ป๋อจ้าน Au.Fic [หวังอี้ป๋อ x เซียวจ้าน] GLIDE : 2x4 It’s me : 13
: ป๋อจ้าน Fanfiction Au
: หวังอี้ป๋อ x เซียวจ้าน
: Romantic
: NC-17
คำเตือน : เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ
: เนื้อเรื่องต่อไปนี้เป็นเพียงจินตนาการของผู้เขียน ไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นจริงนะคะ
: ข้อมูลจะไม่แน่นเท่า GLIDE ภาคก่อนๆนะคะ เพราะภาคนี้ข้ามมา 2 ล้อ ตรูขี้เกียจหาข้อมูลฝั่ง Moto GP โฟ้ยยยย // โดนตบด้วยหมวกกันน็อค
“หวังอี้ป๋อ!!” เสียงเรียกที่ทำให้ฝ่าเท้าเขาชะงักไม่ใช่ใคร แต่เป็นคะชู คิโยมิตสึที่วิ่งตามเขามา
“อะไรไม่รู้แหละแต่นายเก็บนี่ไว้!” ตุ้มหูที่เป็นคริสตัสสีแดงใสข้างหนึ่งถูกยัดใส่มือเขา เขามองมันด้วยความไม่เข้าใจ เขาไม่มีเวลามาสนใจของแบบนี้แล้ว!
“เก็บไว้เถอะน่า มันมีประโยชร์แน่เชื่อชั้น!” มือที่ทาเล็บสีแดงยัดตุ้มหูของใครก็ไม่รู้ข้างนั้นใส่ไว้ในอกเสื้อเขาก่อนจะวิ่งหายไป เขาไม่มีเวลาแม้แต่จะหยิบมันทิ้งไปจึงปล่อยมันไว้แบบนั้น มือใหญ่เปิดประตูรถของจ้านเกอทันที ยังดีที่พวกเรามีกุญแจกันคนละพวง Ferrari Portofino ถึงได้ทะยานออกจากงานด้วยความไวแสง
เสียงทุ้มต่ำแหวกอากาศไปด้วยหัวใจที่ร้อนลน เขาไม่ได้มองเลขไมล์ด้วยซ้ำว่าเหยียบไปเท่าไหร่ ไม่มีกระจิตกระใจจะดูอะไรทั้งนั้น
ปรี๊นนนนนนนน!!!
มือใหญ่กระแทกแตรลากยาวจนรถช้าที่ขับกินลมชมวิวอยู่ข้างหน้าถึงกับต้องเบี่ยงหลบกันจ้าละหวั่น เขาไม่สนใจเสียงตะโกนด่าที่ดังไล่หลังมา ใบหน้าและนัยน์ตาดุดันราวกับราชสีห์กำลังมองตรงไปข้างหน้าเพียงอย่างเดียว
จ้านเกออยู่ที่ไหน...
ใครเอากระต่ายของเขาไป...
อย่าให้จับได้เชียวนะ พ่อกระทืบไม่เลี้ยงแน่!
เจ้ารถสีแดงขับไปตามทางคดเคี้ยวอย่างเกรี้ยวกราด เขาไม่ได้โมโหจนเลือดขึ้นหน้าแบบนี้มานานแล้ว ตั้งแต่มีแฟนเขาก็สงบลงมาก แต่ก็เพราะมีแฟนนี่แหละที่ทำให้เขาดุร้ายกว่าเดิมหลายเท่า ใครมันเอาแฟนเขาไป?! มันต้องไม่ตายดี!
เอี๊ยด!!!
เสียงเบรกดังลั่นสนั่นอ่าว Ferrari Portofinoแทบจะเสยตูดเรือยอร์ชที่จอดลอยละล่องอยู่ที่ท่า หวังอี้ป๋อก้าวขาลงจากรถก่อนจะกวาดตามองเรือทุกลำที่อยู่ตรงหน้า เขาจำได้ว่าเรือลำนั้นมีภาษาอาหรับติดอยู่ข้างเรือ แต่ปัญหามันก็มีอยู่ว่าตอนนี้ที่อ่าวมีเรือเป็นร้อยๆลำ!
โธ่โว้ยยยย! นี่ถ้าอยู่ในจีนแผ่นดินใหญ่เขาคงสั่งเรือบดมากวาดไอ้พวกเรือที่เกะกะนี่ไปให้หมดแล้วเนี่ย! แต่ตอนนี้เขาอยู่ในอิตาลีมันเลยทำอะไรไม่ได้~~!!!
สองขาเริ่มออกวิ่งไปเรื่อยๆเมื่อตรงที่ยืนอยู่ไม่มีเรือเป้าหมาย ร่างสูงสง่าวิ่งหาไปทั่วอ่าว มือก็โทรศัพท์หาเจ้ากระต่ายไปด้วยแต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับเลย ดวงตาไล่มองเรือทุกลำที่กระเพื่อมอยู่ในน้ำ ยิ่งเวลาผ่านไปเท่าไหร่เขาก็ยิ่งเครียดมากขึ้นเท่านั้น ขอให้เจ้ากระต่ายของเขายังปลอดภัย ขอให้เขาหาตัวอีกฝ่ายเจอโดยไว
มือใหญ่ขยับคลายเนคไทที่ลำคอ ไอร้อนพุ่งขึ้นสู่ใบหน้า ตอนนี้เขาวิ่งหามาค่อนอ่าวแล้วแต่ก็ยังไม่เจอเรือที่มีภาษาอาหรับนั่นเลย...ทำยังไงดี ถ้ามันพาจ้านเกอออกทะเลไปแล้วล่ะ? เขาจะไปตามหายังไงดี? ตอนนี้เขากังวลจนแทบจะสติแตกอยู่แล้ว
“เจอจ้านเกอบ้างไหมทางนั้น?” เขาตัดสินใจโทรหาคะชู คิโยมิตสึ เขาต้องหาคนช่วย อย่างน้อยๆตอนนี้ก็อยากจะเช็คตำแหน่งอีกทีว่าจ้านเกอยังอยู่ที่ท่าเรือหรือเปล่า
“ไม่เจอเลย เจอแต่โทรศัพท์ของจ้านจ้านตกอยู่ตรงกระถางต้นไม้หน้าห้องน้ำ บอสบอกว่าตำแหน่งของจ้านจ้านยังอยู่ที่ท่าเรือ เดี๋ยวชั้นกำลังจะไป ส่วนสถานการณ์ทางนี้ ครูเทโอ้โทรบอกพ่อเอเลนให้ผู้ว่าการแคว้นลีกูเรียปิดสกัดถนนที่จะออกจากปอร์โตฟิโน่ทุกเส้นแล้ว ตอนนี้ส่งตำรวจน้ำมาคอยตรวจค้นเรือที่จะออกจากที่นี่ด้วย ต้องเป็นหนูที่มุดท่อไปเท่านั้นแหละถึงจะพาเซียวจ้านไปได้น่ะ!” ....นี่เขาควรจะเบาใจหรือควรจะอึ้งก่อนดี...
“แล้วก็หวังอี้ป๋อ นายอยู่ที่ท่าเรือแล้วใช่ไหม? โทรหาทีมบอสของพวกเราเดี๋ยวนี้แล้วบอกบอสว่านายมีตุ้มหูของชั้นอยู่ ทำตามที่บอก ด่วนเลย!” คะชูวางสายไป เขาไม่เข้าใจสิ่งที่เด็กนั่นบอกเขาเลย แต่ตอนนี้คงมีแต่ต้องทำตามไปก่อน มือใหญ่จึงกดโทรศัพท์ถึงเอลวิน สมิธอย่างร้อนใจ
“คะชูให้ผมบอกคุณว่าผมมีตุ้มหูของคะชูอยู่?” เขาเปิดประเด็นทันทีที่ทีมบอสเฟอร์รารี่รับโทรศัพท์
“ชั้นก็ยังว่าอยู่ว่าทำไมเด็กนั่นอยู่มันสองที่...ตอนนี้ชั้นอยู่ที่แผงควบคุมสัญญาณติดตามตัวของทุกคนในทีม...ให้นายเดินตามที่ชั้นบอก ชั้นจะพานายไปหาตำแหน่งที่เซียวจ้านอยู่” .....อ่อ...อย่างนี้นี่เอง ตุ้มหูของคะชูก็คือเครื่องส่งสัญญาณติดตามตัวนั่นเอง และถ้ามองจากจอควบคุมก็จะรู้ได้ว่าตำแหน่งของตุ้มหูนี่อยู่ห่างจากตำแหน่งที่จ้านเกออยู่แค่ไหน เขาจึงเริ่มเดินต่อไป
“ไม่ใช่ นายไปผิดทางแล้ว ต้องเดินลงมา” ทีมบอสของเฟอร์รารี่บอกเขาทางโทรศัพท์ทันที...ว่าไงนะ? ต้องเดินย้อนกลับไปงั้นเหรอ? แต่เขาว่าเขาไม่เห็นเรือนั่นตรงที่ที่เขาเดินจากมาแล้วนะ?
“ใช่ เดินลงไปอีก ราวๆสามร้อยเมตร” ขายาวรีบวิ่งตามที่เสียงในโทรศัพท์บอก เขาไม่มีเวลาลังเลแล้ว ตอนนี้มีแต่ต้องเชื่อใจคนในทีมของเจ้ากระต่ายเท่านั้น
ดวงตาคมกล้าตวัดมองหาเรือที่มีภาษาอาหรับอย่างรวดเร็ว เขาจำได้ว่ามันเป็นสปีดโบ้ทขนาดกลาง...ขนาดกลาง...
ใบหน้าหล่อเหลาชะงักค้างเมื่อมองเห็นหัวเรือลำหนึ่งกระเพื่อมขึ้นลงหลบมุมอยู่หลังโขดหิน ร่างสูงสง่ารีบเบี่ยงตัวเพื่อใช้เงามืดกำบังร่างกาย เขาค่อยๆยื่นหน้าออกไปมอง ข้างเรือมีภาษาอาหรับติดอยู่ ใช่เรือของอานัส ซัลมานจริงๆด้วย!
“เจอเรือแล้วครับ ผมจะเข้าไปดู” นิ้วยาวกดวางสายก่อนจะเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋าเสื้อสูท ดวงตาราวกับราชสีห์จ้องเหยื่อไล่มองรอบเรือลำนั้น
หนึ่ง...สอง...สาม....สี่.....ห้า....
มีการ์ดอยู่ 5 คน…
มือใหญ่คลายเนคไทลงอีกพร้อมกับปลดกระดุมเสื้อ สายตาดุดันและมืดมนไม่ได้ละจากคนพวกนั้นเลยแม้แต่วินาทีเดียว ในเรือนั่นต้องมีอะไรอยู่แน่ๆ ไม่งั้นพวกบอร์ดี้การ์ดจะยืนเฝ้าทำไม?
ร่างสูงสง่าแฝงตัวไปกับเงามืดก่อนจะตรงเข้าเล่นงานการ์ดที่ยืนอยู่ใกล้ก่อน สันมือสับลงไปบนสันคอจนหมอนั่นล้มลง แต่ก็เป็นจังหวะที่การ์ดอีกคนหันมาพอดี!
“เฮ้ย! มีคนมา!” เสียงตะโกนทำให้คนที่เหลือวิ่งกรูมาล้อมเขาไว้...หึ...เมื่อสิบปีก่อนเขาอาจจะเป็นแค่เด็กน้อยอ่อนแอที่ทำได้แค่มองตามพี่ชายที่ถูกเอาตัวไปอย่างช่วยอะไรไม่ได้เลย...แต่หวังอี้ป๋อในตอนนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว...ตั้งแต่เกิดเรื่องกับพี่ชายเขา พ่อก็จับเขาฝึกศิลปะการต่อสู้และป้องกันตัวทุกแขนง แถมส่งไปฝึกในหน่วยสงครามพิเศษที่ตัวเองคุมอยู่อีกต่างหาก! ถึงจะไม่ได้ติดยศแต่เขาก็แข็งแรงพอๆกับทหารอ่ะเอาจริงๆ
ผลั๊วะ!!
หมัดหนักๆซัดเข้าตามจุดตายบนร่างกายกำยำของการ์ดพวกนั้นและกำปั้นก็สวนเข้ามาทุกทิศทางจนเขาต้องลับประสาทสัมผัสให้คมกล้าแล้วหลบมันให้พ้น
ฟุ่บ!
เขาเล็งหาจังหวะด้วยดวงตาคมกริบก่อนจะใช้ท่อนแขนล็อคคอในชั่วพริบตา หนึ่งในพวกมันถูกเขาจับทุ่มลงไปที่พื้นหินขรุขระจนถึงกับตัวงอ
โครม!
ปลายเท้าเตะซ้ำที่ปลายคางจนอีกฝ่ายสลบเหมือด ใบหน้าหล่อเหลาที่เริ่มมีเหงื่อเกาะพราวตวัดมามองการ์ดอีก 3 คนที่เหลือ...คนพวกนี้เป็นการ์ดมืออาชีพที่ถูกฝึกมาอย่างดี เพราะงั้นพวกมันจึงไม่มีทีท่าว่าจะล่าถอยหรือเกรงกลัวแม้แต่น้อย
เขาจ้องมองรอยสักเมื่ออีกฝ่ายพับแขนเสื้อขึ้น...เป็นรอยสักแบบเดียวกันแน่ๆแล้วมันไม่ได้มีแค่คนเดียว แต่ทุกคนที่ยืนอยู่ตรงนี้มีรอยสักนี่เหมือนกัน!!
นักบิดจากทีมยามาฮ่าถึงกับตะลึงงันไปหลายวินาที...หมายความว่ายังไง?...คนพวกนี้มีรอยสักอยู่ที่แขนทุกคน ถึงตำแหน่งจะแตกต่างกันแต่มันจะอยู่บนแขนขวาทุกคน!
หรือว่า...มันจะเป็นสัญลักษณ์ขององค์กรอะไรสักอย่าง...
ผลั๊วะ!!
ความเจ็บแปลบแล่นลิ่วอยู่บนใบหน้าเมื่ออีกฝ่ายเล่นงานเขาทีเผลอ หมัดหนักๆซัดเข้าใส่มุมปากจนรู้สึกชา นัยน์ตามืดมนจึงจับจ้องไปที่คนซึ่งบังอาจชกหน้าคนอย่างหวังอี้ป๋อ อย่ามายุ่งกับหน้าหล่อๆนี่สิโว้ย!
ผลั๊วะ!!
ร่างสูงสง่าตรงเข้าจู่โจมอีกฝ่ายทันที การเคลื่อนที่ของเขาไม่มีเสียเปล่า เพราะเขาจะไม่ฟาดไปมั่วๆแต่ต้องเล่นงานตรงจุดที่ทำให้ถึงตายได้เท่านั้น ถึงเขาจะแข็งแกร่งแต่แรงของเขาก็มีจำกัด
ผลั๊วะๆๆ!
เขาไม่รู้ว่ายังมีการ์ดคนอื่นนอกจากนี้อีกหรือเปล่า ทางที่ดีควรรีบจัดการให้ไวที่สุด ท่อนขาแข็งแรงเตะเข้ากลางลำตัวจนการ์ดคนสุดท้ายหงายกระเด็นไปฟาดกับกำแพง มือใหญ่ตามไปกระชากคอเสื้อของอีกฝ่ายก่อนจะต่อยจนสลบเหมือด
“แฮ่ก...แฮ่ก...แฮ่ก...” เขายืนหอบก่อนจะยกมือเช็ดเลือดที่มุมปาก นัยน์ตาดุดันกวาดมองร่างทั้งห้าที่ล้มกองอยู่ที่พื้น พวกมันอาจจะประมาทที่เห็นตัวเขาบางๆแบบนี้แต่ทุกๆที่บนตัวเขาล้วนเป็นกล้ามเนื้อ เจ้ากระต่ายยังชอบบ่นปนอิจฉาทุกครั้งที่มีอะไรกันว่าตัวเขาแข็งเป็นรูปปั้น ไม่นิ่มย้วยเหมือนเจ้าหมีแพนด้านั่น
ผมสีน้ำตาลที่ถูกเซตมาอย่างดีบัดนี้กลับกระเซิงเล็กน้อยหลังผ่านการต่อสู้มาอย่างดุเดือด เหงื่อไหลลงมาตามขมับแต่เขาก็ไม่มีเวลาสนใจมัน ร่างสูงสง่ารีบก้าวขาขึ้นไปบนเรือที่ดูจะเงียบผิดปกติ...อานัส ซัลมาน ไม่ได้อยู่ในนี้ด้วยเหรอ? ได้ยินเสียงดังขนาดนั้นยังไม่โผล่หน้ามาดูอีก?
มือใหญ่ค่อยๆแง้มประตูห้องโดยสารของเรืออย่างระมัดระวัง ดวงตาสาดส่องไปตามช่องเปิดเล็กๆนั่น และแล้ว...เขาก็เจอตัวคนที่ตามหาอยู่จนได้!
“จ้านเกอ!” เสียงทุ้มตะโกนเรียกในขณะที่มือก็ผลักประตูเหล็กนั่นเข้าไป คนที่ถูกมัดติดกับแผงคอนโซลเรือไว้ถึงกับเงยหน้าขึ้นมามองเขาอย่างตื่นตะลึง
“อี้ป๋อ!!” เจ้ากระต่ายร้องเรียกเขาด้วยความดีใจ เขาดึงร่างโปร่งบางที่กำลังขวัญเสียมากอดเอาไว้แน่น
“ไม่เป็นไรแล้วนะ ผมมาช่วยแล้ว” เขาจูบกลุ่มผมสีดำนั่นอย่างปลอบโยน เขาไม่เคยเป็นห่วงใครจนแทบจะคลุ้มคลั่งแบบนี้มาก่อน พอเห็นว่าเจ้ากระต่ายปลอดภัยมันก็โล่งใจจนบอกไม่ถูก มือใหญ่รีบแก้เชือกที่มัดข้อมือบางเอาไว้และเมื่อมือกระต่ายเป็นอิสระได้ สองแขนบางก็เอื้อมมากอดเขาทันที
“ชั้นกลัว ถ้าคนที่เปิดประตูเข้ามาไม่ใช่นายชั้นจะทำยังไง” ตัวเจ้ากระต่ายสั่นน้อยๆจนเขาไม่รู้จะลูบปลอบขวัญยังไงจึงได้แต่กอดร่างบางให้แน่นขึ้นอีก
“ผมอยู่นี่แล้ว ไม่ต้องกลัวนะ” ฝ่ามือลูบลงไปบนแผ่นหลัง อยากจะปลอบประโลมมากกว่านี้แต่เขาจำเป็นต้องดันเจ้ากระต่ายออกไป ต้องหนีจากที่นี่ก่อน
“หมอนั่นล่ะ?” เขาถามก่อนจะมองสำรวจใบหน้าใส ตามตัวเจ้ากระต่ายไม่ได้มีร่องรอยถูกทำร้ายน่าจะพอวิ่งไหว
“ไม่รู้...หมอนั่นเอาชั้นมาทิ้งไว้ที่เรือนี่แล้วก็บอกให้ลูกน้องเฝ้าไว้ ถ้าชั้นฟังไม่ผิดหมอนั่นน่าจะกลับไปเอาเพชรที่โรงแรม...รู้สึกจะเรียกว่า...เพชรยอดมงกุฎ??” เจ้ากระต่ายหน้านิ่วคิ้วขมวดตอบเขาเท่าที่จำได้
“เพชรยอดมงกุฎ?” Diamond crown หรือเปล่า? ถ้าใช่นั่นคือชื่อองค์กรค้าเพชรรายใหญ่ที่สุดของโลกเลยนะ เขาได้ยินชื่อบ่อยเพราะแม่เขาก็เป็นลูกค้าชั้นวีไอพีของแบรนด์นี้
“ยังไงก็ออกไปจากที่นี่กันก่อนเถอะ พวกเฟอร์รารี่กำลังมา ไม่เป็นไรแล้วนะ” เขาดึงร่างโปร่งบางให้ลุกขึ้นยืน
“อื้อ”
“ว่าแต่พี่ทำอะไรอยู่เนี่ย?” เขามองคอนโซลของเรือที่ถูกรื้อจนเละเทะ สายไฟขาดกระจุยกระจายและในนี้ก็ไม่มีใครนอกจากเจ้ากระต่ายจึงไม่น่าจะเป็นฝีมือคนอื่นไปได้
“ชั้นรู้ว่าพ่อของเอเลนจะต้องสั่งปิดถนนได้แน่ๆ เพราะงั้นทางเดียวที่พวกนั้นจะพาชั้นไปจากที่นี่ได้ก็มีแค่ทางเรือเท่านั้น ชั้นเลยตัดกระแสไฟของเรือลำนี้ซะ เรือนี่แล่นไม่ได้แล้ว” .....สุดยอด สมเป็นวิศวกร เขามองเจ้ากระต่ายอย่างทึ่งๆ ถูกจับตัวมาขนาดนี้ก็ยังมีสติได้อีก และอานัส ซัลมานก็คงคาดไม่ถึงว่ามันจะมีคนแบบนี้อยู่ในโลกด้วย...เขาเองก็ต้องจำไว้ อย่าผูกกระต่ายไว้กับคอนโซลเรือ! แต่เหนือสิ่งอื่นใดคือความเชื่อใจว่ายังไงเฟอร์รารี่ก็ต้องตามมาช่วยแน่ๆ
“พี่เรียนออกแบบเรือด้วยเหรอ?” เขาถามในขณะที่มองสายไฟที่ถูกดึงออกมา มันไม่ได้ถูกดึงมั่วๆนะ มีแค่บางเส้นเท่านั้นที่เจ้ากระต่ายดึงจนขาด
“เรียน” เพื่ออะไรเนี่ยยยย?! คงไม่ได้เห็นว่าสนุกดีหรอกนะ? เขายิ้มแห้งก่อนจะหันออกไปมองรอบๆเรือ เจ้าการ์ด 5 คนที่ถูกเขาซัดจนสลบยังไม่มีทีท่าว่าจะฟื้น เขาจึงรีบจับมือเจ้ากระต่ายก่อนจะค่อยๆย่องออกไปด้วยกัน
ร่างสูงสง่าโดดลงจากกาบเรือก่อนจะใช้สองมือรับร่างโปร่งบางที่ยืนโงนเงนอยู่บนนั้นลงมา
ปรี๊นนนนนน
เสียงแตรลากยาวทำให้พวกเขาหันไปมองอย่างตกใจ แสงไฟสาดส่องมาเต็มหน้าจนมองไม่เห็นอะไร
“ไม่ใช่พวกเรา เสียงแตรไม่ใช่รถของเฟอร์รารี่” เจ้ากระต่ายกระซิบบอกเขา
บ้าเอ้ย! อย่าบอกนะว่าไอ้ชาติชั่วที่มันขโมยเมียเขาไปมันกลับมาแล้ว! มือใหญ่กำแน่นอย่างโมโห ร่างสูงแทบจะพุ่งออกไปเสียให้ได้แต่มือบางก็รีบรั้งเขาไว้ก่อน
“อี้ป๋อ! หมอนั่นมีปืน อย่าสู้” สันกรามได้แต่กัดฟันกรอด ถ้าตัวต่อตัวหรือต่อห้าตัวเขาก็ไม่มีวันแพ้หรอก แต่ถ้าอีกฝ่ายมีปืนมันก็เป็นอีกเรื่อง
มือใหญ่รีบดึงมือบางให้วิ่งหลบเข้าไปในตรอกที่อยู่แถวนั้น แสงไฟจากรถยังไล่หลังมาไม่หยุด สองขาถึงกับต้องเบรกตาตั้งเมื่อปลายตรอกข้างหน้าก็มีแสงไฟสว่างจ้าของรถอีกคันมาดักไว้ เขารีบดึงเจ้ากระต่ายเลี้ยวเข้าไปในซอยที่ตัดกัน นี่มันฉากไล่ล่าในหนังมาเฟียบ้าอะไรกันวะ?! เขากับเจ้ากระต่ายก็เป็นแค่นักแข่งรถกับวิศวกรไหม???
เขาพาเจ้ากระต่ายวิ่งทะลุไปอีกสองตรอก ถนนของที่นี่ไม่ได้ซับซ้อนจนพวกมันเดาทางไม่ได้ เพราะงั้นต่อให้พวกเขาจะวิ่งไปทางไหนพวกมันก็มาดักไว้ได้หมด บ้าเอ้ย!
ดวงตาคมกล้าที่หูตาไวกว่าคนทั่วไปมองเห็นร้านซ่อมมอเตอร์ไซค์ที่ไม่ได้ปิดมิดชิดนักจึงรีบดึงดีไซน์เนอร์ของเฟอร์รารี่เข้าไปหลบในนั้น
“แฮ่ก...แฮ่ก...แฮ่ก....” เจ้ากระต่ายที่ถูกเหวี่ยงไปนั่งอยู่หลังตู้ถึงกับหอบจนตัวโยน เขาจึงลูบหน้าลูบตาของอีกฝ่ายอย่างเป็นห่วง จ้านเกอไม่ได้แข็งแรงเหมือนเขาให้วิ่งมากกว่านี้คงไม่ไหวแน่ แต่เขาก็ไม่คิดจะหลบอยู่ที่นี่นานนักเพราะไอ้พวกนั้นก็คงรู้ว่าพวกเขาหายตัวไปในตรอกนี้ อีกไม่นานมันคงมาไล่หาไปทีละห้องแล้วก็จะเจอพวกเขาในที่สุด
เขากวาดตามองไปรอบๆร้านซ่อมมอเตอร์ไซค์อย่างพยายามหาทางหนีทีไล่...ในนี้มีมอเตอร์ไซค์วิบากจอดซ่อมอยู่คันหนึ่ง...
นักบิดจากทีมยามาฮ่าเดินไปสำรวจรถนั่นใกล้ๆ ดูเหมือนมันจะซ่อมเรียบร้อยแล้วนะ? จากที่เขาดูด้วยสายตามันน่าจะพอวิ่งได้ ใบหน้าหล่อเหลาจึงมองหาสายไฟที่ตกอยู่แถวนั้นก่อนจะหยิบมันขึ้นมาดัดโค้งเป็นตัวยู
เจ้ากระต่ายเองก็มองตามเขาตาไม่กระพริบราวกับรู้ว่าเขาจะทำอะไร มือใหญ่ดึงแจ็คตรงกล่องเสียบกุญแจออก สายไฟสีแดงกับสีน้ำเงินขดอยู่ในนั้น เขาจึงใช้สายไฟที่เตรียมไว้เสียบต่อสายไฟสองเส้นนั่นที่แจ็คด้านล่าง...เพราะเขาไม่มีกุญแจ เขาเลยต้องต่อสายตรงเพื่อที่จะสตาร์ทรถ!
บรื้นนน!
มือใหญ่บิดคันเร่งหลังจากที่ฝ่าเท้าเหยียบคันสตาร์ท ร่างสูงสง่าก้าวคร่อมมอเตอร์ไซค์วิบากอย่างพร้อมที่จะออกไปลุยแล้ว!
“ขอยืมรถไปใช้ก่อนนะครับ ติดต่อพวกเราได้ที่เบอร์ XX – XXX - XXXX”
เขาหันไปมองเจ้ากระต่ายคนดีที่กำลังแปะกระดาษโน้ตไว้ที่เสา
“อย่าเที่ยวไปแจกเบอร์พร่ำเพื่อสิ คราวหลังก็ให้เบอร์ผมไว้” เขาดึงให้เจ้ากระต่ายนั่งซ้อนลงมาข้างหลัง
“ไม่ต้องห่วงหรอก นั่นไม่ใช่เบอร์ชั้น แต่เป็นเบอร์ของบอสต่างหาก”
“......” ถึงว่าสิ เจ้ากระต่ายจำเบอร์ตัวเองได้ซะที่ไหน มีแต่เบอร์ทีมบอสนี่แหละที่จำได้ขึ้นใจเพราะไม่ว่าจะเรื่องขี้หมูขี้หมาอะไรก็ให้โทรหาบอสหมด….บางครั้งเขาก็แอบสงสารเอลวิน สมิธเหมือนกันแหะ...
“แล้วนี่เราจะไปไหน?” ท่อนแขนบางกอดเอวเขาอย่างรู้หน้าที่ก่อนจะถามออกมา
“...ไปหาCEOของพี่ แต่ก่อนอื่นต้องสลัดไอ้พวกนั้นให้ได้ก่อน” มือใหญ่เบิ้ลคันเร่ง ดวงตาที่จ้องไปข้างหน้านั้นดุดันราวกับจ้าวแห่งพงไพร มอเตอร์ไซค์วิบากทะยานออกจากร้านซ่อมรถราวกับอยู่ในหนังบู๊ล้างผลาญก็ไม่ปาน...เขาอยากจะย้ำอีกที นี่พวกเรายังอ่านนิยายแข่งรถกันอยู่ใช่ไหม?
สายลมราวกับสลาตันพัดผ่านใบหน้า เสียงของเจ้านี่ไม่ได้สุขุมทุ้มต่ำเหมือนมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบต์ แต่เขากลับคิดว่าเจ้านี่เหมาะกับสถานการณ์แบบนี้ดีที่สุด!
มือใหญ่บิดคันเร่งจนเสียงแหลมดังก้องไปทั่วถนน มอเตอร์ไซค์วิบากสีเขียววิ่งราวกับพายุไปตามทางที่คดเคี้ยว รถยนต์สองคันวิ่งตัดผ่านซอกซอยมาเพื่อตามล่าพวกเขาต่อ พวกมันยังไม่ละความพยายามที่จะเอาตัวเจ้ากระต่ายไปจากเขา หึ! ฝันไปเถอะ!
“แลมโบกินี่ รถที่ไล่เราอยู่เป็นแลมโบกินี่” เจ้ากระต่ายหันไปมองก่อนจะตะโกนบอกเขา บ้าเอ้ย! เล่นเอาซุปเปอร์คาร์มาไล่เชียวเร๊อะ! ถึงว่า สลัดไม่หลุดสักที
เขาถูกไล่ต้อนให้เข้าไปในตรอกแห่งหนึ่งซึ่งแคบมากจนรถแทบจะต้องขับเรียงหนึ่ง นัยน์ตาคมกล้ามองตรอกนี่อย่างประมวลผล ถึงเขาจะรู้เรื่องเครื่องยนต์กลไกน้อยกว่าเจ้ากระต่าย แต่ถ้าเป็นเรื่องในสนามแข่งเขามั่นใจว่าเขาวิเคราะห์ได้ดีไม่แพ้ใครหรอก และตรอกแคบๆที่ขึ้นเนินลงเนินนี่ก็จะทำให้พวกเขารอด!
ใบหน้าหล่อเหลาเหลือบมองลงไปที่เจ้ามอเตอร์ไซค์สีเขียวที่แทบจะไม่มีอะไรเลยนอกจากโครงเหล็กของตัวรถ โชคดีที่เจ้านี่เป็นมอเตอร์ไซค์วิบาก เพราะหากมันเป็นบิ๊กไบต์ละก็มันคงทำแบบนี้ไม่ได้!
จู่ๆเขาก็ลดความเร็วลงในชั่วพริบตา ขาข้างหนึ่งยันพื้นไว้ก่อนจะหมุนมอเตอร์ไซค์ทั้งคันให้หันหน้ากลับมาเผชิญกับรถที่กำลังไล่ล่าพวกเขา!
บรื้นๆๆ
มือใหญ่บิดเบิ้ลเครื่องก่อนที่ดวงตาดุดันจะจ้องเขม็งเข้าไปในแสงไฟคู่นั้น แลมโบกีนี่ทั้งสองคันใกล้เข้ามาเต็มทีและตอนนี้หัวใจของเขาก็เต้นระรัวยิ่งกว่ากลองศึก ท่อนแขนผอมบางที่กอดเอวเขาอยู่ทำให้เขารู้ว่าถึงจะต้องเสี่ยงแค่ไหนแต่เขาจะต้องรอดไปให้ได้!
“จ้านเกอ...” เสียงทุ้มเรียกคนที่ซ้อนอยู่ข้างหลัง
“เชื่อใจผม แล้วกอดผมให้แน่นๆ” ไม่มีครั้งไหนที่เสียงของเขาจะมั่นคงและหนักแน่นเท่าครั้งนี้อีกแล้ว
เขาสัมผัสได้ถึงท่อนแขนที่กอดกระชับเอวเขามากกว่าเดิมรวมถึงใบหน้าที่ซบลงมาบนแผ่นหลัง
“อื้อ ชั้นเชื่อใจนาย” เสียงนุ่มนวลทำให้เขายิ้มน้อยๆออกมาจนได้
และทันทีที่แลมโบกินี่สองคันนั้นวิ่งเข้ามาในระยะที่เขาคำนวณเอาไว้ มือใหญ่ก็ปล่อยคลัช มอเตอร์ไซค์วิบากพุ่งออกไปราวกับจรวด พวกเขาพุ่งเข้าใส่แสงไฟที่สาดส่องมาเต็มหน้า ใครเห็นก็คงคิดว่าเขาบ้าบิ่นหาที่ตายแต่เขากลับไม่ลังเลเลยที่จะทำแบบนี้
เอี๊ยด!!
ชั่ววินาทีที่กำลังจะประสานงา เจ้ามอเตอร์ไซค์วิบากกลับเหินขึ้นเนินแล้วยกล้อหน้ากระโดดขึ้นไปบนฝากระโปรงรถที่แข็งแรงของแลมโบกีนี่คันแรก มือใหญ่บิดคันเร่งต่อไปจนรถเจ้ามอเตอร์ไซค์สีเขียวพุ่งทะยานผ่านอากาศข้ามขึ้นไปบนหลังคา ถ้าเป็นคนอื่นก็คงหัวใจวายตายไปแล้วแต่ไม่ใช่กับคนที่มีหัวจิตหัวใจเฉกเช่นนักแข่งรถเหมือนเขา!
บรื้น!
เจ้ามอเตอร์ไซค์วิบากยังคงพุ่งต่อไปข้างหน้า มันกระโดดข้ามผ่านหลังคารถสองคันได้อย่างง่ายดายเพราะถูกสร้างขึ้นมาเพื่อการนี้อยู่แล้ว เขาถึงได้บอกว่ามันพอเหมาะพอดีมากที่เขามาเจอเจ้านี่เข้า!
โครม!
เสียงปะทะกับพื้นดังก้องเมื่อเจ้ามอเตอร์ไซค์วิบากกระโดดลงมาจากหลังคารถแต่ว่าโช๊คที่ดีกว่ามอเตอร์ไซค์ทั่วไปก็ทำให้มันทรงตัวอยู่ได้ไม่ล้มลง เจ้ามอเตอร์ไซค์สีเขียวยังวิ่งต่อได้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขาไม่รอช้ารีบบิดตรงไปข้างหน้าจนออกห่างจากรถที่ไล่ล่าเขาได้ในที่สุด
เอี๊ยดดดด!!
เสียงเบรกดังสนั่นอยู่ข้างหลัง แต่ตรอกนี้ก็แคบเกินกว่าที่แลมโบกินี่คันใหญ่พวกนั้นจะกลับรถได้ พวกมันจำเป็นต้องขับตรงไปเพื่อหาที่กลับรถซึ่ง...ไม่มี
เขาสลัดพวกนั้นหลุดจนได้…
ใบหน้าหล่อเหลาหันไปมองผลงานของตัวเอง เขาพอจะหายใจหายคอได้ทั่วท้องหน่อย มือใหญ่ละทิ้งแฮนด์มอเตอร์ไซค์ข้างหนึ่งก่อนจะวางลงไปบนมือบางที่ยังกอดเอวเขาแน่น เขาเชื่อว่าเจ้ากระต่ายคงจะหลับตาปี๋อยู่ในตอนนี้
“จ้านเกอ...ไม่เป็นไรแล้ว...” ใบหน้าที่ซบอยู่บนแผ่นหลังพยักหน้าหงึกๆ หัวใจที่เต้นระรัวของเจ้ากระต่ายแผ่นหลังของเขาก็รับรู้ได้เช่นกัน
“ขอโทษที่ทำให้กลัวนะ” เสียงทุ้มเอ่ยออกไป ในใจเขาเหมือนถูกเข็มเล่มเล็กๆทิ่มแทงเมื่อรับรู้ถึงอ้อมแขนที่สั่นน้อยๆของคนที่เขารัก
“ไม่หรอก...นี่มันไม่น่ากลัวเท่าการที่ชั้นจะไม่ได้เห็นหน้านายอีก...ตอนที่ถูกขังอยู่บนเรือ...ชั้นกลัวมากกว่านี้อีก” เสียงนุ่มที่เขาได้ยินนั้นมันมีอานุภาพ มันทำให้เข็มเล่มเล็กๆที่ปักหัวใจของเขาคลี่คลายออกไปจนหมด
“ผมสัญญา ว่าผมจะปกป้องพี่ จะตามหาพี่จนเจอไม่ว่าพี่จะหายไปที่ไหนก็ตาม” เจ้ากระต่ายซบลงมาบนแผ่นหลังของเขาอย่างอ้อนๆก่อนที่เขาจะอมยิ้มอย่างเอ็นดู
สายลมปะทะใบหน้าจนเส้นผมโบกพลิ้ว เขาลดความเร็วจนพอจะมองเห็นทิวทัศน์ยามค่ำคืนของอ่าวริมทะเล ช่วงเวลาที่อันตรายและต้องหนีเอาตัวรอดแบบนี้เขาจึงรู้ว่าอ้อมแขนที่กอดเอวเขาอยู่นั้นมันสำคัญขนาดไหน เขาสูญเสียมันไปไม่ได้ ยอมแม้แต่จะต้องเอาชีวิตตัวเองไปเสี่ยงเพื่อปกป้องอ้อมแขนนี้ไว้
มอเตอร์ไซค์คันนั้นวิ่งเลาะริมทะเลต่อไป ถึงแม้รอบกายจะมืดมิดแต่ก็ยังคงมีเสียงคลื่นและพระจันทร์ส่องสว่างให้เห็นปลายทาง ถึงแม้จะอันตรายแต่มันก็ยังสวยงาม
แต่แล้วจู่ๆบรรยากาศที่เริ่มสงบก็ถูกก่อกวนอีกครั้ง เสียงแลมโบกินี่ที่คุ้นหูตามมาหลอกหลอนจนประสาทสัมผัสของเขาถึงกับตื่นเกร็งขึ้นมาทันที จู่ๆแสงไฟพวกนั้นก็มาปรากฏอยู่ตรงหน้าเขา!
เป็นไปไม่ได้...พวกมันไม่น่าจะหาทางมาดักหน้าเขาได้อีก!
นอกเสียจากว่า...มันจะมีกำลังเสริม?!
บ้าเอ้ย! เขาถึงกับสบถในใจ
แล้วชั่ววินาทีที่ไม่รู้จะทำยังไง แลมโบกีนี่สองคันนั้นก็วิ่งผ่านเขาไป...
หื๋อ???
เขาถึงกับจอดมอเตอร์ไซค์แล้วหันไปมองพวกมันอย่างสงสัย แลมโบกินี่ที่ตามมาทีหลังนี่ไม่สนใจพวกเขาเลย? หรือจะไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องนี้? เขาได้แต่เก็บความคำถามเอาไว้เพราะตอนนี้เหมือนตัวช่วยของพวกเขาจะมาแล้ว
เสียงทุ้มต่ำของม้าลำพองที่คุ้นเคยดังใกล้เข้ามา แสงไฟกระพริบใส่ทำให้เขากับเจ้ากระต่ายทิ้งเจ้ามอเตอร์ไซค์วิบากเพื่อนยากไว้ตรงนั้น สักวันเขาจะมาซื้อต่อเก็บเข้าคอลเลคชั่นรถหล่อๆของเขาก็แล้วกัน
“พวกนายไม่เป็นไรนะ?!” คะชู คิโยมิตสึทักขึ้นทันทีที่เขาเปิดประตูรถ
“ก็เกือบไป” เสียงทุ้มบอกอย่างจริงใจ ร่างสูงสง่าก้าวขาเข้าไปนั่งที่เบาะข้างคนขับ Ferrari Roma ของคะชูมีแค่สองที่นั่งเพราะงั้นท่อนแขนแข็งแรงจึงรั้งตัวเจ้ากระต่ายให้นั่งลงมาบนตัก
“ไปละนะ!” เจ้ารถสีแดงพุ่งทะยานออกไปทันที ถึงจะมีกันสามคนแล้วแต่ก็ยังอันตรายอยู่ดีเพราะพวกเขาไม่มีปืน
“พวกวองโกเล่รู้แล้ว ขอแค่กลับไปให้ถึงเขตของพวกนั้นเราก็จะปลอดภัย นายโอเคใช่ไหมจ้านจ้าน? บ้าจริง! ใครจะไปคิดว่าจะมีคนกล้าล้วงคองูเห่า เจ้าครูเทโอ้โกรธจนแทบจะพ่นไฟได้อยู่แล้วเนี่ยตอนนี้ ไอ้พ่อค้าเพชรนั่นขึ้นแบล็กลิสแน่!” คะชู คิโยมิตสึแสยะยิ้มร้าย สายตาดุจเสือชีต้าจ้องมองไปในความมืด เขารู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาได้หน่อย เขารู้ว่าไว้ใจคะชูได้ว่าจะพาพวกเขาหนีรอด เจ้าเด็กนี่เหยียบมัน 320 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเต็มแมกซ์ ต่อให้คนไล่ล่าพวกเขาเป็นแลมโบกินี่ที่มี Top Speedเท่าๆกันแต่ก็ใช่ว่าใครๆจะกล้าเหยียบขนาดนี้ในถนนที่มืดและคดเคี้ยว! หัวจิตหัวใจต้องไม่ธรรมดาอ่ะบอกเลย
“ชั้นโอเค...เกือบจะไม่ได้กลับมาหานายแล้ว ฮืออออ” เจ้ากระต่ายที่นั่งอยู่บนตักเขาเริ่มเบะปาก
“ไม่ร้องน่า เดี๋ยวไม่สวยน้า” มือที่ทาเล็บสีแดงนั่นยังอุตส่าห์เอื้อมมาขยี้หัวเจ้ากระต่ายได้อีก...ตกลงใครเป็นพี่ใครเป็นน้องกันแน่เนี่ย? เขามองภาพตรงหน้าอย่างเบาใจ
“ไม่กลับไปหา CEOของนายเหรอ?” เขาถามเมื่อเห็นว่าคะชูกำลังขับรถออกนอกเมือง
“ปล่อยให้เจ้าปีศาจนั่นเป็นตัวล่ออยู่ปอร์โตฟิโน่ไป ไอ้พวกนั้นก็คงคิดเหมือนนายนี่แหละ เพราะงั้นเราจะไปอีกทาง เราจะกลับมาราเนลโล่กัน” คะชูตอบเขา เด็กนั่นดูเหมือนจะสื่อสารกับใครสักคนผ่านหูฟังไร้สายอยู่ตลอดเวลา
เจ้ารถสีแดงยังวิ่งฝ่าความมืดต่อไป สองแขนกอดเจ้ากระต่ายที่นั่งอยู่บนตักอย่างหวงแหน ทั้งปลอบใจตัวเองที่ได้คนสำคัญกลับคืนมาและปลอบโยนคนที่กำลังขวัญเสีย เจ้ากระต่ายเอี้ยวตัวมากอดคอเขาไว้ ใบหน้าที่เหนื่อยล้าของเขาจึงได้พักอยู่บนแผ่นอกบาง...น่าแปลกที่ตอนนี้หัวใจของพวกเราต่างเรียกร้องหากันไม่หยุด ช่วงเวลาที่ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายอยู่ที่ไหนมันน่ากลัวจริงๆ
ด่านที่ตั้งสกัดไว้เปิดไฟเขียวทันทีที่รถของคะชูวิ่งเข้าไป น่าจะมีคนบงการจากที่ไหนสักที่และคนคนนั้นก็รู้ตำแหน่งของพวกเขาดี...ไม่ต้องบอกก็รู้เลยว่าใคร การทำงานเหมือนทีมเอฟวันขนาดนี้
Ferrari Roma ขับด้วยอัตราเร็วสูงสุดต่อไปอีกสักระยะ ก่อนที่จู่ๆมันจะผ่อนความเร็วลงอย่างเห็นได้ชัดเหมือนคนที่วิ่งเข้าเส้นชัยแล้ว
เจ้ารถสีแดงวิ่งผ่านรถสีดำสามสี่คันที่รอรับอยู่...พวกเขาปลอดภัยแล้วสินะ...
คะชูพาพวกเขาไปส่งยังตึกสีอิฐแห่งหนึ่งในมาราเนลโล่ การกลับบ้านของเจ้ากระต่ายยังอันตรายเกินไปสำหรับคืนนี้ ซึ่งเขามารู้ทีหลังว่าที่นี่คือตึกบัญชาการของหน่วยสังหารแห่งวองโกเล่ มาเฟียที่น่ากลัวที่สุดในอิตาลี
“พวกนายพักอยู่ที่นี่ไปก่อนจนกว่าวองโกเล่เดซิโม่จะหาตัวอานัส ซัลมานเจอ ถึงชั้นจะไม่รู้จักผู้ชายคนนั้นแต่มันก็น่าแปลกใจมากที่หมอนั่นกล้าทำเรื่องแบบนี้ในอิตาลี...ทำอย่างกับว่าจากนี้ไปจะไม่ออกมาเจอผู้คนอีกแล้วงั้นแหละถึงได้กล้ามาขโมยคนของเรา” ทีมบอสของเฟอร์รารี่มารอเขาอยู่ที่ตึกสีอิฐหลังนี้อยู่ก่อนแล้ว ร่างสูงใหญ่ตรวจสอบความเรียบร้อยก่อนจะปล่อยให้พวกเขาได้พักผ่อนอยู่ในห้องรับรองแขกห้องหนึ่ง เขาไม่รู้เลยว่าสถานการณ์ข้างนอกกำลังวุ่นวายใหญ่โตแค่ไหน
ร่างสูงสง่านั่งเหม่ออยู่บนโซฟาโดยมีเจ้ากระต่ายนอนขดตัวหนุนหัวอยู่บนหน้าตัก จริงๆในห้องนี้มีเตียงหลังใหญ่แต่เขาก็รู้สึกหลับไม่ลงยังไงก็ไม่รู้ ในหัวยังคงนึกถึงคำพูดของเอลวิน สมิธเมื่อครู่...เขากลับไม่แปลกใจเลย...ก็ขนาดกล้าไปลักพาตัวคนของตระกูลหวังถึงในจีนแผ่นดินใหญ่ จะกล้าท้าทายมาเฟียอิตาลีก็คงไม่แปลก
เห็นที...เบื้องหลังของชายชาวตะวันออกกลางคนนั้นก็คงจะไม่ธรรมดา ถึงได้กล้าทำเรื่องไม่สนกฎหมาย ไม่สนแม้แต่อิทธิพลเถื่อนใดๆทั้งสิ้น
มือใหญ่ลูบรอยแดงที่ถูกทิ้งไว้บนข้อมือของเจ้ากระต่าย แค่คิดว่าข้อมือที่เขาทะนุถนอมมาอย่างดีนี้ถูกใครก็ไม่รู้ใช้เชือกมัดเขาก็โมโหจนแทบจะทนไม่ไหว เจ้ากระต่ายเล่าให้ฟังว่าถูกไอ้พวกนั้นดักรออยู่หน้าห้องน้ำ ถูกปิดปาก ถูกมัดมือไว้ ถูกอุ้มใส่รถ ก่อนจะเอาไปขังไว้ในเรือเพื่อเตรียมหนีออกนอกประเทศ ถ้าไอ้ชั่วนั่นไม่ต้องไปเอาเพชรที่เก็บไว้ในเซฟของโรงแรม ป่านนี้ก็คงพาเจ้ากระต่ายหนีไปถึงไหนต่อไหนแล้ว
“พี่จำรอยสักที่อยู่บนแขนของบอร์ดี้การ์ดพวกนั้นได้ไหม?” เสียงทุ้มเอ่ยถามเจ้ากระต่ายที่ยังนอนซุกตัวอยู่ข้างๆ
“......พอจะจำได้ มีอะไรเหรอ?” ใบหน้ามนเงยมองเขา แสดงว่าเจ้ากระต่ายก็สังเกตเห็นรอยสักนั่นเหมือนกัน
“คนที่มีรอยสักพวกนั้นคือคนที่จับตัวพี่ชายผมไป” นักออกแบบรถของเฟอร์รารี่ทำหน้าอึ้งๆเพราะเพิ่งรู้ว่าคู่กรณีของหวังอี้ป๋อคือ อานัส ซัลมาน ไม่น่าเชื่อว่าโลกมันจะกลมขนาดนี้ สิบปีก่อนจับตัวพี่ชายไป สิบปีให้หลังก็ยังจะมาจับตัวคนรักไปอีก
จู่ๆเจ้ากระต่ายก็เด้งจากโซฟาก่อนจะหยิบกระดาษโน้ตแถวนั้นมาสเก็ตรูปๆหนึ่ง รูปที่ติดอยู่ในหัวของเขามานานแสนนาน...รูปรอยสักนั่น
จริงอยู่ที่เขาเคยบอกตำรวจไป แต่ก็ไม่เคยมีใครสเก็ตได้ใกล้เคียงแบบนี้มาก่อน
“ตามหาคนที่มีรอยสักนี่ อาจจะได้เบาะแสของพี่ชายนาย? แล้วถ้ากวาดล้างพวกมันได้ ชั้นเองก็จะปลอดภัย?” เจ้ากระต่ายชูภาพนั้นก่อนจะทำหน้าจริงจัง
“เห๋~~ ได้ยินว่าใครจะตามหาใคร? กำลังทำเรื่องร้ายๆอะไรกันอยู่สินะ? อารมณ์ดีขึ้นแล้วละสิ?” คะชู คิโยมิตสึเดินผ่านมาพอดี ร่างเพรียวลมนั่นจึงแวะเข้ามา
“ยังไม่กลับเหรอคิโยมิตสึ? ดึกแล้วนะ” เจ้ากระต่ายทักอีกฝ่ายอย่างเป็นห่วง พาพวกเขาหนีแถมยังขับรถกลับมาถึงนี่คงเหนื่อยน่าดู
“ดึกที่ไหนล่ะ จะเช้าแล้ว! นายไม่ต้องห่วงหรอกบ้านชั้นอยู่ตึกฝั่งตรงข้ามนี่เอง!” เจ้ากระต่ายยิ้มแห้งอย่างเห็นใจเมื่อได้ฟัง...ต้องอยู่ในสายตาตลอดสินะถึงไม่ยอมให้ย้ายอพาทเม้นต์ไปอยู่ที่อื่น…
“นี่รูปอะไร?” ใบหน้าสวยเปรี้ยวชะโงกมาดูรูปที่จ้านเกอสเก็ตไว้ เสียงทุ้มจึงเอ่ยตอบไป
“เป็นรูปรอยสักของคนที่ลักพาตัวพี่ชายชั้นไปเมื่อสิบปีก่อน แล้วพวกบอร์ดี้การ์ดของอานัส ซัลมานก็มีรอยสักนี้กันทุกคน พวกเราเลยอยากรู้ว่าเรื่องนี้จะเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของพี่ชายชั้นไหม” คะชูมองๆก่อนจะลูบคางอย่างครุ่นคิด
“อืม...ชั้นรู้จักคนที่จะช่วยนายสืบได้นะ ว่าคนที่ลักพาตัวพี่นายไปอยู่ในคนกลุ่มนี้หรือเปล่า” เขามองนักขับสำรองของม้าลำพองอย่างไม่แน่ใจเพราะที่บ้านของเขาเองก็หามาตลอดสิบปีแต่ไม่มีประโยชน์อะไรเลย อีกฝ่ายจึงยิ้มมุมปากอย่างมั่นใจ ไหล่บางยักน้อยๆ
“ก็ขนาดชั้นหนีไปทั่วโลก หมอนั่นยังตามหาชั้นเจอเลย แค่นี้น่ะ สบายๆ” ปลายนิ้วที่ทาเล็บสีแดงคีบกระดาษที่มีรูปรอยสักไปก่อนจะโบกมือให้ เขามองตามแผ่นหลังของคะชูก่อนจะหันไปหาเจ้ากระต่ายเพราะต้องการคำอธิบาย
“ที่ชั้นเคยบอกนายว่านักขับของเราสองคนเป็นแฟนกับพวกระดับสูงของวองโกเล่ หนึ่งในนั้นก็คือคะชู คิโยมิตสึนี่แหละ แฟนของเจ้าเด็กนั่นเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งหัวหน้าหน่วยพิรุณหรือหน่วยสังหารของวองโกเล่” เขามองหน้าเจ้ากระต่ายอย่างอึ้งๆ เจ้าเด็กแสบนั่นน่ะเหรอมีแฟนเป็นมาเฟีย?
“คะชูเคยหนีออกจากบ้านที่ญี่ปุ่น หนีไปแข่งรถอยู่ทั่วโลกเลย แต่แฟนของเด็กนั่นก็ตามล่าจนเจอตลอดทำให้แข่งที่ไหนได้ไม่นาน เป็นพวก...ยอมฆ่าให้ตายดีกว่าปล่อยให้นายไปเป็นของคนอื่น...แล้วก็จมูกดียิ่งกว่าหมาล่าเนื้อเสียอีก เพราะงั้นถ้าเป็นเรื่องตามหาคนหรือแม้แต่ศพ หมอนั่นก็จะหาจนกว่าจะเจอ” เขามองไปตรงที่ที่เจ้าเด็กแสบนั่นเคยยืน...รู้สึกน่าเห็นใจเหมือนกันแหะ เด็กนั่นออกจะเปรียวเหมือนแมวขนาดนี้แต่ดันมีคนรักเป็นพวกยันเดเระ ไปตกอิท่าไหนถึงได้คนอันตรายพรรณนั้นมาเนี่ย?
กว่าพวกเขาจะได้กลับบ้านก็ผ่านไปหนึ่งวันกับอีกหนึ่งคืนเมื่อมีการยืนยันแล้วว่า อานัส ซัลมานหนีออกนอกอิตาลีไปได้โดยใช้เจ็ทส่วนตัวบินจากสนามบินในเมืองนีซของฝรั่งเศส
ก่อนจะหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยในตะวันออกกลาง...
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
To be con.
ตัวร้ายต้องเก็บไว้ใช้งานนานๆหน่อย ถถถ
เผื่อใครสงสัยว่ามอเตอร์ไซค์วิบากเป็นยังไง เรามีคลิปให้ดูอีกแล้วค่ะ 5555+
เหมือนเค้าจะแบ่งเป็น MOTOCROSS กับ SUPERCROSS อ่ะนะคุณกวางไม่แน่ใจ MOTOCROSS แข่งในสนามเปิดสนามตามธรรมชาติป่าเขาลำเนาไพร ส่วน SUPERCROSS แข่งในสนามปิดอ่ะค่ะ ไหนๆป๋อตี้ก็เป็นพรีเซ็นเตอร์ Monster Energy แล้วแอบแปะรายการแข่งมอไซค์วิบาก MONSTER ENERGY SUPERCROSS ให้ดูด้วย มันโดดได้จริงๆนะเออ >/////<
ในงานปีใหม่ช่องหูหนานที่พ่อเต้นในสายน้ำจากนั้นก็ไปขี่มอเตอร์ไซค์ คันนั้นแหละค่ะมอเตอร์ไซค์วิบาก ก็เลยคิดว่าอย่างพ่ออ่ะน่าจะขี่ได้แน่ๆ =////= เท่ห์เนอะ แฟนใครเนี่ย~
วันก่อนดู OPV ป๋อจ้านแล้วเจอเพลงนี้เข้าค่ะ ชอบอ่ะ =////= ฟังแล้วนึกถึงฉากที่หนีรอดมาได้แล้วทั้งคู่ขี่มอเตอร์ไซค์ไปตามริมอ่าว =/////= แอบเก็บไว้ฟังตอนแต่งคู่ของคะชูด้วย รู้สึกเข้ากับแฟนนางมาก555 (ภาคคะชูยังแต่งไม่จบถถถ โหดสุดในสี่ภาค TvT ของป๋อจ้านนี่เบาสุด ขำๆหวานๆเว่อร์วังกันไป >////< )
แล้วก็ ขอบคุณทุกๆการติดตามและทุกๆคอมเม้นต์มากๆๆนะคะ อ่านเม้นต์แล้วก็ลงไปดิ้นด้วยความดีใจ555+ แล้วเจอกันตอนหน้าน้า
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น