ป๋อจ้าน Au.Fic [หวังอี้ป๋อ x เซียวจ้าน] GLIDE : 2x4 It’s me : 29


ป๋อจ้าน Au.Fic [หวังอี้ป๋อ x เซียวจ้าน]  GLIDE : 2x4 It’s me : 29

: ป๋อจ้าน Fanfiction Au
: หวังอี้ป๋อ x เซียวจ้าน
: Romantic
: NC-17


คำเตือน : เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ
           : เนื้อเรื่องต่อไปนี้เป็นเพียงจินตนาการของผู้เขียน ไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นจริงนะคะ
           : ข้อมูลจะไม่แน่นเท่า GLIDE ภาคก่อนๆนะคะ เพราะภาคนี้ข้ามมา 2 ล้อ ตรูขี้เกียจหาข้อมูลฝั่ง Moto GP โฟ้ยยยย // โดนตบด้วยหมวกกันน็อค





นายของผม...สั่งผมเอาไว้ว่า...ต้องทำทุกวิถีทางเพื่อให้คุณปลอดภัยครับ คุณหวังอี้ป๋อ


เขามองหน้าอีกฝ่ายนิ่งค้างในใจเหมือนจะมีคำตอบอยู่แล้วว่าเจ้านายของผู้ชายคนนี้เป็นใคร เขาถึงได้เอ่ยออกไปว่า

ถ้าอย่างงั้น ผมขอพบกับเจ้านายคุณหน่อย”   คนตรงหน้ายิ้มบางๆให้เขาก่อนจะตอบว่า

ได้ครับ แต่ต้องหลังจากที่คุณไปทำแผลให้เรียบร้อยก่อน ไม่ต้องกลัวว่าผมจะหนี เพราะผมคิดว่าเจ้านายของผมก็คงอยากจะพบคุณเหมือนกัน”    จริงสิ เขาลืมแผลของตัวเองเสียสนิท วินาทีที่กำลังก้าวผ่านความเป็นความตายทำให้บาดแผลพวกนี้แทบไม่รู้สึกเจ็บเลยสักนิด

อี้ป๋อ”   เจ้ากระต่ายโผเข้ามากอดเขาจนตัวเซ พอหายมึนงงแล้วความสะเทือนใจก็ย้อนกลับมาใหม่ จะว่าดีใจก็ไม่เชิง ต้องบอกว่าโล่งอกมากกว่า


โล่งอกที่เรายังหายใจอยู่ทั้งคู่

โล่งอกที่ยังมีชีวิตอยู่ด้วยกัน

ช่วงเวลาที่ความตายกำลังจะพรากเราออกจากกันมันจะยิ่งทำให้ทุกวินาทีต่อจากนี้ล้วนมีค่า พวกเราจะไม่ยอมสูญเสียเวลาที่จะอยู่ด้วยกันไปอีก


เขายกสองมือขึ้นประคองสองแก้มที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตา เม็ดสีใสพวกนั้นยังหยดลงมาไม่หยุด ตอนนี้ในใจของเจ้ากระต่ายคงเต็มไปด้วยความรู้สึกหลากหลายจนบรรยายออกมาไม่หมด ใบหน้ามนจึงใช้น้ำตาเหล่านี้ระบายมันออกมาแทน เขาใช้นิ้วโป้งทั้งสองข้างเกลี่ยไล้เช็ดน้ำตาออกให้ คงจะกลัวมากแล้วก็โล่งอกมาก ลึกๆแล้วเขาก็นึกโทษตัวเองที่ทำให้เจ้ากระต่ายต้องมาเจอกับเรื่องแบบนี้

ฮึก…”   เจ้ากระต่ายโถมเข้ามากอดเขาอีกครั้ง ใบหน้ามนซุกอยู่บนแผงอกราวกับไม่ว่ายังไงก็จะไม่ยอมออกไปจากตรงนี้ เขาอมยิ้มกับอาการหวงที่ของเจ้ากระต่ายอย่างเอ็นดู

ไม่เป็นไรแล้ว...มันจบแล้วนะครับ จ้านเกอ”   เขาจุมพิตกลุ่มผมสีดำนั่นอย่างปลอบโยนก่อนจะเอาคางเกยหัวคนที่ยังกอดเขาไม่ปล่อยด้วยสายตาเลื่อนลอยน้อยๆ

อ่า...สงสัยเขาจะเสียเลือดเยอะไปหน่อย



เซียวจ้าน!

คุณหวังอี้ป๋อ!

บอร์ดี้การ์ดของเขากับเอลวิน สมิธตะโกนเรียกแทบจะพร้อมๆกัน สี่ห้าคนนั้นวิ่งหน้าตื่นเข้ามาพลางหอบแฮ่กดูเหมือนกองหนุนของเขาจะมาถึงแล้วสินะ เขาไม่โทษที่พวกนั้นมาช้าหรอก เพราะถึงที่นี่จะดูเหมือนสู้กันมานาน แต่เวลาจริงๆนั้นกลับผ่านไปไม่ถึงชั่วโมงดี

ก็อย่างว่าแหละ ช่วงเวลาที่ยากลำบากมักดูเหมือนยาวนานเสมอ

ได้แต่หวังว่าหลังพายุครั้งนี้...ฟ้าจะสว่างสดใสสักที







พวกเขาทั้งสี่คนถูกพาตัวส่งโรงพยาบาลในดูไบเพราะอยู่ใกล้กว่า รีไวถูกยิงถากๆที่หัวไหล่ ส่วนยามาโมโตะ ทาเคชิมีแค่แผลฟกช้ำนิดหน่อย สองคนนั้นทำแผลไม่นานก็ลุกขึ้นมาเดินปร๋อ มีแต่เขานี่แหละที่อาการหนักสุด! ถึงกระสุนจะไม่ฝังในแต่ก็ถูกยิงถึงสามจุดเลยนะ!

ไม่ได้การละ เขาจะเป็นเขยเฟอร์รารี่ที่อ่อนแอที่สุดไม่ได้!

“จ้านจ้าน!”   ในขณะที่เขากำลังตั้งมั่นกับตัวเอง เสียงเรียกชื่อเจ้ากระต่ายก็ดังจนคนทั้งห้องฉุกเฉินต้องหันไปมอง

เป็นคะชู คิโยมิตสึ , สเลน ทรอยยาร์ดและลูกทีมเฟอร์รารี่ชุดที่สองที่ตามมาด้วยความเป็นห่วง ส่วนชุดแรกอย่างโกคุเดระ ฮายาโตะกับเอเลน เยเกอร์ที่แทบจะมาถึงทันทีที่พวกเขาเหยียบเข้าโรงพยาบาลก็นั่งเฝ้าครอบครัวของตัวเองอยู่ จะว่าไปเขายังไม่มีโอกาสได้ขอบคุณคุณรีไวกับคุณหมีตรงๆเสียที

“เดี๋ยวเถอะ! พรุ่งนี้พวกนายมีแข่งนะ นอนดึกขนาดนี้ได้ยังไง?”  เขาหันกลับมามองเจ้ากระต่ายที่กำลังดุคะชู คิโยมิตสึกับสเลน ทรอยยาร์ดอยู่ เจ้าเด็กญี่ปุ่นนั่นกอดเจ้ากระต่ายไว้ด้วยสีหน้าคลายกังวล พวกนั้นเองก็คงจะห่วงเจ้ากระต่ายมากถึงได้ตามมาถึงนี่เพื่อที่จะเห็นกับตาว่าเจ้ากระต่ายปลอดภัยดี 

“ถ้าชั้นยังนอนได้อีกทั้งๆที่รู้ว่าเกิดเรื่องขึ้นกับนาย ชั้นก็ไม่ใช่คนแล้ว!”   เจ้านักขับสำรองส่งเสียงเง้างอด  “นี่ถ้าบอสบอกชั้นละก็ ชั้นก็จะไปกับคุณรีไวด้วย ชิ อย่างน้อยถ้ามีชั้น หวังอี้ป๋อก็คงไม่ถูกยิงจนพิการแบบนี้หรอก นี่นายยังเดินได้อยู่ไหม? แล้วเรื่องอย่างว่าล่ะ? ยังทำได้อยู่หรือเปล่า? โถ...เจ้ากระต่ายฉงชิ่งที่น่าสงสารของเรา ถึงจะไม่ได้เป็นหม้ายแต่ก็เหมือนเป็นหม้ายแล้วไหมแบบนี้?”  

เดี๋ยวๆๆๆ สองแผลแค่ถากๆ ส่วนอีกแผลก็ไม่ได้เป็นอะไรมากจนถึงกับทำให้พิการหรือเสื่อมสมรรถภาพสักหน่อย เจ้าเด็กนี่!

เขาหยิบหมอนปาใส่หัวสีดำเหลือบแดงนั่นอย่างหมั่นไส้ หมอที่กำลังเย็บแผลให้จึงหันมาทำหน้าดุใส่ทันที...ขอโทษครับ...จริงๆผมอยากเอาขวดน้ำเกลือปาหัวเจ้าเด็กแสบนั่นมากกว่าแต่ว่าเอื้อมไม่ถึง

“นายน่ะ อยู่เงียบๆที่โรงแรมดีแล้ว!”   เจ้ากระต่ายดันหัวคะชู คิโยมิตสึออกไป ใบหน้าสวยเปรี้ยวยู่หน้าก่อนจะเด้งตัวกลับไปยืนข้างๆสเลน ทรอยยาร์ด เจ้ากระต่ายเคยนินทาให้เขาฟังว่าจริงๆแล้วคะชูเป็นถึงทายาทลำดับที่หนึ่งของตระกูลยากูซ่าใหญ่มากๆตระกูลหนึ่งในญี่ปุ่นแต่ไม่รู้ทำอิท่าไหนถึงถูกยามาโตะโนะคามิ ยาสึซาดะยึดเอาไปจนหมด เพราะงั้นเจ้าเด็กแสบนั่นจึงมีฝีมือในเรื่องต่อยตีไม่ธรรมดาเหมือนกัน

“ทุกคนในทีมต่างก็กังวลจนนอนไม่หลับ พวกเราเลยรวมตัวเพื่อรอฟังข่าวนายอยู่ด้วยกัน”   เสียงนุ่มของสเลนเอ่ยบอก ความห่วงใยส่งผ่านมาทางสายตาและมันก็ช่วยปลอบโยนคนที่กำลังขวัญเสียได้เป็นอย่างดี

“บอสจับสัญญาณติดตามตัวของพวกนายแล้วพาบอร์ดี้การ์ดกับพวกวองโกเล่ที่เพิ่งกลับมาตามพวกนายไป พอบอสไม่อยู่คนที่คอยออกคำสั่งทุกอย่างรวมถึงหาโรงพยาบาลนี่จึงเป็นคุณครูเทโอ้ที่อยู่อิตาลี”    เพราะคนที่รู้สัญญาณติดตามตัวของทุกคนในทีมมีแค่ทีมบอสกับซีอีโอของเฟอร์รารี่เท่านั้น แล้วก็เพราะกองหนุนไปทัน รีไวกับยามาโมโตะ ทาเคชิที่กำลังโดนรุมเลยไม่เป็นอะไรมาก

“ขอบใจพวกนายมาก...ตอนนี้ชั้นปลอดภัยแล้ว พวกนายรีบกลับไปนอนเถอะ”   เจ้ากระต่ายพยายามไล่ให้ทุกคนกลับไปนอน ตอนนี้ก็ตีสองกว่าแล้ว พรุ่งนี้ทีมม้าลำพองยังมีแข่งนัดชี้ชะตาอยู่อีก จะให้เรื่องของพวกเขาไปกระทบการแข่งนัดสำคัญไปมากกว่านี้ไม่ได้

“รู้แล้วน่า แค่นายปลอดภัยกลับมา พวกเราสัญญาเลยว่าพรุ่งนี้จะเอาแชมป์มาให้นายแน่!”   คะชู คิโยมิตสึยังคงยิ้มเริงร่า

“พวกนายห่วงชั้นแล้วชั้นไม่ห่วงพวกนายรึยังไง? รีบกลับไปนอนซะ ทางนี้ไม่มีอะไรแล้ว”  

“คร้าบ~”  

ไม่นาน กลุ่มก้อนที่เด่นสะดุดตาเพราะว่าประชากรม้าต่างมาด้วยชุดนอนสีแดงก็เคลื่อนขบวนกลับไป ถึงแม้หลายๆคนจะยังมีท่าทางกังวลและอยากจะอยู่เป็นเพื่อนก็ตาม

“พี่ก็น่าจะกลับไปพร้อมพวกนั้นด้วย”   เจ้ากระต่ายส่ายหน้าทันที ร่างโปร่งบางวนเวียนอยู่รอบๆเตียงเขาไม่ยอมห่างไปไหนเลยจริงๆ

“อึก...”   เขากัดฟันเมื่อความเจ็บปวดแล่นลิ่วมาจากปากแผลยามที่ขยับตัว คุณหมอกดสำลีซับเลือดออกให้เมื่อเย็บแผลสุดท้ายเสร็จ แผลของเขาถูกเย็บกันสดๆ ยังดีที่มียาชาช่วยเขาถึงยังมีสติอยู่ได้

แต่ถึงกระนั้นคืนนี้ของเขาก็ยังไม่จบลงง่ายๆ นัยน์ตาคมกล้าเหลือบมองแผ่นหลังของชายที่ช่วยชีวิตเขาไว้คนนั้น หมอนั่นยืนรออยู่นอกห้องฉุกเฉิน

คืนนี้...เขาจะต้องรู้ให้ได้ว่าเจ้านายของหมอนั่นคือคนคนเดียวกับที่เขาคิดไว้หรือเปล่า

“คุณหมอ เดี๋ยวผมค่อยกลับมารักษาต่อได้ไหม ตอนนี้แค่เอาให้พอมีชีวิตรอดไปก่อนก็พอ ผมมีเรื่องคอขาดบาดตายที่ต้องไปทำ”   เสียงทุ้มเอ่ยบอกคุณหมอที่ชะงักไปพร้อมกับพยักหน้างงๆ การรักษาของเขาจึงหยุดลงแค่การเอาผ้าพันแผลไว้

“นายจะไปพบเจ้านายของผู้ชายคนนั้นงั้นเหรอ?”   เจ้ากระต่ายถามด้วยใบหน้ากังวลขึ้นมาทันที

“ครับ...”   เขารู้ว่าจ้านเกอไม่อยากให้เขาไป แหงละ เพิ่งจะผ่านเรื่องแบบนั้นมาหยกๆ ต่อให้เป็นเจ้ากระต่ายที่ไม่เคยกลัวฟ้ากลัวดินก็คงต้องวิตกกันบ้าง เจ้ากระต่ายยังไม่เชื่อคำพูดของผู้ชายคนนั้นนัก

“ไม่ไปไม่ได้เหรอ? ไม่งั้นก็...ไม่งั้นก็รอพรุ่งนี้ก่อน ให้คุณรีไวหรือคุณหมีไปเป็นเพื่อนนาย”   ใบหน้ามนพยายามต่อรอง

“ไม่ต้องห่วงหรอกครับ เจ้านายของหมอนั่นน่าจะเป็นคนที่ผมรู้จักดี อีกอย่างก็รบกวนคุณรีไวกับยามาโมโตะ ทาเคชิมาเยอะแล้ว เรื่องนี้ให้ผมจัดการเองเถอะ”

“จะไม่ห่วงได้ไงเล่า ถ้าหมอนั่นเกิดไม่ใช่คนที่นายคิดไว้ แต่เป็นอาหมัด อัลมอนตัวจริงที่วางแผนซ้อนแผนอีกทีล่ะจะว่ายังไง? นายไปคนเดียวแถมยังบาดเจ็บอยู่จะไปสู้ไหวเหรอ?”   เดี๋ยวก่อน อาหมัด อัลมอนนี่มันใครฟ๊ะ?! เจ้าวิศวกรหัวสมองซับซ้อนนี่คิดเรื่องแผนซ้อนแผนได้แต่กลับจำชื่อตัวร้ายในแผนนั่นไม่ได้เนี่ยนะ? เชื่อเจ้ากระต่ายบ๊องนี่เลยจริงๆ

เขาหัวเราะอย่างเอ็นดูเบาๆก่อนจะเอื้อมมือไปจับมือบางไว้ ใบหน้างอแงนั่นคงกำลังคิดคำพูดโน้มน้าวเข้าอยู่

แต่เขาก็เข้าใจเจ้ากระต่ายนะ เพราะการที่ต้องยืนมองปืนจ่อหัวคนที่ตัวเองรักโดยที่ทำอะไรไม่ได้ มันคงเจ็บปวดทุรนทุรายยิ่งกว่าตายไปเองเสียอีก

เจ้ากระต่ายไม่อยากให้เขาไปเพราะห่วงเขามาก ในสายตาของอีกฝ่ายไม่ว่าอะไรในตอนนี้ก็ดูไม่น่าไว้ใจไปหมด

แต่เขากลับเชื่อมั่นจริงๆว่าไม่เป็นไร...

เขาคิดทบทวนหลายๆเรื่องระหว่างทางที่ถูกพาตัวมาโรงพยาบาล จิ๊กซอว์ที่ขาดๆหายๆดูเหมือนจะเริ่มต่อกันได้พอดีและตอนนี้มันก็มีจำนวนเพียงพอแล้วที่จะทำให้เขามองเห็นภาพรวมทั้งหมด หลายๆเรื่องที่เขาไม่เคยเข้าใจ ตอนนี้เขาก็เข้าใจแล้ว

“จ้านเกอ...ให้ผมไปนะ ผมอยากเจอเค้ามากจริงๆ”   เขาบีบมือบางเบาๆ ใบหน้าหล่อเหลาส่งสายตาอ้อนๆจนคนมองเริ่มจะใจอ่อน ใบหน้างอง้ำชั่งใจอยู่หลายนาทีก่อนจะโพล่งออกมาว่า

“ถ้างั้นชั้นจะไปด้วย!

“ห๋า? พี่จะไปทำไม? พี่ไม่ต้องไปหรอก กลับไปกับพวกเฟอร์รารี่นะ ผมไปแป๊บเดียวเดี๋ยวผมก็กลับ”   เขาพูดออกไปอย่างตกใจ เพราะเขาตั้งใจจะส่งเจ้ากระต่ายกลับไปพร้อมพวกเฟอร์รารี่กลุ่มสุดท้ายแล้วค่อยไปหานายใหญ่ของ Diamond crownคนเดียว

“ไม่เอา แป๊บเดียวก็ไม่ได้ นายห้ามห่างจากชั้น!”    เจ้ากระต่ายแยกเขี้ยวขู่ บทจะเอาแต่ใจขึ้นมา เขาก็เอาไม่อยู่

“แต่พรุ่งนี้พี่มีแข่งนะ พี่ต้องอยู่กับทีมสิ ตอนนี้ก็ควรจะกลับไปนอนพักแล้วด้วย เดี๋ยวพรุ่งนี้ตื่นไม่ไหว ตอนแข่งคิดอะไรไม่ออกขึ้นมาจะทำยังไง?”    เขาพยายามหว่านล้อม อันที่จริงเขาก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอกหากเจ้ากระต่ายจะต้องไปเจอกับคนที่เขาคิดไว้เพราะยังไงสักวันก็ต้องเจอกัน แต่ตอนนี้เจ้ากระต่ายเองก็อ่อนเพลียจากเรื่องที่ผ่านมาไม่น้อย เขาอยากให้อีกฝ่ายไปพักมากกว่า

“นายบอกว่าไปแป๊บเดียวไง? กลับมาทันอยู่แล้ว แข่งตอนเย็นนู่น”   ดื้อจนน่าจับฟาดก้นซักทีจริงๆ  เจ้ากระต่ายทำหน้าหงิกจ้องเขาเขม็ง ถ้าไม่ยอมให้ไปด้วยเห็นทีว่าคืนนี้เขาเองก็คงไม่ได้ไปเหมือนกัน

“....ก็ได้ครับ”   เขายอมพร้อมกับถอนหายใจ






รถ SUV Four-Wheel Drive สีขาวแล่นออกจากโรงพยาบาลช้าๆ ฤทธิ์ของยาชายังไม่หมด แผลที่ยังคงมีเลือดซึมออกมาของเขาจึงไม่ถึงกับจ็บปวดมากนัก

เขาลอบมองหน้าชายที่ช่วยชีวิตเขาผ่านกระจกมองหลัง เจ้าของใบหน้าเงียบขรึมสมเป็นบอร์ดี้การ์ดขับรถอย่างคุ้นชินเส้นทางพาเขามุ่งเข้าสู่ใจกลางเมืองดูไบทำเอาเขาประหลาดใจนิดหน่อย เพราะเขาคิดว่าเจ้านายของหมอนี่น่าจะซ่อนตัวอยู่ตามเซฟเฮ้าส์ในทะเลทรายมากกว่า? ไม่คิดว่าจะอยู่มันกลางเมืองแบบนี้

คงไม่ได้หลอกเขาไปฆ่าอย่างที่เจ้ากระต่ายว่าเป็นแผนซ้อนแผนหรอกนะ?

เขาเอนพิงเบาะหลังอย่างเหนื่อยล้า ใบหน้าหล่อเหลาก้มมองเจ้ากระต่ายที่นอนขดซุกตัวอยู่ข้างๆ เจ้ากระต่ายไม่ยอมห่างเขาแม้แต่ก้าวเดียว เหมือนกลัวว่าเขาจะคลาดสายตา กลัวว่าเขาจะหายไป กลัวว่าเขาจะตาย...

...กลายเป็นกระต่ายที่ติดเจ้าของมากๆไปเสียแล้ว...

เขาลูบเส้นผมสีดำเบาๆ แพขนตายาวปิดแนบแก้มใส ลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอบ่งบอกให้รู้ว่ากำลังหลับสนิท...คงจะเหนื่อยมากและที่ตรงนี้คงทำให้เจ้ากระต่ายรู้สึกปลอดภัยจึงหลับได้แบบนี้...เขาจึงหันไปคุยกับคนที่กำลังขับรถแทน

Diamond crownรู้ที่กลบดานของอานัส ซัลมานหรือเปล่า?”   เขาถามออกไป ในเมื่อมีสายของตัวเองแฝงอยู่ขนาดนี้แล้วก็น่าจะรู้นี่?

“ไม่รู้ครับ เพราะอานัส ซัลมานเป็นคนขี้ระแวงมาก สถานที่ที่เขาซ่อนตัวอยู่ไร้การเชื่อมต่อโดยสมบูรณ์ ผมไม่สามารถจะติดต่อกับทางDiamond crownได้เลยว่าตอนนั้นเซฟเฮ้าส์อยู่ที่ไหน ซ้ำเวลาที่เขาออกนอกแหล่งกลบดานเขาก็ไม่เคยบอกใครว่าจะไปที่ไหน แล้วก็ใช้เวลาไม่มากทำให้ผมไม่สามารถจะส่งข่าวให้ทางDiamond crownได้ทัน เขาจะเปลี่ยนที่นัดไปเรื่อยๆ แหล่งกลบดานก็อยู่ไม่ซ้ำที่เดิม”   คนที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัยตอบคำถามเขาแต่โดยดี

“ถ้าอย่างงั้นการที่ให้นายแฝงตัวเข้ามาจะมีประโยชน์อะไร?”   ในเมื่อจับอานัส ซัลมานก็ไม่ได้ เพชรที่ยักยอกไปก็ไม่ได้คืน?

“สิ่งที่ผมต้องทำมีแค่เรื่องเดียว...ก็คือเรื่องแบบในคืนนี้ คือการที่ผมต้องทำให้คุณปลอดภัย”   เขาถึงกับเบิกตากว้าง ให้บอร์ดี้การ์ดแฝงตัวอยู่ข้างๆอานัส ซัลมานเพื่อให้คอยปกป้องเขางั้นเหรอ? เพราะถ้าไม่มีคนคนนี้ วันนี้เขาอาจจะตายไปแล้วก็ได้

“คุณคงพอจะเดาได้...ว่าเจ้านายของผมเป็นใคร”   ใบหน้าหล่อเหลายิ้มบางๆ ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าจอมกะล่อนแบบนี้เป็นใคร

“ว่าแต่ ทำไมนายไม่ฆ่าอานัส ซัลมานไปซะตั้งแต่แรกล่ะ เรื่องมันก็คงจบไปนานแล้ว?”

“เห็นแบบนั้นเขาก็ยังมีประโยชน์ต่อองค์กรนะครับ คนที่ยักยอกเพชรของDiamond crownไม่ได้มีแค่เขาคนเดียว แล้วยังมีลูกค้าชั้นเลวที่รับซื้อของโจรแบบนี้อยู่อีก เจ้านายผมต้องการจะรู้ว่าทั้งหมดนั้นเป็นใครบ้าง เขาจึงตั้งใจจะปล่อยให้อานัส ซัลมานมีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่อสืบเรื่องนี้ เพียงแต่ว่า หากอานัส ซัลมานลงมือกับคุณมันก็เป็นข้อยกเว้น”   หมายความว่าชีวิตเขาสำคัญกว่าเพชรพันล้านพวกนั้นสินะ


ผู้ชายคนนั้นไม่เคยเปลี่ยนไปเลย


ใบหน้าหล่อเหลาเงยขึ้นมองไปบนฟากฟ้า หัวคิ้วเลิกขึ้นน้อยๆเพราะไม่คิดว่าจะถูกพามาที่นี่ 

ตึกเบิร์จ คาลิฟาตั้งตระหง่านอยู่เหนือหัวเขา มองจากมุมนี้แล้วเหมือนอีกไม่กี่ก้าวมันก็จะถึงสวรรค์ยังไงอย่างงั้น เพราะมันเป็นตึกที่สูงที่สุดในโลกอยู่ตอนนี้ มันจะครองสถิติไปจนกว่าตึกเจดดะห์ คิงดอมทาวเวอร์ ในซาอุดิอาระเบียจะสร้างเสร็จ

ถึงแม้ว่าดูไบจะเต็มไปด้วยตึกสูงระฟ้าทันสมัยแต่ด้วยดีไซน์ที่สวยงามก็ทำให้ตึกเบิร์จ คาลิฟากลายเป็นสัญลักษณ์หนึ่งของเมืองนี้ไปแล้ว กว่า160ชั้น 828เมตร มีทั้งส่วนที่เป็นโรงแรม อพาทเม้นต์ส่วนตัวและสำนักงาน

เขากับเจ้ากระต่ายถูกพาไปที่ชั้น 105 ซึ่งมีประตูเพียงประตูเดียวหลังจากเปิดลิฟท์มา นั่นแสดงว่าชั้นนี้ทั้งชั้นมีเพียงห้องเดียวเท่านั้น

ก็สมกับเป็นที่อยู่เจ้าขององค์กรค้าเพชรระดับโลกอย่าง Diamond crownแล้ว

เชิญนั่งรอที่นี่ก่อนนะครับ”   บอร์ดี้การ์ดคนเดิมพาเขาเข้ามายังห้องรับแขกที่ตกแต่งอย่างหรูหรา จริงๆตั้งแต่หน้าลิฟท์ก็มีบอร์ดี้การ์ดเฝ้าอยู่เป็นสิบคนแล้วกว่าจะมาถึงตรงนี้ได้

ชายผู้ช่วยชีวิตเขาไว้เดินจากไป ในห้องที่ตกแต่งสไตล์โมเดิร์นนี้จึงเหลือเพียงเขากับเจ้ากระต่ายสองคน

ง่วงไหม? ง่วงก็นอนต่อได้นะ”   เขาหันไปมองเจ้ากระต่ายที่เดินขยี้ตาหาววอดมาตลอดทาง

อื้อ”    ใบหน้ายุ่งๆส่ายน้อยๆก่อนจะพยายามถ่างตาอย่างน่าเอ็นดู เขามัวแต่มองคนที่นั่งอยู่ข้างๆจนไม่ทันสังเกตเลยว่ามีใครคนหนึ่งก้าวเข้ามาทางด้านหลัง


มาจนได้นะ...หวังอี้ป๋อ…”   


และแล้วเสียงทุ้มก้องกังวานนั้นก็ทำให้เขาถึงกับชะงักค้าง

หัวใจเต้นแรงจนแทบจะทะลุออกมาจากอก จู่ๆก็รู้สึกเหมือนทุกสิ่งรอบกายหยุดนิ่งไป

เสียงนั้นช่างเป็นเสียงที่คุ้นหูเหลือเกิน

เป็นเสียงที่ตามหาและอยากได้ยินมาตลอดในสิบปีที่ผ่านมา

ร่างทั้งร่างของเขานิ่งงันอย่างไม่สามารถจะขยับเขยือนได้ จนกระทั่งเจ้าของเสียงค่อยๆเดินอ้อมมายืนอยู่ตรงหน้า

ร่างสูงสง่านั่นยังคงผ่าเผย  ใบหน้าที่คล้ายเขามากกำลังก้มมองลงมาด้วยสายตาที่ไม่เปลี่ยนไปเลย

ยังคงเป็นสายตาที่พี่ชายใช้มองน้องเล็กอย่างเขา...ไม่เปลี่ยนไปเลย...


เฮีย...”   


เป็นหวังอี้เฟิง พี่ชายของเขาจริงๆ


ยังมีชีวิตอยู่....พี่ยังมีชีวิตอยู่จริงๆ….


ความดีใจไหลท่วมจนจุกแน่นในอกไปหมด ใบหน้าที่ไม่ได้เห็นมากว่าสิบปีแทบดูไม่แก่ลงไปเลย ที่ผ่านมาเขาคิดว่าคงจะไม่ได้เห็นใบหน้านี้อีกแล้ว คงจะไม่ได้ยินเสียงนี้อีกแล้ว พอได้พบกันอีกครั้ง น้ำตาจึงแทบจะไหลออกมา

พี่ชายยิ้มให้เขาบางๆ เป็นรอยยิ้มที่เขามักจะเห็นเวลาที่หมอนั่นดีใจ เขาจึงรู้ว่าพี่ชายเองก็คงรู้สึกไม่ต่างกัน

เขารีบปรับสีหน้าอย่างรักษามาด เขาชอบทำตัวเป็นผู้ใหญ่และเย็นชาเวลาอยู่กับจอมกะล่อนอย่างหมอนี่ และพี่ชายก็มักจะแหย่เขากลับมาอย่างทุกที

ยังไม่ตายจริงๆสินะ...”   เขาพูดออกไปพร้อมรอยยิ้มกวนๆ

คำแรกของพี่น้องที่ไม่ได้เจอกันมาสิบปีก็ควรจะทักว่าไม่เจอกันนาน สบายดีไหมเฮียไม่ใช่เหรอวะ? แกนี่มันไม่เปลี่ยนไปเลยจริงๆ

ดูก็รู้แล้วว่าสบายดี จะทักทำไม?”   พี่ชายส่ายหน้าก่อนจะยิ้มแล้วเดินเข้ามากอดเขา

อ้อมแขนที่เหมือนกำแพงคอยปกป้องเขามาตลอดตั้งแต่จำความได้ให้ความรู้สึกที่คุ้นเคยอย่างน่าประหลาด ขนาดห่างหายไปตั้งสิบกว่าปีเขากลับจำสัมผัสนี้ได้ไม่ลืมเลือน

มันเป็นที่ที่อบอุ่นมาก เป็นที่ที่ทำให้หัวใจของเขาสงบลงทุกครั้งไม่ว่าจะหวาดกลัวแค่ไหน

เขายืนนิ่งอยู่กับที่ ดวงตาค่อยๆปิดลง...ดีใจ...ดีใจมากจริงๆ นี่คงไม่ใช่ความฝันใช่ไหม? เขาดีใจจนไม่กล้าขยับตัวเพราะกลัวว่าจะต้องตื่นจากฝันดีนี้


ในที่สุด...ก็หาเจอเสียที


นานมากเลยที่ไม่ได้เจอนาย”    เสียงของพี่ชายดังอยู่ข้างๆหู  มือใหญ่ตบไหล่เขาเบาๆเหมือนที่ชอบทำตอนเขาเป็นเด็ก

อืม”    เขาพยักหน้ารับทั้งๆที่ยังอยู่ในอ้อมแขนของพี่ชาย

หวังอี้เฟิงดันเขาออกก่อนจะมองสำรวจให้เต็มตา ตอนที่จากกันเขาเป็นเพียงเด็ก ม.ต้น แต่ตอนนี้น้องชายของพี่เติบโตเต็มภาคภูมิแล้ว

ยินดีด้วยกับแชมป์สมัยที่ห้านะอี้ป๋อ”   พอคนที่พูดคำนี้เป็นเฮีย ไม่รู้ทำไมจู่ๆเขาก็น้ำตารื้นขึ้นมา

เพราะคนที่เห็นความฝันนี้ของเขามาตลอด แอบสนับสนุนเขามาตลอด ก็คือเฮีย

พี่ชายจะหนีออกจากบ้านไวกว่านี้ก็ได้ แต่ก็ยังรอจนเขาโตพอที่จะสู้รบปรบมือกับพ่อได้  โตพอที่จะวางรากฐานสำหรับความฝันการเป็นนักแข่งรถของเขาได้

เฮีย...รู้ด้วยเหรอ...”   เขาเกาคอแก้เขิน

ชั้นไม่ได้อยู่ในป่านี่”   พี่ชายนั่งลงที่โซฟาอีกตัวก่อนจะยิ้มให้

คอยดูอยู่ตลอดนั่นแหละ ดูตั้งแต่ตอนที่แกแข่งรายการแรกแล้วแพ้ ดูมาเรื่อยๆจนแกขยับมาขับ Moto GP ดูจนแกได้แชมป์โลกครั้งแรกจนถึงครั้งที่ห้า ชั้นดูแกอยู่ในที่ที่แกมองไม่เห็นแบบนี้มาตลอดนั่นแหละ”   เขาพยักหน้ารัวๆเพื่อบังคับน้ำตาไม่ให้มันไหลลงมา นอกจากเจ้ากระต่ายแล้วก็ยังมีผู้ชายคนนี้ที่เข้าใจเขาที่สุด

เพราะงั้นตอนที่เฮียหายตัวไป หลายๆส่วนในใจเขาจึงแหลกสลายน่าดู

อ้อ แล้วชั้นก็ดูตอนที่แกจูบแฟนแกตอนได้แชมป์สมัยที่สี่ด้วยนะ เปิดตัวอลังการสะท้านปฐพีเลยนี่ นอกนั้นยังตามดูในไอจีด้วย ชั้นสนับสนุนมากคนนี้ น่ารักสุดๆ

อ๊า~~~!!!”       ไม่ ไม่ใช่เสียงร้องของเขา แต่เป็นเสียงเจ้ากระต่ายที่กำลังอ้าปากพะงาบๆ หูเหอแดงจัดไปหมดแล้ว

ไหนๆก็พามาแล้ว แนะนำให้ชั้นรู้จักหน่อยสิ ถึงจะรู้อยู่แล้วว่าเป็นใครก็เถอะ”   พี่ชายมองไปที่เจ้ากระต่ายอย่างเอ็นดู

“....เซียวจ้านครับ...ขอโทษที่ปล่อยหวังอี้ป๋อทำเรื่องน่าอายโดยไม่ได้คัดค้านนะครับ...”   เจ้ากระต่ายแนะนำตัวเองอย่างปลงๆก่อนจะหันมาส่งสายตาคาดโทษใส่เขา

ฮ่าๆๆ ไม่เห็นจะน่าอายเลย คู่ของพวกนายน่ะ น่ารักมาก...ชั้นคือหวังอี้เฟิง พี่ชายของหมอนี่ ในที่สุดเราก็ได้พบกันสักที

ครับ ยินดีที่ได้รู้จักครับ...

ผม...เพิ่งเคยเจอครอบครัวของอี้ป๋อเป็นครั้งแรก...ตื่นเต้น...จนทำตัวไม่ถูกเลย

แต่ชั้นดีใจมากที่ได้พบนาย ขอบใจที่คอยดูแลน้องชายจอมเอาแต่ใจให้นะ

 เขามองเจ้ากระต่ายกับพี่ชายทักทายกัน...คิดไว้ไม่มีผิดว่าถ้าเป็นพี่ชายคงไม่เป็นไร เรื่องของเขากับเจ้ากระต่ายหวังอี้เฟิงน่าจะรับได้  ไม่เช่นนั้นคงไม่ให้คนคอยสะกดรอยตามเขากับเจ้ากระต่ายแบบนี้หรอก

ที่เฮียคอยส่งคนสะกดรอยตามผมกับจ้านเกอตลอด ที่จริงแล้วเพื่อคอยอารักขาพวกเราใช่ไหม?”   หน้าที่ของคนพวกนั้นไม่ใช่การสะกดรอยตาม แต่น่าจะเป็นการคุ้มกันปกป้องเขากับเจ้ากระต่ายมากกว่า เป็นบอร์ดี้การ์ดดีๆนี่เอง

ทำไมถึงคิดแบบนั้นล่ะ?”   พี่ชายเอนหลังพิงโซฟาด้วยท่าทางสบายๆ

ก็เพราะ...มีเฉพาะในอิตาลีที่เฮียไม่ส่งคนเข้าไป เพราะรู้อยู่แล้วว่าผมกับเจ้ากระต่ายจะปลอดภัยเมื่อกลับสู่มือของพวกวองโกเล่หรือเฟอร์รารี่”   พี่ชายยิ้มก่อนจะตอบว่า

ก็ประมาณนั้นแหละ เพราะชั้นรู้ว่าอานัส ซัลมานมันเป็นจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ขนาดไหน ชั้นเลยกลัวว่าพวกนายจะไม่ปลอดภัย อีกอย่างชั้นก็ควรจะรับผิดชอบด้วยที่ลูกน้องตัวเองไปทำให้พวกนายเดือดร้อน”   พอพี่ชายพูดถึงอานัส ซัลมานเขาจึงนึกถึงเรื่องที่คุยกับการ์ดคนนั้นได้

ยังมีพวกเดียวกับอานัส ซัลมานอยู่อีกหรือเปล่า? เห็นการ์ดของเฮียบอกผมว่ายังมีคนยักยอกเพชรเฮียอยู่อีก?”

พูดตามตรงก็...มี

ยังไงก็จัดการพวกนั้นด้วย อย่าให้พวกมันมาแก้แค้นหรือมาสร้างความเดือดร้อนถึงแฟนผม”    อย่าให้เกิดเรื่องอย่างอานัส ซัลมานอีก

ฮึ เจ้าน้องชายที่น่ารักมีแฟนแล้วเหรอเนี่ย~ ได้ข่าวว่าสวยไม่เบา เฮ้อ~ อี้ป๋อน้อยที่เอาแต่คอยร้องเรียกเฮียครับๆโตขนาดมีเมียแล้วเหรอเนี่ย~ ปลาบปลื้มจนน้ำตาจะไหลเลย~”   และแล้วบรรยากาศที่เริ่มจะเคร่งเครียดก็ถูกทำลายไปด้วยคำหยอกเย้าของผู้เป็นพี่ชาย คิ้วเขากระตุกรัวๆจนอยากจะยกส้นเท้าเสยใบหน้ากวนๆนั่นไปสักที

ถ้าเฮียไม่จัดการ ผมจะบอกพ่อว่าเฮียมาหลบอยู่ที่นี่ ผมจะได้เป็นอิสระสักที”   เอาสิ กวนเขามาเขาก็ข่มขู่กลับได้ หึ!

ไอ้! อย่านะโว้ยไอ้น้องเวร
  
เอาไง?” 

ยังไงชั้นก็ต้องจัดการพวกมันอยู่แล้ว มันยักยอกเพชรชั้น ชั้นไม่เอามันไว้หรอก! แกก็หุบปาก อย่าเอาไปบอกพ่อเด็ดขาด เข้าใจไหม?”    เขาแสยะยิ้มทันที เมื่อกุมจุดอ่อนของพี่ชายไว้ได้ 

ได้สิ ตราบใดที่ผมกับเซียวจ้านยังสบายดี เฮียก็จะได้ใช้ชีวิตแบบคนตายอย่างสบายใจเหมือนกัน”   บรรยากาศซาบซึ้งเมื่อตอนต้นเหมือนจะกลายเป็นแค่เรื่องโกหก เจ้ากระต่ายนั่งขำจนไหล่สั่น

“.......เพราะแบบนี้ไง ชั้นถึงไม่อยากให้แกรู้เรื่องนี้ ต้องโทษพวกวองโกเล่ หูตาเป็นสับปะรดจริงๆไอ้พวกมาเฟียนั่น! ชั้นปิดแกกับพ่อมาได้ตั้งเป็นสิบๆปี แต่พวกมันดันสืบซะพรุนหมด!”    ชายผู้ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของวงการค้าเพชรส่ายหน้าถอนหายใจ จากนี้ไปคงตกอยู่ในอุ้งมือมารของน้องชายวายร้ายอย่างหลีกหนีไม่ได้

ก็ได้ๆ ชั้นรับรองความปลอดภัยของแกกับเซียวจ้านไปตลอดชีวิตเลย น้องชายกับน้องสะใภ้ของชั้นจะไม่มีใครทำอะไรได้ พอใจยัง? หรือแกจะเอาบอร์ดี้การ์ดซักร้อยคนก็บอก เฮ้อ...แกนี่มันจอมแบ็กเมล์ไม่เปลี่ยนเลยจริงๆ!”    หวังอี้ป๋อเอนหลังพิงโซฟาอย่างผู้ที่เหนือกว่า ไม่คิดเลยว่าการมาตามหาพี่ชายที่หายไปสิบกว่าปีจะทำให้เขามีแบ็กใหญ่ขนาดนี้เพิ่มมาอีก ดีจริงเชียว จากนี้ไปเจ้ากระต่ายผู้ยิ่งใหญ่เกรียงไกรของเขาก็จะไม่มีใครกล้าแตะต้องอีก

จอมแบ็กเมล์นั่นมันเฮีย...เฮียก็แค่กลับบ้าน ก็ไม่ต้องเจออะไรแบบนี้แล้ว”   
  
แกคิดว่าถ้าชั้นกลับบ้านชั้นจะเป็นผู้ชายที่รวยที่สุดในซีกโลกตะวันออกแบบนี้ไหม? พ่อคงให้ชั้นไปเป็นทหารต๊อกต๋อยเดินตามนายต้อยๆแบบนั้นอ่ะ ไม่เอาว่ะ
  
นายที่พี่ว่านี่มันก็ผู้นำประเทศป่ะ
   
อะไรก็ช่างเหอะ ชั้นจะอยู่กับเพชรของชั้นไปจนวันตาย ชั้นจะไม่กลับไปอยู่กับหมีแพนด้าพวกนั้นแน่ๆ”   พี่ชายส่ายหน้าอย่างเพลียๆ


ก๊อกๆ


จู่ๆเสียงเคาะประตูห้องรับแขกก็ดังขึ้นเขาจึงหันหน้าไปมอง

อาหารที่สั่งไว้มาแล้วครับ”   พ่อบ้านเข็นรถที่หอมฉุยไปด้วยกลิ่นอาหารเข้ามาก่อนวางมันไว้ที่โต๊ะกินข้าวตัวยาวในห้องที่อยู่ข้างๆ

เพิ่งเจอเรื่องแย่ๆมา ยังไงก็กินอะไรเสียหน่อยสิ จะได้ทำให้สภาพจิตใจดีขึ้น”    พี่ชายของเขาเชื้อเชิญ เจ้ากระต่ายมองตามน้ำลายย้อย ร่างโปร่งค่อยๆลุกขึ้นยืน

ถ้างั้น...ชั้นไปนั่งกินตรงนู้นนะ”    เจ้ากระต่ายคงอยากปล่อยให้พวกเขาพี่น้องได้คุยกันจึงปลีกตัวออกไป...แต่อีกครึ่งหนึ่งก็คงหิวจริงๆนั่นแหละ แก้มกลมถึงได้เคี้ยวตุ้ยๆอย่างเอร็ดอร่อยขนาดนั้น

“แล้วตกลง...เมื่อสิบปีก่อนนั่นมันเกิดอะไรขึ้น? เป็นแผนของเฮียทั้งหมดเลยใช่ไหม?”   เขาหันมาคุยกับพี่ชายต่อ ถึงจะพอปะติดปะต่อเรื่องราวได้แต่เขาก็อยากฟังจากปากพี่ชายมากกว่า

“ใช่...เป็นแผนการหนีออกจากบ้านของชั้นเอง”

“นายก็รู้...ถ้าชั้นบอกพ่อว่าจะออกจากบ้าน จะเลิกเป็นทหาร จะเลิกสืบทอดตระกูลหวัง พ่อคงไม่มีทางยอม”

“แล้วไม่ว่าชั้นจะหนีไปที่ไหน พ่อก็คงไปลากตัวชั้นกลับมาจนได้ อาจจะมีคนต้องเดือดร้อนเพราะชั้นอีกมากมายเพราะพ่อคงไม่สนใจอะไรนอกจากการเอาตัวชั้นกลับไป ไม่มีทางไหนที่ชั้นจะหนีพ่อกับตระกูลหวังพ้น...นอกจากความตาย”

“ชั้นจึงเริ่มวางแผน...ทำทีเหมือนถูกลักพาตัวไป ถูกฆ่าตาย...พ่อจะได้ยอมปล่อยชั้นไป”

“ชั้นไม่อยากเป็นทหารมาตั้งนานแล้วแต่ชั้นก็เลี่ยงไม่ได้ แต่เพราะชั้นเป็นทหารจึงได้รู้จักกับคนมากมาย รู้ทางหนีทีไล่ที่จะทำให้พ่อและตระกูลหวังจับไม่ได้ จริงๆเรื่องค้าเพชรมันเป็นความบังเอิญมากกว่า มีรุ่นน้องของชั้นสมัยเรียนเตรียมทหาร ที่บ้านของหมอนั่นมีเหมืองพลอยเก่า แล้วตอนนั้นหมอนั่นกำลังร้อนเงินจึงเอาเหมืองนั่นมาขายให้ถูกๆ ชั้นซื้อไว้เพราะแค่อยากจะช่วย แต่แล้วจู่ๆวันหนึ่งกลับพบว่าเหมืองนั่นไม่ได้มีแค่พลอย แต่ยิ่งขุดลึกลงไปมันก็กลายเป็นเหมืองเพชรขนาดใหญ่ ชั้นจึงส่งเพชรออกไปขายนอกประเทศ ค่อยๆสร้างแบรนด์ Diamond crown ขึ้นมาโดยไม่ให้ใครรู้ว่าเจ้าของคือทายาทตระกูลหวังอย่างชั้น”

Diamond crown เติบโตขึ้นมากในตะวันออกกลาง ประกอบกับตอนนั้นนายก็โตพอที่จะต่อกรกับพ่อได้แล้ว ชั้นจึงตัดสินใจหนีอย่างที่นายรู้นั่นแหละ ให้ลูกน้องมาทำทีว่าจับตัวชั้นไป จากนั้นก็อาศัยช่องโหว่หนีออกนอกประเทศ กลบดานอยู่ในดูไบใช้ชีวิตเหมือนคนตาย ส่วนแบรนด์ Diamond crown ก็ให้แฟนชั้นเป็นคนออกหน้าโดยมีชั้นคอยดูอยู่เบื้องหลัง”

เขามองพี่ชายด้วยแววตาชื่นชม ไม่ว่าจะตอนนี้หรือเมื่อก่อน พี่ชายของเขาก็เก่งที่สุดเสมอ

แต่บางทีก็นึกเห็นใจพ่ออยู่เหมือนกัน...ที่มีลูกชายอย่างพวกเขาสองพี่น้อง...

เขาเองก็ไม่ยอมเป็นทหารแถมยังหนีไปแข่งรถตั้งแต่ยังไม่ทันจะเรียนจบม.ปลายดี...แถมตอนนี้ยังมีแฟนเป็นผู้ชายอีก...

  
ว่าแต่ พ่อยอมให้นายคบกับผู้ชายได้ไง?”    พี่ชายหันมาคุยเรื่องของเขาบ้าง เฮียขยับมาใกล้ๆก่อนจะคุยกับเขาด้วยเสียงที่เบาลงเพราะไม่อยากให้เจ้ากระต่ายได้ยิน

ไม่ได้ยอมหรอก แต่ทำอะไรไม่ได้มากกว่า เพราะเซียวจ้านไม่ได้อยู่ในประเทศ แล้วทางนี้ก็แบ็กใหญ่พอสมควร”   นี่ก็เป็นอีกเรื่องที่ยังค้างคาใจเขากับเจ้ากระต่าย ทำยังไงถึงจะทำให้คนที่บ้านยอมรับพวกเราได้
  
แล้วพ่อแม่เค้าไม่โดนกดดันเหรอ?”    เฮียคงอยากรู้สถานการณ์ของพวกเขาและเขาจำเป็นต้องเล่าให้อีกฝ่ายฟัง เพราะคนที่จะช่วยเขารับมือกับพ่อได้ก็มีแต่พี่ชายนี่แหละ
  
ดูเหมือนจะไม่นะ? ผมยังไม่เคยเจอเหมือนกัน แต่มีลูกชายแบบนั้น น่าจะเป็นพ่อแม่ที่ไม่ธรรมดาแหละ”   เขาหัวเราะในลำคอเมื่อนึกถึงความมึนของเจ้ากระต่าย พ่อแม่ธรรมดาๆไม่น่าจะเลี้ยงให้ออกมาเป็นแบบนั้นได้

อีกอย่าง...มันก็เป็นหน้าที่ของเฮีย ที่จะต้องทำให้ผมกับเซียวจ้านคบกันอย่างปลอดภัย”   เขาแสยะยิ้มให้ผู้เป็นพี่ชาย

พ่อค้าเพชรรายใหญ่ที่สุดของตะวันออกกลางถึงกับกุมขมับ คนที่น่าปวดหัวที่สุดสำหรับเขาไม่ใช่พวกลูกน้องชั้นเลวหรือลูกค้าจอมเรื่องมาก ไม่ใช่อิทธิพลเถื่อนหรือมาเฟียที่ไหน แต่กลับเป็นคนในครอบครัวอย่างพ่อกับหวังอี้ป๋อนี่แหละ! จะเอาปืนไปยิงทิ้งง่ายๆเหมือนคนอื่นก็ไม่ได้อีก!




มีอะไรก็โทรมา”    พี่ชายตบไหล่เขาหลังจากที่เดินมาส่งถึงหน้าลิฟท์ อาการของเขายังไม่ค่อยดีนักจึงไม่ทันได้คุยอะไรกันมากมาย

อื้อ ไปละ”    เขาล่ำลาเพียงสั้นๆเหมือนที่เคยพูดกันเมื่อตอนเป็นเด็ก

คนขับรถพาเขากลับไปส่งที่อาบูดาบีและเขาก็ต้องเข้าโรงพยาบาลทันที ทั้งเลือดทั้งน้ำเกลือถูกเสียบที่แขนระโยงรยางค์ไปหมด

เจ้ากระต่ายอยู่เฝ้าเขายันเช้า กว่าจะยอมไปสนามได้ก็สายโด่ง







....ชั้นไปสนามก่อนนะ ถ้ารู้สึกไม่ดีก็รีบบอกหมอนะ แข่งเสร็จจะรีบกลับมา”   ดีไซน์เนอร์ของเฟอร์รารี่มองคนที่นอนอยู่บนเตียงตาละห้อย ไม่อยากปล่อยหวังอี้ป๋อไว้คนเดียวเลย แต่หน้าที่ก็คือหน้าที่ เขาต้องมีความรับผิดชอบต่อทีมด้วย

“ไปเถอะ ผมไม่เป็นไรแล้ว”   ใบหน้าหล่อเหลากลับเป็นฝ่ายหัวเราะเบาๆแล้วมองเขาด้วยสายตาเอ็นดู

“ไปนะ...ถ้าเจ็บต้องบอกหมอนะ”   เขาเบะปากคว่ำขมวดคิ้วมองหวังอี้ป๋ออีกครั้งทั้งๆที่กำลังจะก้าวขาผ่านประตูหน้าห้องอยู่แล้ว แง๊~ ไม่อยากไปเลยอ่ะ~

“ครับ...ไปเถอะ ขอให้ชนะนะครับ จ้านเกอสู้ๆ”   คนเจ็บยังอุตส่าห์ให้กำลังใจ มือบางจำต้องปิดประตูห้องลงอย่างตัดใจ เขาต้องฮึบขนานใหญ่กว่าจะพาตัวเองออกมาจากหน้าห้องพิเศษนั่นได้ ก็รู้อยู่หรอกว่าอาจจะห่วงมากเกินไปแต่มันก็อดห่วงไม่ได้นี่นา หวังอี้ป๋อเกือบจะถูกพรากไปจากเขานะ ใครจะไปทนได้ถ้าอีกฝ่ายมาหายไปอีกรอบ

แค่นึกถึงภาพปากกระบอกปืนที่กำลังจ่อหัวสีน้ำตาลนั่นอยู่ เขาก็แทบจะวิ่งกลับไปเสียให้ได้

“อ๊า~~!!”    สองมือยกขึ้นมาแปะหน้าของตัวเองอย่างเรียกสติ ตอนนี้เขาต้องไปทำหน้าที่ของตัวเองก่อน!

แล้วในที่สุดนักออกแบบรถมือหนึ่งของเฟอร์รารี่ก็มาถึงสนาม Yas Marina Circuit จนได้ ถึงจะช้าไปกว่าชั่วโมงเพราะเอาแต่วนไปวนมาอยู่ระหว่างหน้าโรงพยาบาลกับห้องของหวังอี้ป๋อก็เถอะ

ร่างโปร่งบางถือกระดานชาร์ตก่อนจะวิ่งเข้าไปในแทรคซึ่งเป็นทางตรงยาวหน้าพิตแกรนด์สแตนด์ เจ้ารถสีเพลิงทั้งสองคันเข้าจอดประจำกริดสตาร์ทเรียบร้อยแล้ว ทีมวิศวกรในชุดสีแดงต่างรุมล้อมอยู่รอบๆรถเพื่อเตรียมพร้อมพวกมันเป็นครั้งสุดท้าย

บรรดาเซเลปต่างเดินกันเต็มแทรค มีทั้งคนใหญ่คนโตมหาเศรษฐีของประเทศนี้ มีทั้งดารานักร้องชื่อดังที่มาจากทั่วโลก ยิ่งยาสมารีน่าเป็นสนามสุดท้ายของเอฟวันปีนี้ เซเลปจึงยิ่งมากันแน่นขนัด

เขาไม่ได้สนใจพวกนั้นมากนัก ส่วนใหญ่ก็มาถ่ายรูปกับรถกับนักแข่งชื่อดังหรือมาหาคอนแท็คทางธุรกิจก็ยังมี เพราะคนที่จะมาเดินอยู่ในนี้ได้อย่างน้อยก็ต้องจ่ายค่าบัตรเป็นแสน

ร่างโปร่งบางยืนอยู่ท่ามกลางเพื่อนร่วมทีม บางคนก้มลงไปดูอุณหภูมิยาง บางคนเช็คข้อมูลจากคอมพิวเตอร์ กลุ่มก้อนสีแดงของพวกเขายังคงเด่นสะดุดตาอยู่เสมอไม่ว่าจะมองจากที่ไหน แดงทั้งรถแดงทั้งคน แดงแม้แต่เชือกกั้นเพื่อกันคนนอกเข้ามาวุ่นวายกับรถมากเกินไป

ดวงตาภายใต้กรอบแว่นยังคงจับจ้องอยู่ที่เจ้าม้าสีเพลิงของตัวเอง แต่เขาก็พอจะรู้ตัวอยู่หรอกว่าถูกแอบถ่ายรูปไปไม่ใช่น้อย แสงแฟลชระยิบระยับอยู่รอบๆตัว นี่คงจะเป็นความต่างหลังจากที่เขาไปสร้างชื่อลือกระฉ่อนกลับมาจาก Moto GP ก่อนหน้านี้ไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นใคร จึงไม่มีใครสนใจวิศวกรตัวเล็กๆที่เดินไปเดินมาอยู่ในพิตม้าลำพองอย่างเขานัก แต่ตอนนี้...มันไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว...


เซียวจ้าน...กลายเป็นชื่อที่คนในวงการมอเตอร์สปอร์ตทุกคนต้องรู้จัก

เซียวจ้าน...กลายเป็นชื่อของวิศวกรออกแบบรถมือหนึ่งของวงการฟอร์มูล่าวันที่ทุกทีมต่างก็ต้องการตัว

และเซียวจ้าน...ก็กลายเป็นชื่อของดีไซน์เนอร์เครื่องหมายการค้าของเฟอร์รารี่โดยสมบูรณ์


สมใจเจ้าซีอีโอปีศาจนั่นแล้วสินะ! แบบนี้คงขยายวงขายรถไปได้อีกไกล!

เขายู่หน้าเมื่อนึกถึงรอยยิ้มน่าหมั่นไส้บนใบหน้าหยิ่งทระนงของเจ้าครูเทโอ้ ก่อนจะหันมาสนใจงานของตัวเองต่อไปโดยพยายามทำใจกับแสงแฟลชที่ยังคงกระพริบอยู่รอบๆตัว เดี๋ยวจะขอขึ้นเงินเดือนมันซะให้เข็ดเลยคอยดู!

พิธีเปิดกำลังจะเริ่มขึ้น นักขับถูกเรียกไปเข้าแถวที่เส้นสตาร์ทด้านหน้า นักร้องร้องเพลงชาติสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์โดยไร้ดนตรี เสียงนั้นก้องกังวานไปทั่วสนามและเมื่อเพลงชาติจบลง...เสียงเครื่องบินก็ดังระฟ้ามาแต่ไกล

เขาแหงนหน้ามองเครื่องบิน Boeing 787 Dreamliner ที่บินนำหน้าก่อนจะตามมาด้วย Airbus A380 นกยักษ์ขนาดใหญ่ที่สุดในโลกซึ่งใต้ปีกของมันยังมี The Al Fursan ทีมเครื่องบินเจ็ต Aermacchi MB-339NAT ของกองทัพอากาศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์อีก 7 ลำบินไล่เรียงเป็นรูปหัวลูกศร ผงสีประจำชาติถูกเทออกมาจากเครื่องบินเจ็ตทั้งเจ็ดลำ บนฟากฟ้าเวลานี้จึงเหมือนมีธงชาติสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ขนาดใหญ่พาดผ่านไปตามแทรคหน้าพิตแกรนสแตนด์

ไม่ว่าใครที่อยู่ในสนามก็ต้องแหงนหน้ามอง ช่างเป็นพิธีเปิดที่อลังการงานสร้างสมกับที่สายการบินเอติฮัดแอร์ไลน์เป็นสปอนเซอร์เสียจริงๆ

เขามองตามเครื่องบินเหล่านั้นไป หาได้ยากที่ Airbus จะบินต่ำให้เห็นขนาดนี้แถมลวดลายทั่วทั้งลำยังทำมาเป็นพิเศษเพื่อการแข่งขันเอฟวันสนามนี้ด้วย เสียงแหวกอากาศและความเร็วของมันไม่ต่างไปจากเจ้ารถฟอร์มูล่าวันที่จอดเรียงกันด้านล่างเลย

น่าแปลกที่เสียงเหล่านั้นทำให้จิตใจของเขาสงบลงเหมือนถูกตัดขาดจากความกังวลไปชั่วคราว เสียงที่สับสนวุ่นวายในหัวถูกเสียงของเครื่องบินทั้ง 9 ลำทำให้เหลือเพียงเสียงเดียวที่ได้ยิน...นั่นก็คือเสียงของ SF1000ทั้งสองคันของเขา






เครื่องยนต์ วี6 เทอร์โบชาร์จ 900 แรงม้าทั้ง 20 เครื่องกำลังส่งเสียงดังกระหึ่มอยู่ในขณะนี้ แทรคที่เคยคลาคล่ำไปด้วยลูกทีมและเซเลปต่างถูกเคลียร์จนเหลือเพียงรถฟอร์มูล่าวันแค่ 20 คัน และฝูงม้าหลากสีพวกนั้นก็กำลังลงวิ่งในรอบอุ่นเครื่องหรือ Formation Lap

พวกลูกทีมอย่างเขามีเวลาเพียงน้อยนิดที่จะวิ่งจากแทรคกลับมาประจำการในพิตการาจเพราะหนึ่งรอบสนาม 5.55 กิโลเมตร รถสูตรหนึ่งของพวกเขาใช้เวลาวิ่งแค่ 1.40 นาทีเท่านั้น ทั้งผ้านวมอุ่นยาง ทั้งรถเข็นสีแดงใส่อุปกรณ์ไม่ว่าจะคอมพิวเตอร์หรือเครื่องมือช่างถูกเข็นกลับเข้าพิตอย่างเร็วรี่ นอกจากจะสไลด์พวกมันเก็บๆไว้สักที่แล้วยังต้องวิ่งกลับมาประจำหลังมอนิเตอร์ของตัวเองอีก เป็นทีมแข่งรถเอฟวันก็ไม่ง่ายนักหรอกนะ!

รถทั้ง 20 คันวิ่งกลับมาจอดยังกริดสตาร์ทของตัวเองอีกครั้ง คะชู คิโยมิตสึเป็นจ่าฝูงของสนามนี้ก่อนจะตามมาด้วยสเลน ทรอยยาร์ด การสตาร์ทกำลังจะเริ่มขึ้นในไม่กี่อึดใจ อะดรีนะลีนหลั่งไหลทุกครั้งที่สัญญาณไฟแดงค่อยๆติดขึ้นมาทีละดวง...ทีละดวง...

ไฟสีแดงดวงสุดท้ายติดขึ้นมาก่อนทั้งห้าดวงจะดับลงในชั่วพริบตา

พรึ่บ!!

ฝ่าเท้าทั้ง 20 ข้างต่างก็เหยียบคันเร่งทันที!

รถทั้ง20คันโผทะยานออกไปอย่างมืดฟ้ามัวดิน ในพิตม้าลำพองต่างไม่มีใครหายใจแล้วเวลานี้ ดวงตาต่างจับจ้องไปที่ผู้นำฝูงม้าอย่างรถสีแดงสองคันที่อยู่ข้างหน้า

“เยส!!!”   เสียงตะโกนอย่างสะใจดังลั่นพิต พวกเขากลับมาหายใจได้อีกครั้งเมื่อคะชู คิโยมิตสึยังนำอยู่!

SF1000 Raspberry ออกสตาร์ทได้ดีมาก มันชู๊ตตัวออกนำอย่างไม่สนใจใคร และเพราะแบบนั้น SF1000 SLAINE ที่อยู่ใน Dirty lineจึงรีบขยับมาขับตามหลังคะชูทันที!

สลิปสตรีมจากคันหน้าช่วยดึงเจ้าม้าคันที่สองไปด้วยกัน พวกมันพุ่งทะยานทะลุโค้งแรกออกมาได้สำเร็จ!

นักออกแบบรถมือหนึ่งของเฟอร์รารี่กำหมัดขึ้นมาอย่างดีใจ ดวงตายังคงจับจ้องอยู่ที่รถทั้งสองคันไม่ละไปไหน อาจจะเป็นเพราะการมีอยู่ของเขาทำให้ทีมแอโร่ไดนามิกปรับแต่งกันอย่างมั่นใจและมันก็ส่งผลต่อนักขับทั้งคู่อย่างเห็นได้ชัด เพราะเจ้าเด็กสองคนนั้นมั่นใจในตัวรถถึงได้กล้าเหยียบกระจายอย่างที่เห็น

305 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในทางตรงเป็นความดีความชอบของแผนกเครื่องยนต์ ส่วนตอนเข้าโค้งความเร็วที่แทบไม่ตกนั้นเป็นผลงานของทีมแอโร่ไดนามิก! วันนี้รถของพวกเขาสมเป็นม้าพยศจริงๆ!

แต่ใบหน้ามนก็กระหยิ่มยิ้มย่องได้ไม่เท่าไหร่ เสียงที่ดังมาตามวิทยุสื่อสารก็ทำให้รอยยิ้มแทบจะหายไปจากใบหน้า

“มีอุบัติเหตุที่โค้ง 8 คิโยมิตสึระวังด้วย!

“มีอุบัติเหตุที่โค้ง 8 สเลนระวังด้วย!

ศิษย์พี่และเอเลนบอกนักขับของตัวเองแทบจะพร้อมๆกัน สัญญาณธงเหลืองโบกสะบัดไปทั่วสนาม

“อ๊า!!!! บ้าเอ้ย! จะให้หลบไปทางไหนเนี่ย?! –ติ๊ด-  - ติ๊ด-  -ติ๊ด-”   เสียงสบถดังมาจากรถของคะชูจนทีมงานต้องเซ็นเซอร์คำพูด เจ้าเด็กจากแดนอาทิตย์อุทัยแจกฟักทั้งไร่ให้เศษซากรถที่กระจายเต็มแทรคด้วยอารมณ์ที่กำลังร้อนระอุเพราะหลบไม่ทันแล้ว SF1000 Raspberryเหยียบเศษไฟเบอร์คาร์บอนที่หลุดออกมาจากชิ้นส่วนรถที่เกิดอุบัติเหตุเข้าไปเต็มๆ

“-ติ๊ด- -ติ๊ด- ชั้นน่าเหยียบอะไรไม่รู้ รถเสียหายหรือเปล่า? เช็คให้ที”   เสียงที่ขาดๆหายๆเพราะพูดอยู่ในหมวกกันน็อคอีกทั้งยังมีลมปะทะทำให้คนทั้งพิตตื่นตัว เขารีบมองจอมอนิเตอร์ทั้งหมดที่เชื่อมต่อข้อมูลจากรถทันที ทีมออกแบบรถของเขาช่วยกันเช็คภายในไม่กี่วินาที

“แชสซี โอเค”   เขารายงานไปยังพิตวอลล์เพื่อให้ศิษย์พี่รายงานคะชูต่อ

“เครื่องยนต์กับระบบหล่อเย็น โอเค”   มีเสียงรายงานต่อกันมาไม่ขาดสาย

“คิโยมิตสึ รถนายโอเค ขับต่อไป ไม่มีอะไรเสียหาย”   ศิษย์พี่บอกต่อไปยังคะชู พวกเขาถอนหายใจแทบจะพร้อมๆกัน เจ้ารถสีเพลิงนั่นจึงกลับมากดเวลาเต็มที่เหมือนเดิม


ตัวรถน่ะไม่เสียหาย ทว่า...




“โอ้มายก้อด!!! เกิดอะไรขึ้นกับรถของคะชู คิโยมิตสึผู้นำ? ตอนนี้โดนสเลนแซงไปแล้ว โอ้ไม่~ ไม่ๆๆ อันดับกำลังตกลงไปเรื่อยๆแล้วครับ”

เสียงผู้บรรยายภาคสนามดังไปทั่วและตอนนี้ความเครียดก็กลับมาเยือนพิตสีแดงอีกครั้ง



“พระเจ้า ยางแตกครับ! รถของคะชูยางแตกครับ! โอ้ตายๆ ม้าลำพองแย่แล้วครับงานนี้!”  





ภาพรีเพลย์ที่ขึ้นอยู่ในหน้าจอทำให้หัวใจแทบแหลกสลาย ยางหน้าซ้ายที่วิ่งอยู่ดีๆก็ค่อยๆปริในชั่วพริบตา มันค่อยๆฉีกออกเป็นเส้นๆก่อนจะระเบิดบึ้บไปทั้งอัน เจ้ารถสีเพลิงคันนั้นจึงเสียการทรงตัวทันที!

เอี๊ยด!!!

รถของคะชูแหกโค้งลงบ่อหญ้าจนฝุ่นตลบ หัวใจของพวกเขาหล่นลงไปถึงตาตุ่ม ได้แต่มองภาพในหน้าจออย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา สงสัยว่ายางข้างนั้นน่าจะไปเหยียบเศษไฟเบอร์คาร์บอนซึ่งคมมากๆเข้า

เอี๊ยด!!

ยังดีที่ฝีมือของคะชูไม่ธรรมดาจึงดึงรถกลับมาก่อนที่จะฟาดกำแพงไปแบบเส้นยาแดงผ่าแปด!



“คิโยมิตสึ! นายโอเคไหม?”   ศิษย์พี่รีบถามไปทางวิทยุทันที

“ชั้นโอเค...”   น้ำเสียงจากปลายสายยังมีแววตระหนกน้อยๆ แหงละ รถปกติยางแตกยังอันตรายแทบแย่ แล้วนี่มันรถฟอร์มูล่าวันที่วิ่งกันด้วยความเร็ว300กิโลเมตรต่อชั่วโมงนะ! เกือบตายไปแล้วไหมล่ะเจ้าเด็กนั่น!

“รถยังขับต่อได้ไหม?”   ศิษย์พี่ถามสภาพรถต่อ ตอนนี้คนทั้งพิตวิญญาณหลุดออกจากร่างไปครึ่งตัวแล้ว

“ขับได้ ชั้นจะประคองกลับพิต”   คะชูตอบกลับมา หัวจิตหัวใจของพวกนักขับเอฟวันนี่ต้องแข็งแกร่งขนาดไหน เมื่อกี้เพิ่งจะไปเคาะประตูบ้านยมบาลมาหยกๆแต่ตอนนี้กลับยังขับรถได้หน้าตาเฉย

Box Box Box”   เสียงเรียกเข้าพิตดังลั่นหูฟัง ประชากรม้าแดงต่างกระชากคอวิญญาณที่กำลังจะออกจากร่างให้มันกลับเข้ามาก่อน ทีม pit crew ของ SF1000 Raspberry ต่างวิ่งไปหยิบยางและอุปกรณ์ของตัวเองเพื่อเตรียมเปลี่ยนให้คะชู

ตอนนี้มีแต่ต้องลุ้นให้คะชูลากยางที่แตกเอารถกลับมาให้ถึงพิต อย่าได้มีอันเป็นไประหว่างทางเด็ดขาด!

อ๊ากกกก ตอนนี้เขาแทบจะลงไปกราบไหว้ฟ้าดินขอพรต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้รู้แล้วรู้รอด ขอให้คะชูกลับมาถึงพิตอย่างปลอดภัยที~~!

“ปีกหน้าไม่ไหวแล้ว!”    เสียงตื่นๆของคะชูรายงานมาตามวิทยุสื่อสาร ทีมวิศวกรทั้งหลายเลยหันไปจับจ้องที่กล้องออนบอร์ดของรถ เป็นเพราะยางหน้าแตกไปข้างหนึ่งทำให้บาลานซ์ด้านหน้าเสียสมดุลไป ปีกหน้าข้างนั้นจึงครูดกับพื้นจนเกิดประกายไฟแล่บมาตลอดทาง

โอยๆๆ แค่เห็นก็เจ็บปวดแล้ว~

“เตรียมเปลี่ยนปีกหน้าด้วย”   เขาพูดใส่ไมค์และนั่นก็ทำให้ pit crew อีกสองชีวิตต้องรีบไปเตรียมปีกหน้า  ตอนนี้ทั้งทีมต่างยกมือขึ้นสวดภาวนาให้เจ้ารถสีเพลิงนั่นกลับมาถึงพิตโดยไม่มีชิ้นส่วนหลุดไปมากกว่านี้!


ทันทีที่มองเห็นหน้ารถสีแดงค่อยๆวิ่งเข้าพิตเลนมาพวกเขาก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก ในที่สุด SF1000 Raspberry ก็กลับมาถึงพิตสักที!


พวกเขาเปลี่ยนยางและปีกหน้าโดยใช้เวลาถึง 6 วินาที ยางข้างที่แตกทำให้ยิงน็อตยากจนต้องปลุกปล้ำกันอยู่นาน

แล้วเจ้าม้าสีเพลิงก็กลับไปโล้ดแล่นอีกครั้ง ยางฮาร์ดที่หนาที่สุดถูกใส่ให้คะชู รถคันนี้จะไม่เข้าพิตอีก


“วิ่งยาวเลยคิโยมิตสึ”   ศิษย์พี่บอกกับคะชู

“คร้าบ~


ตอนนี้อันดับของคะชูตกลงไปจนอยู่รั้งท้าย ยังดีที่เศษซากซึ่งกระจายเต็มแทรคนั่นทำให้เกิดเซฟตี้คาร์ รถทุกคันจะขยับมาขับเรียงกันตามหลังรถเซฟตี้คาร์เพื่อให้เจ้าหน้าที่ในสนามเคลียร์รถที่เกิดอุบัติเหตุกับเศษชิ้นส่วนที่อาจจะทำให้เกิดอันตราย หลังจากเคลียร์แทรคเสร็จค่อยรีสตาร์ทเริ่มแข่งกันใหม่ เพราะงั้นระยะห่างที่รถเคยทำเอาไว้ได้จึงถูกบีบลงมา ถึงคะชูจะอยู่อันดับท้ายแต่ก็มีโอกาสจะแซงคืนได้ไม่ยากเย็นนัก







“เซฟตี้คาร์จะเข้ารอบนี้”    วิศวกรสนามต่างรายงานนักขับของตัวเอง

เลือดในกายร้อนขึ้นมาอีกครั้ง การรีสตาร์ทตามหลังเซฟตี้คาร์แบบนี้จะขึ้นอยู่ที่ผู้นำฝูงม้าเพียงคันเดียว สายตาทุกคู่จึงหันไปจับจ้อง SF1000 SLAINE เป็นตาเดียว

เพราะหลังจากไม่มีเซฟตี้คาร์วิ่งนำหน้าแล้ว สเลนก็คือผู้กำหนดชะตารถทุกคันในสนาม!

กฎคือรถที่วิ่งอยู่ข้างหลังห้ามแซงกันจนกว่าจะผ่านเส้นสตาร์ท แต่ก่อนจะวิ่งมาถึงเส้นนี้ รถคันนำก็สามารถกำหนดจังหวะของตัวเองได้ จะขับส่ายนวดยางไปมาก่อนจะจมคันเร่งแทบมิดโดยไม่บอกใครแบบที่สเลนทำอยู่ตอนนี้ก็ได้!

และเพราะคันข้างหลังไม่ทันรู้ตัว SF1000 SLAINE จึงพุ่งนำออกไปทิ้งห่างหลายวินาที รถทั้ง 17 คันที่ตามอยู่รีบเหยียบคันเร่งตามทันที จังหวะรีสตาร์ทที่แสนอันตรายจึงเริ่มขึ้น

รถข้างหลังต่างช่วงชิงตำแหน่งกันอย่างดุเดือด รถทั้งหมดพยายามแซงกันอย่างไม่มีใครยอมใคร การรีสตาร์ทก็น่ากลัวไม่ต่างจากตอนเริ่มเรซ เพราะงั้นตอนนี้คนในพิตจึงแทบจะท่องบทสวดออกมาเสียให้ได้ คะชู! นายห้ามไปติดร่างแหในอุบัติเหตุไหนเด็ดขาดนะ!

เอาจริงๆ ทำอาชีพนี้มีอายุกี่ร้อยปีก็ไม่พอหักอายุที่สั้นลงในแต่ละสนามนี่ได้หรอก ลุ้นจนจะบ้าตายอยู่แล้วเนี่ย!

รถเริ่มยืดระยะออกไปเรื่อยๆเมื่อผ่านไปอีกสองสามรอบ และตอนนี้คะชูก็กำลังไล่แซงขึ้นมาอย่างบ้าระห่ำ จากอันดับ 18 ตอนนี้อยู่ที่13แล้ว

เขาไม่ทันสังเกตเลยว่าแสงแดดสีส้มค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีดำตั้งแต่เมื่อไหร่ ไฟในสนามสว่างจ้าขึ้นมาแทนพระอาทิตย์ การแข่งขันผ่านไป 25รอบได้ ถึงพิตวินโดว์ที่จะเปลี่ยนยางกันแล้ว

รถคันข้างหน้าต่างเข้าพิตไปเปลี่ยนยาง อันดับของคะชูจึงขยับขึ้นเรื่อยๆจนมาอยู่ที่ 7

พวกทีมวางแผนกำลังคำนวณเวลาก่อนจะสั่งให้คะชูไล่กวดให้มากกว่านี้อีก เพื่อให้หลังจากที่รถกลุ่มนำเข้าพิตแล้วออกมา คะชูจะอยู่หน้าพวกนั้น!

“กดขนาดนี้หวังว่ายางผมจะไม่แตกอีกรอบนะครับ?”   เจ้าเด็กแสบบ่นเง้างอดกลับมา

“เอาน่า เห็นท่าไม่ดีค่อยเข้าพิตอีกรอบก็ได้ แต่ตอนนี้ทำตามแผนก่อน”   ถึงจะพูดไปแบบนั้นแต่พวกเขาก็รู้ว่าการเข้าพิตอีกรอบไม่จำเป็นสำหรับคะชู อย่าลืมว่าสนามนี้เข้าทางเจ้าเด็กนั่นมากอีกทั้งคะชูยังขับถนอมยางได้ดีมากด้วย

รอบที่28ผ่านไป ทีมเมอร์ซิเดสก็ตัดสินใจอันเดอร์คัทพวกเขา เจ้าลูกศรสีเงินนั่นเลี้ยวเข้าพิตไปก่อนหลังจากไล่บี้สเลนมาตั้งแต่รอบแรก

พวกเขาต่างจ้องจอมอนิเตอร์กันตาไม่กระพริบ จุดสีแดงของสเลนนั้นขับผ่านไปนานแล้วแต่ที่พวกกำลังลุ้นกันอยู่นั้นก็คือจุดสีแดงของคะชูกับจุดสีเขียวของเมอร์ซิเดสที่กำลังอยู่ในพิตต่างหาก  จุดสีแดงนั่นกำลังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เรื่อยๆ ส่วนจุดสีเขียวก็กำลังเคลื่อนที่ออกมาจากพิตช้าๆตามลิมิตของพิตเลน

ต้องแซงให้ได้...ต้องลุ้นให้คะชูแซงให้ได้

แล้วแผนของทีมวางแผนก็บรรลุผล ในที่สุดจุดสีแดงของคะชูก็วิ่งผ่านปากทางออกพิตในขณะที่จุดสีเขียวกำลังออกมาพอดี!

“กรี๊ด!!”   ใครกรี๊ดไม่รู้แหละแต่พวกเขากำลังดีใจกันยกใหญ่ คะชูขึ้นนำเมอร์ซิเดสจนได้! และบอกเลยว่าการออกจากพิตแล้วต้องมาวิ่งตามหลังคะชูนั่นคือหายนะที่แท้จริงของเจ้าซิลเวอร์แอโร่คันนั้น!

สเลนยังคงหลับหูหลับตาเหยียบนำลิ่วๆไม่สนใจใคร ทิ้งดราม่าเอาไว้เบื้องหลัง

รถเมอร์ซิเดสที่ควรจะอันเดอร์คัทได้ผลกลับต้องมาติดแหง่กอยู่หลังคะชู คิโยมิตสึ จะแซงก็แซงไม่ได้เพราะเจ้าม้าสีเพลิงนั่นโยกบังอย่างช่ำชอง ความเร็วที่ควรจะทำได้กลับถูก SF1000 Raspberryสกัดเอาไว้หมด  

“นายต้องดึงเมอร์ซิเดสเอาไว้ ยิ่งผ่านนายได้ช้าเท่าไหร่ยิ่งดี”  นั่นคือแผนที่พวกเขาวางเอาไว้

เพราะในขณะที่รถคะชูกับรถเมอร์ซิเดสยังไล่บี้กันอยู่ครึ่งสนามหลัง  รถของสเลนก็วิ่งเข้าพิตอยู่ในครึ่งสนามแรก และถึงแม้สเลนจะออกจากพิตมาได้ ก็ยังอยู่ในตำแหน่งผู้นำเหมือนเดิม!





ถึงแม้จะพยายามรั้งไว้จนสุดชีวิตแล้วแต่ด้วยยางที่สดใหม่กว่าของทีมเมอร์ซิเดส ในที่สุด SF1000 Raspberry ก็ต้องยอมให้อีกฝ่ายแซงขึ้นไป คะชูก็จะบู๊มากไม่ได้เสียด้วย ยังต้องลากยางที่ใช้มากว่า 20 รอบนี้ไปให้ถึงเส้นชัยในอีก20รอบด้วย!

แต่อย่างน้อยเวลาที่คะชูช่วยดึงไว้ก็ทำให้เมอร์ซิเดสตามหลังสเลนอยู่หลายวินาที ถึงจะพยายามกดเต็มที่จนเข้าใกล้ได้ในอีก 10 กว่ารอบให้หลังแต่ก็ไม่ทำให้สเลน ทรอยยาร์ดรู้สึกกลัว

เจ้าคนที่ขับรถชนทุกอย่างบนถนนทั่วไปนั่นกลับหนักแน่นมากในสนามแข่ง ไม่มีอะไรมาทำให้สเลนวอกแวกได้หากรถเสถียรมากพอ เพราะฉะนั้นสเลนจึงเหมาะจะเป็นไม้สุดท้ายที่สุดในเวลานี้

ถึงแม้จะถูกไล่จี้มาติดๆแต่ SF1000 SLAINE ก็ยังคงหนีต่อไปอย่างไม่สะทกสะท้าน ดวงตาสีมรกตคู่นั้นจ้องมองเพียงแค่ชัยชนะและจะไม่ยอมให้ใครมาแย่งไปเด็ดขาด


อีก 4 รอบเท่านั้น....อีกแค่ 4 รอบเท่านั้น...


ใบหน้าได้รูปภายใต้หมวกกันน็อคถึงกับกัดฟัน รถข้างหลังตามมาจนอยู่ในวินาทีเดียวกันแล้วจึงใช้ DRS หรือการเปิดปีกท้ายที่ใช้ช่วยในการแซงได้ เขาจึงจำเป็นต้องหนี

ต้องหนีสุดชีวิต...

เทอร์โบชาร์ตช่วยเขาหนีได้เป็นอย่างแรก อย่างที่สองก็คือกริ๊บของรถที่ทำให้เขาออกจากโค้งได้ดีมากจนยืดระยะห่างออกไปได้ทุกโค้ง ส่วนนี้ทีมปรับแต่งรถทำมันออกมาได้ดีมากจริงๆ เขามั่นใจทุกครั้งที่เข้าโค้ง เขาไม่มีความลังเลที่จะจมคันเร่ง


สุดท้าย...พวกเขาก็ขาดจ้านจ้านไปไม่ได้ นี่คือสิ่งที่พวกเขาได้รับมาจากเจ้านักออกแบบรถหัวกะทิคนนั้น


ร่างกายภายใต้ชุดหมีสีแดงและหมวกกันน็อคที่มีรูปธงชาติอังกฤษนั้นไม่รู้ร้อนรู้หนาวอีกแล้ว ริมฝีปากแห้งผากแต่ดวงตาก็ยังคงจ้องมองไปข้างหน้า ถึงจะเหนื่อยจนเริ่มตาลายแต่มือบางก็ยังจับพวงมาลัยอย่างมั่นคงต่อไป ไม่ได้มีแต่หัวใจของเขาเท่านั้นที่เต้นแรง

แต่ตอนนี้หัวใจของ Prancing Horse ทั่วโลกก็คงกำลังเต้นกระหน่ำอย่างลุ้นระทึกอยู่เช่นกัน     




ในที่สุด...ธงตาหมากรุกโบกสะบัดอยู่ตรงหน้า

คนที่ขับหนีอย่างกดดันมาทั้งเรซแทบจะเก็บความดีใจเอาไว้ไม่อยู่ สเลน ทรอยยาร์ดถึงกับร้องไห้อยู่ภายใต้หมวกกันน็อค




“เยส!!

“เย้!!!

“ชนะแล้ว!!

“อ๊าก!!!

สารพัดเสียงร้องตะโกนก้องอย่างดีใจดังลั่นอยู่ในพิตม้าลำพอง ลูกทีมในชุดสีแดงต่างกระโดดกอดคอกันยกใหญ่ มันเป็นชัยชนะที่ได้มาอย่างยากเย็นมากๆในปีนี้ พวกเขาถึงได้ยินดีกับมันมากๆ

แชมป์ประเภททีมผู้ผลิตของปีนี้ตกเป็นของเฟอร์รารี่จนได้

นักออกแบบรถมือหนึ่งของทีมยืนมองภาพจากในจอมอนิเตอร์ คะชู คิโยมิตสึได้ที่ 3 กำลังกอดคอ สเลน ทรอยยาร์ดแชมป์สนามนี้อย่างดีใจเมื่อทั้งสองคนออกมาจากรถได้  นักขับทั้งสองคนของเขายอดเยี่ยมมาก อดทนมาก เพราะมันยากที่จะทำตามแผนได้แบบนี้

“ไม่ไปที่โพเดี้ยมเหรอ? เค้าไปกันหมดแล้วนะ”   เสียงของทีมบอสเอ่ยอยู่ข้างหลัง เขายังมองภาพสองนักขับของตนอย่างภาคภูมิใจ

“เดี๋ยวผมจะกลับไปโรงพยาบาลเลยครับ ฝากยินดีกับเจ้าพวกนั้นด้วยแล้วก็อย่าฉลองกันจนเมาเละล่ะ!   ประชากรม้าแดงหายไปจนเกลี้ยงพิตแล้วตอนนี้ คงจะไปรอฉลองชัยตอนรับถ้วยกับเปิดแชมเปญอยู่ที่โพเดี้ยม

“คนที่เมาเละมีแค่นายมากกว่า”   ทีมบอสเอ่ยด้วยรอยยิ้ม

“แหะแหะ”   คนรู้ตัวจึงหัวเราะแห้งๆ

“แล้วก็...คนที่ทำให้พวกเรากลับมาชนะได้ก็มีแค่นายเหมือนกัน เซียวจ้าน”   เมื่ออีกฝ่ายเอ่ยปากชมออกมาตรงๆแบบนี้เขาจึงได้แต่ชะงักไป

“.....เขินเลย”   เขาพยายามหุบยิ้มก่อนจะเอียงคอไปมา

“หึ ชั้นว่าดูจากผลงานในปีนี้แล้ว เจ้าครูเทโอ้คงไม่ยอมปล่อยนายออกไปจากพิตเฟอร์รารี่อีกแน่ๆ ทำใจซะเถอะ ว่านายคงจะไม่ได้ไปหวานชื่นกับหวังอี้ป๋ออีก”   แล้วความจริงข้อนี้ที่บอสพูดออกมาก็ทำให้เขาอ้าปากค้าง

“ง่ะ!    จะว่าไปที่เจ้าซีอีโอหน้าเลือดนั่นส่งเขาไปก็เพื่อจะใช้เรียกลูกค้า แต่ถ้าหมดประโยชน์แล้วเขาก็คงจะถูกขังอยู่ในโรงงานรกนี่แน่ๆ ไม่นะ!!!

“บอส...รับคนขับรถอีกไหม? หรืองานอะไรก็ได้ ผมจะให้อี้ป๋อมาสมัคร จะได้อยู่ในทีมของเรา”

“จะไปโรงพยาบาลก็รีบไปเถอะ”   มือใหญ่ของทีมบอสตบไหล่เขาเบาๆ พลางส่ายหน้า

ร่างสูงใหญ่โบกมือให้แล้วเดินไปโพเดี้ยม

เขาใช้เวลาเก็บของไม่นาน ไม่ถึงยี่สิบนาทีก็ไปโผล่ที่โรงพยาบาลแล้ว









“พี่ไม่ไปฉลองแชมป์กับทีมเหรอ?”   หวังอี้ป๋อทักออกไปด้วยความมึนงงเมื่อเห็นร่างโปร่งบางในชุดสีแดงเดินเข้าห้องมา

เขาดูการแข่งขันผ่านจอทีวีตลอดและก็รู้ว่าทีมเฟอร์รารี่ทำงานกันยอดเยี่ยมขนาดไหน ชัยชนะในสนามนี้สมควรแล้วที่จะได้รับไป เพราะงั้นเขาจึงไม่แปลกใจเลยถ้าคืนนี้ประชากรม้าแดงจะฉลองกันจนลืมทางกลับบ้าน

แต่สิ่งที่ทำให้เขาแปลกใจก็คือ แล้วทำไมเจ้ากระต่ายถึงมายืนอยู่ตรงนี้? ไม่ไปฉลองกับเพื่อนๆเหรอ?

“ไว้ปีหน้าค่อยฉลองก็ได้ ปีนี้อยู่กับนายก่อน”   ....มั่นใจจนน่าหมั่นไส้เชียวนะเจ้ากระต่ายเอ้ย ว่าปีหน้าตนก็ยังจะได้แชมป์น่ะ  เขาส่ายหน้าก่อนจะมองตามร่างโปร่งบางที่เดินไปวางกระเป๋าและถุงใส่แอปเปิ้ลลงบนโต๊ะ

“ไม่ว่าจะปีไหนๆพี่ก็ต้องอยู่กับผมอยู่แล้ว ถ้าอยากเปลี่ยนใจไปฉลองกับเพื่อนก็ไปได้นะครับ”

เจ้ากระต่ายยังคงส่ายหน้า ดีไซน์เนอร์ของเฟอร์รารี่ยังคงง่วนอยู่กับการปอกแอปเปิ้ลเป็นรูปกระต่ายบ้าง สิงโต(?)บ้างโดยไม่มีทีท่าว่าจะลุกไปไหน เขาได้แต่นอนมองอยู่บนเตียงคนไข้อย่างสุขใจ


ในที่สุดเรื่องราวร้ายๆก็คงจะผ่านไปด้วยดีแล้วสินะ?


เขาได้แต่หวังว่าหลังจากนี้พวกเราคงจะมีแต่ความสุขเสียที



.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.

To be con.


ขออภัยที่หายไปนาน555 สะเทือนใจจากรถม้าปีนี้จนอยากหนีความจริงเลยค่ะ โอยยย ก็เลยอู้ไปแต่งฟิคใหม่ซะเลย // โดนตบ



ส่วน GLIDE ก็ขอไปเที่ยวอีกซัก2-3ตอนก็น่าจะจบแล้วนาคะ ยังไม่ได้ไปเมืองจีนจะจบได้ยังงัยยย ฮี่...

ขอบคุณทุกๆการติดตามและทุกๆคอมเม้นต์มากๆน้า อ่านแล้วน้ำตาจะไหลมาก จะคอมเม้นต์รวบยอดตอนเดียวหรือแยกเป็นตอนๆหรืออะไรยังไงก็ได้เลยค่ะ >////< เจอกันตอนหน้าค่า

ปล.มีคนถามเรื่องรวมเล่มมา คุณกวางกำลังคิดอยู่นะ ใจจริงคืออยากทำแหละ อยากเก็บเข้าคอลเลคชั่นของตัวเองด้วย ไหนๆสองภาคก่อนก็ทำเป็นเล่มแล้วอ่ะเนอะเรียงกัน4-5เล่มน่าจะสวยดี อิอิ  GLIDEนี่รวมเล่มคัลเลอร์ฟูลมากค่ะ555 แต่ด้อมป๋อจ้านก็คือดราม่ามหาศาลเหลือเกิน กลัว 555



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น