ป๋อจ้าน Au.Fic [หวังอี้ป๋อ x เซียวจ้าน] GLIDE : 2x4 It’s me : 04


ป๋อจ้าน Au.Fic [หวังอี้ป๋อ x เซียวจ้าน]  GLIDE : 2x4 It’s me : 04

: ป๋อจ้าน Fanfiction Au
: หวังอี้ป๋อ x เซียวจ้าน
: Romantic
: NC-17


คำเตือน : เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ
           : เนื้อเรื่องต่อไปนี้เป็นเพียงจินตนาการของผู้เขียน ไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นจริงนะคะ
           : ข้อมูลจะไม่แน่นเท่า GLIDE ภาคก่อนๆนะคะ เพราะภาคนี้ข้ามมา 2 ล้อ ตรูขี้เกียจหาข้อมูลฝั่ง Moto GP โฟ้ยยยย // โดนตบด้วยหมวกกันน็อค










แกร่ก….


ประตูถูกเปิดออกอย่างแผ่วเบาก่อนที่เงาร่างสูงสง่าจะแทรกผ่านเข้าไป ทุกอย่างในห้องบนชั้นสองยังคงนิ่งสนิท เจ้าของห้องไม่รู้ถึงการมาเยือนยามรัตติกาลของเขาเลยสักนิด

ดวงตาสุขุมลุ่มลึกทอดมองไปยังเตียงที่ตั้งอยู่กลางห้อง บนนั้นมีร่างของใครคนหนึ่งนอนหลับสนิทอยู่ เขาขยับไปยืนข้างเตียงก่อนจะจ้องมองใบหน้าใสที่ถูกแสงจันทร์ฉาบไล้ แพขนตาปิดลงแนบแก้มป่อง หนูน้อยหมวกแดงไม่ได้ระแวงระไวหมาป่าอย่างเขาเลย

ใบหน้าหล่อเหลาลอบยิ้มมุมปาก แขนแข็งแรงเอื้อมไปดึงหมีแพนด้าตัวเท่าตึกแฝดเซี่ยงไฮ้ออกจากอ้อมแขนบางไปวางไว้ข้างเตียง และเพราะเจ้าหมีนั่นมันหนักมาก ยามเมื่อน้ำหนักของเขาเข้าไปแทนที่มัน เจ้าของหมีถึงได้ไม่รู้ตัวเลยว่าบัดนี้มันถูกเปลี่ยนตัวไปแล้ว

เขาทิ้งตัวนอนลงข้างๆก่อนจะกอดกระชับเอวบางจากทางด้านหลัง ไออุ่นที่สัมผัสได้ทำให้เผลอซุกหน้าลงไป จะว่าเขาติดใจความบอบบางกับใบหน้าที่มีน้ำตาคลอยามถูกเขารังแกก็ไม่ผิดนัก เพราะตั้งแต่วันนั้นเขาก็มักจะเผลอนั่งดูคลิปที่ถ่ายไว้เหมือนเสพติด ยิ่งดูก็ยิ่งอยากสัมผัส ยิ่งดูก็ยิ่งอยากกอด

แผ่นอกของเขาแนบชิดอยู่กับแผ่นหลังของเจ้ากระต่าย กลิ่นหอมอ่อนๆยั่วเย้าให้เขาซุกปลายจมูกลงไปบนลาดไหล่ที่ไร้การป้องกัน เขากดมันเบาๆก่อนจะไล่ดมไปจนถึงซอกคอ

อือ...อาม่า...อย่าทับสิ…..”   น้ำเสียงอืออาเอ่ยออกมาเหมือนละเมอ คงจะเป็นเพราะแรงกอดรัดของเขาทำให้เจ้ากระต่ายคิดว่าถูกหมีทับอยู่ ใบหน้ามนเบี่ยงหลบเหมือนรำคาญแต่จู่ๆร่างโปร่งก็พลิกกายกลับมากอดเขาซะงั้น เล่นเอาเขาหายใจไม่ทั่วท้องไปวูบนึงเลย แต่เหมือนเจ้ากระต่ายนี่จะทำไปด้วยความเคยชิน? เพราะดวงตากลมโตยังคงปิดสนิท...นี่คิดว่าเขาเป็นเจ้าหมีแพนด้าหน้าโง่นั่นรึไง? ไม่ขำนะ

เขาทอดมองใบหน้าหลับปุ๋ยซึ่งซบอยู่ที่อก ริมฝีปากสีสดที่เผยอออกน้อยๆนั่นมันสุดจะทนจริงๆ มือใหญ่เอื้อมไปบีบปลายคางมนจนริมฝีปากอิ่มอ้าออกมากกว่าเดิม ใบหน้าคมค่อยๆโน้มเข้าหาอย่างอดใจไม่ไหว...ก่อนจะจุมพิตจนกลีบปากแนบชิด

นุ่มนิ่มอย่างกับเยลลี่...

เขาดันให้อีกฝ่ายนอนหงายแล้วพลิกกายขึ้นคร่อม สองมือสอดประสานกับมือบางแล้วกดไว้กับเตียง ริมฝีปากที่ยังไม่ออกห่างจากกันบดเบียดเพิ่มมากขึ้น เขาละออกมาทอดมองใบหน้าใสที่ยังหลับไม่รู้เรื่อง รอยยิ้มร้ายเผยอยู่บนใบหน้าเขา...จะโดนกินอยู่แล้วยังไม่รู้ตัวอีกนะเจ้ากระต่ายนี่ หลับได้หลับดีขนาดนี้คงจะเหนื่อยน่าดูสินะงานเมื่อตอนกลางวัน

เขาโน้มตัวลงไปแนบริมฝีปากกับกลีบปากชุ่มฉ่ำนั่นอีกครั้ง บรรจงจูบซ้ำๆจนมีเสียงจุ๊บๆเบาๆ จูบนี่รสชาติดีใช้ได้เลย และถ้าจะให้ดีกว่านี้

อืม….”   เสียงครางครือในลำคอดังขึ้นเมื่อเขาสอดลิ้นเข้าไป ความหอมหวานที่เขากอบโกยมาได้ทำให้รู้สึกวาบหวิวและหิวขึ้นมาจริงๆซะแล้ว 

คิ้วเรียวของเจ้ากระต่ายขมวดมุ่นเข้าหากัน ในที่สุดดวงตาคู่โตก็ค่อยๆปรือปรอยเปิดขึ้นเมื่อรู้สึกว่าถูกก่อกวนจนลมหายใจติดๆขัดๆ แน่นอนว่าเขายังไม่ยอมถอนริมฝีปากออกมา เรียวลิ้นยังคงเกี่ยวกระหวัดลิ้นไร้เดียงสานั่นต่อไป 

อื้อ?...???”   ดูเหมือนเจ้ากระต่ายจะยังมึนงง ยังคงไม่รู้ว่านี่ความจริงหรือความฝัน แต่จูบของเขาน่าจะทำให้รู้สึกดี ใบหน้ามนจึงดูเคลิบเคลิ้มคล้อยตาม 

เขาละริมฝีปากออกมาเมื่อคนข้างใต้เหมือนจะขาดอากาศหายใจ แต่ก็ยังพรมจูบลงบนแก้มใสไล่ไปจนถึงปลายคาง ท่อนแขนบางยกขึ้นมาโอบรอบคอเขาก่อนจะกอดเอาไว้...ท่าทางจะทำไปโดยไม่รู้ตัวแน่ๆ....แต่ก็ดี แบบนี้เขาชอบ

ใบหน้าคมซุกไซร้อยู่ที่ลำคอระหงซึ่งคนที่กำลังเคลิ้มก็เอียงคอให้เขากดจูบได้ถนัดๆ แย่ละสิ เขาไม่ได้คิดว่าจะทำถึงขั้นนี้เลยไม่ได้เตรียมตัวมา แล้วเนิร์ดๆอย่างเจ้ากระต่ายนี่ก็ไม่น่าจะมีถุงยางหรือเจลหล่อลื่นเก็บไว้ในบ้าน ให้หาอะไหล่รถหรือน้ำมันหล่อลื่นยังจะง่ายกว่า...อีกอย่าง...ค่อยๆกินตอนที่อีกฝ่ายรู้ตัวและสมยอมมันก็อร่อยกว่าด้วย

เขากดจูบที่ขมับใสแรงๆก่อนจะยอมละออกไปอย่างเสียดาย เขาพลิกกายกลับมานั่งพิงหัวเตียงอยู่ข้างๆ จัดท่าจัดทางให้เจ้ากระต่ายนอนดีๆ แน่นอนว่าอีกฝ่ายหลับไปทันที

มือคว้าโทรศัพท์มือถือที่เขาตั้งไว้ที่โต๊ะข้างเตียง ปลายนิ้วกดวงกลมสีแดงบนหน้าจอเพื่อหยุดการถ่ายวีดีโอ เขาส่งไฟล์เข้าอีเมล์แล้วลบทุกอย่างในเครื่องทิ้ง เขาไม่ได้คิดจะใช้มันทำเรื่องไม่ดีหรอกน่า ก็แค่เก็บไว้ดูตอนคิดถึง ก็เราอยู่ไกลกันตั้งขนาดนี้นี่นา

เขาดึงลำตัวบางมากอดเอาไว้ ทอดสายตามองใบหน้าหลับใหลนั่นด้วยหัวใจที่เต้นไม่เหมือนเดิม...

เหมือนจะรู้ตัวแล้วแหะ...ว่ามันเกิดอะไรขึ้นในใจของเขา...











คิ้วเรียวขมวดน้อยๆก่อนที่เปลือกตาบางจะเริ่มขยุกขยิก เสียงอืออาดังออกมาจากลำคอเพราะรู้สึกถึงเสียงที่ดังอยู่รอบตัว ดีไซเนอร์รถมือหนึ่งของเฟอร์รารี่ซุกใบหน้าลงกับอะไรบางอย่างด้วยความรู้สึกเกียจคร้าน แต่พุงอาม่าที่ควรจะนิ่มกลับแข็งๆและอุ่นร้อนแปลกๆ ดวงตาคู่โตจึงเปิดดูอย่างงัวเงีย นี่หน้าของเขา...เกยอะไรอยู่เนี่ย?.......แผ่นอก?...ของหวังอี้ป๋อ?

ร่างโปร่งค่อยๆยันกายขึ้นจากพื้นเตียง ถึงจะสงสัยว่าทำไมนักบิดจากทีมยามาฮ่าถึงได้มานอนอยู่ตรงนี้แล้วทำไมอาม่าของเขาถึงได้ไปนอนอยู่ข้างเตียงแต่เสียงโทรศัพท์ที่ดังอย่างไม่มีวันจบสิ้นนั่นก็ทำให้เขาละจากร่างสูงที่ยังไม่ลืมตาไปควานหาโทรศัพท์มือถือของตัวเอง

ฮัลโหล….”   เสียงงัวเงียกรอกใส่โทรศัพท์ก่อนจะมีเสียงโวยวายตอบกลับมา

“จ้านจ้าน! นายอยู่ไหนเนี่ย? โกคุเดระปวดขาน่าจะแข่งไม่ไหว ต้องเปลี่ยนรถให้คะชูลงแทน ปรับเซตติ้งรถใหม่หมด รีบมาสนามด่วนเลยนะ”  มือบางเลื่อนโทรศัพท์ลงมาดูเวลาที่หน้าจอ เพิ่งจะหกโมงเช้า แต่การต้องเปลี่ยนเซตติ้งรถให้ทันการซ้อมช่วงสายมันไม่ใช่อะไรที่ง่ายเลย แถมวันนี้มีควอลิฟายด้วย

“อื้อ เข้าใจแล้ว แต่ตอนนี้ผมอยู่มาราเนลโล่”   มือบางขยี้ตาและพยายามเรียกสติกลับมาให้เยอะที่สุด

“มาราเนลโล่~~~!!!!!   ปลายสายโหยหวนลากยาวราวกับจะถามว่าเขากลับมาทำอะไรที่มาราเนลโล่ละเว้ย

“เอเลน! ฝากส่งผลซิมูเลเตอร์ของคะชูให้จ้านจ้านที ส่วนนาย ออกจากมาราเนลโล่เดี๋ยวนี้~   ต้นประโยคศิษย์พี่น่าจะหันไปสั่งวิศวกรผู้เป็นศิษย์น้องอีกคน ส่วนท้ายประโยคนั่นบอกเขาเต็มๆ แล้วปลายสายก็ตัดไป

“หวังอี้ป๋อ ตื่นเร็ว ต้องรีบไปสนามแล้ว”  เขาหันไปเรียกคนที่ยังหลับอยู่ข้างๆพลางตวัดผ้าห่มลุกขึ้นไปเปิดโน้ตบุค ที่จริงตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาเข้าสนาม แต่ทีมวิศวกรอย่างพวกเขาสามารถทำงานจากซิมูเลเตอร์และโปรแกรมทางวิศวกรรมรอเอาไว้ก่อนได้ ยิ่งในสภาวะที่ต้องเปลี่ยนรถทั้งคันแบบนี้ที่โรงแรมที่พักของเฟอร์รารี่คงกำลังวุ่นวายกันสุดขีด

“หื๋อ? ยังเช้าอยู่เลย...”  เจ้านักบิดจากทีมยามาฮ่าผงกหัวขึ้นมามองด้วยใบหน้างัวเงีย ถึงเขาจะติดใจว่าหมอนี่มานอนอยู่ตรงนี้ได้ไงแต่เขาก็ไม่มีเวลาถามแล้ว

“เถอะน่า~ ลุกเร็ว”  สองมือดันให้อีกฝ่ายลุกจากที่นอน เขาวิ่งหยิบเสื้อผ้ามาโยนให้ลวกๆก่อนจะหันไปหยิบชุดฟอร์มสีแดงของตัวเอง

“อาบน้ำก่อนไหม...”  หวังอี้ป๋อถามด้วยเสียงแหบพร่าแต่ก็เซ็กซี่แปลกๆก่อนจะเดินขยี้หัวไปยืนมึนๆอยู่หน้าอ่างล้างหน้าในห้องน้ำ เขากดรับอีเมล์จากเอเลนก่อนจะวิ่งหยิบแปรงสีฟันใหม่ปาดยาสีฟันให้พร้อมแล้วยัดใส่มือใหญ่ๆนั่น

“ไม่ต้องอาบแล้ว ไปมันทั้งแบบนี้แหละ”  เขาเองก็ลงมือแปรงฟันอยู่ข้างๆกัน

“ห๊ะ?”  อีกฝ่ายยังดูมึนๆงงๆ

“เร็วๆ!  เขาเร่งก่อนจะบ้วนปากล้างหน้าภายในนาทีเดียว

“อื้อ อืม??”  คนที่เด็กกว่าแปรงฟันอย่างงงๆ ล้างหน้าอย่างงงๆ แล้วก็ลงมายืนอยู่หน้าบ้านอย่างงงๆ

นักบิดแชมป์โลกสามสมัยยืนมองความวุ่นวายอย่างจับต้นชนปลายอะไรไม่ถูก รู้แค่ว่าน่าจะมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นกับทีมม้าลำพองเพราะเขาเองก็คุ้นเคยกับสถานการณ์แบบนี้ดี ทีมแข่งรถอย่างพวกเขาต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้ากันแบบนี้มันทุกสนามนั่นแหละและจำเป็นต้องแก้ให้ไวด้วยเพราะความเร็วของพวกเขามันนับกันเป็นวินาที ต่างกันแค่กระพริบตาก็ตัดสินแพ้ชนะได้แล้ว

“รถนายจอดไว้นี่แหละ ไปรถชั้น”   เจ้าของบ้านหอบโน้ตบุคที่เปิดคาไว้วิ่งลงมาจากบ้านพร้อมโยนกุญแจรถของตัวเองให้เขาซะงั้น

“นายช่วยขับให้ที”  ใบหน้าคมพยักรับก่อนจะก้าวไปนั่งหลังพวงมาลัยอย่างมึนๆ เสียงทุ้มต่ำกระหึ่มขึ้นทันทีที่เขาปลุกให้เจ้าม้าสีแดงตัวนี้ตื่นขึ้น  Ferrari Portofino ถอยออกจากบ้านก่อนจะพุ่งทะยานสู่มิลาน

เช้าๆของอิตาลีอากาศกำลังดีเขาเลยเปิดประทุนเอาไว้แบบนั้น ใบหน้าคมสวมแว่นตาดำและกำลังเหลือบมองคนข้างๆเป็นระยะๆ เจ้านักออกแบบรถกำลังก้มหน้าก้มตาหมุนภาพสามมิติที่อยู่ในจอโน้ตบุคไปมา มันน่าจะเป็นชิ้นส่วนของแชสซีรถฟอร์มูล่าวันที่จะใช้ในวันนี้

“นี่ผม...ทำให้พี่ลำบากรึเปล่าเนี่ย...ถ้าไม่กลับมาก็คงไม่ต้องรีบขนาดนี้”   เขาละกลับมามองถนนก่อนจะเอ่ยปากออกไป ในใจก็รู้สึกผิดนิดๆ จริงๆเขาก็ไม่ควรจะลากเจ้ากระต่ายออกมาไกลสนามแข่งขนาดนี้

“ก็นิดหน่อย แต่ทีมแข่งรถก็แบบนี้แหละ มีสถานการณ์มากมายให้เราต้องผ่านมันไปให้ได้ด้วยการตัดสินใจชั่ววินาที นายเองก็รู้จักมันดี”  อีกฝ่ายพูดออกมาทั้งๆที่ยังไม่ละจากหน้าจอ ดวงตาเขาเบิกขึ้นเล็กน้อย เพิ่งรู้สึกว่าอีกฝ่ายสมกับอายุยี่สิบปลายๆก็ตอนนี้เอง เจ้ากระต่ายง๊องแง๊งนี่ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาเลยแหะเวลาทำงาน

“....แล้วนี่...เกิดอะไรขึ้น?”  เขาถามด้วยความสงสัย รีบจนผิดปกติขนาดนี้น่าจะเป็นเรื่องใหญ่ทีเดียว

“เจ้าฮายาโตะปวดขาลงแข่งไม่ไหว เลยต้องเปลี่ยนรถให้คะชูลงแทน”   ใบหน้ามนตอบในขณะที่มือยังคงตัดนู่นเติมนี่ลงในโมเดลสามมิติในโน้ตบุค

“โกคุเดระ ฮายาโตะน่ะเหรอ? แต่เมื่อวานก็ดูปกติดี? ทำเวลาอยู่ที่หนึ่งด้วยนี่? หรือว่าจะเป็นผลจากที่เคยเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงตอนนั้น?”   ในวงการแข่งรถไม่มีใครไม่รู้จักนักขับมือหนึ่งของโลกในตอนนี้ เมื่อวานเขายังนั่งมองเจ้าของเส้นผมสีเงินสว่างที่ดูท่าทางปกติสุดๆคนนั้นอยู่เลย แล้วไหงวันนี้ถึงบาดเจ็บจนลงแข่งไม่ได้?

“ใช่ เพราะอุบัติเหตุนั่นนั่นแหละ มันยังส่งผลมาจนถึงทุกวันนี้ มีบางสนามที่จู่ๆก็ปวดขาจนทำอะไรไม่ได้ น่าจะเป็นอาการจากผลข้างเคียงอะไรบางอย่างแหละ หมอก็หาสาเหตุกันอยู่”   เขานิ่งไป เขาเคยเห็นภาพอุบัติเหตุครั้งนั้นซึ่งมันไม่เบาเลย เขายังเคยคิดว่านักขับคนนั้นช่างโชคดีที่รอดมาได้อย่างปาฏิหาริย์ ตัวเขาเองก็เป็นนักแข่งรถเหมือนกัน อาจจะเกิดเรื่องแบบนั้นกับเขาบ้างก็ได้ และเขาก็ไม่รู้ว่าปาฏิหาริย์จะเกิดกับเขาเหมือนที่เกิดกับโกคุเดระ ฮายาโตะไหม...เพราะฉะนั้นเขาจึงตัดสินใจที่จะใช้ชีวิตให้คุ้มเพื่อไม่ให้เสียใจในภายหลัง

ถ้าเขาสนใจอะไรหรือ “ใคร” ...เขาก็จะพุ่งเข้าใส่ทันที...ก่อนที่จะไม่มีโอกาส...


โคร่ก....


จู่ๆก็มีเสียงท้องร้องดังขึ้นมา...เรียกว่าขัดทุกจังหวะที่กำลังซาบซึ้งหรือเคร่งเครียด.......

เขาหันไปมองเจ้าคนที่ยังนั่งจ้องจอโน้ตบุคอย่างไม่สนใจเสียงท้องที่ร้องประท้วงของตัวเอง เขาควรจะทักดีไหมนะ? แต่เจ้ากระต่ายอาจจะอายก็ได้? เขาจึงหันกลับไปมองทางแล้วขับรถต่อไป


โคร่ก....


เขาละใบหน้าจากถนนไปมองเจ้าคนที่นั่งอยู่ข้างๆอีกครั้ง...นี่คิดจะปล่อยให้ท้องร้องแบบนี้ไปตลอดทางเลยเหรอ? ถ้าหิวก็บอกให้เขาแวะที่จุดพักรถก็ได้? หรือจะอายจริงๆ? เขาลอบมองใบหน้าภายใต้กรอบแว่นที่นั่งจ้องภาพจำลองแรงกดที่กระทำกับโมเดลรถในหน้าจอโน้ตบุคตาแทบไม่กระพริบ


โคร่ก....


โว้ยยยย เขาทนไม่ไหวแล้ว!!

Ferrari Portofino สีแดงสดเลี้ยวเข้าจุดพักรถอย่างถือวิสาสะ เจ้ากระต่ายนั่นไม่ได้อายแน่ๆแต่ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าตัวเองกำลังหิวแล้วท้องก็กำลังร้อง! ก็ขนาดเขาเดินลงจากรถไปซื้อแซนวิชกลับมา ดวงตาคู่โตนั่นยังไม่ละจากภาพซิมูเลเตอร์ตรงหน้าเลยสักนิด

“จ้านเกอ อ้าปากเร็ว”   เขาแกะห่อแซนวิชก่อนจะยื่นไปจ่อริมฝีปากสีสด

“หื๋อ? อะไร อื้อ??”  เขายัดแซนวิชเข้าปากอีกฝ่าย เจ้ากระต่ายทำตาโตก่อนจะยื่นมือมาถือแซนวิชเอง ใบหน้าที่ยังงับแซนวิชคาปากถลึงตาใส่เขาก่อนจะหันกลับไปทำงานต่อไปด้วยกินไปด้วย

เขานั่งขำกับปฏิกิริยาของเจ้าคนข้างๆจนเผลออมยิ้มไม่รู้ตัว ใบหน้าคมส่ายน้อยๆกับความน่าเอ็นดูของคนที่อายุมากกว่าจนอดเอาหลังมือตีลงไปที่แขนผอมบางนั่นอย่างหมั่นเขี้ยวไม่ได้ แล้วเจ้าคนถูกตีก็ตวัดสายตาดุๆมามองแล้วฟาดกลับ ไม่ยอมเขาเลยนะเจ้ากระต่ายนี่






เฟอร์รารี่สีแดงวิ่งมาถึงสนามมอนซ่าจนได้ รถของเจ้ากระต่ายมีป้ายวีไอพีติดไว้เลยเข้าไปได้ถึงข้างในซึ่งเป็นที่จอดรถของบรรดาทีมแข่ง

“จอดตรงนี้แหละๆ เดี๋ยวชั้นลงตรงนี้ ส่วนนายก็ไปหาที่จอดรถแล้วตามไปแล้วกัน บัตรวีไอพีของเฟอร์รารี่ล่ะ เอามาแล้วใช่ไหม?”   เจ้ากระต่ายหอบข้าวหอบของแล้วโดดลงจากรถตรงหน้าทางเข้าแพดดอก ถึงจะรีบเร่งแต่ก็ยังอุตส่าห์หันมาถามเขาด้วยความเป็นห่วง เล่นเอารู้สึกผิดไปนิดๆเลยแหะที่เขาแอบไปลักหลับอีกฝ่ายเมื่อคืน...สงสัยคราวหน้าต้องทำซึ่งๆหน้าซะแล้ว หึ

“ครับ”   ใบหน้าคมรับคำก่อนจะมองตามร่างสีแดงที่วิ่งผ่านเครื่องตรวจเข้าไป...คือ...สภาพเหมือนแฟนหนุ่มคอยไปรับไปส่งแฟนสาวตอนจะพรีเซนต์งานนี่มันอะไร? แล้วดูสารรูปของเขาตอนนี้สิ เสื้อยืด กางเกงขาสามส่วน ดีที่มีเสื้อเชิ้ตทับอีกชั้นไม่งั้นมันก็ชุดนอนดีๆนี่เอง แล้วก็โชคดีที่เขาคือหวังอี้ป๋อไง ใส่อะไรก็เลยยังดูหล่อเหมือนเดิม

นักบิดทีม Movistar Yamaha ส่องใบหน้าตัวเองจากกระจกมองหลังหลังจากหาที่จอดได้เรียบร้อย มือใหญ่ปัดเซตผมตัวเองให้เข้าที่เข้าทาง...โอเค หล่อมาก หล่อที่สุดในสามโลกแล้ว ไปได้!

มือใหญ่เอื้อมไปกดปุ่มให้รถปิดประทุน หลังคาสีแดงที่ถูกซ่อนไว้อย่างมหัศจรรย์ค่อยๆถูกยกขึ้นมาก่อนจะทำให้รถที่เปิดโล่งปิดลงในชั่วพริบตา เขาเตรียมจะก้าวขาลงจากรถ ทว่าเสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นเสียก่อน นัยน์ตาเย็นชาเหลือบมองหน้าจอก่อนจะตกใจจนแทบทำมือถือร่วง ก็มันดันเป็นรูปเจ้ากระต่ายที่เขาแอบถ่ายไว้เมื่อคืนน่ะสิ เขาใช้มันแทนเบอร์ของเซียวจ้านเวลาที่โทรเข้ามา

“ครับ”   เขากดรับก่อนจะกรอกเสียงลงไปอย่างไม่อยากจะเชื่อว่าอีกฝ่ายจะโทรมาจริงๆ

“นายออกจากรถมารึยัง? ชั้นทำแฟลชไดรฟ์ตกไว้ หาให้หน่อย~”  ขาที่ก้าวออกมาแล้วครึ่งตัวเลยต้องหมุนกลับไปนั่งบนรถใหม่

“แป๊บนะ”   เขาก้มๆเงยๆมองไปที่เบาะข้างๆก่อนจะเห็นอะไรบางอย่างตกอยู่ที่พื้น มือใหญ่เอื้อมไปหยิบมันขึ้นมา...มันเป็นแฟลชไดรฟ์หัวหมีแพนด้า...แล้วก็ไม่ใช่หัวเล็กๆแต่มันใหญ่เท่าฝ่ามือ.................

“เจอแล้ว เดี๋ยวเอาไปให้”   เขาเอาปลายนิ้วบีบหัวเจ้าหมีนั่น  มันกำลังส่งยิ้มกวนประสาทมาให้ หน้าตาซีรี่ย์เดียวกับไอ้ตัวที่อยู่ที่บ้านเป๊ะแบบนี้นี่มัน...มินิม่า?...อ่า น่าหมั่นไส้ชะมัด ใครอิจฉาแกที่จ้านเกอพกติดตัวตลอด ไม่มี๊~

Thank รีบมาล่ะ!”   ปลายสายตะโกนบอกก่อนจะวางสายไป...เห็นไหม จ้านเกอบอกให้ชั้นรีบไปหาด้วย! หึๆๆ!...เขานั่งทะเลาะกับหมีแพนด้าประมาณห้านาทีก่อนจะก้าวขาลงจากรถอีกรอบ แต่ออกเดินยังไม่ทันจะถึงสิบก้าว เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง

“ครับ”   เจ้ากระต่ายคนเดิมนั่นแหละ...

“หยิบชาร์ตมาให้ด้วยสิ น่าจะโยนๆเอาไว้หลังเบาะรถ เอาเฉพาะของคะชูก็พอไม่ต้องถือมาหมด”   เสียงนุ่มสั่งรัวๆก่อนจะวางสายไป เขายังไม่ทันจะได้ถามเลยว่าชาร์ตอะไร หน้าตาเป็นยังไง เจ้ากระต่ายนั่นก็ตัดสายไปแล้ว......

ร่างสูงสง่าเดินกลับไปที่รถอีกรอบ ลองหาดูก่อนก็แล้วกัน เขาก้าวเข้าไปนั่งหลังพวงมาลัยก่อนจะเอี้ยวตัวไปมองหลังเบาะซึ่งมีที่นั่งเล็กๆอีกแถวนึงอยู่ ในนั้นมีกระดานรองเขียนและชาร์ตวางอยู่เป็นตั้ง อ๋อ ที่เขาเห็นเจ้ากระต่ายปริ๊นท์อยู่เมื่อเช้าสินะ

เขาลงมือรื้อค้นเอาเฉพาะอันที่เขียนชื่อ คะชู คิโยมิตสึ ออกมา ว่าแต่ชาร์ตพวกนี้ไม่ใช่ต้องเก็บเป็นความลับหรอกเหรอ? ให้เขาเห็นจะดีเหรอ? เขาที่คลุกคลีอยู่กับทีมแข่งรถย่อมรู้ดีว่าตัวเลขและกราฟพวกนี้ ถ้าทีมอื่นๆรู้เข้า คะชู คิโยมิตสึอาจจะแพ้ได้เลยนะ

นักบิดจากทีมยามาฮ่าหอบกระดานชาร์ตเป็นตั้งลงมาจากรถ คราวนี้เขาก้าวขาเกือบจะพ้นลานจอดรถมาได้อยู่แล้วแต่เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีก.....

จะเอาอะไรอีกครับ?”  เขาชิงถามไปก่อนที่ปลายสายจะได้พูด ได้ยินเสียงสกรูไขน็อตล้อดังแทรกเข้ามา ในพิตม้าลำพองคงกำลังวุ่นวายสุดขีดแน่ๆ

หยิบเสื้อคลุมให้หน่อย ไม่คิดว่าจะหนาว อยู่หลังรถอ่ะ”  แล้วเจ้ากระต่ายตัวดีก็วางสายไป หลังรถ? เขาเดินวกกลับไปชะโงกมองเบาะด้านหลัง ไม่มีอะไรนอกจากกระดานชาร์ต โน้ตบุคอีกสองสามเครื่อง กับกระดาษสเก็ตอีกปึกนึง  หลังรถไหนของเจ้ากระต่ายนั่นเนี่ย? ใบหน้าคมสะบัดไปมองกระโปรงหลัง หรือจะอยู่ในนั้น? เขาเดินไปเปิดมันก่อนจะชะงักไปเมื่อเห็นของที่อยู่ข้างในมีทั้งเสื้อนอกเสื้อใน กางเกงนอกกางเกงใน เสื้อคลุม ชุดนอน ถุงเท้า รองเท้า แปรงสีฟัน ยาสีฟัน แชมพู ครีมอาบน้ำ ไดร์เป่าผม แก้วน้ำ ช้อน จาน ส้อม ผงซักฟอก? แน่นอนว่าทุกอย่างเป็นสีแดงและมีโลโก้ม้าพยศติดอยู่...เอาตรงๆนะ แค่มีรถคันนี้ก็ใช้ชีวิตได้ทุกที่อ่ะถ้าจะพร้อมย้ายถิ่นฐานขนาดนี้!

มือใหญ่หยิบเสื้อคลุมของทีมเฟอร์รารี่ออกมา อ่อ เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมเจ้ากระต่ายไม่ไปขอยืมของคนในทีมใส่ไปก่อน เพราะว่าที่อกเสื้อจะมีชื่อของแต่ละคนปักอยู่...โรงเรียนอนุบาลเร๊อะ? เขาอมยิ้มก่อนจะแตะปลายนิ้วลงไปบนตัวหนังสือ Z. Xiao อย่างเผลอไผล ต้องเป็นคนที่เก่งขนาดไหนกันนะถึงจะมีสิทธิ์ปักชื่อเอาไว้บนเสื้อทีมของเฟอร์รารี่แบบนี้

เขาเหลือบมองเสื้อคลุมอีกหลายตัวที่พับซ้อนกันอยู่ มือใหญ่หยิบมาอีกตัวหนึ่งแน่นอนว่าตัวนี้ก็มีชื่อของเจ้ากระต่ายปักไว้….ตัวนี้เขาจะยึด!

ฝากระโปรงรถถูกปิดลง เขาเตรียมจะก้าวขา ทว่าโทรศัพท์เจ้ากรรมก็ดังขึ้นอีก และคนที่โทรมาก็ไม่ใช่ใครเลย….

ครับ?”   ให้เขาขับรถเข้าไปในแพดดอกเลยไหม ถ้าจะเอานู่นเอานี่ไม่จบสิ้นขนาดนี้ 

ไปซื้อกาแฟให้หน่อยได้ไหมอ่า ง่วงมากเลย อยากกินสตาร์บัคแต่ในนี้ไม่มีขาย”   ว้อยยยย เป็นแฟนกันรึไงห๊ะ ถึงได้กล้าสั่งเขาขนาดนี้เนี่ยยยย เขาคือหวังอี้ป๋อเชียวนะ หวัง-อี้-ป๋อ!

ขับรถไปก็ได้นะ อเมริกาโน่หนึ่งแก้ว!”   เดี๋ยวๆ ยังไม่ได้บอกเลยว่าจะไปซื้อให้ แล้วเจ้ากระต่ายก็วางสายไป…………….

คิดว่าคนอย่างเขาจะทำให้รึไงห๊ะ?!!!

หึ!!!

ร่างสูงสง่าหมุนตัวเดินกลับไปที่รถอย่างเกรี้ยวกราด มือใหญ่โยนของทุกอย่างไว้ที่เบาะข้างๆก่อนจะขับรถออกไป 

แล้วสตาร์บัคที่ใกล้ที่สุดมันอยู่ตรงไหนฟ๊ะ?!






นายหวังอี้ป๋อถึงกับยืนหอบเมื่อได้ของทุกอย่างครบอยู่ในมือ เจ้ากระต่ายนั่นใช้ให้เขาวิ่งวนไปวนมาระหว่างรถกับทางเข้าสนามอยู่นี่แหละ แถมท้ายสุดต้องขับรถออกไปใหม่เพื่อไปซื้อกาแฟ!! ถามจริง นี่ไม่ได้กำลังกลั่นแกล้งอะไรเขาอยู่ใช่ไหม?   นี่เจ้ากระต่ายนั่นคิดว่ากำลังใช้ใครอยู่กันห๊ะ เขาคือหวังอี้ป๋อเชียวนะ หวังอี้ป๋อนักบิดผู้เย็นชาและไม่เป็นมิตรที่สุดในกริดเชียวนะ!

ร่างสูงสง่าหอบเสื้อคลุมสีแดง กระดานชาร์ต แฟลชไดร์ฟ และกาแฟแก้วใหญ่เข้ามาในแพดดอก ปกติหวังอี้ป๋อก็เป็นจุดรวมสายตาอยู่แล้ว แต่ปกติเขาไม่เคยหอบของเหมือนจะย้ายบ้านแบบนี้ไง เพราะงั้นตั้งแต่ก้าวขาเข้าแพดดอกได้ กล้องก็ตามถ่ายรูปเขาราวกับเป็นสัตว์ประหลาด บอกไว้ตรงนี้เลยนะว่าเขาไม่เคยหลุดขนาดนี้มาก่อน ลุคคูลกายเท่ห์ๆที่เดินเหมือนทุกที่คือรันเวย์ของเขาถูกเจ้ากระต่ายนั่นทำลายย่อยยับไปแล้วจริงๆ คอยดูเถอะว่าเขาจะแก้แค้นยังไง!

เขาเดินหอบของทุกสิ่งอย่างนั่นเข้าไปในพิตเฟอร์รารี่ การาจฝั่งขวากำลังวิ่งกันให้วุ่นอย่างที่คิดจริงๆ เหลืออีกไม่ถึงสองชั่วโมงแล้วที่ต้องลงวิ่งในช่วงซ้อม แต่ SF90 Raspberry รถของคะชู คิโยมิตสึกลับยังถูกแยกชิ้นส่วนอยู่เลย ฝาครอบรถถูกถอดวางไว้หน้าพิต ล้อทั้งสี่ถูกแยกไปอุ่นไว้ สายไฟเปลือยๆนับพันเส้นมองเห็นกันจะๆ เครื่องยนต์ที่มีสัญลักษณ์ม้าลำพองกำลังถูกประกอบให้เข้ากับแชสซีใหม่ จมูกรถและปีกหน้ายังไม่ได้ใส่  ทุกชิ้นส่วนกำลังถูกวิศวกรและช่างเทคนิครุ่มเพื่อให้ทันเวลา คงมีแต่วงการเอฟวันนี่แหละที่สามารถประกอบรถระดับสูงขนาดนี้ได้ในเวลาแค่ไม่กี่ชั่วโมง ก็คิดดู ขนาดล้อ 4 เส้นยังเปลี่ยนได้ในเวลาแค่ 1.9 วินาที กระพริบตายังช้ากว่าเล้ย

มาแล้วเหรอ”   จ้านเกอเดินมารับของจากเขาไป ใบหน้ามนดูเคร่งขึ้นแต่ก็ไม่ได้ตื่นเต้นลนลาน คงจะผ่านสถานการณ์แบบนี้มาไม่ใช่น้อยแล้ว นี่ยังแค่เปลี่ยนรถ กรณีที่รถชนจนพังเละทั้งคันแล้วต้องซ่อมภายในไม่กี่ชั่วโมงคนพวกนี้ก็ผ่านมาหมดแล้ว

ผมคิดค่ากาแฟแพงนะครับ บอกเลย”   เขาขยับไปกระซิบที่ใบหูบาง เจ้ากระต่ายทำหน้าเลิ่กลั่กก่อนจะฟาดเข้าที่แขนเขาหนึ่งที ใบหน้ามนยิงฟันคู่หน้าขู่แล้วเดินกลับไปที่แผงควบคุมตรงกลางพิต น่ากลัวซะไม่มีละเจ้ากระต่ายเอ้ยยยย

เขานั่งมองอีกฝ่ายทำงานด้วยความรู้สึกหลงใหล ปกติดูง๊อกๆแง๊กๆจะตาย แต่ตอนที่อยู่หลังแผงควบคุมสีแดงอีกฝ่ายกลับดูเท่ห์ขึ้นมาถนัดตา

และเมื่อเวลาซ้อมมาถึง รถสีเพลิงคันนั้นก็เสร็จอย่างน่าอัศจรรย์ คะชู คิโยมิตสึเดินถือหมวกกันน็อคผ่านหน้าเขาไปยังการาจฝั่งขวา  สเลน ทรอยยาร์ดเดินไปการาจฝั่งซ้าย ฟอร์มูล่าวันก็เหมือนการแข่ง Moto GP ที่แต่ละทีมจะส่งรถลงแข่งได้สองคัน มีช่วงเวลาซ้อม มีควอลิฟายเหมือนกัน







วันนี้พิตการาจสีแดงผ่านช่วงซ้อมมาได้อย่างทุลักทุเล เพราะเป็นโฮมเรซจึงต้องแบกความกดดันไว้บนไหล่ แฟนๆม้าลำพองที่เข้ามาดูกันจนแดงเถือกเต็มสนามต่างก็คาดหวังว่าพวกเขาจะชนะในวันพรุ่งนี้นั่นรวมไปถึงจะได้ออกสตาร์ทจากอันดับที่ดีที่สุดด้วย การควอลิฟายจึงสำคัญกับพวกเขามาก แต่ตอนนี้พวกเขากำลังประสบปัญหาอย่างหนักหลังจากการควอลิฟายเริ่มขึ้นในตอนบ่าย

"รถสั่นมากเลยครับ ผมจะเอาไม่อยู่แล้ว หาทางทำอะไรที ผมใช้ความเร็วเต็มที่ไม่ได้ มันโอเวอร์สเตียร์"   สเลน ทรอยยาร์ด นักขับอีกคนของเฟอร์รารี่รายงานผ่านวิทยุสื่อสารของทีมเมื่อออกไปวิ่งในการควอลิฟาย Q1 วิศวกรทุกคนในพิตต่างหน้านิ่วคิ้วขมวด ตอนแรกก็รถของคะชู ตอนนี้ยังลามมาถึงรถของสเลนด้วยเหรอ

นักออกแบบรถมือหนึ่งของเฟอร์รารี่ถึงกับยกมือขึ้นมาปิดปาก ดวงตาคู่โตกำลังจ้องมองค่ากระแสลมที่วัดได้ในสนามตอนนี้ด้วยสายตาเคร่งเครียด 6.1 กิโลเมตรต่อชั่วโมง...เจ้านี่เองที่เป็นตัวการ

"เซียวจ้านดูรถให้สเลนที ให้ลูกทีมของสเลนปรับแต่งเองไม่น่าไหว ลมมันแรงขึ้น โค้งห้าเจอลมขวางเต็มๆทีมบอสวอผ่านหูฟังสีแดงที่ทุกคนคล้องอยู่ เจ้าของชื่อที่ถูกสั่งงานถึงกับยกมือกุมขมับ รถของคะชูยังร่อแร่ เขายังต้องไปดูรถอีกคันนึงด้วยเร๊อะ ใบหน้ามนหันกลับไปมองการาจของสเลนอย่างครุ่นคิด นักขับทั้งสามคนของเขามีสไตล์การขับที่แตกต่างกันมาก การปรับแต่งรถจึงไม่เหมือนกันเลย วิศวกรคนอื่นๆในทีมจะโฟกัสไปที่นักขับซึ่งตัวเองดูแลอยู่เท่านั้น แต่เขาเป็นวิศวกรคนเดียวที่ต้องดูนักขับทั้งสามคนเพราะเขาเป็นคนออกแบบรถทั้งสามคัน เขาจึงเป็นคนเดียวที่รู้จุดแข็งจุดอ่อนของทั้งสามคนดีที่สุด  สเลนจะไม่ถนัดกับรถที่ไม่มั่นคง ยิ่งถ้าโอเวอร์สเตียร์มากๆเด็กคนนั้นแทบจะทำความเร็วไม่ได้เลย แต่ถ้ารถหนักแน่นพอ จากลูกแมวจะกลายเป็นแม่เสือทันที  ซึ่งจุดนี้ต่างจากโกคุเดระ ฮายาโตะ เจ้าเด็กนั่นเป็นพวกใจถึงไม่กลัวตาย ต่อให้จะชนจนรถพังก็ไม่สน การใช้โอเวอร์สเตียร์ที่อันตรายแต่ผ่านการคำนวณมาแล้วอย่างดีจึงมีประโยชน์มากในการเข้าโค้งทำความเร็วสำหรับเด็กนั่น  ส่วนคะชู คิโยมิตสึจะเป็นพวกไม่ยี่หระกับอะไร เจ้าเด็กนั่นจะรับมือกับรถที่ไม่เสถียรได้ดีที่สุดในสามคน ต่อให้รถง่อนแง่นแค่ไหนเจ้าเด็กนั่นก็จะหาทางทำความเร็วจนได้

"ลมๆๆ….."   ริมฝีปากสีสดพูดพึมพำหลังจากนึกถึงสไตล์การขับรถของสเลน โดนลมเล่นงานขนาดนี้เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะต้องเพิ่มแรงกดลงไปอีกเพื่อให้รถมั่นคงพอที่สเลนจะขับได้

รถฟอร์มูล่าวันนั้นแทบจะปรับแต่งกันทั้งวัน เพราะแต่ละช่วงเวลาทั้งอุณหภูมิ ทั้งแรงลม ทั้งความชื้นสัมพัทธ์ก็ไม่เหมือนกันและมันล้วนแต่ส่งผลถึงความเร็วของรถทั้งนั้น เพราะรถฟอร์มูล่าวันขับกันที่360กิโลเมตรต่อชั่วโมงเทียบเท่ากับรถไฟชินคันเซ็น เอาจริงๆแล้วมันบินได้ถ้าเขาไม่ออกแบบให้มันมีแรงกดมหาศาลกดเอาไว้ และลมนี่ก็ตัวดีเลย ก่อกวนแรงกดของเขาดีนัก

SF90 SLAINE วิ่งกลับเข้าพิตด้วยอันดับที่ยังไม่พ้นโซนอันตราย เขามีเวลาเหลือแค่9นาทีที่จะทำให้รถคันนี้ผ่านเข้าไปใน Q2 ให้ได้ เลือดในกายพุ่งพล่านด้วยความกดดัน ปลายนิ้วเคาะลงไปบนแผงควบคุมในขณะที่สมองกำลังใช้ความคิด เขาไม่มีเวลาแล้ว เขาต้องตัดสินใจและต้องยอมเสี่ยง

“ผมจะเพิ่มดาวน์ฟอร์ซนะ แต่คงต้องให้สเลนขับด้วยปาร์ตี้โหมด ตอนนี้ไม่มีทางเลือกแล้ว”   เขากดปุ่มวอสำหรับกลุ่มหัวหน้าวิศวกรเพื่อรายงานการตัดสินใจ

“จ้านจ้าน! นายจะทำเครื่องชั้นพังไม่ได้นะ! อ๊า~~!! ชั้นจะฟาดนายให้ตายเลย!   แล้วก็มีเสียงค้านดังมาจากศิษย์พี่ทันที ใบหน้ามนยิ้มแห้งเมื่อเหลือบไปมองพิตวอลล์ที่อีกฝ่ายนั่งอยู่ ศิษย์พี่ลุกขึ้นมากระโดดชี้หน้าเขาอย่างที่คิดจริงๆ แหงละ อีกฝ่ายเป็นคนทำเครื่องยนต์ วิธีนี้มันเสี่ยงที่เครื่องจะพังเป็นเขาเขาก็คงไม่ยอม

“ปรับตามที่นายคิดก็แล้วกันเซียวจ้าน”   แต่แล้วบอสก็เข้ามาตัดบทสรุปทุกอย่างให้ พวกเขาเถียงกันแบบนี้เป็นเรื่องปกติ แลกเปลี่ยนความคิดกันเพื่อให้ได้รถที่ดีที่สุดออกมา

"ปรับปีกหลังตามนี้ที"   เขาส่งสเก็ตให้วิศวกรสนามของสเลน

"สเลน รถมันจะเกาะถนนมากขึ้นแต่มันจะช้าลง นายต้องใช้ปาร์ตี้โหมดแล้วกดให้มิดเลย"   ร่างสูงโปร่งโน้มตัวลงไปพูดกับนักขับที่ยังนั่งอยู่ในรถ 

"ครับ"   ใบหน้าภายใต้หมวกกันน็อคตอบรับกลับมา

"มีโอกาสแค่รอบเดียวเท่านั้นนะสเลน"   ใช่  เพราะปาร์ตี้โหมดคือโหมดรีดเร้นพลังงานเครื่องยนต์ออกมาใช้สูงสุด รถจะเร็วขึ้นหลายวินาทีแต่ก็ทำให้อายุของเครื่องยนต์สั้นลงจึงใช้ได้แค่การวิ่งระยะสั้นอย่างควอลิฟายเท่านั้น แล้วก็ไม่มีใครเค้าเอามาใช้ตั้งแต่ควอลิฟายรอบแรกหรอก มันเสี่ยงเครื่องจะพังเกินไป

ร่างโปร่งบางกลับไปยืนอยู่หลังแผงควบคุมอีกครั้ง ดวงตากลมโตหลังกรอบแว่นกำลังลุ้นระทึกกับรอบสุดท้ายในQ1 ของนักขับทั้งสองคน แล้วหลังจากที่รถทั้งสองคันวิ่งผ่านเส้นจับเวลา เสียงเฮก็ดังทั่วพิตม้าทันที

เยส!!”   รถของสเลนพุ่งขึ้นสู่อันดับหนึ่ง ส่วนรถคะชูอยู่อันดับเก้ารอดพ้นการคัดออกไปได้แบบฉิวเฉียด พวกเขาไม่มีเวลาดีใจแล้ว ก่อน Q2 จะเริ่มขึ้นพวกเขาต้องปรับแต่งรถของคะชูต่อ!

“คิโยมิตสึ ถ้าชั้นจะลดดาวน์ฟอร์ซลงนายขับไหวไหม? ตอนนี้รถนายหนักเกินไป”   เขากดวอคุยกับนักขับประจำ SF90 Raspberry โดยตรง

“เห๋~ แค่นี้มันก็แทบจะไม่เกาะถนนอยู่แล้วนะ นายจะให้ชั้นบินเอารึไงจ้านจ้าน”   เสียงเง้างอดตอบกลับมา แต่เชื่อเถอะว่าเจ้าเด็กนั่นไม่ได้ใส่ใจหรอกว่าจะต้องขับรถสภาพไหน คะชูเคยแข่งอินดี้คาร์มาก่อน เด็กนั่นรับมือกับรถได้ทุกประเภทแถมเก่งมากเสียด้วย

“ตามนั้น นายต้องหาทางบินเอาแล้วแหละคิโยะจัง  ลองขยายช่องลมตรงนี้ดู”   ท้ายประโยคเขาหันไปบอกวิศวกรสนามของคะชู

“แล้วจะถามทำไมเนี่ย~”   เจ้านักขับจากแดนอาทิตย์อุทัยโวยวายด้วยรอยยิ้มร้ายๆอยู่ภายใต้หมวกกันน็อค

Q2 เริ่มขึ้นหลังจากนั้นอีกไม่กี่นาที เขามีเวลาแค่ 15 นาทีในการค่อยๆปรับลดแรงกดลงหลังจากที่ออกไปวิ่งในแต่ละรอบ เลือดทั่วร่างกายสูบฉีดลุ้นระทึกทุกครั้งที่รถวิ่งผ่านเส้นจับเวลา

รอบแล้ว...รอบเล่า....

กว่าการควอลิฟายจะจบลงได้...อายุพวกเขาคงจะสั้นลงไปอีกหลายปี

แต่อย่างน้อยการออกสตาร์ทในวันแข่งซึ่งก็คือพรุ่งนี้พวกเขาก็ล็อคแถวหน้าเอาไว้จนได้ หลังจากใช้ปาร์ตี้โหมดจนเครื่องจะพัง หลังจากลดแรงกดจนรถแทบจะบินได้ สเลนก็ควอลิฟายได้ที่หนึ่ง ส่วนคะชูจบอยู่ที่สอง พิตม้าลำพองในเวลานี้กำลังส่งเสียงเฮกันดังสนั่น!

“อ๊า~~~”   นักออกแบบรถมือหนึ่งของเฟอร์รารี่กระโดดโล้ดเต้นหลังจากเห็นผลงานของตัวเอง ร่างโปร่งกระโดดไปแปะมือกับคนที่นั่งลุ้นอยู่ที่คอกวีไอพีด้วย

“นายเห็นรึเปล่า?! นายดูรถสองคันนั้นของชั้นสิ!”   หวังอี้ป๋อมองเจ้าคนที่กลายเป็นเด็กไปแล้วด้วยรอยยิ้ม เมื่อกี้ยังเท่ห์อยู่เลยแท้ๆ มือใหญ่ยกขึ้นให้มือบางตีมารัวๆ เขานั่งดูอยู่ตรงนี้ตลอด เผลอลุ้นตามจนแทบลืมหายใจไปด้วย เพราะงั้นจ้านเกอจะดีใจขนาดนี้ก็ไม่แปลก เขาทอดสายตามองคนที่วิ่งยิ้มหน้าบานกลับแผงควบคุมของตัวเองไปด้วยความรู้สึกภูมิใจแปลกๆ ยิ่งอีกฝ่ายเก่งขนาดนี้ก็ยิ่งมัดใจเขามากเข้าไปอีก








วันนี้หวังอี้ป๋อก็ไม่ได้อยากจะดักรอเจ้ากระต่ายอยู่หลังพิตเฟอร์รารี่หรอกนะ แต่ว่าเขาไปไหนไม่ได้ไง กุญแจรถของเจ้ากระต่ายอยู่ที่เขา ส่วนรถเขาก็อยู่มาราเนลโล่นู่น~~ ไม่ได้คิดจะดักรอเลยจริงๆนะ!

เขาเดินออกไปขวางหน้าเมื่อเห็นเป้าหมายเดินอ่านชาร์ตมา แล้วเจ้ากระต่ายก็เดินชนเขาเหมือนเมื่อวานเป๊ะ ให้ตายเถอะ

“อ้าว นายนี่เอง อย่ามายืนขวางสิ เกือบล้มแล้วเนี่ย”   สองมือเขาจับต้นแขนบางเอาไว้ไม่ล้มหรอกน่า ว่าแต่ทำไมไม่โทษตัวเองบ้างเนี่ยว่าเวลาเดินให้มองทางด้วย!

“เลิกงานรึยัง?”   วันนี้เจ้ากระต่ายออกจากพิตช้ากว่าเมื่อวานมาก ตอนนี้รอบกายมืดไปหมดแล้วและนาฬิกาก็บอกเวลาสองทุ่ม ดูเหมือนจะยังปรับแต่งรถกันจนวินาทีสุดท้ายจนได้เวลาเคอร์ฟิว ทุกทีมต้องออกจากสนามตามเวลาที่กำหนด

“ต้องออกจากสนามแล้วนี่นา แต่ว่าต้องกลับไปทำซิมูเลเตอร์กันต่อ วันนี้ชั้นคงพานายกลับมาราเนลโล่ไม่ได้”   จ้านเกอบอกเขาตรงๆซึ่งเขาก็เข้าใจ

“พี่ไปส่งผมในมิลานก็พอ หาโรงแรมซักที่ก็น่าจะอยู่ได้”

“นายไม่ได้จองโรงแรมไว้ก่อนจะมาเหรอ?”  คนปกติก็ต้องแบบนั้นแหละนะ แต่ว่าเขาไม่ใช่ไง

“เปล่าครับ ก็ตัดสินใจมาค่อนข้างกะทันหัน”   จริงๆกะจะไปนอนบ้านอีกฝ่ายตลอดสามวันต่างหาก เขาเลยไม่คิดจะจองโรงแรมไว้

“โรงแรมในมิลานน่าจะเต็มหมดแล้ว...”   จ้านเกอพูดพลางทำหน้าครุ่นคิด ตามนั้นแหละ ยิ่งมีแข่งเอฟวันแบบนี้โรงแรมยิ่งเต็มเหยียดมีหรือที่เขาจะไม่รู้

“งั้นทำไงดีอ่ะ? ผมไม่อยากลากพี่กลับมาราเนลโล่ซะด้วย”   เขาแสร้งทำหน้ากังวล

“อือ......”   ใบหน้ามนคิดแทนเขาจนคิ้วขมวด เขาลอบยิ้มเมื่ออีกฝ่ายดูจะห่วงใยเขาทั้งๆที่เขาเคยก่อเรื่องก่อราวไว้ขนาดนั้น...เป็นคนดีจริงๆน้าจ้านเกอของเขา

“เออ! เอางี้สิ! นายก็ไปนอนที่โรงแรมของเฟอร์รารี่กับชั้นสิ! พวกเราเหมาโรงแรมที่เบลลาจิโอ้ไว้ตลอดแหละตอนแข่ง”   เขาแทบจะดีดนิ้วเมื่อทุกอย่างเป็นไปตามแผนแต่ใบหน้าคมจำต้องคีฟลุคกังวลเอาไว้ก่อน

“แล้วพี่ไม่ได้นอนกับเพื่อนในทีมเหรอ? ห้องพี่ไม่เต็มแล้วเหรอ?”   เขาแกล้งถามให้เนียนไปงั้นแหละ

“เปล่า ปกติชั้นนอนกับอาม่า เลยไม่มีใครมานอนด้วย”    อ่อ...เข้าใจแล้วครับ แค่ไอ้หมีนั่นมันก็กินที่ไปค่อนเตียงแล้วครับ ใครจะอยากมานอนด้วย ไม่สิ จะให้คนอื่นเค้านอนตรงไหนละครับ?!

“แต่คราวนี้บอสลืมหยิบอาม่ามาให้ ก็เลยถูกทิ้งไว้ที่มาราเนลโล่ตัวเดียว น่าสงสารเนอะ”   น่าสงสารตรงไหน? เขาละอยากจะยกนิ้วให้ท่านบอสของเฟอร์รารี่ ทำดีมากคร้าบบบบ








Ferrari Portofino มุ่งหน้าสู่ทะเลสาบโคโม่ เสียดายที่ไม่ได้มาตอนพระอาทิตย์ยังไม่ตกดินเพราะเขาได้ข่าวมาว่าทะเลสาบแห่งนี้สวยงามติดอันดับต้นๆของอิตาลีเชียวละ

เบลลาจิโอ้คือเมืองหนึ่งซึ่งอยู่รอบทะเลสาบ จากสนามมอนซ่าใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมงก็ถึงแล้ว แต่ที่เขายังไม่ถึงสักทีก็เพราะว่ามันมีคนขอแวะซื้อขนมนี่สิ

เขานั่งอยู่หลังพวงมาลัยปล่อยให้เจ้ากระต่ายนั่งเขี้ยวขนมตุ้ยๆอยู่ข้างๆไป ได้คนขับรถอย่างหวังอี้ป๋อนี่ถือเป็นบุญมากเลยนะบอกเลย เพราะไม่เคยมีใครที่เขายอมทำให้ขนาดนี้

ลมเย็นๆพัดอยู่รอบกายผสมผสานกับเสียงทุ้มต่ำของรถทำให้รู้สึกผ่อนคลายอย่างไม่น่าเชื่อ เขาขับรถเปิดประทุนไปตามถนนที่ลัดเลาะไปตามโค้งเว้าของทะเลสาบ แสงไฟระยิบระยับจากอาคารที่สร้างลดหลั่นขึ้นไปตามไหล่เขาทำให้เมืองเบลลาจิโอ้ที่เห็นอยู่ไกลๆสวยงามไม่แพ้เวลากลางวันเลย

“กินป่ะ?”   เจ้ากระต่ายมีน้ำใจยืนขนมมาให้ทำให้เขาละสายตาจากเมืองข้างหน้ามาเหลือบมอง

“ไม่อ่ะ”   เมื่อเขาส่ายหน้า เจ้ากระต่ายก็ยู่หน้าก่อนจะดึงขนมกลับไปกินเอง เขามองเศษขนมที่ติดอยู่บนริมฝีปากอิ่ม จู่ๆก็รู้สึกหิวหน้ามืดจนต้องหักพวงมาลัยให้รถจอดลงที่ข้างทาง

มือใหญ่คว้าปลายคางของคนที่นั่งอยู่ข้างๆก่อนจะโน้มตัวเข้าไปจู่โจมอย่างรวดเร็ว กลีบปากของเขาแนบชิดบดเบียดลงไปบนกลีบปากที่หวานด้วยรสน้ำตาล ปลายลิ้นของเขาแลบเลียเศษขนมนั่นซ้ำไปซ้ำมาก่อนจะดูดดึงริมฝีปากล่างของอีกฝ่ายแล้วกดจูบราวกับมันเป็นของหวาน  เจ้ากระต่ายที่ตกใจจนตาโตรีบผลักเขาออกไป

อะ อะ อะ อะ อะไร????”   ใบหน้ามนถึงกับติดอ่างพลางขยับถอยครูดไปติดประตูรถอีกฝั่ง เขามองอีกฝ่ายพลางหัวเราะอย่างอารมณ์ดี

พี่เคยจุ๊บเจ้าหมีนั่นหรือเปล่า ก็เหมือนกันแหละ” 

อาม่าน่ะเหรอ?”   เขาฉีกยิ้มให้ก่อนจะหันกลับไปหาพวงมาลัยโดยไม่ตอบอะไร มือใหญ่ตบเกียร์ก่อนจะออกรถต่อไปปล่อยให้คนถูกขโมยจูบนั่งอ้าปากพะงาบๆอยู่ข้างๆ

แต่ชั้นว่ามันไม่เหมือนกันนะ???”   เจ้ากระต่ายงงยังคงหันมาทำท่าจะเถียง แต่ก็ไม่รู้จะเถียงยังไง

พี่ก็คิดซะว่าผมเป็นหมีแพนด้าตัวนึงก็แล้วกัน”   เขายังคงแถต่อไป

แต่นายไม่ได้น่ารักเหมือนอาม่านี่? พุงก็ไม่มี”   เนี่ย เขาอยากจะแวะเข้าข้างทางแล้วจับจูบให้ปากบวมจริงๆ ดูยังไงเขาก็ดูดีกว่าเจ้าแพนด้านั่นเยอะ มาหาว่าเขาไม่น่ารักเท่า มันน่านัก

ทำตัวให้ชินไว้เถอะน่า ยังไงพี่ก็ต้องเป็นแฟนผม พี่เสียความบริสุทธิ์ให้ผมแล้วยังจะไปแต่งงานกับใครได้อีกเหรอ ประเพณีอันดีงามของชาวจีนเราไม่ยอมรับหรอกนะถ้าพี่จะไปมีคนอื่นนอกจากผมน่ะ พี่เป็นคนของตระกูลหวังแล้วตั้งแต่เมื่อวันนั้น”  เขาชักแม่น้ำทั้งแผ่นดินจีนมาร่ายยาวให้อีกฝ่ายคล้อยตาม เจ้ากระต่ายที่เพิ่งรู้จุดประสงค์ของเขาถึงกับอ้าปากค้าง

ห๊า ชั้นไปเสียความบริสุทธิ์ให้นายตั้งแต่เมื่อไหร่?! วันนั้นมันก็แค่นิ้ว…….อ๊าาาา อย่ามาทำให้นึกถึงสิเจ้าบ้า!”  เขายิ้มหน้าบานในขณะที่เจ้ากระต่ายยกสองมือขึ้นมาปิดหน้าที่แดงจนถึงใบหู ฝ่ามือบางตีเขาไปจนถึงเบลลาจิโอ้นู่นแหละ


ใช่ วันนั้นมันก็แค่นิ้ว แต่คืนนี้อาจจะมากกว่านิ้วแล้วก็ได้...



ใครใช้ให้พี่เชิญชวนผมเข้าโรงแรมด้วยตัวเองแบบนี้ล่ะ?



ผมไม่ผิดนะ







.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.

To be con.



เด่ว...แปะผังองค์กรก่อนจะได้ไม่งง 5555+




อาณาจักรมากฟฟฟ >/////<

จ้านเกอเข้าทีมมาหลังจากจบภาคแรกของรีเอค่ะ เข้ามาอยู่กับเฟอร์รารี่ช่วงที่ก๊กกลับมาขับรถหลังจากรักษาขาหายแล้ว ก็คือจ้านเกอยังทันช่วงที่รีไวยังขับรถอยู่ จากนั้นเวลาก็ผ่านไปเรื่อยๆเกือบสิบปี เกิดภาคของสเลน ผ่านไปอีกสองปี เป็นภาคของคะชู พอปลายๆภาคคะชู ก็เป็นภาคป๋อจ้านต่อเรยค่ะ ทามไลน์ก็ประมาณนี้

อันนี้เป็นทั้ง 4 ภาคของ GLIDE ค่ะ

GLIDE : Original : Levi x Eren , 8059
GLIDE : WHITE and SILVER : Cruhteo x Slaine
GLIDE : SF16-H Raspberry : Yamato no kami Yasusada x Kashu Kiyomitsu , Nagasone Kotetsu x Hachisuka Kotetsu
GLIDE : 2x4 It’s me : Wang Yibo x Xiao Zhan

ขอบคุณทุกๆการติดตามและทุกๆคอมเม้นต์ด้วยนะคะ แล้วเจอกันตอนหน้า >/////<




2 ความคิดเห็น:

  1. ครือมันเป็นอะไรที่สุดยอดมาก
    รู้สึกเหมือนหลุดไปในนิยายเกี่ยวกับการแข่งรถจริงๆ ความรุ้มาเต็ม จัดเต็มจริงๆ
    นับถือเลยที่ฟาข้อมุลมาได้ดีขนากนี้
    แถมยังป๋อตี้จ้านเกอคู่น่าร้ากกก
    ติดตามรอตอนต่อไปนะคะ

    ตอบลบ
  2. สนุกมากเลยค่าา​ อ่านแล้วเข้าใจ​ ลุ้นไปด้วย
    เป็น​กำ​ลัง​ใจให้นะคะ

    ตอบลบ