ป๋อจ้าน Au S.Fic [หวังอี้ป๋อ x เซียวจ้าน] Juunana Sai : 17ฝน : 02


ป๋อจ้าน Au S.Fic [หวังอี้ป๋อ x เซียวจ้าน]   Juunana Sai : 17ฝน  : 02

: ป๋อจ้าน Fanfiction Au
: หวังอี้ป๋อ x เซียวจ้าน
: Period / Romance / Suspense / Mystery / Crime
: NC-17


คำเตือน : เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ
           : เนื้อเรื่องต่อไปนี้เป็นเพียงจินตนาการของผู้เขียน ไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นจริงนะคะ





Concerto Grosso No.1 in D Major ,

Op.6 l.Largo

ประพันธ์โดย Arcangelo Corelli

คือเพลงที่เซริซาว่า จิอากิกำลังบรรเลงอยู่...




ฟูจิวาระ อิตสึกิราวกับถูกตรึงอยู่หน้าประตูอย่างไม่สามารถขยับไปไหนได้ สายตา...ก็ไม่สามารถละจากใบหน้าของเด็กหนุ่มคนนั้นได้เช่นกัน

ดวงตากลมโตคู่นั้นปิดลงจนแพขนตาแนบแก้มใสยามที่ปลายนิ้วขยับไปบนสายไวโอลิน ใบหน้ามนภายใต้กรอบผมสีดำสนิทกำลังดื่มด่ำไปกับเสียงดนตรีจนไม่ได้สนใจการมีอยู่ของเขาเลยสักนิด...น่าแปลก...ที่เขาเองก็ไม่คิดจะเข้าไปขัดจังหวะเช่นกัน

ร่างสูงสง่าในเครื่องแบบตำรวจยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นจนกระทั่งเสียงเพลงจบลง เขามองเห็นรอยยิ้มอ่อนหวานที่คลี่ยิ้มให้ไวโอลินตอนที่มือบางกำลังวางมันลงบนขาตั้ง...เขาไม่รู้เลยว่าอาการแบบนี้เรียกว่าอะไร...หัวใจของเขามันสั่นไหวจนแม้แต่ตัวเองก็ยังควบคุมไม่ได้...

เด็กคนนั้น...ทำอะไรเขากันแน่นะ?


แกร่ก...


เสียงฝ่าเท้าที่ลงน้ำหนักอย่างประหม่าของเขาทำให้คนที่ยืนอยู่ในห้องหันมามองอย่างตกใจ จากใบหน้าที่กำลังยิ้มบางๆกลับขมวดคิ้วขึ้นมาทันทีที่รู้ว่ามีใครแอบมองอยู่

“คุณ....?”    เสียงนุ่มเอ่ยด้วยสีหน้าไม่ไว้ใจเพราะไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร

“ขอโทษที่มารบกวน ผมเป็นตำรวจที่มาสืบสวนคดีการตายของนานาฮาระ ฮิโรกิ ผมมีเรื่องอยากสอบถามคุณหน่อย ขอความร่วมมือด้วยนะครับ”   เขารีบสลัดตัวเองออกจากภวังค์ก่อนจะก้าวขาเดินเข้าไปในห้อง ร่างโปร่งบางในชุดกักกุรันสีดำถอยหลังอย่างหวาดระแวงทันที ท่าทางเหมือนกระต่ายน้อยที่หวาดกลัวต่อเจ้าป่าทำให้เขาลอบยิ้มในใจอย่างนึกเอ็นดู

“..................เชิญ...ครับ.....”    มือบางผายไปที่เก้าอี้อย่างกล้าๆกลัวๆ ตอนนี้ทั้งอาคารเรียนเหลือเพียงพวกเขาสองคน เด็กหนุ่มจะกลัวคนแปลกหน้าอย่างเขาก็คงไม่แปลก

เขาลอบมองเซริซาว่า จิอากิที่ค่อยๆนั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม ถึงจะยังหวาดระแวงแต่เด็กหนุ่มก็มีบุคลิกของคุณชายตามธรรมชาติเพราะถูกปลูกฝังมาตั้งแต่เด็ก ตอนนี้เขารู้แล้วว่าเด็กหนุ่มเป็นใคร เขาใช้เวลาตลอดช่วงบ่ายสืบเรื่องของคุณชายเล็กจากตระกูลเซริซาว่านี่มาพอสมควรทีเดียว

พ่อของเซริซาว่า จิอากิคือเจ้ากรมการคลังคนปัจจุบันของญี่ปุ่น เด็กหนุ่มคนนี้สืบสายเลือดมาจากตระกูลขุนนางเก่าแก่และบรรพบุรุษทุกรุ่นทุกสมัยของตระกูลล้วนเป็นขุนนางข้าราชการระดับสูงทั้งสิ้น

พี่ชายอีกสามคนก็มีตำแหน่งใหญ่โตในกรมต่างๆของรัฐบาลญี่ปุ่นทั้งสิ้น...ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมทุกคนถึงให้สถานะพิเศษกับเด็กหนุ่มคนนี้

เขาลอบมองไฝเม็ดเล็กที่มุมล่างของริมฝีปากสีระเรื่อก่อนจะเริ่มเปิดบทสนทนา

“ผมอยากทราบว่าช่วงเวลาประมาณหนึ่งทุ่มถึงสองทุ่มของเมื่อคืน คุณทำอะไรและอยู่ที่ไหน?”    ถึงเซริซาว่า จิอากิจะมีภาพลักษณ์ที่ต่างจากฆาตกรทั่วไปแต่เขาก็ยังไม่ตัดความเป็นไปได้ที่อีกฝ่ายจะมีส่วนรู้เห็นการฆาตกรรมนานาฮาระ ฮิโรกิออกไป

“....เมื่อคืน...ผมซ้อมไวโอลินอยู่ในห้องนอน...”

“มีใครเป็นพยานได้ไหม?”

“....ไม่มีครับ...ปกติเวลาที่ผมสีไวโอลิน...ประธานนักเรียนจะไม่มาเช็คชื่อ”   ใบหน้ามนตอบพลางขมวดคิ้วน้อยๆ ใบหน้าที่ดูกังวลใจนั่นกลับมีเสน่ห์เหลือร้ายเลยจริงๆ...ถ้าคุณเป็นผู้ชาย...แล้วได้เห็นใบหน้าน่ารังแกแบบนี้ของเซริซาว่า จิอากิ ร้อยทั้งร้อยไม่มีทางต้านไหว...และเขาเองก็เป็นผู้ชาย...

เขากัดปากตัวเองเบาๆ พยายามมีสมาธิอยู่กับงานตรงหน้า   “คุณรู้จักกับนานาฮาระ ฮิโรกิหรือเปล่า? เคยพูดคุยหรือมีเรื่องผิดใจกันบ้างไหม?”  

“....ผม...ไม่รู้จักพวกนั้นหรอก”    พวกนั้น? เขาถามถึงนานาฮาระคนเดียวแต่อีกฝ่ายกลับหมายถึงทั้งกลุ่มห้าคน? ทำไมเขาถึงรู้สึกว่า เซริซาว่า จิอากิอาจจะมีความขัดแย้งบางอย่างกับกลุ่มเด็กห้าคนนั้นอยู่?

“คุณเรียนอยู่ห้องเดียวกันหรือเปล่า?”

“เปล่า...เรียนชั้นปีเดียวกัน แต่คนละห้องครับ...”   เขาจดทุกคำพูดของอีกฝ่ายลงไปในสมุดบันทึก และเมื่อเงยหน้าขึ้นมา

“คุณ...สงสัยผมอยู่เหรอครับ?”   คุณชายเล็กตระกูลเซริซาว่าถามออกมาอย่างกังวล ท่าทางของเด็กหนุ่มทำให้เขาสับสนพอสมควร เขาคิดมาตลอดว่าเซริซาว่า จิอากิน่าจะหยิ่งผยองพอๆกับพวกกลุ่มเด็กห้าคนนั่น แต่มันกลับตรงข้ามทุกอย่าง

เด็กคนนี้มีความอ่อนโยนไม่สู้คนแฝงอยู่ ถึงแม้จะพยายามปิดกั้นมันไว้ด้วยการเว้นระยะห่างจากคนอื่นๆก็ตาม

“ตราบใดที่ยังหาตัวคนร้ายไม่ได้ ผมมีหน้าที่ต้องสงสัยทุกคนไว้ก่อน”    เขาตอบอย่างไม่พยายามกดดันอีกฝ่ายมากนัก บุคลิกของเซริซาว่า จิอากิทำให้แม้แต่คนเย็นชาแข็งกระด้างอย่างเขายังต้องอ่อนให้ น่าประหลาดใจจริงๆ

“.......ครับ”

“คุณ...พอจะนึกอะไรออกบ้างไหม? อย่างเช่นได้ยินเสียงอะไรแปลกๆ หรือเห็นอะไรแปลกๆ เพราะห้องของคุณค่อนข้างใกล้กับห้องน้ำทีเดียว”

“........ผมไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย....แต่เรื่องแปลกๆอย่างอื่นก็.....”   ใบหน้ามนเหมือนกำลังนึกอะไรบางอย่างอยู่

“ผมไม่แน่ใจว่าตาฝาดไปเองหรือเปล่า...แต่ตอนที่ผมกำลังเก็บไวโอลิน...ผมเห็นเงาคนวิ่งไปทางป่าสนหลังโรงเรียน...แต่ผมคิดว่าอาจจะเป็นสัตว์ป่าก็ได้ เพราะดึกขนาดนี้ไม่น่าจะมีใครเข้าไปในป่านั่น”   คำให้การของเซริซาว่า จิอากิทำให้เขาประหลาดใจ เพราะคิดมาตลอดว่าคนร้ายน่าจะเป็นคนในโรงเรียนซึ่งทุกคนล้วนพักอยู่ในหอพักของโรงเรียนไม่ว่าจะเป็นนักเรียน ครูอาจารย์ หรือแม้แต่เจ้าหน้าที่อย่างแม่บ้าน ภารโรง

เขาคิดมาตลอดว่าพอก่อเหตุแล้วคนร้ายน่าจะกลับเข้ามาที่หอพัก ไม่น่าจะวิ่งไปที่ป่าซึ่งน่ากลัวมากในตอนกลางคืน...

“ถ้าคุณนึกอะไรออกอีกก็แจ้งผมนะครับ”

“ครับ...”

เขาลุกขึ้นยืนเพื่อบ่งบอกว่าการสอบปากคำสิ้นสุดลงแล้ว ถึงจะยังสรุปอะไรไม่ได้และไม่มีหลักฐานเพียงพอว่าใครฆ่านานาฮาระ แต่เขาก็มีประเด็นใหม่และคงต้องส่งคนไปค้นที่ป่าสนหลังโรงเรียนด้วย

“คุณชอบเพลงของ Arcangelo Corelli เหรอครับ?”   เขาหยุดยืนอยู่หน้าไวโอลินแล้วถามออกไป

“คุณรู้จักด้วยเหรอครับ?”   เซริซาว่า จิอากิเปลี่ยนสีหน้าจากเมื่อกี้ทันที จากใบหน้าที่เคยกังวลมาตลอดกลับมีประกายแห่งความดีใจแฝงอยู่ในดวงตาคู่โตเมื่อพบคนที่รู้จักเพลงที่ตนบรรเลง

“ผมเคยฟังมาบ้าง”   เขาละสายตาจากไวโอลินก่อนจะย้ายไปมองหน้าเด็กหนุ่ม แล้วรอยยิ้มหวานๆที่อีกฝ่ายยิ้มให้เขาก็ทำเอาแทบหยุดหายใจ เขามองใบหน้ามนนั่นราวกับถูกสะกดไว้

“ผมชอบเพลงของเขาครับ ดีใจที่คุณฟังออก ผมยังเล่นไม่เก่งนัก”   ดูท่าว่าหากเขาอยากหาเรื่องมาคุยกับเซริซาว่า จิอากิผู้โดดเดี่ยวและไม่ชอบสุงสิงกับใคร เขาคงต้องเริ่มด้วยเรื่องของดนตรีสินะ

“ฟังออกสิครับ คุณเล่นเก่งออก”    ใบหน้ามนก้มหน้ายิ้มอย่างเขินอายเมื่อถูกชม บ้าจริง แล้วทำไมใจเขาถึงต้องเต้นกระหน่ำขนาดนี้ด้วย

ฟูจิวาระ อิตสึกินายต้องตั้งสติไว้ ตอนนี้พวกเราเป็นตำรวจกับผู้ต้องสงสัย จะปล่อยให้เกิดความรู้สึกอื่นจนเสียรูปคดีไม่ได้

“ถ้าอย่างงั้น...ผมขอตัวก่อนนะครับ”   เขาล่ำลาก่อนจะเดินจากมา ใบหน้างดงามยังคงวนเวียนอยู่ในหัวมิรู้ลืม...เกิดอะไรขึ้นกับตัวเขากันแน่เนี่ย?...








ฟูจิวาระ อิตสึกินั่งลงชื่อในเอกสารอยู่ที่โต๊ะทำงานของสารวัตรตำรวจประจำสถานีมัตสึโมโตะ

เรื่องคดีของนานาฮาระ ฮิโรกิเองก็ยังไม่มีความคืบหน้า เขาให้ตำรวจไปค้นทั่วทั้งหอพักแต่ก็ไม่เจออะไรน่าสงสัย จนกระทั่งหลังจากสอบปากคำ เซริซาว่า จิอากิ เขาจึงให้ลูกน้องไปลองค้นที่ป่าสนหลังโรงเรียน...จึงได้พบกับอาวุธที่ใช้สังหารเข้า

ก้อนหินแม่น้ำขนาดเท่าฝ่ามือถูกทิ้งเอาไว้ เลือดที่เลอะไปทั่วทั้งก้อนแทบไม่ต้องสืบเลยว่าเป็นเลือดของใคร อีกทั้งรอยทุบบนตัวนานาฮาระยังตรงกับขนาดของก้อนหินนี่ทุกรอย...

ดูท่าทางสมมติฐานว่าผู้ร้ายอาจจะเป็นคนในโรงเรียนคงต้องขยายขอบเขตไปมากกว่านั้นเสียแล้ว

เขาปิดแฟ้มก่อนจะถอนหายใจ แต่แล้วเสียงโวยวายที่ดังอยู่นอกห้องก็ทำให้ใบหน้าหล่อเหลาหันไปมอง

ชายวัยกลางคนในชุดจินเบสีเทาตุ่นๆวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาแจ้งต่อนายตำรวจที่นั่งอยู่หน้าสถานี แต่ด้วยเสียงที่ดังขนาดนั้นทำให้เขาได้ยินไปด้วย ร่างสูงสง่าลุกขึ้นก่อนจะเดินไปดู

“เกิดเรื่องแล้วครับคุณตำรวจ!!”   ชายคนนั้นพูดด้วยน้ำเสียงร้อนลน เหงื่อกาฬไหลเต็มหน้าทั้งๆที่อยู่ในช่วงอากาศเย็นสบาย

เขาจำได้ดี...ว่าชายคนนี้คือภารโรงของโรงเรียนไคจินั่นเอง









ทั้งๆที่คิดว่าเขาคงจะไม่ต้องกลับมาที่โรงเรียนไคจิในเวลาอันใกล้ ที่ไหนได้ผ่านไปยังไม่ทันจะพ้นอาทิตย์ ฟิล์มที่ถูกส่งไปล้างยังไม่ทันจะได้คืน สารวัตรหนุ่มก็ต้องกลับมาเยือนโรงเรียนประจำชายล้วนนี่อีกจนได้!

ปั่บ!

กล้องถ่ายรูปที่ล้ำสมัยที่สุดในปีไทโชที่2ต้องทำหน้าที่ของมันต่อไป

มือใหญ่ถึงกับต้องยกขึ้นมาปิดปากกับภาพน่าสะอิดสะเอียนซึ่งกล้องกำลังบันทึกลงแผ่นฟิล์ม เขาเป็นตำรวจมา5ปีไม่เคยเจอสถานที่เกิดเหตุที่สยดสยองขนาดนี้มาก่อน

คดีฆาตกรรมรายที่สองในโรงเรียนไคจิเพิ่งเกิดขึ้นสดๆร้อนๆในคืนที่ผ่านมา


โชโงะ อัย ถูกฆ่าตายอยู่ที่ริมแม่น้ำข้างๆโรงเรียน


เขาแหงนหน้ามองเวิ้งน้ำที่ถูกล้อมรอบไปด้วยหุบเขาที่มีปลายยอดสีขาวเพราะปกคลุมไปด้วยหิมะตลอดทั้งปี แม่น้ำอาสึซะเป็นแม่น้ำตื้นๆที่ไหลรวยรินคดเคี้ยวไปมา น้ำที่ลึกเพียง10-20ซม.นั้นใสจนมองเห็นก้อนกรวดเบื้องล่าง ทิวทัศน์ของที่นี่ช่างงดงามตระการตา ถ้าไม่ติดที่ว่าจุดหนึ่งบนโค้งน้ำนั้นมันมีสิ่งที่ไม่เข้ากับที่นี่อยู่

เลือดสีแดงสดสาดกระจายออกมาจากลำคอเล็กๆของเด็กหนุ่มจนก้อนกรวดรอบบริเวณต่างถูกย้อมไปด้วยสีแห่งชีวิต...ตรงนี้คือสถานที่แรกที่โชโงะ อัยถูกฆ่าอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ที่เขาไม่เข้าใจคือเด็กหนุ่มออกมาทำอะไรที่นี่ในยามวิกาล มันไกลจากหอพักอยู่พอสมควร แล้วตอนกลางคืนก็คงจะทั้งมืดทั้งน่ากลัว ถ้าไม่มีเรื่องจำเป็นจริงๆก็คงไม่มีใครอยากมา

อันที่จริงบาดแผลที่เกิดจากฝีมือคนร้ายบนร่างกายของโชโงะ อัยมีแค่รอยปาดคอนั่นรอยเดียว แต่สิ่งที่ทำให้สภาพศพดูสยดสยองก็คือร่างกายของเด็กหนุ่มถูกสัตว์กัดแทะจนท่อนแขน ท่อนขา ลำตัวและบางส่วนของใบหน้าแหว่งวิ่น เขาไม่รู้ว่าผู้ร้ายจงใจหรือยังไง แต่บอกได้เลยว่ามันโหดเหี้ยมพอๆกับการตายของนานาฮาระ ฮิโรกิเลยทีเดียว

แล้วสิ่งที่ทำให้เขาคิดว่าคดีนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญและมันกลายเป็นคดีฆาตกรรมต่อเนื่องไปแล้วนั่นก็เพราะว่า...โชโงะ อัย ก็เป็นหนึ่งในกลุ่มเด็กบ้านรวยห้าคนนั่นเช่นกัน

สองคนในกลุ่มแล้วที่ถูกฆ่าอย่างโหดร้าย...

เห็นทีเขาคงต้องโฟกัสไปที่ใครก็ตามที่เคยมีเรื่องบาดหมางกับเด็กกลุ่มนี้เสียแล้ว...

เขามองใบหน้าที่เลอะคราบเลือดไปกว่าครึ่งก่อนจะพยายามนึกหน้าโชโงะ อัย ตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ เขาจำได้ว่าเด็กคนนี้ก็เด่นสะดุดตาทีเดียว

ในกลุ่มเด็กห้าคนนั้นมีสองคนที่รูปร่างสูงใหญ่แบบนักกีฬา กับอีกสองคนที่สูงตามมาตรฐานแต่มีสง่า ถ้าจำไม่ผิดสองคนนั้นน่าจะเป็นฝาแฝดกันด้วย ส่วนอีกหนึ่งคนที่เหลือมีรูปร่างเล็กบาง หน้าตาออกไปทางน่ารักและเด็กคนนั้นก็คือโชโงะ อัย นั่นเอง

เมื่อไม่กี่วันก่อนยังตอบคำถามเขาด้วยท่าทางเย้าแหย่อยู่เลยแท้ๆ

“สารวัตรครับ ช่วยลงนามให้ด้วยครับ”   เขารับเอกสารจากนายตำรวจมาลงชื่อให้ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าต้องลงนามถี่ขนาดนี้




ปีไทโชที่ 2 วันที่ 14 กันยายน

โชโงะ อัย อายุ17ปี เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ โรงเรียนไคจิ เขตคามิโคจิ เมืองมัตสึโมโตะ

ลงนาม ฟูจิวาระ อิตสึกิ สารวัตรตำรวจ




เขายื่นเอกสารคืนนายตำรวจก่อนจะถามออกไป

“ใครมาพบศพเป็นคนแรก?

“เด็กคนนั้นครับ”  เขาหันมองไปตามที่นิ้วชี้ มีเด็กผู้ชายสวมชุดฮากามะซึ่งเป็นเครื่องแบบนักเรียนอีกแบบหนึ่งนั่งอยู่บนโขดหินริมแม่น้ำสายเล็กๆ

ใบหน้าที่ดูเศร้าหมองระคนโกรธแค้นทำให้เขาเอียงคออย่างสงสัย ขายาวจึงเดินเข้าไปสอบปากคำ

“เธอคือคนที่พบศพ โชโงะ อัยเป็นคนแรกใช่ไหม?

“ใช่ครับ

“ชื่ออะไร?

...มิอุระ เคย์ ครับ”

“พบศพตอนไหน?

“เช้ามืดครับ...ผมพักอยู่ห้องเดียวกับเค้า เมื่อคืนเค้าไม่ได้กลับห้อง ผมเป็นห่วง เช้ามาก็เลยออกตามหาไปทั่ว...ก่อนจะมาเจอที่นี่”   ไหล่ของมิอุระ เคย์สั่นสะท้านในขณะที่ก้มหน้าลงไปราวกับกำลังคับแค้นใจ มือของเด็กหนุ่มกำแน่น...มิอุระ เคย์ต้องรู้อะไรแน่ๆ เขาได้แต่รอให้อีกฝ่ายเล่าออกมาเอง

“ต้องเป็นฝืมือของมันแน่ๆ!”   แล้วจู่ๆเด็กหนุ่มก็ตะโกนออกมาอย่างโกรธแค้น ดวงตาแดงกล่ำอย่างคนที่เพิ่งผ่านการร้องไห้มา ดูท่าจะสนิทสนมกับโชโงะ อัยพอสมควร?

“ใคร?  เสียงทุ้มถามออกไป

“เซตะ เรียวสึเกะ คนรักของอัย”   เขาแทบจะสำลักอากาศ ว่าไงนะ?!!

“คนรัก?   ในโรงเรียนชายล้วนนี่น่ะเหรอ? ไม่ได้มีแต่เด็กผู้ชายหรอกเหรอ? แล้วทำไมถึงได้มีคนรักล่ะ???

เขาอึ้งตะลึงงัน เด็กหนุ่มคนนั้นจึงยิ้มเศร้าๆ

“ถึงจะเป็นผู้ชายด้วยกัน แต่ความรักมันก็ไม่ใช่เรื่องที่จะห้ามกันได้ง่ายๆ ถ้าคุณได้มาอยู่ในที่ที่หันไปทางไหนก็เจอแต่เพื่อนผู้ชาย ต้องกินต้องนอนด้วยกันทุกวัน บางครั้งมันก็หวั่นไหว...พวกเรา...ก็เลยคบกัน เล่นสนุกด้วยกัน ส่วนใหญ่ก็ไม่ได้จริงจังนัก เพราะหากก้าวออกจากโรงเรียนไป ทางบ้านก็คงเตรียมคู่หมั้นเอาไว้อยู่แล้ว”

“แต่ก็มีหลายคู่ที่มีความรู้สึกลึกซึ้งต่อกันมีหลายคู่ที่รักกันจริงๆ”    แววตาของเด็กหนุ่มดูเศร้าหมอง หรือว่า...มิอุระ เคย์ จะชอบโชโงะ อัยที่มีคนรักอยู่แล้ว?

“เอ่อ...ช่วยเล่าให้ฟังหน่อย ว่าทำไมถึงคิดว่าเซตะ เรียวสึเกะเป็นคนฆ่าโชโงะ อัย? เป็นคนรักกันไม่ใช่เหรอ?

....ที่จริง อัยตั้งใจจะเลิกกับหมอนั่น  เมื่อคืนอัยออกไปหามันเพื่อบอกเรื่องนี้ แล้วก็คงทะเลาะกันตามเคย ผมไปตามที่ห้องหมอนั่นแต่มันกลับบอกว่าอัยหลับไปแล้ว ไม่ให้ผมพบ ผมจึงกลับมารอที่ห้องของตัวเองทั้งคืน แต่อัยก็ไม่กลับมา...ตอนเช้าผมไปหาที่ห้องของเซตะ เรียวสึเกะอีกรอบแต่ก็ไม่เจอใคร ผมร้อนใจมากจึงวิ่งหาไปทั่วโรงเรียน….   ใบหน้าได้รูปก้มลงอีกครั้ง ฝ่ามือกำแน่นอย่างพยายามห้ามน้ำตา

“รู้แบบนี้...ผมน่าจะต่อยมันแล้วพาอัยกลับห้องตั้งแต่เมื่อคืน...ผมไม่น่าปล่อยอัยไว้ที่นั่นเลย   ก้อนสะอื้นถูกกลืนลงคอของเด็กหนุ่ม....ดูเหมือนเขาจะเจอรักสามเส้าเข้าให้แล้วแหะ

ถ้างั้นคดีนี้อาจจะต่างจากคดีของนานาฮาระ ฮิโรกิหรือเปล่า? คดีของโชโงะ อัยอาจจะเป็นคดีชู้สาวก็ได้?








เขาทิ้งสถานที่เกิดเหตุอันสยดสยองเอาไว้ให้ลูกน้องจัดการต่อ ส่วนตัวเขาเดินกลับเข้ามาในโรงเรียน

เซตะ เรียวสึเกะเป็นนักเรียนชั้นปีสามซึ่งโตกว่าโชโงะ อัยหนึ่งปี เขาจึงต้องเดินไปอีกฝั่งของอาคารหอพักเพราะเด็กแต่ละชั้นปีก็จะอยู่แยกกัน

วันนี้โรงเรียนไคจิก็งดการเรียนการสอนอีกแล้ว

ห้องพักของเซตะ เรียวสึเกะนั้นหาไม่ยาก เพราะตอนนี้กำลังมีตำรวจตรวจค้นอยู่เต็มไปหมดเพราะที่นี่น่าจะเป็นที่สุดท้ายที่โชโงะ อัยมีชีวิตอยู่

“เธอคือเซตะ เรียวสึเกะใช่ไหม?  เขาทักเด็กหนุ่มที่นั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่หน้าระเบียงห้องพักของตัวเอง

“ใช่ครับ”

“อัยไม่ได้เข้ามาในห้องผมจริงๆนะครับ”    ยังไม่ทันที่เขาจะได้ถามอะไร เด็กหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ที่ดูห้าวหาญคนนี้ก็รีบบอกทันที สงสัยว่าคงจะมีนายตำรวจคนอื่นเคยมาถามแล้ว?

“แต่มิอุระ เคย์บอกว่า เธอเป็นคนบอกเองว่าโชโงะ อัยหลับอยู่ในห้อง?

“ใช่ ผมพูด แต่ผมโกหกหมอนั่น ผมเกลียดมัน ไอ้คนไม่ดูสารรูปตัวเองแล้วยังคิดจะแย่งอัยไปจากผมอีก!”

“โกหก?

“ครับ ผมโกหกหมอนั่น”

“แล้วเรื่องจริงมันเป็นยังไง?

“อัยมาหาผมตอนหัวค่ำก็จริง แต่ก็คุยกันไม่นานก็กลับไปเพราะจะได้เวลาเช็คชื่อแล้ว”

“มีใครเป็นพยานหรือเปล่า?

“เพื่อนทั้งชั้นปีของผมเนี่ย ถามใครก็ได้ เวลาปีสามเช็คชื่อส่วนใหญ่จะเดินเพ่นพ่านกันอยู่นอกห้อง ประตูห้องผมส่วนใหญ่ก็เปิดไว้ ใครๆก็เห็นว่าอัยไม่ได้อยู่ในนั้น”

......

“แทนที่จะมัวมาสงสัยผม คุณตำรวจควรจะไปสงสัยไอ้บ้ามิอุระนั่นมากกว่า ถึงแม้ว่าอัยอาจจะเผลอมีใจให้หมอนั่นไปบ้างเพราะความใกล้ชิด แต่ยังไงอัยก็เลือกผม ที่อัยมาหาผมก็เพื่อบอกเรื่องนี้กับผม ให้ผมวางใจ เพราะไม่ว่าจะฐานะหรือเรื่องอะไร ผมก็เหนือกว่ามิอุระทุกอย่าง ผมปกป้องอัยจากสังคมได้อย่างที่หมอนั่นทำไม่ได้”

“ดีไม่ดี อัยอาจจะกลับถึงห้องไปบอกเรื่องนี้กับมิอุระ หมอนั่นอาจจะโกรธแค้นจนเผลอลงไม้ลงมือก็ได้ ผมทราบมาว่า...ศพของอัย...ถูกทิ้งอยู่ห่างจากที่นี่พอสมควร...หมอนั่น...จะหาเจอได้ยังไงถ้าไม่รู้อยู่แล้ว   ดวงตาดุดันเต็มไปด้วยความโกรธและเศร้าหมองคละเคล้ากันไป

สิ่งที่เด็กหนุ่มพูดทำให้เขาอึ้งไป ตอนนี้เขาไม่รู้เลยว่าระหว่างเซตะ เรียวสึเกะกับมิอุระ เคย์ ใครพูดความจริง ใครโกหกกันแน่

หรือทั้งคู่อาจจะพูดความจริง...แต่คนที่กลับกลอกหลอกทั้งสองคนอาจจะเป็นโชโงะ อัยก็ได้

หรือบางที...เรื่องนี้อาจจะมีมือที่สี่?

ช่วงเวลาที่โชโงะ อัยกำลังจะกลับห้องไปเช็คชื่อ...เด็กหนุ่มอาจจะไปเจอกับฆาตกรเข้าก็ได้...


สารวัตรหนุ่มถึงกับถอนหายใจ เรื่องรักๆใคร่ๆนี่เขาไม่ถนัดเลยจริงๆ ร่างสูงสง่าเลยเดินสำรวจไปรอบๆหอพักเผื่อจะได้เบาะแสอะไร อาวุธสังหารที่น่าจะเป็นมีดก็ยังหาไม่เจอ








เขามองเห็นนายตำรวจกำลังสอบปากคำเด็กนักเรียนสองคนที่อยู่ห้องใกล้ๆกับห้องของโชโงะ อัยเลยเดินเข้าไปฟังด้วย

“พอจะนึกอะไรออกบ้างไหม?อย่างเช่นเห็นเงาแปลกๆหรือได้ยินเสียงแปลกๆ?

“อือ...ไม่เห็นอะไรเลยนะครับ พอเช็คชื่อเสร็จก็เข้าห้องนอนเลย...แต่เสียงนี่….   เด็กทั้งคู่ต่างหันไปมองหน้ากัน

“จะนับว่าแปลกมันก็ไม่เชิง เพราะเซริซาว่าซังก็ซ้อมเครื่องสีนั่นบ่อยๆอยู่แล้ว

“หมายความว่าเมื่อคืนก็มีเสียงไวโอลินดังอย่างงั้นเหรอ?   เขาถามแทรกออกไป

“ครับ”

....พวกเธอพอจะรู้ไหม ว่าเซริซาว่า จิอากิมีเรื่องบาดหมางอะไรกับกลุ่มของโชโงะ อัยหรือเปล่า?   เด็กทั้งคู่หันไปยิ้มให้กันอย่างมีเลศนัย

“ไม่ต้องพูดถึงทั้งกลุ่มหรอกครับ แต่เซริซาว่าซังมีปัญหากับโชโงะ อัยโดยตรงเลยนี่แหละครับ”   ว่าไงนะ? ทะเลาะกันงั้นเหรอ?

“จริงๆเรื่องมันก็ตั้งแต่ตอนที่เข้าปีหนึ่งแล้ว เซริซาว่าซังมีเครื่องสายอันนั้นติดตัวมาด้วยใช่ไหมล่ะ แล้วทีนี้คนทั้งโรงเรียนก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่ถึงจะเห็นวางไว้ในห้องดนตรีก็ไม่มีใครคิดจะไปแตะต้องของๆเซริซาว่าซังหรอก….ก็มีแต่โชโงะ อัยนี่แหละที่กล้า

“เหมือนจะเข้าไปสีเล่นน่ะ แล้วสายมันก็ขาด

“เซริซาว่าซังโกรธมาก ถึงจะไม่พูดอะไรแต่ใครก็ดูออกว่าโกรธแบบสุดๆ แถมโชโงะ อัยยังพูดใส่แบบไม่ทุกข์ร้อนว่าจะส่งไปซ่อมให้ ถึงจะแพงแต่ตัวเองก็มีเงินจ่ายอยู่แล้ว”

“นิสัยไม่ดีสุดๆ ทำของของคนอื่นพังยังไม่ยอมขอโทษสักคำ แล้วยิ่งเป็นของที่มีค่าต่อจิตใจยิ่งแล้วใหญ่ ใครๆเค้าก็รู้ว่าไม่ควรจะเอามาเล่น”   เด็กสองคนผลัดกันเล่าอย่างเมามัน

“หลังจากนั้น...พอครูใหญ่รู้เรื่องเข้า โชโงะ อัยเลยโดนสั่งพักการเรียนไปหนึ่งอาทิตย์เต็มๆ

“ถึงเรื่องที่โชโงะ อัยทำมันสมควรโดนลงโทษ แต่พักการเรียนหนึ่งอาทิตย์ใครๆก็คิดว่ามันเกินไป

“มีแต่เซริซาว่าซังนี่แหละที่ทำให้คนอย่างโชโงะ อัยโดนลงโทษขนาดนี้ได้”   ….ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเซริซาว่า จิอากิยิ่งใหญ่ขนาดไหนและหากจะลงมือทำอะไรก็คงไม่ต้องเกรงกลัวใครเลยสินะ?

จะเป็นไปได้ไหมว่าเจ้าของใบหน้าหวานๆนั่นอาจจะอยู่เบื้องหลังการฆาตกรรมนี้...

“หลังจากนั้นโชโงะ อัยก็ไม่ลงรอยกับเซริซาว่าซังอีก ลับหลังยังชอบนินทาว่าเซริซาว่าซังก็แค่ลูกเมียน้อย จะใหญ่คับฟ้าอะไรนักหนา”   ….ลูกเมียน้อย? เท่าที่เขารู้ก็แค่ภรรยาคนที่สองที่แต่งเข้าอย่างถูกต้องนะ?

แต่ตอนนี้เขาก็พอจะรู้นิสัยของโชโงะ อัยบ้างแล้วว่าเป็นคนที่นิสัยแย่ใช้ได้ทีเดียว

“เพื่อเลี่ยงการทะเลาะเบาะแว้ง คุณครูเลยไม่ให้กลุ่มของโชโงะ อัยเรียนห้องเดียวกับเซริซาว่าซังอีกเลย”

“แต่เอาจริงๆทั้งกลุ่มนั่นก็มีแค่โชโงะ อัยแหละไหมที่เป็นปฏิปักษ์กับเซริซาว่าซังน่ะ”

“ใช่ เพราะทั้งนานาฮาระกับอาคางิยังแย่งกันจีบเซริซาว่าซังอยู่เลย ฮ่าๆๆ”   เด็กสองคนคุยกันอย่างออกรสและสิ่งที่เขาได้ยินก็ทำให้อึ้งไปอีกรอบ

เขาเพิ่งรู้นี่แหละว่านานาฮาระ ฮิโรกิที่ตายไปกำลังจีบคนคนเดียวกับเพื่อนสนิทของตัวเองอยู่?

แบบนี้...มันจะพอเป็นชนวนให้อาคางิ มาโมรุก่อเหตุฆาตกรรมนานาฮาระ ฮิโรกิได้ไหมนะ? แบบ...ทะเลาะกันเพราะชอบคนคนเดียวกัน?

เขายกมือขึ้นมากดหัวคิ้ว ตอนนี้เริ่มรู้สึกว่าเรื่องใดๆก็มักจะพัวพันกับเซริซาว่า จิอากิไปเสียหมด เห็นทีเขาคงต้องคอยจับตาดูร่างโปร่งบางนั่นเสียแล้ว

“สารวัตรครับ เห็นครูใหญ่ว่ามีเรื่องอยากปรึกษาครับ เชิญสารวัตรไปพบที่ห้องครูใหญ่หน่อย”   นายตำรวจคนหนึ่งเดินเข้ามาบอกเขา

“ครับ”   ร่างสูงสง่าจึงเดินกลับไปที่ตึกเรียนอีกครั้ง










“อ้าวคุณสารวัตรครับ...เชิญครับ พอดีผมมีเรื่องจะขอร้อง”   ครูใหญ่ซึ่งเป็นชายร่างท้วมผมสีดอกเลาเชื้อเชิญให้เขานั่งลงที่โซฟารับแขกทันทีที่เขาก้าวไปถึง

“ครับ”

“จากการตายของเด็กทั้งสองคนทำให้ตอนนี้เด็กทั้งโรงเรียนต่างก็หวาดผวาและกลัวว่าตัวเองจะตกเป็นเหยื่อ ผู้ปกครองหลายคนก็เตรียมจะมารับลูกหลานของตัวเองกลับ ซึ่งเรื่องเหล่านี้จะส่งผลต่อการเรียนมาก และผมเชื่อว่าทางคุณเองก็คงต้องใช้เวลาในการหาตัวคนร้าย จะให้เราปิดโรงเรียนตลอดไปก็คงจะไม่ได้”

“ครับ...ผมเองก็ไม่อยากให้ใครในโรงเรียนออกไปไหน เพราะนั่นจะทำให้ผู้ร้ายหนีออกไปได้ จนกว่าคดีนี้จะสิ้นสุด ผมก็อยากให้คุณเปิดโรงเรียนต่อไปเช่นกันครับ”

“ผมถึงอยากจะขอร้องคุณตำรวจ ให้ช่วยส่งคนมาคอยดูแลรักษาความปลอดภัยเด็กในโรงเรียนได้ไหมครับ? อย่างน้อยถ้ามีตำรวจอยู่ใกล้ๆพวกเราก็จะได้อุ่นใจ”   เขาพิจารณาข้อเสนอของครูใหญ่เงียบๆในใจ อันที่จริงหากเขามานอนเฝ้าอยู่ที่นี่มันก็อาจจะดี หากมีคดีเกิดขึ้นอีกสัญชาติญาณของตำรวจน่าจะพอทำให้พบเบาะแสอะไรบางอย่าง

“ตกลงครับ ผมจะส่งลูกน้องมาคอยเฝ้าอยู่รอบๆ...และผมเองก็จะมาด้วย”

“โอ้ ขอบคุณมากครับคุณสารวัตร คุณมาเองแบบนี้ถึงผมจะเกรงใจมากแต่ก็อุ่นใจมากด้วยเช่นกัน”

“แต่ผมก็มีเรื่องจะขอร้องครูใหญ่เช่นกัน”

“ครับ? ว่ามาได้เลยครับ”



“ผม...ต้องการพักห้องเดียวกับเซริซาว่า จิอากิครับ”





.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.

To be con.


ผังตัวละครตอนที่ 2






แปะเพลงที่พี่จ้านเล่น เพราะเนอะ งื้อออ >////<




แล้วก็มาว่ากันด้วยเรื่องโลเคชั่น จริงๆโรงเรียนไคจิมีสถานที่จริงอยู่ที่เมืองมัตสึโมโตะ ประเทศญี่ปุ่นนาคะ อยู่หลังปราสาทมัตสึโมโตะอ่ะ เดินไม่ไกลเท่าไหร่ก็ถึงค่ะ ชื่อ Former Kaichi School ปัจจุบันนี้เปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ค่ะ ข้างในก็ยังเก็บห้องเรียนสมัยนั้นเอาไว้ให้ดูอยู่ คือถ้าใครชอบแนวพีเรียดยุคไทโช-โชวะ เด็กนักเรียนชุดฮากามะ เด็กผู้ชายรักกันในโรงเรียน(เด่ว) ต้องห้ามๆ(?) อะไรแบบนี้รับรองเดินดูไปจิ้นไปแน่นอลค่ะ กร๊ากกกก เป็นมาแล้ว555

แต่สำหรับในฟิคเรื่องนี้ คุณกวางขออนุญาตยกทั้งโรงเรียนไปไว้กลางหุบเขาค่ะ เพิ่มความหลอน เอ้ย เพิ่มความโรแมนติก 555 เพราะ คามิโคจิ โลเคชั่นที่เลือกมานี้คือสวยมากกกก สวยตายกันไปข้างนึงอ่ะ เนี่ย ถ้าโรงเรียนประจำชายล้วนมันไปตั้งอยู่ตรงเนี้ย ความรักมันต้องบังเกิดบ้างแหละวะ นั่งมองวิวทิวทัศน์เคลิ้มๆ หันไปมองคนข้างๆ อ่ะเจ้าช่างสวยยิ่งนัก จ๊วบๆม๊วฟๆ(?) จบ 5555

แปะรีวิว คามิโคจิ เมืองมัตสึโมโตะค่ะ



แล้วเจอกันตอนหน้าค่า



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น