ป๋อจ้าน Au.Fic [หวังอี้ป๋อ x เซียวจ้าน] GLIDE : 2x4 It’s me : 520 N. again [Part3]

 

ป๋อจ้าน Au.Fic [หวังอี้ป๋อ x เซียวจ้าน]  GLIDE : 2x4 It’s me : 520 N. again [Part3]

 

: ป๋อจ้าน Fanfiction Au

: หวังอี้ป๋อ x เซียวจ้าน

: Romantic

: NC-17

  

คำเตือน : เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ

           : เนื้อเรื่องต่อไปนี้เป็นเพียงจินตนาการของผู้เขียน ไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นจริงนะคะ

           : ข้อมูลจะไม่แน่นเท่า GLIDE ภาคก่อนๆนะคะ เพราะภาคนี้ข้ามมา 2 ล้อ ตรูขี้เกียจหาข้อมูลฝั่ง Moto GP โฟ้ยยยย // โดนตบด้วยหมวกกันน็อค

 

 

 

GLIDE : 2x4 It’s me : Special Episode :

 

“520 นิวตัน

 

.

.

.

 

 

 

ดวงตากลมโตค่อยๆเปิดขึ้นมาด้วยความมึนเบลอ ห้องที่สว่างจ้าบ่งบอกให้รู้ว่าเริ่มเช้าแล้ว

 

เมื่อคืน...หลับไปตั้งแต่ตอนไหนนะ?

 

ร่างกายรู้สึกเบาตัวแต่ก็ล้าๆเล็กน้อย...อืม...มันยังไงกันนะ?

 

หัวสมองที่ยังล่องลอยกำลังค่อยๆเรียกความทรงจำกลับคืนมา แล้วเมื่อสายตาปรับโฟกัสได้... ใบหน้าของพี่ชายต่างสายเลือดที่นอนหนุนอยู่บนหมอนเดียวกันก็ทำให้นึกออกทุกอย่าง

 

"...!!!"    มือบางยกขึ้นมาอุดปากเพื่อไม่ให้เผลอร้องตะโกนออกไป ดวงตากลมโตเบิกกว้างมองหน้าคนที่ยังหลับใหลอย่างตกอกตกใจ ความทรงจำของเมื่อคืนนี้ไหลเข้าหัวราวกับน้ำตก หัวใจดวงน้อยเต้นกระหน่ำและก่อนที่มันจะไปปลุกอีกฝ่ายเข้า ร่างโปร่งบางก็รีบพลิกตัวหันไปอีกฝั่ง

 

มะ เมื่อคืนนี้...พวกเราสองคนทำ....ทำ……

 

"อื้อ~~~"    มือบางตลบหมอนขึ้นมาปิดหัวก่อนจะส่งเสียงอื้อๆอยู่ในนั้น หน้าเน้อร้อนเป็นไฟไปหมดเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

 

แล้วก็ไม่ใช่ความฝันแน่ๆ หลักฐานคือพี่อี้หยางที่นอนหลับอยู่ข้างๆนี่ไง! ปกติเคยยอมนอนข้างเขาเสียที่ไหน!

 

แง๊~ แย่แล้ว! ยังไม่ได้แต่งงานกันเลยจะทำเรื่องแบบนี้ได้ยังไง?! เกิดเขาท้องก่อนแต่งขึ้นมาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?! หม่าม้าต้องตีเขาตายแน่ๆเลย แง๊

 

ลูกกระต่ายดิ้นไปดิ้นมาอยู่ใต้หมอนอย่างคิดไปก่อนห้าปี แถมยังเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้อีกต่างหาก

 

ดวงตากลมโตมองไปที่ฝ่ามือของตัวเอง...ยังจำความรู้สึกตอนที่สัมผัสมันได้อยู่เลย

 

เจ้าสิงโตตัวนั้นร้อนมาก...ดูดุร้ายหิวกระหายมากๆ...ตัวก็ใหญ่มาก…...น้ำลายก็...เยอะมาก…….

 

อ๊าาาาา~~

 

ใบหน้ามนซุกหน้าร้อนๆลงกับหมอน เขายังจำภาพที่น้ำสีขาวขุ่นนั่นไหลเลอะอยู่บนฝ่ามือได้อยู่เลย~ ยังจำกลิ่นจำอุณหภูมิอุ่นๆของมันได้อยู่เลย งื้อ~~

 

"เจ้าลูกกระต่ายลามก"    จู่ๆก็มีเสียงทุ้มมากระซิบข้างใบหู ใบหน้ามนผงะน้อยๆแล้วเงยจากหมอน ก่อนที่เอวบางจะถูกดึงเข้าไปกอดจากคนที่นอนอยู่ข้างหลัง เรี่ยวแรงที่เยอะกว่าเขามากทำให้ถูกกักขังไว้ในอ้อมแขนแข็งแกร่งอย่างง่ายดาย 

 

"เอ๊ะ?"   เขาจะหันไปมองแต่กลับเจอกลุ่มผมสีดำซบซุกลงมาที่บ่า พี่อี้หยางกอดเขาจนแทบจะจมอก หัวใจดวงน้อยเต้นตึกตักๆ ดวงตากรอกไปมาเลิ่กลั่ก

 

"หูแดงเชียว คิดเรื่องไม่ดีอยู่ล่ะสิ?"   เสียงทุ้มที่เพิ่งตื่นนอนนั้นเซ็กซี่มาก มันขึ้นจมูกนิดๆ งัวเงียหน่อยๆ เป็นหวังอี้หยางในมุมที่เขาไม่เคยเห็นแต่ก็ทำเอาใจสั่นยิ่งกว่าเดิม

 

"ปะ เปล่าคิดอะไรซักหน่อย…"   เสียงใสแก้ตัวงึมงำๆ แต่คนข้างหลังก็ดูเหมือนจะนิ่งไป หลับต่อเหรอ?

 

ใบหน้ามนค่อยๆหันไปมอง ใบหน้าหล่อเหลาหลับซบอยู่ที่ไหล่เขาจริงๆ 

 

เป็นภาพที่หายาก เป็นภาพที่ทำให้อดอมยิ้มไม่ได้ เจ้าพ่อวงการค้าเพชรที่ดูสูงส่งราวกับเจ้าชาย ดูดุดันเลือดเย็นเหมือนพวกมาเฟีย ก็มีช่วงเวลาที่งัวเงียไม่อยากตื่นแบบนี้ด้วย

 

เขาปล่อยตัวปล่อยใจอยู่ในอ้อมแขนนั้นต่อไป...เมื่อคืนนี้...พี่อี้หยางก็ทำให้เขาในห้องน้ำเหมือนกัน

 

แค่นึกถึงก็ทำตัวไม่ถูกแล้ว เขาไม่ค่อยประสีประสาเรื่องแบบนี้เพราะตัวเองก็ไม่ได้สนใจแถมคนทั้งบ้านยังพยายามกันเขาให้อยู่ห่างจากเรื่องพวกนี้สิ่งที่พี่อี้หยางทำกับเขาเมื่อคืนมันจึงเหมือนกับเปิดโลกใบใหม่ที่เขาไม่เคยรู้จัก

 

ถึงเขาแทบจะจำอะไรไม่ได้ ริมฝีปากและเรียวลิ้นที่ร้ายกาจนั่นมันกลืนกินเขาเข้าไปทั้งตัว ทำให้เขาแทบคลั่ง มันโอบรัด มันสัมผัส มันกักขังรีดเร้นจนหัวเขาขาวโพลนไปหมด

 

เริ่มจากความรู้สึกแปลกประหลาด จากนั้นในท้องน้อยก็ค่อยๆเริ่มปั่นป่วนไปหมด เหมือนมีอะไรบินวนอยู่ข้างใน รู้สึกสุขสมจนแทบจะขาดใจ เขาไม่เคยรู้จักกับความรู้สึกแบบนี้มาก่อนเลย

 

มันดีมาก ดีจนแทบเสียสติ เขาจำได้แค่นั้น

 

ใบหน้ามนตวัดขวับกลับไปมองหน้าคนที่หลับอยู่บนบ่า...แล้วสายตาก็ไปหยุดอยู่ริมฝีปาก

 

ริมฝีปากบางๆนั่นสินะ ที่ทำให้เขา……

 

"งื้ออออ"   ใบหน้ามนหันกลับมาซุกหน้าร้อนๆลงไปบนท่อนแขนที่กอดคอเขาอยู่ คนลามกน่ะมันพี่ต่างหาก! อ๊า~~

 



นี่แค่เริ่มต้นเท่านั้นและชั้นจะทำไปจนสุดทางแน่นอนวันนี้เอาเท่านี้ก่อนก็แล้วกัน เฟยเฟย

 

เสียงทุ้มที่มั่นคงและตรงไปตรงมานั่นพูดกับเขาคละเคล้าไปกับเสียงหอบหายใจอันหนักหน่วง สติที่เลื่อนลอยหลังจากปลดปล่อยทำให้ทุกอย่างมึนเบลอไปหมด เขากลับมานอนที่เตียงได้ยังไงก็จำไม่ได้เลย



 

นี่แค่เริ่มต้นเองเหรอแล้วสุดทางมันคือยังไง?...

 

ไม่สิที่เขาเขินจนจะเป็นบ้าก็เพราะพี่อี้หยางเริ่มลงมือแล้วต่างหากที่ผ่านมาทำแค่เฝ้ามองเขาอย่างเดียวแท้ๆ

 

จากนี้จะเป็นยังไงกันนะ

 

อ๊า~ บ้าจริง~ หน้าร้อนไปหมดแล้วเนี่ย~~




กว่าหวังเฟยเฟยจะหายเขินอายได้ก็ผ่านไปหลายนาที...ว่าแต่ กี่โมงแล้วเนี่ย?

 

มือบางพยายามเอื้อมไปคว้าโทรศัพท์บนโต๊ะข้างเตียง แต่สิงโตตัวใหญ่ที่เกาะหลังเขาอยู่นี่ก็ทำให้เอื้อมไม่ถึงสักที สภาพเขาตอนนี้จึงไม่ต่างจากกระต่ายตัวเล็กๆที่โดนสิงโตหลับทับเอาไว้ ต่อให้ยืดแขนยืดขาดิ้นไปดิ้นมายังไงก็ยังออกไปจากใต้ร่างนี้ไม่ได้อยู่ดี

 

ฮึบ~ ปลายนิ้วยืดจนสุดก่อนจะพยายามเขี่ยๆโทรศัพท์ให้ขยับเข้ามา กว่าจะหยิบมันได้ก็เล่นเอาเหนื่อยแบบที่ไม่น่าจะเหนื่อยเลยแท้ๆ

 

งื้อ! ทำไมหนักแล้วก็แรงเยอะแบบนี้เนี่ย! ฟันกระต่ายแยกใส่คนหลับอย่างหมั่นไส้

 

ปลายนิ้วไถหน้าจอโทรศัพท์ไปเรื่อยหลังจากดูเวลาแล้วยังเช้าอยู่มาก เขาจะเริ่มไปฝึกงานอีกทีก็วันจันทร์หน้า วันนี้จึงว่างสุดๆ

 

อ่ะ เมื่อคืนเลยไม่ได้ดูอี้คุนซ้อมเลย แต่เหมือนเวลาจะดีอยู่นะเนี่ย~ ดวงตากลมโตมองผ่านอันดับการซ้อมรอบ1และ2 ของ F1 เมื่อคืน

 

"อ๊ะ!"   แต่แล้วปลายนิ้วก็ถึงกับหยุดกึ่กเมื่อไถไปเจอข้อมูลบางอย่างในไอจีคนที่ตามอยู่  หญิงสาวคนนั้นกำลังโชว์พวงกุญแจสุดแรร์ไอเท็มที่หาไม่ได้แล้วในต่างประเทศ พร้อมแคปชั่นที่ว่า 'เจอที่ถ้ำเสือ อากิบะจ้ะเท่านั้นแหละ วิญญาณติ่งก็เข้าสิงทันที!

 

"อ๊าาา!! จะไปอากิบะ!!!"    เจ้าลูกกระต่ายแหกปากดังลั่นจนคนหลับสะดุ้งโหยงลุกขึ้นมานั่งอย่างนึกว่ามีไฟไหม้ หวังอี้หยางที่ยังไม่ตื่นดีมองตามร่างโปร่งบางที่ลุกพรวดพราดออกจากเตียงอย่างมึนงง

 

"เกิดอะไรขึ้น?...."    นายใหญ่ของ Diamond crown ปิดปากหาวหวอดเมื่อมองดีแล้วว่าไม่ได้มีไฟไหม้ มีแต่เจ้าลูกกระต่ายตื่นตูมอยู่ตัวเดียวนี่แหละ

 

"พี่ก็ลุกเร็วเข้า ไปเป็นเพื่อนเฟยหน่อย"   ร่างบางวิ่งวนหยิบเสื้อผ้าบ้างครีมทาหน้าบ้างเข้าไปในห้องน้ำ

 

"ไปไหน?"

 

"อากิบะ!"



 

 

 

 

 

หนึ่งชั่วโมงผ่านไป จู่ๆนายใหญ่แห่ง Diamond crown ก็ถูกลากมายืนอึ้งอยู่หน้าสถานีโตเกียวซะงั้น

 

หวังอี้หยางในชุดคอเต่าเสื้อโค้ท all black ยืนโดดเด่นอยู่หน้าสถาปัตยกรรมสไตล์ยุโรปเก่าแก่ของอาคารสถานีรถไฟที่คลาสสิคที่สุดในญี่ปุ่น ใครเห็นก็คงคิดว่าถ่ายแบบอยู่แน่ๆ ยกเว้นก็แต่ผู้ชายเท่ห์ๆคนนั้นกำลังเดินตามลูกกระต่ายตัวหนึ่งเข้าไปในอาคารต่างหาก

 

"เฟยเฟย...ขับรถไปไม่ดีกว่าเหรอ…"   เสียงทุ้มถามย้ำให้แน่ใจอีกครั้งหลังจากได้เห็นตารางดิจิตัลยาวพรืดที่ขึ้นเลขขบวนรถไฟที่กำลังจะออกจากสถานีนี้ ความถี่นี้มันอะไรกัน? มีรถออกจากที่นี่ทุกๆนาทีเลยรึไง? ไม่จริงน่า

 

บอกตามตรงนะ แม้แต่ที่แคนาดาเขายังไม่เคยขึ้นรถไฟเลย แล้วนี่คือสถานีโตเกียว สถานีที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น มีรถไฟเข้าออกกว่า4,000ขบวนต่อวัน มี20กว่าชานชลา มีตั้งแต่รถไฟความเร็วสูงที่วิ่งระหว่างเมืองอย่างชินคันเซ็นและลิมิเต็ดเอ็กเพรส รถไฟโลคอลที่วิ่งรอบโตเกียว รถไฟจากสนามบิน ยันรถไฟใต้ดิน ต่อให้เป็นหวังอี้หยางก็ยากที่จะรับมือ

 

"ก็หมอนั่น! อืม ชื่ออะไรนะ? ลืมแล้ว คนที่ฝึกงานด้วยกันน่ะ! บอกเฟยมาว่าถ้าไม่เคยขึ้นรถไฟแล้วจะออกแบบได้ไง? ไหนๆก็จะไปอากิบะแล้ว เรานั่งรถไฟไปกันเถอะนะ"    เจ้าลูกกระต่ายหันมาตอบ ….ไว้วันจันทร์ช่วยไปจำชื่อหมอนั่นมาทีนะ เขาจะไปเก็บมันเอง โทษฐานพูดอะไรให้เดือดร้อนกันทั้งบ้าน นี่เจ้าอาเธอร์กำลังหาข้อมูลวิธีการขึ้นรถไฟอย่างถูกต้องส่งมาให้เขาอยู่ ส่วนการ์ดคนอื่นๆก็ต้องปลอมตัวตามอยู่ห่างๆไม่ให้คนทั้งสถานีแตกตื่น

 

"แล้วนายขึ้นรถไฟเป็นรึเปล่า?"   เขาหันไปถามเจ้าลูกกระต่าย

 

"ไม่เป็นอ่ะ"   อีกฝ่ายหันมาตอบตาใสเพราะงั้นก็เลยลากเขามาด้วยสินะถึงจะเป็นหวังอี้หยางก็ใช่ว่าจะทำเป็นทุกอย่างนะ...

 

คนไม่เคยขึ้นรถไฟสองคนยืนคว้างอยู่หน้าประตูทางเข้า ไม่รู้แม้แต่ต้องทำอะไรก่อนเป็นอันดับแรกด้วยซ้ำ 

 

ติ๊ง!

 

แล้วก็เหมือนมีสัญญาณช่วยชีวิตส่งมา เจ้าอาเธอร์หาวิธีขึ้นรถไฟให้ทันพอดี

 

เค้าบอกให้ไปซื้อตั๋วรถไฟก่อน ว่าแต่เราจะไปไหนนะ?”    เขาหันไปถามเจ้าลูกกระต่าย ชีวิตนี้ไม่คิดจริงๆว่าจะต้องมายืนงงอยู่ในสถานีรถไฟเนี่ย

 

อากิบะครับ

 

อากิบะ? ไม่เห็นมีเลย?”   ปลายนิ้วถ่างผังรถไฟไล่ดูชื่อ แต่ความมากมายมหาศาลของสายรถไฟในญี่ปุ่นก็ทำเอาถึงกับตาลาย วันนี้ทั้งวันก็ไม่มีทางหาเจอแน่

 

เจ้าลูกกระต่ายยื่นหน้าเข้ามาช่วยดูก่อนจะอ้าปากค้างหน้าเปลี่ยนเป็นสีขาวราวกับกระดาษ เขาลอบขำกับปฏิกิริยาน่าเอ็นดูนั่น หน้าเจ้าตัววุ่นวายเวลาตกใจนี่ตลกชะมัด

 

เขาตัดสินใจโทรหาอาเธอร์ที่นั่งสแตนบายด์อยู่ที่คอนโดก่อนที่จะหมดวัน  

 

ทำยังไงผมถึงจะนั่งรถไฟไปอากิบะได้?”  นี่คงจะเป็นคำถามที่พีคสุดในชีวิตเขาแล้ว เรื่องง่ายๆที่คนทั่วไปทำได้แต่เขากับเจ้าลูกกระต่ายกลับไม่เข้าใจเลยสักนิด 

 

"สักครู่นะครับ"   ได้ยินเสียงก่อกแก่กๆจากแป้นพิมพ์ผ่านมาทางสายโทรศัพท์

 

อากิบะเป็นคำเรียกสั้นๆครับ ชื่อเต็มของย่านนั้นคืออากิฮาบาระ ชื่อสถานีรถไฟก็เช่นกันครับนาย”     …..แค่เริ่มต้นก็ผิดแล้วไหม? จะไปสถานีไหนยังเรียกไม่ถูกเลยเจ้าลูกกระต่ายเอ้ย~ วันนี้จะถึงไหมเนี่ย?!

 

ตอนนี้นายยืนอยู่หน้าเกทใช่ไหมครับ? รบกวนดูให้ดีๆนะครับว่าเป็นเกทของเจอาร์แน่ๆหรือเปล่า จะมีโลโก้ของเจอาร์และใช้สีเขียวเป็นสัญลักษณ์ เพราะสถานีโตเกียวยังมีรถไฟใต้ดินสายอื่นอีก ถ้าเข้าผิดเกทก็จะไปผิดที่ครับ”    หลังจากฟังเจ้าอาเธอร์อธิบาย เขาก็แหงนมองป้ายบนหัวทันที โอเค เจอาร์แน่นอน

 

"รถไฟที่จะไปอากิฮาบาระได้คือรถไฟ local สายยามาโนะเตะครับ สายสีเขียวอ่อน นายซื้อตั๋วที่ตู้กดข้างๆเกทก่อนครับ"   อาเธอร์อธิบายอย่างละเอียด เลขามือพระกาฬเองก็ไม่คิดเหมือนกันว่าจะต้องมีวันที่ได้สอนเจ้านายตัวเองขึ้นรถไฟกับเค้าด้วย อารมณ์ตอนนี้จึงไม่ต่างจากมัมหมีที่คอยลุ้นลูกน้อยตอนฝึกขึ้นรถไฟครั้งแรกเลยทีเดียว

 

"ตู้กดตั๋ว?"   ดวงตาคมกล้าเหลือบมองตู้ที่ตั้งเรียงรายอยู่ไม่ไกลจากเกททางเข้า เขาจึงดึงเฟยเฟยให้เดินตามมา

 

แล้วความหายนะก็ไม่ได้จบลงแค่นั้น ปลายนิ้วยาวลองจิ้มที่หน้าจอดู ภาษาญี่ปุ่นก็ขึ้นพรืดเต็มไปหมด  อ่านออกที่ไหนกันละครับ!

 

"มีปุ่มเปลี่ยนภาษาอยู่มุมขวาบนครับ"   อย่างกับเจ้าอาเธอร์จะเดาได้ เสียงจากปลายสายบอกมาทันที 

 

ค่อยยังชั่ว... มือใหญ่กดตาม ทว่า...มหากาพย์การขึ้นรถไฟมันก็เพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น

 

ตัวเลขราคาค่าตั๋วขึ้นเรียงแถวมาให้เลือกกดตามอัธยาศัย เพียงแต่เขาไม่รู้ไงว่าต้องกดกี่เยน จากนี่ไปอากิบะมันราคาเท่าไหร่เขาจะรู้ได้ไง? เข้าฌาณเอามั๊ย? หรือว่าต้องสวดมนต์?

 

"งื้อ...หรือว่าจะกลับไปขับรถไปดี…"   เจ้าลูกกระต่ายที่ยืนลุ้นอยู่ข้างๆเริ่มทำหน้าหงอยเมื่อทุกอย่างดูยุ่งยากเกินไป แต่เขากลับส่ายหน้าน้อยๆว่าไม่เป็นไรพร้อมกับวางมือใหญ่ไว้บนหัวกลมว่าเขาไม่ได้ลำบากอะไร

 

ใบหน้าหล่อเหลายังคงสงบนิ่ง เขาไม่ได้รำคาญใจอะไรเลย เขากลับยินดีเสียอีกที่เฟยเฟยยอมพึ่งพาเขาแม้แต่เรื่องเล็กน้อย(สำหรับคนอื่น)แค่นี้

 

"ผนังด้านบนหัวนายจะมีผังรถไฟอยู่ครับ ดูตรงชื่อสถานีอากิฮาบาระ จะมีราคาอยู่ครับ"   เป็นอีกครั้งเจ้าอาเธอร์ช่างรู้ใจสมกับที่อยู่กับเขามานาน

 

อ่อ...ราคาค่าตั๋วมันอยู่นั่นเองสินะ เขามองผังรถไฟขนาดใหญ่ที่แปะอยู่บนผนังเหนือหัว

 

หลังจากกดตัวเลขตามนั้นไป จ่ายเงิน ในที่สุดเขาก็ได้ตั๋วรถไฟมาจนได้~ อยากจะเอาใส่กรอบไว้จริงๆ!

 

"เย้~~"   เจ้าลูกกระต่ายยิ้มแฉ่งชูตั๋วรถไฟขึ้นฟ้าด้วยดวงตาเป็นประกาย เห็นแค่นั้นก็ถือว่าคุ้มค่ากับความยากเย็นนี้แล้วละนะ

 

"เข้าไปกันเลยไหม?"   รอยยิ้มอ่อนโยนที่มีไว้เพื่อคนเพียงคนเดียวถูกส่งออกไป

 

"อื้อ!"   ใบหน้ามนพยักรับอย่างน่าเอ็นดู

 

ตั๋วถูกเสียบเข้าไปในช่อง เจ้าลูกกระต่ายมองเขาก่อนจะทำตาม ร่างสูงกับร่างโปร่งเดินผ่านเกทที่เปิดโล่งเข้าไปได้ในที่สุด

 

"ระวังเสียงทุ้มเอ่ยก่อนที่ท่อนแขนแข็งแรงจะคว้าเอวบางของคนข้างๆเข้าหาตัวโดยอัตโนมัติเมื่อมีคนเดินเฉียดเข้ามาใกล้ด้วยความไวแสง สถานีใหญ่อย่างโตเกียว ชินจูกุ โยโกฮาม่าก็ไม่ต่างไปจากสมรภูมิรบดีๆนี่เอง ยิ่งช่วงเช้าๆแบบนี้ยิ่งน่ากลัวมาก!

 

แผ่นหลังกว้างพลิกไปยืนพิงเสาโดยมีลูกกระต่ายอยู่ในอ้อมแขน  เขามองรอบกายอย่างอึ้งๆ มวลมนุษย์มากมายมหาศาลกำลังเดินด้วยความไวพอๆกับมอเตอร์ไซค์! มันไม่ใช่ที่ที่พวกเขาจะไปเดินชิวๆช้าๆรีๆรอๆแบบคนไม่รู้ทาง เขาไม่ควรจะไปยืนขวางมนุษย์สูทดำพวกนั้น!

 

"....."   ทั้งเขาทั้งเจ้าลูกกระต่ายต่างยืนงงอยู่ในดงมนุษย์เงินเดือนที่เดินกันควับๆๆ อันตรายเกินไปไหมสถานที่นี้

 

นอกจากจะเดินกันอย่างเร่งรีบแล้วยังเหมือนนัดกันใส่สูทอีกต่างหาก ดำทั้งสถานีจริงๆ ดำจนนึกว่ามีอีเว้นท์อะไรเสียอีก

 

หลังจากยืนมองอย่างทำใจกันอยู่พักใหญ่โดยมีเสาบังให้ไม่ต่างจากแบริเออร์ในสนามรบ...ทางที่ดีเขาควรจะเล็งหาชานชลาที่จะต้องไปขึ้นรถไฟแล้วเดินพุ่งไปเลย เจ้าอาเธอร์บอกว่ารถไฟสายนี้จะใช้สัญลักษณ์สีเขียวอ่อน

 

เจอแล้ว! ป้าย yamanote line ชานชลา 4 , 5

 

"พร้อมไหม?"   เสียงทุ้มก้มลงไปถามคนที่ยืนทำหน้าหวั่นวิตกอยู่ในอ้อมแขน 

 

"งื้อ น่ากลัวอ่ะ~"   ก็อย่างว่าแหละ เจ้าลูกกระต่ายนี่ไม่กลัวอะไรบ้าง

 

"มาเถอะ อยู่ข้างๆชั้นไม่มีใครทำอะไรนายได้หรอก"   มือใหญ่จับมือบางเอาไว้มั่น ท่ามกลางไฟสงคราม(?)ก็ยังเต็มไปด้วยความรัก ต่อให้เป็นแค่สถานีรถไฟก็ยังมีความโรแมนติกได้

 

สายตาคนผ่านไปผ่านมาได้แต่มองคนไม่เคยขึ้นรถไฟสองคนด้วยความเอ็นดู...

 

ร่างสูงสง่าจูงมือพาร่างโปร่งบางฝ่าคลื่นมนุษย์มาถึงชานชลาของรถไฟสายยามาโนะเตะจนได้ ตอนนั้นเขาไม่รู้เลยว่าชานชลาที่4กับ5นั้นต่างกันอย่างไร ทำไมรถไฟสายเดียวกันแท้ๆถึงต้องมีสองชานชลา?

 

เจ้าลูกกระต่ายยืนรอรถไฟอย่างตื่นเต้น ในมือบางถือโทรศัพท์เตรียมอัดวีดีโอแถมยังบังคับให้เขาคอยถ่ายภาพนิ่งให้อีกต่างหาก...อายชาวบ้านเค้าบ้างไหมเนี่ย

 

เขายกโทรศัพท์ขึ้นมาอย่างเขินๆ ต้องอย่าลืมสิว่าเขาเป็นถึงนักธุรกิจหนุ่มไฟแรงที่รวยติดหนึ่งในห้าของโลกเชียวนะ มีหน้าเขาแปะหราอยู่ตามนิตยสารชั้นนำของโลกเลยนะ

 

"อร๊าย มาแล้ว! พี่อี้หยางอย่าลืมถ่ายรูปนะ!"   …..ก็นั่นแหละ คงจะมีแต่เจ้าลูกกระต่ายตัวดีนี่แหละที่ไม่เคยตระหนักเลยว่าเขาเป็นใคร

 

แชะๆๆ

 

มือใหญ่กดถ่ายรูปไปด้วยใบหน้านิ่งๆ ป่านนี้เจ้าอาเธอร์คงนั่งขำยกใหญ่ พวกการ์ดคงถ่ายรูปเขาส่งไปให้ดูหมดแล้ว

 

"เพิ่งเคยเห็นใกล้ๆขนาดนี้ นี่ขนาดรถไฟธรรมดานะ ถ้าชินคันเซ็นจะเท่ห์ขนาดไหนเนี่ย~"    อืม มองรถไฟเท่ห์ได้ นายเองก็ไม่ธรรมดาเหมือนกันเจ้าลูกกระต่าย

 

วันหลังเราขึ้นชินคันเซ็นไปต่างจังหวัดกันนะ!”   อาเฟยหันมายิ้มให้เขาอย่างตื่นเต้น เขาจึงอมยิ้มบางๆ ก็อย่างที่รู้ว่าเขาไม่ค่อยมีโอกาสได้ไปไหนมาไหนกับเฟยเฟยมากนัก การถูกอีกฝ่ายชวนโดยไม่ตั้งใจแบบนี้จึงทำให้เขาดีใจมาก

 

"จะขึ้นขบวนนี้เลยไหม?"   เขาหันไปถามคนที่ยังถ่ายรูปไม่หยุด

 

"คร้าบ~"

 

ถึงจะเป็นวันเสาร์แต่ช่วงเช้าก็ยังเป็นrush hourอยู่ดี พวกเขาถูกดันจนไหลเข้าไปเองโดยฝูงมนุษย์ที่ใส่สูทดำแทบจะทั้งคันรถ มือใหญ่ต้องคว้าเอวบางไว้ไม่ให้พลัดหลงกัน 

 

คนสองคนที่ไม่เคยขึ้นรถไฟไม่เคยเบียดเสียดกับผู้คนแบบนี้มาก่อนจึงมีท่าทีเงอะๆงะๆไม่รู้จะจับจะยึดตรงไหน พอรถไฟเคลื่อนตัวห่วงบนหัวจึงเหลือที่ว่างอยู่แค่อันเดียว

 

มือใหญ่จึงจับมันเอาไว้จากนั้นจึงใช้แขนแข็งแรงอีกข้างดึงร่างโปร่งมาอยู่ในอ้อมแขน  ร่างสองร่างจำต้องแนบชิดอย่างช่วยไม่ได้เพราะไม่มีที่ว่างเหลือแล้ว

 

เขาลอบกลืนน้ำลายก่อนจะเสสายตามองไปรอบๆอย่างเขินๆ ส่วนเจ้าลูกกระต่ายก็ได้แต่กรอกตาเลิ่กลั่กไปมาอยู่ที่หน้าอกเขา ต่างฝ่ายต่างไม่กล้าขยับตัวเพราะกลัวจะไปชนคนที่อยู่รอบๆ...และกลัวว่าอีกฝ่ายจะได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นกระหน่ำของตัวเอง

 

ตึกตักๆๆ

 

ต่อให้มีคนยืนอยู่นับร้อยนับพันแต่สิ่งที่ชัดเจนที่สุดกลับเป็นเสียงหัวใจของตัวเองกับคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเท่านั้น

 

กลิ่นกายที่คุ้นเคยกับความอบอุ่นที่แผ่ออกมาทำให้เขาแนบปลายคางไว้กับกลุ่มผมนิ่มอย่างเลยตามเลย เขารู้ว่าแขนเล็กก็ค่อยๆเอื้อมมากอดแผ่นหลังของเขาเช่นกัน 

 

พวกเราต่างยืนอยู่แบบนั้นโดยไม่มีใครพูดอะไร

 

แต่มันกลับเป็นห้วงเวลาที่มีความสุขจนรู้สึกได้ว่าอยากจะอยู่แบบนี้ตลอดไป

 

ขอแค่มีอ้อมแขนของกันและกัน สายตาของคนรอบข้างก็ไม่จำเป็นสำหรับพวกเขาอีก...

 

“....ไหนคุณอาเธอร์บอกว่าแค่ไม่กี่สถานีก็ถึงแล้ว?”   เจ้าลูกกระต่ายถามออกมาหลังจากที่ต่างฝ่ายต่างนิ่งเงียบมานานจนผ่านไปหลายสถานี

 

“.....”    เขากับเฟยเฟยมองหน้ากันโดยไม่ได้นัดหมาย รู้สึกตะหงิดใจขึ้นมาทันที...

 

"ชิบุย่า...ชิบุย่า…"   ได้ยินเสียงประกาศชื่อสถานีที่กำลังจะถึง  ปลายนิ้วถ่างดูผังรถไฟในมือถือก่อนจะพบว่าตอนนี้พวกเขาอยู่คนละทิศกับอากิบะเลย! 

 

หรือว่าจะขึ้นผิดฝั่ง?!

 

เขาเพิ่งมารู้หลังจากนั้น ว่ารถไฟสายยามาโนะเตะมันวิ่งเป็นวงกลม เพราะงั้นถึงจะขึ้นผิดฝั่งก็ยังไปถึงปลายทางได้เช่นกัน เพียงแต่...คุณอาจจะต้องไปอ้อมวนรอบโตเกียวก่อนหนึ่งรอบอย่างที่พวกเขากำลังเป็นอยู่นี่แหละ

 

และนี่ก็คือความแตกต่างของชานชลาหมายเลข 4 กับ 5 ...ชานชลานึงนั่งแค่2สถานีก็ถึง กับอีกชานชลานึงที่ต้องนั่ง28สถานีถึงจะถึงเหมือนกัน...

 

ขอโทษด้วยนะ...ถ้าเป็นอี้คุนคงจะคล่องกว่านี้”    เสียงทุ้มเอ่ยบอกคนที่อยู่ในอ้อมแขน เจ้าลูกสิงโตนั่นใช้ชีวิตค่อนข้างโล้ดโผน มีเพื่อนฝูงเที่ยวเล่นด้วยกันมากมาย ไม่ว่าจะคลาสไหนก็รู้ไปหมด

 

ไม่เป็นไรสักหน่อย”   แต่เจ้าลูกกระต่ายกลับส่ายหน้าอยู่ที่อกเขา

 

แบบนี้...ก็ดีออก”   มือบางกำชายเสื้อเขาอย่างเขินๆ

 

หรือพี่ไม่อยากอยู่กับเฟยนานๆ?”    จู่ๆใบหน้ามนก็เงยหน้าตวัดสายตาแบบแม่เสือขึ้นมาถามเขา จะเป็นแบบนั้นได้ไงเล่า?

 

เขาจึงกระชับอ้อมแขนแทนคำตอบ ใบหน้าหวานจึงก้มลงไปยิ้มอยู่กับอกเสื้อเขา

 

แล้วก็นะ มันทำให้เฟยรู้ว่า...พี่ก็เป็นผู้ชายธรรมดาๆคนหนึ่ง มีเรื่องที่ทำไม่ได้กับเค้าเหมือนกัน แต่ถึงอย่างงั้น...พี่ก็ยังพยายามทำให้เฟย…”    พูดไปก็หน้าแดงไป แล้วคนเขินก็ไม่ได้มีแค่หวังเฟยเฟยหรอก เขาเองก็พยายามหุบยิ้มแทบแย่เหมือนกัน

 

ใช่สิ เมื่ออยู่ต่อหน้าหวังเฟยเฟย เขาก็เป็นแค่ผู้ชายคนหนึ่ง ผู้ชายที่มีความรักและมักจะขาดความมั่นใจในตัวเอง เขาก็แค่อยากจะให้คนที่เขารักได้เห็นด้านที่สมบูรณ์แบบที่สุดของเขาก็เท่านั้น

 

เสียงรถไฟดังกึงกังๆ ผู้คนที่เดินเข้าออกเปลี่ยนถ่ายจนกลายเป็นภาพเบลอๆมีเพียงคนสองคนที่ยังยืนอยู่ที่เดิม 

 

รอยยิ้มและหัวใจที่มอบให้กันต่างชัดเจน

 

ถึงจะยาวนาน แต่มันคงเป็น 28 สถานีที่ไม่มีวันลืมเลือน

 

 

 

 

 

 



ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงอากิฮาบาระจนได้~

 

ใบหน้าหล่อเหลายิ้มอ่อนอย่างโล่งใจในขณะที่เดินตามร่างโปร่งบางที่กระโดดเหยงๆอย่างเริงร่าออกจากสถานี

 

อากิบะคือแหล่งขายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกชื่อดังของโตเกียวและที่นี่ยังเป็นแหล่งรวมสินค้าจากอนิเมะ มังงะ เกมส์ ที่ใหญ่ที่สุดอีกด้วย แค่เดินออกจากสถานีมาเสียงเพลงอนิเมะก็ดังต้อนรับพร้อมกับบรรยากาศคึกคักจากพนักงานร้านที่แต่งตัวคอสเพลย์บ้าง ชุดเมดบ้างมายืนแจกใบปลิวเรียกลูกค้าอยู่หน้าร้าน ป้ายไฟหลากสีสันก็กระพริบกันตั้งแต่หัววัน ผนังตึกก็มีรูปตัวการ์ตูนไม่ว่างเว้น

 

เรียกว่าต่างจากย่านมารุโนะอุจิที่พวกเขาอยู่ลิบลับ

 

"นายหาอะไรอยู่?"   เขาหันไปถามเจ้าลูกกระต่ายที่ดูมีเป้าหมายในใจอยู่แล้ว

 

"นี่ไง พวงกุญแจแพนด้าคุง!"    อาม่าน่ะเหรอ? เขายื่นหน้าไปดูรูปในมือถือของเฟยเฟย...ไม่ใช่อาม่าแหะ?

 

"เป็นตัวละครจากเรื่องJujutsu kaisen พี่รู้ไหม เฟยหาพวงกุญแจอันนี้มาตั้งนานแล้ว เนี่ย ทั้งเซตนี้เฟยมีทุกตัวแล้ว ขาดแค่แพนด้าคุงตัวเดียว หาในอิตาลีก็ไม่มีเลย แล้วเมื่อวานเพิ่งมีคนโพสว่าเจอที่ถ้ำเสือ อากิบะล่ะ!"   เขาได้แต่พยักหน้าตามน้ำไปโดยไม่เข้าใจศัพท์ติ่งๆนั่นซักนิด นอกจากจะเป็นติ่งรถแล้ว เจ้าลูกกระต่ายยังเป็นติ่งอนิเมะเรื่องหนึ่งอีกด้วย

 

"นายไม่ได้ชอบเจ้าตัวหัวขาวนั่นเหรอ?"   ระหว่างเดินฝ่าผู้คนไปเขาก็คุยกับเฟยเฟยไป

 

"ชอบสิ! แต่เฟยมีพวงกุญแจเซนเซย์เซตนี้แล้ว ต้องได้เป็นตัวแรกอยู่แล้ว!"   

 

"ทำไมถึงชอบตัวนี้?"   ดวงตาคมกล้าเหลือบมองตัวละครหัวขาวหน้าตาหล่อเหลาในมือถือของเฟยเฟย เขาถามไว้เผื่อจะเป็นข้อมูลอะไรให้เขาได้ เผื่อจะรู้สเปคของเจ้าลูกกระต่ายเป็นแบบไหน ชอบคนหน้าตาแบบนี้เหรอ? ชอบการแต่งตัวแบบนี้หรือว่าชอบนิสัยแบบนี้? ชอบอะไรในตัวผู้ชายคนนี้ เขาอยากรู้

 

"ก็เซนเซย์น่ะ เก่งที่สุดในโลกแล้ว เป็นผู้ใช้คุณไสยระดับพิเศษ มีเนตรในตำนาน ไม่ว่าจะวิญญาณคำสาปแบบไหนก็ปราบได้หมด! เฟยไม่ต้องกลัวภูตผีปีศาจอีกแล้วถ้ามีเซนเซย์อยู่!"    ……..สเปคคือปราบผีได้

 

"ปัดเป่าวิญญาณคำสาประดับพิเศษได้ในพริบตาเลยนะ"

 

"......."   อืม...

 

สรุปคือ เขาคงไม่ได้อะไรจากการสปายในครั้งนี้ แล้วนี่มันการ์ตูนประเภทไหนกัน?? ทำไมมีวิญญาณ มีคำสาป?? แถมตัวเอกยังใช้คุณไสยอีก???

 

"ถึงแล้ว~ เอ๊ะ? ทำไมมีสองตึกอ่ะ ที่นี่มีสองตึกเหรอ??"   ดูเหมือนถ้ำเสือของเจ้าลูกกระต่ายจะเป็นแค่ร้านร้านนึงเท่านั้น ไม่ได้เป็นถ้ำหรืออะไร  เพียงแต่มันมีสองตึกอยู่ข้างๆกัน แล้วก็อย่าหันมาถามเขาสิ เขาจะไปรู้ได้ไง?

 

หลังจากยืนงงไม่รู้จะเข้าตึกไหนอยู่นานสองนาน เฟยเฟยก็ตัดสินใจหลับหูหลับตาลากเขาเข้าตึกหนึ่งในนั้น

 

"ไม่รู้ว่าเรื่องนี้อยู่ชั้นไหนอ่ะ งั้นขึ้นไปชั้นบนสุดแล้วค่อยเดินไล่ลงมาแล้วกันเนอะ"

 

"อืม"   ในขณะที่เสียงทุ้มตอบออกไป สายตาคมกริบก็เหลือบไปเห็นแผนผังที่แปะอยู่หน้าลิฟท์ ตึกนี้มันขายอะไรกันแน่นะ? เพราะเขาเห็นว่าตั้งแต่ชั้น4-7มีแต่ Doujinshi กับ BL comic ทั้งนั้นเลย? แล้วโดจินชิกับการ์ตูนBLนี่มันคืออะไร??

 

ถึงจะงงๆแต่ก็ไม่ได้ใส่ใจ เขาเดินเข้าลิฟท์ไปพร้อมกับเจ้าลูกกระต่าย รอบกายรายล้อมไปด้วยเด็กผู้หญิงที่ต่างเหลือบมองพวกเขาสองคนก่อนจะหันไปยิ้มให้กัน ไม่ก็กรี๊ดกร๊าดพูดอะไรกันก็ไม่รู้แหละเขาฟังไม่ออก แต่ด้วยความสูงของพวกเขาเลยยิ่งเด่นมากเวลาอยู่ท่ามกลางสาวญี่ปุ่นตัวเล็กๆ

 

แล้วตั้งแต่ก้าวแรกที่เดินออกมาจากลิฟท์ เขาก็เหมือนจะเข้าใจตะหงิดๆแล้วว่าโดจินชิBLมันคืออะไร!

 

ถึงใบหน้าหล่อเหลาจะยังคีฟลุคเรียบเฉย แต่ภายในนั้นกำลังมีเหงื่อแตกพลั่กๆ เจ้าลูกกระต่ายเอ้ย รู้ไหมเนี่ยว่าหลงมาอยู่ในดงอะไร?!

 

ดวงตาคมกล้าลอบมองโปสเตอร์ตัวการ์ตูนผู้ชายกับผู้ชายที่กำลังโอบกอดเชยคางกันแผ่นใหญ่เท่าผนังซึ่งมาต้อนรับทันทีที่ก้าวขาออกจากลิฟท์ ทั้งฟลอร์ไม่ได้กว้างใหญ่แต่ก็อัดแน่นไปด้วยชั้นหนังสือเล่มบางๆ แล้วหน้าปกขนาด B5 พวกนั้นก็มีแต่ผู้ชายกับผู้ชายล้วนๆ! มีตั้งแต่แค่จ้องตากัน จุ๊บกันน่ารักใสๆ ไปจนถึงเปลือยกายขึ้นคร่อม! ไหนจะเครื่องหมาย R18 แปะมันแทบจะเล่มเว้นเล่มนี่อีก!

 

เอาจริงๆดิ...นี่ขายแต่การ์ตูนประเภทนี้ทั้งตึกจริงดิ

 

ถึงจะดูนิ่งมากแต่ตอนนี้หวังอี้หยางกำลังเลิ่กลั่กสุดๆ...คงจะมีแค่ประเทศนี้แหละที่ทำได้ จะว่าไปก็สุดยอดไปเลยแหะ

 

มือใหญ่หยิบเล่มหนึ่งซึ่งอยู่ใกล้ๆตัวพลิกดูด้านหลัง รู้สึกว่าเล่มตัวอย่างจะมีปริ๊นท์หน้าข้างในไว้ให้ดูด้วย? เพราะทุกเล่มในนี้ถูกซีลด้วยถุงพลาสติกใสอย่างดีทำให้เปิดดูก่อนไม่ได้

 

เนื้อหาและภาพข้างในไม่มีการเซ็นเซอร์แต่อย่างใด ไม่มีตัวอักษรศีลธรรม  ใส่ก็เห็นเลยว่าใส่……..

 

มือใหญ่ค่อยๆวางโดจินเล่มนั้นลงนิ่งๆ...พยายามทำหน้าให้เป็นปกติที่สุดทั้งๆที่อึ้งมาก...นี่มันโลกคู่ขนานหรือยังไงกัน? เขาไม่เคยรู้เลยว่ามีสถานที่แบบนี้อยู่ด้วย...จะว่าเขินก็เขินแหละยังไงเขาก็เป็นผู้ชายนี่นะ

 

ทำให้นายใหญ่แห่ง Diamond crown เลิ่กลั่กใจสั่นไม่รู้จะทำหน้ายังไงได้นี่ถือว่าเป็นที่ที่ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ เขานับถือนะไม่ได้จะว่าอะไร

 

แต่ที่สุดยอดกว่าคือเจ้าลูกกระต่ายที่เดินหาพวงกุญแจหมีแพนด้าโดยไม่รู้เรื่องรู้ราวนั่นต่างหาก... 

 

เขามองตามร่างโปร่งบางที่เดินชะโงกหน้าดูทีละชั้นๆโดยไม่เอะใจเลยว่าตัวเองอยู่ในที่แบบไหน...สุดยอดไม่มีใครจะเกินแล้วเจ้าลูกกระต่ายนี่

 

"หงึ ชั้นนี้ไม่ใช่เรื่อง jujutsu อ่ะ ลงไปข้างล่างกันเถอะ"   เจ้าลูกกระต่ายเดินทำหน้าผิดหวังเข้ามาหา รู้สึกว่าแต่ละฟลอร์ก็จะแบ่งเป็นเรื่องๆเอาไว้แหะ เพราะถึงลายเส้นของแต่ละเล่มจะแตกต่างกันแต่ลักษณะของตัวละครที่อยู่บนปกก็จะคล้ายๆกัน?

 

เขาเดินไล่ลงมาตั้งแต่ชั้น7 ,6 ,5 4, 3, 2, ถึงแม้สองชั้นล่างจะเป็นหนังสือการ์ตูนมังงะขนาดปกติกับพวกซีดี ดีวีดี บลูเรย์ แต่ของทุกชิ้นก็ยังไม่ทิ้งคอนเซ็ปต์ BL!

 

เขารู้แล้ว!  BLมันย่อมาจาก Boy’s Love นี่เอง!

 

เจ้าลูกกระต่ายยู่หน้าหลังจากยังหาพวงกุญแจแพนด้านั่นไม่เจอ ร่างโปร่งตัดสินใจเดินเข้าไปถามพนักงาน ปล่อยให้เขายืนมองโปสเตอร์อยู่ที่โถงบันไดตามลำพัง เขารู้ว่าใครผ่านไปผ่านมาต่างก็มองเขากันทั้งนั้น บางคนถึงขั้นเข้ามาขอถ่ายรูปเพราะคิดว่าเขาหลุดออกมาจากนิยายสักเล่ม!

 

รีบๆไปจากที่นี่ทีเถอะ เขินจะไม่ไหวแล้ว

 

"ว่าไง?"   เขาหันไปถามเจ้าลูกกระต่ายที่เดินหัวเราะแหะๆออกมา

 

"มาผิดตึกแหละ แหะๆๆ"    …..อืม

 

"คุณพนักงานบอกว่าต้องไปตึกข้างๆ ตึกนั้นจะเป็นสินค้าทั่วไป ส่วนตึกนี้จะเป็นโดจินของผู้หญิงและสินค้าจากพวกเซอร์เคิลน่ะ"   ก็คือเป็นของแฟนเมดทั้งตึกว่างั้น 

 

เขายังคงเดินตามเจ้าลูกกระต่ายเข้าไปในตึกข้างๆ ดูเหมือนตึกนี้จะเน้นไปที่สินค้าขายผู้ชายมากกว่า ยังดีที่เจ้าลูกกระต่ายไม่คิดจะเดินหาแล้ว แต่ตรงไปถามพนักงานเลยทันที ไม่นานพวงกุญแจหมีแพนด้าก็มาอยู่ในมือบางในที่สุด

 

"เย้~~ครบแล้ว~"    เขามองใบหน้ามนที่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ เขาชอบมองเวลาที่อาเฟยดีใจกับเรื่องอะไรแบบนี้ที่สุด

 

น่ารัก

 

"เฟยหมดธุระแล้ว พี่อยากจะไปไหนรึเปล่า? ไปตามใจพี่ได้เลยนะ"   เจ้าลูกกระต่ายหันมายิ้มตาหยี...หรือว่านี่จะคือ...เดต?

 

"อ๊ะ! เซก้านี่! ขอแวะแป๊บนึงนะ"   ในขณะที่เขากำลังยืนอึ้งดีใจพลางคิดว่าจะไปไหนดี เจ้าลูกกระต่ายก็พุ่งเข้าตึกสีแดงฝั่งตรงข้ามไปแล้ว

 

เดี๋ยวสิตกลงยังให้เขาเป็นคนเลือกอยู่ไหมนะ?

 

ร่างสูงสง่าเดินทอดน่องตามไปพลางส่ายหน้า และเมื่อก้าวขาเข้ามาในตึกโอ้โห...ตึกนี้ก็ไม่ธรรมดาเหมือนกัน

 

ตู้คีบตุ๊กตาเรียงเป็นตับอยู่รอบตัว ไม่สิ ไม่ได้มีแค่ตุ๊กตาแต่มันมีตั้งแต่สากเบือยันเรือรบต่างหาก! 

 

เขายืนมองซองขนมในตู้อย่างสงสัย ไปซื้อกินที่เซเว่นไม่ง่ายกว่าหรือไง? ในตู้อื่นๆยังมีทั้งฟิกเกอร์ พวงกุญแจ หมอน ผ้าห่ม พรมเช็ดเท้า? สารพัดที่จะเอาไว้คีบได้และมีลายตัวการ์ตูนนั่นแหละ

 

และเมื่อเขาหันไปมองเฟยเฟยอีกที เอ้า! ไปติดบ่วงกับเค้าด้วยเร๊อะเจ้าลูกกระต่ายเอ้ย~

 

หวังเฟยเฟยกำลังทำหน้ามุ่งมั่นอยู่หน้าตู้คีบตุ๊กตาตู้หนึ่ง ในนั้นเป็นตุ๊กตายัดนุ่นเจ้าหมอผีผมขาวที่เฟยเฟยชอบนั่นเอง

 

อ๊าาาาา~!!”   เสียงลูกกระต่ายร้องลั่นเมื่อเครนคีบทำตุ๊กตาที่อุตส่าห์หนีบได้หล่นไป อาเฟยกระโดดร้องโวยวายอย่างเสียดายที่คีบตุ๊กตานั่นไม่ได้จนเขาเผลอหัวเราะกับปฏิกิริยาราวกับเด็กๆของอีกฝ่าย มีแต่คำว่าน่ารักๆๆเต็มไปหมด

 

ฮึ่มคราวนี้ต้องเอาให้ได้…”   ยังไม่พออีกเร๊อะ เขามองอยู่ยังรู้เลยว่ามันยากแค่ไหนที่เครนง่อกแง่กนั่นจะคีบตุ๊กตาตัวหนักๆขึ้นมาได้ แต่เจ้าลูกกระต่ายของเขาก็ไม่ธรรมดานะ ในขณะที่ดวงตากลมโตจ้องในตู้เขม็ง ปากก็บ่นงึมงำๆเป็นสูตรฟิสิกส์ออกมา?

 

คงไม่ได้กำลังคำนวณวิถีการคีบตุ๊กตาอยู่หรอกนะ?

 

เขาถึงกับต้องหันไปขำกับความลูกกระต่ายของอีกฝ่าย มือใหญ่กุมท้องอย่างพยายามกลั้นหัวเราะเต็มที่ อยู่ด้วยแล้วมันมีความสุขแบบนี้แหละ

 

หึ หึๆๆ”   เจ้าลูกกระต่ายหัวเราะอย่างมั่นใจก่อนจะหยอดเหรียญลงไป เขามองตามพร้อมด้วยรอยยิ้ม มือบางบังคับคันโยกแต่คราวนี้แทนที่จะใช้วิธีคีบขึ้นมา กลับบังคับเครนให้เขี่ยด้านข้างตุ๊กตาแทน

 

เจ้าลูกกระต่ายแสยะยิ้ม เขาเองก็ลุ้นตามไปด้วย แล้วในขณะที่เจ้าตุ๊กตาหัวขาวตัวหนึ่งกำลังล้มคะมำตามแรงเขี่ยของเครน เขากับอาเฟยก็มองตามแทบหยุดหายใจเพราะมันกำลังค่อยๆล้มอย่างสโลโมชั่นมาทางปล่องใส่ของ

 

อีกนิดอีกนิดเดียว…”    มือกระต่ายแทบจะตะกายตู้ เขาเองก็ทั้งลุ้นทั้งอึ้งกับหัวสมองของอาเฟย ทว่าดูท่าจะลืมคำนวณเรื่องสิ่งกีดขวางมานะ? เพราะก่อนที่ตุ๊กตานั่นจะหล่นลงปล่องอีกแค่นิดดดดเดียว ก็ดันมีขาของตุ๊กตาอีกตัวที่นอนแอ้งแม้งอยู่ยื่นมาขัดไว้ซะงั้น

 

ค้าง….เจ้าลูกกระต่ายถึงกับนิ่งค้างไปทั้งตัว

 

อ๊ากกกก หล่นลงมาเซ่~~!!”   มือบางเขย่าตู้กึงๆๆ ส่วนเขานี่ได้แต่ยืนหัวเราะจนตัวงอ ฮ่าๆๆๆ ถึงจะเห็นใจแต่มันก็ตลกจนทนไม่ไหวเลยจริงๆ เจ้าลูกกระต่ายเอ้ย

 

แง๊~เซนเซย์~~”   อาเฟยเกาะตู้งอแงด้วยความอยากได้ ผ่านไปพักใหญ่กว่าจะยอมตัดใจแล้วยอมเดินออกไปทั้งๆที่ยังหันมามองตู้นั่นตาละห้อย

 

เขาก็ถามอย่างสงสัยว่าทำไมไม่เล่นอีกสักครั้งล่ะ แต่เสียงนุ่มก็ตอบออกมาว่าการพนันเป็นสิ่งไม่ดี จะเล่นก็ได้แต่ควรจะรู้ลิมิตของมัน ซึ่งข้อนี้เขาประทับใจการอบรมสั่งสอนของบ้านนี้มากๆ ไม่ได้ห้ามลูกๆไม่ให้ลองในสิ่งต่างๆแต่สอนให้รู้ถึงความพอดีในการใช้ชีวิต

 

เมื่อเฟยเฟยเดินลับหลังไปแล้ว นายใหญ่ของDiamond crownจึงพยักหน้าเรียกลูกน้องที่ยืนเฝ้าอยู่แถวนั้น และไม่จำเป็นต้องสั่งอะไร ลูกน้องเขาก็เดินเข้าไปหาพนักงานของร้านทันที

 

….ไม่นาน เจ้าตุ๊กตายัดนุ่นตัวนั้นก็มาอยู่ในมือเขา

 

ปุ

 

มือใหญ่วางมันไว้บนหัวสีดำของคนที่ยังทำแก้มป่องพองลม และเมื่อมือบางคว้ามันลงไปดูอย่างสงสัย ใบหน้างอง้ำเล็กน้อยก็เบิกบานเป็นดอกทานตะวันทันที

 

อ๊ะ! มาได้ไงเนี่ย?!”

 

เซนเซย์~”   ใบหน้ามนก้มลงไปคลอเคลียตุ๊กตายัดนุ่นตัวนั้นจนเขาเผลอยิ้มตาม แต่เหมือนอาเฟยจะนึกขึ้นมาได้จึงตวัดสายตามาหาเขา

 

นี่พี่ไปข่มขู่พนักงานมาใช่ไหม?”   เจ้าลูกกระต่ายมองเขาด้วยสายตาคาดคั้น  ทำไมไม่คิดว่าเขาไปเล่นให้บ้างล่ะ? ปกตินางเอกนิยายต้องคิดแบบนั้นสิ? จากนั้นก็จะหวานๆกันอะไรแบบนี้?

 

ใครว่าล่ะ ชั้นจ้างพนักงานเล่นให้ต่างหาก”   เขายักไหล่ก่อนจะตอบไปตามตรง อะไรที่ทำเองไม่ได้ก็ใช้เงินแก้ปัญหาไปซะ เพราะยังไงเขาก็ไม่ใช่พระเอกนิยายธรรมดาๆ แต่เป็นพระเอกที่เป็นเจ้าพ่อวงการค้าเพชร

 

หงึ”    เจ้าลูกกระต่ายมองเขาอย่างหมั่นไส้ก่อนจะหันไปกอดตุ๊กตานั่นต่อ เขามองอีกฝ่ายพลางยิ้มบางๆ

 

ถ้าเป็นอี้คุนคงพยายามไปคีบมันมาให้นายด้วยตัวเองสินะ…”   เสียงทุ้มเอ่ยออกไปลอยๆ ก็อย่างที่บอกนั่นแหละ ถ้าเป็นเรื่องของเฟยเฟย เขามักจะคิดมากและละเอียดอ่อนกว่าเรื่องอื่นๆ ถึงแม้จะชอบใช้วิธีในแบบของตัวเองแต่ก็ยังมีความกังวลใจว่าเฟยเฟยจะมองว่ายังไง จะรับได้ไหมที่เขาเป็นคนแบบนี้ 

 

ก็คงจะอย่างงั้น”   เจ้าลูกกระต่ายตอบกลับมาอย่างไม่ใส่ใจ แต่มันกลับทำให้สักที่หนึ่งในใจของเขาหนักอึ้ง

 

หรือว่านายอยากให้ชั้นไปคีบให้ด้วยตัวเองมากกว่าล่ะ?”   เขาถามออกไปอย่างไม่มั่นใจนัก แต่ดวงตาคู่โตกลับมองเขาอึ้งๆก่อนจะยิ้มกว้างออกมา

 

แบบนั้นน่ะ เอาไว้ให้อี้คุนทำเถอะพี่ก็คือพี่ พี่ก็มีวิธีการรักเฟยในแบบของพี่ เพราะแบบนั้นพี่ถึงได้ต่างจากอี้คุนไงในความรู้สึกของเฟย…”    ดวงตากลมโตหลุบต่ำเมื่อพูดถึงตรงนี้ แก้มใสแดงระเรื่อเล็กน้อยอย่างชวนมอง

 

อีกอย่างนะ เฟยไม่ถือหรอก เฟยไม่ใช่นางเอกแสนดีในนิยายนี่นา ที่จะชอบให้พระเอกทำทุกอย่างให้ด้วยตัวเองแบบนั้นน่ะ คิดดูสิ อี้คุนอาจจะคีบตุ๊กตามาให้ไม่ได้เลยก็ได้ แต่พี่ได้มันมาให้เฟยนี่ไง ถึงจะใช้วิธีร้ายๆไปบ้างแต่มันก็ดูสมกับเป็นพี่ดีออก”   ใบหน้ามนยิ้มให้เขาอีกจนหัวใจกระตุกไป

 

อาเฟยกำลังให้กำลังใจเขาสินะ?  

 

ใบหน้าหล่อเหลาพยักรับเบาๆ ใต้อกข้างซ้ายรู้สึกอุ่นๆ หวังเฟยเฟยเข้าใจเขา คนตรงหน้าเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่รู้ว่าเขาคิดอะไร รู้สึกยังไงและกำลังกังวลกับเรื่องอะไรอยู่

 

งั้นก็ดีแล้ว”   เขาตอบออกไป มือใหญ่ลูบหัวสีดำด้วยความเอ็นดูชีวิตนี้ เขาต้องการแค่คนคนนี้คนเดียวก็พอแล้วคนที่รักเขาและเข้าใจเขา



เขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับอากิบะมากนักจึงนึกไม่ออกเลยว่าควรจะไปเดตที่ไหน  ได้แต่ปล่อยให้เจ้าลูกกระต่ายเดินนำดูนู่นดูนี่ไปเรื่อยๆ แค่ได้มองดวงตาเป็นประกายคู่นั้นที่ตื่นเต้นไปกับร้านรวงรอบกาย เขาก็มีความสุขมากแล้ว

 

มันดาระเกะ! ขอแวะแป๊บนึงได้ไหมครับ?”    นิ้วเรียวชี้ไปที่ตึกสีดำสนิทซึ่งอยู่มุมถนนในซอยฝั่งตรงข้าม

 

เอาสิ”    เขาก็ไม่ได้คิดว่าจะออกมาแค่ซื้อพวงกุญแจอยู่แล้วเลยตอบตกลงไปง่ายๆ แล้วการเดินดูร้านขายของเกี่ยวกับอนิเมะที่ไม่เหมือนร้านทั่วๆไปแบบนี้ก็สนุกดี

 

อย่างมันดาราเกะที่เขากำลังเดินอยู่นี่น่าจะเป็นร้านขายสินค้ามือสอง? เพราะฟิกเกอร์ที่เรียงอยู่บนชั้นส่วนมากจะมีแค่ชิ้นเดียว บางกล่องก็มีสภาพเหมือนผ่านการใช้งานมาแล้วอย่างชัดเจน บางกล่องก็เหมือนใหม่ บางกล่องติดราคาไว้ถูกมาก แต่บางกล่องก็แพงอย่างไม่น่าเชื่อ

 

ร่างสูงสง่าเดินตามลูกกระต่ายไปยังชั้นต่างๆ รู้สึกตึกนี้จะมี7-8ชั้นเหมือนกันมั้ง แต่ละชั้นก็แยกสินค้าแต่ละประเภทเอาไว้ มีทั้งชั้นที่เป็นซีดี ดีวีดีทั้งฟลอร์ ชั้นที่เป็นหนังสือการ์ตูน ชั้นที่เป็นโดจินก็มี ชั้นที่เป็นเสื้อผ้า ตุ๊กตา และตอนนี้อาเฟยก็กำลังเดินวนเวียนอยู่ที่ชั้นขายฟิกเกอร์ 

 

เขายืนมองร่างโปร่งที่ยืนอยู่ตรงนี้มาสักพักแล้ว มือบางเดี๋ยวหยิบเดี๋ยววางกล่องฟิกเกอร์นั่นจนเขาสงสัย ท่าทางเหมือนอยากได้แต่ก็ตัดใจไม่เอา เดี๋ยวๆก็หยิบขึ้นมาใหม่?

 

ไม่ซื้อเหรอ?”

 

งื้อ...ถ้าซื้อ...ค่าขนมเฟยต้องไม่พอใช้แน่เลยอ่ะ…”    เจ้าลูกกระต่ายเม้มปาก เขานี่อยากจะรู้จริงๆว่าหม่าม้ากระต่ายให้ค่าขนมเดือนนึงเท่าไหร่กันแน่? ตั้งแต่ค่าแท็กซี่แล้วนะ เอาจริงๆบ้านนี้รวยมากนะ แค่เงินเดือนอาเซียวจ้านก็เทียบเท่าซีอีโอบริษัทใหญ่ๆแล้ว ส่วนฝั่งอาอี้ป๋อยิ่งไม่ต้องพูดถึง ก็เป็นเจ้าของทรัพย์สินของตระกูลหวังร่วมกันกับเขานี่ไง พี่ชายอย่างอี้คุนก็ได้ค่าเหนื่อยจากทีมเฟอร์รารี่อีกไม่รู้ปีละกี่ล้าน

 

แต่ก็อยากได้จังเลยอ่ะ ฟิกสเกลเวอร์ชั่นนี้หายากมากเลยนะ เป็นงานเรซิ่นทำจำนวนจำกัดที่ต้องพรีออเดอร์เท่านั้นด้วยนะ”    ไม่พูดเปล่าดวงตากลมโตยังช้อนขึ้นมามองเขาแบบอ้อนๆด้วย ใบหน้าหล่อเหลาถึงกับถอนหายใจ

 

อยากได้ก็หยิบไปสิ เดี๋ยวชั้นซื้อให้”    เจ้าลูกกระต่ายตัวร้ายเอ้ย ขี้งกก็ที่หนึ่ง แบบนี้ถ้าเป็นคุณนายDaimond crownเมื่อไหร่กิจการเขาคงรุ่งเรืองเพราะเงินทองคงไม่รั่วไหลออกจากบริษัทไปไหนแน่!

 

จริงนะ! อร๊าย ขอบคุณนะครับ!”    ว่าแล้วก็หันไปคว้าตะกร้าทันที...เดี๋ยว...ถึงกับต้องใช้ตะกร้าเลยเร๊อะ?! ไม่ได้จะซื้อแค่ตัวเดียวเร๊อะ!

 

ตัวนั้นก็หายาก ตัวนี้ก็ไม่มีขายแล้ว บลาๆๆ ตะกร้าเดียวไม่พอยังให้เขาช่วยถืออีกตะกร้าด้วยแน่ะ แสบจริงๆเจ้าลูกกระต่ายนี่ เขาก้มหน้าสบตากับเจ้าผู้ชายผมขาวปางต่างๆในตะกร้าที่ถืออยู่ ถึงจะไม่เคยรู้ก็ต้องรู้แล้วว่าหมอนี่ชื่อ โกะโจ ซาโตรุ!

 

1/6 scale Gojo Satoru by T.P.A x Rocket studio , 1/7 scale Gojo Satoru Mappa x Scramble figure by eStream , 1/7 scale Gojo Satoru Mappa Showcase by Mappa , 1/7 scale Gojo Satoru -Mukagen jujutsu- by FuRyu , ARTFX J 1/8 scale Gojo Satoru by Kotobukiya , 1/8 scale Gojo Satoru by MegaHouse , Nendoroid Gojo Satoru by Good smile company , LookUp Gojo Satoru by MegaHouse….

 

อันนี้เขาหลงกลอะไรรึเปล่า? เขาเริ่มจะสงสัยหลังจากส่งเครดิตการ์ดให้พนักงานรูดไป จำนวนเงินที่หายไปนั่นซื้อแหวนเพชรดีๆได้วงนึงเลยนะ!

 

แล้วมันก็ไม่ได้จบแค่ร้านนี้ร้านเดียว เจ้าลูกกระต่ายยังเลี้ยวเข้าอนิเมท , อามิอามิ , โคโตบุกิยะ ,อากิบะคัลเจอร์โซน , เคบุค , เรดิโอไคคัง

 

ถุงที่หอบหิ้วก็มากขึ้นทุกทีๆเพราะฟิกเกอร์พวกนี้กล่องใหญ่กินที่มาก นี่คงเป็นมิติใหม่ของการพาแฟนช็อปปิ้ง...เพราะแทนที่จะเป็นรองเท้า กระเป๋า เสื้อผ้าแบรนด์เนม เขากลับต้องมาคอยหิ้วถุงใส่ของเล่นซะงั้น



โทรให้อาเธอร์เอารถมาให้แล้ว ของเยอะแบบนี้ขึ้นรถไฟกลับไม่ไหวแน่”   เขาเดินกลับมาหาเจ้าลูกกระต่ายหลังจากออกไปโทรศัพท์ ตอนนี้พวกเขาแวะพักขาที่คาเฟ่ชิคๆแห่งหนึ่งบนทางรถไฟใกล้ๆย่านอากิบะ

 

แหะแหะ... แต่เนี่ย ตั้งโกะโจเซนเซย์ไว้ในห้องนะ รับรองว่าวิญญาณคำสาปไม่กล้าเข้ามาทำอะไรเราแน่”    สิ่งศักดิ์สิทธิ์เร๊อะ? ไปบูชาพระมาตั้งไว้ไม่ดีกว่ารึไง? หรือสมัยนี้ผีสางมันหันมากลัวฟิกเกอร์กันแล้ว?? 

 

สั่งอะไรรึยัง?”   มือใหญ่เลื่อนเก้าอี้ก่อนจะนั่งลงฝั่งตรงข้าม

 

เฟยสั่งพาร์เฟ่ แล้วก็สั่งกาแฟให้พี่แล้ว

 

สั่งฮันนี่โทสกับไอศครีมให้พี่ด้วยนะ”    อยากกินเองก็บอกมาเถอะ เขายิ้มให้กับความลูกกระต่ายของอีกฝ่าย

 

แต่ละจานที่พนักงานนำมาเสริฟนั้นถูกตกแต่งอย่างน่าทานสมกับเป็นร้านขนมของญี่ปุ่น เขานั่งเอนหลังพิงพนักเก้าอี้มองเจ้าลูกกระต่ายที่กำลังถ่ายรูปถ้วยพาร์เฟ่ชาเขียวของตัวเองกับจานฮันนี่โทสของเขาอย่างมีความสุข นั่งมองไปเรื่อยๆตั้งแต่มือบางวางโทรศัพท์มือถือลง หยิบช้อนขึ้นมาด้วยดวงตาเป็นประกาย ค่อยๆตักพาร์เฟ่นั่นเข้าปาก ก่อนจะทำหน้าฟินไปถึงดาวอังคาร เขานั่งมองริมฝีปากเจื้อยแจ้วนั่นพูดอะไรไปเรื่อย นั่งมองพาร์เฟ่ที่ค่อยๆลดลง มองใบหน้าสดใสเต็มเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มของเฟยเฟย มองดวงตากลมโตที่หันมาจ้องฮันนี่โทสของเขาที่ยังไม่พร่องลงไปสักนิด มองรอยยิ้มกรุ้มกริ่มของเจ้าตัวดีเมื่อเขาเลื่อนจานฮันนี่โทสนั่นไปให้ มองรอยยิ้มจนตาหยีเมื่อขนมปังแผ่นหนานุ่มชุ่มโชกไปด้วยน้ำผึ้งถูกตักเข้าปากมองความสุขเล็กๆตรงหน้าทว่ากลับยิ่งใหญ่เหลือเกินในใจเขา

 

แค่ได้เห็นอาเฟยมีความสุข เขาก็มีความสุขตามไปด้วยแล้ว

 

มือใหญ่ยกกาแฟขึ้นจิบในขณะที่เอนหลังพิงพนักเก้าอี้ด้วยท่าทางสบายๆเขาทำเหมือนไม่รู้สึกถึงอะไร

 

ทั้งๆที่ความจริงเขารู้ตัวตั้งแต่ออกจากคอนโดแล้วว่ามีใครบางคนกำลังสะกดรอยตามและแอบถ่ายรูปเขากับเฟยเฟยมาตลอดทาง

 

จับตัวมันมาให้ได้”    และนั่นก็คืออีกคำสั่งที่เขาบอกอาเธอร์นอกจากให้เอารถมารับ

 

หมอนั่นไม่น่าจะเป็นนักข่าว เพราะเขาไม่ใช่ดารานักร้อง มาตามปาปารัซซี่นักธุรกิจอย่างเขาไปก็เอาไปเขียนข่าวขายอะไรไม่ได้หรอก จะมีกี่คนสนใจกันว่าเจ้าพ่อวงการค้าเพชรจะไปเดตกับใคร แล้วส่วนใหญ่ก็รู้กันอยู่แล้วด้วยว่าเขาสนิทกับบ้านอาอี้ป๋อ เขาจะไปไหนมาไหนกับน้องชายอย่างหวังเฟยเฟยจึงไม่ใช่เรื่องแปลกเลย

 

ทางที่เป็นไปได้ก็คงมีอยู่แค่อย่างเดียวคู่แข่งทางธุรกิจ

 

ตอนนี้เขายังนึกไม่ออกว่ามันเป็นใคร สะกดรอยตามเขาด้วยเรื่องอะไร ตั้งแต่ก้าวขึ้นมาเป็นนายใหญ่ของDiamond crown ศัตรูของเขาก็มีเต็มไปหมด



 

 

 

 



มือใหญ่เสยเส้นผมที่เปียกลู่ขึ้นไป สายน้ำอุ่นๆจึงกระทบใบหน้าทำให้รู้สึกผ่อนคลายจากความเหนื่อยล้าที่ต้องไปตะลอนทั่วอากิบะมาทั้งวัน

 

ร่างกายผู้ชายที่สมส่วนยืนนิ่งๆให้สายน้ำชำระล้างฟองสบู่ออกไป ถึงจะมาทางสายนักธุรกิจที่ใช้แต่สมอง แต่ด้วยความที่บ้านเขาเป็นแบบนั้นมาทั้งตระกูล คุณปู่จึงเคยบังคับให้เขาเรียนพวกศิลปะการป้องกันตัวแถมยังเคยจับเขาไปฝึกกับพวกทหารด้วย ร่างกายของเขาจึงไม่ได้ผอมแห้งแต่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อแข็งๆที่ผู้ชายด้วยกันยังอิจฉา เขาปล่อยให้สายน้ำไหลลงไปตามกล้ามหน้าท้องที่ขึ้นเป็นซิกแพ็คอย่างชัดเจน ใบหน้าหล่อเหลาอมยิ้มเมื่อนึกถึงวันหนึ่งในฤดูที่ร้อนที่สุดของจีน 

 

มันตรงกับช่วงปิดเทอมไฮสคูลปีสองของเขา ในขณะที่เขากำลังเก็บของเตรียมบินไปอิตาลีอย่างที่เขามักจะไปทุกๆปิดเทอม แต่โทรศัพท์จากคุณปู่ก็ทำให้เขาต้องเปลี่ยนแผนกะทันหันและไปลงที่ปักกิ่งเสียก่อน

 

คุณปู่บอกแค่ว่ามีธุระด่วน

 

และเมื่อเขาเหยียบสนามบินปักกิ่ง เขาก็ถูกคุ้มตัวไปยังค่ายทหารราวกับเป็นผู้ร้ายข้ามแดนยังไงอย่างงั้น  

 

เขาพยายามติดต่ออาอี้ป๋อให้มาช่วย แต่เจ้าอาบ้านั่นกลับบอกแค่ว่านี่คือสิ่งที่ผู้ชายตระกูลหวังทุกคนต้องเจอ ยังไงก็เอาชีวิตรอดมาให้ได้ล่ะหลานรัก~ มันน่านัก!  

 

เขายังไม่ยอมแพ้ด้วยการพยายามติดต่อไปหาพ่อ แต่พ่อเขากลับเห็นดีเห็นงามด้วยซะงั้นทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ไม่ว่าปู่จะพูดอะไรก็ปฏิเสธมาตลอด

 

ตลอดปิดเทอมฤดูร้อนนั้นเขาถูกฝึกโหดยิ่งกว่าทหารเสียอีก จากเด็กไฮสคูลทั่วไปกล้ามก็มาจากไหนไม่รู้เต็มตัว แต่ละวันๆเหนื่อยจนหัวถึงหมอนก็หลับทันที ไม่มีเวลาคิดถึงเรื่องอะไรอีก แม้แต่เจ้าลูกกระต่ายก็ไม่ได้เห็นหน้า นั่นคงเป็นปิดเทอมฤดูร้อนที่ทรมานที่สุดของเขาแล้ว

 

แต่มาถึงตอนนี้ เขากลับนึกขอบคุณความเข้มงวดของคุณปู่ในครั้งนั้น เพราะจุดสูงสุดที่เขายืนอยู่มันอันตรายมากจริงๆ หากเขาป้องกันตัวยังไม่ได้เขาจะไปปกป้องเฟยเฟยได้ยังไง

 

 

แกร่ก!

 

 

เสียงเปิดประตูทำให้เขาหลุดจากความคิดของตัวเอง ใบหน้าที่มีหยดน้ำเกาะพราวหันไปมองผ่านกระจกกั้นห้องอาบน้ำ เฟยเฟย?

 

อ๊ะ?!”    เจ้าลูกกระต่ายที่จู่ๆก็โผล่พรวดเข้ามาถึงกับผงะไป ร่างในชุดนอนฮู้ดหูกระต่ายสีแดงรีบหันหลังควับทันที  อ่าเขาเคยชินกับบ้านที่ไม่มีกลอนล็อคประตูที่แคนาดาของเขา เลยไม่ได้ล็อคห้องน้ำ ส่วนเจ้าลูกกระต่ายก็เคยชินกับการอยู่กับพี่ชายฝาแฝดที่อาบน้ำด้วยกันมาตั้งแต่เกิดเลยเผลอเปิดเข้ามาอย่างเคยตัว

 

ขะขะขะ ขอโทษ เฟยไม่เห็นอะไรเลยนะ! มีน้ำติดเต็มกระจกเลยนะ! แล้วทำไมพี่ไม่ล็อคประตูเนี่ย?!”    เขาเผลอยิ้มเมื่อมองเห็นใบหูที่ค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีแดงจัดของคนที่ยืนหันหลังยุกยิกๆนั่น จุดที่อาเฟยรู้สึกเขินอายเวลาเห็นร่างกายเปลือยเปล่าของเขาแบบนี้มันยิ่งทำให้เขารู้ว่าเขาต่างจากอี้คุนในความรู้สึกของเฟยเฟย

 

ก็ไม่คิดว่าจะมีลูกกระต่ายลามกมาแอบดูชั้นอาบน้ำน่ะสิ”    ริมฝีปากยกยิ้มในขณะที่เอ่ยแซวออกไป

 

คะ ใครแอบดูพี่อาบน้ำ?! ไม่ใช่ซักหน่อย เฟยจะมาเอายางมัดผมต่างหาก!”   เสียงนุ่มแก้ตัวตะกุกตะกัก สีแดงลุกลามไปจนถึงลำคอแล้วน่ะ

 

ยางมัดผม?”   ดวงตาคมกล้าเหลือบมองไปที่ชั้นวางแชมพูก่อนจะเห็นยางมัดผมรูปกระต่ายสีแดงห้อยอยู่ที่ขวดครีมอาบน้ำ เจ้านี่เองสินะ

 

มือใหญ่ปิดก๊อกฝักบัวทำให้เสียงน้ำที่เคยไหลซ่าๆหยุดลงเหลือเพียงเสียงติ๋งๆของหยดน้ำที่ไหลลงจากตัวเขายามก้าวเดินออกมาจากห้องอาบน้ำ ยางมัดผมถูกหยิบติดมือมาด้วย ส่วนคนที่ยืนหันหลังให้ก็ยิ่งเกร็งไหล่เพราะคงเดาความเคลื่อนไหวของเขาได้จากเสียงที่ก้องอยู่ในห้องน้ำแค่นี้

 

ใบหน้าแดงจัดค่อยๆช้อนสายตาขึ้นมองเงาสะท้อนในกระจกเขาผู้มีเพียงร่างกายเปลือยเปล่าขยับไปยืนซ้อนอยู่ข้างหลังร่างโปร่งทำให้ใบหน้ามนยิ่งลนลาน ถึงจะไม่ได้มองเห็นทั้งหมดเพราะตัวเองยืนบังอยู่แต่เจ้าลูกกระต่ายขี้อายก็ถึงกับทำอะไรไม่ถูกเพราะเพิ่งเคยเห็นเขาแบบเปลือยๆเป็นครั้งแรก

 

อยู่นิ่งๆ”    เสียงทุ้มที่จงใจใส่จังหวะหายใจให้เซ็กซี่กระซิบลงที่ใบหูบาง ใบหน้าที่แดงมากอยู่แล้วยิ่งแดงหนักขึ้นไปอีก ไหล่บางห่อเกร็ง ดวงตาคู่โตก็หลับปี๋ เขาถึงกับหัวเราะในลำคออย่างเอ็นดู

 

“........”   ฝ่ามือที่ยังไม่แห้งดียกขึ้นก่อนจะรวบกระจุกผมหน้าม้าของเฟยเฟยด้วยความนุ่มนวล มืออีกข้างก็กางยางมัดผมก่อนจะค่อยๆมัดให้ กล้ามอกแข็งๆบางส่วนสัมผัสโดนแผ่นหลังบางจนเจ้าของร่างถึงกับสะดุ้งน้อยๆ จะถอยหนีก็ไม่ได้เพราะผมสีดำกำลังถูกมัดให้อยู่ ไอร้อนและลมหายใจอุ่นๆคลอเคลียอยู่กับต้นคอขาวจนเจ้าลูกกระต่ายแทบจะแดงไปทั้งตัว  กลิ่นแชมพูและครีมอาบน้ำผสมกับกลิ่นกายสดๆใหม่ๆยิ่งทำให้คนที่ถูกท่อนแขนแข็งแรงโอบล้อมไว้เริ่มตาลาย

 

เขาเหลือบมองภาพในกระจกเงาด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ และทุกครั้งที่ดวงตากลมโตเผลอช้อนมองขึ้นมาสบตากับเขา มันก็ต้องรีบผลุบไปมองทางอื่นอย่างเขินอายน่ารักจริงๆ

 

ริมฝีปากค่อยๆขยับเข้าไปหาแก้มใสอย่างเชื่องช้า ใช้ลมหายใจเข้าไปคลอเคลียก่อนราวกับจะขออนุญาติ

 

และเมื่ออีกฝ่ายไม่มีทีท่าว่าจะผลักไสเขาออกมา

 

กลีบปากของเขาก็ค่อยๆจรดกดจูบแก้มใสอย่างนุ่มนวล

 

สองแขนแข็งแกร่งละจากกลุ่มผมสีดำแล้วรวบลำตัวบางเข้ามา จนแผ่นหลังของอาเฟยแทบจะจมหายลงไปในแผ่นอกของเขา

 

ตอนนี้...ระหว่างร่างกายของเรามีเพียงเสื้อฮู้ดสีแดงกั้นเท่านั้น

 

ริมฝีปากละจากจุดเดิมก่อนจะกดจูบไปทั่วแก้มใส 

 

กลิ่นของลูกกระต่ายทำให้รู้สึกหน้ามืดตามัวจนเผลอสอดมือเข้าไปใต้เสื้อสีแดง

 

อ่า

 

 

ไม่อยากจะหยุดแค่นี้เลยจริงๆ

 

 

เสร็จแล้ว”    เสียงทุ้มทำให้คนที่ยืนหลับตาอย่างเคลิบเคลิ้มไปกับรสสัมผัสที่แสนอ่อนโยนเบิกตาโพลงขึ้นมา แล้วยิ่งดวงตากลมโตคู่นั้นมองเห็นว่าเขากำลังอมยิ้มน้อยๆอยู่ในกระจกเงา เจ้าตัวยิ่งเลิ่กลั่กไปใหญ่ มือบางรีบตะครุบไปที่จุกหน้าม้าหลังจากพบว่ามันถูกมัดไว้อย่างเรียบร้อย

 

งะ งื้อ! เสร็จแล้วก็ถอยไปสิ!”    เจ้าลูกกระต่ายขี้อายรีบแหวกอ้อมแขนของเขาก่อนจะรีบวิ่งพรวดพราดออกไปจากห้องน้ำ

 

เขามองตามแผ่นหลังสีแดงนั่นไปอย่างพยายามสะกดกลั้นอารมณ์เต็มที่

 

"......"    ใบหน้าหล่อเหลาก้มมองหว่างขาของตัวเองด้วยสายตาเรียบเฉย...ต้องจัดการจนได้สินะ...

 

 

 

 

 

 

 

หวังอี้หยางเดินออกจากห้องน้ำมาก็เห็นว่าเจ้าลูกกระต่ายได้นอนคลุมโปงหนีเป็นที่เรียบร้อย

 

แต่ที่เขารู้ว่าอีกฝ่ายยังไม่หลับก็เพราะว่าผ้าห่มนั่นขยุกขยิกอยู่ตลอดเวลา เขาทอดสายตามองเจ้าก้อนกระต่ายด้วยความเอ็นดู

 

ร่างในชุดนอนสีดำนั่งลงไปทำให้เตียงยุบยวบ เขาจงใจขยับไปชนก้อนโปงผ้าห่มเพื่อให้รู้ว่าเขานั่งอยู่ข้างๆ และเขาก็รู้ด้วยว่าจะล่อลูกกระต่ายขี้อายออกมาจากโพรงได้ยังไง

 

-ปิ๊บ-

 

มือใหญ่กดรีโมทเพื่อเปิดโทรทัศน์ เสียงผู้บรรยายของรายการแข่งขันฟอร์มูล่าวัน สนามบราซิลดังขึ้นทันที

 

 

[ไฟเขียวแล้วครับ ตอนนี้พิตเลนเปิดแล้ว เป็นอันว่าการควอลิฟายใน Q1 ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว~]

 

 

ดวงตาคมกล้าเหลือบมองโปงผ้าห่มที่เริ่มมีการเคลื่อนไหว เจ้าลูกกระต่ายค่อยๆโผล่หัวสีดำออกมานิดๆ...ได้ผลจริงๆด้วยแหะ

 

 

[แต่ฟ้าครึ้มมากเลยครับ พยากรณ์อากาศบอกว่าจะมีฝนในอีก10นาที ตอนนี้รถของทุกทีมจึงต้องรีบออกมาวิ่งจับเวลา โอ้ เรียงแถวกันขนาดนี้คงติดการจราจรแน่นอนเลยครับ แต่ก็ยังดีกว่าวิ่งตอนฝนตกนะครับ]

 

 

"ห๊ะ?! ฝนจะตกเหรอ?!"   คราวนี้เจ้าลูกกระต่ายถึงกับเด้งพรวดออกมาจากโปงผ้าห่มจนเขาแอบขำ ความกระต่ายตื่นตูมนี่ไม่แพ้ใครเลยจริงๆ

 

"อี้คุนออกมารึยังเนี่ย? พี่เห็นไหม?"   ใบหน้าใสหันมาถาม ความอายหายเป็นปลิดทิ้งเชียวนะ

 

"ออกไปแล้ว วิ่งอยู่คันแรกเลย เรื่องพยากรณ์อากาศไม่ใช่ว่าทีมเฟอร์รารี่จะดีกว่าใครรึไง?"   เพราะมีปัญหากับแทรคเปียกมาตลอดนั่นแหละเลยต้องอุดด้วยทางอื่น ทั้งข้อมูลเรื่องฟ้าฝนที่เหมือนจ้างคนคอยรายงานอยู่รอบสนาม ทั้งคุณไสยปักตะไคร้สารพัด...

 

แล้วก็เป็นอย่างที่ผู้บรรยายบอก แต่ละทีมออกมาวิ่งจับเวลาได้แค่รอบสองรอบฝนก็เทลงมาอย่างหนักจนต้องหยุดควอลิฟายชั่วคราว 

 

เวลาของหวังอี้คุนแห่งทีมเฟอร์รารี่จึงดีที่สุดในกริดณ.ตอนนี้

 

สิบนาทีผ่านไปก็แล้ว...ครึ่งชั่วโมงก็แล้ว...แต่ตอนนี้ภาพหน้าจอการถ่ายทอดสดกลับเป็นพวกทีมวิศวกรว่างงานที่หาทำเรือแข่งกันแทนที่จะเป็นรถF1!”…ก็นะ... พิตเลนที่กลายสภาพเป็นคลองอย่างดีจะให้พวกอยู่ไม่สุขนี่อยู่เฉยๆก็คงไม่ได้ หน้าพิตการาจแต่ละทีมจึงมีตั้งแต่เรือขวดพลาสติก เรือเศษอะไหล่ ไปจนถึงเรือเป็ด(?)ลอยอยู่เต็ม

 

แล้วการหยุดควอลิฟายชั่วคราวก็ไม่ได้ทำให้เดือดร้อนแค่คนในสนาม...ทางนี้เองก็กำลังแย่แล้วเหมือนกัน

 

เจ้าลูกกระต่ายนั่งสัปหงกโงนเงนพิงหัวเตียงอยู่ข้างๆ ไหล่หนารับรู้ถึงน้ำหนักที่เอนมาซบจึงทำให้เขาละสายตาจากแฟ้มเอกสารขึ้นมามอง

 

หลับแล้ว?

 

ดวงตากลมโตที่หลับพริ้มทำให้เขาอมยิ้ม...สงสัยวันนี้จะเดินจนเหนื่อย

 

เขาปล่อยให้ใบหน้ามนซบไหล่เขาต่อไป การอยู่ใกล้ๆจนรู้สึกถึงไออุ่นของกันและกันแบบนี้มันทำให้เขารู้สึกดี

 

แฟ้มเอกสารถูกอ่านจนหมดและเขาคงจะอยู่อย่างนั้นต่อถ้าไม่ต้องออกไปทำธุระบางอย่าง

 

ดวงตาคมกล้าเหลือบมองนาฬิกาอย่างช่วยไม่ได้ คงได้เวลาแล้วสินะ?

 

มือใหญ่ค่อยๆช้อนหัวและลำตัวบางให้นอนลงดีๆ ผ้าห่มถูกดึงมาคลุมให้เรียบร้อย ก่อนที่ริมฝีปากร้อนจะจุมพิตลงบนหน้าผากใสแผ่วเบา

 

"เดี๋ยวชั้นมานะ"   

 

ร่างสูงสง่าลุกขึ้นไปเปลี่ยนชุดนอนก่อนจะเดินออกมารับเสื้อโค้ทเข้ารูปสีดำจากเลขาที่ยืนรออยู่แล้ว

 

"นายอยู่กับเฟยเฟยที่นี่แหละ ทางนั้นเดี๋ยวผมจัดการเอง"   เขาเอ่ยบอกกับอาเธอร์ก่อนจะเดินออกจากห้องไปในยามวิกาล




 

 

 



เมอร์ซิเดสเบนซ์สีดำจำนวน3คันพุ่งทะยานจากคอนโดย่านมารุโนะอุจิสู่อ่าวโตเกียว ก่อนที่ทั้งหมดจะจอดลงหน้าโกดังแห่งหนึ่งซึ่งเช่าไว้ในนามของตระกูลหวัง ไม่ใช่Diamond crown

 

ท่าเรือขนส่งสินค้าขนาดใหญ่แห่งนี้ไม่เคยหลับใหล เพราะมีตู้คอนเทรนเนอร์นับหมื่นนับแสนถูกเคลื่อนย้ายอยู่ตลอดเวลาทำให้ไม่ว่าเสียงอะไรก็ถูกกลบได้อย่างง่ายดาย

 

รวมถึงเสียงร้องโหยหวนขอชีวิตนี่ก็ด้วย

 

ประตูโกดังที่แทบไม่ต่างจากโกดังร้างถูกเปิดออก เหล่าชายฉกรรจ์ที่มีรอยสักอยู่บนแขนขวาต่างแหวกทางให้ร่างสูงสง่าซึ่งสวมโค้ทสีดำเดินเข้าไปในจุดที่มีใครบางคนถูกมัดอยู่กับเก้าอี้

 

นายใหญ่ของDiamond crown ทอดสายตามองใบหน้าบวมปูดที่คงจะถูกซ้อมให้สารภาพมาตั้งแต่เมื่อเย็น เสียงร้องเงียบไปเพราะดูเหมือนอีกฝ่ายจะสลบไปแล้ว

 

ยอมพูดรึยัง?”

 

ครับ หมอนี่เป็นแค่นักสืบที่ทำงานตามที่ว่าจ้างมาเท่านั้นครับ

 

ใครเป็นคนจ้างมา

 

แก๊งค้ายาของเม็กซิโกครับ”   …..เกี่ยวกับเหมืองฮาเอลสินะ?

 

พวกนั้นจ้างให้นักสืบคนนี้ตามดูชีวิตประจำวันของนายครับ เพราะอยากรู้ว่าจะมีอะไรที่ใช้ต่อรองเรื่องการซื้อเหมือง Hael ได้บ้างน่ะครับ”    ใบหน้าหล่อเหลาเหยียดมองชายที่ถูกซ้อมจนไม่เหลือเค้าเดิมด้วยแววตามืดมนพวกนั้นก็เริ่มลงมือแล้วสินะ? ไม่ได้มีแต่เขาฝ่ายเดียวที่เริ่มทำอะไรบางอย่างเพื่อให้ได้เหมืองเพชรสีน้ำเงินมาไว้ในกำมือสินะ

 

ใช้ประโยชน์จากหมอนี่ซะ ให้มันส่งข้อมูลของผมต่อไป เฉพาะเรื่องที่เราอยากให้พวกมันรู้”    เพราะถ้าจู่ๆหมอนี่หายตัวไป พวกนั้นต้องรู้แน่ว่าโดนเขาจับได้ แล้วก็คงจะสรรหาทางใหม่มาก่อกวนเขาอยู่ดี ซึ่งมันน่ารำคาญ

 

ครับนาย

 

แล้วก็เอารูปและเรื่องของเฟยเฟยออกให้หมด คงรู้ใช่ไหม? ว่าถ้าเฟยเฟยเป็นอันตรายขึ้นมาพวกนายจะโดนอะไร?”   เสียงทุ้มเอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก ไม่มีใครใน Diamond crown ที่ไม่รู้ว่าหวังเฟยเฟยมีความสำคัญขนาดไหน

 

ครับนาย…”

 

ชายเสื้อโค้ทโบกสะบัดไปตามจังหวะการก้าวเดิน ลมทะเลเย็นๆพัดมาปะทะใบหน้า อันที่จริงเขาก็อยากจะใช้การเจรจาด้วยสันติอยู่หรอกเพราะเขาเบื่อที่จะต้องรบรากับแก๊งผู้มีอิทธิพลแล้ว

 

แต่ถ้าอีกฝ่ายคิดจะแตะต้องเพชรแห่งหัวใจของเขามันก็อีกเรื่อง



 

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

 

520 N.

To be con.



โอ้โห หายไปนานมากเลยเรื่องนี้55555 //ยังมีหน้ามาหัวเราะถถถ 

 

จริงๆก็ไม่ได้ไปไหนไกล แต่แว่บไปปั่น juunana sai ของป๋อจ้านอีกเรื่องนึงอยู่ค่ะ ลงจนถึงตอน10แระ เรียกได้ว่าปิดคดีฆาตกรรมในโรงไคจิแล้วแหละ เหลือบทสรุปอีกตอนนึง555 ใครสนใจฟิคพีเรียดญี่ปุ่นยุคไทโชแนวสืบสวนสอบสวนก็เชิญอ่านล่ายน้า ป๋อเป็นตำหนวดที่ไปสืบคดีฆาตกรรมในโรงเรียนประจำชายล้วนที่พี่จ้านเรียนอยู่ค่ะ =////= พระนายก็คือจีบกันชวนตัวบิดตัวงอมากเรื่องนั้น >////<

 

แล้วก็จากคอมเม้นต์ของตอนที่แล้วก็มีคนถามมาค่ะว่าฟิคตอนนี้เกิดก่อนหรือหลังตอนที่ไปกักตัวโควิดอยู่ที่แคนาดา จริงๆตอนญี่ปุ่นนี่เกิดทีหลังค่ะ ตอนโควิดที่แคนาดานั่นเฟยเฟยยังอยู่ปีสองอยู่ค่ะ  แต่ตอนญี่ปุ่นนี่จบปีสามแล้วกำลังจะขึ้นปีสี่ ^ ^ ต้องขออภัยในความสับสนนี้555 ด้วยความที่ไม่ใช่เนื้อเรื่องหลักก็เลยแบบ นึกอะไรออกก็เขียนเลย ^ ^” ช่วงเวลามันเลยสลับๆกันไปมา ยังไงเดี๋ยวเรียงไทม์ไลน์ของตอนพิเศษให้นะคะ 

 

1.จะรักตลอดไป (ป๋อจ้าน ยังไม่มีลูก)

2.ผีเสื้อสีรุ้ง **ยังไม่ได้ลง** (ป๋อจ้าน ยังไม่มีลูก)

3.520 bpm.[again] (เน้นป๋อจ้าน เด็กแฝดอายุ 8 ปี)  การดูแลลูกๆของพ่อสิงโต

4.520 bpm. (เน้นป๋อจ้าน เด็กแฝดอายุ 13 ปี)  การดูแลลูกๆของแม่กระต่าย

5.520 carat. (เน้นอี้หยาง เด็กแฝดอายุ15ปี)  อี้หยางกับเฟยเฟยที่ไปแข่งฟิสิกส์โอลิมปิกที่แคนาดา

6.520 km/hr. (เน้นอี้คุน เด็กแฝดอายุ17ปี)  อี้คุนกับเฟยเฟย ชีวิตประจำวันของเด็กแฝด

7.520 km/hr.[again] **ยังไม่ได้ลง** (เน้นอี้คุน เด็กแฝดอายุ 18ปี)  อี้คุนกับการขับรถ F1 ของเฟอร์รารี่ครั้งแรก

8.520 N. (เน้นเฟยเฟย เด็กแฝดอายุ 19ปี)  เรื่องเล่าผ่านภาพถ่ายของเฟยเฟย

9.520 carat.[again]  (เน้นอี้หยาง เด็กแฝดอายุ20ปี) อี้หยางกับเฟยเฟยกักตัวช่วงโควิดอยู่ที่แคนาดา

10.520 N.[again] (เน้นเฟยเฟย เด็กแฝดอายุ 22ปี) อี้หยางกับเฟยเฟยที่ไปฝึกงานที่ญี่ปุ่น

 

ทีนี้จะมาพูดถึงชื่อของตอน 520 กันหน่อย ก็จะเห็นว่าที่ต่อท้าย 520 ทั้งหมดคือหน่วย ซึ่งแต่ละหน่วยก็จะสื่อถึงคนที่เน้นในตอนนั้นๆ

 

520 carat.  กะรัตก็คือหน่วยของเพชร เพราะงั้นจึงเป็นตอนที่เน้นเรื่องราวของหวังอี้หยางที่เป็นเจ้าพ่อวงการค้าเพชร

520 km/hr. กิโลเมตรต่อชั่วโมงคือหน่วยของความเร็ว เพราะงั้นจึงเป็นตอนที่เน้นเรื่องราวของหวังอี้คุนที่เป็นนักแข่งรถ

520 N.  นิวตันคือหน่วยของแรง  เพราะงั้นจึงเป็นตอนที่เน้นเรื่องราวของหวังเฟยเฟยที่เก่งฟิสิกส์รวมถึงพวกการออกแบบรถ

520 bpm.  beats per minuteคือหน่วยของอัตราการเต้นของหัวใจ เพราะงั้นจึงเป็นตอนที่เน้นเรื่องราวของป๋อจ้านที่จะสื่อถึงความรักของพวกเขาสองคน

 

อห.ตอนพิเศษนี่แทบจะรวมได้อีกเล่มนึงแล้วไหม555 อยู่ๆก็มีถึง10ตอนซะงั้น แถมบางตอนยังมีไม่ต่ำกว่า5พาร์ท =[ ]= แต่มันแบบ...เวลาเจออะไรน่าสนใจก็อยากเอามาเขียนอ่ะแง๊ จริงๆเรื่องของอี้คุนกับแก๊งเพื่อนเลวนี่ก็อยากแต่ง orz…

 

ยะ ยังไงก็ขอบคุณที่ยังตามอ่านกันอยู่นะค้า ขอบคุณทุกๆคอมเม้นต์ทุกๆหัวใจทุกๆการโดเนทมากๆๆค่า แล้วเจอกันตอนหน้าน้า

 

ปล.ถ้ำเสือที่พูดถึงในฟิคตอนนี้ก็คือร้าน Tora no ana ค่ะ เผื่อใครอยากไปแสวงบุญ(?) กร๊ากกกก

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น