ป๋อจ้าน Au.Fic [หวังอี้ป๋อ x เซียวจ้าน] GLIDE : 2x4 It’s me : 24


ป๋อจ้าน Au.Fic [หวังอี้ป๋อ x เซียวจ้าน]  GLIDE : 2x4 It’s me : 24

: ป๋อจ้าน Fanfiction Au
: หวังอี้ป๋อ x เซียวจ้าน
: Romantic
: NC-17


คำเตือน : เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ
           : เนื้อเรื่องต่อไปนี้เป็นเพียงจินตนาการของผู้เขียน ไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นจริงนะคะ
           : ข้อมูลจะไม่แน่นเท่า GLIDE ภาคก่อนๆนะคะ เพราะภาคนี้ข้ามมา 2 ล้อ ตรูขี้เกียจหาข้อมูลฝั่ง Moto GP โฟ้ยยยย // โดนตบด้วยหมวกกันน็อค





ยิ่งใกล้ท้ายตารางของการแข่งขันเท่าไหร่ในสนามก็ยิ่งร้อนระอุขึ้นเท่านั้น

และตั้งแต่เซียวจ้านปรากฏตัวใน Moto GP ทีมยามาฮ่าก็ไม่เคยนอนหลับฝันหวานเลยสักครั้ง ทุกๆสนามมีแต่ความดุเดือด ไอ้ที่จะมาชนะง่ายๆ ขับกินลมชมนกชมไม้ก็เข้าเส้นชัยก่อนใครเหมือนปีที่ผ่านๆมานั้นแทบไม่เคยเจอในปีนี้ พวกทีมวิศวกรของพิตสีน้ำเงินต้องงัดไม้ตายออกมาเต็มที่ ต้องเกินร้อยเท่านั้นถึงจะเอาชนะเจ้าต่ายแสบนั่นได้  สภาพพิตที่วุ่นวายจึงกลายเป็นภาพที่ชินตาหวังอี้ป๋อไปแล้ว

และหวังอี้ป๋อที่มักจะอยู่ติดพิตก็กลายเป็นภาพที่ชินตาของลูกทีมไปแล้วเช่นกัน

ร่างสูงสง่าของแชมป์โลกสี่สมัยนั่งอ่านข้อมูลในชาร์ตไปด้วยดูมอนิเตอร์ไปด้วย ตารางสรุปคะแนนสะสมโผล่ขึ้นมาราวกับหนามยอกอก จะไม่ให้เขาอยากบดขยี้เจ้ากระต่ายสีแดงนั่นได้ยังไง ในเมื่อหากเป็นช่วงเวลานี้ของปีที่แล้ว ในสนามที่15 เขาแทบจะได้ถ้วยแชมป์โลกมานอนกอดไปแล้ว  สี่ปีที่ผ่านมาคะแนนของเขาทิ้งห่างคู่ต่อสู้มาตลอด แต่คะแนนของปีนี้กลับสูสีมาก คงได้วัดกันจนถึงสนามสุดท้ายแน่ๆ

ความเข้มข้นของการแข่งขันทำให้เขาไม่มีเวลาสนใจเรื่องของพี่ชายนัก เขาจำเป็นต้องพักเรื่องของอานัส ซัลมานและพวก Diamond crown ไปก่อนเพราะทางนั้นก็ยังเงียบๆอยู่ พวก Diamond crown เองก็ทำแค่ติดตามดูเขาเฉยๆ ไม่ได้สร้างความเดือดร้อนอะไรให้ ตอนนี้เขาจำเป็นต้องโฟกัสกับอีก 5 สนามที่เหลือนี่ก่อน


ครื้นนนน


เสียงฟ้าร้องทักทายมาแต่ไกล ใบหน้าหล่อเหลาจึงเหลือบมองท้องฟ้าที่มืดครึ้ม เมฆหนาลอยอยู่เหนือสนาม อากาศที่ร้อนจัดมาทั้งวันกลับเย็นลงถนัดตา ความชื้นก็เพิ่มมากขึ้นจนทีมช่างต้องมาตรวจวัดอุณหภูมิผ้าห่มยางกันใหม่

สมเป็นประเทศใกล้เขตเส้นศูยน์สูตร ร้อน ชื้น ฝนตกชุก ยุงชุม ในกระเป๋าของเขาคือต้องพกทุกอย่างตั้งแต่กางเกงขาสั้น เสื้อกันฝน ร่ม แจ็กเก็ตกันหนาวและที่ขาดไม่ได้ ยากันยุง!

ถูกต้องแล้วครับ ตอนนี้หวังอี้ป๋อกำลังยืนอยู่ในประเทศไทย! สนามที่ 15 ของ Moto GP ก็คือ OR Thailand Grand Prix นั่นเอง!

ฝนเทลงมาจนเสียงซ่าๆดังอยู่รอบตัว ร่างสูงสง่าขยับไปยืนหน้าพิตก่อนจะมองออกไปในสนาม ถึงแม้ว่ายืนอยู่ตรงนี้เขาอาจจะไม่เห็นอะไรมากนักแต่หากเขาขึ้นไปยืนบนพิตแกรนด์สแตนด์ที่อยู่ด้านบนพิตการาจแล้วละก็ เขาจะสามารถมองเห็นได้ทั้งสนาม ไม่ว่าจะโค้งไหน ทางตรงไหนก็จะเห็นได้จากสแตนด์ใหญ่นั่นทั้งหมด และนี่ก็คือเอกลักษณ์ของสนามบุรีรัมย์ อินเตอร์เนชันแนล เซอร์กิต (Buriram International Circuit) ที่ออกแบบโดย Hermann Tilke สถาปนิกที่มีชื่อเสียงที่สุดในด้านการออกแบบสนามแข่งรถ

ถึงแม้ว่าสนามแห่งนี้จะไม่ได้ตั้งอยู่ในเมืองหลวงหรือเมืองใหญ่เหมือนสนามของประเทศอื่นๆ แต่สนามบุรีรัมย์ก็ถูกรับรองโดยสมาพันธ์ยานยนต์นานาชาติ(FIA) ว่าเป็นสนามแข่งรถระดับมาตรฐาน FIA เกรด 1 ซึ่งเป็นสนามระดับสูงสุด สามารถใช้จัดการแข่งขันรถสูตรหนึ่งหรือฟอร์มูล่าวันได้ ซึ่งในโลกนี้มีอยู่เพียง 44 สนามเท่านั้นที่อยู่ในระดับนี้ มีแค่ 44 สนามเท่านั้นที่ใช้แข่งเอฟวันได้ ไม่มีสูงไปกว่านี้อีกแล้ว เห็นถึงความพิเศษของที่นี่หรือยัง?

แน่นอนว่าสมาพันธ์จักรยานยนต์นานาชาติ (FIM) ของเขาเองก็จัดสนามช้างแห่งนี้อยู่ในระดับ FIM เกรด A เช่นกัน และต้องสนามระดับนี้เท่านั้นถึงจะอนุญาตให้ใช้จัดแข่ง Moto GP ได้

นักบิดมือหนึ่งแห่งทีมยามาฮ่ายังคงยืนมองสายฝนที่ไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ฝนตกแบบนี้เจ้ากระต่ายสีแดงของเขาคงได้นั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่ในพิตแน่ๆ ว่าแล้วก็เดินไปแหย่เล่นเสียหน่อย  สภาพอากาศเป็นแบบนี้ยังไงซะก็คงต้องเลื่อนการซ้อมช่วงบ่ายออกไป

เขาไม่ต้องเดินไปไหนไกลเพราะพิตดูคาติก็อยู่ติดกันนี่แหละ ไม่รู้ผู้จัดแต่ละสนามเห็นพวกเขาเป็นคู่รักคู่แค้นกันหรือยังไง เลยมักจะจัดให้อยู่ข้างๆกันซะเลยจะได้ตีกันสะดวกๆ?




“อ๊ากกกก นั่นมันตัวอะไร เส้นเกี๋ยวเตี๋ยวเดินได้เหรอ? หรือเส้นอุด้ง? ทำไมมันตัวอ้วนใหญ่ขนาดนี้~~   แล้วเขาก็ต้องแปลกใจเมื่อเจ้ากระต่ายไม่ได้นั่งแทะนิ้วตัวเองด้วยความกังวลอยู่หลังพิตอย่างที่เขาคิด แต่ร่างโปร่งบางในชุดฟอร์มสีแดงกลับมายืนมองอะไรบางอย่างอยู่หน้าพิต

แล้วเมื่อเขาหันไปมองบ้าง สองขาก็ถึงกับกระโดดโหยง มีสิ่งมีชีวิต? อะไรบางอย่าง? หน้าตาเหมือนเส้นอุด้ง? กำลังคืบคลานยั้วเยี้ยออกมาบนถนน เพราะพิตของพวกเขาอยู่ริมสุดติดกับปากทางออกจากพิตเลนทำให้อยู่ใกล้สนามหญ้าไปโดยปริยาย แล้วยิ่งเวลาผ่านไปเจ้าสิ่งมีชีวิตน่าสยดสยองพวกนั้นก็ยิ่งโผล่ขึ้นมาบนถนนมากขึ้นเรื่อยๆเรื่อยๆ และมันก็กำลังคืบคลานมาใกล้หน้าพิตของพวกเขามากขึ้นเรื่อยๆเรื่อยๆ

“โอยยยย”   ขนแขนถึงกับลุกชัน ให้หวังอี้ป๋อไปสู้กับคนทั้งกองทัพก็ยังได้ แต่กับเจ้าหนอนเส้นยาวๆที่ยืดๆหดๆอยู่กับพื้นพวกนี้อี้ป๋อไม่ไหวจริงๆ เขาถึงกับขยับไปหลบหลังเจ้ากระต่ายก่อนจะยืนลูบแขนอย่างหมดมาด ใบหน้าหล่อเหลาลอบมองเจ้าเส้นก๋วยเตี๋ยวน่าขยาดนั่นอย่างหวาดๆ

“มันคือไส้เดือนไง พวกนายจะกลัวอะไรกันฟ๊ะ?”   เป็นฟาบริซิโอ้วิศวกรพี่ใหญ่ของดูคาติที่ใจกล้าเป็นทัพหน้าเอาไม้ไปเขี่ยๆมัน

“ไส้เดือน? บ้าสิ นายอย่ามามั่ว ไส้เดือนที่ไหนตัวใหญ่เป็นนิ้วยาวเป็นกิโลขนาดนี้ โอ๊ย ขนชั้นลุกไม่หายแล้วเนี่ย นี่มันเอเลี่ยนเหรอ? เมล็ดพันธุ์เอเลี่ยนหล่นมาใส่หัวมันตอนกำลังชอนไชอยู่ในดินเหรออออ”   เจ้ากระต่ายเหลือบมองสัตว์ประหลาดนั่นไปก็โดดเหยงๆไป ทำเอาเขาที่หลบหลังอยู่ต้องโดดตามไปด้วยเพราะไม่อยากเผชิญหน้ากับเจ้าเส้นก๋วยเตี๋ยวยักษ์นั่น

“ไส้เดือนประเทศไทยก็ตัวใหญ่อย่างงี้แหละ นายไม่เคยมาสินะ เลยไม่เคยเห็นมัน”   ฟาบริซิโอ้ยืนเท้าสะเอวอย่างหน่ายๆ คนนึงคือหัวกะทิของวงการเอฟวัน คนนึงคือนักบิดฟ้าประทาน ทั้งเท่ห์ทั้งคูลเดินไปทางไหนใครก็เหลียวมอง แล้วดูสภาพที่กำลังกรี๊ดใส่ไส้เดือนเป็นสาวน้อยตอนนี้สิ! มันได้เหรอ มันได้เหรอออ~

“ดินประเทศนี้ต้องอุดมสมบูรณ์ขนาดไหนเนี่ยถึงเลี้ยงพวกมันจนกลายเป็นเส้นอุด้งได้ โอยยยย ขนลุกๆๆ อี้ป๋อ! นายจะมาหลบหลังชั้นทำไมเล่า! นายต้องสู้กับมันเพื่อปกป้องชั้นสิ!”  

“ผมยอมแพ้ ผมขอเป็นแค่ช้างเท้าหลังแล้วกันนะครับจ้านเกอ”   คูลกายตอนนี้กลายเป็นกุ๊กไก่ไปแล้ว เขาไม่ไหวจริงๆกับพวกแมลงและสัตว์เลื้อยคลานหน้าตาสยองโลกพวกนี้ ดูมันกระดึ๊บๆไปตามพื้นนั่นสิ โอยยยย จะเก็บไปฝันร้ายไหมคืนนี้

“พวกนายหลบไปเลย เจ้าพวกไร้ประโยชน์เอ้ย ไม่รีบเอาน้ำมาฉีดมันเดี๋ยวก็มาถึงพิตกันพอดี ถอยๆๆ”   พี่ใหญ่ของฝ่ายพัฒนาเครื่องยนต์ลากสายยางมาจากข้างพิต ก่อนที่เส้นเกี๋ยวเตี๋ยวเอเลี่ยนพวกนั้นจะคืบคลานมาถึงพวกเขาต้องหาทางไล่มันลงท่อไปเสียก่อน ให้ตายเถอะ มาจากไหนกันเยอะแยะเนี่ย

“ชั้นรักนายฟาบริซิโอ้”   เจ้ากระต่ายขยับไปยืนหลบหลังฟาบริซิโอ้

“ชั้นก็รักนายฟาบริซิโอ้ ช่วยฉีดน้ำเผื่อหน้าพิตยามาฮ่าของผมด้วย”   ส่วนเขาก็ขยับไปยืนหลบหลังเจ้ากระต่ายอีกที

“แต่ชั้นไม่รักพวกแกโว้ย ไสหัวไป!



ฝนยังคงกระหน่ำลงมาไม่ขาดสาย ตอนนี้พิตของทุกทีมจึงมีสภาพเหมือนถูกแช่แข็งไม่ต่างกัน จะปรับแต่งรถก็ทำไม่ได้เพราะไม่รู้จะได้ลงซ้อมตอนไหนและสภาพสนามตอนที่ลงไปซ้อมได้จะเป็นอย่างไรก็ไม่รู้อีก เหล่าลูกทีมจึงเดินๆนั่งๆอย่างเบื่อหน่าย บางคนก็หลบไปอยู่ในห้องพักของทีม ในพิตการาจจึงมีคนอยู่ไม่มากนัก

และท่ามกลางผนังที่แดงเถือก คนที่อยู่ในเสื้อทีมสีน้ำเงินจึงเด่นชัดกว่าใคร หวังอี้ป๋อยังไม่ยอมกลับพิตของตัวเองแต่เลือกที่จะนั่งเล่นอยู่ที่พิตดูคาติ แทนที่จะไปพักในห้องพักนักแข่งของตัวเองเขากลับคิดว่าอยู่ที่นี่สบายใจกว่า เขานั่งมองเจ้ากระต่ายหาเรื่องให้ฟาบริซิโอ้ต้องปวดหัว เดี๋ยวก็เถียงกัน เดี๋ยวก็ทะเลาะกันแล้วมันก็ขำดี บางอย่างเขาก็เข้าใจพี่ใหญ่ของทีมดูคาตินะ เข้าใจอย่างลึกซึ้งเลยล่ะว่าเจ้ากระต่ายนี่บ๊องขนาดไหน ไม่เหมือนใครยังไง

แต่ถึงฝนจะตกจนการซ้อมช่วงบ่ายต้องเลื่อนออกไป การถ่ายทอดสดภาพบรรยากาศในสนามผ่านจอมอนิเตอร์ก็ยังดำเนินต่อ เขาจึงเห็นภาพในพิตของตัวเองได้แม้จะอยู่ที่นี่ ในพิตของยามาฮ่าก็คนบางตา โดยเฉพาะพิตฝั่งนักบิดมือสองที่แทบไม่มีคน...หรือว่าเจ้าเด็กนั่นเรียกร้องให้ประชุมเรื่องรถของตัวเองอีกแล้ว?

พอล เทลฟอร์ด คือนักบิดมือสองของทีมเขา หมอนั่นเด็กกว่าเขาหลายปีและเพิ่งจะขยับมาขับให้ทีมใหญ่ของยามาฮ่าปีนี้เอง

เขาก็เข้าใจได้ถึงความกดดันของหมอนั่นที่อยากจะแสดงผลงานให้ดี แต่บางครั้งมันก็ทำให้เขาประหลาดใจที่หมอนั่นคิดจะแข่งกับเขาทุกอย่าง แรกๆเขาก็ไม่ใส่ใจ แต่พอสนามท้ายๆแบบนี้เขาจึงต้องยอมรับ ว่าหมอนั่นก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้คะแนนสะสมของเขาถูกลดทอนไป เขาไม่อยากโทษทีมหรอกแต่บางครั้งก็ถูกหมอนั่นรบเร้าจนไม่มีเวลาโฟกัสที่รถของเขามากพอ มันไม่เหมือนปีก่อนๆที่ทุกคนในทีมทุ่มเทความสนใจมาที่รถของเขา พยายามผลักดันรถของเขาก่อนเพื่อให้ได้ตำแหน่งแชมป์โลกมา

“เตรียมตัวกลับกันเถอะ มีประกาศออกมาแล้วว่ายกเลิกการซ้อม FP2”   เจ้ากระต่ายเดินมาตีไหล่เขาก่อนจะหันไปเก็บโน้ตบุค ก็เมฆเหนือสนามยังดำครึ้มขนาดนี้ รอต่อไปก็คงมืดพอดี

“พี่กลับพร้อมผมนะ”   เขาลุกขึ้นยืนยืดเส้นยืดสาย

“อื้อ”   เจ้ากระต่ายรับคำอย่างว่าง่าย ถึงในสนามพวกเขาจะรบรากันแทบตาย แต่นอกสนามก็เป็นเพียงคู่รักที่ทุกคนชื่นชอบและทีมของพวกเขาก็ยอมรับ เขากับเจ้ากระต่ายแยกไปพักอีกโรงแรมหนึ่งเพื่อความสบายใจของทั้งสองทีม แต่ถึงกระนั้นทีมก็ยังคอยจัดรถรับส่งเขาไม่ขาดตกบกพร่อง

และรถของสนามนี้ก็มีเอกลักษณ์มากเสียด้วย

“อ๊ะ! นี่มันอะไรเนี่ย?!”   เจ้ากระต่ายถึงกับวิ่งวนไปรอบรถเพื่อดูเจ้าสามล้อหน้าตาไม่เหมือนใครและไม่เคยเห็นที่ไหนในโลกนี้

“ขึ้นรถได้แล้ว”   เขาลากต้นแขนผอมบางนั่นขึ้นไปนั่งที่เบาะหลังซึ่งเปิดโล่ง เจ้ากระต่ายยังคงก้มลงไปมองรอบๆรถด้วยดวงตาลุกวาวจนเขารู้สึกถึงลางร้ายตะหงิดๆ

“ตกลงนี่มันรถอะไรน่ะ? ทำไมมันมีสามล้อล่ะ?? เป็นมอเตอร์ไซค์เหรอ???”   เจ้าวิศวกรหัวกะทิของวงการฟอร์มูล่าวันเงยหน้าขึ้นมาถามเขา เจ้ากระต่ายไม่เคยมาประเทศไทยเพราะเอฟวันไม่เคยจัดที่นี่ถึงได้ไม่เคยเห็นรถคันนี้

“มันคือรถตุ๊กตุ๊ก ปกติแล้วมันจะวิ่งระยะสั้นๆอยู่ในกรุงเทพ แต่นี่ทางทีมจัดไว้ให้เฉพาะกิจ”   ก็อย่างว่าแหละนะ ไม่ว่าจะ Moto GP หรือ F1 ล้วนเป็นอีเว้นต์ระดับชาติ ที่งานนี้เลยมีรถเฉพาะกิจหน้าตาแปลกๆซึ่งเป็นรถที่แสดงเอกลักษณ์ของท้องถิ่นอะไรพวกนี้มาวิ่งให้เห็น อย่างรถชัตเตอร์แต๋นที่วิ่งรับส่งผู้ชมในสนามนั่นไง

“รถตุ๊กตุ๊ก? เหมือนชั้นเคยได้ยินชื่อ!”   เขาปล่อยให้เจ้ากระต่ายมองสำรวจรถด้วยความตื่นเต้นต่อไปในขณะที่รถค่อยๆแล่นออกจากสนามแข่ง

สายฝนค่อยๆเบาบางลงและละอองน้ำก็ทำให้รอบกายคล้ายอยู่ในม่านหมอก  แค่ห่างออกมาจากสนามไม่เท่าไหร่เขาก็จะเห็นทุ่งนาและภูเขา ไอขาวๆที่ลอยจางๆทำให้บรรยากาศที่สัมผัสได้มีความโรแมนติกไปอีกแบบ มือใหญ่ยกขึ้นไปรับหยดน้ำที่หล่นลงมาจากฟากฟ้าก่อนจะมองด้วยสายตาอบอุ่น

โรแมนติกในแบบบ้านทุ่งๆมันก็ดีเหมือนกันนะ

ใช่ ถ้าไม่มีเสียงโหวกเหวกโวยวายอยู่ข้างๆ มันจะโรแมนติกกว่านี้มาก...

“กลิ้งแล้วๆๆ อ๊า!”   เจ้ากระต่ายที่กลิ้งตามแรงเหวี่ยงเมื่อรถเลี้ยวถูกหยุดไว้ด้วยไหล่ของเขา มัวแต่ส่องรถอยู่นี่แหละ เดี๋ยวก็ได้กลิ้งทะลุหน้าต่างลงไปหรอก มือน่ะจับด้วยสิ!

“ว้าว! ชั้นชอบเจ้านี่จัง!   เจ้ากระต่ายยังไม่หายตื่นเต้นกับเจ้ารถตุ๊กตุ๊กคันนี้

“นี่มันเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลก! นายดูความจักรยานแม่บ้านสามล้อที่ผนวกเข้ากับรถมอเตอร์ไซค์ได้อย่างลงตัวนี่สิ!”   รถคันน้อยวิ่งแท่ดๆๆเข้าไปจอดที่ดร็อปออฟของโรงแรม เขาจึงก้าวขาลงไป

“อี้ป๋อ เราซื้อมันกลับมาราเนลโล่ได้ไหม? นายคิดดูนะถ้าเราเอาเจ้านี่ไว้ขับไปจ่ายตลาดก็น่าจะดีนะ ไม่ต้องขับรถของชั้นไปก็ประหยัดน้ำมันได้ตั้งเยอะ แล้วเจ้านี่ก็ยังขนผักได้มากกว่ารถของนายด้วย ว่าไง? มันซื้อได้ที่ไหน? ชั้นว่าถ้าศิษย์พี่หรือคนในพิตเฟอร์รารี่เห็นมันจะต้องกรี๊ดแน่ๆ”   บลาๆๆ เขารีบคว้าต้นแขนเจ้ากระต่ายลากเข้าโรงแรมก่อนจะไปขนรถนั่นกลับบ้านจริงๆ พอทีเถอะ แค่นี้บ้านนายก็ไม่มีที่จะใส่อะไรได้แล้ว!



นักบิดจากทีมยามาฮ่าเดินเข้าห้องพักในโรงแรมพลางยกมือเกาหลังไปด้วย จู่ๆก็รู้สึกคันขึ้นมาและยิ่งเวลาผ่านไปก็ยิ่งคันเป็นวงกว้างกว่าเดิม

“เป็นไร? ยุงกัดเหรอ?”   เจ้ากระต่ายสังเกตเห็นท่าทางแปลกๆของเขาจึงถาม

“น่าจะยุงมั้งครับ”   มียุงบางชนิดที่เขาแพ้และมันจะคันมากจนกลายเป็นตุ่มใหญ่

“ถอดเสื้อสิ เดี๋ยวทายาให้ รีบทามันจะได้ไม่ลาม”   ใบหน้าภายใต้กรอบแว่นหันมาสั่งก่อนจะเดินไปควานหาหลอดยาในกระเป๋า เขาอมยิ้มกับความเอาใจใส่เล็กๆน้อยๆนี้ก่อนจะถอดเสื้อผ่านหัวออกไปอย่างว่าง่าย

เขานั่งลงที่ขอบเตียง ทั้งตัวเหลือเพียงกางเกงยีนส์ขายาว ร่างกายท่อนบนที่เปลือยเปล่าคือร่างกายของผู้ชายที่สมบูรณ์แบบมากคนหนึ่ง กล้ามเนื้อทุกส่วนกระชับสวยงามและแข็งแรงจนคนมองถึงกับหน้าแดง  

ใบหน้าหล่อเหลาเงยมองร่างโปร่งบางที่ยืนอยู่ตรงหน้าก่อนจะยิ้มให้ ใบหน้ามนบ่นอะไรงึมงำก่อนจะแก้เขินด้วยการยกหลอดยาขึ้นมาเปิดฝา ท่าทางงุ้งงิ้งนั่นน่ารักจนเขาอดแกล้งไม่ได้ ท่อนแขนแข็งแรงจึงตวัดโอบเอวบางก่อนจะดึงลำตัวโปร่งเข้ามากอดไว้ เจ้ากระต่ายยู่หน้าใส่ก่อนจะหันไปสนใจรอยแดงบนแผ่นหลังของเขาแทน

คนที่ยืนอยู่โน้มตัวลงไปทายาให้ ปลายนิ้วเรียวลูบไล้ลงไปบนแผลยุงกัดที่ร้อนจัด ความเย็นของยาบวกกับความอ่อนโยนของปลายนิ้วที่ค่อยๆวนไล้อย่างแผ่วเบาทำให้เขารู้สึกสบาย อาการคันแสบร้อนค่อยๆหายไป ไม่รู้ยาดีหรือเป็นที่คนทากันแน่นะ

เขายกแขนอีกข้างขึ้นโอบกอดเอวบางก่อนจะซุกหน้าไว้กับหน้าท้องแบนเรียบ ที่ตรงนี้ทำให้เขาผ่อนคลาย ไม่ว่าจะเจอกับเรื่องอะไรมาที่ตรงนี้ก็มักจะทำให้เขาสบายใจได้เสมอ

“เป็นไง? ดีขึ้นไหม?”   เสียงนุ่มถามออกมา

“อื้ม”   เสียงทุ้มตอบเบาๆ ช่วงเวลาที่ถูกอีกฝ่ายห่วงใย ถูกเอาใจใส่แบบนี้มันรู้สึกดีที่สุด มันยุบยิบๆอยู่ในหัวใจ มันอบอุ่นจนบอกไม่ถูก

“มีตั้งสามตุ่มแน่ะ ยุงมันหันไปกัดนายหมด ชั้นเลยไม่โดนกัดเลย”   เจ้ากระต่ายเจื้อยแจ้วไปก็ทายาให้เขาไป

“เสร็จแล้ว”   ร่างโปร่งบางทำท่าจะละออกไปเขาจึงรีบเรียกเอาไว้

“มีรอยตรงนี้ด้วย คันมาก”   เขาเกาตรงฐานคอก่อนจะเอียงให้อีกฝ่ายดู

“ตรงนี้นายมองเห็นก็ทาเอาเองสิ!  

“ไม่เอาอ่ะ ผมไม่อยากทาเอง”

“นายที่มัน...”   ถึงจะแยกฟันกระต่ายขึ้นมาข่มขู่แต่จนแล้วจนรอดก็ยังทายาให้เขา ก็น่ารักน่าเอ็นดูแบบนี้ไงเขาเลยชอบอ้อนให้อีกฝ่ายดุเล่น

เจ้ากระต่ายลากเก้าอี้มานั่งเพื่อจะได้มองเห็นรอยยุงกัดชัดๆ ระดับสายตาของเขาจึงอยู่ที่ต้นคอระหงของเจ้ากระต่าย ดวงตาคมกล้าจ้องมองมันไม่วางตา ส่วนคนทายาก็ขยับเข้าใกล้ๆอย่างไม่รู้ตัว

เขาลอบกลืนน้ำลายก่อนจะเริ่มทนไม่ไหว ลำคอเล็กๆที่ขาวหมดจดนั่นมันน่าฝังเขี้ยวลงไปจริงๆ ไวเท่าความคิด จู่ๆเขาก็ก้มลงไปกดจูบต้นคอเรียวนั่นอย่างรวดเร็ว

“อ๊ะ??!”    เจ้าของลำคอระหงสะดุ้งโหยง ถึงจะมึนงงแต่ก็ยังคงนั่งตัวตรงให้เขาจูบโดยไม่ผลักไส

“อื้อ?”    ไหล่บางสะดุ้งน้อยๆเมื่อสัมผัสได้ถึงแรงดูดดึงที่ลำคอเพราะเขาไม่ได้จูบธรรมดา ทว่ากลับฝังร่องรอยเอาไว้ด้วย คราวนี้แหละ มือบางถึงได้ยกขึ้นมายันแผ่นอกเขาออกไป

ปกติเขาไม่ค่อยทำรอยเอาไว้เท่าไหร่นอกจากตอนที่มีอารมณ์รุนแรงจริงๆ เจ้ากระต่ายเลยตกใจ แต่เมื่อดวงตาคู่โตมองสำรวจแล้วว่าเขาไม่ได้กำลังโมโหหรือมีอารมณ์ผิดปกติจึงทำหน้าเบาใจ

“นาย!   มือบางหยิบโทรศัพท์มาส่องที่ต้นคอของตัวเอง รอยคิสมาร์คเด่นหราอยู่บนนั้น

“อ๊า! แดงเลย หวังอี้ป๋อ! นายนี่มัน!”   มือกระต่ายตีผลั๊วะๆมาที่ต้นแขน

“ก็ผมอุตส่าห์เป็นตัวล่อยุงไม่ให้กัดพี่ เพราะงั้นให้ผมกัดแทนยุงทีสองทีก็ถือว่ายุติธรรมแล้วนี่นา”   เขาจึงหยอกกลับ

“ยุติธรรมตรงไหน?!

“ยุงกัดผมที่หลังเพราะงั้นผมก็จะกัดพี่ที่หลังด้วย มานี่”   ร่างสูงสง่าลากร่างโปร่งบางลงเตียงโดยไม่บอกกล่าว มือใหญ่จับเจ้ากระต่ายถอดเสื้อผ้าเพื่อจะสร้างความยุติธรรม(?)ให้เกิดขึ้นบนโลกใบนี้

“อ๊ากกก อย่านะ!! หวังอี้ป๋อออออ!!!!”   เสียงโหยหวนและครวญคราง?ดังลั่นห้องต่อไป บนแผ่นหลังกว้างมีรอยยุงกัดสามจุดบนแผ่นหลังบางก็ต้องมีเหมือนกัน!

บางครั้งเซียวจ้านก็แอบคิดนะว่าให้ยุงมากัดเขาซะยังดีกว่าให้เจ้าหมาป่าเจ้าเล่ห์นี่กัด!

เพราะลงว่าหวังอี้ป๋อได้เริ่มแล้วคืนนี้ของเขาไม่มีทางจบลงง่ายๆอย่างแน่นอน! แง๊~






เช้าวันเสาร์เจ้ากระต่ายเลยต้องมาสนามโดยมีรอยยุงกัด(?)ที่ต้นคอ ทุกคนที่เห็นต่างรู้กันแต่ก็ยังเออๆออๆว่าเป็นรอยยุงกัด

ใบหน้าหล่อเหลาอมยิ้มเมื่อนึกถึงเจ้ากระต่ายแสบที่พยายามบอกคนอื่นว่านั่นเป็นรอยยุงกัด ทั้งๆที่คนรู้กันทั้งบางแล้วว่ามันคือรอยอะไร เขาส่ายหน้าน้อยๆอย่างอามรมณ์ดี การนึกถึงเจ้ากระต่ายทำให้เขาอารมณ์ดีถึงแม้บรรยากาศในพิตสีน้ำเงินตอนนี้กำลังร้อนระอุมากก็ตาม

“บ้าจริง ไม่เข้าใจพวกนั้นเลยจริงๆ!”    ทีมวิศวกรของเขากำลังหัวฟัดหัวเหวี่ยงกับอะไหล่ที่โดนแย่งไป เพราะสนามนี้ถึงกำหนดที่จะอัพเดทรถตามตารางของทีมแล้วและพวกเขามักจะอัพเดทรถแค่คันเดียวเอาไว้เปรียบเทียบเพื่อให้ได้ข้อมูลความต่างระหว่างเครื่องยนต์ตัวเก่ากับตัวใหม่ ปกติแล้วรถหมายเลข 85 ของเขาจะได้อัพเดทก่อน แต่คราวนี้กลับกลายเป็นรถของนักบิดมือสองได้อัพเดท ทีมวิศวกรของเขาถึงได้โมโหเพราะไม่เป็นตามที่ตกลงกันไว้

ไม่รู้ว่าเจ้าเด็กนั่นไปหว่านล้อมยังไงถึงได้ชิ้นส่วนใหม่ไป

“ไม่ว่ายังไงผมก็คิดว่าควรอัพเดทรถของหวังอี้ป๋อ พวกนายก็เห็นอยู่ว่าตอนนี้แค่แต้มเดียวก็มีความหมายสำหรับการลุ้นแชมป์ของเขาซึ่งนั่นก็หมายถึงแชมป์ของทีมด้วย ผมไม่เข้าใจว่าทำไมถึงไปอัพเดทให้รถของพอลก่อน?”   เรซเอ็นจิเนียประจำตัวเขากำลังยืนเถียงกับทีมบอสและเรซเอ็นจิเนียของพอล เทลฟอร์ดนักบิดมือสอง

“มันก็ยังไม่แน่เสมอไปนี่ว่าชิ้นส่วนที่อัพเดทจะทำงานได้ดี ก็มีหลายครั้งที่มันไม่เสถียรจนความเร็วตก ทางทีมของผมจึงเสนอว่ารถของหวังอี้ป๋อควรใช้อะไหล่เก่าที่เสถียรดีอยู่แล้วไปก่อนเพราะยังไงก็แน่นอนกว่า ส่วนชิ้นส่วนอัพเดทก็น่าจะลองให้พอลใช้ก่อน”   เรซเอ็นจิเนียของพอล เทลฟอร์ดพยายามหาเหตุผลมาอ้าง

“ผมไม่เห็นด้วย เพราะมีเปอร์เซ็นต์ที่ชิ้นส่วนอัพเดทจะทำให้รถเร็วขึ้นมากกว่าถึงแม้จะต้องเสี่ยงไปบ้างแต่การแข่งขันมันก็เป็นแบบนั้น ถ้าชิ้นส่วนอัพเดททำงานได้ดีเราอาจจะชนะและได้แต้มเพิ่มอีกหลายคะแนน”   ยังไงทีมวิศวกรของเขาก็ไม่ยอม เพราะทุกคนรู้ว่าตอนนี้คือช่วงเวลาที่สำคัญมากสำหรับเขาและเจ้ารถหมายเลข 85 ขอแค่เร็วขึ้นได้อีกเสี้ยววินาทีอะไรก็ยอมได้ทั้งนั้น

“เอาละๆ เลิกเถียงกันได้แล้ว เรื่องนี้ผ่านที่ประชุมมาแล้วว่าจะให้รถของพอลอัพเดทก่อนในสนามนี้ ก็ทำตามนี้เถอะ”   ทีมบอสเข้ามาห้ามทัพและนั่นก็ทำให้พิตสีน้ำเงินทั้งสองฝั่งยอมแยกย้ายกันได้ ถึงแม้ทีมวิศวกรของเขาจะยังไม่พอใจเหมือนเดิม

“ผ่านที่ประชุมอะไรกัน? ทำไมชั้นไม่เห็นรู้เลยว่ามีการประชุมตอนไหน? ชั้นเป็นเรซเอ็นจิเนียของรถคันนี้นะ ชั้นก็ควรจะได้เข้าประชุมด้วยสิ บ้าเอ้ย!”   วิศวกรสนามของเขายังบ่นเป็นฟืนเป็นไฟ เขาทำได้แค่บีบไหล่หนานั่นเบาๆ

เอาเถอะ ต่อให้ไม่ใช่รถอัพเดทเขาก็จะขับมันเข้าเส้นชัยก่อนใครให้ดู




วันนี้ที่สนามบุรีรัมย์ไม่มีฝนตก ท้องฟ้ากระจ่างใสและไอแดดก็ร้อนแรงมากสมกับที่เป็นแดดประเทศไทย ยังดีที่สนามนี้มีลมพัดผ่านตลอดเวลาทำให้ไม่ถึงกับร้อนจนทนไม่ไหว

การซ้อมช่วงเช้าดำเนินต่อไปตามเวลา ทว่าความแตกต่างระหว่างรถที่อัพเดทแล้วกับรถที่ยังไม่ได้อัพเดทของทีม Monster Yamaha กลับไม่ได้แตกต่างมากอย่างที่ทีมคาดหวัง ไม่รู้ว่าเป็นที่ฝีมือของนักบิดหรือเป็นที่ชิ้นส่วนใหม่กันแน่ที่มีปัญหา เวลาของหวังอี้ป๋อจึงแทบไม่เป็นรองเวลาของพอล เทลฟอร์ดเลย บางรอบเจ้ารถเบอร์85ยังเร็วกว่าด้วยซ้ำ

“หึ เป็นไงล่ะ? ไม่เห็นจะได้อะไรจากการอัพเดทครั้งนี้เลย”   ทีมวิศวกรของรถหมายเลข 85 ยกยิ้มเมื่อเห็นผลงานที่ออกมา ยังไงเรซเอ็นจิเนียของหวังอี้ป๋อก็ยังคงคิดว่าถ้าให้นักบิดมือหนึ่งของทีมเป็นคนได้อัพเดทเครื่องยนต์ละก็ ผลมันต้องต่างไปจากนี้แน่

และนั่นก็เริ่มทำให้เจ้าเด็กพิตข้างๆเกิดอาการหงุดหงิดต่างจากใบหน้ามั่นใจเมื่อเช้าโดยสิ้นเชิง พอล เทลฟอร์ดเริ่มกดดันให้ทีมวิศวกรของตนปรับแต่งรถให้มากขึ้น แต่หวังอี้ป๋อกลับมองภาพนั้นด้วยสายตาไม่แยแส

ยิ่งเขาไม่สนใจเท่าไหร่ เจ้าเด็กเรียกร้องความสนใจนั่นก็จะยิ่งดูหงุดหงิด ยิ่งอยากเอาชนะยิ่งอยากจะเหนือกว่า

ในที่สุดการควอลิฟายก็มาถึง

หวังอี้ป๋อลงไปวิ่งด้วยสภาพจิตใจหนักแน่นเย็นชาดั่งหินผาเช่นเดิม ต่างจากอีกคนที่เริ่มร้อนลนเพราะผลงานไม่เป็นไปตามที่คิด

ทีมยามาฮ่าปล่อยรถทั้งสองคันออกไปในเวลาไล่เลี่ยกันซึ่งก็นับเป็นเรื่องปกติ แต่ที่ดูจะไม่ปกติก็คือในรอบแรกที่ลงไปวิ่งวอล์มนั้นรถของพอล เทลฟอร์ดกลับยังคงตามติดรถของหวังอี้ป๋อแทนที่จะทิ้งห่างเพื่อให้มีระยะในการทำความเร็วเมื่อรอบจับเวลามาถึง ทุกคนในพิตต่างมองอย่างมึนงง

ใบหน้าหล่อเหลาภายใต้หมวกกันน็อคเหลือบมองรถของรุ่นน้องที่ขับตามมาติดๆ หมอนั่นคิดอะไรอยู่เขาไม่สนใจหรอก ดวงตาคมกล้าหันกลับมามองตรงไปที่เส้นสตาร์ท และเมื่อถึงทางตรงหน้าพิตแกรนด์สแตนด์ มือใหญ่ก็บิดคันเร่งเต็มที่ทันที

การควอลิฟายคือการจับเวลาที่เร็วที่สุดภายในรอบเดียวเพื่อหาอันดับการออกสตาร์ทในวันพรุ่งนี้ มันมีผลกับเขามากเพราะฉะนั้นในรอบเดียวที่เวลาเหลืออยู่นี้เขาต้องทำให้ดีที่สุด จะพลาดไม่ได้โดยเด็ดขาด

ทั้งสติและสมาธิต่างโฟกัสไปที่แทรค เสียงทุ้มของเครื่องยนต์ดังแหวกอากาศเช่นเดียวกับเสียงเชียร์ที่ดังลั่นอยู่รอบสนาม ที่สนามบุรีรัมย์นี้มีสถิติว่ามีผู้เข้ามาชมมากที่สุดในบรรดาสนามทั้งหมดของ Moto GP เพราะงั้นต่อให้เป็นวันควอลิฟาย เสียงเชียร์ที่มีให้หวังอี้ป๋อก็ยังคงดังสนั่น

ถึงแม้ว่าหวังอี้ป๋อจะไม่ได้สนใจ แต่รถคันที่ตามมากลับไม่ใช่...

ดวงตาที่ร้อนดังเปลวไฟจ้องมองรถที่วิ่งอยู่ข้างหน้าด้วยความไม่พอใจ ทั้งๆที่รถของเขาดีกว่าและต้องดีกว่า แต่ทำไมเจ้ารถหมายเลข 85 นั่นยังวิ่งนำเขาอยู่ได้!

นักบิดมือสองของทีมยามาฮ่าเร่งความเร็วขึ้นอีกและเพราะว่าประสิทธิภาพของรถที่ดีกว่าถึงแม้ว่าหวังอี้ป๋อจะใช้ฝีมือและประสบการณ์ทำให้รถดูแทบไม่แตกต่าง แต่กระนั้นเจ้ารถเบอร์ 85 ก็ไม่สามารถจะทิ้งห่างไปได้

รถของพอล เทลฟอร์ดเริ่มไล่จี้เข้าไปใกล้จนคนทั้งพิตยามาฮ่ามึนงง เพราะนี่คือการควอลิฟายไม่ใช่การแข่งขัน ไม่จำเป็นต้องเอาชนะกันในสนามแบบนี้แค่สู้กันด้วยเวลาต่อรอบก็พอ เพราะการลงไปวัดกันตรงๆมันเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุ!

รถที่ได้รับการอัพเกรดเปิดระบบการสูบฉีดน้ำมันก่อนจะเร่งแซงรุ่นพี่ไปอย่างไม่มีใครคาดคิด รถของหวังอี้ป๋อส่ายนิดๆในจังหวะที่ทุกคนยังมองอย่างตะลึงงัน กว่าจะได้สติว่าเกิดอะไรขึ้นในสนาม การวิ่งจับเวลารอบนั้นก็จบลงด้วยเวลาที่ทำให้ทีมยามาฮ่าแทบช็อคไปทั้งทีม



“เกิดอะไรขึ้น? เหมือนยามาฮ่าจะเบียดกันเอง?”  เสียงผู้บรรยายในสนามดังทะลุลำโพงออกมาด้วยความตื่นเต้น ภาพรีเพลย์ถูกวนฉายซ้ำไปซ้ำมาแล้วก็เห็นว่าหวังอี้ป๋อถูกเบียดจนรถถึงกับแทบควบคุมไม่อยู่จริงๆ

“ไม่ว่าอะไรก็แล้วแต่ แต่ตอนนี้มีปัญหาแล้วครับหวังอี้ป๋อ!”  ผู้บรรยายตะโกนลั่น คนทั้งสนามก็ตะลึงงันเช่นกัน

“จากจังหวะเมื่อกี้ทำให้ทำความเร็วต่อได้ไม่เต็มที่ ตอนนี้เวลาเลยตกไปอยู่ถึงที่ 4 ตามหลังรุ่นน้องในทีมแถมยังมีดูคาติอีกสองคันมาแทรกอีก!

“ลำบากแล้วครับ อันดับสตาร์ทของหวังอี้ป๋อวันพรุ่งนี้!





พรุ่งนี้...เขา...ต้องออกสตาร์ทในอันดับ 4...





หากเป็นในภาวะปกติมันก็ไม่นับว่าเลวร้ายหรอก แต่ในช่วงเวลาสำคัญแบบนี้ ช่วงเวลาที่เขาไม่สามารถจะเสียแต้มไปแม้แต่คะแนนเดียวแบบนี้ การไม่ได้ออกสตาร์ทในแถวหน้าจึงนับว่าเสี่ยงเป็นอย่างมาก เสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุตั้งแต่ต้นเรซจนแข่งไม่จบ

เขาเดินกลับเข้าห้องพักในโรงแรมด้วยใบหน้าเคร่งเครียด แล้วทันทีที่เปิดประตูเข้าไป เจ้ากระต่ายที่กลับมาก่อนก็ส่งเสียงทักทายทันที

“เจ้าเด็กนั่นมันอะไร? มันจงใจเบียดนายชัดๆ ดีนะที่ไม่เกิดอุบัติเหตุ!   ใบหน้ามนฮึดฮัดโกรธแทนเขาจนเขายิ้มบางๆ

“อืม ทีมก็เตือนไปแล้วว่าอย่าขับขี่แบบอันตรายแบบนี้อีก”   เขาทิ้งตัวลงบนโซฟาอย่างเพลียๆ ยังมีเรื่องให้ต้องคิดอีกว่าพรุ่งนี้เขาจะทำยังไงให้อยู่รอดจนจบการแข่งขัน

ดวงตาคู่โตทอดมองหวังอี้ป๋ออย่างเป็นห่วง ถึงเขาจะเป็นแค่วิศวกรเป็นแค่คนออกแบบรถแต่จากการที่เขาคลุกคลีอยู่ในวงการแข่งรถมาเป็นสิบๆปีมีหรือจะไม่รู้ว่าการต่อสู้แย่งชิงมันมีสูงขนาดไหนและดราม่ามันก็แทบไม่ต่างไปจากวงการอื่น เขามองหวังอี้ป๋อที่ไม่ยอมพูดออกมาเพราะไม่อยากให้ทีมเกิดความแตกแยกแล้วเขาก็รู้สึกโกรธแทน

เจ้าเด็กนั่นมันกล้ามาก กล้ามาทำร้ายหวังอี้ป๋อของเขา!

เพราะใน Moto GP ไม่มีวิทยุสื่อสาร เจ้านักบิดกระดูกอ่อนพวกนี้เลยไม่เคยพบกับความโหดร้ายที่เรียกว่า “ทีมออเดอร์”  อย่างที่พวกนักขับเอฟวันเจอ



สเลน ให้ฮายาโตะผ่าน ย้ำ ให้ฮายาโตะผ่าน’  

คำพูดโหดร้ายที่ส่งมาตามวิทยุสื่อสารแบบนี้บางทีคุณก็ต้องกัดฟันทำตามถึงแม้คุณจะเป็นรถที่เร็วกว่า ถึงแม้ว่าการปล่อยให้เพื่อนร่วมทีมแซงขึ้นไปจะหมายถึงอันดับที่จะลดของคุณหรือแม้แต่ต้องยกแชมป์ของสนามนั้นให้เพื่อนร่วมทีม คุณก็ต้องทำตามคำสั่งของทีม เพราะเอฟวันเป็นการแข่งเป็นทีมและแข่ง 21สนามทั้งฤดูกาล หากหนึ่งแต้มที่คุณเสียสละให้จะทำให้เพื่อนร่วมทีมของคุณได้แชมป์โลกมาและถือเป็นชัยชนะของทั้งทีม คุณก็ต้องยอม



คะชูรักษาตำแหน่งนี้ไว้ กันรถคันข้างหลังไว้ อย่าให้แซงไปถึงสเลนได้

แต่หมอนั่นจี้ตูดชั้นจนแทบจะเสยได้อยู่แล้ว ช่วยบอกให้สเลนทำอะไรกับความเร็วของรถทีเถอะ ถ้าหมอนั่นไม่ไปให้เร็วกว่านี้ ชั้นก็ไม่รู้จะกันได้อีกนานแค่ไหน

บางครั้งทีมก็สั่งให้คุณห้ามแซงและคอยเป็นอัศวินปกป้องรถของเพื่อนร่วมทีม ทั้งๆที่คุณเร็วกว่าและคุณควรจะเป็นคนแซงไปและได้รับชัยชนะ แต่ทีมก็จะเลือกเพื่อนของคุณเพียงเพราะว่าเขามีแต้มสะสมที่ลุ้นแชมป์ได้มากกว่าคุณ



ทีมสามารถสั่งคุณได้ทุกอย่างผ่านวิทยุสื่อสาร

มีทางเดียวที่คุณจะหลุดรอดจากทีมออเดอร์อันโหดร้ายนี้ได้คือคุณต้องเป็นที่หนึ่ง คุณต้องยืนอยู่บนจุดสูงสุดของทีม คุณต้องเป็นคนที่มีแต้มสะสมมากที่สุดในทีม แล้วสุดท้าย ทีมก็จะเลือกคุณ

นี่คือความแตกต่างระหว่างนักขับมือหนึ่งกับมือสอง



แต่เพราะใน Moto GP ไม่มีวิทยุสื่อสาร ทีมยามาฮ่าจึงทำแบบนั้นให้หวังอี้ป่อไม่ได้...แต่ไม่ต้องห่วงหรอก ยังมีอีกหลายวิธีที่ผู้ใหญ่ใช้ดัดสันดานเด็กเกเรได้!

ใบหน้ามนยิ้มร้ายๆก่อนจะนั่งลงไปข้างๆหวังอี้ป๋อ

“พรุ่งนี้ให้บอกทีมช่างว่านายรู้สึกไม่ดี ให้ปรับวิงหน้ารถอีกหน่อย นายจะทำเป็นลองขึ้นไปขี่หรือยังไงก็ได้ แล้วค่อยๆบอกให้พวกนั้นปรับจนได้ตามนี้”  เจ้ากระต่ายยื่นกระดาษสเก็ตแผ่นหนึ่งมาให้  ใบหน้าหล่อเหลาจึงได้แต่มองงงๆ

“ยังมีอีกสามสี่จุด นายจำให้หมดแล้วบอกทีมช่างของนายปรับให้ครบทุกจุด ห้ามเอาสเก็ตชั้นไปอ่านต่อหน้าคนอื่นนะรู้ไหม?”   เขาพยักหน้าอย่างมึนๆ

“นี่อะไร? แผนการทำให้ผมแพ้เดิมพันเหรอ?”  เขาแซวยิ้มๆ 

“ไม่ใช่ซักหน่อย”   เจ้ากระต่ายทำหน้างอน  เขาจึงหัวเราะออกมาเบาๆ แค่มองสเก็ตในกระดาษก็รู้แล้วว่าอีกฝ่ายตั้งใจทำมาให้เขาขนาดไหน มีตัวเลขที่ผ่านการคำนวณและขีดฆ่าอยู่เต็มไปหมด สเก็ตเป็นรูปลมรูปแรงที่เขาไม่เข้าใจก็มีไม่น้อย

“ในฐานะคู่แข่ง ชั้นปรับแต่งรถทีมดูคาติของชั้นเต็มที่แน่นอน แต่ในฐานะแฟน ชั้นก็ยอมไม่ได้ที่จะเห็นนายถูกเจ้าเด็กนั่นปีนเกลียว ชั้นจะสั่งสอนมัน ชั้นจะทำให้หมอนั่นรู้เองว่าโลกนี้มันโหดร้ายแค่ไหน!”  เจ้ากระต่ายมาเฟียยิ้มร้ายอย่างที่เขาเองยังกลัว

จริงๆแล้วไข่ในหินของเฟอร์รารี่คนนี้ไม่ใช่คนอ่อนแอและยอมให้ใครมารังแกง่ายๆ เซียวจ้านถือเป็นตัวแสบคนหนึ่งของทีมม้าลำพองเลยทีเดียวเชียว






แล้วผลมันก็เห็นได้ทันตาในเช้าวันรุ่งขึ้น...

เขามาพิตแต่เช้าและให้ทีมวิศวกรกับทีมช่างของเขาปรับตามที่เจ้ากระต่ายบอกดู และพอเขาลงไปวิ่งในรอบ Warm up เท่านั้นแหละ...


นี่มัน...


ความรู้สึกตอนขี่รถมันต่างจากเมื่อวานลิบลับเลย


เขาอึ้งมาก ทึ่งมาก ตะลึงมาก

เจ้ากระต่ายเก่งมากจริงๆ จริงอยู่ที่เขารู้มาตลอดว่าแฟนเขาเป็นวิศวกรที่เก่งมากเรื่องหลักอากาศพลศาสตร์หรือแอโร่ไดนามิก แต่วันนี้เขาเพิ่งจะตระหนักว่าเจ้ากระต่ายไม่ใช่คนที่เก่งมากธรรมดา แต่ยังเก่งแบบมากๆมากๆสุดๆสุดๆ เพราะการปรับแต่งรถให้ดีนั้นใครๆก็อาจจะทำได้ แต่การปรับแต่งรถให้ดีโดยใช้แค่วิธีปรับแต่งขั้นพื้นฐานจนทีมช่างทั้งทีมของเขายังจับไม่ได้ว่าเจ้ากระต่ายอยู่เบื้องหลังคำขอร้องของเขานั้นต่างหากที่ทำให้เขารู้สึกทึ่งมาก

ไม่จำเป็นต้องใช้อะไหล่ใหม่ๆมาช่วยเลย ไม่จำเป็นต้องปรับแต่งในส่วนยากๆด้วย แต่แค่การปรับแต่งง่ายๆ อาจจะหลายจุดหน่อย แต่มันทำให้เขารู้สึกดีกับรถมากขึ้นได้ขนาดนี้เชียว สมเป็นหัวกะทิของวงการรถสูตรหนึ่งแล้ว มองขาดมาก

จริงๆแล้วทีมของเขาใช่ว่าจะไม่เก่ง วิศวกรของเขาถือเป็นกลุ่มหัวแถวของฝั่งMoto GPแล้ว แต่เจ้ากระต่ายดันเป็นอัจฉริยะที่หาได้ยาก ทีมของเขาจะสู้ไม่ได้ก็คงจะไม่แปลก

ใบหน้าหล่อเหลาแสยะยิ้มอยู่ภายใต้หมวกกันน็อค เขาส่ายหน้าน้อยๆในขณะที่ประคองรถกลับเข้าประจำกริดสตาร์ท...ตัวแสบจริงๆเจ้ากระต่ายมาเฟียนั่น...เขาเชื่อแล้วว่าเจ้ากระต่ายตัวร้ายของเขาสามารถตบเด็กเกรียนข้ามทีมให้เขาได้จริงๆ

ถ้ารถดีแบบนี้ละก็ ต่อให้เด็กนั่นจะออกสตาร์ทนำหน้าเขาผลก็ไม่ต่างหรอก

โดนเจ้ากระต่ายแสบฟาดตายแน่ๆ




จากนั้นภาพทุกอย่างก็เป็นไปตามที่เขาคิด


ตั้งแต่จังหวะออกสตาร์ทที่แอโร่ไดนามิกของเจ้ากระต่ายส่งเขาพุ่งทะยานกลับขึ้นไปอยู่ในตำแหน่งที่สองและผู้นำฝูงหมาป่าก็ไม่ใช่เด็กนั่นแต่กลายเป็นนักบิดจากทีมดูคาติ


รถของเขากับรถสีแดงของเจ้ากระต่ายสู้กันอยู่ข้างหน้าโดยไม่เห็นรถของเด็กนั่นอยู่ในสายตาอีกเลย


26 รอบ


118.4 กิโลเมตร


39 นาที 36 วินาที


ตลอดระยะทางเหล่านี้


การต่อสู้ยังคงเป็นของยักษ์กับยักษ์ซึ่งใครก็ไม่สามารถเข้ามาแทรกได้ดังเดิม ต่อให้พยายามถีบตัวเองขึ้นมาแค่ไหน แต่ของที่ไม่ใช่มันก็ยังคงไม่ใช่


.
.
.
.
.


เฮ้!!~~

เสียงเฮดังลั่นสนามเมื่อมีรถคันหนึ่งแล่นผ่านเส้นชัยไป


“หวังอี้ป๋อ! ผู้ชนะของสนามนี้คือหวังอี้ป๋อครับ!!!


ผู้บรรยายในสนามประกาศเสียงดังลั่น

และผลก็เป็นไปตามคาด เขาพุ่งเข้าเส้นชัยก่อนหน้ารถของดูคาติเพียงไม่กี่วินาที ซ้ำยังทิ้งห่างเจ้านักบิดมือสองของทีมแบบไม่เห็นฝุ่น

ทำเอาเจ้าเด็กที่ไปให้สัมภาษณ์สื่อเสียมากมายว่าน่าจะทำผลงานได้ดีกว่าเขาเพราะอันดับออกสตาร์ทดีกว่าได้ล้มหน้าหงาย คงได้อายจนแทบแทรกแผ่นดินหนีแน่ๆ

และตอนนี้เจ้ากระต่ายของเขาก็คงจะยืนแสยะยิ้มสะใจอยู่ในพิตสีแดงไปแล้ว





“เจ้าเด็กขี้อิจฉาคงจะอิจฉานายจนแทบคลั่งเลยสิวันนี้”   เจ้ากระต่ายยังคงอารมณ์ดีถึงแม้จะกลับโรงแรมมาแล้ว ส่วนพอล เทลฟอร์ดก็...หัวฟัดหัวเหวี่ยงไม่พูดไม่จากับใครเป็นอย่างที่เจ้ากระต่ายพูดนั่นแหละ เขาก็ได้แต่หวังว่าสักวันเด็กนั่นจะโตสักที

“หึ! ถ้าเจ้าเด็กนั่นมันกล้าทำให้นายเดือดร้อนอีกละก็ บอกชั้น ชั้นจะจัดการมันเอง”   ร่างโปร่งบางเดินเก็บของลงกระเป๋าเดินทางไปฮั่มเพลงภาษาอิตาลีไป เขายืนมองพลางกอดอก...สงสัยเจ้ากระต่ายนี่จะลืมไปแล้ว

“พี่”

“หื๋อ?”

“พี่ลืมไปหรือเปล่าว่าสนามนี้ผมชนะ”

“แล้วยังไง?”

“แล้วยังไงอะไร ก็ของเดิมพันของผมไง”

“ง่ะ!!!   เจ้าคนที่ขุดหลุมฝังตัวเองอย่างไม่รู้ตัวถึงกับผงะไปเมื่อนึกถึงความจริงข้อนี้ได้ ช่วยเขาเอาชนะเด็กนั่นจนตัวเองต้องถูกกินไปด้วยเนี่ย ถ้าไม่บ๊องพอก็ทำไม่ได้นะ

“มานี่เลย”   เขาจับข้อมือบางหมับก่อนจะลากไปหาเตียง

“อี้ป๋อ~~นายต้องมีคุณธรรมสิ~”   เจ้ากระต่ายพยายามขืนตัวเองไว้สุดฤทธิ์

“อี้ป๋อ...คือว่านะ...ชั้นช่วยนาย นายก็ควรจะสำนึกในบุญคุณอันใหญ่หลวงของชั้นด้วยการปล่อยชั้นไปสิ”   ทีแบบนี้ละรีบทวงบุญคุณเชียวนะ มันน่าเคี้ยวให้เอวหักเลยจริงๆ

“ที่นี่เมืองพุทธนะ การที่นายปล่อยนกปล่อยปลาปล่อยสัตว์ตัวเล็กๆแบบชั้นไป นายจะได้บุญนะ....”   เจ้ากระต่ายทำหน้าออดอ้อนพลางขยับหนีไปด้วย แต่มือที่แข็งแรงทรงพลังของเขากลับดึงข้อมือบางพร้อมกับเหวี่ยงร่างเบาหวิวนั่นลงไปกองบนเตียงได้อย่างง่ายดาย

“แพ้ก็คือแพ้”   เขากดข้อมือของคนที่พยายามดิ้นรนลงบนพื้นเตียงนุ่ม สองขาก้าวคร่อมอยู่บนเอวบาง เขาก้มมองคนที่ดิ้นขลุกขลักอยู่ใต้ร่างด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ปกติแล้วก็ไม่เคยขัดขืนเขาแท้ๆ มีแต่ตอนที่แพ้เดิมพันนี่แหละที่เจ้ากระต่ายพยายามหนีอย่างเอาเป็นเอาตาย สงสัยว่าทั้งคืนคงจะหนักเกินไป เขาอาจจะต้องเพลาๆลงหน่อย

ใบหน้าคมก้มลงไปจุ๊บเบาๆที่ลำคอขาว เจ้าของมันดิ้นหนักหน่วงทันที

“นายยังเป็นคนอยู่หรือเปล่า? นายยังเป็นคนอยู่มั๊ย? เจ้าคนไร้มนุษยธรรม~~”   ริมฝีปากช่างเจรจาโวยวายยกใหญ่ เขาอมยิ้มบางๆก่อนจะเอ่ยออกไป

“ถ้าพี่ยังด่าผมอีก ผมจะทำต่อนะ”   เจ้ากระต่ายหุบปากทันที

เขายันกายขึ้นไปมองคนที่นอนหอบผมเผ้าแผ่สยายอยู่บนหมอนด้วยสายตาอ่อนโยน  “วันนี้จะปล่อยไปก็ได้”   เจ้ากระต่ายยิ้มออกมาทันที เขาจึงยื่นมือไปบีบจมูกโด่งรั้นนั่นอย่างมันเขี้ยว

“ผมขอบคุณนะ ที่พี่โกรธแทนผม พยายามทวงความไม่เป็นธรรมคืนให้ผม ในขณะที่ไม่มีใครทำเรื่องแบบนี้ให้ผมเลย แต่พี่กลับทำให้และอยู่เคียงข้างผม พี่รู้ไหมว่าผมรู้สึกอุ่นใจแค่ไหน”   เขาไม่ใช่คนที่จะพูดจาหวานๆซึ้งๆนักหรอก แต่เขาก็อยากจะบอกให้เจ้ากระต่ายได้ฟังถึงความรู้สึกในใจเขา

“งื้อ~”   สองแขนผอมบางอ้าออกแทนการบอกให้เขาทิ้งตัวลงไป ท่อนแขนที่ไม่ได้ใหญ่โตกอดเขาไว้และเป็นโลกทั้งใบให้กับเขา

เขาซึบซับอ้อมกอดนั้นเอาไว้ สูดกลิ่นกายของกันและกัน แค่อยู่แบบนี้ก็มีความสุขยิ่งกว่าอะไรแล้ว


อีกอย่าง เพราะพรุ่งนี้เขาต้องรีบออกเดินทางแต่เช้า จะลากเจ้ากระต่ายบาดเจ็บไปสมบุกสมบันต่ออีกไม่ใช่น้อยก็คงไม่ค่อยดี





จากสนามบินบุรีรัมย์กลับมาที่ดอนเมืองในกรุงเทพมหานคร แต่พวกเขายังไม่กลับอิตาลีกันตอนนี้หรอก เพราะเขาแค่มาเปลี่ยนเส้นทางการบินภายในประเทศไปจังหวัดเชียงใหม่ต่อ

จากสนามบินเชียงใหม่เขาต้องขับรถออกนอกเมืองไปอีกเป็นชั่วโมง ถึงจะเอารถมาจอดที่วัดอะไรสักอย่างตามที่ทางโรงแรมบอกมาแต่ว่ามันก็ยังไม่ถึงอยู่ดี พวกเขายังต้องนั่งรถสองแถว?คันเล็กๆที่โรงแรมส่งมารับต่อไปอีก

“ทำไมมันซับซ้อนขนาดนี้เนี่ยที่พักของนาย?”   เจ้ากระต่ายนั่งหน้ามึนหัวโยกหัวคลอนจากแรงเหวี่ยงที่รถเลี้ยวไปมา ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมถึงขับรถขึ้นมาเองไม่ได้ ก็ถนนเส้นเล็กนี้มีแค่เลนเดียวแถมคดเคี้ยวขึ้นๆลงๆอีกต่างหาก

“จะต้องขึ้นเขาอีกกี่ลูก ชั้นจะอ้วกแล้วนะ”   เจ้ากระต่ายกำถุงพลาสติกแน่นต่างจากเขาที่ยังนั่งชิลๆ สภาพเหมือนรถไฟเหาะที่เขาเจอตอนแข่งรถมันโหดกว่านี้เยอะ

“ใกล้แล้ว พี่ไหวไหมเนี่ย?”   เขาลูบหัวลูบหลังเจ้าคนที่ยกมือปิดปากมาตลอดทาง กระต่ายน้อยเมารถช่างน่าสงสารจริงๆ เขายิ้มอย่างเอ็นดู

ในที่สุดรถก็หยุดลง และเมื่อก้าวขาลงมา...ขุนเขาตรงหน้าก็ให้ความรู้สึกว่าช่างคุ้มค่ากับการเดินทางไกลมาหาเสียจริงๆ


ที่นี่คือหุบเขาดาวเหนือ North Star Valley


เป็นโรงแรมท่ามกลางหุบเขา เป็นที่พักแบบบับเบิ้ลใสทรงกลมที่มองเห็นโดยรอบ 360 องศา 

เขายืดกายก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ที่นี่อากาศบริสุทธิ์จริงๆสมกับที่อยู่บนเขา กลิ่นดินกลิ่นต้นไม้ทำให้รู้สึกใกล้ชิดกับธรรมชาติ ขนาดเจ้ากระต่ายที่เมารถมาตลอดทางยังอาการดีขึ้นในพริบตา

“สวยจังเลยอี้ป๋อ”   เขาอมยิ้มอย่างดีใจที่ได้เห็นดวงตาคู่สวยเปล่งประกาย มือใหญ่จับมือบางก่อนจะพาเข้าไปยังส่วนต้อนรับซึ่งเป็นอาคารไม้ง่ายๆสไตล์ชิคๆ ผนังไม้เก่าที่ตีเหมือนไม่ตั้งใจมีแสงลอดเข้ามาตามรูเกิดเป็นเอฟเฟคที่สวยดีทีเดียว บนโต๊ะไม้มีแจกันดอกไม้เก๋ๆตั้งเอาไว้ บรรยากาศน่ารักดีตั้งแต่ตรงนี้เลย

พวกเขามาถึงตอนบ่ายซึ่งยังร้อนเกินไปที่จะลงไปยังห้องพัก แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาเพราะส่วนที่ทำหน้าที่เป็นล็อบบี้นี้ก็มีมุมให้ถ่ายรูปเยอะอยู่เหมือนกัน

สุดปลายสะพานไม้เป็นชิงช้าที่เหมือนลอยอยู่ในอากาศ ขุนเขาเป็นแบ็กกราวด์อยู่เบื้องหลัง เขาเก็บภาพของเจ้ากระต่ายที่นั่งอยู่บนชิงช้าแกว่งไกวอยู่บนฟากฟ้า รอยยิ้มที่ประดับประดาอยู่บนใบหน้าสวยหวานนั้นช่างดูมีชีวิตชีวา เส้นผมสีดำขลับขยับพลิ้วไหวไปตามแรงลม ดวงตาคู่โตค่อยๆปิดลงก่อนจะอมยิ้ม ดอกไม้สีเหลืองช่อเล็กๆที่อยู่ในมือขยับมาประสานกันบนหน้าตัก องค์ประกอบภาพทุกอย่างสวยงามไร้ที่ติจริงๆ

เขากดชัตเตอร์รัวๆจนสุดท้ายก็ต้องมาปวดหัวเพราะเลือกภาพไม่ถูก สวยมันทุกรูป

“น้ำอันนี้อร่อยอ่ะ!”   แต่เจ้าตัวต้นเหตุกลับสนุกสนานกับการชิมน้ำต่างๆที่โรงแรมยกมาเสิร์ฟ การตกแต่งของที่นี่ดูดีดูน่ารักแม้แต่อาหาร แก้วน้ำผลไม้หวานๆที่มีดอกไม้เล็กๆเสียบอยู่นั่นจึงทำให้เขาต้องหันกล้องไปที่เจ้ากระต่ายทั้งๆที่ภาพก่อนหน้าก็ยังเลือกไม่ได้ด้วยซ้ำ

“เอาของนายมาชิมด้วยสิ”   เจ้ากระต่ายคงชินแล้วกับการที่ถูกเขาคอยตามถ่ายรูป มือบางเอื้อมมาหยิบน้ำดอกอัญชันสีน้ำเงินใสของเขาไปดูดหน้าตาเฉย

“ทำไมอร่อยทุกอย่างเลย!”   ใช่ ทำไมสวยทุกภาพเลย! เพราะอยู่บนเขา เพราะอากาศดี เพราะแสงที่สาดลงมามันได้ เพราะอะไรไม่รู้แหละแต่เจ้ากระต่ายในกล้องของเขานี่สวยทุกรูปเลยจริงๆ!

“ยังเลือกไม่ได้อีกเหรอ?”   เจ้ากระต่ายเอียงคอมาถามเมื่อเห็นเขานั่งสไลด์หน้าจอไปมาอยู่นานแล้ว

“ไม่เห็นจะเข้าใจเลย ไอจีตัวเองแท้ๆแต่ทำไมชอบเอารูปชั้นไปลง?”   เจ้ากระต่ายยืดตัวพาดลงกับโต๊ะอย่างเกียจคร้าน คางมนเกยไว้บนขอบโต๊ะ ก่อนจะทำแก้มป่องมองเขา อย่าน่ารักมากนักจะได้ไหม~ แค่นี้ก็เลือกรูปไม่ถูกแล้ว~

แชะ

แต่เขาก็ไม่วายหันกล้องไปถ่ายก่อนจะหันกลับมาปวดหัวต่อ

“เพราะผมอยากเป็นผู้ชายที่น่าอิจฉาที่สุดในโลกยังไงล่ะ”   เขายิ้มมุมปากในขณะที่เอ่ยตอบข้อสงสัยของอีกฝ่าย

“เอารูปชั้นไปลงเนี่ยนะ? แล้วมันน่าอิจฉาตรงไหน?”   มีแต่นายเนี่ยแหละที่ไม่เข้าใจเจ้ากระต่ายเอ้ย ไปถามติ่งพวกนั้นสิว่าอิจฉาหวังอี้ป๋อไหมที่ได้เป็นคนถ่ายรูปพวกนี้ ได้เห็นพี่กับตาตัวเอง อยู่ในทุกเหตุการณ์ที่พี่มีแต่รอยยิ้ม

เจ้ากระต่ายเบะปากอย่างไม่เข้าใจแล้วปล่อยให้เขาเลือกรูปต่อไป สักพักเจ้าหน้าที่ก็มาบอกว่าสามารถลงไปที่ห้องพักได้แล้ว

พวกเขาต้องเดินลงไปตามบันไดไม้ซึ่งฝั่งไว้ตามความชันของภูเขา เมื่อถึงห้องพักแล้วก็เข้าใจว่าทำไมถึงลงมาก่อนไม่ได้ เพราะทันทีที่เปิดประตูรั้วไม้ไผ่เข้าไป ทั่วทั้งชานขนาดไม่ใหญ่ไม่เล็กนั่นก็มีเพียงบับเบิ้ลที่เป็นห้องพักเพียงเท่านั้น นี่มัน เอ้าท์ดอร์สุดๆไปเลย!

“ว้าว~”   เจ้ากระต่ายถึงกับเบิกตากว้าง บับเบิ้ลใสทรงกลมเหมือนลอยอยู่ในหุบเขา มีที่นอนซึ่งตกแต่งไว้อย่างน่ารักอยู่ข้างใน ม่านโปร่งถูกรวบไว้รอบๆ ชิคๆคูลๆ เรียบง่ายแต่ก็สวยสุดๆ

“อี้ป๋อ~ นายมาดูห้องน้ำนี่สิ!”   เขาเดินตามเจ้ากระต่ายไปดูห้องน้ำส่วนตัว ก่อนจะต้องร้องว้าวออกมาเบาๆ เพราะนอกจากผนังสามด้านที่เป็นรั้วไม้ไผ่แล้วมันก็ไม่มีอะไรกั้นอีก ทั้งชักโครก ทั้งฝักบัว ทั้งอ่างอาบน้ำ ล้วนเอ้าท์ดอร์เย้ยฟ้าท้าฝนกันเต็มที่ เรียกว่าอาบน้ำไปก็ดื่มด่ำกับธรรมชาติไปไม่มีอะไรมาขวางกั้น!

“ชอบอ่ะ”   เขายิ้มจนแก้มขึ้นเป็นก้อนก่อนจะหันไปมองเจ้ากระต่ายอย่างกรุ้มกริ่ม ดูเหมือนใบหน้ามนนั่นก็จะรู้ทันจึงได้ยิงฟันกระต่ายขู่กลับมา

“ห้ามคิดเรื่องอกุศลเลยนะ ถ้านายทำชั้นจะโกรธ!”   รู้อยู่แล้วน่า ทั้งบับเบิ้ลโปร่งใส ทั้งห้องน้ำเอ้าท์ดอร์แบบนี้ ถึงจะมีต้นไม้บังมันก็ยังเสี่ยง แถมเสียงยังจะดังก้องไปทั้งหุบเขาอีกต่างหาก ถึงจะน่าเสียดาย แต่ก็ยังมีความโรแมนติกอย่างอื่นให้ทำอยู่

“ไม่ทำก็ได้ แต่อาบน้ำพร้อมกันนะ”   เขาอ้อนเมื่อเอากระเป๋าไปเก็บในบับเบิ้ลใส

“ไม่! นายมันจอมเลยเถิด!”   เจ้ากระต่ายปฏิเสธเสียงแข็ง

“แต่ผมกลัวแมลงอ่ะ น้า จ้านเกอ...”   เขาทำมองเจ้ากระต่ายตาละห้อย หูลู่หางตกน่าสงสาร เจ้ากระต่ายจอมตกหลุมพรางก็เริ่มมองอย่างชั่งใจ

“......ก็ได้ แต่ถ้านายทำละก็ กลับไปเตรียมนอนนอกบ้านได้เลย”   เจ้ากระต่ายขู่

“ครับ”   เขายิ้มรับ



ขนาดประตูห้องน้ำก็ยังเป็นผ้าผืนเดียว จะเปิดก็ปลดออกจะปิดก็เกี่ยวกับตะขอไว้ คูลสุดๆ เขาเดินเข้าไปโดยมีผ้าขนหนูพันรอบเอวผืนเดียว เสียงจ๋อมๆดังอยู่ที่อ่างอาบน้ำลอยตัว เจ้ากระต่ายนั่งแช่อยู่ในนั้น ใบหน้ามนเหลือบมองเขาก่อนจะเสหน้าแดงระเรื่อไปทางอื่น

เขาหัวเราะในลำคอเบาๆก่อนจะเอื้อมมือใหญ่ไปเปิดก๊อกฝักบัว สายน้ำไหลรดลงมาบนหัวก่อนจะค่อยๆไหลลงไปตามร่างกายสมชายชาตรี หยดน้ำจากไหล่หนาค่อยๆไหลลงไปตามกล้ามหน้าท้องที่สวยงาม ตอนนี้ร่างกายของเขาเปลือยเปล่าไร้สิ่งใดป้องกัน มือใหญ่เอื้อมไปกดขวดสบู่เหลวพลางยิ้มบางๆ เขารู้ว่าเจ้ากระต่ายแอบดูเขาอยู่ ใบหน้ามนแสร้งทำเป็นมองนกมองไม้แต่ดวงตากลมโตนั่นก็คอยแอบเหลือบดูเขาตลอด

เจ้ากระต่ายลามกจริงๆก็ชอบร่างกายของเขามากนั่นแหละ

มือใหญ่ถูฟองสบู่ไปตามร่างกาย คนแอบดูแต่ไม่รู้ตัวว่าถูกจับได้ยังคงลอบมองต่อไป

ก็ร่างกายของหวังอี้ป๋อดีมากนี่นา อนาโตมี่สมบูรณ์แบบขนาดนั้น แถมตอนที่มือใหญ่ๆถูสบู่ไปตามกล้ามเนื้อสวยๆนั่นมันก็เซ็กซี่มากจนอดแอบมองไม่ได้ เป็นความเซ็กซี่ที่ทำเอาใจเต้นโครมคราม ดวงตาคู่โตค่อยๆแอบเหลือบไปมองอีก คราวนี้หวังอี้ป๋อหันหน้ามาเต็มๆเขาจึงเห็น......เต็มๆ ถึงจะเห็นมาไม่รู้กี่ครั้งแต่มันก็ยังทำเอาเขินๆได้ตลอด ใบหน้ามนตวัดกลับมาก่อนจะวักน้ำใส่หน้า อ๊า~~

ใบหน้าหล่อเหลาลอบยิ้มเมื่อเห็นเจ้ากระต่ายวักน้ำใส่หน้าอย่างบ้าคลั่ง ฮ่าๆๆ เขาจงใจหันหน้าไปให้เห็นเองนั่นแหละ แอบมองแล้วยังจะเขินเองอีก น่ารักซะไม่มีอ่ะ

“เจ้ากระต่ายลามก”    เสียงทุ้มกระซิบอยู่ที่ใบหู คนที่นั่งอยูในอ่างสะดุ้งโหยงเพราะไม่รู้ว่าหวังอี้ป๋อเดินมาอยู่ข้างหลังตั้งแต่เมื่อไหร่

“ละ ลามกอะไร?”   ใบหน้าแดงระเรื่อเปียกโชกยังไม่ยอมรับ เขาจึงก้มลงไปจูบไหล่บางเปลือยเปล่าเบาๆหนึ่งที

“ขยับหน่อย ผมนั่งด้วย”    ร่างโปร่งขยับให้เขาลงไปนั่งซ้อนอยู่ข้างหลัง เมื่อเข้าที่เข้าทางแล้วแผ่นหลังบางก็ขยับมาพิงแผงอกของเขาไว้ด้วยความเคยชิน ทั้งอุณหภูมิของน้ำและอุณหภูมิของร่างกายทำให้รู้สึกสบายและผ่อนคลาย

“สวยเนอะ”   เจ้ากระต่ายเกยคางไว้กับขอบอ่างก่อนจะชี้ชวนเขามองภาพทิวทัศน์อันอลังการของขุนเขาตรงหน้า เพราะขยับจากอ่างนี่ไปไม่เท่าไหร่ก็กลายเป็นหุบเขาทั้งหมด  เหมือนเอาอ่างมาตั้งไว้กลางป่าเขาลำเนาไพรก็ไม่ปาน

“อืม”   เขาพาดท่อนแขนไว้ที่ขอบอ่างก่อนจะมองภาพเดียวกัน จิตใจที่วุ่นวายสับสนสงบลงเพียงแค่ได้มองภาพตรงหน้า ต้องขอบคุณคนในอ้อมแขนที่พาเขามาที่นี่ เพราะถ้าไม่มีเจ้ากระต่ายเขาก็คงไม่คิดจะไปไหนและคงไม่ได้เจอกับอะไรดีๆที่สวยงามแบบนี้

เขาก้มลงไปจูบไหล่บางอย่างรักใคร่อีกครั้ง พวกเขานั่งมองพระอาทิตย์ค่อยๆลาลับขอบฟ้าด้วยกันอยู่แบบนั้น



พอไร้ซึ่งแสงตะวันอุณหภูมิของที่นี่ก็ลดต่ำลงทันที

แต่แสงสว่างที่หายไปไม่ได้นำพามาแค่ความมืดและความหนาวเย็นเพียงเท่านั้น

หุบเขาที่ไร้แสงไฟ บับเบิ้ลใสที่ไร้หลังคาและผนัง ยังทำให้เห็นหมู่ดาวที่พร่างพราวเต็มท้องฟ้าเสมือนกับว่าพวกมันกำลังโอบกอดพวกเขาอยู่

“ว้าว~ สวยมากเลยเหล่าหวัง!”   เจ้ากระต่ายนอนหงายอยู่บนที่นอนพร้อมกับมองดวงดาวระยิบระยับนับแสนนับล้านด้วยดวงตาเป็นประกาย พวกเขามองเห็นดาวเหล่านั้นได้ 360 องศา

“พี่รู้จักดาวอะไรบ้าง”   เขานอนคุยกับเจ้ากระต่ายอยู่ข้างๆกัน

“ดาวรถไถ”   มีที่ไหนเล่า นั่นมันดาวไถเฉยๆหรือเปล่า? เขายิ้มแห้งให้กับความพยายามจะทำให้ดาวกลายเป็นรถของเจ้ากระต่าย

“นอกนั้นชั้นไม่รู้จักเลยเพราะมันไม่ใช่รถ”   ดาวไถก็ไม่ใช่รถนะ...

“มันมีดาวที่มักจะเดินไปด้วยกันเสมอบนท้องฟ้าด้วยนะ”   เสียงทุ้มเอ่ยออกไปในขณะที่เอื้อมมือไปจับมือคนที่นอนอยู่ข้างๆไว้

“จริงดิ”

“ดาวหมีเล็กจะเดินตามดาวหมีใหญ่ไปรอบๆดาวเหนือเสมอ เค้าบอกว่าดาวสองกลุ่มนี้เป็นแม่ลูกกัน”   เขาเล่าให้เจ้ากระต่ายฟังตามที่เคยได้ยินมา

“โรแมนติกจัง...”  

“ถ้าชั้นไปเกิดเป็นดาว นายจะเดินตามชั้นหรือเปล่า?”   ใบหน้ามนหันมาถาม กลิ่นแชมพูฟุ้งกระจายเมื่อเส้นผมสีดำสยายอยู่บนหมอน

“ไม่เอาอ่ะ พี่ไม่ใช่แม่ผมนี่”   เขาจึงหันไปตอบพร้อมรอยยิ้มกวนๆ

“งื้อ!   เจ้ากระต่ายทำหน้าหงึใส่ก่อนจะหันกลับไปมองดาวอย่างงอนๆ แต่เขายังคงมองใบหน้าด้านข้างนั้นไม่วางตา

“ผมไม่เดินตามพี่ แต่ผมจะเดินข้างๆพี่”   และเมื่อเสียงทุ้มตอบไปอีกที ใบหน้าหวานก็หันมามองตาโต

“อี้ป๋อ~~”   เจ้ากระต่ายพลิกตัวตะแคงข้างก่อนจะโผเข้ามากอดเขา แขนเล็กสอดเข้าใต้เอวแล้วกอดเขาแน่น ใบหน้ามนคลอเคลียเขาอย่างเอาใจ น่ารักจนแทบจะทนไม่ไหวแล้ว

“ชั้นก็จะเดินข้างๆนาย ไม่ว่าจะเกิดเป็นดาวหรืออะไรก็ตาม!”   เขายิ้มแก้มแทบปริ ท่อนแขนแข็งแรงกอดตอบ ค่ำคืนที่แสนโรแมนติกยังคงดำเนินต่อไป และพวกเขาก็ยังคงอยู่ในอ้อมแขนของกันและกัน





เช้าวันใหม่มาเยือนพร้อมกับแสงของพระอาทิตย์ที่ลอดผ่านม่านโปร่งใส

เขาปลุกเจ้ากระต่ายขี้เซาให้ตื่นจากนิทรา ร่างโปร่งบางในชุดนอนฮู้ดสีแดงของเฟอร์รารี่จึงลุกขึ้นมานั่งหัวยุ่งอยู่บนที่นอนสีขาวล้อมรอบด้วยผ้าม่านที่ทิ้งตัวลงมา แสงอาทิตย์ก็ลอดผ่านมาในจังหวะที่พอดี แน่นอนว่าเขาไม่พลาดที่จะเก็บรูปนี้เอาไว้

น่าเสียดายที่วันนี้พวกเขาต้องเดินทางกลับอิตาลีกันแล้ว


คงได้แต่บอกว่า ไว้พบกันใหม่ปีหน้านะประเทศไทย


.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.

To be con.


มาค่ะ ไปดูสนามช้างหรือสนามบุรีรัมย์กันค่ะ อิๆๆ


อันนี้ตอนที่แข่ง Moto GP ปี2019 ปีที่แล้วที่คุณกวางตามเพื่อนไปเผือกมา555+ ตอนไปคือไม่รู้อะไรเลยซักอย่าง แต่ไส้เดือนตัวใหญ่มากจริงๆนะ แง๊ เช้าวันเสาร์ที่ฝนตกหนักมาก เดินเกือบเหยียบมันอ่ะนึกว่ากิ่งไม้ =A= แล้วก็สนามนี้แหละที่มาร์ค มาเกซชนะแล้วได้แชมป์สมัยที่ 8 ของนางไปทั้งๆที่ยังเหลืออีก 4 สนาม เก่งจุง เรียกว่าบรรยากาศในสนามวันนั้นทำให้อยากกลับมาแต่งฟิคแข่งรถอีกเลยค่ะ ประทับใจมาก แล้ว GLIDE ภาค 4 เลยเกิดขึ้นด้วยประการฉะนี้555


ส่วนของอันนี้ปี 2018

ส่วนใครถ้าอยากไปดู ปีนี้ก็มีจัดอยู่น้า เลื่อนจากช่วงต้นปีมาเป็นปลายปี บัตรแกรนด์สแตนน่าจะหายากแล้ว แต่ถ้าเป็นไซด์สแตนหรือสแตนของนักแข่งน่าจะยังมีอยู่ ปีที่แล้วคุณกวางก็ไปดูแบบไซด์สแตน มันจะไม่ฟิกที่นั่งอ่ะค่ะ ศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ เข้าได้ 3 วัน อยากนั่งตรงไหนก็นั่งได้เรย หรือถ้าอยากอยู่กับพวกเดียวกันก็ซื้อบัตรแบบสแตนของนักแข่ง(จะมีของยามาฮ่า ฮอนด้า ดูคาติมั้งนะถ้าจำไม่ผิด) ค่าบัตรไซด์สแตนหักส่วนลดต่างๆแล้วก็พันกว่าบาทค่ะ  อืม แต่ไม่รู้ให้คนเข้าไปดูได้ไหมนะปีนี้? เพราะทางฝั่ง F1 คือแข่งกันในสนามเปล่าอยู่ค่ะตอนนี้ ไม่ให้คนเข้าไปดูเลย ดูถ่ายทอดสดเท่านั้น ป้องกันเรื่องไวรัสอ่ะนะ

ส่วนการเดินทางในบุรีรัมย์ช่วงที่มีแข่ง Moto GP คือเดินทางสะดวกมาก ตอนแรกก็ยังกังวลอยู่ว่าถ้าไม่มีรถจะทำยังไง สรุปคือเค้าจะมีรถรับส่งตามจุดต่างๆทั่วเมืองเลยค่ะ ฟรีด้วย =v=b หรือจะใช้แกร๊บก็ได้ มีเหมือนกัน

อีกที่ที่ปรากฏอยู่ในฟิคตอนนี้...หุบเขาดาวเหนือ~~ จริงๆยังไม่เคยไป แต่เห็นในรีวิวแล้วชอบมาก =/////= ไว้ต้องหาโอกาสไปบ้าง อิๆ แปะรีวิวค่ะ


ขอบคุณทุกๆคอมเม้นต์และทุกๆการติดตามมากๆนะคะ พอรู้ว่ามีคนคิดถึงอยู่ก็อยากจะรีบปั่นให้ไวเลย >////< ภาค Raspberry ของคะชูก็อยากเขียนต่อมากๆค่ะ =q= // ขุดหาไหก่อง ฝังไว้ไหนฟ๊ะ555



1 ความคิดเห็น:

  1. มาเม้นเป็นกำลังใจ 😂😂😂 บวกกับเม้นเร่งด้วย ได้โปรดขุดไหดองคู่โคกามิกิโนสะมาหน่อยเถอะะะ เรื้องLSD นี่รอนานมาก ย้อนไปอ่านเม้นตัวเองคือเกิน3ปีแล้วอ่ะ

    ตอบลบ