ป๋อจ้าน Au.Fic [หวังอี้ป๋อ x เซียวจ้าน] GLIDE : 2x4 It’s me : 25
:
ป๋อจ้าน Fanfiction Au
:
หวังอี้ป๋อ x เซียวจ้าน
:
Romantic
:
NC-17
คำเตือน : เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย
หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ
: เนื้อเรื่องต่อไปนี้เป็นเพียงจินตนาการของผู้เขียน
ไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นจริงนะคะ
: ข้อมูลจะไม่แน่นเท่า GLIDE
ภาคก่อนๆนะคะ เพราะภาคนี้ข้ามมา 2 ล้อ ตรูขี้เกียจหาข้อมูลฝั่ง Moto
GP โฟ้ยยยย // โดนตบด้วยหมวกกันน็อค
ตอนนี้เลือดในกายของหวังอี้ป๋อกำลังร้อนดั่งไฟ
อะดรีนาลีนหลั่งไหลจนร่างกายแทบจะข้ามขีดจำกัดไปแล้ว
ดวงตาคมกล้าจับจ้องไปยังท้ายรถสีแดงข้างหน้า
เจ้ากระต่ายป่านั่นยังคงวิ่งหนีสิงโตอย่างเขาอย่างไม่คิดชีวิต แต่เขาก็ไม่ลดละที่จะวิ่งไล่
สมาธิทั้งหมดถูกใส่ไปเกินร้อย ตอนนี้เขาไม่เห็น ไม่ได้ยินอะไรเลย
เหมือนกับโลกนี้มีเพียงเขากับเจ้ารถสีแดงนั่นเท่านั้น
มือใหญ่ในถุงมือนักแข่งบิดคันเร่งเต็มที่
รถหมายเลข85ยังคงออกล่าอย่างใจเย็น สายตาคมกริบจ้องมองเหยื่อแทบไม่กระพริบ
ยิ่งเข้าไปใกล้ ใบหน้าภายใต้หมวกกันน็อคก็ยิ่งมีแต่รอยยิ้มถูกใจ
ถ้าเขาเอาชนะเจ้ากระต่ายแสบนั่นได้ เนื้อของมันต้องหอมหวานน่าทานที่สุดเป็นแน่
แค่คิดก็ต้องกัดปากลดความอยากแล้ว
Yamaha
YZR-M1 วิ่งไล่ Ducati
Desmosedici GP19 มาครึ่งค่อนเรซ สนามอย่าง Circuit de
Valencia ในประเทศสเปนนั้นแทรคค่อนข้างแคบและแซงยากอย่างที่รู้กัน
แต่กระนั้นมันก็ไม่ใช่เรื่องเหนือบ่ากว่าแรงหากหวังอี้ป๋อคิดจะแซงขึ้นไป
ทว่า
ดูเหมือนนักบิดหนุ่มจะสนุกสนานกับการไล่ต้อนเจ้ารถสีแดงคันนั้นเสียมากกว่า
และเพราะไล่กันไปไล่กันมามันเลยทำให้เรซสุดท้ายของฤดูกาลนี้เร้าใจตั้งแต่ต้นจนจะจบ
คนดูทั้งสนามนั่งไม่ติดพื้นตั้งแต่วินาทีแรกที่รถออกสตาร์ทจนอีกไม่กี่รอบก็จะถึงเส้นชัย
ทั้งสนามกลายเป็นสงครามระหว่างสีน้ำเงินกับสีแดง
เพราะสนามนี้คือสนามชี้ชะตาว่าใครจะได้แชมป์โลกของปีนี้ไปครอง!
ใช่
นี่คือสนามสุดท้ายของ Moto
GP ปีนี้แล้ว!
ตอนนี้คะแนนสะสมรวมของหวังอี้ป๋อตามนักบิดมือหนึ่งจากทีมดูคาติอยู่แค่
2 คะแนน เพราะฉะนั้นไม่ว่าฝ่ายไหนก็แพ้ไม่ได้
ไม่ว่าฝ่ายไหนก็ต้องชนะเท่านั้น!
เพราะที่หนึ่งกับที่สองของแต่ละสนามจะได้แต้มห่างกันถึง
5 คะแนน (ที่หนึ่ง=25แต้ม , ที่สอง=20แต้ม) ถึงเขาจะตามอยู่ 2 แต้มแต่หากเขาชนะในสนามนี้
คะแนนของเขาจะสามารถพลิกกลับขึ้นมานำจนมีคะแนนรวมสูงสุดและเป็นแชมป์โลกได้
แต่ถึงจะอยากชนะขนาดไหน
สิ่งหนึ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ก็คือมันสนุกมากจริงๆ
เขาไม่ได้สวมวิญญาณผู้ล่ามานานเพราะไม่เคยมีใครเอาชนะเขาได้ เพราะงั้นการได้วิ่งไล่ต้อนเจ้ากระต่ายนั่นจึงเป็นสิ่งที่เขาโปรดปรานที่สุด
ในขณะที่ดวงตาจับจ้อง
มุมปากกลับมีรอยยิ้ม
มือใหญ่ควบคุมรถเข้าโค้งซึ่งท้าทายความสามารถของนักแข่งมากเพราะแทรคที่แคบพวกเขาจึงต้องเข้าโค้งในวงเลี้ยวที่แคบกว่าปกติ
Yamaha
YZR-M1 วิ่งผ่านหน้าพิตแกรนด์สแตนด์ Pit-Board ที่ชูออกมาบ่งบอกว่าเหลืออีกแค่รอบเดียวเท่านั้น
หมดเวลาสนุกแล้วสิ...
ถึงจะน่าเสียดายแต่ก็ช่วยไม่ได้
มือใหญ่เปลี่ยนจังหวะการขับเล็กน้อย ที่เขาไล่ตามมา 20
กว่ารอบนี่ก็ไม่ได้ไล่แบบโง่ๆไม่คิดอะไรเสียหน่อย ตอนนี้ในหัวเขามีแบบจำลองการขับขี่ของเจ้ากระต่ายสีแดงข้างหน้าหมดแล้ว
แน่นอนว่าเขารู้หมดว่าจะหาช่องแซงอีกฝ่ายได้ยังไง!
แล้วอย่างหวังอี้ป๋อทำอะไรต้องเด็ดขาด!
เขาเลือกแซงในโค้งที่ยากที่สุด
โหดหินที่สุด ไม่มีใครคิดจะแซงที่สุด ให้มันรู้กันไปเลย!
“........!!!”
อึ้งสิ...อึ้งกันไปเลยสิ!
คนดูถึงกับอึ้งไปทั้งสนาม
เสียงบรรยายก็เงียบหายไป เพราะไม่มีใครคิดว่าเขาจะแซงที่โค้งนั้น!
.
.
.
.
.
.
.
“หวังอี้ป๋อ~~~~~~”
ผู้บรรยายภาคสนามถึงกับร้องเรียกชื่อเขาเสียงยาวเมื่อสติกลับเข้าร่าง
เสียงเฮดังลั่นสนามฝั่งสีน้ำเงินราวกับฟ้าถล่ม
“แซงไปแล้วครับรถหมายเลข
85 ของหวังอี้ป๋อ แซงดูคาติไปแล้ว!!!”
เขายกยิ้มมุมปากอยู่ภายใต้หมวกกันน็อค
ถึงแม้ว่าจากตรงนี้ไปยังเหลืออีกหลายโค้ง แต่ก็อย่างที่บอก เขาไม่ได้ไล่ตามโง่ๆ
เขารู้ว่าเจ้ากระต่ายสีเพลิงนั่นจะขับยังไง จะใช้ไลน์ไหน จะหาช่องแซงเขายังไง
เพราะฉะนั้นเขาจึงขับปิดไลน์ปิดช่องพวกนั้นทั้งหมด!
เรื่องปรับแต่งรถเขายกให้
แต่ในสนามเขาคือ King!!
เจ้ากระต่ายสีเพลิงยังพยายามหาทางวิ่งไล่ให้คนดูต่างเสียวไส้
อีกฝ่ายเบียดมาเขาก็เบียดกลับ อีกฝ่ายพยายามจะมุดหาช่องเขาก็โยกไปบัง จนกระทั่ง...
“เฮ~~~~!”
ธงชัยสีน้ำเงินโบกสะบัดเหนือแกรนด์สแตนด์รับเขาราวกับเล่นเวฟเมื่อ
Yamaha
YZR-M1วิ่งเข้ารับธงตาหมากรุกเป็นคันแรก
จากนั้นจึงค่อยๆลามไปทั้งสนาม
เขาเอาชนะเจ้ากระต่ายได้ในที่สุด!
แชมป์โลกของปีนี้ยังคงเป็นของหวังอี้ป๋อ!!
ตอนนี้ธงสีน้ำเงินจึงครอบครองเต็มพื้นที่ให้สมกับแชมป์สมัยที่ห้า
เขาขับรถต่อไปอย่างผ่อนคลายคล้ายกับยกภูเขาออกจากอก
ในพิตของเขาคงกำลังดีใจจนแทบจะกอดคอกันร้องไห้
เพราะชัยชนะของปีนี้นับว่าได้มาอย่างยากเย็นและมันคงจะเป็นชัยชนะที่มีค่ามากที่สุด
พวกเขาคู่ควรเพราะมีคู่แข่งที่คู่ควร ในพิตสีแดงเองก็คงจะเสียดายกันยกใหญ่
แต่เขากลับคิดว่ามันคือจุดเริ่มต้นที่มีค่า
ปีหน้า...ถึงดูคาติจะไม่มีเจ้ากระต่ายแล้ว
แต่ศักยภาพของทีมที่เจ้ากระต่ายมาสร้างเอาไว้
ต้องทำให้ทีมของเขาปวดหัวต่อไปอย่างแน่นอน
“โอ๊ย”
“อูยยยย”
“ว้อยยยย!”
“แง๊”
สารพัดคำสบถอย่างเสียดายดังกระจายอยู่ทั่วพิตดูคาติ
ลูกทีมบางคนถึงกับปาถุงมือทิ้ง บางคนก็ทุบโต๊ะรัวๆ อีกนิดเดียวแท้ๆ~
ส่วนเจ้านักออกแบบรถมือหนึ่งของทีมกำลังโดนฟาบริซิโอ้เขย่าคอจนหัวแทบหลุดอยู่
“ทำไมเจ้าบ้าหวังอี้ป๋อถึงได้เก่งอย่างงี้~ พวกนายสองคนนี่มันแสบด้วยกันทั้งคู่เลยจริงๆ! ตามอยู่ทั้งเรซจู่ๆนึกจะแซงก็แซงกันโหดๆงี้เลยเหรอ~~ แฟนนายนี่มันเป็นคนยังไงห๊า~”
“แอ่กๆๆ
แล้วจะมาเขย่าชั้นทำไมเล่า ไปเขย่าหมอนั่นเองสิ!”
“ชั้นไม่ใช่เซียวจ้าน
ชั้นจะไปเขย่าคอเจ้าสิงโตเลือดเย็นนั่นได้ยังไง~ นายนั่นแหละโดนแทนไปซะ~~”
กว่าพี่ใหญ่ของทีมจะยอมปล่อยร่างโปร่งได้ ใบหน้ามนก็หน้ามืดตาลายคล้ายจะเป็นลมอยู่รอมร่อ
ดวงตาคู่โตหันไปมองที่จอมอนิเตอร์เมื่อความวิงเวียนจากการโดนเขย่าเริ่มหายไป
ในจอกำลังฉายภาพหวังอี้ป๋อถือธงที่มีหมายเลข 85
ขับรถวิ่งวนขอบคุณแฟนๆรอบสนาม
ความรู้สึกของเขาตอนนี้มีทั้งความเสียดายที่เอาชนะอีกฝ่ายไม่ได้แต่อีกใจก็ยินดีและดีใจไปกับชัยชนะของอี้ป๋อด้วย
เพราะเขารู้ว่าอีกฝ่ายสู้ไม่ถอยและได้แชมป์โลกคราวนี้ไปด้วยฝีมือจริงๆ
อีกฝ่ายทำให้เขาภูมิใจที่ได้มีแฟนชื่อ “หวังอี้ป๋อ”
“จบแล้วสินะ...ฤดูกาลนี้” ฟาบริซิโอ้ทิ้งตัวลงที่ม้านั่งข้างๆ
ใบหน้าที่ไว้เคราเข้มยิ้มบางๆ ความรู้สึกส่วนใหญ่ของลูกทีมดูคาตินั้นแทบไม่ต่างกัน
เสียดายแต่ก็ไม่ได้โกรธจนหัวฟัดหัวเหวี่ยงที่ไม่ได้แชมป์ฤดูกาลนี้มาทั้งๆที่ใกล้เคียงมากที่สุดแล้ว
“ขอโทษด้วยที่ชั้นช่วยได้แค่นี้” เสียงนุ่มเอ่ยออกไป
ลึกๆก็รู้สึกผิดอยู่เหมือนกัน เขาควรจะทำรถได้ดีกว่านี้แต่เวลาของเขามีน้อยเกินไป
“ขอโทษอะไร?
พวกชั้นสิต้องขอบคุณนาย นายน่ะ ไม่ได้แค่มาป่วนพวกเราอย่างเดียว
ไม่ได้มาทำให้รถพวกเราดีขึ้นอย่างเดียว แต่นายยังมาสร้างแรงบันดาลใจให้พวกเราด้วย
หลายๆอย่างเราก็ไม่เคยรู้เลยว่าเราทำได้
แต่เป็นเพราะเจ้ากระต่ายดื้อๆอย่างนายนี่แหละถึงทำให้พวกเรารู้ว่าพวกเราสู้ได้” มือใหญ่ตบไหล่เขาจนแทบหลุด หมอนี่มันพวกปากร้ายใช้แต่กำลังจริงๆ
“แล้วต่อไปถ้าชั้นไม่อยู่
พวกนายจะกลับไปรั้งท้ายอีกไหม? ชั้นเป็นห่วงจัง”
เขาแกล้งพูดจาน่าหมั่นไส้เพื่อทำลายบรรยากาศการจากลา
ถึงจะรู้ว่านี่คือครั้งสุดท้ายแล้วที่จะได้มาเดินๆนั่งๆอยู่ในพิตดูคาติแต่เขาก็ไม่อยากให้มันเศร้าจนเกินไป
“ทำไมนายนี่มันน่าหมั่นไส้จนวินาทีสุดท้ายขนาดนี้ฟ๊ะเจ้ากระต่ายเอเชีย!” ยังดีที่ฟาบริซิโอ้รับมุก
ถึงจะชอบชวนทะเลาะแต่หมอนี่ก็เป็นคนที่เข้าใจเขาเป็นอย่างดี
“พวกเราคงคิดถึงของประหลาดๆที่ชอบมาตั้งอยู่ในพิตทั้งๆที่ไม่ได้เข้ากับพิตของนายน่าดู” ลูกทีมเอ่ยออกมาปนเสียงหัวเราะ
“เอาไว้ไหม?
จะเอาปลาแห้งหรือกระบองเพชรดี? หรือตุ๊กตาหมี?
ถึงชั้นจะยกอาม่าให้ไม่ได้แต่ชั้นมีมินิม่าอยู่นะ เอาไหม?”
“ไม่เอาว้อย
แล้วก็เก็บกลับไปให้หมดด้วย!”
“ฮ่าๆๆ” เสียงหัวเราะดังลั่นพิตด้วยบรรยากาศครื้นเครง
ถึงจะอยู่ที่นี่ได้แค่ปีเดียวแต่มิตรภาพเหล่านี้เขาจะจดจำไม่มีวันลืม
ที่นี่เปิดโลกใบใหม่ให้แก่เขา ที่ผ่านมาเขาอยู่ในเซฟโซนมาตลอด
ถูกดูแลปกป้องอย่างดีมาตลอด ที่นี่จึงสอนอะไรหลายๆอย่าง
สอนให้เขาเรียนรู้ที่จะอยู่กับผู้คนมากขึ้น ให้ประสบการณ์และความทรงจำที่มีค่ากับเขา
และทำให้เขาเข้าใจเรื่องรถมอเตอร์ไซค์ที่อี้ป๋อรักมากขึ้น
“ถ้ามีเวลา...ก็กลับมาหาพวกเราบ้าง
พิตดูคาติต้อนรับนายเสมอ”
ฟาบริซิโอ้พูดจากใจ
“อื้ม” เขาตอบรับด้วยรอยยิ้ม ทั้งซาบซึ้ง ทั้งเศร้าใจที่ต้องจากไปอยู่เหมือนกัน
เขาไม่เคยคิดเลยว่าเวลาแค่ปีกว่าจะทำให้อาลัยอาวรณ์ได้
แต่ความผูกพันก็ทำให้มันเกิดขึ้น
“พวกนายเอง...ก็ไปหาชั้นที่เฟอร์รารี่ได้นะ” ไปดูเขาแข่ง ไปเชียร์เขา
เขาคงจะดีใจที่ได้รับกำลังใจจากคนใกล้ตัว
“ได้สิ
ไว้พวกเราจะไป” ฟาบริซิโอ้ตบไหล่เขาเบาๆ
“ไปกันเถอะ
ไปแสดงความยินดีกับโดว่ากัน!
ถึงแม้บางคนเค้าจะไปยินดีกับแฟนเค้ามากกว่าก็เถอะนะ”
ฟาบริซิโอ้ชวนลูกทีมไปรอรับรถนักขับของทีมที่พาร์กเฟอร์เม่ก่อนที่มือใหญ่ๆนั่นจะขยี้หัวเขาอย่างหมั่นไส้เมื่อเขาเผลอยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ให้จอมอนิเตอร์ที่กำลังฉายภาพของหวังอี้ป๋อ
“แล้วคืนนี้ก็อย่าลืมไปงานเลี้ยงส่งเจ้ากระต่ายเฟอร์รารี่นี่ด้วย
ทีมเลี้ยงเฟ้ย จัดเต็ม!”
“เฮ้~”
นักบิดหนุ่มที่เพิ่งได้แชมป์สมัยที่ห้ามาหมาดๆนำรถเข้าไปจอดที่
Parc
Ferme หลังจากวิ่งวนขอบคุณแฟนๆรอบสนาม
ลูกทีมสีน้ำเงินมารอรับเขาอยู่หลังรั้วกั้น
พวกนั้นต่างกระโดดโล้ดเต้นดีใจกันยกใหญ่
“ยินดีด้วย
เป็นการแข่งขันที่สนุกจริงๆ”
นักบิดจากทีมดูคาติเดินเข้ามาจับมือและแสดงความยินดีกับเขา
ถึงในสนามพวกเขาจะขับเขี้ยวกันแทบตายแต่นอกสนามต่างก็มีน้ำใจนักกีฬาให้แก่กัน
“หวังอี้ป๋อ! หวังอี้ป๋อ!
หวังอี้ป๋อ!!”
ลูกทีมยามาฮ่าตะโกนเรียกชื่อเขาเป็นจังหวะดังลั่น
ถึงปกติเขาจะไม่ค่อยยิ้มแต่ครั้งนี้คงกลั้นไว้ไม่ไหว
ร่างสูงสง่าเดินไปตีมือกับทุกคนในทีมที่เหนื่อยที่สู้มาด้วยกัน ถึงจะมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นมากมายแต่ทุกเหตุการณ์ล้วนมีค่าเพื่อเอามาปรับปรุงทีมให้ดียิ่งขึ้นไปอีก
เขาเปิดหน้ากากใสโดยยังไม่ทันได้ถอดหมวกกันน็อคและฝ่ามือจากทีมวิศวกรก็ตบลงมาจากทุกทิศทุกทางอย่างดีใจ
เขาวิ่งวนจากซ้ายไปขวา จากเสื้อสีน้ำเงินคนแรกไปจนถึงคนสุดท้าย
แล้วจู่ๆ
เขาก็ไปหยุดยืนอยู่ตรงหน้าเจ้ากระต่ายสีแดงที่เดินมาแสดงความยินดีกับเขาด้วยเช่นกัน...
ใบหน้าหวานนั้นยิ้มให้เขาจากใจจริง
ถึงจะเสียดายที่ทีมตัวเองแพ้แต่สายตาที่แสดงความยินดีกับเขานั้นเป็นของจริง
“หวังอี้ป๋อ!
ยินดีด้วย!”
เขาฉีกยิ้มอยู่ภายใต้หมวกกันน็อค
แล้วจู่ๆหน้ากากใสก็ถูกสับลงด้วยมือกระต่ายในฉับพลัน
ในขณะที่หวังอี้ป๋อเองก็ยังตั้งตัวไม่ทันนั้น
ริมฝีปากสีระเรื่อก็จุมพิตเขาผ่านหมวกกันน็อค...
ริมฝีปากของเจ้ากระต่ายจูบลงมาตรงตำแหน่งที่ปากของเขาพอดี...
พาร์กเฟอร์เม่แทบจะกลายเป็นสีชมพู~
ขนาดหวังอี้ป๋อเองยังตะลึงอึ้งค้าง
มีทั้งเสียง อร๊าย ฮิ้ว อิ๊ว ฯลฯ อยู่รอบตัวไปหมด
ตอนนี้เขาแทบจะถูกสะกดให้ยืนยิ้มเหมือนคนบ้าอยู่ตรงนั้น
ส่วนเจ้ากระต่ายขี้อายก็ก้มหน้างุดกับการกระทำแบบบ้าระห่ำของตัวเอง
ก็เจ้ากระต่ายไม่เคยกอดหรือจูบเขาออกสื่อ
แม้แต่จับมือยังแทบไม่เคย เพราะงั้น
ถึงจะจูบผ่านหมวกกันน็อคแต่มันกลับทำให้เขาใจเต้นตึกตัก
ยิ่งหลงรักหัวปักหัวปำเข้าไปอีก!
แน่นอนว่ารูปฉลองแชมป์สมัยที่
5 ที่เขาจะลงในไอจีของเขานั้นต้องเป็นรูปนี้...รูปจูบที่โรแมนติกที่สุดในโลก
พระเอกของงานปาร์ตี้แห่งพิตสีน้ำเงินกำลังแอบย่องออกจากผับชื่อดังกลางเมืองบาเลนเซีย
หวังอี้ป๋ออาศัยจังหวะที่ลูกทีม Monster Yamaha กำลังแหกปากร้องเพลงดังลั่นและหันไปสนใจแต่หน้าเวทีกันหมดค่อยๆเร้นกายหายไปในความมืดสลัว
ทีมของเขากำลังเลี้ยงฉลองถ้วยแชมป์โลกกันอยู่
ส่วนทีมดูคาติก็กำลังปิดผับอีกที่เลี้ยงฉลองอยู่เช่นกัน
พวกนั้นไม่ได้ฉลองที่ได้ที่สอง แต่พวกนั้นกำลังเลี้ยงส่งเจ้ากระต่ายต่างหาก
เพราะแบบนั้นแหละ...เขาถึงได้ต้องแอบหนีออกจากงานของตัวเองมาก่อน
“ไปรับเซียวจ้านที่นี่ก่อนครับ”
เขาส่งโทรศัพท์มือถือซึ่งมีแผนที่ของผับให้กับลูกทีมที่อาสามาขับรถให้
ตอนนี้ในตัวเขาเองก็มีระดับแอลกอฮอล์ไม่ใช่น้อย ขับไปเองไม่ได้
ใบหน้าหล่อเหลาทอดมองเมืองบาเลนเซียยามค่ำผ่านหน้าต่างรถ
เขามาที่นี่ปีละหนก็จริงแต่สำหรับประเทศสเปนนั้นไม่ใช่ Moto GPมีทั้งหมด 19 สนาม
อยู่ในประเทศสเปนไปแล้วถึง 4 สนามนั่นหมายความว่าเขาต้องเข้าๆออกๆประเทศนี้มากกว่าประเทศแม่ของตัวเองอย่างจีนแผ่นดินใหญ่เสียอีก
รถของทีมจอดลงที่หน้าผับแห่งหนึ่ง
“อี้ป๋อ~~”
เสียงใสแต่ยานคางเรียกชื่อเขาตั้งแต่ยังเดินเข้าไปไม่ถึงตัวด้วยซ้ำ
สองแขนผอมบางเอื้อมมาโอบรอบคอก่อนจะกอดเขาไว้แบบไม่แคร์สายตาใครทั้งๆที่ปกติแล้วเจ้ากระต่ายไม่เคยกอดเขาต่อหน้าคนอื่น
แล้วยังแก้มใสที่แดงจัดแบบนี้คงไม่ต้องเดาให้ยากว่าเป็นอะไร
“ใครให้หมอนี่ดื่มเหล้า?
บอกแล้วใช่ไหมว่านิดเดียวก็ไม่ได้”
เขาหันไปตาขวางใส่บรรดาเพื่อนร่วมทีมดูคาติที่รู้จักกันดี
“ไม่ใช่เหล้าซักหน่อย
แค่เบียร์แก้วเดียว ไม่คิดว่าจะเมา...”
ฟาบริซิโอ้ตอบอย่างเพลียๆ
ขนาดวันสุดท้ายที่จะได้อยู่ด้วยกันเจ้ากระต่ายแสบนี่ยังหาเรื่องเดือดร้อนมาให้พี่ใหญ่ฝ่ายเครื่องยนต์ไม่หยุดหย่อน
ใครมันจะไปคิดว่าจะมีคนคออ่อนขนาดนี้ในโลกด้วย!
“จุ๊ๆๆ
อี้ป๋อเด็กดี ไม่เอานะ ไม่ดุคุณลุงเค้าสิ”
เจ้ากระต่ายเมาคล้องแขนไว้ที่คอเขาข้างนึงส่วนมืออีกข้างนึงก็แตะนิ้วชี้มาที่ริมฝีปากเขา
ใบหน้าที่อยู่ใกล้จนลมหายใจเป่ารดกันนั่นก็ส่ายไปมา เนี่ย
ก็เพราะว่าเมาแล้วน่ารักแบบนี้ไงถึงได้ไม่อยากให้ไปเมาที่ไหน ไม่อยากให้ใครเห็น
หวง!
“ใครเป็นลุงแกห๊า~
ไอ้กระต่ายขี้เมานี่” ในขณะที่คนอื่นมองเจ้ากระต่ายของเขาตาเยิ้มก็มีแต่ฟาบริซิโอ้นี่แหละที่ลุกขึ้นมาชี้นิ้วด่า
สมแล้วที่เป็นคนที่เขาไว้ใจได้ที่สุดในทีม
“งั้นเดี๋ยวผมขอพาจ้านเกอกลับก่อนนะครับ”
เขารวบมือไม้ที่เลื้อยไปตามร่างกายเขายิ่งกว่าหนวดปลาหมึกเข้าไว้ด้วยกันก่อนจะหันไปบอกเพื่อนร่วมทีมดูคาติ
“ไปๆ
รีบพาไปนอนเถอะ พรุ่งนี้ต้องบินไปช่วยพวกเฟอร์รารี่ต่อด้วยนี่?” ฟาบริซิโอ้โบกมือไล่
“ครับ”
นักบิดจากทีมยามาฮ่าหิ้วปีกคนที่ไม่ค่อยจะยอมเดินก่อนจะหันมาโค้งให้ทีมดูคาติอีกครั้ง
“ที่ผ่านมา
ขอบคุณที่ดูแลเขาเป็นอย่างดีนะครับ”
เขาขอบคุณเพื่อนร่วมทีมของเจ้ากระต่ายจากใจจริง
ถึงช่วงแรกๆจะมีปัญหากันไปบ้างแต่หลังจากนั้นทุกคนก็ให้ความรักความเอ็นดูแฟนของเขาไม่น้อยและยังคอยปกป้องจากสื่อและคนนอกไม่ต่างจากพวกเฟอร์รารี่เลย
“พวกชั้นก็ขอบคุณนายกับเซียวจ้านเหมือนกัน
พวกนายเป็นเหมือนเชื้อเพลิงที่เข้ามาจุดไฟในตัวพวกเราที่เกือบจะมอดดับไปแล้ว
ปีหน้าก็ฝากตัวด้วยนะ”
ฟาบริซิโอ้ตบไหล่เขาเบาๆ
“ครับ”
พวกดูคาติทำให้ฤดูกาลนี้เป็นฤดูกาลที่มีค่ามากสำหรับเขา
เขาสนุกมากที่ได้แข่งกับอีกฝ่าย สนุกมากจริงๆ
เขาหิ้วเจ้ากระต่ายขึ้นรถของทีมที่รอรับอยู่ก่อนจะโบกมือน้อยๆให้ลูกทีมดูคาติสองสามคนที่ตามมาส่ง
อันที่จริงทั้งทีมของเขาและทีมของเจ้ากระต่ายยังฉลองกันต่อและคงจะยาวไปถึงเช้า
ช่วยไม่ได้ก็พวกนั้นว่างกันแล้วนี่ มีเวลาเที่ยวเล่นปาร์ตี้อยู่ที่บาเลนเซียอีกหลายวัน
แต่เขากับเจ้ากระต่ายนั้นยังมีภารกิจต้องไปทำต่อ
เจ้ากระต่ายถูกเรียกตัวกลับเฟอร์รารี่แบบด่วนๆ
F1
ยังเหลือสนามสุดท้ายอีกหนึ่งสนามที่กำลังจะแข่ง
ถึงสเลน
ทรอยยาร์ดจะได้แชมป์โลกประเภทบุคคลของปีนี้ไปแล้วแน่ๆ
แต่ตอนนี้คะแนนประเภททีมผู้ผลิตของเฟอร์รารี่กลับกำลังร่อแร่
ต้องวัดกันจนถึงสนามสุดท้ายอย่างที่ไม่ได้ปรากฏในประวัติศาสตร์ของม้าลำพองมานาน
เพราะงั้นจึงจำเป็นต้องเรียกหัวกะทิที่สุดของทีมกลับไปช่วย
ดูสิ
เป็นตัวแสบขนาดไหนเจ้ากระต่ายของเขา มาMoto GPก็ทำให้เขาต้องสู้รบด้วยจนถึงสนามสุดท้าย ส่วนทางฝั่งF1พวกเฟอร์รารี่ที่ขาดเจ้ากระต่ายก็ต้องสู้กับทีมอื่นจนถึงสนามสุดท้ายเช่นกันเพราะไม่สามารถจะทำคะแนนทิ้งห่างอย่างปีก่อนๆได้
จากนี้ไปก็เชื่อได้เลยว่าเฟอร์รารี่จะไม่มีวันปล่อยเจ้ากระต่ายออกนอกพิตสีแดงอีกแน่นอน
“นั่นแชมเปญ! ชั้นก็จะดื่มให้นายด้วย!
หวังอี้ป๋อเก่งที่สุด!” เจ้ากระต่ายเมามองเห็นขวดแชมเปญฉลองแชมป์ของเขาซึ่งวางอยู่บนเบาะอีกฝั่ง
ลำตัวบางจึงขยับพาดหน้าตักเขาเพื่อจะข้ามไปหยิบ
“ไม่เอา
พี่เมาแล้ว” มือใหญ่ดันขวดแชมเปญหลบ
ปล่อยให้เมามากกว่านี้ไม่ได้ แค่นี้ ‘กำลังดี’ แล้ว
“ไม่เมา~ เอามา
ชั้นจะดื่ม~” แต่เจ้าคนเมาก็ไม่ยอม
มือบางพยายามแย่งขวดแชมเปญกับเขา ลำตัวผอมจึงยิ่งขยับเข้ามาแนบชิดนัวเนียมากขึ้น
เขาจึงตัดสินใจยกขวดแชมเปญกระดกเข้าปากตัวเองรวดเดียว
“หมดแล้ว” เขาคว่ำขวดให้เจ้ากระต่ายดื้อดู
“งั้น...ชั้นดื่มจากปากนายก็ได้
คราวที่แล้วนายก็ให้ชั้นดื่มแบบนั้- อื้อ?! อื้อๆๆ!”
มือใหญ่รีบตะครุบปิดปากเจ้าคนเมาเอาไว้เพราะในรถไม่ได้มีแค่เขาสองคน
แต่ยังมีทั้งเทรนเนอร์ส่วนตัวของเขากับลูกทีมที่ขับรถมาส่งอีก!
มันน่าฟาดก้นซักทีเจ้ากระต่ายตัวดี
รอให้ถึงห้องก่อนเถอะ!
“แน่ใจนะว่าจะไม่ให้ผมตามไปอาบูดาบีด้วย?”
เทรนเนอร์เปิดกระจกรถลงมาถามเมื่อเขาลากเจ้ากระต่ายลงมายืนอยู่หน้าโรงแรม
“ไม่ต้องหรอก
ผมแค่ตามไปดูจ้านเกอ คุณก็กลับบ้านไปพักผ่อนเถอะ เหนื่อยมาทั้งปีแล้ว” เขายิ้มบางๆเมื่ออีกฝ่ายถามด้วยความหวังดี
“ผมไปนะ
ขอบคุณครับ”
เขาค่อมหัวให้ทั้งสองคนที่ยังมองส่งจนเขาเดินหายเข้าไปในลิฟท์
มือข้างหนึ่งกดเลขชั้น
ส่วนอีกข้างก็ต้องกอดเอวเจ้าคนที่ไม่ยอมยืนเองเอาไว้ เวลาเมานี่ทั้งอ้อนทั้งอ่อยเลยจริงๆ
“พี่หิวไหม?
กินอะไรหรือยัง?”
มือใหญ่ยกขึ้นปัดผมหน้าม้าที่ยุ่งเหยิงให้เข้าที่ก่อนจะมองใบหน้าอ้อนๆนั่นด้วยความเอ็นดู
ใบหน้าแดงระเรื่อส่ายไปมาแทนคำตอบว่าไม่หิวแล้วซบลงมาที่ไหล่เขา
“อยากอยู่กับนาย
ไม่อยากกิน~” ....แต่ตอนนี้ผมอยากกินมากครับ...เขาถึงกับต้องเงยหน้าหลับตาเอาไว้อย่างพยายามข่มใจ
ติ๊ง!
ทันทีที่เสียงลิฟท์ดังขึ้น
มือใหญ่ก็รีบคว้าข้อมือบางแล้วจ้ำอ้าวออกไปจนเจ้าคนเมาแทบจะปลิว
แกร่ก!
ประตูห้องเปิดออกตามความรีบร้อนของคนที่ก้าวขาเข้าไป
รองเท้าถูกถอดลวกๆจนกระเด็นไม่รู้ทิศทาง เขาหมดความอดทนแล้ว
ทนแม้แต่จะให้ถึงเตียงก็ยังไม่ได้!
เจ้ากระต่ายเมาถูกเหวี่ยงติดกำแพง
ลำตัวหนาตามประกบโดยไม่เว้นจังหวะ
ริมฝีปากร้อนบดขยี้ปากดีๆที่ยั่วเย้าเขามาตลอดทาง
“อื้อ~~”
และเจ้าของมันก็ได้แต่ร้องประท้วงอยู่ในลำคอ
มือบางปัดป่ายไปตามไหล่เขาเพราะไม่ทันตั้งตัว
หลังจากบดขยี้กลีบกุหลาบจนพอใจ
ความหมั่นเขี้ยวถูกระบายออกไปได้บ้างเขาจึงเปลี่ยนมาจูบเบาๆ ซ้ำๆ
ย้ำๆอยู่บนริมฝีปากแดงช้ำนั่น จูบหนึ่งที บดขยี้หนึ่งที งับหนึ่งที จูบแสนเซ็กซี่เปลี่ยนมุมไปเรื่อยๆวนเวียนอยู่แบบนี้จนคนถูกจูบเริ่มตาลาย
เสียงจุ๊บๆดังให้รู้สึกเขินอาย
ยิ่งผนวกกับฤทธิ์แอลกอฮอล์ก็ยิ่งทำให้ร่างโปร่งทรงตัวไม่อยู่
แผ่นหลังบางไหลครูดลงกับกำแพงเรื่อยๆและเขาก็ขี้เกียจก้มตามลงไปจูบ
ท่อนแขนแข็งแรงจึงตวัดโอบรอบเอวคอดแล้วอุ้มเจ้ากระต่ายขึ้นไปนั่งอยู่บนเคาน์เตอร์ส่วนเตรียมอาหารแทน
“อื้ม...” ริมฝีปากไม่ได้จากกันแม้แต่วินาทีเดียว
เขายังคงจูบหยอกหลอกให้อยากแบบนั้นโดยไม่ได้ล่วงล้ำเข้าไป
เจ้ากระต่ายหลับตาลงอย่างเคลิบเคลิ้มดูก็รู้ว่าชอบรสจูบของเขา
“สนามนี้ผมก็ชนะ
ไหนของรางวัลเดิมพันของผมล่ะ?”
เขาละออกมาทวงพลางยกยิ้มมุมปาก
สองแขนเท้าลงไปที่เคาน์เตอร์หินแกรนิตจนตอนนี้ปลายจมูกอยู่ห่างกันไม่ถึงคืบ
“มาเอาไปสิ
เท่าที่นายต้องการเลย”
เจ้ากระต่ายสายเมาแล้วอ่อยยิ้มยั่วเขา
สองแขนเล็กยกขึ้นมาคล้องลำคอก่อนจะดึงตัวเขาเข้าไป
ร่างหนาแทรกกลางอยู่ระหว่างขาเรียวทั้งสองข้าง แค่รู้ว่าปากทางเข้ามันอยู่ห่างแค่กางเกงกั้นก็รู้สึกตื่นขึ้นมาเลย
ปลายจมูกแตะกันนิดหน่อยก่อนที่เขาจะเบี่ยงมุมแล้วจึงมอบจุมพิตให้แก่กัน
แค่ริมฝีปากของเขากดลงไปบนเยลลี่สีแดงนุ่มหนุบหนับนั่นก็ทำเอาปั่นป่วนไปทั้งลมหายใจ
ไม่พอ ปลายลิ้นเล็กๆของเจ้ากระต่ายยังแทรกออกมาแตะกลีบปากเขาอย่างยั่วเหย้าให้ตามเข้าไป
เพราะงั้นมันจึงถูกดันกลับเข้าโพรงปากด้วยลิ้นร้อนของเขาก่อนจะรุกไล่พัวพันกันอย่างเมามัน
จูบรสเหล้าคละเคล้าอยู่ในปากด้วยความร้อนแรง
เวลานี้เขาคงอ่อนโยนด้วยไม่ไหวเพราะเขาเองก็ดื่มมาไม่ใช่น้อย
จะบอกว่ายังมีสติครบถ้วนก็ไม่ถูกนัก
เขาไม่มีทางยับยั้งชั่งใจไม่ให้กินเนื้อกระต่ายหวานๆตรงหน้าด้วยความหิวโหยได้
“อื้อ?” ในขณะที่ปากก็ยังไม่ละออกมา
มือหนาก็ดึงกางเกงสีแดงออกจากสะโพกมน แค่มันพ้นหัวเข่าออกไปได้
มันก็ไหลลงไปกองที่พื้นเอง
“อื้อ!” มือใหญ่สอดล้วงเข้าไปในปราการด่านสุดท้ายก่อนจะสัมผัสบีบคลึงจนคนที่ยังถูกปิดปากแทบจะดิ้นพล่าน
ใบหน้าใสแดงซ่านหนักกว่าเก่าจนเขาต้องละริมฝีปากออกมาเพื่อไม่ให้เจ้ากระต่ายขาดใจตายไปเสียก่อน
“ฮ้า...ฮ้า...ฮ้า...อ๊ะ!”
ทั้งหอบหายใจทั้งสะดุ้งโหยงเมื่อมือของเขายังปลุกปั่นมันอยู่ภายในพื้นที่คับแคบ
ใบหน้ามนมองเขาด้วยสายตาอ้อนวอน ทั้งอยากจะขมวดคิ้ว ทั้งอยากจะคราง
ความรู้สึกหลากหลายตีกันมั่วไปหมดบนใบหน้าสวยหวานนั่น
“ถอดเสื้อพี่ออก
แล้วก็ถอดให้ผมด้วย”
เขาบอกด้วยรอยยิ้มของผู้ที่เหนือกว่า
เพื่อแลกกับโลกกว้างมือบางที่สั่นน้อยๆจึงค่อยๆปลดกระดุมเสื้อฟอร์มสีแดงของตัวเองออกจากกัน
แผ่นอกที่เริ่มชูชันเผยให้เห็นแก่สายตา
เขาถึงกับเลียริมฝีปากเมื่อมองเห็นเจ้าเม็ดเชอร์รี่สีน่ากินนั่น เขาจ้องมองเจ้ากระต่ายเซ็กซี่ที่ค่อยๆถอดเสื้อของตัวเองออกอย่างไม่วางตา...น่ากิน...น่ากินสุดๆไปเลย
“พอแล้ว” เสียงทุ้มเอ่ยบอกเมื่อมือบางเตรียมแหวกสาบเสื้อออกจากไหล่แคบ
“เหลือไว้แค่นั้นแหละเดี๋ยวเจ็บหลัง”
“อ๊ะ
อา~”
มือใหญ่รูดจนสูดปลายให้หนึ่งครั้ง ร่างบอบบางจึงสั่นสะท้านไปทั้งตัว
ท่อนแขนเล็กผวากอดคอเขาไว้เป็นที่พึ่งแต่ความอึดอัดที่เบื้องล่างก็ยังคงอยู่เพราะเขายังไม่เอามันออกมาจากชั้นในตัวจิ๋ว
“ถอดเสื้อให้ผม” ใบหน้าหล่อเหลาก้มกระซิบที่ใบหูแดง
มือที่สั่นระริกจึงค่อยๆละเรื่อยลงมาตามสีข้างก่อนจะจับปลายเสื้อเขาไว้
ค่อยๆดึงมันออกให้ทางหัว
กล้ามหน้าท้องเป็นลอนและแผงอกแข็งแรงสะกดสายตาเชื่อมปรอยนั่นอยู่หลายวินาที
ฝ่ามือเรียบลื่นไล่สัมผัสมันอย่างหลงใหล มือบางเกือบจะล้วงเข้ามาในกางเกงของเขา ทว่า
“อ๊ะ
อ้า~”
เสียงครางอย่างรัญจวนใจก็ดังขึ้นเสียก่อน
เขารูดมือขึ้นลงช้าๆจนเจ้ากระต่ายต้องสะบัดเงยหน้า น้ำสีขุ่นปริ่มออกมาจนชั้นในชื้นแฉะ
เขาจึงค่อยๆดึงมันออกจากเรียวขา อิสระและโลกกว้างทำให้ใบหน้ามนถึงกับครางอย่างพึงพอใจ
หน้าท้องแบนเรียบแอ่นเข้าหากล้ามหน้าท้องแข็งๆของเขา
ต่างฝ่ายต่างบดเบียดลำตัวเข้าหากันและกันจนแทบไม่มีช่องว่าง
เวลาผิวเนียนนุ่มนิ่มแนบแน่นเสียดสีกับกล้ามแข็งๆของเขามันทำให้เราทั้งคู่รู้สึกดี
มันเป็นความแตกต่างอย่างสิ้นเชิงแต่มันกลับเติมเต็มพวกเราทั้งคู่
อ้อมแขนผอมโอบกอดรอบคอเขาไว้ในขณะที่เขาดันเจ้ากระต่ายลงไปนอนราบบนเคาน์เตอร์สีดำสนิท
ผิวขาวผ่องที่ห่อหุ้มด้วยเสื้อเชิ้ตสีแดงหลุดลุ่ยช่างดูเซ็กซี่เร้าใจและเปล่งประกายเสียจริง
สวยจนอยากจะเสียบเข้าไปให้บิดเร่าราวกับขาดเขาไม่ได้ให้รู้แล้วรู้รอด
มือใหญ่แหวกขาเรียวให้อ้ากว้างกว่าเดิม
เขาทนไม่ไหวแม้แต่จะละไปหยิบเจลหล่อลื่นในกระเป๋า
สองนิ้วจึงถูกชโลมด้วยน้ำลายจากปลายลิ้นแทน
ดวงตาคมกล้าเหลือบลงไปมองใบหน้ามนที่มองสวนกลับมาอย่างเว้าวอน
สายตาออดอ้อนให้ช่วยปลดปล่อยตนไปทีนั่นมันทำให้เขาแทบจะทนไม่ไหว เขาไม่สามารถจะต่อต้านสัญชาติญาณดิบของตัวเองได้ในเวลาที่ดื่มมาไม่น้อยแบบนี้
สองนิ้วจึงสอดใส่เข้าไปทันที
“อ๊า~~” เจ้ากระต่ายแทบดิ้นพล่าน
มือเล็กๆกำขย๋ำชายเสื้อเอาไว้แน่นเมื่อมีสิ่งแปลกปลอมแต่ก็คุ้นหน้าสอดแทรกเข้าไปในร่างกาย
สภาพที่ยั่วเย้าของเจ้ากระต่ายซึ่งนอนรอให้เขากินอยู่บนเคาน์เตอร์นี่สุดจะทนแล้วจริงๆ
ปลายนิ้วจึงหมุนวนอย่างเอาแต่ใจ
“อ๊ะ
อา อ้า~” เสียงใสครางไม่ได้สรรพ
ใบหน้าชื้นเหงื่อสะบัดไปมาอย่างไม่รู้ว่ากำลังทรมานหรือกำลังเสียวซ่านถึงใจอยู่กันแน่
เขาสอดนิ้วที่สามเข้าไปอีกก่อนจะดึงเข้าออกช้าๆ สายตาจับจ้องอยู่ที่ปากทางเข้าสีสวยในขณะที่ละมืออีกข้างเพื่อปลดซิปกางเกงของตัวเอง
ความเป็นชายขนาดใหญ่ถูกดึงออกมาในสภาพพร้อมเต็มที่
อย่างเขาไม่ต้องปลุกเร้าอะไรมากมายแค่เห็นเจ้ากระต่ายมานอนอ่อนระทวยรอให้กินแบบนี้อี้ป๋อน้อยมันก็พร้อมเสมอแล้ว
เพราะทำกันบ่อย
ไม่นานช่องทางก็พร้อมถึงจะดูเหมือนไม่พร้อมก็เถอะ
เขาถอนนิ้วออกมาก่อนจะจรดปลายร้อนระอุลงไป
เจ้ากระต่ายปรายตามองเขาอย่างรู้ว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้น
ร่างโปร่งบางหอบสะท้านก่อนจะปิดตาแน่นเมื่อเขาค่อยๆสอดใส่เข้าไป
เขามองมันจากมุมสูง มองร่างกายของเขาค่อยๆจมหายเข้าไปในร่างกายอ่อนนุ่มของเจ้ากระต่าย
มองมันตั้งแต่หัวจนสุดโคน มองมันจนเข้าไปได้มิด
ไม่ต้องเดาเลยว่าข้างในนั้นมันทำให้เขารู้สึกดีแค่ไหน
ผนังนุ่มๆที่โอบรัดเขาไว้มันทำให้แทบคลั่ง
“อ้า~” เจ้ากระต่ายสะบัดหน้าอย่างทรมาน
น้ำใสๆไหลปริ่มอยู่ที่ขอบตา คิ้วเรียวก็ขมวดเข้าหากัน เขาจึงก้มลงไปจูบซับเบาๆ
“โอ๊ย!
อี้ป๋อ~”
เจ้ากระต่ายถึงกับกระตุกเฮือกเมื่อเขาเริ่มขยับทันที
สะโพกมนถอยหนีแต่มือใหญ่ของเขาก็จับเอวบางเอาไว้ ดูเหมือนข้างในมันจะฝืดกว่าที่คิด
สงสัยแค่น้ำลายอาจจะไม่พอ?
ลำตัวหนาจึงโน้มลงไปจูบริมฝีปากสีแดงให้กล้ามหน้าท้องแข็งๆของเขาเสียดสีกับแกนกายของเจ้ากระต่ายไปมา
สองมือก็สอดประสานกับมือบางเพื่อถ่ายทอดความรักให้อีกฝ่ายผ่อนคลาย
และเมื่อเจ้ากระต่ายเริ่มเคลิบเคลิ้มคล้อยตาม
มือใหญ่ก็ละลงไปกอบกุมแกนกายนั้นอีกครั้ง ค่อยๆรูดขึ้นลงอย่างเชื่องช้าอ่อนหวานในขณะที่บดเบียดกล้ามท้องเข้าใส่ไปด้วย
แล้วค่อยๆเร่งจังหวะขึ้นเรื่อยๆ
เรื่อยๆ
“อ๊ะ
อ๊า อี้ป๋อ~~” เจ้ากระต่ายที่ถูกปรนเปรอจนถึงใจปลดปล่อยน้ำรักสีขาวขุ่นออกมาเต็มหน้าท้อง
ไหล่บางหอบจนตัวโยน ส่วนเขาก็ใช้ปลายนิ้วปาดของเหลวเหล่านั้นให้ไหลมารวมกัน
มันค่อยๆไหลลงไปยังช่องทางเบื้องล่าง ไหลลงไปรดแกนกายใหญ่ซึ่งถูกดึงออกมารออยู่บางส่วน
แกนกายร้อนระอุที่ถูกชโลมด้วยของของเจ้ากระต่ายถูกสอดกลับเข้าไปจนมิดตามเดิมอีกครั้ง
แต่ของเหลวที่มันเอาเข้าไปด้วยนั้นทำให้ช่องทางคับแน่นหล่อลื่นขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
“อ้า~” เสียงใสครางอย่างพอใจเมื่อข้างในไม่เจ็บ
เขาจึงกดร่างกายเข้าใส่ช้าๆ หนักหน่วง และทำให้เจ้ากระต่ายรู้สึกดีที่สุด
“อ้า~
อี้ป๋อ~”
ใบหน้ามนที่พราวไปด้วยเหงื่อมองมาที่เขาด้วยสายตาเว้าวอน
ความสงบที่เกิดขึ้นเพียงชั่วครูดูเหมือนจะถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง
แกนกายของเจ้ากระต่ายค่อยๆเติบโตขึ้นอีกหน รู้สึกดีหรือไม่ดีตรงนี้ก็ฟ้องออกมาหมด
“อ๊ะ!”
ร่างโปร่งสะดุ้งน้อยๆเมื่อเขาเจอจุดอ่อนไหวที่อยู่ภายในเข้า
ใบหน้าหล่อเหลาจึงยกยิ้มมุมปาก แค่รู้ว่าเจ้านี่อยู่ตรงไหน
เจ้ากระต่ายก็หนีไปจากเงื้อมมือเขาไม่รอดแน่คืนนี้
“อะ
อื้อ~ อ้า~ อย่านะ~” เขากระแทกกายซ้ำๆลงไปจนเสียงใสต้องร้องห้ามเสียงหลง
ตรงนั้นมันทำให้เจ้ากระต่ายรู้สึกดีจนน้ำสีขาวขุ่นแทบจะไหลทะลักออกมาอีกรอบถ้ามือของเขาไม่ปิดกั้นมันเอาไว้เสียก่อน
เขาดึงโคนขาขาวให้แนบชิดลำตัวมากขึ้น
ท่อนบนเปลือยเปล่าโน้มลงไปหาคนที่นอนหงายอยู่บนเคาน์เตอร์ก่อนจะโอบกอดแนบแน่น ท่อนล่างที่ยังคงสวมกางเกงครบยืนอย่างมั่นคง
ความเป็นชายกระแทกสอดใส่เข้าไปให้ลึกมากขึ้น เจ้ากระต่ายครวญครางแทบขาดใจ
ใบหน้าใสแดงซ่านสายตาล่องลอยปล่อยให้ร่างกายโยกคลอนไปตามแรงของเขาด้วยความเร้าใจ
“มะ
ไม่ไหว ไม่ไหวแล้ว อี้ป๋อ พอที”
จังหวะสอดใส่ที่ถึงใจทำให้เจ้ากระต่ายทนไม่ไหวอีกต่อไป
ฟันคู่หน้ากัดลงมาที่ริมฝีปากก่อนจะหลับตาแน่น
เขามองมันอย่างเอ็นดูแล้วโยกกายถี่กระชั้นอีกนับสิบครั้ง
ก่อนจะดึงจนสุดแล้วกระแทกกลับเข้าไปรวดเดียว
“อ๊า~~~” เสียงครางสูงดังขึ้นพร้อมกับความสุขสมที่พุ่งจนสุดปลายทาง
ร่างของพวกเขากระตุกเกร็งก่อนที่ทุกความปรารถนาจะถูกสาดใส่กันและกัน
ของของเขาแผ่ซ่านเข้าไปในตัวเจ้ากระต่าย ส่วนของของอีกฝ่ายก็ฉีดพุ่งเลอะเต็มหน้าท้องเขา
ถึงจุดสูงสุดของความต้องการ แต่คืนนี้ก็ยาวนานเกินกว่าจะจบลงแค่นี้
มือใหญ่ดึงเอวของคนที่นอนแผ่อย่างหมดเรี่ยวหมดแรงอยู่บนเคาน์เตอร์สีดำลงมา
ก่อนจะจับพลิกให้ร่างบางหันหน้าเข้าหาเคาน์เตอร์
“เดี๋ยว?!
จะให้ยืนเหรอ? ชั้นไม่ไหวแล้ว อ๊า!”
เจ้ากระต่ายยังไม่ทันหันมาทักท้วงเสร็จเขาก็จบบทสนทนาพวกนั้นด้วยความเป็นชายที่ยังไม่ลดขนาดลงเท่าไหร่สอดใส่กลับเข้าไปที่เดิม ก้นลูกพีชเด้งๆนิ่มๆปะทะอยู่กับโคนขาของเขามันช่างเร้าอารมณ์ดีจริงๆ
มือใหญ่จึงบีบมันอย่างหมั่นเขี้ยว
“เบาๆ” เจ้ากระต่ายเหลียวมามอง
สองขาที่ยันพื้นเอาไว้สั่นระริก
น้ำสีขาวขุ่นที่เล็ดรอดออกมาตามจังหวะชักกายของเขาไหลลงตามเรียวขา
เพราะความปรารถนาของเขาที่มีต่อเจ้ากระต่ายนั้นมันช่างมากมายเสียเหลือเกิน
“อ้า~” แขนบางถึงกับต้องเท้าเกาะเคาน์เตอร์ไว้
เขาไม่ต้องเริ่มเล้าโลมใหม่เพราะข้างในมันเปียกชุ่มเพียงพออยู่แล้ว
ความเป็นชายจึงกระแทกใส่ตามแต่ใจทันที
“อะ
อ้า” เสียงใสครางจนเริ่มแหบแห้ง
ถึงอยากจะพักแต่มือใหญ่ที่รั้งเอวบางไว้ก็ทำให้สะโพกมนต้องรับศึกหนักต่อไป
หวังอี้ป๋อยังคงกระแทกใส่ไม่ยั้ง ความต้องการถูกใส่ไปเต็มที่
ทั้งถี่กระชั้นทั้งหนักหน่วงรุนแรง
ให้สมกับความรักที่มีให้มากจนแม้แต่โลกก็ยังรับไม่ไหว
“อี้ป๋อ
อื้อ อ๊า~”
เสียงครางสูงดังขึ้นพร้อมกับการปลดปล่อยอีกครั้ง น้ำสีขาวขุ่นปริมาณมากไหลทะลักลงมาตามเรียวขาที่สั่นเทา
เจ้ากระต่ายแทบจะทรุดลงไปกองกับพื้นดีที่มือใหญ่รั้งเอาไว้ได้ทัน
อ้อมแขนแข็งแรงตวัดกอดร่างโปร่งบางเอาไว้
เจ้ากระต่ายคว่ำหน้าพาดท่อนบนอยู่กับเคาน์เตอร์อย่างหมดแรง แผ่นอกบางหอบหายใจหนักๆ
เขาเองก็ใช้แผ่นหลังขาวๆนั่นเป็นที่พักก่อนเช่นกัน
แน่นอนว่าเขารอแค่ให้ลมหายใจกลับมาเป็นปกติ
หลังจากนั้นท่อนแขนแข็งแรงก็หิ้วร่างปวกเปียกไปโยนลงบนเตียง
ใช่...เขาจะต่ออีกรอบ
และอีกหลายๆรอบเลยในคืนนี้
แสงแดดที่สาดส่องเข้ามาทำให้เปลือกตาค่อยๆเปิดขึ้นช้าๆ
ใบหน้าหล่อเหลาขมวดคิ้วน้อยๆก่อนที่มือใหญ่จะคลำหาโทรศัพท์มือถือที่น่าจะตกอยู่รอบๆตัว
ปลายนิ้วกดเพื่อดูเวลา
07:00…
เจ็ดโมงเช้าแล้วเหรอเนี่ย?
นักบิดมือหนึ่งของทีมยามาฮ่าขยับตัวอย่างเกียจคร้าน
แล้วร่างกายนุ่มนิ่มที่ซบอยู่บนแผงอกก็ทำให้เขาต้องก้มลงไปมองด้วยความเอ็นดู
ร่างกายของเราเปลือยเปล่าด้วยกันทั้งคู่
และตอนนี้เขาก็รู้สึกเบาตัวสุดๆ
แต่ดูท่าเจ้ากระต่ายจะแปลผกผันกับเขา
ใบหน้ามนยังคงหลับเป็นตาย
ถ้าเขาจะปลุกตอนนี้ก็คงจะใจร้ายไปหน่อยเพราะเขาเองนี่แหละที่เพิ่งปล่อยให้อีกฝ่ายได้นอนเมื่อสองชั่วโมงก่อนนี่เอง
ใบหน้าคมขยับไปจูบขมับของคนหลับเบาๆ
เขาค่อยๆยกตัวเจ้ากระต่ายลงและไออุ่นที่หายไปก็ทำให้เจ้ากระต่ายส่งเสียงอืออาอย่างขัดใจจนเขาต้องขยับกลับไปกอดไว้
มือใหญ่ดึงผ้าห่มมาคลุมไหล่บางอย่างทะนุถนอมก่อนจะนอนมองอยู่แบบนั้น
ฝ่ามือลูบหลังบางแผ่วเบาราวกับกำลังปลอบโยน
รอ...จนลมหายใจของเจ้ากระต่ายกลับไปสม่ำเสมออีกครั้ง
หลังจากมองจนแน่ใจว่าอีกฝ่ายหลับไปแล้ว
เขาจึงค่อยๆปลีกตัวออกมา ช้าๆ เบาๆ
เสียงสวบสาบดังขึ้นเมื่อเขาค่อยๆขยับตัวออกจากผ้าห่ม
มือใหญ่หยิบกางเกงยีนส์ที่ถูกโยนไว้ปลายเตียงมาสวมก่อนจะเดินออกมาพบกับสภาพห้องที่เละเทะมากผลจากการกินกระต่ายของเขาเมื่อคืน
คราบคาวสีขาวขุ่นหยดเลอะเป็นหย่อมๆตั้งแต่เคาน์เตอร์หน้าห้องมาจนถึงเตียงลามไปยันห้องน้ำ
ถ้าเจ้ากระต่ายเห็นเข้าคงกรี๊ดแตกและไม่ยอมให้เขาทำมาราธอนแบบนี้อีกแน่ๆ
เพราะงั้นทุกครั้งเขาจึงต้องรีบตื่นขึ้นมาจัดการทำความสะอาดให้เรียบร้อยก่อน
เขาก้มลงไปหยิบชุดยูนิฟอร์มสีแดงของทีมดูคาติขึ้นมาพับเรียบร้อยก่อนจะวางมันลงไปในกระเป๋า
จากนี้ไปมันคงจะไม่ได้ใช้อีกแล้วแต่เขาก็ตั้งใจจะเก็บมันไว้เป็นอย่างดีเพราะมันคือหนึ่งในความทรงจำที่ดีที่สุดสำหรับเขา
การที่เจ้ากระต่ายได้สวมเสื้อทีมตัวนี้มันทำให้เขาได้เรียนรู้อะไรอีกมากมาย
ได้จับมือกันและกันก้าวผ่านอีกช่วงเวลาหนึ่งซึ่งยากลำบากที่สุดในชีวิต
มันคือบทพิสูจน์ความรักของพวกเขาว่าจะไม่ทอดทิ้งกันไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม
นอกจากนั้นมันยังทำให้เขาได้เห็น Moto GP ในมิติใหม่
ได้เจอคู่ต่อสู้ที่ร้ายกาจ ได้สนุกสนานไปกับการแข่งขันอย่างแท้จริง
เขายิ้มบางๆในขณะที่ทอดสายตามองเสื้อตัวนั้น
ก่อนที่มือใหญ่จะหยิบเสื้อสีแดงเพลิงอีกตัวออกมาจากกระเป๋าเดินทาง
เขาวางเสื้อสีแดงตัวใหม่ไว้บนผ้าขนหนูเพื่อเตรียมให้เจ้ากระต่ายใส่
เสื้อตัวนี้ปักตราของม้าลำพองไว้บนอก...
ได้เวลากลับบ้านแล้วนะ
จ้านเกอ
เขาค่อยๆปลุกเจ้ากระต่ายบาดเจ็บให้ตื่นจากนิทราเมื่อใกล้เวลาที่จะต้องไปสนามบิน
วันนี้กระเป๋าเดินทางของพวกเขาจะใบใหญ่หน่อย
เพราะพวกเขาจะไม่ได้กลับบ้านถึงสองอาทิตย์ติด จากสเปนต้องบินไปสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ต่อเลย
ตอนนี้...พวกทีมแข่งรถฟอร์มูล่าวันของเฟอร์รารี่กำลังเตรียมตัวสำหรับสนามสุดท้ายของฤดูกาลอยู่ที่เมืองอาบูดาบีที่อยู่ติดกับดูไบ...
“อยากไปบาร์เซโลน่า...อยากไปมาดริด...อยากไปมาลาก้า...”
เจ้ากระต่ายเดินขยี้ตางอแงตามหลังเขาออกมาจากห้องพักของโรงแรม
“เดี๋ยวผมค่อยพามาช่วงปิดฤดูกาลดีไหม?” เขาจูงเจ้ากระต่ายเดินเข้าลิฟท์ก่อนจะหันไปลูบหน้าลูบตาคนที่เสพติดการไปเที่ยวหลังจากแข่งเสร็จไปแล้ว
“อือ” ใบหน้ามนพยักรับทั้งๆที่ยังทำแก้มป่อง
“พี่ยังไม่หิวใช่ไหม?
ไว้ไปหาอะไรกินที่สนามบินก็แล้วกัน ว่าแต่ร่างกายพี่เป็นยังไงบ้าง?” เท่านั้นแหละ
เจ้ากระต่ายหันมาทำตาเขียวใส่ทันที
“นายทำก้นชั้นพังแล้วยังมีหน้ามาถามอีกเหรอ?
สะโพกชั้น เอวชั้น ก้นชั้น ปวดเมื่อยไปหมดแล้ว!
แค่เดินยังไม่อยากจะเดินเลย! ฮึ่ย” เจ้ากระต่ายชักหน้าหงิกใส่
เขาจึงได้แต่ยิ้มก่อนจะทำหน้าอ้อนเพื่อง้อ
“ขอโทษ...ผมผิดเอง
เดี๋ยวผมเลี้ยงของอร่อยๆ นะ”
ดวงตาคู่โตเหล่มองเขาอย่างเคืองๆ
“ชั้นไม่ใช่กระต่ายที่นายจะเลี้ยงเอาไว้กินนะ!
ชั้นไม่เห็นแก่อาหารที่นายเอามาล่อหรอก!”
“ถ้างั้นจะกินอะไร?”
“Cannoli!”
ไหนบอกว่าเอาของกินมาล่อไม่ได้ไง? เจ้ากระต่ายเอ้ย...
“ครับ”
“เอาของปาแลร์โม่บนเกาะซิซิลีเท่านั้นด้วย!”
“ครับๆ
กลับจากอาบูดาบีแล้วจะรีบไปซื้อให้เลย ไปกันเถอะ” มือใหญ่ดันหลังเจ้ากระต่ายออกจากลิฟท์
เขาจัดการเช็คเอ้าท์เรียบร้อย และในขณะที่กำลังเดินไปขึ้นรถ
โทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้นเสียก่อน
“ครับ?”
เขากดรับโทรศัพท์อย่างแปลกใจเมื่อเห็นชื่อคนโทรมา
“หวังอี้ป๋อ
คุณอยู่ที่ไหน?”
น้ำเสียงของยามาโตะโนะคามิ ยาสึซาดะฟังดูร้อนใจแปลกๆ เพราะปกติอีกฝ่ายมักจะทักทายเขาอย่างใจเย็นอยู่เสมอ
“ผมกำลังจะไปสนามบิน
จากสเปนจะไปUAEต่อ มีอะไรรึเปล่าครับ?”
เขาลากกระเป๋าไปส่งให้พนักงานของโรงแรมเพื่อเก็บใส่ท้ายรถ
“มีความเคลื่อนไหวแปลกๆอยู่รอบตัวเซียวจ้าน
คุณระวังตัวไว้ด้วย รีบออกจากสเปนแล้วไปหาพวกเฟอร์รารี่ให้ไวที่สุด
ตอนนี้คุณมีแค่การ์ดของคุณใช่ไหม?”
น้ำเสียงของอีกฝ่ายไม่ปกติจริงๆและนั่นก็ทำให้เขารู้ว่าเรื่องที่อีกฝ่ายพูดมานั้นร้ายแรงแค่ไหน
เพราะถ้าไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายก็ไม่มีทางทำให้สายฝนโลหิตพวกนั้นสั่นคลอนได้หรอก
“ผมมีแค่การ์ด4คน” เขารีบยัดเจ้ากระต่ายใส่รถก่อนจะรีบก้าวขาตามเข้าไป
นัยน์ตาคมกล้ากวาดมองก่อนว่าคนที่มาขับรถให้นั้นคือหนึ่งในบอร์ดี้การ์ดของเขาไม่ใช่ใครอื่น
ใบหน้าหล่อเหลาพยักให้ผ่านกระจกมองหลังแทนสัญญาณให้ออกรถ ลีมูซีนสีดำสนิทจึงมุ่งหน้าสู่สนามบินบาเลนเซียทันที
“คนของวองโกเล่จะรอรับคุณอยู่ที่โรม
เปลี่ยนสายการบินซะถ้าคุณไม่ได้บินด้วย Alitalia จัดการซะแล้วค่อยคุยกัน” ดูเหมือนอีกฝ่ายกำลังรีบร้อนพอสมควร
ถึงเขาจะยังงงๆจับต้นชนปลายอะไรไม่ค่อยถูกแต่ก็พอจะเดาได้ว่าน่าจะเกี่ยวข้องกับอานัส
ซัลมาน พวกวองโกเล่ถึงได้ตื่นตัวกันขนาดนี้ ยามาโตะโนะคามิ
ยาสึซาดะวางสายไปแล้วเพื่อให้เขามีเวลาจัดการกับเรื่องสายการบิน
“มีอะไรรึเปล่า?
แฟนของคะชูโทรมาเหรอ?”
เจ้ากระต่ายบาดเจ็บหันมามองเขาด้วยท่าทางที่ยังเพลียๆ
“ครับ
เราต้องเปลี่ยนสายการบิน”
เขารีบสไลด์เปิดหน้าจอมือถืออย่างไม่คิดจะถามเหตุผลจากยามาโตะโนะคามิ
ยาสึซาดะสักคำ
นี่เขากลายเป็นพวกเฟอร์รารี่ที่เชื่อใจคนของวองโกเล่อย่างไม่มีข้อแม้ไปตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?
ปลายนิ้วรีบกดเข้าหน้าเวปไซต์ของสายการบินอิตาลี
ก่อนจะค้นหาเที่ยวบินไปUAE
เที่ยวที่บินเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ถึงแม้ว่าราคาจะแพงหูฉี่เลยก็ตาม
เพราะจากบาเลนเซียประเทศสเปนไม่มีบินตรงไปอาบูดาบีประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
เขาจึงต้องไปเปลี่ยนเครื่องบินที่สนามบินหนึ่งก่อน
และยามาโตะโนะคามิ
ยาสึซาดะก็ไม่ยอมให้เขาไปเปลี่ยนเครื่องที่สนามบินอื่นนอกจาก Fiumicino
International Airportของโรม
หมอนั่นจะให้คนของวองโกเล่มาคอยรักษาความปลอดภัยให้เขาที่นั่นและเขาเชื่อว่าต้องมีคนของวองโกเล่ตามทีมแข่งของเฟอร์รารี่ไปอาบูดาบีด้วยไม่ใช่น้อยเลย
หมอนั่นถึงได้บอกให้เขารีบไปหาฝูงม้าพยศให้ไวที่สุด
น่าจะมีเรื่องไม่ปกติเกิดขึ้นแน่ๆ
เขากดจอง
กดจ่ายเงินอย่างรวดเร็ว ใบหน้าหล่อเหลาถึงกับถอนหายใจเมื่อได้รับอีเมล์ยืนยันเรียบร้อยจากสายการบินอาลิตาเลีย
แล้วตั๋วเครื่องบินก่อนหน้านี้ล่ะ?
จะเลื่อนทันไหมเนี่ย? เขามองอีเมล์ของสายการบินลุฟต์ฮันซาที่ส่งมาก่อนหน้าอย่างปลงๆ
เพราะสายการบินเยอรมันนั่นต้องไปเปลี่ยนเครื่องที่แฟรงค์เฟิร์ต เขาจึงใช้ไม่ได้
แล้วในขณะที่กำลังเหนื่อยล้ากับความวุ่นวายที่ไม่ได้คาดหมายไว้ก่อนนี้...เจ้ากระต่ายก็เอนหัวซบลงมาบนไหล่เขา...
จู่ๆก็รู้สึกอุ่นวาบในหัวใจ...
เจ้ากระต่ายอาจจะอยากให้กำลังใจเขาเท่าที่ร่างกายอ่อนแรงนั่นจะทำได้
แต่การอ้อนเบาๆแบบนี้กลับมีอานุภาพรุนแรงต่อเขามากนัก
แค่นี้เขาก็พร้อมที่จะเผชิญกับทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อปกป้องเจ้าความรักนี้เอาไว้ให้ดีที่สุดแล้ว
“พี่หลับไปก่อนก็ได้
ถึงแล้วเดี๋ยวผมปลุก”
มือใหญ่ยกขึ้นเกลี่ยไล้เส้นผมสีดำออกจากหน้าผากมนอย่างรักใคร่
ไออุ่นแผ่ซ่านเข้ามาถึงต้นคอและกำลังลามไปที่ใต้แผ่นอกซ้าย
“อืม” ดวงตาคู่โตค่อยๆปิดลงอย่างวางใจ
เจ้ากระต่ายเองก็ไม่ถามเขาสักคำว่าเขากำลังทำอะไรหรือจะไปไหน
อีกฝ่ายแค่ไปกับเขาด้วยทุกที่เพียงเท่านั้น
มือใหญ่เลื่อนไปกอบกุมมือบางเอาไว้ก่อนจะยกโทรศัพท์ขึ้นแนบหู
ลางสังหรณ์ของเขาบอกว่าการโทรหารองหัวหน้าหน่วยพิรุณในครั้งนี้จะทำให้วินาทีต่อไปเต็มไปด้วยอันตรายอย่างแน่นอน
“ครับ
ผมเปลี่ยนสายการบินเรียบร้อยแล้ว จะบินด้วย Alitalia
เที่ยวบินถัดไปในอีกสองชั่วโมงครับ”
เขาแจ้งให้ยามาโตะโนะคามิ ยาสึซาดะทราบเมื่ออีกฝ่ายรับสาย
“ครับ
คนของวองโกเล่จะรอคุณอยู่ที่สนามบิน”
“ทีนี้คุณบอกผมได้รึยังว่าเกิดอะไรขึ้น?”
“ไฟของแหวนมากกว่าสามธาตุตรวจพบว่ามีคนเข้าใกล้เซียวจ้านแบบผิดปกติ
จริงๆต้องบอกว่าเป็นแบบนี้มาสักพักแล้ว
แต่อาทิตย์นี้มันมากกว่าเดิมหลายเท่า...แล้วก็ ผมมีข่าวไม่ค่อยดีนักมาบอกคุณด้วย” เขานิ่งค้างไป
ถึงเรื่องแหวนของพวกวองโกเล่เขาจะไม่ค่อยเข้าใจนักแต่มันมักจะตรงกับการตรวจสอบทางกายภาพเสมอ
คราวนี้ก็เช่นกัน
“มีรายงานถึงการปรากฏตัวของ
อานัส ซัลมาน ตามที่ต่างๆมาจากสายของผม...”
เขานิ่งฟังเหมือนนักรบที่กำลังเข้าสู่การประกาศสงครามอีกครั้ง...ไอ้บ้านั่นมันโผล่หัวออกมาจนได้
“ดูเหมือนว่าหมอนั่นเริ่มเอาเพชรออกมาขาย
เลยมีการติดต่อกับลูกค้า สายสืบของผมรายงานมาจากหลายประเทศแถวชายแดนรัสเซียและยุโรป
ทั้งๆที่หมอนั่นหายไปในตะวันออกกลางแต่กลับมาโผล่อยู่แถวนี้ได้ง่ายๆ ผมเลยคิดว่ามันอาจจะไม่ได้อยู่ไกลจากเรามากนัก”
“และในการปรากฏตัวหลายๆครั้งนี้มีอยู่สองสามครั้งที่หมอนั่นไปประเทศใกล้ๆหรือบางทีก็เป็นประเทศที่กำลังจัดแข่ง
Moto
GP
ผมก็ไม่แน่ใจว่าบังเอิญหรือหมอนั่นกำลังแอบตามดูเซียวจ้านอีกครั้งกันแน่...แต่มันดันตรงกับที่ไฟของแหวนตรวจจับความผิดปกติได้พอดี”
“คุณต้องระวังตัวแล้วละ”
“แล้วก็...ต้องขอโทษด้วยที่ผมต้องพูดแบบนี้
มันอาจจะกระทบกระเทือนความรู้สึกของคุณที่มีต่อพี่ชาย แต่นอกจากอานัส ซัลมาน
ตอนนี้คุณก็ควรจะต้องระวังพวก Diamond crown เอาไว้ด้วย”
“เพราะถ้าอานัส
ซัลมานเริ่มเอาเพชรที่ยักยอกไปออกมาขาย พวก Diamond crown
น่าจะเริ่มร้อนใจและต้องการเอาเพชรคืนให้ไวที่สุด”
“ยิ่งถ้ารู้ว่าอานัส
ซัลมานคอยวนเวียนอยู่รอบๆตัวเซียวจ้าน บางทีพวก Diamond crownอาจจะไม่รอให้หมอนั่นออกมาเอง
แต่อาจจะจับตัวเซียวจ้านไปเพื่อใช้เป็นเครื่องมือต่อรองกับอานัส ซัลมานโดยตรงก็ได้”
“ผมแค่อยากจะเตือนให้คุณระวังไว้”
“ครับ...”
เขาตอบรับได้เพียงแค่นั้นก่อนที่ยามาโตะโนะคามิ ยาสึซาดะจะวางสายไป
คำแนะนำเหล่านั้นสมเป็นมืออาชีพและโหดร้ายสมเป็นมาเฟียจริงๆ
เป็นความจริงที่คำพูดของอีกฝ่ายกระทบกระเทือนจิตใจเขา
เรื่องของอานัส
ซัลมานก็ทำให้เขาปวดหัวพออยู่แล้วและนี่ยังจะต้องมาพะวงเรื่องพี่ชายของเขาอีก
แผ่นหลังกว้างเอนพิงเบาะหลัง
ดวงตาคมกล้าเหม่อมองไปไกล ภาพของเด็กชายที่เป็นทายาทของ Diamond crown ยังคงติดอยู่ในหัว
ไม่ผิดแน่...
เด็กคนนั้น...น่าจะเป็นหลานชายของเขา
เขาได้ชื่อของเด็กคนนั้นมาแล้ว...
‘หวังอี้หยาง’ น่าจะเป็นลูกชายของหวังอี้เฟิง
พี่ชายของเขา
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
To
be con.
เมื่อก่อนตอนดู F1 ใหม่ๆนี่งงมากค่ะ ก่อนหน้านี้นึกว่าดูไบเป็นประเทศมาตลอด555 หลังจากดู F1 ถึงได้รู้ค่ะว่าทั้งอาบูดาบีและดูไบเป็นรัฐหนึ่งในประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์หรือUAE ^ ^
แล้วก็ดีใจที่มีคนดู
Moto
GP สนามแรกของปีนี้แล้วก็นึกถึงฟิคเรื่องนี้นะคะ >////< เป็นปลื้มฟฟฟ ส่วนทางฝั่ง F1 เปิดมาสามสนามแล้น
เละเทะมากม้าตรูปีนี้ อยากจะร้อง TvT
ขอบคุณทุกๆคอมเม้นต์
ทุกๆการติดตาม ทุกๆกำลังใจมากๆนะคะ ฟิคตอนนี้ไม่ได้ไปเที่ยว
ช่วงทอล์คเลยไม่ยาวเลย555 แล้วเจอกันตอนหน้าค่า
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น