ป๋อจ้าน Au.Fic [หวังอี้ป๋อ x เซียวจ้าน] GLIDE : 2x4 It’s me : 01


ป๋อจ้าน Au.Fic [หวังอี้ป๋อ x เซียวจ้าน]  GLIDE : 2x4 It’s me : 01

: ป๋อจ้าน Fanfiction Au
: หวังอี้ป๋อ x เซียวจ้าน
: Romantic
: NC-17


คำเตือน : เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ
           : เนื้อเรื่องต่อไปนี้เป็นเพียงจินตนาการของผู้เขียน ไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นจริงนะคะ
           : ข้อมูลจะไม่แน่นเท่า GLIDE ภาคก่อนๆนะคะ เพราะภาคนี้ข้ามมา 2 ล้อ ตรูขี้เกียจหาข้อมูลฝั่ง Moto GP โฟ้ยยยย // โดนตบด้วยหมวกกันน็อค








เอลวิน สมิธ คือทีมบอสของ Scuderia Ferrari ทีมแข่งรถสูตรหนึ่งชื่อดังแห่งอิตาลีที่ทุกๆปีเขาและลูกทีมกว่าร้อยชีวิตต้องโคจรไปรอบโลกเพื่อแข่งขันกว่า 20 สนาม

แต่ตอนนี้เอฟวันอยู่ในช่วงพักครึ่งฤดูกาล เขาถึงได้มีโอกาสมาเดินชิลๆอยู่ในสนามฟิโอราโน่ สนามแข่งรถส่วนตัวของค่ายรถยักษ์ใหญ่อย่าง Ferrari ที่เอาไว้ทดสอบรถของตัวเองเท่านั้น...ไม่สิ...จะว่าเขาเดินชิลๆก็ไม่เชิง เพราะตอนนี้เขากำลังเดินไปยื่นโทรศัพท์มือถือให้ไกลๆหูไปอยู่ต่างหาก แล้วถึงแม้จะเอื้อมจนสุดแขนยาวๆ เสียงวีนที่ทะลุโทรศัพท์มาก็ยังคงทำให้เขารู้ว่าหนีไม่พ้นอยู่ดี แล้วไอ้คนที่มันกล้าด่าบิ๊กบอสของทีมม้าลำพองก็คงไม่ใช่ใครที่ไหน...เจ้าซีอีโอปีศาจของเฟอร์รารี่นั่นแหละ!

“รู้แล้วน่า...เดี๋ยวชั้นจัดการเอง...”   เขาถึงกับต้องเบือนหน้าหนีเมื่อปลายสายยังคงด่ากลับมาอีกชุดใหญ่...เรื่องของตัวเองก็ไม่ใช่แท้ๆ~ แล้วทำไมเขาต้องมาโดนด่าแทนเจ้าสองคนนั้นด้วยเนี่ย?!

ปลายสายตัดไปหลังจากด่าจนพอใจ ดูท่าทางจะเสียเงินไปไม่ใช่น้อยเลยสินะ เจ้าครูเทโอ้ถึงได้เต้นเป็นเจ้าเข้าแบบนี้ ใบหน้าภายใต้กรอบผมสีทองถอนหายใจ ร่างสูงใหญ่เดินผ่านอาคารสไตล์อิตาเลี่ยนสีขาวที่มีหน้าต่างสีแดงเรียงเป็นจังหวะเพื่อจะไปยังส่วนของพิตการาจ  แล้วพิตที่ควรจะปิดสนิทเพราะเป็นช่วงพักฤดูกาลกลับมีเสียงเพลงครึกครื้นจนเขาอยากจะเรียกมาดีดกะโหลกเรียงตัวเลยจริงๆ! เจ้าพวกนี้มันไม่กลับบ้านกลับช่องกันหรือไง?! ไม่อยู่ที่แล็ปในแผนกพัฒนาเครื่องยนต์ก็อยู่ที่สนามนี่แหละ! ถึงว่า...บิลค่าน้ำค่าไฟค่าอะไหล่และค่าอุโมงค์ลมถึงได้สูงปรี๊ดจนเจ้าซีอีโอปีศาจต้องโทรมาด่าเขา ให้เขามาไล่เจ้าพวกนี้กลับบ้านที!


ครืด!!!


เสียงเปิดประตูอย่างเกรี้ยวกราดทำให้ทุกใบหน้าที่อยู่ในการาจหันมามอง...หนึ่ง สอง สาม สี่-.........เจ้าพวกนี้...ทีมวิศวกรและช่างเครื่องทั้งหมด 22 คนของเขาอยู่กันเกือบครบเลยนี่!!

“เอลวิน! มาก็ดีเลย! ฉันจะให้นายดูเครื่องยนต์ตัวใหม่ นี่เพิ่งออกจากแล็ปเลยนะ! ชั้นเพิ่มความยาวกระบอกสูบเข้าไปอีก 7 มิล. สปีดมันเพิ่มขึ้นจนอยากจะกรี๊ดเลยล่ะ! อ๊า~~!!”   แทนที่จะสะดุ้งสะเทือนที่ถูกทีมบอสอย่างเขาจับได้ว่าแอบมาใช้พิตการาจกัน แต่ยัยฮันซี่หัวหน้าวิศวกรกลับวิ่งหน้าบานมากอดคอเขาแล้วลากไปดูเครื่องยนต์ซะงั้น เขาไปหาที่แล็ปของเฟอร์รารี่แล้วไม่เจอไงเลยมาที่นี่ มันก็มีอยู่สองที่แหละที่เจ้าพวกนี้จะอยู่กัน!

ความจริงเขาก็ไม่ได้อยากจะว่าหรอกนะที่เจ้าพวกนี้มีความกระตือรือร้น แต่บางทีมันก็ล้นไปหน่อยจนคนกลางอย่างเขารู้สึกละเหี่ยใจ รถมันก็สำคัญแต่คนจ่ายเงินอย่างพวกสำนักงานใหญ่ก็สำคัญเหมือนกัน มันต้องเฉลี่ยๆกันสิ

เขายืนกอดอกมองกลุ่มคนที่ยังคงใส่ชุดฟอร์มสีแดงแม้แต่ในวันหยุด เจ้าพวกนั้นหันไปมุงดูที่หน้าจอมอนิเตอร์กันอย่างใจจดใจจ่อโดยไม่สนใจทีมบอสอย่างเขาอีกต่อไป เรียกว่าถ้ามีไฟไหม้คงไม่มีใครหนีรอดแหงๆ

ใบหน้าหล่อเหลาถอนหายใจก่อนจะเอ่ยปากเรียกตัวปัญหาฝั่งวิศวกรหมายเลขหนึ่ง... 

“ฮันซี่ ฉันมีเรื่องจะคุยกับเธอหน่อย ตามมาที่ห้องประชุมที”  วิศวกรสาวที่ดูแทบไม่รู้ว่าเป็นผู้หญิงส่งเสียงขานรับทั้งๆที่ดวงตายังจับจ้องอยู่ที่จอมอนิเตอร์ เขาส่ายหน้าก่อนจะเดินไปรอที่ห้องประชุม

จะว่าไป...เขาไม่เห็นเอเลนแหะ? แต่อย่างรีไวคงไม่ปล่อยออกจากบ้านแหงๆวันหยุดแบบนี้  เขานี่สิ ต้องออกมาทำอะไรในวันหยุดกันเนี่ย?!


ครืด!!!


เสียงเปิดประตูอย่างเกรี้ยวกราดดังอีกครั้งที่ห้องประชุม แล้วก็เป็นไปตามคาด...ห้องประชุมของเขากลายสภาพเป็นห้องนอน ห้องนั่งเล่น ห้องสมุด ห้องครัว ห้องอาหาร เป็นแม้แต่ลานตากผ้า! ตกลงตั้งแต่ปิดพักครึ่งฤดูกาลมา เจ้าพวกนั้นมันกลับถึงบ้านกันไหมเนี่ย?

นัยน์ตาสีฟ้ากวาดมองหาตัวปัญหาฝั่งวิศวกรหมายเลขสองที่น่าจะอยู่ในกองผ้าห่มตรงไหนซักแห่งในห้องนี้แน่ๆเพราะเขาไม่เห็นเจ้าเด็กนั่นอยู่ในพิตเมื่อกี้  แล้วเขาก็หาตัววิศวกรหัวกะทิของเขาเจอได้ไม่ยาก...เปล่า...เขาไม่เห็นตัวหมอนั่นหรอก แต่เห็นไอ้ตุ๊กตาแพนด้ายักษ์นอนแอ้งแม้งอยู่บนโซฟา...แน่นอนว่าเจ้าของมันก็คงถูกทับอยู่ข้างใต้นั่นแหละ!

ร่างสูงใหญ่ก้าวขามายืนเหยียดมองใบหน้ามนที่หลับพริ้มทั้งๆที่ยังสวมแว่นตาครบ  ทั้งผ้าห่มทั้งหมีแพนด้าโปะอยู่บนลำตัวบางจนเห็นแค่ใบหน้า...สักวันคงได้มีข่าวนักออกแบบรถมือหนึ่งแห่งวงการฟอร์มูล่าวันถูกตุ๊กตาหมีทับตายระหว่างหลับแน่ๆ ใครก็ได้ช่วยเอาไอ้หมีลายทางตัวนี้ไปทิ้งที!

“เซียวจ้าน”   เขาเอ่ยเรียกอีกฝ่าย ปกติแล้วเด็กนี่ไม่ใช่พวกไหลตายเหมือนยัยฮันซี่ เพราะงั้นเรียกทีสองทีเปลือกตาบางก็เริ่มขยุกขยิกแล้ว

“อือ.......บอส?...   ดวงตากลมโตภายใต้กรอบแว่นเปิดขึ้นมาด้วยความงัวเงีย ร่างสูงโปร่งในชุดฟอร์มของเฟอร์รารี่สีแดงสดลุกขึ้นมานั่งทั้งๆหัวชี้โด่ชี้เด่

“ผมว่าต้องเพิ่มครีบเข้าไปที่หางอีก มันถึงจะเร็วขึ้น……..   จู่ๆใบหน้าที่ยังไม่ตื่นดีก็พูดออกมา  ห๋า? เจ้าเด็กนี่พูดเรื่องอะไรของมัน? รถของเขามีแต่ปีกหลังนะ ไม่มีหาง?

แต่จะถามก็ถามไม่ได้ในเมื่อเจ้าวิศวกรสาขาออกแบบรถของเขาหลับคาแพนด้ายักษ์ที่กอดไว้ไปแล้ว นัยน์ตาสีฟ้าทอดมองตุ๊กตาหมีแพนด้านั่นอย่างเพลียๆ ดูเหมือนจะเป็นของดูต่างหน้าของอาม่าที่อยู่ประเทศจีน...ประมาณว่าเห็นแพนด้าแล้วจะได้นึกถึงประเทศบ้านเกิดอะไรงี้เหรอ? แต่มันจำเป็นต้องตัวใหญ่เท่าตึกแฝดเซี่ยงไฮ้แบบนี้ด้วยเหรอ? อ่า ช่างไอ้หมีทางม้าลายนั่นไปเถอะ!!

“เซียวจ้าน!!! ตื่นได้แล้ว! ชั้นมีเรื่องจะคุยกับนาย!”   เขาแย่งหมีออกมาจากอ้อมแขนผอมบางก่อนจะเอามันไปวางไว้ไกลๆ ปลุกทางนี้ยังไม่ทันจะเสร็จดีก็มีเสียงดังมาจากทางฝั่งพิต    

“เฮ้!!!~~~  เชียร์มวยกันอยู่หรือไงฟ๊ะ สภาพไม่เหมือนพัฒนาเครื่องยนต์กันอยู่เลยนะ!

คิ้วสีทองเริ่มกระตุกรัวๆ และก่อนที่เส้นเลือดเขาจะแตกตายมันต้องมีคนตายก่อนเขา!  มือใหญ่ทุบลงไปบนปุ่มคอนโทรลก่อนที่เขาจะตะโกนลงไปบนไมค์  เสียงแปดหลอดแผดไปทั่วสนามฟิโอราโน่ทันที  ต่อให้เป็นคนบ้าหรือว่าคนหลับ มันต้องได้ยินแน่นอน!

“ฮันซี่ มาหาชั้นเดี๋ยวนี้!  เซียวจ้าน ตื่น!!!  





ทีมบอสของเฟอร์รารี่ยืนกอดอกอยู่หน้าวิศวกรสองคนที่นั่งทับส้นอยู่บนพื้น...ดูแทบไม่รู้เลยนะว่าทั้งคู่เป็นถึงหัวกะทิของวงการฟอร์มูล่าวันและช่วยกันพัฒนารถแข่งจนกวาดแชมป์โลกมาไม่รู้กี่สมัยแล้ว

ฮันซี่ โซเอะ คือวิศวกรผู้ดูแลทางฝั่งเครื่องยนต์และเป็นวิศวกรสนามให้กับนักขับมือหนึ่งของทีมด้วย ส่วนเซียวจ้านเป็นดีไซเนอร์และวิศวกรฝ่ายออกแบบรถ มีหน้าที่ออกแบบแชสซีให้มีแอโรไดนามิกดีที่สุดในกริด อันที่จริงตัวตนของเจ้าเด็กเอเชียคนนี้ค่อนข้างเป็นความลับพอสมควร เพราะนักออกแบบรถมือดีนั้นเป็นที่ต้องการมากในวงการฟอร์มูล่าวัน แถมเจ้าเด็กนี่ยังเก่งกาจเข้าขั้นอัจฉริยะ ทั้งรถแข่ง รถบ้าน รถซุปเปอร์คาร์ ทั้งรถของเฟอร์รารี่และอัลฟ่าโรเมโอ เซียวจ้านก็เป็นคนออกแบบมาไม่รู้กี่รุ่นแล้ว  ทำรถแข่งก็ชนะ ทำรถซุปเปอร์คาร์ก็ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า ถึงจะอายุแค่ 27ปีแต่เซียวจ้านก็เป็นถึงตัวท็อปของ Ferrari Design Center ทีมออกแบบรถซุปเปอร์คาร์ที่ทำเงินมหาศาลของอิตาลีเลยทีเดียว

“ฉันจะให้พวกนายไปดูงานที่ญี่ปุ่น นี่เป็นบัตรโซนวีไอพีของการแข่ง Moto GP ไปดูซะแล้วก็เขียนรายงานมาให้ชั้นด้วย”   เอลวิน สมิธออกคำสั่งเด็ดขาด เขาจะออกปากไล่กลับบ้านตรงๆไม่ได้ จะบอกให้เลิกหมกตัวอยู่กับรถ เลิกคิดเลิกพัฒนารถตรงๆไม่ได้ เขาจึงใช้วิธีไล่อ้อมๆแบบนี้แหละ และพอรู้ว่าเขาให้ไปดู “รถ” เจ้าติ่งรถสองคนนี้ก็ตกหลุมพรางของเขาทันที

“ว๊าว มอร์เตอร์ไซค์เหรอ? ผมไม่เคยออกแบบรถสองล้อมาก่อนเลย”   ในขณะที่เจ้าสองคนกำลังหลงกลของเขาอยู่นั้น มือใหญ่ก็รีบหยิบเสื้อผ้าที่กองๆอยู่แถวนั้นยัดลงกระเป๋าเดินทางให้ทันที...กระเป๋านี่...มาจากสนามฮังการีโดยที่ยังไม่เคยกลับถึงบ้านเลยสินะ...

“มีทีมไหนจะให้ชั้นชำแหละเครื่องยนต์ดูได้บ้างไหมอ่ะเอลวิน?”  ไม่มีโว้ย~ ให้ไปในฐานะผู้ชมเฉยๆ~

“เอาอาม่าไปด้วยได้ไหมครับ?”   ไม่ได้โว้ย! แล้วก็หยุดเรียกตุ๊กตาหมีแพนด้าแบบนั้นซักทีเถอะ มันหลอน!

ทีมบอสแห่งค่ายม้าลำพองรีบรูดซิปปิดกระเป๋าก่อนจะลากเจ้าสองวิศวกรไปยัดไว้ในรถตู้  “พาไปส่งที่สนามบินมิลานที ส่งให้ถึงทางเข้าตม.เลยนะ เดี๋ยวชั้นโทรกำชับสายการบินอีกทีให้คอยลากเข้าเกทด้วย”  เขาหันไปกำชับคนขับรถก่อนจะยืนมองรถตู้แล่นออกไป ทำไมรู้สึกเหนื่อยเหมือนมีลูกเล็กขนาดนี้ก็ไม่รู้เนี่ย แต่แค่หัวโจกสองคนนี้ไม่อยู่ เดี๋ยวไอ้พวกที่เหลือมันก็จะเริ่มสำนึกได้เองว่ายังมีบ้านให้กลับนะเว้ย!






เครื่องบินพุ่งทะยานออกจากท่าอากาศยานมิลาโน มัลเปนซา ประเทศอิตาลี เพื่อมุ่งหน้าสู่เอเชีย ก่อนที่มันจะแลนดิ้งลงที่สนามบินนาริตะ ประเทศญี่ปุ่นในอีกสิบกว่าชั่วโมงต่อมา

แล้วตอนนี้หัวกะทิของวงการฟอร์มูล่าวันก็กำลังยืนเคว้งคว้างอยู่กลางสนามบิน...ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่เคยมาญี่ปุ่นหรอกนะ ก็มาทุกปี ปีละหน แต่ทุกครั้งที่มาพวกเขาไม่เคยมากันเองแค่สองคนแบบนี้แต่มีลูกทีมมาด้วยกันเป็นร้อย!

“จ้านจ้าน...นายว่าจะมีรถบัสของเฟอร์รารี่มารับเราไหม?”   ตอนนี้ทั้งคู่ไม่ได้อยู่ในชุดฟอร์มสีแดง พอใส่เสื้อเชิ้ตกับกางเกงยีนส์แบบคนทั่วไป วิศวกรสาวที่ตัวสูงยาวค่อยดูคล้ายผู้หญิงขึ้นมาหน่อย

“ผมว่าไม่น่ามีนะ...”   ริมฝีปากสีสดของเจ้าดีไซเนอร์รถเคี้ยวโดรายากิที่แอบไปซื้อมาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ตุ้ยๆ ถึงเซียวจ้านจะมีสภาพไม่ต่างจากเด็กเนิร์ดทั่วไปคือผมหน้าม้าปรกหน้าปรกตาและใส่แว่น แต่ด้วยความที่หน้าตาดีมากเป็นพื้นฐานอยู่แล้วมันเลยดูน่ารักน่าเอ็นดูมากกว่า รูปร่างถึงจะสูงโปร่งแต่ก็บอบบางมากเนื่องจากบางทีก็ลืมกินข้าวสามวันติดเพราะมัวแต่หมกมุ่นอยู่กับการทำรถ

“หมายความว่าเราต้องไปสนามกันเองสินะ? ฮ่าๆๆ ได้เลย! ตามชั้นมา! ชั้นจะพานายไปเอง!   วิศวกรสาวที่ไม่เคยสลดกับเรื่องอะไรนอกจากตอนรถพังเตรียมลากกระเป๋าด้วยความมั่นใจ แต่อีกคนกลับดักเอาไว้ก่อน

“ไปไหนนะครับ?”

“สนามซุซุกะไง?”   แค่ก้าวแรกก็ผิดแล้ว!

“แต่ในนี้เขียนบอกว่าเค้าแข่งกันที่สนาม Twin Ring Motegi?”   ก็ยังดีที่อีกคนยังมีสติพอที่จะควักแผ่นพับของงานออกมาดู มือบางยื่นแผ่นพับให้อีกฝ่ายในขณะที่มืออีกข้างก็ยัดขนมเข้าปาก

“ห๊ะ? ไม่ใช่ที่เดียวกับของเราเหรอ?”  ใบหน้ามนส่ายพั่บๆ ทั้งจะตอบว่าไม่ใช่และไม่รู้ไปพร้อมๆกัน

“ยังไงก็ลองไปขึ้นรถไฟก่อนแล้วกัน! ชั้นได้ข่าวมาว่าตรงไหนในญี่ปุ่นรถไฟก็ไปถึง เพราะงั้นถ้าเรานั่งรถไฟมันต้องไปถึงสนามแน่!”  วิศวกรสาวชูมือขึ้นฟ้าก่อนจะเดินนำหน้าและก็คงจะมีแต่นักออกแบบรถมือหนึ่งของเฟอร์รารี่คนเดียวนี่แหละที่เชื่อหลักการป่วยๆแบบนี้!

ก็นะ...นอกจากเรื่องรถและเครื่องยนต์ สองคนนี้ก็มีสกิลการใช้ชีวิตแทบจะติดศูนย์!

เป็นต้นว่าขึ้นรถไฟได้ไม่เท่าไหร่วิศวกรสาวก็ถูกฝูงมนุษย์เงินเดือนพัดไปไกลกว่าจะหากันเจอได้ก็แทบตาย  ไหนจะต้องมายืนงงกับสายรถไฟญี่ปุ่นที่พันกันยุ่งยิ่งกว่ายุงตีกัน  แถมแต่ละสถานีก็ซับซ้อนซ่อนเงื่อนเพื่อนประสาทจะแดก จากที่ต้องขึ้นเหนือก็ดันไปขึ้นรถไฟที่วิ่งลงใต้! แล้วไปโผล่อีกทีที่เกาะอะไรก็ไม่รู้!

“ชิโกกุ....?”   ริมฝีปากสีสดพึมพำชื่อที่อ่านได้จากป้ายข้างทาง  ดวงตากลมโตเบื้องหลังกรอบแว่นพยายามเพ่งเผื่อจะรู้ว่าชื่อสถานที่นั้นมันอยู่ตรงไหนในโลกกันแน่ แต่ความเวิ้งว้างว่างเปล่ารอบกายก็ทำให้ชายหนุ่มยกขนมในมือขึ้นมากินต่อ ปล่อยให้คนที่มาด้วยกันโทรถามทางต่อไป

“เอลวิน! ชิโกกุนี่มันอยู่ตรงไหนของโลกเนี่ย??! มันยังอยู่ในญี่ปุ่นรึเปล่า?? แล้วทำยังไงชั้นจะไปถึงสนามได้ล่ะ??!   แน่นอนว่ายามที่เดือดร้อน คนที่ลูกทีมเฟอร์รารี่ทุกคนจะโทรหาก็มีแต่เอลวิน สมิธนี่แหละ!

“.........พวกนายนี่มัน.....รอเดี๋ยวก็แล้วกัน ชั้นจะส่ง map และวิธีเดินทางไปให้ ทำ-ตาม-อย่าง-เคร่ง-ครัด เข้าใจไหม?”  ทีมบอสของเฟอร์รารี่ได้แต่ปลง ตกลงเขามีหน้าที่อะไรในทีมกันแน่? เป็นตั้งแต่เจ้าหน้าที่อุทยานยันช่างประจำบ้าน ช่างไฟฟ้า ช่างประปา ช่างซ่อมแอร์เขาก็เป็นมาแล้ว จะให้มาเป็นเนวิเกเตอร์อีกอาชีพก็ย่อมได้!

“รู้แล้วน่า~   ปลายสายยังมีหน้ามาทำเสียงไม่ยี่หร่ะ  ทีมบอสม้าลำพองได้แต่ส่ายหน้าอย่างระอา

“เซียวจ้านล่ะ?”   เขาถามถึงอีกคนที่ไปด้วยกันและก็ดูจะน่าเป็นห่วงกว่ายัยฮันซี่เยอะ

“กินลูกชิ้นหนวดปลาหมึกอยู่ข้างๆเนี่ย”   ทาโกะยากิ?

“ดูแลเด็กนั่นด้วยล่ะ แล้วก็อย่าปล่อยให้กินแต่ขนม”  

“สบายใจหายห่วงได้เลย!”   แล้ววิศวกรสาวก็วางสายไป...



ไหนว่าสบายใจหายห่วงได้? แล้วผ่านไปครึ่งวันก็โทรมาอีกนี่อะร๊ายทีมบอสของสครูเดอเลียเฟอร์รารี่กดรับโทรศัพท์อย่างหงุดหงิด



“ฮอกไกโด...?”   ริมฝีปากสีสดพึมพำชื่อที่อ่านได้จากป้ายข้างทาง  ดวงตากลมโตเบื้องหลังกรอบแว่นพยายามเพ่งเผื่อจะรู้ว่าชื่อสถานที่นั้นมันอยู่ตรงไหนในโลกกันแน่ แต่ความเวิ้งว้างว่างเปล่ารอบกายก็ทำให้ชายหนุ่มยกขนมในมือขึ้นมากินต่อ ปล่อยให้คนที่มาด้วยกันโทรถามทางต่อไป

“เอลวิน ทำไมชั้นมาอยู่ที่ฮอกไกโดได้ล่ะ?”   วิศวกรสาวถามด้วยน้ำเสียงไม่เข้าใจ ขมับของทีมบอสเฟอร์รารี่ถึงกับกระตุกเป็นจังหวะ

“ชั้นจะรู้กับพวกนายไหม?!   ไปทำอีท่าไหนถึงไปโผล่อยู่ฮอกไกโดได้ละเฟ้ย

“ตื่นมาอีกทีก็อยู่นี่แล้วอ่ะ รถไฟญี่ปุ่นนี่วิ่งไวมว๊ากกก เผลอหลับตาไม่ได้เชียว สุดยอด!”  ..........อ่อ...สรุปว่าเผลอหลับไปทั้งคู่สินะ? แล้วอย่างเธอน่ะไม่เรียกว่าเผลอหลับตาแต่ต้องเรียกว่าไหลตายเฟ้ย!

ขนาดทำตามวิธีเดินทางก็แล้ว มั๊นนนก็ยังมีเรื่องให้ผิดได้อี๊กกกก!  ทีมบอสม้าลำพองแทบอยากจะกรี๊ดออกมา ตอนนี้เขารู้แล้วว่าเขาคิดผิดที่ส่งเจ้าสองคนนั่นออกนอกประเทศอิตาลี เขาน่าจะหาการแข่งอะไรก็ได้ที่อยู่ในประเทศ จะแข่งวิ่งหมูหมากาไก่อะไรก็ได้ที่เขาจะส่งคนตามไปประกบไอ้เด็กเนิร์ดสองคนนั้นได้น่ะ!

“พวกนาย....อย่าปิดสัญญาณติดตามตัวล่ะ...”   เพราะว่าทีมแข่งรถอย่างพวกเขาต้องเดินทางไปรอบโลก มีทั้งที่ที่ปลอดภัยและที่ที่ยังไม่น่าไว้ใจ ลูกทีมทุกคนจึงจะมีตัวส่งสัญญาณติดตามตัวซ่อนอยู่ในไอเท็มประจำตัวของแต่ละคน อย่างยัยฮันซี่กับเซียวจ้านก็จะฝังไว้ในแว่นตาที่ต้องใส่ตลอดเวลานั่นแหละ

“รู้แล้วน่า แล้วคนที่สั่งปิดได้ก็มีแต่นายกับครูเทโอ้นี่นา~”   เหรอออออ...แล้วทำไมทีมบอสอย่างเขาถึงได้หาตัวไอ้พวกที่แอบเข้ามาใช้พิตการาจไม่เจอกันนะช่วงพักฤดูกาลน่ะ อย่าลืมว่าไอ้พวกนี้เป็นวิศวกร เรื่องจะหาทางปิดสัญญาณติดตามตัวน่ะ ไม่น่าจะใช่เรื่องที่ทำไม่ได้

“ดูจากโลเคชั่นที่เธออยู่แล้วแถวนั้นมีร้านเช่ารถอยู่ ไปเช่ารถขับเอาก็แล้วกัน จะได้ไม่หลับอีก”  ทีมบอสพยายามหาทางออกให้โดยหลีกเลี่ยงการใช้รถไฟ ขืนปล่อยให้พวกมันนั่งกลับไปคงได้ไปโผล่อีกทีใต้สุดแดนอาทิตย์อุทัย สามปีให้หลังนู่นแหละได้ถึงสนาม!

“โอ้ส!   วิศวกรสาวตอบรับกลับมาอย่างกระตือรือร้น

“อย่าเพิ่งวาง! เซียวจ้านกินอะไรอยู่?”  ทีมบอสเช็คให้แน่ใจว่ามีใครฝ่าฝืนคำสั่งหรือไม่

“ชิโร่ย..โคบิโตะ...เฮ้! ท่านบอสบอกว่าอย่ากินแต่ขนม! เอามาให้ชั้นกินแทนเดี๋ยวนี้จ้านจ้าน! ติ้ดๆๆ.....”   ปลายสายตัดไปพร้อมกับเส้นเลือดที่ขมับของเอลวิน สมิธที่เต้นตุบๆ ถ้าเจ้าเด็กเอเชียนั่นกลับมาแล้วหน้าบวมใครจะรับผิดชอบห๊ะ? เห็นแบบนั้นแต่ก็มีใบหน้าเป็นสินค้าของเฟอร์รารี่นะ!




แล้วทีมบอสก็วางใจที่ช่วยแก้ปัญหาได้อยู่แค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้น พอขึ้นนาทีที่สามสิบเอ็ด โทรศัพท์จากญี่ปุ่นก็ดังทันที

ขนาดให้ไปเช่ารถขับ มันก็ยังจะมีปัญหา!!



“เอลวิน...ไม่รู้ทำไมถึงได้บิ๊กไบต์มาอ่ะ?”   ว้อยยยย ไปคุยกับเจ้าของร้านเค้ายังไงเนี่ย~~ ถึงปกติจะพูดไม่ค่อยรู้เรื่องอยู่แล้ว พอยิ่งเป็นต่างภาษาน่าจะสื่อสารกันลำบาก แต่รูปมันก็มีไหม? ชี้เอาก็ได้~~~

“................”  เอลวิน สมิธถึงกับเงียบไปด้วยความละเหี่ยใจก่อนจะเรียกพลังกลับเข้าร่างอีกครั้ง

“ช่างเถอะ แล้วพวกนายขี่มอเตอร์ไซค์กันเป็นไหม?”   เขาถามออกไปอย่างเพลียๆ

“ผมขี่รถสองล้อไม่เป็นเลย”   ได้ยินเสียงเซียวจ้านแว่วมาจากข้างๆ เขายืนยันได้ว่าเจ้าเด็กนั่นพูดความจริง เพราะกระจกบานใหญ่ในเฮดออฟฟิศของเฟอร์รารี่ยังมีรอยแตกร้าวยาวเป็นเกียรติประวัติให้เจ้าเด็กเอเชียนั่นอยู่เลย จากการขี่จักรยานพุ่งชนจนสะเทือนไปทั้งตึก!

“ชั้นขี่ได้ๆๆ”  กลับเป็นยัยฮันซี่ที่ตะโกนปาวๆ......อืม...แมนมากวิศวกรของเขา ให้ผู้หญิงขับแล้วผู้ชายซ้อน....เอาเถอะ ดูรูปลักษณ์แล้วก็ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่...

“งั้นเธอก็ขี่ไป ดูทางให้ดีๆด้วยล่ะ ตำรวจญี่ปุ่นโหดมากเลยนะ อย่าทำผิดกฎจราจร”   ถึงจะดูเพี้ยนๆแต่เรื่องขับรถ คนของเฟอร์รารี่ไว้ใจได้ทุกคนนั่นแหละ เพราะนี่คือบททดสอบแรกเลยที่ต้องผ่านก่อนจะเข้ามาทำงานภายใต้ธงสีแดงได้



แล้วดูเหมือนวิธีนี้จะเวิร์คกว่าทุกวิธี เพราะดูจากตำแหน่งในจีพีเอสแล้วอีกไม่นานสองวิศวกรหัวกะทิของเฟอร์รารี่ก็จะถึงสนามทวินริง โมเตกิแล้ว

“ศิษย์พี่~ แวะกินข้าวก่อนดีไหมครับ? ผมหิวแล้วอ่ะ”   ใบหน้ามนตะโกนฝ่ากระแสลมมาจากด้านหลังจนคนข้างหน้าต้องเงี่ยหูฟัง

“ห๊ะ? อะไรนะ? นายเพิ่งจะกินมาตลอดทางไม่ใช่เหรอ? ในปากยังเคี้ยวอะไรอยู่เลยป่ะเนี่ย?”   วิศวกรสาวตะโกนสวนกลับมา จริงๆก็รู้อยู่ว่าเซียวจ้านกินเก่งมากแต่ที่ไม่อ้วนเพราะมันจะมีช่วงที่เหมือนจำศีลคือไม่กินอะไรเลย ก็จะแฟ่บลงช่วงนั้นแหละ

“ก็หิวอีกแล้วอ่ะ...”   เสียงบ่นงุ้งงิ้งๆดังจากข้างหลังจนวิศวกรสาวต้องตามใจ

“ได้ๆ งั้นแวะจุดพักรถข้างหน้าแล้วกันนะ”

“ครับ!

แล้วขณะที่มองหาจุดพักรถ ไฟแว่บๆจากไซเรนรถตำรวจก็สาดส่องมาเข้าตา...เปล่านะ!...พวกเขาไม่ได้ขับรถผิดกฎหมายจนโดนตำรวจไล่! แต่ดูเหมือนข้างหน้ากำลังมีอุบัติเหตุอะไรอยู่มากกว่า

บิ๊กไบต์ที่สองวิศวกรทีมม้าลำพองขี่มาจำต้องลดความเร็วลงเมื่อขับผ่านจุดเกิดเหตุ ดวงตาทั้งสองคู่ทันเห็นว่ามีรถเก๋งคันหนึ่งพุ่งชนต้นไม้อยู่ ดูจากรอยเบรกยาวเหยียดที่ติดอยู่บนถนนแล้วคงไม่ใช่อุบัติเหตุเฉี่ยวชนเล็กๆน้อยๆแน่ ไม่งั้นรถตำรวจคงไม่แห่กันมาหลายคันขนาดนี้

วิศวกรสาวยังคงขี่มอเตอร์ไซค์ต่อไป ยังไงนั่นก็ไม่ใช่เรื่องของพวกเขา อีกทั้งภาพแบบนี้ก็เห็นจนชินตาจึงไม่ใช่อะไรที่น่าลงไปมุงดูนัก  บิ๊กไบต์เลี้ยวเข้าสู่จุดพักรถที่มีร้านอาหารเรียงราย มีปั๊มน้ำมัน มีเอ้าท์เลต มีกระทั่งโรงแรมให้ค้างคืนได้

“โอ๊ยปวดฉี่~ นายรอชั้นอยู่ตรงนี้ก่อนนะจ้านจ้าน ห้ามกระดิกตัวไปไหนเลยนะ! ห้ามเลยนะ!”   วิศวกรสาวโดดลงจากมอเตอร์ไซค์ได้ก็หันมาสั่งก่อนจะวิ่งไปทั้งหมวกกันน็อค ส่วนคนถูกสั่งก็พยักหน้ารับหงึกๆก่อนจะก้าวขาลงมายืนพิงอยู่ข้างรถ ตอนนี้ดวงตากลมโตกำลังเพลิดเพลินไปกับการมองร้านอาหารญี่ปุ่นที่อยู่รอบกาย น้ำลายแทบจะไหลย้อยออกมาจึงไม่ได้รู้เลยว่าตัวเองกำลังตกเป็นเป้าสายตาของใครคนหนึ่ง


เอี๊ยดดดดดด!!!


ฝ่าเท้าใหญ่เหยียบเบรกดังลั่นเมื่อหาเป้าหมายเจอจนได้ ในหัวกำลังร้อนเป็นไฟจนไม่สนใจอีกแล้วว่าจะจอดรถขวางถนนหรือจะชนใครตาย ร่างสูงสง่าก้าวขาลงจากรถก่อนจะเดินพรวดๆไปหาคนที่ยืนพิงมอเตอร์ไซค์อยู่ มือใหญ่คว้าหมับลงไปที่ข้อมือซึ่งเล็กกว่าที่คิดอย่างกลัวว่าอีกฝ่ายจะหนีไป

“เอ๊ะ?”   อีกฝ่ายหันมามองหน้าเขาอย่างตกใจ แต่ไฟโทสะที่กำลังโหมกระหน่ำก็ทำให้เขาไม่สนใจอีกแล้วว่าอะไรคือผิดชอบชั่วดี ใบหน้าหล่อเหลาจ้องเขม็งมองอีกฝ่ายเหมือนอยากจะบีบคอให้ตาย เขาอดทนมามากพอแล้วและคราวนี้หมอนี่ก็ทำเกินไปจริงๆ!

“อยากได้ข่าวของชั้นนักใช่ไหม? ชอบตามถ่ายรูปชาวบ้านมากนักใช่ไหม? ได้...ชั้นจะทำให้นายไม่กล้าถ่ายรูปใครอีกเลยตลอดชีวิต!”   เสียงทุ้มกดต่ำข่มขู่อีกฝ่ายที่ทำสีหน้าเหรอหราใส่เขา

“ห๊ะ? พูดเรื่องอะไร? แล้วชั้นเป็นใคร?”   มันต้องถามว่านายเป็นใครไม่ใช่เหรอวะ??! ไม่สิ ก็ถูกแล้วที่อีกฝ่ายจะไม่ถามว่าเขาเป็นใคร เพราะไม่มีทางที่อีกฝ่ายจะไม่รู้จักเขาอยู่แล้ว ในเมื่อหมอนี่ตามปาปารัสซี่เขามาตั้งเป็นปีๆ แล้วคราวนี้ก็คิดว่าเขากำลังเดทกับผู้หญิงทั้งๆที่นั่นคือพีอาร์ของทีม เราก็แค่ไปทำงานแต่หมอนี่ก็ตามรังควาญจนรถที่พีอาร์ของเขาขับเกิดอุบัติเหตุ เธอถูกหามส่งโรงพยาบาลส่วนหมอนี่ก็หนีมา!

“ไม่ต้องมาไขสือ!”   เขาไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะตีมึนยังไง มือใหญ่ออกแรงบีบที่ข้อมือบางจนแทบหัก จับส่งตำรวจไปก็เท่านั้น ขู่ว่าจะฟ้องไปก็เท่านั้น คนอย่างหมอนี่มันต้องเจอคนอย่าง หวังอี้ป๋อ!

ดวงตาดุดันตวัดมองรอบกาย รอยยิ้มร้ายๆปรากฏบนใบหน้าเมื่อมองเห็นป้ายโรงแรม ร่างแข็งแกร่งลากอีกฝ่ายให้เดินตามมาทันที

“จะทำอะไรน่ะ? ปล่อยชั้นนะ! ชั้นไปจากตรงนี้ไม่ได้นะ! ถ้าศิษย์พี่ออกมาไม่เจอชั้นมันจะวุ่นวายไปทั้งโรงงานเลยนะ!”   อีกฝ่ายโวยวายอะไรไม่รู้เรื่อง แหงละ คงจะพยายามหาทางรอดไปจากเขาอยู่โดยกรุเรื่องอะไรขึ้นมา ขอบอกเลยว่าไม่มีทาง!


โครม!!


ประตูห้องหนึ่งของโรงแรมถูกกระแทกปิดตามแรงอารมณ์ที่กำลังเดือดพล่าน เขาลากคนที่พยายามจะหนีไปที่เตียงก่อนจะโยนอีกฝ่ายลงไป

“โอ๊ย! อะไรเนี่ย??”   อีกฝ่ายพยายามจะพลิกตัวลุกขึ้นมาแต่เขาก็ก้าวขาคร่อมร่างผอมบางนั่นเอาไว้แล้ว เขาจับมือที่พยายามจะต่อสู้ คนตรงหน้าคงจะเริ่มรับรู้ถึงอันตรายถึงได้ต่อต้านเขาหนักกว่าเดิม

เขากดข้อมือบางๆทั้งสองข้างนั่นลงกับหมอนก่อนจะโน้มตัวลงไปใกล้ๆใบหน้าที่กำลังตื่นตระหนก เอาจริงๆเขาก็เพิ่งเคยเห็นหน้าอีกฝ่ายชัดๆขนาดนี้ ที่ผ่านมาอีกฝ่ายมักจะหลบอยู่ตามสุมทุมพุ่มไม้ไม่ก็ใส่แมสปิดบังใบหน้า เขาไม่คิดด้วยซ้ำว่าเจ้าปาปารัสซี่นั่นจะหน้าตาดีขนาดนี้ ตาก็โต หน้าก็ใส ปากนิดจมูกหน่อย เครื่องหน้าทุกอย่างสวยงามน่ารักขนาดนี้ไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไมถึงยังทำงานแบบนั้นอยู่อีก หากินกับข่าวเสียหายของคนอื่นนี่ไม่ละอายใจบ้างหรือไง? หน้าตาแบบนี้ไปเป็นดารานักร้องไม่ดีกว่าเหรอ? แต่จะยังไงก็ช่างเถอะ วันนี้เขาจะทำให้อีกฝ่ายแทบอยากจะเอาปี๊บคลุมหน้าเวลาเดินเลยละ

“เดี๋ยวสิ! เราไม่รู้จักกันซักหน่อย จับชั้นมาทำไม?!”   ไม่รู้จักเขา? หึ...ตลกละ ถ่ายรูปเขาไปตั้งเท่าไหร่ คำโกหกแบบนี้ก็คิดขึ้นมาได้ เขาเพิ่มแรงบีบลงไปที่ข้อมือ ยิ่งอีกฝ่ายปฏิเสธหน้าด้านๆก็ยิ่งทำให้เขาโมโห จะสำนึกผิดในสิ่งที่ตัวเองทำลงไปสักนิดก็ไม่มีเลยสินะ ถ้าลูกทีมของเขาเป็นอะไรไปละก็ เขาจะเอาให้ตายคามือเลยคอยดู 

“ทำแบบนี้ทำไม? หรือนายอยากได้ข้อมูลรถของเฟอร์รารี่? ยังไงชั้นก็ไม่มีวันบอกนายหรอก ปล่อย!!”   ยังจะพยายามโกหกอีกสินะ? เขาย้ายข้อมือบางไปไว้เหนือหัวก่อนจะรวบมันด้วยมือเดียว มือข้างที่ว่างดึงโทรศัพท์มือถือของอีกฝ่ายออกมาจากกระเป๋ากางเกงก่อนจะปาอัดกำแพงจนมันพังยับ

“นาย!”   เจ้าปาปารัสซี่หันไปมองซากโทรศัพท์ด้วยดวงตาที่โตเท่าไข่ห่านก่อนจะหันกลับมาตะโกนด่าเขาเป็นภาษาอะไรซักอย่าง ร่างกายผอมบางเพิ่มแรงในการต่อสู้แต่ก็ทำอะไรไม่ได้สักนิด เขากระชากคอเสื้อเชิ้ตจนกระดุมมันเด้งหลุดออกไปสองสามเม็ด แผ่นอกที่เขาเห็นนั่นขาวเนียนและบอบบางกว่าที่คิดเอาไว้มาก เจ้าปาปารัสซี่นั่นผอมขนาดนี้เลยเหรอ?

“หยุดนะ! ทำบ้าอะไรเนี่ย? ปล่อย!! ชั้นจะแจ้งตำรวจ ไม่สิ เฟอร์รารี่ไม่ปล่อยนายไว้แน่ถ้านายทำอะไรชั้น ปล่อย~!!”   ริมฝีปากสีแดงร้องโวยวาย บอกตามตรงว่าเขาไม่ได้หวาดกลัวกับคำข่มขู่นั่นแม้แต่นิดเดียว ถึงแม้บางเรื่องที่อีกฝ่ายพูดออกมาเขาจะไม่เข้าใจแต่ถ้าคิดว่าคนอย่างหวังอี้ป๋อจะกลัวตำรวจละก็...คิดผิดแล้ว

แกร่กๆ

เข็มขัดถูกรูดออกจากเอวบางอย่างใจเย็นก่อนที่มันจะถูกใช้มัดข้อมืออีกฝ่ายไว้กับหัวเตียง สองขาเรียวยาวทั้งเตะทั้งถีบแต่ก็ทำได้ไม่ถนัดนักเพราะเขานั่งทับอยู่ กางเกงขายาวถูกดึงออกไปเผยต้นขาวับๆแวมๆอยู่ใต้ชายเสื้อเชิ้ต...ปกติแล้วโคนขาของผู้ชายมันน่ามองขนาดนี้เชียว?

“จะ...จะทำอะไร...”   อีกฝ่ายมองหน้าเขาอย่างไม่ไว้ใจ เรียวขาหุบเข้าหากันเพราะน่าจะรับรู้ถึงรังสีอันตรายจากรอยยิ้มร้ายของเขาได้

“เห็นนายชอบแอบถ่ายรูปคนอื่น...ถ้านายถูกถ่ายบ้าง...จะเป็นยังไงกันน้า...”    แชะ...โทรศัพท์มือถือของเขาถูกยกขึ้นมาถ่ายรูปอีกฝ่ายไว้ เขาจงใจเปิดทั้งเสียงชัตเตอร์เปิดทั้งแฟลชให้อีกฝ่ายเห็น แน่นอนว่ามันได้ผลเพราะคนตรงหน้าดูหวาดผวาหนักกว่าเดิม

“อย่าถ่ายนะ สภาพแบบนี้”   ใบหน้ามนพยายามหันหนีเพราะสองมือถูกมัดเอาไว้จึงยกมาปกป้องใบหน้าของตัวเองไม่ได้

“หึ...กลัวสินะ...ทีทำกับคนอื่นไม่เห็นกลัวแบบนี้ล่ะ? หึๆๆ แต่จะบอกให้นะ ถ้าคิดว่านี่คือสภาพน่าอายที่สุดของนายแล้วละก็ นายคิดผิดถนัดเลย เพราะชั้นจะถ่ายรูปที่น่าอายกว่านี้ ชนิดที่ถ้าเอาไปลงที่ไหนละก็ นายต้องดังเป็นพลุแตกแน่ๆ แต่ดังในแง่ไหนนี่ก็....”   เขาจงใจใช้สายตาโลมเลียจ้องมองไปที่โคนขาขาว ร่างโปร่งบางพยายามถอยหนีเขาทันที แต่จะหนีไปไหนพ้น

“อย่า”   ริมฝีปากสีแดงพยายามร้องห้ามแต่เขาก็ไม่คิดจะฟัง ยิ่งคิดถึงสิ่งที่อีกฝ่ายทำกับเขาไว้ก็ยิ่งเลือดขึ้นหน้า ฝ่ามือใหญ่ตามไปดึงกางเกงชั้นในออกจากเรียวขา ตอนนี้คงตรงหน้าจึงเหลือแค่เสื้อเชิ้ตหลุดๆรุ่ยๆแค่ตัวเดียว


แชะ...แชะ...แชะ....


เขาปัดมือที่ถูกมัดออกไปเมื่อมันพยายามจะขยับมาบังใบหน้า ตอนนี้ดวงตากลมโตมีน้ำตาคลอ ร่างโปร่งบางเองก็ถอยหนีอย่างน่าสงสาร แต่มารยาพวกนั้นมันใช้กับเขาในเวลาที่โมโหไม่ได้หรอก!

มือใหญ่ล้วงเข้าไปในเสื้อเชิ้ตก่อนจะเปิดให้เห็นยอดอกสีชมพู เสียงร้องห้ามยังคงดังอย่างต่อเนื่องแต่เสียงชัตเตอร์ที่กำลังถ่ายปลายนิ้วกำลังบดขยี้เม็ดสีน่ารักนั้นก็ไม่หยุดเช่นกัน

“หยุด อย่าถ่าย! อื้อ~”   เขาย้ายโทรศัพท์มือถือไปจ่อใกล้ๆใบหน้ามนก่อนจะถ่ายเป็นวีดีโอไล่ลงมาเรื่อยๆ ตั้งแต่ใบหน้าลงมาปลายคาง ตั้งแต่ลำคอลงมาลาดไหล่ ตั้งแต่ไหปลาร้าลงมาหน้าอก จนถึงโคนขา...

“ต้องมีผู้ชายอยากนอนกับนายเยอะแน่ๆถ้าเห็นวีดีโอนี่...หึๆๆ”   เขาหัวเราะเยาะทั้งๆที่อีกฝ่ายกำลังจะร้องไห้อยู่รอมร่อ

“จะพอได้รึยัง?!”   อีกฝ่ายพยายามใช้แรงเฮือกสุดท้ายมาจู่โจมโทรศัพท์มือถือของเขา แต่เขาก็ปัดมือที่ถูกมัดติดกันนั่นออกไป

“นี่ยังไม่ถึงจุดพีคเลยนะ จะพอได้ยังไง?”   เขาแสยะยิ้มร้ายให้อีกฝ่าย ใบหน้ามนหน้านิ่วคิ้วขมวด ถ้าอีกฝ่ายไม่เคยก่อเรื่องก่อราวไว้ขนาดนั้นเขาก็คงจะสงสารอยู่บ้างหรอก รีบๆจัดการให้เสร็จก่อนที่เขาจะใจอ่อนดีกว่า

ฝ่ามือใหญ่จึงย้ายไปที่ขาและราวกับว่ามันรู้ทันจึงพยายามหุบเข้าหากัน เขาจึงต้องใช้แรงบังคับให้สองขานั้นมันแยกออก เขาสอดหมอนเข้าไปใต้สะโพกเพื่อให้เห็นปากทางได้ชัดๆ มันน่าขัดใจที่หมอนี่ดันชมพูไปทั้งตัวแม้แต่ตรงนั้น

“อึก! อื้อ~~”   ร่างข้างใต้แทบจะดิ้นพล่านเมื่อเขาสอดปลายนิ้วที่ชุ่มโชกไปด้วยน้ำลายเข้าไปในช่องทางคับแน่นแบบไม่บอกไม่กล่าว และเขาก็ถ่ายวีดีโอเอาไว้ตั้งแต่ตอนที่มันเข้าไปจนถึงตอนนี้ที่มันยังคาอยู่...อันที่จริง...เขาเองก็ต้องรั้งสติไว้ไม่ใช่น้อยกับภาพอันเย้ายวนตรงหน้า...เขาแค่จะขู่ ไม่ได้อยากก่ออาชญากรรม...

“อย่า...”   ได้ยินเสียงห้ามที่เริ่มปนมากับเสียงสะอื้นเขาจึงเงยหน้าขึ้นไปมอง อีกฝ่ายกำลังร้องไห้และอ้อนวอนให้เขาหยุดด้วยสายตาที่น่าสงสาร.............

เขาถึงกับต้องกัดปากและข่มใจให้โหดร้ายต่อไป เขาจะต้องไม่ปล่อยให้หมอนี่มาทำลายชื่อเสียงของเขาและทำร้ายลูกทีมของเขาอีก

“ตอบมา...ว่านายจะเลิกยุ่งกับชั้นและทีมของชั้น ชั้นถึงจะหยุด”   เสียงทุ้มกดต่ำเอ่ยออกไป

“ยอม ชั้นยอม...ฮึก...”   ถึงอีกฝ่ายจะยอมจำนนแต่เขาก็ยังไม่วางใจ

“ชั้นจะเก็บรูปและคลิปพวกนี้เอาไว้...ถ้านายไม่ทำตามที่พูด ถ้านายยังมาคอยแอบถ่ายและรังควาญชั้นอีก ชั้นจะปล่อยรูปและคลิปพวกนี้ลงเนต รับรองว่านายต้องดังชั่วข้ามคืนแน่ๆ”   เขาข่มขู่ทิ้งท้ายเอาไว้ ใบหน้ามนส่ายรัวๆจนสองแก้มเลอะคราบน้ำตาเต็มไปหมด

เขาดึงนิ้วออกมา ทิ้งร่างกายที่หมดเรี่ยวหมดแรงจะต่อต้านนั่นไว้บนเตียง ดวงตาคู่โตนั่นยังคงร้องไห้ไม่หยุด เขายืนมองอีกฝ่ายอย่างรู้สึกผิดนิดๆ ถึงจะรู้ว่าทำเกินไปหน่อยแต่เขาก็เดือดร้อนเพราะอีกฝ่ายมาเป็นปีได้แล้วนะ แล้วคราวนี้ลูกทีมของเขายังมีอันตรายถึงชีวิตอีก จะโทษที่เขาใจร้ายไม่ได้


ปึง...


เขาเดินออกมาจากห้องและไม่คิดจะหันกลับไปมองอีก นี่คงจะเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาได้เห็นหมอนั่น...ลาก่อนก็แล้วกัน...

หวังว่าเรา...คงจะไม่ต้องพบต้องเจอกันอีก...








.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.

To be con.




สำหรับคนที่ไม่เคยอ่าน GLIDE ภาคก่อนๆจะขออธิบายศัพท์เทคนิคสั้นๆก่อนนาคะ ฟิคเรื่องนี้เดิมทีเป็นฟิคที่เป็นเรื่องราวในวงการแข่งรถฟอร์มูล่าวันค่ะ  Formula 1 , F1 , รถสูตรหนึ่ง ความหมายเดียวกันค่ะ

และในฟิคภาคก่อนๆจะโฟกัสไปที่ทีมแข่งรถจากประเทศอิตาลีอย่างทีมเฟอร์รารี่ค่ะ ซึ่งเฟอร์รารี่เองเค้าจะแบ่งเป็นสองส่วน คือส่วนที่ทำรถซุปเปอร์คาร์ขายให้คนทั่วไปกับส่วนที่เป็นทีมแข่ง ภาพรวมขององค์กรจะใช้ชื่อ Ferrari แต่ในส่วนของทีมแข่งจะใช้ชื่อ Scuderia Ferrari ค่ะ และด้วยโลโก้เค้าเป็นรูปม้าพยศ ก็เลยมีชื่อเรียกเล่นๆว่าทีมม้าลำพองค่ะ เบสหรือฐานการผลิตของทีมจะอยู่ที่เมืองมาราเนลโล่ ประเทศอิตาลีค่ะ มีทั้งโรงงาน เฮดออฟฟิศ สนามฟิโอราโน่ พิพิธภัณฑ์ อยู่ที่นั่นหมด เรียกว่าเป็นเมืองของเฟอร์รารี่เลยก็ว่าได้555+  นอกจากนี้ปัจจุบัน ค่ายรถยักษ์ใหญ่อย่างเฟอร์รารี่ , อัลฟ่าโรเมโอ และเฟียต ยังเป็นเจ้าของเดียวกันด้วยค่ะ

และ...GLIDE ยังเป็นจักรวาลใหญ่5555+ คือเป็นฟิค Feat.ระหว่างอนิเมะ 4 เรื่องแล้วตอนนี้ ฮ่าๆๆๆ รวมป๋อจ้านก็เป็น 5 แระถถถ  เพราะงั้นจะได้ยินชื่อคุ้นๆบ้างก็ไม่ต้องแปลกใจ ตัวละครหลักจาก Attack on Titan , Katekyo Hitman REBORN , Aldnoah ZERO , Token Ranbu (แก๊งชินเซ็นคุมิ) มากันครบค่ะ5555 แต่น่าจะปรากฏตัวในภาคนี้แค่บางคนเท่านั้น ไม่ต้องตกใจไป

เพราะงั้นป๋อจ้านในเรื่องนี้น่าจะวนเวียนอยู่ในอิตาลีมากหน่อย ไปซึบซับบรรยากาศโรแมนติกๆกันค่ะ!! >////<

ขอบคุณทุกๆการติดตามและทุกๆคอมเม้นต์น้า ฉากเปิดตัวอาจจะดูคุ้นๆ ป๋อเค้ามีลูกพี่(?)เสี้ยมมาดีค่ะ กร๊ากกกก




1 ความคิดเห็น: