ป๋อจ้าน Au.Fic [หวังอี้ป๋อ x เซียวจ้าน] GLIDE : 2x4 It’s me : 17


ป๋อจ้าน Au.Fic [หวังอี้ป๋อ x เซียวจ้าน]  GLIDE : 2x4 It’s me : 17

: ป๋อจ้าน Fanfiction Au
: หวังอี้ป๋อ x เซียวจ้าน
: Romantic
: NC-17


คำเตือน : เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ
           : เนื้อเรื่องต่อไปนี้เป็นเพียงจินตนาการของผู้เขียน ไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นจริงนะคะ
           : ข้อมูลจะไม่แน่นเท่า GLIDE ภาคก่อนๆนะคะ เพราะภาคนี้ข้ามมา 2 ล้อ ตรูขี้เกียจหาข้อมูลฝั่ง Moto GP โฟ้ยยยย // โดนตบด้วยหมวกกันน็อค







ถึงแม้ว่ากาตาร์จะเป็นไข่มุกแห่งตะวันออกกลางแต่เขตเวลาก็ไวกว่าอิตาลีเพียง 1 ชั่วโมง

ร่างโปร่งบางพลิกกายอยู่บนเตียง แค่นึกถึงเรื่องที่ต้องไปเจอในวันนี้ก็ไม่อยากจะลุกไปไหนแล้ว แต่เป็นเพราะแสงแดดยามเช้าที่ร้อนแรงของกาตาร์ทำให้เขานอนต่อไม่ไหว ทั้งๆที่นี่เพิ่งจะ 7 โมงเช้าเอง...

สองแขนยันร่างกายให้นั่งพิงหลังเตียงเอาไว้ ถึงจะยังไม่ได้ล้างหน้าและหัวเหอจะชี้โด่ชี้เด่กระเซอะกระเซิงแต่เขาก็ไม่เคยสนใจที่จะปล่อยให้คนในทีมเห็นสภาพนี้ เพราะนี่กลับเป็นสภาพที่ทุกคนคุ้นเคยดี มือบางเปิดแท็บเล็ตสีแดงที่เอามาด้วย จำได้ว่าเจ้าพวกนั้นต้องไปสเปนวันนี้เพื่อเตรียมทดสอบรถครั้งสุดท้ายก่อนเปิดฤดูกาลเหมือนกัน พวกรถสูตรหนึ่งจะเริ่มแข่งช้ากว่า Moto GP ราวๆหนึ่งอาทิตย์เพื่อสับสวิตซ์ให้ไม่ตรงกัน

“จ้านจ้าน!!”    เสียงใสของคะชูทักขึ้นทันทีที่เห็นเขาโผล่เข้าไป เจ้าเด็กนั่นอยู่ที่เฮดออฟฟิศของเฟอร์รารี่แล้วจริงๆด้วย

“กำลังจะไปบาเซโลน่ากันเหรอ?”   เสียงของเขายังงัวเงียเพราะเพิ่งตื่น

“ใช่ รอไปขึ้นเครื่องพร้อมกัน ชั้นนะอุตส่าห์ตื่นมาแต่งหน้าตั้งแต่ตีสาม แล้วดูเจ้าพวกเขตป่าสิ ยังไม่ตื่นกันซักคน!”   เขาอมยิ้มเมื่อเห็นคะชูท้าวสะเอวบ่นเป็นหมีกินผึ้ง แต่สามคนที่อยู่บ้านในเขตอุทยานนั่นก็จริงๆเลย โกคุเดระตื่นสายมากกกกกจนบางครั้งคุณหมีก็ต้องอุ้มมาส่ง ส่วนคุณรีไวกับเอเลนจริงๆตื่นไม่สายหรอก แต่มัวแต่.....กันนั่นแหละถึงไม่ยอมออกจากบ้านซักที น่าแปลกนะ ทำไมเรื่องแค่นี้กลับทำให้เขายิ้มได้ ทั้งๆตอนอยู่เฟอร์รารี่มันก็เป็นเพียงเรื่องธรรมดาที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน

“จ้านจ้านคอลมาเหรอ? นี่! นายอยู่โดฮาใช่ไหม? ซื้อมาม่ากาตาร์มาฝากชั้นที เอาแบบเผ็ดๆเลยนะ”   เขาอมยิ้มเมื่อศิษย์พี่ยื่นหน้าเข้ามาในจอ เป็นนักสะสมมาม่ารึไงน่ะ

“จ้านจ้าน ชั้นคิดถึงนาย~~ พอนายไม่อยู่ เจ้าCEOใจยักษ์นั่นก็ยิ่งประสาทแดก ไม่มีใครทำดีไซน์ได้ไวแล้วก็ได้ดั่งใจเท่านาย พวกทีมออกแบบรถหนีตายมาอยู่ที่สนามกันหมดแล้วเนี่ย นายรีบๆกลับมานะ ก่อนที่พวกชั้นจะเป็นบ้า~”   หนึ่งในทีมออกแบบรถของเขาชะโงกหน้ามาร้องโอดครวญ เขายิ้มให้เพราะเข้าใจความเป็นไป เวลาคุณครูเทโอ้สั่งแก้แบบรถซุปเปอร์คาร์ทีนี่แทบจะตีกันตาย แล้วคนในทีมเขาก็ไม่มีใครเถียงชนะเจ้าปีศาจนั่นได้สักคนนอกจากเขา

“จ้านจ้านเหรอ? ไหนๆ จ้านจ้าน!! นายดูนี่สิ! ผักชีที่หวังอี้ป๋อเอามาจากประเทศไทย มันโตแล้ว~ ฮือออ ชั้นจะกินมัน ชั้นจะกินมัน~”   เขามองผักชีที่ปลูกอยู่ในท่อไอเสียก่อนจะหัวเราะในลำคอ เจ้าผักชีนั่นอี้ป๋อเอากลับมาจากประเทศไทยตอนไปแข่งเมื่อปีที่แล้ว เจ้าพวกที่พิตฮือฮากันมาก เขาเลยเอาไปปลูกมั่วๆไว้ในท่อไอเสียอะไหล่รถต้นแบบที่ไม่ได้ใช้แล้วแล้วก็วางไว้ที่โรงงานนั่นแหละ ใครผ่านไปผ่านมาก็รดน้ำกันจนมันโตเขียวสดขนาดนั้น

เพื่อนในทีมเฟอร์รารี่ต่างวนเวียนมาทักทายพูดคุยกับเขา บรรยากาศเก่าๆพวกนั้นทำให้คิดถึงอย่างบอกไม่ถูก เขาอยากกลับไปยืนอยู่ตรงนั้น อยากไปอยู่ในวงล้อมที่มีแต่เสียงหัวเราะและความเชื่อใจ หากเขากับหวังอี้ป๋ออยู่ที่นั่น ต่อให้เป็นคนละทีมกันก็จะไม่มีใครสงสัยพวกเขาแน่

“จ้านจ้าน สบายดีไหม?”   เสียงนุ่มของสเลน ทรอยยาร์ดถามเขาผ่านหน้าจอ



จู่ๆ...น้ำอุ่นๆก็ไหลลงมาจากขอบตาโดยไม่รู้ตัว...



“จ้านจ้าน? นายร้องไห้ทำไม?”   สเลนถามเขาอย่างตกอกตกใจ  อาจจะเป็นเพราะเสียงที่อบอุ่นนั่นมันยิ่งทำให้เขาโหยหา มันทำให้เขาคิดถึงบ้านที่จากมาจนห้ามน้ำตาไม่อยู่

“ชั้นคิดถึงพวกนาย ฮึก...”   เขาปล่อยโฮออกไปอย่างไม่อาย สิ่งที่อัดอั้นตันใจมาหลายวันถูกระบายออกไปราวกับทำนบที่พังทลาย

“โอ๋ๆ ไม่ร้องนะ”   ทางนั้นพยายามปลอบใจเขายกใหญ่

“จ้านจ้าน ไม่ร้องนะคนดี ทำไมต้องอยู่ไกลขนาดนี้ด้วย ไม่งั้นชั้นคงกอดนายไปแล้ว”   คะชูลูบมือลงมาบนหน้าจอ เขาสะอึกสะอื้นก่อนจะหยิบทิชชูมาสั่งน้ำมูก ปลายจมูกแดงไปหมด

“ชั้นอยากกลับบ้าน...”   เขารู้ว่าที่ตรงนี้เขาสามารถจะอ้อนได้

“ถ้านายไม่ไหวก็กลับมา...นะ...พวกเราอยู่ตรงนี้เสมอ นายไม่ต้องกลัวว่าใครจะว่าอะไรนาย พวกเราจะปกป้องนายเอง นายดูสิ นี่พี่น้องของนายทั้งนั้น เราอยู่ด้วยกันเสมอนะ”   ใบหน้านองน้ำตาพยักหงึกๆก่อนจะมองหน้าทุกคนที่มองเขาด้วยสายตาเป็นห่วง

“ชั้นว่า...ชั้นโอเคขึ้นแล้วแหละ ดีจังที่ได้คุยกับพวกนาย”   มือบางยกขึ้นมาปาดน้ำตา รู้สึกว่าก้อนที่มันจุกแน่นคับอกมาตลอดค่อยเบาบางลงบ้าง



“มีอะไรก็บอกชั้นนะ ถ้าเป็นเพราะคุณครูเทโอ้ละก็ เดี๋ยวชั้นจัดการให้”   ถ้ายื่นมือมาลูบหัวเขาได้สเลนก็คงทำไปแล้ว หมอนั่นเหมือนคุณแม่ผู้อ่อนโยนที่คอยปลอบลูกๆหลังจากที่โดนพ่อจอมปีศาจดุมา

“อือ...ชั้นคงต้องใช้เวลาปรับตัว...ที่นี่ไม่เหมือนที่พิตของพวกเรา”   เขาพูดเสียงขึ้นจมูก

“มีอะไรก็โทรมาได้ตลอดนะ คิโยมิตสึเตรียมจะเปลี่ยนเที่ยวบินไปรับนายกลับแล้วเนี่ย”   รอยยิ้มอบอุ่นถูกส่งมาและมันก็ทำให้เขาหัวเราะเบาๆ

“ใครมันแกล้งนาย บอกชั้นมาสิ! เดี๋ยวส่งคนที่บ้านไปจัดการมัน!”   คะชูทำหน้าโหดแต่เขากลับส่ายหน้าพร้อมรอยยิ้ม

“นายอย่าร้องไห้น้า เดี๋ยวไม่สวยนะ ทำให้คนอื่นร้องได้แต่เราห้ามร้อง เชิดๆหยิ่งๆเข้าไว้”   สอนอะไรของเจ้าเด็กนั่นเนี่ย? ตอนนี้เขาสบายใจขึ้นมาแล้ว

“พวกนาย เตรียมขึ้นรถได้แล้ว”    เสียงบอสดังอยู่ข้างหลัง คงกำลังต้อนเด็กอนุบาลพวกนั้นขึ้นรถไปสนามบินอยู่

“เซียวจ้านเหรอ?”   ทีมบอสของม้าลำพองชะโงกหน้าเข้ามาในจอ และเมื่อเห็นเขาตาแดงๆ ใบหน้าหล่อเหลานั่นก็ถึงกับถอนหายใจ หน้าจอถูกถือเดินให้ห่างออกมาจากกลุ่มเพื่อนๆของเขา

“จะบอกอะไรดีๆให้นะ”   เสียงทุ้มพูดกับเขา ใบหน้ามนจึงตั้งใจฟัง

“หวังอี้ป๋อคอยดูนายอยู่ตลอดนั่นแหละ หมอนั่นโทรมาถามชั้นแทบจะทุกชั่วโมงว่านายอยู่ที่ไหน ชั้นเลยให้รหัสสัญญาณติดตามตัวของนายไป หมอนั่นไม่ปล่อยให้นายอยู่คนเดียวหรอก”   ดวงตากลมโตเบิกกว้าง สิ่งที่บอสบอกทำให้เขาทั้งแปลกใจทั้งดีใจ...อี้ป๋อ...ดูเขาอยู่ตลอดเลยเหรอ...

“เพราะงั้นไม่ต้องกลัว แล้วก็ทำให้เต็มที่นะ”   ทีมบอสยิ้มบางๆให้ เขาจึงพยักหน้ารับรัวๆ ตอนนี้แรงใจของเขามันหลั่งไหลมาจากที่ไหนก็ไม่รู้ น่าแปลกจริงๆ

เขาปิดวีดีโอคอลก่อนจะส่งข้อความไปหาหวังอี้ป๋อ

“มารับหน่อย”  

ยังเหลือเวลาอีกมากกว่าจะถึงการเทสรถในวันนี้ เพราะกว่าจะเริ่มทดสอบได้ก็ตอนเย็นๆ เช้านี้เขาจึงมีเวลาเหลือเฟือ

“จะไปไหน?”

อี้ป๋อถามกลับมา

“ไปไหนก็ได้”

“งั้นอีก 15 นาที ผมจอดรถรอข้างโรงแรม อย่าให้ใครเห็นล่ะ”

เขานั่งมองข้อความก่อนจะอมยิ้ม อี้ป๋อไม่ปล่อยให้เขาอยู่คนเดียวจริงๆด้วย ร่างโปร่งบางวิ่งเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็ว ฮู้ดแขนยาวสีขาวกับกางเกงยีนส์ขายาวสีซีดทำให้เขาดูเหมือนนักท่องเที่ยวมากกว่าทีมแข่งรถ หมวกแก๊ปสีดำถูกสวมปิดใบหน้า เขาแอบย่องออกจากโรงแรมก่อนจะวิ่งปรู๊ดขึ้นรถ SUV Four-Wheel Drive สีขาวคันเดิม

หวังอี้ป๋อขับรถออกไป ชีวิตนี้ไม่เคยคิดเลยว่าต้องมาหลบๆซ่อนๆแอบคบกันเหมือนพวกดาราไอดอลอะไรแบบนี้ มือบางดึงหมวกแก๊ปออกจากหัวก่อนกระพือมันใส่หน้าเบาๆ 

ทะเลทรายเริ่มกลายเป็นทิวทัศน์ที่คุ้นตาไปแล้ว หวังอี้ป๋อกลับขึ้นรถมาอีกครั้งหลังจากลงไปปล่อยลมยางบางส่วนออกเพื่อให้ยางนิ่มพอจะขับได้ในพื้นทราย เขาไม่สงสัยอีกว่าอี้ป๋อจะพาเขาไปไหน

เจ้ารถสีขาววิ่งขึ้นๆลงๆไปตามสันทราย ลมที่ร้อนแรงพัดกระจายจนทะเลสีน้ำผึ้งขึ้นเป็นริ้วๆเกิดเป็นภาพที่สวยงามท่ามกลางความเวิ้งว้างว่างเปล่า ได้มานั่งอยู่ในโลกที่มองไม่เห็นอะไรนอกจากฟ้ากับทรายแบบนี้ก็ทำให้จิตใจสงบดี 

รถจอดลงอีกครั้งบนแหลมทรายหนึ่งซึ่งยื่นเข้าไปในทะเล สีฟ้าครามของอ่าวเปอร์เซียล้อมหน้าพวกเขาไว้ นัยน์ตากลมโตจ้องมองคลื่นลมที่สงบนิ่งพวกนั้นด้วยจิตใจที่ผ่อนคลาย ตอนนี้เขาพอจะมีแรงไปสู้รบปรบมือกับเรื่องทั้งหลายแล้วและเขาก็อยากมอบพลังแบบนั้นกลับคืนไปให้อี้ป๋อบ้าง

“มีเรื่องอะไรหรือเปล่า?”   หวังอี้ป๋อถามด้วยความเป็นห่วงที่จู่ๆเขาก็เรียกออกมา

“เปล่า...ชั้นแค่อยากขอบคุณ...ที่นายคอยอยู่ข้างๆชั้น”   เขาหันไปยิ้มให้

“ขอบคุณ?   ใบหน้าหล่อเหลาถามออกมาอย่างสงสัย เพราะอี้ป๋อยังไม่รู้...ว่าเขารู้เรื่องสัญญาณติดตามตัวแล้ว

ใบหน้ามนจึงขยับเข้าไปหาคนที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัย จุมพิตแผ่วเบาถูกฝังลงไปบนกลีบปากของหวังอี้ป๋อ นักบิดหนุ่มเบิกตากว้างอย่างไม่คาดคิดว่าเขาจะเป็นฝ่ายเข้าไปจูบก่อน และเมื่อเขาละออกมา ใบหน้าที่ยังนิ่งค้างนั่นก็ถามเขาด้วยเสียงลอยๆ

“ถึงจะไม่รู้ว่าเรื่องอะไรก็เถอะนะ แต่จะขอบคุณแค่นี้เองเหรอ?   จู่ๆแววตาของคนดีก็มีแววหมาป่ามาสิงซะงั้น

“งั้น...จะเอาอะไรอีกล่ะ?  ใบหน้าคมยกยิ้มมุมปาก มือใหญ่ปลดเข็มขัดนิรภัยออกก่อนจะเอี้ยวตัวมายังเบาะข้างๆ เรียวลิ้นแลบเลียไฝเม็ดเล็กที่มุมปากอย่างสื่อความหมาย ดวงตาลึกซึ้งจ้องมองเข้ามาในตาเขาราวกับรอให้เขาเป็นฝ่ายเอ่ยออกไปเอง

“ไป...ที่เบาะหลังไหม….”    หน้าเน้อร้อนเป็นไฟไปหมดแล้ว เขาไม่เคยให้ท่าเจ้าหมาป่านั่นขนาดนี้มาก่อนเลย








หากมองดีๆก็จะเห็นว่าเจ้ารถสีขาวนั่นกำลังสั่นไหว มันจอดอยู่บนเนินทรายนี้มาชั่วโมงกว่าแล้วและยังไม่มีทีท่าว่าจะขยับไปไหน 

“อะ อ้า อื้อ อี้ป๋อ ไม่ไหวแล้ว”   เสียงครางดังคละเคล้าไปกับเสียงลมหายใจหนักๆ มือบางปัดป่ายไปตามเบาะหนังและกระจกเพื่อหาที่ระบาย การสอดใส่ที่ถี่กระชันบ่งบอกว่าใกล้จะถึงปลายทางเต็มที

“ให้ปล่อยข้างนอกไหม?”    เสียงทุ้มกัดฟันถามออกไปด้วยความหวังดี แต่ใบหน้าสวยที่พราวไปด้วยเหงื่อระยิบระยับนั่นกลับส่ายหน้า เขาชอบให้หวังอี้ป๋อปล่อยข้างใน สิ่งที่ไหลทะลักเข้ามาถึงจะเติมเต็มความรู้สึกของเขาได้ สะโพกมนถูกจับยึดจนแน่นก่อนที่ความปรารถนาทั้งหมดทั้งมวลจะถูกกระแทกเข้ามา ทั้งหนักหน่วง ทั้งรุนแรง ราวกับหวังอี้ป๋อต้องการจะบ่งบอกตัวตนของตนเอง

“อะ อ๊า~~

สติของเขาล่องลอยไปในทะเลทรายที่เห็นผ่านไหล่หนาเมื่อได้รับการปลดปล่อย ของของหวังอี้ป๋อที่ฉีดพุ่งแผ่ซ่านเข้ามาในร่างกายของเขาทำให้รู้สึกอิ่มล้นไปด้วยความสุขสม สะโพกมนและโคนขาค่อยๆถูกยกลงจากต้นขาแกร่ง เขาทิ้งตัวลงนอนหงายบนเบาะหลังอย่างอ่อนแรง

“แฮ่ก...แฮ่ก...แฮ่ก....”   เขานอนหอบด้วยใบหน้าเหม่อๆ แต่ใบหน้าหล่อเหลายังคงตามมากดจูบตามลำคอของเขาเหมือนยังไม่พอ เขาปล่อยให้หวังอี้ป๋อจูบจนพอใจ จูบจนแทบจะไม่เหลือพื้นที่ตรงไหนบนลำคอของเขาให้จูบได้อีก

พวกเขาต่างใช้ร่างกายของกันและกัน ปลอบโยน เติมเต็มความโหยหาในช่วงเวลาที่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน ให้ผืนทราย สายน้ำ และฟากฟ้าเป็นพยาน...ว่าพวกเราจะผ่านเรื่องนี้ไปให้ได้









เขากลับเข้าสนามช่วงบ่ายกว่าๆ ทุกคนในทีมดูคาติยังมีสีหน้าไม่เชื่อมั่นว่ารถที่เขาสั่งให้รื้อนั้นจะทำความเร็วได้

จนกระทั่งปากพิตเลนเปิดและเจ้ารถสีแดงได้ลงไปวิ่งนู่นแหละ ดวงตาทุกคู่ในพิตที่เขายืนอยู่ถึงได้มองเวลาในหน้าจอมอนิเตอร์กันตาค้าง

0.8 วินาทีที่เร็วขึ้นมาแทบจะแซงหน้ารถหมายเลข 85 ของหวังอี้ป๋อซึ่งถือว่าเป็นรถที่ดีที่สุดในกริดตอนนี้!

“ไม่น่าเชื่อ....ขึ้นที่เดียว 0.8 วินาทีเลยเหรอ?”   

“มีอะไรผิดหรือเปล่า? ดูดีๆซิ”    คำพูดแบบนี้ประดังประเดอยู่รอบตัวเขา ทุกคนต่างเช็คข้อมูลกันให้วุ่นวายว่าไม่ได้มีการจับเวลาผิดใช่ไหม ส่วนตัวเขายังคงจ้องมองเจ้ามอเตอร์ไซค์สีเพลิงในหน้าจอนั่นตาไม่กระพริบ...ยังได้อีก...ยังปรับแต่งได้อีก...เจ้ารถนั่นยังเร็วกว่านี้ได้อีก!

การเทสรถนั้นแต่ทีมอยากจะทดลองปรับแต่งรถยังไงก็ได้ขอแค่ไม่ผิดกฎกติกาก็พอ หลังจากปรับเสร็จแต่ละทีมจะลงวิ่งจับเวลาโดยการวิ่งเพียงรอบเดียว เวลาเหล่านี้จะถูกเอาไปเรียงลำดับ และตั้งแต่เริ่มเทสรถมาเวลาของหวังอี้ป๋อแห่งทีมยามาฮ่าก็ขึ้นนำมาตลอดไม่เคยมีใครล้มล้างได้ แต่ตอนนี้ทีมดูคาติกำลังท้าทายแชมป์โลก 4 สมัยซ้อนนั่นอยู่!

นักบิดมือหนึ่งของทีมดูคาติขับรถกลับพิตมาด้วยความเซอร์ไพรส์เต็มหน้า ขนาดเด็กหนุ่มยังไม่รู้เวลาของตัวเองแต่ความรู้สึกตอนขับรถมันก็สัมผัสได้ว่ามันแตกต่างออกไป

“รถตอบสนองดีมาก! ผมไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อนเลย มันเนียนไปหมด เวลาล่ะ เป็นไงบ้าง?”    หมวกกันน็อคยังไม่ทันจะถูกถอดออกจากหัว เสียงสดใสก็พูดบอกทั่วไปหมด แล้วยิ่งได้เห็นเวลาที่ตัวเองทำได้ก็ยิ่งตื่นเต้นดีใจยกใหญ่

“เจ๋งเลย! ดีนะที่อยู่ต่ออีกวัน”   นักบิดหนุ่มหันมามองเขาอย่างทึ่งๆ ความจริงวันนี้หมอนี่ไม่มีคิวเทสรถแล้ว แต่เป็นเพราะความดื้อดึงของเขา หมอนี่เลยต้องอยู่ต่อ ก็อย่างที่บอก รถคันนี้ถูกปรับแต่งเพื่อคนคนนี้เท่านั้น ถ้าให้คนอื่นมาขับ ผลมันจะไม่ออกมาเป็นแบบนี้

“ผมชักตื่นเต้นแล้วสิ คุณทำให้มันเร็วกว่านี้ได้อีกไหม?”   ใบหน้าแบบอิตาเลี่ยนแท้ๆพูดกับเขาด้วยรอยยิ้ม เขาจึงพยักหน้ารับ

“เดี๋ยวชั้นจะลองปรับดูอีกแล้วกัน นายอาจจะต้องลงวิ่งอีกหลายรอบ” 

“ไม่มีปัญหา”    

ไม่เพียงแต่นักบิดที่มองเขาเปลี่ยนไป เจ้าพวกที่โวยวายใส่เขาเมื่อวานก็ค่อยๆแอบเหลือบมองมาอย่างสำนึกผิด แต่เขาไม่มีเวลาคิดเล็กคิดน้อยหรอก นักบิดมือหนึ่งยังมีเวลาให้เขาทดสอบได้อีกแค่ครึ่งวัน เพราะอีกครึ่งวันที่เหลือจะเป็นคิวเทสรถของนักบิดมือสอง

มือบางรีบคีย์ข้อมูลลงไปในคอมพิวเตอร์ที่อุ้มอยู่ ศูนย์ถ่วงรวมถึงตัวแปรจากภายนอกต่างมีผลกับแอโร่ไดนามิกทั้งนั้น เขาต้องทำให้นักบิดรู้สึกมั่นใจเวลาขับรถอยู่ พวกนั้นถึงจะกล้าใช้ความเร็วมากขึ้น

เวลาผ่านไปรอบแล้วรอบเล่า ถึงในพิตสีแดงจะไม่ได้พูดคุยอย่างสนิทชิดเชื้อกันมากนักแต่ช่างเครื่องก็ยอมปรับแต่งรถตามที่เขาบอก รวมถึงพวกวิศวกรคนอื่นๆก็เริ่มพูดคุยเริ่มแชร์ข้อมูลกับเขามากขึ้น อย่างน้อย เจ้าฟาบริซิโอ้ก็เถียงกับเขาด้วยเหตุผลมากกว่าเมื่อวาน

เจ้ารถสีแดงไม่ได้เวลาดีขึ้นแบบฟลุคๆแค่รอบเดียว แต่เวลาค่อยๆดีขึ้นทุกรอบที่ลงวิ่ง...ดีจนกระทั่งรอบท้ายๆสามารถขึ้นนำหวังอี้ป๋อได้อย่างไม่น่าเชื่อ!!

ทีมดูคาติสร้างเสียงฮือฮาไปทั่วพิตเลน ทีมอื่นๆต่างสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น ทีมยามาฮ่าถึงกับคิ้วขมวดกันยกใหญ่เพราะคิดว่าความเร็วของตัวเองลอยลำมาตลอด ส่วนที่พิตสีแดงก็ได้ตะโกนอย่างสะใจกับเค้าบ้าง

“กลับโรงแรมกัน”   ฝ่ามือใหญ่ๆหลายคู่เริ่มตบบ่าแล้วเรียกเขากลับด้วยกัน  การทดสอบรถวันนี้จบลงแล้วด้วยความเป็นมิตรที่เริ่มมีมากขึ้น ไม่มีใครทิ้งเขาไว้ ไม่มีใครมองเขาด้วยสายตารำคาญใจอีก

สองขาเดินผ่านหลังพิตยามาฮ่าที่ทุกคนในทีมต่างมีสีหน้าเคร่งเครียด เขามองหาหวังอี้ป๋อเพราะแอบกังวลอยู่เหมือนกันว่าอีกฝ่ายจะรู้สึกไม่ดีหรือเปล่า...แต่นี่มันคือการแข่งขัน เขาได้แต่หวังว่าอี้ป๋อจะเข้าใจ

แต่จนแล้วจนรอดเขาก็ไม่เจอนักบิดของทีมยามาฮ่าเลย เหมือนอี้ป๋อก็พยายามหลบอยู่แต่ห้องพักจะได้ไม่ต้องมาบังเอิญเดินเจอกันแล้วถูกคนอื่นมองด้วยสายตาไม่ดี








ติ๊ง!

เสียงข้อความดังขึ้นหลังจากที่เขาเข้าห้องพักในโรงแรมได้ไม่นาน

“ถึงห้องยัง?”   เป็นหวังอี้ป๋อส่งข้อความมา

“ถึงแล้ว”   และทันทีที่เขาส่งข้อความกลับไป อีกฝ่ายก็วีดีโอคอลกลับมาทันที

“ไงเจ้าตัวแสบ ทำซะทีมผมวุ่นวายเลยนี่”   ใบหน้าหล่อเหลาทักด้วยรอยยิ้มมุมปาก เป็นเพราะไม่รู้ว่าหวังอี้ป๋อรู้สึกยังไงเขาถึงได้ถามออกไปอย่างกล้าๆกลัวๆ

“อี้ป๋อ...โกรธรึเปล่า?...”    ใบหน้ายุ่งๆช้อนสายตาขึ้นมองกึ่งอ้อนๆง้องอนนิดๆ

“จะโกรธได้ไงล่ะ นี่มันคือการแข่งขันนะ เวลาผมชนะพี่ก็ไม่ได้โกรธใช่ไหมล่ะ พี่ก็แค่เจ็บใจแล้วตั้งหน้าตั้งตาทำรถมาใหม่ ผมก็เหมือนกันนั่นแหละ แล้วก็...ผมกลับรู้สึกดีที่พี่ทำเต็มที่นะ”   คำพูดของหวังอี้ป๋อราวกับน้ำทิพย์ชโลมจิตใจ ผู้ชายคนนี้มีทัศนคติที่ดี เขารู้สึกว่าคิดไม่ผิดที่รักคนคนนี้

“.......”   ดวงตากลมโตเป็นประกายอย่างพูดอะไรไม่ออก

“มีแฟนเก่งแบบนี้ ผมมีแต่จะต้องภูมิใจสิ”   ใบหน้ามนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ เดี๋ยวเขาก็ได้กลายเป็นแยมโรลเพราะความเขินหรอก

“....ขอบคุณนะ”

“ผมไม่โกรธหรอก แต่ผมหวงมากกว่า ยิ่งพี่เก่งก็จะยิ่งมีแต่คนเข้ามาวุ่นวายกับพี่ ผมจะทำไงดี?”   หวังอี้ป๋อทำหน้าไม่สบอารมณ์

“....คนก็รู้กันทั้งโลกแล้วไหมว่าชั้นเป็นแฟนนาย ใครจะกล้ายุ่งอีก”   เขาพูดงึมงำๆ จนป่านนี้แล้วก็ยังไม่ชินที่จะต้องพูดอะไรน่าอายแบบนี้ แล้วก็ดูเหมือนหวังอี้ป๋อจะชอบแกล้งให้เขาต้องพูดมันออกไปเสียด้วยสิ

“ฮึ”   ได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอดังผ่านจอมา แกล้งเขาอีกแล้ว!

“ไม่ต้องมายิ้ม”   เขาทำหน้าดุสุดๆใส่ แต่ไม่รู้ทำไมหมอนั่นกลับยิ้มร่าทุกที ไม่เข้าใจเลย นี่เขาดุมากเลยนะ!

“อีกอย่างนะ ถ้าผมกลัวว่าพี่จะทำรถเร็วกว่า คืนนี้ผมก็แค่ไปหาพี่ จับพี่กดจนพรุ่งนี้ลุกไม่ขึ้น ดูคาติก็จบแล้ว”

“งื้อ!”   เขายกมือขึ้นด้วยความเคยชิน เกือบจะเผลอฟาดจอไปแล้ว พูดจาน่าหมั่นไส้จริงๆ!

“แล้วนี่กินข้าวรึยัง?”   เจ้าคนที่เพิ่งกวนประสาทเขาเปลี่ยนเรื่อง

“กินแล้ว กินกับคนในทีม”   เมื่อวานเขากินอะไรไม่ลงเลยหลับไปทั้งๆอย่างนั้น แต่เมื่อกี้หลังจากที่กลับถึงโรงแรม เขาก็ถูกเพื่อนร่วมทีมเรียกไปกินข้าวด้วยกัน บรรยากาศเหมือนโรงอาหารของเฟอร์รารี่ไม่มีผิด แค่คิดว่าคนอื่นๆเริ่มจะยอมรับเขา รอยยิ้มบางๆก็เผยออกมาโดยไม่รู้ตัว

“พวกนั้นเริ่มเห็นค่าเพชรเม็ดงามของผมแล้วสินะ ดีแล้วละ”   หวังอี้ป๋อมองมาด้วยสายตาราวกับถูกสะกด คนที่ดีใจเวลาที่เขามีความสุขก็คือคนที่รักเขามากและเขาก็อยากจะเป็นคนแบบนี้ให้อีกฝ่ายเช่นกัน

“แล้วนาย...คนในทีมไม่ว่าอะไรใช่ไหม...”   เสียงนุ่มถามกลับไปอย่างเป็นห่วง ดูจากสีหน้าลูกทีมยามาฮ่าแล้วเขาไม่เชื่อว่าอี้ป๋อจะไม่โดนผลกระทบอะไร

“ไม่มีอะไรหรอก พี่ไม่ต้องกังวล”   แต่อีกฝ่ายก็เลือกที่จะปกป้องเขาจากเรื่องร้ายๆทั้งปวง อี้ป๋อยังคงไม่ยอมเล่าอะไรให้เขาฟังเหมือนเดิม

“อื้อ”   เขาเลือกที่จะไม่คาดคั้นแต่ยอมรับการตัดสินใจของอี้ป๋อ หลายคนอาจจะคิดว่าการทำแบบนี้มันง่ายกว่าแต่สำหรับเขาแล้วกลับคิดว่า มันยาก...และต้องใช้ความอดทนอย่างมากในการรอให้คนที่เรารักพร้อมที่จะเอ่ยออกมาเอง ทั้งๆที่รู้ทั้งๆที่เห็นแต่กลับยื่นมือเข้าไปไม่ได้ มันทรมานกว่าเป็นไหนๆ แต่กระนั้นเขาก็ยังเลือกที่จะรอ...รอจนกว่าอีกฝ่ายจะสบายใจที่จะเล่าออกมาเอง

“พี่จะไปทำอะไรก็ไปเถอะ แต่เปิดวีดีโอคอลไว้ได้ไหม ผมอยากได้ยินเสียงพี่”   หวังอี้ป๋อเปลี่ยนเรื่องอีกครั้ง

“เสียงชั้นเดินไปเดินมาเนี่ยนะ?”   คิ้วเรียวเลิกขึ้นอย่างมึนงง

“อื้อ” 

“ก็ได้ งั้นก็คุยกับอาม่าไปก่อน”   แล้วโทรศัพท์มือถือก็ถูกเสียบลงไปบนมือนุ่มนิ่มของเจ้าหมีแพนด้า หน้าใหญ่ๆของมันประจันเต็มหน้าจอ  โอ๊ย! เอาหน้าแกออกไปทีไอ้หมีบ้า! หวังอี้ป๋อได้แต่โวยวายอยู่ในใจ

นักบิดจากทีมยามาฮ่านั่งฟังเสียงเจ้ากระต่ายเดินผ่านไปผ่านมา ทำของหล่นบ้าง หยิบกระดาษบ้าง รูดซิปบ้าง เปิดตู้บ้าง บางทีก็พูดกับเขาบ้าง ฟังได้ไม่มีเบื่อ เขานั่งฟังราวกับว่าตัวเองได้ไปอยู่ใกล้ๆอีกฝ่ายด้วย

จู่ๆเจ้ากระต่ายก็หยิบโทรศัพท์ออกไปจากมือหมี ดูเหมือนร่างโปร่งบางกำลังเดินเข้าห้องน้ำ?

“อาบน้ำเหรอ?”

“อื้อ เดี๋ยวว่าจะแช่น้ำ จะได้คุยกับนาย”   เจ้ากระต่ายวางโทรศัพท์ไว้บนเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้าอย่างไม่ได้ตั้งใจและคงไม่ได้ดูให้ดีก่อนว่ากล้องมันดันแพนไปเห็นมุมด้าน Shower พอดี เขาจึงมองเห็นแผ่นหลังขาวที่กำลังยืนอยู่ใต้ฝักบัว มองเห็นสายน้ำที่ค่อยๆไหลจากลาดไหล่ลงไปตามแผ่นหลังบาง ไหลลงไปจนถึงสะโพกมนก่อนที่หน้าจอจะจบแค่นั้น น้ำลายถึงกับถูกกลืนลงคอ

“จ้านเกอ”   เขาตะโกนเรียกฝ่าเสียงซ่าๆของสายน้ำ

“หื๋อ?”   เจ้ากระต่ายยังคงถูสบู่จนฟองเต็มหลังอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราวว่าเขาแอบดูอยู่ โธ่โว้ย จะไร้เดียงสาหรือว่าเบลอยังไงก็ให้มันน้อยๆหน่อยเถอะ เดี๋ยวเขาก็ได้ลมปราณแตกซ่านธาตุไฟเข้าแทรกตายกันพอดี!

“อยากช่วยตัวเองขึ้นมาเลยอ่ะ พี่เล่นยั่วผมแบบนี้”   เสียงทุ้มเอ่ยทีเล่นแต่อยากทำจริง

“ห๊ะ? ชั้นไปยั่วอะไรนาย?”   เจ้ากระต่ายขี้สงสัยหันหน้ามามองเข้าไปอี๊กกกก คราวนี้เห็นเต็มๆเลยครับ แผ่นอกบางๆกับเม็ดเชอร์รี่ที่หน้าอกนั่น มือใหญ่ถึงกับยกขึ้นมาปิดจมูก เลือดกำเดาเขาไม่ได้ไหลลงมาใช่ไหม?

“อ๊าาาาา?! กล้องจับอยู่ก็บอกสิ! นี่นายจงใจแอบดูใช่ไหม?! เดี๋ยวฟาดเลย!”   เจ้ากระต่ายลนลานหยิบผ้าขนหนูมาโยนใส่โทรศัพท์...ชริ...เลยมืดไปหมดเลย ฟังแต่เสียงเอาก็ได้

เจ้ากระต่ายเป็นจอมอาบน้ำลวกๆและไวยิ่งกว่าวิ่งผ่าน เพราะงั้นไม่นานเขาจึงได้ยินเสียงเปิดน้ำใส่อ่างอาบน้ำ ตามมาด้วยเสียงจ๋อมๆเหมือนลงไปนั่งเล่น  เอาจริงๆนะ  เสียงพวกนี้มันทำให้คิดดีไม่ได้เลยจริงๆ ยิ่งไม่เห็นก็ยิ่งจินตนาการขนาดหนัก

กล้องถูกหันไปหาใบหน้ามนอีกครั้ง หน้าสดใสๆนั่นมันทำเอาใจเขากระตุกไปวูบใหญ่ เส้นผมสีดำเปียกชื้นนิดๆกับไหล่แคบเปลือยเปล่าทำเอาเขาอยากจะพุ่งไปหาซะเดี๋ยวนี้เลยจริงๆ

“อ้า~ น้ำอุ่นนี่ดีจริงๆ~ แล้วนายไม่ไปอาบน้ำเหรอ? ถือเข้าไปในห้องน้ำก็ได้นะ”   เขานั่งมองเจ้ากระต่ายในหน้าจออย่างมีความสุข ทำไมการมีอยู่ของคนคนหนึ่งถึงทำให้เขามีความสุขได้ขนาดนี้กันนะ อยากจะปกป้องเอาไว้ ไม่อยากจะให้พบเจอกับเรื่องทุกข์ใจใดๆเลย

“จะแอบดูผมบ้างเหรอ? ผมแก้ให้ดูตรงนี้ก็ยังได้ เอาไหม?”   เขาหันไปแซวเจ้ากระต่ายที่ชักหน้าหงิกใส่

“โรคจิต ใครจะไปอยากแอบดูนาย”   แต่ก็หน้าแดงนะเจ้ากระต่ายเอ้ย

“เมื่อกลางวันก็เห็นไปแล้วนี่เนอะ”   เขายิ้มเจ้าเล่ห์ให้ เจ้ากระต่ายถึงกับหน้าแดงระดับสิบ เอ้าดอร์ในรถเมื่อเช้านี้ก็ดีสุดๆ

“ไม่แซวแล้วๆ ขึ้นมาๆ”   เจ้ากระต่ายขี้อายไหลตัวเองลงไปในอ่างจนน้ำแทบจะท่วมใบหน้าอยู่แล้ว

“พรุ่งนี้...นายไปสนามหรือเปล่า?”  

“ไป มีสัมภาษณ์ของสปอนเซอร์ แต่ผมไม่ได้ลงเทสรถ”   นักขับมือสองจะรับหน้าที่แทนเขา

“คงไม่ได้เจอกัน....”   เจ้ากระต่ายทำหน้าหงอย เขาเองก็นิ่งไป...ตอนนี้เขายังนึกไม่ออกจริงๆว่าจะต้องทำยังไง ทำไมเขาจะไม่รู้ละว่าที่เจ้ากระต่ายตามเขามา Moto GP ยอมทิ้งรถฟอร์มูล่าวันที่ตัวเองรักมาที่นี่ก็เพียงเพราะอยากจะอยู่ใกล้ๆเขา

“ขึ้นได้แล้ว แช่นานกว่านี้เดี๋ยวก็เป็นหวัดหรอก”   เขาเปลี่ยนเรื่องเพราะไม่อยากให้ความคิดถึงมาทำให้บรรยากาศมันอึมครึมลง

“งั้นนายหันหน้าไปทางนู้นก่อน”   มือบางหันกล้องไปอีกทาง เขาเคยเห็นไปถึงไหนต่อไหนแล้วยังจะอายอะไรอีกเนี่ย? ใบหน้าหล่อเหลาส่ายหน้าด้วยรอยยิ้ม แต่ก็อาจจะดีแล้ว เพราะเดี๋ยวเขาจะทนไม่ไหวเอา

เจ้ากระต่ายแต่งตัว เดินออกจากห้อง นั่งลงที่เตียง กลิ้งไปกลิ้งมา ฟัดเจ้าหมีแพนด้า หยิบโน้ตบุคมาทำงาน ก่อนจะล้มตัวลงนอนตอนเที่ยงคืน...

เขานั่งฟังอยู่จนกระทั่งเจ้ากระต่ายหลับไป ถึงแม้จะเป็นเพียงเสียงลมหายใจที่เข้าออกสม่ำเสมอเขาก็ยังอยากฟัง ปลายนิ้วแตะลงไปที่หน้าจอมือถือ แตะลงไปบนใบหน้ายามหลับใหลของเจ้ากระต่ายอย่างโหยหา

แค่เห็นหน้าผ่านวีดีโอคอลมันไม่พอจริงๆนั่นแหละ...อยากดึงเข้ามากอด อยากซึมซับอุณหภูมิร่างกายของกันและกัน อยากปัดปอยผมที่ปรกละลงมาออกจากใบหน้าให้...


คิดถึง...


คิดถึงมาก...







วันนี้เป็นวันสุดท้ายในการทดสอบรถแล้ว ทีมสีแดงแห่งอิตาลียังคงสร้างเสียงฮือฮาได้ไม่มีตก แม้แต่รถของนักบิดมือสองก็ยังเร็วขึ้นผิดหูผิดตา แล้วก็ดูเหมือนว่าเสียงล่ำลือว่าเป็นเพราะฝีมือของวิศวกรคนหนึ่งซึ่งถูกยืมตัวมาจากเฟอร์รารี่จะยิ่งแพร่กระจายออกไป เหล่าตากล้องในสนามที่ไม่เคยสนใจทีมงานหรือทีมวิศวกรมาก่อนต่างแอบจับภาพในพิตของดูคาติกันให้ควั่ก

แล้วก็ต้องตื่นตะลึงกันไปทั้งพิตเลน เมื่อภาพของคนคนหนึ่งถูกเผยแพร่ออกมา เป็นคนคุ้นหน้าคุ้นตาดีจากไอจีของหวังอี้ป๋อ คนคนนั้นกำลังยืนหารือกับวิศวกรคนอื่นๆอยู่ในพิตของดูคาติ

ความเร็วที่เพิ่มขึ้นมาอย่างก้าวกระโดดของดูคาติเป็นฝีมือของคนคนนี้นั่นเอง...Red Rabbit…แฟนของหวังอี้ป๋อ

คนส่วนใหญ่ใน Moto GP ติดตาม Instagram ของนักบิดชื่อดังอย่างหวังอี้ป๋อกันอยู่แล้วและก็รู้ว่าคนรักของนักบิดหนุ่มเป็นวิศวกรของเฟอร์รารี่ แต่ไม่เคยมีข้อมูลอะไรมากไปกว่านี้ ประกอบกับหน้าตาที่น่ารักระดับเป็นดาราได้จึงไม่มีใครคาดคิดว่าจะเป็นคนที่เก่งกาจถึงขนาดเปลี่ยนรถดูคาติได้ขนาดนี้  

จากข่าวที่แพร่สะพัดออกไป ร่างโปร่งบางในชุดสีแดงสดนั่นจึงกลายเป็นที่จับตามองไปโดยปริยาย

“น่าจะวิ่งได้รอบสุดท้ายแล้ว เอาให้เต็มที่ล่ะ”   นักบิดมือสองพยักหน้าให้วิศวกรสนามของตัวเองก่อนที่มือในถุงมือนักแข่งจะปิดหน้ากากหมวกกันน็อคลงแล้วขับเจ้ามอเตอร์ไซค์สีแดงออกไป  ใบหน้ามนภายใต้กรอบแว่นที่ยังไม่รู้ตัวว่ามีแต่คนจ้องมองยังคงยืนอ่านข้อมูลของรถอยู่ในพิต เวลาแต่ละรอบที่วิ่งมาถูกเรียงใส่ตาราง กราฟต่างๆถูกปริ๊นท์ลงกระดาษมาดู

“นายมีข้อมูลของยางไหม? ส่งให้ชั้นหน่อย”   ใบหน้าที่ไม่สนใจอะไรนอกจากรถก้มดูกราฟจนแทบจะติดกระดานชาร์ต

“จะเอาไปทำไมอีกเนี่ย? หมดเวลาเทสแล้ว”   ฟาบริซิโอ้ถามกวนๆแต่ก็ส่งข้อมูลการสึกหรอของยางและเวลาที่ทำได้แต่ละรอบให้

“ตอนเทสเราวิ่งติดต่อกันมากสุดแค่12รอบเองนะ แต่สนามนี้แข่งจริงคือ 22 รอบ ต้องเอาข้อมูลกลับไปวิเคราะห์ต่อ”   วิศวกรคนอื่นๆพยักหน้าล้อเลียนก่อนจะหันไปยิ้มให้กัน ดูเหมือนพวกนั้นเริ่มเข้าใจตัวตนของเขามากขึ้นกว่าเดิมและเริ่มแสดงความเป็นกันเองให้เห็น

ดวงตากลมโตไล่มองไปตามตาราง เขากำลังมองหาความต่าง เผื่อว่าจะมีทางเพิ่มความเร็วด้วยยางที่นิ่มกว่าได้บ้าง 

ทั้งฟอร์มูล่าวันและโมโต้จีพีแบ่งยางออกเป็น ยางเปียกและยางแห้งเหมือนกัน ยางเปียกใช้ในวันฝนตก ด้วยความที่ยางมีร่องลึกเพื่อใช้รีดน้ำที่นองอยู่ตามแทรคทำให้ยางเปียกจะทำเวลาได้ช้ามากหากเทียบกับยางแห้ง ถ้าฝนไม่ตกก็ไม่มีใครบ้าใช้ยางประเภทนี้ลงไปวิ่ง

พวกเขาจึงมักโฟกัสไปที่ยางแห้งหรือยาง Slick ซึ่งเป็นยางหน้าเรียบ ยางสลิคเองของฝั่ง Moto GP ก็แบ่งย่อยออกเป็น 3 ระดับ  ฮาร์ด , มีเดี้ยม , ซอฟท์  โดยยางฮาร์ดจะแข็งที่สุด หนาที่สุด แล้วก็ช้าที่สุดด้วย  เราอาจจะใช้ยางฮาร์ดวิ่งได้ตลอดการแข่งขันโดยไม่ต้องห่วงเรื่องการสึกหรอ ไม่ต้องกังวลว่ายางจะแตกก่อนเข้าเส้นชัย ไม่ต้องขับแบบถนอมยาง แต่มันก็จะช้ามากหากเทียบกับยางซอฟท์  พวกนักขับเก่งๆที่ขับแบบถนอมยางได้ดีก็มีโอกาสในการเลือกใช้ยางซอฟท์ได้มากกว่า เวลาก็จะเร็วกว่าด้วย

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ยังขึ้นอยู่กับสภาพสนามด้วย บางสนามก็กินยางมากจนไม่สามารถใช้ยางซอทฟ์ได้  พวกสนามที่ร้อนจัดๆอย่างสนามนี้ทีมส่วนใหญ่จะเลือกใช้เป็นยางฮาร์ด อาจจะยางหน้ามีเดี้ยมยางหลังฮาร์ด แล้วแต่วิธีการขับของนักบิดแต่ละคน

หรืออีกวิธีก็คือใช้การปรับแต่งรถช่วยเพื่อไม่ให้กินยางมากเกินไป พวกเขาสามารถวางแผนและเลือกใช้ยางเองได้ ของฝั่ง Moto GP ยิ่งมีความหลากหลายเพราะยางหน้ากับหลังใช้คนละชนิดกันได้  ส่วนใน F1 ยางทั้ง 4 ล้อต้องเป็นชุดเดียวกันและมีกฎว่าในการแข่งขันสนามนั้นๆจะต้องมีการเข้ามาเปลี่ยนยางอย่างน้อย 1 ครั้งและยางที่ใช้จะต้องเป็นคนละชนิดกัน การวางแผนใช้ยางใน F1 จึงเต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวไม่ได้ตรงไปตรงมาเหมือน Moto GP

นักบิดมือสองวิ่งกลับเข้าพิตเมื่อเวลาหมดลง ความเร็วที่ทำได้นับว่าใกล้เคียงกับที่นักบิดมือหนึ่งทำไว้เมื่อวานมาก และนั่นยิ่งทำให้คนในทีมเชื่อมั่นในตัวเขามากขึ้น

“เก็บของเลยไหมบอส?”   วิศวกรคนอื่นๆหันไปถามทีมบอส

“เก็บเลย”   เพราะพรุ่งนี้พวกเขาต้องกลับอิตาลีกันแล้ว ของทุกอย่างจึงต้องเก็บให้หมดภายในคืนนี้

ของที่ใช้ในพิต Moto GP ไม่ได้มีมากมาย ไม่นานพวกเขาจึงเก็บเสร็จ ร่างโปร่งบางเดินเข้าเดินออกหลังพิตเพื่อบรรจุพวกซอฟท์แวร์ลงในกล่อง แล้วทุกครั้งที่เขาโผล่หน้าออกไป ก็มีทั้งสายตา ทั้งแสงแฟลช ทั้งเสียงชัตเตอร์ดังไม่ขาดสาย เกิดอะไรขึ้นเนี่ย? ใบหน้าภายใต้กรอบแว่นมองสายตาคนจากทีมอื่นด้วยความมึนงง

“ได้ข้อมูลอะไรมาจากหวังอี้ป๋อหรือเปล่า? เลยเอามาปรับแต่งรถได้ดีกว่าคนอื่น?”   ท่ามกลางสายตาที่มองมาอย่างหลากหลายก็ยังมีเสียงซุบซิบนินทาแฝงมาด้วย คิ้วเรียวขมวดมุ้นอยากจะหันกลับไปเถียงนัก

แต่มือใหญ่ของเพื่อนร่วมทีมอย่างฟาบริซิโอ้ก็ลากคอเขาเข้าไปในพิตก่อนจะตบหลังจนตัวเซ  “ถ้านายเป็นของแท้ ก็ไม่ต้องไปสนใจคำพูดพวกนั้น แค่พิสูจน์ให้พวกชั้นเห็นก็พอ”   ถึงจะปากร้ายแต่ฟาบริซิโอ้ก็เป็นผู้ชายแมนๆคนหนึ่ง เขาทำให้ทีมดีขึ้นอีกฝ่ายก็ยอมรับในตัวเขา

ใบหน้ามนพยักรับเบาๆก่อนจะพยายามไม่เก็บเอาคำพูดพวกนั้นมาใส่ใจอีก


ทีละนิด...เขาค่อยๆเพิ่มพื้นที่ของตัวเองในทีมดูคาติได้ทีละนิด...แต่แค่นี้ก็ดีมากแล้ว









ยังมีเวลาอีกอาทิตย์กว่าๆก่อนที่ Moto GP จะเปิดฤดูกาลอย่างจริงๆจังๆ เขาเดินทางกลับอิตาลีเพื่อพักผ่อนในช่วงสุดท้ายก่อนจะต้องกลับไปแข่งขันกันแบบเอาเป็นเอาตาย

มือบางเปิดประตูบ้านในมาราเนลโล่ที่ไม่ได้กลับมาเสียหลายวัน

ทั้งๆที่คิดว่าอีกไม่กี่ชั่วโมงหวังอี้ป๋อก็คงจะตามมา


ทว่า...


ตลอดวันหยุดที่เหลืออยู่นั้น กลับไม่มีแม้แต่เงาของร่างสูงสง่าให้เขาเห็น

หวังอี้ป๋อไม่ได้ตามเขากลับมาที่อิตาลี

ไม่สิ...ตามมาไม่ได้มากกว่า...



เพราะถูกทีมสั่งห้ามเอาไว้...ว่าไม่ให้มาเจอเขา...



ไหนบอกว่าไม่มีอะไร...



ไหนบอกว่าไม่ต้องกังวล...




แล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้น?





อี้ป๋อ...จะเป็นอะไรหรือเปล่า?





.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.

To be con.



ขนาดกรุ่นกลิ่นดราม่าก็ยังจะหาทางหื่นได้อีกนะ ไม่ใช่อี้ป๋อหรอก ตรูเองเนี่ยแหละค่ะ 5555+ ขอโทษ~ มันอดไม่ได้ >/////< แค่อยากเห็นเค้ารักกัน ไม่มีอะไร๊~ NC สนองนี้ดตัวเองตลอดถถถ อย่าว่าอะไรคุณกวางเลยนะคะ ถ้าอยากอ่านแบบใสๆ ไปอีกเรื่องได้ค่ะ 555 ตอนแต่ง JUNE นี่คือพยายามสะกดจิตตัวเองมาก ก็พี่จ้านน่ารักแสนดีขนาดนี้ยยย เป็นเราก็อยากจับกดสามเวลาหลังอาหารอ่ะ // ปิดหน้า // อาชญากรมาก






ฟังไปแต่งฟิคตอนนี้ไป ชอบบบบ

แล้วก็...ไม่ได้ยินใครเรียกกวางน้อยมานาน เป็นเขินมากตอนนี้5555+  ขอบคุณทุกๆคอมเม้นต์และทุกๆการติดตามนะคะ อ่านคอมเม้นต์ของทุกๆคนแล้วมีกำลังใจมากค่ะ >////<



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น