ป๋อจ้าน Au.Fic [หวังอี้ป๋อ x เซียวจ้าน] GLIDE : 2x4 It’s me : 12


ป๋อจ้าน Au.Fic [หวังอี้ป๋อ x เซียวจ้าน]  GLIDE : 2x4 It’s me : 12

: ป๋อจ้าน Fanfiction Au
: หวังอี้ป๋อ x เซียวจ้าน
: Romantic
: NC-17


คำเตือน : เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ
           : เนื้อเรื่องต่อไปนี้เป็นเพียงจินตนาการของผู้เขียน ไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นจริงนะคะ
           : ข้อมูลจะไม่แน่นเท่า GLIDE ภาคก่อนๆนะคะ เพราะภาคนี้ข้ามมา 2 ล้อ ตรูขี้เกียจหาข้อมูลฝั่ง Moto GP โฟ้ยยยย // โดนตบด้วยหมวกกันน็อค







จากหมู่บ้านมานาโรล่าของชิงเคว เทเรใช้เวลาเพียงชั่วโมงครึ่งก็ถึงปอร์โตฟิโน่แล้ว

ปอร์โตฟิโน่เป็นเมืองท่าขนาดเล็ก แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังใหญ่กว่าหมู่บ้านในชิงเคว เทเร ดูจากเรือที่จอดอยู่รอบๆอ่าวที่มีจำนวนมากกว่าและมีตั้งแต่เรือพาย เรือยนต์ ไปจนถึงสปีดโบ้ท มีกระทั่งเรือยอร์ชขนาดเล็กไปจนถึงขนาดกลาง เพราะนอกจากจะเป็นหมู่บ้านชาวประมงในอดีตแล้ว ปอร์โตฟิโน่ยังเป็นเมืองตากอากาศของพวกเศรษฐีมีอันจะกินอีกด้วย

บ้านแถวสีพาสเทลที่เรียงรายรอบอ่าวของที่นี่มีความคล้ายคลึงกับหมู่บ้านทั้ง5ของชิงเคว เทเรพอสมควร เพียงแต่ปอร์โตฟิโน่ยังพอมีพื้นราบมากกว่าและภูเขาก็ไม่ได้สูงชันจนบ้านเรือนต้องเบียดเสียดกันเป็นกระจุกเล็กๆ วิลล่าหรือบ้านเดี่ยวสไตล์อิตาลีแท้ๆจึงกระจายตัวกันอยู่ทั่วภูเขาลดหลั่นกันไปเกิดเป็นภาพที่สวยงามไม่แพ้ที่ไหนในอิตาลีเลย

ถึงปอร์โตฟิโน่จะไม่ใช่เมืองที่ใหญ่มากนักแต่กลับมีโรงแรมระดับไฮเอนอยู่มากมาย โรงแรมส่วนใหญ่เป็นแบบวิลล่าซึ่งห้องพักจะแยกออกเป็นบ้านเป็นหลังๆ

และคืนนี้โรงแรมหนึ่งซึ่งครอบคลุมพื้นที่กว่าครึ่งของแหลมที่ยื่นล้ำออกไปในทะเลก็ถูกเหมาเอาไว้หมดแล้วด้วยชื่อของค่ายรถยักษ์ใหญ่แห่งอิตาลี ป้ายที่มีโลโก้ม้าลำพองถูกติดไว้หน้าวิลล่าทุกห้อง

วิลล่าหลังปลายสุดมีแสงไฟสลัวๆลอดออกมาบ่งบอกว่ามีหนึ่งในสมาชิกระดับสูงของเฟอร์รารี่เข้าพักแล้ว...และเสียงครางก็กำลังดังแว่วหวานอยู่ในนั้น

อะ อี้ป๋อ...เบาๆ...อื้อ~ อะ อ้า~~”  ท่อนแขนบางกางกั้นอยู่บนเตียง ฝ่ามือเล็กขย๋ำผ้าปูที่นอนจนยับย่นเพื่อระบายความเสียวกระสันรัญจวนใจที่วูบไหวไปทั่วหน้าท้อง อีกทางหนึ่งก็เพื่อจับยึดเป็นที่พึ่งไม่ให้กายบางปลิดปลิวไปตามแรงกระแทกไม่ยั้งด้วยพลังที่ยังหนุ่มแน่นของอีกฝ่าย ตอนนี้ดีไซน์เนอร์มือหนึ่งของเฟอร์รารี่แทบจะขาดใจเสียให้ได้ ทั้งร่างกายทั้งสะโพกโยกคลอนไปตามแรงที่ใส่มาถี่ยิบ จริงอยู่ที่เหนื่อยแทบตายแต่มันก็ถึงใจจนทำได้แค่ร้องครางอยู่ใต้ร่างอีกฝ่ายเท่านั้น

หวังอี้ป๋อทำจนเขากลายเป็นคนแบบนี้ไปได้ยังไง? เจ้าปีศาจจอมหื่นเอ้ย~


ตรู๊ดดดด ตรู๊ดดดดดดด


แล้วจู่ๆกิจกรรมที่กำลังทำอยู่ก็ถึงกับชะงักค้าง เสียงโทรศัพท์ของร่างโปร่งบางดังขึ้นมา เพราะสมัยนี้แทบไม่มีใครใช้การโทรศัพท์กันแล้ว คนที่โทรมาจึงน่าจะมีธุระ?

“อะ อี้ ป๋อ...ฮ้า...ฮ้า  ดวงตาคู่สวยมองคนที่คร่อมอยู่ด้านบนอย่างเว้าวอน ยังไงก็ต้องรับโทรศัพท์ก่อน ใบหน้าหล่อเหลาดูหงุดหงิดที่ถูกขัดจังหวะแต่ก็ยอมพยักหน้าให้เขารับโทรศัพท์

ปลายนิ้วเรียวที่สั่นระริกจึงสไลด์ไปที่หน้าจอโทรศัพท์ที่ถูกวางอยู่ข้างกาย ทุกครั้งที่เอี้ยวตัวความเป็นชายใหญ่โตแข็งขืนที่ยังฝั่งอยู่ข้างในก็เสียดสีผนังอ่อนนุ่มจนเสียววูบไปทั่วท้องน้อยจนแทบจะปลดปล่อยออกมาเสียให้ได้ ดีที่มือใหญ่ตรงเข้าตะบปแกนกายแล้วกดปลายมันไว้ก่อน แต่นั่นก็ทำให้เขาทรมานจนสั่นสะท้านไปทั้งตัว

“จ้านจ้าน? นายอยู่ไหนเนี่ย? ชั้นอยู่หน้าบ้านพักนายแล้วนะ”   เสียงคะชู คิโยมิตสึนักขับสำรองของม้าลำพองทักขึ้นก่อนเมื่อเห็นว่าเขากดรับแต่ไม่พูดอะไร ดวงตากลมโตได้แต่เบิกกว้าง เจ้าเด็กแสบนั่นอยู่หน้าวิลล่า?!

ใบหน้ามนที่มีเหงื่อเกาะพราวทำได้แค่ส่ายหน้าไปมาบนหมอน ริมฝีปากเม้มแน่นเพราะถ้าเผลอพูดอะไรเสียงครางต้องหลุดออกไปแน่ๆ ดวงตาคู่สวยช้อนมองคนที่อยู่ด้านบนน้ำตาคลออย่างขอความช่วยเหลือ

นักบิดแห่งทีมยามาฮ่ามองโทรศัพท์อย่างรู้ดีว่าเจ้ากระต่ายในเวลานี้คงพูดกับปลายสายไม่ได้แน่ๆ ตัวเขาเองก็ยังขยับเข้าออกน้อยๆอยู่พร้อมกับลมหายใจหนักๆ แต่มือก็หยิบโทรศัพท์มารับแทนเพราะหน้าเจ้ากระต่ายดูทรมานไม่ไหวแล้ว

“หวังอี้ป๋อ...พูดครับ”

“อ้าว? จ้านจ้านล่ะ? พอดีพวกคอสตูมฝากชุดมาให้นายอ่ะ บอกให้ลองก่อนเพราะเราไม่มีขนาดตัวของนาย ถ้าไม่พอดียังไงจะได้ส่งช่างมาแก้ให้พรุ่งนี้เช้า”    คะชู คิโยมิตสึร่ายยาวว่ามาหาพวกเขาทำไม

“จ้านเกอ...อาบน้ำ...อยู่”   เขาเองก็ต้องพยายามสะกดกลั้นความต้องการเหมือนกัน เสียงพูดจึงมีขาดช่วงไปบ้าง ก็ผนังอ่อนนุ่มที่ร้อนรุ่มนั่นเล่นบีบรัดเขาไม่หยุด เสียงเขายังบังคับให้ราบเรียบแบบนี้ได้ก็นับว่าเขาเป็นยอดคนขนาดไหนแล้ว

“เห๋~~~ อาบน้ำ~~สินะ งั้นเดี๋ยวชั้นถือสายรอก็ได้~~  เส้นเลือดที่ขมับเขาเต้นตุบๆพอๆกับเส้นเลือดที่เบื้องล่างเลย เจ้านักขับสำรองนั่นรู้สินะว่าพวกเขาทำอะไรกันอยู่ ถึงได้จงใจแกล้งแหย่ไม่ยอมวางสายแบบนี้ ตัวแสบสมกับที่เจ้ากระต่ายเคยบ่นไว้จริงๆ! 

หึ! แต่เขาไม่มีวันยอมให้ใครได้ยินเสียงครางอันเซ็กซี่เร้าใจของเจ้ากระต่ายนี่หรอก!

“รออยู่ตรงนั้นแหละ เสร็จแล้วเดี๋ยวชั้นไปเปิดประตูให้”    นิ้วยาวกดวางสายโดยไม่สนใจเสียงโวยวายจากปลายสาย

บทรักที่ค้างคาไว้สานต่อทันทีโดยไม่สนใจว่านักขับจากแดนอาทิตย์อุทัยจะต้องรอนานแค่ไหน...แล้วกว่าเขาจะออกไปหาอีกฝ่ายได้ คะชู คิโยมิตสึก็แขวนชุดเอาไว้พร้อมกระดาษโน้ตแผ่นหนึ่ง เจ้าเด็กแสบนั่นหายตัวไปแล้ว


'นายไม่ควรจะปล่อยให้ชั้นรอถึงสองชั่วโมงนะ! จ้านจ้านก็อายุอานามไม่น้อยแล้ว กระดูกกระเดี้ยวหักไปใครจะมาออกแบบรถให้ชั้น! เพลาๆหน่อยเถอะ!'


เขาหัวเราะในลำคอเมื่ออ่านกระดาษโน้ตจบ สองชั่วโมงที่ไหนล่ะ อันที่จริงทำมาตั้งแต่ตอนบ่ายแล้ว!

มือใหญ่แกะสูทออกมาดูเมื่อเอามันมาแขวนไว้ในห้อง สูทของเขาไม่มีโลโก้ม้าลำพองอยู่บนอกซ้าย เจ้ากระต่ายอาจจะให้เขาเข้างานในฐานะแขกรับเชิญทั่วไป?

ใบหน้าหล่อเหลาหันไปมองคนที่ยังนอนหมดเรี่ยวหมดแรงอยู่บนเตียง ฤดูนี้กลางวันสั้นกว่ากลางคืนทำให้ดูเหมือนมืดเร็วแต่ที่จริงเพิ่งจะหกโมงเย็นเอง พวกเขามาจากชิงเคว เทเรเมื่อตอนบ่าย จากนั้นก็ไม่ได้ออกไปไหนอีกเลย

“จ้านเกอ ลุกไปหาอะไรกินกัน ผมเห็นร้านบรรยากาศดีๆที่ริมอ่าวด้วยนะตอนมา”  เจ้ากระต่ายมองเขาตาเขียว...ก็นั่นแหละ ตอนแรกตั้งใจว่าจะเอาของมาเก็บแล้วไปเดินเล่นกัน แต่เขาดันจับอีกฝ่ายกดเพราะทนไม่ไหวไปเสียก่อน

“หึ! ไม่ต้องกินหรอก ในท้องชั้นมีของของนายอยู่เต็มไปหมด ไม่กินอะไรอีกเป็นวันๆก็อยู่ได้! ฮึ่ย!”   เจ้ากระต่ายประชดก่อนจะสะบัดหน้าหนี เนี่ย ก็น่ารักอย่างเงี้ย ตบะเขาจะไม่แตกได้ไง

“โอ๋~ ขอโทษน้า~ ลุกเหอะเดี๋ยวปวดท้อง เอางี้ เดี๋ยวผมเลี้ยงล็อบสเตอร์”

“ล็อบสเตอร์?   เจ้ากระต่ายที่มักจะโดนเขาตกด้วยของกินตลอดหันมามองอย่างสนใจ 

“อื้อ ล็อบสเตอร์”  เขาพยักหน้าก่อนจะยิ้มแฉ่งหลอกล่อ

“ก็ได้”   ในที่สุดเจ้ากระต่ายก็ยอมลุกจากที่นอนเพราะของกิน ร่างโปร่งบางวิ่งหายเข้าห้องน้ำไปพักใหญ่ เขาก็อยากจะรับผิดชอบของของเขาอยู่หรอกนะ แต่เกรงว่าวันนี้อาจจะไม่ได้ออกจากห้องมากกว่า

มือใหญ่กุมมือบางก่อนจะเดินเลาะริมอ่าวไปด้วยกัน เพราะเป็นทะเลปิดทำให้คลื่นซัดเบาๆ เรือหาปลาที่จอดเรียงรายขยับขึ้นลงโคลงเคลงมีพื้นหลังเป็นบ้านเรือนหลากสีอยู่อีกฝั่งของอ่าว ถ้าเป็นตอนกลางวันมันคงเป็นวิวที่สวยมาก

แต่กลางคืนแบบนี้ก็โรแมนติกดี...

อันที่จริงช่วงต้นฤดูหนาวสำหรับเมืองชายทะเลแบบนี้นับเป็นโลซีซั่น แต่เพราะว่าวันพรุ่งนี้จะมีงานเปิดตัวรถของเฟอร์รารี่ที่นี่ ตอนนี้ทั้งเมืองจึงคลาคล่ำไปด้วยผู้คนที่ต่างถือโอกาสมาพักผ่อนกันก่อนไปในตัว และแน่นอนว่าคนจะมางานเปิดตัวรถของเฟอร์รารี่ได้ย่อมไม่ใช่คนธรรมดา ร้านอาหารหรูๆริมชายฝั่งถูกจองเต็มไปหมดแล้ว เขาจึงพาเจ้ากระต่ายเดินไปภัตตาคารส่วนตัวที่อยู่บนเขา ลมทะเลและวิวมุมสูงก็เป็นดินเนอร์ที่สวยไปอีกแบบ

พวกเขาถูกพนักงานต้อนรับเชิญไปที่ระเบียงด้านหลังซึ่งมองเห็นได้ทั่วทั้งอ่าว โต๊ะที่มีอยู่ไม่กี่โต๊ะจุดเทียนสร้างบรรยากาศเอาไว้โรแมนติกสุดๆ ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยเข้าใจเลยว่าทำไมพวกผู้หญิงถึงชอบอะไรแบบนี้นัก แต่พอเขามีคนรักก็เข้าใจความรู้สึกนี้ขึ้นมาทันที อยากมีความทรงจำร่วมกันในสถานที่สวยๆ...ถึงแม้เจ้าคนที่พามาด้วยจะเอาแต่มองล็อบสเตอร์ในเมนูจนน้ำลายยืดก็เถอะนะ...

เขายกมือถือขึ้นมาถ่ายรูปใบหน้าละมุนละไมภายใต้แสงเทียนที่กำลังตั้งอกตั้งใจเลือกเมนูอาหาร เขามักจะโพสรูปเจ้ากระต่ายไว้ในไอจีของเขา ไม่ว่าจะเป็นรูปที่ไปเที่ยวด้วยกัน รูปในพิตการาจ หรือแม้แต่ตอนใช้ชีวิตชิวๆอยู่ในบ้าน เรียกว่าถ้าไม่ดูชื่อคงคิดว่าเป็นไอจีของเจ้ากระต่ายมากกว่าจะเป็นของเขาเพราะมันมีแต่รูปของอีกฝ่าย

“เอานี่ นี่ นี่ แล้วก็นี่ครับ”   เจ้ากระต่ายหันไปสั่งอาหารเองเสร็จสรรพโดยไม่ถามความเห็นเขา เวลาที่ออกไปกินข้าวข้างนอกก็มักจะเป็นแบบนี้ เขาชอบตามใจอีกฝ่าย แค่ได้เห็นเจ้ากระต่ายเคี้ยวอาหารตุ้ยๆอย่างมีความสุขก็ทำให้เขายิ้มได้แล้ว

แล้วในระหว่างที่กำลังนั่งรออาหาร...เขาก็มองเห็นชายคนหนึ่งที่เหมือนจะเพิ่งมาถึงเดินเข้ามาในร้าน

นั่นมัน...คนที่เขาตามหามาหลายเดือน...เหมือนเป็นเรื่องตลก จู่ๆโลกก็กลมซะงั้น


...อานัส ซัลมาน เดินเข้ามาพร้อมกับบอร์ดี้การ์ดอีกสี่คน...


ประสาทสัมผัสที่กำลังผ่อนคลายของเขาตื่นตัวขึ้นมาทันที การที่ใครสักคนจะใช้การ์ดมากขนาดนี้แสดงว่าต้องเป็นคนที่มีอันตรายอยู่รอบกาย และผู้ชายชาวตะวันออกกลางคนนั้นก็กำลังเดินตรงดิ่งมาที่โต๊ะของเขาเมื่ออีกฝ่ายสังเกตเห็นเจ้ากระต่ายเข้า

“คุณเซียวจ้าน?”   ใบหน้าคมเข้มที่ไว้หนวดไว้เคราเอ่ยทักดีไซน์เนอร์ในดวงใจด้วยสีหน้าเซอร์ไพรส์ก่อนจะรีบยื่นมือมาทักทาย แต่เจ้ากระต่ายกลับทำหน้าเลิ่กลั่ก เขาไม่รู้ว่าปกติแล้วจ้านเกอถูกโพรเทคจากเฟอร์รารี่มากขนาดไหน? ยอมให้เจอกับลูกค้าโดยตรงแบบนี้หรือเปล่า? แต่ดูจากการที่เจ้ากระต่ายมองมือข้างนั้นอย่างอึกๆอักๆเหมือนลำบากใจแล้ว...บางทีนี่อาจจะไม่ใช่สิ่งที่คุ้นเคย...

มือใหญ่จึงเอื้อมออกไปจับมือข้างนั้นแทน...  

“ขอโทษทีนะครับ ถ้าสนใจเรื่องการดีไซน์รถ ยังไงรอไปคุยกันในงานเปิดตัวพรุ่งนี้ดีกว่านะครับ”   เขาพูดออกไปด้วยเสียงเรียบ พ่อค้าเพชรรายใหญ่ของซาอุชักสีหน้ามองเขาด้วยความไม่พอใจก่อนจะรีบดึงมือกลับไป

......คุณเป็นใคร? เกี่ยวข้องยังไงกับเซียวจ้าน? ไม่ใช่คนของเฟอร์รารี่นี่?   ดูเหมือนอีกฝ่ายจะพยายามข่มเขาโดยการแสดงออกว่าตนรู้จักคนของเฟอร์รารี่ดี

“คุณลองเสิร์ชชื่อหวังอี้ป๋อในกูเกิลดู แล้วคุณจะรู้ว่าผมเป็นใครและเกี่ยวข้องยังไงกับเค้า”    มือใหญ่ดึงเจ้ากระต่ายมาหลบข้างหลัง เขาต่างหากที่มีสิทธิ์แสดงความเป็นเจ้าของและถ้าหมอนี่ลองเสิร์ชดูก็จะรู้ทันทีเพราะในไอจีของเขามีแต่รูปของเจ้ากระต่ายเต็มไปหมด และทุกรูปก็สุดเอ็กคลูซีฟ ถ้าไม่ใช่แฟนก็ไม่มีทางถ่ายรูปแบบนั้นได้

ท่าทางที่ไม่เป็นมิตรกับเขาของชายชาวตะวันออกกลางนั่นทำให้เจ้ากระต่ายมองอีกฝ่ายด้วยสายตาไม่ชอบใจไปด้วย ใบหน้าเหมือนกระต่ายขู่ที่หลบอยู่ข้างหลังเขาทำให้อานัส ซัลมานเริ่มรู้ตัวว่าไปทำให้ไอดอลขวัญใจของตัวเองไม่พอใจเข้า อีกฝ่ายจึงยอมเลิกราแต่โดยดี

“แล้วเจอกันในงานนะครับ...ผมอดใจรอแทบไม่ไหวแล้วเนี่ย  ใบหน้าที่เต็มไปด้วยหนวดเคราหันมายิ้มให้เจ้ากระต่ายก่อนจะเดินกลับไปโต๊ะของตัวเอง เขาไม่วายมองตามบอร์ดี้การ์ดของหมอนั่น เขาเห็นรอยสักแว่บๆที่ใต้แขนเสื้อและเขามั่นใจว่าเป็นรอยสักแบบเดียวกันจริงๆ...เพียงแต่...การ์ดสี่คนนี้ดูเหมือนจะเป็นคนละคนกับที่เขาเจอที่สิงคโปร์...

“ใครอ่ะ? รู้จักชั้นด้วยเหรอ?  เสียงนุ่มถามออกมาเขาจึงหลุดจากภวังค์

“พวกเศรษฐีที่ซื้อรถที่พี่ออกแบบทุกรุ่นทุกคันไง”   เจ้ากระต่ายนี่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีใครต่อใครจ้องจะกินตัวเองอยู่ อันตรายชะมัดเลยโว้ยมีแฟนน่ารักแบบนี้! บอกตามตรงชีวิตนี้ไม่เคยคิดเลยว่าจะต้องมาหวงใครจนหน้ามืดขนาดนี้!

มือใหญ่รีบดึงมือบางเดินกลับโรงแรมเพราะเขาทนสายตาที่มองมาจากอีกโต๊ะนั่นไม่ได้ ไม่ชอบขี้หน้าหมอนั่นเลยจริงๆให้ตายเถอะ

“ไปไหน? ยังไม่ได้กินเลยนะ ล็อบสเตอร์ของชั้น~~  เจ้ากระต่ายเห็นแก่กินโวยวายก่อนจะพยายามขืนตัวเองไว้ แต่เรี่ยวแรงของหวังอี้ป๋อตอนที่กำลังอารมณ์ไม่ดีก็ใช่ว่าจะขัดขืนได้ ร่างโปร่งบางถูกลากกลับวิลล่าตัวแทบปลิว เขาไม่ไว้ใจที่อื่นนอกจากในอาณาเขตของเฟอร์รารี่ อย่างน้อยถ้าอยู่ในโรงแรมก็น่าจะปลอดภัย 

“ล็อบสเตอร์~  ใบหน้าภายใต้กรอบแว่นยังอาลัยอาวรณ์

“สั่งร้านอาหารของโรงแรมมากินที่นี่ก็ได้ พี่จะกินกี่ร้อยตัวก็สั่งเลย”   เขาโยนเสื้อแจ็คเก็ตเอาไว้ที่โซฟาเมื่อกลับถึงวิลล่าเรียบร้อยแล้ว

“จริงนะ”    ใบหน้ามนดูกระตือรือร้นขึ้นมาทันที โธ่โว้ย รู้ตัวบ้างไหมเนี่ยว่าความอันตรายของตัวเองมันกำลังทำให้เขาเป็นห่วงเป็นกังวลจนแทบจะบ้า เจ้าพวกนั้นคือคนที่เคยบุกไปจับตัวคนของตระกูลหวังถึงในจีนแผ่นดินใหญ่เลยนะ!

เขาเดินออกไปทิ้งตัวนั่งที่ระเบียงหลังห้องอย่างหงุดหงิด ให้เสียงคลื่นกับลมทะเลช่วยกลืนกินความขุ่นมัวในใจของเขาไปที เขาไม่อยากไประบายใส่เจ้ากระต่ายไม่รู้เรื่องรู้ราวนั่น

“อี้ป๋อ...เป็นไร?  ร่างโปร่งบางมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้า ทั้งๆที่ไม่อยากให้รู้แต่ทุกๆครั้งที่เขามีเรื่องไม่สบายใจเจ้ากระต่ายกลับรับรู้ได้ตลอด คงเป็นเพราะอีกฝ่ายมีความละเอียดอ่อนซึ่งเป็นนิสัยของดีไซน์เนอร์อยู่ในตัว ถึงได้มองเห็นในสิ่งที่คนอื่นไม่เห็น

“พี่รู้ไหมว่าผู้ชายคนเมื่อกี้ชอบพี่ แล้วตอนนี้ผมก็กำลังหึง”

“ผมหวง ผมห่วง ผมไม่อยากให้หมอนั่นหรือว่าใครเข้าใกล้พี่”   เขาเลือกที่จะบอกออกไปตรงๆ เจ้ากระต่ายถึงกับอ้าปากค้าง

“นายจะหึงทำไม? ชั้นไม่รู้จักหมอนั่นด้วยซ้ำ?  เจ้ากระต่ายเลิ่กลั่กดูตกอกตกใจก่อนจะพยายามสงบสติอารมณ์แล้วคุยกับเขาดีๆ

“หวังอี้ป๋อ ชั้นบอกนายเลยนะว่านายจะหึงทุกคนที่เข้าใกล้ชั้นไม่ได้ เพราะอะไร? เพราะนายจะเหนื่อยตายยังไงล่ะ”

“เห็นอย่างงี้ชั้นก็รู้ตัวนะ...นายคิดว่าเฟอร์รารี่ทำการตลาดโดยเอาชื่อเอาหน้าชั้นไปเป็นจุดขายมากี่ปีแล้ว? มีเศรษฐีที่ตามซื้อรถเพราะมันเป็นรุ่นที่ชั้นออกแบบมากี่คนแล้ว?...ชั้นไม่รู้หรอกเพราะมันเยอะมากจนชั้นจำไม่ได้ พวกเค้าก็เหมือนแฟนคลับ สำหรับชั้นมีแค่คำขอบคุณอย่างจริงใจเท่านั้นแหละที่ให้พวกเค้าได้ ส่วนอย่างอื่นของชั้นมันเป็นของนายคนเดียว”   ใบหน้ามนก้มลงมามองเขาอย่างจริงจัง น่าแปลก...ทั้งๆที่ปกติจะดูง๊อกๆแง๊กๆพึ่งพาอะไรไม่ได้ แต่เวลาเอาจริงเมื่อไหร่เจ้ากระต่ายกลับเป็นผู้ใหญ่กว่าที่คิดและพอได้คุยกันด้วยเหตุด้วยผล พอได้รับรู้ว่าอีกฝ่ายก็รู้ตัวว่าตัวเองเป็นใคร เขาก็เบาใจขึ้นหน่อย

“ผมรู้ ผมเข้าใจ แต่ผมก็ยังหวงอ่ะ ทำไงได้”   เขาดึงเอวบางเข้ามากอดก่อนจะซบหน้าไว้กับหน้าท้องแบนเรียบอย่างอ้อนๆ มือบางลูบหัวเขาเบาๆ

“แถมเศรษฐีพวกนั้นก็มีทั้งเงินทั้งอำนาจ จะทำอะไรบ้างก็ไม่รู้...ผมกลัวใครมาแย่งพี่ไป...”   เขายังอ้อนต่อไป

“นายเองก็มีเงินมีอำนาจเหมือนกัน จะไปกลัวอะไร?”   แต่เจ้ากระต่ายก็ยังไม่แยแส

“รู้อีก”   เขากอดเอวบางแน่นอย่างหมั่นเขี้ยว

“ทำไมจะไม่รู้ เจ้าCEOปีศาจส่งประวัตินายมาให้ชั้นอ่านยาวเป็นหางว่าว ถ้านายไม่มีกำลังมากพอ ถ้านายปกป้องชั้นไม่ได้ ชั้นก็คงไม่คบกับนายหรอก ชั้นไม่อยากทำให้คนที่ชั้นรักต้องลำบาก นายก็เห็นแล้วว่ารอบๆตัวชั้นมันเป็นยังไง แค่คำว่ารักอย่างเดียวมันไม่พอ”   ก็น่าจะอยู่ยากจริงๆนั่นแหละถ้าเขาไม่ได้มีทุกอย่างจนเป็นคนที่มีความมั่นใจขนาดนี้  มีแฟนเป็นนางแบบหรือไอดอลยังรบรากับแฟนคลับที่เป็นคนธรรมดา แต่มีแฟนเป็นดีไซน์เนอร์ของเฟอร์รารี่ต้องรบรากับแฟนคลับที่เป็นมหาเศรษฐี!   

แต่อย่างน้อยก็ทำให้รู้อยู่อย่างหนึ่ง...ว่าความรักของเราสองคนมันไม่ใช่ Puppy Love แบบเด็กๆ แต่เป็นความรักที่ผ่านการไตร่ตรองมาอย่างดีแล้วว่าเราจะคบกันได้ตลอดรอดฝั่ง สำหรับตัวเขาเอง เขาก็มีเหตุผลที่เลือกเจ้ากระต่ายอยู่เหมือนกัน เขาโตแล้ว หากรู้ว่ามันจะเป็นไปไม่ได้และต้องมาเจ็บปวดในภายหลัง เขาก็ไม่คิดจะดันทุรังตั้งแต่แรกหรอก

“อืม...แต่ถ้าคิดในทางกลับกัน...ถ้ามีแฟนคลับสาวๆมาเข้าใกล้นาย ชั้นก็อาจจะหึงเหมือนกันก็ได้!”    เจ้ากระต่ายเปลี่ยนเรื่องและลองมองในมุมของเขาบ้าง  พวกเรามองหน้ากันก่อนจะนิ่งค้างไปหลายนาที

“อุ๊บ ฮ่าๆๆๆ”   ก่อนที่จะหัวเราะออกมาพร้อมกันอย่างไม่มีเหตุผล เข้าใจแล้ว...ที่หึงที่หวงกันก็เพราะรักแค่นั้นเอง ถ้าไม่หึงไม่หวงสิ อันนี้อาจจะน่าเป็นห่วงกว่า

“แต่ผู้ชายคนนั้นก็อันตรายอยู่ดี พี่พยายามอย่าไปอยู่ใกล้แล้วกัน”

“อื้ม เข้าใจแล้ว ไปกินล็อบสเตอร์กันเถอะ ชั้นสั่งมาร้อยตัวตามที่นายบอก ได้กินจนพุงกางแน่ เย้~  เจ้ากระต่ายกระโดดโล้ดเต้นเข้าไปในห้อง...เดี๋ยวนะ สั่งมาร้อยตัวจริงๆเร๊อะ!! เงินผ๊ม~~











เช้านี้เขารับอรุณพร้อมด้วยกาแฟหอมกรุ่นอยู่บนแหลมที่มองเห็นพระอาทิตย์ค่อยๆโผล่ขึ้นมาจากท้องทะเล คลื่นสีขาวซัดสาดรอบๆอ่าว แสงแดดค่อยๆฉาบไล้ไปบนผนังสีสันสดใสของบ้านเรือนในปอร์โตฟิโน่ให้ค่อยๆตื่นจากการหลับใหล...บรรยากาศดีๆ...อยู่กับคนที่รัก...แค่นี้ก็มีความสุขแล้ว

นิ้วยาวกดเครื่องทำกาแฟก่อนที่น้ำสีเข้มจะไหลลงมา กลิ่นหอมๆของมันทำให้สัมผัสได้ถึงความเป็นอิตาลี เขายกแก้วของเขาที่เป็นเอสเพรสโซ่ขึ้นมาจิบโดยมีอเมริกาโน่ของเจ้ากระต่ายวางอยู่ข้างๆกัน รสชาติกาแฟแท้ต้นตำรับทำให้เขาดื่มด่ำไปกับมัน นัยน์ตาคมกล้าทอดมองเตียงสีขาวและคนที่ยังซุกตัวอยู่บนนั้นไปด้วย ใบหน้าสวยๆที่ยังหลับใหลมองแล้วเพลิดเพลินเจริญใจดีจริงๆ

มือใหญ่วางแก้วกาแฟที่เหลือติดก้นอยู่นิดหน่อยลงก่อนที่ร่างสูงสง่าจะเดินไปก้มหยิบชุดนอนสีแดงที่กองอยู่บนพื้น

“จ้านเกอ...ตื่นเถอะ สายแล้วนะ”  เขานั่งลงขอบเตียงก่อนจะโน้มใบหน้าลงไปกระซิบปลุกคนที่ยังไม่ตื่น ข้างในกองผ้าห่มสีขาวนี้มีร่างเปลือยเปล่าของเจ้ากระต่ายขดตัวอยู่

“ที่รัก...ตื่นเร็ว พระอาทิตย์ขึ้นแล้วนะ จะถ่ายรูปไม่ใช่เหรอ?   เสียงทุ้มยังคงกระซิบปลุกต่อไป ได้ยินเสียงอืออาดังออกมาจากผ้าห่ม นวมผืนหนาขยุกขยิกเล็กน้อยก่อนที่เจ้ากระต่ายจะค่อยๆมุดออกมา ร่างโปร่งบางลุกนั่งพร้อมกับใบหน้างัวเงีย

“พระอาทิตย์   คนห่วงถ่ายรูปลุกยืนโซเซอยู่ข้างเตียง มือบางตวัดผ้าห่มพันรอบกายเมื่อรู้สึกหนาว เสื้อผ้านี่ไม่สนใจจะใส่ด้วยซ้ำ 

เขามองเจ้ากระต่ายเดินเซๆไปหยิบกล้องก่อนจะเดินเซๆไปริมหน้าต่าง ไหล่เล็กบางอวดผิวขาวๆจนเขาอยากจะฝังร่องรอยลงไปเสียจริง ปลายผ้าห่มด้านหนึ่งยังละอยู่บนเตียง ส่วนปลายอีกข้างพันร่างโปร่งบางนั่นไว้ มันเป็นภาพที่สวยแบบอาร์ตๆจนเขาต้องยกมือถือขึ้นมาถ่ายรูป

“จ้านเกอ”   เสียงทุ้มเอ่ยเรียกทำให้คนที่กำลังถ่ายรูปพระอาทิตย์ขึ้นหันมามอง

“หื๋อ?”   ใบหน้าใสไร้การปรุงแต่งที่ยังไม่ค่อยจะตื่นดีกับสภาพกึ่งเปลือยแบบนี้มันก็เซ็กซี่ไปอีกแบบ แสงที่สาดส่องมาด้านหลังกับสีที่ซีดจางทำให้ภาพเช้าวันใหม่ในกล้องมือถือของเขาดูชิวๆแต่ก็อาร์ตไม่เบา


แชะ


แล้วภาพของเจ้ากระต่ายก็ถูกเขาโพสไว้ในไอจีอีกรูป... 


‘Portofino with Red Rabbit’



ฮู้ดสีแดงตัวโคร่งถูกสวมลงไปบนหัวของเจ้ากระต่าย เขาช่วยใส่ให้เพราะอีกฝ่ายยังคงเพลิดเพลินกับการถ่ายรูปวิวทิวทัศน์ข้างนอก สองแขนแข็งแกร่งรวบลำตัวบางมากอดไว้จากทางด้านหลัง การที่ตัวพวกเขาสูงเท่าๆกันบางทีก็ดีเหมือนกัน เพราะตอนนี้เขาสามารถเอาคางเกยซุกซอกคอระหงนั่นได้แบบพอเหมาะพอดีไม่ต้องก้มหรือเขย่งให้เมื่อยเลย ผ้าห่มถูกตวัดมาคลุมร่างของพวกเราไว้ ตอนนี้จึงอุ่นทั้งกายและใจ

“ที่นี่ก็สวยเนอะ มากี่ครั้งก็ยังหลงรักทุกที”  ใบหน้ามนยิ้มหวานเมื่อมองลงไปที่ทะเลสีเทอควอย์และตึกรามบ้านช่องสีสันสดใส

“นายก็มาแข่งที่อิตาลีทุกปี ได้ไปเที่ยวที่ไหนมาบ้าง?  เขายื่นแก้วกาแฟที่กำลังอุ่นพอดีให้คนที่อายุมากกว่า

“ส่วนใหญ่ก็อยู่แต่ในเมือง แข่งเสร็จแล้วก็กลับ ไม่ค่อยได้ไปไหนหรอก แต่แค่ในตัวเมืองอย่างมิลาน โบโลญญ่า โรม หรือซานมาริโน่เองมันก็สวยมากแล้ว แต่ผมอยากไปกับพี่จัง”  

“ได้สิ ในอิตาลีไปที่ไหนก็สวย แค่ขับรถไปเรื่อยๆยังสวยเลย ชั้นชอบไปขับรถเล่นที่ฟลอเร้นซ์กับเซียน่า ไว้ฤดูใบไม้ผลิปีหน้าจะพานายไป ทุ่งดอกป๊อบปี้ที่นั่นสวยมากๆ”   ใบหน้ามนเงยจากแก้วกาแฟขึ้นมายิ้มให้เขาเล่นเอาเขายิ้มตาม อยู่ด้วยกันแล้วมันมีความสุขมากจริงๆนะ

วันนี้ทั้งวันพวกเขาไม่ได้ออกไปไหน เพราะในปอร์โตฟิโน่เริ่มมีแขกเหรื่อหลั่งใหลกันมามากกว่าเมื่อวาน การจราจรทั้งทางบก ทางน้ำ ทางอากาศยิ่งคับคั่ง CEOของเฟอร์รารี่จึงโผล่หน้ามากำชับว่าให้พวกเขาอยู่แต่ในโรงแรม จะได้อุ่นใจว่ายังไงคืนนี้ก็จะมีเซียวจ้านไปร่วมงานแน่ๆ!

ตอนแรกเขาก็ไม่เข้าใจว่ามันจะอะไรนักหนา เพราะเขาคิดมาตลอดว่างานเปิดตัวรถมันก็คงเหมือนตามงานมอเตอร์โชว์ทั่วๆไป มีแท่นเวที มีรถเปิดผ้าคลุม แล้วก็ให้คนทั่วไปยืนดูยืนถ่ายรูปอยู่รอบๆ...แต่นั่นไม่ใช่งานเปิดตัวรถสไตล์เฟอร์รารี่ครับ...เจ้ารถราคา31.5ล้านบาทคันนี้จะเปิดตัวแบบบ้านๆไม่ได้~

เพราะฉะนั้น...งานเปิดตัว Ferrari 812 Superfast จึงจัดกันในโรงละครกลางแจ้ง…  

แขกวีไอพีระดับมหาเศรษฐีจากทั่วโลกจะมีแค่พันกว่าคนเท่านั้นที่จะได้รับบัตรเชิญสำหรับงานนี้...คิดดูแล้วกันว่ามันไม่ธรรมดาขนาดไหน 

ประมาณบ่ายสี่พวกเขาถึงเริ่มเตรียมตัว คะชู คิโยมิตสึถือกล่องเครื่องสำอางค์ขนาดใหญ่เข้ามาในวิลล่าของเขา นอกจากมาร่วมงานในฐานะนักขับของทีมแข่งสครูเดอเลียเฟอร์รารี่แล้ว เจ้าเด็กแสบนั่นยังมาในฐานะช่างแต่งหน้าอีกต่างหาก! ใช้งานกันคุ้มมาก!

ฮัดชิ้ว~~!!”  แค่เปิดตลับเครื่องสำอางค์ เจ้ากระต่ายของเขาก็เริ่มจามทันที

อ๊า! นายอย่าจามสิ! แป้งฟุ้งไปหมดแล้ว แค่กๆๆ

คนจะจามมันห้ามได้ที่ไหนล่ะ!”   เหมือนเห็นกระต่ายสีแดงสองตัวคุยกัน ไม่สิ ตัวนึงแมว ตัวนึงกระต่าย กำลังตีกันอยู่หน้ากองเครื่องสำอางค์ ตอนแรกเขาก็นึกว่าชุดนอนสีแดงที่เป็นฮู้ดตัวโคร่งนี่จะมีแค่เจ้ากระต่ายของเขาที่ใส่ แต่ดูจากที่คะชูก็ใส่มาเหมือนกันเป๊ะ เขาเลยคิดว่าน่าจะใส่กันทั้งทีม…...ตอนนอนนี่ก็จำเป็นต้องใส่ยูนิฟอร์มด้วยเหรอ?? ถึงมันจะน่ารักดีก็เถอะ  ยิ่งตอนนี้เขาเอาหูกระต่ายสีแดงไปเย็บติดฮู้ดไว้ให้ยิ่งน่าร้ากกกก แถมกางเกงที่ขยันขโมยไปเขาก็ให้ช่างเย็บผ้าตัดขามันให้สั้นลงไปครึ่งนึง เชื่อไหมว่าเจ้ากระต่ายไม่สังเกตด้วยซ้ำว่ามันสั้นกว่าเดิม อะไรที่ไม่ใช่เรื่องรถนี่ไม่สนใจเลยจริงๆ เชื่อเค้าเลย

ชั้นบอกให้นายหัดทาครีมที่หน้าบ้าง อุตส่าห์มีผิวดีๆแบบนี้ทำไมไม่ดูแลห๊ะ?! ครีมบำรุงเอย เซรั่มเอยที่ซื้อให้นี่ใช้บ้างหรือเปล่า? เดี๋ยวพ่อดึงให้แก้มยืดเลยเจ้ากระต่ายฉงชิ่งนี่”  อ่อ...ของคะชู คิโยมิตสึนี่เอง ยังว่าอยู่ว่าอย่างเจ้ากระต่ายนี่ซื้อครีมบำรุงหน้าราคาอย่างโหดเป็นกับเค้าด้วยเหรอ?

โอ๊ย! อย่าดึง! ใช้สิๆ! นั่นไง เอามาด้วย!”  

ใช้ยังไงมันถึงไม่พร่องลงไปเลย ห๋า~?!”

ขวดใหม่ไง ขวดที่นายให้หมดแล๊ว~”   โกหก! เขาเห็นเจ้าขวดนี้ตั้งเป็นอนุสาวรีย์อยู่ที่บ้านมานานแล้ว ตอนแรกยังแปลกใจอยู่เลยที่เจ้ากระต่ายหยิบมาด้วย...ที่แท้เอามาเป็นยันต์กันโดนดุนี่เอง

อ๋อเหรอ~ เดี๋ยวชั้นจะหนีบขนตานายให้วิ้งเลย โทษฐานทำให้ผิวสวยๆเสียของ~”

ไม่อ๊าว ชั้นไม่หนีบ อย่าเอามันมาใกล้นะ อี้ป๋อ~ ช่วยด้วยยยย~”  เขาทำท่าจะขยับเข้าไปแต่ใบหน้าสวยเปรี้ยวก็ตวัดมามองอย่างดุร้ายทำเอาชะงักไปทั้งกาย มือเรียวที่ทาเล็บสีแดงสดชี้ลิปสติกมาที่หน้าเขา

ถ้านายกล้ามาขัดขวางการแต่งหน้าของท่านคะชูคนนี้ละก็ นายไม่ตายดีแน่หวังอี้ป๋อ หึ! ยอมจำนนซะเถอะเจ้ากระต่ายดื้อด้าน ไม่มีใครช่วยนายได้หรอก หึๆๆๆ”  เจ้าเด็กแสบนั่นหันไปโปะครีมลงบนใบหน้าใสของเจ้ากระต่ายก่อนจะนวดไปมาด้วยความหมั่นเขี้ยว เขายกสองมือขึ้นอย่างยอมแพ้ก่อนจะถอยร่นออกมา 

แง๊~~”   เสียงรบรายังดังอยู่ในห้องนอน เสียงร้องงอแงของเจ้ากระต่ายทำเอาเขานั่งยิ้มแห้งอยู่ที่โซฟา จะไหวไหมเนี่ย...เขาเหลือบมองสูทที่ตัวเองต้องใส่ เฟอร์รารี่เนี้ยบขนาดนี้แต่กลับไม่จ้างช่างแต่งหน้ามืออาชีพมาแต่งให้เจ้ากระต่าย แสดงว่าฝีมือของคะชู คิโยมิตสึคงไม่ธรรมดา ดูจากใบหน้าของเด็กนั่นเองก็รู้ว่าน่าจะแต่งหน้าเก่ง ก็เล่นปัดบรัชออนสีแดงเข้มเต็มข้างแก้มซะแบบนั้นแต่ดันออกมาสวยดีทีเดียว คนธรรมดาไม่น่าจะกล้าแต่งหน้าแบบนี้

อันที่จริงคะชู คิโยมิตสึเด็กกว่าเขา3ปี กับจ้านเกอยิ่งไม่ต้องพูดถึง... แล้วถึงเด็กนั่นจะรักสวยรักงามแต่ก็เป็นเด็กผู้ชาย(สายสวยๆโหดๆ...) แต่ที่เขาไม่รู้สึกหึงหรือหวงก็เพราะเด็กนั่นให้ความรู้สึกเหมือนเป็นน้องชายตัวแสบของเจ้ากระต่ายมากกว่า

เขาเตรียมหยิบสูทไปเปลี่ยน ทว่า ตอนที่กำลังจะเดินเข้าห้องน้ำ สายตาก็บังเอิญเหลือบไปเห็นคนกลุ่มหนึ่งเข้าเสียก่อน ถึงภาพมันจะไกลมากแต่เขาก็ค่อนข้างแน่ใจว่านั่นคือ อานัส ซัลมาน หมอนั่นกำลังเดินลงจากสปีดโบ้ทที่เข้ามาจอดเทียบท่าอยู่ที่อ่าวด้านล่าง หมอนั่นมากับบอร์ดี้การ์ดเป็นสิบคน...มางานเปิดตัวรถจำเป็นต้องขนการ์ดมาเยอะขนาดนั้นเลยเหรอ? ทำอย่างกับขนเพชรขนพลอยมาด้วยงั้นแหละ เหอะ


ติ๊ง...


เสียงกริ่งหน้าวิลล่าดังขึ้นเขาจึงหันไปดู CEOของเฟอร์รารี่ยืนอยู่ตรงนั้น

“ครับ?”   เขาต้องแขวนสูทไว้ที่เดิมก่อนจะเดินไปเปิดประตูให้อีกฝ่ายและใบหน้าหยิ่งทระนงก็เปิดประเด็นทันที

“เราจะเปลี่ยนแผนกันนิดหน่อย ไหนๆนายก็อยู่ที่นี่พอดี ชั้นคุยกับฝ่ายการตลาดแล้วว่ามันน่าจะสร้างเสียงฮือฮาได้มากกว่าเดิม”   ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ที่ท่านCEOปีศาจเปลี่ยนสรรพนามไปเรียกเขาในแบบที่สนิทมากขึ้น เขาได้แต่นั่งฟังคนเจ้าแผนการว่าจะคิดแผนพิสดารอะไรออกมาเรียกยอดขายรถได้อีก

“ครับ?”

“ชั้นจะให้นายเป็นคนขับรถคันใหม่ที่จะเปิดตัววันนี้ขึ้นไปบนเวที...โดยมีเซียวจ้านนั่งไปข้างๆ”

“ห๊ะ?”   เขาถึงกับอ้าปากค้างอย่างจับต้นชนปลายอะไรไม่ถูก ที่ผ่านมาเขาก็ไม่ได้สนใจเสียด้วยว่าในงานจะมีขั้นตอนอะไรกันบ้าง เขาแค่ตามมาเฝ้าแฟน อ่ะ ไม่ใช่ แค่ตามมาสืบเรื่องรอยสักกับพี่ชายที่หายตัวไปของเขาต่างหาก

“เดิมทีคะชู คิโยมิตสึจะเป็นคนขับ แต่นั่นมันธรรมดาเกินไป นักขับในทีมที่มาร่วมงานใครๆก็รู้กันอยู่แล้วและเป็นแบบนั้นมาทุกปี...แต่ถ้าเป็นนาย...เป็นหวังอี้ป๋อของ Moto GP ละก็...เซอร์ไพรส์ไปทั่วโลกแน่ๆ”   ใบหน้าราวกับท่านเคานต์ยังคงพูดอยู่กับจินตนาการของตัวเองต่อไป เขาได้แต่นั่งฟังอย่างมึนงง

“อ่า...ครับ...”  

“งานวันนี้ถ่ายทอดสดทางโซเชียลมีเดียไปทั่วโลก คนที่ไม่เคยสนใจก็อาจจะหันมาสนใจเพราะนายก็เป็นได้ โดยเฉพาะทางฝั่งเอเชีย...ป่ะ ไปดูรถที่นายต้องขับในคืนนี้กัน”   เดี๋ยววว จะไม่ให้เขาปฏิเสธบ้างเลยรึไงงงงง ไอ้นิสัยไม่ฟังใครนี่เป็นตั้งแต่เจ้านายยันลูกน้องเลยสินะค่ายนี้! CEOของเฟอร์รารี่ออกเดินนำไปแล้ว เขาเกาหัวแกร่กๆก่อนจะเดินตามอย่างทำอะไรไม่ได้ เอาวะ เป็นไงเป็นกัน





Ferrari 458 Italia สีขาวแล่นออกจากโรงแรมอย่างรวดเร็ว ถือเป็นเกียรติของเขาได้ไหมนะที่มีคนอย่างCEOของเฟอร์รารี่มาขับรถให้นั่งเนี่ย! นักบิดจากทีม Movistar Yamaha มองข้างทางอย่างเพลียๆ ในรถมีเพียงความเงียบเขาจึงตัดสินใจถามเรื่องที่ค้างคาอยู่ในใจมานาน

“เรื่องที่ผมกับเซียวจ้านเป็นแฟนกันจะไม่ทำให้ยอดขายรถของคุณตกลงจริงๆเหรอครับ? อย่างพวกไอดอลเนี่ย ถ้าประกาศออกไปว่ามีแฟนละก็จบเห่เลยนะ แฟนคลับอาจจะเลิกชอบไปเลยก็ได้”   เขากลัวว่าตัวเองจะไปทำให้เจ้ากระต่ายเดือดร้อนไม่ใช่อะไร

“หึ...นายไม่รู้จักพวกมหาเศรษฐีซะแล้ว...ยิ่งของมีค่ามีราคามากเท่าไหร่ก็ยิ่งอยากได้มาครอบครอง แล้วหากมีคนอื่นได้ครอบครองของชิ้นนั้น มันก็มีแต่จะยิ่งทำให้อยากได้มากกว่าเดิม ไม่ว่าจะต้องจ่ายเท่าไหร่ก็ยอมทุ่มได้หมด...เซียวจ้านก็คือสมบัติล้ำค่าชิ้นนั้น ส่วนนายก็คือคนที่ได้ไปครอบครอง พวกเศรษฐีนั่นก็จะซื้อรถของชั้นมากขึ้นเพื่อแสดงให้เห็นว่าพวกเค้าเหนือกว่านาย”   ............เจ้าเล่ห์จริงๆแหะผู้ชายคนนี้...ตอนนี้เขานี่กระจ่างเลย ทั้งเขาทั้งเจ้ากระต่ายก็เป็นเพียงหมากตัวหนึ่งของเจ้าปีศาจนี่  แต่จะว่าเขาโชคดีหรือยังไง? ที่แฟนเขาดันเป็นไอดอลที่มีฐานแฟนคลับไม่เหมือนมนุษย์มนาทั่วไป ต้นสังกัดจึงยินดีให้คบกันได้อย่างเปิดเผย...

เขาถูกพาไปที่โรงละครกลางแจ้งแบบโรมันแห่งหนึ่งในปอร์โตฟิโน่และนั่นก็เป็นครั้งแรกที่เขาได้พบกับเจ้าม้าที่ทรงพลังที่สุดของเฟอร์รารี่...Ferrari 812 Superfast…

เอาจริงๆนะ เขาไม่เคยหลงใหลรถยนต์ประเภทไหนนอกจากมอเตอร์ไซค์ ยิ่งพวกซุปเปอร์คาร์นี่ยิ่งไม่เคยอยู่ในสายตา แพงก็เท่านั้น หน้าตาก็ไม่เห็นจะสวย จนมาคลุกคลีกับพวกเฟอร์รารี่ทำให้เขาเปลี่ยนความคิดเรื่องนี้ไปเกือบหมด เขามองดูเจ้ารถสีแดงตรงหน้าอย่างทึ่งๆ...ต้องยอมรับว่าเจ้าม้าที่ถือว่าเป็นพี่ใหญ่แห่งตระกูลเฟอร์รารี่คันนี้มันสวยมากจริงๆ นอกจากความงามที่จับต้องได้จริงแล้วมันยังเป็นรถที่แรงที่สุดของค่ายในตอนนี้ ด้วยแรงม้าที่สามารถสร้างได้ถึง 789แรงม้า สามารถเหยียบคันเร่งจาก 0-200กม./ชม.ในเวลาแค่ 7.9 วินาที แถมยังมีอัตราความเร็วสูงสุด 340 กม/ชม. คูล! คูลสุดๆ!

ออแกไนซ์เซอร์ที่จัดงานเข้ามานัดแนะคิวต่างๆกับเขา เขาได้ลองขับเจ้าม้าพยศดุดันนั่นก่อนใคร ทั้งสัมผัสทั้งเสียงของมันดีมากจริงๆ ทำเอานึกถึงหน้าคนออกแบบขึ้นมาเลย ป่านนี้จะแต่งตัวเสร็จรึยังเนี่ย?

เขาถูกพากลับโรงแรมเมื่อเหลือเวลาอีกสองชั่วโมงกว่าๆก่อนที่งานจะเริ่ม 

“จ้านเกอ? ยังแต่งตัวไม่เสร็จอีกเหรอ?”   เสียงเขานำไปก่อนที่ขาจะก้าวเข้าไปในวิลล่า ได้ยินเสียงพูดคุยดังมาจากในห้องนอนเหมือนตอนที่ออกไป เขาจึงก้าวขาเข้าไปอย่างไม่คิดอะไร

นักออกแบบรถมือหนึ่งของเฟอร์รารี่ยืนอยู่หน้ากระจกโดยมีคะชูนั่งเล่นอยู่บนเตียง

แล้วเขาก็ถึงกับต้องตะลึงจนตาค้าง...เมื่อร่างโปร่งบางนั่นหันกลับมา...

เขาเข้าใจแล้ว...เข้าใจแล้วจริงๆ...ว่าทำไมเจ้ากระต่ายถึงมีมูลค่าทางการตลาดต่อเฟอร์รารี่มหาศาลขนาดนั้น เข้าใจแล้วว่าทำไมผู้บริหารระดับสูงขององค์กรถึงให้ความสำคัญกับเจ้ากระต่ายมากมายขนาดนี้

สภาพของเจ้ากระต่ายต่างจากปกติโดยสิ้นเชิง ต่างจนแทบจะจำไม่ได้ว่าเป็นคนเดียวกัน! เจ้ากระต่ายของเขาจะเนิร์ดๆน่ารักๆ แต่เซียวจ้านที่เป็นเครื่องหมายการค้าของ Ferrari design center นั้นกลับทั้งหล่อและสวยมาก มากๆๆๆผสมอยู่ในคนคนเดียวกัน และคนประเภทนี้จะมี sex appeal สูงมากทั้งกับผู้หญิงและผู้ชายด้วยกันเอง  สูทเข้ารูปสีขาวกับชุดข้างในสีดำของ Armani ที่ปักตราม้าลำพองยิ่งทำให้ร่างสูงโปร่งนั่นดูดีไม่มีที่ติ

เข้าใจเลยว่าทำไมเอลวิน สมิธถึงบอกว่าเจ้ากระต่ายเป็นหน้าตาของเฟอร์รารี่ เห็นหน้าแบบนี้เป็นคนออกแบบรถให้ เขาเป็นมหาเศรษฐีก็อยากจะควักเงินซื้อรถนั่นทันทีเลย!

อ๊า! ทำไงดี แค่เห็นก็หวงแล้ว  

“อี้ป๋อ? เป็นไง? ดูดีไหม?”   เจ้ากระต่ายกางเขนก่อนจะหมุนตัวให้เขาดู บ้าจริง สวยไปถึงระดับเซลล์แล้วเนี่ย หวงว้อยยยย

“สวยมาก...”   เขามองราวกับคนต้องมนต์

“ต้องบอกว่าหล่อมากสิ!”   เขายิ้มให้พลางมองสำรวจไปทั่วตัว คะชูแต่งหน้าเก่งจริงๆ ผมสีดำที่ถูกเซตเปิดหน้าผากทำให้ใบหน้ามนดูหวานและสวยคมมาก ดวงตากลมโตก็ถูกเขียนเน้นให้ทรงเสน่ห์ราวกับจะฆ่าคนได้ด้วยการมองแค่ปราดเดียว รูปลักษณ์ที่สูงส่งของเจ้ากระต่ายเขามั่นใจว่ามันจะส่งเสริมเจ้ารถสีแดงที่ทรงพลังและดุดันคันนั้นได้อย่างดีเยี่ยม เหมือนเรซควีนกับคิงของสนามก็ไม่ปาน

เห็นแบบนี้แล้วเขาก็เข้าใจอะไรหลายๆอย่างที่ผ่านมา ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยเข้าใจเลยว่าเป็นแค่ดีไซน์เนอร์จะมีผลกับยอดขายของรถได้ยังไง เขายังคิดอยู่เลยว่าพวกเฟอร์รารี่ก็เว่อร์ไปเอง แต่ตอนนี้เขาเข้าใจแล้ว เข้าใจทุกอย่างเลยจริงๆ

ตอนนี้เขาอยากจะรู้นักว่าหัวสมองของท่านCEOปีศาจนั่นทำด้วยอะไร เขาเพิ่งจะเคยเห็นค่ายรถที่ทำแบบนี้เป็นครั้งแรก...ทำการตลาดโดยไม่จ้างพรีเซ็นเตอร์เป็นดาราชื่อดัง ไม่จ้างพริตตี้ แต่ใช้ดีไซน์เนอร์ออกแบบรถของตัวเองเป็นจุดขาย...แล้วมันก็ดันประสบความสำเร็จมากเสียด้วย ก็ทั้งสวยทั้งเก่งใครจะไม่หลงใหลบ้าง

แล้วก็นับว่าฉลาดมากที่ให้เจ้ากระต่ายไปหมกตัวอยู่กับพวกทีมแข่ง ไม่ให้ออกสื่อที่ไหน เพราะฉะนั้นบรรดาแฟนคลับมหาเศรษฐีถึงได้เห็นช่วงเปิดตัวรถแบบนี้เป็นเวลาล้ำค่าที่จะได้เจอกับดีไซน์เนอร์ตัวท็อปของเฟอร์รารี่ รถที่ดีอยู่แล้วจึงถูกยกระดับให้พิเศษต่อจิตใจขึ้นไปอีก เป็นการใช้หลักจิตวิทยาเรื่องการรอคอยมากระตุ้นยอดขายได้โดยแท้~

“นายเองก็ต้องมาแต่งหน้าด้วย!”   คะชู คิโยมิตสึดีดตัวจากการนั่งเล่นอยู่บนเตียงขึ้นมาด้วยท่าทางสนุกสนาน เขาปล่อยให้เด็กนั่นแปลงโฉมเขาเป็นรายต่อไป เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมเจ้ากระต่ายถึงจามไม่หยุด แปรงหลายขนาดปัดไปปัดมาบนใบหน้า เขาก็แค่คนขับรถไหม? ต้องแต่งอะไรแบบนี้ด้วยเหรอ?

“ว้าว~~ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมตาแก่หัวโบราณพวกนั้นถึงยอมนาย”   พูดถึงใครเนี่ย? เขาได้แต่ใช้สองหูฟังเสียงเจื้อยแจ้วของคะชูเพราะตอนนี้เขาหลับตาอยู่

“จ้านจ้าน นายไปตกหมอนี่มาจากสนามแข่งจริงดิ? ชั้นนึกว่ามาจากแคทวอล์คของมิลานแฟชั่นวีคซะอีก~~”   เจ้าเด็กแสบเม้าท์กับเจ้ากระต่ายซึ่งๆหน้าเขานี่แหละ ใช่สิ เขาหล่อเขาก็รู้ตัวอยู่หรอก หึ!

“สีนั้นมันเข้มไปไหมอ่ะ? ปรับลงสองเบอร์ไม่ดีกว่าเหรอ?”   เจ้าดีไซน์เนอร์รถตอนนี้กำลังช่วยเลือกสีลิปสติกให้เขาอยู่...แค่ลิปมันก็พอม้าง...

“มันไม่เหมือนสีรถนะจ้านจ้าน นายจะใช้ Rosso Scuderia หรือ Red Ferrari สีเดียวไม่ได้ นายต้องใช้สีนี้ผสมกับสีนี้ สีนี้ไล่จากมุมเข้ามาส่วนสีนี้ทาตรงกลาง”   เขาเริ่มมีเหงื่อแตกพลั่ก...หวังว่าเจ้าเด็กแสบจะไม่แต่งเขาออกมาสวยกว่าเจ้ากระต่ายหรอกนะ...

“เอ้า ลืมตาได้”   นัยน์ตาคมกล้าเปิดขึ้นมาด้วยใจตุ๊มๆต่อมๆ แต่ทันทีที่เห็นหน้าตัวเองในกระจกก็ค่อยเบาใจได้หน่อย

“หล่อจัง”   เจ้ากระต่ายยื่นหน้ามามองด้วยทำเอาเขาถึงกับยิ้มเขินๆ

“หน้าดีอยู่แล้ว แต่งนิดเดียวก็หล่อมากอ่ะ พวกนายสองคนนี่เหมาะกันมากจริงๆแหะ”   คะชูถอยออกไปมองอย่างทึ่งๆ เขาจึงหันไปยิ้มให้เจ้ากระต่ายที่กำลังหน้าแดง

“ปะ ไปเปลี่ยนชุดเถอะ...จะได้เตรียมไปที่งาน...”   ใบหน้าหวานเสมองพื้นอย่างเขินๆ เขาจึงลุกไปเปลี่ยนสูทที่เฟอร์รารี่เตรียมให้ แล้วก็ไม่ต้องบอกเลยว่าลุคเขามันจะชั้นสูงขนาดไหน




ก็แค่เดินเข้างานคนก็หันมามองกันตาค้าง...



ช่างถ่ายรูปบนพรมสีแดงต่างลั่นชัตเตอร์เก็บภาพเขากับเจ้ากระต่ายกันรัวๆ

รูปปั้นเทพเจ้าสีขาวขนาดมหึมาเรียงรายต้อนรับอยู่เหนือผนังทางเข้าสูงสง่าทั้งสองข้าง  โรงละครกลางแจ้งแบบโรมันจะมีอัฒจรรย์ทรงกลมขนาดใหญ่ล้อมเวทีเอาไว้ตรงกลาง ปกติทุกอย่างจะเปิดโล่งแต่วันนี้ทีมออแกไนซ์ของงานเนรมิตครึ่งหนึ่งของโรงละครเป็นอาคารแบบปิด ข้างในนั้นติดแอร์เย็นฉ่ำ ผนังเบาสีดำทำให้ภายในซึ่งถูกตกแต่งเป็นเล้าจ์แบบหรูดูไฮโซขึ้นมาถนัดตา มีเคาน์เตอร์บาร์ยาวด้านหนึ่งซึ่งผนังเต็มไปด้วยบรั่นดี วอดก้าและเหล้านอกราคาแพง แสงไฟจากแชงเดอเรียทำให้โต๊ะและโซฟาดูหรูหรา แต่ก็ยังไม่ทิ้งเอกลักษณ์ของโรงละครด้วยการทำให้ส่วนหนึ่งของอัฒจรรย์โค้งนั้นเข้ามามีส่วนร่วม แขกเหรื่อในชุดสูทดูดีและชุดราตรีสวยงามบางส่วนก็ใช้ขั้นบันไดสีขาวพวกนั้นเป็นที่นั่ง ทั้งไวน์และแชมเปญถูกเสิร์ฟไม่ขาด

พิธีกรเริ่มดำเนินงานเมื่อถึงเวลา ส่วนเขากับเจ้ากระต่ายต้องเตรียมไปสแตนบายด์อยู่หลังเวที ร่างสูงสง่าก้าวขึ้นไปนั่งหลังพวงมาลัย ส่วนเจ้ากระต่ายก็ขยับมานั่งข้างๆ เขาหันไปยิ้มให้ตัวเอกของงาน ใบหน้ามนจึงยิ้มบางๆตอบกลับมา

“ตื่นเต้นไหม?”   มือใหญ่เอื้อมไปกอบกุมมือบางที่วางอยู่บนหน้าตัก มือกระต่ายนั้นเย็นเล็กน้อย

“อื้อ มางานเปิดตัวทีไรก็ยังตื่นเต้นทุกที ชั้นไม่ชอบให้ใครมองเลยอ่า”   เจ้ากระต่ายทำแก้มป่อง

“คราวนี้มีผมอยู่ด้วย ไม่ต้องกลัว รถคันนี้ของพี่มันเยี่ยมยอดที่สุด ผมลองขับมาแล้ว เชื่อผม ผมจะไม่โกหกพี่ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม”   เจ้ากระต่ายมองเขาด้วยแววตาซาบซึ้ง

“ขอบคุณนะ”   เขาบีบกระชับมือบางเพื่อให้กำลังใจ ไฟกระพริบจากหลังเวทีเป็นสัญญาณให้เตรียมตัว เขาจึงหันกลับมาโฟกัสที่งานต่อ และเมื่อ VTR ที่ฉายอยู่ในงานจบลง


พรึ่บ!!


ม่านสีแดงขนาดใหญ่ที่ถูกขึงไว้ราวกับผนังร่วงลงมาในพริบตาเรียกเสียงฮือฮาจนทุกคนต่างจับจ้องมาที่เวทีอย่างไม่ต้องมีใครเรียก เสียงเพลงเปิดตัวดังกระหึ่มก่อนที่แสงไฟสปอร์ตไลท์จะสาดส่องมาที่รถสองคันซึ่งจอดอยู่บนเวที ทุกคนต่างชะเง้อมองอย่างสนอกสนใจ แต่ความน่าตื่นตาตื่นใจยังไม่หมด

หลังจากที่เสียงเพลงค่อยๆเบาลง...


เสียงม้าลำพองตัวใหม่ก็ดังขึ้นทักทายทันที...


ฝ่าเท้าของหวังอี้ป๋อเหยียบคันเร่งติดกันสองที เสียงกระหึ่มทุ้มต่ำก็ดังขึ้นโดยที่ไม่มีใครเห็นตัว ทุกคนในงานต่างหันมองหาว่าเสียงดังมาจากไหน เสียงไพเราะของเจ้าม้าตัวใหม่ทรงพลังและน่าหลงใหลมาก เหมือนเสียงทุ้มต่ำของผู้ชายที่เยือกเย็นแต่ก็แข็งแกร่งน่าเกรงขาม

ไฟหน้าเปิดพรึ่บขึ้นมาที่มุมหนึ่งของอัฒจรรย์ ทุกสายตาต่างหันไปมองเป็นจุดเดียว ม้าพยศที่อยู่ในหัวใจของทุกคนกำลังสร้างความตื่นเต้นที่จะได้เห็น...ในที่สุด Ferrari 812 Superfast ก็ค่อยๆปรากฏสู่สายตาของคนทั่วโลกจนได้...

มันค่อยๆวิ่งออกมา...ท่ามกลางเสียงปรบมือและเสียงว้าวที่ดังขึ้นทั่วงาน เท่านั้นยังไม่พอ เมื่อเจ้ารถสีแดงหยุดลงที่กลางเวที จอ LED ที่เคยกั้นเป็นฉากหลังก็ค่อยๆถูกยกขึ้นไป...ทำให้มองเห็นอัฒจรรย์โค้งอีกครึ่งหนึ่งซึ่งอยู่ข้างหลังได้เต็มๆ รูปปั้นเทพเจ้าสีขาวที่ยืนเป็นวงโค้งอยู่เหนืออัฒจรรย์ทำให้บรรยากาศดูยิ่งใหญ่มีมนต์ขลัง เหมือนเจ้าม้าสีแดงตั้งโดนเด่นอยู่ในอ้อมแขนของรูปปั้นเหล่านั้น เสียงเพลงก็เริ่มบรรเลงกระหึ่มขึ้นอีกครั้ง

ช่างเป็นการเปิดตัวอย่างอลังการสมเป็นพี่ใหญ่ของตระกูลม้าลำพองจริงๆ

หวังอี้ป๋อและเซียวจ้านค่อยๆก้าวขาลงจากรถ และถ้าคิดว่าเซอร์ไพรส์จะหมดแค่นี้คุณต้องคิดผิด เพราะทันทีที่นักบิดแชมป์สี่สมัยของ Moto GP เดินไปยืนอยู่กลางเวทีคู่กับดีไซน์เนอร์ตัวท็อปของเฟอร์รารี่ เสียงฮือฮาก็ดังขึ้นอีกครั้งพร้อมทั้งแสงแฟลชจากกล้องถ่ายรูปรัวกันไม่หยุด ไม่ต้องบอกก็รู้ว่างานเปิดตัวครั้งนี้ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลามจนใบหน้าหยิ่งทระนงของท่านCEOถึงกับยกยิ้มมุมปาก ยอดขายถล่มทลายแน่ๆงานนี้!

ร่างสูงสง่าโค้งให้แขกเหรื่อด้านหน้าก่อนจะเดินกลับเข้าไปด้านหลังเวที หน้าที่ของเขาจบลงแล้ว แต่เจ้ากระต่ายยังต้องนั่งพูดคุยเกี่ยวกับดีไซน์ของรถคันนี้ต่อไป แน่นอนว่าเขาแอบยืนดูอยู่หลังเวทีนั่นแหละ

รถแต่ละรุ่นของ Ferrari มีคาแรคเตอร์ที่แตกต่างกันออกไป เจ้า 812 Superfast นี่มีความดุดันในแบบผู้ใหญ่ รูปร่างหน้าตาที่มีความน่าเกรงขามแต่กระนั้นก็ยังไม่ทิ้งความปราดเปรียวของม้าลำพองไป นอกจากดูรถแล้วการได้ดูดีไซน์เนอร์ตัวท็อปของเฟอร์รารี่พูดคุยถึงไอเดีย คอนเซ็ปต์และการดีไซน์ตัวรถก็คงจะเป็นสิ่งที่ทำให้ทุกคนในงานเพลิดเพลินเจริญใจ เสียงที่ไพเราะนุ่มนวลน่าฟังรวมทั้งวิธีการเล่าเรื่องก็สามารถสะกดคนดูได้อย่างอยู่หมัด ไม่ต้องพูดถึงรูปร่างหน้าตาเพราะตอนนี้เจ้ากระต่ายสว่างจ้าอยู่กลางเวทีแต่เพียงผู้เดียว

ยิ่งดูก็ยิ่งหลง เซียวจ้านของ Ferrari design center นั้นมีเสน่ห์มากมายเหลือเกิน...


เสียงจ้อกแจ้กจอแจเริ่มกลับมาเมื่องานบนเวทีจบลง ตอนนี้รถทั้งสามคันที่จอดโชว์อยู่เปิดให้แขกในงานได้เข้าไปลองนั่งลองสัมผัสแล้ว ส่วนเจ้ากระต่ายก็ต้องเดินคุยกับลูกค้าไปทั่วงานทำให้หวังอี้ป๋อนั้นว่างแสนว่าง เขาจึงหลบไปนั่งสังเกตการณ์และเฝ้าเจ้ากระต่ายของเขาอยู่ที่เคาน์เตอร์บาร์ เขาไม่จำเป็นต้องไปเดินเฝ้าเพราะเจ้ากระต่ายมีท่านCEOปีศาจประกบติดตลอดงาน ไม่มีใครหน้าไหนมาดึงตัวไปได้ ต่อให้ยิ่งใหญ่ขนาดไหนก็ไม่มีใครกล้าต่อกรเพราะไม่มีใครฝีปากราวกับกรรไกรและหัวสมองประมวลผลไวเท่าCEOของเฟอร์รารี่อีกแล้ว เขาจึงนั่งมองอย่างวางใจ

ดวงตาคมกล้ากวาดมองไปรอบๆงาน นอกจากเจ้ากระต่ายของเขาแล้วยังมีอีกคนที่เขาจับตามอง...อานัส ซัลมาน...

หลายครั้งเขาก็อยากจะเดินไปต่อยหน้าหมอนั่นให้มันรู้แล้วรู้รอด ทำเป็นถามเรื่องรถแต่ก็แอบแตะต้องตัวแฟนเขาตลอดเวลา ดีที่ท่านCEOปีศาจก็รู้ทัน ถึงได้ขัดขวางอย่างไม่ไว้หน้าให้สาแก่ใจเขานัก

นิ้วยาวเคาะลงไปบนเคาน์เตอร์เมื่อลอบสังเกตพ่อค้าเพชรซาอุนั่นอีกรอบ จะว่าไปเขาก็เห็นหมอนั่นมีสีหน้าเคร่งเครียดก่อนจะหันไปสั่งงานลูกน้องอยู่หลายครั้ง ไม่รู้ว่าเรื่องค้าเพชรมีปัญหา? หรือว่าสติแตกที่รู้ว่าหวังอี้ป๋อเป็นอะไรกับเซียวจ้าน? หึ! เขายักไหล่ก่อนจะกระดกแชมเปญเข้าปาก

อีกอย่าง เท่าที่สังเกตดูทุกคนในงานเหมือนจะรู้ว่าเจ้ากระต่ายดื่มไม่ได้ จึงไม่มีใครยกเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้เลย แขกที่มาร่วมงานเองก็เหมือนกัน เวลาจึงผ่านไปอย่างไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง

ใกล้จะได้เวลาเลิกงานเต็มที แขกเหรื่อเริ่มทยอยกลับกันไปบ้างแล้ว ร่างสูงสง่าเพิ่งเดินกลับมาจากห้องพักด้านหลังเวที เขาไปหยิบผ้าคลุมไหล่มาให้เจ้ากระต่าย ยิ่งดึกอากาศก็ยิ่งเย็น เดี๋ยวเจ้ากระต่ายขี้หนาวของเขาจะไม่สบายเอา

ทว่า...เขากลับหาเจ้ากระต่ายไม่เจอ?

“เซียวจ้านละครับ?”   เขาเดินเข้าไปถามคุณครูเทโอ้ CEOหนุ่มกำลังคุยกับฝ่ายขายเพราะยอดขายถล่มทลายอยู่

“เพิ่งขอตัวไปห้องน้ำเมื่อกี้นี้เอง”   ใบหน้าหยิ่งทระนงหันมาบอกเขาก่อนจะหันไปคุยเรื่องงานต่อ เขาจึงตัดสินใจตามไปรอที่หน้าห้องน้ำ

แขกคนแล้วคนเล่าเดินออกมาจนเขานึกสงสัย เจ้ากระต่ายเป็นไรหรือเปล่าถึงได้เข้าห้องน้ำนานขนาดนี้? ขายาวก้าวเข้าไปดูก่อนจะพบว่าประตูห้องน้ำยาวเหยียดนั้นถูกเปิดเอาไว้เกือบทุกห้องและที่หน้าเคาน์เตอร์อ่างล้างมือก็ไม่มีใคร? อ้าว? จ้านเกอไปไหน?

เขาลองเดินดูทุกห้องอีกรอบก่อนที่บทสรุปจะเหมือนเดิม...จ้านเกอไม่ได้อยู่ในนี้?

ร่างสูงสง่าเดินกลับไปมองหาในงานแต่ไม่ว่าจะตรงไหนก็ไม่มีเจ้ากระต่ายอยู่เลย? เกิดอะไรขึ้น? จ้านเกอหายไปไหน? ทั้งหน้าเวที หลังเวที หน้าที่จัดงาน ตรงไหนก็ไม่มี? เขาเริ่มใจคอไม่ดี โทรศัพท์ถูกยกแนบหูนับครั้งไม่ถ้วนและไม่ว่าเขาจะโทรไปกี่รอบเจ้ากระต่ายก็ไม่รับ...เป็นไปไม่ได้...ขนาดตอนมีเซ็กส์กันอยู่เจ้ากระต่ายนั่นยังรับโทรศัพท์ เพราะฉะนั้นการที่จู่ๆก็ติดต่อไม่ได้แบบนี้มันต้องมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นแน่ๆ

เขาเริ่มวิ่งพล่านไปทั่วงานและคนที่หูตาไวเพราะเป็นนักแข่งรถเช่นเดียวกับเขาก็เริ่มสังเกตได้  คะชู คิโยมิตสึเดินมาถามเขาว่าเกิดอะไรขึ้น?

“จ้านเกอหายตัวไป โทรเท่าไหร่ก็ไม่รับ”  เขาแสดงสีหน้ากังวลจนเจ้าคนขี้เล่นตรงหน้าชักรู้สึกไม่ชอบมาพากลไปด้วย

“งั้นเดี๋ยวชั้นให้บอสช่วยเช็คตำแหน่งให้”   มือที่ทาเล็บสีแดงยกหูโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาเอลวิน สมิธโดยไม่สนใจว่าตอนนี้มันกี่โมงกี่ยามแล้ว ไม่สนด้วยว่านายเหนือหัวตัวเองจะเข้านอนไปแล้วหรือยัง

“สัญญาณติดตามตัวของจ้านเกอไม่ได้อยู่ในแว่นตาหรอกเหรอ?”  แต่วันนี้เจ้ากระต่ายใส่คอนแทคเลนส์นี่? เขาถามด้วยความกังวลใจ รู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีเลยแหะ 

“ก็เพราะรู้ว่าวันนี้จะต้องสวยไง ก็เลยเปลี่ยนที่ไว้สัญญาณติดตามตัวนิดหน่อย”   คะชูตอบเขาพลางยักไหล่

“นิดหน่อย?” 

“ชุดที่จ้านจ้านใส่ทั้งชุดนั่นแหละ สัญญาณติดตามตัว หึๆๆ”  

“ห๋า?”  

“นวัตกรรมใหม่ของอาร์มานี่เชียวนะ! พัฒนามาเพื่อพวกเราโดยเฉพาะ!”  

“อ่อ...”   เขาฟังอย่างทึ่งๆ สมเป็นทีมเอฟวันจริงๆ ต้นกำเนิดนวัตกรรมใดๆในโลก!

“บอส? ว่าไงบ้าง เจอจ้านจ้านไหม? ห๋า? ทำไมไปอยู่แถวท่าเรือล่ะ??”    ท่าเรือ? สิ่งที่ได้ยินจากคะชูทำเอาเขามึนงง จากตรงนี้ไปที่อ่าวไม่ได้ใกล้ๆเลยนะ?

“........”   แต่แล้วจู่ๆเขาก็นึกถึงอานัส ซัลมานกับเรือสปีดโบ้ทที่เขาเห็นเมื่อตอนบ่ายขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ ทั้งๆที่มีเศรษฐีมากมายที่สนใจเจ้ากระต่ายและมีเศรษฐีมากมายที่เอาเรือมาแต่เขาก็ไม่รู้ทำไมถึงได้ติดใจท่าทางแปลกๆของชายชาวตะวันออกกลางนั่นนัก...ใบหน้าหล่อเหลาหันไปมองคนที่เหลืออยู่ในงาน หมอนั่นไม่อยู่แล้วจริงๆด้วย 

“คะชู นายไปรายงานเรื่องนี้ให้คุณครูเทโอ้รู้ที ชั้นจะล่วงหน้าไปที่ท่าเรือก่อน บอกซีอีโอของนายว่าชั้นสงสัยผู้ชายที่ชื่ออานัส ซัลมาน”  

“สงสัย? เรื่องอะไร? นี่!  เดี๋ยวสิ!”   เขาวิ่งออกมาอย่างไม่สนใจเสียงเรียกจากคะชู จากตรงนี้ไปท่าเรือไม่ใช่ใกล้ๆ เวลาแค่นี้เจ้ากระต่ายไม่น่าจะเดินไปเองถึง

แล้วยิ่งเขาวิ่งออกมาพบว่ารถของจ้านเกอยังจอดอยู่ตรงนี้ ลางสังหรณ์ของเขาก็ยิ่งชัดเจนขึ้นมาทันที  


บางที...เจ้ากระต่ายอาจจะถูกลักพาตัวไป





.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.

To be con.



จริงๆแล้วตั้งใจจะเขียนการลักพาตัวให้จบในตอนเดียว แต่งยิ่งเขียนก็ยิ่งยาว อ๊ากกก // เอาหัวโขกวอลล์มาเรีย >[ ]< // อภัยให้ลูกช้างด้วย(?)

แล้วก็มีคลิปงานเปิดตัวรถมาให้ดูประกอบจินตนาการอีกแล้วค่ะ555



แต่อันนี้เป็นของ Ferrari Roma นะคะ ยืมฉากมาใช้ซะงั้น ^ ^a ของ 812 จริงๆไม่รู้เปิดตัวที่ไหน ส่วนที่เปิดตัวในปอร์โตฟิโน่เองอย่างรุ่น Portofino ก็หาคลิปไม่เจอสงสัยม้าไม่ได้เอาลงยูตูปไว้ งานนั้นจำได้ว่าดูอยู่ค่ะ ยิ่งใหญ่อลังการมากไม่แพ้ Romaเรย555 จำได้ว่าเป็นเวทีแบบสแตนที่น่าจะประกอบชั่วคราวขึ้นมาเอง งานนั้นเหมือนยัยมาดามไปด้วยหรือไงนี่แหละก็เลยตามไปติ่งจนได้รู้ว่า เอ้ยยยย มันมีเมืองที่สวยๆอย่างปอร์โตฟิโน่อยู่ในโลกนี้ด้วยเว้ยแก~~ >////<

ส่วน 812 Superfast หน้าตาเป็นงี้ค่ะ หล่อมากคุณเอ้ย ใครที่เคยอ่านภาคก่อนๆของ GLIDE น่าจะคุ้นกับ F12 Berrinetta ของคุณรีไว 812 นี่คือรถที่รับช่วงพัฒนาต่อจาก F12 น่ะค่ะ



แล้วนอกจากซุปเปอร์คาร์นะคะ รถฟอร์มูล่าวันเค้าก็เปิดตัวอลังการไม่แพ้กันค่ะ อย่างรถของปี 2020 นี้คือเปิดตัวกันที่โรงละครโอเปร่าอ่ะแม่ขา 5555+ รถเอฟวันกับโรงละครโอเปร่า~~~!!! แล้วไม่ใช่แบบซิดนี่ย์โอเปร่าไง แต่เป็นโอเปร่าแบบอิตาลีแท้ๆเลยอ่ะ ที่มีที่นั่งเป็นชั้นๆห้องๆอยู่รอบๆน่ะค่ะ5555+ ตอนแรกก็ขำแต่พอดูถ่ายทอดสดจบก็ เออค่ะ ยอมแร้วค่ะ ถ้าจะจัดหนักจัดเต็มกันขนาดนี้ >////<

แล้วก็...ฟิคตอนนี้คะชูมีบทเยอะ ใครที่ไม่รู้จักแล้วอยากเห็นหน้านางให้เสิร์ซว่า  Kashuu Kiyomitsu Ryuji นะคะ อิๆๆ ก็ป๋อจ้านเป็น 3D ไง หารูปคิโยะจังที่เป็น 2D เด่วนึกไม่ออก เอาแบบ 2.5Dไปจะใกล้เคียงหน่อย555

ขอบคุณทุกๆการติดตามและทุกๆคอมเม้นต์มากๆๆนะคะ เป็นกำลังใจมากๆเลย งื้อออ >////< แล้วเจอกันตอนหน้าค่า



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น