ป๋อจ้าน Au.Fic [หวังอี้ป๋อ x เซียวจ้าน] GLIDE : 2x4 It’s me : 16


ป๋อจ้าน Au.Fic [หวังอี้ป๋อ x เซียวจ้าน]  GLIDE : 2x4 It’s me : 16

: ป๋อจ้าน Fanfiction Au
: หวังอี้ป๋อ x เซียวจ้าน
: Romantic
: NC-17


คำเตือน : เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ
           : เนื้อเรื่องต่อไปนี้เป็นเพียงจินตนาการของผู้เขียน ไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นจริงนะคะ
           : ข้อมูลจะไม่แน่นเท่า GLIDE ภาคก่อนๆนะคะ เพราะภาคนี้ข้ามมา 2 ล้อ ตรูขี้เกียจหาข้อมูลฝั่ง Moto GP โฟ้ยยยย // โดนตบด้วยหมวกกันน็อค





เพราะการตัดสินใจที่ไม่ปรึกษาใครทำให้ตลอดช่วงปิดฤดูกาลที่เหลือนักออกแบบรถมือหนึ่งของเฟอร์รารี่จำต้องไปๆมาๆระหว่างมาราเนลโล่กับโบโลญญ่าซึ่งเป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของค่ายรถมอเตอร์ไซค์สัญชาติอิตาลีอย่าง Ducati

ร่างโปร่งบางนั่งถอนหายใจอยู่หลังพวงมาลัย การต้องมาเรียนรู้เรื่องเกี่ยวกับรถมอเตอร์ไซค์ที่ใช้แข่งในรุ่นพรีเมียร์คลาสของ Moto GP ไม่ได้ทำให้เขาหนักใจเท่าเรื่องที่ว่า...เขายังไม่ได้บอกหวังอี้ป๋อ

เพราะเขาไม่รู้จะบอกยังไง...

ถึงจะคุยกันทุกวันผ่านหน้าจอโทรศัพท์แต่เขาก็พูดเรื่องนี้ไม่ออกทุกที เขาไม่รู้ว่าอี้ป๋อคิดยังไง จะเห็นด้วยกับเขาไหม จะอยากอยู่ใกล้ๆเขาเหมือนที่เขาอยากอยู่ใกล้อีกฝ่ายหรือเปล่า...เขาไม่กล้าบอก...ถึงทำได้แค่ผลัดวันประกันพรุ่งอยู่แบบนี้...

ร่างโปร่งบางลงจากรถก่อนจะเดินเข้าบ้าน กระเป๋าเดินทางสีแดงวางอยู่ไม่ไกลจากประตูบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าเขาเหลือเวลาให้ผลัดอีกไม่มากแล้ว

พรุ่งนี้เขาต้องเตรียมไปเทสรถกับทีมดูคาติที่ประเทศกาตาร์...แน่นอนว่าทุกทีมใน Moto GP ก็มาเหมือนกัน...และเขาไม่มีทางที่จะหลีกเลี่ยงการที่ต้องบอกความจริงกับอี้ป๋อแล้ว

“แง๊~ อาม่า~ ผมจะทำไงดี~~”   ร่างโปร่งโถมเข้ากอดตุ๊กตาหมีแพนด้ายักษ์ที่นั่งรอเขากลับมาอยู่ที่โซฟา ใบหน้าภายใต้กรอบแว่นเต็มไปด้วยความกังวล ยังไงคืนนี้ก็ต้องหาทางบอกอี้ป๋อ...จะให้ไปรู้พรุ่งนี้แบบเซอร์ไพรส์เลยไม่ได้...

ครืด....ครืด....

โทรศัพท์มือถือในกระเป๋าสั่นทำให้เขารู้ว่ามีสายเข้า ไม่สิ หวังอี้ป๋อวีดีโอคอลเข้ามาพอดี

“กลับบ้านแล้วเหรอครับ?”   คงจะเห็นอาม่าอีกฝ่ายถึงได้รู้ว่าเขากลับบ้านแล้ว ตอนนี้อี้ป๋ออยู่ที่ญี่ปุ่นกับทีมยามาฮ่า เวลาที่นั่นเร็วกว่าอิตาลี 7 ชั่วโมง อี้ป๋อจะอยู่รอจนกว่าเขาจะเลิกงานถึงจะโทรมาซึ่งทางนู้นก็เป็นเวลาตีหนึ่งแล้ว

“อื้อ...”   เขาเม้มริมฝีปากหน้าดำคร่ำเครียด

“เป็นไร?”   เสียงทุ้มทักขึ้น เขาจึงยิ่งกดดัน หัวใจเต้นโครมคราม อาการล่กๆลนลานจึงเก็บไว้ไม่อยู่

“ทำอะไรผิด? บอกผมมา”   ใบหน้าของคนที่อยู่อีกซีกโลกจ้องเขม็งราวกับรู้ดีว่าถ้าเขากระสับกระส่ายแบบนี้น่าจะทำอะไรผิด แต่อี้ป๋อคงคิดไม่ถึงแน่ๆเรื่องที่เขาจะบอก

“นาย...ยังไม่นอนเหรอ....”   ดวงตากลมโตช้อนขึ้นมองหน้าจอก่อนจะกรอกไปมาอย่างมีพิรุธ เขาแกล้งเสไปถามเรื่องอื่นเพื่อพยายามเบี่ยงประเด็น

“ก็อยู่รอคุยกับพี่แบบนี้แทบทุกวัน...อย่ามาบ่ายเบี่ยง ทำอะไรผิด บอกผมมาเดี๋ยวนี้”

“อย่าคาดคั้นสิ!.........คือว่า.......ฉัน........”   ริมฝีปากสีสดเปิดขึ้นอย่างตั้งใจจะพูดแต่แล้วก็เม้มเข้าหากันอีก เขาอ้าปากพะงาบๆแบบนี้จนดวงตาดุดันของเจ้าสิงโตนั่นเริ่มรำคาญ

“พูดมา ถอยรถมาชนมอเตอร์ไซค์ผมใช่ไหม? หรือว่าจะตกบันไดเพราะแบกเจ้าหมีนั่นขึ้นบ้านอีกแล้ว? ผมบอกแล้วไงว่าให้เอามันไว้ข้างล่าง”

“ไม่ใช่! ไม่ใช่ทั้งนั้นแหละ!

“ถ้างั้นเรื่องอะไร?”   ใบหน้ามนถอนหายใจก่อนจะรวบรวมแรงใจ เป็นไงเป็นกัน

“ดูคาติยืมตัวชั้นไปช่วยทีมแข่ง เพราะงั้นตั้งแต่พรุ่งนี้ไปชั้นจะไปเป็นวิศวกรให้ทีมดูคาติ!   เขาหลับหูหลับตาตะโกนออกไป

“........”  

“........”  

“........”   หวังอี้ป๋อเงียบไปหลายนาที ดวงตากลมโตจึงค่อยๆเหลือบมองใบหน้าทะมึนที่อยู่ในจอมือมืออย่างกล้าๆกลัวๆ...อี้ป๋อโกรธจริงๆด้วย...ทำไงดี...

“พี่....รู้ตัวรึเปล่าว่าพูดอะไรออกมา? นี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆนะ...”   คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน

“ก็ไม่ได้พูดเล่น....”   เขาตอบกลับไปเสียงหงอยๆ

“นี่พี่จะมาเป็นคนออกแบบรถให้ทีมดูคาติงั้นเหรอ?”

“ใช่....”  

อี้ป๋อเงียบไปอีกแล้ว ที่อีกฝ่ายไม่พอใจเขาก็เข้าใจ เพราะการแข่งรถนอกเหนือจากเกมกีฬาแล้วมันยังมีเรื่องผลประโยชน์ทางธุรกิจด้วย ข้อมูลในการพัฒนารถนั้นมีมูลค่ามหาศาล รถแข่งที่ใช้ใน Moto GP ที่นับเป็นขั้นสูงสุดของจักรยานยนต์ทางเรียบนั้นคือรถต้นแบบของมอเตอร์ไซค์ทุกคันบนโลก ต้องใช้งบประมาณหลายพันล้านในการพัฒนามันขึ้นมา หากอยู่กันคนละวงการเหมือนเมื่อก่อนก็คงไม่เป็นไร แต่ตอนนี้ถ้าพวกเขาที่เป็นคู่รักกัน อยู่ในวงการเดียวกัน แต่อยู่คนละทีม การที่จะถูกมองว่าอาจจะมีการแชร์ข้อมูลที่มีมูลค่ามหาศาลนี้จึงไม่ใช่เรื่องยาก ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่มีทางทำแบบนั้น แต่คนอื่น...จะให้คิดเหมือนกัน จะให้เชื่อมั่นในตัวพวกเขาทุกคน มันก็คงจะเป็นไปไม่ได้

“โกรธเหรอ?....”   เขาถามออกไปเสียงอ่อย

“ก็ต้องโกรธสิ! ทำไมพี่ไม่ปรึกษาผมก่อน? พี่รู้ใช่ไหมว่าดูคาติกับยามาฮ่าเป็นคู่แข่งกันน่ะ?”   หวังอี้ป๋อน่ากลัวมากจนเขาได้แต่ก้มหน้าก้มตาทำหน้าราวกับจะร้องไห้

“รู้...อย่าดุสิ....”    อี้ป๋อนิ่งเงียบไปอีก ใบหน้าหล่อเหลานั่นหลับตาสูดลมหายใจเข้าราวกับกำลังข่มความโมโหเอาไว้

“.........จะมากาตาร์เมื่อไหร่?”   เสียงทุ้มถามออกมาห้วนๆ

“พรุ่งนี้...”

“ถึงสนามบินแล้วอยู่รอผมคนเดียว ให้ทีมพี่ล่วงหน้าไปสนามก่อน เข้าใจไหม อย่าให้ใครรู้ว่าพี่นัดเจอผม”

“อื้อ...”   แล้วอี้ป๋อก็ตัดสายไป ส่วนเขาก็ทำได้แค่นั่งจุ้มปุ้กกอดอาม่าไว้อย่างกระวนกระวายใจ เพราะเขาเอาแต่ใจเลยทำให้อี้ป๋อเดือดร้อนอีกแล้วหรือเปล่า? ถ้าเขาหักห้ามใจได้ ถ้าเขาไม่คิดถึงอีกฝ่ายแล้วไม่ดึงดันจะไปแบบนี้มันจะดีกว่าหรือเปล่า?

ไม่รู้...เขาไม่รู้...

ก็เขาไม่เคยรักใคร ไม่เคยติดใครจนรู้สึกว่าขาดอีกฝ่ายไม่ได้แบบนี้นี่ จะให้เขาทำยังไง...









สายการบินกาตาร์ แอร์เวย์ บินจากมิลานมาถึงสนามบินฮาหมัด ในเมืองหลวงของประเทศกาตาร์อย่างกรุงโดฮาท่ามกลางสติที่มึนเบลอของดีไซน์เนอร์ของทีมเฟอร์รารี่ที่ตอนนี้ต้องใส่ยูนิฟอร์มของทีมดูคาติไปแล้ว ถึงจะเป็นสีแดงเหมือนกันแต่ทีมใหม่ เพื่อนใหม่ ก็ยังทำให้เขารู้สึกไม่คุ้นอยู่ดี

ร่างโปร่งบางนั่งเหม่ออยู่ในสนามบินตามลำพังเมื่อเพื่อนร่วมทีมเดินทางเข้าเมืองไปก่อนแล้ว ในขณะที่กำลังว้าวุ่นใจเพราะเอาแต่คิดเรื่องหวังอี้ป๋อ มือบางก็ถูกมือใหญ่ของใครบางคนจับเอาไว้

“อ๊ะ?!”   ยังไม่ทันที่ริมฝีปากสีสดจะร้องอุทาน หมวกสีดำใบหนึ่งก็ถูกสวมลงมาบนหัว

“ผมเอง”   เสียงทุ้มและกลิ่นกายที่คุ้นเคยทำให้เขาหุบปากที่ตั้งใจจะร้องให้คนช่วย ปีกหมวกแก๊ปถูกดึงลงมาจนบดบังใบหน้าเขาจนหมด เขาแทบมองไม่เห็นอะไร ได้แต่ปล่อยให้หวังอี้ป๋อจับมือเดินนำไป

ปึง

ประตูห้องน้ำถูกปิดลงและพวกเขาก็เข้าไปด้วยกันทั้งคู่ เสื้อผ้าชุดหนึ่งถูกยัดใส่มือเขา

“พี่เปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน ออกไปทั้งชุดแดงเด่นแบบนี้ไม่ไหวแน่”   เขาไม่รู้ว่าหวังอี้ป๋อจะทำอะไร มือบางจึงได้แต่เปลี่ยนชุดตามที่อีกฝ่ายบอก เปลี่ยนชุดเสร็จ หมวกสีดำใบเดิมก็สวมลงมาบนหัวเขาอีกครั้ง

มือใหญ่ลากให้เขาเดินตาม เหมือนอี้ป๋อจะคอยมองซ้ายมองขวาอยู่ตลอดว่ามีใครเห็นพวกเราไหม  ทำอย่างกับพวกดาราที่แอบคบกันยังไงอย่างงั้น 

เขาถูกพาไปที่รถ SUV Four-Wheel Drive สีขาวคันหนึ่งซึ่งจอดอยู่ในอาคารจอดรถ ถึงกาตาร์จะได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่ร่ำรวยที่สุดในโลกและเป็นไข่มุกแห่งเปอร์เชีย แต่ด้วยความที่พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นทะเลทราย การใช้รถลุยๆแบบนี้อาจจะดีกว่าก็ได้?

หวังอี้ป๋อขับรถผ่านตัวเมืองโดฮาไปไม่กี่อึดใจรอบกายก็กลายเป็นทะเลทรายที่เวิ้งว้างว่างเปล่า ทะเลสีน้ำผึ้งล้อมรอบรถคันนี้เอาไว้ ไม่มีแม้แต่ถนน มีแค่รอยล้อรถที่บ่งบอกว่ามันเป็นเส้นทางที่บรรดารถโฟวิลวิ่งผ่านกัน เนินทรายสูงต่ำทำให้รู้สึกเหมือนอยู่ในรถไฟเหาะ อี้ป๋อขับรถในที่แบบนี้ได้ด้วยเหรอ? ปกติแล้วต้องให้คนในพื้นที่ขับไม่ใช่หรือไงกัน? ถึงจะสงสัยแต่เขาก็ไม่กล้าถาม ถึงอีกฝ่ายจะเท่ห์มากแต่เขาก็ไม่กล้าชม ใบหน้านิ่งๆนั่นทำให้เขาได้แต่นั่งตัวลีบเพราะมีความผิดติดตัว

“พี่จำเอาไว้นะ ทุกคนใน Moto GP รู้ว่าเราสองคนเป็นแฟนกัน เพราะฉะนั้นเราจะมาเดินด้วยกันในสนามแข่งไม่ได้ เจอกันก็ไม่ได้ด้วย”   ร่างสูงสง่าเริ่มพูดกับเขา

“ไปหาก็ไม่ได้เหรอ?”    ถ้างั้นที่เขาตามอี้ป๋อมาจะมีประโยชน์อะไรล่ะ?

“ตอนนี้ไม่ได้”

“.......”   เขานิ่งไปในรถจึงมีแต่ความเงียบงัน

“พี่ควรจะบอกผมก่อน ให้ตายเถอะ”   ใบหน้าหล่อเหลาดูจะหงุดหงิดกับการที่เขาตามมาจนเขาไม่กล้าพูดอะไร ไม่กล้างอแงเอาแต่ใจอะไรอีกจึงทำได้แค่นั่งเงียบ แค่รู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้ดีใจที่เขามาอยู่ใกล้ๆมันก็เหมือนมีก้อนอะไรจุกอยู่เต็มอกจนอยากจะร้องไห้ ในใจได้แต่โทษตัวเองว่าทำไมไม่คิดให้ดีๆ คำว่าเขาไม่ควรมาที่นี่มันฉายซ้ำในหัวไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ นอกจากใบหน้าที่รู้สึกชาๆในหัวก็เครียดจนไม่รู้จะทำยังไง

“ขอโทษ...”   น้ำใสๆหยดแหมะลงไปบนหลังมืออย่างห้ามไม่อยู่

“อย่าร้องสิ”   มือใหญ่ดึงหัวเขาเข้าไปซบไว้บนไหล่หนา อี้ป๋อขับรถฝ่าทะเลทรายจนฝุ่นตลบ เขาไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายจะพาเขาไปไหน ม่านน้ำตามันทำให้มองไม่เห็นอะไร


เอี๊ยด!!


รถ SUV Four-Wheel Drive สีขาวหักขึ้นเนินก่อนจะจอดท้าลมทะเลทราย  มือใหญ่ทั้งสองข้างจะละจากพวงมาลัยแล้วย้ายมาประคองสองแก้มเขาเอาไว้

“ไม่ร้องๆ”   จูบแผ่วเบาซับลงมาบนทางน้ำตา ถึงอี้ป๋อเองจะยังเครียดอยู่แต่ก็พยายามจะปลอบโยนเขาอย่างใจเย็น

“เรื่องนี้มันจัดการไม่ได้ง่ายๆเหมือนพวกปาปารัซซี่ แต่เพราะมันเป็นเรื่องความเชื่อใจเชื่อมั่นของคนในทีม พี่เข้าใจใช่ไหม? ถ้ามันมีคำถามในใจหรือมีความระแวงแค่นิดเดียว ทีมก็อาจจะแตกได้ พวกเราทำงานกันเป็นทีมใหญ่ มีคนเป็นสิบเป็นร้อย จะให้ทุกคนเชื่อว่าเราสองคนไม่เอาข้อมูลรถมาบอกกันน่ะ มันเป็นไปไม่ได้หรอก ผมถึงต้องหาทางจัดการกับเรื่องนี้”   ใบหน้ากระต่ายหงอยพยักรับช้าๆด้วยน้ำตาคลอ อี้ป๋อดูเป็นผู้ใหญ่ เป็นมืออาชีพมากกว่าเขามาก ตอนนี้เขาเริ่มรู้สึกละอายใจที่ตัวเองไม่เคยไตร่ตรองให้ดีแบบที่อี้ป๋อคิด เขาไม่ควรใช้แค่หัวใจขับเคลื่อนร่างกายแบบนี้

“ระหว่างนี้ตอนอยู่ในสนามแข่งก็ให้หลบหน้ากันไปก่อน เข้าใจนะ ยิ่งเราเจอกันเรื่องมันจะยิ่งยุ่งยาก ถ้าหากความสงสัยมันกลายเป็นไฟลามทุ่งแล้วเราจะควบคุมมันไม่อยู่”   ปลายนิ้วโป้งเกลี่ยไล้น้ำตาให้ เขาพยักหน้ารับอีกรอบ

รถโฟวิลขับต่อไปอีกสักพัก ภายในรถไม่มีการพูดคุยอะไรกันเหมือนต่างฝ่ายต่างจมอยู่ในความคิดของตัวเอง เขาจะไปกวนอี้ป๋อตอนนี้ก็ใช่ที่ ดวงตากลมโตจึงได้แต่ทอดมองทะเลสีน้ำผึ้งรอบกายไปเรื่อยๆ

เจ้ารถสีขาวจอดลงอีกครั้งในภูมิประเทศที่น่าอัศจรรย์ใจ ขวามือของเขาคือทะเลทรายที่กว้างไกลสุดสูกหูลูกตา ส่วนซ้ายมือคือผืนน้ำสีเขียวน้ำทะเลของคาบสมุทรอาระเบีย อ่าวเปอร์เซีย...ทะเลทรายสีน้ำผึ้งกับทะเลสีเขียวอมฟ้านั่นมาบรรจบกันได้อย่างน่าแปลกประหลาด แต่มันก็สวยงามมาก

เขากับหวังอี้ป๋อนั่งเหม่อมองภาพผืนทรายจรดกับผืนน้ำที่ทอดไกลสุดห้วงสายตานั่นอยู่ในรถ สรรพเสียงยังคงเงียบงัน มีเพียงมือสองข้างที่จับกันและกันเอาไว้









สนาม Losail International Circuit (โลไซอัล) เป็นสนามทดสอบรถสนามสุดท้ายก่อนเปิดฤดูกาล แล้วก็เป็นสนามแรกของการแข่งขัน Moto GP ในปีนี้ด้วย เพราะสภาพอากาศที่ร้อนอย่างไม่เกรงใจใครทำให้ช่วงกลางวันอาจจะมีอุณหภูมิสูงถึง48องศา สนามนี้จึงเป็น Night Race เพียงหนึ่งเดียวของ Moto GP เพราะต้องแข่งตอนกลางคืนที่เย็นลงหน่อย

ทีมแข่งเริ่มทยอยเข้าสนาม เพราะยังเป็นช่วงเทสรถที่เปิดให้รถได้ลงวิ่งในสนามจริงแต่ยังไม่ใช่การเปิดฤดูกาลแข่งขัน เพราะฉะนั้นการทำรถของแต่ละทีมจึงยังเป็นความลับอยู่ ถ้าเป็นฝั่ง Formula one นี่แทบจะมีแผงกั้นปิดหน้าพิตไม่ให้ใครมองเห็นว่าพวกเขากำลังทำการทดสอบ ปรับแต่ง ทดลองอะไรกันอยู่ บางทีมีควันขโมงออกมาจากพิตโดยที่ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นก็มี

ร่างโปร่งบางยืนอยู่ในพิตของทีม Ducati ยังดีที่พิตนี้ก็สีแดงทุกสิ่งอย่างเหมือนกันเขาถึงได้รู้สึกคุ้นเคยได้ไม่ยาก จะยากก็ตรงเพื่อนร่วมทีมที่ไม่คุ้นหน้านี่แหละ ถึงทุกคนจะพูดคุยกับเขาด้วยดีแต่มันก็ยังมีเส้นบางๆขวางกั้นอยู่ เป็นเพราะทุกคนไม่รู้ว่าเขาคือมือหนึ่งของเฟอร์รารี่ในเรื่องการออกแบบรถ เขาไม่ได้บอกให้ทางผู้ใหญ่ของดูคาติแจ้งให้ทุกคนทราบ ทุกคนในทีมจึงคิดว่าเขาเป็นแค่วิศวกรคนหนึ่งซึ่งทีมไปยืมตัวมาจากเฟอร์รารี่...ซึ่งความรู้สึกที่มีให้วิศวกรคนหนึ่ง กับ วิศวกรหัวหน้าทีมออกแบบรถนั้นมันต่างกัน ตรงจุดนี้เขาก็ไม่เคยคิดถึงมาก่อน

เขาคิดแค่ว่าถ้ามีฝีมือจะอยู่ที่ไหนจะทำอะไรก็ได้ แต่บางทีถ้ามีชื่อเสียง...อะไรๆมันก็อาจจะง่ายกว่า...

ตอนนี้เขาจึงเป็นเพียงคนแปลกหน้าในทีมที่ทุกคนยังไม่มีความเชื่อมั่นว่าเขาจะทำอะไรได้ แถมเป็นคนแปลกหน้าที่ทีมแค่ยืมตัวมา คนที่อยู่มาก่อนเขาจึงยิ่งมีคำถาม ทุกคนทำรถคันนี้กันมาตั้งนานแล้วจู่ๆเขาจะไปสั่งให้ปรับเปลี่ยนอะไร ใครมันจะไปเชื่อ ใครมันอยากจะไปทำตาม

นี่ก็คือบททดสอบที่เขาต้องผ่านไปให้ได้...นอกจากผลงาน นอกจากความเร็วของรถแล้ว ก็ยังมีเรื่องคนในทีมอีก...

ใบหน้าภายใต้กรอบแว่นพยายามโฟกัสไปที่รถก่อน เขาก็เข้าใจหากคนอื่นๆจะยังไม่เชื่อมั่นในตัวเขาเพราะเขายังไม่เคยพิสูจน์ตัวเองเลย ทางเดียวที่ทำได้คือต้องทำให้เจ้ามอเตอร์ไซค์สีแดงคันนี้เร็วกว่าใครๆในกริด เขารับงานนี้มาแล้วเขาก็ต้องทำให้เต็มที่ ถึงแม้ว่าคู่แข่งที่น่ากลัวที่สุดของเขาจะเป็นหวังอี้ป๋อกับรถของทีม Monster Yamaha ก็ตาม

ใช่ ถึงแม้ว่าคู่แข่งของเขา จะเป็นแฟนของเขาเองก็ตาม...

ดวงตากลมโตจ้องมองในจอมอนิเตอร์ นักบิดของทีมดูคาติกำลังบิดเต็มความเร็วอยู่ในสนาม ก่อนหน้านี้เขาได้แต่ดูวิธีการขับของสองนักบิดในทีมผ่านการซิมูเลเตอร์ พอได้มาเห็นการขับขี่จริงๆเขาจึงเริ่มค้นพบว่าแต่ละคนยังมีปัญหาบางอย่างทำให้ไม่สามารถจะใช้ความเร็วได้เต็มที่

หวังอี้ป๋อกับรถของยามาฮ่าคันนั้นเข้ากันได้ดีมากและนั่นมันคือกุญแจของชัยชนะ

พละกำลังของเครื่องยนต์ Ducati แทบไม่มีปัญหาในทางตรง มันเร็วมากอันนี้เขายอมรับ แต่ปัญหาอาจจะเป็นแอโร่ไดนามิกกับศูนย์ถ่วงที่เขารู้สึกว่ามันยังไม่เข้ากับนักขับแต่ละคนของเขา?

เสียงกระหึ่มของรถวิ่งกลับเข้าพิตมา ตอนนี้ในหัวของเขากำลังแยกชิ้นส่วนรถคันนี้อยู่ ส่วนมือก็เริ่มคีย์ข้อมูลที่ได้มาจากการวิ่งทำเวลารอบที่ผ่านมาลงในคอมพิวเตอร์ ดูจากสรุปลำดับเวลาที่ขึ้นอยู่ในหน้าจอแล้ว รถของเขายังแพ้รถของทีมยามาฮ่าอยู่เกือบวินาที เขาต้องหาทางอุดช่องว่างนี้  งื่ม...รถมอเตอร์ไซค์นี่เอาตะแกรงทดสอบแอโร่ไดนามิกติดแล้ววิ่งเหมือนรถเอฟวันได้ไหมนะ ไม่งั้นเขาคงไม่ต้องมานั่งปวดหัวแบบนี้หรอก

อาจจะเป็นเพราะในหัวมัวแต่คิดเรื่องรถ  สองขาที่ว่าจะเดินไปห้องน้ำถึงได้เดินผิดทิศผิดทางจนมาโผล่อยู่หน้าพิตสีน้ำเงินโดยไม่รู้ตัว...

ง่ะ?! ร่างโปร่งผงะน้อยๆเมื่อรู้ตัว

แต่ไหนๆก็มาแล้ว สายตาจึงอดที่แอบสอดส่องมองหาหวังอี้ป๋อไม่ได้ ถึงอีกฝ่ายจะย้ำนักย้ำหนาว่าให้หลบหน้ากันไปก่อนก็เถอะ

แล้วเขาก็เพิ่งเข้าใจ...ว่าทำไมอี้ป๋อถึงบอกเขาแบบนั้น...

เพราะตอนนี้สายตาคนทั้งพิตยามาฮ่าต่างมองมาที่เขาเป็นตาเดียว...ปีที่แล้วเขาถูกหวังอี้ป๋อลากมาสนามหลายครั้งและทุกครั้งเขาก็มักจะนั่งอยู่ที่พิตแห่งนี้ เขาคิดว่าเขาคุ้นเคยกับทุกคนในพิตสีน้ำเงินดี...แต่กระนั้นในวันนี้สายตาที่ทุกคนมีให้เขานั้นมันต่างออกไปอย่างเห็นได้ชัด

ไม่มีความเอ็นดู ไม่มีความเป็นกันเองเหมือนเดิม...

ก็ไม่แปลก...ในเมื่อชุดที่เขาใส่อยู่คือยูนิฟอร์มสีแดงสดของดูคาติ...ที่เป็นทีมคู่แข่ง...

ใบหน้ามนพยักหน้าให้เบาๆก่อนจะเดินจากมา จะไปโทษทางนั้นก็คงไม่ได้ หลายๆคนอาจจะรู้สึกว่าถูกเขาหักหลัง ทั้งๆที่เป็นแฟนหวังอี้ป๋อแต่กลับไปอยู่กับดูคาติ...

หัวใจดวงน้อยรู้สึกเจ็บแปลบลึกๆข้างใน เขาจะผ่านมันไปได้จริงๆหรือเปล่านะ เขาชักจะเริ่มไม่แน่ใจ ตอนนี้เขาคิดถึงรอยยิ้มของคนในทีมเฟอร์รารี่จับใจ คิดถึงคนในเอฟวัน

ใบหน้ามนถอนหายใจก่อนจะเดินกลับมาที่พิตของตัวเอง เสียงหนึ่งจึงทักขึ้นทันที

“เป็นไง? หวังอี้ป๋อบอกข้อมูลการปรับแต่งรถนายมาบ้างหรือเปล่า?”   ใบหน้ายุ่งเงยมองเจ้าของเสียง เป็นฟาบริซิโอ้ วิศวกรที่ดูแลเรื่องเครื่องยนต์อยู่ ใบหน้ากวนๆนั่นยกยิ้มให้เขาอย่างยียวน เขาเจอกับหมอนี่มาตลอดช่วงสองสามอาทิตย์มานี้ ถึงจะรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกปากเสียและไม่ควรจะเอาเรื่องเอาราวอะไร แต่จิตใจที่กำลังหดหู่ของเขาก็ทำให้เผลอเก็บมาคิดมากจนได้

“ผมกับหวังอี้ป๋อเป็นมืออาชีพครับ เรื่องข้อมูลภายในทีมเราไม่เอาออกไปบอกใครอยู่แล้ว”   เขาตอกกลับไปอย่างไม่กลัว

“อะไรกัน? พวกผู้ใหญ่ไม่ได้วางแผนไว้แบบนั้นเหรอเนี่ย? ชั้นนึกว่าที่พวกนั้นไปยืมตัวนายมาก็เพื่อจะให้นายไปล้วงข้อมูลจากหวังอี้ป๋อเสียอีก ก็เห็นหมอนั่นหลงนายขนาดหนักเลยนี่”   ฟาบริซิโอ้แกล้งยักไหล่ ใบหน้ามนถึงกับขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน พูดแบบนี้มันดูถูกเขานี่ หาว่าเขาใช้หน้าตาเพื่อหาข้อมูลงั้นเหรอ? ผิด! ผิด ผิด!!  เขาไม่ได้ใช้หน้าตาในการล้วงข้อมูล แต่ใช้หน้าตาในการขายรถราคาหลายสิบล้านต่างหาก! ส่วนวิธีการปรับแต่งรถน่ะไม่ต้องไปขอใครเขาก็คิดเองได้!

“ฮึ่ย! ชั้นจะชำแหละเครื่องยนต์นายให้เละเลยคอยดู!”   เขาชี้หน้าอีกฝ่ายอย่างไม่กลัวเกรง

มือบางหยิบกระดาษออกมาสเก็ตลงไปอย่างบ้าคลั่ง ถึงเขาจะเดินเหม่อไปบ้างแต่ในหัวของเขาก็พอจะคิดออกแล้วว่าจะต้องทำยังไง เขาส่งสเก็ตที่แทบจะเป็นไปไม่ได้ให้กับวิศวกรทุกคนในทีมดู แน่นอนว่าพวกนั้นส่ายหน้าและไม่ยอมรับสิ่งที่เขาเสนอไป

“จะให้รื้อตรงนี้ออกแล้วเรียงใหม่ตามที่นายบอกเนี่ยนะ? อย่ามาบ้า คิดว่าใครเค้าจะเชื่อนายกัน? กลับไปรื้อรถเอฟวันของนายนู่นเลยไป!”   ฟาบริซิโอ้เถียงเขาขาดใจ ไม่ว่ายังไงก็ไม่ยอมท่าเดียว

“ชั้นก็เห็นด้วยกับฟาบริซิโอ้นะ แบบนี้มันออกจะเกินไปหรือเปล่า นายเพิ่งมาแท้ๆจะรู้อะไร”   วิศวกรอีกคนในทีมสนับสนุนฟาบริซิโอ้

“ชั้นรู้สิแล้วชั้นก็มองเห็นปัญหาที่พวกนายทำเป็นปิดตาเอาไว้มาตลอดเลยด้วย ถ้านายอยากจะชนะทีมยามาฮ่า นายลองทำตามที่ชั้นบอก ถ้าพรุ่งนี้รถไม่เร็วขึ้นชั้นจะกลับเฟอร์รารี่ทันทีเลยก็ได้!”   เขาเองก็ไม่ยอม ริมฝีปากสีสดเริ่มอธิบายด้วยหลักอากาศพลศาสตร์ว่ากันเป็นข้อๆในแต่ละจุดที่เป็นปัญหาจนคนฟังทำหน้ามึนตึง

เป็นเพราะไม่เคยมีใครคิดจะก้าวก่ายหน้าที่ของกันและกันแบบนี้มาก่อน ถึงจะอธิบายและเห็นปัญหาชัดเจนยังไง อีโก้ของคนที่อยู่มาก่อนก็ยอมไม่ได้

“พวกชั้นจะไม่รื้อ ถ้านายอยากรื้อก็รื้อเอง”   ฟาบริซิโอ้พูดเสียงแข็ง ใบหน้ามนจึงได้แต่กัดฟัน ตัวเขาน่ะรู้ว่าอะไรมันเป็นอะไร อะไรมีผลต่อแอโร่ไดนามิกยังไง แต่เขาไม่ใช่ช่างเครื่อง เขาจึงรื้อรถเองไม่เป็น

“ถ้าชั้นรื้อเองได้ชั้นคงทำไปแล้ว! นายปรับแต่งส่วนอื่นไปก็ไม่มีประโยชน์หรอก รถคันนี้กับนักบิดคนนี้ต้องการแบบนี้เท่านั้น ลองเชื่อชั้นสักครั้งสิ!”   คิ้วเรียวขมวดมุ่นจนแทบจะผูกเป็นโบว์ พวกเขาเถียงกันจนลูกทีมคนอื่นๆหันมามองอย่างกล้าๆกลัวๆ เพราะแต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่เคยมีใครกล้าค้านฟาบริซิโอ้แบบนี้มาก่อน 

พวกเขาจ้องหน้าราวกับจะฆ่ากันให้ตาย ฟาบริซิโอ้ไม่ยอมแต่เขาก็ไม่คิดจะลดราวาศอกเช่นกัน จนกระทั่งมีเสียงๆหนึ่งดังขึ้นมา...

“ฟาบริซิโอ้ ลองปรับตามที่เซียวจ้านบอกเถอะ”   เป็นทีมบอสของดูคาติที่เข้ามาห้ามทับและตัดสินใจที่จะเชื่อเขา เพราะน่าจะมีแค่ทีมบอสคนเดียวที่รู้ว่าเขาเป็นใครในเฟอร์รารี่

และนั่นมันยิ่งทำให้ทีมวิศวกรและทีมช่างเครื่องของฟาบริซิโอ้ไม่พอใจหนักกว่าเดิม หมอนั่นมองเขาอย่างเคืองๆก่อนจะดึงสเก็ตในมือเขาไปอย่างเสียมิได้  เขาถอนหายใจก่อนจะมองอีกฝ่ายอย่างเหนื่อยใจ พวกนั้นไม่เชื่อเขา ไม่มีใครเชื่อมั่นในตัวเขาเลยสักคน

มีแค่มือใหญ่ของทีมบอสที่บีบไหล่เขาอย่างให้กำลังใจ










หลายสิ่งหลายอย่างมันถาโถมเข้ามาตบหน้าเขาจนมึนเบลอไปหมด  กว่าจะปรับแต่งรถเสร็จก็เล่นเอาดึกดื่นจนทำให้ในวันนี้ยังไม่ทันได้ทดสอบว่าสิ่งที่เขาบอกนั้นมันได้ผลจริงๆหรือเปล่า

แทนที่ทีมงานจะได้กลับไปพักกันนานแล้วกลับต้องอยู่ปรับแต่งรถเพื่อเขา พวกดูคาติเองก็มีความภาคภูมิใจในรถที่ตัวเองทำขึ้นมา ถึงความเร็วอาจจะยังสู้ทีมอย่างยามาฮ่าไม่ได้แต่ทุกคนก็มั่นใจในระดับหนึ่ง...ทว่า...มันกลับถูกคนหน้าใหม่อย่างเขามาทำลายด้วยการสั่งรื้อหลายส่วนขนาดนี้ จึงไม่แปลกเลยที่หลายๆคนจะเริ่มไม่พอใจเขา

“เหมือนถูกปล่อยเกาะเลย...”   เสียงนุ่มบ่นงึมงำในขณะที่เดินกลับโรงแรมตามลำพัง ตอนนี้รอบกายทั้งมืดทั้งเงียบสงัด

“เฮ้อ...”   เขาถอนหายใจอย่างเพลียๆ เพราะมัวแต่คิดอะไรเต็มหัวไปหมดจึงไม่ทันได้ระแวดระวังรอบๆตัว ส่วนหนึ่งก็เพราะได้ยินมาว่ากาตาร์เป็นประเทศที่ปลอดภัยมาก  แต่ต่อให้เป็นประเทศที่ปลอดภัยและกฎหมายแรงแค่ไหน แต่หากคนมันจะโชคร้ายเดินๆอยู่บางทีก็เจอคนอันตรายหน้าตาเฉยก็ยังมี และนักออกแบบรถมือหนึ่งของเฟอร์รารี่ก็คือคนแบบนั้นนั่นแหละ!

จู่ๆก็รู้สึกเหมือนถูกตาม?  ใบหน้ามนแอบเหลือบมองไปทางด้านหลังก็เห็นคนแปลกๆสามคนเดินตามเขาอยู่ แล้วโรงแรมไปทางไหนเนี่ย?!

ใบหน้ามนเงยมองถนนเลิกลั่ก มองเห็นตึกตั้งเด่อยู่กลางทะเลทราย ถึงนั่นจะเป็นเป้าหมายของเขาแต่มันก็ไกลเกินไปไหมในตอนนี้ ขายาวเริ่มออกวิ่งอย่างไม่สนใจอะไร แต่แล้วจู่ๆต้นแขนก็ถูกจับเอาไว้

เขาหลับหูหลับตาใช้ศิลปะการป้องกันตัวที่หวังอี้ป๋อเคยสอน แต่เขาก็หนีมาได้แค่คนเดียว อีกสองคนยังวิ่งตามไม่ห่าง


ผลั๊วะ!!


เสียงหมัดหนักๆสองสามทีดังขึ้นข้างหลัง เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่จู่ๆก็มีคนที่สวมหมวกแก๊ปสีดำจับมือเขาแล้วพาวิ่งออกไปจากตรงนั้น

“ปล่อยนะ!”   เขาตะโกนโวยวายก่อนจะถูกมือใหญ่ปิดปากไว้ กลิ่นกายที่คุ้นเคยทำให้เขาลดการต่อต้านลง

“อี้ป๋อ?”    ร่างที่ใส่แจ็คเก็ตสีดำเดินดุ่มๆลากเขาไปตามตรอกซอกซอยอย่างไม่พูดไม่จา ก่อนที่จะทะลุมายังหน้าโรงแรมของเขา

“ดูแลตัวเองยังไม่ได้ แล้วออกจากอ้อมอกเฟอร์รารี่มาทำไม”   ใบหน้าหล่อเหลามองผ่านปีกหมวกมาด้วยสายตาโกรธๆ คงจะโมโหที่เห็นเขาถูกทำร้าย

“ก็ฉัน....”    อยากอยู่กับนาย...คำพูดกลืนหายลงลำคอเพราะหวังอี้ป๋อไม่คิดจะฟัง ใบหน้าที่ดูหงุดหงิดนั่นยิ่งทำให้เขากลัวจนไม่กล้าพูดออกไป

“กลับขึ้นห้องไปได้แล้ว แล้วก็ล็อคประตูให้ดี ห้ามนอนห้องเดียวกับใครเด็ดขาดเข้าใจไหม? เอาอาม่ามาด้วยหรือเปล่า?”  ใบหน้ามนพยักหน้า นักบิดจากทีมยามาฮ่าไม่เคยนึกขอบใจไอ้หมีแพนด้าตัวเท่าตึกแฝดเซี่ยงไฮ้นั่นขนาดนี้มาก่อนเลย

“อือ...แล้วนาย...จะไม่ขึ้นไปเหรอ?”

“จะขึ้นไปได้ไงเล่า ผมกับพี่อยู่คนละทีมนะ เราเป็นคู่แข่งกัน ถึงเราสองคนจะบริสุทธิ์ใจแต่คนในทีมน่ะมากหน้าหลายตา เค้าไม่ได้คิดเหมือนเราทุกคนหรอก ผมน่ะไม่เท่าไหร่ ทางพี่ที่เป็นคนใหม่ในทีมมากกว่า ถ้าถูกมองว่าแอบเอาข้อมูลมาบอกผมจะทำยังไง?”

“........เข้าใจแล้ว”

“เข้าใจก็รีบขึ้นไป เร็วๆ”   มือใหญ่ดันลำตัวบางเข้าไปในลิฟท์ ร่างสูงสง่ายืนมองจนกระทั่งลิฟท์ปิดลง ใบหน้าหล่อเหลากัดริมฝีปากจนเลือดซิบ

เจ้ากระต่ายมองเขาตาละห้อยหูลู่หางตกน่าสงสาร ใจเขาก็เจ็บแปลบไม่แพ้กันหรอกที่ต้องทำแบบนี้ ห่วงก็ห่วง เรื่องคนในทีมก็กังวล

นักบิดแชมป์สี่สมัยเดินกลับโรงแรมของตัวเองที่อยู่ไม่ไกลกันเท่าไหร่ เข้าห้องได้เขาก็รีบโทรหาคนคนหนึ่งที่อยู่ในอิตาลี

“คุณ...พอจะเช็คให้ผมได้ไหมว่าตอนนี้เซียวจ้านอยู่ในห้องรึเปล่า...”   เขากรอกน้ำเสียงร้อนลนใส่อีกฝ่ายจนทีมบอสของเฟอร์รารี่ถึงกับถอนหายใจกลับมา

“เฮ้อ...ถ้านายจะโทรมาถามชั้นทุกๆชั่วโมงแบบนี้ละก็นะ นายเอาไปดูเองเลยแล้วกัน ชั้นก็มีงานมีการต้องทำนะหวังอี้ป๋อ”   เอลวิน สมิธเลยส่งแอพพร้อมกับรหัสประจำตัวสัญญาณติดตามตัวของเจ้ากระต่ายมาให้

“นี่เป็นความลับนะ ปกติแล้วชั้นจะบอกให้ใครรู้ไม่ได้หรอก แต่เอาจริงๆชั้นเองก็เป็นห่วงเจ้าเด็กนั่นอยู่เหมือนกัน นายก็รู้ว่าหมอนั่นช่วยเหลือตัวเองได้ที่ไหน ทางนี้ก็ค้านเต็มที่แล้ว ยังไงก็ฝากดูแลด้วย”

“ครับ ผมเครียดจะตายอยู่แล้วเนี่ย ก่อนหน้านี้เพราะผมรู้ว่าเค้าอยู่กับพวกคุณ ผมถึงสบายใจต่อให้จะไม่ได้เจอกัน แต่ตอนนี้ต้องมาอยู่กับใครก็ไม่รู้ แถมผมเข้าไปยุ่งมากก็ไม่ได้เพราะเป็นคนละทีมอีก”   เขาระบายความอัดอั้นตันใจออกไปเป็นชุด ไม่น่าเชื่อว่าคนที่รับฟังเขาจะเป็นคนอย่างทีมบอสของเฟอร์รารี่ โลกเรานี่ก็แปลกดี

“เอาเถอะ เค้าจำเป็นต้องเติบโต แต่ไหนแต่ไรมาพวกเราก็เอาแต่โอ๋เค้ามาตลอด ถึงได้ดูแลตัวเองไม่เป็นแบบนี้ บางทีเจ้าครูเทโอ้อาจจะคิดถูก หมอนั่นถึงจะโหดมากจนดูเหมือนเลือดเย็น แต่จริงๆแล้วก็ทำทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์ของเฟอร์รารี่ ทำเพื่อคนของเฟอร์รารี่ ที่หมอนั่นกล้าส่งเซียวจ้านไปตามลำพังชั้นคิดว่าเจ้าครูเทโอ้ต้องเชื่อใจนายอยู่ไม่น้อยละหวังอี้ป๋อ ว่านายจะดูแลเซียวจ้านได้”

“ครับ ขอให้คุณครูเทโอ้คิดถูกก่อนที่ผมจะอกแตกตายก็แล้วกัน”

“นายพักผ่อนเถอะ ชั้นวางละ”

“ครับ ขอบคุณครับ”

แล้วการพักผ่อนของเขาก็คือการได้นั่งมองจุดแดงๆในจอมือถือ มันกำลังเคลื่อนที่นิดๆวนไปวนมาอยู่ที่ส่วนหนึ่งของผังโรงแรม เขานั่งดูจนจุดนั่นหยุดนิ่ง...เจ้ากระต่ายคงจะหลับไปแล้ว...ใบหน้าหล่อเหลาเผยรอยยิ้มออกมาบางๆก่อนจะใช้ปลายนิ้วโป้งลูบจุดสีแดงนั่นเบาๆ ถ้าเขาส่งมือนี้ไปลูบหัวให้อีกฝ่ายนอนหลับฝันดีได้ก็คงดี

แล้วจู่ๆจุดที่หยุดนิ่งนั่นก็กลับมาเคลื่อนไหววนเวียนอยู่ในห้องอีกครั้ง...?...หรือว่าเจ้ากระต่ายจะนอนไม่ไหลับ?

ร่างโปร่งบางลุกขึ้นมานั่งหัวยุ่งอยู่บนเตียงหลังจากนอนพลิกไปพลิกมาแต่ทำยังไงก็ข่มตาหลับไม่ได้ จิตใจที่สับสนวุ่นวายซ้ำยังเศร้าหมองทำให้ดีไซน์เนอร์ของเฟอร์รารี่เอื้อมมือไปเปิดโคมไฟข้างเตียง นอนไม่หลับก็ไม่ต้องนอน

ท่อนแขนผอมบางโถมไปกอดตุ๊กตาหมีแพนด้ายักษ์ก่อนจะเกยคางไว้กับพุงนิ่มของมัน เขาไม่สบายใจเอาเสียเลย รู้สึกว่าตนไม่ควรจะมาที่นี่ มันไม่ใช่ที่ของเขา คนในทีมก็ไม่เหมือนที่เฟอร์รารี่ ไม่มีใครเชื่อเขาสักคน ที่สำคัญเขาทำให้หวังอี้ป๋อเดือดร้อน ทำให้หวังอี้ป๋อไม่สบายใจ ยิ่งคิดหัวคิ้วก็ยิ่งขมวดเข้าหากัน สองแขนกอดตุ๊กตาหมีแน่นกว่าเดิม

“ยังดีนะที่ผมมีอาม่า...ผมไม่ควรมาที่นี่ใช่ไหม...”   น้ำตารื้นขึ้นมาตามความหม่นหมองที่อยู่ในใจ หวังอี้ป๋อไม่เคยเย็นชากับเขาแบบนี้มาก่อน แต่สิ่งที่อีกฝ่ายทำเขาก็เข้าใจ แต่มันก็อดน้อยใจไม่ได้ เขาก็แค่อยากอยู่ใกล้ๆ อยากเห็นหน้าทุกวัน อยากกอด แล้วมันผิดมากหรือไง ตอนนี้เขาเหมือนอยู่ตัวคนเดียวเลย คนในทีมก็ไม่มีใครสนใจเขา ไม่ฟังเขา เขาไม่เคยเจอกับเรื่องแบบนี้มาก่อน เขาไม่รู้จะรับมือยังไง ก็ตั้งแต่ทำงานในทีมแข่งรถมาเฟอร์รารี่ก็โอ๋เขามาตลอด ถึงจะเถียงกันแต่ทุกคนก็เชื่อมั่นในตัวเขา

“ฮือออออ”   เสียงร้องงอแงดังออกมาจากพุงหมีเมื่อใบหน้ามนกดลงไป


ติ๊ง!


เสียงข้อความเข้าดังมาจากโทรศัพท์มือถือ อะไรอีกล่ะ? มือบางหยิบมาดูด้วยใบหน้ายุ่งๆ

“นอนรึยัง?”   ชื่อเจ้าของข้อความทำให้ดวงตากลมโตเบิกกว้าง มือรีบยกขึ้นมาปาดน้ำตาลวกๆก่อนจะรีบพิมพ์ตอบกลับไป...มันเป็นข้อความที่ส่งมาจากหวังอี้ป๋อ

“ยัง  นอนไม่หลับอ่ะ”   ไม่รู้ทำไม แค่ข้อความสั้นๆแค่นี้ก็ทำให้ความอึมครึ้มที่พัดวนอยู่ในใจหายไปในพริบตา เขาหันไปนอนพิงพุงนิ่มของอาม่าไว้ในขณะที่รอข้อความตอบกลับจากอีกฝ่าย ไม่รู้หรอกนะว่าจะดุหรือจะต่อว่าอะไรเขาอีกไหม แต่แค่หวังอี้ป๋อส่งข้อความมามันก็ทำให้เขาสบายใจขึ้นมาก ใช่ว่าเขาจะไม่รู้ว่าอี้ป๋อก็ห่วงเขา แต่เขาก็ไม่อยากให้อีกฝ่ายดุเขาเพราะเขากลัว

“งั้นถ่ายรูปเซลฟี่ให้ดูหน่อย”   เขาเอียงคอมองข้อความอย่างงงๆ แต่ให้ถ่ายเขาก็ถ่าย มือยกโทรศัพท์ขึ้นมาก่อนจะถ่ายรูปตัวเองที่กำลังนอนพิงอยู่ในอ้อมแขนอาม่าส่งกลับไป

“อ่ะ แลกกัน”   หวังอี้ป๋อตอบกลับมาพร้อมกับรูปเซลฟี่หนึ่งใบ แต่เขากลับมองแทบไม่เห็นหน้าอี้ป๋อเพราะว่าอีกฝ่ายใส่หมวกกันน็อคอยู่...หมวกกันน็อค...ใบที่เขาเขาวาดลายให้

“หมวกใบนั้น!”   เขามองมันด้วยความตื่นเต้นระคนดีใจ อี้ป๋อใส่มันแบบนี้คงหายโกรธเขาแล้วมั้ง?

“ผมชอบมาก ขอบคุณนะจ้านเกอ”   ใบหน้ามนพยายามกลั้นยิ้มแต่ความดีใจก็ทำให้หุบยิ้มไม่ได้ เขามองภาพในหน้าจอมือถือด้วยความรู้สึกอุ่นใจ ความโดดเดี่ยวเดียวดายถูกถมจนเต็มและไม่รู้สึกว่าถูกทิ้งให้อยู่คนเดียวอีก

“อื้อ ดีใจ...มากๆเลย”

“ผมกำลังคิดอยู่นะ”

“เรื่องอะไรเหรอ? ชั้นช่วยนายได้ไหม?”

“เรื่องที่ว่า จะทำยังไงให้เราไม่ต้องคอยหลบหน้ากันแบบนี้ ทำยังไงให้ทีมเชื่อและไม่หวาดระแวงว่าเราสองคนจะแชร์ข้อมูลกัน”

“...อี้ป๋อ...ขอโทษนะ...ชั้นทำให้นายเดือดร้อนอีกแล้ว...”

“ไม่เป็นไรหรอก ถ้าไม่มีเรื่องของพี่ ชีวิตผมมันคงจะสงบสุขเกินไป”

“ว่าไงนะ? นายหาว่าชั้นเป็นตัวสร้างความเดือดร้อนเหรอ? ถ้าอยู่ใกล้ๆจะตีให้ตายเลยคอยดู!”   ไม่ได้เป็นแค่ตัวสร้างความเดือดร้อนอย่างเดียวหรอก เป็นทั้งตัวภาระ ตัวยุ่ง ตัวดื้อ ตัวงอแงเลยละ ใบหน้าหล่อเหลามองข้อความในโทรศัพท์มือถือก่อนจะอมยิ้ม...แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังเป็นตัวที่รักของเขาด้วย

ใบหน้าหล่อเหลาทอดสายตามองจุดสีแดงที่หน้าจอมือถือที่เริ่มอยู่นิ่งอีกครั้ง เขาเฝ้ามองมันต่ออีกเนิ่นนาน ดูจนกว่าจะวางใจว่าเจ้ากระต่ายหลับไปแล้ว

เขาจะไม่ยอมให้มันเป็นอยู่แบบนี้หรอก เขาจะต้องหาทางทำอะไรสักอย่าง

อะไรสักอย่าง...






.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.

To be con.



เรื่องข้อมูลการทำรถนี่สำคัญมากจริงๆนะคะ คือทุกทีมเค้าจะปิดเป็นความลับกัน เพราะรถมันไม่ได้มีแต่เปลือกที่เราเห็นๆกัน ในตัวรถแต่ละทีมจะสร้างมาไม่เหมือนกันเพียงแต่ต้องอยู่ภายใต้กฎเกณฑ์เดียวกัน อย่างในตัวระบบ ในตัวเครื่องยนต์ อัตราการไหลอะไรต่างๆคือมีผลกับความเร็วทั้งนั้น แล้วอิรถพวกนี้คือมันเคยแพ้ชนะกันแค่ 0.001วินาทีไง...คือนิดดดดดดดเดียวก็เอาอ่ะ เพราะงั้นการที่ป๋อจ้านในเรื่องเป็นแฟนกัน แต่อยู่คนละทีม แล้วยิ่งจ้านเป็นวิศวกรด้วยก็เลยมีความเป็นไปได้ค่ะ ที่คนอื่นจะมองว่าคู่นี้จะแอบบอกข้อมูลของรถแข่งกัน

มาดูฉากบ้าง เอาจริงๆกาตาร์ก็เป็นประเทศที่สวยงามมากเลยนะคะ =q= ก่อนหน้านี้แทบไม่รู้จักเลยเพราะเอฟวันไม่มีตารางแข่งที่นั่น แหะๆ คือทะเลทรายที่จรดกับทะเลสีเขียวอมฟ้าอ่ะแม่~~~ มันสวยอย่างกับในละครท่านชีคอะไรงี้เลย >////<



















แบบว่า...พ่อทั่นอ่ะนะ ให้ไปขับรถแบบนี้ก็น่าจะได้แหละคิดว่า5555 =////= เท่ห์ออก

ขอบคุณที่ติดตามมากๆค่ะ >////<




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น