ป๋อจ้าน Au.Fic [หวังอี้ป๋อ x เซียวจ้าน] GLIDE : 2x4 It’s me :
520 N. again [Part1]
: ป๋อจ้าน Fanfiction Au
:
หวังอี้ป๋อ x เซียวจ้าน
:
Romantic
:
NC-17
คำเตือน :
เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ
: เนื้อเรื่องต่อไปนี้เป็นเพียงจินตนาการของผู้เขียน
ไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นจริงนะคะ
: ข้อมูลจะไม่แน่นเท่า GLIDE
ภาคก่อนๆนะคะ เพราะภาคนี้ข้ามมา 2 ล้อ ตรูขี้เกียจหาข้อมูลฝั่ง Moto
GP โฟ้ยยยย // โดนตบด้วยหมวกกันน็อค
GLIDE
: 2x4 It’s me : Special Episode :
“520 นิวตัน”
.
.
.
ถ้าพูดถึงประเทศที่ขึ้นชื่อเรื่องรถไฟที่สุดในโลก
ทุกคนย่อมต้องนึกถึงประเทศญี่ปุ่นเป็นอันดับต้นๆ
นอกจากรถไฟของเอกชนที่มีมากมายแล้ว
การรถไฟแห่งชาติเองก็ยังครอบคลุมไปทั่วประเทศ เส้นทางรวมกันที่มีมากถึง 27,182 กิโลเมตร ทำให้ต้องแบ่งความดูแลในแต่ละภูมิภาคออกเป็น 6 บริษัทด้วยกัน JR Hokkaido , JR East , JR Central , JR West , JR
Shikoku และ JR Kyushu ทั้งหมดนี้คือกลุ่มบริษัท
Japan Railways หรือ JR Group ของญี่ปุ่นนั่นเอง
และ
Railway
Technical Research Institute หรือ RTRI ก็เป็นบริษัทวิจัยทางเทคนิคที่อยู่ภายใต้กลุ่มบริษัท
Japan Railways เป็นสถาบันวิจัยที่ออกแบบและพัฒนารถไฟที่ใช้กันอยู่ทั่วประเทศญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้
แล้วทำไมหวังอี้คุนจะต้องไปรู้เรื่องเกี่ยวกับรถไฟญี่ปุ่นพวกนี้ทั้งๆที่ตัวเองเป็นนักขับเอฟวันด้วยน่ะเหรอ?
นั่นก็เพราะเขาต้องช่วยเจ้าลูกกระต่ายตัวดีย้ายสำมะโนครัวมาอยู่ญี่ปุ่นเพราะบริษัทรถไฟพวกนั้นไงเล่า!
“อี้คุน อีกทีซิ วาล์วในห้องน้ำนี่มันยังไงนะ?” หวังเฟยเฟยวัย21ย่าง22ปีเดินหน้ามึนออกมาจากในห้องน้ำ
เขาเลยจำต้องเดินตามอีกฝ่ายเข้าไปใหม่
“นายจะอยู่คนเดียวได้แน่เหรอเนี่ย?” ใบหน้าหล่อเหลาดูเพลียๆในขณะที่เขียนอะไรบางอย่างลงไปในโพสอิทแล้วแปะไว้ที่ท่อน้ำกับวาล์วมันซะเลย
ทีท่อกระบอกสูบในเครื่องยนต์ตั้งเยอะแยะนั่นยังจำได้
กับอิแค่ท่อน้ำในบ้านไหงสอนตั้งหลายรอบถึงจำไม่ได้เนี่ย?
“ชั้นต้องไปสนามบินแล้ว ถ้ามีอะไรก็วีดีโอคอลมาแล้วกัน”
เขามองกระดาษโพสอิทที่ถูกติดไว้เต็มผนัง
ถ้าขนาดนี้ยังเอาตัวไม่รอดนี่ก็ไม่รู้จะว่าไงแล้ว
“จะไปแล้วเหรอ…” เจ้าลูกกระต่ายดูกังวลแต่เขาก็ไม่มีเวลาแล้วจึงต้องพยักหน้าอย่างจนใจ
“ไปกันเถอะ” เขาสะพายกระเป๋าก่อนจะเดินนำออกไป
เจ้าลูกกระต่ายทำหน้าหงอยก่อนจะปิดประตูห้องแล้วเดินตามมา
ในลิฟท์กระจกมีเพียงความเงียบงัน
ดวงตาคมกล้าเหลือบมองเงาของคนที่ยืนก้มหน้าอยู่ข้างหลัง เขารู้ว่าเจ้าลูกกระต่ายไม่อยากให้เขาไป
ใจเขาเองก็ห่วงอีกฝ่ายมาก แต่เขายังมีภาระ ยังมีหน้าที่ คนมากมายในทีมจะได้รับผลกระทบถ้าเขาทำตัวเกเร
ทีมช่างขาดไปยังมีคนแทนได้ แต่นักขับมีแค่คนเดียว ไม่มีใครแทนเขาได้
เขาเหลือบมองใบหน้ามนที่สะท้อนอยู่ในเงากระจก
ทั้งๆที่เลือกเป็นนักขับเพราะคิดว่าจะมีเวลาอยู่ดูแลอาเฟยมากกว่าการเป็นวิศวกร
แต่เอาเข้าจริงความรับผิดชอบมันกลับมีมากกว่า ทั้งๆที่ไม่อยากไปแต่ก็ต้องไป
ตอนนี้เขาถึงเพิ่งรู้...ว่าเส้นทางที่พี่อี้หยางเลือกนั้นถูกต้องกว่า…
เขาเสสายตากลับมามองผนังกระจกใสตรงหน้าด้วยความรู้สึกพะวงในใจ
ลิฟท์กระจกใสค่อยๆเคลื่อนที่ลงช้าๆจากชั้น35 เขามองเห็นตึกแลนมาร์คอย่างโตเกียวทาวเวอร์อยู่ไกลๆ
แสงไฟในโตเกียวนั้นแผ่ขยายจนสุดสายตา มันบ่งบอกว่าพวกเขากำลังอยู่ในเมืองใหญ่สุดแสนศิวิไลซ์โดยแท้
บรรยากาศยามค่ำคืนของที่นี่แตกต่างจากเมืองแสนสงบอย่างมาราเนลโล่มาก
อย่าว่าแต่มาราเนลโล่เลย ขนาดโรมที่เป็นเมืองหลวงเหมือนกันก็ยังต่างจากที่นี่ลิบลับ
เจ้าลูกกระต่ายไม่เคยอยู่คนเดียว
ไม่เคยใช้ชีวิตตามลำพัง แล้วนี่ยังอยู่ไกลจากบ้านตั้งไม่รู้กี่พันไมล์ ไกล...แล้วยังแตกต่างจากบ้านขนาดนี้
เฮ้อ… เขาลอบถอนหายใจก่อนจะต้องกัดริมฝีปากเพื่อให้ตัวเองก้าวขาออกจากลิฟท์ให้ได้
ไม่อยากทิ้งไว้คนเดียวแบบนี้หรอก แต่เขากับหม่าม้ามีแข่งที่บราซิล
ส่วนปะป๊าก็ติดธุระสำคัญอยู่ที่อิตาลี
“ชั้นขับเอง” มือใหญ่คว้ากุญแจรถมาจากมือบางก่อนจะก้าวขึ้นไปประจำที่คนขับ
เจ้าลูกกระต่ายนั่งลงมาที่เบาะข้างๆด้วยสีหน้าหงอยๆ
เสียงกระหึ่มดังทั่วลานจอดรถใต้คอนโดหรูในย่านมารุโนะอุจิของโตเกียว Ferrari Portofino M ถูกส่งมาจากเซี่ยงไฮ้เพื่อเอาไว้ให้หวังเฟยเฟยใช้ตอนอยู่ที่นี่ มือใหญ่ตบเกียร์ก่อนที่เจ้าม้าสีขาวจะทะยานออกจากคอนโดไป
ครั้งนี้มันต่างจากครั้งอื่นๆที่เคยไปพักค้างคืนแค่ไม่กี่วัน
เพราะคราวนี้เจ้าลูกกระต่ายต้องย้ายมาอยู่ที่โตเกียวเกือบสองเดือนเพื่อฝึกงานตามโปรแกรมของนักศึกษาภาควิชาออกแบบรถก่อนที่จะขึ้นปีสี่
RTRI ของ JR Group ที่มีสำนักงานใหญ่อยู่ในย่านมารุโนะอุจิ
กรุงโตเกียวก็คือสถานที่ฝึกงานของเจ้าลูกกระต่ายในครั้งนี้
แล้วเจ้าตัวดีนี่ก็นะ
เฟอร์รารี่แทบจะเปิดประตูทุกบานให้ก็ไม่เลือก คุณครูเทโอ้แทบจะมารอลากคออยู่หน้าบ้านก็ดันอินดี้อยากมาฝึกงานด้านออกแบบรถไฟซะงั้น
แน่นอนว่าถ้าจะเลือกการรถไฟอิตาลีอย่าง Trenitalia ก็ไม่ใช่เรื่องยากเพราะตัวท็อปของมหาวิทยาลัยอย่างเจ้าลูกกระต่ายบริษัทรถที่ไหนก็อยากได้ตัวทั้งนั้นต่อให้จะเป็นรถไฟก็เถอะ
แต่ก็ดันเลือกมาประเทศอันไกลโพ้นแถมรับปากอย่างดิบดีว่าอยู่ได้…
อยู่ได้ก็อย่าทำหน้าแบบนั้นสิฟ๊ะ
ฝ่าเท้าเหยียบคันเร่งอย่างไม่สบอารมณ์จนรถแรงม้าสูงพุ่งทะยานส่งเสียงกระหึ่มไปทั่วถนน
ก็รู้อยู่หรอกว่าอีกฝ่ายโตแล้ว ควรฝึกอยู่คนเดียวได้แล้ว
แต่คนเป็นห่วงยังไงมันก็ยังห่วงอยู่วันยังค่ำ
นี่เขามาช่วยย้ายของ
จัดห้อง พาไปดูที่ทาง จัดการทุกอย่างไว้ให้หมดแล้ว แต่ก็ยังอดห่วงไม่ได้อยู่ดี
ญี่ปุ่นไม่เหมือนอิตาลี ประเพณี วิถีชีวิต ผู้คน ไม่เหมือนเลยสักอย่าง
เขาจะกังวลว่าอาเฟยจะอยู่ไม่ได้ก็ไม่แปลก
จากคอนโดหรูย่านมารุโนะอุจิใช้เวลากว่าชั่วโมงกว่าจะถึงสนามบินนาริตะ
มือใหญ่หักพวงมาลัยเข้าไปยังอาคารที่จอดรถ
สะพานเชื่อมไปยังอาคารผู้โดยสารอยู่ตรงหน้า
เขาจึงหันไปมองคนที่นั่งอยู่ข้างๆอีกครั้ง
“ขับกลับเองได้แน่นะ?”
“อื้ม...แต่ว่า! ชั้นจะลงไปส่งนาย” เจ้าลูกกระต่ายหงอยทำฮึดสู้อยู่อึดใจหนึ่ง
เขาจึงยิ้มบางๆ
“ไปสิ” เขาก้าวขาลงจากรถ
เจ้าลูกกระต่ายลงมาเดินข้างๆเขาแล้วเข้าไปในอาคารผู้โดยสารขาออกด้วยกัน
เลขไฟล์ทของเขาขึ้นเป็นอันดับต้นๆของบอร์ดแล้วจึงไม่มีเวลาโอ้เอ้อีก
ถึงจะพยายามเดินอย่างเชื่องช้าแค่ไหนแต่จากเคาน์เตอร์เช็คอินไปจนถึงทางเข้าตม.มันก็ใกล้แสนใกล้
เขาหยุดยืนหน้าเชือกกั้น
จากตรงนี้ไปเจ้าลูกกระต่ายจะเข้าไปไม่ได้แล้ว คงต้องบอกลากันแค่นี้
ผู้เป็นพี่ชายหันกลับไปในขณะที่ใบหน้าที่ราวกับจะร้องไห้กำลังก้มกัดริมฝีปากมองพื้น
มือใหญ่จึงยกขึ้นวางบนหัวสีดำก่อนจะโยกไปมา
“ไม่เป็นไรน่า นายต้องอยู่ได้สิ” ดวงตาคมกล้าทอดมองน้องชายฝาแฝดเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะตัดใจหันหลังเตรียมจะเดินข้ามเส้นไป
ทว่า...แรงดึงจากชายเสื้อทำให้สองขาต้องชะงักงัน…
ไม่ต้องหันไปมองเขาก็รู้ว่านั่นคือมือของอาเฟย...
ถ้าอยู่คนเดียวไม่ได้ก็อย่ามาเสียไกลขนาดนี้สิ
ใบหน้าหล่อเหลาก้มมองพื้นก่อนจะถอนหายใจ
โธ่โว้ย!
ช่างแม่งแล้ว!
ร่างสูงสง่าตวัดตัวกลับไป
มือใหญ่ดึงข้อมือบางก่อนจะลากให้เดินตามมา ไม่ปงไม่ไปมันแล้วบราซิล!
“เอ๊ะ? อี้คุน? จะไปไหน?”
เจ้าลูกกระต่ายเงยหน้ามองเลิ่กลั่ก
เขาจึงหันไปตะโกนใส่ด้วยเสียงหนักๆ
“กลับโตเกียวกัน!”
Ferrari
Portofino M ทะยานออกจากสนามบินนาริตะด้วยฝีมือหวังอี้คุนอีกครั้ง
ใบหน้าหล่อเหลาสบถกับตัวเองโดยมีเจ้าลูกกระต่ายนั่งทำหน้าเหรอหราอยู่ข้างๆ
“อยากจะบ้าตาย อ๊า!” เขาทำหน้าเหมือนคนอยากจะบ้าจริงๆนั่นแหละ
แต่เขาจะใจแข็งทิ้งเจ้าลูกกระต่ายที่ทำหน้าแบบนั้นไว้ได้ไง อีกนิดเดียวก็จะร้องไห้แล้วไหมนั่น
ดวงตาใสแจ๋วหันมามองเขา
ทั้งทำหน้ารู้สึกผิดที่ทำให้เขาต้องทิ้งตั๋วเครื่องบินไป ทั้งโล่งใจที่เขายังอยู่ต่อ
ทั้งดีใจจนยิ้มทั้งที่น้ำตาคลอ
มือกระต่ายเกาะแขนเขาอย่างขอบคุณที่ไม่ทิ้งตนไว้คนเดียว
“บอกไว้ก่อนเลยนะ ว่าชั้นอยู่แค่คืนนี้ ยังไงพรุ่งนี้เช้าก็ต้องไปจริงๆนะ”
เขาจะทิ้งงานทิ้งการไม่ได้หรอก
ตอนนี้เขาเป็นนักขับของเฟอร์รารี่แล้ว
ใต้ธงม้าลำพองนั่นทำให้เขาต้องมีความรับผิดชอบอีกเป็นเท่าตัว
“อื้ม” เจ้าลูกกระต่ายพยักหน้ารับ
แต่ยังไงเขาก็ต้องหาทางทำอะไรสักอย่าง คนอื่นอาจจะคิดว่ามันจะอะไรนักหนา
แต่ถ้าคุณไม่ได้ถูกเลี้ยงมาแบบคุณหนูที่ไม่เคยถูกทิ้งให้อยู่ตัวคนเดียว
ไม่เคยเลยสักครั้ง คุณไม่มีทางเข้าใจความกลัวของเฟยเฟยหรอก
“.....”
มือใหญ่หยิบหูฟังบลูทูธขึ้นมาเสียบหู...ถ้าอยู่คนเดียวไม่ได้ก็ต้องหาใครสักคนมาอยู่เป็นเพื่อน...แล้วคนที่เขานึกออกตอนนี้
คนที่เขาไว้ใจพอจะฝากอาเฟยได้...ก็มีอยู่แค่คนเดียว
หวังอี้หยาง…
"พี่อยู่ไหน?" เขากรอกเสียงลงไปทันทีที่อีกฝ่ายกดรับโทรศัพท์
"สิงคโปร์"
"ทำไมมาอยู่แถวนี้ได้ฟ๊ะ?" ดีนะไม่บอกว่าอยู่จีนหรือเกาหลีใต้อะไรแบบนี้
ถ้าใกล้ขนาดนั้นเขาคงคิดว่าเจ้าพี่ชายนี่ตามสโตรกพวกเขาอยู่แน่
"ชั้นมาดูร้านเพชรใหม่ที่จะเปิดที่นี่ มีปัญหาอะไรไหม?"
"เรื่องนั้นน่ะไม่มีปัญหาหรอก"
"แล้วโทรมามีอะไร?"
"พี่...พอจะมีเวลาไหม ถึงแค่วันอาทิตย์นี้ก็ได้
ช่วยมาอยู่เป็นเพื่อนอาเฟยหน่อย" ถึงจะเจ็บใจที่ต้องขอร้องอีกฝ่ายอีกจนได้
แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกแล้ว
"โตเกียว?" เรื่องที่เจ้าลูกกระต่ายจะมาฝึกงานที่ญี่ปุ่นนั้นคนทั้งบ้านรู้กันดีอยู่แล้ว
แต่เพราะเจ้าตัววุ่นวายเคยรับปากอย่างเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าอยู่คนเดียวได้แน่
คนอื่นในบ้านก็เลยไม่ได้ห่วงอะไรเท่าไหร่
"ใช่"
"ได้สิ" พี่ชายรับปากทันทีจนเขาอึ้งหน่อยๆ
เจ้าสิงโตนี่ไม่มีงานมีการทำรึยังไง?
"เดี๋ยว พี่ว่างแน่นะ? เจ้าลูกกระต่ายนี่อยู่คนเดียวแค่ชั่วโมงเดียวก็อาจจะตายได้แล้วนะ
พี่แว่บไปไหนไม่ได้เลยนะ โอ๊ย?! อย่าตีสิ ขับรถอยู่เนี่ย!"
เขาหันไปดุคนข้างๆเมื่อมือกระต่ายฟาดแขนเขาข้อหาแซว
"งื้อ! ชั้นอยู่ได้หรอกน่า!"
"อยู่ได้ก็แปลกแล้ว!"
"ตอนนายออกไปซื้อราเมงตั้งสองชั่วโมงชั้นยังอยู่ได้เลย!"
มือข้างที่ไม่ได้จับพวงมาลัยยันหัวสีดำให้ออกห่างๆทำให้มือกระต่ายตีเขาไม่ถึง
"ตกลงพี่มาได้แน่นะ? มาคืนนี้เลยได้ไหม? พรุ่งนี้ผมต้องไปบราซิลแต่เช้า"
"อื้ม" พี่ชายตอบรับง่ายๆ
แต่เขาได้ยินแว่วๆมาจากปลายสาย
ดูเหมือนพี่อี้หยางจะหันไปสั่งเลขาประจำตัวให้แคนเซิลงานคืนนี้ทั้งหมด
หวังเฟยเฟยยังคงสำคัญที่สุดสำหรับหวังอี้หยางเสมอ
ไม่ว่าจะอะไรหมอนั่นก็ทิ้งได้ ถ้าเพื่อเฟยเฟย
ที่เขาบอกว่าพี่อี้หยางเลือกทางเดินถูกก็เพราะแบบนี้แหละ
การยืนอยู่บนจุดสูงสุดที่ไม่ต้องพึ่งพาใครนั่นต่างหากที่จะทำให้สามารถอยู่กับอาเฟยได้ตลอดเวลา
เวลาอาเฟยเดือดร้อนหรือต้องการที่พึ่ง
พี่อี้หยางเลยยื่นมือเข้ามาช่วยได้ทันตลอด
"จากนี่ไปญี่ปุ่นก็ห้าหกชั่วโมง น่าจะทันนายใช่ไหม?" เสียงทุ้มถามกลับมาจากปลายสาย
"ครับ ยังหาตั๋วเครื่องบินได้ไหม?"
"เดี๋ยวนั่งเจ็ทส่วนตัวไป"
"ครับ" เขาเงียบไปอึดใจหนึ่งก่อนจะพูดออกไปเบาๆ
"...ขอบคุณครับ...ฝาก...อาเฟยด้วย"
“อื้ม”
แสงแดดสว่างจ้าที่สาดกระทบเปลือกตาทำให้ใบหน้ามนเริ่มขมวดคิ้วหน่อยๆ
แต่ไออุ่นที่รับรู้ได้จากข้างกายก็ทำให้รู้สึกอุ่นใจจนเผลอเหยียดแขนบิดขี้เกียจเปะปะไปทั่วตามความเคยชิน
อี้คุนยังอยู่สินะ?
ไหนว่าจะไปแต่เช้า?
ดวงตาคู่โตจึงค่อยๆเปิดขึ้นอย่างเกียจคร้านทั้งๆที่หัวยังหนุนอยู่บนหมอน
ทว่า...
ภาพใบหน้าของคนที่หนุนอยู่บนหมอนข้างๆกลับไม่ใช่ใบหน้าของพี่ชายฝาแฝด...
ถึงจะคล้ายกันมากแต่นี่คืออีกคนอย่างแน่นอน
พี่อี้หยาง?
ทำไมมานอนอยู่ตรงนี้ล่ะ?
ใบหน้ามนผงะก่อนจะกลั้นหายใจอัตโนมัติ
เขาค่อยๆผงกหัวขึ้นมามองรอบๆตัวเหมือนกระต่ายที่กำลังแอบหนีจากเงื้อมมือสิงโต
จะส่งเสียงดังจนไปปลุกอีกฝ่ายไม่ได้
ดวงตากลมโตกรอกมองไปรอบๆ...เงียบสนิท...หรือว่าอี้คุนจะไปแล้วเพราะพี่อี้หยางมาเปลี่ยนตัวพอดี?
โธ่~
จะปลุกเขาหน่อยไม่ได้รึไงเจ้าลูกสิงโตนี่!
ใบหน้ามนหงึใส่คนที่ไม่ได้อยู่ตรงนี้
เขาค่อยๆทิ้งหัวลงมาบนหมอนใหม่ คนตรงหน้าก็ไม่มีทีท่าว่าจะรู้ตัวเลย
ดวงตาคู่สวยทอดมองใบหน้าที่ยังหลับใหลของพี่ชายต่างสายเลือด
หลับปุ๋ยเลยแหะ
ดูท่าทางคงจะเหนื่อยเพราะเดินทางมาทั้งคืน…
เขานอนมองภาพอันหาได้ยากนั้นโดยไม่คิดจะปลุกหรือรบกวนอีกฝ่าย
ถึงพี่อี้หยางจะเคยอยู่เป็นเพื่อนเขาตอนกลางคืนมาหลายครั้งแต่ก็ไม่เคยนอนลงข้างๆแบบนี้เลย
ยิ่งภาพตอนหลับแบบนี้เขายิ่งไม่เคยเห็น
มือบางเอื้อมไปแตะใบหน้าหมดจดอย่างเผลอไผล ผู้ชายที่นอนหลับอยู่ตรงหน้านั้นหล่อมากจริงๆ
สันจมูกโด่งคม ริมฝีปากบางได้รูป รูปหน้าก็เล็กสวย
หล่อจนเหมือนกำลังมองรูปปั้นฝีมือพระเจ้าอยู่เลย
ลมหายใจที่เข้าออกอย่างสม่ำเสมอจากใบหน้าสงบนั้นทำให้เขาเผลอยิ้ม
เหมือนได้เข้าใกล้พี่อี้หยางไปอีกก้าวหนึ่ง
สภาพแบบผู้ชายธรรมดาๆที่นอนหลับอยู่บนเตียงไม่ใช่เจ้าพ่อวงการค้าเพชรที่เนี้ยบตั้งแต่หัวจรดเท้าแบบนี้ทำให้หัวใจดวงน้อยรู้สึกตื่นเต้นแปลกๆ
เขาค่อยๆแอบขยับหน้าเข้าไปใกล้ๆ
เงียบๆ จนแทบจะอยู่บนหมอนใบเดียวกัน หน้าผากก็แทบจะชนกัน
ใบหน้าซุกซนแอบยิ้มก่อนจะหลับตาลงทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เนียนหลับต่อไปทั้งอย่างนั้น
หลับอยู่ข้างๆกัน
ราตรีนี้สำหรับเขาแล้วยังอีกยาวไกล…
เรื่องราวในโตเกียวหลังจากนี้ก็เช่นกัน
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
520
N.
To
be con.
520
N. เป็นตอนในอนาคตที่จะโฟกัสเรื่องของเฟยเฟยนะกั๊บ รู้ว่าตอนนี้สั้น~ แต่เป็นเพราะเพิ่งเริ่มปั่นเมื่อคืน555 แบบ อยากแฮปพี่จ้านบ้างไรบ้าง แง๊
เอาเป็นว่าลงเป็นอินโทรไว้ก่องนะคะ ยาวแน่ 520 N. รอบนี้ ^
^”
ยังไงก็สุขสันต์วันเกิดปีที่30นะค้าพี่จ้านนนน
ขอให้มีความสุขมากๆ ทำอะไรก็ราบรื่นสวยงามไปหมดนะคะ
จะเป็นกำลังใจให้อยู่ตรงนี้ไปจนกว่าจะสิ้นแสงเลยค่า~ ม๊วฟๆ
ส่วนโลเคชั่นฟิคตอนนี้ก็ด้วยความที่ว่าช่วงนี้โดนจิกหัวกลับประเทดเกาะรัวๆ
^
^” ติดอนิเมะที่มีฉากอยู่ในโตเกียวทั้งสองเรื่องเลยค่ะ(Jujutsu
Kaisen กับ Tokyo Revengers) ก็เลยคิดถึงๆ
เอาซะหน่อย กร๊ากกก อยากกลับไปชิบุย่า อยากกลับไปอากิบะ อยากลับไปอิเคบุคุโร่~
ทำได้แค่มโนไปก่อนนน TAT
แอบแปะเพลงเปิดโตมัน
ช่วงนี้ฟังบ่อยเลยค่ะ ขจัดความหลอนจากคำสาปไปได้บ้าง เมื่อช่วงก่อนนี้ก็คือโดนโกะโจเซนเซย์สาปให้รักซะแย่เรย555 >3<
ขอบคุณทุกๆคอมเม้นต์มากๆๆนะคะ
อ่านแล้วซึ้งใจมาก ดีใจมากค่ะที่ยังมีคนรออยู่ >////< ขอบคุณทุกๆการติดตามด้วยนะคะ
แล้วเจอกันตอนหน้าน้า จริงๆฉากในญี่ปุ่นของเรื่องGLIDEเนี่ยยังมีตอน
ผีเสื้อสีรุ้งอีกตอนนึงค่ะ แต่อันนั้นจะเป็นญี่ปุ่นโบราณเลย ของ520N.จะเป็นสมัยใหม่ โตเกียวเลยอ่ะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น