Touken Ranbu Au.Fic [Kashu x Yamato] ใกล้ : 06
: Touken Ranbu Fanfiction Au
: Kashu Kiyomitsu x Yamato no kami Yasusada
: Romantic
: NC-17
คำเตือน : เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ
“กล้าดียังไงถึงได้โดดซ้อมห๊ะ?!” เสียงลั่นดังลอดโทรศัพท์มือถือที่ถูกวางไว้บนโต๊ะเตี้ยหน้าโซฟาออกมา ใบหน้าสวยเจ้าของโทรศัพท์ได้แต่ยิ้มละเหี่ยใจก่อนจะเปิดปากแก้ตัวกลับไป
“พอดีเมื่อวานยาสึซาดะมีเรื่องกับพวกอันธพาลน่ะ ก็เลยอยู่ดูแล แต่วันนี้จะไปซ้อมแน่ๆน่า ขอโทษน้า คาเนะซัง~~” ริมฝีปากสีสดขอโทษขอโพยด้วยเสียงอ่อนเสียงหวานในขณะที่มือก็ป้ายน้ำยาทาเล็บสีแดงลงไปที่เล็บเท้า สองหูปล่อยให้เสียงโวยวายจากโทรศัพท์ดังผ่านอากาศไปอย่างไม่ได้ใส่ใจมากนัก อย่าว่าแต่โดดซ้อมเมื่อวานเล้ย วันนี้พวกเขาก็กำลังโดดเรียนอยู่บ้านเพราะเมื่อเช้ายาสึซาดะลุกไม่ไหวนี่ไง
“ถ้าเข้าใจแล้วเย็นนี้ก็ห้ามเถลไถลอีกล่ะ! แล้วเจอกัน!” เจ้าของโรงละครอิสึมิโนะคามิบ่นอะไรยืดยาวไม่รู้ก่อนจะจบลงที่ประโยคนี้
“คร้าบ~~” เขาจึงตอบรับเสียงยานคางแล้วปิดโทรศัพท์ทันที....ขี้บ่นไม่เปลี่ยนเลยนะเจ้าปีศาจนั่น
“เอาผมไปอ้างอีกแล้วนะ...” เสียงดุๆดังมาจากข้างหลังทำให้ใบหน้าสวยหันไปมอง ยาสึซาดะเดินกะโผลกกะเผลกผ่านประตูห้องนั่งเล่นเข้ามาก่อนจะนั่งอย่างเชื่องช้าลงบนโซฟาข้างหลังเขา ใบหน้าภายใต้กรอบผมสีดำเหลือบแดงจึงอมยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนจะตอบออกไป
“เห๋~ แล้วจะให้บอกคาเนะซังว่า ที่โดดซ้อมเพราะมัวแต่มีอะไรกับยาสึซาดะหรือไงล่ะ~?” นัยน์ตาสีทับทิมหรี่มองใบหน้าหวานที่ขึ้นสีแดงระเรื่อทันที
“เดี๋ยวเถอะ” ยาสึซาดะพยายามทำหน้าดุ แต่มันช่างน่ารักเสียจนเขาอดที่จะหันกลับไปกอดเอวบางๆเอาไว้แล้วซุกหน้าลงไปที่หน้าท้องแบนเรียบนั่นไม่ได้
“แล้วลุกไหวแล้วเหรอ? ขอโทษน้า~” ใบหน้าสวยถูไถไปมาอย่างออดอ้อนทำให้คนที่นั่งอยู่บนโซฟาลูบหัวสีดำเหลือบแดงนั่นเบาๆ...พวกเขาเป็นหนึ่งเดียวกันแล้วจริงๆ มันไม่ใช่ความฝัน เพราะเมื่อเช้าตอนที่เขาตื่นขึ้นมา คิโยมิตสึก็ยังอยู่ในร่างกายของเขา แล้วตอนนี้เอง เบื้องล่างที่ยังเจ็บแปลบผสมปวดเมื่อยไม่หายมันก็บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้เป็นเรื่องจริง
“ก็ยังขัดๆอยู่บ้าง แต่ไม่เป็นไรแล้วละ” เขาอมยิ้มพลางทอดสายตาอ่อนโยนมองเจ้าแมวจอมขี้เกียจที่ซุกอยู่ที่หน้าตักของเขา นัยน์ตาสีไพลินเหลือบมองขวดน้ำยาทาเล็บที่วางอยู่ที่พื้นก่อนจะนึกอะไรขึ้นมาได้
“จริงสิ แล้วนายยังต้องไปค้างที่โรงละครอยู่อีกไหม? ใกล้แค่นี้เอง กลับมาอยู่บ้านเถอะ” น่าแปลกที่คราวนี้เขากลับพูดออกไปได้อย่างเป็นธรรมชาติ ทั้งที่เมื่อเดือนก่อนนี้ยังพูดไม่ออกอยู่เลย
“ก็ว่าจะไปเก็บของกลับมาหลังจากเลิกซ้อมเย็นนี้นี่แหละ อ้า~~ จะได้กินข้าวราดแกงกะหรี่ฝีมือยาสึซาดะแล้ว ดีใจจัง~” คางมนเกยอยู่บนต้นขาของเขาก่อนที่คิโยมิตสึจะพูดด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม
“อยากกินเหรอ?” ใบหน้าน่ารักจึงก้มลงไปถามโดยที่มือก็ยังวางอยู่บนหัวสีดำเหลือบแดง
“อื้ม~”
“งั้นเดี๋ยวเย็นนี้ทำไว้รอ”
“อื้ม~”
“อ่า แล้วก็ชั้นมีเรื่องที่ต้องตกลงกับนายเอาไว้ก่อน” แล้วจู่ๆคิโยมิตสึก็พูดออกมาราวกับว่าเพิ่งนึกขึ้นได้ ใบหน้าสวยละออกไปจากหน้าตักของเขาก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ที่ผ่านมาชั้นเอาแต่หนีมาตลอด...ทั้งเรื่องของพ่อ แล้วก็เรื่องเคนโด้...แต่จากนี้ไปชั้นจะไม่หนีอีกแล้วละยาสึซาดะ...ที่ผ่านมาชั้นต้องขอโทษที่ผลักภาระทุกอย่างไปให้นายคนเดียว...แต่จากนี้ไปชั้นจะร่วมรับผิดชอบมันกับนาย...ชั้นจะจับดาบไม้นั่นอีกครั้ง แล้วก็จะช่วยนายดูแลโรงฝึก” สิ่งที่หลุดออกมาจากริมฝีปากสีสดทำให้นัยน์ตาของเขาเบิกกว้าง เพราะทุกถ้อยคำที่คิโยมิตสึพูดออกมานั้นมันคือสิ่งที่เขาอยากจะได้ยินมากที่สุด เพราะมันคือถ้อยคำแห่งคำมั่นสัญญา...ว่าคิโยมิตสึจะยืนอยู่เคียงข้างเขา...จากนี้และตลอดไป
“แน่นอนว่าชั้นยังไม่ได้ทิ้งเรื่องละครเวทีหรอกนะ ชั้นชอบมัน เพราะงั้นจะทำทั้งสองอย่างไปพร้อมๆกัน อีกอย่าง ที่ชั้นเป็นนักแสดงได้ง่ายกว่าคนอื่นๆก็เป็นเพราะเคยผ่านเคนโด้มาด้วยละนะ ถือซะว่าแสดงความกตัญญูก็แล้วกัน” แต่แล้วประโยคหลังของคิโยมิตสึก็ทำให้คิ้วของเขาขมวดเข้าหากัน...เปล่าหรอก...เขาไม่ได้คิดมากเรื่องที่คิโยมิตสึจะเลือกการแสดงละครเวทีด้วย แต่ที่เขาเป็นกังวลน่ะคือ...
“แล้วนาย...จะไม่เป็นไรหรือไง? ไม่ใช่ว่าทั้งเรียน ทั้งซ้อมการแสดง ทั้งยังต้องมาช่วยโรงฝึก จะกลายเป็นนายเองที่ต้องล้มหมอนนอนเสื่อนะคิโยมิตสึ?” เขาที่เคยทำทุกอย่างพร้อมๆกันรู้ดีว่ามันหนักและเหนื่อยแค่ไหน ยิ่งช่วงที่ไม่มีคิโยมิตสึคอยอยู่ใกล้ๆคอยเป็นกำลังใจ มันก็ยิ่งเหนื่อยจนแทบล้มประดาตายเลยก็ว่าได้
“ชั้นไม่เป็นไรหรอกน่า~ ก็แบ่งเวลากันสิ ที่นายมีสภาพแบบนี้ก็เพราะว่าฝืนทำทุกอย่างคนเดียวตลอดเวลาเลยสินะ...อีกอย่าง...ไม่ต้องห่วงชั้นหรอก สุขภาพร่างกายและหน้าตาของชั้นต้องมาก่อนอย่างอื่นอยู่แล้ว ถ้าไม่ไหวชั้นไม่ฝืนหรอก” แล้วความรู้สึกเป็นห่วงก็เปลี่ยนเป็นหมั่นไส้ขึ้นมาทันที ถ้าเป็นคนอื่นพูดแบบนี้เขาคงเข้าใจว่ามันคือคำปลอบใจแล้วก็จะยังเฝ้าห่วงอยู่แบบนั้น แต่พอมันออกมาจากปากของคิโยมิตสึ เขากลับคิดว่าอีกฝ่ายคงทำตามที่พูดจริงๆ ดูจากความรักสวยรักงามที่ผ่านมาแล้วเขาก็คิดว่าคิโยมิตสึคงไม่ฝืนทำอะไรให้ริ้วรอยหรือสิวแม้แต่เม็ดเดียวขึ้นบนใบหน้าเนียนกริ้บนั่นแน่ๆ!
“สมเป็นเจ้าแมวจอมขี้เกียจจริงๆ ฮะๆๆ” ใบหน้าน่ารักหัวเราะน้อยๆอย่างวางใจ คิโยมิตสึฉลาดเป็นกรดแถมยังตัดสินใจอะไรได้เด็ดขาดและรวดเร็ว เพราะงั้นอะไรที่คนทั่วไปทำกันเป็นชั่วโมง คิโยมิตสึก็สามารถทำเสร็จได้ภายในห้านาที...เขาคงไม่จำเป็นต้องห่วงเกินไปกว่าเหตุหรอกมั้ง
“เอาเป็นว่าชั้นจะจัดเวลาให้นายอย่างละครึ่งก็แล้วกัน ไปซ้อมการแสดงครึ่งนึง อยู่ที่โรงฝึกนี่อีกครึ่งนึง”
“อื้อ!” เขาตอบรับด้วยความดีใจ
“ขอบใจนะ คิโยมิตสึ...”
“เปลี่ยนคำขอบคุณเป็นเสียงครางดีกว่า” แล้วเสียงเง้างอดที่รอดออกมาจากริมฝีปากสีสดก็ทำเอาบรรยากาศที่กำลังดีๆพังครืนลงทันที
“ห๋า~~ แล้วทำไมนายถึงเป็นฝ่ายใส่เข้ามาอย่างเดียวล่ะ? ตัวเราก็เท่ากันทำไมไม่ให้ผมใส่เข้าไปในตัวนายบ้าง?” อันนี้เขาแค่ข้องใจ แต่ไม่ว่าคิโยมิตสึต้องการแบบไหนเขาก็ได้ทั้งนั้น
“ก็ชั้นอยากกอดนายนี่นา~ ไม่ได้เหรอ?~ ยาสึซาดะ~~” แล้วเจ้าแมวจอมเจ้าเล่ห์ก็โผเข้ามากอดเอวเขาพลางออดอ้อนให้ยอมตามใจ
“ไม่ต้องมาอ้อนเลย!” ใบหน้าน่ารักอมยิ้มก่อนจะทอดสายตามองหัวสีดำเหลือบแดงอยู่อย่างนั้น
แล้วตอนเย็น...คิโยมิตสึก็ไปหอบข้าวหอบของกลับมาอยู่ด้วยกันเหมือนเดิม วันเวลาอันทุกข์ทรมานผ่านพ้นไป ท้องฟ้าวันใหม่นั้นช่างสดใสและอบอุ่นเหลือเกิน
พอผ่านมันมาได้ เขาถึงได้มองย้อนกลับไป...จริงอยู่ที่ในวันนั้นเขาร้องไห้แทบเป็นแทบตาย...แต่ถ้าไม่มีคืนวันที่เจ็บปวดเหล่านั้น...เขากับคิโยมิตสึก็คงไม่มีทางลงเอยกันอย่างทุกวันนี้ได้หรอก...ต่างฝ่ายต่างคงไม่กล้าที่จะพูดว่า “รัก” เพราะกลัวสูญเสียอีกฝ่ายไป...แต่ในวันที่ไม่เหลือใคร หัวใจกลับร่ำร้องโหยหาจนไม่สนอีกแล้วว่าอะไรจะเกิดขึ้น...อยากให้อีกฝ่ายกลับมา อยากให้อีกฝ่ายอยู่เคียงข้าง อยากจะบอก อยากจะแสดงออกไปตรงๆว่ารักมากมายแค่ไหน อยากจะพูดออกไปจนแม้แต่จะโดนปฏิเสธก็ไม่กลัว
รัก...จนแม้แต่อาจจะต้องสูญเสียทุกอย่างไปก็ไม่สนใจอีกแล้ว
ติ้ด...ติ้ด....ติ้ดๆ.....ติ้ดๆๆ
นาฬิกาปลุกค่อยๆดังจากเบาๆก่อนจะเร่งทั้งเสียงและจังหวะจนคนที่ซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่มผืนหนาทนหนวกหูไม่ไหว มือบางข้างหนึ่งจึงเอื้อมออกมาควานหาแล้วกดปิดเจ้านาฬิกาที่ส่งเสียงร้องไม่หยุดนั่นไป และมือข้างนั้นนั่นแหละที่ตลบเลิกผ้าห่มออกจากหัวสีดำเหลือบน้ำเงินที่ยุ่งเหยิงเล็กน้อย ปอยผมยาวถูกปล่อยเคลียบ่า ใบหน้าน่ารักยังสะลึมสะลือแต่ก็ไม่วายหันไปมองคนที่นอนอยู่ข้างๆ ร่างบางที่ไม่ได้ใส่อะไรค่อยๆเลิกผ้าห่มออกก่อนจะมองเห็นเส้นผมสีดำเหลือบแดงโผล่แพลมออกมา ใบหน้าสวยที่ยังซุกอยู่ข้างกายยังคงหลับพริ้ม มือบางจึงเขย่าตัวอีกฝ่ายเบาๆ
“คิโยมิตสึ...ตื่นได้แล้ว...” มืออีกข้างยกขึ้นมาปิดปากหาวหวอดก่อนจะขยี้ตาต่อ มือข้างที่เขย่าไหล่เปลือยเปล่าของคิโยมิตสึก็ยังเขย่าต่อไป
“คิโยมิตสึ...” เจ้าแมวขี้เซาเริ่มขยับตัวเล็กน้อยพร้อมกับส่งเสียงอืออาในลำคอ ร่างบางจึงลุกขึ้นนั่งอย่างพยายามตั้งสติ ร่างกายท่อนบนหลุดออกมาจากผ้าห่ม รอยสีแดงๆที่คิโยมิตสึทำเอาไว้นั้นทำให้ตื่นเต็มตาขึ้นมาชอบกล ใบหน้ามนจึงหันไปมองคนที่ยังไม่ยอมลืมตา...ถ้าเขาจำไม่ผิดรู้สึกว่าจะทำรอยเอาไว้ที่คอด้วยสินะ? คิโยมิตสึนี่จริงๆเลย! ไม่คิดจะสนใจหน่อยเหรอว่าใครจะมองเขายังไง? นึกจะทำรอยตรงไหนก็ทำ! แย่จริงๆ!
นัยน์ตาสีไพลินทอดมองใบหน้าสวยด้วยความหมั่นไส้...อย่าคิดว่าจะทำได้คนเดียวนะ! ว่าแล้วเขาก็ขยับใบหน้าเข้าไปใกล้กับลาดไหล่ขาวเนียน ริมฝีปากสีระเรื่อยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนจะขบเม้มอย่างจงใจจะฝากร่องรอยสีกุหลาบเอาไว้บ้าง
“อือ?” และแรงกดจูบนั่นก็ทำให้คนที่ยังไม่ตื่นยอมลืมตาขึ้นมาจนได้
“ยาสึ...ซาดะ?...” คิโยมิตสึมองเขางงๆทั้งๆที่ยังสะลึมสะลือ เขาจึงละใบหน้าออกไปพร้อมกับรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม
“ผมจะลงไปทำอาหารเช้าก่อน นายก็ห้ามนอนต่อนะ ตื่นแล้วก็เตรียมตัวไปโรงเรียนได้แล้ว” เขาตลบผ้าห่มออกจากร่างกายก่อนจะหยิบชุดนอนที่ถูกโยนไว้รอบเตียงมาสวมใส่ กว่าจะแยกออกว่าของใครเป็นของใครก็ต้องใช้เวลาไปหลายนาที
สองขาก้าวออกมาจากห้องปล่อยคิโยมิตสึนั่งสัปหงกต่อไปอีกสักหน่อยก็แล้วกัน
แต่แล้ว...รอยจูบที่เขาทำไปด้วยความหมั่นไส้ ใครเลยจะรู้ว่ามันดันย้อนกลับมาหาเขาราวกับเพิ่งไปขุดหลุมฝังตัวเองมายังไงอย่างงั้น!
เพราะทันทีที่คะชู คิโยมิตสึก้าวขาเข้าไปในรั้วโรงเรียนได้ ปกติก็เป็นแหล่งรวมสายตาอยู่แล้วแต่วันนี้สายตาเหล่านั้นกลับไม่จบอยู่ที่ร่างโปร่งบางอย่างทุกที แต่ทุกคนกลับหันมามองเขาต่อจากนั้นก็อมยิ้มให้ไม่ก็หันไปซุบซิบอะไรกัน และเมื่อเขาหันไปมองคิโยมิตสึให้ดี ก็เป็นเขาเองนี่แหละที่อยากจะลมจับเสียให้ได้
ก็เจ้าแมวจอมขี้เกียจนั่นดันปลดกระดุมโชว์ต้นคอหราให้ใครต่อใครเห็นรอยที่เขาทำไว้กันจะๆเลยน่ะสิ!!
ตายๆๆ แน่นอนว่าทุกคนรู้...คงจะเป็นใครไปไม่ได้หรอกที่สามารถทำรอยไว้บนตัวของคะชู คิโยมิตสึได้นอกจากเขา! ทุกสายตาถึงได้มองมาที่เขา รู้สึกอายจนอยากจะแทรกผินดินหนีมันซะให้ได้เลย!
ฮึ่ม...คิโยมิตสึนะคิโยมิตสึ! นี่เขาอุตส่าห์กัดที่ไหปลาร้าจะได้ใช้คอเสื้อปิดได้ แต่เจ้าแมวตัวดีนั่นกลับดึงคอเสื้อโชว์รอยที่เขาทำไว้ซะแบบนั้น มันน่านัก!
เขาเดินเข้าไปในโรงยิมอย่างเพลียๆ คาบพละกำลังจะเริ่มในอีกไม่ช้า และดูจากการที่ไม่มีเสียงฮือฮาซุบซิบนินทาตามมาถึงนี่ก็แสดงว่าวันนี้ คิโยมิตสึ โดดวิชาพละอีกแล้วสินะ? นัยน์ตาสีไพลินกวาดมองไปทั่วแต่ก็ไม่เจอตัวคิโยมิตสึอย่างที่คิดจริงๆ
ถึงอาทิตย์หน้าจะสอบกลางภาคแล้ว แต่วิชาพละเองก็มีสอบเหมือนกันจึงไม่ได้งดชั้นเรียนและวิชานี้ก็ดันทำให้เขากังวลจนไม่น่าเชื่อ ก็ถ้ามันเป็นกีฬาอย่างฟุตบอล เบสบอล บาสเกตบอล เขาก็พอจะทำได้สบายๆ แต่นี่ดันเป็นวิชาที่ชวนสับสนมึนงงอย่าง...
วิชาลีลาศ....?
แค่ฟังชื่อเขาก็งงแล้วว่ามันเป็นวิชาพละตรงไหน แต่ถึงกระนั้นมันก็ถูกบรรจุอยู่ในวิชาพละศึกษา ประเภทการเข้าจังหวะไปซะอย่างงั้น
“เฮ้อ...” เขาถอนหายใจก่อนจะเริ่มจับคู่ซ้อมกับเพื่อนในห้อง แล้วแค่ก้าวไปยังไม่ทันจะได้กี่ก้าว...
“โอ๊ย!” คู่ซ้อมของเขาก็กุมเท้ากระโดดเหยงๆเพราะโดนเขาเหยียบเท้าเข้าจนได้
“ขอโทษนะ เป็นไรมากรึเปล่า?” เขาเอ่ยขอโทษเพื่อนด้วยความลนลาน ถึงเพื่อนคนนั้นจะส่ายหน้าว่าไม่เป็นไร แต่กว่าจะหมดคาบได้...เท้าอีกฝ่ายก็ระบมเพราะเขาไปแล้ว…
...เฮ้อ...ก็เพราะแบบนี้ไง ถึงไม่เข้าใจว่ามันจำเป็นต้องเรียนด้วยเหรอวิชาแบบนี้น่ะ?! เข้าจังหวะอะไร ไม่เห็นจะเข้าใจเลย!
เสียงก่อกแก่กที่ดังมาจากข้างล่างทำให้ใบหน้ามนเงยขึ้นมาจากสมุดโน้ตวิชาภาษาอังกฤษที่กำลังอ่านทบทวนอยู่...ดูเหมือนคิโยมิตสึจะกลับมาแล้ว?
แผ่นหลังบ้างเอนพิงพนักเก้าอี้พร้อมกับหลับตา สองหูฟังเสียงที่เกิดขึ้นข้างล่างไม่ว่าจะเสียงติ้ดๆของไมโครเวฟ เสียงซ่าๆจากอ่างล้างหน้า เสียงครืดๆของเครื่องซักผ้า เสียงเครื่องทำน้ำร้อนจากห้องน้ำ เสียงปิดประตู เขาฟังเสียงที่เกิดขึ้นเหล่านั้นก่อนจะอมยิ้มบางๆ เขาฟังมันอย่างรู้สึกผ่อนคลายและอุ่นใจ เพราะถึงจะมองไม่เห็นแต่เสียงเหล่านั้นมันก็ทำให้เขารู้ว่าคิโยมิตสึอยู่กับเขา...อยู่ข้างๆเขาเสมอ
แกร่ก....
เสียงปิดประตูเบาๆดังมาจากห้องข้างๆ เขาจึงลืมตาขึ้นมา...สองทุ่มกว่าแล้วเหรอ...คิโยมิตสึกลับมาเวลานี้เป็นประจำเพราะต้องไปซ้อมละครที่โรงละครของคาเนะซัง คิโยมิตสึอาจจะเหนื่อยแต่เขาก็รู้ว่าอีกฝ่ายชอบในสิ่งที่ทำอยู่ เขาจึงทำได้แค่เตรียมข้าวเย็นเอาไว้ให้ แรพเอาไว้แล้ววางให้บนโต๊ะกินข้าว
นัยน์ตาสีไพลินกระพริบปริบๆก่อนจะคว้าสมุดโน้ตและหนังสือเรียนติดมือมาด้วย สองขาก้าวออกจากห้องของตัวเองแล้วมาหยุดยืนอยู่หน้าห้องข้างๆ
ก๊อกๆๆ
“หื๋ม~?” คิโยมิตสึหันมามองเขาที่ก้าวขาเข้าไปในห้องซึ่งเต็มไปด้วยกลิ่นหอมๆ ร่างโปร่งบางในเสื้อนอนคอกว้างแขนยาวกับกางเกงขายาวสีดำกำลังนอนหงายอ่านหนังสืออยู่บนเตียง
“อ่านหนังสือเตรียมสอบอยู่เหรอ?” เขาไล่สายตามองกองหนังสือเรียนที่วางระเกะระกะอยู่บนที่นอน ในนั้นมีทั้งบทละครและพวกโลชั่นทาผิวปนอยู่ด้วย เจ้าแมวจอมขี้เกียจนี่ทำทุกอย่างบนเตียงจริงๆ
“อืม...ยังไงก็ต้องสอบให้ผ่านใช่ไหมล่ะ เรื่องน่ารำคาญอย่างการสอบซ่อมน่ะ ชั้นไม่เอาด้วยหรอก” ....นะ...ถึงจะพูดอย่างงั้นอย่างงี้แต่คะแนนสอบของคิโยมิตสึก็ห่างไกลกับคำว่าสอบซ่อมอยู่หลายขุม ขนาดไม่ค่อยจะเข้าเรียนยังติดท็อป5ของชั้นปีตลอด ถ้าตั้งใจจริงๆมีหรือจะคว้าที่1มาไม่ได้...แต่มันติดตรงที่ไม่ค่อยจะเอาจริงเนี่ยแหละ!
“ถ้างั้น...ขออ่านด้วยได้ไหม?”
“เห๋~ เอาสิ~” มือที่ทาเล็บสีแดงตบปุๆลงไปบนเตียง เขาจึงยิ้มอย่างละเหี่ยใจก่อนจะเดินเลยไปนั่งลงบนพรมข้างเตียงแล้ววางหนังสือของตัวเองลงบนโต๊ะญี่ปุ่นตรงหน้า...ฮึ คิดว่าเขารู้ไม่ทันหรือไงเจ้าคนเจ้าเล่ห์ นอนอ่านข้างๆคิโยมิตสึคงจะได้อ่านหนังสือหรอกคืนนี้
“ยาสึซาดะอ่า~~” ท่อนแขนขาวๆพาดมาที่ไหล่ก่อนที่เจ้าคนที่นอนอยู่บนเตียงจะขยับมากอดคอเขาไว้ ใบหน้าสวยคลอคลียข้างแก้มจนรู้สึกจั๊กจี้
“อ่านหนังสือไปเลย เข้าเรียนก็ไม่ค่อยจะเข้า เดี๋ยวก็สอบตกหรอก” มือบางเอื้อมไปยันใบหน้าที่พยายามจะอ้อนเขาออกไป คิโยมิตสึหัวเราะคิกคักก่อนจะยอมละออกไปอ่านหนังสือแต่โดยดี ยังไงคิโยมิตสึก็เคยเป็นเด็กเรียนมาก่อน การอ่านหนังสือสอบมันเลยแทรกซึมอยู่ในจิตใต้สำนึกไปแล้ว
“ยาสึซาดะ นายจดโน้ตแถวๆนี้ไว้บ้างไหม?” คิโยมิตสึยื่นหน้าหนึ่งในหนังสือคณิตศาสตร์มาให้เขาดู
“อ๋อ...แป๊บนึงนะ” เขาเปิดสมุดโน้ตที่หยิบติดมาด้วยแล้วส่งให้ คิโยมิตสึรับมันไปก่อนจะอ่านด้วยสีหน้าตั้งใจ มือที่ทาเล็บสีแดงลูบคางและริมฝีปากในขณะที่กำลังคิดตามที่เขาจดไว้ เขาชอบมองดวงตาสีแดงของคิโยมิตสึในเวลาแบบนี้ที่สุด มันเหมือนกับกำลังจดจ่ออยู่กับอะไรบางอย่างและมันก็มีเสน่ห์มากทีเดียว
“อย่างงี้นี่เอง” ริมฝีปากสีราสเบอร์รี่พูดพึมพำทั้งๆที่สายตายังไม่ละจากสมุดโน้ตของเขา...พอขึ้นปีสูงๆเรื่องที่เรียนก็เริ่มยากเกินกว่าจะอ่านหนังสือเองได้ คิโยมิตสึเลยต้องพึ่งสมุดโน้ตของเขาอยู่หลายครั้ง เพราะงั้น...สมุดโน้ตของเขาจึงเป็นระเบียบเรียบร้อยอยู่เสมอ เพราะเขารู้ว่าเขาไม่ได้อ่านมันคนเดียว
ถึงอย่างงั้นก็เถอะ เจ้าคนที่เข้าใจสมการยากๆพวกนี้ได้ด้วยการอ่านแค่โน้ตของเขาเนี่ย มันก็ยังน่าหมั่นไส้อยู่ดี!
“ถ้าเข้าใจตรงนั้นแล้วก็อธิบายตรงนี้ให้ผมฟังที แก้ยังไงก็แก้ไม่ได้อ่ะ” ปลายปากกาในมือเคาะไปที่สมการคณิตศาสตร์อีกเรื่องหนึ่ง นัยน์ตาสีทับทิมเหลือบมามองก่อนจะพลิกกายนอนคว่ำแล้วคว้าปากกาในมือเขาไป
“นายต้องแยกตรงนี้ก่อน จะแทนค่าลงไปตรงๆเลยไม่ได้” มือขาวๆนั่นขีดๆเขียนตัวเลขและตัวแปรลงไปในสมุดโน้ต เขามองตามทุกตัวอักษรที่คิโยมิตสึเขียนด้วยหัวใจที่อบอุ่น...ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาคงไม่ยอมให้คิโยมิตสึช่วยสอนให้แบบนี้แน่...แต่ตอนนี้...เขาก็แค่อยากจะอยู่ใกล้ๆคิโยมิตสึ อยากจะพูดคุยกันให้มากขึ้นเท่านั้นเอง...
หลายต่อหลายวันที่เราอ่านหนังสือด้วยกันแล้วก็หลับคาหนังสืออยู่ด้วยกัน
เขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าการอ่านหนังสือสอบจะมีความสุขแบบนี้ แล้วก็น่าแปลกที่เขาจดจำเรื่องที่คิโยมิตสึสอนเขาได้ เข้าใจมากกว่าที่อาจารย์สอนเสียอีก
“หมดเวลาแล้วนักเรียน วางปากกาแล้วส่งกระดาษคำตอบขึ้นมาข้างหน้าได้” เสียงอื้ออึงราวกับผึ้งแตกรังดังขึ้นทันทีที่การสอบวิชาสุดท้ายจบลง หลายคนก็ส่งกระดาษคำตอบคืนด้วยสภาพหมดอาลัยตายอยาก บ้างคนก็โยนโน้ตที่อ่านมาขึ้นฟ้าอย่างกับไม่อยากจะรับรู้อะไรอีกแล้ว มีทั้งเสียงคนตะโกนอย่างดีใจที่การสอบจบได้เสียที แล้วก็มีทั้งเสียงโอดครวญเพราะทำข้อสอบไม่ได้
ใบหน้ามนที่ล้อมกรอบด้วยเส้นผมสีดำเหลือบน้ำเงินยิ้มให้เพื่อนๆที่เข้ามาถามไถ่ว่าทำข้อสอบได้ไหม ถึงจะไม่มั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์แต่เขาคิดว่าคะแนนของเขาน่าจะดีกว่าเมื่อปีที่แล้ว ก็เขามีติวเตอร์ดีนี่นา~
เขามองโน้ตที่ซีร็อกมาจากต้นฉบับเดียวกันซึ่งโยนอยู่ตามโต๊ะของเพื่อนๆ น่าจะเป็นของเด็กที่เป็นท็อปของชั้นปีติดกันสามเทอมซ้อนคนนั้นสินะ? และเขาคงเป็นคนเดียวในห้องที่ไม่มีซีร็อกชุดนี้
“นี่ ถึงจะสอบกลางภาคเสร็จแล้วแต่ก็อย่าลืมนะว่าวันจันทร์ยังมีสอบวิชาพละอยู่ ไปฝึกซ้อมกันมาให้ดีล่ะ” เสียงหัวหน้าห้องตะโกนเตือนสติซึ่งคนอื่นๆในห้องคงไม่ใส่ใจกันเท่าไหร่ หลายคนก็ชวนกันไปเที่ยวเล่นก่อนกลับบ้านกันแล้ว คงจะมีแต่เขานี่แหละที่เหมือนความเครียดลอยวนกลับมา...จริงสินะ...ยังมีสอบวิชาลีลาศอะไรนั่นอยู่นี่นา!
ตุบ...
กระเป๋านักเรียนถูกโยนไว้ลวกๆบนโซฟาในห้องนั่งเล่นก่อนที่ร่างโปร่งบางของคะชู คิโยมิตสึจะเดินเข้าครัวไป มือเรียวรินน้ำใส่แก้วก่อนจะดื่มเพื่อดับกระหาย นัยน์ตาสีทับทิมกวาดมองไปรอบๆบ้านแต่ก็ไม่พบเงาของคนที่คิดว่าน่าจะกลับมาก่อนแล้ว
ยาสึซาดะไปไหน?
ร่างโปร่งบางไปหยุดยืนอยู่ตรงโถงทางเข้าบ้าน...รองเท้านักเรียนก็อยู่นี่...หื๋ม?...แต่รองเท้าแตะไม่อยู่แหะ...ถ้างั้นก็คงจะอยู่ที่โรงฝึก?
สองขาก้าวออกจากบ้านตามไปที่โรงฝึก วันนี้เป็นวันสอบกลางภาควันสุดท้ายเพราะงั้นยาสึซาดะน่าจะกลับบ้านไว ส่วนเขาก็ไปแวะที่โรงละครมาถึงได้รู้ว่าวันนี้ไม่มีซ้อมเพราะคาเนะซังไม่อยู่ ก็เลยได้กลับบ้านเร็วกว่าปกติ...แต่จะว่าไปวันนี้โรงฝึกไม่มีสอนเคนโด้นี่? แล้วยาสึซาดะมาทำอะไรที่นี่ล่ะ?
เสียงเพลงคลอมาตามสายลมและยิ่งเข้าใกล้โรงฝึกของที่บ้านเขาเท่าไหร่ก็ยิ่งรู้ว่าเสียงเพลงมันดังมาจากที่นั่นนั่นเอง
“ยาสึซาดะ?” เขาเอ่ยเรียกคนที่นั่งเกาหัวอยู่กลางโรงฝึก ยาสึซาดะยังอยู่ในชุดนักเรียน แปลว่าไม่ได้มาซ้อมเคนโด้? เขามองใบหน้าที่หันมาหาเขาราวกับลูกหมาหลงทางด้วยความสงสัย นัยน์ตาสีน้ำเงินสั่นพร่านั่นราวกับมองเห็นเทวดาก็ไม่ปาน...หื๋อ? เกิดอะไรขึ้นกับหมอนั่นกัน?
“คิโยมิตสึ~ นายต้องช่วยผมด้วย~~” เจ้าหมาปอมๆโผเข้ามากอดจนเขาถึงกับผงะ
“ห๋า? ตกลงเกิดอะไรขึ้นเนี่ย? ยาสึซาดะ??”
นัยน์ตาสีทับทิมทอดมองหน้าจอมือถือที่เพิ่งจะเล่นคลิปวีดีโอหนึ่งจบไป...ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่ายาสึซาดะเป็นอะไรถึงได้มาร้องหงิงๆอยู่คนเดียวในโรงฝึกแบบนี้
“สรุปว่า...นายยังเต้นวอลซ์ไม่ได้ ทั้งๆที่จะสอบอาทิตย์หน้าสินะ?” คลิปการเต้นลีลาศถูกเล่นวนอีกครั้ง จะว่าไปวิชาพละเทอมนี้เรียนลีลาศนี่นะ? เขาที่เข้าเรียนอยู่สองสามคาบยังพอจะจำได้อยู่ แล้วก็เพราะว่ามันไม่เห็นจะยากตรงไหน คาบหลังๆก็เลยโดดไปนอนดีกว่า
“ไม่ใช่แค่วอลซ์หรอก แทงโก้ บีกิน อะไรผมก็เต้นไม่ได้” อ่า...แต่สำหรับหมอนี่คงจะยากสินะ...ยาสึซาดะไม่ถนัดเรื่องการแยกประสาทสัมผัส เพราะงั้นเลยฟังพร้อมๆกับเต้นไปด้วยไม่ค่อยได้
“เอาละ...ก่อนอื่น...ชั้นต้องรู้ก่อนว่านายเต้นได้ขนาดไหน เอ้า! มาเต้นด้วยกันซักรอบนึงก่อนนะ” เขาลุกขึ้นยืนก่อนจะฉุดเจ้าคนที่ดูหมดเรี่ยวหมดแรงให้ลุกตามขึ้นมา มือข้างหนึ่งถือวิสาสะจับมือของยาสึซาดะมาจับไว้ที่ไหล่เขา ก่อนที่มือข้างนั้นจะจับหมับลงไปเหนือสีข้างของยาสึซาดะ มืออีกข้างบังคับจับมือของยาสึซาดะขึ้นในท่าเตรียมเต้นรำ
พอเสียงเพลงเริ่มบรรเลงขึ้นมา เขาก็ก้าวขาเพื่อนำยาสึซาดะที่ยังดูเงอะๆงะๆ แล้วก็ก้าวไปยังไม่ทันจะได้กี่ก้าว...ฝ่าเท้าที่ก้าวสะเปะสะปะนั่นมันก็เหยียบลงมาบนเท้าของเขาเข้าเต็มๆ
“อึก....” เขากดรีโมทเพื่อหยุดเพลง ก่อนจะรีให้มันเล่นใหม่
“ขออีกรอบนะ” ปลายนิ้วสีแดงกดเล่นเพลงอีกรอบ เขาคิดในแง่ดีว่าเมื่อกี้ยาสึซาดะอาจจะประหม่า...ทว่า...
ปึก!
ฝ่าเท้าที่ก้าวมั่วๆนั่นก็ยังคงเหยียบเท้าเขาในจำนวนก้าวที่เท่าเดิมเป๊ะเลยน่ะสิ!
“โอเค...ชั้นเข้าใจแล้วว่านายมีสกิลแค่ไหน...” ...มันห่วยจนเขาพูดออกไปไม่ได้เลยเชียวแหละ!
ร่างโปร่งบางนั่งมองอีกฝ่ายอย่างมีเหงื่อไหล่ลงมาจากขมับ...หลังจากที่ลองให้ยาสึซาดะเต้นคนเดียวให้ดู เขาก็ได้รู้เพิ่มขึ้นอีกว่า...ขนาดเต้นคนเดียวก็ยังทำไม่ได้เลย! ถ้าไม่สะดุดขาตัวเองก็ก้าวขาขาดๆเกินๆ เรื่องการลงจังหวะเท้ายิ่งไม่ต้องพูดถึง สเต็ปการก้าวขาจำได้หรือเปล่าก็ไม่รู้ มันถึงได้เหยียบเท้าคู่เต้นได้ตลอดแบบนี้ไง...
“ยาสึซาดะ...นี่นายเข้าเรียนทุกคาบจริงๆใช่ไหมเนี่ย? ไม่ใช่ว่าแอบโดดตามชั้นหรอกใช่ไหม?” ถึงเขาจะถามในแนวหยอกล้อแต่พอดูๆไปแล้วเขาก็เริ่มสงสัยอย่างที่ถามไปจริงๆ เข้าเรียนอีท่าไหนถึงได้ออกมาเป็นแบบนี้เนี่ย?!
“โธ่~ เข้าทุกคาบสิ แล้วก็ตั้งใจฝึกแล้วด้วย”
“อ่อ...งั้นเหรอ...งั้นสินะ....” เขาได้แต่ยิ้มแห้งกับงานหนักที่ต้องเจอ...จะสอนยังไงดีเนี่ย~
“ถ้าอย่างงั้น เริ่มจากนายลองก้าวขาตามชั้นดูก่อนก็แล้วกันนะ” มัวแต่คิดก็เสียเวลาเปล่า ลงมือทำเลยแล้วกัน เขาเลยเลือกที่จะเริ่มจากให้ยาสึซาดะลองทำตามเขาดู ลูกเจี๊ยบจะวิ่งอย่างแข็งแรงได้ก็ต้องเริ่มจากเดินตามแม่ไก่ก่อนเนี่ยแหละ!
“อืม...เพื่อไม่ให้งง จากนี้ไปเวลาเต้นให้นายอยู่ตำแหน่งรับตลอดก็แล้วกัน เดี๋ยวชั้นรุกเอง”
“ห๋า?” ยาสึซาดะผงะไปทันที
“ผู้หญิงไง ให้นายอยู่ตำแหน่งของผู้หญิง แล้วก็ไม่ต้องสงสัยด้วยว่าทำไม แค่เดินตามยังงงจะไปเป็นคนนำได้ยังไง” ใบหน้ามนเหมือนจะเก็ทขึ้นมานิดหน่อย
การสลับตำแหน่งไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเขา แต่ถ้าเริ่มสอนยาสึซาดะด้วยท่าของผู้ชายแล้วเวลาเข้าคู่จะให้เปลี่ยนเป็นท่าของผู้หญิง เจ้าคนที่จับจังหวะอะไรไม่ได้นี่ต้องงงแน่ๆ เพราะงั้นเขาจึงเริ่มสอนจากฝั่งผู้หญิงเลยก็แล้วกัน
“ก้าวถอยหลังแบบนี้ จากนั้นเท้าอีกข้างให้สืบไปข้างๆแบบนี้นะ แล้วก็จบด้วยการเขย่ง” ยาสึซาดะค่อยๆก้าวตามเขาช้าๆ
“ใช่...แบบนั้นแหละ...จากนั้นก็ก้าวเท้านี้ขึ้นหน้า เท้าอีกข้างสืบไปข้างๆ แล้วก็เขย่ง” ดูเหมือนจะไปได้สวย ยาสึซาดะก้าวตามเขาได้ไม่มีปัญหาอะไร
“โอเค...ทีนี้ก็ก้าวถอยหลัง ทำแบบเดิมไปเรื่อยๆ” ดวงตาสีน้ำเงินยังคงจ้องอยู่ที่เท้าเขาแล้วก็เดินตาม...อือ...ตอนนี้มันก็ไม่มีปัญหาอะไรอยู่หรอก แต่พอให้เต้นเข้าคู่กับเขาเท่านั้นแหละ...
“อึก....” เจ้าคนที่เหมือนจะทำได้ดีก็เหยียบเท้าเขาทันทีที่เริ่มก้าวขา...เหมือนเดิมเป๊ะ!
.....นี่อย่าบอกนะว่า ถ้าไม่มีคนก้าวขาให้ดูก็ไม่รู้จะก้าวเองยังไง? แล้วอย่างงี้จะเต้นคู่กับใครเค้าได้เนี่ย? ยิ่งพอเพลงมาก็ยิ่งสับสนไปกันใหญ่?
“อะ เอาใหม่นะ” เขากระชับฝ่ามือที่จับอยู่บนแผ่นหลังของยาสึซาดะเพื่อให้กำลังใจ....ไม่เป็นไร๊~ เขาเป็นผู้ชายใจดีและมีความอดทนอยู่แล้ว~ โดนเหยียบทีสองทีเขาทนได้หรอกน่า ให้ยาสึซาดะลองฝึกหลายๆรอบ เดี๋ยวมันก็ต้องได้เองนั่นแหละ...
แต่แล้ว...
“โอ๊ย!”
“อึก...”
“อูย...”
“เจ๊บ~!”
สารพัดเสียงอุทานที่มันจะเกิดได้ตอนคนถูกเหยียบเท้าก็ดังออกจากปากเขาไม่ขาดสาย...
“ตกลงนายเกลียดชั้นสินะยาสึซาดะ ถึงได้ตั้งใจเหยียบเท้าชั้นจนจะน่วมอยู่แล้วเนี่ย~”
“คิโยมิตสึ...ขอโทษ...” เจ้าหมาปอมทำหน้าสลดแต่เขาที่ถูกเหยียบจนเส้นบนขมับเต้นตุบๆก็เริ่มจะหมดความอดทน
“ทำไมถึงทำไม่ได้ซักทีเนี่ย~~” สองมือที่ทาเล็บสีแดงวางแปะลงไปบนใบหน้ามนก่อนจะคลึงสองแก้มไปมาจนหน้าตาน่ารักบิดเบี้ยว
“อ้ออันอำไอ่ไอ้อ่ะใอ้อำไอ” ....แปล...ก็มันทำไม่ได้อ่ะให้ทำไง~
นัยน์ตาสีทับทิมชายมองก่อนจะลูบหลังเท้าตัวเองน้ำตาปริ่ม...กับเรื่องที่คนปกติเค้าทำกันได้ทำไมหมอนี่ถึงทำไม่ได้กันนะ? อัจฉริยะอย่างเขาละไม่เข้าใจจริงๆ! ไม่ได้การละ เขาต้องหาทางทำอะไรสักอย่างก่อนที่ยาสึซาดะจะเหยียบเท้าเขาน่วมไปกว่านี้ เขายังมีละครเวทีเรื่องสำคัญต้องไปแสดงอยู่นะ!
คนที่กล้าเรียกตัวเองว่าอัจฉริยะยืนกอดอกคิดอะไรอยู่หลายนาที แล้วในที่สุดก็นึกไอเดียดีๆออก
ร่างโปร่งบางเดินกลับไปหยิบกระดาษสีมาจากที่บ้านก่อนจะตัดมันเป็นรูปเท้า จากนั้นจึงใช้เทปกาวติดไว้ที่พื้นโรงฝึก...ติดไว้แทนฝ่าเท้าที่ก้าวไปทีละก้าว...ทีละก้าว...ตามจังหวะวอลซ์
“นายต้องฝึกก้าวตามรอยเท้าพวกนี้ก่อน ต้องฝึกจนกว่านายจะเดินตามได้โดยที่ไม่ต้องก้มลงไปมองมัน” ที่ยาสึซาดะก้าวผิดก้าวถูกก็เพราะคงจำไม่ได้และไม่เข้าใจว่าต้องก้าวเท้าไหนก่อน เพราะงั้นการสร้างสัญลักษณ์ให้จำน่าจะได้ผลกว่า
ยาสึซาดะพยักหน้าหงึกหงักก่อนจะเริ่มก้าวตามรอยเท้ากระดาษสีพวกนั้น
เขากอดอกยืนมองผลงานที่เหมือนจะไปได้สวย ถึงจะจำการก้าวขาพอได้แต่จังหวะก็ยังไม่ได้ ยาสึซาดะยังมีก้าวเร็วบ้างช้าบ้าง
สองขาจึงขยับไปยืนซ้อนอยู่ข้างหลังยาสึซาดะ สองแขนโอบรอบเอวบางก่อนจะบังคับให้อีกฝ่ายก้าวขาตามจังหวะที่เขานำ...
“จำจังหวะที่ชั้นพานายเดินไว้ให้ดี ให้ก้าวขาด้วยความเร็วประมาณนี้” ริมฝีปากกลิ่นราสเบอร์รี่กระซิบบอกที่ใบหู ลมหายใจร้อนๆที่เป่ารดข้างแก้มทำเอาไอร้อนแผ่ออกมาจางๆ
“อะ อื้อ...” เสียงที่ตอบกลับมาแบบเขินๆทำเอาเขาหัวเราะคิกคักก่อนจะเกยปลายคางเอาไว้กับไหล่ของยาสึซาดะ ขาทั้งสองคู่ยังคงก้าวไปด้วยกัน
“เงยหน้าสิ ยาสึซาดะ” เสียงนุ่มยังคงกระซิบอยู่ข้างใบหู ใบหน้าที่ก้มงุดจึงค่อยๆเงยขึ้นมาช้าๆ ยาสึซาดะค่อยๆก้าวขาตามจังหวะได้โดยไม่ต้องก้มมองเท้าแล้ว
เขากำลังนึกถึงเสียงเพลงที่คลออยู่เบาๆ...บางที...ยาสึซาดะอาจจะพะวงกับเสียงดนตรีมากเกินไป
“จำไว้นะว่าพอเสียงนี้ขึ้นก็ให้เริ่มก้าวขาเลย จากนั้นก็ก้าวต่อไปเรื่อยๆ...โดยที่ไม่ต้องสนใจเสียงเพลงอีก” สองมือที่ทาเล็บสีแดงยกขึ้นมาปิดสองหูของยาสึซาดะเอาไว้...ให้ได้ยินเพียงแค่เสียงกระซิบของเขา
“อย่างงั้นแหละ...ก้าวตามชั้นมาเรื่อยๆ...เรื่อยๆ...”
สองแขนผอมบางที่มีกล้ามเนื้อน้อยๆย้ายกลับมากอดกระชับเอวบางอีกครั้ง นัยน์ตาสีทับทิมทอดมองโรงฝึกกว้างใหญ่ที่มีเพียงพวกเขาสองคนพลางอมยิ้ม
...ตอนนี้...พวกเขากำลังเต้นรำ...ท่ามกลางฟลอร์แสนโรแมนติก...ที่มีเพียงเราสองคน...
เงาร่างสองร่างเคลื่อนที่อย่างนุ่มนวลไปพร้อมๆกัน รอบแล้วรอบเล่า...ถึงแม้แสงแดดสีส้มที่ฉาบไล้เข้ามาจะเปลี่ยนเป็นแสงไฟสลัวๆแล้วก็ตาม
ถึงจะฝึกซ้อมมาอย่างดี แต่พอเอาเข้าจริง อะไรที่ไม่ถนัดมันก็ไม่ถนัดอยู่วันยังค่ำ!
ยามาโตะโนะคามิ ยาสึซาดะ ถึงกับต้องสูดหายใจเข้าลึกๆก่อนจะก้าวขาเข้าโรงยิม เสียงเพลงจังหวะวอลซ์เปิดคลอเบาๆและตอนนี้เพื่อนๆในห้องก็มีหลายคู่ที่กำลังฝึกซ้อมก่อนสอบกันอยู่
เขาพยายามสูดลมหายใจลึกๆต่อไปเพื่อสงบจิตสงบใจ จะต้องกำจัดความประหม่านี้ออกไปให้ได้
“ห้อง 2-A สอบก่อนก็แล้วกัน พวกห้อง 2-D จะมาช้านิดหน่อย เดี๋ยวครูจะขานชื่อตามลำดับ พวกเธอก็พาคู่เต้นมาสอบได้เลย” สิ้นเสียงของอาจารย์ประจำวิชา แทนที่ความประหม่าของเขาจะหายไปกลับกลายเป็นว่ายิ่งตื่นเต้นหนักกว่าเก่าเสียอีก…ห้องของคิโยมิตสึจะมาช้างั้นเหรอ...พอไม่มีอีกฝ่ายอยู่ใกล้ๆแล้วเขาสงบใจไม่ได้เลย ทำไงดี...
เขาจับคู่กับเพื่อนในห้องเพื่อซ้อมก่อนที่จะไปสอบ แต่จู่ๆในหัวก็เหมือนจะขาวโล่งไปหมด ทั้งๆที่พยายามจะนึกถึงตอนที่ซ้อมกับคิโยมิตสึในขณะที่ก้าวขาไปด้วย แต่นึกยังไงก็นึกไม่ออก ความตื่นเต้นทำให้ทุกอย่างสับสนปนเปกันไปหมด
“โอ๊ย” เสียงเพื่อนที่คู่กับเขาอุทานเบาๆ แย่แล้ว เผลอไปเหยียบเท้าเพื่อนเข้าจนได้
“ขอโทษนะ...” เขากล่าวออกไปอย่างรู้สึกผิด ทำยังไงดี ตอนนี้เขาไม่มีสมาธิเอาเสียเลย ยิ่งอาจารย์ขานชื่อใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เขาก็ยิ่งลน ยิ่งซ้อมก็ยิ่งผิดมากขึ้นเรื่อยๆ
อ๊า~~~ ทำยังไงดีเนี่ย~ ทั้งๆที่ฝึกซ้อมกับคิโยมิตสึมาอย่างดีแล้วเชียวนะ ทั้งๆที่ตอนนั้นก็ทำได้และมีความมั่นใจแล้ว แต่ไม่รู้ทำไมตอนนี้ถึงทำไม่ได้ก็ไม่รู้ ไม่เข้าใจเลย!
เขาสับสนร้อนลนจนหน้าเสีย ทั้งๆที่เพื่อนๆในห้องต่างก็ช่วยเปลี่ยนคนซ้อมให้แต่มันก็ไม่ดีขึ้นเลย...เขายังคงเต้นไม่ได้ ก้าวขาคร่อมจังหวะและเหยียบเท้าคู่เต้นอยู่เหมือนเดิม...
เฮ้อ....
ถอดใจซะดีไหมนะ....
“ยามาโตะโนะคามิ ยาสึซาดะ” ...ในที่สุด...ก็ถึงตาเขาต้องไปสอบจนได้ อาจารย์ขานชื่อเขาและสองขาก็ต้องก้าวออกไปอย่างปลงๆ
เขามองไปที่เพื่อนคนหนึ่งซึ่งอาสาจะมาเป็นคู่เต้นให้ แต่ยังไม่ทันที่เพื่อนคนนั้นจะก้าวตามมา ฝ่ามือขาวๆที่ทาเล็บด้วยสีแดงก็ดึงไหล่ของเพื่อนคนนั้นเอาไว้เสียก่อน
แล้วคนที่ก้าวมายืนตรงหน้าเขา...ก็กลายเป็น คะชู คิโยมิตสึ แทน...
“ผมขอเป็นคู่เต้นให้เขาได้ไหมครับ?”
น้ำเสียงอ้อนๆที่เต็มไปด้วยความมั่นใจหันไปถามอาจารย์ประจำวิชาซึ่งพยักหน้ารับหน่ายๆ ใบหน้าสวยที่มักจะอมยิ้มเจ้าเล่ห์จึงหันมาพยักหน้าให้เขา...บอกตามตรง แค่เขาได้เห็นหน้าคิโยมิตสึเขาก็แทบจะทรุดลงไปกองกับพื้นด้วยความโล่งใจ รอยยิ้มพราวเสน่ห์นั่นมันทำให้เขานึกอะไรไม่ออกนอกจากเรื่องของคิโยมิตสึ แน่นอนว่าภาพการฝึกซ้อมที่เขานึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออกมันก็ย้อนกลับคืนมา หัวที่เคยขาวโล่งของเขาตอนนี้มันก็กำลังเต็มไปด้วยภาพในโรงฝึกที่เราเต้นรำอยู่ด้วยกัน กระดาษสีรูปรอยเท้าเหล่านั้น เสียงเพลงที่คลอเบาๆ เงาร่างของเราสองคน...ตอนนี้...เขาจำได้ทั้งหมด
เขาคงจะมัวแต่ยืนตะลึงมองคิโยมิตสึอยู่อย่างนั้นถ้าอีกฝ่ายไม่ขยับเข้ามาหาเขาเอง สองมือที่ทาเล็บสีแดงเอื้อมมาจับมือของเขาก่อนจะจับให้อยู่ในท่าเตรียมเต้นรำ ใบหน้าสวยยิ้มให้เขาน้อยๆก่อนจะขยับเข้ามาใกล้ คำพูดถูกกระซิบเบาๆอยู่ข้างหู...
“ยาสึซาดะ ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องกังวลอะไรทั้งนั้น...คนที่อยู่ตรงหน้านายคือชั้น...คิโยมิสึของนายไง”
แล้วในจังหวะที่ความร้อนพุ่งขึ้นสู่ใบหน้าของเขา สองมือที่ประคองเขาอยู่ก็ดึงให้เขาเต้นตามไปจนแทบไม่ได้ตั้งตัว
ทุกอย่างมันเหมือนอยู่ในความฝัน...
ท่ามกลางผู้คนที่รายล้อมอยู่มากมาย เรากลับเคลื่อนไหวราวกับมีชีวิตกันอยู่แค่สองคน...ไม่มีเสียงใดๆนอกจากเพลงวอลซ์ที่ดังมาจากที่ไกลๆ...ร่างกายของเขาขยับไปตามที่คิโยมิตสึนำพา...เขามองเห็นเพียงใบหน้าที่แต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มนั่นเท่านั้น
ความรู้สึก...ของซินเดอเรล่าในงานเต้นรำ...คงจะเป็นแบบนี้นี่เอง...
แปะ...แปะๆๆๆๆๆ
จู่ๆเสียงปรบมือก็ดังขึ้นมาและมันก็ปลุกให้เขาตื่นจากความฝัน นัยน์ตาสีไพลินยังคงเบิกค้างมองเพื่อนๆรอบกายที่ต่างปรบมือให้ด้วยความงุนงง
เกิดอะไรขึ้น? เขาเต้นรำเสร็จแล้วใช่ไหม? การสอบของเขาจบลงด้วยดีแล้วใช่ไหม?
“มันไม่ใช่แค่ดี แต่นี่มันดีมากๆเลยนะ” เพื่อนๆต่างมองเขาอย่างตกตะลึงและคงไม่มีใครเชื่อว่าเขาจะเต้นรำได้จนจบเพลงโดยไม่เหยียบเท้าคู่เต้นเลยสักครั้งแบบนี้...อย่าว่าแต่เพื่อนๆจะตะลึงเล้ย ตัวเขาเองก็ไม่อยากจะเชื่อตัวเองเหมือนกัน!
และเขาก็คงต้องขอบคุณคนคนนี้...คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาเสมอมาและคงจะยืนอยู่ตรงหน้าเขาตลอดไป...
“ขอบคุณนะ คิโยมิตสึ!”
แล้วเรื่องที่จะทำให้นักเรียนทั้งชั้นปีตกตะลึงก็ไม่ได้หยุดอยู่แค่นี้ มันยังมีเรื่องที่สั่นคลอนทั้งโรงเรียนได้อยู่อีก
เมื่อผลสอบกลางภาคถูกแปะเอาไว้บนบอร์ดหน้าตึกเรียน...
“ว่าไงนะ! คนที่ทำคะแนนสอบกลางภาคได้ที่หนึ่งของชั้นปีคือ คะชู คิโยมิตสึ?!”
“อาจารย์ตรวจข้อสอบผิดหรือเปล่า?”
“จะตรวจผิดยังไงทุกวิชาได้ละ?”
“แถมคะแนนที่ทำได้ก็ไม่ธรรมดาเลย ก็เล่น 100 เต็มทุกวิชาแบบนี้!”
“รู้อยู่หรอกนะว่าที่จริงหมอนั่นน่ะเรียนเก่ง ที่ผ่านมาก็ติดท็อป 5 มาตลอด แต่ทำข้อสอบไม่ผิดเลยทั้งๆที่ไม่เข้าเรียนนี่...เป็นมนุษย์ต่างดาวสินะ?”
“ไม่ใช่มนุษย์ต่างดาวหรอก แต่เป็นจิ้งจอกปลอมตัวมา ดูรูปร่างหน้าตาสิ”
“ใช่! คนหน้าตาดีไม่ควรจะหัวดีด้วยแบบนี้ จิ้งจอกแน่ๆ คะชู คิโยมิตสึต้องเป็นจิ้งจอกแปลงร่างมาแน่ๆ”
ช่างเป็นการประกาศผลสอบที่ทำเอาวุ่นวายไปทั้งโรงเรียนเลยจริงๆ พวกอาจารย์ถูกร้องเรียนให้ตรวจข้อสอบซ้ำไปซ้ำมาตั้งสามรอบ แถมตู้เซฟที่เก็บข้อสอบก็ถูกตรวจอย่างละเอียด แต่จนแล้วจนรอดทุกฝ่ายก็ต้องออกมายอมรับ...ว่า คะชู คิโยมิตสึ คือของจริง หลายๆคนเลยเพิ่งจะตระหนักได้ ว่านี่คือเด็กที่เคยสอบเข้าโรงเรียนประจำจังหวัดได้ด้วยผลคะแนนอันดับหนึ่งมาแล้ว
ท่ามกลางความวุ่นวายคงจะมีแต่กัปตันร่างบางของชมรมเคนโด้นี่แหละที่ยังเดินชิลๆอยู่ได้ มือบางหิ้วห่อใส่เบนโตะสองใบเดินขึ้นไปตามบันไดซึ่งทอดสู่ดาดฟ้า...อากาศดีๆแบบนี้ เจ้าแมวจอมขี้เกียจคงจะนอนอยู่บนนั้นแน่ๆ
แอ๊ด…
ประตูเหล็กที่ฝืดเล็กน้อยถูกเปิดออกและแผ่นหลังที่คุ้นตาก็นอนอยู่ตรงหน้าจริงๆ
“ไง...เจ้าจิ้งจอก ทำเอาแตกตื่นกันทั้งโรงเรียนอีกแล้วนะ” แต่เจ้าคนที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นจิ้งจอกแปลงร่างมากลับยักไหล่ไม่ใส่ใจเสียแบบนั้น
“ช่วยไม่ได้...จะให้ใครมาพูดไม่ได้หรอกนะว่า...คบกับนายแล้วชั้นแย่ลง” ก็เลยทำข้อสอบได้ 100 คะแนนเต็มมันทุกวิชาแบบนี้สินะ? มันง่ายเสียจนนึกอยากจะทำเมื่อไหร่ก็ทำได้เลยสินะ? น่าหมั่นไส้จริงๆ!
“อ๊ะ ข้าวกลางวันของชั้นเหรอ~ รักนายที่สุดเลยยาสึซาดะ~~” ร่างโปร่งลุกขึ้นมาทันทีที่เขานั่งลงไปพร้อมกับข้าวกล่องสองใบ ปกติพวกเขาแทบไม่ได้กินข้าวกลางวันด้วยกัน แต่วันนี้จะทำให้เป็นกรณีพิเศษก็แล้วกัน
“ก็แค่ของที่เหลือจากเมื่อวานเย็นน่า” ถึงเขาจะพูดอย่างงั้นแต่นัยน์ตาสีแดงก็มองข้าวกล่องที่เขาทำมาให้ด้วยสายตาวิ้บวับ...ชอบขนาดนั้นเลยรึไงน่ะ? สงสัยต้องทำมาให้บ่อยๆซะแล้ว
นัยน์ตาสีไพลินทอดมองคนที่กำลังกินข้าวกล่องของเขาด้วยท่าทางเอร็ดอร่อย...คิโยมิตสึเองก็ค่อยๆหันมาเผชิญหน้ากับเรื่องของพ่ออย่างช้าๆ เริ่มกลับมาเล่นเคนโด้ เริ่มกลับมาตั้งใจเรียน...
และเขาเองก็อยากจะเป็นกำลังให้คิโยมิตสึก้าวผ่านมันไปให้ได้
เช่นเดียวกับที่คิโยมิตสึคอยอยู่ข้างๆเขาเสมอ...
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
To be Con.
แหะๆ มีฉากที่อยากเขียนอยู่อีกสองสามฉาก ประกอบกับอีกไม่กี่วัน คะชู ริวจิก็จะมาเปิดคอนเอเชียทัวร์ในบ้านเราแล้วววว ก็เลยแต่งฟิครื้อฟื้นซะหน่อย ไหนๆนางก็เป็นแรงบันดาลใจหลักของฟิคเรื่องนี้อ่ะนะ >////< ดีจัยยยย จะได้ไปส่องนางใกล้ๆแง้ว >////< ใครไปดูคอนก็เจอกันนะค้า อิอิอิ
แล้วก็...ฉากที่คิโยะยาสุเค้าฝึกเต้นรำกันเนี่ย จริงๆแอบลอกมาจากใน MV เพลงนี้ค่ะ คืออ่านชื่อเพลงไม่ออก555 ของ JJ lin คือมันน่ารักดีอ่ะ เพลงก็เพราะดีด้วยค่ะ ฟังตลอดเลยตอนแต่งฟิคเรื่องนี้ ถึงจะไม่รู้ความหมายก็เถอะ กร๊ากกกกก
ยังไงก็ต้องขอขอบคุณทุกๆการติดตามนะคะ แล้วเจอกันตอนหน้าค่า ยังมีฉากที่อยากเขียนอีกหลายฉาก เลยยังไม่ยอมจบ 555
น่าร้ากกกกกกกก>/////< คุ้มค่ากับที่รอคอยมากๆเลยค่าา
ตอบลบนึกภาพยาสึซาดะเต้นไม่ถูก เหรอหรามึนงงแล้วน่ารักมากๆ คิโยมิตสึทำหน้าหน่ายๆใส่ตลกดี55555
นักเรียนในโรงเรียนก็มีเรื่องให้ตะลึงต่อไปกับเจ้าคู่รักคู่นี้แน่นอน555555
ติดตามเสมอนะค้าาาา จะรอน้าาาา รัก♡♡
รอตอนต่อไปนะะะะ
ตอบลบน่ารักๆๆๆๆ!!! ความนังซินอ่ะเทออออ
ตอบลบ