ป๋อจ้าน Au.Fic [หวังอี้ป๋อ x เซียวจ้าน] GLIDE : 2x4 It’s me : 08


ป๋อจ้าน Au.Fic [หวังอี้ป๋อ x เซียวจ้าน]  GLIDE : 2x4 It’s me : 08

: ป๋อจ้าน Fanfiction Au
: หวังอี้ป๋อ x เซียวจ้าน
: Romantic
: NC-17


คำเตือน : เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ
           : เนื้อเรื่องต่อไปนี้เป็นเพียงจินตนาการของผู้เขียน ไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นจริงนะคะ
           : ข้อมูลจะไม่แน่นเท่า GLIDE ภาคก่อนๆนะคะ เพราะภาคนี้ข้ามมา 2 ล้อ ตรูขี้เกียจหาข้อมูลฝั่ง Moto GP โฟ้ยยยย // โดนตบด้วยหมวกกันน็อค





ร่างสูงสง่าเดินกลับเข้ามาที่กริดสตาร์ทด้วยใบหน้ามั่นใจ แสงแฟลชสว่างไสวไปตลอดทางที่หวังอี้ป๋อเดินผ่าน

นักบิดมือหนึ่งแห่งทีม Movistar Yamaha ก้าวขาคร่อมรถของตน มือใหญ่เสยผมหล่อๆก่อนที่หมวกกันน็อคติดเบอร์ 85 จะถูกสวมลงไป ทุกท่วงท่านั้นเท่ห์จนคนมองแทบลืมหายใจ กล้องจากสื่อทุกสำนักจึงแทบจะหันมาส่องที่รถคันหน้าสุดเป็นจุดเดียว

แต่คนที่เป็นจุดรวมทุกสายตากลับไม่ได้ใส่ใจ ใบหน้าหล่อเหลาภายใต้หมวกกันน็อคกำลังยกยิ้มมุมปากเมื่อนึกถึงเรื่องที่หลังพิตเมื่อกี้ แค่นึกถึงเนื้อกระต่ายหอมหวานที่กำลังจะได้รับประทานเขาก็รอให้แข่งจบแทบไม่ไหว บางครั้งเขาก็แปลกใจตัวเองเหมือนกันที่อดทนรอมาขนาดนี้ได้ยังไง อย่างผู้หญิงที่เขาเคยคบด้วยยังเสร็จเขาตั้งแต่สองสามวันแรกที่คบกันเลย จากนั้นก็เลิกรากันไปในเวลาไม่นาน แต่กับเจ้ากระต่ายนี่เขาจริงจังกว่าครั้งก่อนๆมาก

เสียงประกาศทำให้สื่อมวลชนและเหล่าเซเลปทั้งหลายเดินออกจากแทรคไป...เขาหยิบถุงมือมาใส่และรอยยิ้มบนใบหน้าก็ยังคงอยู่

ผ้านวมอุ่นยางถูกถอดออกจากยางหน้าตามมาด้วยยางหลัง ทีมงานวิ่งกรูกันออกจากแทรค...มือใหญ่กุมคันเร่งและคลัชอย่างอารมณ์ดี เขาไม่มีความกดดันใดๆทั้งสิ้นเพราะเขารู้เพียงแค่อย่างเดียว


เขาต้องชนะ


ไม่ว่าจะต้องใช้พลังและทักษะทั้งหมดที่มีก็ตาม

เสียงกระหึ่มจากท่อไอเสียทั้ง 22 อันดังขึ้นเมื่อรถทั้ง 22 คันลงสนามไปวิ่งในรอบ Warm up Lap   

1 รอบ 4.4กิโลเมตรและสนามนี้พวกเขาจะวิ่งทั้งหมด 27รอบ

รถทั้ง 22 คันทยอยกลับมาประจำกริดสตาร์ทของตัวเอง...หัวใจเต้นอย่างบ้าคลั่งทุกครั้งในเวลาแบบนี้ อะดรีนะลีนหลั่งจนเขาต้องกัดริมฝีปาก  เขาวางของเดิมพันเอาไว้บนโพเดี้ยม  สมาธิถูกเรียกกลับมา  รอบกายมีเพียงความว่างเปล่าขาวโพลน ในสายตาของเขามองเห็นเพียงธงสีแดงที่กำลังโบกสะบัดข้ามแทรค

สัญญาณไฟสีแดงทั้ง 5 ดวงติดขึ้นพร้อมกัน

ดวงตาคมกล้าจ้องมองมันตาไม่กระพริบ มือใหญ่บิดคันเร่งรอเอาไว้

และเมื่อไฟทั้ง 5 ดวงดับลงพร้อมกัน เสียงเครื่องยนต์ก็กระหึ่มดังทั่วสนามทันที!!


การแข่งขันจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลกสนามที่ 18  Australian Motorcycle Grand Prix”  เริ่มต้นขึ้นแล้ว!!


รถทั้ง 22 คันวิ่งออกมาราวกับพายุ เสียงแหวกอากาศแสบแก้วหูดังสนั่น รถทั้ง 22 คันต่างพยายามไล่แซงกันจนดูไม่รู้เลยว่าใครนำอยู่!

จังหวะสตาร์ทคือช่วงเวลาที่อันตรายที่สุดไม่ว่าจะการแข่ง F1 หรือ Moto GPเพราะไม่มีใครยอมใคร รถของทั้ง 11 ทีมต่างต่อสู้แย่งชิงตำแหน่งกันอย่างดุเดือด จนกระทั่งสุดทางตรง รถทั้งหมดจำต้องลดความเร็วแล้วไล่เรียงกันเพื่อผ่านโค้งไปให้ได้ กล้องสนามจับภาพอย่างลุ้นระทึก ลูกทีมรวมทั้งคนที่ยืนอยู่ในพิตเองก็ลุ้นหัวใจจะวายเช่นกัน แล้ววินาทีที่ฝูงหมาป่าพวกนั้นทะยานออกจากโค้งมา เสียงเฮก็ดังลั่นพิตยามาฮ่า!

“หวังอี้ป๋อ! เป็นหวังอี้ป๋อครับที่ขึ้นนำ!!!”   สิ้นเสียงประกาศจากผู้บรรยายภาคสนามเสียงเฮก็ดังลั่นไปทั่วสนาม กองเชียร์ของนักบิดเลือดมังกรต่างตะโกนดีใจกันยกใหญ่ เลือดในกายร้อนขึ้นมาทันที


แต่การแข่งรถ...เร็วอย่างเดียวไม่พอ มันต้องมีดวงด้วย!


เอี๊ยดดดด!!!


เสียงรถครูดไถลกับพื้นก่อนจะล้มโครมใหญ่ แถวกลางเกี่ยวชนกันวุ่นวายและตอนนี้ก็มีรถคันหนึ่งสไลด์ตัดโค้งมาขวางหน้ากลุ่มนำ!

สัญชาติญาณของนักขับที่ถูกฝึกให้ดีกว่าคนปกติสี่ห้าเท่าทำงานทันที Yamaha YZR-M1ฝืนไลน์ตัวเองจนหลบพ้นแบบเส้นยาแดงผ่าแปด!

คนดูต่างยกมือขึ้นมาปิดหน้ากันทั้งสนาม ในพิตของกลุ่มนำอย่างยามาฮ่า ฮอนด้า ดูคาติต่างนั่งไม่ติดเก้าอี้ มีหลายคันถูกกวาดไปด้วยแต่หวังอี้ป๋อก็ยังรอด!

Yamaha YZR-M1 ส่ายอย่างเห็นได้ชัด แต่ท่ามกลางฝุ่นควันและเม็ดกรวดที่กระจัดกระจาย นักขับเลือดมังกรก็ยังดึงรถกลับมาได้

“เฮ้~~~”   เสียงเชียร์ดังอย่างร้อนแรงเมื่อนักบิดในดวงใจยังปลอดภัย

“สุดยอด! สมเป็นหวังอี้ป๋อ! มาดูกันครับว่าสนามนี้จะได้แชมป์โลกสมัยที่ 4 หรือไม่!”   ผู้บรรยายยังคงพากย์อย่างออกรส การแข่ง Moto GP หรือ F1 ก็เหมือนฟุตบอล ในฤดูกาลหนึ่งจะแข่งกันเป็น 20 สนามเวียนไปทั่วโลก แชมป์ของแต่ละสนามจะมีคะแนนสะสมอยู่ และเมื่อแข่งครบทุกสนาม ใครมีคะแนนสะสมเยอะที่สุดก็ได้แชมป์โลกไป และตอนนี้หวังอี้ป๋อก็คะแนนทิ้งห่างอันดับสองอยู่พอสมควร ซึ่งถ้านักบิดหนุ่มชนะสนามนี้ได้คะแนนก็จะขาดไปเลยแบบที่ใครก็ตามไม่ทัน เขาจึงจะได้แชมป์โลกสมัยที่สี่ของตัวเองทั้งๆที่ยังเหลือแข่งอีกสองสนาม

“อูยยยย”   เสียงทีมงานในพิตการาจสีน้ำเงินหวีดออกมาอย่างเสียวไส้

ดีไซน์เนอร์ของเฟอร์รารี่ยืนอยู่ข้างๆทีมบอสและทีมงานของ Movistar Yamaha ทุกสายตาต่างจับจ้องไปที่หน้าจอมอนิเตอร์เดียวกันอย่างลุ้นระทึก การแข่ง Moto GP นั้นตรงไปตรงมา ไม่ซับซ้อนและเต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมเหมือนฟอร์มูล่าวัน  รถมอเตอร์ไซค์ทั้งสองคันจะถูกเซตอัพเอาไว้หมดแล้วตั้งแต่ก่อนสตาร์ท พอเริ่มรอบวอล์มอัพทั้งทีมช่างและทีมวิศวกรจะไม่สามารถปรับแต่งหรือทำอะไรกับรถได้อีก ทั้งคันที่ใช้ลงแข่งและคันสำรองที่เตรียมไว้เผื่อตอนฝนตก

เพราะฉะนั้นเมื่ออยู่ในสนาม ทุกการตัดสินใจจึงเป็นของนักบิดเพียงคนเดียว แข่งกันด้วยฝีมือและทักษะที่มีแบบแมนๆ ไม่ต้องวางแผนใช้กลยุทธ์ให้ยุ่งยากวุ่นวาย ไม่มีการเข้าพิตเปลี่ยนยางเพราะฉะนั้นจึงไม่มีทางแซงกันด้วยวิธีอื่นนอกจากสู้กันในสนามตรงๆ

ผู้นำของฝูงหมาป่ายังคงขับอย่างบ้าคลั่ง หวังอี้ป๋อในวันนี้ร้อนแรงจนทั้งนักพากย์ในสนามและผู้ชมต่างตะโกนเชียร์กันลั่น ทุกๆครั้งที่เข้าโค้งก็เล่นเอาหัวใจคนในพิตจะวายเสียให้ได้ ทั้งๆที่ไม่จำเป็นต้องหลับหูหลับตาบิดขนาดนั้นตั้งแต่รอบแรกก็ได้! 

ลูกทีม Movistar Yamaha หายใจแทบไม่ทั่วท้อง ถึงจะเร้าใจผู้ชมแต่คนที่ดูอยู่ทางนี้กลับรู้ว่าการขับแบบนั้นมันอันตรายมาก ทั้งเครื่องทั้งยางอาจจะไปก่อนครบ27รอบสนาม!

ไม่ได้เห็นหมอนั่นหิวกระหายในชัยชนะแบบนี้มาหลายปี เหมือนกลับไปเป็นเด็กหนุ่มเลือดร้อนอีกครั้งเลยนะหวังอี้ป๋อ”   แต่ทีมบอสของ Movistar Yamaha กลับยิ้มอย่างไม่กังวลจนดีไซน์เนอร์ของเฟอร์รารี่หันไปมองด้วยความสงสัย

“?”   

ก็...พอชนะมากๆเข้า พอมีชื่อเสียงมันก็มีหลายเรื่องที่ต้องเจอ หลายเรื่องมันก็บั่นทอนไฟในตัวให้ค่อยๆมอดดับลง”   ใบหน้ามนหันกลับไปมองรถสีน้ำเงินในจอมอนิเตอร์....หิวกระหายในชัยชนะหรือว่าหิวอะไรกันแน่นะเจ้าหมาป่าจอมเจ้าเล่ห์นั่น! ฮืออออ เขาไม่น่าไปรับรางวัลทาสของหมอนั่นมาก่อนเลย ดูสิ พอต้องให้คืนแล้วมันเสียหายใหญ่หลวงขนาดนี้~~ อยู่ดีๆก็มาเอาร่างกายของเขาเป็นเดิมพันเฉย

ย่องหนีกลับอิตาลีมันตอนนี้เลยดีไหม? แต่เขาก็อยากดูรถนั่นเข้าเส้นชัยด้วยอ่ะ อ๊า~~

ตอนนี้นักออกแบบรถมือหนึ่งของวงการฟอร์มูล่าวันเหมือนจะเป็นไบโพล่า ต้องโทษความติ่งรถของตัวเองนั่นแหละที่ทำให้ตัดใจหนีไปไม่ได้!

เสียงแสบแก้วหูวิ่งผ่านหน้าพิตแกรนด์สแตนด์ไปด้วยความเร็ว 346 กิโลเมตรต่อชั่วโมง หวังอี้ป๋อยังคงเข้าโค้งด้วยความเร็วที่แทบไม่ตก แต่เป็นเพราะสนามนี้ไม่ใช่สนามเข้าทางรถจากทีมยามาฮ่า รถเบอร์ 85 จึงไม่สามารถสลัดคู่แข่งแล้วทิ้งห่างได้อย่างที่ใจนึก ทั้งรถสีแดงเพลิงของทีม Ducati ทั้งรถสีส้มของ Rapsol Honda ยังคงตามมาติดๆ

จ่าฝูงยังคงตะบี้ตะบันบิดต่อไปโดยไม่สนใจยางที่เริ่มสึกเรื่อยๆ Moto GPไม่มีการเข้าพิตเปลี่ยนยางนอกจากตอนฝนตก ดวงตาคู่โตของนักออกแบบรถจากเฟอร์รารี่จึงอดมองอย่างเป็นห่วงไม่ได้ ยางมอเตอร์ไซค์นี่มีระเบิดเหมือนยางรถ F1 ไหมนะ? แล้วเล่นบดขนาดนั้นตั้งแต่รอบแรกไม่ได้ขับถนอมยางเหมือนคันอื่นๆ พอถึงตอนท้ายๆความเร็วจะไม่ตกแน่เหรอ? ตอนนี้คิ้วเรียวเริ่มจะขมวดเป็นปม เขาเริ่มกัดเล็บอย่างลุ้นระทึก

หัวใจดวงน้อยเต้นโครมๆกับการขับแบบเสี่ยงๆของหวังอี้ป๋อ เขาเข้าใจความรู้สึกนี้ดีแต่ก็ยังอดห่วงไม่ได้  มันไม่เหมือนตอนลุ้นสเลน ทรอยยาร์ดที่ถูกรถคันอื่นจี้หลังติดๆ  มันไม่เหมือนตอนลุ้นคะชู คิโยมิตสึให้ปาดแซงคันที่นำหน้าอยู่ให้ได้ มันไม่เหมือนตอนลุ้นโกคุเดระ ฮายาโตะว่าจะไปชนกับใครจนแหกโค้งไหม ถึงจะคล้ายตอนลุ้นพวกนักขับในทีมม้าลำพองของเขาแต่มันก็ไม่เหมือนกัน

แสดงว่าหวังอี้ป๋อสำหรับเขาแล้ว...พิเศษออกไป...



ยิ่งเข้าใกล้รอบสุดท้ายมากเท่าไหร่ในสนามก็ยิ่งดุเดือดราวกับอยู่ในกองไฟ ใครมีไม้ตายอะไรต่างงัดมาใส่กันเต็มที่...ไม่เว้นแม้แต่ที่พิตการาจของ Movistar Yamaha

“เซียวจ้าน ช่วยอะไรพวกเราหน่อย”   ทีมบอสหันมาเรียกเขาก่อนจะพาข้ามพิตเลนไปที่พิตวอลล์ซึ่งอยู่ติดกับแทรค ใบหน้ามนมองอีกฝ่ายอย่างสงสัยและเมื่อดวงตาคู่โตเหลือบไปเห็นป้ายบอกอันดับเวลาที่ลูกทีมกำลังเปลี่ยนตัวเลขอยู่เขาก็เข้าใจทันที

“ช่วย...ยกป้ายนี้บอกอี้ป๋อให้ทีนะ”   แก้มใสภายใต้กรอบแว่นรู้สึกร้อนผ่าว นี่ก็เป็นกลยุทธ์หนึ่งที่จะเรียกแรงใจให้นักแข่งสินะ...

เพราะว่าการแข่งรถสมัยก่อนไม่มีวิทยุสื่อสาร เพื่อที่จะบอกนักขับถึงอันดับที่ตนอยู่ในตอนนี้หรือเวลาที่ตามคันหน้าหรือห่างจากคันหลังเท่าไหร่ จึงถูกเขียนไว้บนป้ายกระดานแผ่นหนึ่งและถึงแม้ปัจจุบันจะมีวิทยุสื่อสารแล้วแต่แผ่นป้ายบอกเวลาสุดคลาสสิคนี้ก็ยังใช้กันอยู่

แต่ปกติแล้วลูกทีมจะเป็นคนยกป้าย...

บอกตามตรงว่าตอนอยู่ในพิตสีแดงเขาไม่เคยต้องมาทำอะไรแบบนี้ หน้าที่ของเขาอยู่หลังมอนิเตอร์คอยเช็คข้อมูลที่ถูกส่งมาจากตัวรถระหว่างการแข่ง ไม่ว่าจะความร้อนของเครื่องยนต์ อุณหภูมิยางทั้งสี่ล้อ ปีกหน้าปีกหลังว่ายังอยู่ดีไหม รถมีอาการแปลกๆอะไรหรือเปล่า เพราะงั้นเขาจึงไม่เคยรู้เลยว่าป้ายบอกเวลามันไม่ได้หนักอย่างที่คิด

หัวใจเต้นตึกตัก ทั้งกลัวว่าจะยกป้ายไม่ทัน กลัวว่าอี้ป๋อจมองไม่เห็น ทั้งกังวลทั้งตื่นเต้น แต่ลึกๆในใจกลับดีใจที่ได้ทำหน้าที่ที่พิเศษนี้

เพราะมันดีกว่าป้ายเชียร์ทั่วๆไปเป็นไหนๆ...

“อี้ป๋อผ่านโค้งสุดท้ายมาแล้ว ยกป้ายเลยครับ”   เสียงจากวิทยุสื่อสารดังผ่านหูฟังสีน้ำเงิน ร่างโปร่งบางจึงยกแผ่นป้ายขนาดใหญ่สอดเข้าไปในช่องระหว่างรั้วตะแกรงเหล็ก ทีมอื่นๆในกลุ่มนำก็ทำเหมือนกัน แผ่นป้ายจึงไล่เรียงกันไป

แต่กระนั้น...หวังอี้ป๋อก็มองเห็นอย่างชัดเจนว่าใครเป็นคนยกป้ายของตัวเอง...

ด้วยความเร็ว 300 กว่ากิโลเมตรต่อชั่วโมงที่รถวิ่งมา ปกติแล้วสายตานักแข่งรถอย่างพวกเขาจะดีมากกว่าคนทั่วไปหลายเท่าเพราะต้องมองทุกอย่างในความเร็วระดับนั้น เพราะงั้นแค่ตวัดสายตาเขาก็มองเห็นหมดไม่ว่าจะเป็นชื่อของตัวเอง อันดับ และเวลาที่นำอยู่ เห็น...แม้แต่ใบหน้าของคนที่ถือป้ายนั้น...

ใบหน้าหล่อเหลายิ้มร้ายอยู่ภายใต้หมวกกันน็อค กำลังใจไหลมารวมอยู่ในร่างกายจนเต็มเปี่ยม

รอบสุดท้ายแล้ว...

ให้มันรู้กันไป ว่าคืนนี้เจ้ากระต่ายจะไม่เสร็จเขาได้ยังไง!

ไม่มีทางให้หนีแล้ว...จ้านเกอ...


มือใหญ่บิดคันเร่งเพิ่มจนความเร็ว Top Speed ทุบสถิติของสนามจนคนถึงกับฮือฮา นักบิดจากทีมยามาฮ่าเอียงตัวรับโค้งซ้ายต่อด้วยโค้งขวาทั้งแข็งแรง ดุดันและพลิ้วไหว ถึงแม้จะอยู่ในความเร็วที่สะดุดเพียงนิดก็คงถึงตายแต่ใบหน้าภายใต้หมวกกันน็อคก็ยังนิ่งเฉย หัวจิตหัวใจที่ไม่กลัวอะไรเลยทำให้เขาดูเยือกเย็นจนแม้แต่ยมทูตยังไม่กล้ามารับตัวเขาไป

คนดูทั้งสนามต่างลุกขึ้นยืนอย่างทนนั่งต่อไปไม่ไหว หวังอี้ป๋อกำลังจะเข้าสู่โค้งสุดท้ายก่อนถึงเส้นชัย แต่รถของทีม Rapsol Honda ก็ยังตามจี้ไม่ปล่อย สองสามรอบท้ายนี้ทั้งสองคันต่างผลัดกันนำผลัดกันแซงจนกองเชียร์ต่างทึ้งหัวด้วยความลุ้นระทึก

คนในพิตสีน้ำเงินต่างจ้องหน้าจอแบบไม่กล้ากระพริบตา ถ้าหยุดหายใจแล้วไม่ตายก็คงหยุดหายใจกันไปแล้ว!

รถสีส้มเข้าโค้งสุดท้ายมาได้ก่อน แต่หวังอี้ป๋อก็เบียดแซงคู่แข่งอย่างไม่มีใครยอมใคร ช่องที่เหลืออยู่นิดเดียวแล้วก็ไม่มีใครคิดว่านั่นมันจะมีพื้นที่พอแต่หวังอี้ป๋อก็ยังจะไป! รถสีน้ำเงินเสียบแซงในโค้งไปได้ แต่เพราะพื้นที่มันแทบไม่พอ กับความเร็วระดับนี้ที่แค่เบียดกันนิดเดียวก็เสียการทรงตัวได้ง่ายๆ สุดท้ายก็


เอี๊ยดดดดด!!


รถคันหนึ่งเสียหลักท้ายปัดจนควบคุมไม่อยู่ มันไถลออกนอกเรซซิ่งไลน์และคนขี่ก็กระเด็นออกไปทันที!

เสียงกรี๊ดดังอยู่รอบสนามอย่างไม่อยากจะเชื่อว่าความพยายามที่ผ่านมาจะกลายเป็นศูนย์ทุกคนต่างจดจ้องกันอย่างหวาดหวั่นว่ารถคันนั้นเป็นของใคร ทุกคนต่างภาวนาไม่ให้เป็นรถคันที่ตัวเองเชียร์อยู่ และเมื่อฝุ่นจากกรวดทรายเริ่มหายไปทุกสายตาก็เห็นว่า


รถคันนั้นสีส้ม!! รถที่เสียหลักล้มสีส้ม!!


มีทั้งเสียงเฮอย่างโล่งใจกับเสียงร้องอย่างเสียดาย แต่ทุกสายตาก็รีบหันไปจ้องมองรถอีกคันที่เหลือรอดอยู่ จะว่ารอดก็พูดได้ไม่เต็มปากเพราะตอนนี้หวังอี้ป๋อเองก็กำลังลำบาก!

รถหมายเลข 85 เองก็เสียหลักจนแทบทรงตัวไม่อยู่ แต่นักบิดแดนมังกรก็ยังฝืนบังคับรถต่อไป

ณ.วินาทีนี้ดวงตาคมกล้าไม่มองอะไรทั้งนั้นนอกจากเส้นชัย ต่อให้รถพังหรือร่างสลาย เขาก็จะต้องไปให้ถึงให้ได้!



.
.
.
.
.
.
.
.





“เฮ้~~~

เหมือนเวลาหยุดลงไปชั่วขณะก่อนที่เสียงเฮจะดังลั่นสนาม

ในที่สุด Yamaha YZR-M1 ก็ข้ามผ่านเส้นชัยไปจนได้!!!

ธงตาหมากรุกโบกสะบัดอยู่เหนือหัว ใบหน้าหล่อเหลาภายใต้หมวกกันน็อคถึงกับเงยหน้ารับพร้อมกับเสียงหัวเราะที่ใครก็คงไม่ได้ยิน นอกจากตอนที่ได้แชมป์โลกสมัยแรก ชัยชนะครั้งนี้ถือเป็นอีกครั้งที่เขาดีใจมากที่สุด

Yamaha YZR-M1 ค่อยๆผ่อนความเร็วลง ร่างกายที่ตึงเครียดมาเป็นชั่วโมงค่อยๆผ่อนคลาย เขาปล่อยให้สายลมจากท้องทะเลปะทะใบหน้า รู้สึกดีจริงๆ

แชมป์ของสนามนี้ขับรถวนไปรอบสนามเพื่อขอบคุณคนดู เสียงตะโกนโห่ร้องกู่ก้องทุกๆที่ที่เขาขี่ผ่าน วันนี้ทุกคนได้เห็นการแข่งขันที่สนุกและร้อนแรงมากจนอยากจะจดบันทึกไว้ให้เป็นอีกหนึ่งเรซที่ดีที่สุดแห่งปี


หวังอี้ป๋อสมศักดิ์ศรีแชมป์โลกสี่สมัยทุกอย่างจริงๆ


รถสีน้ำเงินแล่นเข้ามาจอดหลังป้ายหมายเลข 1 ในคอกที่ล้อมไว้สำหรับสามอันดับแรกท่ามกลางตากล้องและลูกทีมที่มารอรับพร้อมกับเสียงเฮ ร่างสูงสง่าลงจากรถพร้อมกับรอยยิ้ม หวังอี้ป๋อเดินเข้าไปกอดทีมที่ดีใจกันยกใหญ่ ฝ่ามือทั้งหลายตบลงมาที่แผ่นหลังกว้างบ้างหมวกกันน็อคบ้างจนลำตัวที่ไม่ได้หนามากถึงกับเซไปตามแรงตีอย่างดีใจนั่น ทุกคนในทีมต่างดีใจกับชัยชนะของเขาเพราะทุกคนก็เหนื่อยก็พยายามด้วยกันมามาก รางวัลนี้จึงเป็นรางวัลของทุกคนในทีม

ร่างสูงสง่าเดินตีมือกับลูกทีมไปเรื่อยๆจนกระทั่งมาหยุดยืนอยู่หน้าร่างโปร่งบางที่ถูกลากมาด้วย ถึงจะมีรั้วกั้นแต่ใบหน้ามนก็กำลังยิ้มให้เขา มันเป็นรอยยิ้มที่หวานมาก มันเป็นรอยยิ้มที่แค่มองก็รู้ว่าจ้านเกอดีใจกับเขา ยินดีในชัยชนะนี้ของเขา แค่รอยยิ้มก็บอกทุกคำพูดออกมาจนหมด

มือใหญ่ถอดหมวกกันน็อคออกก่อนที่มืออีกข้างจะเอื้อมไป...

แล้วท้ายทอยของคนตรงหน้าถูกกดเข้ามาในชั่วพริบตา...

ใบหน้าหล่อเหลาโน้มเข้าหา...

ริมฝีปากของเขากดจูบกลีบปากสีกุหลาบนั่นท่ามกลางความตื่นตะลึงของทุกคน 


“หวังอี้ป๋อ~~

“ฮิ้ววววว”

และเมื่อเขาละออกไปเสียงโฮ่ฮิ้วร้องแซวก็ดังขึ้นรอบๆทันที พอๆกับเสียงรัวชัตเตอร์และแสงแฟลชที่กระพริบระยิบระยับยิ่งกว่าหมู่ดาวเสียอีก!

มีแค่เจ้ากระต่ายตรงหน้าที่ยืนอ้าปากพะงาบๆอย่างไม่คิดว่าเขาจะกล้าทำอะไรแบบนี้ต่อหน้าสื่อทั่วโลก ก็ดูสิ น่ารักขนาดนี้ ถ้าไม่ติดว่าเขาต้องขึ้นโพเดี้ยมไปรับถ้วยละก็นะ คงจะจับจูบไปอีกหลายๆทีแล้ว!

“อะ อะ อะ....”   เจ้าวิศวกรหัวกะทิของเฟอร์รารี่ถึงกับติดอ่างพูดอะไรต่อไปไม่ถูก มือใหญ่จึงยัดหมวกกันน็อคของตนใส่อ้อมแขนบางเอาไว้

“ฝากหน่อย จ้านเกอ”   แล้วนี่ก็เป็นอีกครั้งที่หวังอี้ป๋อแสดงออกอย่างชัดเจนว่าคนตรงหน้าเป็นอะไรกับตน เพราะนอกจากเทรนเนอร์ส่วนตัวกับวิศวกรสนามของตนแล้ว นักบิดจากทีมยามาฮ่าก็ไม่ยอมให้ใครแตะต้องหมวกกันน็อคติดหมายเลข 85 อีก

ข่าวฮ็อตที่ตีคู่สูสีกับข่าวแชมป์สมัยที่สี่จึงบังเกิดทันที


หวังอี้ป๋อมีแฟนแล้ว!!













ดีไซน์เนอร์ของเฟอร์รารี่ถูกพากลับโรงแรมก่อนเพราะหวังอี้ป๋อมีคิวต้องสัมภาษณ์อีกยาวเหยียดในฐานะแชมป์โลกคนใหม่ของปีนี้ อีกอย่างรอบๆพิตยามาฮ่าก็เริ่มจะวุ่นวายจากบรรดานักข่าวที่อยากรู้ว่า "แฟนของหวังอี้ป๋อ" เป็นใครมาจากไหน

และทันทีที่ร่างโปร่งบางเข้าห้องพักได้ โทรศัพท์มือถือก็ถูกควักออกมาดูข้อความที่ดังไม่หยุดตั้งแต่ภาพที่หวังอี้ป๋อจูบเขาถูกแพร่ออกไปทั่วโลก

ส่วนใหญ่ก็มาจากคนในทีมของเขาเองแหละ...


'จ้านจ้าน ตกลงนายคบกับเจ้าเด็กนั่นตั้งแต่เมื่อไหร่? แล้วได้ชำแหละรถมอเตอร์ไซค์ของยามาฮ่าไหม?' 
ข้อความจากศิษย์พี่ เดี๋ยวเถอะ ถึงเขาจะคบกับหวังอี้ป๋อแต่ก็ไม่เห็นเกี่ยวกับการชำแหละรถเลย!


'นายได้ชุดแต่งงานรึยัง? ชั้นช่วยเลือกให้นะ~~ เอาลูกไม้ฟูๆมั๊ย?'  
ข้อความจากคะชู คิโยมิตสึ….ลูกไม้ฟูๆอะไรล่ะ! มันต้องสูทขาวสิ! เอ๊ะ ไม่ใช่ แต่งงานอะไรที่ไหนล่ะเจ้าเด็กนี่!


'ยินดีด้วยนะครับ ยังไงก็ดูแลกันให้ดีๆนะ'
'ชั้นไม่ใส่ซองหรอกนะ อย่ามาคาดหวัง
ข้อความจากสเลน ทรอยยาร์ดและเจ้า CEO ปีศาจส่งมาด้วยกัน ก่อนจะถึงเรื่องของเขา เจ้าสองคนนี้มันคบกันได้ยังงัยก่อน ต่างกันซะขนาดนี้! เจ้าCEOขี้งกเอ้ย ซองไม่ต้องใส่แต่จ่ายค่าอุโมงค์ลมให้ก็พอ!


'ปิดฤดูกาลนี้จะไปฮันนีมูนยาวเลยใช่ไหม? จะไม่มาอาศัยอยู่ที่สนามแล้วสินะ สาธุ
จากทีมบอสที่รัก ฮันนีมูนอะไร๊~ ทำไมพวกนั้นถึงคิดว่าเขาจะแต่งงานกับหวังอี้ป๋อเนี่ย???!


'ชั้นรู้แหล่งขายถุงยางอนามัยราคาถูก ถึงชั้นจะไม่เคยใช้ก็เถอะ
ข้อความนี้มาพร้อมกับโลเคชั่น…..คุณรีไวววววว!!!! 


'อ๊า! ไม่เคยใช้ก็หัดใช้ซะบ้างสิตาลุงนี่! อย่าไปสนใจคุณรีไวเลยนะครับ ถ้าหลานๆลืมตาดูโลกเมื่อไหร่ ผมจะให้นี่เป็นของขวัญ Tamiya F1 รุ่นใหม่ที่ผมทำเอง รับรองวิ่งไวไปถึงดาวอังคารเลย!
…….เอเลน เยเกอร์ แนบรูปรถบังคับวิทยุมาด้วย ถึงเขากับเจ้าศิษย์น้องคนนี้จะดวลรถบังคับวิทยุกันบ่อยๆ แต่หลานที่ว่านั่นมันอะร๊ายยยย เขาท้องได้ที่ไหนล่ะ!! เอ๊ะ หรือว่าได้???


'หมีแพนด้าก็ดีนะ
…………….อันนี้เนี่ย ปริศนาธรรมที่สุดในบรรดาข้อความทั้งหมดแล้ว! โกคุเดระ  ฮายาโตะต้องการจะสื่อความหมายอะไรกับเขากันแน่???! 


ปลายนิ้วเรียวกดปิดหน้าจอมือถืออย่างเพลียๆ แต่ละคนนี่ก็นะ...สมแล้วที่อยู่ด้วยกันได้!

แล้วไม่ว่าตอนนี้เขาจะเปิดไปที่หน้าข่าวสำนักไหนก็มีแต่ภาพของหวังอี้ป๋อเต็มไปหมด หวังอี้ป๋อคนเดียวไม่พอยังมีรูปของเขาด้วย!

แง๊~ น่าอายจริงๆ!

ร่างโปร่งบางล้มตัวลงนอนดิ้นไปดิ้นมาอยู่บนโซฟา มือคว้าหมอนอิงมากอด อย่างงี้ก็เท่ากับว่าเขากลายเป็นแฟนของหมอนั่นไปแล้วสิ? ตัวเองยังงงๆอยู่เลยแท้ๆ~

แต่พอนึกถึงความดุดันและความพยายามที่จะคว้าชัยชนะของสนามนี้เพื่อยกมันให้เขา แก้มใสก็ร้อนผ่าวทันที


ลอง...คบดูก็คงได้แหละมั้ง


ยังไงเขาก็ไม่ได้ซีเรียสว่าคนที่เขาจะรักต้องเป็นผู้หญิงเท่านั้น ป๊าม้าของเขาก็ไม่เหมือนชาวจีนทั่วไปถึงได้ส่งเขามาเรียนอยู่ในประเทศอะไรก็ไม่รู้อย่างอิตาลีได้...เรื่องของหวังอี้ป๋อจึงไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้...

ยิ่งคิดก็ยิ่งอยากซุกหน้าลงไปในหมอน ทั้งเขิน ทั้งใจเต้น ทั้งอยากจะวิ่งตะโกนไปรอบห้อง อ๊า~ เขาต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ~

ร่างโปร่งบางนั่งหอบหลังจากพยายามสงบสติตัวเอง แต่ถึงจะตกลงใจแล้วว่าจะยอมคบกับอีกฝ่าย แต่เขาก็ไม่อยากให้หวังอี้ป๋อทำอะไรเสี่ยงๆอย่างวันนี้อีก

เขาเรียนออกแบบรถมาทุกชนิดไม่ใช่เฉพาะซุปเปอร์คาร์หรือฟอร์มูล่าวัน เพราะงั้นหลักของการออกแบบมอเตอร์ไซค์เขาก็รู้และยังรู้อีกว่าการขับขี่มอเตอร์ไซค์มันมีท่าเข้าโค้งและท่าล้มมาตรฐานของมันอยู่ เราไม่ควรฝืนมันถ้าไม่อยากให้เกิดอันตรายถึงชีวิต เขาคงต้องสั่งสอนหมอนั่นสักหน่อย อย่างน้อยเขาก็ไม่อยากเป็นหม้ายถ้าหมอนั่นเกิดเป็นอะไรขึ้นมา!








แกร่ก


เสียงประตูเปิดทำให้คนที่กำลังเป่าผมอยู่ในห้องน้ำรีบวิ่งมาดักคนที่เพิ่งเดินเข้าห้อง

“อาบน้ำแล้ว?  นักบิดที่เพิ่งได้แชมป์สมัยที่สี่มามาดๆเลิกคิ้วถามเขา หวังอี้ป๋อกลับมาจนเกือบห้าทุ่ม แต่เอาจริงๆเขานึกว่าอีกฝ่ายจะไม่กลับมาด้วยซ้ำนะคืนนี้ เพราะถ้าเป็นทีมเขาได้แชมป์โลก เฟอร์รารี่ก็แทบจะปิดหาดปาร์ตี้ยันสว่างกันเลยทีเดียว

“อาบแล้ว”   ร่างโปร่งบางตัวหอมฟุ้งอยู่ในเสื้อฮู้ดสีแดงตัวโคร่งกับถุงเท้าสีเดียวกันโดยไม่มีกางเกงเหมือนเดิมเพราะยังหาไม่เจอ

“ดี”   ใบหน้าหล่อเหลายกยิ้มมุมปาก

หวังอี้ป๋อหิ้วขวดอะไรบางอย่างมาด้วยแต่เขาก็ไม่ได้สนใจเพราะตอนนี้เขาต้องการจะตักเตือนอีกฝ่ายไม่ให้เสี่ยงอันตรายแบบวันนี้อีก

“หวังอี้ป๋อ ต่อให้นายอยากได้รางวัลขนาดไหนแต่ก็ไม่ควรเอาชีวิตตัวเองไปเสี่ยงนะ ถึงแม้ว่าชั้นจะชอบรถและความเร็วเหมือนนาย แต่ชั้น อื้อ?!!  แล้วจู่ๆริมฝีปากที่ตั้งใจจะสั่งสอนให้อีกฝ่ายสำนึกกลับถูกปิดลงด้วยริมฝีปากของหวังอี้ป๋อเสียแบบนั้น ทำไมหมอนี่ชอบปิดปากเขานักนะ! เจ้าจอมเผด็จการ! เขาเถียงนิดเถียงหน่อยก็ไม่ได้!

กลีบปากสีกุหลาบจำต้องยอมรับริมฝีปากเอาแต่ใจนั่น แต่คราวนี้มันมีอะไรแปลกๆ?

“อื้อ??!!  นอกจากมือใหญ่จะบีบปลายคางเขาให้ต้องอ้าปาก นอกจากลิ้นร้อนจะสอดใส่เข้ามา มันยังมีของเหลวกรุ่นกลิ่นแอลกอฮอล์ไหลตามมาด้วย!

“อึก”    เขาเผลอกลืนน้ำพวกนั้นลงไปเพราะอีกฝ่ายผลักดันมันมาให้ แค่นิดเดียว...ฤทธิ์ของมันก็ทำให้เขาถึงกับตาลาย

“นะ น้ำอะไร? นายเอาอะไรให้ชั้นกิน?  ใบหน้ามนถึงกับต้องสะบัดหัวเมื่อร่างสูงละออกไป

“แชมเปญครับ ขวดนี้สำหรับแชมป์โลกสมัยที่สี่ของผม พี่ก็ต้องดื่มด้วย”   หวังอี้ป๋อหันไปกระดกขวดแชมเปญเข้าปากอีกรอบ

“แต่ชั้นดื่มไม่-“    แล้วประกบปากเขาอีกที ริมฝีปากที่บดขยี้อยู่นี้บังคับให้เขาต้องรับแอลกอฮอล์เหล่านั้นเข้าไป

“อื้อ~ อึก...อึก”    แค่หายใจยังลำบากอยู่แล้ว เจอฤทธิ์ของแชมเปญไปอีก ตั้งแต่ต้นคอของเขาจึงร้อนผ่าว สีแดงไล่ลามมาจนถึงใบหู 

น้ำสีทองไหลตามมุมปากเลอะลงมาจนถึงซอกคอ หวังอี้ป๋อไม่ยอมเสียมันไปสักหยด ปลายลิ้นร้อนขยับมารองรับแล้วเลียจากไหปลาร้าเขากลับขึ้นไปจรดมุมปาก

“พอ-  อื้อ~   คนที่เพิ่งได้แชมป์โลกสมัยที่สี่มาหมาดๆไม่ฟังและยังคงบังคับให้เขาดื่มแชมเปญด้วยปากตัวเองต่อไป จะให้ฉลองด้วยก็ได้อยู่หรอก แต่ให้ดื่มเหมือนคนทั่วไปก็ได้ไหม!

“แฮ่ก...แฮ่ก...แฮ่ก  ใบหน้ามนหอบหายใจหนักหน่วงเมื่อหวังอี้ป๋อละออกไป ในหัวรู้สึกมึนไปหมด ดวงตาคู่สวยจึงเหม่อลอยน้อยๆ 

“พี่?....”    นักบิดแห่งทีมยามาฮ่าสังเกตเห็นความผิดปกติของคนที่ตนบังคับให้ดื่มแชมเปญอย่างร้อนแรง ใบหน้าใสแดงซ่านทั้งๆที่เพิ่งดื่มไปได้ไม่กี่อึก

“จ้านเกอ? ทำไมหน้าแดงขนาดนี้เนี่ย?   ใบหน้าคมก้มลงไปมองคนที่นั่งเหม่ออยู่ที่โซฟา ดวงตาคู่โตเชื่อมปรอยน้อยๆมองเขากลับด้วยตาลอยๆ

“อย่าบอกนะว่าเมา? นี่แค่แชมเปญเองนะ?”     มือใหญ่หยิบขวดแชมเปญมาดูให้แน่ใจว่าเขาไม่ได้หยิบขวดอะไรผิดมา...ก็แชมเปญธรรมดาๆนี่? ขวดนี้เขาเปิดเองกับมือตอนฉลองแชมป์บนโพเดี้ยม ไม่มีทางผิดแน่ๆ

“ไม่ได้เมา~”    ใบหน้ามนที่สองแก้มแดงระเรื่อตอบเสียงยานน้อยๆ เจ้ากระต่ายส่ายหน้าปฏิเสธอย่างน่ารัก

ไม่จริงน่า....แค่นี้ก็เมาแล้วเหรอ? นี่คออ่อนขั้นไหนกัน?!

มือใหญ่ยกขึ้นมาปิดปากก่อนจะมองเจ้าคนที่นั่งทำแก้มป่องอย่างอึ้งๆ แต่ปฏิกิริยาตอนเมาของเจ้ากระต่ายนี่ก็น่ารักเหลือเกิน ดูง๊องแง๊งมากกว่าปกติหลายเท่า

“ถ้าไม่เมาก็ลองยืนตรงๆให้ดูหน่อย”    เขานั่งลงไปบนโซฟา เจ้ากระต่ายพยักหน้าหงึกๆ แก้มสีเหมือนลูกท้อดูน่าสัมผัส น่าฟัด น่า

ร่างโปร่งบางลุกขึ้นยืนให้เขาดู มันก็ตรงอยู่หรอก แต่พอเริ่มเดินเท่านั้นแหละ เจ้านักออกแบบรถก็เซแท่ดๆมาล้มทับเขาเสียอย่างนั้น

เขาอ้าแขนรับลำตัวบางเอาไว้ แผ่นอกของเจ้ากระต่ายจึงอยู่ตรงหน้าพอดี ขาเล็กอ้าคร่อมอยู่บนตัวเขา เจ้ากระต่ายเมาโถมมากอดลำคอแกร่งก่อนจะหัวเราะคิกคักเหมือนกำลังสนุก


โว้ยยย ไม่ไหวแล้ว!


ท่อนแขนแข็งแรงยกลำตัวโปร่งพาดบ่าก่อนจะมุ่งหน้าไปที่เตียง เจ้ากระต่ายถูกโยนลงไปแต่ใบหน้ามนก็ยังหัวเราะร่า

สองแขนดึงเสื้อยืดสีดำออกไปทางหัวก่อนที่เขาจะคืบคลานเข้าไปคร่อมทับเจ้ากระต่ายที่ยังนอนมองตาแป๋วอยู่บนเตียง

“จ้านเกอ ผมขอรับรางวัลเลยได้ไหม?   เขาเอ่ยออกไปพร้อมกับจุ๊บแก้มใสเบาๆ

“มาสิ”   สองแขนบางอ้ากว้างรอรับ และเมื่อเขาโน้มตัวลงไป สองแขนนั้นก็คล้องมาที่ลำคอ

เขาก้มหน้าลงไปคลอเคลียกับแก้มใส ตามตัวเจ้ากระต่ายยังไม่มีกลิ่นแอลกอฮอล์  “ตกลงพี่เมาจริงๆใช่ไหม? ผมจะได้ไม่ทำ”  เขาไม่นิยมข่มเหงคนเมา เพราะถ้าพรุ่งนี้ตื่นขึ้นมาแล้วอีกฝ่ายจำไม่ได้มันก็ไม่มีความหมาย

“ชั้นไม่ได้เมา ยังรู้เรื่องดีทุกอย่าง แค่ดื่มมากๆไม่ได้”    นั่นเรียกว่ามากตรงไหน...ใบหน้าหล่อเหลาหัวเราะในลำคออย่างเอ็นดู

นักบิดจากทีมยามาฮ่ากดริมฝีปากลงไปบนต้นคอขาวจนเจ้าของมันถึงกับหัวเราะคิกคัก เจ้ากระต่ายที่กำลังกรึ่มๆแบบนี้ก็จัดการง่ายดี ถ้าเป็นปกตินี่มือไม้คงยันหน้าเขาไว้พัลวัน

มือใหญ่พลิกร่างโปร่งบางให้คว่ำหน้า และเพราะว่าไม่ได้ใส่กางเกง ลูกพีชไซส์ M จึงมองเห็นอยู่รำไรภายใต้ชายเสื้อสีแดง เขาค่อยๆดึงชั้นในสีขาวออกมา ไม่น่าเชื่อว่ามันจะมีลูกพีชเกรดดีขนาดนี้อยู่บนโลกด้วย ขนาดพอดีมือ นิ่ม แล้วก็แน่น เขาถึงกับต้องแลบลิ้นเลียริมฝีปากในขณะที่ค่อยๆรูดชั้นในลงไปตามเรียวขา

“อื้อ~ หายใจไม่ออก~”   เสียงอู้อี้ดังมาจากใบหน้าที่ซุกอยู่ที่หมอน เขาจับนอนท่าไหนเจ้ากระต่ายปวกเปียกก็นอนแหมะมันอยู่ท่านั้น ปัดโธ่~ อย่ามาทำตัวน่ารักมากนักได้ไหม เดี๋ยวเขาเผลอเสียบเข้าไปเพราะทนไม่ไหวก็แย่สิ เขาไม่อยากให้เจ้ากระต่ายสีแดงนี่เจ็บหรอกนะ

เขาจับไหล่บางก่อนจะดึงให้หงายหน้า มืออีกข้างดึงโคนขาที่อ้ากว้างและไร้สิ่งใดป้องกันให้ขยับมาแนบสนิทติดกับกึ่งกลางลำตัวของเขา  ความเป็นชายของเขายังมีกางเกงขวางกั้นแต่พอมันรู้ว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้ามันคืออะไร มันก็ตื่นจากการหลับใหลได้ไม่ยาก ความอยากทำให้เขาต้องลอบกลืนน้ำลาย เจ้ากระต่ายสีแดงนี่น่ากินสุดๆ

ลาดไหล่ขาวๆข้างหนึ่งโผล่ออกมาจากคอกว้างๆของเสื้อฮู้ดตามจังหวะที่เขาพลิกตัวอีกฝ่าย ความขาวของมันตัดกับสีแดงยิ่งขับเน้นให้น่ากินเข้าไปอีก ใบหน้าหล่อเหลาจึงขยับเข้าไปงับมันซะหนึ่งที

“อื้อ~ ฮะฮะฮะ”   ฤทธิ์แอลกอฮอล์ทำให้คนถูกกัดยังหัวเราะอย่างอารมณ์ดี เขากดจูบไปตามร่องไหปลาร้าจนใบหน้ามนเงยขึ้นอย่างเคลิบเคลิ้ม  ริมฝีปากร้อนไล่จูบไปตามซอกคอและมันคงทำให้รู้สึกดี ใบหน้าที่กำลังหลับตาจึงเผยอริมฝีปากจนมองเห็นฟันกระต่ายรำไร มันน่ารักจนเขาทนไม่ไหว  ริมฝีปากจึงประกบลงไปใบกลีบปากนุ่ม เรียวลิ้นล่วงล้ำเข้าไปหยอกเย้าฟันหน้าคู่นั้น ลิ้นเล็กๆนั่นก็พยายามจะต่อสู้แต่คนที่ไม่รู้เดียงสาหรือจะมารบรากับเขาได้ จูบดูดดื่มจึงถูกมอบให้ เสียงน้ำลายดังคละเคล้าไปกับเสียงจุ๊บๆเล่นเอาร่างกายร้อนไปหมด

เขาละออกมาให้เจ้ากระต่ายได้หายใจก่อนจะประกบจูบลงไปใหม่ ให้ตายเถอะ แค่จูบยังอย่างกับยาเสพติด เจ้ากระต่ายแดงนี่เป็นดอกฝิ่นหรือยังไงกัน จูบเท่าไหร่ก็ไม่พอ

ในขณะที่ข้างบนยังแลกลิ้นกันอย่างเมามัน ข้างล่างเขาก็ไม่ได้นิ่งเฉย มือใหญ่สอดเข้าไปในชายเสื้อสีแดงแล้วบีบเน้นเค้นคลึงตั้งแต่โคนขาเรียว สะโพกมน ก้นลูกพีช บีบให้มันขยับเข้าหาต้นขาของเขาเป็นจังหวะ ความเป็นชายที่ถูกเสียดสีแทบจะทะลักออกมาจากกางเกงเสียให้ได้ เจ้ากระต่ายสีแดงนี่ร้อนแรงจริงๆ 

เขาปล่อยเอวบางที่เริ่มรู้จังหวะนั่นไป มือใหญ่ลูบไล้หน้าท้องแบนเรียบไล่ขึ้นไปถึงจุดอ่อนไหวกลางหน้าอก เขาใช้ปลายนิ้วเล่นกับมัน เจ้ากระต่ายถึงกับครางอย่างทนไม่ไหวในลำคอทันที 

“อื้อ~~~”   ริมฝีปากเขายังไม่ยอมปล่อยให้อีกฝ่ายได้ครางสมใจ เรียวลิ้นยังคงพัวพันกันไม่หยุด เขาปลุกเร้าเจ้ากระต่ายจนแทบสิ้นสติ แกนกายที่เคยไร้ความรู้สึกจึงค่อยๆขยายใหญ่จนถูไถไปกับหน้าท้องซึ่งเต็มไปด้วยมัดกล้ามของเขา

“อือ~”   จากจูบที่ยาวนานทำให้มีน้ำลายให้ใช้จนมากพอ นิ้วเรียวใส่เข้าไปในโพรงปากที่ถูกบดเบียดจนแดงช้ำ

“เลียให้หน่อย”   เจ้ากระต่ายมองเขาน้ำตาคลอก่อนจะค่อยๆใช้ลิ้นเล็กๆนั่นเลียนิ้วให้ตามที่เขาสั่ง ดวงตาเชื่อมปรอยนั่นบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าตอนนี้เจ้ากระต่ายสีแดงก็กำลังต้องการไม่ต่างจากเขา ยิ่งเขามองใบหน้าหวานๆแดงซ่านที่กำลังมองเขาอย่างเว้าวอนมันก็ยิ่งเร้าอารมณ์ เขาถึงกับต้องพยายามผ่อนลมหายใจเพื่อไม่ให้สัญชาติญาณดิบเข้าครอบคลุมสติ

เขาดึงนิ้วออกมาเมื่อมันชุ่มโชกเพียงพอ  ท่อนล่างขยับออกห่างเพียงครู่เพื่อให้ปลายนิ้วสอดใส่เข้าไป

“อ๊ะ อื้อ~”   เจ้ากระต่ายขมวดคิ้วน้อยทั้งๆที่ยังตาเชื่อมปรอยเมื่อรับรู้ว่ามีสิ่งแปลกปลอมสอดแทรกเข้ามาในร่างกาย ปลายนิ้วทำหน้าที่ของมันจนร่างโปร่งบางถึงกับสั่นสะท้าน ความต้องการทำให้หยาดหยดสีขาวเริ่มปริ่มออกมา หน้าท้องแบนราบแอ่นรับกับจังหวะที่นิ้วขยับเข้าออก ไม่ต้องบอกเลยว่าข้างในมันทำให้เขาคลั่งขนาดไหน เจ้ากระต่ายไม่รู้เดียงสานี่ตอดรัดนิ้วเขาจนต้องกัดฟัน

มือใหญ่หันไปคว้าขวดแชมเปญก่อนจะกระดกเข้าปาก ปลายนิ้วถอนออกไปในจังหวะเดียวกับที่ใบหน้าหล่อเหลาประกบป้อนแชมเปญอึกนั้นให้คนข้างใต้ ความเป็นชายใหญ่ร้อนกดเข้าไปในช่องทางคับแน่น คนที่ถูกกระทำพร้อมกันหลายๆอย่างถึงกับร้องครางอย่างทรมาน

“อื้อ~ อึก อื้อ~”    ร่างโปร่งบางแทบดิ้นพล่านเพราะของของหวังอี้ป๋อมันใหญ่มากหากเทียบกับนิ้ว แต่ฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่ถูกป้อนเข้าไปก็ทำให้ทุกอย่างดีขึ้น ใบหน้าหวานดูเบลอๆเหม่อๆ สีแดงซ่านที่ฉาบไล้สองแก้มทำให้คนมองแทบหยุดหายใจ

เจ้ากระต่ายในเวลานี้สวยมาก...

สวยมากๆจนเขาไม่คิดว่าจะมีอะไรในโลกนี้สวยเท่า

และเขาได้เป็นผู้ครอบครองความสวยเซ็กซี่นี้...

“อ๊ะ?”   ความเป็นชายขยายตัวใหญ่ขึ้นอีกจนคนที่รับมันเข้าไปถึงกับผวา สองแขนผอมบางคว้าไหล่เขาไปกอดเป็นจังหวะให้เขาสอดใส่เข้าไปอีก แนบชิดทั้งโคนขา หน้าท้อง และแผ่นอก ร่างกายของเราแทบจะหลอมรวมกัน...ด้วยไอร้อนที่แผ่ออกมา


อ่า...ข้างในนั้นมันดีสุดๆ!


“จ้านเกอ...ตอนนี้พี่นอนอยู่กับใคร เรียกชื่อผมสิ”    ใบหน้าหล่อเหลาตรงเข้ากระซิบข้างหู เบื้องล่างแกล้งขยับเข้าออกช้าๆให้คนที่ยังไม่ชินบิดเร่าอย่างทนไม่ไหว

“อะ อี้ป๋อ อี้ป๋อ อ๊ะ!”    กรงเล็บกระต่ายข่วนลงมาบนแผ่นหลังของเขาอย่างหาที่ระบาย ใบหน้าหวานหลับตาพริ้ม ดูเหมือนจะทรมานแต่แก้มใสกลับแดงซ่าน ริมฝีปากสีกุหลาบก็เรียกชื่อเขาไม่หยุด

เขาจูบซอกคอขาวก่อนจะฝังคิสมาร์กเอาไว้สองรอย เบื้องล่างเริ่มขยับอย่างเชื่องช้า  “อะ อ้า~”   เสียงครางหวานๆก็ขานรับทันที

เจ้ากระต่ายกอดเขาไม่ยอมปล่อย ริมฝีปากร้อนจึงคลอเคลียอยู่ตามลาดไหล่ ไหปลาร้า ซอกคอ ในขณะที่ข้างล่างก็ขยับถี่ขึ้น

“อะ อื้อ~”   เจ้ากระต่ายครางเหมือนจะขาดใจ ข้างในตอดรัดตอบรับจังหวะสอดกายเข้าไปของเขา ความอ่อนนุ่มร้อนรุ่มที่ห่อหุ้มอยู่รอบแกนกายเขามันทำให้ควบคุมสัญชาติญาณดิบได้ยากเต็มที เขาไม่อยากให้เจ้ากระต่ายเจ็บแต่เขาเองก็ทนไม่ไหว

“ฮ้า...”    ลมหายใจหนักๆถูกพ่นออกไป มือใหญ่ลากไล้ไปจับยึดสะโพกมนเอาไว้ก่อนจะกระแทกกายเข้าใส่ตามแต่ใจปรารถนา เสียงครางไม่เป็นภาษาดังขึ้นข้างหูทันที ก็ร่างกายของเจ้ากระต่ายทำให้เขาคลั่งขนาดนี้จะทนไหวได้ยังไง มันรู้สึกดีไปหมดตั้งแต่ตอนใส่เข้าไป ดึงออกมา แล้วใส่เข้าไปใหม่ ทุกสัมผัสข้างในมันทำให้รู้สึกร้อนเป็นไฟ ยิ่งทำก็ยิ่งต้องการมากกว่าเดิม เขาจึงขยับเข้าใส่จนร่างกายที่ต้องรับมันไว้ถึงกับโยกคลอน

“อะ อ้า~ อี้ ป๋อ เบาๆ~”   เอวบางที่เขาจับเอาไว้ดูเหมือนจะหักเสียให้ได้ เขายังคงเพิ่มความเร็วและความแรงไม่หยุด แต่ก็ไม่ลืมที่จะค้นหาจุดที่ทำให้เจ้ากระต่ายคลั่งจนไม่ร้องห้ามเขาอีก

“อึ๊ก?!”   แล้วเขาก็เจอมันเข้าจนได้ ยามเมื่อความเป็นชายของเขาเสียดสีมันเข้า เจ้ากระต่ายก็ถึงกับสะดุ้งเฮือก น้ำสีขาวไหลปริ่มถ้าไม่ติดว่ามีปลายนิ้วของเขากดไว้มันคงไปถึงปลายฝั่งแล้ว 

ใบหน้าคมยิ้มร้าย การได้รังแกเจ้ากระต่ายให้ครางไม่เป็นภาษาคือหน้าที่ของเขาอยู่แล้ว เพราะงั้นเขาจึงจงใจกระแทกกระทั้นใส่จุดนั้นจนใบหน้ามนถึงกับต้องร้องขอชีวิต

“อ๊า~~ อี้ป๋อ อ๊า~”   เสียงครางดังแทบขาดใจ เจ้ากระต่ายไม่มีสติอีกต่อไปแล้ว เขาเองก็ไม่ไหวแล้วเหมือนกัน เบื้องล่างขยับถี่จนถึงจุดสูงสุดของแรงปรารถนา เขาดึงมันออกมาก่อนจะกระแทกกลับมารวดเดียว หนักแน่นและหนักหน่วง

“อ๊า~~~”   เสียงครางสูงคละเคล้าไปกับลมหายใจหนักๆของเขา ทุกความต้องการฉีดพุ่งเต็มหน้าท้องเช่นเดียวกับของของเขาที่แผ่ซ่านเข้าไปในร่างกายโปร่งบาง เจ้ากระต่ายถึงกับกระตุกเฮือกใหญ่ ใบหน้ามนลอยเคว้งไปไกล นัยน์ตาคู่โตเหม่อลอยรับความสุขสมที่เขาจัดให้

ริมฝีปากแดงช้ำหอบถี่ราวกับไปวิ่งมาสามสี่รอบ เขายังฝังร่างกายเอาไว้ในตัวเจ้ากระต่าย ใบหน้าหล่อเหลาซุกไซร้ไปตามซอกคอด้วยความอ้อยอิ่ง ก่อนที่จะไปจบทุกสิ่งที่กลีบปากนุ่มนิ่ม เขาสอดลิ้นเข้าไปจูบอีกฝ่ายซ้ำๆเพื่อตอกย้ำความจริงจากหัวใจ เขาอยากให้อีกฝ่ายรู้ว่าเขารักมากถึงได้ทำเรื่องแบบนี้ด้วย

“แฮ่ก...แฮ่ก...แฮ่ก...”    เจ้ากระต่ายเหนื่อยเหมือนจะตายให้ได้ ใบหน้ามนยังดูเบลอๆ เขาถอยออกมามองอย่างเอ็นดู

“อื้อ?~”   ไหล่บางสะดุ้งน้อยๆเมื่อเขาดึงตัวเองออกมา น้ำสีขาวขุ่นที่อยู่ข้างในไหลทะลักออกมามากมายตามแรงปรารถนาของเขาที่มีต่อเจ้ากระต่ายสีแดงตรงหน้า ดวงตาคู่สวยเหลือบไปมองและสองแก้มใสก็ต้องร้อนผ่าวอีกระลอก

ฝ่ามือบางตีเพี๊ยะมาที่ต้นแขนเขาเมื่อใบหน้าหล่อเหลายิ้มแซว  เจ้ากระต่ายส่งเสียงงื้อๆก่อนจะหันหน้าไปซุกกับหมอนด้วยความอาย เขาจึงดึงร่างกายบอบบางมากอดเอาไว้

“ผมรักพี่นะ ช่วยเป็นรางวัลให้ผมตลอดไปแบบนี้ได้ไหม”   เสียงทุ้มกระซิบอยู่ข้างใบหูแดง ใบหน้ามนซุกหน้าลงกับท่อนแขนแข็งแรงที่กอดตนอยู่ก่อนจะพูดเสียงงึมงำ

“ก็ได้...อยู่หรอก...”    ใบหน้าหล่อเหลายกยิ้มก่อนจะซบลงที่กลุ่มผมสีดำชื้นเหงื่อ ความเหนื่อยล้าค่อยๆพาเปลือกตาหลับลงอย่างเป็นสุข













เสียงสวบสาบดังขึ้นเมื่อร่างโปร่งบางเริ่มขยับตัว เปลือกตาที่เพิ่งเปิดขึ้นมายังคงมึนเบลอ สติสตังยังไม่ค่อยเข้าที่แต่เรื่องเดียวที่รู้คือตอนนี้เขาปวดเมื่อยตามตัวมาก!

“อือ...”    เอวกับสะโพกถึงกับสั่นพั่บๆเมื่อเขาขยับพลิกกายมานอนตะแคง ดวงตาคู่โตมองสำรวจตัวเองที่อยู่ใต้ผ้าห่มแล้วก็นึกอยากจะร้องไห้ เมื่อคืนเขาสมยอมไปขนาดนั้นได้ยังไง ฮือออออ เพราะแชมเปญนั่นแท้ๆที่ทำให้เขาขัดขืนหวังอี้ป๋อไม่ได้! แชมเปญมันร้ายกาจที่สุด!

“ตื่นแล้วเหรอ ร่างกายพี่โอเคไหม?”   ร่างสูงสง่าทอดสายตามองมาจากหน้าห้องน้ำ นักบิดแชมป์สี่สมัยมาดๆอาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อย ขายาวก้าวเดินมาหาก่อนจะนั่งลงขอบเตียง

“ไม่โอ...โอ๊ย~   ใบหน้ามนตอบไปร้องโหยหวนไป

“งั้นก็นอนต่อเถอะ เดี๋ยวผมสั่งอาหารให้”   ใบหน้าหล่อเหลายิ้มอย่างอารมณ์ดี มือใหญ่เกลี่ยเส้นผมออกไปจากใบหน้าหวานให้

“ไม่ได้สิ ต้องกลับมิลานวันนี้ไม่ใช่เหรอ?”   ร่างโปร่งบางพยายามจะยันตัวลุกขึ้นแต่อีกฝ่ายกลับตอบมาหน้าตาย

“กลับพรุ่งนี้”

“แต่ตั๋วเครื่องบิน...”  

“ผมจองให้พี่กลับพรุ่งนี้แหละ นี่ไม่ได้ดูวันที่เลยหรือไง?”

“ห๊ะ? ตามปกติแล้วแข่งเสร็จมันก็ต้องกลับวันรุ่งขึ้นเลยสิ? นายจะจองเผื่ออีกสองวันทำไม?”   ใบหน้ามนเอียงคออย่างฉงน แต่หวังอี้ป๋อกลับหัวเราะในลำคอเบาๆ

“ก็...พี่ก็กลับไม่ไหวใช่ไหมล่ะ ตอนนี้...”    ก่อนที่สายตากรุ้มกริ่มนั่นจะมองมาที่เขาอย่างโลมเลีย  ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วทุกอย่าง เข้าใจกระจ่างแจ่มแจ้งเลย!

“ง่ะ! ไอ้หมาป่าจอมเจ้าเล่ห์ นี่นายกะจะกินชั้นตั้งแต่ตอนนั้นแล้วสินะ! ชั้นจะฟ้องบอส จะฟ้องงงง”   มือบางหยิบหมอนแล้วฟาดใส่อีกฝ่าย แต่เป็นตัวเองนั่นแหละที่ต้องร้องโอดโอย

“โอ๊ย~~ ทำไมมันเจ็บร้าวไปทั้งตัวแบบนี้เนี่ย~~ นายทำอะไรชั้น~ รับผิดชอบมาเลยนะ! เอามอเตอร์ไซค์ของนายมาให้ชั้นชำแหละซะโดยดี!

“ฮ่าๆๆ แบบนั้นน่ะไม่ได้หรอก แต่ถ้าให้รับผิดชอบด้วยการแต่งงานกับพี่ ก็ได้อยู่นะ”   หวังอี้ป๋อตอบกลับมาพร้อมรอยยิ้มใสๆแต่หมอนี่น่ะมันมารร้ายยยย ทำไมเขาเพิ่งรู้ตัว~

“ฮึ่ย...”   เขาแยกเขี้ยวขู่แต่อีกฝ่ายก็ไม่ได้กลัวแถมยังยิ้มอ่อนโยนมาให้

“นอนหลับไปก่อนเถอะ เดี๋ยวผมไปส่งพี่ถึงมาราเนลโล่เอง”   มือใหญ่ๆลูบหัวเขาจนบางครั้งเขาก็งงว่าตกลงใครอายุมากกว่ากัน?

“.....นี่กะจะตามไปถึงนั่นเลยสินะ”   แต่มันก็รู้สึกดีจริงๆนั่นแหละ เวลาที่มือข้างนั้นลูบหัวเขาเบาๆ เปลือกตาเริ่มรู้สึกหนักๆขึ้นมา...

“ครับ”

“อาบน้ำให้อาม่าด้วย”

“ครับ”

“ตัดกิ่งไม้หลังบ้านให้ด้วย”

“ครับ”

“ซ่อมชั้นหนังสือให้ด้วย”

“ครับๆ เดี๋ยวทำให้ทุกอย่างเลย นอนเถอะ”

“อือ”   แล้วสติเขาก็เลือนรางโดยมีหวังอี้ป๋อนั่งมองอยู่ข้างๆตลอดเวลา


มันก็...ดีเหมือนกันนะ...





.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.

To be con.



คราวที่แล้วแปะคลิป F1 ล่อลวงไปแล้ว คราวนี้เลยแปะคลิปของ Moto GPบ้าง อิๆๆ สนามนี้เลยค่ะ ฟิลิปไอร์แลนด์เซอร์กิต ออสเตรเลีย สนามอย่างสวยอ่ะ =q= ติดริมทะเลด้วยยยย 





จริงๆพวกสนามแข่งรถนี่สวยๆเกือบทุกสนามเลย อย่างใน F1 พวกพีคๆก็จะมีอย่าง สนามโมนาโคที่เป็นสตรีทเซอร์กิต แข่งกันบนนถนนในเมืองโมนาโคเลย แบบวิ่งผ่านท่าจอดเรือยอร์ช มอนติคาโลคาสิโนอะไรแบบนี้ หรืออย่างสนามบาเรนห์ที่อยู่กลางทะเลทราย555 ไนท์เรซอย่างสนามสิงคโปรก็สวยมาก แข่งจบก็จะมีพลุสีแดงทั่วอ่าวมาริน่าเบย์ หรือสนามอาเซอร์ไบจันที่วิ่งผ่านเขตโบราณสถานเป็นอาคารคลาสสิคๆ พวกสนามถาวรในยุโรปก็สวย แบบอยู่กลางหุบเขามีทุ่งหญ้าล้อมรอบงี้ สนามฝั่งอเมริกา,ละตินอมเริกาก็จะฮีโร่ๆ(?)สนุกๆหน่อย >////< แล้วแต่ละสนามก็ต้องมีการออกแบบเหมือนบ้านเลยค่ะ เพราะงั้นเลยมีสถาปนิกเฉพาะทางที่ออกแบบสนามแข่งรถพวกนี้โดยเฉพาะ เผื่อใครเอาไปทำคาร์แรกเตอร์พระเอก-นายเอกฟิคก็น่าสนใจดีนะคะ 555+

แล้วก็...ทีมของป๋อ Movistar Yamaha ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น Monster Energy Yamaha ตามชื่อสปอนเซอร์แล้วนะคะ ก็ตอนตรูหาข้อมูลอ่ะ ในวิกิมันยังใช้ชื่อ Movistar Yamaha อยู่งัยยยย อินี่ก็หยิบมาใช้เรย ท่องมาแค่ทีมที่วาเลนติโน่ รอสซี่อยู่ๆๆ จำได้แค่นี้ถถถ // คุณกวางผู้ไม่รู้เรื่องรายการแข่งอื่นนอกจาก F1 ถถถ รู้จักแต่รอสซี่เพราะพ่อหมอมาเดินเล่นที่เฟอร์รารี่บ่อย TvTb



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น