ป๋อจ้าน Au Fic [หวังอี้ป๋อ x เซียวจ้าน] หนึ่งบุปผา หนึ่งมังกร หนึ่งรักนิรันดร : 02


ป๋อจ้าน Au Fic [หวังอี้ป๋อ x เซียวจ้าน]   หนึ่งบุปผา หนึ่งมังกร หนึ่งรักนิรันดร : 02

: ป๋อจ้าน Fanfiction Au
: หวังอี้ป๋อ x เซียวจ้าน
: Chinese Period Drama Incest
: NC-17


คำเตือน : เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ
           : เนื้อเรื่องต่อไปนี้เป็นเพียงจินตนาการของผู้เขียน ไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นจริงนะคะ





อาหารมื้อแรกที่จวนเซียวอ๋องทำมาต้อนรับองค์ชายเจ็ดถูกจัดไว้อย่างประณีตงดงาม แต่กระนั้นใบหน้าคมก็ยังคงปรายตามองมันด้วยสายตาดูแคลน

เป็นเพราะเจ้าของบ้านทานมังสวิรัติ อาหารบนโต๊ะจึงมีแต่ผักและผัก ไม่มีเนื้อสัตว์ ไม่มีหมูเห็ดเป็ดไก่สุราเมรัย มีแต่ผักต้มผักนึ่งผัดผัก มือใหญ่วางตะเกียบลงบนถ้วยใส่ข้าวของตัวเองอย่างกินไม่ลง ไม่เข้าใจจริงๆว่าคนตรงหน้ากินแต่ผักกินแต่หญ้าพวกนี้เข้าไปได้ยังไง ยิ่งเห็นใบหน้าสวยยังคงคีบผักใส่ถ้วยตัวเองอย่างไม่สนใจว่าเขาจะกินได้หรือไม่ก็ยิ่งรู้สึกไม่สบอารมณ์ นี่เสด็จพ่อส่งเขามาดัดสันดานหรืออย่างไร ยิ่งอยู่ไปก็ยิ่งรู้สึกห่างไกลจากบัลลังก์มากกว่าเดิม

“ขอตัว”   ร่างสูงสง่าลุกจากโต๊ะอาหารทั้งๆที่อีกฝ่ายยังทานไม่เสร็จและเขาเองก็ยังไม่ได้แตะข้าวสักเม็ด ถึงมันจะเป็นมารยาทที่นับว่าแย่มากสำหรับเชื้อพระวงศ์ชั้นสูง แต่เขาทนมองกองผักจืดชืดพวกนั้นต่อไปอีกไม่ไหวแล้ว ยิ่งกับใบหน้างดงามแต่ไร้รสชาตินั่นยิ่งทนดูต่อไปไม่ได้ ขนาดเขาทำเรื่องเสียมารยาทขนาดนี้อีกฝ่ายยังไม่ถามไม่ตำหนิไม่พูดอะไรสักคำ เขาเกลียดสายตาเฉยชาที่เห็นเขาเป็นเพียงอากาศธาตุนั่น คิดจะเมินองค์ชายเจ็ดอย่างเขา?...ได้สิ...เดี๋ยวเขาจะทำให้อีกฝ่ายลืมเขาไม่ลงไปชั่วชีวิตเลยคอยดู

เพราะฉะนั้นเมื่อวันรุ่งขึ้นมาเยือน คนในเรือนฝั่งตะวันออกจึงหายเงียบไปตั้งแต่ไก่โห่

ฝูงม้าสีดำมุ่งหน้าไปยังป่าทิศเหนือ ถึงแม้ว่าในเมืองจะดูรกร้างแต่ในป่าก็ยังพอมีสัตว์อยู่บ้าง คันธนูถูกท่อนแขนแข็งแรงง้างออกก่อนที่ลูกธนูจะพุ่งหลาวไปเสียบทะลุคอไก่ป่าตัวหนึ่งซึ่งจะกลายเป็นอาหารเย็นของเขาในวันนี้ ร่างสง่าตบขาเข้าที่สีข้างของม้าให้มันวิ่งเหยาะๆ ปกติแล้วแม้แต่งานล่าสัตว์ที่จัดขึ้นโดยเสด็จพ่อเขายังแทบไม่เคยไป เขาไม่ชอบล่าสัตว์ เขาไม่คิดว่าการฆ่าแบบนี้มันจะสนุกตรงไหน แต่นึกไม่ถึงเลยว่าวันหนึ่งเขากลับต้องใช้มันเพื่อหาอาหาร รู้ถึงไหนคงได้อับอายไปถึงนั่น

ดวงตาคมกล้าเหลือบมองกองสัตว์ที่ล่ามาได้ก่อนจะส่งสัญญาณกลับจวนตั้งแต่พระอาทิตย์ยังขึ้นไม่พ้นยอดไม้ พวกเขาจะล่าสัตว์ได้จำนวนมากโดยใช้เวลาไม่นานก็ไม่แปลก ในเมื่อกองทหารของเขาคือกองทหารรักษาพระองค์ที่แข็งแกร่งที่สุดในวังหลวง และองค์ชายเจ็ดอย่างเขาก็เคยเป็นผู้ท้าชิงตำแหน่งองค์รัชทายาทในลำดับที่หนึ่งเสียด้วย เขาไม่ได้มีดีแค่เชื้อสายหรือตำแหน่งฮองเฮาของมารดา แต่ไม่ว่าจะบุ๋นหรือบู๊เขาก็เป็นหนึ่งในบรรดาที่น้องทั้งหมด

มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะถูกเนรเทศจนต้องมาจับไก่ป่ากินอย่างที่เป็นอยู่...

มือใหญ่เผลอกำแน่นเมื่อนึกถึงการตัดสินใจที่ไม่สมเหตุสมผลของเสด็จพ่อ เขาจะต่อต้านก็ไม่แปลก เขาจะพาลไปโกรธท่านอาที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรก็ไม่แปลก...ในเมื่อเขาเคยเป็นองค์ชายที่มีทุกอย่างอยู่ในกำมือ




จวนที่เงียบสงบได้แค่ครึ่งวันกลับครึกครื้นขึ้นมาทันทีเมื่อกลุ่มคนหนุ่มเลือดร้อนพวกนั้นกลับมา

ถึงจะมีการแยกเรือนเป็นฝั่งตะวันออกและตะวันตก แต่ในส่วนของห้องครัวกลับใช้ร่วมกัน เพราะฉะนั้นตอนนี้เสียงโหวกเหวกโวยวายจึงดังระงมไปทั่วครัว ทั้งกระต่ายป่า ไก่ป่า หมูป่ากำลังถูกชำแหละอยู่ที่พื้นจนเลือดนอง หม้อต้มน้ำขนาดใหญ่ก็พ่นไอออกมาโขมงจนคนภายนอกเห็นแล้วคงจะคิดว่าจวนอ๋องกำลังจะมีงานเลี้ยงอะไรกระมัง

และกลิ่นคาวเลือดซึ่งเป็นสิ่งแปลกปลอมก็ทำให้เจ้าของบ้านถึงกับต้องเดินมาดูด้วยความสงสัยระคนตกใจด้วยนึกว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น

แต่ทันทีที่ร่างโปร่งบางของท่านอ๋องก้าวขาเข้ามาในครัว ใบหน้าสวยก็จำต้องเบือนหนีเมื่อดวงตาคู่โตเหลือบไปเห็นซากสัตว์และกองเครื่องในน่าสยดสยองที่วางอยู่บนพื้น มือบางถึงกับยกขึ้นมาปิดจมูก ไหล่บางห่อเข้าหากันเหมือนอยากจะอาเจียนกับกลิ่นสาบ กลิ่นเลือด และภาพอันน่าสะอิดสะเอียนพวกนั้น

“นี่พวกเจ้า...ทำอะไรกันอยู่?”   ดวงตาคู่สวยตวัดมามองคนบงการที่นั่งอยู่กลางห้อง ใบหน้าคมยกยิ้มอย่างพอใจกับปฏิกิริยาของผู้มีศักดิ์เป็นอา  

“หึ...ถึงกับจะอาเจียนเลยรึ? เจ้าแพ้ท้องหรือยังไง?”   ใบหน้าคมหยอกเย้าด้วยรอยยิ้มร้ายแต่คนได้ฟังถึงกับหน้าตึง ร่างโปร่งบางพยายามสะกดกลั้นความโกรธก่อนจะกัดฟันพูดออกไปด้วยใบหน้าดุๆ

“จะอย่างไรข้าก็เป็นอาของเจ้า พูดเช่นนี้หากไม่ให้เกียรติตัวเองก็ควรจะให้เกียรติวงศ์ตระกูลของเราบ้าง”   แขนบางสะบัดชายเสื้อก่อนจะเดินจากไปโดยมีสายตาเย็นชาจ้องเขม็งตามไปติดๆ คำก็เป็นอาสองคำก็เป็นอา ตัวเองแก่กว่าเขาแค่แปดปีอย่ามาทำเป็นสั่งสอนเขาหน่อยเลย แล้วก็ไม่รู้ทำไมเขาถึงต้องรู้สึกไม่ชอบใจขนาดนี้ด้วย?!

เย็นวันนั้นพ่อครัวประจำจวนเซียวอ๋องถูกกันออกไปและชายฉกรรจ์กลุ่มใหญ่เป็นคนลงมือทำอาหารเอง กองทหารรักษาพระองค์ขององค์ชายเจ็ดไม่ได้เก่งแต่เรื่องรบราฆ่าฟันอย่างเดียว แต่ฝีมือทำอาหารก็ไม่ธรรมดา อย่างน้อยก็ต้องทำอร่อยถูกปากผู้เป็นเจ้านายซึ่งเรื่องมากอยู่สักหน่อยด้วย

อาหารที่เต็มไปด้วยเนื้อสัตว์ถูกจัดวางเต็มโต๊ะ และคนออกคำสั่งก็กำลังนั่งกอดอกพร้อมรอยยิ้มร้ายเมื่อคนที่มีศักดิ์เป็นอาเดินเข้ามา

ใบหน้าสวยถึงกับชะงักไปเมื่อมองเห็นอาหารในจาน  มังสวิรัติที่กินมาตลอดถูกสับเปลี่ยนทั้งหมด ไม่มีจานไหนที่เขากินได้เลย

แต่กระนั้นร่างระหงก็ยังนั่งลงไป นัยน์ตากลมโตตวัดมองอีกฝ่ายที่กำลังยิ้มระรื่น 

“กินสิ ข้าทำมาเพื่อเจ้าเลยนะ ท่านอา~   หัวคิ้วเรียวสวยขมวดมุ่น ทั้งๆที่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังพยายามยั่วโทสะแต่เพราะอาวุโสกว่าจะไปหาความไม่ได้ ใบหน้างดงามจึงพยายามผ่อนลมหายใจเพื่อระงับความโกรธ เขาพอจะเข้าใจแล้วว่าทำไมฮ่องเต้ถึงได้ส่งเด็กนี่มาอยู่กับเขา นิสัยราวกับเด็กแบบนี้จะขึ้นปกครองแผ่นดินได้อย่างไร 

“ถ้าเจ้าไม่กิน ข้าก็จะเอาไปทิ้ง”    และเมื่อเห็นว่าเขาไม่มีทีท่าว่าจะจับตะเกียบ ใบหน้าคมคายนั่นก็ข่มขู่ด้วยเสียงทุ้มต่ำ เขาถอนหายใจอย่างเบื่อหน่ายที่จะรบราด้วย ทะเลาะกับเด็กไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา อีกอย่างเขาก็เห็นคุณค่าของอาหารไม่ใช่ทำเพื่อความสนุกเหมือนคนตรงหน้า จะให้เอาไปทิ้งขว้างได้อย่างไร มือบางจึงหยิบตะเกียบแล้วฝืนกินไปอย่างเงียบๆ



แต่เพราะว่าไม่ได้กินเนื้อสัตว์มาเป็นเวลานานทำให้ร่างกายรับไม่ไหว


คืนนั้นพ่อบ้านและข้ารับใช้ในจวนอ๋องต่างวิ่งกันวุ่นจนแม้แต่คนในเรือนฝั่งตะวันออกยังต้องลุกมาดูอย่างสงสัย



“เกิดอะไรขึ้น?  องค์ชายเจ็ดถามพ่อบ้านที่วิ่งถืออ่างน้ำร้อนผ่านมาพอดี ชายชรามองหน้าเขาอย่างกล้าๆกลัวๆก่อนจะเอ่ยออกมา

“...ท่านอ๋องไม่สบายขอรับ...น่าจะเป็นเพราะกินเนื้อสัตว์ที่ไม่ได้กินมานานแล้ว....”    ใบหน้าหล่อเหลาราวกับรูปสลักนิ่งค้างไปก่อนจะโบกมือไล่พ่อบ้าน...ถึงขนาดไม่สบายเลยเหรอ? ร่างกายที่มีแต่ผักนั่นมันจะบริสุทธิ์เกินไปแล้ว! ดวงตาเย็นชาทอดมองไปยังหลังคาเรือนอีกฝั่งด้วยความรู้สึกผิดนิดๆที่ไปบังคับให้อีกฝ่ายกินเนื้อจนถึงกับไม่สบาย

“ท่านนี่ละก็น้า~ รังแกเสด็จอาคนงามจนล้มป่วยแบบนี้ ใจยักษ์ใจมารเสียจริง”   เจ้าองครักษ์คู่กายเอ่ยออกมาอย่างไม่กลัวตาย เขาจึงตวัดสายตาดุดันไปมอง

“อยากโดนสั่งประหารใช่ไหม เจ้าน่ะ?”    ฟางหยางอี้ยิ้มแหยๆก่อนจะยกสองมือขึ้นมายอมแพ้

“พาหมอไปดูอาการเขาที”    องค์ชายเจ็ดสั่ง ในหมู่กองทหารรักษาพระองค์ของเขามีหมอฝีมือดีอยู่ด้วย ฟางหยางอี้โค้งคำนับก่อนจะเดินออกไป

แล้วจากวันนั้นเป็นต้นมา ท่านอาก็ไม่ร่วมโต๊ะทานอาหารกับเขาอีกเลย




“อาการ...เป็นยังไงบ้าง?  องค์ชายเจ็ดสอบถามหมอของตนหลังจากรอจนฟ้าสาง

“ปวดท้องแล้วก็เป็นไข้พะยะค่ะ แต่ตอนนี้ค่อยยังชั่วขึ้นแล้ว”   ใบหน้าคมพยักรับอย่างโล่งใจ ก็ถ้าเขาทำอีกฝ่ายตายขึ้นมา เสด็จพ่อคงได้เฉดหัวเขาออกจากประเทศแน่ๆ

“แล้วนั่นอะไร?  ดวงตาคมกล้าเหลือบมองถ้วยกระเบื้องเคลือบชั้นดีที่มีน้ำสีเข้มอยู่เต็ม

“ยาที่กระหม่อมเตรียมไปให้ท่านอ๋องพะยะค่ะ”

“ทำไมยังเหลือเต็มถ้วย? เขาไม่กินเลยงั้นรึ?

“พะยะค่ะ”   มือใหญ่ถึงกับกำแน่น เหตุผลที่ปฏิเสธยาจากเขาคืออะไร? ทั้งๆที่เขาพยายามจะขอโทษแต่อีกฝ่ายกลับไม่ยอมรับ ยังโกรธอยู่? หรือไม่อยากหาย เขาจะได้สำนึกผิด? เขาไม่สนใจหรอกว่าอีกฝ่ายจะเป็นจะตายยังไง แต่เขาไม่ชอบให้ใครขัดคำสั่ง น้ำใจที่เขามีให้นั้นห้ามปฏิเสธ เพราะไม่ใช่ทุกคนที่เขาจะหยิบยื่นน้ำใจให้แบบนี้

มือใหญ่คว้าถ้วยยาจากมือหมอมาก่อนจะเดินดุ่มๆไปยังเรือนฝั่งตะวันตก ปกติแล้วเขาขึ้นชื่อเรื่องความเย็นชาแต่ไม่รู้ผีบ้าอะไรเข้าสิง ตั้งแต่ที่เขามาอยู่ที่นี่ความสุขุมเยือกเย็นก็เหมือนจะหายไปหมด เขาโดนใบหน้าหยิ่งๆที่มักจะเชิดใส่เขายั่วเย้าให้โมโหเสียทุกทีไป ปกติแล้วองค์ชายเจ็ดไม่มีหรอกที่จะบุกไปถึงห้องนอนใครก่อนแบบนี้!


ครืดดดด!!!


เสียงประตูที่เปิดอย่างเกรี้ยวกราดทำให้คนที่นั่งอยู่บนเตียงถึงกับสะดุ้ง ใบหน้าสวยที่ติดจะซีดเซียวหันไปมองก่อนจะตาโตเมื่อเห็นว่าใครเดินเข้ามาอย่างถือวิสาสะ

“เจ้า...มีธุระอะไร   มือบางยังคงกุมท้องไว้ข้างหนึ่ง ซึ่งร่างสูงสง่าก็ไม่ได้สนใจ องค์ชายเจ็ดยังคงถือถ้วยยาเข้าไปใกล้ๆก่อนจะจับปลายคางมนบีบโดยไม่พูดอะไร

“อื้อ?! หยุดนะ!   ใบหน้าสวยสะบัดหนีทันทีเมื่อรู้ว่าจะโดนจับกรอกยา ฝ่ามือที่แทบไม่มีแรงอยู่แล้วยกขึ้นมาต่อต้านแต่ก็ถูกคนที่แข็งแรงกว่าใช้ตัวบังไว้ ริมฝีปากอวบอิ่มพยายามเม้มแน่น คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันทั้งส่งสายตาดุดัน ห้ามปราม แม้แต่อ้อนวอน แต่อีกฝ่ายก็ยังดึงดันจะให้กินยาถ้วยนั้นให้ได้

“กินเข้าไปเดี๋ยวนี้! เจ้าไม่อยากหายหรือยังไง?”   ใบหน้าสวยส่ายรัว และยิ่งปฏิเสธแรงบีบที่ปลายคางก็ยิ่งมากขึ้น ดวงตาคู่โตเริ่มสั่นพร่า ไม่รู้น้ำตาคลอเพราะถูกบังคับซ้ำๆหรือเป็นเพราะที่ท้องน้อยเริ่มปวดหนักกว่าเดิมกันแน่ มือบางต้องกดมันเอาไว้ในขณะที่มืออีกข้างก็พยายามยื้อยุดข้อมือใหญ่ เขากินยาถ้วยนั้นไม่ได้...กินไม่ได้ ใช่ว่าไม่อยากกิน!


เพล้ง!!


ร่างโปร่งใช้แรงที่เหลืออยู่น้อยนิดต่อสู้จนถ้วยกระเบื้องเคลือบถูกปัดกระเด็น ยาสีเข้มหกนองเต็มพื้น องค์ชายเจ็ดหันไปมองด้วยใบหน้ามืดมนก่อนจะหันกลับมาถลึงตาใส่เขา แต่เขาก็สู้ไม่ไหวแล้ว ร่างโปร่งบางทรุดลงกับเตียง สองมือกุมท้อง...ปวด...จนเหงื่อเกาะพราวไปทั่วขมับ

“ท่านอ๋อง? เกิดอะไรขึ้นขอรับ?!”  พ่อบ้านที่ได้ยินเสียงถ้วยแตกรีบวิ่งเข้ามาก่อนจะผงะไปเมื่อเห็นว่าใครอยู่ในห้องกับท่านอ๋องของตน

“องค์ชาย ทำไมท่านมาอยู่ที่นี่....”   พ่อบ้านมองทุกอย่างในห้องก่อนจะประเมินสถานการณ์ ก่อนจะลนลานละล่ำละลักบอกร่างสูงสง่า

“องค์ชายขอรับ ที่ท่านอ๋องไม่ดื่มยาของท่านก็เพราะท่านอ๋องแพ้รากไม้ในยาจีนตัวนี้ ท่านอ๋องดื่มไม่ได้ อาการจะกำเริบหนักกว่าเดิมขอรับ ท่านอ๋องซาบซึ้งในน้ำใจของท่านแล้วจริงๆไม่ใช่ไม่รับรู้”   องค์ชายเจ็ดถึงกับชาวาบเมื่อได้ฟังเหตุผลที่แท้จริง ใบหน้าคมหันไปมองคนที่ฟุ้บหน้ากุมท้องอยู่บนเตียงอย่างรู้สึกผิด เขาเผลอทำร้ายคนตรงหน้าอีกแล้ว

สองมือรีบตรงเข้าไปประคองคนที่ปวดท้องจนหน้าซีด ร่างโปร่งบางถึงกับหอบน้อยๆ ร่างสง่านั่งลงไปบนเตียงให้คนที่หมดเรี่ยวหมดแรงซบ

“ทำไมเจ้าไม่บอกข้าล่ะปากเจ้าก็มี พูดออกมาสิ”   ใบหน้าสวยค่อยๆช้อนตามองเขาอย่างเลื่อนลอย

“เจ้าเปิดโอกาสให้ข้าพูดด้วยหรือ?

“ก็…..   ใบหน้าคมกรอกตาไปมา ก็จริง...ถ้าอีกฝ่ายเปิดปากอธิบาย ก็คงจะถูกเขาจับกรอกยาไปแล้ว

ในขณะที่นิ่งเงียบไปดวงตาคมกล้าก็เหลือบไปเห็นผู้มีศักดิ์เป็นอากำลังลูบหลังมือของตัวเองอยู่ หรือว่าจะโดนยาร้อนๆนั่นลวกเอามือใหญ่เลยดึงมือบางมาดู มีรอยแดงอยู่จริงๆด้วย

“มีอะไรทาได้ไหม? ถ้าเจ้าไม่มี ให้ไปถามองครักษ์ของข้า เขาจะหามาให้เจ้าได้”   ใบหน้าคมหันไปสั่งพ่อบ้านที่วิ่งลนลานออกไป ไม่นานก็กลับมาพร้อมสมุนไพรบดอย่างดี

องค์ชายเจ็ดบรรจงทายาลงบนหลังมือขาวให้คนที่ดูไร้เรี่ยวแรง ดูเหมือนอาการปวดท้องจะทุเลาลงแล้วและอีกฝ่ายคงจะหมดแรงจริงๆ ไม่เช่นนั้นใบหน้าหยิ่งๆนั่นคงไม่มาซบอกเขาอยู่แบบนี้หรอก

เวลาผ่านไปจนใบหน้าสวยหลับสนิท ใบหน้าพริ้มเพรานั่นงดงามแม้ในยามหลับใหล ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกติดอยู่ข้างในใจ ไม่อยากจะละไปจากตรงนี้เลย

“ให้นอนลงไม่ได้รึ?”   เขาหันไปถามพ่อบ้าน ถึงแม้ว่าเขาไม่อยากขยับไปไหน แต่จะให้อีกฝ่ายนั่งซบเขาหลับต่อแบบนี้มันจะไม่เมื่อยแย่หรือ

“เห็นท่านอ๋องว่า ยิ่งนอนราบก็จะยิ่งปวดขอรับ”   อ่อ ในเมื่อเป็นเช่นนั้นก็ช่วยไม่ได้

........เจ้าออกไปเถอะ ข้าไม่ทำร้ายนายของเจ้าหรอก ยังไงเขาก็เป็นอาของข้า”   เขาหันไปโบกมือไล่พ่อบ้านและเมื่อเหลือกันอยู่ตามลำพัง เขาจึงก้มลงไปสำรวจคนที่หลับไม่รู้เรื่อง ใบหน้าสวยยังคงหลับพริ้ม ดูท่าทางมีความสุขเสียจริงนะ อกเขามันทำให้หลับสบายขนาดนั้นเชียว?

ใบหน้าคมยกยิ้มโดยไม่รู้ตัว เขาเพิ่งเห็นว่าที่มุมปากล่างด้านซ้ายของอีกฝ่ายมีไฝเม็ดเล็กๆแต้มอยู่ด้วย ยิ่งดูเย้ายวนเชิญชวนให้สัมผัสกลีบปากนิ่มนั่นเข้าไปอีก มือใหญ่จึงกดปลายนิ้วโป้งลงไปบนกลีบปากที่เริ่มกลับมามีสีเลือด...นิ่มจริงๆด้วย


ถ้ากลีบปากนิ่มๆนี่ยิ้มขึ้นมา...จะเป็นอย่างไรกันนะ

ข้าชักอยากเห็นเสียแล้วสิ...ท่านอา








.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.

To be con.




1 ความคิดเห็น:

  1. บาปยิ่งนักคิดไม่ซื่อกับท่านอาเช่นนี้
    องค์ชายเจ็ด

    ตอบลบ