ่นปากยื่นปากยาวบ้าง เขามองปอยผมที่อยู่ในมือด้วยสายตาอ่อนโยนก่อนจะปล่อยมันลง

 

ไปกันเถอะ สายแล้ว”    เขากระโดดขึ้นหลังม้า ส่วนเอเลนก็ขึ้นหลังอีกตัว

 

เข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิแล้ว หิมะก้อนสุดท้ายละลายไปตั้งแต่เดือนก่อน ตอนนี้ทุกพื้นที่จึงเริ่มเต็มไปด้วยสีเขียว

 

ม้าสองตัววิ่งคู่กันลัดเลาะออกจากป่าลึก เขามุ่งหน้าขึ้นไปบนภูเขา เขาจำได้ว่าปีที่แล้วมันน่าจะอยู่แถวๆนั้น

 

เอเลนควบม้าตามเขามาโดยไม่รู้ว่าเขาจะพาไปไหน ใบหน้าผ่อนคลายนั่นยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ที่ได้ออกไปเที่ยวเล่น เป็นเพราะชีวิตในวัยเด็กถูกสงครามช่วงชิงไปจึงไม่เคยได้ทำอะไรที่สมกับเป็นเด็กเลย ช่วงเวลาแบบนี้มันจึงเหมือนเป็นการชดเชยให้

 

ถ้าเป็นเมื่อก่อนการขี่ม้าออกไปถ้าไม่หนีตายก็ต้องเป็นภาระกิจของทหาร 

 

แต่ตอนนี้พวกเขาก็แค่ขี่ม้าไปดูดอกไม้ใบหญ้า

 

 

ฮี้~

 

ม้าร้องออกมาเบาๆเมื่อบังเหียนถูกดึงให้หยุด พวกมันทั้งคู่ยืนอยู่ริมหน้าผาที่ไม่ถึงกับสูงมากนัก แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังมากพอจะมองเห็นข้างล่างได้กว้างไกล

 

ไกลพอที่ทุ่งดอกไม้หลากสีที่แผ่ขยายไปจนสุดลูกหูลูกตาจะทำให้ดวงตาสีมรกตถึงกับเบิกกว้าง

 

เอเลนตะลึงกับภาพตรงหน้าจนตาค้าง

 

ทั้งกลิ่นหอม ทั้งสีสันที่มากมายหลากหลาย ทั้งกลีบดอกไม้ที่ปลิวว่อน ทั้งผีเสื้อและเหล่าแมลงที่มาดอมดม ความสวยงามที่ไม่รู้จะบรรยายยังไงกำลังอยู่ตรงหน้าพวกเขาแล้ว

 

คุณรีไว…”     เอเลนเรียกเขาด้วยเสียงลอยๆ ดวงตายังเหม่อมองอยู่ที่ภาพเบื้องหน้า

 

หื๋ม?”

 

ขอบคุณนะครับที่ไม่ถอดใจเรื่องของผม ขอบคุณที่ทำให้ผมมายืนอยู่ตรงนี้... ได้เห็นโลกที่สวยงามขนาดนี้…”    บัดนี้ ดวงตาสีมรกตคู่นั้นกำลังเปล่งประกายที่งดงามมากจริงๆ

 

อืม มันสวยงามเพราะว่ามีนายอยู่ยังไงล่ะ เอเลน

 

ที่ฉันมองเห็นโลกเป็นแบบนี้ได้ ก็ต้องขอบคุณนายเหมือนกัน”    ขอบคุณที่นายฟื้นขึ้นมา ขอบคุณที่นายอยู่เคียงข้างฉัน

 

 

ขอบคุณที่รักกัน

 

 

พวกเราต่างหันมายิ้มให้กัน





ไม่ว่าฤดูกาลจะหมุนผ่านมาอีกกี่ครั้ง แต่มือที่จับกันไว้ก็จะไม่ละจากกันไปง่ายๆ

 

ต่อให้มีอิสระที่จะโบยบินไปในท้องฟ้า แต่ว่า พวกเราก็ยังจะบินไปด้วยกัน

 

เพราะปีกทั้งสองคู่นั้น ได้กางอยู่บนแผ่นหลังของพวกเรานานแล้ว

 

 

 

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

 

FIN

 

 

อุแง๊ เป็นฟิคที่แต่งจบในรอบปีเลยก็ว่าได้ แต่งแบบเป็นบ้าเป็นหลัง แต่งรวดเดียวเลยค่า //ซับน้ำตา //แต่ไม่ได้แต่งฟิคไปน้ำหูน้ำตาไหลไปแบบนี้มานานแล้วเหมือนกันค่ะ ตอนช่วงที่แต่งตอนรีไวไปเยี่ยมหลุมศพของเอเลนนี่คือหมดทิชชูไปหลายม้วนมาก ฮืออออ

 

ทั้งหมดทั้งมวลของฟิคเรื่องนี้ก็ต้องยกให้เพลง Akuma no ko ของ Ai Higuchi เลยค่ะ เพลงนี้เป็นเพลงปิดของอนิเมะ Attack on Titan ภาค4พาร์ท2 ซีซั่นปัจจุบันที่กำลังฉายอยู่นี่แหละ คือความหมายของเพลงนี้นี่ฟังแล้วร้องไห้หนักมากเลยค่ะ เป็นเพลงที่พูดแทนตัวเอเลนเอง แล้วแบบ...หัวอกคนเป็นแม่อย่างชั้นน่ะ ฮืออออ หนูเลนลูกชั้นทำไมต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วยยย แง๊ ฟังไปก็ร้องไห้ไปแต่ก็หยุดฟังไม่ได้ จนต้องหาทางระบายออกมาเป็นฟิคนี่แหละ กร๊ากกกก

 

 

โลกนี้มันช่างโหดร้ายเหลือเกิน

แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็ยังรักเธอ

ไม่ว่าจะต้องละทิ้งสิ่งใดไปก็ตาม

แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็จะปกป้องเธอไว้ให้ได้

 

เนี่ย ท่อนนี้เนี้ย ทำเอาบ่อน้ำตาแตกมากค่ะ TAT คือตอนที่รู้สปอยด์ตอนจบของไททันก็ไม่เคยร้องไห้นะ เพราะก็ทำใจมาตั้งแต่ตอนที่รู้ว่าคนที่เป็นไททันจะมีอายุอยู่ได้แค่13ปีเท่านั้น ก็ทำใจแล้วแหละว่าตอนจบลูกชั้นอาจจะ....ก็ได้ เพราะงั้นถึงจะจบแบบนั้นจริงก็ไม่เป็นไร แต่พอได้มาฟังเพลงนี้ก็คือ เหมือนเขื่อนที่เก็บน้ำตาตูไว้พังทลายเลยค่ะ ร้องไห้จนได้บ่อออนเซ็นให้อ.อิซาสองสามบ่ออ่ะแม่ แง๊ สะเทือนใจตูมาก

 

เอาละ หลังจากเวินเว่อร์มาพอสมควร มาแฮปเอเลนกันก่อนค่ะ

 

สุขสันต์วันเกิดนาลูก หนูเลนนนนน

 

จุ๊ฟๆๆ มี๊อยากจะบอกให้รู้ว่ามี๊รักเอเลนมากนะ เราอยู่ด้วยกันมาตั้งสิบปี มี๊จำเรื่องของเอเลนได้มากกว่าคนบางคนเสียอีก เอเลนจะมีความสุขตลอดไปอยู่ในใจมี๊เสมอนาลูก มีบ้านก็จะยกให้ไหนๆบัตรเครดิตมี๊ก็เป็นของเอเลนไปแล้วนี่ ^ ^” หยุดเอฟขนมด้วยบัตรมี๊ได้แล้ว!!!

 

ก็นะ...จริงๆแล้วฟิคที่ตั้งใจเตรียมไว้ให้ในวันเกิดปีนี้คือ Honey so Sweet ค่ะ แต่ว่า พอไปดูอนิเมะซีซั่นล่าสุดที่อุตส่าห์ดองไว้เพื่อจะดูรวดเดียวเท่านั้นแหละ ฟิคก็งอกทันทีตั้งแต่ได้ฟังเพลงเปิดอย่าง The Rumbling แระ โฮกกกก มันเป็นอะไรที่โดนใจมากๆเลยค่ะ ชอบเพลงแนวนี้อยู่แล้วด้วย แล้วพอยิ่งไปฟังเพลงปิด.......ยาวเลยทีนี้ แง๊

 

อ่านะ ถ้าปั่นทันก็จะลงนะคะ Honey so Sweet เรื่องนั้นจะน่ารักมาก เอ็นดูลูกหมากับหัวหน้าบก.สุดๆ 555

 

ขอบคุณทุกๆการติดตาม ทุกๆคอมเม้นต์ ทุกๆหัวใจมากๆๆเลยนะคะ แล้วเจอกันใหม่เรื่องหน้าค่ะ

 

 

3 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ23 ตุลาคม 2565 เวลา 07:13

    Dear Waketsu!
    I love Levi x Eren CP so much. This fanfic is really pathetic. It makes me cry because their endless love. I don't know how to contact you privately? I'm sorry if I ask you something. I'm a Vietnamese translator. I really like your works. Can you give me the permission to translate this fanfiction into Vietnamese.?If you grant me permission to do so, I will most definitely add a link to your profile, your name and to the original URL. Here is my blog: https://wordpress.com/view/rirenforever1208.wordpress.com. I guarantee that all translation are non-profit for enjoyment purpose only. Thank you so much for give me the opportunity to read those marvelous levixeren fanfiction. I'm looking forward to your answer.

    Your sincerely.

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. Thank you for this love❤ I'm very happy that you love my work and I OK. I allow you to translate it into Vietnamese. ขอบคุณมากๆนะคะ

      ลบ
    2. ไม่ระบุชื่อ24 ตุลาคม 2565 เวลา 00:58

      You're so kind. You're my favourite author. I love all your hard works ❤️❤️❤️. You dit it really excellent. Thank you for your acceptance. I hope to be able to introduce your hard works to more Vietnamese fans know. I look forward to your new project about Levi x Eren in the future. Best wishes for you ❤️❤️❤️

      ลบ