ป๋อจ้าน Au.Fic [หวังอี้ป๋อ x เซียวจ้าน] GLIDE : 2x4 It’s me : 07
: ป๋อจ้าน Fanfiction Au
: หวังอี้ป๋อ x เซียวจ้าน
: Romantic
: NC-17
คำเตือน : เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ
: เนื้อเรื่องต่อไปนี้เป็นเพียงจินตนาการของผู้เขียน ไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นจริงนะคะ
: ข้อมูลจะไม่แน่นเท่า GLIDE ภาคก่อนๆนะคะ เพราะภาคนี้ข้ามมา 2 ล้อ ตรูขี้เกียจหาข้อมูลฝั่ง Moto GP โฟ้ยยยย // โดนตบด้วยหมวกกันน็อค
“พี่! พี่ไปบอกมันแบบนั้นได้ไง? ถ้ามันรู้ว่าพี่เป็นใครก็ยิ่งอันตรายสิ มันจะไปตามรังควาญพี่เหมือนที่มันรังควาญผมนะ ผมเป็นห่วง” หวังอี้ป๋อดึงไหล่บางให้หันมาคุยกันเมื่อทั้งคู่เดินกลับเข้ามาในห้องพักแล้ว เรื่องที่เจ้าดีไซน์เนอร์จอมเด๋อด๋าของม้าลำพองตอกกลับปาปารัซซี่นับว่าช็อคเขามาก
ตามปกติแล้วมันจะต้องดราม่า นายเอกผู้อ่อนแอจะต้องกังวลไปต่างๆนานาว่าข่าวจะถูกแพร่ออกไปจนทำลายชื่อเสียง มันจะต้องลุกลามใหญ่โตไปจนถึงขอเลิกกับพระเอกสิ?
แต่เรื่องของเขาดันกลับตาลปัตรตรงคนที่ควรจะถูกรังแกดันไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดินแถมยังไปท้าทายให้ปาปารัซซี่เรียกเงินเพิ่มอีกแน่ะ...
“ไหนจะทีมบอสของพี่อีก ถ้ารู้เรื่องเข้าจะว่าไงละทีนี้ ไม่กลายเป็นเรื่องใหญ่เลยเหรอ?” เขาเห็นนะว่านามบัตรที่จ้านเกอให้ปาปารัซซี่ไปคือนามบัตรของเอลวิน สมิธ ทีมบอสปิศาจของเฟอร์รารี่ ถึงแม้ว่าเจ้ากระต่ายจะไม่ใช่ดารานักร้องที่อาจจะโดนแบนได้ถ้าอยู่ในจีนแผ่นดินใหญ่ถ้าเรื่องนี้หลุดออกไป แต่เขาไม่รู้จริงๆว่าตัวตนของเจ้ากระต่ายเองจะส่งผลต่อธุรกิจของเฟอร์รารี่ขนาดไหน ซีเรียสแค่ไหน โธ่โว้ย! ก็เพราะว่าอีกฝ่ายมีหน้าที่การงานไม่เหมือนชาวบ้านเค้าแบบนี้ไง! ถ้าเป็นแค่วิศวกรออกแบบรถแข่งธรรมดาๆก็ว่าไปอย่าง แต่นี่ดันเป็นดีไซเนอร์ของเฟอร์รารี่ด้วย ดูเหมือนจะใช้ชื่อ “เซียวจ้าน” ในงานขายรถซุปเปอร์คาร์มากกว่าด้วย
“ไม่ต้องห่วงหรอกน่า...ชั้นส่งหมอนั่นไปหาบอสน่ะถูกแล้ว คนที่จะจัดการกับเรื่องนี้ได้ต้องเป็นกระดูกเบอร์ใหญ่สุดแบบบอสของชั้นเท่านั้นแหละ” เจ้ากระต่ายยักไหล่อย่างไม่ยี่หร่ะ ร่างโปร่งบางเดินไปนั่งลงที่โซฟา ดวงตากลมโตจ้องมองโทรศัพท์มือถือเหมือนรออะไรสักอย่าง เขาไม่เข้าใจหัวสมองซับซ้อนของเจ้าวิศวกรพวกนี้เลยจริงๆ
ร่างสูงใหญ่จึงนั่งลงไปข้างๆอย่างกังวล เรื่องที่เขากังวลไม่ใช่เรื่องของตัวเอง แต่เขากลัวว่าจะไปทำให้เจ้ากระต่ายเดือดร้อนมากกว่า ถ้าถูกเฟอร์รารี่พักงานหรือไล่ออกจะทำยังไง? ถึงเขาจะเลี้ยงดูอีกฝ่ายได้แต่เพราะเจ้ากระต่ายรักงานนี้มาก เขาจึงไม่อยากให้สูญเสียมันไป เขาเริ่มคิดไปต่างๆนานาจนเกือบจะเหมือนคนบ้าอยู่แล้ว!
“อี้ป๋อ? ไม่ต้องเครียดนะ” เจ้ากระต่ายเอียงคอมองเขาพลางเอานิ้วจิ้มหว่างคิ้วเข้ม จะไม่เครียดได้ไงล่ะ นี่มันเรื่องของพี่ เรื่องของคนที่เขารักเชียวนะ~
“เพราะว่านะ...ถึงครั้งนี้นายจะยอมจ่ายเงินไป เดี๋ยวหมอนั่นก็ต้องตามถ่ายรูปเราใหม่ แล้วก็เอามารีดไถเงินไม่จบสิ้น อย่างปาปารัซซี่พวกนี้ต้องเจอมาเฟียอิตาลี…เชื่อเถอะว่าหลังจากนี้หมอนั่นจะไม่มายุ่งกับนายอีก” เสียงนุ่มเอ่ยบอกเขาเนิบๆ
“หื๋อ?” มาเฟียอะไรนะ?
“ว่าแต่หมอนั่นเรียกเงินนายเท่าไหร่?” เจ้ากระต่ายถามด้วยท่าทางน่าเอ็นดู...อ้าว? นี่ไม่ได้รู้อยู่แล้วหรอกเหรอ ถึงได้ไปบอกปาปารัซซี่แบบนั้น?
“สิบล้านหยวน” เขาตอบเสียงเรียบแต่กลับเป็นเจ้ากระต่ายที่ตกใจจนตาโตเท่าไข่ห่าน
“สิบล้านหยวนเลยเหรอ?!! อย่างงี้สิบเท่า...ก็เท่ากับ...ร้อยล้านหยวนเลยสิ?! ชั้นก็นึกว่าหมอนั่นเรียกแค่หมื่นหยวน....” เขาถึงกับนิ่งค้างไปหลายวินาที...
“...........นี่ผม...ต้องเอาเงินร้อยล้านหยวนไปใช้คืนให้บอสพี่ไหมเนี่ย....” ร้องไห้ทันไหม? รู้งี้เขาเอาเงินฟาดหัวปาปารัซซี่ไปสิบล้านหยวนให้จบๆไปแต่แรกก็ดีอยู่แล้ว~
“ฮะฮะฮะ...หิวข้าวแล้วอ่ะ สั่งอะไรมากินกันเถอะ” รีบเปลี่ยนเรื่องเลยนะเจ้ากระต่ายตัวแสบเอ้ย!!
ติ๊ง!
ในระหว่างที่กำลังดูเมนูอาหาร หน้าแชทสีแดงสดก็ปรากฏอยู่บนจอมือถือของร่างบาง เจ้ากระต่ายหยิบมันมาดู เขาจึงเอียงคอไปมองด้วย ไม่น่าจะเป็นความลับอะไรเพราะเจ้ากระต่ายไม่ห้ามเขา เพราะแบบนั้นเขาจึงได้เห็นว่าคนที่ทักมาคือ เอลวิน สมิธ!
“รูปสวยดีนะ” ข้อความสั้นๆทำเอาเสียวสันหลังวาบ เขานึกถึงน้ำเสียงของทีมบอสขาโหดคนนั้นออกเลย
รูปที่เขาจูบกับเจ้ากระต่ายเด้งตามมาเพื่อบ่งบอกให้รู้ว่าเจ้าปาปารัซซี่นั่นทำงานไวดีเหลือเกิน! ตอนนี้เรื่องไปถึงหูทีมบอสของเฟอร์รารี่แล้วจริงๆ!
เขานั่งมองหน้าจอโทรศัพท์ด้วยเหงื่อแตกพลั่ก แต่แทนที่นายเหนือหัวของม้าพยศทุกตัวจะดุด่าอย่างเกรี้ยวกราดหรือถามพวกเขาอย่างกระโชกโฮกฮากว่าจะทำยังไง? หรือแม้แต่จะไล่เจ้ากระต่ายออก…
ไม่เลย...ทีมบอสของเฟอร์รารี่ไม่ฉุนเฉียวอะไรเลย อีกฝ่ายยังคงรักษาความเยือกเย็นเอาไว้ได้แล้วถามเจ้ากระต่ายเพียงแค่
“ตกลงนายคบกับหวังอี้ป๋อจริงๆใช่ไหม?”
“ใช่ครับ” เขาแย่งโทรศัพท์เจ้ากระต่ายมาพิมพ์หลังจากที่อีกฝ่ายกำลังมึนกับการเปลี่ยนแป้นพิมพ์จากภาษาอังกฤษ-จีนกลับไปเป็นภาษาอังกฤษ-อิตาลี
“อ๊ากกกก” มือบางแย่งโทรศัพท์กลับไปก่อนจะพิมพ์เสียงร้องลากยาว
“หวังอี้ป๋อ?” ทีมบอสม้าลำพองรู้ทันทีว่าเขาก็อยู่ตรงนี้ด้วย
“เอาเถอะ จะยังไงก็ช่าง ถ้าหวังอี้ป๋อทำให้นายเลิกมาอาศัยอยู่ที่สนามได้ ชั้นก็ไม่ว่าอะไร” ทำไมมันง่ายขนาดนี้ล่ะ? มันง่ายจนเขายังตกใจ นี่เขาเผลอหลับแล้วฝันไปหรือเปล่า?! หรือว่าการที่เจ้ากระต่ายยอมกลับบ้านกลับช่องจะมีความหมายต่อบิ๊กบอสของเฟอร์รารี่มาก?? และเพราะเขาวอแวเจ้ากระต่ายขนาดหนักจนไม่ได้ไปนอนที่สนามฟิโอราโน่มาพักใหญ่
“เดี๋ยวสิบอส!” เจ้ากระต่ายพิมพ์ใส่ลงไปในแชทก่อนที่เขาจะแย่งโทรศัพท์มือถือเครื่องนั้นมา
“ครับ! ผมจะพยายาม!” อันนี้เป็นข้อความจากเขา
“ว่าแต่ปาปารัซซี่นั่น...” เจ้ากระต่ายพิมพ์ถามต่อไป นั่นสิ เรื่องสำคัญตอนนี้คือทีมบอสของเฟอร์รารี่จัดการยังไงกับปาปารัซซี่มากกว่า! ยังใจเย็นได้ขนาดนี้แสดงว่าต้องลงมือทำอะไรไปบ้างแล้วและเอลวิน สมิธก็รู้ว่ามันจะไม่มีผลกระทบต่อเฟอร์รารี่
“ไม่รู้สิ ป่านนี้คงอยู่ก้นมหาสมุทรแปซิฟิกแล้วมั้ง?” ทีมบอสตอบกลับมาอย่างไม่ใส่ใจ เดี๋ยวนะ?
“ยามาโมโตะพาโกคุเดระไปดูจิงโจ้ที่ออสเตรเลียพอดี นายนี่ก็นะเซียวจ้าน...คนเค้าไปเที่ยวกันก็อย่าไปหางานให้เค้าสิ” หวังอี้ป๋อทำหน้างง ทีมบอสของเฟอร์รารี่ใส่รหัสลับอะไรมา? เขาจึงหันหน้าไปหาเจ้ากระต่ายให้อธิบายให้ฟัง
“พวกวองโกเล่...มาเฟียอิตาลี น่าจะส่งคนไปจัดการปาปารัซซี่นั่นแล้วละ...พวกนั้นน่ะอย่างโหด โดยเฉพาะหมอนี่” ปลายนิ้วเรียวจิ้มลงไปบนชื่อที่ทีมบอสเฟอร์รารี่พิมพ์มา
“หมายความว่าไง? แล้วพวกพี่ไปเกี่ยวอะไรกับมาเฟียอิตาลีเนี่ย? ตกลงไม่ได้ล้อเล่นขำๆหรอกเหรอ? ผมได้ยินมาว่าอันตรายมากไม่ใช่เหรอคนพวกนั้น?” หวังอี้ป๋อถึงกับหน้าถอดสี เขานึกว่าเจ้ากระต่ายง๊องแง๊งนี่ล้อเล่นมาตลอดเลยนะเวลาที่พูดถึงมาเฟียอิตาลี เรื่องจริงหรอกเหรอนี่!
“เอาเป็นว่า เฟอร์รารี่เป็นพันธมิตรที่ดีกับพวกวองโกเล่ นายรู้แค่นี้ก็แล้วกัน” นักบิดแชมป์โลกสามสมัยถึงกับหายใจไม่ทั่วท้อง เขาต้องไปอิตาลีทุกปี ปีละสองหนเพื่อไปแข่ง Moto GP ที่ฟลอเรนซ์กับซานมาริโน่ และเขาก็มักจะถูกเตือนจากทีมอยู่เสมอว่าจะมีเรื่องกับใครก็ได้แต่ต้องไม่ใช่กับพวกมาเฟียอิตาลี เขายังเคยได้ยินมาอีกว่าวองโกเล่แฟมมิลี่เป็นมาเฟียที่น่ากลัวที่สุดในอิตาลีแล้ว
จะบอกว่าที่เจ้ากระต่ายมั่นใจและยังสบายใจเฉิบแบบนี้ได้เพราะมีแบ็กอัพใหญ่หนุนหลังอยู่? และแบ็กอัพนั่นก็ไม่ใช่แค่ค่ายรถชื่อดังของอิตาลีอย่างเดียว?
“บอกผมมาให้หมดเลยนะ” เขากดดัน
“ง่า...ก็ประมาณว่า...นักขับของเราสองคนเป็นแฟนกับพวกระดับสูงของวองโกเล่ที่เป็นมาเฟีย นอกจากนี้ยังมีหนึ่งในวิศวกรของเราที่เป็นลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของตัวแทนรัฐบาลอิตาลี แล้วในภาคธุรกิจเองCEOของเราก็คือที่หนึ่งในยุโรป นายเข้าใจความหมายของมันไหม? ไม่ว่าจะขาวหรือดำก็อยู่ในกำมือของเรา” เขาถึงกับอึ้งไป นี่มันองค์กรอะไรกันแน่เนี่ย? ใช่ทีมแข่งรถแน่เร๊อะ?!
“....พี่คงไม่เอาเรื่องของผมไปฟ้องบอสพี่หรอกใช่ไหม?” ใบหน้าคมถึงกับยิ้มแห้ง
“ไม่ต้องฟ้องหรอก...แค่ชั้นก้าวขาออกจากมาราเนลโล่ บอสก็รู้แล้ว นายไม่รู้เหรอว่าตัวชั้นมีเครื่องส่งสัญญาณติดตามตัวอยู่น่ะ” เดี๋ยวนะ นอกจากเครื่องวัดอัตราการสั่นสะเทือนแล้วยังติดระบบสัญญาณติดตามตัวอีก? ตกลงพวกนายเป็นนักโทษหรือวิศวกรกันแน่เนี่ย?
“ดูสิ” ปลายนิ้วเรียวจิ้มข้อความใหม่บนหน้าจอมือถือให้ดู
“ฝากถึงหวังอี้ป๋อ...ถ้านายไม่อยากไปอยู่ก้นมหาสมุทรแปซิฟิกกับปาปารัซซี่เพื่อนซี้ของนาย ก็อย่าได้คิดไม่ดีกับดีไซน์เนอร์ของเรา เข้าใจนะ? เรื่องที่นายแอบพาเซียวจ้านออกนอกอิตาลีโดยที่ชั้นไม่รู้ ชั้นจะยอมอภัยให้สักครั้งก็ได้”
“ขอโทษครับบอส~”
ไม่อยากเชื่อก็ต้องเชื่อว่าเรื่องรูปแอบถ่ายของเขาจะจบลงอย่างง่ายดายเพียงนี้
จบลงด้วยวิธีการที่เขาเองก็คาดไม่ถึง…
นัยน์ตาคมกล้าเหม่อมองออกไปในท้องฟ้าสีดำนอกหน้าต่าง...ใช่ว่าเขาจะไม่เห็นใจหมอนั่นหรอกนะ...ถ้าอีกฝ่ายไม่สร้างความเดือดร้อนให้เขาขนาดนี้มีหรือเขาจะยอมให้มันเกิดขึ้น ก็ได้แต่หวังว่าพวกวองโกเล่จะไม่เอาหมอนั่นถึงตาย แค่ข่มขู่เขาว่าก็น่าจะพอ?
เพราะอย่างน้อยๆ ปาปารัซซี่คนนั้นก็ทำให้เขาได้เจอคนสำคัญที่กำลังนั่งเคี้ยวอาหารตุ้ยๆอยู่ตรงหน้า
ถ้าไม่มีหมอนั่น...ชีวิตเขาอาจจะเดินสวนกับเจ้ากระต่ายไปโดยไม่รู้จักกันเลยก็ได้...
สายลมเย็นๆโบกสะบัดชายเสื้อสีดำจนมันส่งเสียงพึ่บพั่บ แสงจันทร์สีเงินค่อยๆฉาบไล้ร่างสูงใหญ่ที่ยืนอยู่บนยอดตึก
ใบหน้าคมคายภายใต้ผมสั้นสีรัตติกาลกำลังยกยิ้มมุมปากเมื่อนัยน์ตาสีเปลือกไม้มองเห็นชายคนหนึ่งเดินเข้าไปในซอกตึก
กำลังรออยู่เลย...
ประกายดาบคมกล้าค่อยๆถูกถอดออกมาจากฝัก
ขายาวที่ยันผนังไว้ข้างหนึ่งค่อยๆปล่อยตัวเองให้ร่วงลงจากดาดฟ้า นัยน์ตาดุจพญาเหยี่ยวจ้องมองไปที่เหยื่อ
ยังไม่ทันจะรู้ตัว...ดาบญี่ปุ่นก็ตัดผ่านขั้วหัวใจจนร่างผอมยาวค่อยๆทรุดลงกับพื้น...
เงียบเชียบและไร้ร่องรอย...
แฟ้มเอกสารตกลงบนพื้นสกปรก รูปที่เสียบอยู่ข้างในไหลทะลักออกมา
นัยน์ตาสีเปลือกไม้ทอดมองรูปเหล่านั้นก่อนจะถอนหายใจ
เฮ้อ...นายไม่ควรจะไปยุ่งกับไข่ในหินนั่นเลยจริงๆ...
ถ้าไม่ใช่ “เซียวจ้าน” ใบสั่งอาจจะไม่ได้มาถึงเขาโดยตรงแบบนี้ และถ้าเป็นคนอื่นในวองโกเล่นายอาจจะเจ็บหน่อยแต่คงไม่ถึงตาย
เพราะในโลกมาเฟียของอิตาลีย่อมรู้ดี...ว่าหัวหน้าหน่วยพิรุณของวองโกเล่ไม่ชอบใช้วิธีทรมานหรือข่มขู่
สู้ให้ตายไปในดาบเดียวเลยดีกว่า...
รอยยิ้มมืดมนปรากฏอยู่บนใบหน้าคมคาย มือใหญ่สะบัดดาบชโลมเลือดจนมันสาดเป็นทาง
ร่างสูงใหญ่ในสูทเข้ารูปสีดำสนิทเดินจากไปอย่างไม่ต้องเอ่ยอะไร ลูกน้องสองคนเดินสวนเข้าไปจัดการเก็บกวาดจนสะอาด
และป่านนี้นายใหญ่จริงๆของเฟอร์รารี่คงกำลังสั่งกวาดล้างรูปพวกนี้ที่อาจจะซุกซ่อนอยู่ในระบบออนไลน์...หึ...อย่างเจ้าCEOปิศาจนั่นต้องไม่ยอมให้ยอดขายรถเสียไปแม้แต่คันเดียวแน่นอน
หลักฐานทั้งหมดจะร่วงลงสู่จุดที่ไร้แสงสว่างและไร้หนทางกลับมา ไม่ว่าจะร่างที่กองอยู่บนพื้นหรือรูปในแฟ้ม ทุกอย่าง...ล้วนต้องจมลงสู่ก้นมหาสมุทร...
เรื่องที่เจอมาเมื่อช่วงเย็นทำให้เขาเหนื่อยล้าแต่ว่าพอได้อาบน้ำก็ค่อยรู้สึกดีขึ้นมาหน่อย หวังอี้ป๋อเดินออกจากห้องน้ำโดยใส่แค่กางเกงนอนตัวเดียว กล้ามหน้าท้องเป็นลอนสวยงามสัมผัสกับอากาศ ไหล่กว้างผึ่งผายทำให้เขาไม่เคยอายในรูปร่างของตัวเอง
ร่างสูงสง่าเดินไปหยุดยืนอยู่ข้างเตียง ดวงตาคมกล้าเลิกคิ้วน้อยๆหลังจากทอดมองเจ้าคนที่นอนนิ่งอยู่บนนั้น...ทำอะไรอยู่น่ะ?
เจ้ากระต่ายยังคงใส่ชุดนอนของเฟอร์รารี่ที่สีแดงสดทั้งตัว เสื้อฮู้ดตัวโคร่งกับกางเกงนอนสามส่วน แถมวันนี้มีถุงเท้าสีแดงเพิ่มเข้ามา? แล้วยังดึงฮู้ดขึ้นคลุมหัวทั้งๆที่นอนอยู่? ใบหน้ามนหลับตาพริ้มเหมือนกำลังคิดอะไรแต่ไม่ได้หลับ? เขายืนมองท่าทางประหลาดๆนั่นอย่างเอ็นดู วันหลังเขาจะแอบเอาหูกระต่ายไปเย็บติดชุดนอนสีแดงพวกนี้ให้หมดทั้งตู้เลยคอยดู เจ้ากระต่ายแดงเอ้ย!
นักบิดจากทีมยามาฮ่าค่อยๆก้าวขาขึ้นไปบนเตียงจากนั้นจึงค่อยๆหย่อนตัวลงไปคร่อมทับร่างโปร่งบางเอาไว้ เจ้ากระต่ายที่รู้สึกถึงแรงยุบยวบก็ลืมตาขึ้นมาก่อนที่ใบหน้ามนจะผงะไปเมื่อเห็นว่าเขาอยู่ใกล้แสนใกล้
“ฮึๆ...” เขาหัวเราะในลำคอก่อนจะเท้าคางมองอีกฝ่ายจากด้านบน
“คิดอะไรอยู่?” เสียงทุ้มถามออกไป ใบหน้ามนไม่ได้ใส่แว่นยิ่งดูน่ารักไปอีก
“กำลังแยกชิ้นส่วนเครื่องยนต์” เขาหัวเราะเบาๆกับคำตอบของเจ้ากระต่าย สมเป็นดีไซน์เนอร์ นอนคิดเอาก็ได้
“คันไหน? คันที่เพิ่งสเก็ตเมื่อเย็นน่ะเหรอ?” เขาหาเรื่องคุยกับอีกฝ่ายได้ตลอดเพราะสิ่งที่สนใจนั้นคล้ายๆกัน
“ใช่ จริงๆแล้วชั้นไม่ได้เชี่ยวชาญเรื่องเครื่องยนต์หรอก แต่เชี่ยวชาญด้านการจัดเรียงพวกมันให้เข้ากับแอโรไดนามิกของรถ นายรู้ไหมถ้าปล่อยให้แผนกพัฒนาเครื่องยนต์ทำละก็ นายก็จะได้กล่องเครื่องยนต์มาหนึ่งกล่องที่ความกว้าง ความยาว ความสูงเท่ากันเป๊ะทุกด้าน แล้วมันก็จะยัดลงไปในโครงรถที่สวยงามตามหลักอากาศพลศาสตร์ของนายไม่ได้” ใบหน้าหล่อเหลาหัวเราะเบาๆ เขาไม่เข้าใจหรอกแต่เขากลับชอบที่เจ้ากระต่ายพล่ามเกี่ยวกับอะไหล่ไปจนถึงน็อตตัวเล็กๆแบบนี้ที่สุด
ร่างสูงสง่าขยับลงไปนอนหงายก่อนจะดึงเจ้ากระต่ายสีแดงมากอดไว้ ทั้งๆที่บอกเขาว่าอย่ากวนสิ แต่ยังไม่ทันไรเจ้ากระต่ายกลับแน่นิ่งไป เขาก้มมองคนที่ซบอยู่บนแผงอก หลับแล้ว?
นิ้วยาวประคองใบหน้าที่หลับปุ๋ยคาอกเขา นิ้วโป้งกดลงไปเบาๆบนกลีบปากสีกุหลาบ มันนุ่มนิ่มจนนึกอยากจะบดขยี้ให้ช้ำเสียจริงๆ
ท่อนแขนขยับไปโอบไหล่บางก่อนจะกอดกระชับเข้าหาตัว ฝ่ามืออีกข้างวนเวียนวอแวอยู่แถวๆบั้นท้ายงามงอน มือใหญ่สอดผ่านผ้าทุกชั้นเข้าไปจนเจอก้นนิ่มเด้งมือ เขาบีบเค้นมันเบาๆแต่เจ้าของมันก็ยังหลับไม่รู้เรื่อง
ดวงตาคมกล้าทอดมองใบหน้าที่ยังหลับสนิท เขาไม่ได้คิดจะปลุกเจ้ากระต่ายหรอก แค่ก่อกวนนิดๆหน่อยๆแบบนี้ก็พอ
มือใหญ่แตะปลายนิ้วลงไปในร่องก่อนจะค่อยๆลากลงไปเรื่อยๆ เรื่อยๆ จนไปหยุดอยู่ที่ปากทาง ปลายนิ้วกดลงไปในความนุ่มนิ่มนุ่บนั่บนั้นเบาๆ
อ้า.......อยากใส่เข้าไปจัง...
ร่างโปร่งบางลุกขึ้นมานั่งท่ามกลางเสียงนาฬิกาปลุก ใบหน้ามนที่ยังไม่ค่อยจะลืมตาดีหันไปหันมาเพื่อมองหาโทรศัพท์มือถือก่อนจะกดปิดมัน มือบางยกขึ้นมาปิดปากที่กำลังหาวหวอด ผมสีดำชี้โด่ชี้เด่ไปทั้งหัวบ่งบอกว่าเมื่อคืนเขานอนหลับสนิทขนาดไหน
ดวงตาหรี่ปรือหันมองรอบกาย...หวังอี้ป๋อหายไปไหน?
นอกจากหวังอี้ป๋อที่หายไป กางเกงนอนของเขาก็หายไปด้วย?
หื๋อ??
ใบหน้าสลึมสลือเลิกผ้าห่มผืนหนาขึ้นมาดู เอ๋? กางเกงหายไปไหน? เขาได้แต่เอียงคอมองด้วยความมึนงง ยังดีที่ชั้นในยังอยู่?
“ตื่นแล้วเหรอ? อาบน้ำเถอะ เดี๋ยวไปสนามกัน ผมมีซ้อมเช้า” นักบิดแห่งทีมยามาฮ่าเดินออกมาจากในห้องน้ำ
“อื้อ” ร่างโปร่งบางจึงลุกเดินเข้าห้องน้ำไปอย่างไม่คิดอะไร ชายเสื้อฮู้ดสีแดงละต้นขาขาวรำไร สำหรับหวังอี้ป๋อแล้วนั่นคืออาหารตาชั้นดีที่คุ้มค่ากับการแอบขโมยกางเกงเจ้ากระต่ายไปซ่อนไว้จริงๆ
ถึงจะเคลียร์เรื่องรูปแอบถ่ายไปได้ แต่เรื่องที่เขาไปต่อยนักข่าวนั้นก็ยังเป็นประเด็นอยู่ และแค่หวังอี้ป๋อโผล่หน้าไปสนามในวันนี้ สื่อทั่วโลกก็วิ่งกรูเข้ามารุมทันที
แน่นอนว่าอย่างเขาไม่คิดจะหาข้อแก้ตัวใดๆ
“คำถามนี้ผมไม่ตอบ”
แค่เจอคำตอบแบบนี้เข้าไปนักข่าวก็หงายเงิบกันเป็นแถบๆ ร่างสูงเดินหล่อๆเข้าสนามอย่างไม่มีใครทำอะไรได้ การจะแงะปากหวังอี้ป๋อไม่ใช่เรื่องง่ายใครๆก็รู้ดี
“มีอะไรไปเจอกันที่ศาล ผมพร้อมสู้คดี”
แต่เพราะคู่กรณีจู่ๆก็หายตัวไป เรื่องนี้จึงเงียบลงอย่างรวดเร็ว ถึงแม้สื่อจากหลายสำนักข่าวจะพยายามหาตัวปาปารัซซี่คนนั้นแต่จนแล้วจนรอดก็หาไม่พบและไม่แน่ว่าอาจจะได้ค่าปิดปากไปมหาศาลถึงได้ไม่ยอมปรากฏตัวเลย นั่นคือเรื่องที่คนเล่าลือกัน
เสียงมอเตอร์ไซค์ที่ใช้แข่ง Moto GP นั้นแหลมแสบแก้วหูกว่าเสียงรถฟอร์มูล่าวันยุคใหม่อยู่พอสมควร ร่างโปร่งบางที่ยืนอยู่กลางพิตยกสองมือขึ้นมาป้องหูก่อนจะหลับตาฟังเสียงพวกนั้นอย่างตั้งใจ เขาชอบเสียงทุ้มต่ำที่แฝงไว้ด้วยความเกรี้ยวกราดดุดันแบบนี้จริงๆ มันทำให้เขานึกถึงใบหน้าของหวังอี้ป๋อ
ใครๆก็บอกว่าหมอนั่นเย็นชาและไม่ค่อยพูดไม่ค่อยจา แต่สำหรับเขาแล้วหวังอี้ป๋อเหมือนกับเสียงรถมอเตอร์ไซค์คันใหญ่นี่ไม่มีผิด เกรี้ยวกราด รุนแรง เอาแต่ใจ ดุเหมือนสิงโต แต่ก็เจ้าเล่ห์เหมือนหมาป่า
ดวงตาคู่โตค่อยๆเปิดมองที่หน้าจอมอนิเตอร์ นักบิดเบอร์ 85 กำลังเข้าโค้งความเร็วสูงด้วยความเร็วที่ทำเอาท้องไส้แทบจะบิดเกร็ง เลขไมค์ที่พุ่งไปแตะ 230 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในโค้งทำเอาดวงตาของเขาต้องมองตามด้วยความลุ้นระทึก
“หวังอี้ป๋อ หวังอี้ป๋อ! ศอกแทบจะเช็ดพื้นอยู่แล้วครับ! อูยยยยย” เสียงบรรยายในสนามพากย์อย่างเร้าใจ อีกนิดเดียวรถนั่นก็แทบจะนอนลงพื้นอยู่แล้ว
ฟันกระต่ายเผลอกัดลงไปบนกลีบปากสีระเรื่อ นี่ขนาดวันนี้เป็นแค่วันซ้อมนะ แต่พวกนักบิดฝั่ง Moto GP ก็ยังเอาจริงเอาจังกันขนาดนี้ เสียงรถวิ่งออกจากพิตแทบจะตลอดเวลา รถกว่า 20 คันวิ่งกันไม่ยอมหยุด
“โค้ง 5!! มีรถเกี่ยวกันล้มลงไปแล้วครับ! โอย เสียหายหนักแล้วดูคาติ!” เสียงตะโกนดังลั่นของผู้บรรยายในสนามทำเอาดวงตากลมโตต้องรีบตวัดกลับไปมอง แล้วก็หายใจได้ทั่วท้องหน่อยที่ไม่ใช่รถของหวังอี้ป๋อ
รถหมายเลข 85 วิ่งเข้าพิตมา ลูกทีมไปยืนดักหน้าคอยรับรถเอาไว้
“พี่ โค้ง11ผมว่ายังต้องปรับอีก ทำยังไงได้บ้าง?” หมวกกันน็อคยังไม่ทันจะถอดออกดี นักบิดมือหนึ่งของ Movistar Yamaha ก็ตรงดิ่งไปคุยกับวิศวกรสนามของตนทันที ใบหน้าหล่อเหลานั่นชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อแต่มันกลับดูมีเสน่ห์จนนึกอยากจะยกมือขึ้นไปซับหยดน้ำพวกนั้นให้ เขาเพิ่งเคยเห็นใบหน้าจริงจังของหวังอี้ป๋อ เขานึกว่าหมอนั่นจะทำเป็นแต่ใบหน้าเจ้าเล่ห์เหมือนหมาป่าซะอีก
อะไรกัน หวังอี้ป๋อเวอร์ชั่นนี้ก็ดูดีออก?
รถหมายเลข 85 ลงไปวิ่งจับเวลาอีกหลายต่อหลายรอบ การปรับแต่งหลายอย่างทั้งช่วงล่างและลองใช้ยางหลายแบบสลับกันไปทำให้เวลาของหวังอี้ป๋อค่อยๆขยับดีขึ้นเรื่อยๆ เวลา 45 นาทีถูกใช้จนคุ้มค่าเพราะจะว่าไปสนามนี้ไม่ใช่สนามที่เข้าทางรถของทีมยามาฮ่านัก รถของแต่ละทีมไม่สามารถจะทำให้เข้าได้กับทุกสนามหรอก เพราะทั้ง 19 สนามต่างก็มีเอกลักษณ์แตกต่างกันไป มีทั้งสนามความเร็วสูงที่ต้องใช้พละกำลังของเครื่องยนต์ มีทั้งสนามความเร็วต่ำโค้งเยอะที่ต้องใช้แอโรไดนามิกของตัวรถ เพราะฉะนั้นทีมที่ทำได้ดีในสนามนี้ก็อาจจะย่ำแย่ในสนามหน้าก็ได้
หวังอี้ป๋อพารถกลับเข้าพิตมาอีกครั้ง ร่างสูงสง่ายังคงต้องไปหารือกับทีมวิศวกรของตัวเอง
ร่างโปร่งบางจึงขยับไปเดินด้อมๆมองๆรถสีน้ำเงินที่มีโลโก้ยามาฮ่าอยู่รอบคัน Movistar Yamaha เป็นทีมโรงงานของยามาฮ่าหรือก็คือทีมใหญ่สุดของทีมทั้งหมดที่ใช้เครื่องยนต์ยามาฮ่า แล้วรถคันนี้คือรถของมือหนึ่งอย่างหวังอี้ป๋อ เพราะงั้นมันน่าจะเป็นรถที่ดีที่สุดของยามาฮ่าแล้ว...ใบหน้ามนจึงก้มลงไปมองมันใกล้ๆ ส่องแล้วส่องอีกอย่างหลงใหล ว่าแล้วเชียว...ดีไม่ดีมันอาจจะเป็นรถที่ดีที่สุดในกริด ดีที่สุดของชั้นพรีเมียร์คลาสเลยก็ว่าได้
แน่นอนว่ารถที่ดีสำหรับเขาไม่ใช่ดีแค่ตัวรถหรือเครื่องยนต์ แต่มันจะดีที่สุดได้มันต้องเข้ากับสไตล์การขี่ของนักขับมากที่สุดด้วย
ป้าบ!
ฝ่ามือใหญ่ตีลงไปที่ตูดของเจ้าคนที่กำลังทำตัวเยี่ยงสปาย เจ้าของก้นนิ่มที่ถูกฟาดไปหนึ่งทีถึงกับสะดุ้งโหยง
“แอบส่องอะไรรถผม?” เจ้ากระต่ายหันมายู่หน้าใส่ก่อนจะพูดกับเขาด้วยดวงตาเป็นประกาย
“รถนายนี่เจ๋งไปเลย จุดศูนย์ถ่วงดีมาก เข้ากับความโหดของนายสุดๆ!” สมเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านแอโรไดนามิก แค่ดูด้วยตาเปล่าเจ้ากระต่ายก็ยังมองออก แต่เขาดันนึกขำกับคำพูดประหลาดๆของอีกฝ่าย
“ห๋า? ความโหด?” อะไรละนั่น?
“นายเข้าโค้งแบบนั้น...ชั้นนึกถึงแค่คนเดียวในวงการเอฟวันนั่นก็คือโกคุเดระ ฮายาโตะ ไม่มีใครเข้าโค้งได้โหดเท่าเจ้านั่นอีกแล้ว ซึ่งชั้นเพิ่งเห็นมันในตัวนาย!” เป็นคำชมสินะ? เพราะโกคุเดระ ฮายาโตะคือที่หนึ่งของวงการฟอร์มูล่าวันในตอนนี้
“ฮึ...” เขาหัวเราะในลำคอ เจ้ากระต่ายก้มลงไปส่องรถมอเตอร์ไซค์ของเขาต่อ เมื่อเช้า พอเขาบอกให้มาอยู่ด้วยกันที่พิตการาจ เจ้ากระต่ายก็ทำท่าทางตื่นเต้นดีใจที่จะได้เห็นรถใกล้ๆ นี่ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นคงจะอยากไปนั่งอยู่ในเล้าจ์ของโซนวีไอพีมากกว่าจะมานั่งดมกลิ่นยางกลิ่นน้ำมันแบบนี้
“อยากลองนั่งดูไหม?” เสียงทุ้มถามออกไป
“หื๋อ? แล้วนายไม่ลงไปวิ่งต่อเหรอ?” เจ้ากระต่ายเงยหน้าขึ้นมาถาม
“จะหมดเวลาแล้ว ไว้ค่อยจับเวลาใหม่ตอนบ่าย” มือใหญ่สอดเข้ามาใต้รักแร้ก่อนจะยกลำตัวบางขึ้น หวังอี้ป๋ออุ้มดีไซน์เนอร์ของเฟอร์รารี่ให้ขึ้นไปนั่งอยู่บนรถหมายเลข 85 เล่นเอาคนทั้งพิตหันมามองตาค้าง...ก็ปกติแล้วหวังอี้ป๋อไม่ยอมให้คนนอกแตะต้องรถคันนี้แม้แต่ปลายเล็บนี่ แล้วทำไมถึงมีข้อยกเว้นกับคนคนนี้...
“หนักเท่าไหร่?” แน่นอนว่าเจ้ากระต่ายไม่ได้ถามน้ำหนักตัวเขา
“161กิโล” แต่สิ่งที่อีกฝ่ายถามคือน้ำหนักของรถคันนี้ เจ้ากระต่ายมองตามปลายนิ้วของตัวเองที่กำลังลูบไปตามตัวถังรถ เขามองภาพนั้นด้วยลมหายใจติดขัดแปลกๆ ความรู้สึกมันเหมือนเป็นเขาเองมากกว่าที่กำลังโดนฝ่ามือบางนั่นลูบเอา เพราะเจ้ารถคันนี้ก็แทบจะเป็นแขนเป็นขาของเขาอยู่แล้ว
“เมื่อกี้เวลานายอยู่ที่เท่าไหร่?” ใบหน้าน่ารักภายใต้กรอบแว่นเงยขึ้นมาถาม
“ที่สาม”
“เวลาในรอบซ้อมก็มีผลต่อการควอลิฟายด้วยสินะ?”
“ใช่” พวกเขาถึงได้วิ่งกันแบบเอาเป็นเอาตายตั้งแต่รอบซ้อมเลยไง ตรงนี้แหละที่ต่างจาก F1
ถึง Moto GP กับ F1 จะแข่ง 3 วันเหมือนกัน คือวันศุกร์เป็นรอบซ้อม เพื่อให้รถได้ลงวิ่งในสนามจริงและปรับแต่งรถให้เข้ากับสนามนั้นๆ วันเสาร์เป็นการควอลิฟาย คือการวิ่งจับเวลาแค่รอบเดียวเพื่อหาอันดับในการออกสตาร์ท เพราะการแข่งรถไม่ได้ออกสตาร์ทเป็นหน้ากระดาน แต่ออกสตาร์ทเป็นแถว จึงต้องเอาความเร็วของรถแต่ละคันมาวัดกันว่าใครจะได้ออกสตาร์ทก่อน-หลัง วันอาทิตย์เป็นการแข่งจริง
F1 จะมีการซ้อม 3 รอบ รอบละ45นาที จะวิ่งเท่าไหร่ยังไงก็ได้ ปรับแต่งรถกันตามสบาย ไม่มีผลต่อการควอลิฟาย ค่อยไปวัดกันในวันเสาร์ทีเดียวเลย
ส่วน Moto GP นั้นมีการซ้อม 4 รอบ และเวลาที่ดีที่สุดในการซ้อมทั้ง 4 รอบนี้จะถูกเอาไปจัดอันดับ รถที่เร็วที่สุด 10 คันแรกจะถูกคัดเข้าการควอลิฟายรอบ 2 ไปเลย ส่วนรถตั้งแต่อันดับ11ลงไปจะต้องไปวัดกันในควอลิฟายรอบแรกเพื่อคัดเอาอีก 2 คันเท่านั้นให้เข้าสู่ควอลิฟายรอบ 2 ซึ่งนั่นก็คือจะมีรถ 12 คัดในการควอลิฟายรอบ 2 สรุปก็คือเวลาในช่วงซ้อมจะมีผลต่อการควอลิฟายด้วยนั่นเอง
แชะ!
คราวนี้ไม่ใช่ปาปารัซซี่ที่ไหนที่แอบถ่ายรูปเจ้ากระต่าย แต่เป็นหวังอี้ป๋อเองที่กำลังยกโทรศัพท์มือถือถ่ายรูปเจ้าคนน่ารักที่ยังนั่งส่องคลัชและตำแหน่งแฮนด์หน้ารถของเขาไม่วางตา
เขามองรูปถ่ายในมือถือพลางยกยิ้มมุมปาก ปลายนิ้วกดโพสรูปนั้นลงในไอจีส่วนตัวพร้อมกับแคปชั่นสั้นๆว่า
“Red Rabbit”
แล้วคอมเม้นต์ก็ไหลมาเทมาในทันที...
หนึ่ง เพราะหวังอี้ป๋อไม่เคยโพสรูปคนอื่นในไอจีส่วนตัวของตัวเอง
สอง เพราะหวังอี้ป๋อเป็นนักบิดที่ขึ้นชื่อเรื่องหวงรถของตัวเองมาก เพราะฉะนั้น Red Rabbit เป็นใคร? ทำไมถึงขึ้นไปนั่งบนรถหมายเลข 85 ได้?
สาม เพราะคนในรูปนั้นน่ารักมากกกกก
หึ...
ใบหน้าหล่อเหลาหัวเราะในลำคอเมื่อมองคอมเม้นต์ที่พุ่งไปหมื่นกว่าในเวลา 5 นาที
ไม่ต้องห่วงหรอก เขาไม่โดนทีมบอสของเฟอร์รารี่สั่งเก็บแน่ถ้ามาเห็นโพสนี้เข้า เพราะเขาคุยกับเอลวิน สมิธแล้ว
“ถ้าพวกนายค่อยๆบอกให้คนอื่นรู้ว่าพวกนายคบกันนั้นไม่เป็นไร แต่ถ้าจู่ๆมีรูปแอบถ่ายพวกนายจูบกันโผล่มาตูมเดียวละก็ คนที่รับไม่ได้ก็จะโจมตีในทันที ผลมันจะต่างจากการค่อยๆบอกมากนะ”
ทีมบอสของเฟอร์รารี่ไม่ได้ห้ามถ้าพวกเขาจะคบกัน เพียงแต่ต้องมีขั้นตอนที่ถูกต้องชัดเจน
ติ๊ง...
เสียงเตือนว่ามีแชทเข้าทำให้ใบหน้ามนของคนที่กำลังเดินหากางเกงนอนไปทั่วห้องพักในโรงแรมต้องหันไปมอง
ติ๊งๆๆๆๆๆ
แล้วเสียงมันก็ถี่ขึ้นเรื่อยๆจนเจ้าของมือถือทนไม่ไหว มือบางหยิบมันมาดูก่อนจะอ้าปากค้าง
“หวังอี้ป๋อ นายไปทำอะไรไว้หรือเปล่า? ทำไมคนในทีมชั้นถึงกับถามมากันไม่หยุดเนี่ย?” ใบหน้าเอาเรื่องหันไปถามคนที่นั่งอยู่บนเตียง
“พี่ก็หัดเช็คไอจีบ้างเถอะ” นักบิดแชมป์สามสมัยมองเจ้ากระต่ายอย่างละเหี่ยใจ คงจะมีอยู่คนเดียวในโลกแล้วมั้งที่ไม่รู้ มือใหญ่เปิดหน้าไอจีของตัวเองก่อนจะยื่นให้อีกฝ่ายดู
“ง่ะ! ใครอนุญาตให้เอาไปลงเนี่ย?!” เจ้าคนที่ใส่แค่เสื้อฮู้ดตัวโคร่งกับถุงเท้าสีแดงโวยวายทันทีที่เห็นรูปที่เขาลงไว้
“แฟนผม แค่ผมโอเคก็ลงได้แล้ว” ใบหน้าหล่อเหลายกยิ้มก่อนจะตอบกวนๆ
“ใครเป็นแฟนนายห๊ะ นี่แหน่ะๆ” มือบางฟาดมาที่ต้นแขนเขาสองสามที ไม่ได้เจ็บไม่ได้คันเลยซักนิด
“ว่าแต่อี้ป๋อ นายเห็นกางเกงนอนของชั้นไหม?” ...พับสวยๆอยู่ก้นกระเป๋าเดินทางของผมเองครับ แน่นอนว่าเขาไม่ได้ตอบไปแบบนั้น
“ผมจะไปเห็นได้ไงล่ะ? พี่นอนอิท่าไหนให้กางเกงมันหายได้ล่ะ? เพี้ยนจริงๆ”
“งื้อ!” เจ้ากระต่ายทำหน้าเง้างอดก่อนจะมองหาไปรอบๆห้องอีกครั้ง
“หาไม่เจอก็ไม่ต้องใส่หรอก ผมก็เอามาตัวเดียวซะด้วย จะให้ยืมก็คงไม่ได้” ดวงตาคมกล้าเหลือบมองต้นขาขาวๆนั่นพลางลอบกลืนน้ำลาย งานดีชะมัดเจ้ากระต่ายนี่
“มานอนนี่มา ผมง่วงแล้ว” เขากวักมือเรียกคนที่เริ่มถอดใจในการหากางเกง ร่างโปร่งขยับมานอนลงข้างๆเขาจึงรั้งลำตัวบางมากอดไว้ ดูเหมือนเจ้ากระต่ายก็จะเริ่มชินกับการนอนกอดเขา เอาเถอะ ถึงอีกฝ่ายจะคิดว่าเขาเป็นเจ้าหมีแพนด้าหน้าโง่นั่นก็เถอะ
“อาทิตย์หน้าพี่ไปแข่งที่ไหน?” เขานอนคุยกันในขณะที่ดวงตาเริ่มหรี่ปรือ
“สิงคโปร์ เป็นสนามที่ชั้นชอบมาก เป็นสตรีทเซอร์กิตแถมยังเป็น Night Race ถ้านายจะไป ชั้นจะเอาบัตรวีไอพีของเฟอร์รารี่ให้”
“ไปสิ” เขาตอบรับง่ายๆทั้งๆที่ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยสนใจรายการแข่งรถรายการไหนนอกจากการแข่งมอเตอร์ไซค์แท้ๆ
“เดี๋ยวก่อนนะ...ผมคงไม่ต้องไปวิ่งเอาอะไหล่ให้พี่อีกใช่ไหม?” ใบหน้าหล่อเหลาก้มลงไปมองใบหน้าที่ซบอยู่ที่แผงอก
“ฮ่าๆๆ ไม่แล้วน่า คราวที่แล้วเพราะอยู่อิตาลีเลยสั่งทำอะไหล่ได้ แต่ถ้าไปแข่งที่ประเทศอื่นก็ต้องหาทางปรับแต่งรถเอา ถ้าไม่หนักจริงๆอย่างเครื่องพังอะไรงี้ก็ไม่มีใครให้ส่งอะไหล่มาทางเครื่องบินหรอก มันยุ่งยากกับพวกศุลกากรด้วย” แสดงว่าเคยมีสินะ กรณีแบบนั้น...
“พี่...พรุ่งนี้พี่อวยพรให้ผมที...ผมอยากให้พี่เห็นผมชนะ...ถ้วยแชมป์โลกสมัยที่ 4 ของผม...ผมอยากให้พี่...” เสียงทุ้มต่ำฟังสบายหูค่อยๆเบาลงทุกทีจนเงียบหายไปในที่สุด หวังอี้ป๋อหลับไปแล้ว...
“อื้อ” ใบหน้ามนตอบรับก่อนจะขยับมองปลายคางของคนที่เข้าสู่นิทรา ริมฝีปากสีระเรื่ออมยิ้มน้อยๆ คงจะเหนื่อยน่าดูเลยสินะวันนี้ ถึงเขาจะไม่ใช่นักขับแต่เขาก็คลุกคลีกับเจ้าพวกนั้นมานาน จริงอยู่ที่ทุกคนในทีมล้วนมีความสำคัญแต่ยามเมื่อรถลงไปอยู่ในสนามแล้วคนที่จะกดดันมากที่สุดและต้องรับผิดชอบทุกอย่างก็คือพวกนักขับต่างหาก ฝั่งF1ยังดี ยังมี Race engineer ประจำตัวคอยช่วยบอกช่วยเช็คข้อมูลให้ ยังมีทีมวางแผนช่วยตัดสินใจว่าจะต้องทำยังไงเข้าพิตตอนไหน แต่กับฝั่ง Moto GP ที่นักบิดต้องตัดสินใจเองทุกอย่างยามเมื่ออยู่ในสนามแล้ว มันคงจะเครียดกว่ามากแน่ๆ
อ้อมแขนบางกอดกระชับเอวซึ่งเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ
เพราะงั้น...วันนี้ชั้นจะกอดนายให้เป็นกรณีพิเศษก็ได้!
อันดับเวลาของหวังอี้ป๋อค่อยๆดีขึ้นในการซ้อมแต่ละรอบ ร่างสูงสง่าวิ่งราวกับพายุเมื่อจบการควอลิฟาย เพราะงั้นแทบจะไม่มีใครแปลกใจเลยถ้าสนามนี้เขาจะได้โพลโพซิชั่นและออกสตาร์ทในลำดับที่ 1 ในวันแข่ง!
วันนี้ท้องฟ้าแจ่มใส นับเป็นวันอาทิตย์ที่ฤกษ์งามยามดี
คนดูทยอยเข้ามาเต็มสนามตั้งแต่เช้า ทั้งหมวก ทั้งเสื้อ ทั้งธงของเบอร์ 85 ล้วนถูกขายจนหมดเกลี้ยง ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็เห็นกองเชียร์ของหวังอี้ป๋อเต็มไปหมด
บรรยากาศในสนามเริ่มครึกครื้นขึ้นเรื่อยๆสมเป็นวันแข่ง บัตรขายหมดไปนานแล้วเพราะใครๆก็อยากเข้ามาอยู่ในนาทีประวัติศาสตร์ สนามนี้นักบิดหนุ่มจากแดนมังกรมีโอกาสสูงมากที่จะคว้าแชมป์โลกสมัยที่ 4 ให้ตัวเองตั้งแต่ยังไม่จบฤดูกาล เพราะงั้นใครๆก็อยากมาดู
“ดูเหมือนลมจะแรงกว่าเมื่อวานนิดหน่อยนะ แต่คิดว่าไม่มีผลอะไร ยางเซตใหม่ก็พร้อม ไปทำให้เต็มที่นะอี้ป๋อ!” ทีมบอสของ Movistar Yamaha เข้ามาคุยกับนักบิดมือหนึ่งของทีมอยู่ในพิต ตอนนี้ Yamaha YZR-M1ไปจอดรอสแตนด์บายอยู่ที่หลังเส้นสตาร์ทแล้ว เวลาแข่งขันใกล้เข้ามาทุกทีๆ
หวังอี้ป๋อวิ่งมาเข้าห้องน้ำหลังจากพารถออกไปวอล์มและตอนนี้รถทุกคันก็จอดเตรียมพร้อมอยู่ในแทรค ทั้งสื่อมวลชนและเซเลปเดินถ่ายรูปกันทั่วกริดสตาร์ท ส่วนทีมงานรวมไปถึงนักบิดต่างก็อยู่ประจำที่รถของตัวเอง มีเพียงรถคันหน้าสุดเท่านั้นที่ไม่มีนักแข่งอยู่
ใบหน้าหล่อเหลามองหาเจ้ากระต่ายที่น่าจะนั่งอยู่ในพิต อันที่จริงเขาไม่ได้มาเข้าห้องน้ำหรอก แต่อยากมาหาจ้านเกอมากกว่า
“มาเข้าห้องน้ำเหรอ?” เจ้ากระต่ายเลิกคิ้วถามเมื่อเห็นเขาเดินเข้าไปหา
“เปล่า มาหาพี่นั่นแหละ” เขาตอบไปตรงๆจนใบหน้ามนต้องเสสายตาหลบอย่างเขินๆ เจ้ากระต่ายก้มหน้าเหมือนกำลังตัดสินใจอะไรบางอย่างและเมื่ออีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นมา...
“อืม...ถ้างั้นก็มาทางนี้แป๊บนึงสิ” ร่างโปร่งดึงเขาไปหลังพิต
ก่อนจะจุ๊บเขาที่ปากเบาๆ...
“ขอให้โชคดี ขอให้ชัยชนะในสนามนี้เป็นของนาย”
เขาแทบจะหยุดหายใจเพราะไม่คิดว่าจ้านเกอจะเป็นฝ่ายจูบเขาก่อน ถึงแม้ว่ามันจะเป็นการจูบให้กำลังใจก็เถอะ
ใบหน้าหล่อเหลามองคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าด้วยสายตาหลงใหล เจ้ากระต่ายเขินอายและมันก็ทำให้ตบะของเขาแตกได้โดยง่าย
มือใหญ่จับต้นแขนบางทั้งสองข้างก่อนจะพลิกร่างโปร่งเข้าผนัง ริมฝีปากจู่โจมกลีบปากสีกุกลาบอย่างอดไม่ไหว จากจุ๊บเล็กๆเบาๆเขาก็จูบคืนให้เสียยกใหญ่ จูบจนเจ้ากระต่ายถึงกับปากบวมเจ่อ
“หวังอี้ป๋อ พอ!” เจ้ากระต่ายดุเขาเบาๆเมื่อเขาทำท่าจะเข้าไปจูบอีก มือบางยันหน้าเขาออกมาแต่เขากลับหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
“ตอนพี่ชนะ ผมยังให้รางวัลพี่เลย เพราะงั้น...ถ้าผมชนะ พี่ให้รางวัลผมบ้างได้ไหม?” เขาจรดหน้าผากไว้กับหน้าผากใสก่อนจะจ้องตาคู่โตแล้วพูดออกไป
“ได้สิ นายอยากได้อะไรล่ะ? ตั๋วเครื่องบินพร้อมที่พัก?” เจ้ากระต่ายเอียงคอถามด้วยความคิดใสซื่อ
“ของที่ผมอยากได้ไม่ต้องเสียเงินแม้แต่ยูโรเดียว” แต่เสียตัว
“นอนกับผม”
“ห๊ะ?!”
“ถ้าผมชนะ พี่ให้ร่างกายของพี่กับผมได้ไหม” ร่างสูงสง่าขยับเข้ามาใกล้กว่าเดิมก่อนจะกระซิบที่ใบหูแดง
“พูดให้เข้าใจง่ายๆก็...มีเซ็กส์กับผม” เจ้ากระต่ายถึงกับผวาก่อนจะมองหน้าเขาพลางอ้าปากพะงาบๆ
“ตะ แต่เรื่องแบบนั้น...ต้องเป็นแฟนกันถึงจะทำได้ ไม่ใช่เหรอ?” เจ้าดีไซน์เนอร์ของเฟอร์รารี่ดูจะช็อคๆอึ้งๆคาดไม่ถึงกับคำขอของเขา
“เราก็เป็นแฟนกันแล้วไง”
“ห๊ะ? ตั้งแต่เมื่อไหร่? ชั้นยังไม่รู้เลยว่าชอบนายหรือเปล่า?”
“คบๆไปก่อนเถอะน่า เดี๋ยวพี่ก็ชอบเองแหละ”
“??? ใช่เหรอ?” ในขณะที่เจ้ากระต่ายยังงงเขาก็รีบตัดบท
“ผมไปก่อนนะ ผมต้องชนะแน่ เพราะผมอยากได้รางวัลจากพี่” ใบหน้าหล่อเหลายิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนจะขยับไปจูบปากแดงช้ำเบาๆแทนมัดจำ ตอนนี้เขาได้รับกำลังใจมาจนเต็มเปี่ยม
“ง่ะ…” เขาปล่อยคนที่หน้าแดงถึงใบหูยืนอยู่ตรงนั้น ได้เวลาลงแข่งแล้ว...
“อี้ป๋อ!” เสียงนุ่มตะโกนไล่หลังเขาจึงหันไปมอง
“.....ยังไงก็...ขอให้ปลอดภัย…” ใบหน้ามนช้อนสายตามองเขา ใบหน้าหล่อเหลาจึงคลี่ยิ้มกลับไปให้ มือใหญ่โบกน้อยๆก่อนจะเดินจากมา
สนามนี้...ยังไงเขาก็ต้องชนะ
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
To be con.
กร๊ากกกก ข้ามวันควอลิฟายไปวันนึงซะงั้น แบบว่าจะใส่เรื่องการแข่งเยอะก็กลัวจะเบื่อกันซะก่อน ไว้ค่อยๆแทรกไปเรื่อยๆ อิๆ แต่จริงๆมันสนุกมากเลยนะคะการแข่งรถเนี่ย =/////= สนใจมาเป็นทิโฟซี่ด้วยกันไหมคะ5555 // โดนตบ
แอบแปะคลิปล่อลวง ใครอยากรู้ว่ารถที่จ้านเกอทำเป็นยังไงก็แวะไปส่องได้ เจ้ารถสีแดงสองคันนั้นน่ะ
อันนี้ของปี 2019
ส่วนอันนี้ปี 2018ค่ะ เห็นความพยายามของทีมวิศวกรผ่านรถที่พังเละพวกนั้นเลยจริงๆ TvT บางครั้งพังก่อนแข่งแค่ไม่กี่ชม. ต้องซ่อมทั้งคันเหมือนเนรมิตขึ้นมาใหม่นี่สุดยอดมากจริงๆ
Theme song ของพวกนาง เพลงนี้ Brian Tyler เป็นคนทำให้ค่ะ พ่อคนนี้ก็เท่ห์ละเกิน =q=
ขอบคุณทุกๆการติดตามและทุกๆคอมเม้นต์มากนะคะ >////< แล้วเจอกันตอนหน้า~ ช่วงนี้จะปั่น GLIDE เป็นบ้าเป็นหลังหน่อยเพราะ F1 ใกล้เปิดเทอมแง้ว // ก่อนจะต้องปิดเทอมต่อเพราะไวรัสโควิด19 =[ ]=!!! ดูแลตัวเองกันด้วยเด้อทุกคน~
รอตอนหน้าเลยงี้ 55555
ตอบลบ