ป๋อจ้าน Au.Fic [หวังอี้ป๋อ x เซียวจ้าน] GLIDE : 2x4 It’s me :
520 N. again [Part3]
:
ป๋อจ้าน Fanfiction Au
:
หวังอี้ป๋อ x เซียวจ้าน
:
Romantic
:
NC-17
คำเตือน :
เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย
หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ
: เนื้อเรื่องต่อไปนี้เป็นเพียงจินตนาการของผู้เขียน
ไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นจริงนะคะ
: ข้อมูลจะไม่แน่นเท่า GLIDE
ภาคก่อนๆนะคะ เพราะภาคนี้ข้ามมา 2 ล้อ ตรูขี้เกียจหาข้อมูลฝั่ง Moto
GP โฟ้ยยยย // โดนตบด้วยหมวกกันน็อค
GLIDE
: 2x4 It’s me : Special Episode :
“520 นิวตัน”
.
.
.
ดวงตากลมโตค่อยๆเปิดขึ้นมาด้วยความมึนเบลอ
ห้องที่สว่างจ้าบ่งบอกให้รู้ว่าเริ่มเช้าแล้ว
เมื่อคืน...หลับไปตั้งแต่ตอนไหนนะ?
ร่างกายรู้สึกเบาตัวแต่ก็ล้าๆเล็กน้อย...อืม...มันยังไงกันนะ?
หัวสมองที่ยังล่องลอยกำลังค่อยๆเรียกความทรงจำกลับคืนมา
แล้วเมื่อสายตาปรับโฟกัสได้...
ใบหน้าของพี่ชายต่างสายเลือดที่นอนหนุนอยู่บนหมอนเดียวกันก็ทำให้นึกออกทุกอย่าง
"...!!!"
มือบางยกขึ้นมาอุดปากเพื่อไม่ให้เผลอร้องตะโกนออกไป
ดวงตากลมโตเบิกกว้างมองหน้าคนที่ยังหลับใหลอย่างตกอกตกใจ
ความทรงจำของเมื่อคืนนี้ไหลเข้าหัวราวกับน้ำตก
หัวใจดวงน้อยเต้นกระหน่ำและก่อนที่มันจะไปปลุกอีกฝ่ายเข้า
ร่างโปร่งบางก็รีบพลิกตัวหันไปอีกฝั่ง
มะ
เมื่อคืนนี้...พวกเราสองคนทำ....ทำ……
"อื้อ~~~" มือบางตลบหมอนขึ้นมาปิดหัวก่อนจะส่งเสียงอื้อๆอยู่ในนั้น
หน้าเน้อร้อนเป็นไฟไปหมดเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
แล้วก็ไม่ใช่ความฝันแน่ๆ
หลักฐานคือพี่อี้หยางที่นอนหลับอยู่ข้างๆนี่ไง! ปกติเคยยอมนอนข้างเขาเสียที่ไหน!
แง๊~ แย่แล้ว!
ยังไม่ได้แต่งงานกันเลยจะทำเรื่องแบบนี้ได้ยังไง?! เกิดเขาท้องก่อนแต่งขึ้นมาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?!
หม่าม้าต้องตีเขาตายแน่ๆเลย แง๊
ลูกกระต่ายดิ้นไปดิ้นมาอยู่ใต้หมอนอย่างคิดไปก่อนห้าปี
แถมยังเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้อีกต่างหาก…
ดวงตากลมโตมองไปที่ฝ่ามือของตัวเอง...ยังจำความรู้สึกตอนที่สัมผัสมันได้อยู่เลย…
เจ้าสิงโตตัวนั้นร้อนมาก...ดูดุร้ายหิวกระหายมากๆ...ตัวก็ใหญ่มาก…...น้ำลายก็...เยอะมาก…….
อ๊าาาาา~~
ใบหน้ามนซุกหน้าร้อนๆลงกับหมอน
เขายังจำภาพที่น้ำสีขาวขุ่นนั่นไหลเลอะอยู่บนฝ่ามือได้อยู่เลย~ ยังจำกลิ่นจำอุณหภูมิอุ่นๆของมันได้อยู่เลย
งื้อ~~
"เจ้าลูกกระต่ายลามก" จู่ๆก็มีเสียงทุ้มมากระซิบข้างใบหู
ใบหน้ามนผงะน้อยๆแล้วเงยจากหมอน
ก่อนที่เอวบางจะถูกดึงเข้าไปกอดจากคนที่นอนอยู่ข้างหลัง
เรี่ยวแรงที่เยอะกว่าเขามากทำให้ถูกกักขังไว้ในอ้อมแขนแข็งแกร่งอย่างง่ายดาย
"เอ๊ะ?" เขาจะหันไปมองแต่กลับเจอกลุ่มผมสีดำซบซุกลงมาที่บ่า
พี่อี้หยางกอดเขาจนแทบจะจมอก หัวใจดวงน้อยเต้นตึกตักๆ ดวงตากรอกไปมาเลิ่กลั่ก
"หูแดงเชียว คิดเรื่องไม่ดีอยู่ล่ะสิ?" เสียงทุ้มที่เพิ่งตื่นนอนนั้นเซ็กซี่มาก
มันขึ้นจมูกนิดๆ งัวเงียหน่อยๆ เป็นหวังอี้หยางในมุมที่เขาไม่เคยเห็นแต่ก็ทำเอาใจสั่นยิ่งกว่าเดิม
"ปะ เปล่าคิดอะไรซักหน่อย…" เสียงใสแก้ตัวงึมงำๆ
แต่คนข้างหลังก็ดูเหมือนจะนิ่งไป หลับต่อเหรอ?
ใบหน้ามนค่อยๆหันไปมอง
ใบหน้าหล่อเหลาหลับซบอยู่ที่ไหล่เขาจริงๆ
เป็นภาพที่หายาก
เป็นภาพที่ทำให้อดอมยิ้มไม่ได้ เจ้าพ่อวงการค้าเพชรที่ดูสูงส่งราวกับเจ้าชาย
ดูดุดันเลือดเย็นเหมือนพวกมาเฟีย ก็มีช่วงเวลาที่งัวเงียไม่อยากตื่นแบบนี้ด้วย
เขาปล่อยตัวปล่อยใจอยู่ในอ้อมแขนนั้นต่อไป...เมื่อคืนนี้...พี่อี้หยางก็ทำให้เขาในห้องน้ำเหมือนกัน…
แค่นึกถึงก็ทำตัวไม่ถูกแล้ว
เขาไม่ค่อยประสีประสาเรื่องแบบนี้เพราะตัวเองก็ไม่ได้สนใจแถมคนทั้งบ้านยังพยายามกันเขาให้อยู่ห่างจากเรื่องพวกนี้…สิ่งที่พี่อี้หยางทำกับเขาเมื่อคืน…มันจึงเหมือนกับเปิดโลกใบใหม่ที่เขาไม่เคยรู้จัก…
ถึงเขาแทบจะจำอะไรไม่ได้
ริมฝีปากและเรียวลิ้นที่ร้ายกาจนั่นมันกลืนกินเขาเข้าไปทั้งตัว ทำให้เขาแทบคลั่ง
มันโอบรัด มันสัมผัส มันกักขังรีดเร้นจนหัวเขาขาวโพลนไปหมด
เริ่มจากความรู้สึกแปลกประหลาด
จากนั้นในท้องน้อยก็ค่อยๆเริ่มปั่นป่วนไปหมด เหมือนมีอะไรบินวนอยู่ข้างใน
รู้สึกสุขสมจนแทบจะขาดใจ เขาไม่เคยรู้จักกับความรู้สึกแบบนี้มาก่อนเลย…
มันดีมาก
ดีจนแทบเสียสติ เขาจำได้แค่นั้น…
ใบหน้ามนตวัดขวับกลับไปมองหน้าคนที่หลับอยู่บนบ่า...แล้วสายตาก็ไปหยุดอยู่ริมฝีปาก…
ริมฝีปากบางๆนั่นสินะ
ที่ทำให้เขา……
"งื้ออออ" ใบหน้ามนหันกลับมาซุกหน้าร้อนๆลงไปบนท่อนแขนที่กอดคอเขาอยู่
คนลามกน่ะมันพี่ต่างหาก! อ๊า~~
“นี่แค่เริ่มต้นเท่านั้น…และชั้น…จะทำไปจนสุดทางแน่นอน…วันนี้…เอาเท่านี้ก่อนก็แล้วกัน
เฟยเฟย”
เสียงทุ้มที่มั่นคงและตรงไปตรงมานั่นพูดกับเขาคละเคล้าไปกับเสียงหอบหายใจอันหนักหน่วง
สติที่เลื่อนลอยหลังจากปลดปล่อยทำให้ทุกอย่างมึนเบลอไปหมด เขากลับมานอนที่เตียงได้ยังไงก็จำไม่ได้เลย
นี่แค่…เริ่มต้นเองเหรอ…แล้วสุดทางมันคือยังไง?...
ไม่สิ…ที่เขาเขินจนจะเป็นบ้าก็เพราะพี่อี้หยางเริ่มลงมือแล้วต่างหาก…ที่ผ่านมา…ทำแค่เฝ้ามองเขาอย่างเดียวแท้ๆ
จากนี้…จะเป็นยังไงกันนะ
อ๊า~ บ้าจริง~
หน้าร้อนไปหมดแล้วเนี่ย~~
กว่าหวังเฟยเฟยจะหายเขินอายได้ก็ผ่านไปหลายนาที...ว่าแต่
กี่โมงแล้วเนี่ย?
มือบางพยายามเอื้อมไปคว้าโทรศัพท์บนโต๊ะข้างเตียง
แต่สิงโตตัวใหญ่ที่เกาะหลังเขาอยู่นี่ก็ทำให้เอื้อมไม่ถึงสักที
สภาพเขาตอนนี้จึงไม่ต่างจากกระต่ายตัวเล็กๆที่โดนสิงโตหลับทับเอาไว้ ต่อให้ยืดแขนยืดขาดิ้นไปดิ้นมายังไงก็ยังออกไปจากใต้ร่างนี้ไม่ได้อยู่ดี
ฮึบ~ ปลายนิ้วยืดจนสุดก่อนจะพยายามเขี่ยๆโทรศัพท์ให้ขยับเข้ามา
กว่าจะหยิบมันได้ก็เล่นเอาเหนื่อยแบบที่ไม่น่าจะเหนื่อยเลยแท้ๆ
งื้อ!
ทำไมหนักแล้วก็แรงเยอะแบบนี้เนี่ย! ฟันกระต่ายแยกใส่คนหลับอย่างหมั่นไส้
ปลายนิ้วไถหน้าจอโทรศัพท์ไปเรื่อยหลังจากดูเวลาแล้วยังเช้าอยู่มาก
เขาจะเริ่มไปฝึกงานอีกทีก็วันจันทร์หน้า วันนี้จึงว่างสุดๆ
อ่ะ
เมื่อคืนเลยไม่ได้ดูอี้คุนซ้อมเลย แต่เหมือนเวลาจะดีอยู่นะเนี่ย~ ดวงตากลมโตมองผ่านอันดับการซ้อมรอบ1และ2 ของ F1 เมื่อคืน
"อ๊ะ!" แต่แล้วปลายนิ้วก็ถึงกับหยุดกึ่กเมื่อไถไปเจอข้อมูลบางอย่างในไอจีคนที่ตามอยู่
หญิงสาวคนนั้นกำลังโชว์พวงกุญแจสุดแรร์ไอเท็มที่หาไม่ได้แล้วในต่างประเทศ
พร้อมแคปชั่นที่ว่า 'เจอที่ถ้ำเสือ อากิบะจ้ะ' เท่านั้นแหละ วิญญาณติ่งก็เข้าสิงทันที!
"อ๊าาา!! จะไปอากิบะ!!!" เจ้าลูกกระต่ายแหกปากดังลั่นจนคนหลับสะดุ้งโหยงลุกขึ้นมานั่งอย่างนึกว่ามีไฟไหม้
หวังอี้หยางที่ยังไม่ตื่นดีมองตามร่างโปร่งบางที่ลุกพรวดพราดออกจากเตียงอย่างมึนงง
"เกิดอะไรขึ้น?...." นายใหญ่ของ Diamond
crown ปิดปากหาวหวอดเมื่อมองดีแล้วว่าไม่ได้มีไฟไหม้
มีแต่เจ้าลูกกระต่ายตื่นตูมอยู่ตัวเดียวนี่แหละ
"พี่ก็ลุกเร็วเข้า ไปเป็นเพื่อนเฟยหน่อย" ร่างบางวิ่งวนหยิบเสื้อผ้าบ้างครีมทาหน้าบ้างเข้าไปในห้องน้ำ
"ไปไหน?"
"อากิบะ!"
หนึ่งชั่วโมงผ่านไป
จู่ๆนายใหญ่แห่ง Diamond
crown ก็ถูกลากมายืนอึ้งอยู่หน้าสถานีโตเกียวซะงั้น…
หวังอี้หยางในชุดคอเต่าเสื้อโค้ท
all
black ยืนโดดเด่นอยู่หน้าสถาปัตยกรรมสไตล์ยุโรปเก่าแก่ของอาคารสถานีรถไฟที่คลาสสิคที่สุดในญี่ปุ่น
ใครเห็นก็คงคิดว่าถ่ายแบบอยู่แน่ๆ
ยกเว้นก็แต่ผู้ชายเท่ห์ๆคนนั้นกำลังเดินตามลูกกระต่ายตัวหนึ่งเข้าไปในอาคารต่างหาก
"เฟยเฟย...ขับรถไปไม่ดีกว่าเหรอ…" เสียงทุ้มถามย้ำให้แน่ใจอีกครั้งหลังจากได้เห็นตารางดิจิตัลยาวพรืดที่ขึ้นเลขขบวนรถไฟที่กำลังจะออกจากสถานีนี้
ความถี่นี้มันอะไรกัน? มีรถออกจากที่นี่ทุกๆนาทีเลยรึไง?
ไม่จริงน่า…
บอกตามตรงนะ
แม้แต่ที่แคนาดาเขายังไม่เคยขึ้นรถไฟเลย แล้วนี่คือสถานีโตเกียว
สถานีที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น มีรถไฟเข้าออกกว่า4,000ขบวนต่อวัน มี20กว่าชานชลา
มีตั้งแต่รถไฟความเร็วสูงที่วิ่งระหว่างเมืองอย่างชินคันเซ็นและลิมิเต็ดเอ็กเพรส
รถไฟโลคอลที่วิ่งรอบโตเกียว รถไฟจากสนามบิน ยันรถไฟใต้ดิน ต่อให้เป็นหวังอี้หยางก็ยากที่จะรับมือ
"ก็หมอนั่น! อืม ชื่ออะไรนะ? ลืมแล้ว
คนที่ฝึกงานด้วยกันน่ะ! บอกเฟยมาว่าถ้าไม่เคยขึ้นรถไฟแล้วจะออกแบบได้ไง? ไหนๆก็จะไปอากิบะแล้ว เรานั่งรถไฟไปกันเถอะนะ" เจ้าลูกกระต่ายหันมาตอบ ….ไว้วันจันทร์ช่วยไปจำชื่อหมอนั่นมาทีนะ
เขาจะไปเก็บมันเอง โทษฐานพูดอะไรให้เดือดร้อนกันทั้งบ้าน
นี่เจ้าอาเธอร์กำลังหาข้อมูลวิธีการขึ้นรถไฟอย่างถูกต้องส่งมาให้เขาอยู่
ส่วนการ์ดคนอื่นๆก็ต้องปลอมตัวตามอยู่ห่างๆไม่ให้คนทั้งสถานีแตกตื่น
"แล้ว…นายขึ้นรถไฟเป็นรึเปล่า?" เขาหันไปถามเจ้าลูกกระต่าย
"ไม่เป็นอ่ะ" อีกฝ่ายหันมาตอบตาใส…เพราะงั้นก็เลยลากเขามาด้วยสินะ? ถึงจะเป็นหวังอี้หยางก็ใช่ว่าจะทำเป็นทุกอย่างนะ...
คนไม่เคยขึ้นรถไฟสองคนยืนคว้างอยู่หน้าประตูทางเข้า
ไม่รู้แม้แต่ต้องทำอะไรก่อนเป็นอันดับแรกด้วยซ้ำ
ติ๊ง!
แล้วก็เหมือนมีสัญญาณช่วยชีวิตส่งมา
เจ้าอาเธอร์หาวิธีขึ้นรถไฟให้ทันพอดี
“เค้าบอกให้ไปซื้อตั๋วรถไฟก่อน ว่าแต่เราจะไปไหนนะ?” เขาหันไปถามเจ้าลูกกระต่าย
ชีวิตนี้ไม่คิดจริงๆว่าจะต้องมายืนงงอยู่ในสถานีรถไฟเนี่ย
“อากิบะครับ”
“อากิบะ? ไม่เห็นมีเลย?” ปลายนิ้วถ่างผังรถไฟไล่ดูชื่อ แต่ความมากมายมหาศาลของสายรถไฟในญี่ปุ่นก็ทำเอาถึงกับตาลาย
วันนี้ทั้งวันก็ไม่มีทางหาเจอแน่
เจ้าลูกกระต่ายยื่นหน้าเข้ามาช่วยดูก่อนจะอ้าปากค้างหน้าเปลี่ยนเป็นสีขาวราวกับกระดาษ
เขาลอบขำกับปฏิกิริยาน่าเอ็นดูนั่น หน้าเจ้าตัววุ่นวายเวลาตกใจนี่ตลกชะมัด
เขาตัดสินใจโทรหาอาเธอร์ที่นั่งสแตนบายด์อยู่ที่คอนโดก่อนที่จะหมดวัน
“ทำยังไงผมถึงจะนั่งรถไฟไปอากิบะได้?” นี่คงจะเป็นคำถามที่พีคสุดในชีวิตเขาแล้ว
เรื่องง่ายๆที่คนทั่วไปทำได้แต่เขากับเจ้าลูกกระต่ายกลับไม่เข้าใจเลยสักนิด
"สักครู่นะครับ" ได้ยินเสียงก่อกแก่กๆจากแป้นพิมพ์ผ่านมาทางสายโทรศัพท์
“อากิบะเป็นคำเรียกสั้นๆครับ ชื่อเต็มของย่านนั้นคืออากิฮาบาระ
ชื่อสถานีรถไฟก็เช่นกันครับนาย” …..แค่เริ่มต้นก็ผิดแล้วไหม?
จะไปสถานีไหนยังเรียกไม่ถูกเลยเจ้าลูกกระต่ายเอ้ย~ วันนี้จะถึงไหมเนี่ย?!
“ตอนนี้นายยืนอยู่หน้าเกทใช่ไหมครับ? รบกวนดูให้ดีๆนะครับว่าเป็นเกทของเจอาร์แน่ๆหรือเปล่า
จะมีโลโก้ของเจอาร์และใช้สีเขียวเป็นสัญลักษณ์
เพราะสถานีโตเกียวยังมีรถไฟใต้ดินสายอื่นอีก ถ้าเข้าผิดเกทก็จะไปผิดที่ครับ”
หลังจากฟังเจ้าอาเธอร์อธิบาย เขาก็แหงนมองป้ายบนหัวทันที
โอเค เจอาร์แน่นอน
"รถไฟที่จะไปอากิฮาบาระได้คือรถไฟ local สายยามาโนะเตะครับ
สายสีเขียวอ่อน นายซื้อตั๋วที่ตู้กดข้างๆเกทก่อนครับ" อาเธอร์อธิบายอย่างละเอียด
เลขามือพระกาฬเองก็ไม่คิดเหมือนกันว่าจะต้องมีวันที่ได้สอนเจ้านายตัวเองขึ้นรถไฟกับเค้าด้วย
อารมณ์ตอนนี้จึงไม่ต่างจากมัมหมีที่คอยลุ้นลูกน้อยตอนฝึกขึ้นรถไฟครั้งแรกเลยทีเดียว
"ตู้กดตั๋ว?" ดวงตาคมกล้าเหลือบมองตู้ที่ตั้งเรียงรายอยู่ไม่ไกลจากเกททางเข้า
เขาจึงดึงเฟยเฟยให้เดินตามมา
แล้วความหายนะก็ไม่ได้จบลงแค่นั้น
ปลายนิ้วยาวลองจิ้มที่หน้าจอดู ภาษาญี่ปุ่นก็ขึ้นพรืดเต็มไปหมด อ่านออกที่ไหนกันละครับ!
"มีปุ่มเปลี่ยนภาษาอยู่มุมขวาบนครับ" อย่างกับเจ้าอาเธอร์จะเดาได้
เสียงจากปลายสายบอกมาทันที
ค่อยยังชั่ว...
มือใหญ่กดตาม ทว่า...มหากาพย์การขึ้นรถไฟมันก็เพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น
ตัวเลขราคาค่าตั๋วขึ้นเรียงแถวมาให้เลือกกดตามอัธยาศัย
เพียงแต่เขาไม่รู้ไงว่าต้องกดกี่เยน จากนี่ไปอากิบะมันราคาเท่าไหร่เขาจะรู้ได้ไง? เข้าฌาณเอามั๊ย?
หรือว่าต้องสวดมนต์?
"งื้อ...หรือว่าจะกลับไปขับรถไปดี…" เจ้าลูกกระต่ายที่ยืนลุ้นอยู่ข้างๆเริ่มทำหน้าหงอยเมื่อทุกอย่างดูยุ่งยากเกินไป
แต่เขากลับส่ายหน้าน้อยๆว่าไม่เป็นไรพร้อมกับวางมือใหญ่ไว้บนหัวกลมว่าเขาไม่ได้ลำบากอะไร
ใบหน้าหล่อเหลายังคงสงบนิ่ง
เขาไม่ได้รำคาญใจอะไรเลย
เขากลับยินดีเสียอีกที่เฟยเฟยยอมพึ่งพาเขาแม้แต่เรื่องเล็กน้อย(สำหรับคนอื่น)แค่นี้
"ผนังด้านบนหัวนายจะมีผังรถไฟอยู่ครับ ดูตรงชื่อสถานีอากิฮาบาระ
จะมีราคาอยู่ครับ" เป็นอีกครั้งเจ้าอาเธอร์ช่างรู้ใจสมกับที่อยู่กับเขามานาน
อ่อ...ราคาค่าตั๋วมันอยู่นั่นเองสินะ
เขามองผังรถไฟขนาดใหญ่ที่แปะอยู่บนผนังเหนือหัว
หลังจากกดตัวเลขตามนั้นไป
จ่ายเงิน ในที่สุดเขาก็ได้ตั๋วรถไฟมาจนได้~ อยากจะเอาใส่กรอบไว้จริงๆ!
"เย้~~" เจ้าลูกกระต่ายยิ้มแฉ่งชูตั๋วรถไฟขึ้นฟ้าด้วยดวงตาเป็นประกาย
เห็นแค่นั้นก็ถือว่าคุ้มค่ากับความยากเย็นนี้แล้วละนะ
"เข้าไปกันเลยไหม?" รอยยิ้มอ่อนโยนที่มีไว้เพื่อคนเพียงคนเดียวถูกส่งออกไป
"อื้อ!" ใบหน้ามนพยักรับอย่างน่าเอ็นดู
ตั๋วถูกเสียบเข้าไปในช่อง
เจ้าลูกกระต่ายมองเขาก่อนจะทำตาม
ร่างสูงกับร่างโปร่งเดินผ่านเกทที่เปิดโล่งเข้าไปได้ในที่สุด
"ระวัง" เสียงทุ้มเอ่ยก่อนที่ท่อนแขนแข็งแรงจะคว้าเอวบางของคนข้างๆเข้าหาตัวโดยอัตโนมัติเมื่อมีคนเดินเฉียดเข้ามาใกล้ด้วยความไวแสง
สถานีใหญ่อย่างโตเกียว ชินจูกุ โยโกฮาม่าก็ไม่ต่างไปจากสมรภูมิรบดีๆนี่เอง
ยิ่งช่วงเช้าๆแบบนี้ยิ่งน่ากลัวมาก!
แผ่นหลังกว้างพลิกไปยืนพิงเสาโดยมีลูกกระต่ายอยู่ในอ้อมแขน เขามองรอบกายอย่างอึ้งๆ
มวลมนุษย์มากมายมหาศาลกำลังเดินด้วยความไวพอๆกับมอเตอร์ไซค์!
มันไม่ใช่ที่ที่พวกเขาจะไปเดินชิวๆช้าๆรีๆรอๆแบบคนไม่รู้ทาง เขาไม่ควรจะไปยืนขวางมนุษย์สูทดำพวกนั้น!
"....."
ทั้งเขาทั้งเจ้าลูกกระต่ายต่างยืนงงอยู่ในดงมนุษย์เงินเดือนที่เดินกันควับๆๆ
อันตรายเกินไปไหมสถานที่นี้…
นอกจากจะเดินกันอย่างเร่งรีบแล้วยังเหมือนนัดกันใส่สูทอีกต่างหาก
ดำทั้งสถานีจริงๆ ดำจนนึกว่ามีอีเว้นท์อะไรเสียอีก
หลังจากยืนมองอย่างทำใจกันอยู่พักใหญ่โดยมีเสาบังให้ไม่ต่างจากแบริเออร์ในสนามรบ...ทางที่ดีเขาควรจะเล็งหาชานชลาที่จะต้องไปขึ้นรถไฟแล้วเดินพุ่งไปเลย
เจ้าอาเธอร์บอกว่ารถไฟสายนี้จะใช้สัญลักษณ์สีเขียวอ่อน…
เจอแล้ว!
ป้าย yamanote
line ชานชลา 4 , 5
"พร้อมไหม?" เสียงทุ้มก้มลงไปถามคนที่ยืนทำหน้าหวั่นวิตกอยู่ในอ้อมแขน
"งื้อ น่ากลัวอ่ะ~" ก็อย่างว่าแหละ
เจ้าลูกกระต่ายนี่ไม่กลัวอะไรบ้าง
"มาเถอะ อยู่ข้างๆชั้นไม่มีใครทำอะไรนายได้หรอก" มือใหญ่จับมือบางเอาไว้มั่น ท่ามกลางไฟสงคราม(?)ก็ยังเต็มไปด้วยความรัก
ต่อให้เป็นแค่สถานีรถไฟก็ยังมีความโรแมนติกได้
สายตาคนผ่านไปผ่านมาได้แต่มองคนไม่เคยขึ้นรถไฟสองคนด้วยความเอ็นดู...
ร่างสูงสง่าจูงมือพาร่างโปร่งบางฝ่าคลื่นมนุษย์มาถึงชานชลาของรถไฟสายยามาโนะเตะจนได้
ตอนนั้นเขาไม่รู้เลยว่าชานชลาที่4กับ5นั้นต่างกันอย่างไร
ทำไมรถไฟสายเดียวกันแท้ๆถึงต้องมีสองชานชลา?
เจ้าลูกกระต่ายยืนรอรถไฟอย่างตื่นเต้น
ในมือบางถือโทรศัพท์เตรียมอัดวีดีโอแถมยังบังคับให้เขาคอยถ่ายภาพนิ่งให้อีกต่างหาก...อายชาวบ้านเค้าบ้างไหมเนี่ย…
เขายกโทรศัพท์ขึ้นมาอย่างเขินๆ
ต้องอย่าลืมสิว่าเขาเป็นถึงนักธุรกิจหนุ่มไฟแรงที่รวยติดหนึ่งในห้าของโลกเชียวนะ
มีหน้าเขาแปะหราอยู่ตามนิตยสารชั้นนำของโลกเลยนะ
"อร๊าย มาแล้ว! พี่อี้หยางอย่าลืมถ่ายรูปนะ!" …..ก็นั่นแหละ
คงจะมีแต่เจ้าลูกกระต่ายตัวดีนี่แหละที่ไม่เคยตระหนักเลยว่าเขาเป็นใคร…
แชะๆๆ
มือใหญ่กดถ่ายรูปไปด้วยใบหน้านิ่งๆ
ป่านนี้เจ้าอาเธอร์คงนั่งขำยกใหญ่ พวกการ์ดคงถ่ายรูปเขาส่งไปให้ดูหมดแล้ว…
"เพิ่งเคยเห็นใกล้ๆขนาดนี้ นี่ขนาดรถไฟธรรมดานะ
ถ้าชินคันเซ็นจะเท่ห์ขนาดไหนเนี่ย~" อืม
มองรถไฟเท่ห์ได้ นายเองก็ไม่ธรรมดาเหมือนกันเจ้าลูกกระต่าย…
“วันหลังเราขึ้นชินคันเซ็นไปต่างจังหวัดกันนะ!” อาเฟยหันมายิ้มให้เขาอย่างตื่นเต้น เขาจึงอมยิ้มบางๆ
ก็อย่างที่รู้ว่าเขาไม่ค่อยมีโอกาสได้ไปไหนมาไหนกับเฟยเฟยมากนัก
การถูกอีกฝ่ายชวนโดยไม่ตั้งใจแบบนี้จึงทำให้เขาดีใจมาก
"จะขึ้นขบวนนี้เลยไหม?" เขาหันไปถามคนที่ยังถ่ายรูปไม่หยุด
"คร้าบ~"
ถึงจะเป็นวันเสาร์แต่ช่วงเช้าก็ยังเป็นrush hourอยู่ดี พวกเขาถูกดันจนไหลเข้าไปเองโดยฝูงมนุษย์ที่ใส่สูทดำแทบจะทั้งคันรถ
มือใหญ่ต้องคว้าเอวบางไว้ไม่ให้พลัดหลงกัน
คนสองคนที่ไม่เคยขึ้นรถไฟไม่เคยเบียดเสียดกับผู้คนแบบนี้มาก่อนจึงมีท่าทีเงอะๆงะๆไม่รู้จะจับจะยึดตรงไหน
พอรถไฟเคลื่อนตัวห่วงบนหัวจึงเหลือที่ว่างอยู่แค่อันเดียว
มือใหญ่จึงจับมันเอาไว้จากนั้นจึงใช้แขนแข็งแรงอีกข้างดึงร่างโปร่งมาอยู่ในอ้อมแขน ร่างสองร่างจำต้องแนบชิดอย่างช่วยไม่ได้เพราะไม่มีที่ว่างเหลือแล้ว…
เขาลอบกลืนน้ำลายก่อนจะเสสายตามองไปรอบๆอย่างเขินๆ
ส่วนเจ้าลูกกระต่ายก็ได้แต่กรอกตาเลิ่กลั่กไปมาอยู่ที่หน้าอกเขา
ต่างฝ่ายต่างไม่กล้าขยับตัวเพราะกลัวจะไปชนคนที่อยู่รอบๆ...และกลัวว่าอีกฝ่ายจะได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นกระหน่ำของตัวเอง
ตึกตักๆๆ
ต่อให้มีคนยืนอยู่นับร้อยนับพันแต่สิ่งที่ชัดเจนที่สุดกลับเป็นเสียงหัวใจของตัวเองกับคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเท่านั้น
กลิ่นกายที่คุ้นเคยกับความอบอุ่นที่แผ่ออกมาทำให้เขาแนบปลายคางไว้กับกลุ่มผมนิ่มอย่างเลยตามเลย
เขารู้ว่าแขนเล็กก็ค่อยๆเอื้อมมากอดแผ่นหลังของเขาเช่นกัน
พวกเราต่างยืนอยู่แบบนั้นโดยไม่มีใครพูดอะไร
แต่มันกลับเป็นห้วงเวลาที่มีความสุขจนรู้สึกได้ว่าอยากจะอยู่แบบนี้ตลอดไป
ขอแค่มีอ้อมแขนของกันและกัน
สายตาของคนรอบข้างก็ไม่จำเป็นสำหรับพวกเขาอีก...
“....ไหนคุณอาเธอร์บอกว่าแค่ไม่กี่สถานีก็ถึงแล้ว?” เจ้าลูกกระต่ายถามออกมาหลังจากที่ต่างฝ่ายต่างนิ่งเงียบมานานจนผ่านไปหลายสถานี
“.....”
เขากับเฟยเฟยมองหน้ากันโดยไม่ได้นัดหมาย
รู้สึกตะหงิดใจขึ้นมาทันที...
"ชิบุย่า...ชิบุย่า…" ได้ยินเสียงประกาศชื่อสถานีที่กำลังจะถึง
ปลายนิ้วถ่างดูผังรถไฟในมือถือก่อนจะพบว่าตอนนี้พวกเขาอยู่คนละทิศกับอากิบะเลย!
หรือว่าจะขึ้นผิดฝั่ง?!
เขาเพิ่งมารู้หลังจากนั้น
ว่ารถไฟสายยามาโนะเตะมันวิ่งเป็นวงกลม
เพราะงั้นถึงจะขึ้นผิดฝั่งก็ยังไปถึงปลายทางได้เช่นกัน
เพียงแต่...คุณอาจจะต้องไปอ้อมวนรอบโตเกียวก่อนหนึ่งรอบอย่างที่พวกเขากำลังเป็นอยู่นี่แหละ…
และนี่ก็คือความแตกต่างของชานชลาหมายเลข
4 กับ 5 ...ชานชลานึงนั่งแค่2สถานีก็ถึง
กับอีกชานชลานึงที่ต้องนั่ง28สถานีถึงจะถึงเหมือนกัน...
“ขอโทษด้วยนะ...ถ้าเป็นอี้คุนคงจะคล่องกว่านี้” เสียงทุ้มเอ่ยบอกคนที่อยู่ในอ้อมแขน
เจ้าลูกสิงโตนั่นใช้ชีวิตค่อนข้างโล้ดโผน มีเพื่อนฝูงเที่ยวเล่นด้วยกันมากมาย
ไม่ว่าจะคลาสไหนก็รู้ไปหมด
“ไม่เป็นไรสักหน่อย” แต่เจ้าลูกกระต่ายกลับส่ายหน้าอยู่ที่อกเขา
“แบบนี้...ก็ดีออก” มือบางกำชายเสื้อเขาอย่างเขินๆ
“หรือพี่ไม่อยากอยู่กับเฟยนานๆ?” จู่ๆใบหน้ามนก็เงยหน้าตวัดสายตาแบบแม่เสือขึ้นมาถามเขา
จะเป็นแบบนั้นได้ไงเล่า?
เขาจึงกระชับอ้อมแขนแทนคำตอบ
ใบหน้าหวานจึงก้มลงไปยิ้มอยู่กับอกเสื้อเขา
“แล้วก็นะ มันทำให้เฟยรู้ว่า...พี่ก็เป็นผู้ชายธรรมดาๆคนหนึ่ง
มีเรื่องที่ทำไม่ได้กับเค้าเหมือนกัน แต่ถึงอย่างงั้น...พี่ก็ยังพยายามทำให้เฟย…”
พูดไปก็หน้าแดงไป แล้วคนเขินก็ไม่ได้มีแค่หวังเฟยเฟยหรอก
เขาเองก็พยายามหุบยิ้มแทบแย่เหมือนกัน
ใช่สิ
เมื่ออยู่ต่อหน้าหวังเฟยเฟย เขาก็เป็นแค่ผู้ชายคนหนึ่ง
ผู้ชายที่มีความรักและมักจะขาดความมั่นใจในตัวเอง
เขาก็แค่อยากจะให้คนที่เขารักได้เห็นด้านที่สมบูรณ์แบบที่สุดของเขาก็เท่านั้น
เสียงรถไฟดังกึงกังๆ
ผู้คนที่เดินเข้าออกเปลี่ยนถ่ายจนกลายเป็นภาพเบลอๆ…มีเพียงคนสองคนที่ยังยืนอยู่ที่เดิม
รอยยิ้มและหัวใจที่มอบให้กันต่างชัดเจน
ถึงจะยาวนาน
แต่มันคงเป็น 28
สถานีที่ไม่มีวันลืมเลือน
ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงอากิฮาบาระจนได้~
ใบหน้าหล่อเหลายิ้มอ่อนอย่างโล่งใจในขณะที่เดินตามร่างโปร่งบางที่กระโดดเหยงๆอย่างเริงร่าออกจากสถานี
อากิบะคือแหล่งขายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกชื่อดังของโตเกียวและที่นี่ยังเป็นแหล่งรวมสินค้าจากอนิเมะ
มังงะ เกมส์ ที่ใหญ่ที่สุดอีกด้วย
แค่เดินออกจากสถานีมาเสียงเพลงอนิเมะก็ดังต้อนรับพร้อมกับบรรยากาศคึกคักจากพนักงานร้านที่แต่งตัวคอสเพลย์บ้าง
ชุดเมดบ้างมายืนแจกใบปลิวเรียกลูกค้าอยู่หน้าร้าน
ป้ายไฟหลากสีสันก็กระพริบกันตั้งแต่หัววัน ผนังตึกก็มีรูปตัวการ์ตูนไม่ว่างเว้น
เรียกว่าต่างจากย่านมารุโนะอุจิที่พวกเขาอยู่ลิบลับ
"นายหาอะไรอยู่?" เขาหันไปถามเจ้าลูกกระต่ายที่ดูมีเป้าหมายในใจอยู่แล้ว
"นี่ไง พวงกุญแจแพนด้าคุง!" อาม่าน่ะเหรอ?
เขายื่นหน้าไปดูรูปในมือถือของเฟยเฟย...ไม่ใช่อาม่าแหะ?
"เป็นตัวละครจากเรื่องJujutsu kaisen พี่รู้ไหม
เฟยหาพวงกุญแจอันนี้มาตั้งนานแล้ว เนี่ย ทั้งเซตนี้เฟยมีทุกตัวแล้ว
ขาดแค่แพนด้าคุงตัวเดียว หาในอิตาลีก็ไม่มีเลย แล้วเมื่อวานเพิ่งมีคนโพสว่าเจอที่ถ้ำเสือ
อากิบะล่ะ!" เขาได้แต่พยักหน้าตามน้ำไปโดยไม่เข้าใจศัพท์ติ่งๆนั่นซักนิด
นอกจากจะเป็นติ่งรถแล้ว เจ้าลูกกระต่ายยังเป็นติ่งอนิเมะเรื่องหนึ่งอีกด้วย
"นายไม่ได้ชอบเจ้าตัวหัวขาวนั่นเหรอ?" ระหว่างเดินฝ่าผู้คนไปเขาก็คุยกับเฟยเฟยไป
"ชอบสิ! แต่เฟยมีพวงกุญแจเซนเซย์เซตนี้แล้ว ต้องได้เป็นตัวแรกอยู่แล้ว!"
"ทำไมถึงชอบตัวนี้?" ดวงตาคมกล้าเหลือบมองตัวละครหัวขาวหน้าตาหล่อเหลาในมือถือของเฟยเฟย
เขาถามไว้เผื่อจะเป็นข้อมูลอะไรให้เขาได้
เผื่อจะรู้สเปคของเจ้าลูกกระต่ายเป็นแบบไหน ชอบคนหน้าตาแบบนี้เหรอ? ชอบการแต่งตัวแบบนี้หรือว่าชอบนิสัยแบบนี้? ชอบอะไรในตัวผู้ชายคนนี้
เขาอยากรู้
"ก็เซนเซย์น่ะ เก่งที่สุดในโลกแล้ว เป็นผู้ใช้คุณไสยระดับพิเศษ
มีเนตรในตำนาน ไม่ว่าจะวิญญาณคำสาปแบบไหนก็ปราบได้หมด!
เฟยไม่ต้องกลัวภูตผีปีศาจอีกแล้วถ้ามีเซนเซย์อยู่!" ……..สเปคคือปราบผีได้?
"ปัดเป่าวิญญาณคำสาประดับพิเศษได้ในพริบตาเลยนะ"
"......."
อืม...
สรุปคือ
เขาคงไม่ได้อะไรจากการสปายในครั้งนี้ แล้วนี่มันการ์ตูนประเภทไหนกัน?? ทำไมมีวิญญาณ มีคำสาป?? แถมตัวเอกยังใช้คุณไสยอีก???
"ถึงแล้ว~ เอ๊ะ? ทำไมมีสองตึกอ่ะ
ที่นี่มีสองตึกเหรอ??" ดูเหมือนถ้ำเสือของเจ้าลูกกระต่ายจะเป็นแค่ร้านร้านนึงเท่านั้น
ไม่ได้เป็นถ้ำหรืออะไร เพียงแต่มันมีสองตึกอยู่ข้างๆกัน
แล้วก็อย่าหันมาถามเขาสิ เขาจะไปรู้ได้ไง?
หลังจากยืนงงไม่รู้จะเข้าตึกไหนอยู่นานสองนาน
เฟยเฟยก็ตัดสินใจหลับหูหลับตาลากเขาเข้าตึกหนึ่งในนั้น
"ไม่รู้ว่าเรื่องนี้อยู่ชั้นไหนอ่ะ
งั้นขึ้นไปชั้นบนสุดแล้วค่อยเดินไล่ลงมาแล้วกันเนอะ"
"อืม" ในขณะที่เสียงทุ้มตอบออกไป
สายตาคมกริบก็เหลือบไปเห็นแผนผังที่แปะอยู่หน้าลิฟท์ ตึกนี้มันขายอะไรกันแน่นะ?
เพราะเขาเห็นว่าตั้งแต่ชั้น4-7มีแต่ Doujinshi
กับ BL comic ทั้งนั้นเลย? แล้วโดจินชิกับการ์ตูนBLนี่มันคืออะไร??
ถึงจะงงๆแต่ก็ไม่ได้ใส่ใจ
เขาเดินเข้าลิฟท์ไปพร้อมกับเจ้าลูกกระต่าย
รอบกายรายล้อมไปด้วยเด็กผู้หญิงที่ต่างเหลือบมองพวกเขาสองคนก่อนจะหันไปยิ้มให้กัน
ไม่ก็กรี๊ดกร๊าดพูดอะไรกันก็ไม่รู้แหละเขาฟังไม่ออก
แต่ด้วยความสูงของพวกเขาเลยยิ่งเด่นมากเวลาอยู่ท่ามกลางสาวญี่ปุ่นตัวเล็กๆ
แล้วตั้งแต่ก้าวแรกที่เดินออกมาจากลิฟท์
เขาก็เหมือนจะเข้าใจตะหงิดๆแล้วว่าโดจินชิBLมันคืออะไร!
ถึงใบหน้าหล่อเหลาจะยังคีฟลุคเรียบเฉย
แต่ภายในนั้นกำลังมีเหงื่อแตกพลั่กๆ เจ้าลูกกระต่ายเอ้ย
รู้ไหมเนี่ยว่าหลงมาอยู่ในดงอะไร?!
ดวงตาคมกล้าลอบมองโปสเตอร์ตัวการ์ตูนผู้ชายกับผู้ชายที่กำลังโอบกอดเชยคางกันแผ่นใหญ่เท่าผนังซึ่งมาต้อนรับทันทีที่ก้าวขาออกจากลิฟท์
ทั้งฟลอร์ไม่ได้กว้างใหญ่แต่ก็อัดแน่นไปด้วยชั้นหนังสือเล่มบางๆ แล้วหน้าปกขนาด B5 พวกนั้นก็มีแต่ผู้ชายกับผู้ชายล้วนๆ! มีตั้งแต่แค่จ้องตากัน
จุ๊บกันน่ารักใสๆ ไปจนถึงเปลือยกายขึ้นคร่อม! ไหนจะเครื่องหมาย R18 แปะมันแทบจะเล่มเว้นเล่มนี่อีก!
เอาจริงๆดิ...นี่ขายแต่การ์ตูนประเภทนี้ทั้งตึกจริงดิ…
ถึงจะดูนิ่งมากแต่ตอนนี้หวังอี้หยางกำลังเลิ่กลั่กสุดๆ...คงจะมีแค่ประเทศนี้แหละที่ทำได้
จะว่าไปก็สุดยอดไปเลยแหะ
มือใหญ่หยิบเล่มหนึ่งซึ่งอยู่ใกล้ๆตัวพลิกดูด้านหลัง
รู้สึกว่าเล่มตัวอย่างจะมีปริ๊นท์หน้าข้างในไว้ให้ดูด้วย? เพราะทุกเล่มในนี้ถูกซีลด้วยถุงพลาสติกใสอย่างดีทำให้เปิดดูก่อนไม่ได้
เนื้อหาและภาพข้างในไม่มีการเซ็นเซอร์แต่อย่างใด
ไม่มีตัวอักษรศีลธรรม
ใส่ก็เห็นเลยว่าใส่……..
มือใหญ่ค่อยๆวางโดจินเล่มนั้นลงนิ่งๆ...พยายามทำหน้าให้เป็นปกติที่สุดทั้งๆที่อึ้งมาก...นี่มันโลกคู่ขนานหรือยังไงกัน? เขาไม่เคยรู้เลยว่ามีสถานที่แบบนี้อยู่ด้วย...จะว่าเขินก็เขินแหละยังไงเขาก็เป็นผู้ชายนี่นะ
ทำให้นายใหญ่แห่ง
Diamond
crown เลิ่กลั่กใจสั่นไม่รู้จะทำหน้ายังไงได้นี่ถือว่าเป็นที่ที่ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ
เขานับถือนะไม่ได้จะว่าอะไร
แต่ที่สุดยอดกว่าคือเจ้าลูกกระต่ายที่เดินหาพวงกุญแจหมีแพนด้าโดยไม่รู้เรื่องรู้ราวนั่นต่างหาก...
เขามองตามร่างโปร่งบางที่เดินชะโงกหน้าดูทีละชั้นๆโดยไม่เอะใจเลยว่าตัวเองอยู่ในที่แบบไหน...สุดยอดไม่มีใครจะเกินแล้วเจ้าลูกกระต่ายนี่…
"หงึ ชั้นนี้ไม่ใช่เรื่อง jujutsu อ่ะ
ลงไปข้างล่างกันเถอะ" เจ้าลูกกระต่ายเดินทำหน้าผิดหวังเข้ามาหา
รู้สึกว่าแต่ละฟลอร์ก็จะแบ่งเป็นเรื่องๆเอาไว้แหะ
เพราะถึงลายเส้นของแต่ละเล่มจะแตกต่างกันแต่ลักษณะของตัวละครที่อยู่บนปกก็จะคล้ายๆกัน?
เขาเดินไล่ลงมาตั้งแต่ชั้น7 ,6 ,5 4, 3, 2,
ถึงแม้สองชั้นล่างจะเป็นหนังสือการ์ตูนมังงะขนาดปกติกับพวกซีดี
ดีวีดี บลูเรย์ แต่ของทุกชิ้นก็ยังไม่ทิ้งคอนเซ็ปต์ BL!
เขารู้แล้ว! BLมันย่อมาจาก Boy’s Love นี่เอง!
เจ้าลูกกระต่ายยู่หน้าหลังจากยังหาพวงกุญแจแพนด้านั่นไม่เจอ
ร่างโปร่งตัดสินใจเดินเข้าไปถามพนักงาน
ปล่อยให้เขายืนมองโปสเตอร์อยู่ที่โถงบันไดตามลำพัง
เขารู้ว่าใครผ่านไปผ่านมาต่างก็มองเขากันทั้งนั้น
บางคนถึงขั้นเข้ามาขอถ่ายรูปเพราะคิดว่าเขาหลุดออกมาจากนิยายสักเล่ม!
รีบๆไปจากที่นี่ทีเถอะ
เขินจะไม่ไหวแล้ว
"ว่าไง?" เขาหันไปถามเจ้าลูกกระต่ายที่เดินหัวเราะแหะๆออกมา
"มาผิดตึกแหละ แหะๆๆ" …..อืม
"คุณพนักงานบอกว่าต้องไปตึกข้างๆ ตึกนั้นจะเป็นสินค้าทั่วไป
ส่วนตึกนี้จะเป็นโดจินของผู้หญิงและสินค้าจากพวกเซอร์เคิลน่ะ" ก็คือเป็นของแฟนเมดทั้งตึกว่างั้น
เขายังคงเดินตามเจ้าลูกกระต่ายเข้าไปในตึกข้างๆ
ดูเหมือนตึกนี้จะเน้นไปที่สินค้าขายผู้ชายมากกว่า
ยังดีที่เจ้าลูกกระต่ายไม่คิดจะเดินหาแล้ว แต่ตรงไปถามพนักงานเลยทันที
ไม่นานพวงกุญแจหมีแพนด้าก็มาอยู่ในมือบางในที่สุด
"เย้~~ครบแล้ว~" เขามองใบหน้ามนที่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
เขาชอบมองเวลาที่อาเฟยดีใจกับเรื่องอะไรแบบนี้ที่สุด
น่ารัก…
"เฟยหมดธุระแล้ว พี่อยากจะไปไหนรึเปล่า? ไปตามใจพี่ได้เลยนะ"
เจ้าลูกกระต่ายหันมายิ้มตาหยี...หรือว่านี่จะคือ...เดต?
"อ๊ะ! เซก้านี่! ขอแวะแป๊บนึงนะ" ในขณะที่เขากำลังยืนอึ้งดีใจพลางคิดว่าจะไปไหนดี
เจ้าลูกกระต่ายก็พุ่งเข้าตึกสีแดงฝั่งตรงข้ามไปแล้ว…
เดี๋ยวสิ…ตกลงยังให้เขาเป็นคนเลือกอยู่ไหมนะ?
ร่างสูงสง่าเดินทอดน่องตามไปพลางส่ายหน้า
และเมื่อก้าวขาเข้ามาในตึก…
โอ้โห...ตึกนี้ก็ไม่ธรรมดาเหมือนกัน…
ตู้คีบตุ๊กตาเรียงเป็นตับอยู่รอบตัว
ไม่สิ ไม่ได้มีแค่ตุ๊กตาแต่มันมีตั้งแต่สากเบือยันเรือรบต่างหาก!
เขายืนมองซองขนมในตู้อย่างสงสัย
ไปซื้อกินที่เซเว่นไม่ง่ายกว่าหรือไง? ในตู้อื่นๆยังมีทั้งฟิกเกอร์
พวงกุญแจ หมอน ผ้าห่ม พรมเช็ดเท้า? สารพัดที่จะเอาไว้คีบได้และมีลายตัวการ์ตูนนั่นแหละ
และเมื่อเขาหันไปมองเฟยเฟยอีกที
เอ้า! ไปติดบ่วงกับเค้าด้วยเร๊อะเจ้าลูกกระต่ายเอ้ย~
หวังเฟยเฟยกำลังทำหน้ามุ่งมั่นอยู่หน้าตู้คีบตุ๊กตาตู้หนึ่ง
ในนั้นเป็นตุ๊กตายัดนุ่นเจ้าหมอผีผมขาวที่เฟยเฟยชอบนั่นเอง
“อ๊าาาาา~!!” เสียงลูกกระต่ายร้องลั่นเมื่อเครนคีบทำตุ๊กตาที่อุตส่าห์หนีบได้หล่นไป
อาเฟยกระโดดร้องโวยวายอย่างเสียดายที่คีบตุ๊กตานั่นไม่ได้จนเขาเผลอหัวเราะกับปฏิกิริยาราวกับเด็กๆของอีกฝ่าย
มีแต่คำว่าน่ารักๆๆเต็มไปหมด
“ฮึ่ม…คราวนี้ต้องเอาให้ได้…” ยังไม่พออีกเร๊อะ
เขามองอยู่ยังรู้เลยว่ามันยากแค่ไหนที่เครนง่อกแง่กนั่นจะคีบตุ๊กตาตัวหนักๆขึ้นมาได้
แต่เจ้าลูกกระต่ายของเขาก็ไม่ธรรมดานะ ในขณะที่ดวงตากลมโตจ้องในตู้เขม็ง
ปากก็บ่นงึมงำๆเป็นสูตรฟิสิกส์ออกมา?
คงไม่ได้กำลังคำนวณวิถีการคีบตุ๊กตาอยู่หรอกนะ?
เขาถึงกับต้องหันไปขำกับความลูกกระต่ายของอีกฝ่าย
มือใหญ่กุมท้องอย่างพยายามกลั้นหัวเราะเต็มที่ อยู่ด้วยแล้วมันมีความสุขแบบนี้แหละ
“หึ หึๆๆ” เจ้าลูกกระต่ายหัวเราะอย่างมั่นใจก่อนจะหยอดเหรียญลงไป
เขามองตามพร้อมด้วยรอยยิ้ม มือบางบังคับคันโยกแต่คราวนี้แทนที่จะใช้วิธีคีบขึ้นมา
กลับบังคับเครนให้เขี่ยด้านข้างตุ๊กตาแทน
เจ้าลูกกระต่ายแสยะยิ้ม
เขาเองก็ลุ้นตามไปด้วย
แล้วในขณะที่เจ้าตุ๊กตาหัวขาวตัวหนึ่งกำลังล้มคะมำตามแรงเขี่ยของเครน
เขากับอาเฟยก็มองตามแทบหยุดหายใจเพราะมันกำลังค่อยๆล้มอย่างสโลโมชั่นมาทางปล่องใส่ของ
“อีกนิด…อีกนิดเดียว…” มือกระต่ายแทบจะตะกายตู้ เขาเองก็ทั้งลุ้นทั้งอึ้งกับหัวสมองของอาเฟย ทว่า…ดูท่าจะลืมคำนวณเรื่องสิ่งกีดขวางมานะ? เพราะก่อนที่ตุ๊กตานั่นจะหล่นลงปล่องอีกแค่นิดดดดเดียว
ก็ดันมีขาของตุ๊กตาอีกตัวที่นอนแอ้งแม้งอยู่ยื่นมาขัดไว้ซะงั้น
ค้าง….เจ้าลูกกระต่ายถึงกับนิ่งค้างไปทั้งตัว
“อ๊ากกกก หล่นลงมาเซ่~~!!” มือบางเขย่าตู้กึงๆๆ
ส่วนเขานี่ได้แต่ยืนหัวเราะจนตัวงอ ฮ่าๆๆๆ
ถึงจะเห็นใจแต่มันก็ตลกจนทนไม่ไหวเลยจริงๆ เจ้าลูกกระต่ายเอ้ย…
“แง๊~เซนเซย์~~” อาเฟยเกาะตู้งอแงด้วยความอยากได้
ผ่านไปพักใหญ่กว่าจะยอมตัดใจแล้วยอมเดินออกไปทั้งๆที่ยังหันมามองตู้นั่นตาละห้อย
เขาก็ถามอย่างสงสัยว่าทำไมไม่เล่นอีกสักครั้งล่ะ
แต่เสียงนุ่มก็ตอบออกมาว่าการพนันเป็นสิ่งไม่ดี จะเล่นก็ได้แต่ควรจะรู้ลิมิตของมัน
ซึ่งข้อนี้เขาประทับใจการอบรมสั่งสอนของบ้านนี้มากๆ ไม่ได้ห้ามลูกๆไม่ให้ลองในสิ่งต่างๆแต่สอนให้รู้ถึงความพอดีในการใช้ชีวิต
เมื่อเฟยเฟยเดินลับหลังไปแล้ว
นายใหญ่ของDiamond
crownจึงพยักหน้าเรียกลูกน้องที่ยืนเฝ้าอยู่แถวนั้น
และไม่จำเป็นต้องสั่งอะไร ลูกน้องเขาก็เดินเข้าไปหาพนักงานของร้านทันที
….ไม่นาน เจ้าตุ๊กตายัดนุ่นตัวนั้นก็มาอยู่ในมือเขา
ปุ…
มือใหญ่วางมันไว้บนหัวสีดำของคนที่ยังทำแก้มป่องพองลม
และเมื่อมือบางคว้ามันลงไปดูอย่างสงสัย
ใบหน้างอง้ำเล็กน้อยก็เบิกบานเป็นดอกทานตะวันทันที
“อ๊ะ! มาได้ไงเนี่ย?!”
“เซนเซย์~” ใบหน้ามนก้มลงไปคลอเคลียตุ๊กตายัดนุ่นตัวนั้นจนเขาเผลอยิ้มตาม
แต่เหมือนอาเฟยจะนึกขึ้นมาได้จึงตวัดสายตามาหาเขา
“นี่พี่ไปข่มขู่พนักงานมาใช่ไหม?” เจ้าลูกกระต่ายมองเขาด้วยสายตาคาดคั้น
ทำไมไม่คิดว่าเขาไปเล่นให้บ้างล่ะ? ปกตินางเอกนิยายต้องคิดแบบนั้นสิ?
จากนั้นก็จะหวานๆกันอะไรแบบนี้?
“ใครว่าล่ะ ชั้นจ้างพนักงานเล่นให้ต่างหาก” เขายักไหล่ก่อนจะตอบไปตามตรง
อะไรที่ทำเองไม่ได้ก็ใช้เงินแก้ปัญหาไปซะ เพราะยังไงเขาก็ไม่ใช่พระเอกนิยายธรรมดาๆ
แต่เป็นพระเอกที่เป็นเจ้าพ่อวงการค้าเพชร
“หงึ” เจ้าลูกกระต่ายมองเขาอย่างหมั่นไส้ก่อนจะหันไปกอดตุ๊กตานั่นต่อ
เขามองอีกฝ่ายพลางยิ้มบางๆ
“ถ้าเป็นอี้คุน…คงพยายามไปคีบมันมาให้นายด้วยตัวเองสินะ…”
เสียงทุ้มเอ่ยออกไปลอยๆ ก็อย่างที่บอกนั่นแหละ
ถ้าเป็นเรื่องของเฟยเฟย เขามักจะคิดมากและละเอียดอ่อนกว่าเรื่องอื่นๆ
ถึงแม้จะชอบใช้วิธีในแบบของตัวเองแต่ก็ยังมีความกังวลใจว่าเฟยเฟยจะมองว่ายังไง
จะรับได้ไหมที่เขาเป็นคนแบบนี้
“ก็คงจะอย่างงั้น” เจ้าลูกกระต่ายตอบกลับมาอย่างไม่ใส่ใจ
แต่มันกลับทำให้สักที่หนึ่งในใจของเขาหนักอึ้ง
“หรือว่านาย…อยากให้ชั้นไปคีบให้ด้วยตัวเองมากกว่าล่ะ?”
เขาถามออกไปอย่างไม่มั่นใจนัก แต่ดวงตาคู่โตกลับมองเขาอึ้งๆ…ก่อนจะยิ้มกว้างออกมา
“แบบนั้นน่ะ เอาไว้ให้อี้คุนทำเถอะ…พี่ก็คือพี่
พี่ก็มีวิธีการรักเฟยในแบบของพี่ เพราะแบบนั้นพี่ถึงได้ต่างจากอี้คุนไง…ในความรู้สึกของเฟย…” ดวงตากลมโตหลุบต่ำเมื่อพูดถึงตรงนี้
แก้มใสแดงระเรื่อเล็กน้อยอย่างชวนมอง
“อีกอย่างนะ เฟยไม่ถือหรอก เฟยไม่ใช่นางเอกแสนดีในนิยายนี่นา
ที่จะชอบให้พระเอกทำทุกอย่างให้ด้วยตัวเองแบบนั้นน่ะ คิดดูสิ
อี้คุนอาจจะคีบตุ๊กตามาให้ไม่ได้เลยก็ได้ แต่พี่ได้มันมาให้เฟยนี่ไง
ถึงจะใช้วิธีร้ายๆไปบ้างแต่มันก็ดูสมกับเป็นพี่ดีออก” ใบหน้ามนยิ้มให้เขาอีกจนหัวใจกระตุกไป
อาเฟยกำลังให้กำลังใจเขาสินะ?
ใบหน้าหล่อเหลาพยักรับเบาๆ
ใต้อกข้างซ้ายรู้สึกอุ่นๆ หวังเฟยเฟยเข้าใจเขา
คนตรงหน้าเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่รู้ว่าเขาคิดอะไร
รู้สึกยังไงและกำลังกังวลกับเรื่องอะไรอยู่
“งั้นก็ดีแล้ว” เขาตอบออกไป
มือใหญ่ลูบหัวสีดำด้วยความเอ็นดู…ชีวิตนี้
เขาต้องการแค่คนคนนี้คนเดียวก็พอแล้ว…คนที่รักเขาและเข้าใจเขา
เขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับอากิบะมากนักจึงนึกไม่ออกเลยว่าควรจะไปเดตที่ไหน ได้แต่ปล่อยให้เจ้าลูกกระต่ายเดินนำดูนู่นดูนี่ไปเรื่อยๆ
แค่ได้มองดวงตาเป็นประกายคู่นั้นที่ตื่นเต้นไปกับร้านรวงรอบกาย เขาก็มีความสุขมากแล้ว
“มันดาระเกะ! ขอแวะแป๊บนึงได้ไหมครับ?” นิ้วเรียวชี้ไปที่ตึกสีดำสนิทซึ่งอยู่มุมถนนในซอยฝั่งตรงข้าม
“เอาสิ” เขาก็ไม่ได้คิดว่าจะออกมาแค่ซื้อพวงกุญแจอยู่แล้วเลยตอบตกลงไปง่ายๆ
แล้วการเดินดูร้านขายของเกี่ยวกับอนิเมะที่ไม่เหมือนร้านทั่วๆไปแบบนี้ก็สนุกดี
อย่างมันดาราเกะที่เขากำลังเดินอยู่นี่น่าจะเป็นร้านขายสินค้ามือสอง? เพราะฟิกเกอร์ที่เรียงอยู่บนชั้นส่วนมากจะมีแค่ชิ้นเดียว
บางกล่องก็มีสภาพเหมือนผ่านการใช้งานมาแล้วอย่างชัดเจน บางกล่องก็เหมือนใหม่
บางกล่องติดราคาไว้ถูกมาก แต่บางกล่องก็แพงอย่างไม่น่าเชื่อ
ร่างสูงสง่าเดินตามลูกกระต่ายไปยังชั้นต่างๆ
รู้สึกตึกนี้จะมี7-8ชั้นเหมือนกันมั้ง แต่ละชั้นก็แยกสินค้าแต่ละประเภทเอาไว้
มีทั้งชั้นที่เป็นซีดี ดีวีดีทั้งฟลอร์ ชั้นที่เป็นหนังสือการ์ตูน
ชั้นที่เป็นโดจินก็มี ชั้นที่เป็นเสื้อผ้า ตุ๊กตา และตอนนี้อาเฟยก็กำลังเดินวนเวียนอยู่ที่ชั้นขายฟิกเกอร์
เขายืนมองร่างโปร่งที่ยืนอยู่ตรงนี้มาสักพักแล้ว
มือบางเดี๋ยวหยิบเดี๋ยววางกล่องฟิกเกอร์นั่นจนเขาสงสัย
ท่าทางเหมือนอยากได้แต่ก็ตัดใจไม่เอา เดี๋ยวๆก็หยิบขึ้นมาใหม่?
“ไม่ซื้อเหรอ?”
“งื้อ...ถ้าซื้อ...ค่าขนมเฟยต้องไม่พอใช้แน่เลยอ่ะ…” เจ้าลูกกระต่ายเม้มปาก
เขานี่อยากจะรู้จริงๆว่าหม่าม้ากระต่ายให้ค่าขนมเดือนนึงเท่าไหร่กันแน่? ตั้งแต่ค่าแท็กซี่แล้วนะ เอาจริงๆบ้านนี้รวยมากนะ
แค่เงินเดือนอาเซียวจ้านก็เทียบเท่าซีอีโอบริษัทใหญ่ๆแล้ว
ส่วนฝั่งอาอี้ป๋อยิ่งไม่ต้องพูดถึง ก็เป็นเจ้าของทรัพย์สินของตระกูลหวังร่วมกันกับเขานี่ไง
พี่ชายอย่างอี้คุนก็ได้ค่าเหนื่อยจากทีมเฟอร์รารี่อีกไม่รู้ปีละกี่ล้าน
“แต่ก็อยากได้จังเลยอ่ะ ฟิกสเกลเวอร์ชั่นนี้หายากมากเลยนะ
เป็นงานเรซิ่นทำจำนวนจำกัดที่ต้องพรีออเดอร์เท่านั้นด้วยนะ” ไม่พูดเปล่าดวงตากลมโตยังช้อนขึ้นมามองเขาแบบอ้อนๆด้วย
ใบหน้าหล่อเหลาถึงกับถอนหายใจ
“อยากได้ก็หยิบไปสิ เดี๋ยวชั้นซื้อให้” เจ้าลูกกระต่ายตัวร้ายเอ้ย
ขี้งกก็ที่หนึ่ง แบบนี้ถ้าเป็นคุณนายDaimond crownเมื่อไหร่กิจการเขาคงรุ่งเรืองเพราะเงินทองคงไม่รั่วไหลออกจากบริษัทไปไหนแน่!
“จริงนะ! อร๊าย ขอบคุณนะครับ!” ว่าแล้วก็หันไปคว้าตะกร้าทันที...เดี๋ยว...ถึงกับต้องใช้ตะกร้าเลยเร๊อะ?!
ไม่ได้จะซื้อแค่ตัวเดียวเร๊อะ!
ตัวนั้นก็หายาก
ตัวนี้ก็ไม่มีขายแล้ว บลาๆๆ ตะกร้าเดียวไม่พอยังให้เขาช่วยถืออีกตะกร้าด้วยแน่ะ
แสบจริงๆเจ้าลูกกระต่ายนี่ เขาก้มหน้าสบตากับเจ้าผู้ชายผมขาวปางต่างๆในตะกร้าที่ถืออยู่
ถึงจะไม่เคยรู้ก็ต้องรู้แล้วว่าหมอนี่ชื่อ โกะโจ ซาโตรุ!
1/6
scale Gojo Satoru by T.P.A x Rocket studio , 1/7 scale Gojo Satoru Mappa x
Scramble figure by eStream , 1/7 scale Gojo Satoru Mappa Showcase by Mappa ,
1/7 scale Gojo Satoru -Mukagen jujutsu- by FuRyu , ARTFX J 1/8 scale Gojo
Satoru by Kotobukiya , 1/8 scale Gojo Satoru by MegaHouse , Nendoroid Gojo
Satoru by Good smile company , LookUp Gojo Satoru by MegaHouse….
อันนี้เขาหลงกลอะไรรึเปล่า? เขาเริ่มจะสงสัยหลังจากส่งเครดิตการ์ดให้พนักงานรูดไป
จำนวนเงินที่หายไปนั่นซื้อแหวนเพชรดีๆได้วงนึงเลยนะ!
แล้วมันก็ไม่ได้จบแค่ร้านนี้ร้านเดียว
เจ้าลูกกระต่ายยังเลี้ยวเข้าอนิเมท , อามิอามิ , โคโตบุกิยะ ,อากิบะคัลเจอร์โซน , เคบุค , เรดิโอไคคัง…
ถุงที่หอบหิ้วก็มากขึ้นทุกทีๆเพราะฟิกเกอร์พวกนี้กล่องใหญ่กินที่มาก
นี่คงเป็นมิติใหม่ของการพาแฟนช็อปปิ้ง...เพราะแทนที่จะเป็นรองเท้า กระเป๋า
เสื้อผ้าแบรนด์เนม เขากลับต้องมาคอยหิ้วถุงใส่ของเล่นซะงั้น…
“โทรให้อาเธอร์เอารถมาให้แล้ว ของเยอะแบบนี้ขึ้นรถไฟกลับไม่ไหวแน่”
เขาเดินกลับมาหาเจ้าลูกกระต่ายหลังจากออกไปโทรศัพท์
ตอนนี้พวกเขาแวะพักขาที่คาเฟ่ชิคๆแห่งหนึ่งบนทางรถไฟใกล้ๆย่านอากิบะ
“แหะแหะ... แต่เนี่ย ตั้งโกะโจเซนเซย์ไว้ในห้องนะ
รับรองว่าวิญญาณคำสาปไม่กล้าเข้ามาทำอะไรเราแน่” สิ่งศักดิ์สิทธิ์เร๊อะ? ไปบูชาพระมาตั้งไว้ไม่ดีกว่ารึไง?
หรือสมัยนี้ผีสางมันหันมากลัวฟิกเกอร์กันแล้ว??
“สั่งอะไรรึยัง?” มือใหญ่เลื่อนเก้าอี้ก่อนจะนั่งลงฝั่งตรงข้าม
“เฟยสั่งพาร์เฟ่ แล้วก็สั่งกาแฟให้พี่แล้ว”
“สั่งฮันนี่โทสกับไอศครีมให้พี่ด้วยนะ” อยากกินเองก็บอกมาเถอะ
เขายิ้มให้กับความลูกกระต่ายของอีกฝ่าย
แต่ละจานที่พนักงานนำมาเสริฟนั้นถูกตกแต่งอย่างน่าทานสมกับเป็นร้านขนมของญี่ปุ่น
เขานั่งเอนหลังพิงพนักเก้าอี้มองเจ้าลูกกระต่ายที่กำลังถ่ายรูปถ้วยพาร์เฟ่ชาเขียวของตัวเองกับจานฮันนี่โทสของเขาอย่างมีความสุข
นั่งมองไปเรื่อยๆ…ตั้งแต่มือบางวางโทรศัพท์มือถือลง หยิบช้อนขึ้นมาด้วยดวงตาเป็นประกาย
ค่อยๆตักพาร์เฟ่นั่นเข้าปาก ก่อนจะทำหน้าฟินไปถึงดาวอังคาร
เขานั่งมองริมฝีปากเจื้อยแจ้วนั่นพูดอะไรไปเรื่อย นั่งมองพาร์เฟ่ที่ค่อยๆลดลง
มองใบหน้าสดใสเต็มเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มของเฟยเฟย
มองดวงตากลมโตที่หันมาจ้องฮันนี่โทสของเขาที่ยังไม่พร่องลงไปสักนิด มองรอยยิ้มกรุ้มกริ่มของเจ้าตัวดีเมื่อเขาเลื่อนจานฮันนี่โทสนั่นไปให้
มองรอยยิ้มจนตาหยีเมื่อขนมปังแผ่นหนานุ่มชุ่มโชกไปด้วยน้ำผึ้งถูกตักเข้าปาก…มองความสุขเล็กๆตรงหน้าทว่ากลับยิ่งใหญ่เหลือเกินในใจเขา
แค่ได้เห็นอาเฟยมีความสุข
เขาก็มีความสุขตามไปด้วยแล้ว
มือใหญ่ยกกาแฟขึ้นจิบในขณะที่เอนหลังพิงพนักเก้าอี้ด้วยท่าทางสบายๆ…เขาทำเหมือนไม่รู้สึกถึงอะไร
ทั้งๆที่ความจริงเขารู้ตัวตั้งแต่ออกจากคอนโดแล้วว่า…มีใครบางคนกำลังสะกดรอยตามและแอบถ่ายรูปเขากับเฟยเฟยมาตลอดทาง
“จับตัวมันมาให้ได้” และนั่นก็คืออีกคำสั่งที่เขาบอกอาเธอร์นอกจากให้เอารถมารับ
หมอนั่นไม่น่าจะเป็นนักข่าว
เพราะเขาไม่ใช่ดารานักร้อง
มาตามปาปารัซซี่นักธุรกิจอย่างเขาไปก็เอาไปเขียนข่าวขายอะไรไม่ได้หรอก
จะมีกี่คนสนใจกันว่าเจ้าพ่อวงการค้าเพชรจะไปเดตกับใคร
แล้วส่วนใหญ่ก็รู้กันอยู่แล้วด้วยว่าเขาสนิทกับบ้านอาอี้ป๋อ
เขาจะไปไหนมาไหนกับน้องชายอย่างหวังเฟยเฟยจึงไม่ใช่เรื่องแปลกเลย
ทางที่เป็นไปได้ก็คงมีอยู่แค่อย่างเดียว…คู่แข่งทางธุรกิจ
ตอนนี้เขายังนึกไม่ออกว่ามันเป็นใคร
สะกดรอยตามเขาด้วยเรื่องอะไร ตั้งแต่ก้าวขึ้นมาเป็นนายใหญ่ของDiamond crown ศัตรูของเขาก็มีเต็มไปหมด
มือใหญ่เสยเส้นผมที่เปียกลู่ขึ้นไป
สายน้ำอุ่นๆจึงกระทบใบหน้าทำให้รู้สึกผ่อนคลายจากความเหนื่อยล้าที่ต้องไปตะลอนทั่วอากิบะมาทั้งวัน
ร่างกายผู้ชายที่สมส่วนยืนนิ่งๆให้สายน้ำชำระล้างฟองสบู่ออกไป
ถึงจะมาทางสายนักธุรกิจที่ใช้แต่สมอง
แต่ด้วยความที่บ้านเขาเป็นแบบนั้นมาทั้งตระกูล
คุณปู่จึงเคยบังคับให้เขาเรียนพวกศิลปะการป้องกันตัวแถมยังเคยจับเขาไปฝึกกับพวกทหารด้วย
ร่างกายของเขาจึงไม่ได้ผอมแห้งแต่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อแข็งๆที่ผู้ชายด้วยกันยังอิจฉา
เขาปล่อยให้สายน้ำไหลลงไปตามกล้ามหน้าท้องที่ขึ้นเป็นซิกแพ็คอย่างชัดเจน
ใบหน้าหล่อเหลาอมยิ้มเมื่อนึกถึงวันหนึ่งในฤดูที่ร้อนที่สุดของจีน
มันตรงกับช่วงปิดเทอมไฮสคูลปีสองของเขา
ในขณะที่เขากำลังเก็บของเตรียมบินไปอิตาลีอย่างที่เขามักจะไปทุกๆปิดเทอม
แต่โทรศัพท์จากคุณปู่ก็ทำให้เขาต้องเปลี่ยนแผนกะทันหันและไปลงที่ปักกิ่งเสียก่อน
คุณปู่บอกแค่ว่ามีธุระด่วน
และเมื่อเขาเหยียบสนามบินปักกิ่ง
เขาก็ถูกคุ้มตัวไปยังค่ายทหารราวกับเป็นผู้ร้ายข้ามแดนยังไงอย่างงั้น
เขาพยายามติดต่ออาอี้ป๋อให้มาช่วย
แต่เจ้าอาบ้านั่นกลับบอกแค่ว่านี่คือสิ่งที่ผู้ชายตระกูลหวังทุกคนต้องเจอ
ยังไงก็เอาชีวิตรอดมาให้ได้ล่ะหลานรัก~ มันน่านัก!
เขายังไม่ยอมแพ้ด้วยการพยายามติดต่อไปหาพ่อ
แต่พ่อเขากลับเห็นดีเห็นงามด้วยซะงั้นทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ไม่ว่าปู่จะพูดอะไรก็ปฏิเสธมาตลอด
ตลอดปิดเทอมฤดูร้อนนั้นเขาถูกฝึกโหดยิ่งกว่าทหารเสียอีก
จากเด็กไฮสคูลทั่วไปกล้ามก็มาจากไหนไม่รู้เต็มตัว
แต่ละวันๆเหนื่อยจนหัวถึงหมอนก็หลับทันที ไม่มีเวลาคิดถึงเรื่องอะไรอีก
แม้แต่เจ้าลูกกระต่ายก็ไม่ได้เห็นหน้า
นั่นคงเป็นปิดเทอมฤดูร้อนที่ทรมานที่สุดของเขาแล้ว
แต่มาถึงตอนนี้
เขากลับนึกขอบคุณความเข้มงวดของคุณปู่ในครั้งนั้น เพราะจุดสูงสุดที่เขายืนอยู่มันอันตรายมากจริงๆ
หากเขาป้องกันตัวยังไม่ได้เขาจะไปปกป้องเฟยเฟยได้ยังไง
แกร่ก!
เสียงเปิดประตูทำให้เขาหลุดจากความคิดของตัวเอง
ใบหน้าที่มีหยดน้ำเกาะพราวหันไปมองผ่านกระจกกั้นห้องอาบน้ำ เฟยเฟย?
“อ๊ะ?!” เจ้าลูกกระต่ายที่จู่ๆก็โผล่พรวดเข้ามาถึงกับผงะไป
ร่างในชุดนอนฮู้ดหูกระต่ายสีแดงรีบหันหลังควับทันที อ่า…เขาเคยชินกับบ้านที่ไม่มีกลอนล็อคประตูที่แคนาดาของเขา
เลยไม่ได้ล็อคห้องน้ำ
ส่วนเจ้าลูกกระต่ายก็เคยชินกับการอยู่กับพี่ชายฝาแฝดที่อาบน้ำด้วยกันมาตั้งแต่เกิดเลยเผลอเปิดเข้ามาอย่างเคยตัว
“ขะขะขะ ขอโทษ เฟยไม่เห็นอะไรเลยนะ! มีน้ำติดเต็มกระจกเลยนะ! แล้วทำไมพี่ไม่ล็อคประตูเนี่ย?!” เขาเผลอยิ้มเมื่อมองเห็นใบหูที่ค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีแดงจัดของคนที่ยืนหันหลังยุกยิกๆนั่น
จุดที่อาเฟยรู้สึกเขินอายเวลาเห็นร่างกายเปลือยเปล่าของเขาแบบนี้มันยิ่งทำให้เขารู้ว่าเขาต่างจากอี้คุนในความรู้สึกของเฟยเฟย
“ก็ไม่คิดว่าจะมีลูกกระต่ายลามกมาแอบดูชั้นอาบน้ำน่ะสิ”
ริมฝีปากยกยิ้มในขณะที่เอ่ยแซวออกไป
“คะ ใครแอบดูพี่อาบน้ำ?! ไม่ใช่ซักหน่อย
เฟยจะมาเอายางมัดผมต่างหาก!” เสียงนุ่มแก้ตัวตะกุกตะกัก
สีแดงลุกลามไปจนถึงลำคอแล้วน่ะ
“ยางมัดผม?” ดวงตาคมกล้าเหลือบมองไปที่ชั้นวางแชมพูก่อนจะเห็นยางมัดผมรูปกระต่ายสีแดงห้อยอยู่ที่ขวดครีมอาบน้ำ
เจ้านี่เองสินะ
มือใหญ่ปิดก๊อกฝักบัวทำให้เสียงน้ำที่เคยไหลซ่าๆหยุดลงเหลือเพียงเสียงติ๋งๆของหยดน้ำที่ไหลลงจากตัวเขายามก้าวเดินออกมาจากห้องอาบน้ำ
ยางมัดผมถูกหยิบติดมือมาด้วย
ส่วนคนที่ยืนหันหลังให้ก็ยิ่งเกร็งไหล่เพราะคงเดาความเคลื่อนไหวของเขาได้จากเสียงที่ก้องอยู่ในห้องน้ำแค่นี้
ใบหน้าแดงจัดค่อยๆช้อนสายตาขึ้นมองเงาสะท้อนในกระจก…เขา…ผู้มีเพียงร่างกายเปลือยเปล่าขยับไปยืนซ้อนอยู่ข้างหลังร่างโปร่งทำให้ใบหน้ามนยิ่งลนลาน
ถึงจะไม่ได้มองเห็นทั้งหมดเพราะตัวเองยืนบังอยู่แต่เจ้าลูกกระต่ายขี้อายก็ถึงกับทำอะไรไม่ถูกเพราะเพิ่งเคยเห็นเขาแบบเปลือยๆเป็นครั้งแรก
“อยู่นิ่งๆ” เสียงทุ้มที่จงใจใส่จังหวะหายใจให้เซ็กซี่กระซิบลงที่ใบหูบาง
ใบหน้าที่แดงมากอยู่แล้วยิ่งแดงหนักขึ้นไปอีก ไหล่บางห่อเกร็ง ดวงตาคู่โตก็หลับปี๋
เขาถึงกับหัวเราะในลำคออย่างเอ็นดู
“........”
ฝ่ามือที่ยังไม่แห้งดียกขึ้นก่อนจะรวบกระจุกผมหน้าม้าของเฟยเฟยด้วยความนุ่มนวล
มืออีกข้างก็กางยางมัดผมก่อนจะค่อยๆมัดให้ กล้ามอกแข็งๆบางส่วนสัมผัสโดนแผ่นหลังบางจนเจ้าของร่างถึงกับสะดุ้งน้อยๆ
จะถอยหนีก็ไม่ได้เพราะผมสีดำกำลังถูกมัดให้อยู่
ไอร้อนและลมหายใจอุ่นๆคลอเคลียอยู่กับต้นคอขาวจนเจ้าลูกกระต่ายแทบจะแดงไปทั้งตัว
กลิ่นแชมพูและครีมอาบน้ำผสมกับกลิ่นกายสดๆใหม่ๆยิ่งทำให้คนที่ถูกท่อนแขนแข็งแรงโอบล้อมไว้เริ่มตาลาย
เขาเหลือบมองภาพในกระจกเงาด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
และทุกครั้งที่ดวงตากลมโตเผลอช้อนมองขึ้นมาสบตากับเขา
มันก็ต้องรีบผลุบไปมองทางอื่นอย่างเขินอาย…น่ารักจริงๆ…
ริมฝีปากค่อยๆขยับเข้าไปหาแก้มใสอย่างเชื่องช้า
ใช้ลมหายใจเข้าไปคลอเคลียก่อนราวกับจะขออนุญาติ
และเมื่ออีกฝ่ายไม่มีทีท่าว่าจะผลักไสเขาออกมา…
กลีบปากของเขาก็ค่อยๆจรดกดจูบแก้มใสอย่างนุ่มนวล
สองแขนแข็งแกร่งละจากกลุ่มผมสีดำแล้วรวบลำตัวบางเข้ามา
จนแผ่นหลังของอาเฟยแทบจะจมหายลงไปในแผ่นอกของเขา
ตอนนี้...ระหว่างร่างกายของเรามีเพียงเสื้อฮู้ดสีแดงกั้นเท่านั้น
ริมฝีปากละจากจุดเดิมก่อนจะกดจูบไปทั่วแก้มใส
กลิ่นของลูกกระต่ายทำให้รู้สึกหน้ามืดตามัวจนเผลอสอดมือเข้าไปใต้เสื้อสีแดง…
อ่า…
ไม่อยากจะหยุดแค่นี้เลยจริงๆ…
“เสร็จแล้ว” เสียงทุ้มทำให้คนที่ยืนหลับตาอย่างเคลิบเคลิ้มไปกับรสสัมผัสที่แสนอ่อนโยนเบิกตาโพลงขึ้นมา
แล้วยิ่งดวงตากลมโตคู่นั้นมองเห็นว่าเขากำลังอมยิ้มน้อยๆอยู่ในกระจกเงา
เจ้าตัวยิ่งเลิ่กลั่กไปใหญ่
มือบางรีบตะครุบไปที่จุกหน้าม้าหลังจากพบว่ามันถูกมัดไว้อย่างเรียบร้อย
“งะ งื้อ! เสร็จแล้วก็ถอยไปสิ!” เจ้าลูกกระต่ายขี้อายรีบแหวกอ้อมแขนของเขาก่อนจะรีบวิ่งพรวดพราดออกไปจากห้องน้ำ
เขามองตามแผ่นหลังสีแดงนั่นไปอย่างพยายามสะกดกลั้นอารมณ์เต็มที่
"......"
ใบหน้าหล่อเหลาก้มมองหว่างขาของตัวเองด้วยสายตาเรียบเฉย...ต้องจัดการจนได้สินะ...
หวังอี้หยางเดินออกจากห้องน้ำมาก็เห็นว่าเจ้าลูกกระต่ายได้นอนคลุมโปงหนีเป็นที่เรียบร้อย
แต่ที่เขารู้ว่าอีกฝ่ายยังไม่หลับก็เพราะว่าผ้าห่มนั่นขยุกขยิกอยู่ตลอดเวลา
เขาทอดสายตามองเจ้าก้อนกระต่ายด้วยความเอ็นดู
ร่างในชุดนอนสีดำนั่งลงไปทำให้เตียงยุบยวบ
เขาจงใจขยับไปชนก้อนโปงผ้าห่มเพื่อให้รู้ว่าเขานั่งอยู่ข้างๆ
และเขาก็รู้ด้วยว่าจะล่อลูกกระต่ายขี้อายออกมาจากโพรงได้ยังไง
-ปิ๊บ-
มือใหญ่กดรีโมทเพื่อเปิดโทรทัศน์
เสียงผู้บรรยายของรายการแข่งขันฟอร์มูล่าวัน สนามบราซิลดังขึ้นทันที
[ไฟเขียวแล้วครับ ตอนนี้พิตเลนเปิดแล้ว เป็นอันว่าการควอลิฟายใน Q1 ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว~]
ดวงตาคมกล้าเหลือบมองโปงผ้าห่มที่เริ่มมีการเคลื่อนไหว
เจ้าลูกกระต่ายค่อยๆโผล่หัวสีดำออกมานิดๆ...ได้ผลจริงๆด้วยแหะ
[แต่ฟ้าครึ้มมากเลยครับ พยากรณ์อากาศบอกว่าจะมีฝนในอีก10นาที ตอนนี้รถของทุกทีมจึงต้องรีบออกมาวิ่งจับเวลา โอ้
เรียงแถวกันขนาดนี้คงติดการจราจรแน่นอนเลยครับ แต่ก็ยังดีกว่าวิ่งตอนฝนตกนะครับ]
"ห๊ะ?! ฝนจะตกเหรอ?!" คราวนี้เจ้าลูกกระต่ายถึงกับเด้งพรวดออกมาจากโปงผ้าห่มจนเขาแอบขำ
ความกระต่ายตื่นตูมนี่ไม่แพ้ใครเลยจริงๆ
"อี้คุนออกมารึยังเนี่ย? พี่เห็นไหม?"
ใบหน้าใสหันมาถาม ความอายหายเป็นปลิดทิ้งเชียวนะ
"ออกไปแล้ว วิ่งอยู่คันแรกเลย เรื่องพยากรณ์อากาศไม่ใช่ว่าทีมเฟอร์รารี่จะดีกว่าใครรึไง?"
เพราะมีปัญหากับแทรคเปียกมาตลอดนั่นแหละเลยต้องอุดด้วยทางอื่น
ทั้งข้อมูลเรื่องฟ้าฝนที่เหมือนจ้างคนคอยรายงานอยู่รอบสนาม
ทั้งคุณไสยปักตะไคร้สารพัด...
แล้วก็เป็นอย่างที่ผู้บรรยายบอก
แต่ละทีมออกมาวิ่งจับเวลาได้แค่รอบสองรอบฝนก็เทลงมาอย่างหนักจนต้องหยุดควอลิฟายชั่วคราว
เวลาของหวังอี้คุนแห่งทีมเฟอร์รารี่จึงดีที่สุดในกริดณ.ตอนนี้
สิบนาทีผ่านไปก็แล้ว...ครึ่งชั่วโมงก็แล้ว...แต่ตอนนี้ภาพหน้าจอการถ่ายทอดสดกลับเป็นพวกทีมวิศวกรว่างงานที่หาทำเรือแข่งกันแทนที่จะเป็นรถF1!”…ก็นะ...
พิตเลนที่กลายสภาพเป็นคลองอย่างดีจะให้พวกอยู่ไม่สุขนี่อยู่เฉยๆก็คงไม่ได้
หน้าพิตการาจแต่ละทีมจึงมีตั้งแต่เรือขวดพลาสติก เรือเศษอะไหล่ ไปจนถึงเรือเป็ด(?)ลอยอยู่เต็ม…
แล้วการหยุดควอลิฟายชั่วคราวก็ไม่ได้ทำให้เดือดร้อนแค่คนในสนาม...ทางนี้เองก็กำลังแย่แล้วเหมือนกัน…
เจ้าลูกกระต่ายนั่งสัปหงกโงนเงนพิงหัวเตียงอยู่ข้างๆ
ไหล่หนารับรู้ถึงน้ำหนักที่เอนมาซบจึงทำให้เขาละสายตาจากแฟ้มเอกสารขึ้นมามอง
หลับแล้ว?
ดวงตากลมโตที่หลับพริ้มทำให้เขาอมยิ้ม...สงสัยวันนี้จะเดินจนเหนื่อย
เขาปล่อยให้ใบหน้ามนซบไหล่เขาต่อไป
การอยู่ใกล้ๆจนรู้สึกถึงไออุ่นของกันและกันแบบนี้มันทำให้เขารู้สึกดี
แฟ้มเอกสารถูกอ่านจนหมดและเขาคงจะอยู่อย่างนั้นต่อถ้าไม่ต้องออกไปทำธุระบางอย่าง
ดวงตาคมกล้าเหลือบมองนาฬิกาอย่างช่วยไม่ได้
คงได้เวลาแล้วสินะ?
มือใหญ่ค่อยๆช้อนหัวและลำตัวบางให้นอนลงดีๆ
ผ้าห่มถูกดึงมาคลุมให้เรียบร้อย ก่อนที่ริมฝีปากร้อนจะจุมพิตลงบนหน้าผากใสแผ่วเบา
"เดี๋ยวชั้นมานะ"
ร่างสูงสง่าลุกขึ้นไปเปลี่ยนชุดนอนก่อนจะเดินออกมารับเสื้อโค้ทเข้ารูปสีดำจากเลขาที่ยืนรออยู่แล้ว
"นายอยู่กับเฟยเฟยที่นี่แหละ ทางนั้นเดี๋ยวผมจัดการเอง"
เขาเอ่ยบอกกับอาเธอร์ก่อนจะเดินออกจากห้องไปในยามวิกาล
เมอร์ซิเดสเบนซ์สีดำจำนวน3คันพุ่งทะยานจากคอนโดย่านมารุโนะอุจิสู่อ่าวโตเกียว
ก่อนที่ทั้งหมดจะจอดลงหน้าโกดังแห่งหนึ่งซึ่งเช่าไว้ในนามของตระกูลหวัง ไม่ใช่Diamond
crown
ท่าเรือขนส่งสินค้าขนาดใหญ่แห่งนี้ไม่เคยหลับใหล
เพราะมีตู้คอนเทรนเนอร์นับหมื่นนับแสนถูกเคลื่อนย้ายอยู่ตลอดเวลาทำให้ไม่ว่าเสียงอะไรก็ถูกกลบได้อย่างง่ายดาย
รวมถึงเสียงร้องโหยหวนขอชีวิตนี่ก็ด้วย
ประตูโกดังที่แทบไม่ต่างจากโกดังร้างถูกเปิดออก
เหล่าชายฉกรรจ์ที่มีรอยสักอยู่บนแขนขวาต่างแหวกทางให้ร่างสูงสง่าซึ่งสวมโค้ทสีดำเดินเข้าไปในจุดที่มีใครบางคนถูกมัดอยู่กับเก้าอี้
นายใหญ่ของDiamond crown ทอดสายตามองใบหน้าบวมปูดที่คงจะถูกซ้อมให้สารภาพมาตั้งแต่เมื่อเย็น
เสียงร้องเงียบไปเพราะดูเหมือนอีกฝ่ายจะสลบไปแล้ว
“ยอมพูดรึยัง?”
“ครับ หมอนี่เป็นแค่นักสืบที่ทำงานตามที่ว่าจ้างมาเท่านั้นครับ”
“ใครเป็นคนจ้างมา”
“แก๊งค้ายาของเม็กซิโกครับ” …..เกี่ยวกับ…เหมืองฮาเอลสินะ?
“พวกนั้นจ้างให้นักสืบคนนี้ตามดูชีวิตประจำวันของนายครับ
เพราะอยากรู้ว่าจะมีอะไรที่ใช้ต่อรองเรื่องการซื้อเหมือง Hael ได้บ้างน่ะครับ” ใบหน้าหล่อเหลาเหยียดมองชายที่ถูกซ้อมจนไม่เหลือเค้าเดิมด้วยแววตามืดมน…พวกนั้น…ก็เริ่มลงมือแล้วสินะ? ไม่ได้มีแต่เขาฝ่ายเดียวที่เริ่มทำอะไรบางอย่างเพื่อให้ได้เหมืองเพชรสีน้ำเงินมาไว้ในกำมือสินะ
“ใช้ประโยชน์จากหมอนี่ซะ ให้มันส่งข้อมูลของผมต่อไป
เฉพาะเรื่องที่เราอยากให้พวกมันรู้” เพราะถ้าจู่ๆหมอนี่หายตัวไป
พวกนั้นต้องรู้แน่ว่าโดนเขาจับได้ แล้วก็คงจะสรรหาทางใหม่มาก่อกวนเขาอยู่ดี
ซึ่งมันน่ารำคาญ
“ครับนาย”
“แล้วก็…เอารูปและเรื่องของเฟยเฟยออกให้หมด
คงรู้ใช่ไหม? ว่าถ้าเฟยเฟยเป็นอันตรายขึ้นมา…พวกนายจะโดนอะไร?” เสียงทุ้มเอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก
ไม่มีใครใน Diamond crown ที่ไม่รู้ว่าหวังเฟยเฟยมีความสำคัญขนาดไหน
“ครับนาย…”
ชายเสื้อโค้ทโบกสะบัดไปตามจังหวะการก้าวเดิน
ลมทะเลเย็นๆพัดมาปะทะใบหน้า
อันที่จริงเขาก็อยากจะใช้การเจรจาด้วยสันติอยู่หรอกเพราะเขาเบื่อที่จะต้องรบรากับแก๊งผู้มีอิทธิพลแล้ว
แต่ถ้าอีกฝ่ายคิดจะแตะต้องเพชรแห่งหัวใจของเขา…มันก็อีกเรื่อง
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
520
N.
To
be con.
โอ้โห
หายไปนานมากเลยเรื่องนี้55555
//ยังมีหน้ามาหัวเราะถถถ
จริงๆก็ไม่ได้ไปไหนไกล
แต่แว่บไปปั่น juunana
sai ของป๋อจ้านอีกเรื่องนึงอยู่ค่ะ ลงจนถึงตอน10แระ เรียกได้ว่าปิดคดีฆาตกรรมในโรงไคจิแล้วแหละ เหลือบทสรุปอีกตอนนึง555
ใครสนใจฟิคพีเรียดญี่ปุ่นยุคไทโชแนวสืบสวนสอบสวนก็เชิญอ่านล่ายน้า
ป๋อเป็นตำหนวดที่ไปสืบคดีฆาตกรรมในโรงเรียนประจำชายล้วนที่พี่จ้านเรียนอยู่ค่ะ
=////= พระนายก็คือจีบกันชวนตัวบิดตัวงอมากเรื่องนั้น >////<
แล้วก็จากคอมเม้นต์ของตอนที่แล้วก็มีคนถามมาค่ะว่าฟิคตอนนี้เกิดก่อนหรือหลังตอนที่ไปกักตัวโควิดอยู่ที่แคนาดา
จริงๆตอนญี่ปุ่นนี่เกิดทีหลังค่ะ ตอนโควิดที่แคนาดานั่นเฟยเฟยยังอยู่ปีสองอยู่ค่ะ แต่ตอนญี่ปุ่นนี่จบปีสามแล้วกำลังจะขึ้นปีสี่ ^ ^ ต้องขออภัยในความสับสนนี้555
ด้วยความที่ไม่ใช่เนื้อเรื่องหลักก็เลยแบบ นึกอะไรออกก็เขียนเลย ^
^” ช่วงเวลามันเลยสลับๆกันไปมา
ยังไงเดี๋ยวเรียงไทม์ไลน์ของตอนพิเศษให้นะคะ
1.จะรักตลอดไป (ป๋อจ้าน ยังไม่มีลูก)
2.ผีเสื้อสีรุ้ง **ยังไม่ได้ลง** (ป๋อจ้าน ยังไม่มีลูก)
3.520
bpm.[again] (เน้นป๋อจ้าน เด็กแฝดอายุ 8 ปี)
การดูแลลูกๆของพ่อสิงโต
4.520
bpm. (เน้นป๋อจ้าน เด็กแฝดอายุ 13 ปี)
การดูแลลูกๆของแม่กระต่าย
5.520
carat. (เน้นอี้หยาง เด็กแฝดอายุ15ปี)
อี้หยางกับเฟยเฟยที่ไปแข่งฟิสิกส์โอลิมปิกที่แคนาดา
6.520
km/hr. (เน้นอี้คุน เด็กแฝดอายุ17ปี)
อี้คุนกับเฟยเฟย ชีวิตประจำวันของเด็กแฝด
7.520
km/hr.[again] **ยังไม่ได้ลง** (เน้นอี้คุน เด็กแฝดอายุ 18ปี) อี้คุนกับการขับรถ F1 ของเฟอร์รารี่ครั้งแรก
8.520
N. (เน้นเฟยเฟย เด็กแฝดอายุ 19ปี)
เรื่องเล่าผ่านภาพถ่ายของเฟยเฟย
9.520
carat.[again] (เน้นอี้หยาง เด็กแฝดอายุ20ปี) อี้หยางกับเฟยเฟยกักตัวช่วงโควิดอยู่ที่แคนาดา
10.520
N.[again] (เน้นเฟยเฟย เด็กแฝดอายุ 22ปี)
อี้หยางกับเฟยเฟยที่ไปฝึกงานที่ญี่ปุ่น
ทีนี้จะมาพูดถึงชื่อของตอน
520
กันหน่อย ก็จะเห็นว่าที่ต่อท้าย 520 ทั้งหมดคือหน่วย
ซึ่งแต่ละหน่วยก็จะสื่อถึงคนที่เน้นในตอนนั้นๆ
520
carat. กะรัตก็คือหน่วยของเพชร
เพราะงั้นจึงเป็นตอนที่เน้นเรื่องราวของหวังอี้หยางที่เป็นเจ้าพ่อวงการค้าเพชร
520
km/hr. กิโลเมตรต่อชั่วโมงคือหน่วยของความเร็ว
เพราะงั้นจึงเป็นตอนที่เน้นเรื่องราวของหวังอี้คุนที่เป็นนักแข่งรถ
520
N. นิวตันคือหน่วยของแรง เพราะงั้นจึงเป็นตอนที่เน้นเรื่องราวของหวังเฟยเฟยที่เก่งฟิสิกส์รวมถึงพวกการออกแบบรถ
520
bpm. beats per minuteคือหน่วยของอัตราการเต้นของหัวใจ
เพราะงั้นจึงเป็นตอนที่เน้นเรื่องราวของป๋อจ้านที่จะสื่อถึงความรักของพวกเขาสองคน
อห.ตอนพิเศษนี่แทบจะรวมได้อีกเล่มนึงแล้วไหม555 อยู่ๆก็มีถึง10ตอนซะงั้น แถมบางตอนยังมีไม่ต่ำกว่า5พาร์ท =[ ]= แต่มันแบบ...เวลาเจออะไรน่าสนใจก็อยากเอามาเขียนอ่ะแง๊
จริงๆเรื่องของอี้คุนกับแก๊งเพื่อนเลวนี่ก็อยากแต่ง orz…
ยะ
ยังไงก็ขอบคุณที่ยังตามอ่านกันอยู่นะค้า
ขอบคุณทุกๆคอมเม้นต์ทุกๆหัวใจทุกๆการโดเนทมากๆๆค่า แล้วเจอกันตอนหน้าน้า
ปล.ถ้ำเสือที่พูดถึงในฟิคตอนนี้ก็คือร้าน
Tora
no ana ค่ะ เผื่อใครอยากไปแสวงบุญ(?) กร๊ากกกก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น