ป๋อจ้าน Au.Fic [หวังอี้ป๋อ x เซียวจ้าน] GLIDE : 2x4 It’s me : 09


ป๋อจ้าน Au.Fic [หวังอี้ป๋อ x เซียวจ้าน]  GLIDE : 2x4 It’s me : 09

: ป๋อจ้าน Fanfiction Au
: หวังอี้ป๋อ x เซียวจ้าน
: Romantic
: NC-17


คำเตือน : เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ
           : เนื้อเรื่องต่อไปนี้เป็นเพียงจินตนาการของผู้เขียน ไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นจริงนะคะ
           : ข้อมูลจะไม่แน่นเท่า GLIDE ภาคก่อนๆนะคะ เพราะภาคนี้ข้ามมา 2 ล้อ ตรูขี้เกียจหาข้อมูลฝั่ง Moto GP โฟ้ยยยย // โดนตบด้วยหมวกกันน็อค






“อื้อ~ อื้ม เดี๋ยวกะ”   เสียงห้ามยังไม่ทันจะออกมาจนจบประโยค นักบิดจากทีมยามาฮ่าก็ปิดปากสีกุหลาบนั่นลงอีกรอบ

ร่างสูงสง่าดันร่างโปร่งจนแผ่นหลังแนบชิดติดผนัง ลิ้นร้อนแลกรุกรับกันอย่างมัวเมา เสียงน้ำลายคละเคล้าไปกับเสียงจูบจนแทบแยกไม่ออกว่าเสียงดังมาจากใคร ท่อนแขนแข็งแรงโอบรัดเอวบางเข้าหาตัวก่อนจะปลดกระดุมเสื้อสีแดงออกอย่างรีบร้อน คนที่หนุ่มแน่นกว่าแข็งแรงกว่าดันให้คนพี่ต้องขยับไปนั่งที่ขอบหน้าต่าง และไม่ว่าจะขยับตัวยังไงริมฝีปากก็ไม่ละออกจากกันแม้แต่วินาทีเดียวแถมยังบดเบียดจนแดงช้ำ เสื้อสีเพลิงถูกดึงร่นไปกองอยู่ที่ข้อศอกทำให้ไหล่บางและแผ่นหลังขาวสะท้อนรางๆอยู่บนกระจกผืนใหญ่

ผนังกระจกใสนั้นยาวจากฝ้าเพดานจรดพื้น ด้านนอกคือวิวจากชั้น 53 ของโรงแรม Marina Bay Sands เป็นวิวพาโนราม่าที่มองเห็นทั้งหมดไม่ว่าจะสนามแข่งรถฟอร์มูล่าวันที่เปิดไฟสว่างสไว ตัวเมืองสิงคโปร์ที่ยังมีรถวิ่งไม่ขาดสาย หรืออ่าวมาริน่าเบย์ที่มีเรือสินค้าขนาดใหญ่ลอยลำอยู่ไกลๆนับสิบนับร้อย

ใช่ ตอนนี้พวกเขาอยู่ที่สิงคโปร์

ก็หลังจากที่นักบิดหนุ่มตามนักออกแบบรถมือหนึ่งของม้าลำพองกลับถึงมาราเนลโล่ เจ้ากระต่ายก็อ้างว่าปวดเอวปวดสะโพกเจ็บก้นจนทำไม่ได้อีกทั้งอาทิตย์ ในที่สุดความอดทนของหวังอี้ป๋อก็ถึงขีดจำกัด เขาแอบย่องตามเหล่าวิศวกรของเฟอร์รารี่จนมาถึงสิงคโปร์ หลังจากเจ้ากระต่ายเข้าไปเซตอัพอุปกรณ์ที่พิตการาจเรียบร้อย เขาก็รีบอุ้มเจ้าตัวดีกลับโรงแรมทันที

แน่นอนว่าพวกทีมเฟอร์รารี่ไม่ได้พักอยู่ที่นี่ ฝูงม้าพยศพวกนั้นพักอยู่ที่ Pan Pacific ซึ่งอยู่ใจกลางสนามแข่ง แต่เขาเลือกที่จะพักห่างออกมา เพราะว่าเขาไม่อยากหลอนกับไอ้เครื่องวัดอัตราการสั่นสะเทือนนั่นอีก!


จุ๊บ...จุ๊บ...


ใบหน้าหล่อเหลายังคงบดขยี้ริมฝีปากสีกุหลาบอย่างเมามัน ท่อนแขนแข็งแรงยกเอวบางขึ้นเล็กน้อยพอให้กางเกงสีแดงถูกดึงออกไปได้ มันถูกรูดลงไปตามเรียวขาและตอนนี้เจ้ากระต่ายตรงหน้าก็เหลือเพียงเสื้อเชิ้ตหลุดลุ่ยเพียงตัวเดียว

“อึก อื้อ~”   ร่างแข็งแกร่งขยับไปยืนแทรกกลางหว่างขาขาว เจ้ากระต่ายถูกจูบจนไม่มีแรงยืน สองแขนผอมบางจึงต้องกอดยึดต้นคอของเขาเอาไว้ แผ่นอกแอ่นรับสัมผัสจากริมฝีปากที่ละมาจากซอกคอ ยอดอกสีชมพูชูชันถูกกลืนกินจนเจ้าของมันได้แต่บิดเร่าอย่างเสียวกระสัน  หวังอี้ป๋อไม่รอช้า ปลายนิ้วที่ชุ่มโชกไปด้วยเจลหล่อลื่นสอดใส่เข้าไปในช่องทางที่คุ้นเคยทันทีวันนี้เขาเปลี่ยนตัวช่วยเป็นเจ้านี่เพราะไม่มีแชมเปญ

“อ้า~~”   เสียงครางดังพร้อมๆกับท่อนแขนบางที่โหนลำคอเขาจนหัวสีดำนั่นหงายไปชนกับกระจกผืนใหญ่ที่อยู่เบื้องหลัง ใบหน้าคมยกยิ้มอย่างถูกใจเมื่อมองเห็นปฏิกิริยาของเจ้ากระต่ายสีแดงตรงหน้า มือใหญ่ประคองแก้มใสของคนที่แทบจะไร้สติให้หันไปมองวิวเดียวกับที่ดวงตาเขาเห็น

เจ้ากระต่ายแสนสวยนั่งอยู่กลางหน้าต่าง เบื้องหลังเป็น Singapore Flyer ชิงช้าสวรรค์ขนาดยักษ์ ถัดออกไปเป็นถนนในเมืองซึ่งถูกดัดแปลงเป็นสนามแข่งรถโดยมีอ่าวมาริน่าเบย์ล้อมรอบ แสงไฟระยิบระยับจากใจกลางเมืองสิงคโปร์ยังแผ่ไกลไปสุดลูกหูลูกตา เรียกว่าเป็นวิวกลางคืนของเมืองใหญ่ที่สวยงามตระการตา

“ตรงนั้น...หลังคาพิตการาจของพี่นี่นา ทำไปด้วยดูสนามแข่งของพี่ไปด้วยก็เร้าใจดีนะ ว่าไหม?”   ใบหน้าหล่อเหลาก้มลงไปกระซิบที่ใบหูแดงก่อนจะกดจูบแก้มใสไปหนึ่งที มือใหญ่จับเรียวขาขาวข้างหนึ่งขึ้นมาพาดบ่า

“นายนี่มัน....อ๊ะ! อ๊า~”   ใบหน้ามนอับจนซึ่งคำด่าเพราะว่าตอนนี้เบื้องล่างกำลังถูกลุกล้ำเข้ามาจนดวงตาคู่โตต้องปิดแน่น ความเจ็บแปลบแล่นลิ้วขึ้นมาพร้อมๆกับความเสียววูบไปทั่วหน้าท้อง จะบอกว่าไม่ชอบก็คงไม่ได้เพราะยามที่มันเริ่มขยับ แรงเสียดสีที่อยู่ภายในก็ทำให้แทบเสียสติอยู่ร่ำไป มันรู้สึกดีจนลืมสิ้นทุกสิ่งทุกอย่าง เป็นความสุขสมที่ไม่เคยรู้จักจากที่ไหน ไม่เคยพบ ไม่เคยเจอมาก่อน เพราะแบบนี้เขาถึงขัดขืนหวังอี้ป๋อไม่ได้เลย

“อะ อ้า~ อื้อ~”   ฟันกระต่ายแสนน่ารักกัดริมฝีปากของตัวเองไว้เพื่อระงับความเสียวซ่าน แต่มันก็ต้านทานแรงกระแทกสอดใส่ที่เบื้องล่างไม่ได้ นับวันก็ยิ่งหลงมัวเมาไปกับความเร่าร้อนนั้น ความเป็นชายใหญ่โตนั่นใส่เข้ามาลึกจนเขารู้สึกได้ มันลึกกว่าครั้งก่อน มันหนักหน่วงรุนแรงเหมือนถูกกักเก็บเอาไว้มานาน

เขาจะตายไหมเนี่ยคืนนี้ ฮืออออ

“อ่ะ อ๊า อี้ ป๋อ อ้า~”   ได้แต่โหยหวนอยู่ในใจเพราะสิ่งที่ริมฝีปากเปล่งออกมาได้มีแค่เสียงคราง สะโพกมนขยับรับกับจังหวะที่ร่างสง่าสอดใส่เข้ามา เสียงหอบหายใจหนักๆดังอยู่แถวซอกคอก่อนที่จูบเน้นๆจะกดลงมาที่ไหปลาร้า ท่อนแขนแข็งแรงตรึงแผ่นหลังบางมากอดเอาไว้ แรงกระแทกเบื้องล่างหนักหน่วงและเพิ่มความถี่ขึ้นเป็นเท่าทวี จนกระทั่งถึงจุดสูงสุดของความปรารถนา ทุกความต้องการก็ไหลบ่าเข้าไปในร่างกายโปร่งบางพร้อมการแทรกกายครั้งสุดท้ายที่รุนแรงจนคนรับไว้ถึงกับกระตุกต่อเนื่อง

“แฮ่ก...แฮ่ก...แฮ่ก...”   ร่างโปร่งหอบจนตัวโยน น้ำรักสีขาวขุ่นไหลลงไปตามเรียวขา ดวงตาคู่โตเหม่อลอยไปสุดขอบฟ้า ทั้งๆที่คิดว่าคงจะได้นอนแล้วแต่หวังอี้ป๋อกลับไม่เคยทำให้ตัวเองผิดหวัง ท่อนแขนแข็งแรงสอดเข้ามาก่อนจะอุ้มวิศวกรของม้าลำพองจนตัวลอย ใบหน้ามนได้แต่มองอย่างหมดแรง ปล่อยให้อีกฝ่ายอุ้มไปตามแต่ใจ

รู้ตัวอีกทีเขาก็ไปอยู่ที่อ่างอาบน้ำไม่ใช่เตียง!

“เดี๋ยวชั้นอาบเองก็ได้...”   ใบหน้าหวานพูดออกไปอย่างเพลียๆ บทรักหนักหน่วงนั่นเขายังไม่ค่อยชินเพราะนี่ก็นับว่าเป็นครั้งที่สองเท่านั้น

“ใครว่าผมจะพาพี่มาอาบน้ำ? มาต่อกันอีกรอบ”

“ห๊ะ?”   แล้วความจริงที่ออกมาจากปากหวังอี้ป๋อก็ทำให้ใบหน้าสวยถึงกับผงะ ผวา ถอยครูดจนติดข้างฝา

“พี่ไม่ยอมให้ผมทำเลยนะอาทิตย์ที่แล้ว เพราะงั้นวันนี้ห้ามปฏิเสธ”   ร่างสูงสง่าถอดเสื้อออกก่อนจะก้าวเข้ามาในอ่างอย่างไม่สนใจว่ากางเกงจะเปียก เป็นฝ่ายรุกนี่มันดีจังนะ ทำได้แม้จะใส่กางเกงครบ! ไม่สิ ไม่ใช่เวลาที่เขาจะมากังวลเรื่องนี้!

“ห๋า? แต่เมื่อกี้ก็ให้ทำไปแล้วไง?”   เขาต้องต่อต้านหวังอี้ป๋อบ้าง!

“พอที่ไหนอ่ะ ผมยังหนุ่มยังแน่นขนาดนี้พี่คิดว่าผมอยากนอนกับพี่ขนาดไหน? ให้ทำทุกวันก็ยังได้ หรือจะทั้งวันทั้งคืนก็ยังได้”

“แต่ชั้นไม่ได้ไง~ แง๊~ ปล่อยชั้นไปเถอะนะ~~~”  


เจ้ากระต่ายน้อยร้องขอชีวิตอย่างน่าสงสารแต่หมาป่าก็ไม่คิดจะปล่อยไป...


กระต่ายน้อยยังคงถูกจับกินอีกยกใหญ่...


กว่าเสียงครางจะหายไปจากห้องสวีทสุดหรูห้องนี้ได้...


เจ้ากระต่ายน้อยก็เกือบตายคาอก...







“หวังอี้ป๋อ...นายบอกชั้นหน่อยสิว่าพรุ่งนี้ชั้นจะไปสนามได้ยังไง...”   ร่างโปร่งบางนอนคว่ำหน้าอย่างหมดเรี่ยวหมดแรงอยู่บนเตียงกว้าง  แผ่นหลังขาวถูกปลายนิ้วยาวของนักบิดหนุ่มลากไล้เล่น ตั้งแต่สะโพกมนลงไปมีผ้าห่มผืนบางคลุมเอาไว้ ตอนนี้สองขาของเขาสั่นไปหมด ไม่มีแรงจะยืนเองด้วยซ้ำ

“เดี๋ยวผมอุ้มไปส่งเอง โอเคไหม?”   เสียงจุ๊บดังเบาๆอยู่บนแผ่นหลังเนียน ใบหน้าหล่อเหลาก้มลงไปจูบผิวนุ่มนั่นอย่างอารมณ์ดี

“นี่นายไม่มีงานไม่มีการทำรึไง? ไม่ต้องไปเทสรถหรือประชุมกับทีมอะไรงี้บ้างเหรอ?”   ใบหน้ามนมุ่ยๆตะแคงมองด้วยสายตาคาดโทษมาจากบนหมอน

“ผมมีถ่ายโฆษณาแบรนด์ที่เป็นสปอนเซอร์ให้ทีมเหมือนกันพรุ่งนี้”   เจ้ากระต่ายฉีกยิ้มทันที ดวงตาโตสุกใสจนคนมองนึกหมั่นเขี้ยว มันน่าเคี้ยวให้หมดทั้งตัวเลยจริงๆ

“งั้นก็กลับไปได้แล้ว ต้องไปไหน? ญี่ปุ่น?”   หวังอี้ป๋อส่ายหน้าก่อนจะยิ้มเจ้าเล่ห์ดับฝันคนที่คิดว่าจะสลัดเขาหลุดแล้วมันซะเลย

“เปล่า ถ่ายที่ออร์ชาร์ดนี่แหละ เพราะงั้น...ตอนเย็นเจอกันนะครับ~”   เจ้ากระต่ายยู่หน้าใส่เมื่อโลเคชั่นที่เขาจะไปมันอยู่ห่างจากสนามแข่งแค่ไม่กี่ถนน ใบหน้าหล่อเหลาหัวเราะเบาๆก่อนจะจุ๊บแผ่นหลังบางไปอีกที

“แง๊~~~”   เจ้ากระต่ายน้อยโหยหวนต่อไป ชาตินี้ไม่มีทางดิ้นหลุดไปจากเขาได้หรอกจะบอกให้ หึ







แล้วหวังอี้ป๋อก็มาตามสัญญาที่ให้ไว้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ถ่ายโฆษณาของทีมตัวเองเสร็จก็รีบสะบัดตูดมาเฝ้าแฟนทันที

อันที่จริงแพดด็อกวันพฤหัสบดียังไม่ให้ผู้ชมเข้า แต่เพราะนักบิดจากทีมยามาฮ่ามีบัตรวีไอพีของเฟอร์รารี่จึงเข้าพิตได้เหมือนลูกทีมคนหนึ่งเลยทีเดียว  ร่างสูงสง่าเดินกระพือคอเสื้อเชิ้ตสีดำที่ใส่ทับเสื้อยืดสีเทาเบาๆ ที่สิงคโปร์นับว่าอากาศร้อนอบอ้าวมาก แล้วสนามแข่งยังเป็นสตรีทเซอร์กิตที่เอาถนนในเมืองมาทำสนามแข่งชั่วคราวอีก อากาศมันจึงไม่ถ่ายเทเหมือนสนามถาวรที่มักจะตั้งอยู่กลางทุ่ง ไม่ต้องคิดเลยว่าพวกนักขับที่ต้องมาแข่งในสนามนี้จะต้องเจอความโหดร้ายระดับไหน แค่ชุดกันไฟกับชุดหมีที่ใส่อยู่ก็ร้อนจะแย่แล้ว เจอสนามนี้เข้าไปดีไม่ดีอุณหภูมิในค็อกพิตหรือห้องนักขับในตัวรถอาจจะแตะ 60 องศาเซลเซียส แล้วเจ้าพวกนั้นต้องอยู่ในรถสองชั่วโมงกว่าๆเวลาแข่ง...

นักบิดจากทีมยามาฮ่าเดินฝ่าพวกนักข่าวประจำสนามที่พยายามจะเข้ามาสัมภาษณ์ ดูเหมือนคนจะเริ่มรู้แล้วว่าแฟนของเขาเป็นวิศวกรของเฟอร์รารี่ หลายคนจึงไม่แปลกใจที่เห็นเขาเดินอยู่ในแพดด็อกของสนามแข่งรถสูตรหนึ่งทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยคิดจะมาเหยียบเลยสักนิด

ทั่วทั้งสนามเปิดไฟสว่างจ้า สนามนี้เป็น Night Race แห่งแรกของวงการฟอร์มูล่าวัน ก็คือแข่งกันตอนกลางคืน สนามอื่นๆจะแข่งกันช่วงบ่ายสองแต่สนามสิงคโปร์จะเริ่มแข่งช่วงหัวค่ำ ทำให้ได้เห็นความสวยงามของสนามแข่งยามค่ำคืน เพราะฉะนั้นกิจกรรมต่างๆในสนามจะเริ่มขึ้นตอนเที่ยงเป็นต้นไป ทั้งผู้ชมและทีมแข่งเองก็จะเข้าสนามได้ตอนเที่ยงๆบ่ายๆไปแล้ว

นั่นทำให้เจ้ากระต่ายไม่ต้องตื่นเช้าและมีเวลานัวเนียกับเขาจนกว่าจะสายๆ อีกทั้งสนามนี้ยังเป็นสนามที่เข้าทางรถของทีมเฟอร์รารี่ เจ้ารถสีแดงนั่นกวาดแชมป์ที่นี่ได้เกือบทุกปี พวกทีมวิศวกรจึงไม่มีอะไรต้องปรับแต่งกันมากนัก มีเวลาได้พักตอนกลางคืน

ก็นับว่าเป็นสนามที่เข้าทางเขา(?)ด้วยสินะแบบนี้ หึๆๆๆ




พิตการาจของเฟอร์รารี่นั้นหาไม่ยาก สีแดงเด่นที่เห็นได้จากดาวอังคารพุ่งเข้าสู่สายตาของเขาตั้งแต่เดินเข้าแพดด็อกมา เขาเห็นโกคุเดระ ฮายาโตะกับสเลน ทรอยยาร์ดนั่งให้สัมภาษณ์กับสื่ออยู่หน้ามอเตอร์โฮม เขาจึงรีบเลี้ยวเข้าพิตก่อนที่นักข่าวพวกนั้นจะเห็นเขาเข้า ช่องเก็บหูฟังนับร้อยเรียงเป็นบล็อคๆอยู่ที่ผนังทางเข้า มีอยู่จำนวนหนึ่งที่ยังมีหูฟังสีแดงคล้องเอาไว้แต่ส่วนใหญ่จะเหลือเพียงขอเกี่ยวเปล่าๆ เขายืนมองช่องที่ติดชื่อไว้ว่า Xiao Zhan และมันก็ไม่มีหูฟังแขวนอยู่ แสดงว่าเจ้ากระต่ายอยู่ในพิตนี่แหละ หูฟังถึงได้ถูกเอาไปใช้ วิธีเก็บหูฟังแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ก่อนจะเข้าพิตก็ให้หยิบหูฟังไปและก่อนออกจากพิตก็ให้วางคืนไว้ที่ช่องของตนเอง นอกจากจะไม่หายแล้วมันยังเอาไว้เช็คได้ด้วยว่าใครอยู่หรือไม่อยู่ อีกอย่างหูฟังพวกนี้ก็คงราคาไม่ใช่เล่นๆเพราะวิทยุสื่อสารนั้นจำเป็นต่อทีมแข่งรถเอฟวันมาก เขายืนมองหูฟังสีแดงที่มีโลโก้ม้าลำพองติดอยู่ก่อนจะอมยิ้มให้กับความเป็นเอกภพนี้ สมเป็นเฟอร์รารี่...

ลูกทีมที่เดินสวนมาต่างพยักหน้าแล้วยิ้มให้เขา บรรยากาศเปลี่ยนไปจากครั้งก่อนที่เขาไปดูเจ้ากระต่ายที่อิตาลีมาก ครั้งนั้นเขาไปในฐานะแขกของทีม แต่คราวนี้ทุกคนปฏิบัติกับเขาเหมือนเป็น...ครอบครัว?

“เห๋~ ดูซิว่าใครมา~~”   แล้วคนที่ทักเขาด้วยคำพูดเป็นคนแรกก็คือ...คะชู คิโยมิตสึ?

นักขับสำรองของม้าลำพองเดินวนไปรอบๆตัวเขาพลางมองอย่างสำรวจ เขาไม่ถนัดรับมือกับคนแปลกหน้าจึงได้แต่ยืนนิ่ง วันนี้อีกฝ่ายไม่ได้ใส่ชุดหมีของนักขับ แสดงว่ามือหนึ่งอย่างโกคุเดระ ฮายาโตะกลับมาขับรถได้แล้วสินะ?

“นี่ นายอยากได้สูทสีเทาหรือสีขาว?”   จู่ๆใบหน้าสวยเปรี้ยวโฉบเฉี่ยวก็ถามออกมาเล่นเอาเขางงไปหลายวินาที

“สูท?”  

“ก็สูทเจ้าบ่าวไง?”  


ป้าบ!!!


กระดานชาร์ตตบลงมาบนหัวสีดำเหลือบแดงของคะชู คิโยมิตสึทันที เจ้ากระต่ายยืนทำหน้าทะมึนอยู่ข้างหลังนักขับตัวแสบของตัวเอง

“ถ้านายมีเวลาว่างมานั่งเลือกชุดแต่งงานให้ชาวบ้านเค้าละก็ ช่วยกลับไปขับซิมูเลเตอร์ให้ชั้นซักร้อยรอบดีไหม คิ-โยะ-จัง~~”   นักขับสำรองของม้าลำพองหันมายิ้มสวยๆก่อนจะรีบหมุนตัววิ่งหนีไป  เจ้ากระต่ายส่ายหน้ายุ่งๆให้กับนักขับของตัวเอง

“พี่...อยากเลือกเองเหรอ?”

“หื๋อ? เลือกอะไร?”

“ก็ชุดแต่งงานไง?”   แล้วกระดานชาร์ตนั่นก็มาอยู่บนหัวของเขาแทน

“เพราะนายนั่นแหละ! ชั้นเลยโดนแซวมาตั้งแต่ที่โรงงานยันที่นี่! แซวไม่พอ นายรู้ไหมว่าพวกนั้นเตรียมของขวัญแต่งงานให้ชั้นแล้ว! ทำไมไม่มีใครฟังชั้นเลยว่ายังไม่ได้แต่ง~~”   ใบหน้าหล่อเหลาถึงกับหลุดหัวเราะ สมเป็นประชากรของพิตสีแดง ปกติก็ฟังใครเสียที่ไหนล่ะ ฮ่าๆๆ

“แล้วนี่งานเสร็จรึยัง? ผมมารับ”   ดวงตาคมกล้าเหลือบมองไปที่รถทั้งสองคันซึ่งจอดนิ่งอยู่ในพิตการาจ พวกมันเหมือนม้าหลับที่กำลังพักผ่อนชิลๆ ผ้าคลุมสีแดงที่ติดโลโก้ม้าลำพองสีดำกำลังถูกลูกทีมคลุมให้ราวกับผ้าห่ม

“ทางนี้ไม่มีอะไรแล้ว ต้องลองวิ่งตอนรอบซ้อมพรุ่งนี้ดูถึงจะรู้ว่าต้องปรับแต่งอะไร แต่เดี๋ยวชั้นต้องไปเดินแทรคกับทีมฮายาโตะ”  

“แทรควอล์ค?  ตอนนี้เนี่ยนะ?”   เขาก้มมองเวลาในนาฬิกา เกือบจะสามทุ่มแล้วนะ ปกติก็มีอยู่บ้างแหละ นักแข่งที่ชอบไปเดินดูแทรคหรือสนามแข่งก่อนเพราะจะได้เห็นจุดเบรกและเรซซิ่งไลน์ต่างๆชัดๆ บางสนามที่เป็นโค้งปิดเขาเองก็ยังต้องไปเดินดูก่อนเลย

“ก็มีสัมภาษณ์ยาวเหยียดเลยน่ะสิ อีกอย่างสนามนี้ก็ควรจะไปเดินดูตอนกลางคืนเพราะแข่งตอนกลางคืน”   เจ้ากระต่ายยักไหล่ราวกับเป็นเรื่องธรรมดา...แต่คิดอีกที เวลานี้ก็ดีเหมือนกัน ไม่มีทั้งนักข่าว ไม่มีทั้งแฟนคลับมากวนใจ

“ผมไปด้วย”   เขายิ้มใสๆให้อีกฝ่ายหลงกล เจ้ากระต่ายคงกำลังคิดว่าเขาเป็นนักแข่งเหมือนกัน การอยากไปเดินดูสนามแข่งมันก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้

“หื๋อ? ได้สิ นายเอาเสื้อคลุมชั้นไปใส่แล้วกัน ไม่อยากให้นักข่าวเห็นใช่ไหมล่ะ?”  เสื้อคลุมสีแดงที่ปักชื่อ Xiao Zhanถูกถอดส่งมาให้ แค่เขายกฮู้ดขึ้นคลุมหัวก็เนียนๆเป็นคนในทีมได้อยู่

“ครับ”   เขาลอบยิ้ม หึ เดทในสนามแข่งแบบนี้สิถึงจะสมเป็นนักแข่งรถกับวิศวกรออกแบบรถ! จะให้ไปดูสิงโตพ่นน้ำเหมือนชาวบ้านชาวเมืองน่ะ เมินซะเถอะ!






กว่านักขับมือหนึ่งของเฟอร์รารี่จะสัมภาษณ์เสร็จทุกสำนักข่าวก็ปาไปสี่ทุ่มกว่า เจ้าของใบหน้าสวยที่ล้อมกรอบด้วยเส้นผมสีเงินนั่นทักทายเขาเพียงคำเดียวก็คือ  “หมีแพนด้า......”  จากนั้นจึงเดินนำออกไป เล่นเอาเขามีเครื่องหมายคำถามขึ้นเต็มหน้า ส่วนทีมวิศวกรของโกคุเดระ ฮายาโตะที่มาด้วยกันก็ขำจนท้องคัดท้องแข็ง เขาหันไปมองเจ้ากระต่ายอย่างขอความช่วยเหลือ คนในทีมของพี่นี่มันมีแต่อะไรเนี่ย??

“ชั้นก็ไม่เข้าใจ อย่ามาถาม รู้แค่ว่าหมอนั่นเรียกแฟนตัวเองว่าไอ้หมีบ้าแล้วก็เรียกCEOของเฟอร์รารี่ว่าหมีขาวขั้วโลกเหนือ มีประวัติว่าเลี้ยงหมีเอาไว้ในบ้านด้วย”   เขาพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้มแห้ง ก็พอรู้มาบ้างหรอกว่านักขับของเฟอร์รารี่แต่ละคนนั้นไม่ธรรมดา...ใช่ เกินธรรมดาไปมากเลยอย่าเอาเขาไปเหมารวมกับไอ้ตุ๊กตาหมีแพนด้าหน้าโง่นั่นสิ!

ร่างสูงสง่าเดินตามทีมวิศวกรของโกคุเดระ ฮายาโตะไป พวกหัวกะทิในชุดสีแดงทั้งหลายมักจะหยุดคุยกับนักขับเบอร์หนึ่งของทีมด้วยสีหน้าจริงจังทุกครั้งที่ถึงโค้งที่ดูอันตราย สนามนี้ยาว 5.063 กิโลเมตรมี 23 โค้ง เขาก้าวขาเดินตามพลางมองสำรวจไปรอบๆ สปอร์ตไลท์ตัวใหญ่นับพันดวงถูกแขวนเรียงไว้เหนือหัวเพื่อส่องให้แทรคสว่างสไว ทางฝั่ง Moto GP ก็มีไนท์เรซเขาจึงเคยแข่งตอนกลางคืน แต่ทางฝั่ง Moto GP ไม่มีสนามที่เป็นสตรีทเซอร์กิต เขาจึงไม่เคยได้เจอกับความอันตรายของบาริเออร์ยาวเหยียดพวกนี้เลย

ดวงตาคมกล้าทอดมองถนนที่เคยให้รถทั่วไปวิ่งในเวลาที่ไม่มีแข่งแต่ตอนนี้กลับมีกำแพงคอนกรีตและรั้วตาข่ายสูงท่วมหัวมากั้น ไม่มีทั้งรันออฟ บ่อหญ้าหรือบ่อกรวด ถ้าพลาดก็คือชน แทบไม่มีพื้นที่ให้เสียหลักได้เลย แต่ถึงจะเป็นสนามที่โหดแต่มันก็สวยมากและท้าทายฝีมือนักขับอย่างพวกเขามาก เขาเข้าใจเลยว่าทำไมเจ้าพวกนั้นถึงชอบสนามแบบนี้นัก

ใบหน้าหล่อเหลาเงยมองเจ้ากระต่ายของเขาที่กำลังยืนคุยกับนักขับของตัวเอง มือบางกำลังชี้ไปในทิศทางต่างๆแล้วอธิบายอะไรบางอย่างให้คนหัวเงินนั่นฟัง น่าจะเป็นทิศทางลมที่จะมีผลกับแรงกระทำรอบรถ เขาอมยิ้มน้อยๆด้วยความรู้สึกภูมิใจ ก็แฟนของเขาเก่งขนาดนี้เชียวนะจะไม่ให้ตกหลุมรักยังไงไหว

จริงอยู่ที่เขาไม่ได้เข้าไปกวนเจ้ากระต่ายในเวลาทำงาน แต่พอถึงช่วงทางตรงที่ไม่จำเป็นต้องหยุดคุยกัน เขาก็ขยับไปเดินข้างๆร่างโปร่ง

มือใหญ่เอื้อมออกไป...แอบจับมือบางเอาไว้ภายใต้ชายเสื้อคลุมสีแดง...

“...!!”   เจ้ากระต่ายหันมามองเขาด้วยดวงตาเบิกกว้าง ก่อนจะค่อยๆหันกลับไปมองถนนด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ

ปลายนิ้วเรียวค่อยๆสอดมาตามง่ามนิ้วของเขาอย่างเขินอาย มือใหญ่จึงขยับสอดประสานทั้งห้านิ้วจนมือทั้งสองแนบสนิท สีแดงไล่ขึ้นมาถึงใบหูของเจ้ากระต่ายที่พยายามก้มหน้าเดินต่อไป ส่วนเขายังคงก้าวขาด้วยใบหน้าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น มีเพียงมุมปากที่ยกยิ้มอย่างไม่มีใครสังเกตเห็น

ถนนกว้างใหญ่ที่ปกติแล้วคงจะมีรถราหนาแน่นแต่บัดนี้มีเพียงพวกเขาหกเจ็ดคนที่เดินผ่านไป สปอร์ตไลท์สีอมเหลืองส่องให้ทุกอย่างดูเรืองรอง แบริเออร์กับรั้วตะแกรงสูงท่วมหัวก็เต็มไปด้วยกลิ่นไอของสนามแข่ง ฝั่งหนึ่งเป็นตึกสูงอีกฝั่งหนึ่งเป็นอ่าวที่คลื่นน้ำกระเพื่อมน้อยๆ

มือใหญ่ยังคงกุมมือบางไปตลอดเส้นทาง

จับมือ...แล้วเดินไปด้วยกัน...ในสนามแข่งที่ทั้งศิวิไลและสวยงามแห่งนี้

เป็นความโรแมนติก...ที่อาจจะมีเฉพาะคู่รักนักแข่งที่จะเข้าใจ...






ทีมวิศวกรของเฟอร์รารี่เดินกลับโรงแรม Pan Pacific กันเลย  มีเพียงเจ้านักออกแบบรถที่ถูกหวังอี้ป๋อลากไปอีกทาง  พวกเขาต้องเดินข้าม Helix Bridge สะพานโครงสร้างรูป DNA เพื่อกลับไปยังโรงแรม Marina Bay Sands 

เกลียวคลื่นที่พันกันเหมือน DNA บัดนี้เปลี่ยนเป็นสีแดงทั้งเส้น สะพานนี้เป็นสะพานคนเดินแต่ดึกดื่นป่านนี้จึงมีเพียงพวกเขาสองคนที่ข้ามผ่าน บรรยากาศหวานๆทำให้มือใหญ่ยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเมื่อนึกได้ว่าเขากับเจ้ากระต่ายยังไม่เคยมีรูปถ่ายคู่กันเลย

“จ้านเกอ ถ่ายรูปกัน”   มือใหญ่ดึงแขนบางให้มายืนอยู่ข้างๆ เจ้ากระต่ายเลิ่กลั่กเพราะยังไม่เข้าใจว่าต้องทำอะไร

“ยิ้มสิ”  ใบหน้ามนหันมามองเขางงๆก่อนจะหันไปยิ้มหวานให้กล้องตามที่เขาสั่ง


แชะ


รูปแรกของเราอยู่ที่สะพาน Helix ประเทศสิงคโปร์ หัวของเราแนบชิดกันโดยมีสายของ DNA ที่เกี่ยวพันจนสุดลูกตาอยู่เบื้องหลัง เขาสัญญาว่าจะพยายามประคับประคองความสัมพันธ์ของพวกเราไม่ให้แยกจากกันเหมือน DNA พวกนี้ เพราะเมื่อไหร่ที่มันแยกจากกันโดยไม่คืนสภาพ มันก็จะตาย...





ประตูห้องสวีทบนชั้น 53 โรงแรม Marina Bay Sands ถูกเปิดออก เจ้ากระต่ายผวาตั้งท่าจะหนีทันทีที่หวั้งอี้ป๋อหันมาจับแขนบาง

“เหล่าหวัง...คืนนี้นายต้องปล่อยชั้นนอนนะ...”   คนที่ถูกลากเข้าห้องน้ำเอ่ยขอร้องเขาด้วยน้ำเสียงอ้อนวอน เจ้ากระต่ายกางขาขืนตัวเองเอาไว้สุดฤทธิ์

“อยู่เฉยๆ ถ้าพี่ดิ้นแล้วไปโดนมันตื่นขึ้นมาละก็...พี่ต้องรับผิดชอบนะ”   นัยน์ตาเจ้าเล่ห์เหลือบมองไปที่หว่างขาให้อีกฝ่ายรู้ว่า “มัน” ที่ว่านี่คืออะไร เจ้ากระต่ายถึงกับตัวแข็งเป็นหินยืนนิ่งให้เขาจับถอดเสื้อผ้าได้ง่ายๆ

ร่างสูงสง่ายืนซ้อนอยู่ข้างหลังร่างโปร่งบาง เสียงเอี๊ยดๆดังขึ้นเมื่อมือใหญ่หมุนก๊อกฝักบัว

ใบหน้ามนเงยรับสายน้ำที่ไหลลงมา...จากสันจมูกโด่งรั้นไหลผ่านริมฝีปากอวบอิ่มก่อนจะค่อยๆไหลลงไปตามซอกคอ...ใบหน้าหล่อเหลาหยุดสายน้ำเหล่านั้นด้วยการกดจูบมันไว้กับต้นคอขาว...ริมฝีปากอุ่นร้อนที่กดจูบซ้ำๆย้ำๆวนอยู่ที่เดิมนั้นราวกับการนวดให้ผ่อนคลาย ใบหน้ามนจึงเอียงคอให้...นัยน์ตาคู่โตปิดลงด้วยความเคลิบเคลิ้ม...

แขนยาวสอดผ่านเอวบางไปกดครีมอาบน้ำ...หัวไหล่ที่แนบชิดทำให้สายน้ำไหลจากร่างโปร่งบางมายังร่างสูงสง่า...น้ำอีกสายค่อยๆไหลจากแผ่นหลังขาวลงมาตามบั้นท้ายงามงอนก่อนที่มันจะหยดลงบนซิกแพ็คของคนที่ยืนซ้อนอยู่ข้างหลัง

ฟองครีมหนานุ่มลูบไล้ลงไปบนแผ่นอกบาง...คนที่อยู่ในอ้อมแขนยืนนิ่งๆให้มือใหญ่ถูสบู่ให้ สัมผัสนุ่มลื่นถูกลากไล้ไปทั่วตัว สำหรับร่างโปร่งบางแล้วมันเหมือนกับถูกขนแมวลูบผ่าน รู้สึกดีจนยอมปล่อยให้อีกฝ่ายทำตามแต่ใจ แม้แต่จะยืนเองยังรู้สึกเกียจคร้าน แผ่นหลังบางจึงเอนพิงแผงอกแข็งแกร่งเอาไว้...ความนุ่มลื่นเสียดสีกันไปมายามกล้ามแขนแน่นๆโอบรัดลำตัวบาง หน้าท้องที่เป็นลอนคลื่นแข็งๆกดแนบชิดติดแผ่นหลังนิ่มๆ ความแตกต่างระหว่างความอ่อนนุ่มกับความแข็งแรงนั้นกลับกลายเป็นแรงดึงดูดที่ทำให้ยิ่งขยับโยกเข้าหากัน

ต้นขาแข็งแกร่งก็กดแนบอยู่กับลูกพีชไซส์Mนุ่มนิ่มที่เคลือบไว้ด้วยฟองสบู่นุ่มลื่น ร่างสูงสง่ากดจูบไปตามลาดไหล่ เพียงปล่อยกายปล่อยใจไปกับสัมผัสที่อ่อนโยนเหล่านี้โดยที่ไม่ได้คิดจะทำอะไร

ฟองสบู่ถูกล้างจนไหลลงท่อไป มือใหญ่ยื่นไปหมุนปิดก๊อกฝักบัว สายน้ำที่รดลงบนร่างเปลือยเปล่าของพวกเขาทั้งคู่จึงหยุดลง 

ใบหน้าหล่อเหลาก้มลงไปจูบไหล่ขาวจากทางด้านหลังอีกครั้ง หยดน้ำไหลจากต้นคอระหงลงมาตามแผ่นหลังเนียน แค่นี้ก็รู้สึกอีโรติกได้แล้ว ท่าทางเขาจะเป็นเอามาก

มือใหญ่ดึงเจ้ากระต่ายไปที่อ่างอาบน้ำลอยตัว กลิ่นผงอาบน้ำที่ผสมลงในอ่างหอมหวานฟุ้งกระจายไปทั่วห้อง เขาก้าวขาลงไปก่อนที่เจ้ากระต่ายจะก้าวตามมา แผ่นหลังนิ่มนอนทับบนแผ่นอกของเขา อุณหภูมิอุ่นๆของน้ำทำให้ดวงตาคู่โตปิดลงอย่างผ่อนคลาย เขาจูบกลุ่มผมสีดำเปียกชื้นนั้นอย่างรักใคร่ คืนนี้เขาตั้งใจให้จ้านเกอได้พัก งานในวันพรุ่งนี้ก็หนักเพียงพอแล้วเขาไม่ควรจะไปเพิ่มภาระให้กับร่างกายของเจ้ากระต่ายง๊อกๆแง๊กๆนี่อีก

“อี้ป๋อ...”

“หื๋ม?”

“หนักรึเปล่า?”

“ไม่หนักเลย พี่ทิ้งตัวลงมาได้อีกนะ”

“ทิ้งไปหมดแล้วถึงได้ถามไงว่าหนักไหม.....อยู่แบบนี้....สบายดีจัง...”

“ฮึ...”

“ได้ยินเสียงหัวใจนายด้วย.....ดีจัง........ชั้นชอบมันจัง.....”

“ผมก็ชอบ...เสียงหัวใจของพี่...”

ใบหน้าหล่อเหลาเกยปลายคางไว้บนหัวสีดำของคนที่ยังหลับตาพริ้ม อ่างอาบน้ำลอยตัวนี้ตั้งอยู่กลางผนังกระจกขนาดใหญ่ เขาดึงม่านให้เปิดออก เมื่อคืนก็มัวแต่....กันจนเพิ่งเห็นว่าวิวนอกหน้าต่างนั่นมันสวยงามขนาดไหน

แสงไฟระยิบระยับจากเรือสินค้ากว่าร้อยลำลอยล่องอยู่นอกอ่าว ท้องทะเลดำมืดจรดขอบฟ้าขึ้นไปเป็นหมู่ดาว ได้มองภาพที่งดงามแบบนี้โดยมีคนที่รักอยู่ในอ้อมแขน...บางที...คนเราก็อาจจะต้องการแค่นี้จริงๆ










เขาวนเวียนอยู่ที่พิตของเฟอร์รารี่จนเริ่มคุ้นหน้าคุ้นตาคนในทีมม้าลำพองมากขึ้น แต่กลับมีอยู่คนหนึ่งซึ่งกว่าเขาจะได้เจอ...ก็บ่ายวันเสาร์ก่อนควอลิฟายนู่นเลย

ครูเทโอ้ สุดยอดCEOของเฟอร์รารี่และเป็นคนที่ทำให้ค่ายม้าลำพองเป็นแบรนด์ที่แข็งแกร่งที่สุดในยุโรป

เขาเจออีกฝ่ายอย่างไม่คาดฝัน เพราะไม่คิดว่าคนระดับนี้จะลงมาดูทีมแข่งด้วยตัวเอง...คนคนนี้คือคนที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของฝูงม้าพยศพวกนั้น ผู้ชายผมสีทองตาสีฟ้าที่ดูภูมิฐานชั้นสูงเหมือนหลุดมากจากปราสาทท่านเคานต์คนนี้

“หวังอี้ป๋อสินะ ยินดีที่ได้รู้จัก”   เจ้าของใบหน้าหยิ่งทระนงยื่นมือมาให้ เขาจับมือกับอีกฝ่ายอย่างงงๆจนกระทั่งทีมบอสของเฟอร์รารี่ต้องมากระซิบบอกว่าอีกฝ่ายเป็นใคร เขาถึงได้เข้าใจว่าทำไมพวกทีมแข่งถึงได้เดินแหวกตรงที่พวกเขายืนอยู่ซะไกลขนาดนี้ ไม่มีใครอยากเข้าใกล้ CEOปิศาจของเฟอร์รารี่เลยนี่เอง....

“ครับ...”   เขาตอบรับไปอย่างไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะรู้จักเขา

“ไปที่ห้องรับรองของแพดด็อกกับผมดีกว่า ผมอยากคุยกับคุณหน่อย”   เขาเดินตามอีกฝ่ายไปโดยทิ้งความวุ่นวายในพิตก่อนควอลิฟายไว้เบื้องหลัง  ดูท่าทางซีอีโอหนุ่มของเฟอร์รารี่จะไม่ชอบอยู่ที่พิตของตัวเองนัก แหงละ บรรยากาศกดดันที่ออกมาจากร่างกายสูงใหญ่ของอีกฝ่ายน่าจะทำให้พวกทีมแข่งหลอนกันน่าดู ขนาดเขาเองยังรู้สึกได้ คนคนนี้สมแล้วที่สามารถบริหารธุรกิจระดับไม่รู้กี่ล้านของค่ายรถยักษ์ใหญ่ในอิตาลีได้ ออร่าที่แผ่ออกมานั้นไม่ธรรมดาเลยจริงๆ

เจ้ากระต่ายยังเคยนินทาอีกฝ่ายให้เขาฟัง ว่าCEOหนุ่มคนนี้ไม่สนใจอะไรทั้งนั้นนอกจากผลประกอบการของเฟอร์รารี่ ไม่สนวิธีการ มีเพียงผลลัพธ์เท่านั้นที่อยู่ในสายตา เป็นผู้ชายปากร้าย เด็ดขาด เลือดเย็น ไม่เห็นหัวใคร เป็นขั้นกว่าของปิศาจ แต่ก็ดันเก่งกาจจนหาตัวจับยาก เพราะงั้นถึงจะตีกับพวกทีมแข่งตลอดเวลาเพราะชายหนุ่มต้องควบคุมงบประมาณที่มักจะบานปลาย แต่กระนั้นพวกทีมแข่งเองก็ยอมรับในตัวซีอีโอคนนี้อยู่มากทีเดียว

ห้องรับรองของแพดด็อกก็อยู่ชั้นบนของพิตการาจนั่นเอง ชุดโซฟาหรูหราถูกตั้งไว้หลายร้อยชุดแต่ผู้ชมระดับวีไอพีส่วนใหญ่กลับชอบไปนั่งที่ริมหน้าต่างมากกว่า เพราะแค่ชะโงกหน้าลงไปก็จะได้เห็นพิตอยู่ข้างล่างและการเปลี่ยนยางอย่างอลังการ เพราะยางทั้ง 4 ล้อจะถูกเปลี่ยนภายในเวลา 2 วินาที

แก้วไวน์ถูกนำมาเสิร์ฟเมื่อพวกเขานั่งลงไปที่โซฟาชุดหนึ่ง

“ผมจะบอกเรื่องนี้กับคุณเอาไว้ก็แล้วกัน”   ใบหน้าหยิ่งทระนงเปิดประเด็นโดยไม่อ้อมค้อมสมเป็นผู้บริหาร

“เรื่องของคุณกับเซียวจ้าน...ที่จริงแล้วถือเป็นวาระแห่งชาติสำหรับพวกเราเลยทีเดียว”   เรื่องที่เสียงทุ้มพูดออกมาทำให้เขาเงยหน้าขึ้นมองอย่างมึนงง เพราะเขาไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน เอลวิน สมิธทีมบอสของเฟอร์รารี่ก็ไม่เคยบอกเขาเช่นกัน

“มันถึงกับเป็นหัวข้อหนึ่งในที่ประชุมระดับผู้บริหารของเฟอร์รารี่ การที่คุณได้คบกับดีไซน์เนอร์ตัวท็อปของเรานั่นเป็นเพราะว่าคุณผ่านเกณฑ์ที่จะทำให้รถของเราขายดีกว่าเดิม มันคือธุรกิจ”   เขารู้สึกหน้าชา นัยน์ตานิ่งค้างอย่างไม่รู้จะโต้ตอบกับซีอีโอหนุ่มยังไง เขาไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อนเลย แล้วก็เชื่อว่าเจ้ากระต่ายเองก็ไม่รู้เหมือนกัน ที่แท้...ที่เขาคิดว่าเรื่องมันผ่านมาง่ายๆ เบื้องหลังมันกลับซับซ้อนกว่าที่คิดมาก เขาทำได้แค่นิ่งฟังอีกฝ่ายอย่างพูดอะไรไม่ออก ความรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นแค่หมากในกระดานตัวหนึ่งเท่านั้น

“เพราะคุณคือหวังอี้ป๋อ คุณมีชื่อเสียงเพียงพอ รูปร่างหน้าตาของคุณก็คู่ควรกับเซียวจ้าน คุณก็ยังหนุ่ม และฐานะทั้งของตัวคุณเองและของทางบ้านก็ดีมาก เพราะคุณผ่านมาตรฐานของพวกเรา ผมอยากให้คุณรู้ว่าถ้าคุณไม่ได้มีทุกอย่างนี้ เฟอร์รารี่ไม่มีทางยอมให้คุณคบกับเซียวจ้านแน่ๆ ขอให้คุณรักษามันเอาไว้ เพราะผมเชื่อว่าคุณเองก็คงสงสัยอยู่ใช่ไหมว่าทำไมเซียวจ้านถึงไม่เคยมีแฟนทั้งๆที่เพอร์เฟคขนาดนั้น...เพราะไม่เคยมีใครผ่านมาตรฐาน คนที่เข้ามาจีบเขาก่อนหน้านี้ ถูกกำจัดทิ้งทั้งหมด”    เขาถึงกับนิ่งงัน ใช่ เขาเคยสงสัย ว่าเจ้ากระต่ายที่น่ารักแสนดีและเก่งขนาดนี้ทำไมถึงไม่มีแฟน แต่เขาไม่คิดเลยว่าเหตุผลมันจะโหดร้ายขนาดนี้

นี่คงต้องขอบคุณแชมป์โลกสามสมัยของเขาสินะ ขอบคุณพ่อแม่ที่ให้หน้าตาเขามาดี ขอบคุณที่เขายังไม่แก่!

“เพราะฉะนั้นผมอยากให้คุณทำตัวให้ดีตลอดเวลาที่คบกับดีไซน์เนอร์ของเรา ถ้าคุณทำให้เขาเสียใจหรือมีผลกระทบต่อยอดขายรถของเรา ผมไม่เอาคุณไว้แน่”   CEOของเฟอร์รารี่กดดันเขาด้วยใบหน้าราวกับชนชั้นสูง เขานิ่งค้างไป แต่พอนึกตามสิ่งที่อีกฝ่ายพูดให้ดี เขาก็เหมือนจะเข้าใจอะไรบางอย่าง

ผู้ชายที่ทุกคนเรียกว่าปิศาจคนนี้กำลังข่มขู่เขา...ให้เขารักและดูแลเจ้ากระต่ายให้ดี ห้ามให้มาตรฐานของตัวเองต่ำลงเพราะมันจะทำให้เจ้ากระต่ายลำบาก...ที่จริง...ก็เหมือนพ่อที่กำลังจะยกลูกสาวให้ผู้ชายสักคนเลยไม่ใช่หรือไง?

“ถ้าคุณทำได้ ครอบครัวใหญ่ของเราก็ยินดีต้อนรับคุณ”   ใบหน้าหยิ่งทระนงยิ้มบางๆให้เขา เล่นเอาหายใจแทบไม่ทั่วท้อง...สรุปว่า ก็แค่หวังดีกับเจ้ากระต่ายนั่นแหละ?

“คุณครูเทโอ้?”   จู่ๆเสียงหนึ่งก็ดังขัดจังหวะการสนทนาของเขาและเมื่อเงยหน้าขึ้นไปชายคนหนึ่งซึ่งเขาไม่เคยเห็นหน้าก็กำลังก้มลงมาทักทายCEOของเฟอร์รารี่

“สวัสดีครับ ไม่คิดว่าจะได้พบคุณครูเทโอ้ที่นี่”   ชายที่ดูเหมือนชาวตะวันออกกลางคนนั้นยื่นมือมาให้CEOหนุ่ม ใบหน้าการค้าถูกดึงมาใช้ทันที CEOของเฟอร์รารี่เชคแฮนด์กับอีกฝ่ายด้วยท่าทางเป็นมิตร คงจะเป็นลูกค้า?

“ครับ ยินดีครับ”   CEOหนุ่มตอบกลับไปตามมารยาท

แล้วในขณะที่ชายคนนั้นดึงมือกลับไป ปลายนิ้วก็เผลอไปปัดแก้วไวน์เข้า! แก้วทรงสูงทำท่าจะร่วงลงพื้น แต่บอร์ดี้การ์ดของชายคนนั้นก็พุ่งมารับมันเอาไว้ได้ทัน

ทุกอย่างอยู่ในสายตาของเขา

จากตอนแรกก็ตกใจเรื่องแก้วไวน์ แต่พอเห็นรอยสักที่ข้อมือซึ่งเอื้อมมารับแก้วของบอร์ดี้การ์ดคนนั้นเข้า มันกลับทำให้เขาตกใจยิ่งกว่า

เขาจำรอยสักนั่นได้...

เขามองตามบอร์ดี้การ์ดคนนั้นไปแต่เสื้อแขนยาวที่อีกฝ่ายสวมอยู่ก็ลงมาปิดรอยสักไว้

“อ่า...ขอโทษทีนะครับ”   ชายชาวตะวันออกกลางคนนั้นค่อมหัวให้CEOของเฟอร์รารี่

“ไม่เป็นไรครับ”

“ผมตั้งตารองานเปิดตัวรถคันใหม่ปลายปีนี้อยู่นะครับ แล้วเจอกันครับ”   ชายคนนั้นกับบอร์ดี้การ์ดเดินจากไป แต่เขายังมองอีกฝ่ายอย่างตื่นตะลึง

CEOของเฟอร์รารี่จึงหันมาคุยกับเขาต่อ   “ที่ผมมาพูดกับคุณเนี่ย จริงอยู่ที่ผมตั้งใจจะกดดันคุณ แต่คุณจงภูมิใจในตัวเองเถอะ คุณรู้ไหม ผู้ชายคนเมื่อกี้ซื้อรถทุกรุ่นที่เซียวจ้านออกแบบเลยนะ มีคนที่ยอมเสียเงินเป็นแสนๆแต่แขนเราก็ยังไม่ยอมให้จับ”   CEOหนุ่มทำหน้าไม่ทุกข์ร้อนก่อนจะเรียกบริกรมาเสิร์ฟไวน์แก้วใหม่

“...คุณรู้ใช่ไหมครับว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใคร?”   เขาถามอกไปด้วยเสียงลอยๆ

“หมอนั่นน่ะเหรอ? เป็นพ่อค้าเพชรรายใหญ่ของซาอุ ผมจำชื่อไม่ได้ เอาไว้จะหาให้ก็แล้วกัน”











ร่างสูงสง่านอนคิดอะไรหลายๆอย่างอยู่ที่โซฟา เจ้ากระต่ายแอบมองเขาอยู่ตามเสาบ้าง อีกฝั่งของผนังบ้างพอเห็นเขาดูแปลกๆไป ร่างโปร่งบางนั่นก็ค่อยๆย่องมาหา

“เป็นอะไรไป? เห็นบอสบอกว่าคุณครูเทโอ้เรียกนายไปคุยด้วยเหรอ?”   เจ้ากระต่ายในชุดนอนสีแดงยืนมองเขาด้วยสายตาเป็นห่วงอยู่ข้างโซฟา

“อืม”   เขาตอบด้วยใบหน้าเพลียๆ

“นี่! บอกไว้ก่อนเลยนะว่าอย่าไปหลงเชื่อเจ้าปิศาจนั่นเข้าล่ะ! ไม่ว่าหมอนั่นจะกดดันอะไรนายมาก็อย่าไปหวั่นเด็ดขาด! หนอย...เจ้าซีอีโอวายร้ายนั่นมันทำอะไรนายเนี่ย! ชั้นจะให้สเลนไปเล่นงานมัน! บอกชั้นมาเลย!  เจ้ากระต่ายทำหน้าดุร้ายได้อย่างน่าเอ็นดูจนเขาถึงกับหลุดหัวเราะ

“หึ...ฮ่าๆๆๆ”   มือใหญ่เอื้อมไปดึงมือบางจนร่างโปร่งล้มทับลงมานอนอยู่บนตัวเขา เจ้ากระต่ายยันตัวขึ้นเล็กน้อยก่อนจะพูดด้วยความเกรี้ยวกราด

“หัวเราะอะไรเล่า? เห็นอย่างงี้ชั้นก็มีวิธีปกป้องนายจากปิศาจร้ายนะ!”   ดูท่าจะไม่ค่อยลงรอยกันสินะ พวกทีมแข่งกับบอร์ดบริหาร  เขายิ้มให้คนที่นอนคร่อมทับอยู่บนกาย

“ไม่หรอก ซีอีโอคนนั้นหวังดีกับพี่ เค้าปกป้องพี่ ซึ่งเรื่องนี้ผมโอเค”   แต่เรื่องที่วนเวียนอยู่ในหัวเขาคือรอยสักที่ข้อมือของบอร์ดี้การ์ดคนนั้นมากกว่า


เพราะเขาเคยเห็นมัน...ในวันที่พี่ชายคนเดียวของเขาหายตัวไปจากบ้าน...แล้วไม่กลับมาอีกเลย...


พี่ชายเขาถูกคนพวกนั้นจับตัวไป






.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.

To be con.



โอเค จากตรงนี้ไปจะเริ่มเข้าเนื้อเรื่องที่แท้จริงแล้วค่ะ 5555+ มาไกลละเกินนะหล่อนกว่าจะถึงเนื้อเรื่องถถถถ ภาคนี้ก็พอจะมีเนื้อหาสาระอยู่บ้างนะ! ไม่ใช่ตระเวณกดกันไปทั่วโลกอย่างที่คิดดดด 5555+   F1 21 สนาม Moto GP อีก 20 สนาม แล้วพวกนางแข่งแทบไม่ตรงกันเลย ไปด้วยกันได้ทุกสนาม...อูยยย แค่คิดก็...// ซับเลือด // นังคนใจบาป หยุดดดด

แอบแปะ Team Guide ม้าแดงปี2020




แต่ฤดูกาลนี้ยังเลื่อนออกไปจนถึงเดือน 6 นู่นนน จากพิษโควิด19  คุณกวางเองก็ต้องทำงานอยู่ที่บ้านเหมียนกัลป์ มีเวลาฟุ้งซ่านเยอะจนปั่นฟิครัวๆอย่างที่เห็น TvTb ไปไหนไม่ได้อ่ะเนอะ โม่ยจ้านเกอวนไป =q=b // ผิด


ส่วนอันนี้เป็นรีวิวสนามมาริน่าเบย์เซอร์กิต สิงคโปร์ค่ะ อยากให้เข้าไปดู ตึกสามขาที่มีเรืออยู่ข้างบนนั่นแหละ โลเคชั่นของฟิคตอนนี้ กร๊ากกกก Marina Bay Sands ค่ะ








อันนี้เป็นรูปจากดาดฟ้า Marina Bay Sands ที่คุณกวางถ่ายเอง อิๆๆ วิวที่ป๋อเห็นก็ประมาณๆนี้แหละ :v







เค้าเปิดให้คนทั่วไปขึ้นไปชมวิวบนดาดฟ้าได้อ่ะนะ ไม่มีปัญญาไปพักเพราะว่าแพงมาก TvTb ได้แต่ไปนั่งส่องยัยมาดาม(นักขับคนปัจจจุบันของม้า)อยู่บนยอดตึก รอนางมาเดินแทรคตอนกลางคืนค่ะ มาซะสี่ทุ่มกว่า ตอนแรกตัดใจแร้วอ่ะแต่น้องม.ที่ไปด้วยกันคือลากคุณกวางแทบปลิว สังขารอันไม่ไหวของชั้นต้องวิ่งจากสถานีรถไฟฝั่งนี้ทะลุห้างทั้งห้างข้ามสะพานข้ามอ่าว แล้วในที่สุดก็ได้เจอนางจริงๆ ฮืออออ น้ำตาจะไหล นางน่ารักมว๊ากกกกกก อยากจะอุ้มกลับบ้าน  ถนนริมอ่าวที่เปิดไฟเหลืองๆนั่นก็คือสนามแข่งค่ะ พิตการาจอยู่หลังชิงช้าสวรรค์นั่นแล มันก็โรแมนติกอยู่นะ เดทในสนามแข่งแบบนี้อ่ะ~~ >////<  






ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น