ป๋อจ้าน Au.Fic [หวังอี้ป๋อ x เซียวจ้าน] GLIDE : 2x4 It’s me : 10
: ป๋อจ้าน Fanfiction Au
: หวังอี้ป๋อ x เซียวจ้าน
: Romantic
: NC-17
คำเตือน : เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ
: เนื้อเรื่องต่อไปนี้เป็นเพียงจินตนาการของผู้เขียน ไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นจริงนะคะ
: ข้อมูลจะไม่แน่นเท่า GLIDE ภาคก่อนๆนะคะ เพราะภาคนี้ข้ามมา 2 ล้อ ตรูขี้เกียจหาข้อมูลฝั่ง Moto GP โฟ้ยยยย // โดนตบด้วยหมวกกันน็อค
ใบหน้ามนกวาดตามองหาหวังอี้ป๋อไปทั่วพิตสีแดง แต่ร่างสูงสง่านั่นกลับหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย เมื่อเช้าก็มาด้วยกันแท้ๆ?
เสียงกระหึ่มที่ใกล้เข้ามาทำให้นักออกแบบรถมือหนึ่งของทีมต้องหันหน้ากลับไปมองจอมอนิเตอร์
หูฟังสีแดงซึ่งคล้องอยู่ที่ลำคอถูกยกขึ้นมาแนบใบหู เสียงทีมเช็คจากทุกฝ่ายกระจายไปทั่วพิต วิทยุสื่อสารของทีมม้าลำพองกำลังทำงานเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ หากเป็นสมัยก่อนพวกเขาจะคุยกันด้วยภาษาอิตาลีเพื่อป้องกันการถูกทีมอื่นล้วงข้อมูล แต่กฎปัจจุบันให้สื่อสารกันด้วยภาษาอังกฤษเพราะมีการตัดบทสนทนาบางช่วงของทีมวิศวกรและนักขับไปออกอากาศให้ผู้ชมฟังด้วย ทั้งยังมีข้อห้ามหลายๆอย่างที่ไม่ให้ทีมวิศวกรช่วยเหลือนักขับมากเกินไป เรื่องในสนามก็ควรให้นักขับใช้ทักษะและฝีมือแก้ไขปัญหาเอง หากแต่ละทีมพูดภาษาใครภาษามันก็จะตรวจสอบไม่ถูก
เสียงทุ้มต่ำของเครื่องยนต์วนกลับมาประจำกริดสตาร์ทอีกครั้งหลังจากออกไปวิ่งวอล์มในรอบ Formation Lap เลือดในกายเริ่มร้อนขึ้นเรื่อยๆ ช่วงสตาร์ทมักเป็นช่วงเวลาที่อันตรายที่สุดเสมอ คนที่อยู่ในพิตอย่างเขาก็ทำได้แค่ภาวนาให้รถทั้งสองคันอยู่รอดปลอดภัย ไม่ไปเฉี่ยวไปชนกับใคร ไม่โดนสอยตูด และไม่ชนกันเอง มือบางทั้งสองข้างยกขึ้นมากุมกันอยู่ที่หน้าอกอย่างลุ้นระทึก
ไฟสีแดงค่อยๆติดขึ้นทีละดวง...ทีละดวง...เป็นช่วงที่ทุกสายตาต่างจับจ้องไปยังรถทั้ง 20 คันตรงหน้าแบบแทบลืมหายใจ ใต้แผ่นอกซ้ายเต้นจนแทบจะทะลุออกมา หนึ่ง...สอง......สาม.......สี่........และห้า!
พรึ่บ!
ไฟทั้งห้าดวงดับลงพร้อมกัน การแข่งขันรถสูตรหนึ่งชิงแชมป์โลกสนามที่ 16 สิงคโปร์กรังด์ปรีซ์เริ่มต้นแล้ว!!
รถทั้ง 20 คันพุ่งทะยานออกไปทันทีอย่างไม่มีใครยอมใคร เสียงแหวกอากาศดังกระหึ่มไปทั่วสนาม ใจของคนทั้งพิตเต้นระรัว ดวงตานับห้าสิบคู่จ้องไปบนแทรคไม่กระพริบ เสียงเบรกดังสนั่นมาพร้อมกับกลุ่มควัน รถกลุ่มกลางเบียดกันแย่งเข้าไลน์และมีรถอย่างน้อยสามคันชนกันจนยางแตกปีกหลังพัง ร่างโปร่งบางยกนิ้วขึ้นมากัดโดยไม่รู้ตัว ลุ้นจนหัวใจจะวายและยิ่งลุ้นเข้าไปใหญ่เมื่อเจ้ารถสีแดงสองคันนั่นพุ่งไปถึงสุดทางตรง โค้งแรกของสนามมาริน่าเบย์เซอร์กิตนับว่าโหดเอาเรื่อง รถของโกคุเดระ ฮายาโตะนำอยู่ก็จริงแต่จากความเร็ว315กิโลเมตรต่อชั่วโมงต้องลดให้เหลือ125 เบรกที่กดลงไปจึงทำให้ล้อล็อคควันโขมง รถที่ควรจะเลี้ยวกลับเลี้ยวไม่ได้ดังใจ โกคุเดระ ฮายาโตะพยายามบังคับรถเข้าโค้งทว่ารถทีมอื่นที่ตามมาก็เกี่ยวด้านท้ายเข้าให้
เอี๊ยด!!!
SF90 HAYATO ลื่นไถลออกนอกแทรคจนไปชนแบริเออร์โครมใหญ่ ปีกหน้าแตกกระจายหายไปด้านหนึ่ง!
“อูยยยยย” เสียงคนทั้งพิตร้องโหยหวนดังก้องสองหู
“โกคุเดระ บอกความเสียหายมา” ศิษย์พี่ที่เป็นวิศวกรสนามของฮายาโตะรีบเช็คสภาพรถทันทีที่ยังเห็นเจ้ารถสีแดงนั่นวิ่งต่อได้
“ปีกหน้าพัง จะให้เข้าไปเปลี่ยนไหม?” เสียงนิ่งเอ่ยตามวิทยุสื่อสารมา น้ำเสียงของเจ้าเด็กนั่นยังเย็นเฉียบเป็นน้ำแข็ง ไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรกับการชนเมื่อครู่นี้สักนิด
เป็นหน้าที่ของทีมวิศวกรอย่างพวกเขาที่ต้องวิเคราะห์ว่ารอยแผลแค่นั้นมันคุ้มไหมกับการต้องเข้ามาเปลี่ยนจมูกรถใหม่...เวลาเปลี่ยนจมูกรถทั้งอันคือ 3 วินาทีบวกกับเวลาที่ต้องเสียไปในพิตเลนเพราะถูกจำกัดความเร็วอีก25วินาที...ถ้ายังขับต่อไปทั้งๆที่ปีกหน้าเสียหายแบบนี้ความเร็วของโกคุเดระจะถูกทอนไปรอบละกี่วินาที ต้องวิ่งอีกกี่รอบถึงจะถึงขีดจำกัดของยางแล้วต้องเข้าพิต แล้วระหว่างให้เข้าพิตตอนนี้ซึ่งต้องเสียเวลาในพิตเลนสองรอบกับเข้ามาเปลี่ยนปีกหน้าทีเดียวพร้อมกับยาง อันไหนได้อันไหนเสียกว่ากัน ทีมวิศวกรมีเวลาคำนวณเพียงสั้นๆ ทั้งคิดด้วยมือทั้งใช้โปรแกรมช่วย ในที่สุดผลก็สรุปออกมาว่า
“จ้านจ้านบอกให้นายขับต่อไปก่อน เอาไว้เปลี่ยนตอนเข้าพิต ให้ระวังเคิฟทางขวาด้วย อย่าให้ชิ้นส่วนหลุดมากกว่านี้”
โกคุเดระ ฮายาโตะเป็นนักขับที่เบรกลึกมาก ทำให้ในทางตรงสามารถทำเวลาได้มากกว่าคนอื่น เด็กนั่นมีหัวจิตหัวใจที่ไม่เหมือนใคร ไม่กลัวตาย แถมมีความมั่นใจสูงว่าจะเอารถอยู่ และเพราะว่าเบรกลึกขนาดนั้นโอกาสจะปีนเคิฟจึงมีสูง ถ้าขอบเคิฟกระแทกปีกหน้าที่เสียหายอยู่แล้วมากๆเข้า ชิ้นส่วนอาจจะหลุดมากขึ้นไปอีก
ปีกหน้านั้นเป็นตัวช่วยคอนโทรลลมและแรงที่เข้ามาปะทะ ชิ้นส่วนมากมายบนปีกถูกปรับแต่งให้ช่วยบังคับทิศทางของลมเหล่านั้นให้เป็นไปตามแอโรไดนามิกที่ออกแบบไว้ มันมีผลต่อดาวน์ฟอร์ซหรือแรงกดของตัวรถถึง25%!
ดวงตาคมกล้าจ้องมองเจ้ารถสีแดงที่ปีกแหว่งวิ้น เป็นถึงขนาดนั้นแล้วผีเสื้อสีเพลิงก็ยังฝืนบินต่อไป...
เขาจ้องมองภาพในจออย่างนับถือหัวจิตหัวใจของโกคุเดระ ฮายาโตะก่อนจะละใบหน้าออกมา ขายาวก้าวเดินต่อไปในห้องรับรองของแพดด็อก เขาไม่ได้เบื่อพิตการาจที่วุ่นวายจนต้องหนีแต่ที่เขามาที่นี่นั่นก็เพราะว่าเขาต้องการจะตามหาคนคนหนึ่ง
ชายชาวตะวันออกกลางที่เขาเจอเมื่อวาน...
เขาต้องรู้ให้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับพี่ชายของเขาและหากหมอนั่นเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้จริงๆเขาก็ไม่เอาไว้แน่
ภาพคนมากมายที่อยู่ในแพดด็อกกำลังซ้อนทับกับภาพในอดีต...เย็นวันนั้น...ก็คนเยอะแบบนี้แหละ...
ที่หน้าโรงเรียนเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่งในกรุงปักกิ่ง เขาที่อายุ 12 ปีกำลังเดินออกจากประตูโรงเรียนเพื่อกลับบ้าน จะพูดว่ากลับบ้านก็คงไม่ถูกนักในเมื่อเขาต้องไปเรียนพิเศษตามแบบฉบับนักเรียนสมัยนั้นเสียก่อน
สองขายังไม่ทันจะก้าวพ้นประตูดีก็มองเห็นว่ามีเงาร่างคุ้นตากำลังยืนยิ้มกว้างโบกมือให้เขาอยู่ที่หน้าโรงเรียน...ถ้าเขาโตกว่านี้อีกซัก7ปีก็คงมีหน้าตาเหมือนหมอนั่น...หวังอี้เฟิง พี่ชายคนเดียวของเขา
“เฮีย?...มาทำไมเนี่ย?” เสียงราบเรียบทักทายพี่ชาย เขาเองก็เป็นแบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไร
“เฮ้ย พี่ชายที่แสนดีมารับทั้งที ทำหน้าดีใจหน่อยดิวะ ว่าไงเจ้าน้องชาย~ นายร้องไห้ขี้มูกโป่งหรือเปล่าน้ามาโรงเรียนวันแรกแบบนี้~” ท่อนแขนแข็งแรงตวัดมากอดคอเขาไว้ พี่ชายผู้ร่าเริงแตกต่างจากเขาทุกอย่าง บางครั้งเขาก็เบื่อหน่ายกับใบหน้าเป็นมิตรระดับ10นั่น จะยิ้มทำไมในเมื่อใจจริงไม่ได้อยากจะยิ้มสักหน่อย แต่ยิ่งโตเขาก็ยิ่งเข้าใจ เพราะพี่ชายคือทายาทของตระกูลหวัง ทุกอย่างจึงต้องเพอร์เฟค รวมถึงรอยยิ้มจอมปลอมพวกนั้นด้วย
“เฮีย...ผมขึ้นม.ต้นแล้วนะ แหกตาดูรอบๆบ้าง” เขาปัดมืออีกฝ่ายออกจากไหล่อย่างไม่ไยดี ถึงพี่ชายจะใส่หน้ากากกับคนอื่น แต่เขาก็รู้ดีว่ารอยยิ้มที่อีกฝ่ายมีให้เขามันมาจากใจจริง
“แกนี่มันไม่รับมุกเหมือเดิมเลยนะ ชิ” ใบหน้าที่เหมือนเขาราวกับแกะบ่นงึมงำ
“รถจอดอยู่ไหน?”
“ข้างหลังนู่น ทำไมโรงเรียนม.ต้นถึงมีรถมารับเยอะอย่างงี้วะ หาที่จอดไม่ได้เลย!”
“จะมาก็หัดหาข้อมูลซักหน่อยเถอะ นี่ไม่ใช่โรงเรียนวัดแบบที่เฮียเคยเรียนนะ”
“โอ้โห~ ปากแกนี่มัน~ บีบคอให้ตายซะดีไหมคุณชายรองหวัง~~” พี่ชายยื่นมือมาเขย่าไหล่เขาจนหัวโยกหัวคลอนแต่เขาก็ยังทำหน้าตายอย่างเหนื่อยหน่ายกลับไป
เฮียเรียนมาในโรงเรียนเตรียมทหารที่เข้มงวดกวดขันและมีผลการเรียนเป็นอันดับหนึ่งของประเทศ เพราะเฮียเป็นหน้าเป็นตาและเป็นทุกอย่างให้ตระกูลหวังได้ เขาจึงได้ทำอะไรตามใจอย่างการมาเรียนในโรงเรียนอินเตอร์ที่มีแต่ลูกเศรษฐีมีหัวคิดสมัยใหม่แบบนี้
“โกคุเดระ นายต้องจิบน้ำบ้างนะ ปริมาณน้ำในขวดแทบไม่ลดลงเลย” ศิษย์พี่เริ่มเตือนเมื่อการแข่งผ่านไปครึ่งชั่วโมง การวิ่ง 61 รอบ 2 ชั่วโมงเต็มในอุณหภูมิห้องนักขับที่สูงถึง 60 องศาเซลเซียสสามารถทำให้น้ำหนักตัวบางๆนั่นหายไปได้ถึง 4 กิโลกรัม และการจิบน้ำตลอดเวลาแข่งก็จะทำให้เจ้าเด็กหัวเงินนั่นไม่เป็นลมล้มพับไปเสียก่อน!
“อืม” แต่ปลายสายก็ตอบรับกลับมาด้วยน้ำเสียงเย็นชาเช่นเดิม
เจ้ารถสีเพลิงที่ปีกพิการไปข้างนึงกลับไปไล่แซงอันดับคืนอย่างบ้าระห่ำ ตอนที่หลุดโค้งไปอันดับตกลงถึงที่14 แต่ตอนนี้กลับไต่ขึ้นมาจนอยู่อันดับ3! สมศักดิ์ศรีที่หนึ่งของวงการฟอร์มูล่าวันในเวลานี้จริงๆ
ดวงตากลมโตภายใต้กรอบแว่นจ้องเขม็งไปที่ปีกหน้าแหว่งวิ้นพวกนั้น ดูเหมือนใกล้จะถึงขีดจำกัดของมันเต็มที จากประสบการณ์ของเขาบอกว่าคงจะยื้อนานกว่านี้ไม่ได้แล้ว ทีมวิศวกรคนอื่นต่างเริ่มเช็คสีอุณหภูมิยางที่ขึ้นสีแดงส้มเกือบทั้ง 4 ล้อ ยางก็น่าจะไม่ไหวแล้วเหมือนกัน บดซะขนาดนั้น ทีมวางแผนจึงเริ่มปรับเปลี่ยนแผนพร้อมรายงานไปยังพิตวอลล์ซึ่งมีวิศวกรสนามของ SF90 HAYATO นั่งสั่งการอยู่
“เราจะอันเดอร์คัททีมเมอซิเดส เตรียมเข้าพิตรอบหน้านะโกคุเดระ” ฝืนขับตามต่อไปแบบนี้ดีไม่ดีอาจจะแซงคันที่นำอยู่อย่างรถของทีมเมอซิเดสไม่ได้ ทีมแผนจึงตัดสินใจอันเดอร์คัทหรือการเข้าพิตก่อนเพื่อเปลี่ยนแปลงสิ่งที่เป็นอยู่ จะสำเร็จหรือไม่นั้นไม่มีใครรู้เลย
การตัดสินใจในชั่ววินาทีของพวกเขาเป็นเรื่องยากเสมอเมื่อต้องอยู่ในสถานการณ์ที่กดดันเช่นนี้ ไม่เคยมีอะไรมารับประกันทั้งนั้น ทุกอย่างในสนามเปลี่ยนแปลงได้ทุกวินาที ทั้งทีมทำได้แค่ต้องเสี่ยงไปด้วยกันกับการตัดสินใจนี้
“อืม” น้ำเสียงเย็นชาตอบกลับมาทางวิทยุสื่อสาร
“Box Box Box” เสียงเรียกเข้าพิตดังขึ้นที่หูของลูกทีมโกคุเดระ ฮายาโตะทุกคน แล้วทีม pit crew ก็วิ่งกรูไปที่หน้าพิตพร้อมยางใหม่อีก 4 เส้นทันที อีกสองคนไปยกจมูกรถทั้งอันเตรียมไว้ ล้อแต่ละเส้นจะมีคนดูแลอยู่สามคน ดึงยางเก่าคนนึง ยิงน็อตคนนึง สวมยางใหม่เข้าไปอีกคนนึง ทั้ง 20 ชีวิตยืนในท่าเตรียมพร้อม แล้วทันทีที่เจ้ารถสีแดงคันนั้นวิ่งเข้ามา ทั้งยางทั้งจมูกหน้าก็ถูกเปลี่ยนภายใน 3.98 วินาที!
SF90 HAYATO วิ่งฉิวออกจากพิตไปก่อนจะกลายเป็นไดนาไมต์สีเพลิงเมื่อเข้าสู่สนาม เมื่อยางสดผนวกกับปีกหน้ารถที่สมบูรณ์...ใครก็หยุดมือหนึ่งของโลกคนนี้ไว้ไม่ได้อีก!
“ไม่กลับบ้านเหรอ?” หวังอี้ป๋อทักขึ้นเมื่อเห็นว่าพี่ชายเลี้ยวรถไปคนละทางกับทางที่ใช้กลับบ้าน
“ฮึ แกคิดว่าชั้นไม่รู้รึไง ว่าแกแอบไปทำอะไรหลังเลิกเรียนทุกวันน่ะ? หนอย...บอกพ่อว่าจะไปเรียนพิเศษ แต่แอบเอาเงินที่พ่อให้ไปทำอย่างอื่น แล้วก็ไม่ได้ไปเรียนด้วย ไอ้เจ้าเด็กเกเร!” ใบหน้าที่เหมือนกับเขายิ้มมุมปาก มือของพี่ชายยังคงหมุนพวงมาลัยไปตามทางที่เขาคุ้นเคยดี
“........มีใครรู้บ้าง...” ถึงหน้าเขาจะยังนิ่งอยู่แต่ในใจก็อดที่จะตุ๊มๆต่อมๆไม่ได้ ถ้าพ่อรู้คือตายและตาย
“ชั้นรู้คนเดียว เอาไว้แบ็กเมล์แก เยี่ยมไหม? ฮึๆๆ” พี่ชายหันมายิ้มกวนประสาท จะบอกว่าความเจ้าเล่ห์ทั้งหมดของเขาก็ได้มาจากหมอนี่นี่แหละ
“.....ไอ้พี่เลว” เขาด่าแบบไม่เกรงใจ
“ ฮึ ฮ่าๆๆ” แต่อีกฝ่ายเพียงหัวเราะชอบใจ
รถคันงามเลี้ยวเข้าไปในสนามโกคาร์ท ที่ที่เขาแอบมาทุกวันก็คือที่นี่แหละ เขามาเรียนขับคาร์ทที่นี่ เขารักความเร็ว เขาชอบการแข่งรถและไม่ว่าจะนักแข่งคนไหนก็จะเริ่มด้วยโกคาร์ททั้งนั้น
“ไปสิ ชั้นรออยู่ที่รถนี่แหละ” พี่ชายหันมายิ้มให้ เขาจึงวางกระเป๋านักเรียนไว้แล้วก้าวขาลงไป
อันที่จริงเด็กๆแบบเขาต้องมีผู้ปกครองพามา แต่ว่าเพราะเขาคือ “คุณชายรองตระกูลหวัง” ทุกอย่างเลยง่ายดายไปหมด
เขาเปลี่ยนเป็นชุดหมีของนักขับเรียบร้อย ผมหน้าถูกรวบขึ้นมัดเป็นจุกเอาไว้ วงแขนอุ้มหมวกกันน็อคก่อนจะเดินไปที่รถคาร์ทที่คุ้นเคย เขาเงยหน้ามองพี่ชายที่ยืนโบกมือให้อยู่อีกฝั่งของรั้วตะแกรงเหล็ก เขาไม่กังวลนักหรอกที่พี่ชายรู้เรื่องนี้ เพราะอีกฝ่ายไม่เคยเอาเรื่องที่เขาออกนอกลู่นอกทางไปฟ้องพ่อกับแม่เลยสักครั้ง ทั้งๆที่นี่ไม่ใช่ครั้งแรก
พี่ชายเป็นคนเดียวที่รู้ทุกอย่างและสนับสนุนให้เขาทำตามความฝัน...
โกคุเดระ ฮายาโตะไวมากจนรถในกลุ่มนำถึงกับผวา ก็น่าจะ เพราะสนามที่เต็มไปด้วยโค้งโหดร้ายแบบนี้เจ้าเด็กหัวเงินนั่นถนัดเป็นพิเศษ
ดวงตากลมโตภายใต้กรอบแว่นเหลือบมองไปในจอมอนิเตอร์ข้างๆที่กำลังถ่ายทอดสดไปทั่วโลก ภาพมุมสูงจากเฮลิคอปเตอร์กำลังเก็บบรรยากาศแสงไฟระยิบระยับยามค่ำคืนของอ่าวมาริน่า เสน่ห์ของสนามที่เป็นสตรีทเซอร์กิตก็คือการที่มีรถเอฟวันมาวิ่งอยู่ในใจกลางเมืองนี่แหละ
เขาเผลอกวาดสายตามองไปยังคอกแขกวีไอพีของทีม...ทำไมหวังอี้ป๋อถึงยังไม่กลับมา?...เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่านะ?
ใบหน้ามนหันกลับมาที่กล้อง onboard ของทีมอีกครั้ง เจ้าฮายาโตะทอนเวลาคืนได้จนน่าตกใจ พวกรถกลุ่มนำเริ่มหายใจไม่ทั่วท้องแต่ก็ยังพยายามจะลากยางชุดเก่าต่อไปเพราะยางยิ่งใช้มันก็ยิ่งเสื่อมสภาพ ใครมียางสดกว่าแค่รอบเดียวก็มีผลกับความเร็วในรอบท้ายๆ
แต่เพราะพยายามจะยื้อยางเอาไว้นี่แหละรถสองคันที่นำหน้า SF90 HAYATO อยู่เวลาจึงเริ่มตกลงเรื่อยๆ กริ๊บเริ่มไม่เหลือทำให้รถยิ่งสไลด์ควบคุมได้ยากเต็มที เพราะอย่างงั้นทีมของเขาถึงตัดสินใจเรียกรถหนึ่งในสองคันที่นำอยู่นั่นเข้าพิต
“สเลน Box Box Box”
และเมื่อเฟอร์รารี่มีรีแอคแบบนี้ อีกทีมที่นำอยู่อย่างเมอซิเดสจึงเข้าพิตตามทันที
แล้วนั่นก็เป็นช่วงเวลาแห่งการหยุดหายใจ ดวงตาทุกคู่นอกจากพวก pit crew จ้องมองไปยังจุดสีแดงๆที่กำลังวิ่งมาในหน้าจอผังสนาม จุดนั่นคือรถของโกคุเดระ ฮายาโตะ มันกำลังเข้าใกล้โค้งสุดท้ายมาเรื่อยๆ...ในขณะที่จุดสีแดงของสเลนและสีเขียวของเมอซิเดสยังอยู่ในพิต ประชากรม้าพยศต่างลุ้นกันจนไส้บิด เขาเองยังเผลอยกนิ้วมากัดอีกรอบ จุดสีแดงนั่นค่อยๆขยับมาเรื่อยๆ...เรื่อยๆ...ในขณะที่อีกสองจุดในพิตก็กำลังขยับออกไป...ออกไป…..
“เยส!!!!” เสียงเฮดังลั่นพิตเฟอร์รารี่เมื่อจุดสีแดงของโกคุเดระ ฮายาโตะวิ่งผ่านสองจุดที่กำลังออกจากพิตไปแบบเส้นยาแดงผ่าแปด!
ในที่สุด SF90 HAYATO ก็กลับขึ้นไปเป็นผู้นำจนได้! เจ้าเด็กหัวเงินนั่นนับว่าแซงในพิตได้สำเร็จ ถือว่าการตัดสินใจทำอันเดอร์คัทของทีมได้ผล! ทีมวางแผนต่างถอนหายใจกันอย่างโล่งอก นี่ถ้าโกคุเดระ ฮายาโตะแซงไม่ได้ละก็ ผลมันคงจะต่างไปจากนี้มาก เพราะการทำอันเดอร์คัทจะมีผลกับยางค่อนข้างมาก เข้าพิตเร็วเท่ากับยางต้องวิ่งในจำนวนรอบเยอะแล้วรอบท้ายๆหากยางเสื่อมสภาพก็อาจจะถูกแซงคืนก็ได้ ตอนนี้พวกเขาจึงต้องลุ้นต่อให้ฮายาโตะทิ้งห่างให้มากๆ หรือไม่งั้นก็ต้องดึงสเลนขึ้นมาเป็นกันชน…
รถคันงามจอดลงที่หน้ารั้วบ้านตระกูลหวังโดยยังไม่ขับเข้าไป หวังอี้ป๋อเหลือบมองหน้าพี่ชายอย่างสงสัย อีกฝ่ายจึงพูดขึ้นมา
“อี้ป๋อ...เฮียขอโทษ...” ใบหน้าที่เหมือนเขายิ้มบางๆในขณะที่ก้มลงมองมือตัวเอง
“เรื่อง?” เขาถามกลับไป รู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดียังไงชอบกล
“.....ชั้นก็ไม่รู้เหมือนกัน”
“เฮียเพี้ยนไปแล้วป่ะ?” เขาพยายามบอกตัวเองว่ามันคงไม่มีอะไร พี่ชายของเขาเก่งและเป็นที่หนึ่งในทุกเรื่อง คงหาทางจัดการกับทุกอย่างได้เหมือนยอดมนุษย์
“อือ ชั้นคงจะเพี้ยนไปแล้วจริงๆนั่นแหละ เข้าบ้านกันเถอะ” เฮียก้าวขาลงจากรถเพื่อไปไขกุญแจบ้านเองและนั่นก็ทำให้เขางงเล็กน้อย ทำไมไม่ใช้รีโมทเปิดประตู? แต่ก็เป็นไปได้ที่พี่ชายจอมซุ่มซ่ามของเขาจะทำรีโมทหายอีกแล้ว ปีนี้ก็ทำหายมายี่สิบอันได้...
แต่แล้วจู่ๆภาพที่ไม่คาดฝันว่ามันจะเกิดขึ้นที่หน้าบ้านตระกูลหวังก็ทำให้ดวงตาของเขาเบิกกว้าง ชายชุดดำสามสี่คนกรูเข้ามาล็อคตัวพี่ชายของเขาไว้ เฮียโวยวายขัดขืนและต่อสู้เต็มที่ทำให้เขารู้ว่าสถานการณ์มันไม่น่าจะดีแล้ว! พี่ชายของเขาเป็นทหารแต่การที่อีกฝ่ายโดนพี่เขาต่อยแล้วไม่ล้มลงไปนั่นหมายความว่าพวกมันก็คงไม่ใช่คนธรรมดา
เขารีบกดโทรศัพท์ด้วยมือไม้ที่สั่นเทา พี่ชายของเขาโดนอัดจนสลบไปแล้วพวกนั้นก็กำลังหิ้วปีกเฮียไป
“หยุดนะ!” เขาตัดสินใจเปิดประตูรถลงไป มันอาจจะเป็นการกระทำที่บ้าระห่ำแต่ถ้าเขาไม่ลงไปตอนนี้ ก็คงไม่มีใครหยุดพวกมันไว้...แค่แป๊บเดียว แค่หยุดพวกมันไว้ได้อีกแค่อึดใจเดียว เดี๋ยวคนของบ้านเขาก็จะมาถึง
หนึ่งในพวกมันหันมาและย่างสามขุมมาหา เขาเป็นแค่เด็กอายุ 12 ที่ไม่เคยเรียนศิลปะการต่อสู้เลย เขาทำเป็นแค่แข่งรถ เพราะงั้นเขาจึงทำได้แค่ก้าวถอยหลัง...แค่ถ่วงเวลา...แค่ถ่วงเวลาพวกมันเท่านั้น...
ฟึ่บ!
แต่แล้วจู่ๆสติของเขาก็ร่วงลงไป เขาไม่รู้เลยว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง...มีใครยืนอยู่ข้างหลังเขาตั้งแต่เมื่อไหร่? อะไรบางอย่างสับลงมาที่สันคอเขาจนสติของเขาวูบหายไปอย่างรวดเร็ว ร่างทั้งร่างทรุดลงอยู่ตรงนั้น พวกมันไม่เอาเขาไปด้วย...
แต่ท่ามกลางดวงตาที่กำลังพร่าเลือน เขามองเห็นรอยสักที่อยู่บนตัวของคนที่จับพี่เขาไปได้อย่างชัดเจน…มันเหมือนกับรอยสักที่อยู่บนตัวของบอร์ดี้การ์ดคนนั้นไม่มีผิด...
ถึงโกคุเดระ ฮายาโตะจะลอยลำนำหน้าชาวบ้านไป4-5วินาทีแล้วแต่ยังเหลือรถของสเลน ทรอยยาร์ดที่คนทั้งทีมหันมาโฟกัสแทน
ตอนนี้สเลนอยู่ที่3ได้ยืนโพเดี้ยมแล้วก็จริงแต่แค่นี้มันไม่พอ พวกเขาอยากได้วันทู คือที่หนึ่งกับที่สอง สเลนจึงต้องไล่จี้รถจากทีมเมอซิเดสแบบเอาเป็นเอาตาย
แต่การไล่จี้ในสภาพอากาศแบบนี้ก็ไม่ใช่ผลดีนัก เพราะรถคันที่นำอยู่จะปล่อยลมร้อนออกมาและมันจะทำให้รถคันที่ตามโอเวอร์ฮีทไปด้วย
“สเลน ถอยออกมาก่อน Dirty airกำลังทำให้อุณหภูมิเครื่องยนต์ของนายสูงเกินไป” วิศวกรสนามของสเลน ทรอยยาร์ดเริ่มเตือน ส่วนใหญ่แล้วพวกนักขับจะไม่ไล่จี้ตลอดทั้งเรซ จะมีช่วงที่ตามติดหาทางแซงให้ได้และมีช่วงผ่อนเพื่อไม่รับลมร้อนมากเกินไปอีกทั้งยังต้องถนอมยางด้วย
“อีกสองรอบไหวไหม ชั้นอยากแซงให้ได้” ลูกแมวที่กลายเป็นเสือร้ายบางครั้งก็ดื้อบ้างเหมือนกัน เสียงขาดๆหายๆพูดมาตามวิทยุสื่อสาร
“ให้นายได้อีกแค่สองรอบนะ!” เอเลน เยเกอร์ยื่นคำขาด เจ้าลูกหมานั่นคงกำลังทำหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่หลังพิตวอลล์แน่ๆ
SF90 SLAINE พยายามไล่จี้ต่อไป เวลาคนอ่อนหวานเริ่มสู้คนขึ้นมาบางทีก็น่ากลัวมาก ก็ขนาดชายที่ได้ชื่อว่าปิศาจยังต้องยอมแพ้เลย
รถสีเพลิงดูดติดรถคันหน้าจนใกล้แสนใกล้ ปีกท้ายเปิดออกได้ตามกฎDRSเพราะอยู่ในวินาทีเดียวกัน และเพราะแบบนั้นแรงกดที่กระทำต่อตัวรถจึงลดลง ความเร็วที่ถูกกดไว้จึงถูกปลดปล่อยในชั่ววินาที เจ้ารถสีแดงหักออกด้านข้างก่อนจะตีขนาบรถด้านหน้า สเลนเหยียบคันเร่งแทบมิดก่อนจะตบกลับมาเข้าไลน์ตัวเอง
สำเร็จ! เด็กนั่นแซงได้สำเร็จ!!
เสียงเฮดังลั่นทำให้ใบหน้าหล่อเหลาหันไปมองที่จอถ่ายทอดสดขนาดยักษ์...รถคันที่สองของจ้านเกอขึ้นมานำอีกคันนึงแล้วสินะ เก่งจริงๆเจ้ากระต่ายนั่น
เขาหลุดออกมาจากภวังค์และยังคงมองหาชายชาวตะวันออกกลางคนนั้นต่อไป แต่หาเท่าไหร่ก็ยังไม่เจอ
เขาเคยบอกเรื่องรอยสักกับทางตำรวจ แต่รูปแบบของรอยสักมันกว้างเกินไป ไม่มีอะไรจำเพาะเจาะจงได้เลยว่าอีกฝ่ายเป็นใคร พ่อเขาทุ่มทั้งเงินและอิทธิพลแบบแทบพลิกแผ่นดินหา...สุดท้ายก็ไปเจอกองเลือดกับนาฬิกา...ที่พิสูจน์แล้วว่าเป็นของพี่ชายเขาจริงๆ
ไม่มีใครรู้เลยว่าพี่เขาไปมีเรื่องกับใคร แต่ที่รู้คือทั่วทั้งจีนแผ่นดินใหญ่ไม่น่าจะมีใครกล้ามีเรื่องกับคนตระกูลหวัง พวกเขาจึงพุ่งเป้าไปที่ชาวต่างชาติแต่ก็อย่างที่บอก...มันกว้างเกินไป...
คนทั้งบ้านยังไม่ปักใจเชื่อแต่ไม่ว่าจะตามหาเท่าไหร่เวลาผ่านไปเป็นสิบปี...พี่ชายของเขาก็ยังไม่กลับมา
ในที่สุดพี่ชายก็ถูกระบุว่าตายไปแล้ว...
และหวังอี้ป๋อก็กลายเป็นทายาทโดยชอบธรรมเพียงหนึ่งเดียวของตระกูล...
เขาเองก็เคยตัดใจ แต่พอได้เห็นรอยสักนั่นอีกครั้ง อย่างน้อยเขาก็อยากจะรู้ให้ได้ว่าพี่ชายเขาไปทำอะไรให้ ถึงกับต้องฆ่าแกงกันแบบนี้ เจ้าหมอนั่นก็แค่พี่ชายจอมกะล่อนที่ไม่ได้มีพิษมีภัยกับใครทั้งนั้น
ร่างสูงสง่าเดินหาไปทั่วแพดด็อกอย่างหมดแรง...ดูเหมือนวันนี้หมอนั่นจะไม่ได้มา ซึ่งน่าประหลาดมาก ทั้งๆที่ซื้อบัตรโซนวีไอพีซึ่งแพงหูฉี่ขนาดนี้แต่กลับไม่มาในวันแข่งเนี่ยนะ? ถึงจะไม่ได้มาดูแข่งรถแต่ถ้ามาเพื่อธุรกิจละก็ วันนี้คือวันที่คนใหญ่คนโตทั้งหลายรวมถึงเซเลปจะมากันมากที่สุดนะ?
นักบิดแห่งทีมยามาฮ่าทรุดนั่งลงที่โซฟาชุดเดียวกับที่CEOของเฟอร์รารี่นั่งอยู่ เขาเห็นคุณครูเทโอ้ตั้งแต่ตอนที่ขึ้นมาแล้ว ผู้ชายคนนี้ดูแข่งรถไปก็เช็คหุ้นไป ถ้ายุ่งขนาดนั้นแล้วจะมาทำไมเนี่ย?
เขาหยิบแก้วน้ำมาดื่มอย่างเพลียๆ นัยน์ตาสีฟ้าเหลือบขึ้นมามองเขา
“นึกว่าจะอยู่กับเซียวจ้านข้างล่างเสียอีก”
“ครับ เดี๋ยวจะลงไปแล้ว”
“จริงสิ เรื่องที่คุณขอไว้ ผมให้เลขาค้นมาให้แล้ว” กระดาษใบหนึ่งถูกยื่นมาให้ ในหน้านั้นมีทั้งชื่อและประวัติของชายชาวตะวันออกกลางที่เขาตามหาอยู่ เขาเงยหน้ามองCEOหนุ่มด้วยนัยน์ตาเบิกค้าง
“เก็บให้ดีๆล่ะ เพราะนี่คือข้อมูลของลูกค้า ถ้าคุณไม่ใช่ครอบครัวของเราผมไม่มีทางให้คุณหรอก” เขามองข้อมูลในมืออย่างขนลุก เขาไม่มีทางได้มันมาจากที่อื่นง่ายๆแน่ หัวสีน้ำตาลจึงโค้งขอบคุณชายที่ทุกคนต่างเรียกว่าปิศาจตรงหน้า
นัยน์ตาคมกล้าตวัดมองชื่อที่เด่นหราอยู่ในกระดาษอีกครั้ง
อานัส ซัลมาน…
ที่อยู่คือ...ดูไบ...
เหลืออีกเพียง 5 รอบก็จะครบ 61 รอบ ลูกทีมม้าลำพองที่เริ่มหายใจได้ทั่วท้องต้องกลับมาท้องไส้ปั่นป่วนอีกครั้งเมื่อจู่ๆนักขับมือสองก็วิทยุกลับมา
“รถมีอาการแปลกๆครับ เช็คให้ที” ดวงตาภายใต้กรอบแว่นกวาดตามองทุกหน้าจอทันที ทางด้านตัวรถและแอโรไดนามิคไม่มีปัญหา ไม่ได้มีชิ้นส่วนอะไรเสียหายมีเพียงแถวๆเครื่องยนต์เท่านั้นที่ชาร์ตอุณหภูมิขึ้นสีแดง
แล้วจู่ๆเสียงนุ่มที่ดังเข้ามาในหูฟังของทุกคนในทีมก็ทำให้ฝันสลาย ราวกับมีสายฟ้าฟาดลงมา
“No Power No Power” ทุกอย่างในหน้าจอของพวงมาลัยดับวูบไปหมดแล้ว ต่อให้วิศวกรสนามอย่างเอเลน เยเกอร์จะบอกให้ลองหมุนปุ่มอะไรก็ตามที่อยู่บนหน้าปัดมันก็ไม่ตอบสนอง พวกเขาได้แต่นิ่งค้างไปกับสิ่งที่เกิดขึ้นในชั่ววินาที
“Stop the car. Stop the car. เอารถจอดสเลน เราต้องออกจากการแข่งขัน” เอเลนจำเป็นต้องพูดออกไปด้วยความปวดใจแต่ก็เพื่อรักษาเครื่องยนต์ที่เหลือไว้ จะฝืนวิ่งต่อไปแล้วปล่อยให้มันพังมากกว่านี้ไม่ได้ พวกเขายังมีแข่งอีกหลายสนามและปีนึงเราเปลี่ยนเครื่องยนต์ได้แค่5เครื่องเท่านั้น ตัวนี้เป็นเครื่องที่4ของสเลนแล้ว ทีมบอสถึงกับส่ายหน้าและทุกคนในทีมก็คงผิดหวัง เส้นชัยอยู่อีกแค่อึดใจ อีกแค่5รอบ อีกแค่6นาทีเท่านั้น...
“.........ครับ...” น้ำเสียงผิดหวังดังมาตามสาย จะว่าไปเสียงสเลนก็ดูไม่ดีเลย ฟังอ่อนแรงชอบกล
SF90 SLAINE ไหลไปจอดตรงบริเวณที่เก็บรถได้ง่าย ถึงตัวเองจะต้องออกจากการแข่งขันแต่จะลากโกคุเดระ ฮายาโตะที่กำลังนำและทิ้งห่างคู่แข่งให้ต้องลงเหวไปด้วยไม่ได้...จะปล่อยให้เซฟตี้คาร์ออกมาช่วงนี้ไม่ได้
เพราะถ้าเซฟตี้คาร์ออกมาเพื่อที่จะเคลียรถของสเลนออกจากแทรค เพื่อไม่ให้เกิดอุบัติเหตุซ้ำซ้อน รถคันอื่นๆในสนามจะต้องลดความเร็วลงและขยับมาขับเรียงกัน แล้วค่อยรีสตาร์ทใหม่หลังจากที่แทรคเคลียแล้ว เพราะฉะนั้นระยะห่างที่โกคุเดระทำไว้ก็จะไร้ประโยชน์ทันที อีกทั้งยางของเจ้ารถเบอร์หนึ่งของทีมนั่นก็แทบไม่เหลือแล้ว ตอนนี้แค่ประคองตัวเองเข้าเส้นชัยไม่ให้ยางแตกยังยากเต็มที
พวงมาลัยถูกถอดออกก่อนที่สเลนจะปีนออกมาจากรถอย่างรวดเร็ว พวงมาลัยถูกใส่กลับเข้าไปเพื่อให้บังคับทิศทางได้ มาแชลหรือเจ้าหน้าที่สนามวิ่งกรูลงมาช่วยเข็น สเลนก็ช่วยเข็นด้วย
แต่ร่างบางๆของเจ้าเด็กนั่นก็ดูโซเซแปลกๆ คนในพิตต่างมองกันตาค้าง สเลนค่อยๆล้มลงก่อนจะสลบไปและมันก็ทำให้คนในพิตถึงกับแตกตื่น!
"สเลน! ได้ยินไหม?ตอบด้วย!" เอเลนพยายามตะโกนใส่แต่มันก็เปล่าประโยชน์ ถ้าสเลนออกมาจากรถแล้วก็จะใช้วิทยุสื่อสารไม่ได้อีก คนทั้งพิตจึงได้แต่จ้องจอมอนิเตอร์ที่ถ่ายทอดสดเป็นตาเดียว!
สเลน ทรอยยาร์ดเป็นลมด้วยอุณหภูมิที่ร้อนจัด!
ภาพในจอLCD ที่ถ่ายทอดสดไปทั่วโลกทำให้หวังอี้ป๋อที่นั่งดูอยู่ในแพดด็อกถึงกับชะงัก รถพังก่อนเข้าเส้นชัยก็ว่าช็อคไปทั้งสนามแล้วนะ นักขับของจ้านเกอจะเป็นอะไรมากหรือเปล่า?
เขาเองได้แต่สงสัยแต่มีอยู่คนหนึ่งวิ่งพรวดออกไปแล้ว…
ใบหน้าหล่อเหลามองตามแผ่นหลังของCEOเฟอร์รารี่อย่างตาค้างยิ่งกว่า ที่แท้ CEOปิศาจที่น่าจะมีงานล้นมือก็ไม่ได้มาสนามแข่งเพื่อมาดูทีมอย่างเดียว แต่น่าจะมาดูคนรักของตัวเองมากกว่า...
ยังดีที่การแข่งจบลงพร้อมกับชัยชนะของโกคุเดระ ฮายาโตะ พิตม้าลำพองจึงยังพอจะมีเสียงเฮอยู่บ้าง
พลุสีแดงถูกจุดเป็นแถวขนาบข้าง SF90 HAYATO ที่วิ่งเข้าเส้นชัย ธงตาหมากรุกโบกสะบัดทำให้เสียงปังๆดังขึ้นทั่วอ่าวมาริน่าเบย์ พลุสีแดงถูกจุดพร้อมกันทั่วสารทิศจนเมืองใหญ่สุดแสนศิวิไลนี้ยิ่งงดงามตระการตา แล้วเพลงชาติอิตาลีก็ดังขึ้นที่สนามแห่งนี้อีกครั้ง...
ส่วนเขาเองก็ไม่ได้เจอกับชายชาวตะวันออกกลางนั่นอีกเลยจนจบฤดูกาล ไม่มีอะไรมายืนยันได้เลยว่ารอยสักนั่นมันแค่บังเอิญเหมือนกันหรือเกี่ยวพันกับคดีพี่ชายของเขา...ทุกอย่างกลับไปว่างเปล่าดังเดิม
การแข่งขันจบลงแล้วและทีมงานของเฟอร์รารี่ก็เก็บของกันเรียบพิตอย่างรวดเร็ว สเลน ทรอยยาร์ดถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลและตอนนี้ก็ให้น้ำเกลืออยู่ ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ทีมวิศวกรทั้งหลายจึงกลับโรงแรมไปเก็บของได้ พวกเขาจะต้องกลับอิตาลีกันเช้ามืดนี้เลย
“เป็น...อะไรไปเหรอ?” เจ้ากระต่ายเดินเข้ามาหา เขายังคงคิดหลายๆเรื่องอยู่ที่โซฟาในห้องสวีทของโรงแรม Marina Bay Sands
“ผมเจอคนที่อาจจะเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของพี่ชายผมน่ะ” เขาเงยหน้ามองนักออกแบบรถของเฟอร์รารี่พลางยิ้มบางๆ
“พี่ชายนาย?”
“อืม หายไปสิบกว่าปีแล้ว...ป่านนี้คงไม่มีชีวิตอยู่แล้วละ”
“มีอะไรให้ชั้นช่วยไหม?” เขาส่ายหน้า
“เรื่องมันผ่านไปแล้ว ช่างมันเถอะ” จู่ๆเจ้ากระต่ายก็ขยับมานั่งทับส้นบนโซฟาก่อนจะดึงตัวเขาเข้าไปกอด ดวงตาคมกล้าถึงกับเบิกกว้างกับอ้อมแขนที่กอดเขาไว้อย่างตั้งใจปลอบโยน ใบหน้าหล่อเหลาซบอยู่ที่แผ่นอกบาง สองแขนเล็กๆกอดหัวเขาก่อนจะใช้มือลูบเบาๆ
ความอบอุ่นไหลออกมาจากหัวใจจนร่างกายที่เหนื่อยล้ารู้สึกมีกำลังวังชา เขาสอดแขนไปรอบเอวบางก่อนจะกอดตอบ หัวสีน้ำตาลซบอยู่กับแผ่นอกที่พยายามจะช่วยแบ่งเบาความกังวลของเขา
รู้สึกเบาใจขึ้นได้จริงๆ...
“เวลาไม่สบายใจชั้นก็กอดอาม่าแบบนี้เหมือนกัน ดีขึ้นไหม?” ปึด! จากอารมณ์ที่กำลังดิ่งๆตอนนี้พุ่งปรี๊ด~ดีขึ้นมาเลย หมั่นไส้ไอ้หมีแพนด้าหน้าโง่นั่นขึ้นมาเลย!
ตุ้บ...
สองแขนกดเจ้ากระต่ายลงไปนอนหงายกับโซฟา จากหมาหงอยกลายเป็นหมาป่าคนเดิมจนเจ้ากระต่ายถึงกับเลิ่กลั่ก หมาป่าอุตส่าห์ไม่อยากอาหารแต่เจ้ากระต่ายไม่รู้ความก็ยังมาแหย่เขาให้นึกอยากกินขึ้นมาจนได้ ใบหน้าหล่อเหลาจึงก้มลงไปกดจมูกคลอเคลียซอกคอขาวจนคนถูกจั๊กจี้หัวเราะลั่น
“ฮ่าๆๆๆ” สองมือจั๊กจี้เอวบางอย่างนึกหมั่นเขี้ยว ผิวนิ่มๆกับเสียงหัวเราะสดใสทั้งยังรอยยิ้มโลกละลายของเจ้ากระต่ายช่างเยียวยาบาดแผลที่มองไม่เห็นของเขาได้ดีจริงๆ เขายิ้มตามคนที่ถูกจั๊กจี้จนน้ำหูน้ำตาไหล เจ้ากระต่ายหอบหายใจเขาจึงทิ้งตัวลงไปนอนซบแผ่นอกบางนั่นเอาไว้
สองแขนเล็กไม่ได้ผลักไสเขาแต่มันยังคงกอดเขาไว้ หวังอี้ป๋อไม่ใช่ผู้ชายที่ไร้จุดอ่อนอย่างที่ใครๆคิด เขาก็ยังมีมุมที่อ่อนแอและต้องการใครสักคนปลอบโยน เขาก็ยังอยากอ้อนใครบางคนเหมือนผู้ชายทั่วไป
และก็มีเพียงเจ้ากระต่ายที่เขายอมให้เห็นด้านนี้ของเขา...
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
To be con.
วะ วันนี้มีสเก็ตชั่วๆรูปในพิตคร่าวๆมาให้ดูค่ะว่าอะไรอยู่ตรงไหน =/////= เป็นแปลนนะคะ
ขอบคุณทุกๆการติดตาม ทุกๆคอมเม้นต์มากๆนะคะ >////< เขินมาก ดีใจที่มีคนชอบฟิคมึนๆเรื่องนี้ค่ะ555+ ภาคนี้จะไม่ค่อยเน้นดราม่า อยากให้เป็นฟิคเท่ห์ๆ แบดบอยหน่อยๆ ได้แต่หวังว่าจะทำได้5555+
มาดูการเปลี่ยนยางที่น่าอัศจรรย์ใจกันค่ะ กร๊ากกก 1.97 วินาที จะร้อง >////<b
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น