อี้จ้าน Au.Fic [หวังอี้ป๋อ x เซียวจ้าน] JUNE : 05


อี้จ้าน Au.Fic [หวังอี้ป๋อ เซียวจ้าน]  JUNE : 05

: อี้จ้าน Fanfiction Au
: หวังอี้ป๋อ x เซียวจ้าน
: Warmhearted Romantic
: NC-17


คำเตือน : เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ
           : เนื้อเรื่องต่อไปนี้เป็นเพียงจินตนาการของผู้เขียน ไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นจริงนะคะ
           




วันนี้ที่โรงเรียนไม่มีการเรียนการสอนและเป็นหนึ่งวันในรอบหนึ่งปีที่นักเรียนทั้งโรงเรียนอยากมาโรงเรียนจากใจจริง

ริบบิ้นและลูกโป่งลอยขึ้นฟ้าไปเป็นสัญญาณบ่งบอกให้รู้ว่า...งานวัฒนธรรมประจำปีกำลังเริ่มต้นขึ้นแล้ว!

โถงทางเดินยาวเหยียดหน้าห้องเรียนคลาคล่ำไปด้วยผู้คน แต่ละห้องต่างจัดกิจกรรมและออกมาร้องเรียกแขกอยู่หน้าห้องทำให้บรรยากาศทั่วทั้งโรงเรียนดูคึกคักสนุกสนาน จะมีก็แต่ที่หน้าห้องศิลปะที่ไม่จำเป็นต้องมีคนคอยเรียกแขก เพราะแค่สมาชิกทั้ง 7ของชมรมก็ทำให้ห้องศิลปะเนืองแน่นไปด้วยผู้คนเพียงพอแล้ว

เด็กสาวเกือบทั้งหมดยอมรับว่ามารอดูเหล่าเจ้าชาย แต่กรอบรูปขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่กลางห้องก็ทำให้พวกเธอสนใจอยู่ไม่ใช่น้อย

ผ้าสีขาวคลุมรูปที่เป็นไฮไลท์ของงานเอาไว้จึงไม่มีใครรู้เลยว่ามันเป็นรูปอะไร ทุกคนต่างเดากันไปว่าคงจะเป็นรูปวิวทิวทัศน์หรือหมาแมวแบบทุกปี แต่เมื่อสัญญาณเปิดงานของโรงเรียนดังขึ้นและเซียวจ้านเจ้าของผลงานเดินเข้าไปเปิดผ้าที่คลุมไว้ออก เสียงฮือฮาก็ดังทั่วห้องทันที

“หวังอี้ป๋อ?”

หลายๆคนหันไปซุบซิบสอบถามกันอย่างไม่เชื่อสายตา  แม้แต่เพื่อนๆในแก๊งเจ้าชายเองก็ยังตกตะลึง เพราะเป็นที่รู้กันดีว่าเซียวจ้านไม่ชอบวาดรูปคน ในโรงเรียนเองก็มีเด็กสาวหน้าตาสวยๆตั้งหลายคนที่อยากจะมาเป็นแบบให้แต่เซียวจ้านก็ปฏิเสธทุกราย ยิ่งถ้าจะวาดรูปผู้ชายละก็มีตัวเลือกที่ดีที่สุดอยู่ใกล้ตัวตั้งหกคน...แต่ภาพที่อยู่บนผืนผ้าใบกลับไม่ใช่คนที่เอ่ยถึงแม้แต่คนเดียว

แต่กลับเป็น “หวังอี้ป๋อ” คนที่ไม่คิดว่าจะมาอยู่บนผืนผ้าใบของเซียวจ้านได้เลย

“หวังอี้ป๋อ?”

“หวังอี้ป๋อเหรอ?”

“รูปหวังอี้ป๋อจริงๆด้วย?”  เด็กสาวหันไปกรี๊ดใส่กัน

แน่นอนว่าไม่มีใครไม่รู้จักหวังอี้ป๋อ หนุ่มฮ็อตที่สุดของชั้นม.4 ข่าวแบบปากต่อปากจึงแพร่กระจายไปทั่วโรงเรียนไวเสียยิ่งกว่าไฟลามทุ่ง...ไม่นาน...ห้องศิลปะก็เต็มแน่นไปด้วยผู้คนที่อยากมาดูภาพวาดของหวังอี้ป๋อที่ถูกวาดโดยเซียวจ้าน หนุ่มฮ็อตอีกคนของชั้นม.6

“สวยจัง...”   เด็กสาวหลายต่อหลายคนมองภาพด้วยนัยน์ตาหวานเยิ้ม

“เป็นภาพที่สวยมากแล้วก็วาดอี้ป๋อออกมาได้หล่อสุดๆ”   เสียงชื่นชมกระจายอยู่ทั่วห้อง

“รุ่นพี่เซียวจ้านไม่เคยวาดรูปคนไม่ใช่เหรอ?”  แน่นอนว่าความสงสัยก็แพร่ไปยังทุกคนเช่นกัน เพราะตั้งแต่จัดแสดงภาพมาสามปีในโรงเรียนแห่งนี้ นี่เป็นภาพแรกของเซียวจ้านที่เป็นรูปคน

“นั่นสิ ฉันนึกว่าไม่ถนัดเสียอีก แต่ดูจากภาพนี้แล้ว...รุ่นพี่ก็วาดรูปคนได้สวยมากเลยนะ แค่ไม่ยอมวาดเอง”

“ถ้างั้น...ทำไมถึงเป็นหวังอี้ป๋อล่ะ?”

“ถามฉันแล้วฉันจะไปถามใคร? เฉินจงอีเฝ้าอย่างกับจงอางหวงไข่ ใครจะกล้าเข้าไปถาม”   เด็กสาวเหลือบมองไปที่กลุ่มเด็กหนุ่มสมาชิกชมรมศิลปะ(แต่ในนาม)ที่นั่งกันอยู่ที่โซฟามุมหนึ่งของห้อง เจ้าของภาพวาดทั้งหมดในที่นี้นั้นไม่ได้ดูเย่อหยิ่งเหมือนคนอื่นๆก็จริง แต่รอบข้างก็เต็มไปด้วยแก๊งเจ้าชายซึ่งแผ่ออร่าว่าคนธรรมดาห้ามเข้ามาใกล้ ทำให้ไม่มีใครกล้าเข้าหาเซียวจ้านไปโดยปริยาย

“รูปของนายปีนี้นี่เซอร์ไพรส์มากเลยนะเซียวจ้าน ไปรู้จักกับเด็กนั่นตั้งแต่เมื่อไหร่?”   แล้วคนที่ถามออกไปกลับเป็นหนึ่งในแก๊งเจ้าชายด้วยกัน  หลินจิวเชินวางแก้วชาลงบนโต๊ะตรงหน้าก่อนจะยกขาขึ้นมาไขว่ห้างแล้วมองมาทางเจ้าของภาพ

“......ก็ซักพักแล้ว”   เซียวจ้านทิ้งตัวให้จมหายลงไปในโซฟา ใบหน้ามนงอง้ำเล็กน้อยเมื่อถูกซักไซ้แต่กลับน่าเอ็นดูในสายตาเพื่อนๆ

“ไม่ใช่ว่านายไม่วาดรูปคนหรอกเหรอ?”

“หมอนั่นจะเป็นคนเดียวที่ฉันวาด เลิกถามกันได้แล้ว”   ร่างโปร่งบางดีดตัวลุกขึ้นจากโซฟาด้วยสีหน้ารำคาญๆ

“เสี่ยวจ้าน จะไปไหน?”   เฉินจงอีรีบถามเมื่อเห็นว่าเขากำลังจะเดินออกไป

“ไปห้องน้ำ จะตามไปเฝ้าไหม?”   เขาหันไปทำหน้ายักษ์ใส่ ตั้งแต่หมอนี่รู้ว่าเจ้าโฮ่งมานอนที่ห้องเขาก็เฝ้าแทบจะทุกฝีก้าวตอนอยู่ที่โรงเรียน ดีนะที่เขาไม่ได้บอกไปว่าบ้านเจ้าโฮ่งอยู่ติดกัน ไม่งั้นหมอนี่คงได้ไปนอนเฝ้าหน้าห้องเขาแน่!

“แล้วก็อย่าให้ฉันรู้นะ...ว่านายไม่อยู่ดูแลรูปของฉันน่ะ”   ใบหน้ามนข่มขู่เอาไว้ก่อนจะเดินตัวปลิวจากไป เพื่อนๆในแก๊งเจ้าชายต่างตบไหล่เฉินจงอีด้วยความเห็นใจ เพราะถึงหมอนี่จะดุดันกับคนอื่นได้ แต่ก็ไม่เคยขัดคำสั่งเซียวจ้านได้เลยสักครั้ง





แน่นอนว่าร่างโปร่งบางเดินไปคนละทางกับห้องน้ำ...มีงานโรงเรียนทั้งทีจะให้นั่งแกร่วอยู่แต่ในห้องศิลปะได้ยังไง  แล้วเขาก็ไม่อยากเดินดูงานกับเจ้าพวกนั้นด้วย ไปไหนก็มีแต่คนมองน่ารำคาญจะตาย  เซียวจ้านจึงเดินแทรกตัวไปตามฝูงชนเพียงลำพัง  ดวงตาคู่โตมองนู่นมองนี่ไปเรื่อย แอบแวะไปดูห้องของเด็ก ม.4 แต่ก็ไม่มีวี่แววของเจ้าโฮ่งเลย สงสัยจะไปเตรียมตัวอยู่ที่หอประชุมละมั้ง? รู้สึกจะต้องเต้นในอีกไม่นานนี้แล้ว

“เสี่ยวจ้าน?”   เสียงทุ้มเสียงหนึ่งดึงเขาเอาไว้...อ่า...นึกว่าจะหนีเจ้าพวกนั้นพ้นแล้วแท้ๆเชียว แต่กลับมาเจอ ไป๋หลี่จวิน หนึ่งในแก๊งเจ้าชายที่กำลังเดินตรวจงานในฐานะผู้ดูแลกฎของโรงเรียนซะได้

“นาย...แอบหนีออกมา?”   รู้แล้วยังจะถามอีก! เขาหันไปมองใบหน้าคมคายนั่นพลางบุ่ยปาก

“รู้แล้วก็หุบปากไว้ด้วย ถ้าจงอีหาตัวฉันเจอ นายโดนแน่”   เขาเดินไป คุยกับอีกฝ่ายไป

“หื๋ม...น่ากลัวสุดๆ”   หลี่จวินหัวเราะในลำคอก่อนจะมองมาที่เขา

“....นายจะไม่ให้โอกาสหมอนั่นหน่อยเหรอ”   เป็นคำถามที่ทำเอาชะงักค้างไปทั้งร่าง  เขาเข้าใจความห่วงใยของหลี่จวินดี เพราะหมอนี่เป็นทั้งเพื่อนของเขาและเป็นทั้งเพื่อนของจงอี

“ฉันให้โอกาสแล้ว  ฉันให้โอกาสก่อนด้วยซ้ำ! แต่คนที่ทิ้งโอกาสไปคือหมอนั่น และฉันจะไม่ทำให้ตัวเองเจ็บอีก!   เขาเค้นเสียงตอบออกไปให้สมกับที่เป็นคุณชายตระกูลเซียวที่จะไม่ให้โอกาสใครซ้ำสองและเขาก็เด็ดขาดกับเรื่องนี้เสมอ

“....ไม่ใช่ว่านาย...กำลังมีคนใหม่เหรอ...”   หลี่จวินพูดออกมาด้วยรอยยิ้มบางๆ เขาชะงักค้างไปอีกรอบ...หมอนี่...ดูเขาออกเสมอ

“.......”

“ไม่ปฏิเสธ แสดงว่าใช่”   ดวงตาคู่คมจ้องหน้าเขาจนต้องเสสายตาหลบ

“ห้ามบอกจงอีนะ”   ใบหน้ามนก้มลงพึมพำ 

“สักวันหมอนั่นก็ต้องรู้ ดูรูปที่นายวาดไว้ใครๆก็รู้”   เขาเงียบไปเพราะไม่รู้จะตอบโต้ยังไงดี  หลี่จวินจึงถอนหายใจเบาๆก่อนจะพูดประโยคยาวๆกับเขา

“เสี่ยวจ้าน...นอกจากจงอี ก็มีฉันอีกคนที่อยู่กับนายมาตั้งแต่เด็ก ฉันเองก็ไม่อยากเห็นนายเจ็บเหมือนกันนั่นแหละ เลือกให้ดี นายเป็นคนที่มีสิทธิ์เลือก”   ก็เพราะเป็นเพื่อนกันมานานขนาดนี้เขาจึงเข้าใจในความหวังดีของอีกฝ่าย เพราะหลี่จวินรู้ว่าเขาจะต้องเจอกับอะไรบ้าง แม่เขาไม่มีทางปล่อยเรื่องนี้ไปแน่...แต่ว่า...เขาเองก็อยากจะมีชีวิตเป็นของตัวเอง

“หลี่จวิน...”   เขามองเข้าไปในดวงตาคู่คมก่อนจะทิ้งประโยคหนึ่งเอาไว้แล้วเดินจากมา

“ฉัน...เลือกแล้ว”  









ร่างโปร่งบางเดินผ่านหน้าห้องหนึ่งซึ่งมีกลิ่นหอมลอยออกมา...กลิ่นดอกไม้?...ดวงตากลมโตจึงเหลือบมองป้ายชื่อหน้าห้อง...ชมรมจัดดอกไม้?

สองขาจึงเดินเข้าไปเผื่อว่าจะมีดอกไม้อะไรน่าสนใจและเอาไปเป็นแบบวาดรูปได้ แต่พอเข้าห้องมา สายตาของเขากลับไปหยุดอยู่ที่ช่อดอกไม้หลายต่อหลายช่อที่เรียงซ้อนๆกันอยู่บนโต๊ะ หนึ่งในนั้นคือ ดอกเรพซี้ด...

เรพซี้ดเอามาจัดช่อได้ด้วยเหรอ?

สมเป็นชมรมจัดดอกไม้จริงๆ

เขายืนมองมันด้วยดวงตาเป็นประกาย เขาไม่ได้ชอบมันมากกว่าดอกไม้อย่างอื่น เพียงแต่...เห็นมันแล้วเขาจะนึกถึงเจ้าโฮ่งกับทุ่งดอกเรพซี้ดสีเหลืองอร่ามที่ไปด้วยกัน...

“ระ รุ่นพี่เซียวจ้าน.....”   เด็กสาวที่น่าจะเป็นคนในชมรมยืนมองเขาตาค้างพลางอ้าปากพะงาบๆราวกับเห็นว่าเขาไม่ใช่คน

“ช่อดอกไม้ตรงนี้คือ...ขายเหรอ?”   เขาถามเด็กสาวที่ยังตื่นเต้นจนแทบจะกลายเป็นตระหนกตกใจ

“คะ คะ ค่ะ ขายค่ะ!”   ใบหน้ามนหันไปยิ้มกับช่อดอกไม้ มือบางเอื้อมไปหยิบช่อบูเก้เล็กๆที่ทำจากดอกเรพซี้ดขึ้นมา

“เอาช่อนี้”   เขาหยิบเงินส่งให้แล้วเดินออกจากห้อง...เขาตั้งใจจะให้ดอกไม้ช่อนี้กับเจ้าโฮ่ง...ก็อย่างเวลาไปดูละครเวทีหรือการแสดงสด ที่บ้านเขาก็มักจะซื้อช่อดอกไม้ไปให้ผู้จัดละครเพื่อแสดงความยินดี อะไรแบบนี้

ร่างโปร่งบางเดินไปทางด้านหลังหอประชุม พวกที่จะต้องขึ้นแสดงน่าจะอยู่ในห้องแต่งตัวด้านหลังเวที ดวงตาคู่โตมองหาป้ายทีมสตรีทแดนซ์ที่ติดอยู่หน้าห้อง ถึงเขาจะหามันจนเจอ ทว่า เสียงทะเลาะกันรุนแรงที่ดังรอดออกมาก็ทำให้เขาไม่กล้าก้าวขาเข้าไป

“จูหยางซื่อ! นายก็รู้ไม่ใช่เหรอว่าพวกเราจริงจังกันขนาดไหน?! แล้วทำไมนายยังเป็นแบบนี้!”   เสียงผู้หญิงกำลังด่าทอใครสักคนด้วยความโมโหสุดขีด ตามมาด้วยเสียงห้ามปราม...ทีมของเจ้าโฮ่งกำลังมีปัญหากันเหรอ? เขาก้มลงมองช่อดอกไม้...เอาไปให้ตอนนี้คงไม่ค่อยดีแหะ

“ฉันก็ขอโทษแล้วไง เธอจะเอายังไงอีก?!   แต่เสียงที่เต็มไปด้วยอารมณ์ก็ทำให้เขาไปจากตรงนี้ไม่ได้ เขาจึงแอบชะโงกผ่านประตูเพราะเป็นห่วงเจ้าโฮ่งนั่น ก็ดูเป็นคนที่น่าจะถูกดึงเข้าสู่ความวุ่นวายได้ง่ายๆเสียด้วย

“ขอโทษ? นายมาขอโทษตอนนี้แล้วมันได้อะไรขึ้นมา ห๊ะ?!”   แล้วจู่ๆขวดน้ำก็ลอยหวือมาตรงหน้า ฝาขวดหลุดออกทำให้เขายกมือขึ้นมาป้องกันโดยอัตโนมัติ น้ำในขวดสาดกระเซ็นเต็มพื้น คนที่ยืนอยู่ในห้องต่างนิ่งค้างตามๆกัน

“เจ้าเหมียว?”   หวังอี้ป๋อได้สติเป็นคนแรกและเมื่อเหลือบมาเห็นเขาเข้า ร่างสูงชะลูดจึงรีบถลามาหาเขา

“เป็นอะไรรึเปล่า?”  ใบหน้าหล่อเหลามองเขาด้วยสายตาเป็นห่วง

“เปล่า...”  ดีที่เขายกมือขึ้นมาบังหน้าทัน เพราะงั้นฝาขวดน้ำจึงกระเด็นมาโดนหลังมือของเขาแทน

“ให้ฉันดูหน่อย”   เจ้าโฮ่งคว้ามือเขาไปดู มีรอยแดงที่หลังมืออยู่จางๆ เอาจริงๆมันก็ไม่ได้เจ็บอะไรมาก  แต่เจ้าโฮ่งกลับหันไปมองสมาชิกในทีมตาเขียว จากนั้นจึงดึงให้เขาเดินออกจากห้อง 

“อี้ป๋อ จะไปไหน? อีกครึ่งชั่วโมงก็จะแสดงแล้วนะ!”   เสียงผู้หญิงคนหนึ่งตะโกนไล่หลังด้วยอารมณ์ที่ยังขุ่นมัว

“ไปห้องพยาบาล ผมกลับมาทันแน่ พวกพี่นั่นแหละสงบสติอารมณ์กันซะ”   เขาเพิ่งเคยเห็นหวังอี้ป๋อเวลาหงุดหงิด ดูเหมือนอุณหภูมิรอบกายจะลดลงไปหลายองศาเลย

ดวงตาคู่โตเหลือบมองมือของเจ้าโฮ่งที่จับข้อมือเขาแน่นก่อนจะสลับกลับมามองใบหน้าได้รูปที่มองตรงไปข้างหน้า คิ้วเป็นเส้นนั่นขมวดเข้าหากันจนเขารู้สึกหวั่นๆ เขาโผล่เข้าไปในจังหวะไม่ดีเลยจริงๆแหะ รู้งี้น่าจะกลับออกมาก่อนเสียก็ดี...

“จ เจ้าโฮ่ง...มือฉันไม่เป็นไรหรอกน่า ไม่ต้องไปห้องพยาบาลก็ได้”

“ต้องไป”   เจ้าโฮ่งตอบกลับมาด้วยเสียงนิ่งๆ ที่ข้อมือรู้สึกถึงแรงบีบที่เพิ่มมากขึ้น

“จับเฉยๆสิอย่าบีบ มันเจ็บนะ”   ดีที่เขาเอาแต่ใจกับอีกฝ่ายไว้เยอะ พอพูดออกไปแบบนี้จึงดูไม่ผิดปกติเท่าไหร่

“อ่ะ ขอโทษ”   เหมือนเจ้าโฮ่งจะรู้สึกตัว มือที่เคยบีบแน่นจึงเริ่มคลายออก

“บอกว่าอย่าบีบ แต่ไม่ใช่ให้ปล่อย”   เขาตวัดดวงตากลมโตไปจ้องหน้าอีกฝ่ายอย่างเอาแต่ใจเมื่อเห็นว่ามือใหญ่กำลังจะปล่อยข้อมือเขา เจ้าโฮ่งชะงักน้อยๆก่อนจะค่อยๆเผยรอยยิ้มที่มุมปาก

“ครับๆ”   ใบหน้าหล่อเหลาส่ายเบาๆก่อนจะอมยิ้ม เขาลอบมองจากด้านข้าง ดูเหมือนเจ้าโฮ่งจะเริ่มผ่อนคลายจากความตึงเครียดเมื่อครู่ไปได้บ้าง

พวกเขาก้าวเข้าไปในห้องพยาบาลที่ไม่มีใครอยู่เลยสักคน แต่ก็ไม่น่าแปลกใจ เวลาสนุกสนานแบบนี้ใครจะอยากมาห้องพยาบาลกันล่ะ

เจ้าโฮ่งกดไหล่เขาให้นั่งลงไปบนเตียงก่อนที่ร่างสูงชะลูดจะเดินไปค้นหายาแก้ฟกช้ำเอาตามอำเภอใจ ครูพยาบาลก็ไม่อยู่จะให้ทำไงได้...ไม่นาน เจ้าโฮ่งก็เดินมาพร้อมหลอดยาหลอดหนึ่ง

เจ้าคนที่เด็กกว่าเขาถึงสองปีนั่งลงข้างๆก่อนจะดึงมือเขาไปโดยไม่คิดจะขออนุญาต...เจ้าหมอนี่มันจอมเผด็จการชัดๆ นึกจะทำอะไรกับเขาก็ทำ ก็มีอย่างที่ไหน เขาไม่ยอมกินข้าวก็เอามายัดใส่ปาก เขาไม่ยอมนอนก็มานั่งเฝ้า ไม่ว่าเขาจะเอาแต่ใจยังไง หมอนี่ก็จัดการเขาได้โดยไม่ถามความเห็นเขาสักคำ! ไม่ตามใจเขาด้วย!

“อะ...”   เขาอุทานออกไปเบาๆเมื่อเจ้าโฮ่งทายาลงไปบนรอยแดงที่หลังมือ

“เจ็บเหรอ?”   ดวงตาที่มักจะเฉยชามองมาที่เขาด้วยแววอ่อนโยน

“เปล่า...มันเย็น”   เจ้าโฮ่งหัวเราะในลำคอก่อนที่ปลายนิ้วยาวจะวนไล้อยู่บนหลังมือเพื่อให้เนื้อครีมซึมลงไป เขาลอบมองใบหน้าอีกฝ่ายที่ก้มมองมือเขา...รู้สึกเขินๆเหมือนกันแหะ

แต่เจ้าคนที่มักจะกวนประสาทเขากลับไม่หาเรื่องแกล้งแหย่เขาเล่นเหมือนทุกที ทำให้รู้ว่าเจ้าโฮ่งคงมีเรื่องกังวลใจ  เขาเม้มริมฝีปากก่อนจะตัดสินใจก้มหน้าก้มตายื่นช่อดอกเรพซี้ดให้

“เอาไปสิ”   เจ้าโฮ่งนิ่งค้างหลังจากเห็นช่อดอกไม้ที่เขาให้ ใบหน้าได้รูปยิ้มจนเห็นฟันที่เรียงสวย...หมอนี่...เวลายิ้มก็ดูดีออก แต่ดันชอบทำหน้าตายเสียนี่

“ขอบคุณ”   มือใหญ่รับช่อดอกไม้ไปก่อนจะยกขึ้นมาดูแล้วก็ยิ้มไม่หุบ...บางทีก็น่าหมั่นไส้ยังไงไม่รู้นะ?

เจ้าโฮ่งหมุนฝาหลอดยาแก้ฟกช้ำแล้วนำกลับไปเก็บที่เดิม ร่างสูงเดินกลับมานั่งข้างๆ ดูเหมือนอีกฝ่ายจะอารมณ์ดีขึ้นมาบ้างแล้ว เขาจึงค่อยๆถามออกไป

“มีเรื่อง...อะไรกันเหรอ?”   เจ้าโฮ่งมองหน้าเขาก่อนจะพูดออกมาโดยไม่ปิดบัง

“หยางเกอเกอขาดซ้อมมาหลายวันแล้ว แถมวันนี้ยังมาในสภาพแผลเต็มหน้าเต็มตัวอย่างที่นายเห็นเมื่อวาน ไม่รู้จะเต้นได้แค่ไหน เจ๊ลิลลี่ก็เลยโมโหเอาน่ะ เพราะทุกคนในทีมจริงจังกันมาก”   ก็จริงที่พวกนี้ฝึกซ้อมกันมาตลอด เขาเองก็เห็นอยู่ แล้วก็รู้ทั้งรู้ว่าใกล้จะถึงวันแสดงแต่กลับไม่รักษาเนื้อรักษาตัวให้ดี มันก็น่าโมโหจริงๆนั่นแหละ

“ถ้างั้นตอนนี้นายน่าจะกลับไปอยู่กับทีมนะ”   เขาบอกเจ้าโฮ่งพลางลุกขึ้นยืน

“อืม...”   ใบหน้าหล่อเหลารับคำเบาๆ

“นายจะมาดูฉันใช่ไหมเจ้าเหมียว”   เจ้าโฮ่งรีบถามกลัวว่าเขาจะไม่ยอมไปดู

“ไปสิ นายมาขโมยวิทยุฉันไปทุกวัน ฉันจะไม่ไปดูผลงานได้ไง”   เขายักไหล่ก่อนจะเดินนำออกไป  ระหว่างทางที่เดินกลับหอประชุมมีเพียงคำพูดที่เถียงกันไปมาตามปกติของพวกเขา แต่อย่างน้อยใบหน้าของเจ้าโฮ่งก็ดูผ่อนคลายมากแล้ว เขาคงไม่ต้องห่วง

“ไปละ”   เขาเดินมาส่งเจ้าโฮ่งที่หน้าห้องแต่งตัวของทีมสตรีทแดนซ์ที่ดูเงียบสงบกว่าเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน เจ้าโฮ่งยิ้มให้เขาก่อนจะเดินเข้าไปพร้อมช่อดอกเรพซี้ดในมือ...เขาก็ได้แต่หวังว่าทุกอย่างมันจะผ่านไปได้ด้วยดี




“อารมณ์ดีเชียวนะไอ้เด็กนี่ ทั้งๆที่พวกฉันเครียดจะตายอยู่แล้ว”   เด็กหนุ่มน้องเล็กของทีมเดินเข้าไปกลางวงรุ่นพี่ที่นั่งขมวดคิ้วไม่พูดไม่จากัน

“มียาดี”   หวังอี้ป๋อยักไหล่แล้วยกยิ้มมุมปาก จากห้องที่เคยมีแต่ความรู้สึกแตกแยกกลับดูผ่อนคลายขึ้นเมื่อเริ่มมีเสียงพูดคุย

“เออ! หมั่นไส้นัก!!”   มือของจูหยางซื่อหรือหยางเกอเกอตบป๊าบๆมาที่ไหล่เขา เขาจึงล้วงมือลงไปควานหาอมยิ้มในถุงพลาสติกแล้วโยนให้ทุกคนในทีม แม้แต่เจ๊ลิลลี่ที่ยังทำหน้าบูดก็เริ่มจะถอดหน้ากากยักษ์ที่สวมไว้ออกไปบ้างเมื่อตะปบมือรับลูกกวาดที่เขาโยนให้

ดวงตาเฉยชาทอดมองอมยิ้มและลูกกวาดหลากสีในถุง....เจ้าเหมียวเป็นคนลากเขาไปซื้อมาจากชมรมคหกรรม...ไม่น่าเชื่อว่าของแบบนี้จะทำให้บรรยากาศดีขึ้นผิดหูผิดตา...ถ้าเจ้าเหมียวไม่มาหาเขา ป่านนี้ทีมเราอาจจะทะเลาะกันจนไม่ได้ขึ้นแสดงแล้วก็ได้

เขาวางถุงอมยิ้มไว้บนโต๊ะกลางก่อนจะเดินไปนั่งข้างๆหยางเกอเกอ 

“แล้วนี่พี่เป็นไงบ้าง?”   เขาถามในขณะที่สายตาก็เหลือบมองบาดแผลบนใบหน้าอีกฝ่าย รอยแตกนี่ไม่ใช่น้อยๆเลยนะ รู้งี้น่าจะหยิบยาในห้องพยาบาลมาให้บ้างก็ดี

“ก็นอกจากโดนอิเจ๊ด่าก็ไม่มีอะไรแล้วว่ะ”   พี่ใหญ่สุดในทีมตบไหล่เขาราวกับจะบอกว่าไม่เป็นไร ถึงเขาจะกังวลกับสิ่งที่ได้ยินมาจากเจ้าเหมียว แต่เรื่องนี้หากหยางเกอเกอไม่เล่าออกมาเอง เขาก็ไม่มีสิทธิ์จะถาม

“เอาละ ไปทำให้เวทีลุกเป็นไฟกันดีกว่า!”   เจ๊ลิลลี่กระโดดลุกจากโต๊ะที่นั่งอยู่เมื่อถึงเวลา ทำให้เขาต้องหยุดเรื่องที่กำลังคุยกับหยางเกอเกอไปโดยปริยาย 

เลือดในกายเหมือนถูกกระตุ้นยามเมื่อก้าวย่างไปข้างหน้า สมาชิกในทีมต่างเดินเข้าไปล้อมวงกันโดยไม่ต้องนัดหมาย ท่อนแขนยกขึ้นกอดคอกันไว้ แล้วตะโกนออกไปพร้อมกัน!

Fire Dragon ลุย!

“โอ้ส!!!

เงาร่างทั้ง 6 เดินแยกกันไปคนละฝั่งของเวที หวังอี้ป๋อแอบมองอยู่หลังฉากเพื่อหาตัวใครบางคน...แล้วเขาก็เจออีกฝ่ายได้ไม่ยาก ในเมื่อคนคนนั้นเป็นถึงหนึ่งในเจ็ดของแก๊งเจ้าชาย

ร่างโปร่งบางเดินเงียบๆเข้ามาในหอประชุม ถึงจะมาแบบไม่เอิกเหริกแต่ทุกคนต่างก็หันไปมองเป็นตาเดียว

ข้อหนึ่ง...เซียวจ้านไปไหนมาไหนคนเดียวแทบจะเป็นไปไม่ได้  
ข้อสอง...ปกติแก๊งเจ้าชายไม่เคยมาดูการแสดงอะไรพวกนี้เลย

เจ้าเหมียวเดินไปนั่งตรงที่ว่างๆ ใบหน้ามนดูจะไม่ได้สนใจปฏิกิริยาของคนรอบข้างเท่าไหร่นัก เขาที่มองอยู่ตรงนี้จึงแอบยิ้ม แต่ไหนแต่ไรเขาก็แค่ชอบการเต้น ไม่เคยใส่ใจว่าจะมีใครชื่นชมไหม แต่ว่าวันนี้เขากลับดีใจ...ที่เจ้าเหมียวยอมมาดู

เสียงเพลงดังขึ้นและร่างกายของเขาก็ตอบสนองไปเอง จากที่เคยขยับเต็มร้อยแต่วันนี้เหมือนจะเกินกว่านั้นไปมาก เขาก็แค่อยากจะทำตัวเท่ห์ๆต่อหน้าคนคนนั้น ทำให้เจ้าเหมียวละสายตาจากเขาไม่ได้และมองแต่เขาคนเดียวตลอดไป

“กรี๊ด~~”  

เสียงของแฟนคลับดังลั่นคละเคล้าไปกับเสียงเพลงฮิปฮอบที่สนั่นหอประชุม สปอร์ตไลท์ที่ส่องลงไปอย่างตั้งใจทำให้ทั้งเวทีดูมีเสน่ห์น่าหลงใหล โดยเฉพาะคนที่เต้นเป็นเซ็นเตอร์นั่น...

ดวงตาคู่โตจ้องมองไปที่หวังอี้ป๋อราวกับต้องมนต์...ร่างสูงชะลูดที่เคลื่อนไหวอย่างเป็นธรรมชาติแต่ก็แข็งแรงมากกำลังทำให้หัวใจของเขาสั่นไหว...เจ้าเด็กนั่นมันเท่ห์จริงๆ

หน้าตาก็เย็นชาแต่กลับสะกดสายตาได้มากขนาดนี้...แล้วก็มีหลายทีเลยที่เขารู้สึกว่าถูกดวงตาคมกริบนั่นจับจ้องมา...พาให้ร่างกายร้อนเหมือนถูกไฟลน

ใบหน้าหล่อเหลาโยกไปตามจังหวะ ปอยผมที่เริ่มชุ่มเหงื่อน้อยๆสะบัดไปมาทำให้รู้สึกเซ็กซี่ ยิ่งตอนที่สบตากับเขาแล้วกัดปากราวกับอยากกลืนกินอะไรสักอย่างยิ่งทำให้ใจสั่นระรัว

เลิกมองไม่ได้เลยจริงๆ

สมแล้ว...ที่เป็นนายแบบเพียงคนเดียวของเขา






เสียงเพลงจบลงพร้อมเสียงกรี๊ดลั่นจนคนที่เดินผ่านไปผ่านมาหน้าหอประชุมต้องหันมอง  สมาชิกทั้ง 6 ของ Fire Dragon เดินมาจับมือกันอยู่หน้าเวทีก่อนจะโค้งขอบคุณคนดู ใบหน้าและร่างกายชุ่มเหงื่อของทุกคนดูมีความสุขแตกต่างจากตอนที่ทะเลาะกันก่อนหน้านี้ พวกเขาต่างโบกมือให้แล้วเดินกลับเข้าหลังเวที...ดูท่าแล้ว...หลังจากนี้ไปคงมีคนรู้จักพวกเขาเพิ่มขึ้นอีกไม่น้อยเลย

“โห...มีคนอัพรูปกับวีดีโอลงแชทของโรงเรียนเพี้ยบเลย”   เสียงเตือนดังขึ้นทันทีที่สมาชิกทั้ง 6 เดินมาถึงโทรศัพท์มือถือของตัวเอง

“เจ๋ง~ ไปหาไรกินฉลองกันเถอะ!  หยางเกอเกอสายเฮฮาปาร์ตี้เอ่ยชวนพร้อมล็อคคอหวังอี้ป๋อเอาไว้

“เดี้ยงแล้วยังไม่เจียม นายน่ะกลับบ้านไปนอนเลยไป๊”  เจ๊ลิลลี่ที่เดินอยู่ข้างหลังแขวะเข้าให้

“ไม่ขัดสักวันจะตายไหมเจ๊ วันนี้ทุกคนอุตส่าห์เต้นอย่างเพอร์เฟ็ค!  ความจริงแล้วเจ๊ลิลลี่ยังอยู่แค่ม.5 แต่ด้วยความเป็นผู้นำทำให้ทั้งทีมต่างพร้อมใจกันเรียกเจ๊ไปโดยปริยาย

“เออ! แล้วจะไปไหนล่ะ?”   ถึงจะปากร้ายไปบ้างแต่เด็กสาวก็ใจดี ถึงจะดุเหมือนเสือแต่ถึงเวลาฉลองก็ต้องฉลอง~

“โทษที ผมคงต้องขอตัว”   แต่แล้วคนที่กล้าขัดบรรยากาศปาร์ตี้ก็คือหวังอี้ป๋อผู้ไม่ชอบพูดชอบจานั่นเอง

“เฮ้ย เป็นเซ็นเตอร์จะไม่ไปได้ไงว้า~  หยางเกอเกอกระตุกท่อนแขนที่ล็อคคอเขาอยู่ให้แน่นขึ้นไปอีก

“พอดีแมวที่บ้านบาดเจ็บน่ะ ต้องไปดูหน่อย”  เจ้าเหมียวนั่นก็บาดเจ็บจริงๆนะ เขาไม่ได้โกหก ดีไม่ดีรอยช้ำอาจจะเริ่มเขียวแล้วก็ได้ตอนนี้

“อ้าวเหรอ งั้นก็ไม่เป็นไร”   หยางเกอเกอยอมปล่อยคอเขาอย่างเข้าใจ

“ว่าแต่รูปนายที่เซียวจ้านวาดนี่เจ๋งไปเลยว่ะ วาดสวยสุดๆ”  หยางเกอเกอและคนในทีมเขาจะรู้เรื่องก็ไม่แปลก เพราะตอนนี้ในแชทโรงเรียนมีแต่คนโพสรูปของเขาที่เจ้าเหมียววาดกับคลิปการเต้นของ Fire Dragon สลับกันรัวๆจนกลบข่าวอื่นไปหมด

To เจ้าโฮ่ง....?”   เขาได้ยินเจ๊ลิลลี่พูดประโยคคุ้นๆจึงรีบหันไปมอง เด็กสาวยืนอยู่ข้างโต๊ะที่วางดอกไม้และของขวัญจากแฟนคลับจนเต็มแน่น ในมือถือช่อดอกไม้สีเหลืองช่อหนึ่ง

“ของผมเองแหละ”   เขารีบคว้าช่อดอกเรพซี้ดมาจากมือของเจ๊ลิลลี่

“ของนาย....?”   หญิงสาวเพียงหนึ่งเดียวในทีมทำหน้างง จะมีใครที่ไหนกล้าเรียกหวังอี้ป๋อว่าเจ้าโฮ่ง?

“เถอะน่า...ผมขอช่อนี้ก็แล้วกันนะเจ้”   เขาโบกช่อดอกเรพซี้ดในมือ

“เอ่อ อืม...”

“ไปนะ”  เขาทำท่าจะเดินออกมาจากห้อง

“เดี๋ยวอี้ป๋อ!  แต่เจ๊ลิลลี่ก็เรียกเขาเอาไว้ก่อน

“หื๋อ?”

“นาย...รู้จักกับเซียวจ้านด้วยเหรอ...”   ผู้เป็นรุ่นพี่ก้มหน้าเหมือนจะเขินๆเมื่อพูดถึงเจ้าเหมียว...ถึงเขาจะไม่เคยมีแฟน ไม่เคยมีความรัก แต่เขาก็รู้ว่าอาการแบบนี้มันเป็นอาการของเด็กผู้หญิงที่กำลังแอบชอบใครบางคน...

“อืม...ก็ตอนไปยืมวิทยุ จะเจอเค้าที่ห้องศิลปะตลอดนั่นแหละ”   เขามองหญิงสาวตรงหน้าด้วยสายตานิ่ง

“อ้อ...”

“....นี่เจ้คงไม่ได้ชอบเค้าใช่ไหม?”   แล้วเขาก็ไม่ทำเสียชื่อหวังอี้ป๋อ มีอะไรก็พูดไปเลยตรงๆ

“ปะ เปล่า...”   เจ๊ลิลลี่พยายามปฏิเสธ เพราะงั้นเขาจึงจี้ต่อทันที

“ดีแล้ว ขืนเจ้ชอบไปก็นกแน่นอน”

“ห๊ะ? ทำไมยะ? นายจะบอกว่าฉันไม่ดีพอหรือไง?”

“เปล่า เจ้น่ะประเสริฐสุดอยู่แล้ว เพียงแต่เค้าเป็นของผมไง คนอื่นเลยต้องกินแห้วกันไป”   เพราะเขาพูดด้วยหน้าตายอีกฝ่ายจึงไม่รู้ว่าเขาพูดเล่นหรือพูดจริง แน่นอนว่าเรื่องแบบนี้คนอื่นคงคิดว่าเป็นแค่เรื่องล้อเล่น

“หวังอี้ป๋อ...กลับไปเล่นที่บ้านเลยป่ะ”  เจ๊ลิลลี่ส่ายหน้าอย่างเพลียๆ เขาจึงยกยิ้มมุมปาก

“ฮ่าๆๆ ไปละ”   เขาโบกมือก่อนจะเดินจากมา...


ล้อเล่นที่ไหนกันเล่า เขาจริงจังนะ










เขาแวะร้านขายยาเพื่อซื้อยาทาแผลฟกช้ำก่อนจะใช้คีย์การ์ดที่เจ้าเหมียวให้มาบุกไปถึงห้องโดยไม่ต้องขออนุญาต แต่ถึงอย่างงั้นเขาก็มีมารยาทพอที่จะเคาะประตูก่อน

เงียบ....

เขายืนเคาะราวห้านาทีก็ยังไม่มีเสียงตอบรับ หรือว่าเจ้าเหมียวจะยังไม่กลับ?

เขามองหลอดยาในมืออย่างชั่งใจ ถ้างั้นเอาเข้าไปวางไว้ให้ก็ได้มั้ง แค่ทายาน่าจะทำเป็น? ยังไงเจ้าเหมียวนั่นก็เป็นถึงลูกชายของหมอเชียวนะ

มือใหญ่จึงยกคีย์การ์ดขึ้นแตะที่แป้นใส่รหัส ประตูไม้หน้าห้องจึงเปิดออก  ร่างสูงชะลูดเดินเข้าไปในห้องที่เปิดไฟสว่าง...อ้าว? ก็กลับมาแล้วนี่? เงียบแบบนี้หลับอยู่แหงๆ? แล้วก็อย่างที่รู้ๆกันว่าถ้าลงได้หลับแล้ว ทั้งเขาทั้งเจ้าเหมียวนั้นปลุกยากพอสมควรเลย

เขากวาดสายตามองที่โซฟา...เจ้าเหมียวไม่ได้นอนอยู่ตรงนี้ ถ้างั้นก็คงจะนอนอยู่ในห้องนอน...เขาเดินต่อไปอย่างกับเป็นห้องของตัวเอง แล้วในที่สุดเขาก็หาตัวเจ้าเหมียวเจอจนได้ ร่างโปร่งบางนอนคว่ำหลับพาดอยู่กลางเตียง เหมือนเดินมาถึงก็ล้มตัวลงนอนไปทั้งอย่างงั้นเลย

“เจ้าเหมียว...”   เขาลองเรียกดูทั้งๆที่รู้ว่าอีกฝ่ายคงไม่ตื่น  เขายืนมองใบหน้าหลับปุ๋ยก่อนจะอมยิ้ม...นอนซะดูมีความสุขขนาดนี้ ไม่ปลุกก็ได้

มือใหญ่จึงจับร่างโปร่งให้พลิกกายนอนหงายดีๆ จัดท่าจัดทางให้นอนสบายๆ จากนั้นจึงดึงมือข้างที่มีรอยช้ำออกมา เขาเปิดหลอดยาก่อนจะทาครีมแก้ฟกช้ำลงไปบนหลังมือของเจ้าเหมียวเบาๆ ปลายนิ้วเกลี่ยวนไล้กระจายเนื้อครีมให้ซึมลงไป และถึงแม้จะทายาเสร็จแล้ว เขาก็ยังนั่งมองใบหน้าของเจ้าเหมียวต่ออีกเนิ่นนาน...









เปลือกตาหนักอึ้งค่อยๆเปิดขึ้นช้าๆ ดวงตาคู่โตเปิดขึ้นมาพบกับความมืดจึงรู้สึกแปลกใจ

เขาเปิดไฟไว้ทั่วเลยไม่ใช่เหรอ?

และเมื่อก้มมองสภาพของตัวเองที่นอนหนุนหมอนดีๆ มีผ้าห่มห่มถึงคอแล้วก็พอจะรู้ว่าเจ้าโฮ่งคงเข้ามาในห้องของเขาแน่ๆ

ดวงตาคู่โตกวาดมองไปทั่วเผื่ออีกฝ่ายจะยังอยู่ แต่เขาก็ไม่พบใคร เห็นแค่ยาหลอดหนึ่งวางอยู่บนโต๊ะข้างเตียง เขาจึงหยิบมันมาดู...ยาแก้ฟกช้ำ?

เขายกมือข้างที่ถูกฝาขวดน้ำกระเด็นใส่ขึ้นมาก่อนจะพลิกหลังมือดู...มีร่องรอยทายาเอาไว้จริงๆด้วย...

ความอบอุ่นบางอย่างซึมซาบผ่านหัวใจมาสู่ใบหน้า เขาค่อยๆลุกขึ้นนั่งช้าๆ หมอนที่เคยหนุนถูกดึงมากอดเอาไว้  ใบหน้าหันไปทางระเบียงหลังห้อง  เขามองแสงไฟรำไรที่ลอดออกมาจากห้องของตึกฝั่งนู้น


เจ้าโฮ่งบ้า มาทำให้เขาเขินทำไมเนี่ย~~






.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.

To be Con.



จะบอกว่าตั้งชื่อคนกับชื่ออะไรต่างๆในเรื่องนี้ได้ลวกๆมาก 5555+ เพราะงั้นก็อย่าไปใส่ใจอะไรมากนะคะ ^ ^ ขนาดชื่อเรื่องยังตั้งก่อนจะลงฟิคแบบเส้นยาแดงผ่าแปดถถถ เอาไว้หาเหตุมาแถได้ก่อนแล้วค่อยมาอธิบายชื่อเรื่องอีกที 5555+  ดูมัน....

ก็อย่างที่บอกตั้งแต่ตอนแรกว่าฟิคเรื่องนี้แต่งมาจากเนื้อหาในคลิป If only เพราะงั้นก็เลยพยายามใส่ฉากที่มีอยู่ในคลิปให้ครบอ่ะนะ อย่างดอกเรพซี้ดนี่ก็เหมือนกัน มันจะมีฉากที่ป๋อกับจ้านเกออยู่ในทุ่งดอกไม้สีเหลือง คือไม่แน่ใจว่ามันคือดอกอะไรแต่ดูจากลักษณะแล้วน่าจะเป็นเรพซี้ดหรือนาโนะฮานะ ก็เลยเอาวะ ใช้เรพซี้ดนี่แหละ 5555+

แล้วก็ขอบคุณทุกๆคอมเม้นต์และทุกๆการติดตามมากนะค้า เพื่อความสบายใจ ฟิคเรื่องนี้จบแฮปปี้ค่ะ 5555+ เป็นฟิค warmheart จะจบแบดเอนได้ยังงัยยยย =v= // จริงๆเคยแต่งฟิคที่เป็นแบดเอนแล้วตัวเองนี่แหละที่รู้สึกสะเทือนใจ เพราะงั้นฟิคเกือบทั้งหมดเลยจบแฮปปี้สนองนี้ดตัวเอง555+ คุณกวางไม่ชอบความเจ็บปวด~ ตับตรูก็มีแค่นี้ จะพังได้ซักแค่ไหนกัน~ TvT

สุดท้าย ดูซีรี่ย์ตอนกลับปัจจุบันแล้วมันไม่ทนจริงๆค่ะ หวานกันเกินไปแร้วววว >////< ขอซักหน่อย 5555+








แล้วเจอกันตอนหน้าค่า





1 ความคิดเห็น:

  1. อี้ป๋อเป็นคนตรงไปตรงมามาก 55 ทั้งในชีวิตจริงและอะไรก็ตาม ส่วนเซียวจ้านกับเพื่อนคนนั้นนี่ยังไง (จำชื่อไม่ได้) มีความสัมพันธ์กันยังไงเนี่ย ฮึ่มๆๆ

    ตอบลบ