ป๋อจ้าน Au.Fic [หวังอี้ป๋อ x เซียวจ้าน] GLIDE : 2x4 It’s me : 19


ป๋อจ้าน Au.Fic [หวังอี้ป๋อ x เซียวจ้าน]  GLIDE : 2x4 It’s me : 19

: ป๋อจ้าน Fanfiction Au
: หวังอี้ป๋อ x เซียวจ้าน
: Romantic
: NC-17


คำเตือน : เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ
           : เนื้อเรื่องต่อไปนี้เป็นเพียงจินตนาการของผู้เขียน ไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นจริงนะคะ
           : ข้อมูลจะไม่แน่นเท่า GLIDE ภาคก่อนๆนะคะ เพราะภาคนี้ข้ามมา 2 ล้อ ตรูขี้เกียจหาข้อมูลฝั่ง Moto GP โฟ้ยยยย // โดนตบด้วยหมวกกันน็อค





เพราะเป็นประเทศที่ตั้งอยู่กลางทะเลทราย สภาพอากาศจึงเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันได้ง่ายๆ ไม่มีรายงานหรือพยากรณ์อากาศมาก่อนเลยว่าวันอาทิตย์นี้จะมีฝนตก...

ไม่สิ แค่คิดว่าประเทศนี้จะมีฝนตกมันก็รู้สึกแปลกใจแล้ว ทว่า ฝนก็ตกลงมาจริงๆ!

ดวงตากลมโตจ้องมองหน้าจอมอนิเตอร์ด้วยความกังวล ในเรดาห์ยังมีกลุ่มเมฆก้อนใหญ่เคลื่อนผ่านสนามอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหมด ขณะนี้เวลา 16.00 น.แล้ว เหลืออีกเพียงสองชั่วโมงเท่านั้นก็จะถึงเวลาแข่ง แต่ในสนามยังคงมีเม็ดฝนร่วงหล่นลงมาไม่ขาดสาย ริมฝีปากสีระเรื่อถูกกัดเม้มด้วยฟันกระต่าย สภาพอากาศแบบนี้เป็นเรื่องที่เขาไม่ถนัดที่สุด หากไปดูประวัติรถฟอร์มูล่าวันของเฟอร์รารี่ในยุคที่เขาเป็นคนออกแบบก็จะรู้ได้เลยว่า...จุดอ่อนของเขาคือวันที่มีฝนตก!

ยิ่งแดดร้อนเท่าไหร่เจ้ารถสีแดงนั่นก็ยิ่งแรงดั่งเปลวไฟ แต่ถ้าฝนตกวันไหนคือพัง! พัง! พัง!และพังตลอด!

มายก้อด เขาจะทำยังไงดี!!

ใบหน้าภายใต้กรอบแว่นหันกลับไปมองเจ้าสองล้อสีแดง คิ้วเรียวขมวดจนแทบจะผูกเป็นโบว์ ภาพในหัวกำลังจำลองกระแสลมฝนถนนลื่นเปียก อะไรก็แล้วแต่ที่จะมีผลกระทบกับอากาศพลศาสตร์ของตัวรถ 

ร่างโปร่งบางย่อตัวนั่งมองจากด้านหน้ารถ ดูจากภายนอกอาจจะคิดว่าเจ้ามอเตอร์ไซค์ที่เล็กกว่าฟอร์มูล่าวัน3-4เท่านี้อาจจะปรับแต่งอะไรไม่ได้มากนัก แต่เปล่าเลย รายละเอียดต่างๆบนตัวรถนั้นยังปรับยังเพิ่มได้อีกมาก รถมอเตอร์ไซค์ที่ใช้แข่งในระดับ Moto GP นั้นมีกลไกเหนือกว่ามอเตอร์ไซค์บิ๊กไบต์ที่ขายตามท้องตลาดไม่รู้กี่เท่า การแข่งจักรยานยนต์ทางเรียบในคลาสอื่นๆส่วนใหญ่จะใช้รถที่ผลิตขายมาทำเป็นรถแข่ง แต่สำหรับรถในคลาส Moto GP ที่เป็นระดับสูงสุดนั้นจะเป็นรถต้นแบบที่ไม่มีขายที่ไหนในโลกเพราะเป็นรถที่ผลิตขึ้นมาเพื่อการแข่งเท่านั้น ทั้งเครื่องยนต์ ระบบอิเล็คทรอนิกส์ แอโรไดนามิก วัสดุที่ใช้ทำชิ้นส่วนอะไหล่ต่างๆ รวมทั้งมูลค่าการพัฒนารถจึงเหนือกว่ามอเตอร์ไซค์ทั่วไปมาก เทียบกันแล้วมันก็คือฟอร์มูล่าวันของพวกสองล้อนั่นแหละ

ดูอย่างพวกปุ่มสีสันสดใสที่เรียงอยู่บนแฮนด์ข้างซ้ายพวกนี้สิ รถมอเตอร์ไซค์ทั่วไปมีที่ไหน มันมีทั้งปุ่มที่เอาไว้ควบคุมระบบปรับความสูงของท้ายรถเพราะท้ายรถสามารถกดให้ต่ำลงได้เพื่อช่วยในจังหวะออกสตาร์ท มีทั้งปุ่มที่ใช้ควบคุมระบบอิเล็กทรอนิกส์ของรถเพื่อให้เหมาะกับสถานการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในแทรค ไม่ว่าจะเป็นแมพปิ้งเครื่องยนต์ แมพปิ้งการจ่ายน้ำมัน ระบบควบคุมเอนจิ้นเบรก ระบบควบคุมความเร็วในพิตเลน เป็นต้นว่าถ้าแทรคลื่นก็ต้องเปลี่ยนแทรคชั่นคอนโทรล ถ้าอยากจะเร่งแซงก็ต้องเพิ่มการจ่ายน้ำมัน ถ้าขับเข้ามาในพิตเลนก็ต้องปรับความเร็วให้อยู่ในลิมิตสปีดคือ 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งนักบิดสามารถควบคุมสิ่งต่างๆเหล่านี้ได้ด้วยตัวเองโดยปุ่มพวกนี้ เห็นแล้วเขาก็นึกถึงพวงมาลัยของรถเอฟวันขึ้นมาทันที

ดวงตากลมโตจ้องมอง Winglets หรือปีกด้านหน้าด้วยสายตาเหม่อๆเพราะในหัวกำลังรวบรวมความคิดอยู่ว่า...เขาจะทำยังไงกับฝนเจ้าปัญหานั่นดี!









ในห้องประชุมของทีมยามาฮ่าเองก็ตกอยู่ในความมืดครึ้มอึมครึมไม่แพ้บรรยากาศข้างนอกเลย ตลอด 4 ปีมานี้พวกเขาไม่ได้เจอคู่แข่งที่น่ากลัวขนาดนี้มาก่อน ไม่เคยสัมผัสกับคำว่า “ไม่ว่ายังไงก็หาทางชนะไม่ได้” แบบนี้มาก่อน การนั่งบนบัลลังก์สบายๆกำลังจะกลายเป็นเรื่องในอดีต ถ้าให้พูดกันตามตรงหวังอี้ป๋อกับเซียวจ้านเป็นคู่รักที่สมน้ำสมเนื้อกันมาก เซียวจ้านเป็นวิศวกรที่แข็งแกร่งกว่ารูปลักษณ์ภายนอกที่เห็นมาก ส่วนหวังอี้ป๋อก็เป็นนักบิดที่ฟ้าประทานลงมา ตอนเป็นคู่แข่งยังสู้กันได้สูสีขนาดนี้ หากอยู่ทีมเดียวกันขึ้นมาไม่ต้องสงสัยเลยว่าจะเป็นทีมที่ไร้เทียมทานขนาดไหน

แต่เพราะตอนนี้ทั้งสองคนเป็นคู่แข่งกัน ทีมวิศวกรของ Monster Yamaha ถึงได้ทำหน้าเครียดกันอยู่แบบนี้

“เราคำนวณการเซตกล่อง ECU ปรับสูตรการจ่ายน้ำมันให้นายใหม่ ตอนเร่งแซงมันจะทำความเร็วได้มากขึ้น แต่รถจะเสถียรน้อยลง นายอาจจะต้องระวังนิดนึงนะอี้ป๋อ...นาย...อยากใช้ไหม? ถ้านายกลัวจะควบคุมรถไม่ได้ก็ใช้สูตรเก่าไปก่อน ส่วนสูตรใหม่นี้ไว้สนามหน้าก็ได้”   ทีมวิศวกรนั่งล้อมวงบรีฟนักบิดมือหนึ่งของทีมเพื่อวางแผนการแข่งในสนามนี้ หลังจากได้ฟังหวังอี้ป๋อก็มีสีหน้านิ่งสนิททันที

“.......ผมถามหน่อย สูตรที่ว่านี่เพิ่งได้มาเมื่อคืน? หรือว่าได้มาหลายวันแล้วแต่ไม่กล้าให้ผมลองใช้ก่อนวันแข่งเพราะกลัวผมจะเอาไปบอกจ้านเกอ?”   คุณเข้าใจไหม ถ้ารถมันแรงขึ้นแล้วเขาไม่ได้ลองก่อน ไม่ได้ปรับแต่งแอโรไดนามิกให้รถมีแรงกดมากพอก่อน รถมันจะเหินแล้วเขาจะควบคุมมันได้ยากขนาดไหน

“เอ่อ...มัน...ไม่ใช่แบบนั้นหรอกน่า...”   ทีมวิศวกรพยายามบ่ายเบี่ยงอย่างอ้ำๆอึ้งๆซึ่งเขาดูก็รู้แล้วว่ากำลังโกหก ใบหน้าหล่อเหลาจึงถอนหายใจเบาๆ

“ใช้มาเลยก็แล้วกัน ผมจะพยายามขับมันเอง”   ร่างสูงสง่าลุกออกมาอย่างเหนื่อยล้า คิดเสียว่าทีมเชื่อมือเขามากจนแม้แต่จะปรับอะไรให้รถขับยากๆก็ไม่คิดจะให้เขาได้ทดลองก่อนเลย

ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ก็ไม่มีปัญหาหรอก แต่ตอนนี้เรื่องหลายอย่างที่มันถาโถมเข้ามาทำให้เขาไม่ค่อยมีสมาธิ ความคิดที่อยู่ในหัวของเขาไม่เสถียรยิ่งกว่ารถเสียอีก

ติ๊ง!

ใบหน้าหล่อเหลาก้มลงมองโทรศัพท์มือถือ เจ้ากระต่ายส่งข้อความมา?


ชั้นเกลียดฝน!’

นายเองก็ขับรถระวังๆด้วยนะ!’

จากนั้นก็เป็นรูปภาพอีกหนึ่งใบ...

รูปดอกรีบูเทีย คานิวาลที่กำลังชูป้ายว่า “หวังอี้ป๋อ สู้ๆนะ”  


ใบหน้าที่เย็นชากับคนทั้งโลกจึงเผลอยิ้มออกมา คนเดียวที่ทำให้เขาฟันฝ่าความเครียดทั้งหลายแหล่ไปได้ก็คือเจ้ากระต่ายของเขานี่แหละ เขาพอจะรู้มาบ้างว่าเจ้ากระต่ายไม่ถูกกับฝนยังไง ปีที่แล้วเขาเคยไปอยู่ในพิตการาจเฟอร์รารี่สนามที่ฝนตก บอกเลยว่า “เละ!

เขามองภาพที่เจ้ากระต่ายส่งมาด้วยสายตาอ่อนโยน ทั้งๆที่ตัวเองก็กำลังแย่แต่ก็ยังเป็นห่วงเขา...อากาศที่หนาวเย็นพลันอบอุ่นขึ้นมาทันที

ร่างสูงสง่าเดินกลับไปที่ห้องพักก่อนจะค้นหาเศษผ้าแล้วลงมือทำอะไรบางอย่าง...








ร่างโปร่งบางในชุดยูนิฟอร์มสีแดงสดวิ่งออกจากพิตการาจของดูคาติก่อนจะผลุบหายเข้าไปในห้องน้ำรวมที่อยู่ด้านหลังพิต แล้วในระหว่างที่กำลังจะวิ่งกลับดีไซน์เนอร์ของเฟอร์รารี่ก็ถูกคนคุ้นหน้าดักเอาไว้เสียก่อน

“คุณ...”   เป็นเทรนเนอร์ส่วนตัวของหวังอี้ป๋อ คนคนนี้อยู่ที่อิตาลีกับอี้ป๋อตลอดช่วงปิดฤดูกาลที่ผ่านมา เขาจึงรู้จักอีกฝ่ายดี

“อี้ป๋อฝากของมาให้ครับ”   กล่องสีขาวใบหนึ่งถูกยื่นมาให้แล้วอีกฝ่ายก็รีบหายตัวไปทันที คงไม่อยากให้ใครเห็นว่าคนของหวังอี้ป๋อติดต่อเขาก่อนการแข่งขันแบบนี้

ใบหน้ามนก้มลงมองกล่องเล็กๆขนาดไม่ใหญ่กว่าฝ่ามือ เขาค่อยๆเปิดมันออกก่อนที่นัยน์ตาจะเบิกกว้างเมื่อมองเห็นของข้างใน

นี่มัน...


ตุ๊กตาไล่ฝนของญี่ปุ่น?


ดวงตากลมโตไล่มองเจ้าตุ๊กตาที่ทำจากผ้าสีขาว มันมีอยู่ด้วยกันสองตัว วาดหน้าดุๆตัวนึงกับหน้าแบ๊วๆตัวนึง จุดที่มุมปากของมันบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าเจ้าตุ๊กตาไล่ฝนสองตัวนี้เป็นตัวแทนของใคร  


เขากับหวังอี้ป๋อ...


“ฮึ...”   ใบหน้ามนเผลอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว เป็นรอยยิ้มที่ทั้งสวยทั้งหวานจนคนที่เดินผ่านถึงกับต้องหันมามอง

ร่างโปร่งบางเดินกลับพิตด้วยหัวใจที่คลายกังวล มือบางแขวนตุ๊กตาไล่ฝนสองตัวนั้นเอาไว้ในพิต


...ไม่มีอะไรต้องกลัวอีก...


แล้วคนที่เดินมาเห็นเจ้าตุ๊กตาสองตัวนั่นเข้าก็ไม่ใช่ใคร พี่ใหญ่ของทีมดูคาติอย่างฟาบริซิโอ้นั่นเอง

“ตุ๊กตาไล่ฝนของญี่ปุ่น? ใครเอามาแขวนไว้ฟ๊ะ?”   แถมแขวนได้ประเจิดประเจ้อมากกกก แขวนมันหน้าพิตเลยด้วยนะ!

“ของชั้นเอง”   เจ้าสมาชิกใหม่เงยหน้าขึ้นมาจากคอมพิวเตอร์ ดวงตากลมโตที่อยู่ใต้แว่นนั่นมองมาด้วยสายตาว่ามีปัญหาตรงไหน?

“ของนายอีกแล้วเร้อออ~เจ้ากระต่ายเอเชีย! นายคิดว่าพิตที่น่าเกรงขามของชั้นเป็นอะไร? ศาลเจ้าเร๊อะ?!   ฟาบริซิโอ้ก็ได้แต่โวยวาย เพราะเจ้ากระต่ายเอเชียที่ว่านอกจากจะไม่สำนึกแล้วยังถามกลับมาอีกว่า

“นายมีอะไรที่ไล่ฝนได้อีกไหม?”

“ไม่มีโว้ย!”   หัวหน้าทีมเครื่องยนต์ถึงกับเครียด เฟอร์รารี่เลี้ยงหมอนี่มายังไงเนี่ย??




แล้วก็ดูเหมือนเจ้าตุ๊กตาไล่ฝนสองตัวนั้นจะทำหน้าที่ได้อย่างดี? เมฆฝนที่ปกคลุมอยู่เหนือสนามที่โลไซอัลเบาบางลงชั่วครู่ แต่มันก็เพียงพอให้แทรคเริ่มจะแห้งได้บ้างเป็นบางส่วน ดูเหมือนจะสามารถออกสตาร์ทได้ตามเวลาแข่งที่ตั้งไว้

แต่ถึงกระนั้นที่พิตของทุกๆทีมก็ยังเตรียมรถเอาไว้อีกคัน มันถูกปรับแต่งและเปลี่ยนเป็นยางเปียกเอาไว้สำหรับลุยฝน เพราะ Moto GP มีกฎว่ารถสำรองต้องเซตอัพให้เสร็จก่อนที่รถหลักจะออกสตาร์ท พอเริ่มการวอล์มอัพแล้วทีมวิศวกรจะทำอะไรกับตัวรถสำรองคันนี้ไม่ได้อีก เพราะงั้นจึงเป็นงานหนักของพวกเขาที่ต้องปรับแต่งรถพร้อมกันถึง 4 คัน สำหรับนักบิดทั้งสองคนของทีม

เวลาใกล้เข้ามาเรื่อยๆท่ามกลางการเตรียมรถที่เข้มข้นของแต่ละทีม ทีมช่างต่างวิ่งวุ่นไปมาในพิตการาจ น้ำมันที่ถูกลดอุณหภูมิลงจากสภาพแวดล้อม 15 องศาเพื่อให้ได้ปริมาตรตามที่ต้องการโดยมีน้ำหนักมากที่สุดค่อยๆถูกเติมใส่ตัวรถเมื่อใกล้ 75 นาทีก่อนการแข่งมากที่สุดเท่าที่จะทำได้

ในที่สุดรถทั้งหมดของทีมก็ถูกปรับแต่งเสร็จจนได้!

มือบางแตะลงไปที่เจ้ารถสีแดงราวกับกำลังร่ายมนต์ เขาทำดีที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้ว ขอให้มันวิ่งผ่านเส้นชัยอย่างปลอดภัยที

Ducati Desmosedici GP19 และ Yamaha YZR-M1 ลงไปวิ่งวอล์มอัพรอบสุดท้ายก่อนจะเข้าไปจอดที่ตำแหน่งออกสตาร์ทในกริดของตน ฝนหยุดตกราวกับรู้เวลา ทว่าพื้นแทรคก็ยังไม่ถึงกับแห้งดี

ใบหน้าหล่อเหลาของหวังอี้ป๋อเงยมองท้องฟ้าที่ยังมีเมฆหนาลอยเต็มไปหมด มันบดบังแสงอาทิตย์จนส่องลงมาไม่ถึง แล้วจู่ๆก็มีร่มคันหนึ่งยื่นมาขวางกั้นสายตาของเขาไว้ นักบิดหนุ่มหันไปมอง เป็นกริดเกิร์ลนุ่งน้อยห่มน้อยมายืนถือร่มให้ตามหน้าที่ เขาจึงละสายตาจากหญิงสาวไปมองรถคันที่จอดเยื้องอยู่ข้างหน้าแทน

เจ้ากระต่ายของเขายืนเช็คสภาพรถจากคอมพิวเตอร์อยู่ตรงนั้น...

แค่มองคงไม่เป็นไรมั้ง?

ดวงตาคมกล้าจึงจ้องเอาๆ จ้องแบบไม่คิดจะละสายตาไปไหนเลย จ้องจนสื่อต่างจับภาพไปแซวกันยกใหญ่


ท่ามกลางสมรภูมิรบก็ยังมีความรักที่หวานซึ้งอยู่





เสียงกระหึ่มจากท่อไอเสียทั้ง 22 อันดังสนั่นเมื่อทุกคันกลับมาจาก Warm up Lap  

สายตาทั้ง 22 คู่จับจ้องไปที่สัญญาณไฟสีแดงซึ่งอยู่ตรงหน้า สำหรับหวังอี้ป๋อแล้วมีไม่มากนักที่เขาจะเห็นท้ายรถคนอื่นแบบนี้ น้ำลายเหนียวๆถูกกลืนลงคอ สมาธิจดจ่ออยู่ที่แทรคสีเข้มจากความเปียกชื้น หัวใจเต้นจนแทบจะทะลุหน้าอกออกมา 1 รอบ 5.4กิโลเมตรและสนามนี้พวกเขาจะวิ่งทั้งหมด 22 รอบ


พรึ่บ!!


ไฟทั้ง 5 ดวงดับลงพร้อมกัน รถทั้ง 22 คันพุ่งทะยานออกมาทันที!

เสียงแหวกอากาศดังกระหึ่มทำให้เลือดในกายของคนทั้งสนามร้อนขึ้นมา ทุกสายตาต่างจับจ้องไปที่รถสองคันหน้าตาไม่กระพริบ Yamaha YZR-M1 วิ่งตีคู่จนเกือบจะแซงได้เล่นเอาคนดูหยุดหายใจไปทั้งสนาม ความใจถึงนั้นยังคงสมเป็นหวังอี้ป๋อที่กะจะขึ้นนำรวดเดียวตั้งแต่โค้งแรก ต่อให้ตำแหน่งออกสตาร์ทเป็นรองแต่จ่าฝูงหมาป่าเคยกลัวที่ไหน

แต่แล้วเจ้ารถสีแดงนั่นก็ดับความหวังของนักบิดแชมป์โลกไป Ducati Desmosedici GP19 เสียบเข้าโค้งแรกได้ก่อนแบบเส้นยาแดงผ่าแปดจนหวังอี้ป๋อจำต้องเปิดไลน์ให้ไม่งั้นคงชน!

โว้ยยยย เจ้ากระต่ายตัวแสบนั่น!

ใบหน้าหล่อเหลายิ้มร้ายอยู่ใต้หมวกกันน็อคอย่างถูกใจ สายตาคมกล้าดุจพญาเหยี่ยวจ้องท้ายรถสีแดงเขม็ง เขาไม่ได้เจอคู่แข่งที่คู่คี่สูสีแบบนี้มานาน สมเป็นคนที่เขาเลือก สมเป็นคนที่เขารัก ร้ายกาจไม่ทำให้เขาผิดหวังเลยจริงๆ!

มือใหญ่ตั้งหน้าตั้งตาบิดคันเร่งต่อไป ไม่ว่าจะโค้งซ้ายต่อขวาหรือว่าทางตรง เจ้ารถสีแดงนั่นก็หนีเขาได้ตลอด เขาไล่จี้ได้ก็จริงแต่ยังหาทางแซงไม่ได้ จังหวะออกจากโค้งของดูคาติดีมากจนเขาต้องยอมรับ ยิ่งบวกกับพละกำลังของเครื่องยนต์ที่แรงมากอยู่แล้ว เมื่อออกจากโค้งดีแล้วต่อด้วยทางตรง เขาจึงถูกทิ้งห่างออกไป พอขยับเข้าไปใกล้ได้ ก็ถึงจังหวะออกจากโค้งอีก เจ้ารถสีแดงนั่นก็หนีเขาไปอีก เหมือนเล่นไล่จับไม่มีผิด ทั้งๆที่คิดว่ากำลังจะจับได้แล้วแต่เจ้ากระต่ายสีแดงที่ปราดเปรียวก็หลุดมือเขาไปอีกจนได้...

แต่ยิ่งเห็นก็ยิ่งกระตุ้นต่อมอยากเอาชนะของเขา รอยยิ้มร้ายๆยังคงติดอยู่ที่มุมปาก เขาอยากเอาชนะเจ้ารถสีแดงนั่นจริงๆให้ตายเถอะ นี่มันสนุกเป็นบ้า!

ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้มันเป็นปัญหาของดูคาติมาตลอด แต่พอแอโร่ไดนามิกได้รับการแก้ไข เจ้ารถสีแดงนั่นก็เหมือนได้ปีกคู่ใหม่...แล้วก็...ยังเร็วได้ขนาดนี้ แสดงว่าเจ้ากระต่ายหาทางปรับแต่งรถสู้วันฝนตกได้แล้วสินะ? ถึงจะเป็นคู่แข่งแต่ในฐานะคู่รักแล้วเขาก็ภูมิใจในตัวอีกฝ่ายจริงๆ



ในพิตสีแดงเองก็กำลังยืนพนมมือกันอย่างลุ้นระทึก นักออกแบบรถมือหนึ่งของดูคาติเครียดจนแทบจะแทะคอมพิวเตอร์แทนนิ้วแล้วตอนนี้ Ducati Desmosedici GP19 ยังคงเกาะถนนได้ดี ไม่มีส่าย ไม่มีลื่นไถล ก็พอจะทำให้เขาหายใจหายคอได้บ้าง แต่การที่ต้องมายืนมองหวังอี้ป๋อไล่แซงอย่างโหดเหี้ยมดุดันนี่มันก็ทำเอาหัวใจดวงน้อยถึงกับเต้นเป็นเจ้าเข้า สภาพมันเหมือนกระต่ายกำลังวิ่งหนีสิงโตไม่มีผิด เจ้ารถสีแดงของเขาน่าสงสารเกินไปแล้ว~

นอกจากนี้เขายังมีความกลัวที่พุ่งขึ้นมาจากส่วนลึกในจิตใจ เขากลัว ถึงจะเชื่อมืออี้ป๋อแต่เขาก็ยังกลัว ไม่ใช่กลัวว่ารถของเขาจะถูกแซง แต่กลัวว่าจะเกิดอันตรายขึ้นต่างหาก

ดวงตากลมโตจ้องมองรายงานสภาพแทรคทั้งสนาม ถึงแม้ตรงจุดสตาร์ทถนนจะแห้งไปบ้างแล้วแต่สนามที่กินพื้นที่ขนาดมหึมานี้ก็ยังมีจุดที่ฝนยังลงบางๆอยู่ และตรงนั้นเองที่ยังเต็มไปด้วยแอ่งน้ำขัง!

ฝูงหมาป่าวิ่งเข้าหามันเป็นแถวเรียงหนึ่ง ยามที่รถแข่งวิ่งผ่านถนนที่ยังเฉอะแฉะจะทำให้เกิดละอองน้ำจำนวนมาก และสเปรย์น้ำพวกนี้ก็ทำให้คันที่ขับตามหลังแทบมองไม่เห็นอะไร กลุ่มไอขาวขโมงราวกับป่าหมอกนั่นก็ทำให้คนดูทั้งสนามมองไม่เห็นเหมือนกันว่าในนั้นเกิดอะไรขึ้น  ทุกสายตาจึงจับจ้องทางออกม่านน้ำอย่างลุ้นจนตัวโก่ง


เป็น Ducati Desmosedici GP19! เป็นเจ้ารถสีแดงที่ยังยึดตำแหน่งหัวแถวเอาไว้ได้โดยมีหวังอี้ป๋อตามมาติดๆ!


“เยส!”   คนในพิตดูคาติหันไปกระโดดจับมือกันด้วยความดีใจ ถึงจะรู้ว่ามันยังเร็วไปที่จะดีใจตอนนี้แต่การที่รถของพวกตนสามารถนำเจ้ารถหมายเลข 85 ได้จนถึงตอนนี้นี่ก็นับว่ายอดเยี่ยมมากแล้ว

รถทั้ง 22 คันยังคงต่อสู้กันอย่างดุเดือด แต่ยิ่งจำนวนรอบมากขึ้นเท่าไหร่ สเปรย์น้ำก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น จนตอนนี้ทั้งสนามแทบจะมองไม่เห็นแทรค เหมือนพวกเขาต้องขับรถที่ความเร็วเกือบ 300 กิโลเมตรต่อชั่วโมงอยู่ในม่านหมอก มีแค่ท้ายรถคันหน้าที่มองเห็นอยู่รางๆ ทำได้เพียงรักษาหัวจิตหัวใจให้สงบนิ่งต่อไป เพราะหากวอกแว่กและมีใครล้มขึ้นมาสักคัน...ไม่ต้องบอกเลยว่ามันจะอันตรายขนาดไหน

นักบิดแชมป์สี่สมัยสบถอยู่ในหมวกกันน็อค นี่ฝนมันเริ่มตกลงมาอีกแล้วสินะ บนหน้ากากหมวกกันน็อคของเขาถึงได้มีหยดน้ำเกาะพราวไปหมด ถึงความเร็วจะช่วยปัดมันออกไป แต่หยดใหม่ก็ลงมาเกาะอีกจนได้ มองไม่เห็นอะไรเลยขนาดท้ายดูคาติแดงเด่นจนเห็นไปถึงดาวอังคารขนาดนั้นเขายังมองไม่เห็น!

แล้วไม่ใช่แค่ทัศนวิสัยที่เริ่มแย่ลงเรื่อยๆ ตัวรถเองก็เริ่มสไลด์จนควบคุมได้ยากเต็มที ตอนนี้รถที่ลงแข่งอาจจะเหลือไม่ถึง 22 คันแล้วมั้ง เขาเห็นหลายคันเกี่ยวกันล้มอยู่ที่โค้งที่เพิ่งผ่านมา

ฝนเริ่มลงเม็ดหนักขึ้นเรื่อยๆจนใช้ยางสลิคต่อไปไม่ไหว มันลื่นเกินกว่าที่เขาจะควบคุมได้แล้ว ดวงตาคมกล้าจึงมองหาธงชนิดหนึ่งซึ่งจะโบกสะบัดอยู่ทั่วสนามในเวลาแบบนี้

นั่นไง ในที่สุดมันก็มา!

แฟลกทูแฟลก! 

แทนสัญญาณให้ทุกทีมเข้าไปเปลี่ยนรถได้

รถที่เหลืออยู่ 19 คันจึงมุ่งหน้าเข้าพิตโดยไม่ต้องนัดหมาย เวลาที่ฝนตกแบบนี้ Moto GP จะเปลี่ยนรถทั้งคันไม่ได้เปลี่ยนแค่ยางเหมือน F1

ตอนนี้ในพิตเลนกำลังวุ่นวายสุดขีด แต่ละทีมมีรถสองคันที่ต้องเข้ามาเปลี่ยนพร้อมๆกัน ทีมpit crewนอกจากต้องคอยสตาร์ทและตั้งรถรอแล้ว ยังต้องมีอีกหลายคนคอยไปยืนดูยืนโบกให้นักบิดของตนเอารถไปเทียบให้ถูกคัน รถทีมนี้ก็จะเข้า รถทีมนั้นก็จะออก ทีมช่างก็วิ่งกันอลหม่านไปหมด เพราะพวกเขาไม่มีวิทยุสื่อสารเหมือนพวกเอฟวัน ที่ผ่านมาแทบจะอาศัยแค่ความรู้ใจกัน เพิ่งมีปีหลังๆนี่แหละที่เริ่มมีระบบสื่อสารผ่านหน้าปัดหน้ารถเพื่อส่งข้อความสำคัญๆอยู่บ้าง

รถหมายเลข 85 ขับเข้าพิตเลนมาท่ามกลางความวุ่นวายของคนนับพัน ร่างสูงสง่ามาถึงพิตยามาฮ่าแบบแทบจะปล่อยรถเข้าซองไปเอง หวังอี้ป๋อกระโดดออกจากรถคันเดิมไปยังรถคันใหม่ในเวลาไม่ถึงครึ่งวินาที เจ้ามังกรวารีสีน้ำเงินก็พุ่งทะยานออกจากพิตเลนทันที!

ส่วนมังกรไฟของพิตสีแดงดูจะทุลักทะเลเล็กน้อยแต่ก็ตามออกไปติดๆ กลายเป็นว่าถูกหวังอี้ป๋อแซงในพิตเสียแบบนั้น! 

นักออกแบบรถของทีมดูคาติถึงกับร้องออกมาอย่างเสียดาย ทำไมเจ้าพวกนี้ถึงไม่ทำระบบสื่อสารระหว่างพิตวอลล์กับนักขับเนี่ยยยย   “อ๊าาาาาา!!”   ร่างโปร่งบางกระโดดไปกระโดดมาเหมือนกระต่ายอยู่ในพิตอย่างรับไม่ได้

แต่เจ้ารถสีแดงนั้นก็ปรับแต่งมาดีเหลือเกิน ถึงมันจะถูกหวังอี้ป๋อทิ้งห่างไปสองสามรอบแต่ในที่สุดมันก็ขยับเข้าไปใกล้จนได้ 

นักบิดจากทีมยามาฮ่าเริ่มรู้สึกกดดันขึ้นมาเมื่อหางตามองเห็นเจ้ารถสีแดงนั่นแว๊บๆ ไล่ตามเขามาได้แล้วสินะ แสบจริงๆ ใบหน้าหล่อเหลาพยายามโฟกัสไปข้างหน้า ตอนนี้แทรคก็ขับยากจะตายอยู่แล้ว เขาห้ามเสียสมาธิเด็ดขาด

ยางเปียกทำให้ขับอย่างมั่นใจมากขึ้นถึงความเร็วจะลดลงมากก็ตาม เขาทิ้งตัวจนแทบจะนอนราบไปตามโค้งขวาก่อนจะผ่านมันมาได้ด้วยความเปียกโชกไปทั้งคัน

ฝน...ยังตกลงมาไม่หยุด




Yamaha YZR-M1 วิ่งผ่านหน้าพิตแกรนด์สแตนด์  Pitboardหรือป้ายบอกเวลาของเขาบ่งบอกว่าเหลืออีกแค่ 3 รอบเท่านั้นและคันหลังก็ตามเขาอยู่แค่ 0.2 วินาที  เขาไม่มีเวลาหายใจแล้ว มีแต่ต้องควักทุกอย่างออกมาใช้ถ้าอยากได้ชัยชนะ

ไม่ต้องคิดอะไรให้มากมาย...ต่อให้มันจะยังไม่เสถียรแต่เขาก็ต้องเสี่ยง

อะดรีนะลีนหลั่งไหล รู้สึกถึงเหงื่อบนใบหน้าทั้งๆที่วันนี้อากาศเย็นจัด เขาพยายามโฟกัสไปที่แทรคแต่อะไรหลายอย่างก็รบกวนจิตใจเขาเหลือเกิน ทั้งความตื่นเต้นที่รอบเหลือน้อยลงเต็มที ทั้งๆที่เส้นชัยก็อยู่ตรงหน้าแต่กลับรู้สึกอยู่ตลอดเวลาว่าเจ้ารถคันข้างหลังกำลังจะแย่งมันไปจากเขา ทั้งความกดดันจากคนในทีม ความกดดันจากการถูกไล่จี้อย่างที่ไม่ค่อยได้เจอ

ที่หางตาเริ่มมองเห็นรถดูคาติตีขนาบข้างมาถึงครึ่งคัน เขากัดฟันก่อนจะรีบเสียบเข้าโค้งไปก่อนและป้องกันไลน์ไว้ได้แบบฉิวเฉียด

ไม่ไหวแน่...ถ้าปล่อยไว้แบบนี้ต้องแย่แน่

ปลายนิ้วโป้งตัดสินใจกดปุ่มหนึ่งที่แฮนด์ซ้าย หัวใจเต้นกระหน่ำพอๆกับระบบการสูบฉีดน้ำมันที่เปลี่ยนไปในฉับพลัน สันกรามถึงกับกัดกันแน่น รู้สึกได้ถึงความแรงของรถที่เพิ่มมากขึ้น ปกติเขาจะใช้มันตอนที่ต้องเร่งแซงคู่ต่อสู้ แต่คราวนี้มันแทบจะเอาไม่อยู่!

ลำตัวที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อหมอบราบไปกับตัวถังรถเมื่อเข้าสู่ทางตรง Yamaha YZR-M1มีอาการส่ายอย่างเห็นได้ชัดแต่หวังอี้ป๋อก็ใช้ทักษะทั้งหมดที่มีพยายามควบคุมเจ้าม้าพยศคันนี้ให้วิ่งต่อไปให้ได้ ถึงจะอันตรายแต่เขาก็ไม่มีทางเลือก

เขาอยากจะชนะและเขาต้องชนะ!

Ducati Desmosedici GP19 ถูกทิ้งห่างไปถึงหนึ่งช่วงคันรถ ทั้งๆที่เจ้ารถสีแดงก็ใช้ระบบเร่งอัตราการจ่ายน้ำมันเช่นกันแต่ก็ยังไม่พอที่จะตามหวังอี้ป๋อได้

คนทั้งสนามต่างนั่งไม่ติดพื้นจึงต่างยืนเชียร์กันเสียงดังสนั่น ในพิตสีแดงเองก็เช่นกัน ตอนนี้นักออกแบบรถมือหนึ่งของทีมกำลังยืนลุ้นใจหายใจคว่ำอยู่หน้ามอนิเตอร์ มือบางทั้งสองข้างยกขึ้นมากุมกันอยู่ที่หน้าอก นอกจากจะลุ้นรถของตัวเองแล้วก็ยังเอาแต่เฝ้าภาวนาให้หวังอี้ป๋อปลอดภัย

เขายอมรับว่าเห็นการขับของอี้ป๋อตอนนี้แล้ว...เขากลัวจริงๆ...




แต่นักบิดแชมป์สี่สมัยก็เหมือนตัดขาดจากบรรยากาศรอบกายไป เขาจำเป็นต้องใช้สมาธิสูงมากในสภาวะที่ทั้งสนามมีแต่สเปรย์น้ำและรถไม่เสถียรขนาดนี้

ข้างหน้าคือโค้ง 10 ซึ่งเป็นโค้งหักซ้ายเกือบ 90 องศา เป็นโค้งที่มีการแซงมากที่สุดโค้งหนึ่งของสนามนี้ และถ้าเขาเป็นดูคาติ เขาก็คงจะตั้งใจแซงที่โค้งนี้แหละ!

มือขวาจึงยิ่งบิดเร่งความเร็วอย่างหวังว่าเมื่อเข้าโค้งแล้วเขาจะรักษาความเร็วนี้ไว้ได้โดยไม่ถูกแซง

แต่พื้นที่ลื่นเกินไปบวกกับรถที่ไม่เสถียรพอจะใช้ความเร็วระดับนี้ได้


ก็ทำให้เขาเป็นฝ่ายที่ตัดสินใจผิด











เอี๊ยดดดดดดดดดดดดดด!!!!









ความทรงจำสุดท้ายคือรถลื่นไถลไปกับพื้นแทรค...










เม็ดกรวดประทะเข้ามาพอๆกับเม็ดฝนหนาจนทำให้มองไม่เห็นอะไร เขาปล่อยให้ร่างกายกลิ้งไปตามแรงเหวี่ยง...









ได้ยินแค่เสียงของเจ้ารถเพื่อนยากที่ทำเอาหัวใจแทบสลาย...









โครม!!!!











ขอโทษ...ขอโทษ.......














แล้วแรงกระแทกที่หัวกับไหล่ก็ทำให้ภาพทุกอย่างดับวูบไป













เขาไม่รู้เลยว่าหลังจากนั้น....มันเกิดอะไรขึ้นบ้าง...







.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.






ธงแดงโบกสะบัดไปทั่วสนามท่ามกลางคนดูที่ยืนตะลึง เสียงเงียบกริบไปชั่วอึดใจราวกับไม่มีใครอยากจะเชื่อว่าภาพที่เห็นตรงหน้านั้นมันจะเกิดขึ้นจริงๆ

หวังอี้ป๋อล้มไม่พอ แต่ดูเหมือนพื้นแทรคที่ลื่นมากจะทำให้บ่อกรวดหยุดรถและนักบิดหนุ่มไม่อยู่ ร่างสง่านั่นจึงไถลไปกระแทกกับแบริเออร์เต็มๆ!

Red Flag ถึงกับต้องออกมาหยุดการแข่งขันนั่นหมายความว่าเป็นอุบัติเหตุที่ร้ายแรงมาก



“อี้ป๋อ!!!!!!   ร่างโปร่งบางที่อยู่ในพิตสีแดงถึงกับกรีดร้องสุดเสียงเมื่อเห็นภาพในจอมอนิเตอร์ หัวใจดวงน้อยเหมือนถูกฉีกกระชากจนขาดรุ่งริ่งในชั่วพริบตาเช่นเดียวกับสติที่แทบจะไม่มีอีกต่อไป

“เดี๋ยว! วิ่งออกไปไม่ได้!   ฟาบริซิโอ้ถึงกับต้องรีบตะครุบลำตัวบางเอาไว้ ทีมวิศวกรคนอื่นๆต้องรีบกรูเข้ามาล็อคตัวนักออกแบบรถของตนไว้ แต่คนที่เหมือนกับกำลังคลั่งก็ไม่ฟังอะไรทั้งนั้น

“ปล่อยชั้น! ชั้นจะไปหาอี้ป๋อ!!!”   ร่างโปร่งบางทั้งเตะทั้งถีบจนคนที่ล็อคตัวไว้ถึงกับต้องใช้แรงทั้งหมดที่มี ท่อนแขนแข็งแรงของเพื่อนในทีมต้องช่วยกันกอดเอาไว้  ทั้งเสียงที่ร้องออกมา ทั้งน้ำตาที่ไหลจนแทบจะกลายเป็นสายน้ำทำให้ทุกคนที่ได้เห็นรู้สึกสะเทือนไปถึงขั้วหัวใจ

“เซียวจ้าน! ใจเย็นๆก่อน!”   ตอนนี้มีธงแดงทำให้รถทุกคันต่างมุ่งหน้ากลับพิต ในพิตเลนกำลังวุ่นวายและมันจะกลายเป็นสถานที่ที่อันตรายมากหากจะวิ่งออกไป

“ชั้นจะไปหาเค้า ฮึก...”    เพราะสู้แรงที่กอดไว้ไม่ได้ ร่างโปร่งบางจึงทรุดนั่งร้องไห้อยู่ตรงนั้น

“อี้ป๋อ....อี้ป๋อ....”    ใบหน้านองน้ำตาจ้องมองภาพในจอ เปลพยาบาลกำลังนำร่างที่สลบไสลของหวังอี้ป๋อออกมาจากสนาม ริมฝีปากสีระเรื่อพร่ำเรียกชื่ออีกฝ่ายไม่หยุดเช่นเดียวกับน้ำตาเม็ดหนาที่ไหลลงมาจนพื้นเปียกไปหมด ใครได้เห็นภาพนี้ก็ต้องสงสารจับใจ

“อี้ป๋อ ไม่นะอี้ป๋อ...นายห้ามเป็นอะไร ห้ามเป็นอะไร...”   ใบหน้ามนร้องสะอึกสะอื้นจนแทบขาดใจ ร่างกายที่ไร้เรี่ยวแรงยังคงพยายามจะไปหาหวังอี้ป๋อ มือหลายคู่จึงช่วยกันจับช่วยกันประคองเอาไว้


ภาพที่เห็นสร้างความปวดใจไปทั้งพิต ตอนนี้พวกเขาไม่สงสัยอีกแล้วว่าเซียวจ้านรักหวังอี้ป๋อขนาดไหน


“เพราะชั้น....เป็นเพราะชั้น.......อี้ป๋อ...ฮึก...อี้ป๋อ”   ไหล่บางร้องไห้จนสั่นสะท้านและตอนนี้ก็กำลังโทษตัวเองว่าอุบัติเหตุของหวังอี้ป๋อเป็นเพราะตัวเองตามมา เป็นเพราะรถที่ตัวเองพัฒนาขึ้น

“มันไม่ใช่ความผิดนาย มันเป็นการแข่งขัน มันเป็นอุบัติเหตุ เซียวจ้าน”   ฟาบริซิโอ้เขย่าใบหน้าที่เลื่อนลอยและดูเหมือนจะไม่รับฟังพวกเขา


ดูเหมือนเซียวจ้านจะช็อคไปแล้ว...


“บอส...ดูท่าจะแย่นะแบบนี้”   ฟาบริซิโอ้หันไปบอกทีมบอสของตนที่กำลังทำหน้านิ่วคิ้วขมวดอย่างไม่รู้จะรับมือยังไง

“พวกนายพาเซียวจ้านกลับโรงแรมไปก่อน เดี๋ยวชั้นจะลองโทรหาทีมบอสของเฟอร์รารี่ดู แล้วก็ตามไปดูที่ทีมยามาฮ่าสักคนแล้วกัน คอยถามอาการของหวังอี้ป๋อให้ที”   สิ้นเสียงคำสั่งทุกคนจึงต่างแยกย้ายกันไป


ในสนามกลับมาแข่งต่อได้ด้วยบรรยากาศกร่อยๆ นับเป็นชัยชนะของดูคาติที่แทบจะไม่มีคนในพิตเหลืออยู่ร่วมฉลองเลย...




.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.





เปลือกตาที่หนักอึ้งค่อยๆเปิดขึ้นมาหลังจากสลบไปหนึ่งวันกับอีกหนึ่งคืนเต็มๆ ฝ้าเพดานสีขาวปรากฏอยู่ตรงหน้า ท่อนแขนท่อนขารู้สึกราวกับว่าไม่ใช่ของตนเอง

“เป็นไงบ้าง? อย่าเพิ่งขยับมาก ไหล่นายหลุด หมอเลยใส่กลับให้ น่าจะยังเจ็บๆอยู่”   เสียงคุ้นหูที่ทักขึ้นเป็นของทีมบอสของเขาเอง ร่างสูงสง่าค่อยๆยันกายลุกขึ้นนั่งด้วยความมึนเบลอ หลังจากพยายามเรียกสติอยู่นานเขาจึงจำได้ว่ารถเขาล้มก่อนจะเข้าเส้นชัยอย่างน่าเสียดาย

“ครับ...ไม่เป็นไร....”    เสียงทุ้มแหบพร่า ทีมบอสจึงหยิบแก้วน้ำมาให้ดื่ม

“เท่าที่หมอตรวจดู นอกจากไหล่แล้วที่อื่นก็ไม่มีผลกระทบอะไรร้ายแรง พักฟิ้น3-4วันก็น่าจะหาย” 

“.......”   ดวงตาคมกล้าก้มลงมองสำรวจตัวเอง นอกจากไหล่ที่ยังเจ็บอยู่ที่อื่นก็ดูเหมือนไม่ได้เป็นอะไรมากอย่างที่บอสบอก คงจะเป็นเพราะชุดนักแข่งที่ทำจากหนังจิ้งโจ้นั่นสินะที่ทำให้เขาแทบไม่มีริ้วรอย เขาจำได้ว่าทั้งกลิ้งทั้งครูดไปกับถนน แต่ชุดที่ยืดหยุ่นและทนทานต่อแรงเสียดสีนี้ก็ทำให้เขาปลอดภัย รวมถึงถุงลมนิรภัยที่ติดอยู่ที่ไหล่ หลังและหน้าอกก็ยังทำให้อวัยวะภายในของเขายังใช้การได้ดีอยู่

ใบหน้าหล่อเหลานิ่งเงียบไปเมื่อนึกถึงผลการแข่งขัน...แบบนี้ทีมเขาก็จะไม่มีคะแนนเลยสินะ

“....ผม...ขอโทษ...”   เสียงทุ้มเบาหวิวเอ่ยออกไปอย่างรู้สึกผิด คนนับสิบนับร้อยทุ่มเททำรถให้เขามาทั้งวันทั้งคืน แต่เขากลับทำให้ความหวังของทีมต้องถูกช่วงชิงไป

“....ไม่เป็นไรหรอก แค่นายปลอดภัยก็ดีแล้ว เรื่องการแข่งก็ไม่ต้องคิดมาก มันเป็นเรื่องปกติของทีมแข่งรถอย่างพวกเรา มีวันที่ผิดหวังก็ต้องมีวันที่จะได้ดังหวัง”   ทีมบอสบีบไหล่เขาเบาๆอย่างให้กำลังใจ

“....แล้วรถ...เป็นยังไงบ้างครับ?”

“เละน่าดูเลยละ เจ้าพวกนั้นกำลังดูกันอยู่ว่าจะซ่อมไหวไหม”

“......”   เขาพูดอะไรไม่ออกเพราะเขารักรถของเขามาก ถ้าเขาเป็นต้นเหตุที่ทำให้มันต้องกลายเป็นซากคงรู้สึกแย่น่าดู อีกอย่าง การซ่อมรถแข่งสำหรับ Moto GP ไม่ใช่งานง่าย ซ้ำค่าซ่อมยังไม่ใช่หลักหมื่นหรือหลักแสน แต่พูดกันเป็นหลักล้าน

“นายไม่ต้องโทษตัวเองหรอก พวกเราก็มีส่วนผิดเหมือนกัน”   ทีมบอสเองก็ขอโทษเขาเช่นกันเพราะรถคันนั้นมันไม่เสถียรพอที่จะให้เขาขับอย่างปลอดภัยได้

“......”   เมื่อต่างฝ่ายต่างหมดเรื่องคุยภายในห้องจึงเกิดเป็นความเงียบ เขาหันหน้าออกไปมองนอกหน้าต่างก่อนจะเอ่ยถามทีมบอสด้วยเสียงลอยๆ

“.......คือว่า......จ้านเกอ.....มาบ้างไหมครับ....”   ตอนนี้...คนที่เขาอยากเห็นหน้ามากที่สุดก็คือคนที่เขาถามหา ช่วงเวลาที่อยู่ระหว่างความเป็นกับความตายในหัวของเขากลับมีเพียงเรื่องของเจ้ากระต่ายเท่านั้น

อยากเจอหน้า อยากอยู่ด้วยกัน และเขาคงจะเสียใจมากหากต้องตายจากกันไปทั้งๆแบบนี้

พวกเราควรจะได้อยู่เคียงข้างกันไปอีกสิบ ยี่สิบ สามสิบ หรือสี่สิบปี...พวกเราควรจะได้อยู่ด้วยกันมากกว่านี้

“เปล่า...ไม่ได้มา...ชั้นเดาว่าเค้าน่าจะไม่กล้ามาเพราะนายเคยห้ามเค้าไว้ว่าไม่ให้มาเจอกัน”   ทีมบอสตอบตรงๆ เมื่อนึกถึงความจริงข้อนี้ก็รู้สึกปวดใจสิ้นดี ป่านนี้เจ้ากระต่ายไม่เป็นห่วงเขาแย่แล้วเหรอ

“.....ครับ”   เขาตอบรับด้วยใบหน้าเหนื่อยล้า

“แต่เค้าน่าจะเป็นห่วงนายมากนะ เห็นพวกทีมดูคาติที่คอยแวะเวียนมาถามอาการนายบอกว่าเค้าร้องไห้ไม่หยุดเลยจนทีมบอสไม่รู้จะทำยังไงแล้ว ถ้านายดีขึ้นแล้วก็โทรหาเค้าเถอะ”   ทีมบอสหยิบโทรศัพท์มายื่นให้ เขาขอบคุณอีกฝ่ายก่อนจะรับมันมา


ทว่า...โทรไปเท่าไหร่ก็ไม่ติด...โทรศัพท์ของเจ้ากระต่ายถูกปิดเครื่องไว้...




เขารอจนกระทั่งหมอมาเช็คร่างกายของเขาว่าปลอดภัยดี ความจริงหมอยังสั่งให้พักฟื้นอยู่ที่โรงพยาบาลต่อไปอีกสองสามวัน แต่เขาทนอยู่ด้วยความกระวนกระวายใจต่อไม่ไหวแล้ว เขาเป็นห่วงเจ้ากระต่าย เขากลัวอีกฝ่ายจะคิดมาก

ร่างสูงสง่าก้าวขาลงจากเตียงคนไข้อย่างเงียบเชียบ เทรนเนอร์ของเขากำลังเข้าห้องน้ำอยู่ มือใหญ่จึงรีบหยิบเสื้อผ้าแล้วแอบย่องออกมาจากห้อง

เขาก้มหน้าก้มตาเดินไปตามหน้าห้องพักผู้ป่วยยาวเหยียด หัวใจเต้นอย่างคนมีความผิด เขาผลุบหายเข้าไปในห้องน้ำรวมก่อนจะรีบเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วหนีออกจากโรงพยาบาลมา

รถอูเบอร์ที่เขาเรียกจอดลงที่หน้าโรงแรมซึ่งเป็นที่พักของทีมดูคาติ เขารู้ว่าเจ้ากระต่ายพักอยู่ที่ห้องไหนจึงตั้งใจจะขึ้นไปหาบนห้อง ทว่า เสียงๆหนึ่งก็ทักเขาทันทีที่ก้าวเข้าไปในล็อบบี้

“นาย...หวังอี้ป๋อ?!...นายไม่เป็นไรแล้วเหรอ?!!    อีกฝ่ายคือฟาบริซิโอ้ ที่เขารู้จักก็เป็นเพราะเจ้ากระต่ายชอบนินทาให้ฟัง

“ครับ...”   ดูเหมือนทีมดูคาติกำลังทยอยกลับบ้านกันแล้ว เขาเห็นอีกฝ่ายลากกระเป๋าเดินทางลงมา

“แต่หน้ายังซีดอยู่เลยป่ะเนี่ย? นี่คงไม่ได้แอบหนีออกมาจากโรงพยาบาลใช่ไหม?”   วิศวกรของดูคาติทักขึ้น

“.....”   

“เงียบไปแบบนี้ หนีออกมาจริงๆสินะ!”   ฟาบริซิโอ้ทำหน้าตกใจ

“.....ผมโทรหาเซียวจ้านไม่ติด ตอนนี้เค้าอยู่ที่ไหน?”   เขาถามอย่างร้อนใจ เขาดูสัญญาณติดตามตัวของเจ้ากระต่ายแล้วแต่กลับไม่เจอเลยไม่ว่าจะที่ไหนในกาตาร์

“เฮ้อ...พวกนายนี่มันพอกันเลยจริงๆ...นั่งก่อนสิ ยังไม่ทันจะหายดีเดี๋ยวก็เป็นลมเป็นแล้งไปหรอก”   ฟาบริซิโอ้เชิญนักบิดแห่งทีมยามาฮ่านั่งลงที่โซฟาในล็อบบี้โรงแรม

“พวกทีมเฟอร์รารี่มาพาตัวเซียวจ้านกลับอิตาลีไปตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว”   วิศวกรของดูคาติพูดตรงๆอย่างไม่คิดจะปิดบัง นี่ไม่ใช่เรื่องการแข่งขัน เขาไม่จำเป็นต้องปิดมันไว้เป็นความลับ แต่เขาควรจะบอกทุกอย่างกับหวังอี้ป๋อเพราะสภาพของเซียวจ้านในตอนนี้มีแค่ผู้ชายคนนี้ที่จะเยียวยาได้

“หมอนั่นช็อคมากและเอาแต่โทษตัวเองว่าที่นายเกิดอุบัติเหตุเป็นเพราะตัวเองดื้อดึงที่จะตามนายมาที่ Moto GP เป็นต้นเหตุที่ทำให้นายเครียดจนเกิดเรื่องร้ายแรงและอาจจะเป็นอันตรายถึงชีวิต คนในทีมไม่รู้จะปลอบไม่รู้จะรับมือยังไงแล้วเลยโทรหาทีมบอสของเฟอร์รารี่ ทางนั้นเลยมารับตัวกลับมาราเนลโล่ทันทีเลย”

“ชั้นคิดว่า...หมอนั่นคงจะไม่กลับมาทำรถให้ดูคาติอีกแล้วละ อุบัติเหตุของนายทำให้เซียวจ้านรับไม่ไหวและคงจะถูกเฟอร์รารี่ดึงตัวกลับไปแน่ๆ”   ฟาบริซิโอ้พูดอย่างเสียดาย เขาเสียดายฝีมือของเซียวจ้านจริงๆ รวมทั้งอีกฝ่ายก็กำลังจะไปด้วยกันด้วยดีกับทีม แต่ก็...เห็นสภาพตอนร้องไห้แทบขาดใจนั่นแล้วพวกเขาก็ไม่กล้ารั้งเอาไว้

“.....ขอบคุณที่เล่าให้ฟังครับ ผมขอตัวก่อน”   จู่ๆหวังอี้ป๋อก็ลุกขึ้นด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวล

“จะไปไหน? กลับโรงพยาบาลเหรอ? ให้ชั้นขับรถไปส่งไหม?”   ฟาบริซิโอ้หยิบยื่นน้ำใจให้ ยังไงก็เป็นคนในวงการเดียวกัน แต่ร่างสูงสง่ากลับหันมาปฏิเสธ

“เปล่า ผมไม่ได้จะกลับโรงพยาบาล...แต่ผมจะไปสนามบิน”

ใบหน้าหล่อเหลาเครียดขมึง มือใหญ่กำแน่นก่อนจะเดินออกมา ทั้งเป็นห่วงเจ้ากระต่าย ทั้งหงุดหงิดใจที่เรื่องมันกลายมาเป็นแบบนี้

แผนของเขายังไม่ทันจะเริ่มลงมือเลย จะปล่อยให้มันเป็นแบบนี้ไม่ได้!




.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.

To be con.


หลบหน้าหลบตา ขออนุญาตตัดตอนหน่อย แหะแหะ กลัวจะยาวไปเพราะรู้สึกว่าถ้าลงยาวมากๆเวลาเปิดอ่านจะค่อนข้างมีปัญหา TvT มีคอมเม้นต์แจ้งมาว่าตอนที่ 12 กับ 15 เข้าไปอ่านไม่ได้ มันจะเด้งตลอดเลย ทางนี้ก็งงเหมือนกันไม่รู้จะแก้ยังไง ขนาดตัวเองยังเปิดไม่ค่อยจะได้ =[ ]= อาจจะต้องปิดแล้วเปิดใหม่ หรือไม่ก็เปิดในโครมเอานะคะ TvT ขออภัยในความไม่สะดวก

ส่วนเรื่องฝนนี่...จากใจทิโฟซี่ที่อยู่ด้วยกันมาหลายปี ม้านี่พังจริงๆนะคะเวลาฝนตก TvT ดูแข่งไปถึงขั้นต้องปักตะไคร้ไล่ฝนไป ถึงขั้นต้องบนอ่ะถถถ บนจนตอนนี้ยังแก้บนไม่หมดเลยเนี่ย เห็นเมฆตั้งเค้ามาติ่งทางนี้ก็เอาละ เริ่มบนบานศาลกล่าว ฝนอย่าตกเลยนะจ๊ะ แล้วมันแค่วันแข่งก็ไม่พอด้วยไง ต้องบนตั้งแต่วันควอลิฟายถถถ // ดูแข่งรถหรืออัลไล =”= // เปลี่ยนยางผิดจังหวะบ้างละ วิ่งออกไปเสยกำแพงบ้างละ ชนกันเองบ้างละ ทำเวลาไม่ได้บ้างละ สารพัดมาก TvT อย่างปี 2017 เป็นปีที่รถแรงมากกกกค่ะ มีโอกาสลุ้นแชมป์แบบสูงมากๆๆๆ แต่...ก็โดนฝนทำพังหมด แล้วปีนั้นไม่รู้เป็นไง ฝนตกมันเกือบทุกสนาม ขนาดสิงคโปร์ที่แข่งมา10ปีไม่เคยเจอฝน ปีนั้นมันก็ตก!! สอยกันเองออกไปตั้งแต่โค้งแรกเลยจย้า // ช็อคไปเลยค่ะคนดูอย่างตูถถถ  เป็นแผลทางใจมาก ฝนกับ F1 เฟอร์รารี่ กระซิก...

มีรูปอาม่าส่งมาจากมิตรรักแฟนเพลง(?)อีกแล้ว 5555+ น่ารักมว๊ากกกก 



เอ็นดูน้องป๋อ 55555+ >////< ขอบคุณรูปจากคุณ Lady_Dream ด้วยนะคะ ส่วนรูปคราวที่แล้วจากคุณ Do you know me ค่ะ =////=

ขอบคุณทุกๆคอมเม้นต์และทุกๆการติดตามมากๆนะคะ // กราบแทบอก >////< // ก่อนไป แอบแปะรูปหัวใหม่ที่เพิ่งได้มา หลานจ้านเว่ยอิงเวอร์ชั่นซีรี่ย์ ป๋อจ้านมากอ่ะ แง๊ >////<






ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น