ป๋อจ้าน Au.Fic [หวังอี้ป๋อ x เซียวจ้าน] GLIDE : 2x4 It’s me : 02


ป๋อจ้าน Au.Fic [หวังอี้ป๋อ x เซียวจ้าน]  GLIDE : 2x4 It’s me : 02

: ป๋อจ้าน Fanfiction Au
: หวังอี้ป๋อ x เซียวจ้าน
: Romantic
: NC-17


คำเตือน : เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ
           : เนื้อเรื่องต่อไปนี้เป็นเพียงจินตนาการของผู้เขียน ไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นจริงนะคะ
           : ข้อมูลจะไม่แน่นเท่า GLIDE ภาคก่อนๆนะคะ เพราะภาคนี้ข้ามมา 2 ล้อ ตรูขี้เกียจหาข้อมูลฝั่ง Moto GP โฟ้ยยยย // โดนตบด้วยหมวกกันน็อค






ร่างโปร่งบางค่อยๆยันกายขึ้นจากพื้นเตียง ดวงตาฉ่ำน้ำทอดมองไปยังสองมือที่ยังมีรอยช้ำชัดเจนแม้ว่าเข็มขัดจะถูกถอดออกไปแล้ว ร่างกายที่ถูกล่วงละเมิดยังสั่นไม่หยุด ถึงแม้อีกฝ่ายจะไม่ได้ทำจนถึงขั้นสุดท้าย แต่กับคนที่ไม่คุ้นเคยกับเรื่องแบบนี้ก็นับว่าน่าช็อกพอแล้ว

สองขาเปลือยเปล่าขยับเข้าหากันก่อนจะเกี่ยวกันไว้แน่น ร่างกายยังจดจำความรู้สึกที่ปลายนิ้วนั่นล่วงล้ำเข้ามา...มันน่ากลัว...

มือบางยกขึ้นมาขยี้ตาก่อนจะควานหาแว่น เขาเป็นผู้ชาย ไม่แน่ใจว่านี่นับเป็นเรื่องเสียหายได้หรือเปล่า? ทั้งช็อก ทั้งงง

เขาไม่รู้จักอีกฝ่าย ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอีกฝ่ายต้องการอะไร ทำไมผู้ชายคนนั้นถึงทำแบบนี้ จะถ่ายรูปเขาไปทำไม? เอาไว้แบล็กเมล์เรื่องอะไร? มีแต่คำถามเต็มไปหมด...

แน่นอนว่าเขาไม่อยากรู้คำตอบเพราะไม่อยากเจอผู้ชายคนนั้นอีก


ก๊อกๆๆๆ!!


เสียงเคาะประตูทำให้ร่างโปร่งสะดุ้งโหยง หรือว่าหมอนั่นจะกลับมาอีก?

“จ้านจ้าน! นายอยู่ข้างในหรือเปล่า?! เซียวจ้าน! ถ้าอยู่ก็ตอบที!”   แต่กลับเป็นเสียงของคุณฮันซี่ตะโกนปาวๆอยู่ข้างนอก น้ำตาของเขารื้นขึ้นอีกครั้งด้วยรู้สึกถึงความปลอดภัย...เขารีบลุกไปเปิดประตูให้อีกฝ่ายโดยไม่สนใจว่าจะถูกเห็นสภาพน่าอับอายเพราะเขารู้ว่าคนที่จะปกป้องเขาได้ก็มีแต่เฟอร์รารี่ ทีมที่เขาให้ทั้งชีวิตไปแล้ว

“นาย! เจอตัวแล้วเอลวิน! สภาพไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่”   วิศวกรสาวรีบผลุบเข้ามาก่อนจะปิดประตูห้องอย่างไม่ให้คนข้างนอกมองเห็น โทรศัพท์มือถือถูกเปิดสปีคเกอร์แทน เป็นอย่างที่คิด ศิษย์พี่โทรหาบอสเพื่อใช้จีพีเอสตามหาตัวเขา

“เกิดอะไรขึ้นกับนาย เซียวจ้าน เล่ามาให้ละเอียด”   จากสปีคเกอร์เปลี่ยนเป็นวีดีโอคอลเขาจึงเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวลของทีมบอส

“ผมยืนรอศิษย์พี่อยู่ดีๆ...ก็มีผู้ชายคนนึงมาลากตัวผมเข้าโรงแรม หมอนั่นพูดเรื่องอะไรไม่รู้ผมไม่เข้าใจ...จากนั้นก็ถ่ายรูปผมไว้ บอกจะเอาไปแบล็กเมล์...”  ใบหน้ามนก้มลงพร้อมกับเสียงที่ขาดหาย รอยช้ำตามข้อมือทำให้ทีมบอสเฟอร์รารี่ถึงกับคิ้วขมวด

“มันขู่นายเรื่องข้อมูลรถหรือเปล่า?”   เอลวิน สมิธละไม่ถามเรื่องรูปถ่ายแล้วข้ามไปถามเรื่องอื่น ดูจากสภาพก็รู้แล้วว่าถูกถ่ายแบบไหน เขาต้องตามสืบและเอาเรื่องไอ้หมอนั่นให้ถึงที่สุดแน่ไม่ต้องห่วง เอาเกียรติของมาเฟียอิตาลีเป็นประกันเลยว่ามันต้องชดใช้อย่างสาสมแน่

“เปล่า...เค้าไม่ได้พูดถึงเฟอร์รารี่เลย ผมถึงได้งง ว่าตกลงมันเรื่องอะไรกันแน่?”   คนที่ฟังอยู่ปลายสายก็อึ้งไป...หมายความว่ายังไง? ได้ตัวเซียวจ้านไปแต่ไม่ขู่เข็ญให้บอกข้อมูลรถทั้งหมดของเฟอร์รารี่เนี่ยนะ? ไอ้คนร้ายนั่นมันบ้ารึเปล่า? ข้อมูลที่เซียวจ้านรู้มีมูลค่าเป็นพันๆล้านเลยนะ

“ยังไงก็แล้วแต่ พวกนายขึ้นเครื่องกลับอิตาลีคืนนี้เลย”   ทีมบอสสั่งพลางทำหน้าวิตกและรู้สึกผิดที่ส่งตัวหัวกะทิทั้งสองคนของตนไปโดยไม่ได้เตรียมมาตรการรักษาความปลอดภัยให้เพียงพอ

“ห๊ะ??? ทำไมอ่ะ???”  แต่ไอ้คนที่เพิ่งจะถูกจับตัวไปหยกๆกลับร้องออกมา

“ทำไมอะไร?”  ทีมบอสถามกลับเสียงเข้ม อย่าบอกนะว่าไม่ได้เข็ดหลาบหวาดกลัวกันเลยเนี่ย?!

“ก็ผมยังไม่ได้ไปดู Moto GP เลยอ่ะ จะกลับได้ไง?”

“อันนี้ชั้นก็เห็นด้วยนะเอลวิน”   ยัยแว่นฮันซี่รีบสนับสนุนอยู่ข้างๆจนทีมบอสที่อยู่ปลายสายอยากจะเดินไปหายาแก้ปวดหัวกินให้รู้แล้วรู้รอด ตัวเองเพิ่งจะถูกคุกคามไปแท้ๆช่วยสลดหดหู่กันเสียบ้างเถ้อ~ พอเป็นเรื่องรถนี่อะไรก็ไม่กลัวกันเลยนะ!

“ฉันบอกนายแล้วไง ว่าให้พกประแจเอาไว้ ถ้าเจอรถน่าสนใจจะได้ชำแหละ-- เอ้ย ถ้าเจอโจรผู้ร้ายจะได้ใช้ฟาดหัวมันได้ไงเล่า เอ่านี่ เดี๋ยวชั้นแบ่งให้ พกมาหลายอัน แค่นี้ก็พอแล้วมั้งเอลวิน?”   ยัยฮันซี่หันไปคุยกับเซียวจ้านก่อนจะหันมาบอกเขา...ถ้าโจรผู้ร้ายมันตายง่ายขนาดนั้นก็ดีสิ! ทีมบอสถึงกับถอนหายใจ

“ถ้าอย่างงั้นชั้นจะให้ทางเฟอร์รารี่เจแปนส่งการ์ดไปคุ้มกันพวกนายก็แล้วกัน แล้วจากนี้ก็ใส่ชุดฟอร์มของเฟอร์รารี่ด้วย”   ซ่อนตัวไปก็ไม่มีประโยชน์ สู้เดินเด่นๆมันกลางแดดเลยดีกว่า ให้รู้ๆกันไปเลยว่าใครจะกล้าบุกเข้ามาจับตัวคนของเขาไปอีก











เพราะเป็นสัปดาห์ที่มีการแข่งขันจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลกที่ในหนึ่งปีจะมาจัดที่ญี่ปุ่นหนึ่งทีทำให้เมืองเล็กๆอย่างโมเตกิกลับครึกครื้นขึ้นมาทันตาเห็น โรงแรมที่อยู่ใกล้สนามเองก็ถูกจองจนเต็ม แค่พวกทีมแข่งก็แทบจะเหมาไปหมดแล้ว

ร่างสูงสง่าเดินอยู่ภายในล็อบบี้โรงแรมที่ถูกเหมาด้วยทีม Movistar Yamaha ทีมระดับหัวแถวที่ครองแชมป์มาสามปีซ้อนและเจ้าของถ้วยสามใบนั้นก็ไม่ใช่ใครที่ไหน หวังอี้ป๋อ เด็กหนุ่มสายเลือดมังกรที่เดินคุยโทรศัพท์อยู่นั่นแหละ

“อืม...ไม่เป็นไรมากก็ดีแล้ว อืม...อืม...”   ปลายนิ้วยาวกดวางสายไปเมื่อทีมบอสรายงานเกี่ยวกับอาการของพีอาร์ที่เกิดอุบัติเหตุรถชนว่าตอนนี้ไม่เป็นอะไรมากแล้ว อีกไม่นานก็คงจะออกจากโรงพยาบาลได้

ร่างสูงยาวเดินไปทิ้งตัวลงบนโซฟาเพื่อรอลูกทีมคนอื่นๆแล้วไปสนามพร้อมกัน วันนี้เป็นวันเสาร์ มีซ้อมรอบเช้าและควอลิฟายในตอนบ่าย เขาไม่เคยรู้สึกปลอดโปร่งโล่งใจแบบนี้มานาน วันนี้คงไม่มีปรสิตติดตามตัวเขาแล้ว

อันที่จริงเขาก็ไม่ได้เดือดร้อนกับพวกแฟนคลับหรือนักข่าวทั่วไปนัก แต่กับพวกปาปารัสซี่ที่จิกกัดเขาจนน่ารำคาญนี่มันก็สุดจะทนแล้วจริงๆ คงเป็นเพราะเขาเป็นนักบิดที่มีชื่อเสียงตั้งแต่อายุยังน้อย ตอนขยับขึ้นมาขี่ให้ทีมใหญ่ในระดับ Moto GP ก็เป็นที่ฮือฮาไปทั่ววงการ ยิ่งเขาพิสูจน์ตัวเองด้วยการคว้าแชมป์โลกมาสามปีติดก็ยิ่งโด่งดัง แล้วก็อาจจะเป็นเพราะรูปร่างหน้าตาที่จัดได้ว่าพรีเมี่ยม สาวๆเลยกรี๊ดกันไม่ใช่น้อย ไม่ว่าจะขยับตัวไปไหนหรือทำอะไรก็กลายเป็นข่าวไปเสียหมด

มือใหญ่ควักโทรศัพท์มือถือขึ้นมากะจะเล่นเกมรอ ทว่า...แสงแว่บๆที่หลอกหลอนเขามาเป็นปีกลับยังกระพริบอยู่ที่หางตา

เขาหันควับไปมองยังพุ่มไม้ที่อยู่นอกโรงแรม...ไม่จริงน่า...ไม่น่าจะใช่...

ร่างสูงยาวพยายามทิ้งตัวลงไปเอนนอนในโซฟา แต่แล้วแสงแว่บๆที่คุ้นเคยนั่นก็ทำให้เขาเด้งตัวขึ้นมาจนได้...ไม่ใช่ละ เขาไม่ได้หลอนไปเองแน่ๆ แต่ไอ้ปาปารัสซี่นั่นมันยังมาตามถ่ายรูปเขาอยู่!

จากคนที่เคยเย็นชาเป็นน้ำแข็งกลับร้อนเป็นไฟในทันที เขาพุ่งออกจากประตูหน้าล็อบบี้ด้วยความเกรี้ยวกราด ทั้งๆที่เตือนไปขนาดนั้นก็ยังไม่กลัวอีกใช่ไหม? ได้...ถ้าจับตัวได้คราวนี้เขาจะจัดการให้เละเลยคอยดู เขาจ้องพุ่มไม้นั่นเขม็งก่อนจะพุ่งตัวเข้าไป แล้วเหมือนอีกฝ่ายก็จะรู้ทัน พุ่มไม้สั่นไหว เขามองเห็นแผ่นหลังผอมแห้งนั่นไวๆ หมอนั่นคร่อมรถมอเตอร์ไซค์แล้วขับหนีไปทันที แต่มีหรือจะหนีคนอย่างหวังอี้ป๋อได้!

เขาคว้ามอเตอร์ไซค์ของทีมที่จอดอยู่แถวนั้นแล้วบิดตามไป ที่ผ่านมาเพราะพยายามอดทนมาตลอดเลยไม่ทำอะไร แต่ตอนนี้มันไม่ใช่แล้ว!

เสียงทุ้มต่ำของบิ๊กไบต์ขับไล่กันอยู่บนถนนที่แทบไม่มีรถเนื่องจากยังเช้าอยู่มาก สายตาของเขาจับจ้องอีกฝ่ายราวกับมัจจุราชจ้องเหยื่อ รอยยิ้มร้ายเผยอยู่บนใบหน้าหล่อเหลาเมื่อนึกถึงใบหน้าของเจ้าปาปารัสซี่นั่น ทำเป็นร้องไห้ ทำเป็นอ่อนแอแต่ก็ดื้อไม่น้อยเลยนี่เจ้ากระต่ายตัวแสบนั่น  แล้วนักข่าวหรือจะสู้นักบิดอย่างเขาได้ ข้อมือขวาบิดเร่งความเร็วอย่างไม่กลัวอันตราย เรื่องเสี่ยงตายด้วยความเร็วนี่เขาถนัดนัก!


บรื้น~~


เขาแซงขึ้นไปทางขวาก่อนจะปาดหน้าอีกฝ่ายอย่างไม่สนใจว่าจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าใจไม่ถึงพอก็อย่าคิดจะมาสู้กับเขา!


เอี๊ยดดดดดดด!


เสียงรถล้มโครมใหญ่ รถมอเตอร์ไซค์คันนั้นไถลลงข้างทางก่อนที่เจ้าปาปารัสซี่นั่นจะกลิ้งหลายตลบลงไปตามเนินหญ้า เขาจอดมอเตอร์ไซค์ก่อนจะรีบวิ่งตามลงไป มือใหญ่กระชากคอเสื้ออีกฝ่ายไม่ให้หนี

“ชั้นเตือนนายแล้วใช่ไหม?! แต่นายก็ไม่ฟัง...ถ้างั้นคืนนี้ก็เตรียมเป็นดาราเอวีในเนตได้เลย!”  เขาดึงหมวกกันน็อคของอีกฝ่ายออกมาด้วยอารมณ์ที่กำลังพุ่งปรี๊ด แต่แล้ว ความโมโหที่กำลังทะลุปรอทของเขากลับถูกดูดกลับไปเมื่อได้มองเห็นหน้าอีกฝ่ายชัดๆ

“นาย?! ทำไม??!!”   ดวงตาที่กำลังเต็มไปด้วยไฟโหมกระหน่ำเบิกโพลงเมื่อเห็นว่าใบหน้าของคนคนนี้ไม่ได้มีความคล้ายคลึงกับคนที่เขาจับลากเข้าโรงแรมเมื่อวานเลยแม้แต่นิดเดียว ใบหน้าของหมอนี่เต็มไปด้วยหนวดเคราสกปรกรกรุงรัง แก้มก็ซูบตอบ ดวงตาตี่เล็กเท่าเม็ดพุทรา ปากก็แห้งผากเป็นผุยผง ไอ้หมอนี่มันตรงข้ามกับคนที่เขาจับได้เมื่อวานทุกอย่างเลย!

ไม่จริงน่า...

ดูจากบุคลิกภาพที่เขาเห็นมาเป็นปีๆก็บอกได้ว่าเจ้าหมอนี่คือปาปารัสซี่ที่ตามเขาอยู่ไม่ผิดแน่

แต่คนเมื่อวานน่ะ.........

หรือว่า....

เขาจะจับผิดคน.....?

หน้าทั้งหน้าของเขาถึงกับชาวาบ แค่นึกถึงสิ่งที่ตนทำลงไป...หากหมอนั่นคือคนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไร มันนับว่าเป็นเรื่องเลวร้ายมากๆเลยนะ....

มือใหญ่ผลักคนที่จับอยู่จนล้มลงพื้น เขายังไม่อยากจะปักใจเชื่อ มือจึงคว้าเอากล้องถ่ายรูปของอีกฝ่ายขึ้นมา แล้วรูปทั้งหมดที่อยู่ในกล้องนั้นก็ยืนยันได้เป็นอย่างดีว่าหมอนี่คือปาปารัสซี่ตัวจริง

แต่คนเมื่อวานนั้นไม่ใช่....


หวังอี้ป๋อนะ หวังอี้ป๋อ~ นายทำบ้าอะไรลงไปแล้วเนี่ย!


เขาถึงกับก้าวถอยหลังอย่างทำอะไรไม่ถูก ความรู้สึกผิดจุกแน่นอยู่เต็มหน้าอก เขาจำได้ว่าหมอนั่นร้องไห้ด้วย...

“อ๊ากกกกกก!!”   ใบหน้าหล่อเหลาตะโกนใส่ท้องฟ้าอย่างบ้าคลั่งก่อนจะหันไปคว้ารถมอเตอร์ไซค์แล้วขี่ออกไปทันที เขาบิดคันเร่งจนหมดไมค์ ขี่ไปเรื่อยๆอย่างไม่รู้ทิศรู้ทาง ไม่รู้ว่าวิ่งไปถึงไหนแล้ว เขาต้องระบายสิ่งที่อยู่ในหัวตอนนี้ออกไป เอาออกไปให้หมด!!








นักบิดหมายเลข 85 ของทีมยามาฮ่าจบการซ้อมรอบเช้าด้วยอันดับเวลาที่ย่ำแย่ที่สุดเท่าที่เคยทำมาเรียกเสียงฮือฮาไปทั่ว ถึงจะสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับหวังอี้ป๋อแต่ก็ไม่มีหน่วยกล้าตายคนไหนเข้าไปถาม ปกติก็เป็นคนเย็นชาไม่ค่อยพูดค่อยจาหรือพูดออกมาทีนักข่าวก็หงายเงิบกันเป็นแถบๆอยู่แล้ว ยิ่งเวลาไม่ปกติแบบนี้ยิ่งมีรังสีไม่ควรเข้าใกล้แผ่ออกมายังไงก็ไม่รู้ ทุกคนจึงได้แต่เก็บความสงสัยเอาไว้ต่อไป เช้านี้จึงไม่มีหน้าของหวังอี้ป๋อออกสื่อที่เดินกันทั่วสนามเลย

ร่างสูงสง่ารูดซิปแหวกคอเสื้อก่อนจะทิ้งตัวนั่งอยู่ในพิตด้วยใบหน้าเหม่อๆ ความรู้สึกผิดยังเอ่อล้นอยู่ภายใน ใบหน้าที่น้ำตาคลอนั่นยังตามมาหลอกหลอนเขาเสียยิ่งกว่าเจ้าปาปารัสซี่เสียอีก แล้วเขาจะเข้าใจผิดคิดว่าอีกฝ่ายเป็นปาปารัสซี่ก็ไม่แปลกเพราะคนคนนั้นดันใช้มอเตอร์ไซค์ที่เหมือนกันเป๊ะ แถมตอนถูกเขาจับตัวไปอีกฝ่ายดันโต้ตอบกับเขาด้วยภาษาจีนอีก ทั้งๆที่ตอนนี้อยู่ในญี่ปุ่น คนจีนที่นี่ก็ไม่น่าจะบังเอิญเจอกันได้ง่ายๆขนาดนั้นไหม...

สองมือยกขึ้นมาขยี้หัวอย่างโกรธตัวเอง...เขาจะทำยังไงดี เขาทำผิดกับคนคนนึงถึงขนาดนั้น อยากจะขอโทษแต่ก็ไม่รู้จะไปขอโทษที่ไหน อีกฝ่ายเป็นใครเขาก็ไม่รู้

“เฮ้อ...”   ใบหน้าหล่อเหลาถอนหายใจออกมาอีกชุดใหญ่ มือล้วงเอาโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเปิดรูปดู จริงๆก็รู้สึกติดใจหน้าตาน่ารักๆกับท่าทางน่าเอ็นดูนั่นอยู่เหมือนกัน เพราะถ้าหมอนั่นหน้าเถื่อนเหมือนเจ้าปาปารัสซี่ตัวจริงละก็...เขาก็คงทำไม่ลงเหมือนกันแหละ แต่อีกฝ่ายดันน่ารัก….

“เฮ้อ...”  แล้วก็ต้องมานั่งถอนหายใจอีกรอบเพราะตัวเองก็ไปทำร้ายไปข่มขู่เอาไว้ซะมากมาย ถ้าบังเอิญได้เจอกันอีกจะทำหน้ายังไงดี 

แต่ตอนนี้ขอให้ได้เจอก่อนเถอะ!

“อี้ป๋อ นายจะเข้าไปหลบที่ห้องพักก่อนไหม? อีกเดี๋ยวจะถึงช่วง VIP Pit lane walk แล้วนะ”  ทีมงานเดินเข้ามาบอกเขา คงอยากให้เขาไปสงบจิตสงบใจไปทำสมาธิซักหน่อย เขาพยักหน้าเบาๆก่อนจะลุกขึ้นยืน

ดวงตาเย็นชากวาดมองกลุ่มคนที่ทยอยเดินลงมาอย่างไม่คิดอะไร พวกที่ซื้อบัตรโซน VIP จะมีสิทธิ์ลงมาเดินที่พิตเลนได้ในช่วงเวลาที่กำหนดให้ แต่แล้วคนที่กำลังเดินผ่านหน้าพิตทีม Movistar Yamaha ของเขาก็ทำเอาร่างทั้งร่างแทบจะแข็งค้าง

นัยน์ตาของเขาเบิกกว้างจ้องมองร่างโปร่งบางนั่นแทบจะทะลุ คนที่เขาเฝ้าตามหาจู่ๆก็มาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้า คนที่ใส่ยูนิฟอร์มของทีมอะไรซักอย่างแต่เป็นสีแดงสดนั่นคือคนที่เขาจับตัวไปผิดแน่ๆ เขาจำใบหน้าน่ารักๆนั่นได้!

“นาย!”  สองขาเตรียมจะก้าวเข้าไปหา ทว่าอีกฝ่ายก็ดูเหมือนจะจำเขาได้ เมื่อใบหน้ามนหันมาเห็นเขาเข้า ร่างโปร่งบางก็ตกใจจนทำประแจ(?)ร่วงลงมา


เคร้ง!!!


เสียงประแจอันใหญ่ที่ไม่รู้อีกฝ่ายพกไว้ทำไมเรียกให้ทุกคนหันมามอง ร่างโปร่งบางนั่นก้าวถอยหลังด้วยสีหน้าตื่นกลัวก่อนจะวิ่งหนีไปทันที

“เดี๋ยวก่อน! อย่าเพิ่งไป!”  เขาเองก็เตรียมจะวิ่งตาม ทว่า ผู้หญิง?หัวกระเซิงคนหนึ่งกลับก้าวมาขวางเขาเอาไว้ เขาถึงกับชะงักหลังจากได้เห็นดวงตาดุดันที่อยู่ภายใต้แว่นกรอบหนาของผู้หญิงคนนั้น ถึงปกติแล้ววิศวกรสาวของเฟอร์รารี่จะมีท่าทางเพี้ยนๆ แต่เวลาเอาจริงขึ้นมาก็โหดไม่แพ้ทีมบอสเชียวละ

“.....ขอโทษทีนะ....นาย...หวังอี้ป๋อ?....ที่วิ่งไปนั่นเป็นคนของเราเอง อาจจะเสียมารยาทไปหน่อย โทษทีก็แล้วกัน แต่นายไม่ต้องตามหรอก เดี๋ยวพวกเราจัดการเอง”   หญิงสาวตบมือลงที่ไหล่เขาเบาๆก่อนจะเดินจากไป อันที่จริงเขาก็ไม่ได้อยากจะทำตามคำสั่งของใครก็ไม่รู้นั่นหรอกแต่เขาก็ขยับตัวไปจากตรงนี้ไม่ได้เช่นกัน บรรดาคนในทีมของเขาต่างช่วยกันดึงเขาเอาไว้อย่างมึนงง ไม่มีใครรู้ว่าเขาไปมีเรื่องอะไรกับอีกฝ่าย แต่ที่รั้งเขาไว้สุดชีวิตนั่นก็เพราะ

“พวกนั้นมาจากเฟอร์รารี่ ทีมแข่งรถเอฟวัน อย่าไปมีปัญหาด้วยดีกว่าถ้าไม่อยากเป็นข่าวน่าปวดหัว”   ร่างของเขานิ่งค้างยอมให้อีกฝ่ายหายไปจากสายตาอีกครั้ง

ไม่หรอก...อย่างน้อยๆตอนนี้เขาก็พอจะรู้เบาะแสบ้างแล้ว...ว่าคนคนนั้นเกี่ยวข้องกับทีมแข่งรถฟอร์มูล่าวัน เป็นคนของเฟอร์รารี่...











“รู้ตัวคนทำแล้วเอลวิน แป๊บนะ สัญญาณไม่ค่อยดีเลยตรงนี้”   วิศวกรสาวเดินหาสัญญาณเพื่อโทรรายงานทีมบอสที่อยู่อิตาลี ทิ้งให้นักออกแบบรถมือหนึ่งนั่งสลดอยู่ที่ม้านั่งวีไอพีตามลำพัง

ร่างโปร่งโน้มตัวลงไปเอาคางเกยไว้กับขอบโต๊ะ คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันเมื่อเขาพ่นลมออกจากสองแก้ม ใบหน้าของผู้ชายคนนั้นยังตามมาหลอกหลอนไม่หยุดหย่อนแล้วเขาก็เพิ่งจะรู้เดี๋ยวนี้เองว่าอีกฝ่ายเป็นถึงนักบิดชื่อดังของฝั่ง Moto GP เป็นนักบิดสายเลือดมังกรเช่นเดียวกับเขา ถึงจะมีใบหน้าหล่อเหลาแต่พอนึกถึงสิ่งที่อีกฝ่ายทำเขาก็กลัวจนต้องห่อไหล่

ทำไมถึงทำกับเขาแบบนั้น? เราเคยรู้จักกันมาก่อนเหรอ? แต่เขานึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออกว่าเคยไปทำอะไรให้อีกฝ่ายแค้นเคืองหรือเปล่า?

อ๊า~ อย่าว่าแต่จะนึกให้ออกเลย เขาจำอีกฝ่ายไม่ได้ด้วยซ้ำ ขนาดศิษย์พี่ยังบ่นเลยว่าเขาควรจะจำหน้าพวกนักขับนักบิดคนดังเพื่อนร่วมอาชีพเอาไว้บ้าง! ถึงแม้ว่าการจำหน้าคนของศิษย์พี่จะมีจุดประสงค์แอบแฝงก็เถอะนะ

ร่างโปร่งลุกขึ้นมานั่งถอนหายใจ ก็ใครใช้หน้าหมอนั่นไม่เหมือนรถเล่า ถ้าหน้าเหมือนรถสิเขาถึงจะอยากจำ!

ใบหน้ามนมุ่ยๆหันไปมองนอกหน้าต่างเป็นจังหวะเดียวกับที่มีคนเดินขึ้นบันไดโซนวีไอพีมาพอดี คนคนนั้นเงยหน้าขึ้นมาและดวงตาของเราก็สบประสานกัน...หมอนั่นมัน...หวังอี้ป๋อ!

ร่างโปร่งเด้งจากเก้าอี้ก่อนจะหันรีหันขวาง ปกตินักขับ เอ้ย นักบิดเค้ามาเดินร่อนไปทั่วแบบนี้หรือไง? เวลาก่อนควอลิฟายมันก็ต้องอยู่ที่พิตไม่ก็ในห้องพักสิ??

ด้วยความที่ไม่รู้จะไปหลบตรงไหน ร่างโปร่งจึงก้มลงไปใต้โต๊ะแล้วมุดไปเรื่อยๆ เป้าหมายอยู่ที่ประตูอีกฝั่ง ดีนะที่พวกเขาปีนพิตหนีบอสกันบ่อย เรื่องปีนป่ายเรื่องคลานเรื่องมุดแบบนี้พวกเขาถนัด ฮ่าๆๆ

ร่างโปร่งมุดจากโต๊ะนึงไปโต๊ะนึง ในระหว่างคลานไปด้วยสายตาก็จับจ้องที่ผู้ชายคนนั้นไปด้วย ดูเหมือนอีกฝ่ายก็กำลังมองหาเขาอยู่แต่คนในโซนวีไอพีก็มีไม่น้อยจึงช่วยบังเขาไว้ได้ แต่เดี๋ยวนะ ไหงอีกฝ่ายถึงเดินตรงมาทางนี้ได้ล่ะ? ไม่น่าจะเห็นเขานี่? หวังอี้ป๋อยังคงก้าวขาเข้ามาใกล้เรื่อยๆในขณะที่เขาก็มุดหนีแบบเอาเป็นเอาตาย แต่ไม่ทันจะจับเขาได้อีกฝ่ายก็รับโทรศัพท์ที่ดังขึ้นเสียก่อน ใบหน้าคมขมวดคิ้วไม่สบอารมณ์ก่อนจะตวัดมองมาทางเขาแล้วหมุนตัวเดินจากไป เหมือนมีใครโทรมาตามอย่างงั้นแหละ...เฮ้อ...รอดไปที~

เขาขยับไปเกาะอยู่หลังเสาต้นใหญ่ก่อนจะแอบมองนักบิดจากทีมยามาฮ่าอย่างสงสัย ตกลงต้องการอะไรจากเขากันแน่นะ? แค่คิดว่าอีกฝ่ายมีรูป....แบบนั้นของเขาก็แทบอยากจะเอาหัวโขกเสาตายแล้วเนี่ย เขาจะบอกปะป๊ากับหม่าม้ายังไงว่าเขาไม่สามารถจะไปเป็นเจ้าบ่าวให้ใครได้แล้ว~ ตระกูลเซียวของเขาต้องสูญสิ้นทายาทหมอนั่นจะรับผิดชอบยังไง?!










การควอลิฟายเสร็จสิ้นลงโดยที่หวังอี้ป๋อก็สร้างเสียงฮือฮาอีกแล้ว เมื่อนักบิดชาวจีนแผ่นดินใหญ่ทำเวลาการควอลิฟายขึ้นอันดับหนึ่งทันทีหลังจากวิ่งจับเวลาไปแค่รอบเดียว เรียกว่าแทบจะพลิกจากหน้ามือเป็นหลังเท้าหากเทียบกับเวลาการซ้อมช่วงเช้าที่ผ่านมา นั่นยิ่งสร้างความสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับนักบิดจากโมวิสตา ยามาฮ่ากันแน่ สงสัยแม้แต่คนในทีมด้วยกันเอง

ลูกทีมต่างหันมองนักบิดมือหนึ่งของทีมที่ลงจากรถ ถอดหมวก ถอดถุงมือ ถอดชุดเรียบร้อยเหมือนพร้อมจะพุ่งออกจากพิตได้ทุกเมื่อทั้งๆที่เวลาควอลิฟายยังเหลืออีกเกือบสิบนาที

“นาย...จะไม่วิ่งอีกซักรอบเหรอ?”   ทีมงามเดินเข้ามาถามอย่างงงๆ ใบหน้าคมจึงหันมาตอบหน้าตาย

“ไม่ละ รอบเดียวก็พอ”   ทีมงานพยักหน้า แต่เมื่อดูเวลาที่หวังอี้ป๋อหลับหูหลับตาบิดเอาไว้ก็ไม่น่าจะมีใครเอาชนะได้แน่ พรุ่งนี้พวกเขาน่าจะได้สตาร์ทอันดับหนึ่ง

ร่างสูงสง่านั่งลงที่เก้าอี้หลังพิต ถึงใบหน้าของเขาจะยังคงนิ่งเฉยแต่ในใจนี่บอกเลยว่าอยากจะพุ่งออกไปจากตรงนี้มาก แต่เขาก็ทิ้งทีมไปทั้งๆที่ยังไม่หมดเวลาควอลิฟายไม่ได้ ถึงจะมั่นใจในเวลาของตัวเองแต่ก็ต้องเผื่อเอาไว้ว่าอาจจะมีไอ้บ้าที่ไหนบิดฝ่านรกจนเวลาแซงเขาได้ เขาก็อาจจะต้องลงไปวิ่งอีกรอบ

เขานั่งเขย่าขารอเวลา อันที่จริงตอนนี้บนใบหน้าของเขามันมีรอยยิ้มที่คนทั่วไปอาจจะมองไม่ออก...ใช่...เขากำลังอารมณ์ดีเมื่อนึกถึงเจ้ากระต่ายที่พยายามหนีอย่างน่ารักๆนั่น ช่วงก่อนควอลิฟายเขาไปตามหาอีกฝ่ายที่โซนวีไอพีเพื่อจะพูดคุยด้วย เขาแค่อยากจะขอโทษกับเรื่องเลวร้ายที่ทำลงไป ไหนจะโทรศัพท์มือถือที่เขาทำของอีกฝ่ายพังอีก เขาก็แค่อยากจะชดใช้ให้  แต่ใครจะคิดว่าอีกฝ่ายดันหนีเขาแบบเอาเป็นเอาตาย หนีทั้งๆที่ตัวเองใส่ยูนิฟอร์มสีแดงเด่นที่เห็นไปจนถึงดาวอังคารนั่นน่ะ

“หึ...”   เขาเผลอหัวเราะออกมาเมื่อนึกถึงเจ้าคนที่มุดไปตามใต้โต๊ะอย่างมั่นใจว่าเขาจะหาไม่เจอ จากตอนแรกที่ไม่ได้คิดอะไรด้วยแต่ตอนนี้เขากลับคิดว่าท่าทางของหมอนั่นก็น่าเอ็นดูไม่แพ้หน้าตาเลย

“อี้ป๋อ เย็นนี้ไปไหน?”   ลูกทีมหันมาถามหลังจากไม่มีอะไรทำแล้ว เวลาควอลิฟายยังไม่ทันจะหมดดีแต่ทีมMovistar Yamaha ก็เก็บของกันเรียบพิตแล้ว

“ไปจับกระต่าย”   ใบหน้าหล่อเหลาตอบพร้อมรอยยิ้มมุมปาก

“ห๊ะ?”  ลูกทีมหันมามองอย่างสงสัยแต่เขาก็ไม่ได้อธิบายอะไรมากไปกว่านั้น ปกติแล้วตอนเย็นเขาก็มักจะอยู่กับทีม ไปกินข้าว ไปพักผ่อน เล่นเกม ตีปิงปองอยู่กับคนในทีมตลอด เพราะเขาไม่เคยมีแฟนเป็นเรื่องเป็นราว เลยมีเวลาอยู่กับทีมเหลือเฟือ

“พี่ จำคนที่ใส่ยูนิฟอร์มของเฟอร์รารี่ที่มาเดินพิตเลนวอล์คได้ป่ะ? รู้จักไหม?”   เขาหันไปถามวิศวกรในทีม เขารู้สึกคุ้นหน้าผู้หญิงหัวกระเซิงที่เข้ามาขวางเขาเอาไว้ เหมือนเคยเห็นหน้าแต่ก็นึกไม่ออกว่าเป็นใคร

“อ๋อ ก็ต้องรู้จักสิ ในบรรดาวิศวกรของวงการโมโต้สปอร์ตผู้หญิงที่ใส่แว่นนั่นถือเป็นตัวท็อปเลยนะ เป็นหัวหน้าวิศวกรคู่บุญของเฟอร์รารี่ ทำทีมมาตั้งแต่ยุคบุกเบิกเลย แล้วก็เป็นวิศวกรสนามให้ตำนานเอฟวันอย่างรีไว แถมปัจจุบันก็ยังดูแลมือหนึ่งของทีมอย่างโกคุเดระ ฮายาโตะอยู่”   เขาพยักหน้ารับ ถึงว่าถึงได้คุ้นหน้านัก ที่แท้ก็อยู่ข้างๆพวกนักขับระดับโลกของเฟอร์รารี่นี่เอง

“แล้ว...อีกคนนึงล่ะ คนที่ทำประแจร่วงแล้ววิ่งหนีไป...”   นึกถึงตอนนั้นแล้วก็รู้สึกเขินๆที่จะถามถึงเหมือนกันแหะ คนบ้าอะไรพกประแจติดตัวเนี่ย? เอกลักษณ์ซะไม่มีอ่ะ ยิ่งคิดถึงเขาก็ยิ่งมีรอยยิ้ม

“อืม....คนนั้นไม่รู้จักเลยแหะ คงเป็นทีมงานแหละมั้ง?”   ใบหน้าหล่อเหลาพยักรับเบาๆ ไม่เป็นไร เขายังมีเวลารู้จักอีกฝ่ายอีกมาก ไม่จำเป็นต้องรีบร้อน











ถึงจะบอกกับตัวเองว่าไม่ต้องรีบร้อน...แต่เอาเข้าจริงกลับไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่เขาจะเข้าถึงตัวเจ้ากระต่ายนั่นได้!!

มันเป็นยังไงถึงได้หนีไวนักก็ไม่รู้!

หลังจากควอลิฟายเขาก็ตามเจออยู่หลายรอบ แต่ทุกครั้งอีกฝ่ายก็มักจะวิ่งหนีทัน ไม่ก็ใช้วิศวกรสาวรุ่นพี่เป็นที่กำบัง ทั้งยังมีการ์ดอยู่ด้วยอีกสามคน บอกเขาทีเถอะว่าหมอนั่นเป็นแค่ลูกทีมธรรมดาๆ ตอนนี้จะบอกว่าอีกฝ่ายเป็นทายาทของเฟอร์รารี่เขาก็เชื่ออ่ะถ้าจะคุ้มกันกันขนาดนี้! นี่ถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องเลวร้ายที่เขาไปก่อเอาไว้แล้วอยากจะขอโทษอีกฝ่ายจากใจจริงละก็ ป่านนี้เขาคงช่างแม่งเลิกตามไปแล้ว มีที่ไหนให้คนอย่างหวังอี้ป๋อตามง้อตั้งขนาดนี้เนี่ย!

จนแล้วจนรอดการแข่งขันสนามนี้ก็จบลงไป เขาต้องผ่านวันอาทิตย์ที่น่าหงุดหงิดรำคาญใจ แล้วตอนนี้เขาก็กำลังใช้โอกาสสุดท้ายในการแอบย่องไปยังห้องโซนวีไอพี...ถ้ารอบนี้เขาไม่ได้คุยกับอีกฝ่ายก็ดูท่าจะหาทางเจอกันยากแล้ว

ห้องรับรองโซนวีไอพีในยามนี้แทบไม่มีคน ในเมื่อการแข่งจบไปแล้วผู้ชมจึงทยอยกลับบ้านกันเกือบหมด แล้วก็เหมือนโชคจะเข้าข้างเขาสุดๆเมื่อจู่ๆเขาก็เจอเจ้ากระต่ายนั่นอยู่ตามลำพัง ไม่มีทั้งวิศวกรสาวคนนั้น ไม่มีทั้งการ์ด

ร่างสูงสง่าค่อยๆเดินอย่างเงียบเชียบไปที่โต๊ะซึ่งอีกฝ่ายฟุบหลับอยู่ ก่อนจะค่อยๆนั่งลงที่ฝั่งตรงข้าม เขาทอดสายตามองใบหน้าหลับปุ๋ยที่หันตะแคงข้างทั้งๆที่ยังใส่แว่น แก้มป่องที่บดเบียดอยู่บนหลังมือตลอดจนริมฝีปากชุ่มฉ่ำสีชมพูที่เผยอน้อยๆ ทำไมถึงเป็นคนหลับที่น่าดูขนาดนี้ก็ไม่รู้...น่ารักอย่างกับตุ๊กตา...

สายตาของเขาเลื่อนมาที่สมุดเล่มหนึ่งซึ่งวางอยู่ตรงหน้าอีกฝ่าย ดูเหมือนจะเป็นสมุดสเก็ต? เขาหยิบมาเปิดดูเพราะอยากรู้ว่ามันคืออะไร แต่ว่าที่หน้าปกมันกลับเขียนไว้ว่า “รายงานของจ้านจ้าน”  ......?

เห็นปกที่มีชื่อเหมือนสมุดระบายสีของอนุบาลหมีน้อยแล้วเขาก็ชั่งใจอยู่หลายนาทีว่าจะเปิดดูดีไหม แต่จนแล้วจนรอดเขาก็แอบเปิดดูจนได้...แล้วสิ่งที่อยู่ข้างในก็ทำให้เขาถึงกับตะลึงตาค้าง...

มีแต่รูปสเก็ตของรถมอเตอร์ไซค์เต็มไปหมด และมันไม่ใช่สเก็ตแบบนักวาดภาพธรรมดาแต่ดูจากองค์ประกอบของภาพที่ใส่ทิศทางลม แรงกด แรงลาก ดาวน์ฟอร์ซ แอโรไดนามิกต่างๆพร้อมคอมเม้นต์วิธีการปรับแต่งแก้ไขแล้ว...คนที่วาดมันขึ้นมาน่าจะเป็นวิศวกร เป็นนักออกแบบรถ ภาษาที่เขียนไว้ดูๆไปแล้วไม่น่าใช่ภาษาอังกฤษ แต่เขาไม่แน่ใจว่ามันคือภาษาสเปน? ฝรั่งเศส? หรืออิตาลี? แต่ที่สำคัญมันเขียนสลับกับภาษาจีน! เพราะงั้นสมุดเล่มนี้ต้องเป็นของเจ้ากระต่ายนี่แน่นอน

เขาตวัดสายตาขึ้นมามองเจ้าคนที่หลับอยู่อย่างทึ่งๆ เขาให้คนในทีมช่วยสืบให้บ้างแล้วว่าอีกฝ่ายเป็นใคร แต่ดูเหมือนตัวตนของเจ้ากระต่ายนี่จะเป็นความลับอยู่พอสมควร เขาเลยรู้แค่ว่าทำงานอยู่ในเฟอร์รารี่ทั้งในส่วนที่ทำรถซุปเปอร์คาร์สำหรับขายและรถฟอร์มูล่าวันสำหรับแข่ง แล้วพอได้มาเห็นสเก็ตพวกนี้เขายิ่งรู้เลยว่าอีกฝ่ายไม่น่าจะเป็นแค่ช่างเทคนิคธรรมดาแต่น่าจะเป็นวิศวกรหรือไม่ก็ดีไซเนอร์ออกแบบรถระดับสูงเลยทีเดียว

เขาปิดสมุดเบาๆก่อนจะโน้มใบหน้าลงไปใกล้ๆใบหูบาง ถึงจะยังไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใครกันแน่แต่เรื่องหนึ่งที่สืบมาได้ก็คือ...

“เซียวจ้าน...”   ชื่อ...ของคนตรงหน้าและเสียงทุ้มก็กำลังกระซิบเรียกหาแผ่วเบา

“เซียวจ้านครับ...ตื่นเถอะ...”   มือใหญ่วางลงไปบนข้อมือบางแล้วจับเอาไว้ให้คนหลับใหลไม่มีสิทธิ์จะหนีอีก

รอยยิ้มร้ายฉายอยู่บนใบหน้าคม ในที่สุดก็จับได้สักที


เจ้ากระต่ายน้อย...



ตื่น...แล้วมาคุยกับผมเถอะ...









.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.

To be con.



ขอบคุณทุกๆการติดตามและทุกๆคอมเม้นต์มากน้า แล้วเจอกันตอนหน้าค้า =v= 






2 ความคิดเห็น:

  1. เป็นกำลังใจให้นะคะ
    ชอบมากค่ะ ❤❤❤🙏🙏🙏

    ตอบลบ
  2. กลับมาเจอจักรวาลนี้พร้อมตลค ป๋อจ้านละมันแบบ คุณกวางงงงงงงงง ฟเ่กวกฃหสห้เหสกงกฃก จักรวาลนี้ไม่จบง่ายๆเลยใช่มั้ยคะ 555555 แต่นุชอบค่ะ เขียนออกมาเรื่อยๆยิ่งดีนะค๊าาาาาาาสา

    ตอบลบ