ป๋อจ้าน Au S.Fic [หวังอี้ป๋อ x เซียวจ้าน] Juunana Sai : 17ฝน : 07

 

ป๋อจ้าน Au S.Fic [หวังอี้ป๋อ x เซียวจ้าน]   Juunana Sai : 17ฝน  : 07

 

: ป๋อจ้าน Fanfiction Au

: หวังอี้ป๋อ x เซียวจ้าน

: Period / Romance / Suspense / Mystery / Crime

: NC-17

 

 

คำเตือน : เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ

           : เนื้อเรื่องต่อไปนี้เป็นเพียงจินตนาการของผู้เขียน ไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นจริงนะคะ

  

 


- วันนี้คุณครูเตือนเรื่องพายุเข้า แต่งานที่สภานักเรียนก็เยอะจนผมไม่มีเวลาไปเก็บผ้าที่ตากไว้

ลมแรงมาก ผ้าผืนหนึ่งปลิวเข้าไปในอาคารพยาบาลร้าง

ผมไม่อยากเข้าไปที่นั่นเลย

แต่ถ้าไม่ไปเอาวันนี้มันอาจจะหายไปเพราะผมคงต้องติดอยู่ในอาคารหอพักอีกหลายวันเพราะพายุ

ผมเจอเขาที่นั่น

เขานอนขดตัวหลับปุ๋ยราวกับแมวและไม่ได้รู้เลยว่าพายุกำลังจะมา –

 

 

 

- รู้จักกันแล้วแท้ๆ แต่ตอนเดินสวนกันเมื่อเช้าเขากลับทำเหมือนจำไม่ได้

ว่าใครเป็นคนลากเขากลับหอพักในวันที่พายุกำลังจะมา 

วันนี้ฝนก็ยังตกหนัก พวกเราออกไปไหนไม่ได้ –

 

 

 

- โชโงะ อัยและพรรคพวกหาเรื่องเขาอีกแล้ว

แค่แม่เขาเป็นเกอิชาใช่ว่าเขาจะต่ำต้อยกว่าคนอื่น

เจ้าห้าคนนั้นต่างหากที่นิสัยแย่เสียยิ่งกว่า

ผมเลยใช้กฎของโรงเรียนเล่นงานพวกนั้นไป –

 

 

 

- ดูเหมือนเขาจะชอบเซริซาว่าซังนะ?

เห็นชอบไปแอบดูที่ห้องดนตรีบ่อยๆ

แต่กับผม...เขาก็ยังทำเหมือนจำไม่ได้เช่นเคย –

 

 

 

- ทำไมพวกนั้นถึงชอบแกล้งเขานัก

แต่ทุกครั้งที่ผมเข้าไปช่วย

เขาก็จะแค่ขอบคุณเบาๆแล้วรีบวิ่งหนีไป

รังเกียจผมหรือยังไง? –

 

 

 

- ถึงจะรู้ว่าเขาเอาแต่หนีผม

แต่ทุกครั้งที่เห็นใครรังแกเขา

ผมก็อดเข้าไปขวางไม่ได้

ถึงจะไม่ได้รับคำขอบคุณก็ไม่เป็นไร

นับวันผมยิ่งละสายตาจากเขาไม่ได้ -

 

 

 

- ผมคิดว่าเขาต้องซ่อนตัวอยู่ในอาคารพยาบาลร้างแน่ๆ

เพราะที่นั่นไม่มีใครอยากเข้าไป

ผมจึงลองไปหาเขาที่นั่น

ผมเจอเขาจริงๆ

เขานอนหลับเหมือนวันแรกที่เจอกันไม่มีผิด

ผมนั่งรอจนกว่าเขาจะตื่น -

 

 

 

- เมื่อวานเป็นครั้งแรกที่ผมโดนทำโทษเพราะผิดกฎเสียเอง 

ผมนั่งรอเขาตื่น จนผมเผลอหลับไปเสียเอง

เมื่อต่างคนต่างตื่นขึ้นมาอีกทีฟ้าก็มืดแล้ว

เรากลับมาไม่ทันเวลาเช็คชื่อที่หอ 

และผมก็โกหกคุณครูเป็นครั้งแรก

ผมบอกครูว่าผมให้เขาช่วยงานอยู่ในห้องสภาเลยมาเช็คชื่อไม่ทัน

เขาดูร้อนลนมากที่ผมช่วยเขาด้วยการโกหกแบบนั้น

แต่ผมกลับรู้สึกสนุก

เพราะเขา ผมจึงหลุดออกมาจากโลกที่มีแต่กฎระเบียบได้ -

 

 

 

- วันนี้ผมไปหาเขาที่อาคารพยาบาลร้างอีก

น่าแปลก...อยู่ที่นี่เขาไม่ยักหนีผม

เขาโค้งให้ผมจนหน้าผากแทบจะชิดต้นขาแล้วพูดแต่คำว่าขอโทษ

ผมงงไปหมด

หลังจากที่ได้นั่งคุยกันดีๆ ผมจึงเพิ่งรู้ว่า ที่เขาหนีผม

เป็นเพราะเขาหวังดีกับผมจากใจจริง

เขาไม่อยากให้ผมโดนหางเลขไปด้วย

ไม่อยากให้ผมโดนดูถูกเหยียดหยามไปด้วย

ไม่อยากให้ใครรู้ว่าผมอยู่ข้างเขา

ต่อหน้าคนอื่นๆเขาจึงพยายามทำเป็นไม่รู้จักผม

 

ผมแทบจะถอนหายใจออกไปแรงๆ

ผมนึกว่าเขาเกลียดผมเสียอีก

 

แต่ถึงจะเข้าใจกันแล้ว เขาก็ยังไม่ยอมให้ผมเปิดเผยต่อคนอื่นๆ

ว่าเราเป็นเพื่อนกัน

อยู่ที่นี่จะทำอะไรก็ได้ แต่ถ้าอยู่ที่อื่นเราจะไม่รู้จักกัน

แน่นอนว่าผมคัดค้าน แต่พอเห็นเขาทำหน้าเศร้า

ผมก็ต้องยอมเขา -

 

 

 

- ถึงจะปกป้องเขาในฐานะเพื่อนไม่ได้

แต่ผมก็ยังใช้อำนาจของสภาปกป้องเขาได้อยู่

แล้วยิ่งหมู่นี้โชโงะ อัยถูกพักการเรียนเพราะไปหาเรื่องเซริซาว่าซัง

พวกห้าคนนั่นก็เลยสงบเสงี่ยมขึ้นมาก

ขอบคุณเซริซาว่าซังจริงๆที่ดัดสันดานของพวกนั้นให้ -

 

 

 

- ที่แท้เขาชอบเสียงไวโอลินของเซริซาว่าซังนี่เอง

ถึงได้คอยไปแอบฟัง

ไม่รู้ทำไมผมถึงได้โล่งใจขนาดนี้ -

 

 

 

- คืนนี้มีงานเทศกาลที่ศาลเจ้าในเมือง

นักเรียนส่วนใหญ่ลงเขาไปงานกันหมด

แต่ผมมีนัดกับเขา

เราเล่นพลุไฟเย็นเล็กๆกันที่ป่าหลังอาคารพยาบาล

ผมเพิ่งรู้ว่ามันสนุกมาก

หรือจะเป็นเพราะอยู่กับเขากันนะ? 

 

ที่โรงเรียนก็มองเห็นพลุ เรายืนดูพลุอยู่ด้วยกัน

สวยมาก...

ผมหมายถึงเขาที่อยู่ในชุดยูกาตะ -

 

 

 

- อาคารพยาบาลร้างกลายเป็นฐานทัพลับของเรา

เรานัดเจอกันที่นั่นทุกคืน -

 

 

 

- เขาเล่าเรื่องที่บ้านให้ฟัง ถึงจะไม่มีพ่อ แต่แม่ก็รักเขามาก

เราแลกเปลี่ยนเรื่องราวของกันและกัน

แม้แต่เรื่องในโรงเรียน ในสภานักเรียน ผมก็เล่าให้เขาฟังหมด

ผมสบายใจทุกครั้งที่อยู่กับเขา

ผมไม่ต้องใส่หน้ากากนักเรียนดีเด่น

ผมสามารถเป็นซาคาโมโต้ คาโอรุได้เมื่ออยู่กับเขา -

 

 

 

- การได้นอนอยู่บนตักเขาราวกับผมได้รับการปลอบโยน

คืนนี้ผมไม่ได้กลับไปนอนที่หอ -

 

 

 

- ความสัมพันธ์ของเรายิ่งถลำลึกขึ้นเรื่อยๆ

ผมคงตกหลุมรักรอยยิ้มของเขาเข้าให้แล้ว -

 

 

 

- เขาหลบหน้าผมและไม่มาที่อาคารพยาบาลร้างอีก

ผมเข้าใจและรู้ว่าเขาเองก็คงจะรู้สึกแบบเดียวกัน

ผมเองก็สับสน ผมนอนคิดอยู่หลายวัน

แต่ไม่ว่าจะคิดเท่าไหร่ หัวใจผมก็ยังร้องหาแต่เขา -

 

 

 

- ในหัววุ่นวายไปหมด ผมทนไม่ไหวแล้ว

เลยไปที่อาคารพยาบาลร้าง เจอเขาเข้าพอดี

เขาเองก็ทนไม่ไหวเหมือนกัน

เขาบอกเขาพยายามจะลืมผม แต่ก็ทำไม่ได้

 

ผมจึงถามเขาออกไปตรงๆ ว่าคบกันไหม?

เขานิ่งค้างไปนานจนผมนึกว่าเขาตกใจตายไปแล้ว

แต่จู่ๆเขากลับน้ำตาไหล เขาร้องไห้จนผมทำอะไรไม่ถูก

 

เขาบอกผมว่าเขาทั้งดีใจและทั้งเกลียดตัวเอง

ที่ทำให้ผมบิดเบี้ยว

ผมแค่รักเขา

ผมกอดเขานานเป็นชั่วโมงกว่าเขาจะสงบลง

 

เขาบอกรักผมและหากวันหนึ่งต้องเลิกลากันไป

ถ้าผมถูกที่บ้านจับหมั้นหมายกับหญิงอื่น เขาก็จะไม่ว่าอะไร

ผมดีใจมากที่เขายอมรับหัวใจตัวเองเสียที

แต่ผมจะไม่ยอมให้มีวันที่เขาพูดถึง ผมจะคัดค้านที่บ้าน

ไม่ว่ายังไงผมก็จะเลือกเขา -

 

 

 

- ท้องฟ้าที่อึมครึมหายไปแล้ว

ตอนนี้เราคบหากันแบบคู่รัก

เขาน่ารักมาก

ผมอยากเก็บรอยยิ้มน่ารักๆของเขาไว้

ผมจึงเอากล้องของสภานักเรียนมาถ่ายรูปเขา

เราไปที่ริมแม่น้ำด้วยกัน -

 

 

 

- วันนี้ ผมจูบเขา

ในโรงเก็บอาหารของโรงเรียน

สถานที่ไม่โรแมนติกเอาเสียเลย

แต่เขาน่ารักมากจนผมทนไม่ไหว –

 

 

 

- วันนี้เราไปอาคารพยาบาลร้างในตอนกลางวัน

เขาเรียนไม่เก่งเอาเสียเลย

ผมสอนการบ้านเขาหลายข้อ

เขาตั้งใจมาก เขาบอกอยากมีอนาคตที่ดี

เขาอยากอยู่ข้างๆผมและจะไม่ทำให้ผมอับอาย

หัวใจผมเต้นแรง เขาจีบผมอยู่ใช่ไหม?

ผมหยอกเย้าเขา เขาอายได้น่ารักมาก –

 

 

 

- เขายังชอบแอบไปดูเซริซาว่าซังสีไวโอลิน

เขาชอบเสียงของมันมาก

จนผมหยอกเขาไป

ว่าผมไปขอเรียนจากเซริซาว่าซังบ้างดีไหม?

เขาไม่ห้ามแถมยังทำตาเป็นประกายอีก

ไม่นะ –

 

 

 

- พรุ่งนี้ก็ปิดเทอมแล้ว ผมและเขาต้องแยกย้ายกันกลับบ้าน

เราจะไม่ได้เจอกันหนึ่งเดือน

ผมต้องคิดถึงเขาแย่แน่ๆ

 

คืนนี้เราเลยนัดเจอกัน

ผมทนไม่ไหว ผมขอกอดเขา เขาพยักหน้าเบาๆ

เรามีอะไรกัน –

 

 

 

- บ้านที่ไม่มีเขานั้นว่างเปล่าจริงๆ

ผมไม่ได้เล่าเรื่องของเขาให้แม่ฟัง

ผมอยากให้แม่เจอตัวเขาโดยตรง

เขาน่ารักขนาดนี้ แม่ต้องชอบเขาแน่ๆ

ผมคิดถึงเขาเหลือเกิน –

 

 

 

- ปิดเทอมช่างยาวนานเสียจริง

ผมพยายามทำอย่างอื่นและคิดถึงเขาให้น้อยลงบ้าง

แต่ทำไม่ได้เลย –

 

 

 

- ใกล้จะเปิดเทอมแล้ว ผมรีบมาโรงเรียนก่อนถึงสามวัน

ผมรู้ว่าเขาก็คิดถึงผมมากเช่นกัน

ในโรงเรียนที่ยังไม่มีใครมา

แต่ผมกลับเจอเขายืนยิ้มอยู่หน้าหอพัก

 

ผมกอดรัดเขาด้วยความคิดถึง

ตั้งแต่ในห้องนอนของผมไปจนถึงในห้องอาบน้ำ

ผมไม่ห่างจากตัวเขา

เรามีอะไรกันทั้งวันทั้งคืน –

 

 

 

- เขาต้องหนีผมไปปิ้งมันเผาอยู่ในป่าหลังโรงเรียน

ไม่งั้นผมคงไม่ยอมปล่อยเขาออกจากอ้อมแขน

ทำไงได้ผมคิดถึงเขาเหลือเกิน

เรานั่งเล่นอยู่ในป่าแบบนั้นทั้งวัน

วันนี้คนอื่นๆเริ่มกลับมากันแล้ว –

 

 

 

- ฤดูใบไม้ผลิไม่ได้มีแค่ดอกซากุระ

ผมไปเก็บดอกเนโมฟีลาจากในป่ามาให้เขา

มันเพิ่งจะบานและมีอยู่ไม่กี่ต้น

เขาอมยิ้มและดูจะชอบมันมาก

ดอกไม้ดอกน้อยๆที่มีสีฟ้าสดใส

เขาเอามันใส่ขวดน้ำไว้แล้วจ้องมองมันทั้งวัน

ส่วนผม ก็มองเขาอีกที -

 

 

 

- ผมจับมือเขาเดินฝ่าป่ารกครึ้มไปเรื่อยๆ

สองขาโดนหญ้าปาดบ้างแต่ใบหน้าของเราทั้งคู่กลับเต็มไปด้วยรอยยิ้ม

ใกล้จะหมดฤดูร้อนแล้วผมจึงอยากให้เขาได้เห็น

พอหลุดจากแนวป่าก็กลายเป็นทุ่งเวิ้งว้าง

ทั้งทุ่งเต็มไปด้วยดอกเนโมฟีลา

เขายืนตะลึงตาค้าง

แต่ตัวเขาที่ยืนอยู่ท่ามกลางดอกไม้สีฟ้าพวกนั้นกลับงดงามยิ่งกว่า -

 

 

 

- ผมวางแผนอนาคตไว้หมดแล้ว

และวันนี้ผมก็เล่าให้เขาฟัง

เขายิ้มและดูดีใจมาก

ผมสัญญาว่าจะอยู่กับเขาตลอดไป –

 

 

 

- อาคารพยาบาลร้างยังคงเป็นบ้านของผมกับเขา

เรายังเจอกันทุกวันเหมือนเดิม

เขาไม่เข้าใจสิ่งที่คุณครูสอนจึงมาถามผม

เขาตั้งใจเรียนมากจริงๆ

เราจะต้องมีชีวิตที่ดีอยู่ด้วยกัน -

 

 

 

- คืนนี้หิมะตก เซริซาว่าซังสีไวโอลินอีกแล้ว

ผมรู้เลยว่าเขาจะต้องไปอยู่ที่ไหนสักที่ที่จะสามารถฟังเสียงนั้นได้ชัดเจน

ทั้งๆที่เรานัดกันไว้แท้ๆนะ

สงสัยผมคงต้องไปเรียนไวโอลินจริงๆเสียแล้ว

ผมไปตามหาเขาก่อน –

 

 

 

ข้อความหมดลงเพียงแค่นั้น แต่สิ่งที่ทำให้สารวัตรหนุ่มแห่งสถานีตำรวจมัตสึโมโตะถึงกับขนลุกก็คือหน้าสุดท้ายของบันทึกเล่มนี้

 

มันไม่ได้มีตัวอักษรใดๆ แต่ทั้งหน้ากลับเต็มไปด้วยรอยขีดที่ดูไม่รู้เรื่องละเลงอยู่มากมาย...ราวกับคนเขียนไม่สามารถจะระบายมันออกมาเป็นคำพูดได้ แต่สิ่งที่อัดแน่นอยู่ในใจนั้นกลับมีมหาศาล

 

เส้นที่พันกันยุ่งเหยิงไปหมดเหมือนถูกขีดซ้ำๆซ้ำๆ ขนาดคนนอกอย่างเขามองแล้วยังรู้สึกถึงพลังแห่งความเคียดแค้นที่แผ่ออกมา อีกทั้งบางจุดยังมีรอยเหมือนถูกน้ำหยดใส่ หมึกที่เลอะซึมกระจายบ่งบอกว่าคนเขียนคงจะร้องไห้ไปด้วยแน่นๆ

 

ดีไม่ดี บันทึกหน้าสุดท้ายนี้อาจจะถูกเขียนขึ้นในวันที่คิมิสึกิ วายะโดดตึกฆ่าตัวตายก็ได้

 

 

นายตำรวจหนุ่มปิดบันทึกลงก่อนจะนึกทบทวนเรื่องราวทุกอย่าง

 

จากในบันทึกเล่มนี้มีความเป็นไปได้มากว่าคิมิสึกิ วายะอาจจะไม่ได้ฆ่าตัวตายเอง แต่มีคนทำให้ตกลงมาจากหอคอย...

 

เพราะคิมิสึกิ วายะในบันทึกของซาคาโมโต้ คาโอรุนั้นทั้งสดใสและเต็มไปด้วยพลังแห่งการเริ่มต้นใหม่ เด็กหนุ่มรอคอยอนาคตที่วาดฝันไว้ว่าจะอยู่ด้วยกันตลอดไป คิมิสึกิมีความรักและมีคนที่รักเขามากขนาดนี้ ไม่น่าจะคิดสั้นจนกระโดดลงมาเอง

 

ถ้าอย่างงั้น...ใครเป็นคนทำให้คิมิสึกิตกลงมา?

 

จะเกี่ยวข้องกับเด็กบ้านรวยห้าคนนั้นไหม?

 

เขานึกถึงเสื้อคลุมของคิเสะ ยูกิที่ตกอยู่กับมีดที่ใช้ฆ่าโชโงะ อัย...ถ้าคนร้ายไม่ได้คิดจะป้ายสีคิเสะ ยูกิ แต่เสื้อนั่นใช้แทนเครื่องหมายเตือนล่ะ?

 

เตือนว่าจะกลับมาแก้แค้น เตือนว่าเรื่องในคืนนั้นมีคนรู้เห็นว่าเด็กห้าคนนั้นทำอะไรลงไป...

 

“จิอากิซัง คุณพอจะจำได้ไหมว่าคิเสะ ยูกิไม่ได้ใส่เสื้อคลุมสีชมพูตัวนั้นตั้งแต่ช่วงไหน? ใช่หลังจากตอนที่คิมิสึกิคุงกระโดดหอคอยหรือเปล่า?”   เขาหันไปถามจิอากิซังที่ยังนั่งอยู่ด้วยกัน ใบหน้าหวานนิ่งคิดก่อนจะตอบออกมาว่า

 

“น่าจะใช่ครับ”   

 

ถ้าอย่างนั้นเขาก็มีสมมติฐานใหม่ ว่าคดีฆาตกรรมต่อเนื่องในครั้งนี้อาจจะมีมูลเหตุมากจากคดีของคิมิสึกิ วายะ

 

คิเสะ ยูกิอาจจะอยู่ในเหตุการณ์ที่คิมิสึกิ วายะตกตึกตาย จะเป็นคนทำหรือเปล่าเขาไม่แน่ใจ หรืออาจจะเป็นกลุ่มเด็กบ้านรวยทั้งกลุ่มเลยก็ได้?

 

หลังจากคิมิสึกิตกจากหอคอยไปแล้ว ในขณะที่เด็กห้าคนนั้นกำลังหนีอย่างแตกตื่น คิเสะ ยูกิอาจจะทำเสื้อตกไว้หรือมีเหตุบางอย่างให้จำต้องทิ้งเสื้อไปอย่างเช่นมีรอยเลือดหรือมีหลักฐานบางอย่างอยู่บนเสื้อ?

 

ซาคาโมโต้อาจจะไปเห็นเหตุการณ์ตอนนั้นเข้าเพราะเขาบอกว่าจะออกไปตามหาคิมิสึกิ

 

ซาคาโมโต้อาจจะเป็นคนเก็บเสื้อคลุมตัวนั้นได้?

 

ดูจากในบันทึกก็พอจะบอกได้ว่าซาคาโมโต้รักคิมิสึกิมากแค่ไหน หากได้เห็นคนรักตายไปต่อหน้าต่อตาน่าจะรับไม่ได้และทำใจได้ยาก ยิ่งรู้ว่าคนร้ายเป็นใคร ในใจอาจจะเต็มไปด้วยความโกรธเกลียดจนอยากจะแก้แค้น

 

ถ้าอย่างนั้น...บางที...ซาคาโมโต้ คาโอรุที่หายตัวไป อาจจะยังมีชีวิตอยู่และรอวันกลับมาแก้แค้นเด็กบ้านรวยทั้งห้าคนก็ได้?

 

...คนร้ายในคดีสยองขวัญที่เกิดขึ้นกับเด็กบ้านรวยสามคนนี้อาจจะเป็นฝีมือของซาคาโมโต้ คาโอรุก็ได้?

 

เพราะถ้าอ่านตามบันทึกแล้ว...ที่ที่พบศพของเด็กทั้งสามคน ล้วนเป็นที่ที่ซาคาโมโต้กับคิมิสึกิเคยใช้พลอดรักกัน มีความทรงจำที่ดีร่วมกันแทบทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นที่ริมแม่น้ำที่พบศพโชโงะ อัย , ที่โรงเก็บอาหารของโรงเรียนที่พบศพคิเสะ เคียวเฮ , ที่ห้องอาบน้ำที่พบศพนานาฮาระ ฮิโรกิ...

 

และสถานที่ในบันทึกที่ยังเหลืออยู่ก็มี...ในป่าหลังโรงเรียน ทุ่งเนโมฟีลา กับอาคารพยาบาลร้าง...

 

ถ้าอย่างงั้นตอนนี้...ก็นับว่าคิเสะ ยูกิกำลังตกอยู่ในอันตรายเป็นอย่างมาก?!

 

ไม่ได้การแล้ว!

 

“ผมต้องไประดมพลเพื่อออกตามหาคิเสะ ยูกิเดี๋ยวนี้ ถ้าผมเดาไม่ผิดคนร้ายน่าจะเป็นซาคาโมโต้ คาโอรุ และตอนนี้เป้าหมายของเขาคือคิเสะคุงแน่นอน”    เขาพรวดพราดลุกขึ้นก่อนจะรีบหยิบเสื้อนอกมาสวม จิอากิซังมีท่าทางตกใจแต่ก็มิวายช่วยเขาใส่เสื้อ

 

“คุณ คุณอยู่แต่ในห้องนะ อย่าออกไปไหน”    เขาหันไปกำชับจิอากิซังอีกรอบ

 

“ครับ อิตสึกิซังก็ระวังตัวด้วยนะครับ”    เขามองใบหน้าที่เป็นห่วงเขาอย่างรู้สึกเข้าใจซาคาโมโต้ขึ้นมาตะหงิดๆ ถ้าจิอากิซังโดนทำร้าย เขาจะกลายเป็นอย่างซาคาโมโต้ไหมนะ

 

 

 

 

แต่ก็ดูเหมือนจะไม่ทันแล้ว

 

ในขณะที่ร่างสูงยาวกำลังก้าวไปจะถึงอาคารหอประชุมซึ่งขณะนี้ถูกจัดเป็นที่พักชั่วคราวของตำรวจที่มาช่วยกันทำคดี  นายตำรวจคนหนึ่งก็วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาพร้อมกับตะโกนว่า

 

"พบตัวคิเสะ ยูกิแล้วครับ!"

 

 

 

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

 

To be con.

 

 

มีดอกเนโมฟีล่าให้ดูล่วยค่ะ

 Nemophila Menziesii | Baby Blue Eyes Wild Flowers At Their Best

 

สวยเนอะ =/////= เคยเห็นรูปที่ขึ้นเต็มพื้นป่าเลยอ่ะ สวยมว๊ากกกก อย่างกับในเทพนิยายเบย นึกถึงตัวละครวิ่งอยู่ในนั้นโรแมนติกน่าดู =////=

  

ขอบคุณทุกๆการติดตาม ทุกๆคอมเม้นต์ ทุกๆหัวใจและทุกๆยอดโดเนทด้วยนะคะ แล้วเจอกันตอนหน้าน้า ช่วงนี้กัปตันโป๊ะบ่อย น่าจะมีฟิคมาลงเรื่อยๆ โป๊ะทีก็หวีดที หันมาปั่นฟิคระบายความกรี๊ดในใจที5555



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น