KHR feat.Attack on Titan , Bozhan , Tsurune AuFic [8059 ,รีเอ ,ป๋อจ้าน ,All Minato] HONEY so SWEET : 01

 

KHR feat.Attack on Titan , Bozhan , Tsurune AuFic [8059 ,รีเอ ,ป๋อจ้าน ,All Minato]  HONEY so SWEET : 01

 

: Attack on Titan Fanfiction , KHR , Bozhan , Tsurune Fanfiction Au

: Yamamoto Takeshi x Gokudera Hayato (8059) ,

  Levi x Eren ,

  Wang Yibo x Xiao Zhan , 

  Takigawa Masaki , Fujiwara Shuu , Takehaya Seiya x Narumiya Minato

: Romantic Comedy

: PG (ไปก่อน)

 

 คำเตือน : เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ

           

 

         

 

ติ๊ก...ติ๊ก...ติ๊ก...

 

เสียงนาฬิกาที่เดินหน้าไปเรื่อยๆยิ่งทำให้มืออันสั่นระริกยิ่งสั่นเข้าไปใหญ่ ความเหนื่อยล้าทั้งกายใจจากการไม่ได้นอนมาสามวันติดยิ่งทำให้น้ำตาเริ่มเอ่อคลอ ริมฝีปากสีแดงเม้มแน่น เส้นผมสีเงินที่มัดเป็นจุกหน้าไว้ตั้งแต่เมื่อสามวันก่อนเริ่มชี้โด่ชี้เด่เพราะไม่ได้รับการดูแล

 

แต่กระนั้นก็ยังหยุดมือที่กำลังตัดเส้นไม่ได้ คำว่าเดดไลน์ตัวเท่าบ้านคืบคลานเข้ามาทุกทีๆ

 

เขาคือโกคุเดระ ฮายาโตะ เจ้าของผลงานโชเน็นมังงะชื่อดังที่ทำยอดขายถล่มทลายนับร้อยล้านเล่ม ถูกตีพิมพ์ไปทั่วโลกไม่รู้กี่ภาษา เรียกว่าเป็นนักวาดตัวท็อปของนิตยสารรายสัปดาห์ที่มีชื่อเสียงที่สุดของญี่ปุ่นอย่าง แจ๊มป์ เลยก็ว่าได้

 

ทว่า...กว่าจะได้มังงะแนวเพื่อนพ้องมิตรภาพเรื่องนี้ออกมาแต่ละตอนๆ... ก็ต้องแลกด้วยหยาดเหงื่อเลือดเนื้อและน้ำตาของเขาเลยทีเดียว...

 

“มะ ไม่ไหวแล้ว...รุ่นที่สิบครับ...มารับผมแล้วเหรอครับ...”    ริมฝีปากสีสดพึมพำๆพร้อมกับลำตัวบางค่อยๆไหลลงไปที่พื้น

 

“เฮ้ย?! ฮายาโตะ! นายยังตายตอนนี้ไม่ได้! เดี๋ยวเจ้าปีศาจนั่นก็ได้กินหัวเอาหรอก ตื่นขึ้นมาก๊อนนน!    แรงเขย่าที่คอทำให้ดวงตาสีมรกตขอบดำคล้ำค่อยๆปรือขึ้นมาอย่างอ่อนระโหยโรยแรง ที่นี่มันโลกไหนกันแน่? แม่น้ำแห่งความตายล่ะ?

 

“ลืมตาเร็ว! ห้ามตายนะ!    เอเลน เยเกอร์...เป็นทั้งผู้ช่วยนักวาดและเพื่อนสนิทตั้งแต่เด็กลากเขากลับขึ้นมานั่งบนโต๊ะที่มีกระดานวาดรูปและหน้าหนึ่งของมังงะแปะหราอยู่ กว่าครึ่งที่ยังมีแต่กรอบขาวโล่งทำให้รู้ว่าตอนนี้พวกเขากำลังวิกฤตขนาดไหน และคงจะมีแต่เจ้าลูกหมาพลังงานเหลือล้นนี่แหละที่ยังมีสติอยู่ได้ เขาเหลือบมองไปที่โต๊ะยาวที่เรียงอยู่ข้างๆ สภาพของผู้ช่วยคนอื่นๆนี่เหมือนวิญญาณออกจากร่างกันไปหมดแล้ว มีแค่มือที่ยังวาดไปตามสัญชาติญาณ

 

อ๊ากกก~~ ทันก็ปาฏิหาริย์แล้วเนี่ย! แต่จะหนีไปตอนนี้ก็ไม่ได้อีก เจ้าปีศาจนั่นคงตามลากคอเขาจนสุดแดนนรกแน่ แง๊~

 

ริมฝีปากสีสดเม้มแน่นน้ำตาคลอแต่ก็ยังต้องกลั้นใจวาดต่อไป ทำไมมันถึงได้เป็นแบบนี้ทุกรอบการส่งงานเลยฟ๊ะ? ปาฏิหาริย์ยิ่งกว่างานวันนี้เสร็จก็คือการที่อาจารย์โกคุเดระ ฮายาโตะส่งงานทันเวลานี่แหละ! แง๊~

 

ดวงตาสีมรกตที่มีสภาพเหมือนแพนด้าเหลือบมองนาฬิกาที่บอกเวลาว่าใกล้จะเช้าเต็มที แผ่นหลังบางรู้สึกเสียวสันหลังวาบๆราวกับรู้ชะตากรรม มือยิ่งสั่นหงึกๆๆเกินจะควบคุม

 

ใกล้แล้วสินะ...มันใกล้จะมาแล้วสินะ...

 

ขะ เขาไม่ได้กลัวหรอกนะ...ที่มือสั่นก็เพราะไม่ได้นอนต่างหาก...

 

 

โครม!!

 

 

เฮือก! ร่างบางถึงกับสะดุ้งโหยงเมื่อได้ยินเสียงประตูห้องเปิดโครมเข้ามา ได้ยินเสียงเจ้าลูกหมาเพื่อนยากสบถดัง “ชริ” อยู่ข้างๆ

 

“โก...คุ...เด...ระ...เซนเซย์~...จะให้พวกเรารอไปถึงไหนครับ~....ต้นฉบับล่ะ? เสร็จรึยัง?! นี่มันจะเช้าแล้วนะเฟ้ย~~!!!    อ๊ากกก!! เจ้าปีศาจนั่นมาจนได้!!!

 

“กะ ก็ปั่นยิกๆอยู่นี่ไงฟ๊ะ!   เขางัดพลังเฮือกสุดท้ายหันไปแยกเขี้ยวใส่ อีกฝ่ายก็ทำหน้าทะมึนราวกับปีศาจร้ายตอบกลับมา หน้าตาของหมอนี่ก็เหมือนไม่ได้นอนมาหลายคืนพอๆกับพวกเขา ดวงตาแดงกล่ำแถมมีควันดำๆไหลออกมาจากปากนี่มันน่าสยดสยองสุดๆ

 

อาคามะ ริวาอิ เป็นบรรณาธิการประจำมังงะเรื่องที่เขาเขียนอยู่ จริงๆหมอนี่เป็นถึงหัวหน้ากองบก.โชเน็นมังงะที่ดูแลนิตยสารรายสัปดาห์อย่าง แจ๊มป์ อยู่เลยนะ และก็เป็นคนเดียวในกองบก.ที่รบรากับเขาได้ รบรากันมาตลอดตั้งแต่เริ่มลงผลงานนู่นแล้ว ด้วยความที่เขาทำงานไม่เคยจะทันเส้นตายเลยสักครั้งถึงได้แทบจะฆ่ากันตายอยู่เสมอ...

 

“อ้อ...ปั่นอยู่สินะ?...กำลังตั้งใจวาดตอนใหม่ของกระจกเก้าหาง-อยู่-ใช่-ไหม...หื๋ม?”   ร่างที่ไม่ได้สูงใหญ่ทว่าน่ากลัวยิ่งกว่าใครเดินกอดอกเข้ามาด้วยใบหน้าเย็นยะเยือก

 

“กะ ก็ใช่น่ะสิ...”   มือวาดไปก็เหงื่อแตกพลั่กไป

 

“อ้อ เหรอ...แล้วถ้างั้นนี่มันอะไร~~    นิ้วแข็งแรงคีบกระดาษแผ่นหนึ่งซึ่งตกอยู่แถวนั้นขึ้นมา ชิบหายละ ลืมเก็บเร๊อะ?!

 

บนกระดาษแผ่นนั้นมีรูปฟูจิวาระ ชู ตัวละครตัวหนึ่งในมังงะของเขา กำลังจะจูบนารุมิยะ มินาโตะ ตัวละครอีกตัวในมังงะของเขาเช่นกัน...

 

“ได้ข่าวว่าตอนล่าสุดที่กำลังจะถึงเส้นตายในอีก 5 ชม.นี้มันเป็นตอนที่หมอนี่กำลังไล่ล่ามินาโตะอยู่ไม่ใช่เหรอ~ กำลังไล่ฆ่ากันแทบเป็นแทบตายจนมิติแทบจะพังเลยนะ~ แล้วฉากจูบนี่มายังไง~~ ห๋า~~?!!!    โต๊ะถูกทุบแทบพังแต่เขายังไม่ทันได้แก้ตัวอะไร เสียงจากโต๊ะผู้ช่วยข้างๆก็ดังแทรกขึ้นมาเสียก่อน

 

“ว่าไงนะ?! ชูงั้นเหรอ?! แต่เล่มนี้เราตกลงกันแล้วไงว่าจะเป็นคู่มาสะมินาโตะอ่ะ! ตกลงนายเรือไหนกันแน่! ห๊ะ?!   เจ้าลูกหมาโวยวายขึ้นมาและนั่นก็ทำให้เขารอดตัวไปได้อย่างหวุดหวิด เพราะตอนนี้เจ้าปีศาจริวาอิได้หันไปหาเอเลนแทนแล้ว...อาเมน...ไปสู่ที่ชอบๆนะเพื่อนยาก...

 

“หื๋อ....? เรืออะไรงั้นรึ~

 

“อุ้ย....”

 

“แกอีกแล้วสินะเจ้าลูกหมาเหลือขอ! บอกแล้วไงว่าทำงานหลักให้มันเสร็จทันเวลาก่อน! แล้วมีอย่างที่ไหน อาจารย์คนวาดกลับเป็นคนเขียนโดจินของมังงะตัวเองเนี่ยนะ?! แถมยังเป็นโดจินวายอีก!

 

“อ๊า! ถ้าจะมัวมาบ่นละก็ ช่วยเอาโทนไปแปะทีเถอะ ยังเหลืออีกตั้ง 10 หน้าเนี่ยไม่เห็นเหรอ?!

 

“ก็เพราะแกมัวแต่ชวนเจ้าเด็กนั่นออกทะเลน่ะสิมันถึงได้เป็นแบบนี้! เอามา!    บก.ขาโหดกระแทกตัวนั่งลงไปที่โซฟาอย่างเสียมิได้ก่อนจะดึงหน้ามังงะไปช่วยแปะโทน การโต้เถียงกันระหว่างริวาอิกับเอเลนก็เป็นเรื่องปกติทุกครั้งที่คู่นี้เจอกันนั่นแหละนะ เขาพยายามทำตัวลีบๆเพื่อให้สองคนนั้นตีกันต่อไปเขาจะได้ทำงานได้โดยไม่มีใครมายุ่งวุ่นวาย

 

ฝ่ายหนึ่งเป็นบก.ที่ต้องคอยตามงานเขา ส่วนอีกฝ่ายหนึ่งเป็นทั้งผู้ช่วยเป็นทั้งเพื่อนสนิทที่คอยชวนเขาเขียนโดจินวายของมังงะตัวเอง แถมยังมีเซอร์เคิลร่วมกันชื่อ Honey so Sweet อีกด้วย และก็เพราะมัวแต่เอาเวลาไปเขียนโดจินด้วยนี่แหละ งานมันถึงส่งไม่ค่อยจะทัน ริวาอิจะหัวฟัดหัวเหวี่ยงกับเอเลนก็ไม่แปลก

 

“เจ้ายักษ์ริวาอิ เจ้าปิศาจริวาอิ”   เจ้าลูกหมาวาดฉากหลังไปบ่นงึมงำไป

 

“ชั้นได้ยินนะโว้ย มันน่านัก!

 

“แบร่!

 

โกคุเดระ ฮายาโตะได้แต่เอามือนวดขมับ หนวกหูเฟ้ย...

 

 

 

 

 

 

 

 

“สะ เสร็จจนได้...........”    เสียงเบาหวิวลอยออกมาจากปากของบรรดาผู้ช่วยที่ตอนนี้แทบไม่เหลือแม้แต่วิญญาณ ในที่สุดปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้นอีกครั้งเมื่องานที่ต้องส่งคราวนี้ทำเสร็จทันแบบเส้นยาแดงผ่าแปด...

 

ไม่สิ จะถือว่าทันก็ไม่ได้ เพราะริวาอิโทรไปทะเลาะขอเลื่อนทางโรงพิมพ์ให้จนถึงวินาทีสุดท้ายนั่นแหละ...

 

“............ฉันมองเห็นรุ่นที่สิบมายืนรออยู่ที่ปลายสะพานแล้ว...”    ใบหน้าสวยพูดออกไปด้วยเสียงเลื่อนลอย ตอนนี้โกคุเดระ ฮายาโตะนอนพาดอย่างหมดสภาพอยู่บนเก้าอี้ที่นั่งมาสามวันเต็มๆ

 

“อ๊า! ฮายาโตะ! นายจะตามเทพเจ้าแห่งท้องนภานั่นไปไม่ได้นะ! นายต้องรักษาวิญญาณเอาไว้วาดโดจินให้ชั้นก่อน! รวบรวมเศษซากกลับมาเร็ว”    เจ้าลูกหมาเขย่าคอรั้งสติเขาเอาไว้ เพราะงั้นเสียงดุๆถึงได้ดังขึ้นที่อีกฝั่ง

 

“โฮ่ย!    เฮือก! เขาหันไปยิ้มแห้งให้กับแสงพระอาทิตย์ที่เจิดจ้าเหลือเกิน

 

“ชริ”   แต่เจ้าลูกหมาจอมหาเรื่องก็ยังมีแรงพอจะรบกับบก.ของเขาต่อ

 

13แผ่นครบ ฉันไปโรงพิมพ์ก่อนละ แล้วก็อย่าลืมที่บอกไปด้วย เย็นพรุ่งนี้นายต้องไปพบกับทีมงานอนิเมชั่น เดี๋ยวฉันมารับ เตรียมตัวไว้”   คุณริวาอิเก็บต้นฉบับขนาดA3นั่นใส่กระเป๋าก่อนจะเตรียมพุ่งออกไป

 

“ไม่ไป”   เสียงเอาแต่ใจเอ่ยออกไปจากใบหน้าหงิกของโกคุเดระ ฮายาโตะ

 

“ไม่ไปไม่ได้เฟ้ย โผล่หน้าไปให้เค้าเห็นแค่นิดเดียวก็พอ มันเป็นมารยาท ถ้าแกหนี ฉันจะตามอาฆาตถึงชาติหน้าเลยคอยดู”

 

“อึก....”    ทำไมหมอนี่ถึงได้น่ากลัวขนาดนี้เนี่ย~ เป็นบก.หรือยากูซ่าฟ๊ะ

 

“ไปละ”

 

“เหนื่อยหน่อยนะคร้าบ...”    เสียงร้องส่งดังจากบรรดาผู้ช่วย ส่วนเจ้าของห้องนี่แทบจะหลับคาโต๊ะแล้ว ถ้าไม่ติดที่มีเจ้าลูกหมาบ้าพลังยังวอแวเขาไม่เลิก

 

“ฮายาโตะ ตกลงนายจะวาดคู่ไหนกันแน่? ต้องมาสะมินาโตะสิเล่มนี้”

 

“โฮ่ย...อย่าให้รู้นะว่าแอบเขียนโดจินอีก เอางานหลักให้มันทันเส้นตายก่อนเข้าใจไหม เจ้าพวกเด็กเหลือขอ”    ยังอยู่อีกเร๊อะ เสียงดุๆยังดังมาจากหน้าประตู

 

“รู้แล้วเฟ้ย...”

 

“รู้แน่เหรอแกน่ะ? โดยเฉพาะแกเจ้าลูกหมา! รู้แล้วก็ทำด้วย!    ใบหน้าโหดๆมองนิ่งมาจากประตู กว่าจะยอมจากไปได้ก็เล่นเอาคนที่นั่งอยู่หลังโต๊ะเขียนการ์ตูนถึงกับเหงื่อแตกเป็นกะละมังได้

 

“ฮึ่ม...คอยดูเถอะ ชั้นจะให้พ่อซื้อกิจการของแจ๊มป์มันซะเลย! แล้วจากนั้นนายจะเขียนแต่โดจินทั้งวันทั้งคืนเจ้าปีศาจคุณริวาอิก็จะทำอะไรเราไม่ได้อีก วะฮะฮ่า”

 

“......ให้พ่อนายเป็นคุณหมอผู้น่านับถืออยู่ในโรงพยาบาลต่อไปเถอะ...”    เขามองเพื่อนสนิทอย่างอาดูร

 

ที่จริงแล้วหมอนี่เก่งพอจะเดบิวต์เป็นนักวาดมังงะได้แล้ว ทั้งลายเส้นทั้งแนวคิดก็ถูกขัดเกลามาพร้อมๆกับเขา แต่เพราะเป็นคุณหนูที่ถูกพ่อและพี่ชายตามใจขนาดหนัก มันเลยพอใจ(และเพื่อไซโคร)ที่จะเป็นผู้ช่วยของเขาอยู่นี่แหละ คือไม่คิดจะทำงานทำการจริงๆจังๆนอกจากการเป็นโอตาคุว่างั้น เลยไม่ยอมวาดมังงะของตัวเองสักที

 

“อือ...มาสะมินาโตะก็ได้...ยังไงจ้านจ้านก็ทำเนมคู่นี้มาแล้วนี่ เปลี่ยนตอนนี้เดี๋ยวไม่ทันงานคอมมิเกะ...”   เสียงเลื่อนลอยของเขาเอ่ยบอกเจ้าลูกหมา พวกเขาคุยเรื่องโดจินเล่มใหม่ของเซอร์เคิลหลังจากดูจนแน่ใจแล้วว่าเจ้าปีศาจริวาอิไปแล้วแน่ๆ

 

“โอเค! เอ๊ะ วันนี้หมอนั่นก็ส่งงานนี่? อุหวะ...งั้นอีกสองวันค่อยโทรหาแล้วกัน”   เอเลนเก็บข้าวเก็บของบนโต๊ะที่เต็มไปด้วยปากกาตัดเส้น เศษยางลบและสกรีนโทน

 

ใช่แล้ว...เซอร์เคิล Honey so Sweet ของพวกเขายังมีสมาชิกอยู่อีกคน...เป็นคนที่ไม่น่าเชื่อพอๆกับเขานี่แหละ...

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ลมหนาวของต้นเดือนธันวาคมทำให้มือใหญ่ต้องกระชับผ้าพันคอมาปิดใบหน้า ฤดูหนาวปีนี้เขาก็ต้องผ่านมันไปตามลำพังอีกแล้วสินะ...

 

ร่างสูงสง่าที่ไม่ว่าจะมองมุมไหนก็รู้ว่าไม่ใช่คนธรรมดาแน่ๆก้าวขาเข้าไปในลิฟท์ก่อนที่ปลายนิ้วจะกดไปที่ชั้น15 ดวงตาคมกล้าทอดมองตัวเลขที่ค่อยๆวิ่งขึ้นไปเรื่อยๆ

 

เขาคือหวังอี้ป๋อ นายแบบชื่อดังชั้นแนวหน้าของญี่ปุ่นที่ขึ้นมาแล้วทุกปกนิตยสาร แต่กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะเขาเป็นชาวต่างชาติและมาตามหาความฝันที่แดนอาทิตย์อุทัยแห่งนี้โดยไม่มีอะไรติดตัวมาเลย ต้องจากบ้านเกิดเมืองนอนมาตั้งแต่ยังเด็กและใช้ชีวิตโดดเดี่ยวอยู่ในโตเกียวที่กว้างใหญ่ เขาไม่มีใครให้พึ่งพิงเลยสักคน ทุกวันนี้เพื่อนสนิทยังแทบไม่มี ทุกนาทีมีแต่งานๆๆเท่านั้น

 

ติ๊ง!

 

เสียงลิฟท์ทำให้เขาเตรียมก้าวขาออกไป ดึกดื่นเที่ยงคืนแบบนี้แทบไม่มีผู้ร่วมทาง จริงอยู่ที่เขาอยู่ญี่ปุ่นมาหลายปี แต่เขาเพิ่งย้ายมาอยู่ที่คอนโดแห่งนี้ได้แค่เดือนกว่าๆเท่านั้น จะเรียกว่าหนีพวกแฟนคลับมาก็ว่าได้

 

แต่ทั้งๆที่บอกผู้จัดการไว้แท้ๆว่าให้หาที่ที่มันเป็นส่วนตัวหน่อยแต่ก็ยังต้องมาเจอเพื่อนบ้านยอดแย่ที่ไม่รู้จักหลับจักนอนเสียได้ ใบหน้าหล่อเหลาราวกับรูปสลักถอนหายใจหนึ่งทีเมื่อมองไปยังประตูห้องที่มีเพียงสองบานซึ่งอยู่ในชั้นนี้

 

อันที่จริงอีกฝ่ายก็ไม่ได้สร้างความเดือดร้อนอะไรให้เขาโดยตรงหรอกนะ เพียงแต่ว่าเขามักจะได้ยินเสียงเปิดประตูแทบจะทั้งคืน แถมบางทีก็เปิดแรงจนเขาสะดุ้งตื่นเลยก็มี ไม่รู้มีปาร์ตี้กันหรือยังไงดูเหมือนจะมีคนเข้าๆออกๆอยู่ตลอดด้วย

 

มือใหญ่เตรียมจะกดรหัสเข้าห้องตัวเองอย่างพยายามจะไม่ใส่ใจ

 

ทว่า...

 

แทนที่ประตูห้องข้างๆจะปิดสนิทเหมือนทุกที วันนี้มันกลับมีมือขาวๆข้างหนึ่งวางคาขวางอยู่ที่พื้น...

 

“ว๊ากกกก!!!!!    เขาแหกปากลั่นพลางถอยครูดไปจนหลังติดลิฟท์ หัวใจนี่หล่นไปถึงตาตุ่มแล้ว!

 

อะ อะ อะไรละนั่น! ทำไมมีมือวางอยู่ตรงนั้นได้ล่ะ?!!!

 

ฆาตกรรมเหรอ? เกิดเหตุฆาตกรรมขึ้นในห้องข้างๆเหรอ? มีคนฆ่ากันตายเหรอ?

 

ทำยังไงดีเนี่ย!!!!

 

เขายืนหอบหายใจอยู่พักใหญ่ มือกุมหัวใจที่เต้นโครมๆก่อนจะพยายามจ้องมองมือข้างนั้น...ตะ ตายรึยังเนี่ย?

 

ร่างสูงสง่าค่อยๆย่องไปที่ประตูห้องข้างๆ แล้วค่อยๆแง้มมันให้เปิดออกช้าๆ

 

“...!!!    ไหล่หนาถึงกับสะดุ้งโหยง ตรงนี้ไม่ได้มีแค่มือแต่มีคนทั้งคนนอนสลบอยู่!

 

“ตายรึยังเนี่ย...”    เขาหลับตาข้างนึงก่อนจะพยายามยื่นปลายนิ้วไปจิ้มๆที่แก้มของอีกฝ่ายแต่ก็ไร้การตอบสนอง ควรจะต้องเรียกตำรวจไหม? หรือเรียกกู้ภัยมาเก็บศพเลยดี? เขาอ้ำอึ้งจนเหงื่อซึมขมับ

 

“งื้ม...”    งื้ม? เมื่อกี้เจ้าศพนี่ร้อง งื้ม เหรอ?  เขาผงะจนหลังติดฝาอีกรอบ ถึงจะเป็นคูลกายในสายตาคนอื่นแต่เขาก็กลัวผีเป็นที่สุดนะ ไม่ไหวแล้ว~

 

เขากลัวจนมือไม้สั่น  “คุณ...”   แต่ก็ยังพยายามเขย่าตัวคนที่ไม่รู้ว่าเป็นหรือตายนั่น ดูจากที่ไม่มีเลือดสาดกระจายอีกฝ่ายอาจจะยังไม่ตายก็ได้?

 

“คุณ...นี่คุณ...”    ไม่รู้เขาเผลอใส่แรงมากไปหรือไงแต่เจ้าศพที่นอนตะแคงอยู่กลับพลิกนอนหงายตามแรงเขาง่ายๆเลย

 

!!!    เขาถึงกับชักมือกลับโดยอัตโนมัติก่อนจะมองหน้าอีกฝ่ายอย่างกล้าๆกลัวๆ ไม่มีรอยเลือดอะไรเลยแหะ...

 

 

ฟรี้~~

 

 

“หื๋อ?”    เสียงลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอทำให้เขารู้สึกตะหงิดๆ และเมื่อขยับเข้าไปดูใกล้ๆเขาจึงพบความจริงที่ว่า

 

คนคนนี้ยังไม่ตาย แต่แค่หลับเฉยๆ!!

 

บ้าจริง! จะนอนก็อย่ามานอนตรงประตูแบบนี้สิฟ๊ะ ตกใจหมด!!!

 

เขาขมวดคิ้วมองอีกฝ่ายอย่างนึกเคือง แล้วจะเอายังไงดีเนี่ย? ปล่อยไว้แบบนี้ซะดีไหม?

 

“เฮ้อ...”    ใบหน้าหล่อเหลาถอนหายใจ เขาไม่ใช่คนใจไม้ใส้ระกำอ่ะนะ ขืนปล่อยให้นอนอยู่ตรงนี้คงได้หนาวตายกลายเป็นศพจริงๆแน่ แล้วเจ้าผีนี่ก็คงจะตามอาฆาตแค้นเขาเพราะเขาปล่อยให้อีกฝ่ายตายแน่ๆ! ไม่มีทางซะหรอก!

 

ท่อนแขนแข็งแรงอุ้มอีกฝ่ายขึ้นมาก่อนจะเอาไปโยนไว้ที่โซฟา เห็นตัวยาวๆแบบนี้แต่เบากว่าที่คิดแหะ

 

“อื้อ...”   อีกฝ่ายเพียงขยับตัวเล็กน้อยก่อนจะแน่นิ่งไปอีก...ไปอดหลับอดนอนจากไหนมาเนี่ยถึงหลับเป็นตายได้ขนาดนี้ นี่ถ้าเขาเป็นโจรคงปล้นหมดบ้านไปแล้วไหม?

 

แล้วก็เพราะอีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นมานั่นแหละเขาถึงได้เห็นว่าใบหน้าที่หลับไม่รู้เรื่องนั่นสวยมากทีเดียว...

 

เอ๊ะ? ไม่ใช่ผู้ชายหรอกเหรอ?

 

ไม่สิ ถึงจะเล็กมากแต่ที่คอนั่นก็ลูกกระเดือกแน่ๆ แต่ทำไมหน้าสวยขนาดนี้...

 

เขาจ้องมองไฝเม็ดเล็กที่มุมล่างของริมฝีปากนั่นไม่วางตา

 

นี่เพื่อนบ้านที่เขานึกรำคาญอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันมีหน้าตาแบบนี้เองเหรอเนี่ย...

 

 

น่ารักแหะ...

 

 

มือใหญ่รีบยกขึ้นมาปิดปากเมื่อสำนึกได้ว่าตัวเองกำลังคิดอะไรอยู่ เขาช่วยอีกฝ่ายให้พ้นจากความตายได้แล้วก็ควรจะกลับเสียที ถ้าแบกมาถึงนี่แล้วยังจะตายอีกก็ไม่ใช่ความผิดเขาแล้วนะ จะมาอาฆาตแค้นกันไม่ได้ล่ะ

 

“หนาว...”   แล้วในขณะที่เขากำลังจะก้าวเดิน ก็มีเสียงแผ่วเบาออกมาจากเจ้าศพเอาแต่ใจนี่

 

“.......”   ถ้าหนาวนักก็ตื่นขึ้นมาแล้วไปนอนให้ห้องนอนดีๆสิเฟ้ย มันใช่เรื่องของเขาไหมเนี่ย?!

 

“เฮ้อ...”   ใบหน้าหล่อเหลาถอนหายใจอีกครั้ง เกิดหนาวตายขึ้นมาจะตามรังควาญเขาไปจนถึงภพหน้าเลยไหม? ไม่เอาด้วยหรอกนะ!

 

สองขาเดินเข้าไปในห้องนอนอย่างเก้ๆกังๆ แค่มาหยิบผ้าห่มนะไม่ได้จะมาทำเรื่องไม่ดี มือใหญ่รีบคว้าผ้าห่มบนเตียงก่อนจะเอามาคลุมให้คนที่ยังหลับไม่รู้เรื่อง

 

“ฟู่...”   หมดเรื่องแล้วใช่ไหม? เขาทอดสายตามองใบหน้าสวยหวานนั่นพลางส่ายหน้า ไม่เป็นไรแน่เหรอเนี่ย...จะว่าเมาก็ไม่ได้มีกลิ่นเหล้านี่ จะว่าป่วยก็ไม่ได้มีท่าทางทรมานนะ แค่หลับไปจริงๆเหรอเนี่ย...

 

เขากวาดตามองไปรอบๆห้องเป็นครั้งแรก อย่างอื่นก็ไม่ต่างจากห้องคนธรรมดาทั่วๆไป จะมีก็แค่ด้านหนึ่งที่ติดหน้าต่างกระจกผืนใหญ่ที่ดูจะเป็นมุมทำงาน? เพราะนอกจากตู้หนังสือที่ไร้ระเบียบสิ้นดีแล้วก็ยังมีโต๊ะเรียงกันอยู่เป็นสิบตัว

 

เขาเดินเข้าไปมองแผ่นกระดาษสเก็ตที่ตกระเกะระกะอยู่รอบโต๊ะตัวหนึ่งที่ดูจะใหญ่กว่าตัวอื่น บนกระดาษพวกนั้นมีเส้นร่างของตัวการ์ตูนสาวน้อยอยู่เต็มไปหมด

 

หื๋อ? นี่มันโชโจมังงะที่พบเจอได้ง่ายยิ่งกว่าตู้กดน้ำนี่?

 

แล้วการ์ตูนเรื่องนี้เขาก็คุ้นตามากด้วยเพราะไม่ว่าจะไปที่ไหนก็พบเห็นได้บ่อยๆไม่ว่าจะตามป้ายโฆษณาหรือไม่ก็แผงหนังสือตามร้านสะดวกซื้อ

 

ใบหน้าหล่อเหลาก้มมองอุปกรณ์วาดการ์ตูนที่วางอยู่บนโต๊ะรวมไปถึงแบบร่างที่มีการแบ่งหน้ากระดาษเป็นช่องๆ มีร่องรอยปากกาสีแดงวงแก้ไขรวมถึงคอมเม้นต์จากใครสักคนเขียนด้วยลายมือหวัดๆเอาไว้ ที่ผนังห้องบางส่วนก็มีภาพสีที่น่าจะวาดด้วยโคปิคติดอยู่ ภาพพวกนี้เหมือนต้นฉบับมากกว่าจะเป็นแค่แฟนอาร์ต

 

เขาหันไปมองคนที่หลับอยู่อย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา...อย่าบอกนะว่าคนคนนี้คือคนที่เขียนมังงะเรื่องนี้?!

 

“เซริซาว่า จิอากิ...”   เขาอ่านชื่อนามปากกาที่อยู่บนหน้าปกมังงะซึ่งวางเกลื่อนอยู่แถวนั้น คนคนนี้...เขียนการ์ตูนตาหวานที่คนอ่านกันทั่วบ้านทั่วเมืองนั่นจริงๆเหรอเนี่ย?!

 

ไม่อยากจะเชื่อเลย...

 

 

 

เขายืนอึ้งอยู่พักใหญ่ แต่ยังไงก็เถอะ...มันก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเขา

 

สองขาจึงหันหลังเดินออกมาจากห้อง และเมื่อก้าวเข้ามาในห้องตัวเองก็ต้องนิ่งค้างไปเมื่อจู่ๆก็นึกอะไรขึ้นมาได้

 

เมื่อกี้...คนคนนั้นไม่ได้พูดคำว่า “หนาว” เป็นภาษาญี่ปุ่น

 

แต่พูดเป็นภาษาจีน...

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

เพราะมีกิจการ(?)ลับๆอย่างการเป็นเจ้าของเซอร์เคิลชื่อดังในหมู่สาววาย ทำให้โกคุเดระเซนเซย์ไม่อาจจะเปิดเผยใบหน้าต่อสาธารณะชนได้ จึงแทบไม่มีใครรู้เลยว่าเจ้าเด็กหัวเงินที่เดินหน้าบูดเป็นตูดแพะอยู่นี่คือนักวาดตัวท็อปของนิตยสารแจ๊มป์ 

 

ผลโหวตกว่าสี่ปีที่ผ่านมามังงะเรื่อง Nine tail mirror ของโกคุเดระ ฮายาโตะไม่เคยตกจากอันดับหนึ่งเลยแม้แต่ครั้งเดียว รวมถึงยอดขายก็ด้วย

 

ทั้งๆที่เขียนการ์ตูนได้บ้าพลังขนาดนั้นแท้ๆนะ จะใช้ชีวิตให้เหมือนคนปกติหน่อยก็ไม่ได้ ถ้าเขาไม่ไปลากออกจากห้องบ้างคงไม่มีทางได้สังเคราะห์แสงกับเค้าหรอก! หัวหน้ากองบก.แผนกโชเน็นมังงะได้แต่ทอดสายตามองอย่างปลงๆ

 

เพราะแทบไม่ออกจากบ้าน แทบไม่ได้โดนแดด ผิวเลยขาวซีดยิ่งกว่ากระดาษ เพราะแทบไม่ได้ออกกำลังกายแถมไม่ค่อยจะเดินไปไหนถึงได้ไม่มีกล้ามเนื้อเลยสักมัด เพราะเอาแต่ปั่นงานไม่ค่อยจะได้กินข้าวกินปลาตัวถึงได้ผอมแห้งแบบนี้ ถึงเขาจะเป็นแค่บก.แต่ด้วยความที่รบรากันมานานจนสนิทเหมือนคนในครอบครัวก็อดจะห่วงเจ้าเด็กนี่ไม่ได้เลยจริงๆ

 

"คนที่รอพบนายอยู่มีผู้กำกับอนิเมะ หัวหน้าฝ่ายเขียนบท หัวหน้าทีมโปรดักชั่น แล้วก็มีนักพากย์ตัวหลักที่คอนเฟิร์มแล้วอีกสองคน"   เสียงแบบคนขี้รำคาญเอ่ยอธิบาย

 

"อือ ยังไงก็ไม่เกี่ยวกับฉันอยู่แล้วนี่ ไม่เห็นจะต้องมาเลย"   ใบหน้างอหงิกยังบ่นต่อ

 

"มันจะไม่เกี่ยวกับแกได้ยังไง นี่มันอนิเมะที่ทำจากมังงะของแกนะ"   ใครมาได้ยินเขาพูดกับนักเขียนตัวท็อปของบริษัทแบบนี้เข้าคงลมแทบจับ 

 

"เฮอะ"   ใบหน้าภายใต้กรอบผมสีเงินเบะปากให้

 

ขาสองคู่เดินไปตามทางเดินยาวเหยียดของอาคารสำนักพิมพ์เพื่อมุ่งหน้าสู่ห้องประชุมที่อยู่ปลายสุด

 

".....แล้วนักพากย์ที่มา...พากย์เป็นใครบ้าง"    ทำเป็นไม่อยากมาไปงั้นแต่ที่จริงก็สนใจอยู่สินะ เสียงห้วนๆถึงได้ถามออกมา

 

ซึนเดเระจริงๆเจ้าเด็กนี่

 

"มีคนที่พากย์เสียงมาสะซัง กับฟูจิวาระ ชู"

 

"งะ งั้นเหรอ…."   

 

เขาลอบยิ้มเมื่อเห็นอาการปากไม่ตรงกับใจของท่านอาจารย์นักวาดชื่อดัง 

 

ที่จริงโกคุเดระ ฮายาโตะชอบตัวละครที่ชื่อทาคิกาวะ มาซากิหรือมาสะซังของตัวเองมาก เพียงแต่ไม่ค่อยจะยอมรับด้วยความซึน

 

ไม่รู้ว่าอยู่กับเจ้าลูกหมานั่นได้ยังไงกันนะ ในขณะที่เอเลน เยเกอร์นั้นตรงเป็นไม้บรรทัด ชอบใครก็ตะโกนบอกมันกลางสี่แยกได้ไม่อายฟ้าดิน เขานึกแล้วก็ขำจนต้องส่ายหน้า

 

"ถึงแล้ว ทำตัวให้มันดีๆด้วยล่ะ"

 

"รู้แล้วเฟ้ย"

 

 

 

และเมื่อประตูเปิดออกเสียงพูดคุยอย่างสนุกสนานก็หยุดลงพร้อมกับสายตาทุกคู่ต่างหันมามองที่พวกเขาเป็นตาเดียว คนที่นั่งล้อมอยู่ที่โต๊ะประชุมพร้อมใจกันลุกขึ้นยิ่งทำเอาคนที่ไม่ค่อยได้เข้าสังคมรู้สึกประหม่าเข้าไปใหญ่

 

แต่ยิ่งอายโกคุเดระ ฮายาโตะก็ยิ่งชักสีหน้าบอกบุญไม่รับมากลบเกลื่อนจนคนทั้งห้องรู้สึกเกร็ง...จะมีก็แต่ชายหนุ่มร่างสูงที่กลับหัวเราะออกมาเบาๆ

 

“ฮึๆ...”   เสียงหัวเราะนั้นดังพอจะทำให้โกคุเดระเซนเซย์ผงะไป ดวงตาสีมรกตตวัดไปจับจ้องใบหน้าคมคายที่กำลังยืนยิ้มอยู่ในกลุ่มทีมงานอนิเมะนั่น

 

หมอนี่! หัวเราะอะไรฟ๊ะ?!

 

คิ้วสีเงินขมวดเข้าหากันพลางจ้องอีกฝ่ายเขม็ง

 

“ขอโทษที่ต้องให้รอนะครับ ผมขอแนะนำเลยแล้วกัน นี่อาจารย์โกคุเดระ ฮายาโตะ คนวาดเรื่องกระจกเก้าหางครับ”    ริวาอิไม่สนใจบรรยากาศที่กำลังอ้ำอึ้ง บก.หน้าตายเปิดบทสนทนาทันที คนอื่นๆจึงคลายอาการเกร็งไปได้บ้าง

 

“ยินดีที่ได้รู้จักและยินดีที่ได้ร่วมงานกันนะครับอาจารย์ เป็นเกียรติมากๆที่อาจารย์เลือกสตูของเรา รับรองจะไม่ทำให้ผิดหวังเลยครับ ผมเป็นผู้กำกับครับ”   ชายร่างท้วมยื่นมือมาให้เขาจับเป็นคนแรก

 

“อะ อือ...ครับ...”    ด้วยความไม่ค่อยได้ติดต่อกับผู้คน มือบางจึงยื่นออกไปอย่าอึกๆอักๆ แต่ดูท่าผู้กำกับเองก็คงจะรู้จักกับพวกนักวาดมังงะมามากจึงไม่ได้ถือสากับท่าทางแบบนั้นของเขา

 

“ทางนี้คือผู้เขียนบทโทรทัศน์กับหัวหน้าทีมโปรดักชั่นครับ”   ดวงตาสีมรกตเหลือบมองอีกฝ่ายน้อยๆก่อนจะจับมือไปตามมารยาท เท่าที่เขาจำได้ เหมือนริวาอิจะเคยเอารายชื่อสตูดิโอที่ขอซื้อลิขสิทธิ์ทำอนิเมชั่น Nine tail mirror มาให้ดูอยู่เหมือนกัน มีไม่น้อยกว่า3สตู ในที่สุดก็เลือกสตูนี้มา

 

“ส่วนสองท่านนี้เป็นนักพากย์ครับ”    คนที่พากย์เป็นฟูจิวาระ ชูแนะนำตัวก่อน และคนสุดท้าย...

 

“ผม ยามาโมโตะ ทาเคชิครับ พากย์เป็นทาคิกาวะ มาซากิ ยินดีที่ได้รู้จักครับ เซนเซย์”    ใบหน้าคมคายยิ้มให้เขา จะว่าเป็นรอยยิ้มที่สดใสก็ใช่แต่ก็เหมือนมีอะไรแอบแฝงอยู่??

 

ไม่รู้ละ! ยังไงหมอนี่ก็คือคนที่หัวเราะเขา! ถึงจะพากย์เป็นมาสะซังก็ไม่ให้อภัยหรอกเฟ้ย!

 

มือบางยื่นไปจับมืออีกฝ่ายที่ยื่นมารอด้วยใบหน้าราวกับแมวขู่ฟ่อๆ นั่นยิ่งทำให้คนอารมณ์ดียิ่งฉีกยิ้มไปใหญ่ และมันก็ทำให้คิ้วสีเงินยิ่งกระตุกถี่ๆเพราะคิดว่าอีกฝ่ายกวนประสาท

 

“เดี๋ยวทางทีมงานยังต้องประชุมกันต่อใช่ไหมครับ? ถ้างั้นพวกผมไม่รบกวนละ”    ริวาอิคุยกับผู้กำกับเพื่อเตรียมจะขอตัวออกมา ก็อย่างว่าแหละนี่คือการพาเขามาแนะนำตัวตามมารยาทเท่านั้น เขาไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับการทำอนิเมะเพราะมีทีมงานของทางสำนักพิมพ์ช่วยดูแลให้อยู่แล้ว

 

“อ้อ ด้วยเหตุผลบางประการทำให้ต้องมีการปิดบังใบหน้าหรือรูปลักษณ์ของโกคุเดระเซนเซย์นะครับ ถ้ายังไงผมขอความร่วมมือทุกคนไม่พูดถึงเรื่องนี้ทีนะครับ”    ริวาอิย้ำกับทางทีมอนิเมะอีกครั้งซึ่งทุกคนก็เข้าใจ

 

ดวงตาสีมกรตหงุดหงิดตวัดไปมองใบหน้าคมคายของยามาโมโตะ ทาเคชิอีกครั้งเมื่อรู้สึกถึงสายตาที่มองมาไม่หยุด

 

จะมองอะไรนักหนาฟ๊ะ?!

 

เครื่องหมายโมโหผุดขึ้นเต็มหัวเขาไปหมด

 

"เอ่อ เดี๋ยวก่อนครับ...อันนี้เป็นเทปตัวอย่างเสียงพากย์ตอนออดิชั่น ถ้าเซนเซย์ไม่รังเกียจก็ลองฟังดูนะครับ"    ผู้กำกับยื่นแฟลชไดรฟ์อันหนึ่งให้เขา

 

"....ขอบคุณ...ครับ"   มือบางรับมาแล้วก็ขอตัวออกมาจากตรงนั้น 

 

 

 

 

 

 

 

กว่าจะกลับถึงบ้านก็อ่อนเพลียทั้งกายใจ เพราะต้องคุยเรื่องเนมของมังงะตอนต่อไปกับเจ้ายักษ์ริวาอิต่อด้วยนี่แหละ

 

มือบางหย่อนผ้าขนหนูที่ใช้เช็ดหน้าลงไปตามทางที่เดินไปยังโซฟา ดวงตาสีมรกตเหลือบมองแฟลชไดรฟ์ที่เพิ่งได้มาจากผู้กำกับ

 

เสียง...ของมาสะซังงั้นเหรอ...

 

แก้มใสขึ้นสีระเรื่อเล็กน้อย ฟะ ฟังเสียหน่อยก็ได้มั้ง...

 

มือบางเปิดโน้ตบุคก่อนจะเสียบแฟลชไดรฟ์เข้าไป

 

ดูเหมือนยามาโมโตะ ทาเคชิจะเป็นนักพากย์ชื่อดังมากทีเดียว เพราะมีเสียงทุ้มนุ่มอันเป็นเอกลักษณ์แบบที่แค่ได้ฟังก็รับรู้ได้ถึงความหล่อของตัวละคร จึงได้พากย์เป็นตัวเอกของอนิเมะมาหลายสิบเรื่อง แถมปีนี้ก็เพิ่งได้รับรางวัลSeiyu awardsด้วย ได้คนแบบนั้นมาพากย์เสียงให้ตัวเอกของเขาก็ควรจะดีใจอยู่หรอก

 

ถ้าไม่ติดที่หน้าตาแย้มบานกวนประสาทนั่นน่ะนะ!

 

ฮึ่ย! จะพากย์ได้ดีซักแค่ไหนกันเชียว!

 

ร่างบอบบางล้มตัวนอนยาวที่โซฟา หูฟังถูกหยิบมาเสียบหูแล้วเสียงทุ้มนุ่มนวลก็ค่อยๆไหลเข้าสู่โสตประสาท...

 

 

 

“จิ้งจอกเก้าหาง?”

 

"เธอบาดเจ็บอยู่ไม่ใช่รึ? มาทางนี้สิ"

 

“ชื่อของฉันคือทาคิกาว่า มาซากิ”

 

“มินาโตะ...”

 

"ถึงจะไม่ใช่ศาลเจ้าที่ใหญ่โตอะไร แต่ถ้าไม่รู้จะไปไหน...ก็อยู่ด้วยกันที่นี่เถอะ"

 

 

 

"...แต่ถ้าไม่รู้จะไปไหน...ก็อยู่ด้วยกันที่นี่เถอะ..."  

 

เสียงงึมงำเอ่ยทวนประโยคที่วนเวียนอยู่ในหู...

 

นี่น่ะ เป็นประโยคไฮไลท์เลยนะ...

 

...เสียงนี้...ดีจัง...

 

 

 

 

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

 

To be Con.

 

 

มาอีกแล้ว ฟิคfeat.แบบมโหฬารเรื่องใหม่5555 // แกควรไปเขียนพญาเหยี่ยวให้จบก่อนไหมคุณกวาง =”=

 

แต่จริงๆเรื่องนี้วางพล็อตไว้นานนนนนมากแล้วค่ะ จู่ๆคิดถึงก็เลยหยิบมาเขียนต่อ555 แถมเพิ่มเรือมาอีกสองลำด้วยถถถ ฝากไว้ในอ้อมใจอีกเรื่องนะค้า

 

ขอพูดถึงเรื่องชื่อของตัวละครก่อน ด้วยความที่โลเคชั่นของเรื่องนี้คือประเทศญี่ปุ่น ชื่อของยามะก๊กหรือแก๊งทสึรุเนะเลยไม่มีปัญหาอะไร แต่อีกสองคู่คือต่างชาติมาเลย555 ก็เลยขออนุญาตใช้ชื่อของอีก4คนที่เหลือตามนี้ค่ะ

 

-          คุณรีไว ใช้เป็นชื่อแบบที่คนญี่ปุ่นเค้าอ่านกันนั่นก็คือ ริวาอิ เพราะในฟิคเรื่องนี้กำหนดให้ท่านเป็นคนญี่ปุ่นค่ะ

-          เอเลน ยังใช้ชื่อเดิมคือ เอเลน เยเกอร์ เพราะในฟิคเรื่องนี้หนูเลนเป็นลูกครึ่งค่ะ มีคุณพ่อเป็นหมอชาวเยอรมันที่เข้ามาทำวิจัยในญี่ปุ่นแล้วเกิดตกหลุมรักกับคุมแม่ที่เป็นชาวญี่ปุ่นจนตั้งรกรากอยู่ที่นี่มันซะเลย

-          อี้ป๋อ ใช้ชื่อ หวังอี้ป๋อ เป็นนายแบบชาวจีนที่เข้ามาทำงานอยู่ในญี่ปุ่น

-          พี่จ้าน ในฟิคเรื่องนี้เป็นนักวาดการ์ตูนที่มีเชื้อสายชาวจีน แต่ย้ายมาอยู่ญี่ปุ่นตั้งแต่ช่วงม.ต้น จะใช้สองชื่อคือ ชื่อจริง-เซียวจ้าน สำหรับเพื่อนๆหรือคนรู้จักที่สนิทๆกัน นามปากกา-เซริซาว่า จิอากิ สำหรับใช้เวลาวาดมังงะ

 

ประมาณนี้ค่ะ ขอบคุณทุกๆการติดตามด้วยนะค้า แล้วเจอกันตอนหน้าค่า

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น