ป๋อจ้าน Au.Fic [หวังอี้ป๋อ x เซียวจ้าน] GLIDE : 2x4 It’s me : 30

 

ป๋อจ้าน Au.Fic [หวังอี้ป๋อ x เซียวจ้าน]  GLIDE : 2x4 It’s me : 30

 

: ป๋อจ้าน Fanfiction Au

: หวังอี้ป๋อ x เซียวจ้าน

: Romantic

: NC-17

 

 

คำเตือน : เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ

           : เนื้อเรื่องต่อไปนี้เป็นเพียงจินตนาการของผู้เขียน ไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นจริงนะคะ

           : ข้อมูลจะไม่แน่นเท่า GLIDE ภาคก่อนๆนะคะ เพราะภาคนี้ข้ามมา 2 ล้อ ตรูขี้เกียจหาข้อมูลฝั่ง Moto GP โฟ้ยยยย // โดนตบด้วยหมวกกันน็อค

 

 

 

 

 

มือใหญ่รูดซิปกระเป๋าเดินทางหลังจากเก็บทุกอย่างหมดแล้ว นักบิดแชมป์ห้าสมัยกวาดตามองเตียงเหล็กสีขาวที่เขานอนยาวเป็นอาทิตย์ ในที่สุดวันนี้คุณหมอก็อนุญาติให้กลับอิตาลีได้เสียที ถึงแผลจะยังไม่หายดีแต่ก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง

 

เขาเหลือบตามองเจ้ากระต่ายที่ติดอยู่นี่ไปด้วยแทนที่จะได้กลับบ้านพร้อมเพื่อนในทีม ร่างโปร่งบางนั่งชันเข่าดูแท็บเล็ตง่วนอยู่บนโซฟา มีอะไรน่าสนใจนักหนาน่ะ?

 

ด้วยความสงสัยเขาจึงเดินไปชะโงกหน้ามอง เจ้ากระต่ายกำลังดูคลิปๆหนึ่งอยู่

 

ดูอะไรอยู่?”  เขายื่นหน้าเข้าไปใกล้จนหน้าผากแทบจะชนกันเสียให้ได้

 

โดนัท”   เสียงใสตอบกลับมา

 

โดนัท?”

 

โดนัทสีแดง ดูสิ เท่ห์มาก!”   มือบางแบ่งหน้าจอแท็บเล็ตให้เขาดูด้วย

 

ว้าว! คูล!”   เขาร้องออกไปเมื่อเห็นโดนัทของเจ้ากระต่าย

 

โดนัท...สำหรับทีมแข่งรถอย่างพวกเขาไม่ใช่อาหารไม่ใช่ขนม แต่มันคือการดริฟท์รถ!

 

และแน่นอนว่าอย่างเจ้ากระต่ายมันต้องไม่ใช่การดริฟท์รถธรรมดา แต่ว่ามันคือการดริฟท์ฟอร์มูล่าวัน!

 

อันนี้กล้องของทีมที่ถ่ายสนามอาบูดาบีวันที่แข่ง เพิ่งส่งมาเมื่อกี้ เท่ห์เนอะ!

 

เขาจ้องมองรถเอฟวันที่เข้าเส้นชัยที่หนึ่ง สอง สามของสนามสุดท้ายนี้กำลังชะลอห่างๆกันอยู่หน้าพิตแกรนด์สแตนด์ เจ้ารถสีแดงของสเลน ทรอยยาร์ดผู้ชนะเริ่มดริฟท์เป็นโดนัทก่อนที่อีกสองคันจะหมุนตาม

 

เอี๊ยดดดดดดดดด

 

เสียงจากการดริฟท์รถเสียดแทงเข้าไปถึงขั้วหัวใจ กลิ่นยางไหม้และควันที่ลอยโขมงทำให้ร่างกายรู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก เหมือนสัญชาตญาณดิบที่อยู่ในใจถูกปลุกขึ้นมา 

 

มันเท่ห์มาก

 

พวกนั้นกำลังดริฟท์รถฟอร์มูล่าวันต่อหน้าคนดูทั้งอัฒจรรย์ รถสามคันหมุนไปพร้อมๆกันราวกับกำลังโค้งขอบคุณคนดู เขาถึงกับต้องยกมือลูบแขน ขนลุก!

 

เอี๊ยดดดด

 

เอี๊ยด!!

 

สเลนปล่อยโอเวอร์สเตียร์ให้ท้ายปัดก่อนจะเหยียบเบรกจึ่กจนรถทั้งคันหยุดนิ่งในชั่วพริบตา จมูกสีแดงของ SF1000 SLAINE จูบกับป้ายที่หนึ่งของสนามพอดีเป๊ะ!

 

“โอ๊ยยยย”  เขาถึงกับกระโดดถอยหลังกับท่าจบที่เท่ห์สุดๆนี้ สมแล้วที่เป็นแชมป์โลกของปีนี้ ภายใต้ใบหน้าหวานๆกับท่าทางนุ่มนวลนั้นคือเสือร้ายที่แท้จริง ขับรถดุมากแม่!

 

แล้วดริฟท์รถฟอร์มูล่าวันนี่มันจะต้องรู้สึกแบบไหนกัน?

 

“จบแล้ว~ กลับกันเลยไหม?  เจ้ากระต่ายหันมาถาม พลุสีแดงเบ่งบานเต็มหน้าจอ เพราะไม่ได้อยู่ฉลองกับเพื่อนๆในสนามถึงได้ต้องมาดูย้อนหลังเอา น่าสงสารจริงๆ

 

“ครับ กลับบ้านกัน”   เขายื่นมือให้ เจ้ากระต่ายก็จับหมับ

 

“อื้อ! ชั้นคิดถึงอาม่าจะแย่แล้ว ในที่สุดก็ปิดเทอมซักที~ ชั้นรู้สึกว่าปีนี้มันยาวจริงๆ”   เสียงพูดคุยค่อยๆเบาบางลงเรื่อยๆเมื่อพวกเขาทิ้งห้องที่ว่างเปล่านี้ไป

 

จบไปอีกปีแล้วสินะ ทั้ง F1 และ Moto GP 

 

จากความเร็วที่ว่ากันเป็นวินาทีจะได้กลับไปใช้ชีวิตแบบสโลไลฟ์ไปอีกอย่างน้อยก็สามเดือน

 

มันก็ดีเหมือนกัน...

 

 

 

 

 

 

 

 

สโลไลฟ์?

 

ซะที่ไหนล่ะ!

 

ต่อให้เราอยากใช้ชีวิตเหมือนตัวสล็อทขนาดไหนแต่ถ้าคนอื่นมันไม่ยอม เราก็คงต้องวุ่นวายต่อไป!

 

 

 

ติ๊ง!

 

ติ๊งๆๆๆๆๆ!

 

เสียงเตือนว่ามีคอมเม้นต์ในไอจีของเขาดังแทบจะตลอดเวลา แล้วมันก็ดังแบบนี้มาตั้งแต่เช้าแล้ว เขาถอนหายใจอย่างพยายามไม่สนใจ

 

เอี๊ยดๆๆ

 

มือใหญ่หมุนปิดก๊อกสนามหลังจากลากสายยางรดน้ำต้นไม้ไปทั่วสวน เขาเช็ดมือเช็ดไม้ก่อนจะเดินเข้าบ้าน

 

แล้วสายตาก็ไปสะดุดอยู่ที่โซฟา...เจ้ากระต่ายหัวยุ่งที่เพิ่งตื่นนอนกำลังนั่งหน้าหงิกหน้างอดูโทรศัพท์มือถืออยู่...

 

เห็นแบบนั้นเขาก็รู้เลยว่า...งานเข้าแล้ว

 

แต่เขายังพยายามทำใจดีสู้เสือเดินเข้าไปหยุดตรงหน้าก่อนจะถามออกไป

 

“เป็นไรครับที่รัก?  เจ้ากระต่ายตวัดสายตาก่อนจะเงยมองหน้าหงิก เขาเลยคว้าโทรศัพท์มาดู...ใช่จริงๆด้วย

 

รูป(แสร้ง)หลุดที่กำลังเป็นข่าวครึกโครมตั้งแต่เมื่อเช้านี้จริงๆด้วย

 

 

มันเป็นรูปของเขา...กับผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งเขาไม่รู้แม้แต่ชื่ออีกฝ่ายด้วยซ้ำ

 

 

ต้องย้อนกลับไปเมื่ออาทิตย์ก่อน เขาต้องไปถ่ายโฆษณาให้สปอนเซอร์ของทีม แล้วมีพริตตี้หญิงคนหนึ่ง...อืม...คงอยากเป็นข่าวกับเขานั่นแหละ ตอนถ่ายก็ไม่มีอะไร ไม่ได้เฉียดเข้าใกล้เขาสักนิด แต่พอก่อนกลับดันแกล้งล้มเซมาเกาะเขาแล้วก็คงให้ใครแอบถ่ายรูปไว้นั่นแหละ ตอนนั้นเขาไม่ได้คิดอะไรจนกระทั่งเมื่อเช้านี้ที่พีอาร์ส่วนตัวโทรมานั่นแหละ ถึงได้รู้ว่าถูกแอบถ่ายแล้วรูปก็ถูกปล่อยออกไป ซึ่งมุมกล้องในรูปก็ชวนคิดล่อแหลมเหลือเกิน~

 

เขาปิดโทรศัพท์ของเจ้ากระต่ายก่อนจะโยนไปไกลๆอย่างไม่ได้หนักใจอะไรนักหลังจากรูปนั้นทำโซเชียลสั่นสะเทือนตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมา เขาย้ายสายตาไปมองใบหน้างอหงิกนั่นอย่างหมั่นเขี้ยว

 

เวลากระต่ายหึงนี่มันน่ารักชะมัด อยากฟัดรัวๆมากตอนนี้

 

ร่างสูงสง่าจึงขยับไปยืนกลางหว่างขาของคนที่นั่งอยู่บนโซฟา สองแขนแข็งแรงโอบล็อคลำคอระหงไว้ก่อนจะดึงหน้าเจ้ากระต่ายเข้ามาปะทะแผ่นอกเต็มแน่น

 

“งื้อ!”  เจ้ากระต่ายที่กำลังงอนพยายามดิ้นหนีแต่เขาก็ล็อคคอไว้อยู่หมัด เขารู้ว่าเจ้ากระต่ายไม่ได้เชื่อข่าวลือหรือภาพพวกนั้นแต่ก็คงไม่ชอบใจนั่นแหละที่มีใครคิดจะเข้ามาวอแวเขา

 

“ปล่อยนะ~   มือบางพยายามจะดันตัวเขาออก หัวกระต่ายพยายามจะสะบัดหนี แต่อ้อมแขนเขาน่ะแข็งแรงยิ่งกว่ากรงเหล็ก กระต่ายน้อยตัวเล็กๆนี่ไม่มีทางดิ้นหลุดอยู่แล้ว

 

“อื้อ!!”   เขายังกอดรัดฟัดเหวี่ยงเจ้ากระต่ายอย่างหมั่นเขี้ยว อีกฝ่ายก็สู้เขาซะด้วย มือมังคุดเล็กๆนั่นตีสีข้างเขาตุบๆ จนเขาก้มไปมอง

 

“ตีเหรอ? ตีผมเหรอ?   เขาแสร้งถามเสียงดุ เจ้ากระต่ายเงยมองตาเขียวจากหน้าท้องของเขา ใบหน้าบูดๆนั่นแยกเขี้ยวสู้ด้วยนะ ยัง ยังตีไม่หยุดอีก 

 

“นี่แหน่ะ!”   เขาจึงโน้มตัวลงไปหอมแก้มใสนั่นฟอดใหญ่ก่อนจะละออกมายิ้มร่า

 

“งื้อ! ชั้นจะตีให้ตายเลย!”   มือบางฟาดลงมาอีก

 

“ยังไม่หยุดตีใช่ไหม? ได้”   เอาสิ ตีทีนึงเขาก็ก้มลงไปฟัดแก้มใสนั่นทีนึง ดูซิว่าระหว่างสีข้างของเขากับแก้มขาวๆของเจ้ากระต่ายใครจะช้ำก่อนกัน

 

“อื้อ~  เจ้ากระต่ายพยายามเบี่ยงหน้าหลบแต่มันก็ไม่พ้นมือเขาไปได้ ใบหน้ามนถูกหอมซ้ายหอมขวา หอมจนแดงเถือกไปถึงใบหู

 

เขาดันลำตัวบางจนล้มลงไปด้วยกันบนโซฟาจากหอมแก้มไปมาเขาเริ่มกดจูบไปตามสันจมูกโด่งอย่างเอาใจ

 

เจ้ากระต่ายคล้อยตามสัมผัสของเขา ท่อนแขนบางเป็นฝ่ายตวัดขึ้นมาคล้องลำคอแกร่งเมื่อเขาจูบลงไปบนริมฝีปากสีระเรื่อ

 

สัมผัสหวานนุ่มนั้นส่งตรงมาจากหัวใจ เขาแนบกลีบปากไว้กับเยลลี่สีสวยก่อนจะไล้เลียช้าๆให้มันเผยอออกอย่างยินยอมพร้อมใจ

 

เรียวลิ้นค่อยๆสอดใส่เข้าไปอย่างช่ำชอง จูบแสนหวานนั้นเต็มไปด้วยความออดอ้อนขออภัย หัวใจที่กำลังเต้นด้วยความโมโหจึงค่อยๆสงบลงก่อนจะเต้นตึกตักด้วยความรู้สึกอื่น

 

…...   เขาละออกมาก่อนจะมองใบหน้าแดงระเรื่อที่อยู่ใต้ร่าง เจ้ากระต่ายยังคงหอบน้อยๆแต่ก็มองเขาด้วยสายตาขอคำอธิบาย

 

เขาจึงล้วงโทรศัพท์มือถือของเขาจากกระเป๋ากางเกงก่อนจะเปิดให้อีกฝ่ายดู

 

“มันไม่มีอะไรหรอก พี่ไม่ต้องคิดมากนะ”   เป็นคลิปวีดีโอที่พีอาร์เพิ่งส่งมาให้ มีกล้องที่อยู่ในงานอย่างน้อยสามตัวที่อัดวีดีโอเอาไว้แล้วก็เห็นชัดๆเลยว่าพริตตี้คนนั้นจงใจสะดุดล้มมาทางเขา เขาอ้าแขนไม่ให้โดนตัวอีกฝ่ายด้วยซ้ำ

 

“ชั้นไม่สงสัยนายหรอก แต่ชั้นสงสัยผู้หญิงคนนั้น”   เจ้ากระต่ายฟึดฟัดหลังจากดูคลิปจบ  เขาก็คิดเอาไว้แบบนั้นเหมือนกัน

 

 

วี๊ดดดด วี๊ดดดด

 

เสียงหวีดของหม้อต้มน้ำดังขึ้นมาขัดจังหวะ เขาจึงหันไปมองทางครัว เจ้ากระต่ายทำอะไรไว้อีกแล้วละเนี่ย?

 

“ต้มซี่โครงไว้ ลุกไปปิดแก๊สให้หน่อยสิ~  ดวงตาใสมองเขาอ้อนๆ นักบิดแชมป์ห้าสมัยหรือจะต้านทานได้ เขาลุกขึ้นก่อนจะเดินเข้าครัวไป

 

 

 

 

หึ!

 

นักออกแบบรถมือหนึ่งของทีมเฟอร์รารี่แสยะยิ้มก่อนจะลุกขึ้นนั่งบนโซฟา

 

รู้ทั้งรู้ว่าหวังอี้ป๋อมีแฟนแล้วก็ยังจะพยายามมาอ่อย? อยากจะยั่วโมโหเขา? อยากให้เขาเข้าใจผิด? คิดว่าเซียวจ้านจะงี่เง่าขนาดนั้นเชียว?

 

ในโลกนี้หวังอี้ป๋อคือคนที่เขาเชื่อใจมากที่สุด เรื่องนอกใจนี่ไม่เคยมีอยู่ในหัว เพราะงั้นข่าวลือพวกนี้ไม่มีทางสั่นคลอนเขาได้

 

เขามองรูปผู้หญิงคนนั้นพลางขมวดคิ้ว 

 

อยากจะเป็นข่าว? ได้ เดี๋ยวเขาจัดให้

 

มือบางโพสคลิปหลักฐานลงในไอจีของหวังอี้ป๋อทันทีพร้อมแคปชั่นแสบๆคันๆ

 

 

"ขอโทษนะครับ ผมมีแฟนแล้ว อยากจะโดนฟ้องก็เชิญสร้างข่าวต่อไป"   

 

 

ใบหน้ามนยิ้มร้ายที่ตอกหน้าอีกฝ่ายกลับไปได้ เฟอร์รารี่มีทนายมือหนึ่งไม่ต้องกลัว หรือจะเอามาเฟียมือหนึ่งก็ได้ ให้เลือก

 

เขาก็ไม่ได้หึงหวงจนหน้ามืดตามัว อันไหนเป็นงานหรือแฟนคลับเขาก็เข้าใจ แต่กับพวกที่คิดจะจับคนรักของเขาเขาก็ไม่ให้อภัยเหมือนกัน!

 

 

 

 

“จ้านเกอ….   เจ้าของโทรศัพท์อ้าปากเหวอเมื่อกลับมาแล้วพบว่าเจ้ากระต่ายแสบแอบเอามือถือเขาไปโพสอีกแล้ว!

 

อันที่จริงเขาก็ไม่ได้นิ่งนอนใจหรอก ทีมก็เตรียมจะฟ้องร้องแล้วด้วย แต่คงไม่สาแก่ใจเจ้ากระต่ายมาเฟียนี่สินะ? ป่านนี้คงโดนถล่มเละไปแล้วมั้งนั่นนางแบบคนนั้น

 

ร้ายจริงๆ...แฟนเขาเนี่ยแหละ ร้ายที่สุด!

 

เขายิ้มมองคนที่นั่งหน้าหงิกก่อนจะส่ายหน้าเบาๆ

 

“ไม่เอาน่า อย่าอารมณ์เสียไปเลยนะครับ”   เขาพยายามยื่นขนมไปง้อ เจ้ากระต่ายทำหน้าหงึใส่ก่อนจะอ้าปากงับ ใบหน้ามนเขี้ยวตุ้ยๆอย่างไม่สบอารมณ์

 

“คนพวกนี้นี่มันยังไงกันนะ? คิดจะรบกับชั้นใช่ไหม? คิดว่าชั้นไม่กล้าทำอะไรรึไง? น่าโมโหจริงๆ!”   เขามองคนที่บ่นไปกินไปด้วยรอยยิ้ม...เวลากระต่ายหึงนี่มันทั้งน่ากลัวแล้วก็น่ารักจนสับสนเลยแหละ นิสัยแบบนี้ได้มาจากไหนกัน หม่าม้ากระต่ายจะโหดแบบนี้ไหม? เขาชักจะอยากรู้แล้วสิ

 

“ชั้นแค่โพสประจานนี่นับว่ายังน้อยไป นายรู้ไหมว่าเจ้าพวกนั้นทำยังไงเวลาเจอใครมาจีบแฟนตัวเอง? เจ้าซีอีโอปิศาจนั่นพลิกกระดานหุ้นจนฝ่ายตรงข้ามล้มละลายกันไปข้างเลยนะ เรียกว่าไม่ได้ผุดได้เกิดอีกเลย ส่วนของคุณหมีก็เจอตัวอีกทีอยู่ก้นมหาสมุทรแปซิฟิกนู่น ไม่สิ ไม่เจอตัวเลยมากกว่า คุณรีไวนี่ไม่ต้องถาม โดนต่อยสลบไปสามวันสามคืนนั่นแหละ!”   ….แต่ละคน...คบไม่ได้จริงๆเจ้าพวกนี้! กรี๊ด! เจ้าพวกม้าโหด!!

 

ว่าแต่...นายเองยังมีหน้าไปว่าเขาด้วยเหรอหวังอี้ป๋อ? เจ้ากระต่ายไม่เคยรู้เลยว่าทุกวันนี้บอร์ดี้การ์ดของเขาหักแขนหักขาคนไปเท่าไหร่แล้ว เพราะเขาสั่งเอาไว้ว่าใครมันเข้ามาแต๊ะอั๋งแฟนเขาให้จัดการมันให้หมด!

 

“แล้วนี่นายจะจัดการยังไง? ต้องแถลงข่าวอะไรไหม?  เจ้ากระต่ายหันมาคุยกับเขา 

 

“พีอาร์จะเป็นคนแถลงข่าวให้ครับ ฝ่ายกฎหมายของทีมยามาฮ่าก็เตรียมฟ้องร้องแล้วด้วย ผู้หญิงคนนั้นคงได้บทเรียนบ้าง”    เจ้ากระต่ายฟังแล้วก็ทำหน้าครุ่นคิด

 

“....ผู้หญิงคนนั้นเป็นนางแบบในจีนใช่ไหม?   จู่ๆเจ้ากระต่ายก็ถามอย่างสนใจ

 

“ครับ...?”

 

“....ชั้นว่าคงได้บทเรียนเล่มใหญ่เป็นคัมภีร์ไบเบิลเลยแหละ นายคอยดูแล้วกัน รับรองเลยว่าถูกแคนเซิลงานหมดแน่นอน”   จู่ๆเจ้ากระต่ายก็ลูบแขนตัวเองอย่างขนลุก

 

“ทำไมพี่มั่นใจขนาดนั้น? อย่าบอกนะว่าคุณครูเทโอ้ทำอะไรลงไปอีกแล้ว?  เพราะการที่เขามีข่าวแบบนี้มันส่งผลมาถึงภาพลักษณ์ของเจ้ากระต่ายด้วย ไม่แปลกถ้าเฟอร์รารี่จะออกมาจัดการ

 

“ไม่ต้องถึงมือเจ้าปิศาจนั่นหรอก แค่หม่าม้าชั้นคนเดียวก็จัดการเรียบแล้ว แค่คิดก็สยอง~  เดี๋ยว...แล้วหม่าม้ากระต่ายมาเกี่ยวอะไรด้วย?! ???

 

 

 

 

 

 

แล้วมันก็เป็นอย่างที่เจ้ากระต่ายว่า...สองวันถัดมาผู้หญิงคนนั้นถึงกับต้องออกมาแถลงข่าวขอโทษทั้งน้ำตา โดนถล่มเละในสื่อโซเชียลนี่ก็หนักแล้ว งานถ่ายแบบทุกงานที่รับไว้ยังโดนแคนเซิลหมดเกลี้ยงอีก

 

เขาเลื่อนอ่านคอมเม้นต์ใต้แถลงข่าวนั่นอย่างสงสัย มันจะเป็นไปได้ไงโดนยกเลิกงานหมดเลยเนี่ยนะ? ไม่ใช่ฝีมือพ่อเขาสักหน่อย เขารู้ว่าไม่ใช่ฝีมือพ่อเขาแน่ๆ แล้วตอนโทรหาอี้เฟิง หมอนั่นยังงงๆอยู่เลย เพราะงั้นก็ไม่น่าใช่ฝีมือพี่ชายเขาด้วย

 

ถ้าอย่างงั้น...ใครเป็นคนจัดการเรื่องนี้กัน?

 

 

'วงในเม้าท์กันให้แซดเล้ย ว่าเป็นฝีมือคุณ ซ.'

 

'อยากดังทางลัด แต่ไม่ดูตาม้าตาเรือ เลือกคนเล่นด้วยผิดมหันต์'

 

'ตัวเองเป็นนางแบบแต่ไปมีเรื่องกับลูกชายเจ้าแม่แบรนด์เนมเนี่ยนะ? โง่รึเปล่า?'

 

 

 

ลูกชายเจ้าแม่แบรนด์เนม?

 

…….อย่าบอกนะว่าหมายถึงเจ้ากระต่าย?!

 

ไหนบอกว่าที่บ้านแค่นำเข้าเสื้อผ้าจากต่างประเทศไง?! ไม่ใช่อารมณ์สำเพ็ง พาหุรัด โบ๊เบ๊อะไรงี้เหรอ?

 

“จ้านเกอ”    เขาหันไปเรียกคนที่กำลังสเก็ตแบบรถง่วนอยู่ในอ้อมแขนเจ้าหมีแพนด้า

 

“หื๋อ?

 

“ที่บ้านพี่นี่นำเข้าเสื้อผ้าจากที่ไหนนะ?  เขาคิดมาตลอดเลยนะว่าเป็นโรงงานเย็บผ้าโหล แล้วก็นำเข้าผ้าโหลจากประเทศแถบเอเชียอย่างไทย ลาว เวียดนามอะไรแบบนี้

 

“กุชชี่ไง แล้วก็แบรนด์อื่นๆในอิตาลีเกือบทั้งหมดแหละ ไม่งั้นคิดเหรอว่าหม่าม้าจะส่งชั้นมาเรียนที่นี่?

 

เพล้ง…..ได้ยินเสียงกระจกบานใหญ่แตกอยู่บนหน้าตัวเองเนี่ย

 

ไม่ใช่ผ้าโหลแต่เป็นคอลเลคชั่นลิมิเต็ดไม่ใช่ไทย ลาว เวียดนามแต่เป็นอิตาลี...

 

ว้อยยย เจ้ากระต่ายมึนนี่! คราวหลังก็พูดให้ชัดๆสิว่าเป็นตัวแทนจำหน่ายแบรนด์เนมน่ะ!

 

ที่นี้ก็ชัดเลย...ว่าคนจัดการนางแบบคนนั้นเป็นใครฝีมือหม่าม้าของเจ้ากระต่ายแน่ๆ!

 

ว่าแต่เขาจะโดนจัดการไปด้วยไหมเนี่ย แม่ยายโหดขนาดนี้!



 

 

 

เรื่องฟ้องร้องเขาปล่อยให้ทีมจัดการไปและป่าวประกาศทุกขั้นตอนให้สื่อรับรู้ เพื่อเตือนว่าใครก็อย่าได้คิดทำแบบนี้อีก ทีมทนายความที่เก่งที่สุดในอิตาลีจะเอาเรื่องจนถึงที่สุดและไม่ยอมความทุกกรณี นั่นคือผลลัพธ์ของเรื่องนี้

 

 

 

 

 

นับเป็นเรื่องวุ่นวายส่งท้ายเดือนพฤศจิกายนเสียจริงๆ อากาศหนาวๆแบบนี้พวกเขาควรได้หลับอย่างสงบสุขอยู่ใต้ผ้าห่มสิ ไม่ใช่ต้องมาฟังเสียงติ๊งๆๆจากไอจีแต่เช้าแบบนี้

 

จะว่าไปเสียงนั่นก็หายมาได้หลายวันแล้ว

 

กลิ่นไอของฤดูหนาวโชยเข้ามาทางหน้าต่าง เปลือกตาของหวังอี้ป๋อเริ่มขยุกขยิกเมื่อถึงเวลาตื่นนอน มันวุ่นวายจนเขาไม่ได้ออกไปวิ่งมาเป็นอาทิตย์แล้ว วันนี้เขาจึงยังขออู้ทำตัวขี้เกียจต่ออีกวัน 

 

ท่อนแขนแข็งแรงดึงตัวเจ้ากระต่ายมากอดทั้งๆที่ไม่ยอมลืมตา อีกฝ่ายส่งเสียงอืออาก่อนจะนิ่งไป

 

กริ๊ง

 

หื๋อ? เสียงเตือนไอจีที่สงบมาหลายวันดังขึ้นมาอีกแล้วเหรอ?

 

กริ๊ง

 

เขาผงกหัวขึ้นมามองโทรศัพท์มือถือที่นอนนิ่งอยู่บนโต๊ะข้างเตียงก่อนจะซุกหน้าลงไปบนหมอนใหม่ ไม่อยากรับรู้อะไรแล้ว ขอเขานอนเถอะ~

 

กริ๊ง กริ๊ง

 

เขาตวัดผ้าห่มขึ้นมาคลุมโปงและคลุมเจ้ากระต่ายไปด้วยกัน

 

กริ๊งๆๆๆ

 

ยัง เสียงเตือนยังดังไม่หยุดอีก แต่พอฟังดีๆดูเหมือนเสียงโทรศัพท์เขามันจะแปลกๆไป?

 

กริ๊งๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

 

 

พรึ่บ!!!

 

 

เสียงเตือนรัวๆนั่นทำให้เขาทนไม่ไหวอีกต่อไป ผ้าห่มถูกตวัดออก เขากับเจ้ากระต่ายเด้งขึ้นมานั่งบนเตียงแทบจะพร้อมกัน

 

อะไรอีกฟ๊ะ?

 

เขาหันไปมองโทรศัพท์อย่างมึนงง แต่ก็ไม่มีไฟกระพริบอะไรขึ้นมาเลย อ้าว? ไม่ใช่เสียงเตือนจากไอจีหรอกเหรอ?

 

กริ๊งๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

 

เสียงเตือนยังดังฟ้าถล่ม แล้วพอฟังดีๆ นี่มันเสียงกริ่งหน้าบ้านของพวกเขานี่? ใครมันมากดรัวขนาดนี้ฟ๊ะ?

 

เขากับเจ้ากระต่ายมองหน้ากันอย่างมึนงง พวกเขายังไม่ตื่นดีทั้งคู่ สติสตังยังไม่กลับร่างดีเท่าไหร่จึงนั่งฟังเสียงกริ่งนั่นด้วยใบหน้าลอยๆ

 

แล้วจู่ๆเจ้ากระต่ายก็เหมือนนึกอะไรขึ้นได้

 

“กดกริ่งแบบนี้...หรือว่าจะเป็นหม่าม้า?   แล้วร่างในชุดนอนฮู้ดสีแดงก็ลุกวิ่งพรวดพราดออกไป 

 

เขานั่งมึนมองตามได้แป๊บนึงก็พูดทวนคำเจ้ากระต่าย

 

“หม่าม้า?   หื๋อ? เดี๋ยวนะ? เดี๋ยวก่อน ถ้าเป็นหม่าม้าละก็

 

เหมือนวิญญาณจะถูกกระชากกลับร่างอย่างรวดเร็ว ใบหน้าหล่อเหลารีบหันมองเลิ่กลั่กไปทั่วเตียงก่อนจะเจอของที่หา มือใหญ่รีบคว้ากางเกงนอนสีแดงของเจ้ากระต่ายก่อนจะรีบวิ่งตามออกไป

 

“จ้านเกอ! ใส่กางเกงก่อน!”

 

แต่ไม่ทันแล้ว

 

หม่าม้ามีกุญแจบ้าน

 

หม่าม้าเลยเปิดเข้ามาเองเพราะทนไม่ไหวหรือไม่ก็กริ่งพังซักอย่างเนี่ยแหละ

 

และตอนนี้หม่าม้าก็กำลังยืนอ้าปากค้างกับสภาพลูกชายที่ยืนประจัญหน้ากันอยู่

 

ลูกชายผู้สวมเสื้อฮู้ดตัวเดียวเปลือยท่อนล่าง กับผู้ชายอีกคนที่วิ่งถือกางเกงตามมาด้วยสภาพเปลือยท่อนบน…..

 

หวังอี้ป๋อก้มมองตัวเองพลางเหงื่อแตกพลั่ก เขาเองก็มีสภาพไม่ได้ต่างไปจากเจ้ากระต่ายเลยสักนิด! ทั้งตัวมีแค่กางเกงนอนขายาวตัวเดียวเท่านั้น!

 

........ หม่าม้าถึงกับอ้าพะงาบๆ ถุงกระดาษในมือที่เคยถืออยู่ร่วงกราวลงพื้น ก่อนที่ใบหน้าของหม่าม้าจะค่อยๆเปลี่ยนไป….ควันไฟค่อยๆพุ่งออกจากหูมากขึ้นเรื่อยๆเรื่อยๆ

 

“อาจ้าน!!!”  เสียงแผดแปดหลอดดังสนั่นจนบ้านสะเทือน เจ้าหมีแพนด้าที่อยู่ข้างบนถึงกับกลิ้งตกเตียง ในใจเขาตอนนั้นคือ ชิบหายแล้ว...บ้านแตกแน่แล้วคราวนี้~~

 

ห้านาทีหลังจากนั้น

 

เขากับเจ้ากระต่ายที่สวมเสื้อใส่กางเกงเรียบร้อยต่างนั่งทับส้นก้มหน้าสำนึกผิดอยู่หน้าผู้เป็นแม่ซึ่งยังโมโหจนควันออกหู

 

ดวงตาคมกล้าเหลือบมองแม่ยายที่ไม่คิดว่าจะได้เจอกันในสภาพอนาถขนาดนี้...หวังอี้ป๋อหนอหวังอี้ป๋อ ทั้งๆที่คิดมาตลอดว่าถ้าเจอกันจะสร้างความประทับใจอย่างอลังการด้วยการพาหม่าม้าไปนั่งเรือยอร์ช จอดชมจันทร์กลางทะเล เซย์ไฮปลาโลมา ต่อด้วยปาร์ตี้บนเกาะส่วนตัวอะไรแบบนี้ แต่ที่ไหนได้….

 

หมดกัน ภาพลักษณ์ลูกเขยตัวอย่างที่เขาหวังไว้ หมดกัน!!

 

“สำนึกผิดรึยัง?  เสียงเฮี้ยบๆเอ่ยออกมาอย่างทรงพลัง หม่าม้าดุจนเจ้ากระต่ายนั่งก้มหน้ากลัวหงอแต่ก็ยังมิวายแอบเถียงงึมงำ

 

“ม้าอ่ะ จะมาทำไมไม่บอกก่อนล่ะ  เจ้ากระต่ายดื้อแอบยู่หน้าทั้งๆที่ยังก้มสำนึกผิด

 

"ชั้นก็ส่งข้อความบอกแกแล้วไง? ตั้งแต่เมื่อสองวันก่อนแล้วด้วย? เนี่ย แกอ่านแล้วนะอย่ามาเถียง" หม่าม้ายื่นหน้าจอวีแชทให้ดู ในข้อความบอกเอาไว้หมดว่าจะมาวันไหนกี่โมงกี่ยาม และที่สำคัญคือมันขึ้นว่าอ่านแล้วด้วย!

 

"อ้าว? ชั้นรู้แล้วเหรอ?"  เจ้ากระต่ายมึนหันมาถามเขา แล้วเขาจะไปถามใครละฟ๊ะ? โทรศัพท์ตัวเองก็ใช้อยู่คนเดียวแท้ๆ

 

หรือจะเป็นเสียงเตือนเมื่อวันก่อน?

 

เขาจำได้ ตอนที่เจ้ากระต่ายนอนกลางวันอยู่ที่โซฟา มีเสียงเตือนเด้งขึ้นมา ที่เขาจำได้เพราะมันเป็นเสียงวีแชทซึ่งปกติพวกเขาแทบไม่ได้ใช้ เจ้ากระต่ายยังผงกหัวขึ้นมาอ่านอยู่เลย...ก่อนจะหลับต่อ….

 

ลืมสินะเจ้ากระต่ายตัวป่วนเอ้ย

 

ถ้าไม่ใช่เรื่องรถนี่ไม่เคยจำอะไรได้เลยจริงๆ!

 

เขาได้แต่เงยหน้าส่งยิ้มหวานให้หม่าม้าอย่างขอโทษขอโพย ตอนนี้ถ้าเข้าไปนวดไหล่ให้ใจเย็นๆได้ก็คงทำไปแล้ว

 

“เธอ! หวังอี้ป๋อสินะ”   เขาสะดุ้งโหยงเมื่อเสียงทรงอำนาจนั่นหันมาหาเขาแทน

 

“ครับ หวังอี้ป๋อครับ”   ต่อให้เป็นทหารกร้านศึกก็ต้องแพ้แม่ยาย ความจริงข้อนี้หลีกหนีกันไม่ได้เลยจริงๆ

 

เขาเหลือบมองหม่าม้ากระต่าย เคยคิดมาตลอดว่าน่าจะเป็นผู้หญิงน่ารักๆ ใจดี ขี้เล่น ใช้ชีวิตลั้นลาเหมือนกระต่ายไปวันๆ ที่ไหนได้ หม่าม้าตัวจริงดุมากกกก ทั้งเสื้อผ้าหน้าผมเนี้ยบทุกกระเบียดนิ้วให้อารมณ์เหมือนนักธุรกิจหญิงคนเก่งอะไรแบบนั้น แล้วก็ไม่ว่าจะวิธีแต่งหน้าหรือวิธีแต่งตัวก็ดูดีมีรสนิยมสมเป็นเจ้าแม่แบรนด์เนมของจีนแผ่นดินใหญ่สุดๆ

 

ตอนนี้เขานึกออกเลย ที่เจ้ากระต่ายชอบบ่นว่าหม่าม้าดุมากนี่มันเป็นยังไง 

 

“คิดจะไปหาชั้นเมื่อไหร่? นี่คบกันมาจะสองปีแล้วใช่ไหม?   เสียงดุดันทำเอาเขาเหงื่อแตกพลั่ก

 

“อ่า ครับ จริงๆก็ตั้งใจจะกลับไปปีใหม่นี้ครับ….

 

“เด็กสมัยนี้นี่ไม่ไหวเลย ชิงสุกก่อนห่าม ไม่สนใจประเพณีอันดีงามเลย ถ้าเป็นเมื่อก่อนก็ต้องมาหาป๊าม้าก่อนสิ บลาๆๆๆ”   ในขณะที่หม่าม้าตั้งหน้าตั้งตาบ่น เจ้ากระต่ายก็รีบสะกิดเขารัวๆ

 

“ไปอุ้มอาม่าลงมา” เจ้ากระต่ายกระซิบ

 

“ห๊ะ?  ตอนนี้เนี่ยนะ

 

“เร็วๆ” เขาตอบรับอย่างไม่เข้าใจ แต่ก็ยอมเลี่ยงๆเดินขึ้นบันไดไปอุ้มเจ้าหมีแพนด้ายักษ์ลงมาจากห้องนอน 

 

และพอหม่าม้าเห็นหน้ามันเท่านั้นแหละ

 

“อาม่า~~~~   หม่าม้ากระต่ายโผเข้ากอดตุ๊กตาหมีทั้งที่เมื่อกี้ยังองค์แม่ลงบ่นฉอดๆอยู่เลย เขาได้แต่ยืนอึ้งไป เพราะตอนนี้เหมือนเขากำลังยืนมองเจ้ากระต่ายน้วยหมีอยู่ก็ไม่ปาน

 

นี่มันมันกันสุดๆเลยนี่แม่ลูกคู่นี่!!!

 

รู้แล้ว ตอนนี้เขารู้แล้วว่าเจ้ากระต่ายเหมือนใคร!

 

 

 

 

 

ตอนบ่ายๆปะป๊ากระต่ายถึงได้ตามมาทีหลังเพราะเพิ่งไปคุยเรื่องสัญญาเสร็จ 

 

ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมปะป๊าถึงสนับสนุนเจ้ากระต่ายหลังจากที่รู้ว่าลูกชายคนเดียวลงทะเบียนเรียนผิดจนต้องไปเรียนออกแบบรถแทนที่จะเรียนออกแบบเสื้อผ้าอย่างที่ตั้งใจไว้ 

 

เพราะตระกูลเซียวของเจ้ากระต่ายไม่ได้นำเข้าแค่เสื้อผ้าแบรนด์เนมอย่างเดียว แต่ยังเป็นตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ของค่ายเฟอร์รารี่แต่เพียงผู้เดียวในจีนแผ่นดินใหญ่ด้วย! 

 

ปะป๊ามาคุยเรื่องสัญญานำเข้ารถรุ่นใหม่กับเฟอร์รารี่ ส่วนหม่าม้ามาประชุมกับแบรนด์กุชชี่...นี่เขาไม่เคยสงสัยเลยได้ยังไงว่าที่บ้านแฟนตัวเองรวยขนาดไหน เจ้ากระต่ายถึงได้ใช้ชีวิตสบายใจเฉิบขนาดนี้

 

“แล้วก็นี่คอลเลคชั่นใหม่ ม้าเอามาให้ด้วยเพราะรู้ว่าแกคงไม่ยอมซื้อเสื้อผ้าเอง เสื้อที่มันเก่าๆเนี่ยก็เก็บทิ้งๆไปบ้าง ใส่เสื้อผ้าให้มันดูดีสมหน้าตาหน่อยสิ”  เขาเพิ่งสังเกตว่าข้างถุงที่หม่าม้าถือมาล้วนมีโลโก้ของกุชชี่ทั้งนั้น...หม่าม้าหยิบถุงกระดาษส่งให้ไปก็บ่นไป บ่นเก่งสมเป็นแม่จริงๆ

 

“แฟนแกหล่อขนาดนี้ ไม่กลัวใครแย่งไปหรือยังไง? จะมัวทำตัวเหม็นกลิ่นน้ำมันเครื่องเหมือนเดิมไม่ได้แล้วนะ! ฟังอยู่รึเปล่าอาจ้าน?!

 

“ฟังครับ   เจ้ากระต่ายดื้อที่กำลังถูกอบรมอยู่ตอบรับงึมงำแต่ก็ลอบหันหน้ามาเบะปากเป็นระยะๆ

 

ส่วนเขาก็กำลังพยายามหุบยิ้มเมื่อถูกชม ต่อให้ยังไม่มีอะไรดีในสายตาแต่หม่าม้าก็ยอมรับแหละว่าเขาหล่อ!

 

“หม่าม้าเตรียมผ้าผูกคอมาให้อาม่าด้วย อากาศเย็นแล้ว”  แล้วหม่าม้าก็หยิบผ้าพริ้วๆผืนหนึ่งออกมาจากถุงมากมายที่กองอยู่บนพื้น แน่นอนว่ามันเป็นลายแบบกุชชี่ๆ...

 

มือเรียวของหม่าม้าผูกผ้าพันคอให้เจ้าหมีแพนด้า

 

“พรืด  เขากลั้นหัวเราะจนหน้าท้องเกร็งไปหมด เจ้าหมีกุชชี่นั่นก็น่ารักดีนะ ฮ่าๆๆ

 

“ม้า! ผมเตรียมผ้าพันคอไว้ให้อาม่าแล้วนะ ต้องใช้ของผมสิ”  เจ้ากระต่ายวิ่งไปหยิบถุงกระดาษสีแดงที่มีโลโก้นูนรูปม้าลำพองสีดำแปะอยู่

 

เดี๋ยวสิ....ผ้าพันคอนั่นไม่ได้เตรียมไว้ให้เขาหรอกเร๊อะ?! 

 

เขาเห็นเจ้ากระต่ายหอบหิ้วถุงใบนั้นมาจากโรงงานเฟอร์รารี่ พอไปแอบดูเห็นว่าเป็นผ้าพันคอก็นึกว่าเตรียมไว้ให้เขาซะอีก อุตส่าห์ไม่ทักเพราะคิดว่าเจ้ากระต่ายจะเซอร์ไพรส์เขา ทำไมกลายเป็นของเจ้าหมีนั่นไปได้?!!

 

หวังอี้ป๋อเซอร์ไพรส์มากอ่ะตอนนี้! 

 

ไม่ เขาไม่ได้อิจฉาท่านม่าเลยจริงๆ ไม่เลยจริงจริ๊งงงง!

 

เจ้ากระต่ายเอาผ้าพันคอสีแดงไปพันทับ หม่าม้าก็เอาออก สองแม่ลูกยืนเถียงกันเรื่องผ้าผูกคอหมีอีกยกใหญ่

 

ส่วนสามีของทั้งสองคนก็มองปลงๆก่อนจะหันมาคุยกัน

 

“ที่บ้านคุณ...เอ่อ…..

 

“เรียกปะป๊าเหมือนอาจ้านเถอะ”

 

“ครับ” เขาเขินแก้มแดงเมื่ออีกฝ่ายยอมให้เรียกว่าพ่อ เพราะนี่คือการยอมรับยิ่งกว่าอะไรเสียอีก 

 

“ที่บ้านปะป๊ามีหมีแพนด้ายักษ์อีกตัวใช่ไหมครับ?...

 

......ใช่ ตัวใหญ่กว่านี้นิดหน่อย….

 

“แล้วปะป๊าต้องแบกมันขึ้นลงบ้านทุกวันด้วยใช่ไหมครับ

 

.....ใช่”   แล้วพ่อตากับลูกเขยก็จับมือกันเงียบๆ

 

ว้อยยยยย นี่มันอะไรกัน!!!

 

นักธุรกิจพันล้านกับนักบิดฟ้าประทานที่ต้องคอยแบกหมีแพนด้าขึ้นลงบ้านทุกวันเนี่ยนะ! มันใช่เหรอ?!!

 

“เฮ้อ  เขากับป๊าถอนหายใจออกมาพร้อมกัน ก่อนจะนั่งลงที่เก้าอี้ในสวนหลังบ้านปรับทุกข์กันตามประสาพ่อบ้านผู้น่าสงสาร

 

จริงๆแล้วเจ้ากระต่ายหน้าคล้ายพ่อมาก แต่ได้ความสวยหวานจากแม่มาก็ไม่ใช่น้อย เรียกว่าเป็นส่วนผสมที่ลงตัวแล้วก็เอาแต่จุดดีๆของพ่อกับแม่มาทั้งนั้น

 

รวมถึงนิสัยรักสงบที่น่าจะได้มาจากฝั่งพ่อด้วย

 

ถึงปะป๊าจะดูภูมิฐานมากเมื่อใส่สูทแบบนี้ แต่เขาก็สัมผัสได้ถึงความสุขุม อบอุ่นใจดีที่ส่งผ่านออกมาทางรอยยิ้มและสายตา และที่สำคัญปะป๊ายังใจเย็นมาก

 

“ผม...ขอโทษด้วยนะครับที่ไม่ได้ไปทักทายสักที...เอาจริงๆแล้วผมก็กังวลกับเรื่องนี้พอสมควร...ผมกลัวว่าปะป๊ากับหม่าม้าจะไม่ยอมรับ”  เขานั่งเปิดอกคุยกับผู้เป็นพ่ออยู่ในสวนสไตล์อิตาลีที่เจ้ากระต่ายออกแบบไว้ เจ้าปลาเทราส์กระโดดทักทายเป็นระยะๆอยู่ในลำธารจำลอง

 

“ครั้งแรกที่รู้จากในข่าวพวกเราก็ตกใจเหมือนกัน ตอนนั้นก็เหมือนถูกตีหัวจนมึน ไม่รู้จะทำยังไงเลย”   ปะป๊าพูดด้วยรอยยิ้ม ส่วนเขาก็ได้แต่สำนึกผิดอยู่เงียบๆ

 

“แต่หลังจากได้คุยกับอาจ้านที่ยืนยันหนักแน่นว่าเขาเลือกเธอ พวกเราก็รู้ว่าพวกเราคงทำอะไรไม่ได้นอกจากยอมรับในการตัดสินใจของลูก”

 

“เด็กคนนั้นมีเซ้นส์ในการเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้ตัวเอง ถึงมันจะดูเหมือนจับพลัดจับผลูในบางครั้ง แต่อาจ้านถูกเลี้ยงมาแบบคุณหนูคนหนึ่ง ถ้าอะไรที่เขาไม่ชอบหรือไม่พอใจ เขาก็ไม่ทนอยู่กับมันหรอก”

 

“นอกจากนั้นถ้าทางเฟอร์รารี่โอเคก็แสดงว่าเธอมีโปรไฟล์ที่เหนือกว่าผู้ชายทั่วไปมาก เรื่องความเหมาะสมคงไม่มีปัญหา”   ปะป๊าเองก็คงเชื่อใจพวกเฟอร์รารี่มากถึงได้ฝากเจ้ากระต่ายให้ดูแล

 

“ป๊าตามดูไอจีของเธออยู่นะ และรอยยิ้มของอาจ้านในรูปพวกนั้นมันก็ทำให้พวกเราค่อยๆยอมรับ พวกเรารับรู้ได้ว่าอาจ้านมีความสุขที่ได้อยู่กับเธอ”

 

“จนหลังๆมานี่หม่าม้าถึงกับบ่นว่าลูกชายตัวเองติดแฟนเกินไปหรือเปล่า โทรหาทีไรก็คุยแป๊บเดียวเพราะมัววุ่นวายอยู่กับเธอ”

 

“ครับ”   เขาหัวเราะเบาๆ เรื่องที่ปะป๊าเล่าทำให้เขาเบาใจเหลือเกินในตอนนี้ มันรู้สึกโล่งอกไปหมด

 

“ถ้ามีเวลาว่างก็กลับมาหาป๊าม้าที่บ้านบ้าง อาหารฉงชิ่งก็อร่อยไม่แพ้ที่ไหนเลยนะ”  ปะป๊าชวน

 

“ครับ”   เขาก็ตั้งใจเอาไว้แล้ว...ว่าปีใหม่นี้จะกลับบ้าน...

 

“คุณ ไปช่วยลูกเตรียมอาหารสิ”   เขานั่งคุยกับปะป๊าได้ไม่นาน หม่าม้าก็มาเรียก

 

“เอ่อ...ออกไปทานข้างนอกกันไหมครับ? จะได้ไม่ต้องทำ”  เขาเสนอออกไป ป๊าม้ามาทั้งทีเขาก็ควรพาออกไปกินอะไรดีๆหน่อย

 

“ไม่ต้องหรอก ทำอะไรกินด้วยกันนี่แหละถึงจะเรียกว่าครอบครัว พวกร้านข้างนอกน่ะเค้าเอาไว้รับรองแขก หม่าม้าไม่ได้กินอาหารฝีมืออาจ้านมานานแล้วด้วย ดูซิว่าจะยังสู้ปะป๊าได้รึเปล่า”   หม่าม้ายกยิ้มมุมปากแต่เขากลับมองใบหน้าสวยเนี้ยบนั่นด้วยแววตาระยิบระยับ

 

ถึงหม่าม้าจะดุด่าว่ากล่าวบ่นยาวเป็นหางว่าวแต่ก็เรียกเขาเป็นครอบครัว

 

“เป็นไง? แอบมานั่งนินทาม้าใช่ไหม?  กลายเป็นหม่าม้ามานั่งสลับตัวกับปะป๊ะแทน

 

“เปล่าครับ...”   เขาเกาหัวแกร่กๆ

 

“อย่าให้จับได้เชียว จะบิดให้พุงเขียวทั้งพ่อทั้งลูก”   ม้าขู่ทิ้งท้ายก่อนจะนั่งสบายๆมองสวนสวยๆที่ถูกเขาตัดแต่งกิ่งไม้ดูแลไว้อย่างดี

 

“ไม่เคยคิดเลยว่าจะได้เห็นต้นไม้แยกเป็นต้นๆในบ้านหลังนี้ เมื่อก่อนนี่พันกันมั่วไปหมดจนไม่รู้ต้นอะไรเป็นต้นอะไร แถมเวลามาหาเจ้าลูกชายตัวดีทีก็ต้องไปตามถึงสนามนู่น บ้านช่องไม่เคยกลับ”   นึกออกเลย ตอนเขามาบ้านนี้ครั้งแรกเขาก็ตะลึงในความป่าดงดิบนั่นเหมือนกัน

 

“ต่อไปก็ฝากดูแลอาจ้านด้วยนะ”   หม่าม้ายิ้มให้เขาบางๆ

 

“ครับ ไม่ต้องห่วงครับ ผมจะดูแลเขาให้ดียิ่งกว่าตัวเองอีก”  เขารีบรับปาก

 

“ตัวเธอเองก็ต้องดูแลให้ดีๆด้วย อย่าให้ผู้หญิงพวกนั้นเข้าใกล้ง่ายๆสิ!”   เอ่อ….เขาถึงกับยิ้มแห้ง

 

“หม่าม้า...เป็นคนจัดการนางแบบคนนั้นใช่ไหมครับ  เสียงทุ้มถามออกไปอย่างกล้าๆกลัวๆ

 

“ใช่ คิดจะแย่งแฟนลูกชายชั้นมันต้องโดนฟาดหนักๆแบบนี้แหละ จะได้หลาบจำ”   โหดแท้แต่เขาก็ต้องขอบคุณที่หม่าม้าช่วย

 

“ขอบคุณนะครับ ผมจะระวัง”

 

 

 

 

พวกเราสี่คนทานข้าวเย็นด้วยกันในบ้านหลังเล็กๆแต่บรรยากาศกลับเต็มไปด้วยความอบอุ่น 

 

เจ้ากระต่ายเถียงกับหม่าม้าเป็นระยะๆเพราะเป็นแม่ลูกที่เหมือนกันมากคือดื้อทั้งคู่ แต่เสียงเหล่านั้นกลับทำให้เขาสบายใจ ได้หัวเราะ ได้เอ็นดู

 

เขาประทับใจปะป๊ากับหม่าม้าของเจ้ากระต่ายมาก

 

“คืนนี้ป๊ากับม้าจะนอนที่นี่”   แล้วจู่ๆหม่าม้าก็บอกออกมาหลังจากเก็บถ้วยจานล้างเรียบร้อย

 

“ห๊ะ?   เจ้ากระต่ายทำหน้าตกใจ

 

“แต่ว่า...บ้านเรามีห้องนอนห้องเดียว ถ้าม้านอนที่นี่แล้วผมกับอี้ป๋อจะไปนอนไหนล่ะ?

 

“นั่นไง”  หม่าม้าพยักเพยิดไปที่พรมหน้าโซฟา

 

“ได้ไงอ่ะ? นี่มันบ้านผมนะ”  เจ้ากระต่ายโวยวาย

 

“รึแกจะให้ชั้นมานอนตรงนี้?

 

“ไม่ใช่~ ม้ากลับไปนอนที่โรงแรมไม่ดีกว่าเหรอ? ถ้ากลัวผมกับอี้ป๋อจะมีอะไรกัน คืนนี้ผมไม่ทำก็ได้”  

 

ผลั๊วะ!

 

หม่าม้าฟาดก้นเจ้ากระต่ายเข้าให้ทีนึง เขาถึงกับอมยิ้มส่ายหน้ากับความคิดบ๊องๆของอีกฝ่าย ส่วนปะป๊าก็ได้แต่ถอนหายใจ

 

“ไม่รู้แหละ หม่าม้าจะนอนที่นี่!”

 

“งื้อ!”

 

 

 

 

สรุป...เขากับเจ้ากระต่ายก็ต้องระเห็จมานอนบนพรมหน้าโซฟาจนได้ ส่วนห้องนอนก็ยกให้ป๊าม้าไป

 

เขาดูไฟในเตาผิงก่อนจะเดินกลับมาที่พรมหน้าโซฟา ในขณะที่กำลังนั่งดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมร่างกายเจ้ากระต่ายก็สอดตัวเข้ามาในผ้าห่มอีกคน

 

“พี่ไปนอนบนโซฟาสิ”   เขามองเครื่องนอนที่เตรียมไว้ให้บนโซฟา

 

“ไม่เอา”  เจ้ากระต่ายส่ายหน้าอยู่ใต้ผ้าห่ม

 

“นอนตรงนี้มันหนาว พื้นก็แข็งด้วย เดี๋ยวปวดหลัง”

 

“ไม่เอาอ่ะ ชั้นจะนอนบนพรมกับนาย นอนคนเดียวมันก็หนาวสิ ถ้านอนด้วยกันสองคนถึงจะไม่หนาว”  เจ้ากระต่ายพลิกตัวมากอดเขา

 

“เอางั้นก็ได้”  ร่างสูงสง่าจึงขยับท่านอนดีๆก่อนจะกอดร่างโปร่งเข้ามาในอ้อมแขน มันอุ่นขึ้นจริงๆ

 

“ขอโทษนะที่หม่าม้าเอาแต่ใจ”  เจ้ากระต่ายช้อนตามองอย่างรู้สึกผิด เขาจึงส่ายหน้า

 

“ไม่เป็นไรเลยครับ ผมกลับดีใจเสียอีกที่ท่านยอมรับผม ยอมรับพวกเรา”

 

“อื้ม”  สองแขนของเจ้ากระต่ายกอดกระชับแผ่นหลังของเขาก่อนจะซุกหน้าเบาๆเข้ากับแผงอก

 

“ถ้ามองในมุมของพ่อแม่...มันยากมากนะที่จะยอมรับว่าลูกชายตัวเองผิดแผกไปจากคนทั่วไป แล้วยิ่งพี่เป็นลูกชายคนเดียวด้วย

 

“ผมจึงนับถือป๊ากับม้าของพี่มาก ท่านรักพี่มากจนยอมทำความเข้าใจพวกเรา”

 

“อี้ป๋อ...ชั้นเอง...ก็เชื่อนะว่าพ่อนายก็รักนายมากเหมือนกัน เพียงแต่ท่านอาจจะมีวิธีการมองที่ต่างออกไป มีเงื่อนไขที่ไม่เหมือนป๊าม้าของชั้น”

 

“เพราะงั้นเราค่อยๆช่วยกันแก้นะ”

 

“ครับ...ขอบคุณนะจ้านเกอ”

 

เขาจูบหน้าผากมนก่อนจะค่อยๆพากันสู่นิทรา

 

โดยไม่รู้เลยว่ามีสายตาสองคู่แอบมองพวกเราอยู่

 

 

 

 

ผู้เป็นพ่อเป็นแม่แอบแง้มประตูดูอยู่จากห้องข้างบน

 

เพราะอยากรู้ว่าหวังอี้ป๋อจะยอมเสียสละให้ลูกชายตนนอนบนโซฟาไหม แล้วอาจ้านเองจะยอมนอนสบายๆคนเดียวไหมหรือจะลงมานอนบนพื้นด้วยกัน พอเห็นทั้งสองคนนอนกอดกันกลมอยู่บนพื้นก็สบายใจได้

 

“ลูกคุณนี่ติดเขาจนน่าตีเลยจริงๆ!”  หม่าม้าหันมาฟาดปะป๊าแทน แต่ปะป๊าก็ยิ้ม

 

“คงไม่มีอะไรต้องสงสัยอีกแล้วมั้งคุณ?  ถึงนี่จะเป็นบททดสอบเล็กๆแต่มันก็พิสูจน์อะไรได้หลายอย่าง การปล่อยให้ทั้งสองคนอยู่ในสถานการณ์ที่เคยชินแบบนี้ พฤติกรรมมันจะเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ มันจะทำให้พ่อแม่อย่างเขาได้เห็นว่าปกติแล้วลูกชายของเขาได้รับการปกป้องจากหวังอี้ป๋อยังไง ได้รับการปฏิบัติแบบไหน แล้วยังได้เห็นด้วยว่าอาจ้านรักอี้ป๋อมากพอที่พวกเขาจะปล่อยไปได้หรือไม่

 

ตอนนี้...ไม่จำเป็นต้องพิสูจน์อะไรอีกแล้ว

 

 

 

 

 

“แล้วเจอกันตอนปีใหม่”   หม่าม้าทิ้งท้ายก่อนจะดึงลูกชายไปกอด

 

“ครับ  พวกเขายืนโบกมือให้รถที่ค่อยๆแล่นจากไป ทั้งสองคนยังมีงานต้องกลับไปทำจึงอยู่กับพวกเขาได้แค่นี้

 

ถึงมันจะเป็นแค่ช่วงสั้นๆ แต่มันก็เป็นอีกช่วงเวลาหนึ่งที่เขามีความสุขมาก

 

เขาได้แต่คิดถึงบ้านของตัวเอง

 

ถ้าได้รับการยอมรับแบบนี้บ้างก็คงดี...

 

 

 

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

 

To be con.

 

เก็บตกจากตอนที่แล้วอีกหน่อย กับการทำโดนัทขอบคุณแฟนๆในสนามสุดท้ายของฤดูกาล คุณกวางชอบดูมาก มันคลาสสิค555 แล้วเวลาทำพร้อมๆกันนะโอ๊ยยย อยากจะเขย่าจอ ชอบ! //ยัยผู้หญิงป่าเถื่อน  มีคลิปมาให้ดูล่วยค่ะ อันนี้จากสนามอาบูดาบีเรย โดนัทพี่แฮมก็จะมีฟามนุ่มนวล ท่ามกลางพลุรอบสนามนี่สวยมากๆ

 Donuts Under The Desert Sky | 2019 Abu Dhabi Grand Prix



ส่วนอันนี้แถม555 แก๊งม้ากับอัลฟ่าโรเมโอไปโชว์ตัวที่มิลาน โดนัทจากคิมี่(รถสีแดงหมายเลข7)ก็จะมีความเก้วกาดนิดหน่อย จะรีบกลับไปนอน555 ส่วนโดนัทของยัยแสบ(เซบ)หมายเลข5 ก็จะมีความเปรียวความซนๆหน่อย อย่าให้ได้จับรถ ซนนนน >3<

 F1 Milan Festival 2018 - BURNOUT & DONUTS ft. Vettel, Raikkonen, Leclerc, Ericsson!



จริงๆตอนที่แล้วมีคลิปตอนเปิดสนามว่าจะแปะให้ดูด้วยค่ะ แต่ละประเทศก็คือไม่ยอมแพ้กันเรย555 อาบูดาบีเป็นเครื่องบินโดยสาร2กับเจ็ทส่วนของอิตาลีจะเป็นเจ็ท9ลำ อลังการมากมีธงชาติขนาดยักษ์วิ่งพาดสนาม >////<

 

แปะคลิปของอาบูดาบี

 Flyover at the 2018 Formula 1 Abu Dhabi GP with Etihad's A380 and 787 Dreamliner



อันนี้ของอิตาลี สนามมอนซ่า เป็นเจ็ท9ลำ อยู่ช่วงกลางๆคลิปอ่ะนะ ยืมคลิปม้ามา อิๆ

 Italian Grand Prix - Recap



แอบแปะคลิปครบรอบ 1000เรซของม้า ในสนามมูเจโล่ที่เพิ่งแข่งไปเมื่ออาทิตย์ก่อน (พร้อมดราม่ากระจุยกระจาย ธงแดงสองครั้งในสนามเดียวทำได้ยังไง แถมมีรถที่จบการแข่งขันแค่12คัน ส่วนอีก8คือส่วนใหญ่จะพังเละ อูย ม้าสองคันรอดมาได้อย่างปาฏิหาริย์ทั้งๆที่อยู่ท่ามกลางสงครามนี่แทบลงไปกราบเลยค่ะ โหดมากสนามนี้) คือปกติสนามนี้เอาไว้แข่ง Moto GPน่ะค่ะ พวกขอบเคิฟต่างๆก็จะยกเพื่อเอื้อต่อการเข้าโค้งของมอเตอร์ไซค์มากกว่า แต่ปีนี้เนื่องด้วยโควิด19 ทำให้ต้องหาสนามแข่งเพิ่มในยุโรปทดแทนสนามนอกยุโรปที่จัดไม่ได้ ในอิตาลีเลยโดนไป 3 สนาม หนึ่งในนั้นก็คือมูเจโล่ สมบัติของม้าเอง555 สนามอยู่ในฟลอเรนซ์ค่ะ ม้าเลยไปจัดงานที่นั่น คือแบบ ชีวิตนี้ตูไม่คิดว่าจะได้เห็นเดวิดยืนข้างๆรถเอฟวันอ่ะเอาจริงๆ กร๊ากกกก ถึงขั้นปิด Piazza Signoria จัดงานกันเรยแม่ >////<

 Tuscan Grand Prix - Recap


แล้วก็สนามนี้น้องอเล็กเด็กไทยของเราได้ขึ้นโพเดี้ยมด้วยน้า มีเด็กไทยแข่งอยู่ในF1ด้วยค่ะ ทีมเรดบลู เจ๋งป่ะล่ะ เอาธงชาติไทยขึ้นไปบนโพเดี้ยมระดับโลกได้ อิๆๆ แอบเชียร์น้องอยู่ในจัย

 

แล้วก็เพิ่งเห็น มีแฟนของพี่แฮม (ลิวอิส แฮมิลตัน แชมป์โลกคนปัจจุบันของทีมเมอร์ซิเดส)มาอ่านฟิคเรื่องนี้ด้วย // ปิดหน้าอย่างเขินอาย // จริงๆเพิ่งรู้ว่ามีแฟน F1 อ่านฟิคเรื่องนี้อยู่ไม่น้อยจากคอมเม้นต์ ขอบคุณมากๆนะคะ ดีใจ >////< คือถ้าเจอตรงไหนที่ข้อมูลมันมั่วๆก็เบลอมันไปนะคะ 5555+ และนักอ่านทุกท่านก็อย่าเพิ่งเชื่อข้อมูลของคุณกวางมันมากนักนะค้า บางเรื่องก็แต่งเพิ่มเข้ามาเพื่ออรรถรสและสีสันของเรื่องค่ะ =v= แต่บางเหตุการณ์ก็เอามาจากในสนามตรงๆเลย555 

 

ไหนๆก็มีแฟนพี่แฮมอ่านอยู่ แปะเพลงที่แอบฟังอยู่ในช่วงนี้ค่ะ

 Christina Aguilera, Lewis Hamilton - Pipe (Official Video) ft. XNDA


คือคุณกวางอ่ะชอบแซะพี่แฮม(ด้วยรักนะ555)เพราะนางเป็นคู่แข่งของเซบ (คุณกวางติ่งเซบกับคิมี่ค่ะ) แต่พอฟังเพลงนี้แล้วเหมือนถูกล้างสมองมาก ชอบมาก ว้อย อิพี่แฮมนี่มีอะไรที่ทำไม่ได้บ้างงง ร้องเพลงก็เจือกเพราะอีกกกก // ไบโพล่าจะแดกมาก อยากแซะแต่มันเพราะ อ๊ากกก // วอลล์มาเรียเป็นรูเพราะตรูเอาหัวโขกอีกรอบ

 

เม้าท์มอยแต่เรื่อง F1 555 ก็นะ เรื่องป๋อกับพี่จ้านทุกคนก็น่าจะรู้กันอยู่แล้วน่า มารู้จักพวกมนุษย์ต่างดาวกันบ้าง555

 

ขอบคุณทุกๆคอมเม้นต์และทุกๆการติดตามมากนะค้า ดีใจมากที่ชอบผลงานของคุณกวางค่ะ >/////< แล้วเจอกันตอนหน้าน้า

 

 

1 ความคิดเห็น:

  1. โอ้ เพิ่งรู้ว่าคุณกวางลงฟิคในrawด้วยปกติตามอ่านในบล็อคตลอดเลยเพิ่งไปเจอมา
    อยากบอกคุณกวางว่าเราเริ่มดูF1เพราะคุณเลยนะ จากการตามอ่านฟิคGLIDEนี่แหละ แต่เพิ่งเริ่มดูปีนี้เองก็ยังมีเรื่องที่ไม่เข้าใจอยู่หลายอย่างเลยค่ะ อย่างเวลาวิ่งตามsafety carมาทำไมต้องขับส่ายไปมาแบบนั้นด้วย
    สนามมูเจโล่นี่สุดจริงๆ เพิ่งเริ่มแข่งก็เกิดอุบัติเหตุแล้ว safety carต้องออกมาวิ่งเลย พอsafety carกลับไปปุ๊บก็เกิดอุบัติเหตุอีกรอบทันทีคราวนี้ธงแดงเลย กวาดรถไป4คันรวดแน่ะ แถมมีธงแดงอีกรอบอีกสนามนี้ปาไป2ธงแดงเลย สรุปแข่งไม่จบไปตั้ง8คันใจหายใจคว่ำมากดีที่ม้ารอดทั้ง2คันเลย ส่วนสนามก่อนหน้าที่มอนซ่าม้าไปทั้ง2คันเลยเสียดายมาก แต่ปีนี้ผลงานเฟอรารี่ไม่ดีเลยค่ะเสียใจTwT

    ตอบลบ