Tsurune.
One-Shot.Fic [Shuu x Minato] หรือรักเรียกหา : 09 : END
:
Tsurune ; kazemai koukou kyudou-bu Short Fanfiction
:
Fujiwara Shuu x Narumiya Minato
:
Warmhearted
:
NC-17
คำเตือน :
เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ
สูทเนื้อดีสีขาวถูกสวมทับลงไปบนไหล่ที่กว้างกำลังดี
กางเกงสแล็คคลุมข้อเท้าไม่ขาดไม่เกินส่งให้ดูภูมิฐานเมื่อถูกสวมด้วยขายาวได้สัดส่วน
ผลงานชิ้นเอกชุดนี้มาจากร้านตัดสูทอันดับหนึ่งของญี่ปุ่นและมันดูเหมือนจะยิ่งเปล่งประกายมากขึ้นเมื่ออยู่บนตัวเด็กหนุ่มแห่งตระกูลฟูจิวาระจนแม้แต่เจ้าของร้านยังต้องมองอย่างชื่นชม
มือใหญ่ที่ไม่ได้เรียบลื่นอย่างคุณชายตระกูลดังทั่วไปติดกระดุมเสื้อสูทด้วยใบหน้าเฉยชาที่ทุกๆคนในที่นี้มักจะเห็นจนชินตา
ต่อให้เงาสะท้อนจากกระจกตรงหน้าจะออกมาดูดีแค่ไหนแต่เด็กหนุ่มกลับไม่เคยตื่นเต้นกับมันเลยสักนิด
“ชูซัง
เนคไทสำหรับงานแต่งเลือกเป็นสีนี้ไม่ดีกว่าเหรอลูก”
หญิงสาวในชุดกิโมโนซึ่งมีศักดิ์เป็นแม่ของเด็กหนุ่มหยิบเนคไทผ้าไหมแถบใหญ่สีชมพูกะปิส่งให้
“ครับ” ซึ่งเด็กหนุ่มก็รับมันไปสวมอย่างชำนาญ
ความเคร่งครึมถูกลดทอนลงไปจนตอนนี้สูทที่เด็กหนุ่มใส่อยู่ค่อยดูอบอุ่นขึ้นมาหน่อย
พวกเขากำลังลองชุดสูทที่จะใช้ใส่ไปงานแต่งงานของญาติสนิทคนหนึ่งในตระกูลฟูจิวาระ
สูทพิธีการสีดำสำหรับงานแต่งแบบญี่ปุ่นถูกแขวนอยู่ข้างๆ
ตอนนี้เขากำลังลองสูทสำหรับงานเลี้ยงตอนกลางคืนอยู่ งานนี้คนในตระกูลฟูจิวาระเองและคนใหญ่คนโตคงจะมากันมาก
เพราะฉะนั้นคนจากตระกูลหลักอย่างพวกเขาจะพลาดไม่ได้
...แต่อย่างเด็กนั่น...เขาคงไม่ต้องห่วง...ลูกชายของเขาสมบูรณ์แบบทุกกระเบียดนิ้ว
ฟูจิวาระ ชู จะไม่มีวันทำให้เขาและตระกูลฟูจิวาระขายหน้าเด็ดขาด...
ใบหน้าคมคายที่อยู่ภายใต้กรอบผมสีเดียวกับลูกชายเงยหน้าจากหนังสือในมือก่อนจะทอดสายตามองไปยังผลงานการตัดเย็บของช่างเสื้อประจำตระกูลที่ยังคงประณีตไม่มีที่ติเหมือนเดิม
ถึงเขาจะเข้มงวดกับลูกชายเพียงคนเดียวอยู่เสมอแต่เมื่อถึงเวลาชมก็ต้องชม เขายอมรับว่าชูเติบโตมาได้อย่างสมภาคภูมิจริงๆ
มีเพียงเรื่องเดียวเท่านั้นที่กลายเป็นจุดด่างพร้อยและเขาเองก็ยังไม่รู้ว่าจะจัดการยังไงเหมือนกัน
“อย่างแกเนี่ย...จะมองหาผู้หญิงดีๆสักคนก็ไม่น่ามีปัญหาแท้ๆ...” น้ำเสียงหน่ายๆเรียกให้นัยน์ตาสีม่วงเหลือบมองผู้เป็นพ่อผ่านกระจกเงา
“.........” เขารู้ว่าพ่อหมายถึงอะไร...เพราะเรื่องของมินาโตะไม่ใช่ความลับของบ้านฟูจิวาระอีกต่อไป...ทั้งพ่อและแม่รู้อยู่แล้วว่ามินาโตะไม่ได้เป็นแค่
“เพื่อน” ของเขา และพ่อก็รู้ดีว่าปัญหาของเขาไม่ใช่เรื่องที่ว่าเขาชอบผู้ชาย
พ่อรู้ดีว่าเขาไม่ได้ชอบผู้ชาย เพียงแต่ คนที่เขาชอบดันเป็นผู้ชาย พ่อเลยดูเหมือนจะไม่ได้หมดหวังในตัวเขาเท่าไหร่นัก
“จำเอาไว้ล่ะ...ถ้าเกรดตกหรือทำอะไรให้เสื่อมเสียชื่อเสียงของตระกูลฟูจิวาระละก็...แกจะต้องเลิกยุ่งกับเด็กนั่นทันที”
“.........” เขาไม่จำเป็นต้องตอบอะไรเพราะนี่มันเป็นข้อตกลงที่เขารู้ดีอยู่แล้ว
“ก็ยังดีหรอก
ที่ไม่ใช่เด็กมีปัญหาหรือชอบทำเรื่องยุ่งยาก”
พ่อเคยเจอมินาโตะตอนที่ไปดูเขาแข่งยิงธนูสมัยม.ต้น
ถึงจะไม่ได้คุยกันแต่เขาก็รู้ว่าพ่อคอยจับตาดูมินาโตะอยู่ตลอด
ตอนแรก...เขาก็ไม่ได้หวังว่าคนที่บ้านจะยอมรับเรื่องของเขากับมินาโตะหรอก
ด้วยความที่เป็น “ฟูจิวาระ” ตระกูลผู้ดีเก่าแก่ที่มีธรรมเนียมปฏิบัติรัดคอจนแทบขยับตัวทำอะไรไม่ได้
เขาไม่คิดจริงๆว่าพ่อจะยอมให้เขาคบกับมินาโตะต่อไปถึงแม้จะรู้ว่าเราไม่ได้เป็นแค่เพื่อนกัน เขารู้ว่าพ่อเองก็รู้ว่ามินาโตะเป็นจุดอ่อนเพียงอย่างเดียวของเขาและถ้าอยากจะควบคุมเขาไม่ให้ออกนอกลู่นอกทาง
ไม่ให้ขัดขืนคำสั่งก็คงต้องใช้จุดอ่อนอย่างมินาโตะนี่แหละ
พ่อถึงได้ไม่ใช้วิธีโบร่ำโบราณอย่างการยอมหักไม่ยอมงอเหมือนที่คนรุ่นก่อนๆทำกัน
พ่อไม่ได้บังคับให้เขาเลิกยุ่งกับมินาโตะ
เพราะรู้ดีว่าหลังจากนั้นจะไม่สามารถควบคุมเขาได้อีกต่อไป เขาอาจจะลุกขึ้นมาต่อต้านจนบานปลายไปเลยก็ได้ เพราะฉะนั้นพ่อจึงเลือกที่จะใช้ประโยชน์จากจุดอ่อนนั่นมากกว่า
พ่อปล่อยให้เขาคบกับมินาโตะต่อไป
โดยแลกกับเงื่อนไขที่ว่าเขาจะต้องฟังคำสั่งของพ่อทุกอย่าง...
ถึงพ่อจะเข้มงวดกับเขาเหมือนที่คนรุ่นก่อนๆของตระกูลฟูจิวาระปฏิบัติสืบต่อกันมา...แต่พ่อกลับเป็น
“ฟูจิวาระยุคใหม่” ซึ่งเขาชื่นชมพ่อในจุดนี้ไม่น้อย เขาถึงได้ยอมรับข้อเสนอ
ยอมถูกผูกมัด ยอมทำตามคำสั่งของพ่อเพื่อแลกกับการที่จะได้คบกับมินาโตะต่อไป
ลึกๆแล้วเขาเชื่อใจพ่อ...
เขารู้ว่าพ่อเข้าใจความรู้สึกของเขาดี
เพราะพ่อก็เคยเป็นคุณชายฟูจิวาระแบบเขามาก่อน...
พวกเราเลือกเกิดไม่ได้...และในเมื่อเกิดมาพร้อมกับความรับผิดชอบที่ต้องมีต่อตระกูลฟูจิวาระแล้ว...ก็มีแต่จะต้องแบกรับมันต่อไป
พ่อเองก็ไม่สามารถจะละทิ้งตระกูลไปได้
แต่ก็ใช่ว่าจะหลบเลี่ยงอะไรไม่ได้เลย เพราะพ่อก็เคยทำให้เขาเห็นมาแล้ว...พ่อเป็นคนแรกของตระกูลที่เป็นนักธุรกิจเต็มตัว
เลือกเดินไปในสายธุรกิจแทนที่จะไปทางสายการเมืองการปกครองเหมือนที่รุ่นก่อนๆเป็นมา
และตอนนี้พ่อก็กำลังสอนเขา...พวกเราต้องมีความรับผิดชอบต่อชื่อเสียงของ
“ฟูจิวาระ” แต่ก็ใช่ว่าจะหลบเลี่ยงอะไรไม่ได้เลย...
“....มินาโตะ...กลับมายิงธนูแล้วนะครับ...” เขาพูดออกไปทั้งๆที่สายตายังคงจับจ้องเนคไทในกระจกเงา
“ชั้นรู้แล้ว
ที่แกแพ้ก็เพราะเด็กนั่นใช่ไหมล่ะ” เรื่องปากร้ายกับความแรงนี่เขาคงได้จากพ่อมาเต็มๆอย่างไม่ต้องสงสัย
“..........”
“เอาเถอะ
ชั้นก็ไม่ได้สอนให้แกแพ้ไม่เป็น ถ้าเด็กนั่นชนะแกไม่ได้สิ
ถึงจะเรียกว่าไม่คู่ควร”
รอยยิ้มบางๆเผยอยู่บนริมฝีปากของเด็กหนุ่มจนคนทั้งบ้านตื่นตะลึง...ช่วยไม่ได้ละนะ...เวลานึกถึงเรื่องของมินาโตะทีไรเขามักจะเผลอยิ้มออกมาแบบนี้ทุกที
โรลสลอยด์คันใหญ่วิ่งออกจากหน้าล็อบบี้โรงแรมหรูซึ่งเป็นสถานที่จัดงานฉลองแต่งงานของลูกสาวคนสำคัญแห่งตระกูลฟูจิวาระ
บรรดาแขกเหรื่อต่างทยอยกันกลับเมื่องานเลิกแล้ว
พวกเขาสามคนก็เช่นกัน...ถึงจะเป็นเครือญาติใกล้ชิดในตระกูลหลักเหมือนกันแต่การจัดงานใหญ่แบบนี้ก็มีออแกไนซ์เซอร์ช่วย
พวกเขาจึงไม่จำเป็นต้องอยู่จัดการอะไร...อีกอย่าง...พวกเขาคงไม่สามารถให้ใครเห็น
ฟูจิวาระ ชู ในสภาพแบบนี้ได้...
“ชูซัง...เป็นยังไงบ้างลูก”
ผ้าชุบน้ำเย็นในมือของผู้เป็นแม่ซับลงไปตามใบหน้าหล่อเหลาซึ่งบัดนี้กำลังแดงซ่าน
“อื้อ~”
แต่มือใหญ่ของลูกชายกลับปัดป่ายมันออกไปอย่างรำคาญ หัวคิ้วขมวดเข้าหากันก่อนจะพยายามหันหน้าหนี
ใช่...ขณะนี้
ฟูจิวาระ ชู กำลังเมา...แล้วก็ไม่ได้เมาธรรมดา...แต่เมามากๆเลยต่างหาก!
“พรุ่งนี้ผมคงต้องโทรไปบอกพี่ชายให้ต่อว่ายัยหลานสาวตัวดีนั่นให้เสียหน่อยแล้ว
เป็นพี่สาวภาษาอะไรมามอมเหล้าน้องชายจนเมาเละแบบนี้” ฟูจิวาระคนพ่อที่นั่งอยู่ที่เบาะฝั่งตรงข้ามบ่นอย่างเคืองๆ
ก็คนที่ทำให้ลูกชายของตนมีสภาพแบบนี้ก็คือเจ้าสาวของงานนั่นแหละ!
“อย่าไปต่อว่าแกเลยค่ะ
ยังไง After
party ก็เป็นงานของเด็กๆกันอยู่แล้ว” นายหญิงของบ้านฟูจิวาระยิ้มแห้ง
ในขณะที่เธอกับสามีไปคุยกับแขกเหรื่อผู้ใหญ่อยู่อีกห้อง
กลับมาถึงได้รู้ว่าลูกชายถูกพี่สาวซึ่งเป็นเจ้าสาวของงานและเป็นลูกพี่ลูกน้องในไม่กี่คนที่ชูซังคุยด้วยยัดวอดก้าให้กินไปไม่รู้กี่ขวด...นึกถึงหลานสาวที่เธอเห็นมาแต่เล็กแต่น้อยคนนั้นแล้วก็อดดีใจด้วยไม่ได้
เด็กสาวดูไม่สมกับที่เป็นคนตระกูลฟูจิวาระเท่าไหร่เพราะชอบทำอะไรตามใจตัวเอง
แต่ก็เป็นเด็กที่เกลียดไม่ลงเลยจริงๆ
รถหรูวิ่งผ่านประตูรั้วของบ้านหลังใหญ่
แล้วในขณะที่เจ้าบ้านฟูจิวาระกำลังโล่งใจว่าในที่สุดก็กลับถึงบ้านได้โดยสวัสดิภาพ
สองสามีภรรยาก้าวขาลงจากรถเพื่อเตรียมตัวเข้าบ้านอยู่นั้น...รถสปอร์ตสีขาวก็แล่นออกจากโรงรถอีกฝั่งไปอย่างไม่มีใครคาดคิด!
“คุณคะ...นั่นชูซังรึเปล่า?!”
สองสามีภรรยาหันกลับไปมองในรถที่นั่งมาพร้อมๆกันและลูกชายที่น่าจะหลับอยู่เพื่อรอให้พ่อบ้านมาพยุงออกไปกลับหายตัวไปจากตรงนั้นเรียบร้อย
“คุณ
รีบโทรตามเจ้าชูกลับมาเดี๋ยวนี้”
เจ้าบ้านฟูจิวาระหันไปบอกภรรยาด้วยใบหน้าตึงนิดๆเพราะรู้ว่าโทษเมาแล้วขับในญี่ปุ่นนั้นร้ายแรงแค่ไหน
ยิ่งถ้าไปเกิดอุบัติเหตุหรือชนคนเข้า อนาคตของลูกชายคนเดียวของตนคงได้ดับวูบแน่
“ไม่รับสายเลยค่ะ...”
ฝ่ายนายหญิงของบ้านก็ยกโทรศัพท์มือถือขึ้นแนบหูอย่างร้อนใจ
ยิ่งผ่านไปนานเท่าไหร่ใบหน้าที่สวยราวกับตุ๊กตาญี่ปุ่นนั่นก็ยิ่งวิตกกังวลมากขึ้น
เพราะปกติแล้วลูกชายของตนไม่เคยเป็นแบบนี้
ถึงจะต้องดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์บ้างตามมารยาททางสังคมแต่ฟูจิวาระ ชู
ก็ไม่เคยถึงขั้นเมา
“นายหญิง...ดูเหมือนคุณชายจะทำโทรศัพท์ตกไว้ในรถครับ...” แต่แล้วคนขับรถที่ถือโทรศัพท์มือถือที่คุ้นตามาให้ก็ทำเอาสองสามีภรรยาแทบจะแข็งเป็นหิน
ทั้งคู่ต่างมองโทรศัพท์ของลูกชายเป็นตาเดียว...แล้วอย่างงี้พวกเขาจะตามตัวชูได้จากไหน
ไม่สิ...
มันไม่ได้ยากอย่างที่คิด...
การจะตามหา
ฟูจิวาระ ชู ไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลย…
สองสามีภรรยาต่างหันมองหน้ากันราวกับต่างก็รู้ดีอยู่แก่ใจ
“สักครู่นะคะ...”
ปลายนิ้วเรียวกดวางสายจากเบอร์ของลูกชายไปที่เบอร์อีกเบอร์หนึ่งทันที
“...........”
สายเรียกเข้าดังอยู่พักใหญ่จนนายหญิงและนายใหญ่แห่งบ้านฟูจิวาระแทบจะทนรอไม่ไหว
แต่แล้วปลายสายก็กดรับจนได้
“สวัสดี...ครับ...” เสียงตอบรับที่ปลายสายงัวเงียอย่างที่คิด
ช่วยไม่ได้ก็เวลาแบบนี้คนปกติคงเข้านอนแล้ว
“นารุมิยะคุง?
นี่แม่ของชูซังนะคะ” ถึงเธอจะรู้สึกเกรงใจแต่เรื่องของลูกชายก็นับว่าร้ายแรงทีเดียว
ตอนนี้เธอต้องรู้ให้ได้ว่าชูซังอยู่ที่ไหนและปลอดภัยดีหรือเปล่า
“...ครับ....มีอะไรรึเปล่าครับ...” โทรไปดึกดื่นแบบนี้
เด็กคนนั้นเองก็คงรู้ว่าคงไม่ใช่เรื่องปกติ
เธอรู้สึกได้ว่าปลายสายกำลังพยายามเรียกสติเพื่อรอฟังเธออยู่
“ขอโทษที่โทรมาดึกดื่นป่านนี้นะคะ
แต่ว่า...ชูซังไปหานารุมิยะคุงหรือเปล่าคะ?”
“เอ๋?
ชู? เค้าไม่ได้ไปงานแต่งงานของพี่สาวเหรอครับ?”
เสียงสวบสาบดังมาจากปลายสาย
เด็กคนนั้นคงพยายามลุกขึ้นมานั่งคุยกับเธอดีๆ
“ไปงานแต่งงานมาจริงๆค่ะ
แต่ว่า พอกลับถึงบ้าน...ชูซังก็ขับรถออกไปอีก...”
“รถเหรอครับ?
อืม...เดี๋ยวนะครับ......”
มีเสียงแหวกผ้าม่านดังแว่วมาก่อนที่เด็กคนนั้นจะถามกลับมาว่า
“ใช่รถสปอร์ต....สีขาวหรือเปล่าครับ?”
“ใช่ค่ะ” เธอรู้สึกโล่งใจราวกับยกภูเขาออกจากอก...ลูกชายของเธอไปที่บ้านของเด็กคนนั้นจริงๆด้วย
“มีรถแบบนั้นจอดอยู่หน้าบ้านผม...เดี๋ยวผมลงไปดูนะครับ...” เธอได้ยินเสียงไม้แขวนเสื้อกระทบกัน
เด็กคนนั้นคงหยิบเสื้อคลุมก่อนจะก้าวออกไปจากห้อง
“ค่ะ
เอ่อ...นารุมิยะคุง...” ถึงจะรู้ว่าเด็กคนนั้นสนิทกับลูกชายของเธอมาก
แต่สภาพของชูซังตอนนี้...เธอควรจะเตือนนารุมิยะคุงเอาไว้เสียหน่อยก็คงดี
“ครับ?”
“คือว่า....ชูซังถูกพี่สาวซึ่งเป็นเจ้าสาวบังคับให้ดื่มวอดก้าไปไม่ใช่น้อยเลยค่ะ...เพราะงั้นตอนนี้ชูซังน่าจะเมามาก...”
“เอ๋?
เมาเหรอครับ?” เสียงของเด็กคนนั้นฟังดูตกใจระคนแปลกใจ
แสดงว่าลูกชายของเธอไม่เคยดื่มเหล้าจนเมาอย่างที่เธอคิดจริงๆเพราะงั้นนารุมิยะคุงถึงได้ไม่เคยเห็น
“ค่ะ....” ได้ยินเสียงเปิดประตูบ้าน...ประตูรั้ว...ก่อนจะจบลงที่เสียงเคาะกระจกรถ
ก๊อกๆๆ
“ชู...นี่...เปิดหน้าต่างรถหน่อย......เอ่อ
คุณน้าครับ ชูหลับอยู่ในรถจริงๆครับ ถ้าไงผมจะปลุกให้เข้าไปนอนในบ้านนะครับ” นารุมิยะคุงรายงานผ่านโทรศัพท์ทำให้เธอโล่งใจไปได้จนหมด
ทำไมกันนะ ทั้งๆที่เด็กคนนั้นไม่ใช่คนในครอบครัวแต่เธอกลับสบายใจและหายห่วงได้เมื่อรู้ว่าลูกชายของเธอไปถึงมือเด็กคนนั้นแล้ว
“ชู~
เปิดประตูหน่อย นี่~”
ก๊อกๆๆ
เสียงเคาะกระจกยังดังอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งมีเสียงเลื่อนกระจกลงพร้อมกับเสียงอืออาเบาๆ
“มินาโตะ......” ถึงจะฟังดูเมาๆและงัวเงียแต่นั่นเป็นเสียงของลูกชายเธอจริงๆ
“ลงมาจากรถแล้วเข้าไปนอนในบ้านสิ....นี่...จะดึงชั้นเข้าไปทำไม?
นายนั่นแหละที่ต้องออกมา เดี๋ยว~”
เด็กคนนั้นคงตั้งใจจะเปิดโทรศัพท์ไว้เพื่อจะได้รายงานสถานการณ์ให้เธอหายเป็นห่วง
แต่ยิ่งฟังเธอกลับยิ่งลุ้นและรู้สึกเขินแปลกๆ...ลูกชายของเธอ...ขี้อ้อนขนาดนี้เลยเหรอ?
เธอเป็นแม่แท้ๆแต่ชูซังไม่เคยอ้อนเธอแบบนี้เลย
“มินาโตะ...” เธอถึงกับหันหน้าไปมองสามีที่ยืนนิ่งค้างไปเช่นกัน...ฟูจิวาระ
ชู คนนั้นเรียกใครด้วยเสียงแบบนี้ได้ด้วยเหรอ?
“ออกมา~~ นี่...ยืนดีๆสิ...ชู” ปลายสายฟังดูทุลักทุเลไม่ใช่น้อย
จะว่าไปเด็กคนนั้นก็ตัวเล็กกว่าลูกชายของเธอพอสมควร
ยิ่งชูซังเมาแบบนี้ด้วยแรงคงเยอะกว่าปกติ
“เดี๋ยวก่อน...กุญแจรถอยู่ไหน?
ล็อครถก่อน...ชู นี่...”
“ไม่เอา”
“ไม่เอาอะไรเล่า~ ยืนดีๆสิ”
จุ๊บ....
เธอกับสามีแทบจะค้างเป็นหินเมื่อได้ยินเสียงนั้น...ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ามันคือเสียงอะไร
ถึงจะรู้ว่าลูกชายรักเด็กคนนั้นมากแต่พวกเธอก็จินตนาการไม่ออกมาก่อนว่าชูซังตอนอยู่กับเด็กคนนั้นจะเป็นยังไง...แต่เหมือนตอนนี้เธอกับสามีจะพอรู้อะไรๆบ้างแล้ว...
“หยุ๊ด~~
เดี๋ยว เอาหน้าออกไป...” มีเสียงห้ามปรามมาจากปลายสายก่อนจะตามมาด้วยเสียงล็อครถ
ติ๊ดๆ
“เดินเข้าบ้านก่อน...ทำไมหนักอย่างงี้เนี่ย” เด็กคนนั้นบ่นเป็นหมีกินผึ้ง
ซึ่งคนที่กล้าบ่น กล้าดุ กล้าพูดกับลูกชายเธออย่างสนิทสนมแบบนี้
เธอก็เพิ่งเคยเจอเป็นคนแรก
“มินาโตะ...”
“รู้แล้ว.......เอ่อ...คุณน้าครับ
ผมพาชูเข้าบ้านแล้วครับไม่ต้องห่วงนะครับ ท่าทางจะเมามากจริงๆ” นารุมิยะคุงหันมารายงานสถานการณ์ให้เธอฟังต่อ
“ค่ะ...ขอโทษด้วยจริงๆนะคะที่ต้องรบกวน...”
“มินาโตะ?
ใครมาน่ะลูก?” เธอยังพูดไม่ทันจบก็มีเสียงอีกเสียงหนึ่งดังขึ้นที่ปลายสาย
ดูเหมือนจะเป็นพ่อของเด็กคนนั้น
“พ่อ?...ชูน่ะครับ
เมาด้วย”
“ชู?
เมา? ฮ่าๆๆ เจ้าเด็กนั่นก็เมาเป็นกับเค้าด้วย? เด็กผู้ชายก็งี้แหละนะ”
“ใช่เวลามาหัวเราะไหมนั่น...ขอโทษที่ทำให้ตื่นนะพ่อ
ไปนอนต่อเถอะ เดี๋ยวทางนี้ผมจัดการเอง”
“อื้อ...อ้อ...ให้ดื่มน้ำเข้าไปเยอะๆ
ไม่งั้นพรุ่งนี้ได้เมาค้างแน่...อืม...ตอนพ่อเมาค้าง
แม่ก็ชอบทำซุปมิโซะหรือน้ำผึ้งผสมมะนาวให้กิน ลองดูแล้วกัน”
“ครับ....”
ดูเหมือนพ่อของนารุมิยะคุงจะรู้จักลูกชายของเธอดีพอสมควรเลย
แสดงว่าชูซังคงจะไปที่บ้านนั้นบ่อยๆแล้วก็เจอพ่อของเด็กคนนั้นบ่อยเช่นกัน
พ่อของเด็กคนนั้นถึงได้พูดถึงลูกชายของเธออย่างสนิทสนมขนาดนั้น
แล้วแบบนี้...พ่อของเด็กคนนั้นจะรู้หรือเปล่า...ว่าทั้งสองคนเป็นอะไรกัน?
“เอ่อ....คุณน้ายังถือสายอยู่ไหมครับ?” นารุมิยะคุงหันมาคุยกับเธอต่อ
ดูเหมือนคนพ่อจะกลับไปนอนแล้ว
“ค่ะ”
“โทษทีครับ
พ่อผมตื่นมาดู ไม่มีอะไรครับ”
“ทางนี้ต่างหากที่ต้องขอโทษจริงๆที่ชูซังไปรบกวนแบบนั้น”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ
ให้ชูมาที่นี่ดีกว่าไปเมาหลับอยู่ที่อื่น อันตราย”
“ขอบคุณนะคะ...ถ้ามีอะไรก็โทรมาได้ตลอดเวลาเลยนะคะ”
“ครับ”
เธอกดวางสายก่อนจะมองหน้าสามี...ดูท่าทางพวกเขาคงต้องทำใจยอมรับอย่างจริงๆจังๆกันเสียแล้ว...
ตุ้บ...
มือบางถึงกับยกขึ้นมาปาดเหงื่อเมื่อพาเจ้าคนเมามานอนที่เตียงจนได้
ปกติชูก็ตัวใหญ่กว่าเขาค่อนข้างเยอะอยู่แล้ว
พอต้องมาแบกอีกฝ่ายที่ไม่ค่อยจะให้ความร่วมมือเดินดีๆแบบนี้ถึงได้รู้ว่าชูนั้นหนักเอาเรื่องเหมือนกัน
นัยน์ตาสีมรกตทอดมองเจ้าคนที่นอนแผ่หลาอยู่บนเตียงก่อนจะส่ายหน้าน้อยๆ
ดูไม่ได้เลยนะเป็นถึงเจ้าชายแท้ๆ~
“ฮึ...” เขาเผลอหัวเราะออกมา
ก็ชูที่เมาไม่รู้เรื่องแบบนี้หาดูได้ง่ายๆเสียที่ไหน แถมมันยังน่าเอ็นดูในสายตาของเขาไปเสียนี่
เจ้าคนที่ปกติจะเนี้ยบทุกกระเบียดนิ้วก็มีมุมหลุดๆกับเค้าด้วย
เขาหันหลังกลับอย่างตั้งใจจะลงไปหยิบน้ำขึ้นมาให้ชูดื่มตามคำแนะนำของพ่อ
เพราะจะว่าไปเขาก็เพิ่งเคยดูแลคนเมาเป็นครั้งแรกเนี่ยแหละ...แม่ของเขานี่เก่งจริงๆ
รู้ได้ยังไงนะว่าต้องทำแบบไหนพ่อถึงจะไม่เมาค้าง?
แล้วในขณะที่เขากำลังจมอยู่ในความคิดของตัวเอง
จู่ๆที่เอวก็รู้สึกถึงน้ำหนักที่โถมเข้ามาจนเขาถึงกับเซไปข้างหน้า
“ชู?”
เมื่อหันไปมองจึงได้รู้ว่าเจ้าคนเมากำลังกอดเอวเขาอยู่
ทั้งๆที่แค่จะยืนยังโงนไปเงนมาแท้ๆ~
“นี่
ปล่อยก่อนชู...” เขาพยายามแงะมือที่กอดเอวเขาแน่นออก
แต่มันก็ไม่ได้ผลซ้ำยังมีใบหน้าซุกลงมาซบที่ลาดไหล่เขาเพิ่มเข้ามาอีก
“ไม่ปล่อย...” เสียงเอาแต่ใจดังงึมงำอยู่ที่ไหล่
ชูยิ่งกระชับอ้อมแขนจนเขาแทบจะจมลงไปในแผงอกมากกว่าเดิมเมื่อเขาพยายามแกะมือใหญ่นั่นออก
“ฉันจะไปเอาน้ำมาให้ดื่ม
พรุ่งนี้นายจะได้ไม่เมาค้างไง” เขาลองเปลี่ยนมาพูดกับชูดีๆ
ลุกขึ้นมากอดเขาได้แบบนี้อาจจะพอมีสติบ้างแล้ว?
“ฉัน...ไม่ได้...เมา...” ......ยังเมาอยู่สินะเจ้าหมอนี่...
“ไม่ได้เมาแล้วทำไมยืนตรงๆไม่ได้?”
“เพราะจะกอดมินาโตะ...” ถึงจะสื่อสารกันรู้เรื่องก็เถอะ
แต่ความงอแงแล้วพูดจาเอาแต่ใจออกมาตรงๆแบบนี้ไม่มีในพจนานุกรมคุณชายชูที่อยู่ในสภาวะปกติแน่ๆ
“หยุดเลย
อย่างน้อยก็ให้ฉันไปเอาผ้ามาเช็ดหน้าเช็ดตาให้นายก่อน” เขายกมือขึ้นดันใบหน้าของชูออกไปจากซอกคอ
จะไม่ยอมดื่มน้ำก็ค่อยว่ากันแต่อย่างน้อยก็น่าจะเช็ดหน้าซักหน่อย
เขาเลยว่าจะไปห้องน้ำที่อยู่ข้างๆนี่แทน
“ไม่เอา...” แต่ชูก็ยังมิวายดื้อดึงไม่ยอมปล่อยเขาท่าเดียว
“ไม่เอาอะไรเล่า~
นี่...ปล่อยแป๊บเดียว” เขาพยายามหว่านล้อม
“ไม่เอา
ไม่ปล่อย” ปั้ดโธ่
ทำไมเมาแล้ววอแวแบบนี้เนี่ย~~ ถึงจะดีที่ไม่อาละวาด
ไม่อ้วกเรี่ยราดก็เถอะ!
“ก็ได้ๆ
ฉันไม่ไปก็ได้ แต่อย่างน้อยก็ถอดสูทออกก่อนแล้วกัน จะได้นอนสบายๆ” เมื่อพยายามทั้งแงะทั้งแกะอ้อมแขนที่เหนียวหนึบราวกับปลาหมึกนี่ออกไปเท่าไหร่ก็ไม่เป็นผล
เขาเลยยอมแพ้แล้วหันไปปลดกระดุมสูทสีขาวเนื้อดีนั่นแทน
“มินาโตะก็ต้องถอดด้วย~” ไหงงั้น?!
“ฉันไม่ได้เมาแล้วจะถอดทำไม?
ตอนนี้ก็ใส่ชุดนอนสบายๆอยู่แล้วด้วย นี่ อยู่นิ่งๆสิ ชู” เขาต้องใช้มือข้างหนึ่งตะปบลงไปบนมือใหญ่ที่เริ่มเลื้อยเลิกชายเสื้อนอนของเขาขึ้น
ไม่ต้องมาช่วยเขาถอดเสื้อเลยนะ!
“ไม่เอา...ถ้ามินาโตะไม่ถอดด้วย
ฉันก็ไม่ถอด” โว้ย~
เจ้าหมอนี่~ เมาแล้วเป็นแบบนี้เองเหรอเนี่ย~~ ขี้อ้อน วอแว และน่าดีดเป็นที่สุด!
“เฮ้อ...ก็ได้ๆ
เดี๋ยวนายถอดหมดแล้วฉันจะถอดด้วย โอเคไหม?”
เขาดันตัวสูงๆที่ยืนโงนเงนให้นั่งลงไปบนเตียงก่อนจะถอดสูทออกให้
“อื้อ”
ชูรับคำแต่โดยดีก็จริงแต่กว่าเขาจะถอดเนคไทแล้วปลดกระดุมบนออกให้ได้ก็เล่นเอาเหนื่อยกับอ้อมแขนที่ชอบดึงเขาไปกอดบ้างละ
ซบหน้าลงมาที่อกเขาเพื่อออดอ้อนบ้างละ
“เอ้า
ลงไปนอนดีๆ”
เขาผลักไหล่กว้างให้ร่างสูงสง่าของชูลงไปนอนบนเตียง
แต่มือปลาหมึกก็ไม่วายเกี่ยวเขาล้มลงไปด้วยกัน
“มินาโตะก็นอนด้วย~”
ท่อนแขนแข็งแรงล็อคตัวเขาไว้แน่นจนเขาได้แต่ถอนหายใจ ใบหน้าหันไปมองนาฬิกาที่ชี้เวลาตีสอง
เขาจึงยอมจมอยู่ในอ้อมแขนของชูอย่างช่วยไม่ได้
“......” แค่ไม่ถึงนาทีเสียงก็เงียบไป
เขาเงยมองใบหน้าของคนที่กอดเขาอยู่...ชูหลับไปแล้ว?
แพขนตาสีชานั่นปิดแนบไปกับแก้มที่ขึ้นสีแดง
ไม่สิ ตอนนี้ทั้งใบหน้าทั้งต้นคอของชูแดงระเรื่อไปหมดด้วยฤทธิ์ของแอลกอฮอล์
ถึงใจจะไม่อยากกวนแต่เขาก็อดห่วงไม่ได้ว่าพรุ่งนี้ชูจะตื่นขึ้นมาพร้อมกับอาการเมาค้าง
“อือ....”
เขาถึงได้ค่อยๆแงะตัวเองออกมาจากอ้อมกอดที่รัดจนแน่น
อ้อมกอดที่หวงแหนเขาแม้ยามที่ไร้สติ
“แฮ่ก...แฮ่ก...” เขายืนหอบหายใจเมื่อเอาตัวเองออกมาจากอ้อมอกของชูได้
นัยน์ตาสีมรกตทอดมองเจ้าคนเมาพลางส่ายหน้าอย่างเพลียๆ
สองขาก้าวออกจากห้องก่อนจะลงไปที่ห้องครัวแล้วหยิบน้ำขึ้นมาหนึ่งเหยือก
“ชู...ตื่นขึ้นมาดื่มน้ำหน่อย” นึกถึงความวอแวก่อนหน้านี้แล้วก็ไม่ค่อยอยากจะปลุกขึ้นมาเลยแหะ...มือบางรินน้ำใส่แก้วก่อนจะยิ้มแห้ง
มืออีกข้างเขย่าไหล่ในเชิ้ตสีขาวเบาๆ
“อือ...มิ...นาโตะ?....” แน่นอนว่าเพิ่งหลับไปได้ไม่ถึงสิบนาที
ไม่มีทางที่ชูจะสร่างเมาแน่
ท่อนแขนแข็งแรงตวัดมากอดเอวเขาเอาไว้ทันที
“ลุกขึ้นมาดื่มน้ำก่อน” เขาพยายามเกลี้ยกล่อมดีๆ
“ไม่เอา” แต่เจ้าคนเมากลับซุกหน้ามาที่หน้าท้องของเขาพร้อมคำพูดเอาแต่ใจซะแบบนั้น
“ชู…” ทำไมถึงงอแงแบบนี้เนี่ย~~
“ป้อนสิ
มินาโตะ” ใบหน้าหล่อเหลาเงยขึ้นมาอ้อน
ให้ตายเถอะ นี่ถ้าเขาไม่ห่วงละก็นะ!
“งั้นก็ลุกขึ้นมา...” คราวนี้ร่างสูงลุกขึ้นมานั่งแต่โดยดี
ถึงจะยังโงนเงนไปมาอยู่บ้างแต่ชูกลับยิ้มให้เขา เป็นรอยยิ้มที่มีให้เพียงเขา
แล้วก็เป็นรอยยิ้มที่ทำให้เขาใจอ่อนกับชูทุกที
มือที่ถือแก้วน้ำแทนที่จะยื่นให้อีกฝ่ายกลับย้ายมาจรดที่ริมฝีปากของตัวเอง
หยาดหยดเย็นๆไหลเข้ามาในปากจนเต็มกระพุ้งแก้มก่อนที่แก้วจะถูกวางลงที่โต๊ะข้างเตียง สองมือของเขาตรงเข้าประคองสองแก้มของชูเอาไว้
ใบหน้าของเขาเคลื่อนเข้าหาใบหน้าหมดจดก่อนที่ริมฝีปากจะประกบลงไปบนริมฝีปากที่ยังมีกลิ่นแอลกอฮอล์จางๆ
น้ำที่ถูกอมไว้ถูกถ่ายทอดเข้าไปในโพรงปากของอีกฝ่ายก่อนที่มันจะกลืนหายลงไปในลำคอ เรียวลิ้นของคนที่เพิ่งรับน้ำไปสอดใส่กลับคืนมา
เสียงจุ๊บๆดังจนสองแก้มร้อนผ่าวไปหมด เขาต้องใช้สองมือดันชูออกไป
ก่อนจะคว้าแก้วน้ำขึ้นมาดื่มใหม่ แน่นอนว่าเจ้าคนเมาไม่ปล่อยให้เขาหายไปนาน
ริมฝีปากกลิ่นแอลกอฮอล์จางๆนั่นตามมาประกบริมฝีปากเขาก่อนจะดื่มน้ำไปอีกอึกใหญ่
กว่าจะให้ดื่มน้ำจนหมดเหยือกได้...ปากเขาก็ช้ำไปหมดแล้ว!
“ให้ตายเถอะ...”
มือยกขึ้นสางเส้นผมยุ่งๆสีน้ำตาลนั่นให้พ้นใบหน้าของคนที่ผล็อยหลับไปแล้ว
แต่ถึงจะหลับไปแล้วก็ยังไม่วายกอดเอวเขาแน่น...
เขาค่อยๆล้มตัวลงนอน
ท่อนแขนแข็งแรงกระชับกอดเขาราวกับเป็นปฏิกิริยาอัตโนมัติ ตอนนี้ใบหน้าของชูซุกอยู่ที่อกเขา
เขาจึงกอดหัวสีน้ำตาลนั่นอย่างรักใคร่ ใบหน้ายามหลับของชูดูแล้วอบอุ่นใจจริงๆ
ริมฝีปากจูบลงไปบนกลุ่มผมหยักศกเบาๆก่อนที่เขาจะทอดสายตามองคนที่อยู่ในอ้อมแขนของตัวเอง
เขารักชูมากจริงๆนั่นแหละ...
เขาถึงได้สุขใจที่ได้ดูแลอีกฝ่ายแม้ในยามที่เมามายหรืออ่อนแอแบบนี้
รู้สึกดีที่ได้เห็นตัวตนของชูในทุกๆรูปแบบ
เขายอมรับได้ในทุกอย่างที่ชูเป็นและชูก็ยอมเปิดเผยมันให้เขาเห็น...มีแค่เขาคนเดียวเท่านั้น
เขาขยับใบหน้าลงไปจุมพิตกลุ่มผมสีน้ำตาลเบาๆอีกครั้งก่อนจะหลับตาลง
ชู...ขอบใจนะ
ที่นายเลือกฉัน
ฉันเอง...ก็เลือกนายคนเดียวเหมือนกัน
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
Story
never End
มาถึงตอนที่
9 ได้แบบมึนงงมากเรื่องนี้ 5555 แล้วคนเมาต้นแบบของชูนี่ไม่ใช่ใครเล้ยยยย
พ่อคิมี่ของเรานี่เอง 55555+ คิมี่นี่เมาแล้ววอแวเซบมากกกกกค่ะ มากจริงๆๆ
ไม่ยอมให้คุยกับใคร ถ้ามีใครมาคุยด้วยก็จะระราน 555+ ไม่ให้ลุกไปไหน
ตามไปวอแวตลอดมากตอนเมาเนี่ย คือถ้าเป็นตอนปกติเวลาไม่เมาเนี่ย
คิมี่จะเป็นผู้ชายที่คูลมากกกก นิ่งสุดๆ แล้วจะเป็นฝ่ายยัยมาดามเองที่ไปวอแวเค้า
แต่พอตอนเมาเท่านั้นแหละ สลับกันเฉย5555+ ก็เลยคิดว่าเวลาชูเมาเป็นแบบนี้บ้างก็ดีน้า~~
อุฮิๆๆๆ แต่งสนองนี้ดตัวเองซะ กร๊ากกกก
(ปล.คิมี่กับเซบนี่นักขับเอฟวันที่คุณกวางติ่งอยู่นาคะ
เผื่อใครไม่ได้ตามอ่านฟิคเรื่อง Red season)
งื้ออออออ
แล้วก็ขอบคุณเสียงทวง เสียงถามหา ขอบคุณทุกๆการติดตามมากๆนะค้า~~
ไม่ว่าจะไหเรื่องไหนๆ ขอบคุณมากๆค่า >////<
แล้วเจอกันตอนหน้า~~~
เลิปนักเขียน
ตอบลบอยากให้มีดราม่าซีดีตอนเมาจัง55555 เสียงชูต้องอ้อนมากแน่ๆ
ตอบลบ