Tsurune.
One-Shot.Fic [Shuu x Minato] หรือรักเรียกหา : 08 : END
:
Tsurune ; kazemai koukou kyudou-bu Short Fanfiction
:
Fujiwara Shuu x Narumiya Minato
:
Warmhearted
:
NC-17
คำเตือน :
เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ
.
.
.
.
[มินาโตะ ฉันรออยู่ที่โรงฝึกของอ.ไซออนจินะ มาหาหน่อย เอาชุดกับธนูมาด้วย]
.
.
.
.
ใบหน้ามนก้มลงมองโทรศัพท์มือถือก่อนจะชะงักค้างไปหลายวินาทีเมื่ออ่านข้อความจบ
เจ้าบ้าชู
เอาอีกแล้ว!
“ปัดโธ่...” เขาสบถออกมาอย่างหงุดหงิด
นี่ไม่คิดว่าเขาจะติดธุระอะไรอยู่บ้างหรือไงเนี่ย
จู่ๆก็มาเรียกไปแบบนี้...ไม่สิ...วันนี้เขาก็มีนัดจริงๆนั่นแหละ!
“ฮึ่ม...” เขาพ่นลมออกจากหูในขณะที่ทำแก้มป่อง
ปลายนิ้วสไลด์หน้าจอไปที่กรุ๊ปไลน์ก่อนจะพิมพ์ลงไปรัวๆ ชูนะชู
ปล่อยให้รอซะให้เข็ดเลยเป็นไง!
[โทษทีนะ ฉันคงไปไม่ได้แล้วละ พอดีมีธุระด่วน]
[เอ๋~~~ มินาโตะใจร้าย~~ มาเบี้ยวนัดเอาวินาทีสุดท้ายได้ไง~]
แน่นอนว่าข้อความโอดครวญอ้อนพร่ำเพื่อแบบนี้ไม่ใช่ของชูแน่ๆ
เพราะเขาพิมพ์ลงไปในกรุ๊ปของชมรมยิงธนูที่โรงเรียน
[นั่นสิๆ มินาโตะใจร้าย~~ ฉันอุตส่าห์ปฏิเสธสาวๆที่มาชวนเชียวนะ
ทำแบบนี้ได้ไง~]
[เดี๋ยวเถอะพวกแก! ถ้าหมอนั่นมีธุระก็ปล่อยมันไป]
[โอเคๆ ถึงมินาโตะจะไม่อยู่ แต่คัจจังผู้ไม่มีสาวที่ไหนเหลียวแลก็คงไม่ทิ้งฉันไปอยู่แล้วใช่ไหมล่ะ]
[นานาโอะ!]
[นัดกับใครไว้เหรอมินาโตะ?]
[นิดหน่อยน่ะ โทษทีนะ]
เขามองข้อความสุดท้ายของเซยะที่เงียบไป....เซยะต้องรู้แน่ๆว่าเป็นชู
เขาจึงได้แต่ขอโทษขอโพยอยู่ในใจ
ชูก็เป็นแบบนี้ตลอด
ไม่รู้ว่าเป็นคนเอาแต่ใจหรือความรู้สึกช้ากันแน่ กว่าจะนัดเขาได้
เขาก็นัดกับคนอื่นไปหมดแล้ว แล้วเขาก็ต้องมาคอยขอโทษเพื่อนๆที่ไปไม่ได้แบบนี้ตลอด!
ฮึ่ม....ใบหน้ามนขบเขี้ยวเคี้ยวฟันก่อนจะเดินย้อนกลับไปทางเดิม
แล้วทำไมเขาจะต้องตามใจชูด้วยเนี่ย บ้าจริง!
แกร่กๆ
มือไขกุญแจบ้านอย่างรีบเร่ง นี่เขาออกจากบ้านไปแล้วเพื่อจะไปงานเทศกาลกับเพื่อนๆในชมรมที่อุตส่าห์นัดกันไว้อย่างดิบดี
ดูซิ ต้องย้อนกลับมาอีกจนได้ เพราะใครล่ะ!
“มินาโตะ?” พ่อหันมามองเขาอย่างงงๆจากโซฟา
แต่เขาก็ไม่ได้มีเวลามากนักจึงยิ้มแห้งๆส่งไปก่อนจะรีบวิ่งขึ้นไปบนห้อง
ชุดฮากามะถูกบรรจงวางลงในกระเป๋ากีฬา
เขาเปิดตู้เสื้อผ้าอีกฝั่งก่อนจะหยิบคันธนูและกระบอกใส่ลูกธนูออกมา
ไหล่บางสะพายของเหล่านั้นเอาไว้ก่อนจะวิ่งลงบันไดให้พ่อหันมาทำหน้างงอีกรอบ
ก็โรงฝึกที่เขาไปเรียนกับอ.ไซออนจินั้นไม่ได้อยู่ใกล้ๆ
เขาต้องนั่งรถไฟไปแล้วนี่มันก็มืดแล้ว ชูนะชู! ไม่รู้แหละ
ขากลับหมอนั่นต้องมาส่งเขา! ฮึ่ม
สองขาก้าวเดินไปตามถนนเส้นเล็กๆที่คุ้นเคยหลังจากนั่งรถไฟมาหลายสถานี
เขายังคิดอยู่เลยนะว่าตอนเด็กๆเขามาเจอโรงฝึกแห่งนี้ได้ยังไงกันนะ
คงจะเป็นโชคชะตาไม่ก็พรหมลิขิตที่ขีดไว้ให้เขาได้มาเจอกับชูที่นี่
ประตูรั้วของโรงฝึกถูกเปิดรอเอาไว้อยู่แล้ว
เขาแค่ผลักมันเข้าไปเบาๆ
ความเงียบสงบและดอกไม้ที่เบ่งบานแม้ในยามราตรีถือเป็นเสน่ห์ของโรงฝึกแห่งนี้
ที่นี่ตั้งห่างออกมาจากบ้านคนเล็กน้อยแถมยังล้อมรอบไปด้วยต้นซากุระที่กำลังบานสะพรั่ง
เขาหยุดมองกลีบซากุระที่โปรยปรายตามสายลมด้วยสายตาอ่อนโยน กี่ปีๆก็ยังเหมือนเดิม
มันทำให้เขานึกถึงช่วงเวลาที่ยังเป็นแค่เด็กตัวเล็กๆอยู่เสมอ
ช่วงเวลาที่ดีที่สุดช่วงหนึ่งในชีวิตของเขาถูกหยุดเอาไว้ที่นี่...
เขาก้าวขาต่อไป
มือเลื่อนเปิดประตูโรงฝึกก่อนจะเดินขึ้นไป
ผ่านผนังไม้เขามองเห็นร่างที่คุ้นตานั่งทับส้นรออยู่กลางโถงของโรงฝึกที่กว้างใหญ่
ชูอยู่ในชุดฮากามะเรียบร้อยแล้ว
ใบหน้าเฉยชานั่นเหม่อมองไปยังเป้าที่ถูกวางเอาไว้สองอัน
คันธนูที่วางอยู่ข้างกายทำให้ร่างสูงดูสง่าและลึกลับน่าค้นหาราวกับขุนนางยุคโบราณจริงๆ
กลีบซากุระที่พัดมาสะท้อนกับแสงจันทร์ตระการตา
ภาพตรงหน้าทำให้หัวใจของเขาสั่นไหวไม่หยุด ชู...งดงามเหลือเกิน...
“มินาโตะ?” ใบหน้านิ่งเฉยหันมาหาเขาเมื่อได้ยินเสียงก้าวเดิน
ที่นี่ไม่ได้มีคนมาใช้มากมายนัก
เพราะอาจารย์ไม่ได้รับศิษย์ก่อนที่พวกเขาจะมาเรียนนานแล้ว
เขากับชูถือว่าเป็นศิษย์ลูกหลงรุ่นสุดท้ายที่มีกันอยู่แค่สองคน
แล้วก็ยังเป็นศิษย์ที่วนเวียนมาหาอาจารย์อยู่เสมอ
พวกเขาจึงสามารถเข้ามาใช้โรงฝึกแห่งนี้ได้ตามแต่ใจ
“มีอะไร? ทำไมไม่บอกกันก่อน?” เขาถามออกไปแต่ชูก็ไม่ได้ตอบเขา ใบหน้าได้รูปนั่นก้มมองลูกธนูที่วางอยู่ตรงหน้าก่อนจะเงยขึ้นมาแล้วเปลี่ยนเรื่องเอาดื้อๆ
“ไปเปลี่ยนชุดก่อนสิ มินาโตะ” ห๋า? เขาได้แต่อุทานอยู่ในใจก่อนจะหรี่ตามองความเอาแต่ใจของอีกฝ่ายอย่างไม่สบอารมณ์
แต่กระนั้นเขาก็เดินไปยังห้องเปลี่ยนชุดที่อยู่ด้านหลังตามที่ชูบอก
ชุดฮากามะถูกยกออกมาจากกระเป๋า
เขาสวมใส่มันด้วยความคุ้นเคย
จู่ๆรอยยิ้มก็เผยอยู่บนใบหน้า...ก็กว่าเขาจะใส่ฮากามะเองได้ มันไม่ง่ายเลยนะ
เขาถูกชูดึงผ้าคาดให้จนเอวแทบขาดมาไม่รู้กี่ครั้ง ตอนนั้นชูน่ะ
โหดร้ายกับเขาจริงๆนะ
“ฮะๆๆ” เขาถึงกับหลุดหัวเราะออกมาเมื่อนึกถึงภาพวันเก่าๆที่เคยเกิดขึ้นที่นี่...เพราะไม่มีใครอื่นนอกจากเขากับชูและเขาเองก็ไม่เคยใส่ฮากามะมาก่อน
แหงละที่เด็กอายุห้าหกขวบอย่างเขาในตอนนั้นจะใส่ฮากามะไม่เป็น
ชูเลยต้องมาสอนให้อย่างทนดูความน่าเกลียดของฮากามะที่เขาพยายามใส่เองแบบมั่วๆนั่นไม่ได้
เขาสับสนกับผ้าคาดกางเกงชิ้นหน้ากับชิ้นหลังอยู่พักใหญ่จนเจ้าเด็กอายุเท่ากันแต่ดันใส่ชุดแบบนี้มาตั้งแต่เกิดทนดูไม่ไหว
ชูไม่เข้าใจว่าทำไมเขาใส่ไม่ได้ ชูจึงต้องลงมือช่วยเขาใส่
แล้วพอสอนเท่าไหร่เขาก็ยังใส่ผิดๆถูกๆ หลังๆเข้าเพื่อเป็นการสั่งสอนปนลงโทษ
จากที่เคยพันรอบเอวให้เขาดีๆ ชูก็แกล้งดึงซะจนเอวเขาแทบขาดเป็นสองท่อน
ก่อนจะทำหน้าประมาณว่าถ้ายังใส่เองไม่ได้ก็ต้องโดนแบบนี้แหละ
เห็นไหม
ชูไม่ใช่คนดีอย่างที่คิดหรอก!
เขาอมยิ้มก่อนจะปิดล็อคเกอร์เมื่อเปลี่ยนชุดเสร็จ
ทุกวันนี้เขาใส่ฮากามะออกมาได้ดีอย่างไม่มีที่ติ คงต้องขอบคุณชูสินะ
ร่างโปร่งบางเดินกลับเข้ามาในโถงของโรงฝึกอีกครั้ง
ชูเตรียมธนูให้เขาเรียบร้อยแล้ว
“มาแข่งกัน” ใบหน้าที่เฉยชาอยู่ตลอดคลี่ยิ้มให้เขาก่อนจะส่งธนูให้
ถึงจะพูดว่าแข่ง แต่มันก็เป็นแค่การมายิงธนูด้วยกันเท่านั้น
เพราะเขากับชูไม่เคยตัดสินแพ้ชนะกันได้นานแล้ว...ก่อนที่เขาจะตื่นเป้า
เขารับธนูมาอย่างไม่อิดออด
ตอนนี้อาการตื่นเป้าของเขาลดลงไปมาก
ถึงจะยังไม่ดีเท่าเดิมแต่ก็นับว่าเกือบใช้ได้แล้วละ
ถึงจะไม่ใช่การแข่งขันที่เป็นทางการ
แต่เขาสองคนก็เดินเข้าสู่สนามแข่งตามธรรมเนียมปฏิบัติไม่ให้ขาดตก
บรรยากาศที่เคยดูสบายๆเปลี่ยนไป ถึงจะไม่มีความกดดันใดๆเหมือนสนามแข่งทั่วไป
แต่ความสงบก็ลอยอบอวลเข้ามาแทน พวกเขาสืบเท้าเข้าไปยังตำแหน่งของตัวเอง
เขามักจะยืนอยู่ข้างหน้าชูเสมอ
ถึงแม้ตอนนี้ตำแหน่งของเขาในชมรมยิงธนูคาเซไมจะยืนอยู่หลังสุด แต่พออยู่กับชู
เขาก็ยังเลือกที่จะอยู่หน้าเหมือนเดิม
เขาอาจจะชอบให้ชูอยู่ข้างหลัง
เพราะมันจะทำให้เขาอุ่นใจได้มากกว่า ว่าเขาจะมีคนคอยปกป้องอยู่เสมอ
พวกเราขึ้นท่าเตรียมยิงพร้อมกัน
ต่อให้สายตาจะอยู่ที่เป้าแต่จังหวะของเขากับชูนั้นแทบจะเหมือนกัน
นั่นบ่งบอกได้เป็นอย่างดี ว่าพวกเขาเรียนมาจากอาจารย์คนเดียวกันและฝึกฝนอยู่ด้วยกันมานานขนาดไหน การยิงธนูของอ.ไซออนจินั้นงดงามมาก
และตอนนี้ศิษย์ทั้งคู่ก็กำลังพิสูจน์ให้โลกรู้ว่ามันงดงามเพียงใด
พวกเราตั้งท่าเตรียมยิงพร้อมกันทั้งๆที่สายตาไม่ได้ละจากเป้า...ง้างคันธนูพร้อมกันทั้งๆที่ไม่ได้นัดหมาย….แสงจันทร์ที่สาดส่องลงมากระทบร่างทั้งสองที่ยืนเคียงข้างกันจึงงดงามเหมือนดั่งภาพวาด
ฟึ่บ!!!
เสียงทสึรุเนะดังก้องกังวานแทบจะผสานเป็นเสียงเดียวกัน...และในจังหวะนั้นกลีบซากุระก็โปรยปรายแตกกระจาย...ลูกธนูพุ่งแหวกอากาศไปปักลงตรงกลางเป้าทั้งสองพร้อมๆกันท่ามกลางกลีบสีชมพูนับพันที่พลิ้วไหวไปทั่ว...ช่างเป็นภาพที่โรแมนติกและสวยงามเหลือเกิน
ธนูดอกที่สองถูกตั้งไว้บนสาย
พวกเราทำเหมือนเดิม...ขึ้นท่าเตรียมยิงพร้อมกัน ง้างคันธนูพร้อมกัน
และยิงออกไป...พร้อมกัน...
ปึก!
ลูกธนูยังคงปักลงภายในวงตรงกลางเป้าอย่างต่อเนื่อง
พวกเขาไม่ได้หยุดพักแต่ยังคงยิงต่อไปเรื่อยๆ
ชูเองสามารถยิงต่อเนื่องในเป้าเดียวกัน
20 ดอกได้สบายๆ แต่เขาไม่สามารถจะทำถึงขนาดนั้นได้
เขามีข้อจำกัดอยู่ที่รอยแผลเป็นเหนือสะโพกซ้าย...เพราะฉะนั้นเสียงทสึรุเนะจึงหยุดลงเมื่อถึงครั้งที่
16
ร่างโปร่งสั่นน้อยๆ
ถึงแผลจะหายดีจนไม่ต้องไปตรวจแล้ว
แต่เขาก็ยังใช้กล้ามเนื้อและพลังได้ไม่มากเท่าคนปกติ
“ไหวไหมมินาโตะ...” เสียงทุ้มดังอยู่ข้างๆหูทำให้เขารู้ว่าชูขยับมายืนประชิดติดข้างหลังเขา
ฝ่ามือใหญ่สอดเข้ามาก่อนทาบทับลงไปเหนือสะโพกซ้ายป้ายมาทางหน้าท้อง
ชูกำลังสัมผัสรอยแผลเป็นของเขาอย่างปลอบโยน
“อื้อ ไม่เป็นไร” เขาวางมือตัวเองทับลงไปบนมือของชูก่อนจะทอดมองมันด้วยสายตาอ่อนโยน
ชูกดมือดึงให้ลำตัวเขาเข้าไปแนบชิดกับแผ่นอกของชู ไออุ่นจึงซึมซับสู่กันและกัน
คันธนูถูกถือขนานอยู่ข้างลำตัว
ชูขยับใบหน้ามาคลอเคลียกับแก้มของเขา นัยน์ตาสีมรกตจึงปิดลงแล้วปล่อยใจไปกับสัมผัสอันละมุนละไมนั่น
เกิดเป็นเงาร่างของคนสองคนยืนแนบชิดอยู่กลางโรงฝึกที่กว้างใหญ่
กลีบซากุระปลิวไสวเข้ามาราวกับละอองของหิมะยามเมื่อมันต้องแสงจันทร์
ทุกฉาก
ทุกตอน มันทำให้เขานึกย้อนไปถึงวันนี้...เมื่อสองปีก่อน...
เพราะมันเหมือนกัน
เหมือนกันไม่มีผิด…
นัยน์ตาสีมรกตเปิดขึ้นช้าๆ
ใบหน้ามนอมยิ้มน้อยๆหลังจากปล่อยน้ำหนักของร่างกายให้ชูรับเอาไว้
เขาเอนหลังพิงแผ่นอกกว้างนั่นอย่างไม่กลัวว่าจะล้มลงไป
“ชู...นายจำได้ใช่ไหม...ว่าวันนี้วันอะไร ถึงได้เรียกฉันมาที่นี่”
เขาไม่จำเป็นต้องพูดเสียงดังเพราะที่แห่งนี้มีบรรยากาศเหมือนถูกตัดขาดออกจากโลกภายนอก
เสียงเดียวที่ดังคละเคล้ากับเสียงของเขาก็คือเสียงของสายลมที่พัดพากลีบซากุระให้โปรยปรายลงมา
“อืม...ฉันคิดว่า ถ้ามินาโตะจำไม่ได้ก็ไม่เป็นไร
แต่นายก็จำได้เหมือนกันสินะ” ชูเองก็ไม่ได้พูดเสียงดังเพราะริมฝีปากของชูอยู่ไม่ไกลจากใบหูของเขาเท่าไรนัก
เขาพยักหน้ารับ...เขาจำได้สิ จำได้ดีเลยว่าวันนี้เป็นวันอะไร
ไม่งั้นเขาคงไม่ยกเลิกนัดกับเพื่อนในชมรมง่ายๆแล้วรีบวิ่งมาหาชูแบบนี้หรอก
“อื้อ...ฉันเองก็ไม่ได้อยากให้นายซีเรียส
เลยไม่ได้ทำว่ามันเป็นเรื่องสำคัญอะไร แต่เราทั้งคู่ก็จำได้”
วันนี้...วันครบรอบวันที่เราตกลงคบกันแบบคนรักเป็นวันแรก...
อย่างที่บอก
ว่าความรักของพวกเรามันไม่ค่อยจะเป็นไปตามขั้นตอน ชูไม่เคยจีบเขาแบบคนรักมาก่อน
เราเริ่มต้นจากจูบที่ไม่รู้ที่มาที่ไปอยู่หลายเดือน...จากนั้น...ในคืนหนึ่งของฤดูใบไม้ผลิ...
เราก็มีอะไรกัน...
ที่นี่...
หลังจากแข่งกันเสร็จ
เหมือนในวันนี้แหละ...
ชูทำให้ภาพทุกอย่างมันหวนกลับมาอีกครั้ง
เหมือนกับเมื่อวันนั้นไม่มีผิด
มือใหญ่ตวัดรอบเอวเขาก่อนจะหมุนกายให้เขาหันไปเผชิญหน้า ร่างสูงสง่าโน้มลงมาช้าๆ
นัยน์ตาที่เปล่งประกายโหยหาสบประสาน
กลีบปากขยับเข้าหากันมากขึ้นเรื่อยๆราวกับผืนน้ำที่ถูกพระจันทร์ดึงดูด
วันนั้นอาจจะต่างจากวันนี้ตรงที่ชูไม่ได้สูงจนเขาต้องยืดตัวขึ้นรับริมฝีปากที่ช่ำชองขึ้นมาก
จูบที่เคยเก้ๆกังๆกลับนุ่มนวลยามเมื่อกลีบปากแนบชิด
ลิ้นร้อนกวาดเปิดทางก่อนจะสอดใส่เข้ามา น้ำใสๆที่ติดอยู่ที่ริมฝีปากทำให้ทุกการเคลื่อนไหวชุ่มช่ำและดื่มด่ำมากขึ้น
เรียวลิ้นที่เคยไร้เดียงสาก็ตอบกลับด้วยประสบการณ์ที่สั่งสมมา
เขาไม่รู้หรอกว่าสำหรับคนอื่นแล้วนี่จะเรียกว่าเก่งได้หรือยัง
แต่สำหรับพวกเขามันคือจูบที่ทำให้ละจากกันแทบไม่ได้ อันตรายยิ่งกว่ายาเสพติดเสียอีก
“ฮ้า...ฮ้า...อื้ม~” ชูละริมฝีปากออกไปแค่นิดเดียวพอให้เขาได้หายใจนิดหน่อยก่อนจะเปลี่ยนมุมแล้วประกบปิดลงมาอีก
เรียวลิ้นแลกรับพัวพันกันอยู่ในโพรงปากที่ปิดสนิท... น่าแปลก...ทั้งๆที่พื้นที่ในนั้นก็มีไม่มากแท้ๆแต่กลับทำให้ร่างทั้งร่างร้อนรุ่มได้ขนาดนี้
สองมือของเขาดึงแขนเสื้อของชูเอาไว้เพื่อช่วยพยุงร่างกาย
ชูไม่ได้สูงขึ้นแค่อย่างเดียวแต่แข็งแรงขึ้นมาก
วันนี้เมื่อสองปีก่อนเราต่างล้มลงไปที่พื้นทั้งคู่...แต่วันนี้...หากชูไม่ค่อยๆดันร่างเขาลงไป
เขาคงไม่มีทางลงมานั่งอยู่ที่พื้นแบบนี้แน่
“อื้ม~” กลีบปากยังคงบดเบียดกันไม่ห่าง
ชูโน้มตัวมาคร่อมเขาไว้ สองแขนแข็งแรงกางกั้นตรึงร่างไว้กับพื้น
เขาต้องพยายามแข็งขืนไม่ให้ล้มลงไปนอน แต่เขาคงจะต้านแรงของชูได้อีกไม่นานหรอก
เขารับรู้ถึงแรงกระตุกน้อยๆที่ด้านหลัง
ชูน่าจะกำลังแกะปมผ้าคาดเอวฮากามะของเขา ชูรู้ดีว่ามันอยู่ตรงไหนในเมื่อชูเป็นคนสอนเขาใส่เอง
ชูย่อมต้องถอดมันออกได้ง่ายๆอยู่แล้วไม่ว่ามันจะผูกไว้ซับซ้อนแค่ไหนก็ตาม
นัยน์ตาสีมรกตชายมองมือใหญ่ที่สอดเข้าไปทางรอยแหวกเพื่อปลดผ้าคาดทั้งหมดออก “อื้ม~” แล้วดวงตาของเขาก็ต้องปิดลงเพราะจูบที่ยังคงรุกเร้าต่อเนื่อง
มันหวานล้ำละมุนละไมแต่ก็แฝงไว้ด้วยความรุนแรงเอาแต่ใจของชูอยู่เหมือนกัน
มือใหญ่ข้างหนึ่งจับสะโพกของเขาเอาไว้
ส่วนอีกข้างยังคงปลดผ้าคาดฮากามะของเขาต่อไป ชูไม่ต้องมองด้วยซ้ำ และในที่สุด
มือแข็งแรงข้างนั้นก็ดึงปมสุดท้ายออกจนได้ ชูใช้เวลาไม่ถึงสองนาทีในการปลดฮากามะของเขา
ผ้าสีกรมท่าของฮากามะชิ้นหน้าค่อยๆรูดออกไปจากเรียวขาก่อนที่มันจะกลายเป็นผ้าปูชั้นดีที่รองรับร่างกายของเขาอยู่ตอนนี้
เขาจึงไม่ได้นั่งอยู่บนกระดานแข็งๆอีกต่อไป และไม่ใช่ฮากามะอย่างเดียว
ตอนนี้โอบิสีม่วงเองก็กำลังถูกปลดตามไป
สาบเสื้อสีขาวถูกแหวกออกก่อนจะถูกดึงหลุดจากไหล่
ชูปล่อยริมฝีปากเขาได้ก็ต่อเมื่อเสื้อสีดำตัวในต้องถูกถอดออกไปทางหัว
ริมฝีปากชุ่มชื้นประกบลงมาใหม่ในชั่ววินาที
แล้วตอนนี้ทั้งร่างกายเขาก็ไม่เหลือเสื้อผ้าเลยสักชิ้น
เขาถูกกดให้นอนลงไปบนกองเสื้อผ้าของตัวเอง
อย่างไรก็ดีเขาไม่มีแรงจะต่อต้านจึงได้แต่ปล่อยร่างกายที่อ่อนระทวยเพราะรสจูบอันหนักหน่วงให้ลงไปนอนหอบอยู่ที่พื้น
สมองเริ่มมึนเบลอ
ดวงตาเหม่อลอยทอดมองชูที่คุกเข่าอยู่ระหว่างขาของเขา
ปกติดวงตาสีม่วงคู่นั้นมักจะเฉยชาและไม่สะท้อนสิ่งใดกลับมา...มีเพียงเวลาที่อยู่ต่อหน้าเขาที่ทั้งใบหน้าของชูจะดูมีชีวิตชีวาและตอนนี้...ดวงตาสีม่วงคู่นั้นมันก็กำลังจ้องมองเขาด้วยไฟปรารถนา…
ชูดึงเชือกที่ผูกสาบเสื้อสีขาวของตัวเองออกก่อนจะปลดสาบเสื้อทั้งสองข้างไปจากไหล่
แต่มันก็ไม่ได้หลุดออกจากร่างกายเพราะฮากามะของชูยังอยู่ครบ
ชูเพียงแค่ถอดเสื้อสีดำตัวในผ่านหัวออกไป
ทุกท่วงท่าที่ดูเฉยชาของชูกลับทำให้เขาหายใจไม่ทั่วท้องจนต้องกัดริมฝีปาก
ทำไมใบหน้าตายด้านแบบนั้นถึงได้ดูเซ็กซี่นักนะในเวลาแบบนี้?
ชูไม่ใช่แค่หน้าตาดีแต่ยังมีรูปร่างที่ดีด้วย
ถึงเขาจะเคยถูกแผงอกแข็งแรงนั่นกอดมาไม่รู้กี่ครั้ง แต่เมื่อได้มองมันตรงๆแบบนี้ก็ทำให้ใบหน้าของเขาร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
กล้ามเนื้อของชูยังไม่ได้เต็มแน่นเหมือนชายฉกรรจ์แต่มันเป็นกล้ามเนื้อของเด็กม.ปลายที่กำลังสวยได้รูป
เขายื่นมือออกไปแตะกล้ามหน้าท้องที่เป็นลอนน้อยๆนั่นอย่างเผลอไผล
ร่างกายของชูตอนนี้กำลังดีและมันก็ไม่ทำให้เขารู้สึกกลัว
โคนขาที่ถูกจับอ้ากว้างกว่าเดิมเมื่อชูขยับเข้ามาสัมผัสกับผ้าเนื้อดีที่ชูใช้ทำฮากามะ
ขึ้นชื่อว่าบ้านฟูจิวาระแล้วย่อมต้องสั่งตัดมาอย่างดีไม่เหมือนฮากามะทั่วไป
โคนขาของเขาที่ถูกจับพาดอยู่บนต้นขาของชูจึงไม่รู้สึกระคายเคือง
ชูโน้มตัวลงมาก่อนจะจูบที่ปากเขาเบาๆ
ใบหน้าหล่อเหลาละเรื่อยลงไป ปลายผมสีน้ำตาลอ่อนละจากหน้าอกลงสู่หน้าท้องของเขาก่อนที่เขาจะต้องสะดุ้งเบาๆเมื่อริมฝีปากร้อนจรดลงบนรอยแผลเป็นเหนือสะโพก
ชูจุมพิตมันด้วยความนุ่มนวลและจุมพิตนั้นมันกำลังทำให้เขาหายใจติดขัด
“อื้อ~” เขายกหลังมือขึ้นมาปิดปากเมื่อท้องน้อยรู้สึกเสียววูบไปกับจูบแผ่วเบานั่น
จะด้วยความรู้สึกว่าชูรักเขาหรือด้วยตำแหน่งของรอยแผลเป็นมันไม่ไกลจากแกนกายหรือด้วยอะไรก็แล้วแต่
แต่ตอนนี้ร่างทั้งร่างของเขากำลังสั่นสะท้าน
ความต้องการค่อยๆผุดพรายขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่
“ฉัน...ชอบร่างกายของมินาโตะ...” มือของชูกำลังลูบอยู่บนรอยแผลเป็นของเขา
ใบหน้านิ่งทอดสายตามองตามมือของตัวเองก่อนจะพูดต่อไป
“ฉันเกลียดรอยแผลนี่เพราะมันเกือบจะพรากมินาโตะไปจากฉัน...แต่ฉันก็รักมันเพราะมันทำให้มินาโตะมีตำหนิ...ฉันชอบร่างกายที่มีตำหนิของมินาโตะ...ชอบมาก” คำพูดนิ่งๆของชูมันทำให้ริมฝีปากที่กำลังพยายามสกัดกลั้นเสียงครางถึงกับสั่นระริก
ทั้งๆที่ไม่ใช่คำพูดหวานหูเลยสักนิดแต่ทำไมมันถึงทำให้หัวใจของเขาเต้นระรัวขนาดนี้ก็ไม่รู้
“ชู~”
เขาวางมือสั่นๆของตัวเองลงไปบนมือชูที่ยังคงสัมผัสรอยแผลของเขาอยู่
แล้วจู่ๆชูก็พลิกฝ่ามือของตัวเองมาจับมือเขาเอาไว้
นิ้วทั้งห้าสอดประสานก่อนจะดึงมือเขาขึ้นมากดไว้เหนือหัวอย่างไม่ทันตั้งตัว...ชูขยับขึ้นมาจนใบหน้าอยู่ระดับเดียวกัน...นัยน์ตาสีม่วงจ้องมองเข้ามาในดวงตาของเขาก่อนที่ใบหน้าหล่อเหลานั่นจะโน้มลงมาช้าๆ
ปลายลิ้นร้อนแตะลงบนริมฝีปากของเขาก่อนจะสอดแทรกเข้ามาโดยไม่สนว่าจะถูกรับเชิญหรือไม่
ชูจูบเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่าราวกับไม่เคยนึกเบื่อ และเพราะชูโน้มตัวลงมาจูบเขา
แกนกายของเขาจึงเสียดสีกับหน้าท้องของชูโดยไม่รู้ว่าจงใจหรือเปล่า
“อื้ม~” เขาทำได้แค่ปิดตาลงขมวดคิ้วแน่น
เขาระบายความรู้สึกเสียบวูบที่ช่วงล่างออกไปทางเสียงครางไม่ได้เพราะลิ้นร้อนที่ปิดปากเขาอยู่
หลายครั้งที่เขาพยายามจะอ้าปากแต่ลิ้นร้อนนั่นก็จะไล่ต้อนปิดมันจนหมด
ตอนนี้จึงมีเพียงน้ำลายที่ออกไปได้บ้างและมันก็กำลังไหลลงสู่ปลายคาง
แค่จูบยังทำเอาเขาแทบขาดใจขนาดนี้ ไม่ต้องพูดถึงเลยถ้าชูเข้ามาได้...
“ฮ้า..ฮ้า...”
เขารีบโกยอากาศเข้าปอดเมื่อในที่สุดชูก็ยอมละออกไป
ใบหน้าได้รูปนั่นย้ายไปกดจูบที่ซอกคอของเขาแทน
ทุกครั้งที่ริมฝีปากชื้นแฉะนั่นแตะลงบนลำคอเขาจะรู้สึกจั๊กจี้จนต้องห่อไหล่
และเมื่อรอยสัมผัสมันเยอะเข้าๆความวาบหวามรัญจวนใจมันก็ทำให้เขาเผลอยกแขนขึ้นกอดหัวสีน้ำตาลนั่นโดยไม่รู้ตัว
หน้าท้องของชูยังคงถูไถอยู่กับแกนกายที่เริ่มขยายตัวของเขา
ความปรารถนาที่น่าอายส่งผ่านในรูปแบบน้ำใสๆที่ค่อยๆไหลทะลักออกมาจากส่วนปลายจนหน้าท้องของชูเปื้อนเป็นทางยาว
“อ๊ะ...” ความเป็นชายของชูยังอยู่ในกางเกงฮากามะแต่เขากลับรับรู้ถึงตัวตนที่ใหญ่และร้อนรุ่มนั่นได้เป็นอย่างดี...ผ่านปากทางและโคนขาที่ถูกดึงไปจนแนบชิดกับร่างกายของชู
เขายังจำได้...ครั้งแรกที่เขาสัมผัสมันเขาแทบจะเป็นลม
ชูจับมือเขาลงไปกอบกุมมันไว้เพื่อให้รู้จักกันก่อนที่มันจะเข้ามาในร่างกายของเขา
มันใหญ่แล้วก็ร้อนมาก...มากจนเขาแทบสิ้นสติ
ถึงตอนนี้จะไม่ได้กลัวมันแล้วเพราะรู้ดีว่าหลังจากนี้มันจะทำให้เขารู้สึกดีแค่ไหน
แต่ถึงกระนั้นก็ยังอดหน้าแดงไม่ได้ ทุกครั้งที่นึกถึงความร้อนที่นาบอยู่กับโคนขาของเขานั่น
“อ่ะ อื้อ~...” ชูดึงความสนใจของเขากลับมาจากเบื้องล่างเมื่อลิ้นร้อนที่เคยไล้เลียอยู่ที่ลาดไหล่ตอนนี้มันกลับแตะลงที่ปลายยอดอกของเขา
ความรู้สึกเสียวซ่านแทบล้นทะลักจนลำตัวแทบบิดเร่าเมื่อชูไม่ได้แค่แตะเฉยๆแต่กำลังครอบครองส่วนไวต่อความรู้สึกนั้นด้วยลิ้นชื้นแฉะและริมฝีปาก
“ฮ้า~ อ้า~” เขาสะบัดเงยหน้าเมื่ออารมณ์ถูกพาขึ้นสูง
ฝ่ามือที่เคยกอดหัวสีน้ำตาลสอดเข้าไปในกลุ่มผมหยักศกนุ่มลื่นนั่นอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้
ปลายลิ้นของชูร้ายกาจเหลือเกิน แค่ยอดอกข้างเดียวก็ทำเอาเขาแทบจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว
เขาครางออกไปด้วยเสียงแทบจะขาดใจ ยิ่งปลายลิ้นร้อนนั่นลากไล้ต่อลงไป...จากหน้าอกลงมากลางลำตัว...จากหน้าท้องแบนเรียบชูก็หยุดวนไล้อยู่รอบๆสะดือ...เมื่อก่อนเขาไม่เคยใส่ใจเรื่องการอาบน้ำมากนัก
แต่ถ้าชูจะเลียจนแทบจะกลืนกินเขาได้ทั้งตัวแบบนี้ จากที่เคยอาบน้ำแค่สิบนาที
เดี๋ยวนี้เขาก็ใช้เวลาอาบน้ำเป็นครึ่งค่อนชั่วโมง ต้องขัดสีฉวีวรรณกันขนาดหนัก
“อ้า~ ชู~”
ปลายลิ้นร้อนสอดใส่เข้าไปในสะดือราวกับกำลังหยอกเย้าแต่เขาแทบร้องไม่เป็นภาษา
ความเสียวซ่านพุ่งทะยานไปทั่วท้องน้อยก่อนจะรู้สึกถึงฝ่ามือแข็งแรงที่คว้าหมับไปที่ปลายแกนกายของเขา
ชูไม่ยอมให้เขาปลดปล่อยออกมา เขาถึงได้บิดไปมาด้วยความทรมาน สองขาพยายามดิ้นหนีแต่มืออีกข้างของชูก็ดึงโคนขาของเขากลับไปที่เดิม
ปฏิกิริยาของเขาคงจะไปกระตุ้นเร้าชูเข้า
เขาถึงได้รู้สึกว่าความเป็นชายของชูขยายใหญ่กว่าเดิม ร้อนกว่าเดิม
แล้วมันก็กำลังเต้นตุบๆจนเขารู้สึกได้
“อย่าเพิ่งไปก่อนสิมินาโตะ...” เสียงนิ่งพูดออกมาราวกับไม่รู้สึกรู้สาอะไร
ก็เพราะใครกันเล่า?! เขาหันไปค้อนให้ทั้งๆที่สั่นไปทั้งตัว
ชูทอดสายตามองเขาด้วยลมหายใจร้อนระอุ ใบหน้าที่ปกติจะเฉยชากลับแสดงความปรารถนาออกมาอย่างชัดเจนจนเป็นเขาเองที่เขินอายกับสายตานั้น
ชูละจากเขาก่อนจะหันไปควานหาอะไรบางอย่างในกองเสื้อของตัวเอง...อย่าบอกนะว่า...
แป่ก...
ฝาหลอดเจลหล่อลื่นขนาดพกพาแบบใช้ครั้งเดียวถูกเปิดออก...เจลหล่อลื่นจริงๆด้วย!
ทำไมถึงพกของแบบนี้เอาไว้ในชุดฮากามะเนี่ย?
แล้วถ้ารู้ว่าจะมีอะไรกันในที่แบบนี้ก็ช่วยพกถุงยางด้วยได้ไหม?! เขารู้สึกกระดากอายทุกครั้งที่ต้องมาเก็บกวาดร่องรอยที่ทิ้งเอาไว้ในที่ที่ศักดิ์สิทธิ์แบบนี้
อีกอย่าง เวลาฮากามะมันเลอะมันก็ทำความสะอาดยากกว่าเสื้อผ้าทั่วไปด้วย!
คราวนี้เขาให้ค้อนอันใหญ่ชูไปอีกอัน
ให้ตายเถอะเจ้าหมอนี่!
“อื้อ~” แต่เขาก็มีเวลาแง่งอนได้ไม่ถึงนาที
เมื่อปลายนิ้วชุ่มโชกนั่นกดแตะมาที่ปากทางเข้าเบื้องล่าง
ความเย็นของมันทำให้เขาต้องปิดตาแน่น
ปลายนิ้วเพียงนิ้วเดียวนั้นเข้ามาในช่องทางที่คุ้นเคยดีอยู่แล้วได้ง่ายดาย...มันต่างจากครั้งแรกลิบลับ...เขาจำได้ว่าเขาเจ็บแทบตายขนาดไหนที่ต้องให้ชูเข้ามาโดยไม่ได้เตรียมพร้อมอะไรเลย
พวกเขาต่างไม่เคยด้วยกันทั้งคู่ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะเจ็บจนลุกไม่ขึ้นไปอีกหลายวัน
แล้วหลังจากนั้น ชูก็กลายเป็นผู้ชายที่พกเจลหล่อลื่นติดตัวอย่างที่เห็น...
“อึก...”
เขาจิกปลายนิ้วลงไปบนต้นขาในกางเกงฮากามะของชูเพื่อระบายความรู้สึกอึดอัดระคนเสียวซ่าน
เขารู้สึกได้ถึงปลายนิ้วที่สองที่กำลังสอดใส่เข้ามา
เขารู้ว่ามันหวังดีและอยากจะทำให้เขาผ่อนคลาย
แต่หลายต่อหลายครั้งเขาก็เผลอตอดรัดเจ้าสิ่งแปลกปลอมนั่นอย่างห้ามตัวเองไม่อยู่
ชูถึงกับกัดฟันกับปฏิกิริยาภายในร่างกายเขาที่รับรู้ผ่านปลายนิ้ว
เขารู้ว่าชูเองก็คงทนแทบไม่ไหว เขาถึงได้ย้ายฝ่ามือไปสัมผัสความเป็นชายที่ร้อนระอุผ่านกางเกงฮากามะสีดำนั่นแทนการเอ่ยคำอนุญาตให้ชูเข้ามา
คิ้วสีน้ำตาลขมวดน้อยๆราวกับกำลังต่อสู้กันอยู่ในจิตใจ
แล้วในที่สุดสัญชาตญาณดิบก็ชนะไปแต่โดยดี
ปลายนิ้วทั้งสองถูกดึงออกในเวลาเดียวกับที่ฮากามะสีดำถูกปลดลง
ถึงจะรู้สึกว่าชูขี้โกงที่ไม่ถอดหมดเหมือนเขาแต่ก็ไม่มีเวลาได้ทักท้วง
“อะ...”
นัยน์ตาสีมรกตจำต้องปิดแน่นเมื่อความเป็นชายขนาดใหญ่ค่อยๆสอดใส่เข้ามา
ถึงแม้ว่าชูจะพยายามอดทนทำอย่างเชื่องช้า
แต่ด้วยขนาดของมันก็ทำให้เขาแทบแย่ทุกครั้ง การจะรับใครสักคนเข้ามาในร่างกายมันไม่ใช่เรื่องง่าย
เขากล้าบอกได้เลยว่าถ้าไม่ใช่ชู เขาก็ไม่คิดจะให้ใครเข้ามาอีก ถ้าไม่ใช่ชู
เขาคงขยะแขยงน่าดู...
“กอดฉันไว้
มินาโตะ”
ชูโน้มตัวลงมาหาเมื่อเห็นใบหน้าทรมานของเขา
สองแขนผอมบางจึงย้ายไปคล้องลำคอแข็งแรงนั่นเอาไว้
ปลายนิ้วกดลงบนแผ่นหลังเปลือยเปล่าของชูเพื่อระบายความรู้สึกที่บรรยายไม่ถูก
ปลายเล็บลากลงไปตามจังหวะเดียวกับที่ความเป็นชายนั่นสอดแทรกเข้ามา
ความหนักหน่วงที่เขาระบายออกไปคงทำให้แผ่นหลังชูมีแผลอีกแล้วแน่ๆ
“อื้อ”
ดวงตาทั้งสองข้างปิดแน่นเมื่อจู่ๆชูก็ตัดสินใจขยับเข้ามารวดเดียว
ตำแหน่งที่คุ้นเคยดีทำให้รู้ว่าชูเข้ามาได้หมดแล้ว
เขาเงยหน้าขึ้นไปหอบหายใจและพบว่าใบหน้าของชูที่ก้มมองเขาอยู่นั้นมันกำลังเต็มไปด้วยความต้องการขนาดไหน
แต่ถึงกระนั้นชูก็ยังหยุดให้เขาได้หายใจหายคอ ชูมักจะรอให้เขาพร้อมเสมอ
ร่างกายของชู...กำลังเต้นตุบๆอยู่ในตัวเขา...
สองแขนที่คล้องลำคอแข็งแรงเอาไว้ดึงใบหน้าที่ล้อมกรอบด้วยเส้นผมหยักศกลงมาก่อนที่เขาจะประทับริมฝีปากลงไปบนกลีบปากของชูอย่างนุ่มนวล
ตอนนี้มันอบอวลไปหมด...ทั้งกลิ่นของซากุระ ทั้งกลิ่นของความรักที่เราต่างมอบให้กัน
ดีจริงๆ
ที่มีวันนี้เมื่อสองปีก่อน…ดีจริงๆ ที่ชูรุกเร้าเขาทั้งๆที่ไม่รู้ว่ามันคืออะไร...ดีจริงๆ
ที่เขายอมให้ชูทำอย่างที่ตั้งใจ...จนในที่สุดก็รู้ว่ามันคือความรัก…
“มินาโตะ...”
ใบหน้าหล่อเหลาก้มลงมาคลอเคลียที่ขมับก่อนจะพรมจูบไปทั่ว
“ชู...” เขาเอ่ยชื่ออีกฝ่ายเบาๆ
พวกเรามักจะเรียกชื่อของกันและกันเสมอ และชูก็จะรู้ว่าเขาพร้อมแล้ว
“อื้อ~” ชูค่อยๆดึงความเป็นชายออกไปอย่างเชื่องช้า
ถึงแม้ว่าช่องทางที่คับแน่นนั่นจะขยายตัวจนพอดีกับขนาดของชูได้แต่ความฝืดก็ยังมีไม่ใช่น้อย
ชูเทเจลหล่อลื่นลงบนแกนกายของตัวเองก่อนที่จะสอดใส่เข้ามาใหม่
ดูเหมือนมันจะช่วยให้อะไรๆดีขึ้น
“อ้า~” เขาถึงกับต้องเอื้อมสองแขนออกไปคว้าไหล่ชูเอาไว้อีกครั้งเมื่อเบื้องล่างเริ่มลื่นไหลมากขึ้น
จากความคับแน่นเริ่มกลายเป็นความเสียวซ่าน จากความแห้งผากเริ่มมีเสียงน้ำชุ่มแฉะให้ได้ยิน
...มันน่าอายจนใบหน้าของเขาร้อนไปหมด...
แต่ถึงอย่างนั้นชูก็ยังคงขยับกายอย่างเชื่องช้า
ค่อยๆสอดใส่เข้ามา ค่อยๆดึงออกอย่างเนิบนาบ เหมือนชูจะค่อยๆดื่มด่ำไปกับร่างกายของเขา
ค่อยๆกลืนกิน ค่อยๆสำรวจให้หมดทุกซอกทุกมุม ก็ขนาดชูมองไม่เห็นข้างในนั่นแท้ๆ
แต่ก็ยังรู้ว่าตรงไหนคือจุดที่จะทำให้เขาแทบขึ้นสวรรค์ได้ถ้าไปโดนมันขึ้นมา
“ชู...อะ...อื้อ~” เสียงครางที่ห้ามไม่ได้ดังออกมาทั้งๆที่พยายามสะบัดใบหน้าปฏิเสธ
เพราะชูขยับช้าๆร่างกายของเขาจึงสัมผัสชูที่อยู่ข้างในได้ทุกอณู
ท้องน้อยรู้สึกเสียววูบจนไม่รู้จะผลักไสไหล่กว้างนั่นออกไปหรือดึงรั้งมันมากอดเอาไว้ดี
ชูกำลังจะทำให้เขาคุ้มคลั่งเสียสติ พวกเขาเป็นนักยิงธนูจริงอยู่ที่ปกติแล้วพวกเขาจะมีความอดทนมากกว่าคนทั่วไป
แต่ในเวลาแบบนี้ บางทีเขาก็ทนไม่ไหว
“อะ อา...” เขาฝังรอยเล็บเอาไว้บนแผ่นหลังของชูครั้งแล้วครั้งเล่า
ร่างกายของชูที่เสียดสีอยู่ในตัวเขาทำเอาเสียวซ่านจนไม่รู้จะทำยังไง
ชูมักจะอ่อนโยนกับเขาเสมอแต่ก็มีบ้างที่ชูจะชอบแกล้งเขา ทำให้เขาร้องครางแทบขาดใจ
ทำให้เขาอยากปลดปล่อยแทบเป็นแทบตาย
แต่ก็ทำไม่ได้เพราะต้องรอไปพร้อมชูที่ใช้เวลาอยู่กับร่างกายของเขานานมาก
“ฮะ อ่า...ชู~” เขาเอื้อนเอ่ยขอร้องชูอย่างเว้าวอน
ตอนนี้เบื้องล่างเริ่มเร่งจังหวะมากกว่าเดิม
การเสียดสีที่คับแน่นทำให้เขาเผลอบีบรัดไปตามจังหวะที่ชูสอดใส่เข้ามา สะโพกที่ถูกมือใหญ่จับเอาไว้ทำได้แค่แอ่นรับความหนักหน่วงเท่านั้น
เขาสั่นไปทั้งตัวแต่บางครั้งก็กระตุกวูบเพราะชูจงใจกระแทกกายเข้ามาเสียดสีจุดไวต่อความรู้สึกของเขาที่อยู่ข้างใน
เขาอยากจะบ่นชูให้หูชาแต่เขาก็ทำได้แค่ผวาแล้วคว้ากอดคอของชูเอาไว้
น้ำตาแห่งความปรารถนาค่อยๆปริ่มขึ้นมาเรื่อยๆเช่นเดียวกับความต้องการที่แทบจะล้นทะลักจนแทบจะกักเก็บเอาไว้ไม่ไหว
นี่ถ้าไม่ใช่เพราะปลายนิ้วของชูปิดกั้นมันไว้ละก็ เขาคงปลดปล่อยออกไปนานแล้ว
“อ้า~ ชู~ ไม่ไหว...ไม่ไหวแล้ว...ชู~” เขาร้องครางอยู่ข้างใบหูของชู
แรงกระแทกด้านล่างยิ่งถี่กระชั้นและมันก็ทำให้เขาแทบขาดใจ สำลักความสุขสมที่ถูกมอบให้ซ้ำๆย้ำๆนี้จนไม่รู้จะทำยังไง
ทั้งทรมานทั้งรู้สึกดีจนน้ำตาไหล เขากอดชูแน่น
หัวสีน้ำตาลก็ซบอยู่ที่ลาดไหล่ของเขา ชูเองก็หอบหายใจหนักหน่วงราวกับใกล้จะถึงที่สุดแล้วเหมือนกัน
ฝ่ามือใหญ่จับยึดสะโพกของเขาให้แน่นขึ้นไปอีกก่อนที่ชูจะถอนกายออกไปจนเกือบสุดและนั่นเป็นจังหวะที่เขารู้จักดี
“อะ อ๊า~~”
ชูกดร่างกายเข้ามารวดเดียวพร้อมกับละปลายนิ้วออกไปจากแกนกายของเขา
ความปรารถนาทั้งหมดทั้งมวลถูกปลดปล่อยออกไปราวกับเขื่อนแตก ร่างกายของเขากระตุกรัว
ความสุขแสนมัวเมาลอยคว้างอยู่ในหัวอันขาวโพลน
รู้สึกดี...รู้สึกดีมากจนไม่รู้จะพูดยังไง ความซาบซ่านที่พวยพุ่งแผ่กระจายอยู่ในร่างกายเองก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เขารู้สึกเหมือนไปยืนอยู่บนจุดสุดยอด
มีความสุขจนทุกอย่างดูมึนเบลอเหมือนอยู่ในฝันไปหมด
คงมีแต่ชูที่จะสามารถมอบความสุขแบบนี้ให้กับเขาได้
แล้วก็คงจะมีแต่เขาที่จะทำให้ชูมีใบหน้าที่เปล่งประกายไปด้วยหยาดเหงื่อที่เกาะพราวแบบนี้ได้
ฝ่ามือเอื้อมออกไปลูบไล้ใบหน้าของชูที่ส่งยิ้มอ่อนโยนมาให้
ริมฝีปากเอ่ยถามออกไปอย่างเลื่อนลอยตามสติที่เกือบจะรั้งไว้ไม่ไหว
“ชู...มีความสุขไหม...” ชูยังคงยิ้มให้เขาอย่างต่อเนื่อง
เป็นรอยยิ้มที่ไม่มีใครเคยเห็นนอกจากเขาคนเดียว…เพราะในโลกนี้ชูยิ้มให้เขาเพียงคนเดียว
เรื่องนี้เขารู้ดีมาตลอด
“มีความสุขที่สุดเลย
มินาโตะ”
สัมผัสเบาๆที่ขมับทำให้เขารู้ว่าชูกำลังจูบเขาอยู่ถึงแม้ว่าตอนนี้เปลือกตาของเขาจะหนักจนปิดลงไปแล้วก็ตาม
อื้อ...ฉันก็มีความสุขที่สุดเหมือนกันชู
มีความสุขที่ได้รักนาย มีความสุขที่ได้รับความรักจากนายแบบนี้
มีความสุขจริงๆ
นัยน์ตาสีมรกตค่อยๆเปิดขึ้นมาอย่างเหนื่อยล้า
ใบหน้ามนหันมองรอบกายถึงได้รู้ว่าตัวเองนอนอยู่กลางโรงฝึกธนูนั่นเอง
กรอบสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่เชื่อมภายในกับภายนอกเอาไว้มองจากตรงนี้เหมือนกรอบของภาพวาด
กลีบซากุระยังคงโปรยปรายน้อยๆตามสายลมอ่อนๆ
สีชมพูของมันตัดกับสีน้ำเงินของรัตติกาลช่างงดงามจริงๆ
แสงจันทร์สาดส่องอยู่ที่ปลายเท้าซึ่งเริ่มขยับขยุกขยิกเช่นเดียวกับเปลือกตาที่ปิดสนิทมาจนถึงเมื่อครู่
ร่างกายของเขายังคงเปลือยเปล่าเช่นเดียวกับร่างกายของคนที่นอนหงายมองพระจันทร์อยู่ข้างๆ
ชูหนุนสองมือของตัวเองแทนหมอนและยกท่อนแขนข้างหนึ่งให้เขาหนุน
พวกเรานอนอยู่บนกองเสื้อผ้าและกางเกงฮากามะที่แทบจะแยกไม่ออกว่าของใครเป็นของใคร
และร่างกายที่ไม่ได้สวมใส่อะไรกลับไม่หนาวอย่างที่คิดเพราะมีผ้าอะไรบางอย่างคลุมเอาไว้
“ตื่นแล้วเหรอมินาโตะ?” ชูทักเขาด้วยเสียงแหบพร่าเล็กน้อย
นัยน์ตาสีม่วงปรายมามองด้วยรอยยิ้มบางๆ
“อือ...อุ่น.......” เขาซุกเข้าหาไออุ่นที่แผ่ออกมาจากร่างกายของชูก่อนจะมองให้เต็มตาว่าผ้าสีสวยที่คลุมร่างกายของพวกเขาทั้งคู่อยู่นี้มันคืออะไร
“ฮาโอริ?....นาย...ไปเอามาจากไหนเนี่ย ชู?” ฮาโอริคือเสื้อที่เอาไว้ใส่คลุมชุดกิโมโนอีกที
มันถึงได้ตัวใหญ่พอจะคลุมร่างกายของพวกเราทั้งคู่ได้สบาย
“มันอยู่ในล็อคเกอร์ของฉันมาตลอดแหละ ก็ตอนนั้นมินาโตะบ่นว่าหนาว
แล้ววันรุ่งขึ้นนายก็ไข้ขึ้น...” .....อ้อ...วันที่มีอะไรกันครั้งแรกสินะ? มันหนาวก็จริงแต่ที่เขาไข้ขึ้นน่ะ
มันเป็นเพราะแผลข้างล่างมากกว่า!
“....กี่โมงแล้ว?” เขาไม่คิดจะบอกความจริงกับชูให้รู้สึกอายหรอก จึงเสไปถามเวลาไปซะ
“เที่ยงคืนแล้ว...ฉันโทรไปบอกพ่อให้แล้วว่ามินาโตะอยู่กับฉัน” เขายิ้มแห้งให้กับความรู้ดีของอีกฝ่าย
“นี่พ่อเลิกห่วงฉันเพราะฉันอยู่กับนายไปตั้งแต่เมื่อไหร่? ฟังดูน่าหมั่นไส้จริงเชียว” ...เขาได้ยินเสียงชูหัวเราะในลำคอด้วยความพอใจ
“ท่านรู้ว่ามินาโตะจะปลอดภัยถ้าอยู่กับฉัน”
“ถ้าพ่อมาเห็นว่าลูกชายโดนเจ้าคนที่ไว้ใจทำอะไรลงไปบ้างคงช็อคน่าดู”
“ไม่น่านะ?” ชูตอบหน้าตาย...ไปเอาความมั่นใจแบบนั้นมาจากไหนเนี่ย?
สองแขนผอมบางจึงกอดรัดรอบลำตัวชูอย่างนึกหมั่นเขี้ยว
ชูเพียงแค่ยิ้มให้อย่างอารมณ์ดี
เขามองตามสายตาของชูไป
กลีบซากุระที่โปรยปรายอยู่ในกรอบสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดใหญ่ที่เรานอนมองอยู่ด้วยกันนั้นดูเท่าไหร่ก็ไม่รู้เบื่อ
บางครั้งเขาก็อยากให้เวลาหยุดลงแค่ตรงนี้ อยากให้มีเพียงแค่โลกใบเล็กๆของเราสองคนเท่านั้นก็พอ...
“มินาโตะ...ฉันรักนาย”
จู่ๆชูก็พูดออกมาและเพราะว่าไม่ทันตั้งตัว
ความร้อนทั้งหมดในร่างกายจึงพุ่งมาที่สองแก้มของเขาอย่างช่วยไม่ได้
ริมฝีปากได้แต่อ้าพะงาบๆอยู่หลายทีกว่าจะรวบรวมสติที่ถูกตีแตกไปกลับมาได้
“คิดว่ามีแต่นายที่รักฉันรึไง...ฉันก็รักนายเหมือนกันนั่นแหละชู…”
เขาไม่ยอมให้อีกฝ่ายบอกรักเขาฝ่ายเดียวหรอก
และเมื่อเขาพูดออกไป ชูก็อมยิ้มขึ้นมาทันที จนป่านนี้แล้วเขาก็ยังเขินๆอายๆกับเรื่องแบบนี้จึงได้แต่ซุกหน้าหนีสายตาที่จับจ้องมองเขาตรงๆนั่น
เสียงพูดคุยเงียบหายไปราวกับว่าเราต่างก็อยากจะใช้เวลาอยู่ด้วยกันแบบนี้ไปเรื่อยๆโดยไม่ต้องคิดอะไร
นอนมองพระจันทร์ ท้องฟ้า ซากุระไปด้วยกันอย่างไม่ต้องสนใจอะไรอีก
“จะกลับบ้านไหม?
เดี๋ยวฉันไปส่ง” ชูหันมาถามเขาที่ยังนอนหนุนท่อนแขนของชูอยู่
เขาจึงส่ายหน้าน้อยๆ
“อยากอยู่แบบนี้มากกว่า” และเมื่อเขาตอบกลับไป
ชูก็เพียงแค่ยิ้มแล้วหันกลับไปทอดสายตามองพระจันทร์ดวงเดียวกันนั่นต่อไป
ความเงียบโรยตัวเข้ามาปกคลุมอีกครั้ง
แต่ระหว่างเราก็ไม่ได้รู้สึกอึดอัดหรือจำเป็นต้องหาเรื่องอะไรมาคุยกันให้มากมาย
แค่ได้นอนอยู่ใกล้ๆกัน ได้สัมผัสอุณหภูมิร่างกายของกันและกัน...
แค่นั้นก็พอแล้วจริงๆ...
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
Story
never End
โอยยยยพอแร้วววว
ช่วงนี้จะไม่เขียน NC อีกแร้ววววว แฮ่กๆๆ > <
เพิ่งผ่าน
NC หนักๆของ RED Season มา แล้วพอจะมาต่อเรื่องนี้ก็ปรากฏว่าตรูเริ่มเขียน
NC คาเอาไว้นี่หว่าถถถ ถ้าจะต่อก็คือต้องเขียน NC ให้จบ อ๊ากกกกก >/////<
คือเห็นคอมเม้นต์ทวงมาตลอดนาคะ
ถึงจะไม่ได้ไปตอบแต่ก็เห็นและพยายามจะแต่งเรื่องที่ทวงให้อยู่ตลอดๆค่ะ 555
ถึงจะดูไม่ใช่อย่างนั้นก็เถอะ ฮืออออ ช่วงนี้ที่มีทวงมาก็มีเรื่องนี้กับของคู่คะชูยามะตัน
อันนั้นน่าจะต่อ “ใกล้” ให้ได้เร็วๆนี้ค่ะ ส่วน GLIDE
นี่คงจะอีกนานหน่อย ต้องวางพล็อตเรื่องให้ดีๆก่อนถถถ // โดนตบ //
ยังไงก็ต้องขอบคุณจริงๆๆๆนะคะที่ยังรอยังติดตามกันอยู่ งื้ออออ
มาพูดถึงฟิคเรื่องนี้กันบ้าง
ก็นั่นแหละค่ะ บ่อเกิดมาจากฉากที่ชูกับมินาโตะยืนยิงธนูคู่กันในอนิเมะตอนที่ 13
มันแบบ โอ๊ยยยยย จิ้นบรรลัยวายวอดมากค่ะ เพราะว่ามันสวยมว๊ากกกกกกกกกก >////< ชอบมากอ่ะค่ะ ฉากของตอนที่ 13 นี้
คือสองคนนี้ท่ายิงธนูสวยมากกกกกทั้งคู่
แล้วมายืนคู่กันมันแบบเหมาะกันมากกกกกเลยอ่ะ งื้ออออ ชูก็ดูแข็งแรง
ส่วนมินาโตะก็ดูงดงาม แฮ่กๆๆ ทำไมตรูนึกถึงฟิคพีเรียด
ประมาณว่าสองสามีภรรยาจากตระกูลนักรบที่กำลังจะไปออกรบด้วยกันอะไรงี้ โอยตายๆๆ //
เอาหัวโขกกำแพงไปค่ะคุณกวาง จะได้หายคลั่งถถถ
แล้วก็ฉากในฟิคตอนนี้เนี่ย
คือจิ้นไว้สวยมากเลยอ่ะนะ แต่ไม่รู้จะบรรยายออกมาได้สวยเท่าที่จิ้นไหม 5555+
กับฉากยิงธนูตอนกลางคืน ในโรงฝึกที่มีกันแค่สองคน ซากุระ พระจันทร์ =q=… แล้วยังจบที่นอนอยู่ด้วยกันกลางโรงฝึกที่กว้างใหญ่แบบเปลือยๆ // ผลั๊วะ
// นอนดูท้องฟ้ายามราตรีด้วยกันแบบโรแมนติกๆ อะไรแบบนี้ // ลงไปดิ้น >////<
ก็นะ ยังไงก็พยายามจิ้นให้ออกมาเป็นแบบนั้นละกันนะคะ555+
ขอบคุณทุกๆการติดตามมากๆๆเลยนะค้า
แล้วเจอกันตอนหน้าค่า ไม่รู้ตอนพิเศษที่จะแถมมากับ DVD แผ่น 5
นี่จะดาเมจอะไรอี๊กกก
แค่ชมรมยิงธนูคิริซากิกับคาเซไมเค้าไปฝึกด้วยกันนี่ก็สครีมบ้านแตกแล้วค่า มาสะซังกับชูยังได้ไฝว้กันซึ่งๆหน้าอีก
โฮะ โฮะ โฮะ...รอดูเลยอ่ะค่ะสงครามชิงเจ้าหญิงในครั้งนี้ กร๊ากกก
ชอบบบ ><//
ตอบลบอยากอ่านเรื่อง run with the wind ด้วย
ไรท์ไปดูนะ การ์ตูนกีฬาวิ่ง ผชล้วน
ฟินค่ะ !!
เพื่อเป็นกำลังใจ...ป่ะ ทริปตามรอย
ตอบลบ