ป๋อจ้าน Au.Fic [หวังอี้ป๋อ x เซียวจ้าน] GLIDE : 2x4 It’s me : 33 [END]

 

ป๋อจ้าน Au.Fic [หวังอี้ป๋อ x เซียวจ้าน]  GLIDE : 2x4 It’s me : 33 [END]

 

: ป๋อจ้าน Fanfiction Au

: หวังอี้ป๋อ x เซียวจ้าน

: Romantic

: NC-17

 

 

คำเตือน : เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ

           : เนื้อเรื่องต่อไปนี้เป็นเพียงจินตนาการของผู้เขียน ไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นจริงนะคะ

           : ข้อมูลจะไม่แน่นเท่า GLIDE ภาคก่อนๆนะคะ เพราะภาคนี้ข้ามมา 2 ล้อ ตรูขี้เกียจหาข้อมูลฝั่ง Moto GP โฟ้ยยยย // โดนตบด้วยหมวกกันน็อค

 

 

 

 

ร่างโปร่งบางที่อยู่ในชุดสูทเข้ารูปสีดำสนิททั้งตัวนั้นดูแปลกตา เพราะไม่ว่าจะฤดูกาลไหนๆ ไม่ว่าจะร้อน ฝน หรือหนาว เขาก็มักจะใส่ชุดสีแดงอยู่เสมอ

 

มือบางวางช่อดอกไม้สีขาวลงไปบนแผ่นป้ายหน้าหลุมศพหลุมหนึ่ง ข้างๆมีช่อดอกไม้สดวางอยู่หลายช่อ แสดงว่าเจ้าพวกนั้นคงทยอยมากันแล้ว

 

ดวงตากลมโตทอดมองชื่อที่ถูกจารึกไว้บนแผ่นหิน...และมันก็จะเป็นชื่อที่ถูกจารึกไว้ในใจของเขาเสมอ จะรำลึกเอาไว้เสมอ...ว่าวันนี้...เป็นวันครบรอบวันตายของเด็กผู้ชายคนนั้น...

 

เสียงสวบสาบดังขึ้นเมื่อมีใครบางคนเดินย่ำใบไม้แห้งเข้ามาหา เขาไม่จำเป็นต้องหันไปมองก็รู้ดีว่าร่างสูงสง่าที่ขยับมายืนข้างๆเขานั้นเป็นใคร...เขาจำกลิ่นของหวังอี้ป๋อได้ดี

 

เขาเคยเป็นเด็กฝึกจากเฟอร์รารี่อคาเดมี่ พวกเราเลยรู้จักกัน”   เสียงนุ่มเอ่ยออกไปทั้งที่ดวงตายังไม่ละจากป้ายหิน หวังอี้ป๋อจึงยืนฟังเขาเงียบๆ

 

เด็กคนนั้นตายในการแข่งเอฟวันเมื่อสองปีก่อน...เป็นอุบัติเหตุซ้ำซ้อนที่ไม่มีใครคาดคิด...ต่อให้ค็อกพิตถูกพัฒนาจนแข็งแกร่งแค่ไหน แต่คนเราก็หนีความตายไม่พ้น อุบัติเหตุพรากคนรู้จักของพวกเราไปปีละไม่รู้กี่คน...”   เขายังจำวันนั้นได้ดี ถึงแม้เด็กคนนั้นจะไม่ได้อยู่ในทีมของเขา แต่ทุกๆพิตการาจทุกๆทีมก็แทบช็อคกับเรื่องที่เกิดขึ้น

 

ไม่มีใครดีใจหรอกที่เกิดอุบัติเหตุ ต่อให้มันจะทำให้ทีมของตัวเองขึ้นนำแต่ก็ไม่มีใครเลวทรามพอที่จะยินดีที่มีคนบาดเจ็บ...ยิ่งกรณีของเด็กคนนั้น...ที่มันถึงแก่ชีวิต...

 

วันนั้นมีฝนตกและแทรคก็ลื่นมาก มีรถคันหนึ่งที่ลื่นไถลจนไปชนกำแพงเข้า รถยกจึงต้องเข้ามายกรถคันนั้นออกไป  ธงเหลืองเพิ่งจะโบกสะบัดได้ไม่ทันจะทั่วสนามดี คงไม่มีใครคิดหรอกว่าจะเกิดอุบัติเหตุซ้ำตรงจุดเดิม...รถของเด็กคนนั้นพุ่งเข้าไปฟาดกับรถยกเข้าเต็มๆ ที่มันหนักหนาสาหัสกว่าเพราะว่ารถยกเป็นเหล็กทั้งคัน ไม่เหมือนกำแพงที่เป็นยางนิ่มๆ

 

ใบหน้ามนเงยมองไปบนท้องฟ้า ก่อนจะพูดออกมา

 

เด็กคนนั้นมีความฝันอันยิ่งใหญ่ เขาอยากจะขยับขึ้นมาเป็นนักขับในทีมใหญ่ของเฟอร์รารี่ให้ได้ เขาอยากชนะภายใต้ธงม้าลำพองและเสื้อสีแดง เขาพยายามมาก พยายามทุกวินาที แต่ตอนนี้มันกลับเป็นได้เพียงความฝัน...”   น้ำตามักจะรื้นขึ้นมาทุกทีที่นึกถึงเรื่องนี้ เด็กคนนั้นอายุยังไม่ถึง 20 ปีด้วยซ้ำ

 

เขาก้มหน้าลงมาเพื่อไม่ให้น้ำหูน้ำตาไหลเข้าไป มือใหญ่ของคนข้างๆยื่นผ้าเช็ดหน้ามาให้ เขาจึงใช้มันซับน้ำตาเบาๆ

 

ก่อนแข่งชั้นยังขยี้หัวเด็กนั่นอยู่เลย ไม่คิดว่าคลาดสายตาไปแค่ไม่ถึงชั่วโมงก็ต้องจากกันไปตลอดกาลเสียแล้ว”   เขาก้มลงมองมือของตัวเอง ไม่ทันจะได้บอกลากันด้วยซ้ำ

 

ชั้นน่ะ รู้สึกว่าความตายมันอยู่ใกล้ตัวเหลือเกิน”   เพราะพิตเลนเองก็เป็นสถานที่ทำงานที่อันตรายที่สุดในโลก พวกเขาเองก็เสี่ยงตายไม่แพ้พวกนักขับหรอก ในการเปลี่ยนยางแต่ละครั้ง ในการเติมน้ำมันแต่ละหน หากเบรกไม่ทัน หากมีอะไรผิดพลาดขึ้นมาพวกเขาก็อาจจะถึงตายได้เหมือนกัน ในการแข่งขันที่ตัดสินกันด้วยเวลาเป็นหน่วยวินาทีแบบพวกเขา อุบัติเหตุก็เกิดขึ้นได้ง่ายพอๆกับความเร็วที่พวกเขาได้มานั่นแหละ

 

เพราะฉะนั้นชั้นจึงตั้งใจใช้ชีวิต  ใช้เวลาทุกนาทีให้คุ้มค่า  หากเจออะไรที่สนใจชั้นก็จะเดินเข้าใส่  มันคือสิ่งที่ใช่สำหรับชั้นหรือเปล่าก็ไม่รู้  แต่ชั้นจะไม่มัวเสียเวลาคิด  ชั้นจะลองเอาตัวเข้าไปพัวพันกับมัน  ถ้าไม่ใช่ก็ค่อยถอยออกมา อย่างน้อยหากชั้นตายไปในระหว่างนั้นชั้นก็จะได้ไม่เสียดาย  อย่างน้อยชั้นก็ได้ทำมันแล้ว”   เขาพูดออกไปก่อนจะหันไปยิ้มให้หวังอี้ป๋อที่ยืนมองมาด้วยสายตาเป็นห่วงอยู่ข้างๆ

 

การเจอกับนายก็เหมือนกันหวังอี้ป๋อ  คนอื่นอาจจะมองว่าชั้นยอมคบกับนายง่ายๆ  ทั้งที่รู้จักกับนายไม่เท่าไหร่ก็ยอมตามนายไปแล้ว...แต่ที่จริง...ชั้นก็แค่สนใจนาย  ชั้นไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำไมถึงสนใจนาย ทั้งๆที่ถูกนายทำร้ายถูกนายทำให้กลัวเสียขนาดนั้น มันอาจจะเป็นแรงดึงดูดของคนที่เป็นคู่กัน  ชั้นไม่รู้หรอก  แต่สิ่งเดียวที่ชั้นรู้คือ  หากชั้นสนใจนาย  ชั้นก็ต้องเข้าหา  ต้องปล่อยให้นายเข้ามาอยู่ใกล้ๆ  เพราะหากชั้นตายไปในระหว่างนี้  อย่างน้อยชั้นก็จะได้รู้ว่าทำไมชั้นจึงสนใจนาย”   กลีบดอกไม้สีขาวพัดปลิวมาตามสายลมในขณะที่เขาอมยิ้มบางๆพูดกับอีกฝ่าย และตอนนี้เขาไม่เสียใจเลยที่ตัดสินใจแบบนั้น

 

ผมก็เหมือนกัน”    เสียงทุ้มพูดกับเขา พวกเรายังคงยืนอยู่ท่ามกลางกลีบดอกไม้ที่ปลิวว่อนไปทั่วสุสาน

 

ตอนที่เริ่มจีบพี่  ผมไม่รู้อะไรเกี่ยวกับพี่เลยสักอย่าง...ก็แค่สนใจ...และผมอาจจะไม่ได้มีชีวิตที่ยืนยาวพอที่จะหาข้อมูลของพี่  ผมจึงพุ่งเข้าใส่แล้วค่อยๆเรียนรู้เรื่องเกี่ยวกับพี่ไปเรื่อยๆ  ใช้เวลาที่อาจจะมีไม่มากของผมให้คุ้มค่าไปกับพี่”   รอยยิ้มที่หวังอี้ป๋อมอบให้เขาในวันนี้ก็ยังคงงดงามและเต็มไปด้วยความรัก คงจะเป็นเพราะพวกเขาอยู่ในทีมแข่งรถ พวกเขาเรียนรู้มาตลอดว่าเวลานั้นมีคุณค่ามาก อย่าปล่อยให้มันเสียไปแม้แต่วินาทีเดียว

 

พวกเขาถึงได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันได้เร็ว มีความสุขได้เร็ว ปรับตัวเข้าหากันแบบตรงไปตรงมาและไม่เคยปล่อยให้ความไม่เข้าใจมาทำให้เวลาที่มีค่าของพวกเขาต้องเสียไป

 

มือใหญ่เอื้อมออกมาและเขาก็เอื้อมมือไปจับมันไว้ กลิ่นดอกไม้หอมตลบอบอวลถึงแม้จะเป็นสถานที่แห่งความตาย เสียงทุ้มพูดออกมาเบาๆในขณะที่เขาพยักหน้าให้

 

กลับบ้านกันเถอะ

 

เงาร่างสองร่างเดินเคียงข้างกัน ทิ้งสถานที่ที่เวลาหยุดนิ่งนั้นไว้ข้างหลัง ผู้จากไปมีไว้ให้ระลึกถึง แต่ชีวิตของพวกเขาก็ยังต้องก้าวต่อไป

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ตั้งแต่นักบิดแชมป์ห้าสมัยย้ายมาอยู่ที่บ้านในมาราเนลโล่ ห้องหนังสือของเจ้ากระต่ายก็ถูกดัดแปลงไปจากเดิมนิดหน่อย จากที่ผนังทุกด้านเคยอัดแน่นไปด้วยหนังสือและอะไหล่รถยนต์ต้นแบบ บัดนี้ก็มีผนังฝั่งหนึ่งที่ถูกทำเป็นชั้นวางหมวกกันน็อคแทน เขามีหมวกเป็นร้อยใบ มันเป็นทั้งของใช้และของสะสมของพวกนักแข่งรถแบบเขา แต่ละใบก็มีเรื่องเล่าเป็นของตัวเอง เช่นใบสีเขียวคาดเหลืองเขาใส่ตอนเป็นแชมป์สมัยที่สาม ใบที่มีกลิตเตอร์วิ้งๆเขาใส่ในสนามกาตาร์ซึ่งเป็นไนท์เรซ  ใบที่มีเลข29และลายกระต่ายสีแดงเขาใส่ตอนวันเกิดครบ29ขวบของเจ้ากระต่าย ฯลฯ เขายืนมองพวกมันอย่างภาคภูมิใจ แต่ดูเหมือนตอนนี้จะไม่ใช่เวลามาทำแบบนั้น เพราะที่เขาวิ่งแจ้นจากสวนหลังบ้านเข้ามาที่ห้องนี้นั่นก็เพราะว่า

 

“อ๊ากกกกก!”   เจ้ากระต่ายกำลังแหกปากโวยวายลั่นบ้าน เขารีบมองสำรวจว่ามันเกิดอะไรขึ้น

 

โน้ตบุคของชั้น~~!!"   เจ้าวิศวกรหัวกะทินั่นกำลังวิ่งหน้าตาตื่นวนไปวนมาอยู่รอบๆโต๊ะทำงานที่มีควันโขมงอย่างไม่รู้จะทำยังไง มือบางโบกพัดกระพืออย่างลนลานเลิ่กลั่ก

 

“พี่! ถอยออกมาก่อน เดี๋ยวมันก็ระเบิดเอาหรอก!”   เขาเอื้อมมือไปดึงแขนเจ้าตัวยุ่งให้ถอยห่างออกมาจากโต๊ะที่ดูอันตรายนั่น ทำอะไรอีกแล้วล่ะเนี่ย? บอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าเชื่อมอะไหล่รถในบ้าน!

 

เขาจ้องมองวัตถุทรงสี่เหลี่ยมที่อยู่ในกลุ่มควันอย่างพินิจพิจารณา อ้าว? นั่นไม่ใช่อะไหล่รถนี่? แต่ดูเหมือนจะเป็นโน้ตบุคของเจ้ากระต่าย? ไปทำอิท่าไหนให้มันช็อตจนควันโขมงแบบนี้เนี่ย?!

 

“แง๊~ อี้ป๋อ~ โน้ตบุคของชั้นน่ะ โน้ตบุคของชั้น~~...   เจ้ากระต่ายหันมาฟ้องก่อนจะทรุดลงนั่งพลางเบะปากน้ำตาคลอ เขามองเห็นประแจที่ปักอยู่กลางแป้นพิมพ์กับแก้วน้ำแดงที่สาดเต็มโต๊ะแล้วก็คงไม่ต้องถามว่าเกิดอะไรขึ้น 

 

เจ้ากระต่ายตัวดีนี่คงใช้ประแจขันอะไรสักอย่างก่อนจะหลุดมือไปฟาดโน้ตบุคเข้าเต็มเปา จากนั้นอาจจะตกใจจนไปชนแก้วน้ำหวานล้มใส่โน้ตบุคซ้ำไปอีก มันถึงได้ช็อตจนมีประกายไฟแล่บแปลบปลาบแบบนี้…. 

 

“น่าจะยังซ่อมได้อยู่นะ...”   เขารอจนกว่าโน้ตบุคที่ส่งเสียงแปล๊บๆนั่นสงบลงจึงเข้าไปพลิกๆมันดู เจ้ากระต่ายมองมันตาละห้อยน้ำตาหยดแหมะๆจนเขาถอนหายใจ

 

“ไม่ร้องๆ เดี๋ยวผมเอาไปซ่อมให้ ต้องเอาไปที่ไหน? โรงงานพี่ใช่ไหม?  เขาใช้นิ้วปาดน้ำตาให้คนที่ยังหน้านิ่วคิ้วขมวด

 

“อื้อ ฮืออออ~   เจ้ากระต่ายงอแงจนเขาหลุดขำ ขนาดในเวลาแบบนี้ก็ยังน่ารักได้อีกนะคนอะไร

 

“ชั้นขึ้น3Dฝากระโปรงรถไว้ยังไม่ได้เซฟเลย แง๊~  เจ้ากระต่ายแทบลงไปดิ้นอยู่ที่พื้นจนเขาต้องลูบหัวปลอบใจ

 

“เอาน่า...เดี๋ยวพี่ค่อยขึ้นใหม่ พี่ทำแป๊บเดียวเอง...นะ”

 

“ใช่สิ ทำน่ะมันแป๊บเดียว แต่ปัญหาคือชั้นจำไม่ได้แล้วว่าทำอะไรไว้! งื้อ!”   ความจำกระต่ายจริงๆ...   

 

เขาพับจอโน้ตบุคที่มีตราม้าลำพองติดอยู่ข้างหลัง เพราะเจ้าโน้ตบุคเครื่องนี้มีข้อมูลของเฟอร์รารี่อยู่มหาศาล มันจึงส่งไปซ่อมที่อื่นไม่ได้ จำเป็นต้องส่งแผนกคอมพิวเตอร์ในเฮดออฟฟิศเฟอร์รารี่เท่านั้น เขามองมันอย่างอ่อนใจ อยู่ดีๆก็โดนประแจฟาดตายซะงั้น น่าสงสารจริงๆ

 

“พี่จะไปด้วยกันไหม?   เขาลุกขึ้นยืน ถ้าส่งซ่อมตอนนี้ ดีไม่ดีพรุ่งนี้อาจจะใช้ได้...เขาหมายถึงน่าจะกู้ข้อมูลแล้วถ่ายโอนไปเครื่องใหม่น่ะนะ ส่วนเครื่องนี้ก็น่าจะกลายเป็นซากอารยธรรมแล้วละดูจากสภาพ

 

“ไม่ไป ชั้นกำลังสะเทือนใจเห็นมั๊ยเนี่ย งื้อ”   เจ้ากระต่ายจอมเอาแต่ใจฟุ้บหน้าลงกับโซฟาบุกำมะหยี่สีแดงที่ตั้งอยู่กลางห้อง เขาทอดสายตามองก่อนจะส่ายหน้า จริงๆเขาก็ชินกับการเอาของไปส่งหรือไปรับของจากโรงงานของเฟอร์รารี่มาให้เจ้ากระต่ายนี่แล้วละ 

 

“ครับๆ อย่าทำอะไรพังอีกล่ะ”  เดือนนี้เขาซ่อมชั้นหนังสือมาสองรอบแล้ว ยังดีที่ของของเขาเป็นหมวกกันน็อค มันเลยไม่ได้รับผลกระทบอะไรจากประแจเอย ไขควงเอยพวกนั้น ต่อให้หลุดมือไปโดนก็ไม่เป็นไร

 

เขาหอบโน้ตบุคสภาพร่อแร่ขึ้นมาก่อนจะหันไปมองเจ้ากระต่ายที่ยังร้องไห้กระซิกๆ ใบหน้าหล่อเหลายิ้มแห้งก่อนจะนึกขึ้นได้

 

“พี่ใช้โน้ตบุคผมก่อนก็ได้นะ อยู่บนห้องนอน”   ถึงจะไม่ได้มีโปรแกรมที่เจ้ากระต่ายใช้แบบครบครัน แต่อย่างน้อยก็คงพอจะทำให้เลิกงอแงได้บ้าง

 

“ขอบคุณนะ   ใบหน้าน่าเอ็นดูหันมามองเขา เขาจึงยิ้มให้แล้วออกจากบ้านมาอย่างไม่คิดอะไร

 

มันนานมาแล้ว

 

นานจนเขาเองก็ยังลืมไปเลยว่า...ในโน้ตบุคของเขานั้น...มีความลับบางอย่างซ่อนอยู่...

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

เสียง Ferrari Portofino แล่นห่างออกจากบ้านไปเรื่อยๆ ใบหน้างอง้ำจึงค่อยๆยอมละจากโซฟา หงุดหงิดตัวเองก็หงุดหงิดที่ดันทำประแจหลุดมือจนไปฟาดคอมพังแบบนั้น อาจจะเป็นเพราะข้อมือเขาไม่แข็งพอที่จะไขน็อตตัวใหญ่ๆพวกนี้หรือไง มันถึงได้เกิดเหตุการณ์แบบนี้อยู่เรื่อย นี่ยังดีนะที่ช่วงนี้อี้ป๋ออยู่บ้าน อีกฝ่ายจึงช่วยขันน็อตให้บ่อยๆ ห้องหนังสือของเขาจึงรอดพ้นหายนะไปได้หลายครั้ง ก็เมื่อก่อนเขาอาศัยอยู่ที่สนามฟิโอราโน่เจ้าพวกทีมช่างก็อยู่ด้วยไง เขาเคยต้องมาขันน็อตเชื่อมอะไหล่เองเสียที่ไหน จะขนไปโรงงานก็ยุ่งยาก บางอย่างเขาก็แค่จะทดลองดูก่อนก็เท่านั้น

 

เนี่ย พอทำเองแล้วมันก็เป็นเสียแบบเนี้ย~

 

เขายู่หน้าใส่ประแจตัวใหญ่ที่นอนแอ้งแม้งอยู่บนโต๊ะก่อนจะสะบัดก้นออกจากห้องหนังสือ ยังทำงานต่อตอนนี้ไม่ได้งั้นหาข้อมูลไว้ก็ยังดี ร่างโปร่งบางในฮู้ดชุดนอนสีแดงของเฟอร์รารี่จึงกระโดดขึ้นบันไดเพื่อไปยืมโน้ตบุคของอี้ป๋อมาใช้ไปพลางๆก่อน

 

ดวงตากลมโตกวาดมองหาโน้ตบุคสีดำของหวังอี้ป๋อที่เขามักจะเห็นอีกฝ่ายใช้มันจองตั๋วเครื่องบินเอย จองโรงแรมที่พักเอย หาข้อมูลท่องเที่ยวต่างๆนานาก่อนจะพาเขาไป 

 

อ่ะ อยู่นั่นเอง!

 

ร่างโปร่งบางเดินไปหยิบโน้ตบุคที่วางอยู่บนโต๊ะข้างหน้าต่างก่อนจะตัดสินใจนั่งเล่นบนโซฟาเบดในห้องนอนนี่แหละ ไม่อยากจะลงไปเห็นห้องหนังสือให้ช้ำใจ!

 

นิ้วเรียวกดเปิดโน้ตบุคสีดำ ในระหว่างรอเขาก็ทอดสายตามองผ่านบานหน้าต่างที่เห็นสวนด้านล่าง...ตอนนี้ยังเป็นปลายฤดูหนาวแต่เขาก็จินตนาการออกเลยว่าถ้าฤดูใบไม้ผลิมาถึง สวนที่เต็มไปด้วยกุหลาบเถาสีชมพูของเขามันจะสวยงามขนาดไหน ทั้งหมดนี้เป็นฝีมือของหวังอี้ป๋อทั้งนั้น

 

เขาเกยคางไว้กับขอบโซฟาแล้วมองสวนที่เป็นระเบียบเรียบร้อยพวกนั้นอย่างมีความสุข เขากลายเป็นคนที่มีความสุขขนาดนี้ ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรักโดยไม่ต้องเสียเวลาไปกับงานบ้านจิปาถะนั่นก็เป็นเพราะเขามีคู่ชีวิตที่ดี เพราะเขามีหวังอี้ป๋อคอยเอาใจใส่

 

ติ้ด….

 

เสียงดังมาจากโน้ตบุคเพื่อบ่งบอกว่ามันพร้อมจะทำงานแล้ว เขาจึงละสายตาจากสวนมามองไปที่หน้าจอสี่เหลี่ยม 

 

แค่ก…”   ใบหน้ามนถึงกับสำลักอากาศเมื่อมองเห็นภาพวอลเปเปอร์  ถึงจะเจอมาบ่อยๆแต่ยังไงมันก็ไม่ชินสักทีสิน่า...เลิกเอารูปเขาไปตั้งเป็นหน้าจออะไรต่อมิอะไรได้แล้ว!

 

จากที่ตั้งใจว่าจะหาข้อมูลเกี่ยวกับอะไหล่รถ มือบางเลยเปลี่ยนไปคลิกหาตามแฟ้มในเครื่องเพื่อจะเปลี่ยนวอลเปเปอร์แทน  อย่างน้อยก็เอาเป็นรูปคู่สิ! ให้เขาอยู่บนหน้าจอคนเดียวแบบนี้น่าอายจะตาย! 

 

ในคอมของอี้ป๋อน่าจะมีรูปที่พวกเขาถ่ายเซลฟี่ด้วยกันอยู่ รูปส่วนใหญ่หวังอี้ป๋อน่าจะย้ายมาใส่คอมพิวเตอร์ไว้เพราะมันเยอะเกินไปที่เก็บในมือถือหมด

 

แล้วคลิกไปคลิกมา เขาก็ไปเจอแฟ้มลับแฟ้มหนึ่งเข้า

 

เขารู้ได้ยังไงน่ะเหรอ...ว่ามันเป็นแฟ้มที่น่าจะมีความลับ?

 

ก็เพราะมันต้องใส่รหัสในการเปิดเข้าไปดูน่ะสิ

 

นิ้วเรียวลองดับเบิ้ลคลิ๊กสองสามรอบ มันก็มีกรอบเด้งขึ้นมาว่าให้ใส่รหัสตลอด

 

หื๋ม….แอบเก็บอะไรไว้กันนะ?

 

แล้วก็ดูเหมือนแฟ้มนี้จะไม่เคยเปิดเลยมาเกือบสองปีแล้วด้วย? ดูจากตัวเลขวันเปิดใช้งานล่าสุดที่ขึ้นเมื่อสองปีก่อน

 

หรือจะเป็นข้อมูลน่าอายที่เขาจะเอาไว้แฉหวังอี้ป๋อได้? เป็นภาพลับของหวังอี้ป๋ออะไรแบบนี้หรือเปล่า? เขาแสยะยิ้มทันที 

 

ถึงอี้ป๋อจะตามใจเขาอยู่บ้างแต่ส่วนใหญ่ก็ชอบบังคับเขาให้ทำนู่นทำนี่ตามแต่ใจตัวเองมากกว่า อย่างเช่น เขากำลังง่วนอยู่กับงานก็ชอบบังคับให้เขาไปกินข้าว เขาไม่ยอมอาบน้ำก็ชอบอุ้มเขาไปโยนใส่อ่าง เขาจะหลับจะนอนก็ออดอ้อนแกมบังคับให้เขามีอะไรด้วย แถมรอบเดียวก็ไม่ค่อยจะพอ ชอบทำต่อจนเอวเขาแทบหัก! แต่ถ้าเขามีข้อมูลในแฟ้มลับนี้ ถ้าเขากุมจุดอ่อนของอีกฝ่ายไว้ อี้ป๋อก็จะบังคับเขาไม่ได้อีกต่อไป หึๆๆ

 

มือบางสองข้างคันยุบยิบขึ้นมาทันที หวังอี้ป๋ออาจจะลืมแฟ้มนี้ไปแล้วก็ได้ ไม่เคยเปิดดูนานขนาดนี้ เพราะงั้นเขาแอบดูหน่อยคงไม่เป็นไร

 

กล่องที่เด้งขึ้นมาให้ใส่รหัสนั้นไม่ได้เป็นปัญหากับเขามากนัก  คิดว่าพวกเขาทำยังถึงได้เปิดๆปิดๆสัญญาณติดตามตัวเวลาจะแอบเข้าไปใช้สนามฟิโอราโน่ในวันหยุดโดยที่บอสไม่รู้กันได้ล่ะ? ถ้าไม่ใช่เพราะแฮกข้อมูลคอมพิวเตอร์พวกนี้เป็นน่ะ 

 

นอกจากเครื่องยนต์กับแชสซีแล้ว ในกลุ่มหัวกะทิของทีมเฟอร์รารี่ก็ยังมีวิศวกรที่เก่งกาจเรื่องซอฟแวร์อยู่ด้วย คนคนนี้จะเป็นคนเชื่อมระบบของรถทั้งคันไว้ด้วยกัน รถที่ขับเคลื่อนด้วยความเร็วราวกับจรวดสามารถควบคุมได้ด้วยพวงมาลัยไม่ว่าจะเปิดปิดปีกหน้าปีกหลัง ความดันต่างๆนานา แถมข้อมูลทุกอย่างยังต้องส่งกลับมาที่พิตวอลล์แบบเรียลไทม์ นี่คือหน้าที่ของหมอนั่นและคนคนนี้นี่แหละที่สอนให้เขาแฮกข้อมูลเบื้องต้นเป็น

 

เขาใช้เวลาแก้อยู่สักพัก ถึงจะทำพอได้แต่เขาก็ไม่ใช่วิศวกรคอมพิวเตอร์โดยตรง ก็ต้องมีงมบ้างอะไรบ้าง

 

เอี๊ยดดดด!!!

 

ไหล่บางสะดุ้งโหยงอย่างคนมีความผิดเมื่อได้ยินเสียงรถของตัวเองแล่นเข้าบ้านมาอย่างกับพายุ อี้ป๋อกลับมาแล้ว? รีบอะไรขนาดนั้นเนี่ย เสียงเบรคดังสนั่นเชียว? นี่ไม่ได้ชนเสาบ้านเขาหักไปแล้วนะ?

 

เขาหันหน้าไปมองตามเสียงหน่อยๆก่อนจะหันมาสนใจจอโน้ตบุคตรงหน้าต่อ มือบางกรอกรหัสที่แฮกมาได้ แล้วแฟ้มที่เคยเป็นความลับก็ไม่ใช่ความลับอีกต่อไป

 

ปลายนิ้วเรียวคลิ๊กเข้าไปด้วยใจลุ้นระทึกว่ามันจะเป็นข้อมูลแบบไหนกันนะ? แอบตื่นเต้นอยู่หน่อยๆแหะว่าหวังอี้ป๋อซ่อนอะไรไว้?

 

ทว่า

 

ดวงตาคู่งามก็ต้องตกตะลึงเมื่อเห็นภาพและคลิปที่อยู่ในแฟ้มนั้นเข้า

 

ร่างทั้งร่างของเขานิ่งค้างไปหัวใจ...อาจจะหยุดเต้นไปแล้วก็ได้

 

ดวงตาเขายังคงมองค้างอยู่ที่รูปพวกนั้น

 

ตอนนี้เขาบอกไม่ได้เลยจริงๆว่าตัวเองกำลังรู้สึกยังไง

 

ตกใจ

 

ช็อค

 

สับสน

 

ผิดหวัง

 

โมโห

 

ไม่เข้าใจ

 

เสียใจ

 

แต่ไม่ว่าจะเป็นความรู้สึกแบบไหนมันก็ไม่มีความรู้สึกในด้านดีเลยแม้แต่นิดเดียว

 

เพราะรูปและคลิปที่เขากำลังดูอยู่นี้...ก็คือรูป...และคลิป...ของตัวเขาเอง

 

กล้องที่ค่อยๆแพลนลงไปเรื่อยๆเผยให้เห็นเรือนร่างกึ่งเปลือยของเขาตั้งแต่ต้นคอลงไปจนถึงโคนขา...

 

หวังอี้ป๋อโกหก

 

ผู้ชายคนนั้นผิดคำพูดที่เคยให้ไว้กับเขา!!

 

ไม่เช่นนั้นรูปเปลือยของเขาที่อีกฝ่ายถ่ายเอาไว้แบล็กเมล์ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกันมันจะยังอยู่แบบนี้ได้ยังไง?!

 

“อย่า...ฮึก...ได้โปรด...หยุดเถอะ  เสียงปนสะอื้นอย่างหวาดกลัวของเขาดังออกมาจากคลิปเล่นเอาแทบช็อคไปเลย ตอนนี้เขาไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัว ทั้งๆที่ลืมความรู้สึกในวันนั้นไปแล้วแท้ๆแต่ตอนนี้ความสะอิดสะเอียนกำลังย้อนกลับมาจนต้องรีบปิดคลิปนั่น

 

เขาจ้องมองไปในความว่างเปล่าอย่างตกตะลึง ลมหายใจหอบหนักอย่างที่ไม่รู้ว่าความอึดอัดทรมานนี้มันมาจากไหน ร่างกายสั่นระริกจนรับรู้ได้ มีความรู้สึกหลายอย่างกำลังอัดแน่นอยู่ในใจ...ทั้งๆที่เขาให้อภัยอีกฝ่ายแล้วแต่ทำไมหวังอี้ป๋อถึงยังไม่ลบรูปพวกนี้? จะเก็บมันไว้ให้เขานึกถึงวันที่เลวร้ายวันนั้นอีกทำไม?

 

มือบางยกขึ้นมาปิดปาก รู้สึกอยากอ้วกพะอืดพะอม ร่างทั้งร่างสั่นเทิ้มไปหมด จะบอกว่าเขาไม่ได้รับผลกระทบอะไรเลยจากเหตุการณ์ในวันนั้นก็ดูท่าว่าจะไม่ใช่เสียทีเดียว ถึงสมองจะสั่งให้ลืมแต่ร่างกายกลับยังจำได้

 

เขาพยายามสูดหายใจเข้าลึกๆเพื่อขับไล่ความหวาดกลัวออกไป

 

ยังมีคลิปที่ถ่ายหลังจากวันนั้นอยู่อีก และเมื่อเขาเปิดดูถึงได้รู้ว่าหวังอี้ป๋อทำอะไรตอนที่เขาหลับไว้บ้าง

 

เขาถูกจูบ เขาถูกลักหลับ...น่าจะเป็นคืนแรกที่อีกฝ่ายมานอนค้างที่บ้านเขา….

 

นี่มัน...ไม่ตลกเลยนะ

 

ทั้งๆที่เขาให้อภัยอย่างจริงใจ แต่ทำไมหวังอี้ป๋อถึงได้ทำเรื่องเลวร้ายกับเขาแบบนี้?

 

เขานิ่งค้างไปอย่างสับสนมึนงง 

 

คลิปและรูปมีแค่นี้

 

ถึงมันน่าจะถูกลบไปเกือบหมดแล้วแต่ที่เหลืออยู่นี่มันก็เพียงพอที่จะทำให้เขาโกรธอีกฝ่ายได้แล้ว

 

 

ตึงๆๆๆ

 

 

เสียงวิ่งขึ้นบันไดมาอย่างรีบร้อนทำให้เขาตวัดสายตาดุดันไปที่ประตู แล้วหวังอี้ป๋อก็โผล่พรวดเข้ามาพร้อมกับสีหน้าตื่นๆ ใบหน้าหล่อเหลานั่นมีเหงื่อเกาะพราวเหมือนรีบวิ่งมา แล้วก็คงไม่ต้องบอกว่าเพราะอะไรอีกฝ่ายถึงต้องรีบขนาดนั้น ในเมื่อดวงตาคมกล้าเองก็จ้องมอง

หน้าจอโน้ตบุคที่เปิดหราคาอยู่ที่แฟ้มลับนั่น

 

ดูเหมือนหวังอี้ป๋อก็เพิ่งนึกออกว่าตัวเองทำอะไรไว้

 

แต่ความผิด...ต่อให้ผ่านมานานแค่ไหนก็คือความผิด ต่อให้ลืมเลือนมันไปแต่สิ่งที่ยังหลงเหลืออยู่ก็จะปรากฏออกมาฟ้องเข้าสักวัน

 

“จ้านเกอ...คือว่า   มือใหญ่ยกขึ้นมาตั้งท่าจะอธิบาย แต่ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวลนั่นสุดท้ายก็ไม่มีคำพูดใดออกมา

 

แหงสิ! ยังจะแก้ตัวอะไรได้อีก! ในเมื่อสิ่งที่ทำไว้มันก็ฟ้องให้เห็นอยู่ชัดๆว่านายไม่ทำตามสัญญา! 

 

เขาโกรธจนแทบจะควันออกหู มือกำแน่นจนไหล่สั่นไปหมด และอี้ป๋อก็คงสังเกตเห็นว่าเขาไม่มีแววล้อเล่นเหมือนที่ผ่านๆมา ร่างสูงสง่าจึงทำท่าหงอยๆก่อนจะยอมล่าถอยราวกับกำลังสำนึกผิด

 

แต่เขาเคยให้อภัยไปแล้วไง! ถ้าอีกฝ่ายไม่เห็นค่าของมันแล้วทำไมเขายังจะต้องให้อภัยซ้ำๆอีก!

 

นี่ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ ถ้าคนที่มาเจอแฟ้มลับนี่ไม่ใช่เขา คิดว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น?

 

เรื่องนี้คงยอมยกโทษให้ง่ายๆไม่ได้ เขาต้องพยายามระงับโทสะขนาดหนักเพื่อไม่ให้ตัวเองลุกขึ้นไปทำร้ายหวังอี้ป๋อ 

 

ความเชื่อใจที่มีพังทลาย ทั้งโกรธทั้งเสียใจจนไม่รู้จะพูดยังไง เขาไม่ใช่คนงี่เง่าแต่ก็ไม่ได้โง่เง่าด้วยเช่นกัน เขาใช้เหตุผลมาตลอดและพยายามทำความเข้าใจอี้ป๋อทุกเรื่อง...แต่เรื่องนี้เขาไม่เข้าใจ

 

มือบางกำแน่นแล้วกัดฟันถามออกไปด้วยเสียงแข็ง

 

ชั้นจะลบไฟล์พวกนี้ นายเก็บไว้ที่ไหนอีกหรือเปล่า?” 

 

“...มีอยู่ในคอมเครื่องนี้ที่เดียวครับ…”   เสียงทุ้มเอ่ยออกมาด้วยความสำนึกผิด 

 

ถูกแล้ว! นายทำผิดก็ต้องสำนึกสิ มันถูกแล้ว! แล้วก็ไม่ต้องมาเรียกร้องอะไรจากชั้นอีก!

 

เขาตวัดสายตามองหน้าอีกฝ่ายก่อนจะกดลบแฟ้มนั้นต่อหน้าเลย เขาตามไปลบแม้แต่ในถังขยะ 

 

จ้านเกอ...ผมขอโทษ…”   ร่างสูงสง่าตั้งท่าจะเดินเข้ามาหาเขาจึงรีบตวาดออกไป

 

อย่าเข้ามานะ!”   ดวงตาคู่โตมองอีกฝ่ายอย่างจงใจให้รับรู้ว่าตอนนี้เขาจะไม่เชื่ออะไรทั้งนั้น และหวังอี้ป๋อก็คงรับรู้มัน ร่างสูงจึงชะงักฝ่าเท้าแล้วยืนนิ่งอยู่ที่เดิม 

 

ทำไมถึงไม่ทำตามสัญญา”   เขาพยายามจะถามหาเหตุผล พยายามใจเย็น พยายามจะหาหนทางให้อีกฝ่ายได้แก้ตัว หวังอี้ป๋ออ้ำอึ้งไปก่อนจะพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงอ้อนวอน

 

“...มันอาจจะฟังดูเป็นคำแก้ตัว แต่มันเป็นเรื่องจริง...ที่ผมเคยบอกพี่ว่า พี่คือรักแรกพบ…”   คำพูดของหวังอี้ป๋อดูสับสนและย้อนแย้ง แต่เขาก็พยายามระงับความโกรธเพื่อทำความเข้าใจมัน

 

ผมชอบพี่ตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น ตอนนั้นผมเข้าใจผิดว่าพี่คือปาปารัซซี่ใช่ไหมล่ะ ทั้งๆที่โกรธมาก โกรธจนอยากจะฆ่าให้ตายเพราะปาปารัซซี่นั่นทำให้คนในทีมของผมรถคว่ำ ผมอยากทำอะไรก็ได้ที่เจ็บแสบจนมันจำไปจนวันตาย แต่เพราะในใจลึกๆผมชอบใบหน้าของพี่ พี่เป็นสเปคของผม ผมเลยเลือกวิธีนั้นแทนที่จะลากพี่ไปซ้อมอย่างที่ตั้งใจไว้ตอนแรก...แล้วที่ผมยังแอบเก็บบางรูปไว้ เพราะตอนนั้นผมไม่รู้เลยว่าจะได้เจอพี่อีกทีเมื่อไหร่ ผมเอาไว้ดูตอนที่อยากเห็นหน้าพี่ มันคงจะฟังดูแปลกและน่ากลัว ทั้งๆที่เราไม่รู้เรื่องอะไรของกันและกันเลย แต่ผมกลับคิดถึงคนที่ไม่รู้จักคนนั้น…”

 

ผมชอบพี่...ตอนนั้นจะแค่รูปลักษณ์ภายนอกแต่มันก็คือผมชอบพี่ ผมหลงใหล ผมอยากได้ ผม….”    คำพูดของหวังอี้ป๋อขาดหายไป เพราะคงคิดว่ายิ่งพูด ตัวเองยิ่งดูน่ากลัว

 

แต่ที่นายทำนี่มันอาชญากรรมชัดๆ แถมยังแอบถ่ายตอนที่ลักหลับชั้นหลังจากนั้นไว้อีก”   เขามองอีกฝ่ายด้วยใบหน้าบูดบึ้ง โกรธจนหัวคิ้วแทบจะขมวดกันเป็นปม

 

“......ผม...ไม่มีข้อแก้ตัว...”   ใบหน้าหล่อเหลาก้มลงอย่างรู้ตัว

 

จ้านเกอ...ผม...ขอโทษ...”    เสียงอ้อนวอนนั้นพยายามง้อเขา แต่มันก็ไม่ใช่สิ่งที่จะยอมให้อภัยง่ายๆ

 

“......”   ดวงตากลมโตจ้องอีกฝ่ายเขม็ง

 

ชั้นไม่ควรโกรธนายหรือไง? ดูสิ่งที่นายทำไว้สิ”   เขาขึ้นเสียง เรื่องที่อีกฝ่ายทำมันน่าสะพรึงกลัวมากสำหรับผู้ถูกกระทำอย่างเขา ตอนนั้นยังไม่รู้จักกันด้วยซ้ำ

 

“......ผม ......”   ดวงตาคมกล้าเหลือบมองมาอย่างขอโทษ

 

“.......”   แต่เขาก็มองกลับไปด้วยสายตาที่บ่งบอกว่าจะไม่ยอมยกโทษให้ง่ายๆ หวังอี้ป๋อจึงมองเขาตาละห้อย ใบหน้าสำนึกผิดก้มมองพื้นก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงอ่อยๆ

 

“.....ผม...ออกไปก่อน...ก็ได้...รอให้พี่ใจเย็นก่อน...”   อีกฝ่ายยอมล่าถอยออกไปเพราะรู้ว่าพูดอะไรตอนนี้เขาก็คงไม่ฟัง

 

เขานั่งระงับโทสะอยู่ตรงนั้นนานสองนาน พยายามทบทวนสิ่งที่ผ่านมา ถึงเรื่องนี้จะผ่านมานานมากแล้วจนต่างฝ่ายต่างลืมมันไป แต่ในเมื่ออี้ป๋อเป็นคนเก็บหลักฐานพวกนี้เอาไว้ ทำให้เขาต้องนึกถึงมันขึ้นมาอีก อีกฝ่ายก็ต้องรับผิดชอบในความผิดของตัวเอง

 

 

 

 

 

 

 

 

บรื้นนน... 

 

เสียงทุ้มต่ำของบิ๊กไบต์แล่นออกไปจากบ้าน เขาจึงชะโงกหน้ามองตาม อี้ป๋อไปไหน? ทั้งๆที่เพิ่งทะเลาะกันเนี่ยนะ?

 

แล้วร่างสูงสง่าก็เบลอจัดถึงขนาดลืมปิดประตูรั้วจนต้องขับรถวนกลับมาใหม่...

 

เขาก็รู้ว่าไม่ได้มีแต่เขาที่โกรธ แต่อีกฝ่ายก็เสียใจและคิดมากเหมือนกัน ตอนนี้ไม่ว่าจะเขาหรือหวังอี้ป๋อต่างก็มีสภาพจิตใจไม่ปกติทั้งคู่นั่นแหละ

 

เขาแอบมองตามคนที่กำลังปิดประตูรั้วแล้วกลับไปคร่อมมอเตอร์ไซค์ใหม่ ถึงเขาจะยังโกรธอยู่แต่ก็อดห่วงไม่ได้ กลัว ว่าจะไปเกิดอุบัติเหตุเข้า สภาพแบบนั้น

 

เสียงบิ๊กไบต์ไกลห่างออกไปเรื่อยๆท่ามกลางความกังวลของเขา ร่างโปร่งบางเดินพล่านไปทั่วห้องอย่างไม่เป็นอันทำงาน เขาพยายามนั่งลงแต่ก็ยังลุกลี้ลุกลน ใบหน้ามนเหลือบมองออกไปนอกรั้วเป็นระยะๆ ถ้าเกิดอะไรขึ้นจะทำยังไง

 

“อ๊า!”  มือบางยกขึ้นมาขยี้หัว ก่อนจะวิ่งพรวดพราดไปหยิบโทรศัพท์มือถือ ตอนนี้ขอแค่รู้ก่อนว่าอี้ป๋อไปไหน ถ้ายังมีการเคลื่อนไหวอยู่เรื่อยๆก็น่าจะไม่เป็นไร

 

แอพสัญญาณติดตามตัวถูกเปิดขึ้นทันที รหัสประจำตัวของหวังอี้ป๋อถูกกรอกลงไปแล้วจุดสีเขียวจึงกระพริบขึ้นที่หน้าจอ

 

เขานั่งจ้องจุดนั่นตาไม่กระพริบ นิ้วเรียวเผลอหมุนแหวนที่สวมอยู่ที่นิ้วนางอย่างกังวล จุดสีเขียวนั่นมันยังเคลื่อนที่อยู่...ขยับไปเรื่อยๆอยู่ในมาราเนลโล่นี่แหละ

 

และที่ที่หวังอี้ป๋อไปก็คือ...ร้านขนมปังอบ ร้านเค้ก แล้วก็ร้านดอกไม้

 

ดูก็รู้แล้วว่าออกไปซื้อขนมมาง้อเขา

 

ใบหน้ามนยังคงมองตามจุดสีเขียวด้วยใบหน้างอหงิก ถ้ารู้ว่าเขาจะโกรธก็ไม่ควรทำเรื่องแบบนั้นสิ! เดี๋ยวเขาก็ได้ดูเป็นคนงี่เง่าที่ไปขุดเรื่องเก่าๆมาโกรธหรอก!

 

มือบางปิดหน้าจอมือถือเมื่อเสียงบิ๊กไบต์แล่นใกล้เข้ามา เขาตวัดดวงตากลมโตไปมองอย่างแง่งอน ร่างโปร่งบางฝังตัวเองลงไปในโซฟาเบดอย่างไม่ยอมขยับไปไหน ไม่ยอมลงไปข้างล่างง่ายๆให้อีกฝ่ายได้ง้อ เพราะงั้นกว่าขนมพวกนั้นจะได้ทำหน้าที่ของมันก็เย็นๆนู่นแหละ

 

 

โคร่ก

 

 

เขาท้องร้องจนทนไม่ไหว เริ่มหิวจนตาลายเพราะยังไม่ได้กินแม้แต่ข้าวกลางวันจึงต้องยอมเดินลงมาชั้นล่าง ฝ่าเท้ากระแทกพื้นตึงๆอย่างต้องการจะบอกให้รู้ว่ายังโกรธอยู่ เขาชักสีหน้างอหงิกเมื่อเดินลงบันไดมา 

 

หวังอี้ป๋อยืนมองเขาทุกฝีก้าวและดวงตาคมกล้าคู่นั้นก็เต็มไปด้วยแววเว้าวอน แต่ร่างสูงสง่าทำได้แค่มองอยู่ไกลๆไม่กล้าเข้ามาคุยด้วยเพราะรู้ว่าเขายังโกรธแล้วก็กลัวว่าเขาจะไล่ออกไป กลัวว่าจะทะเลาะกันมากกว่าเดิม ท่าทางเหมือนหมาหงอยน่าสงสาร

 

ดวงตาคู่โตตวัดมองขนมที่คัดมาแล้วว่าเป็นของโปรดเขาทั้งนั้นและมันก็วางเต็มแน่นจนแทบจะล้นโต๊ะ นอกจากนี้ยังมีกุหลาบสีชมพูดอกใหญ่ที่ดูคล้ายกุหลาบแห่งวอร์ริกอีกช่อวางอยู่ข้างๆกัน ทุกอย่างล้วนเป็นสิ่งที่เขาชอบ แต่เขาก็จำต้องสะบัดหน้าใส่แล้วเดินเข้าครัวอย่างไม่ยอมแตะต้องขนมพวกนั้น 

 

ถ้าเป็นปกติเขาคงจะหายโกรธไปแล้ว เห็นแก่ของกินก็ใช่แหละแต่เขามักจะยอมรับฟังหวังอี้ป๋อเสมอ ไม่ว่าเรื่องอะไรเขาก็พร้อมจะอภัยให้ พร้อมจะเข้าข้าง พร้อมจะเชื่อมั่นเชื่อใจ แต่คราวนี้มันไม่เหมือนกัน

 

มือบางหยิบกะทะมาตั้งไฟ เขาทอดไข่ดาวง่ายๆกับไส้กรอกอีกอันแค่กินประทังชีวิต...ถึงจะหิวแต่ก็ไม่อยากกินอะไรเลย

 

ริมฝีปากสีระเรื่อเม้มแน่นยามเมื่อจ้องมองไข่ในกะทะที่เริ่มเปลี่ยนเป็นสีขาว เขาต้องสะกดจิตตัวเองตั้งเท่าไหร่ที่จะไม่หันไปสนใจสายตาละห้อยที่มองมาจากอีกฝั่งของประตูห้องครัว

 

มาคิดๆดูแล้ว...พวกเราไม่เคยทะเลาะกันรุนแรงขนาดนี้มาก่อนเลย  

 

เขาถือจานใบนึงกับน้ำอีกเหยือกนึงขึ้นไปกินบนห้องนอน ตอนนี้พวกเขาแทบจะแบ่งอาณาเขตกันอย่างชัดเจน

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ตกดึก ประตูห้องนอนที่เขายึดเป็นอาณาเขตของตัวเองก็ค่อยๆแง้มเปิดออก...เขาตวัดสายตาจากหน้าหนังสือที่อ่านมาตั้งแต่หัวค่ำแต่ก็ไม่ได้รู้เรื่องเลยสักประโยคไปมองที่ร่างสูงสง่าซึ่งกำลังเดินเข้ามาเพราะได้เวลานอนแล้ว

 

ทว่า...สองขาของหวังอี้ป๋อก็ต้องชะงักไป เมื่อเขาเอาอาม่ามานอนขวางเต็มเตียง

 

ใบหน้าหล่อเหลาเหลือบมองเขาทีอาม่าที ถ้าเป็นปกติมือใหญ่ๆนั่นจะต้องจับอาม่าหลบอย่างไม่เกรงใจแล้วก็หาเรื่องโยนไปปลายเตียงบ้าง ข้างเตียงบ้างโดยไม่สนว่าเขาจะบ่นจะว่ายังไง

 

แต่คราวนี้อี้ป๋อกลับยืนนิ่งและไม่กล้าขยับเข้ามาใกล้

 

เพราะรู้ว่าเขาโกรธมากจึงไม่กล้าหยอกเย้าเหมือนที่ผ่านๆมา

 

คืนนี้...ผมลงไปนอนข้างล่างก็แล้วกัน…”   เสียงทุ้มเอ่ยออกมาเบาๆก่อนจะหันหลังกลับ ประตูปิดลงโดยที่เขาไม่ยอมใจอ่อน

 

ดวงตาคู่โตเหลือบมองประตูเป็นระยะๆ หวังอี้ป๋อเดินวนเวียนอยู่ข้างนอกนั่นพักใหญ่กว่าจะยอมลงไป คงกำลังหาวิธีง้อเขา

 

ใบหน้ามนเม้มปากก่อนจะหันไปคว้าอาม่ามากอด ปลายคางวางอยู่บนพุงนิ่มก่อนที่สายตาจะเหลือบไปเห็นผ้าห่มซึ่งพับอยู่ปลายเตียง...ข้างล่างนั่นจะหนาวไหมนะ? ถ้านอนทั้งๆที่ไม่ได้ห่มผ้าอาจจะเป็นหวัดก็ได้?

 

งื้อ~”   เขาสะบัดหน้าไปมาอยู่บนพุงอาม่าราวกับเป็นไบโพล่า งอนอยู่แท้ๆแต่ก็ยังจะไปห่วงเค้าอีก~~

 

เฮ้อ…”   ร่างโปร่งบางหยุดฟัดหมีแพนด้าก่อนจะลุกขึ้นนั่ง ดวงตาคู่โตมองไปที่ประตูครั้งแล้วครั้งเล่า จนในที่สุดเขาก็ทนต่อไปไม่ไหว สองขาลุกพรวดพราดก่อนจะเดินไปยังตู้เสื้อผ้า มือบางหยิบผ้าห่มสำรองออกมาแล้วเดินปึงปังลงไปชั้นล่าง

 

หวังอี้ป๋อกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนโซฟา ร่างสูงสง่าลุกนั่งตัวตรงทันทีที่มองเห็นเขา  ใบหน้าหล่อเหลามองเขาอย่างมีความหวัง เขาจึงต้องรีบชักสีหน้าบูดๆให้ก่อนจะโยนผ้าห่มใส่หน้าคนที่มองมาตาละห้อย

 

สองขารีบสะบัดตัวเดินขึ้นบันไดกลับมา มือใหญ่รับผ้าห่มไว้แทบไม่ทั่วไม่ทันแต่ก็ไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่านั้น ไม่กล้าแตะต้องเขาเพราะกลัวเขาจะโกรธมากกว่าเดิม

 

 

 

 

 

 

 

 

ร่างโปร่งบางพลิกกายไปมาอยู่บนเตียงเย็นเฉียบ เขาพยายามจะนอนแต่ทำยังไงก็หลับไม่ลง ดวงตากลมโตทอดมองหมอนใบข้างๆซึ่งว่างเปล่าจู่ๆก็รู้สึกไม่ชิน

 

เป็นเพราะฤดูกาลนี้เขาอยู่ Moto GP จึงมักจะอยู่กับอี้ป๋อตลอดเวลา หมอนใบข้างๆไม่เคยว่างแบบนี้...

 

“.....”    เขาลุกพรวดขึ้นมานั่งท่ามกลางความมืด ข้างนอกยังมีแสงไฟลอดเข้ามาตามช่องว่างใต้ประตู หวังอี้ป๋อก็ยังไม่นอนเหมือนกันเหรอ? นี่มันตีสี่แล้วนะ

 

เขาค่อยๆย่องลงจากเตียง ค่อยๆย่องไปที่ประตู ค่อยๆแอบแง้มดู

 

ร่างสูงสง่ายังนั่งดูทีวีอยู่บนโซฟา มือใหญ่กดรีโมทเปลี่ยนช่องไปเรื่อยๆเหมือนไม่ได้ตั้งใจจะดูอะไร อี้ป๋อก็คงจะนอนไม่หลับเหมือนกัน

 

เขาปิดประตูลงก่อนจะหันหลังพิงมันไว้ ต่างฝ่ายต่างไม่สบายใจด้วยกันทั้งคู่...ข้างในมันเจ็บแปลบไปหมด...

 

 

 

 

 

 

 

 

 

เอี๊ยดดดด

 

เสียงเบรกยาวเหยียดดังก้องอยู่ในหู ใบหน้ามนหันรีหันขวางอย่างไม่รู้ทิศทาง เขามองรอบกายอย่างสับสนแต่หัวใจก็กังวลอย่างบอกไม่ถูก เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองอยู่ที่ไหน ได้ยินแต่เสียงเบรกที่น่ากลัวนั่นเพียงอย่างเดียว

 

แล้วในขณะที่กำลังหันไปหันมา สายลมรุนแรงก็ปะทะเข้าเต็มหน้า ภาพรถมอเตอร์ไซค์สีน้ำเงินคันใหญ่ที่คุ้นตาพุ่งผ่านหน้าเขาไป รอยเบรกลากยาวหอบเอาฝุ่นตลบอบอวลจนมองไม่เห็นอะไร แต่หัวใจของเขาก็หล่นวูบลงไปอยู่ที่ตาตุ่มเพราะรู้ดีว่ารถคันนั้นเป็นรถของใคร

 

 

โครม!!!

 

 

อี้ป๋อ!!

 

 

 

เฮือก!!

 

ร่างโปร่งบางสะดุ้งโหยงก่อนจะลืมตาเบิกโพลง เขาเด้งตัวลุกขึ้นนั่งพลางหอบหายใจ เหงื่อกาฬไหลเต็มหน้าไปหมด

 

ฝัน...ฝันไปอย่างงั้นเหรอ?...

 

ดวงตาที่เบิกค้างมองไปรอบๆกาย...นั่นเป็นเพียงแค่ฝันร้ายจริงๆใช่ไหม

 

มือบางตลบผ้าห่มออกจากตัว สองขารีบก้าวลงจากเตียงก่อนจะวิ่งพรวดพราดออกจากห้องนอน อี้ป๋อล่ะ? หวังอี้ป๋ออยู่ไหน?

 

เขายืนสับสนอยู่กลางบ้านที่ว่างเปล่า เช้าตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้และเขาเผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ใบหน้ามนยังติดอยู่ในฝันร้ายจึงมองหาหวังอี้ป๋อไปทั่ว แต่ไม่ว่าจะในห้องครัว ห้องทำงาน สวนหลังบ้าน หน้าบ้าน โรงจอดรถ ที่ไหนๆก็ไม่มีหวังอี้ป๋อเลย….

 

ความฝันที่น่ากลัวนั้นยังคงตามมาหลอกหลอน เขานึกขึ้นได้จึงรีบวิ่งกลับขึ้นไปบนห้องนอน มือบางหยิบโทรศัพท์มาเปิดแอพสัญญาณติดตามตัวอย่างร้อนลน และเมื่อจุดสีเขียวปรากฏขึ้นเขาก็แทบทรุดลงกับพื้น

 

ยังอยู่...หวังอี้ป๋อยังอยู่...หวังอี้ป๋อไม่ได้เป็นอะไร...

 

ความฝัน...อุบัติเหตุนั่นเป็นเพียงแค่ความฝัน

 

มือบางบีบแขนที่ยังสั่นของตัวเองเบาๆ เขาเฝ้ามองจุดสีเขียวบนหน้าจอพลางถอนหายใจ หวังอี้ป๋อเคลื่อนที่ช้าๆไปที่วงเวียนกลางมาราเนลโล่...สงสัยจะออกไปวิ่ง...แล้วจุดสีเขียวก็ไปหยุดลงที่ร้านโดนัทนมสดที่เขาชอบกิน

 

ริมฝีปากสีสดเม้มแน่น หัวคิ้วขมวดมุ่น

 

พอแล้ว! ไม่ต้องออกไปซื้ออะไรให้เขาแล้ว!

 

แค่อี้ป๋อก้าวขาออกจากบ้านเขาก็กังวลจนแทบจะกลายเป็นคนบ้าแล้ว!

 

 

 

 

ร่างโปร่งบางยังนั่งมองจุดสีเขียวในมือถืออยู่บนพื้นพรมในห้องนอน  ดวงตาของเขาเหม่อลอยน้อยๆอย่างคนอดนอนและเครียดสะสม ใบหน้ามนค่อยๆโน้มลงไปก่อนจะเกยคางไว้กับที่นั่งของโซฟาเบด 

 

มือบางควานหาโน้ตบุคของหวังอี้ป๋อที่น่าจะอยู่แถวๆนั้นก่อนจะเปิดมันอีกครั้ง

 

เขาไล่ดูไฟล์ที่เหลือทั้งหมดนั่นช้าๆ...ดูด้วยความพินิจพิจารณา...

 

หลังจากคืนแรกที่มานอนบ้านเขา อี้ป๋อก็ไม่ได้แอบถ่ายภาพล่อแหลมของเขาอีกเลย

 

ในโน้ตบุคนี่มีแต่รูปที่ถ่ายเขาตรงๆต่อหน้า ไม่ว่าจะเป็นรูปที่ไปเที่ยวด้วยกันหรือใช้ชีวิตอยู่ในบ้านหลังนี้ด้วยกัน รูปที่ถ่ายในสนามแข่ง ในโรงงานของเฟอร์รารี่ ถ่ายกับปะป๊าหม่าม้า ถ่ายมาไม่รู้กี่เมืองกี่ประเทศทั่วโลก

 

ดวงตากลมโตจ้องมองใบหน้าของตัวเองที่อยู่ในรูปเหล่านั้น

 

เขาเพิ่งเคยรู้...ว่าตัวเองยิ้มได้สวยขนาดไหน...

 

เซียวจ้านคนที่อยู่ในรูปของหวังอี้ป๋อจะต้องเป็นคนที่มีความสุขมากแน่ๆถึงยิ้มได้สวยงามขนาดนี้...  

 

แล้วเขายิ้มให้ใครล่ะ ถ้าไม่ใช่หวังอี้ป๋อ?

 

เขาจะไม่ยอมให้อภัยคนที่ทำให้เขามีรอยยิ้มที่สวยงามขนาดนี้เชียวเหรอ?

 

ตลอดสองปีที่ผ่านมา...มีรูปที่หวังอี้ป๋อถ่ายเขาไว้เป็นหมื่นเป็นแสนรูป...ต่อให้เป็นรูปที่กำลังทำหน้าบูดหน้าหงึหน้าดื้อยังไง แต่ทุกรูปล้วนมีรอยยิ้มปรากฏอยู่ในดวงตาของเขาเสมอ 

 

รูปแสนรูปพวกนี้...จะทดแทนรูปเลวร้ายสองสามใบพวกนั้นไม่ได้เชียวหรือ...

 

ชีวิตของคนในทีมแข่งรถอย่างพวกเขามันเสี่ยง พวกเขาอาจจะตายได้ทุกวินาที เพราะฉะนั้นเขาไม่อยากจะให้เวลาที่มีต้องเสียไปกับความโกรธและความไม่เข้าใจเหล่านี้ 

 

ต้องพูดคุยกัน

 

ต้องปรับความเข้าใจกัน

 

ต้องอภัยให้กัน

 

แล้วใช้ชีวิตที่มีให้คุ้มค่า

 

มีความสุขทุกๆนาที

 

ถ้าตายไป จะได้ไม่ต้องมาเสียใจภายหลัง

 

 

 

 

 

 

 

 

 

แกร่ก

 

เสียงประตูรั้วดังขึ้นทำให้ใบหน้าของเขาชะงักน้อยๆก่อนจะลุกพรวดพราดขึ้นไปนั่งบนโซฟา มือบางเกาะขอบหน้าต่างมองอย่างโล่งใจที่เห็นหวังอี้ป๋อเดินหอบถุงกระดาษขนาดใหญ่เข้ามา

 

หื๋อ? นั่นคงจะไม่ได้ไปเหมาโดนัทเค้ามาหมดร้านหรอกนะ? แค่ขนมเมื่อวานนี่ก็กินไปจนถึงชาติหน้าได้แล้วไหม?

 

ร่างในฮู้ดชุดนอนสีแดงเด้งจากโซฟาก่อนจะวิ่งลงไปหาคนที่เพิ่งเดินเข้าบ้านมา

 

หวังอี้ป๋อผงะไปน้อยๆที่จู่ๆก็เห็นเขาวิ่งมาดักหน้า  ดูจากสายตากังวลนั่นก็คงคิดว่าเขาโกรธอะไรอีกหรือเปล่าถึงได้เข้ามายืนขวางเอาไว้แบบนี้

 

“....เอ่อ….ผม...ไปซื้อโดนัทที่พี่ชอบมาให้….”   มือใหญ่ยื่นถุงกระดาษขนาดยักษ์นั่นมาให้อย่างไม่แน่ใจว่าตัวเองทำอะไรผิดไปอีกหรือเปล่า เขาถึงได้มายืนกอดอกจ้องเขม็งขนาดนี้

 

พอแล้ว! ไม่ต้องไปหาอะไรมาง้อแล้ว ไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น แค่นายออกจากบ้านชั้นก็กังวลเหมือนคนบ้าแล้ว!”   เขาตะโกนใส่ก่อนจะเดินดุ่มๆไปนั่งลงที่โต๊ะกินข้าว

 

มานั่งนี่”   เขาสั่งเสียงแข็ง อี้ป๋อจึงเดินหอบถุงโดนัทมานั่งด้วยใบหน้าที่ยังมึนงงผสมกังวล

 

ถ้าชั้นไม่ยกโทษให้ นายจะทำยังไง?”   เขาถามทั้งที่ยังจ้องอีกฝ่ายเขม็ง

 

“......”   หวังอี้ป๋อนิ่งไป ถึงใบหน้าหล่อเหลาจะยังดูนิ่งเฉยแต่ในดวงตากลับมีแววกังวลมาก สั่นไหวมาก เหมือนกำลังกลัว... 

 

ตั้งแต่คบกันมาเขาไม่เคยเห็นอี้ป๋อมีแววตาแบบนี้มาก่อน ขนาดตอนเรื่องของอายัด อัลม่อน หรือเรื่องของปะป๊าหม่าม้า ถึงอี้ป๋อจะกังวลแต่ดวงตาของอี้ป๋อกลับมีแววแข็งกร้าวที่มีไว้ปกป้องเขามากกว่า

 

ผม...ผมก็จะง้อพี่ไปทั้งชีวิต...”   เสียงทุ้มแผ่วเบาฟังดูกังวลและไม่มั่นใจ ไม่รู้ว่าชีวิตของตัวเองจะยืนยาวพอที่จะง้อเขาสำเร็จไหม

 

เฮ้อ…”    

 

เขาถอนหายใจแล้วเลิกทำปั้นปึงใส่อีกฝ่าย

 

พอแล้ว โกรธนายแบบนี้ไม่เห็นจะมีความสุขเลย”    เขาเบะปากก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบถุงโดนัท

 

จะยกโทษให้สักครั้งก็ได้”   เขายู่หน้าใส่ก่อนจะหยิบโดนัทขึ้นมากัดราวกับจะบอกว่าให้อภัย

 

จำไว้นะ ห้ามทำแบบนี้อีกรู้ไหม? นายต้องรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับชั้น เพราะสัญญาพวกนี้หากไม่ทำตามแล้วมันจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ นายรับผิดชอบไม่ไหวหรอก ชั้นเองก็รับผิดชอบไม่ไหวเช่นกัน แล้วก็ห้ามแอบถ่ายรูปอย่างว่าพวกนั้นอีก”  ริมฝีปากสีระเรื่อบ่นไปกินโดนัทไป

 

เข้าใจรึเปล่า?”   เขาเงยหน้าขึ้นมาถามเมื่อเห็นอีกฝ่ายเงียบไป แต่แล้วภาพตรงหน้าก็ทำให้เขาถึงกับตกใจ

 

เมื่อจู่ๆดวงตาข้างหนึ่งของหวังอี้ป๋อก็มีน้ำใสๆเอ่อคลอขึ้นมา...ก่อนที่มันจะค่อยๆไหลลงมาตามแก้มสะอาดหมดจด

 

อ๊ะ? อี้ป๋อ?”   เขาลุกขึ้นยืนอย่างตกอกตกใจ โดนัทที่เคยคาบไว้ในปากถึงกับร่วงลงโต๊ะ

 

นายร้องไห้ทำไมเนี่ย?”   มือบางรีบตรงเข้าไปประคองแก้มของอีกฝ่ายก่อนจะเช็ดหยาดน้ำที่ไหลลงมา หวังอี้ป๋อยังมีท่าทางเหม่อๆงงๆ ตัวเองยังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าร้องไห้

 

เอ๊ะ?”   มือใหญ่ปาดมันออกลวกๆด้วยความสับสน 

 

เปล่า...ผมไม่ได้ร้อง? อ่า? ผมแค่โล่งใจ ทำไมน้ำตาไหล?”    ….นี่โล่งใจจนถึงกับน้ำตาไหลเลยเหรอพอได้รับการให้อภัยจากเขา เมื่อคืนที่ผ่านมาหวังอี้ป๋อต้องกังวลจนถึงขนาดไหนกัน? เพราะเท่าที่ผ่านมาไม่ว่าจะเจอเรื่องหนักหนาแค่ไหน อี้ป๋อก็ไม่เคยร้องไห้ ขนาดอยู่ต่อหน้าความตายยังไม่มีน้ำตาสักหยด

 

งื้อ…”   สองแขนบางตรงเข้าไปรวบหัวสีน้ำตาลมากอดไว้ ให้แผ่นอกแบนเรียบซับน้ำตาเหล่านั้นให้

 

ได้ยินเสียงสูดน้ำมูกเบาๆ เขาจึงจูบลงไปบนกลุ่มผมสีน้ำตาลแทนคำปลอบโยน 

 

จ้านเกอ ผมขอโทษจริงๆนะ...ถ้าผมนึกขึ้นได้ ผมคงจะลบมันด้วยมือของผมไปแล้ว มันนานจนผมลืมไปแล้วว่ายังเก็บรูปพวกนั้นไว้ ผมไม่ได้ตั้งใจจะทำให้พี่เดือดร้อน ผมขอโทษที่ผมไม่รักษาสัญญา พี่อย่ากลัวผมเลยนะ ผมขอโทษ ผมยอมทำให้พี่ทุกอย่างเลย ขอแค่พี่อย่าโกรธผม อย่าไล่ผมไปไหน...ผมขอโทษ ผมขอโทษ

 

คำพูดของหวังอี้ป๋อที่อัดอั้นไว้ตั้งแต่เมื่อวานค่อยๆพรั่งพรูออกมาจนหยุดไม่อยู่ น้ำตาที่เริ่มเปียกเสื้อเขามากขึ้นๆนี่ก็ด้วย

 

ชั้นยกโทษให้นายแล้ว ไม่ร้องสิ...”   สองมือลูบแผ่นหลังกว้างอย่างปลอบโยน  อี้ป๋อสะอื้นเบาๆและยังกดใบหน้าไว้กับอกเขา ไม่ยอมให้เขาเห็นน้ำตาของตัวเอง

 

ผมขอโทษ...ผมกลัว ผมกังวล ผมกลัวมาก ถ้าพี่ไม่ยกโทษให้ ผมจะทำยังไง ผมรักใครไม่ได้อีกแล้ว ถ้าไม่มีพี่ผมจะทำยังไง…”

 

ความในใจยังคงถูกระบายออกมาพร้อมกับคำพูดอันสั่นเครือนั่น ตอนนี้เขารู้แล้วว่าข้ามคืนที่ผ่านมาล้วนเป็นสถานการณ์ที่ยากลำบากของพวกเขาทั้งคู่จริงๆ

 

ชั้นยกโทษให้นาย...ชั้นยกโทษให้นาย….”   คงไม่มีคำปลอบโยนใดดีไปกว่าคำนี้อีกแล้ว เขาจึงพร่ำกระซิบมันเบาๆ

 

เขาทำถูกแล้วที่เลือกที่จะให้อภัย ไม่เช่นนั้นคงต้องมาเสียใจภายหลังแน่ๆ

 

สองแขนกอดไหล่กว้างจนกระทั่งอี้ป๋อค่อยๆสงบลง

 

ถึงจะไม่ได้เห็นน้ำตา ทว่า ขอบตาและปลายจมูกที่แดงกล่ำก็ทำให้เขานึกเอ็นดูอีกฝ่ายอยู่ไม่ใช่น้อย 

 

เขาคงจะเป็นคนเดียวในโลกที่ทำให้เจ้าสิงโตดุร้ายนี่ร้องไห้ได้

 

เขาทำให้หวังอี้ป๋อกลายเป็นผู้ชายที่จับต้องได้คนหนึ่ง ไม่ใช่เทพบุตรหรือยอดมนุษย์อย่างที่ใครๆคิด

 

ร่างโปร่งบางนั่งลงจนใบหน้าอยู่ในระดับเดียวกัน เขาค่อยๆยิ้มให้ หวังอี้ป๋อเหม่อมองรอยยิ้มของเขาราวกับกลัวว่าจะไม่ได้เห็นมันอีก

 

เขาถึงกับถอนหายใจ อี้ป๋อน่าจะกังวลมากกว่าที่เขาคิดเอาไว้ มือบางจึงเอื้อมไปหยิบโดนัทนมสดก่อนจะยัดใส่ปากอีกฝ่าย...ถ้าได้กินของหวาน อะไรๆก็น่าจะดีขึ้น

 

แล้วจะทำยังไงกับโดนัทพวกนี้เนี่ย? กินอีกปีก็ไม่หมดหรอกนะ”   เขาหันไปบ่นใส่กองโดนัทที่สูงเป็นภูเขาเลากา หวังอี้ป๋อยิ้มบางๆทั้งๆที่ยังมีโดนัทยัดปากอยู่ 

 

วันนั้นทั้งวัน...พวกเขาไม่ได้พูดอะไรกันมากนัก แต่ส่วนหนึ่งส่วนใดของร่างกายเพียงสัมผัสกันไว้ไม่ยอมห่างไปไหน ความเหนื่อยล้าทั้งจิตใจและร่างกายพาให้เผลอหลับอยู่หน้าโซฟาโดยไม่รู้ตัวเลย

 

 

 

 

 

 

 

 

 

คืนแรกหลังจากที่คืนดีกัน...เตียงยุบยวบลงไปเมื่อหวังอี้ป๋อกลับขึ้นมานอนในห้องนอนตามปกติ

 

แต่ร่างสูงสง่าก็ดูเกร็งๆอย่างเห็นได้ชัด หวังอี้ป๋อนอนลงไปในฝั่งของตัวเองโดยยังปล่อยให้อาม่านอนขวางตรงกลาง ทั้งๆที่ปกติจะต้องจับอาม่าไปนอนริมเตียงแล้วตัวเองก็เนียนมานอนกอดเขาทุกคืน

 

เหมือนยังไม่กล้าแตะต้องเขา ในใจของอี้ป๋อกำลังคิดอะไรอยู่ กลัวอะไรอยู่ เขาอยากรู้จึงพลิกกายนอนตะแคงมองอีกฝ่ายก่อนจะถามออกไป

 

ไม่กอดชั้นเหรอ?”   ใบหน้าหล่อเหลาชะงักไปน้อยๆก่อนจะค่อยๆเอ่ยปาก

 

“.......พี่...กลัวรึเปล่า...ที่ผมเป็นคนแบบนี้”   

 

หมายถึงที่นายเคยคุกคามแล้วก็ลักหลับชั้นน่ะเหรอ?”

 

ครับ...จริงๆแล้ว จนถึงตอนนี้...ผมก็ยังแอบจูบพี่เวลาที่พี่หลับ บางครั้งผมก็อยากจะกอดพี่แรงๆ อยากขบอยากกัด อยากกลืนกินพี่ลงไปทั้งตัว

 

งื้อ~ เป็นใครก็กลัวอยู่แล้วป่ะ โดนจ้องจะกินตลอดเวลาเนี่ย~ ถอยไปเลยนะเจ้าสิงโตกระเพาะหลุมดำ”   เขาทำหน้าหวาดๆใส่ หวังอี้ป๋อจึงยิ้มบางๆ 

 

แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่กล้าขยับเข้ามาใกล้เขา

 

เขามองอีกฝ่ายอย่างไม่รู้จะทำยังไง เขาอาจจะหวาดกลัวบ้างแต่มันไม่ได้มีความหมายในเชิงรังเกียจ  มือบางจึงตลบผ้าห่มออกก่อนจะลุกไปหยิบโน้ตบุคของหวังอี้ป๋อมาเปิด

 

คราวนี้เขาเป็นฝ่ายอุ้มอาม่าลงไปวางไว้ข้างเตียงเอง ก่อนจะขยับเข้าไปใช้แผ่นอกของอี้ป๋อเป็นดั่งพนักพิง คางเรียวจึงเกยอยู่ที่ไหล่ของเขา ปลายนิ้วค่อยๆเปิดไฟล์รูปถ่ายขึ้นมาทีละไฟล์แล้วดูไปพร้อมๆกัน

 

มันมีตั้งแต่ที่อี้ป๋อไปดูเอฟวันครั้งแรกที่สนามมอนซ่าประเทศอิตาลี มีภาพของเขาที่ยืนอยู่ในพิตการาจของเฟอร์รารี่และกำลังดีใจที่ทีมชนะ จากนั้นก็เป็นเขาที่ไปดูหวังอี้ป๋อแข่งที่ออสเตรเลีย มีรูปเขากับขวดแชมเปญตัวร้ายและถ้วยแชมป์โลกสมัยที่4ของอี้ป๋อ มีทั้งรูปเขาที่ถ่ายกับหมีโคอาล่าและยังโดนจิ้งโจ้วิ่งไล่  มีทั้งรูปที่ถ่ายด้วยกันที่สะพานDNAในสิงคโปร์  มีทั้งรูปบนชิงช้าสวรรค์สีแดงของสนามซุซุกะประเทศญี่ปุ่น มีทั้งรูปที่ใส่ชุดยูกาตะไปเดินเล่นด้วยกันในเกียวโต  มีทั้งรูปเขาที่เดินอยู่ในไทม์สแควร์นิวยอร์กหลังจากถูกหวังอี้ป๋อฉกตัวไปจากสนามออสติน อเมริกา   ที่หน้าChrist the Redeemerรูปปั้นพระเยซูคริสต์กรุงริโอ เด จาเนโรของบราซิลก็มี   รูปเขาที่กำลังปั่นจักรยานสีแดงแปะตราม้าลำพองก่อนจะเลี้ยวลงบ่อกรวดของสนามเม็กซิโกก็มี  ปีนั้นยังมีรูปเขากับถ้วยแชมป์ผู้ผลิตของเฟอร์รารี่ที่ถ่ายในพิตที่อาบูดาบีอีกด้วย หวังอี้ป๋อตามไปดูเขาแข่งทุกที่ ยิ่งปีถัดมาที่อยู่ด้วยกันรูปก็ยิ่งเยอะ

 

เริ่มตั้งแต่ช่วงปิดฤดูกาลในงานเปิดตัวรถที่ปอร์โตฟิโน่  มีรูปเขากับไร่องุ่นและบ้านสีสันสดใสที่ชิงเควเทเร  มีรูปเขากับที่กำลังถ่ายรูปพระอาทิตย์ยามเช้าในโรงแรมที่ปอร์โตฟิโน่  เขากับล็อปสเตอร์ร้อยตัวที่กินจนแก้มเลอะไปหมด  มีทั้งรูปเขาที่กำลังโปรยอาหารนกอยู่หน้ามหาวิหารแห่งมิลานหลังจากถูกเชิญไปร่วมงานแฟชั่นวีคของกุชชี่   มีทั้งรูปที่ไปเดินเที่ยวในตลาดคริสต์มาสของเมืองColmarแคว้นอัลซาสประเทศฝรั่งเศสด้วยกันเพราะเขาอยากไปดูหมู่บ้านทิวดอร์ต้นแบบของอนิเมะAttack on Titan   มีทั้งรูปตอนงานปีใหม่ของเฟอร์รารี่ที่หุบเขาโดโรไมต์ รูปที่เขาถ่ายกับรถโกยหิมะและถ้วยรางวัลที่อี้ป๋อเอามาให้ด้วยความยากลำบาก(?)  มีทั้งรูปที่เขานอนซุกพุงอาม่าอยู่หน้าเตาผิงทั้งวันทั้งคืนเพราะข้างนอกหิมะตก  มีทั้งรูปตุ๊กตาหิมะที่สวยงามอลังการของเขากับตุ๊กตาหิมะหน้ามึนตัวเละๆของหวังอี้ป๋อที่ยืนอยู่ด้วยกันในสวนหลังบ้านที่ขาวโพลน  มีทั้งรูปเขาที่วิ่งหน้าตั้งออกมาจากสนามฟิโอราโน่เพราะมาผิดที่ รถแข่งคันใหม่จะทดสอบที่แล็ปในโรงงานต่างหากจนต้องให้หวังอี้ป๋อวนไปส่งใหม่  มีรูปเขากับดอกไม้ดอกแรกที่เบ่งบานอยู่ในสวนหน้าบ้านเมื่อฤดูใบไม้ผลิมาเยือน

 

มีรูปเขากับพิตการาจที่ไม่คุ้นตาและรถสองล้ออย่างมอร์ไซค์ใน Moto GP  มีรูปเขาในชุดฟอร์มของดูคาติ  มีรูปเขากับเนินทรายและรถโฟว์วิลไดร์ฟในกาตาร์  มีรูปดอกรีบูเทียร์คานิวาลวางอยู่กับตุ๊กตาไล่ฝน  มีทั้งรูปเขากับสนามชื่อดังอย่างเลอร์มังของฝรั่งเศส  มีรูปเขาที่นั่งเล่นอยู่หน้าพีระมิดกระจกของพิพิธภัณฑ์ลูฟและยืนอยู่หน้าโบสถ์โกธิคอย่างน็อตเทอดาม  มีทั้งรูปเขาที่เดินอยู่หน้าสนามฟุตบอลของสโมสรบาร์เซโลน่าเพราะอยู่ไม่ไกลจากสนามแข่งรถในสเปน  มีทั้งรูปเขากับปราสาทวอร์ริกในอังกฤษ มีรูปเขากำลังนั่งให้อาหารท่านเคานต์ปลาเทราส์ที่เลี้ยงไว้ในสวนหลังบ้าน   มีรูปที่ถ่ายด้วยกันที่อ้อมแขนวงรีของพระผู้เป็นเจ้าอย่างจตุรัสเซ็นต์ปีเตอร์ โรม  มีรูปที่เขากำลังเดินดูผลงานศิลปะอยู่ในจตุรัสนาโวนา  มีรูปสีน้ำของพวกเขาที่วาดโดยจิตรกรของที่นั่น   มีรูปเขาที่กำลังวิ่งหนีเส้นก๋วยเตี๋ยวเอเลี่ยนอย่างไส้เดือนของประเทศไทย มีทั้งรูปที่เขาถ่ายกับยักษ์ในสนามบินสุวรรณภูมิ  มีรูปผักชีสีเขียวสวยงามที่ปลูกอยู่ในสวนหลังบ้าน  มีทั้งรูปที่เขานั่งเล่นกับเป็ดอยู่ริมทะเลสาปฮัลล์สตัทท์ประเทศออสเตรีย  มีทั้งรูปที่ฟาบริซิโอ้ชี้หน้าด่าเพราะว่าพวกเขาหนีเที่ยวหลังควอลิฟายเสร็จ  มีทั้งรูปเขากับท่าเรือยอร์ชในโมนาโคหลังจากแวะมาดูทีมเฟอร์รารี่แข่งเอฟวัน  รูปเขากับไม้คิวสนุ๊กในมอนติคาโลคาสิโนก่อนจะโดนคะชูกินเรียบจนอี้ป๋อต้องมาแก้มือให้  มีทั้งรูปตอนที่เขาอาสาจะขับรถให้เพราะอี้ป๋อไม่สบายแต่ก็พาหลงจนกว่าจะไปถึงปราสาทนอยชวานชไตน์ในเยอรมันได้ปราสาทก็ปิดไปแล้ว  มีทั้งรูปถ่ายลายเพ้นท์เฮนน่าบนมือเขาที่ได้จากตลาดพื้นเมืองในอาบูดาบีประเทศUAE  มีทั้งรูปจากบนตึกเบิร์จคาลิฟาบ้านของพี่ชายอี้ป๋อในดูไบ  

 

มีทั้งรูปที่พวกเขากลับไปเยี่ยมป๊าม้าที่จีนแผ่นดินใหญ่  มีทั้งรูปในเซี่ยงไฮ้ ปักกิ่ง ฉงชิ่ง  มีทั้งรูปที่เขากำลังช่วยหม่าม้าของอี้ป๋อทำกับข้าว มีทั้งรูปที่เขากำลังเถียงเรื่องเรือดำน้ำกับปะป๊าอี้ป๋อ  มีทั้งรูปที่เขาพาอี้หยางไปเที่ยวที่พระราชวังต้องห้ามในปักกิ่ง  มีทั้งรูปที่เขาหอบถุงพะรุงพะรังหลังจากโดนหม่าม้าของตัวเองลากออกไปช็อปปิ้งในฉงชิ่ง  มีทั้งตอนที่ไปหงหยาต้งเพื่อซื้อของฝาก  มีทั้งรูปตอนที่กินหม้อไฟหมาล่ากับปะป๊าจนปากแดงแก้มแดงแดงไปจนถึงคอ  มีทั้งรูปตอนไปส่งอี้หยางที่แคนาดาแล้วหลานชายไม่ยอมปล่อยเอวเขาจนในรูปติดมือของอี้ป๋อที่ดันหลานชายออกไปมาด้วย

 

ยังมีรูปอีกมากมายที่บรรยายไม่หมด

 

เขาดูมาจนถึงไฟล์สุดท้ายก่อนจะชี้นิ้วไปที่ภาพของตัวเองแล้วเอ่ยถามหวังอี้ป๋อว่า

 

คนคนนี้ยิ้มสวยไหม?”   อี้ป๋อยิ้มน้อยๆก่อนจะตอบกลับมาด้วยเสียงละมุน

 

ครับ สวยที่สุดเลย

 

นายคิดว่าเพราะอะไร?”

 

“.......”

 

เพราะเขามีความสุขมากเวลาที่ได้อยู่กับนายยังไงล่ะ”    เขาหันไปยิ้มให้ หวังอี้ป๋อมองมาด้วยดวงตาสั่นพร่าราวกับจะร้องไห้ออกมาอีกครา เขาจึงสวมกอดอีกฝ่ายไว้หลวมๆ

 

นายอาจจะไม่ใช่คนดี แต่หลังจากนั้นนายก็พยายามทำให้ชั้นมีความสุข นายรักแล้วก็ปกป้องชั้นมาตลอด ข้อนี้ก็เป็นสิ่งที่ชั้นเห็น

 

หลังจากนี้ไป ชั้นก็แค่อยากจะใช้ชีวิตให้คุ้มค่า อยากจะมีความสุขตลอดเวลา นายทำให้ชั้นได้ไหม?”    เขาเงยหน้าขึ้นสบกับดวงตาคมกล้าคู่นั้นตรงๆ ใบหน้าหล่อเหลาจึงพยักรับด้วยความมั่นใจ

 

ได้ครับ

 

ถ้านายทำได้ ชั้นก็จะทำให้นายด้วย”    เขาเพิ่มแรงกอดไวๆก่อนจะคลายออก

 

อี้ป๋อ”    ใบหน้าของพวกเขาทั้งคู่ต่างมองเพียงกันและกัน 

 

 

 

...เขาเอ่ยคำมั่นออกมาจากใจและหวังอี้ป๋อก็ตอบรับมัน

 

 

อยู่ด้วยกันตลอดไปนะ

 

ครับ ผมจะอยู่กับพี่ตลอดไป” 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

เสียงเพลงภาษาเกาหลีในจังหวะแสนหวานคลอมากับสายลมอ่อนๆชวนให้คนที่กำลังหลับใหลเกิดความสงสัย

 

อือ…”   ใบหน้ามนที่ยังซบซุกอยู่กับหมอนนุ่มส่งเสียงอืออาเมื่อถูกก่อกวน เตียงยุบยวบลงไปก่อนที่เอวบางจะถูกคนที่เพิ่งลงนอนมาใหม่ดึงเข้าหา

 

แผ่นหลังเปลือยเปล่าถูกริมฝีปากรสกาแฟพรมจูบไปทั่ว ผ้าม่านสีขาวที่พลิ้วไหวตามสายลมทำให้บรรยากาศเบาสบาย ตอนนี้พวกเขาอยู่ที่เมืองชายทะเลแห่งหนึ่งในอิตาลี 

 

เขาไม่ได้เอ่ยปลุกกระต่ายขี้เซาด้วยคำพูดแต่ใช้ริมฝีปากจูบไปเรื่อยๆ ทั้งต้นคอ ลาดไหล่ แผ่นหลัง ถ้ายังไม่ตื่นอีกเขาก็จะจูบอยู่แบบนี้แหละ

 

อ๊า พอแล้ว…”   มือกระต่ายจับหัวเขาให้อยู่นิ่งๆหลังจากรอฟังมาพักใหญ่เขาก็ไม่ยอมเรียกให้ลุกแต่ปลุกอย่างไร้เสียงด้วยการจูบไปเรื่อยๆ

 

ปล่อยให้ชั้นนอนไม่ได้เหรอ…”   เสียงงัวเงียอ้อนดังมาจากใต้ผ้าห่ม เขาไม่ตอบอะไรแต่กลับจูบเข้าที่ซอกคอคนที่พลิกกายหันมาหา

 

ฮะฮะ จั๊กจี้”   สันจมูกคลอเคลียปลายคางมนทำให้เสียงใสหัวเราะออกมาเบาๆ เขาจูบลงไปบนไหปลาร้าก่อนจะไล่ไปยังซอกคออีกข้าง มือบางทั้งผลักไสทั้งดึงเข้าหา เสียงหัวเราะคิกคักดังออกมาจากใบหน้ามนที่ถูกเขาจูบไปเรื่อยๆ

 

อื้อ อี้ป๋อ พอแล้ว ตื่นแล้วๆ ชั้นยอมลุกแล้ว”   มือบางยันใบหน้าหล่อเหลาเอาไว้  เขาจึงถอยออกมานิดหน่อยเพื่อมองหน้าเจ้ากระต่าย

 

รักพี่จัง”   จู่ๆเขาก็พูดออกไปทำเอาเจ้ากระต่ายขี้เขินถึงกับอายม้วน แต่เขาพูดจริงๆนะ แค่เห็นหน้าก็อยากบอกรักวันละร้อยรอบแล้ว จะมีใครน่ารักน่ากินเท่าเจ้ากระต่ายของเขาอีก

 

พอเลย กี่โมงแล้วเนี่ย? เดี๋ยวเจ้าซีอีโอปิศาจนั่นก็พ่นไฟใส่อีกหรอกถ้าไปสาย”   มือบางผลักเขาออกก่อนจะใช้ผ้าห่มพันตัวแล้วกระโดดดึ๋งๆเข้าห้องน้ำไป 

 

เขามองตามพลางอมยิ้ม...จากวันที่ทะเลาะกันก็ผ่านไปหลายเดือนแล้ว จากปลายฤดูหนาวเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ เขาเพียงแต่จดจำเรื่องราวในวันนั้นไว้เป็นบทเรียน เก็บไว้เป็นหนึ่งในความทรงจำที่มีทั้งความทุกข์และความสุขของพวกเรา

 

เพราะไม่ว่าจะเรื่องไหนๆล้วนมีส่วนให้สายสัมพันธ์ของพวกเราแนบแน่นยิ่งขึ้น รักมากยิ่งขึ้น

 

 

 

 

 

 

 

 

 

เตรียมสแตนบายที่หลังเวทีได้แล้วนะครับ

 

เจ้าหน้าที่จัดงานเปิดตัวรถซุปเปอร์คาร์คันใหม่ของเฟอร์รารี่เข้ามาบอกพวกเขาด้วยความสุภาพ มือบางที่กำลังช่วยจัดคอเสื้อเชิ้ตให้เขาจึงหยุดลง

 

ครับ”   เจ้ากระต่ายหันไปตอบรับ ส่วนสายตาของเขาก็ยังคงจับจ้องใบหน้าสวยหวานไม่วางตา

 

ในปีหนึ่งๆเจ้ากระต่ายจะถูกจับลอกคราบกระต่ายเนิร์ดมาเป็นกระต่ายแสนสวยแค่สองสามครั้งในงานเปิดตัวรถแบบนี้ เพราะงั้นเขาต้องมองให้เต็มที่

 

ไปกันเถอะ”   ใบหน้ามนหันมาบอกก่อนที่พวกเขาจะเดินออกจากห้องรับรองพร้อมกัน คนอื่นๆไปอยู่ในงานกันหมดแล้ว มีเพียงพวกเขาสองคนที่รับหน้าที่ขับรถออกไปเท่านั้นที่ยังอยู่หลังเวที

 

วันนี้เป็นงานเปิดตัว “Ferrari Tramonto”

 

รถที่แม้แต่ชื่อของมัน เขาก็เป็นคนตั้งให้... 

 

Tramonto แปลว่าพระอาทิตย์ตกในภาษาอิตาลี รถคันนี้เจ้ากระต่ายสเก็ตขึ้นมาตอนที่พวกเราไปดูพระอาทิตย์ตกดินครั้งแรกด้วยกันที่เกาะฟิลิป ประเทศออสเตรเลีย

 

มันต้องใช้เวลาพัฒนาถึงสองปีเต็มๆกว่าจะออกมาเป็นขุมพลังม้าลำพองตัวใหม่ที่ทั้งดุดันและสวยงามไปในคันเดียวกัน ไม่รู้เขาคิดไปเองหรือเปล่า แต่เวลาเขาเห็นมันทีไรเขาก็จะรู้สึกว่ามันคือการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างเขากับเจ้ากระต่าย

 

ไม่รู้ว่าคนที่ออกแบบมันตั้งใจแบบนั้นไหม?

 

สงสัยผมต้องสั่งสักคันแล้ว”   เขาหยอกเย้าในขณะที่ก้าวขาเดินไปด้วยกัน

 

บอกเลยนะว่าเจ้าซีอีโอปิศาจคิดนายเต็มราคาแน่

 

ฮะๆๆ อะไรกัน ไม่มีส่วนลดสำหรับแฟนนักออกแบบรถบ้างเลยเหรอครับ?”

 

ไม่มี มีแต่จะคิดแพงกว่าคนอื่นด้วย!

 

โหดจัง

 

นายว่าชั้นซื้อที่แปลงข้างๆบ้านเพิ่มดีมะ? โรงจอดรถบ้านชั้นมันยัดรถของนายไม่พอแล้วตอนนี้ จะขนซื้ออะไรนักหนาก็ไม่รู้”   ….มอเตอร์ไซค์แค่4-5คันทำเป็นบ่นไปได้ ไอ้ที่บ้านมันเต็มน่ะเพราะตัวเองมากกว่าไหม? คนที่ขนซื้อทุกอย่างจากทุกประเทศที่ไปน่ะอย่ามาพูดเลย!

 

เขาส่ายหน้าให้เจ้ากระต่ายขี้บ่นก่อนจะเดินเคียงข้างกันไปตามแสงไฟสลัวๆด้านหลังเวที

 

ขายาวทั้งสองคู่ก้าวเข้าไปนั่งในรถรุ่นใหม่ที่สุดของเฟอร์รารี่และมันก็ได้รับแรงบันดาลใจมาจากความรักของพวกเขา

 

ขอเชิญพบกับ Ferrari Tramonto ครับ

 

เสียงพิธีกรดังกึกก้องอยู่ด้านหน้าเวที

 

ใบหน้ามนของคนที่นั่งอยู่ข้างๆหันมายิ้มให้ เขาจึงพยักหน้ารับ

 

ม่านถูกปลดลงในชั่วพริบตา

 

 

แสงพระอาทิตย์ที่กำลังลาลับขอบฟ้าสาดส่องเข้ามาในดวงตาของพวกเขา

 

 

 

แล้วเจ้าม้าลำพองที่เป็นพยานรักระหว่างพวกเราก็พุ่งเข้าไปในแสงที่อบอุ่นและสวยงามนั่น...

 

 


จากนี้ก็...

 



 

“จะอยู่ด้วยกันตลอดไป”

 

 

 

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

 

GLIDE : 2x4 It’s me

FIN.

 

 

 

มาค่ะ 3 คลิปสุดท้ายสรุปทุกเรื่องราวของฟิคเรื่องนี้555

 


เริ่มที่คลิปฝั่ง Formula One ของทีม Ferrari ตัวแทนสีแดงส่งเข้าประกวดโดยวิศวกรออกแบบรถของทีม เอิ้ก อันนี้ของสนามมอนซ่า อิตาลีปี 2019 นะคะ 

 

Italian Grand Prix - Recap




ต่อไปเป็นคลิปฝั่ง Moto GP ของทีม Monster Yamaha ตัวแทนสีน้ำเงินส่งประกวดโดยนักบิดของทีม 555 แต่ขอส่งคลิปเท่ห์ๆของคุณป๋า วาเลนติโน่ รอสซี่ขวัญใจป๋อมาเป็นตัวแทนนาคะ 

 

Hero Tonight - Valeyellow46




คลิปสุดท้ายเป็นคลิปขี่มอเตอร์ไซค์เท่ห์ๆ >////< ตัดต่อดีมาก ชอบบบ มีทั้งบิ๊กไบต์ มีทั้งมอเตอร์ไซค์วิบาก หลายๆฉากก็ทำให้นึกถึง GLIDE เลย >/////< 

 

Linkin Park - In The End (THIS IS WHY WE RIDE)



ในที่สุดก็จบจนได้เนอะฟิคเรื่องนี้ ทั้งดีใจ โล่งอก แล้วก็เหงาเพราะคงจะคิดถึงพวกเขาแน่ๆ แล้วคุณกวางแม่งก็ไม่ได้แต่งฟิคจบมานานพอสมควร555+ // หลบไห ใครทุ่มมาฟ๊ะ?! // ไม่อยากจะเชื่อตัวเองเลยว่าจะแต่งจนจบได้ เพราะ GLIDE ภาคนี้ถือเป็นภาคที่ยาวที่สุดแล้วก็เป็นฟิคที่ยาวที่สุดตั้งแต่แต่งมาแล้วค่ะ555 ทั้งๆที่เนื้อเรื่องไม่ค่อยจะมีอัลไล วันๆก็ไปเที่ยวกัน กร๊ากกก ต้องขอขอบคุณทั้งป๋อทั้งพี่จ้านที่เป็นแรงบันดาลใจที่ยิ่งใหญ่ให้เราทำมันจนสำเร็จจนได้ รักทั้งสองคนมากๆนะค้า จุ๊ฟๆๆ

 

แล้วก็ต้องขอขอบคุณนักอ่านทุกท่าน ขอบคุณมากๆๆจริงๆค่ะ แค่เห็นว่ามีคนเข้ามาอ่านก็ดีใจมากๆแล้ว ยิ่งมีคนคอมเม้นต์ให้ยิ่งทำให้มีกำลังใจมากๆๆเลยค่ะ เข้ามาพูดคุยนู่นนี่นั่นกัน มันถึงแต่งจนจบได้แบบนี้555 ขอบคุณที่อยู่ด้วยกันมาอย่างยาวนาน ยังไงก็ขอฝากผลงานเรื่องอื่นๆด้วยนาค้า >////< (ตอนนี้กำลังทยอยเอาฟิคที่จบแล้วมาลงที่นี่อยู่ค่ะ แต่บางเรื่องนี่ก็นะ ลงไปแล้วก็ยังมานั่งมองว่าตรูจะลงต่อดีไหมว้า พระเอกฟิคตูแต่ละคนก็มีแต่หล่อเลวทั้งน้าน //พราก พระเอกคนดีนี่ไม่ค่อยจะมี555)

 

ถ้าพูดถึงฟิคเรื่อง GLIDE ความประทับใจของคนแต่งก็คงไม่พ้นเรื่องหาข้อมูลนี่แหละ555 ภาคก่อนๆหาข้อมูลเรื่องเอฟวัน เรื่องประเทศอิตาลี และประเทศที่มีแข่งเอฟวันนี่ก็บ้าคลั่งมากแล้วนะ ภาคนี้ยังทะลุมิติไปฝั่ง Moto GPอีกแน่ะ 5555+ แต่ทุกครั้งที่หาข้อมูลแต่งฟิคก็จะได้เห็นสิ่งใหม่ๆที่เราไม่เคยเห็น ได้รู้จักสถานที่สวยๆอีกมากมาย แล้วก็อยากจะเอามาแชร์ในฟิค อยากจะให้พระนายเค้าได้ไปที่สวยๆพวกนั้น แค่นี้ก็อิ่มใจแล้ว =v= 

 

ส่วนฉากประทับใจในฟิคเรื่องนี้ น่าจะเป็นช่วงที่พี่จ้านแอบมาทำรถให้ทีมดูคาติโดยไม่บอกป๋อ ช่วงเวลาอึดอัดใจที่ต่างฝ่ายต่างไม่รู้จะทำยังไง ทั้งๆที่รักกัน คิดถึงกัน โหยหากัน แต่ก็ไปหากันตรงๆไม่ได้ มันเป็นความอึดอัดที่หอมหวานมาก ตอนแรกก็คิดอยู่นะว่าน่าจะใช้เวลาแต่งนาน กว่าจะรีดเร้นเค้นอารมณ์ออกมาได้ แต่ปรากฎว่าแต่งพาร์ทนี้จบอย่างไวอ่ะ 5555 เหนือความคาดหมายมาก ปกติพาร์ทดราม่าต้องใช้เวลาเป็นเดือน กร๊าก ชอบฉาก NC สั้นๆกลางทะเลทรายนั้นมากค่ะแม่ขรา =q=

 

อีกเรื่องที่ประทับใจก็แก๊งเฟอร์รารี่ในภาคนี้ 5555+ สีสันมากแต่ละคน ^ ^ แล้วก็ดีใจมากค่ะที่มีโอกาสได้เผยแพร่การแข่งรถฟอร์มูล่าวันให้หลายๆท่านได้รู้จัก อิๆ อยากให้โลกรู้ว่ามันเป็นกีฬาที่มีเสน่ห์มว๊ากกกก >////<  

 

ส่วนเรื่องรวมเล่ม...ก็ตัดสินใจว่าจะทำรวมเล่มนาคะ สำหรับใครที่อยากเก็บเป็นที่ระลึกก็สามารถเก็บเป็นเล่มๆได้ ส่วนใครไม่สะดวกเก็บเล่มก็อ่านใน blogspot หรือ รอร.ก็ได้ค่ะ จะเปิดไว้ให้อ่านตั้งแต่ต้นจนจบ  ส่วนจะมีตอนพิเศษกี่ตอนนั้นยังบอกไม่ล่าย เพราะกะจะเขียนไปเรื่อยๆจนกว่าจะถึงวันเปิดพรีออเดอร์ 5555+ ก็ชอบเห็นเค้าเลิฟๆกันอ่า >////< ไว้เดี๋ยวแจ้งรายละเอียดอีกทีนะคะ น่าจะอีกเป็นเดือนสองเดือนนู่นแหละ กว่าจะเปิดพรี555

 

ส่วน E-book ขอคิดก่องนาคะ คือไม่เคยทำ มันก็จะงงๆหน่อย5555 

 

และต้องเป็น 2 เล่มแน่ๆแล้วค่ะ อัดเล่มเดียวไม่ไหว เท่าที่ลองเรียงหน้าดูตอนนี้ปาเข้าไป 800 หน้าได้แล้วถถถ ส่วนคนวาดปกก็ยังคงเป็นน้องกี้ Snow_fredal คนเดิมคนเดียวกับที่วาดปกภาคก่อนๆของ GLIDE ค่ะ >/////< เรียงกัน 5 เล่มรับรองสวยงามแน่นอล อิๆ (GLIDEสองภาคก่อนเคยรวมเล่มมาแล้น  3 เล่มค่ะ)

 

สุดท้ายนี้ถ้าฟิคมีข้อผิดพลาดประการใดก็ขอประทานอภัยไว้ ณ ที่นี้ค่ะ ไว้มาพบกันใหม่ในป๋อจ้านเรื่องหน้า(และเรื่องที่ยังไม่จบถถถ)น้า~ คุณกวางจะพยายามค่ะ ถึงแม้ว่าฟิคตูอาจจะหวานสู้โมเมนต์จริงของกัปตันเค้าไม่ได้เลยก็เถอะนะ โอ๊ย อยากจะกรี๊ดมาก แต่งฟิคมาเป็นสิบปีไม่เคยขาดฟามมั่นใจแบบนี้มาก่อน กร๊ากกกก แต่ละคลิปเนอะ หวานจะตูจะสำลักน้ำเชื่อมตายแร้วค่ะทั่นกัปตั๊นนนน >/////<

 

ปล.ยังมีตอนพิเศษกับตอน20.5กับ21.5ที่ยังไม่ได้ลงอีกน้า ฝากติดตามกันอีกนิดดดค่ะ ขอบคุณค่า~

 

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น