Tsurune. One-Shot.Fic [Shuu x Minato] หรือรักเรียกหา : 06 : END


Tsurune. One-Shot.Fic [Shuu x Minato]   หรือรักเรียกหา : 06 : END

: Tsurune ; kazemai koukou kyudou-bu Short Fanfiction 
: Fujiwara Shuu x Narumiya Minato
: Warmhearted
: PG-15


คำเตือน : เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ    
         





“ชู...จะสองทุ่มแล้ว ยังไม่กลับบ้านอีกเหรอ?”   เสียงนุ่มเอ่ยถามคนที่กอดตนจากข้างหลังเบาๆ แผ่นหลังเปลือยเปล่าแนบชิดไปกับแผงอกที่ไม่ได้ใส่อะไรเช่นกันทำให้เดาได้ไม่ยากว่าพวกเขาเพิ่งจะทำอะไรกันมา

“.....”   ชูยังคงซุกใบหน้าเอาไว้กับลาดไหล่ด้านหลังของเขาราวกับเด็กเอาแต่ใจ ท่อนแขนแข็งแรงกอดแนบอยู่กับหน้าท้องของเขาราวกับกำลังหวงแหน เขานั่งให้อีกฝ่ายกอดไว้เฉยๆแบบนี้มาก็หลายสิบนาทีแล้ว

นัยน์ตาสีมรกตเหลือบมองออกไปนอกหน้าต่างซึ่งมืดสนิทสมเป็นฤดูหนาว ถึงพวกเขาจะเปลือยเปล่าแต่ก็ยังมีผ้าห่มผืนหนาโอบรอบเอาไว้ ชูยังคงกอดเขาไม่ปล่อยและไม่พูดอะไรตามเดิม ดูจากอาการแบบนี้แล้วน่าจะมีเรื่องไม่สบายใจหรือไม่ก็เรื่องที่ทำให้อารมณ์ไม่ดีสินะ

เขาทิ้งตัวลงไปในอ้อมแขนของชูเพราะรู้ดีว่ามีเพียงเขาคนเดียวเท่านั้นที่ชูจะอ้อนด้วยได้  “คืนนี้จะค้างที่นี่ไหม?”  และเมื่อถามออกไป ที่ลาดไหล่ก็รับรู้ได้ถึงริมฝีปากที่กดจูบลงมาเบาๆ

“อื้อ”

“ตกลงมีเรื่องอะไร ชู?”   เขาถามออกไปตรงๆ ถึงแม้ว่าชูจะเงียบไปนานแต่ในที่สุดชูก็ยอมตอบกลับมา

“...ที่คิริซากิจะมีงานเทศกาลช่วงคริสมาสต์ใช่ไหมล่ะ”

“อื้ม”   เขายังจำได้ เพราะแผนกม.ต้นเองก็จัดงานพร้อมๆกัน นั่นจึงเป็นครั้งเดียวในรอบปีที่เด็กม.ต้นกับเด็กม.ปลายจะได้เจอกัน พวกรุ่นพี่ชมรมคิวโด้จะได้แข่งหรือทำกิจกรรมร่วมกับรุ่นน้องก็ในงานนี้เอง

“.......ฉัน...ต้องไปแสดงละครให้ชมรมการแสดง ปฏิเสธไม่ได้ด้วยเพราะพ่อขอมา ไม่รู้ว่าคนในชมรมนั่นทำยังไงหรือมีใครที่รู้จักกับที่บ้านฉันกันแน่ มันน่าหงุดหงิด”   เขาถึงกับประหลาดใจ...อย่างชูเนี่ยนะจะไปแสดงละคร? ขนาดตอนม.ต้นชูยังใช้อำนาจมืดหลบหลีกละครของห้องมาได้ตลอด แต่พอได้ฟังเหตุผลที่ชูหลบเลี่ยงอีกไม่ได้ก็พอจะเข้าใจที่จะหงุดหงิดละนะ

“หึ หึๆๆ”  เขาหลุดขำเมื่อนึกภาพชูกำลังแสดงละครเพราะมันเป็นอะไรที่ไม่คุ้นตา ก็นอกจากตอนยิงธนู ชูก็เดินอยู่ข้างๆเขาแค่นั้น นึกภาพชูในแบบอื่นแทบไม่ออกเลย

“ขำอะไรน่ะมินาโตะ?”  ชูชะโงกหน้ามุ่ยๆมามองหน้าเขาซึ่งพิงหัวเอาไว้กับไหล่ข้างหนึ่งของชู

“ก็ดีออกนี่นา  ฉันก็จะไปดูด้วยนะ ชู!   เขาเองก็นึกสนุกจนลืมความกลัวที่จะกลับไปเหยียบโรงเรียนคิริซากิอีกครั้งไปเลย

“........มินาโตะจะมาดู?”   นัยน์ตาสีม่วงของชูทอประกายเมื่อได้ยินว่าเขายอมกลับไปงานโรงเรียน เขาจึงยิ้มออกไปน้อยๆ

“อื้อ”   ใช่ เขาเคยกลัวที่จะต้องกลับไปคิริซากิอีก ก่อนหน้านี้เขาไม่อยากแม้แต่จะเฉียดเข้าไปใกล้เพราะความทรงจำเรื่องอาการตื่นเป้าของเขามันทำให้เขาทรมานมาก แล้วตอนนั้นเขาก็กลัว...กลัวว่าชูจะลืมเขาไป กลัวว่าหากเจอหน้ากัน ชูจะไม่สนใจเขา เมินเฉยต่อเขา ซึ่งเขาคงจะทนไม่ได้

แต่ตอนนี้มันต่างออกไป...

ในเมื่อเขาและชูต่างเผชิญหน้ากันได้ กลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ แล้วจะมีเหตุผลอะไรที่เขาจะต้องกลัวในการกลับไปเหยียบคิริซากิอีก

“ไว้ฉันจะเอาบัตรเชิญมาให้นะ มินาโตะ”  ชูซบหน้าลงกับหลังคอและลาดไหล่ของเขาอีกครั้ง ท่อนแขนแข็งแรงยังคงกอดกระชับลำตัวของเขาเข้าไปจนแทบไม่มีที่ว่างเหลืออยู่ เขารู้ว่าอ้อมกอดนี้แทนคำขอบคุณ...หลายเรื่องชูก็ไม่สามารถทำตามใจตัวเองได้ แต่ชูก็มีเรื่องที่ขอกับพ่อของตัวเองเอาไว้ จะว่าขอก็ไม่เชิงแต่น่าจะเรียกว่าแลกเปลี่ยนมากกว่า...นั่นก็คือเรื่องของเขา











นี่คงเป็นโปสเตอร์ละครเวทีที่ถูกขโมยมากที่สุดในประวัติการณ์ เพราะหลังจากที่แปะไปได้ไม่กี่นาทีมันก็หายไปจากบอร์ดแล้ว

ประธานชมรมการแสดงใช้ปลายนิ้วดันแว่นก่อนจะยิ้มเจ้าเล่ห์ ดวงตาหลังเลนส์ทอดมองผลงานชิ้นโบว์แดงที่แปะลงไปบนบอร์ดใหม่อย่างภาคภูมิใจ แหงละ กว่าจะได้หนุ่มเนื้อหอมที่สุดในโรงเรียนอย่าง ฟูจิวาระ ชู มาเป็นพระเอกให้ได้นี่เธอก็ต้องใช้เส้นสายไปไม่ใช่น้อย แต่ดูจากเสียงตอบรับที่ทำเอาทั่วทั้งโรงเรียนแตกฮือจนเป็นปรากฏการณ์แบบนี้ก็นับว่าคุ้มมาก

ใบหน้าภายใต้กรอบแว่นมองโปสเตอร์พร้อมรอยยิ้มกริ่ม เป็นผลงานชิ้นเอกของชมรมการแสดงจริงๆ ก็ดูคนที่อยู่ในโปสเตอร์นี่สิ นี่ขนาดยังไม่ได้แต่งเต็มยศยังหล่อวัวตายความล้มซะขนาดนี้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ฟูจิวาระ ชู เป็นหนุ่มฮ็อตที่สุดของคิริซากิได้ยังไง

อันที่จริงฟูจิวาระ ชู ไม่ได้หล่อที่สุด รวยที่สุด เรียนเก่งที่สุด สง่างามที่สุด หรือครบเครื่องที่สุดในโรงเรียน ก็อย่างที่รู้กันว่าคิริซากิเป็นโรงเรียนคุณหนู มีแต่ลูกคนรวยเดินเต็มไปหมด เพราะงั้นเรื่องหน้าตาท่าทางกริยามารยาทจึงถูกฝึกมาอย่างดีเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่สิ่งที่ทำให้ ฟูจิวาระ ชู โดดเด่นออกมาจากบรรดาลูกคุณหนูทั้งหลายนั่นก็เป็นเพราะบรรยากาศลึกลับเข้าถึงยากที่เจ้าตัวปล่อยออกมานั่นต่างหาก

ในวงการคิวโด้เด็กหนุ่มได้รับฉายาว่าขุนนางบ้าง เจ้าชายบ้าง เพราะท่าทางอันงามสง่าเวลายิงธนู แต่กับคนนอกวงการแล้วบุคลิกของ ฟูจิวาระ ชู เองก็ชวนให้อยากเรียกว่าเจ้าชายอยู่เช่นกัน

ฟูจิวาระ ชู ไม่ได้ทำตัวเย่อหยิ่ง ใครเข้าไปคุยด้วยก็พูดด้วยอย่างเป็นมิตร เพียงแต่มันเป็นการพูดคุยตามมารยาทเท่านั้น จบบทสนทนาก็คือจบ มีคนว่ากันว่าเด็กหนุ่มไม่สนใจจะจำหน้าใครเลยด้วยซ้ำ ไม่คิดจะมีเพื่อนสนิท ไม่คิดจะไปไหนมาไหนกับใครให้เป็นเรื่องเป็นราว ขนาดเพื่อนสนิทยังไม่มี เพราะงั้นเรื่องแฟนเลยไม่ต้องพูดถึง

อีกเรื่องที่ทำให้ ฟูจิวาระ ชู เป็นหนุ่มฮ็อตที่สุดของโรงเรียน ก็เพราะเจ้าตัวไม่สนใจผู้หญิงเลยนี่แหละ พวกแฟนคลับลับๆจึงต่างคิดว่าตัวเองยังมีโอกาส

ถึงอย่างนั้นพวกนักเรียนร่วมรุ่นที่มาจากแผนกม.ต้นด้วยกันก็ค่อนข้างคัดค้านว่าฟูจิวาระ ชูไม่ใช่หมาป่าเดียวดาย แต่เคยมีเพื่อนสนิทถึงสองคนซึ่งย้ายโรงเรียนไปอย่างไม่ทราบสาเหตุ จากนั้นมาเด็กหนุ่มจึงไม่เข้าหาใครอีกเลย มีคนลืออยู่เหมือนกันว่า ฟูจิวาระ ชูค่อนข้างติดเด็กคนหนึ่งในเพื่อนสนิทนั้นและปัจจุบันก็ยังไปมาหาสู่กันอยู่ถึงแม้จะอยู่คนละโรงเรียน มีหลายคนเคยเจอทั้งคู่อยู่ด้วยกันในเวลาหลังเลิกเรียนอยู่เหมือนกัน

แต่จะยังไงก็ช่างเถอะ ตราบใดที่ละครของชมรมการแสดงยังคงได้รับความสนใจถล่มทลายขนาดนี้ จะข่าวลืออะไรก็ช่างปะไร

ประธานชมรมยกยิ้มที่มุมปาก หลังจากมองโปสเตอร์จนแทบจะเปล่งแสงได้ เธอก็เดินจากไป












“เฮ้อ....”   ฟูจิวาระ ชูได้แต่ถอนหายใจหลังจากมองโปสเตอร์ที่แปะอยู่ทั่วโรงเรียน คงจะมีแต่เขาสินะที่ถอนหายใจ เพราะเท่าที่ดูปฏิกิริยาของคนรอบกายแล้วต่างก็ตื่นเต้นที่จะได้เห็นเขาในบทบาทน่าขนลุกนี่กันทั้งนั้น

นี่ถ้ามินาโตะไม่บอกว่าอยากจะมาดู เขาก็ว่าจะหาทางเลี่ยงอยู่หรอกนะ แต่การที่มินาโตะยอมกลับมาที่คิริซากิอีกครั้ง ถึงจะแค่แป๊บเดียว แต่มันก็มีค่าสำหรับเขาและมินาโตะมาก เพราะงั้นเขาจะทำ

มือแข็งแรงบีบสายสะพายของกระเป๋านักเรียนอย่างเรียกความมุ่งมั่นให้ตัวเองก่อนจะเดินออกจากโรงเรียนไป

วันนี้เขาก็ตรงไปบ้านมินาโตะ...เหมือนที่ทำอยู่ทุกวัน...












“แสดงเรื่องอะไรน่ะ?”   มินาโตะทักขึ้นหลังจากที่เห็นเขานั่งทับส้นจ้องบทละครมาได้หลายนาที

“โรเมโอกับจูเลียต”   เขาตอบออกไปด้วยเสียงราบเรียบ

“โรเมโอกับจูเลียตอีกแล้วเหรอ?”  

“อือ โรเมโอกับจูเลียตอีกแล้ว”   เขาตัดสินใจทิ้งบทละครนั่นไว้บนโต๊ะเตี้ยหน้าโซฟาตามเดิมอย่างไม่คิดจะเปิดมาอ่านตอนนี้ ก็อย่างที่มินาโตะบอกนั่นแหละ โรเมโอกับจูเลียตอีกแล้วเหรอ? เพราะว่าตั้งแต่เรียนม.ต้นจนมาถึงตอนนี้ พวกเขาก็ได้ดูละครเวทีเรื่องนี้ไปไม่รู้กี่ครั้งแล้วน่ะสิ บางทีก็อยากจะถามนะว่าไม่มีเรื่องอื่นจะแสดงกันแล้วหรือไง พวกคนดูนั่นก็อีก เนื้อเรื่องก็เหมือนเดิมแท้ๆทำไมถึงได้สนใจจนถึงกับต้องเปิดให้จองบัตรกันแบบนี้ก็ไม่รู้?

“ชู?”   มินาโตะหยุดมือที่กำลังพลิกผักทอดในกระทะเมื่อเขาเดินเข้าไปกอดจากทางด้านหลัง สองแขนรวบลำตัวโปร่งที่อยู่ในผ้ากันเปื้อนสีน้ำเงินลายหมีที่คุ้นตามากอดไว้หลวมๆ

“นายต้องเป็นจูเลียตให้ ฉันถึงจะแสดงได้”   เขาซบลงไปที่ไหล่บางก่อนจะพูดจาเอาแต่ใจ

“ห๋า?”

“มินาโตะ...”   สองแขนกอดกระชับเอวบางเข้ามาอีก ตั้งแต่เกิดมาเขาไม่เคยอ้อนพ่อกับแม่ แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาไปเรียนรู้วิธีอ้อนมินาโตะมาจากที่ไหน

“เอาน่า เดี๋ยวฉันช่วยอ่านบทของจูเลียตให้ก็ได้”  มือของมินาโตะลูบหัวเขาเบาๆก่อนจะกลับไปคีบตะเกียบคนผักทอดในกระทะต่อ

“อืม”   เขายังคงเคยคางไว้ที่ไหล่มินาโตะ นัยน์ตาสีม่วงมองผักสีทองในกระทะ สีของมันที่เกิดจากความพิถีพิถันของมินาโตะทำให้เขารู้สึกอุ่นใจอย่างน่าประหลาด นั่นเป็นอาหารที่ทำให้เขากิน แล้วมินาโตะก็ตั้งใจทำมันมาก

“จูเลียตของฉัน”  เขากระซิบออกไปเบาๆ

“หื๋ม?”   มินาโตะเหลือบมามองอย่างสงสัยเพราะไม่ได้ยิน

“เปล่า หิวแล้วเนอะ”   เขาคลายอ้อมแขนออกเล็กน้อย

“นายก็อย่ามากวนฉันสิ”   เขาเพียงแค่หัวเราะเบาๆแต่ก็ยังไม่ยอมละออกมาจากตรงนั้น


คืนนั้นและอีกหลายๆคืนมินาโตะช่วยต่อบทจูเลียตให้เขา เรื่องการท่องจำจึงไม่มีปัญหาอะไร ฝ่ายอื่นๆทั้งเสื้อผ้าหน้าผมพวกชมรมการแสดงก็จัดการได้อย่างมืออาชีพ ทุกอย่างจึงราบรื่นไปหมดจนในที่สุดก็ถึงวันคริสมาสต์จนได้












ร่างโปร่งบางเดินออกจากสถานีรถไฟไปตามทางที่คุ้นเคยเพราะเขาเองก็ใช้เส้นทางนี้มาสามปีเต็ม ชูให้บัตรเชิญเข้างานกับเขามาสองใบเพราะงั้นเซยะจึงเดินอยู่ข้างๆเขาด้วยในวันนี้ ไม่นานพวกเขาก็จะเห็นรั้วโปร่งซึ่งมองเห็นตึกเรียนสีอิฐหรูหราอยู่ภายใน สำหรับเขาในตอนนี้มันคือที่ที่มีแต่ความทรงจำดีๆ...โรงเรียนคิริซากิแผนก ม.ต้น

แต่พวกเขาเดินเข้าฝั่งแผนกม.ปลาย หลายๆอย่างจึงไม่คุ้นเคยนัก ยิ่งวันนี้มีการออกร้านและประดับประดาตึกเรียนตามกิจกรรมที่แต่ละห้องจัด ความน่าเกรงขามของตึกสีอิฐนี้จึงลดลงและมันก็ทำให้เขาหายเกร็งไปได้บ้าง ก็อย่างว่าแหละนะ การจะกลับมาเยี่ยมโรงเรียนเก่าที่จากไปด้วยความทรงจำสุดท้ายที่ไม่สู้ดีนัก เขาจึงต้องใช้ความกล้าและความพยายามไม่น้อยเลย...แต่ถ้าผ่านมันไปได้ บางทีอาการตื่นเป้าของเขาอาจจะดีขึ้นได้บ้าง

พวกเขาแทบจะไม่ต้องถามใครเลยว่าหอประชุมไปทางไหนเพราะตั้งแต่ก้าวขาพ้นรั้วโรงเรียนมา ป้ายที่ติดโปสเตอร์ขนาดยักษ์ของชมรมการแสดงก็เด่นหรามาคอยต้อนรับและบอกทางให้เป็นระยะๆอยู่แล้ว เขาเหลือบมองโปสเตอร์แผ่นนั้นพลางอมยิ้มน้อยๆ ชูดูดีจริงๆ ในชุดพีเรียดอิตาลีแบบนี้ เหมือนขุนนางจริงๆเลยแหะ

แชะ

เขายกโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายเก็บเอาไว้ ถ้าเปิดรูปนี้ล้อชู ชูต้องทำหน้ายุ่งใส่เขาแน่ๆ ก็คิดดูสิ กว่าเขาจะได้เห็นโปสเตอร์แผ่นนี้ก็ต้องบุกมาถึงงานโรงเรียนเลย ชูไม่เคยเอาให้เขาดูก่อนสักนิด

“อยากไปเดินดูงานก่อนไหมมินาโตะ?”   เซยะหันมาถามเขาแต่เขาก็ส่ายหน้าปฏิเสธ กับอดีตเพื่อนร่วมห้องคงไม่เท่าไหร่ แต่อดีตเพื่อนร่วมชั้นที่ไม่รู้เรื่องของเขาเลยว่าทำไมเขาถึงย้ายออกไป เขาคงกระอักกระอ่วนใจเล็กน้อยหากจะต้องคุยกัน

“เข้าไปข้างในเถอะ”   ที่หน้าหอประชุมคราคร่ำไปด้วยผู้คน ดูเหมือนละครเวทีของปีนี้จะได้รับความสนใจอย่างล้นหลามกว่าปีที่แล้วมาก ชูถึงต้องให้บัตรเข้าชมการแสดงโดยเฉพาะมาอีกสองใบ เพราะถ้าใครไม่ได้จองไว้ ไม่มีบัตร ก็จะเข้าชมไม่ได้ ทั้งๆที่ปีก่อนๆนี้แทบจะต้องไปไล่ต้อนคนที่เดินๆอยู่มาดูแท้ๆ  นัยน์ตาสีมรกตเหลือบมองโรเมโอบนโปสเตอร์อีกครั้ง...เป็นเพราะชูสินะ

เขากับเซยะเดินเข้าไปในหอประชุมที่ใหญ่กว่าของแผนกม.ต้นอยู่พอสมควร ฉากบนเวทีตกแต่งประดับประดาไว้อย่างสวยงาม คนเริ่มทยอยเข้ามานั่งจนเต็มหอประชุมขนาดใหญ่นี้จริงๆด้วย สมแล้วที่ถึงกับต้องแจกบัตร

แล้วไม่นาน...ม่านสีแดงก็ถูกเปิดขึ้น...




ตลอดเวลาของการแสดง โรเมโอคนนั้นสะกดสายตาของคนทั้งหอประชุมเอาไว้ได้อย่างอยู่หมัด ขนาดเขาที่ไม่รู้เรื่องการแสดงอะไรยังหลงรัก ก็ไม่แปลกที่เสียงปรบมือจะดังเกรียวกราวเมื่อม่านของการแสดงปิดลง แล้วยิ่งช่วงที่นักแสดงออกมาขอบคุณคนดู ชูก็ยิ่งได้รับเสียงปรบมือจนเขามั่นใจว่ามันคงจะดังออกไปถึงข้างนอกแน่ๆ

“หึ...”   เขาหลุดหัวเราะในลำคอ ก็ขนาดมีคนปรบมือให้ตั้งขนาดนี้ ชูก็ยังมีสีหน้าเรียบเฉยไม่เปลี่ยน

เขาได้ยินเด็กสาวรอบกายคุยกันด้วยท่าทางตื่นเต้น ว่าปีนี้ชูก็คงได้รับตำแหน่งปริ๊นต์ออฟคิริซากิของงานโรงเรียนไปครองแน่ๆ...ตอนม.ต้น ชูก็เป็นที่สนใจของใครต่อใครอยู่แล้ว แต่เพราะยังเด็กเขาเลยไม่คิดอะไร แต่พอได้มาเห็น ชูที่เป็นเด็กม.ปลายแล้วก็มีแต่สาวๆรุมกรี๊ดแบบนี้...จะว่าไม่หวงเลยมันก็ไม่ใช่แหะ...

“มินาโตะ เอาดอกไม้ไปให้ชูกันเถอะ”   เซยะเป็นคนบอกให้เขาเตรียมดอกไม้มาด้วย เขาจึงใช้เวลากว่าค่อนชั่วโมงไปยืนเลือกช่อดอกไม้เล็กๆนี่มา

“อืม” 

กลุ่มนักแสดงลงมารับช่อดอกไม้และของขวัญกันอยู่ด้านหน้าเวที เขารอจนกว่าผู้คนจะบางตาลงจึงเข้าไปหาชู

“ชู...การแสดงผ่านไปด้วยดี ยินดีด้วยนะ”

“มินาโตะ...”   แล้วชูก็ทำในสิ่งที่คนทั้งโลกต้องตะลึง...เปล่า...ชูไม่ได้เดินเข้ามาจูบเขา ไม่ได้ดึงเขาเข้าไปกอด...แต่ชูแค่ยิ้ม...แค่ยิ้มอย่างอ่อนโยนให้เขา...เท่านั้นโลกก็ตะลึงได้แล้ว

ชูรับช่อดอกไม้จากเขาไปแล้วถือเอาไว้ไม่ยอมปล่อย ไม่ให้สต๊าฟในงานมาเก็บไปเหมือนช่อดอกไม้หรือกล่องของขวัญจากคนอื่นด้วย และนั่นก็ทำให้คนทั้งหอประชุมรับรู้ถึงความพิเศษของเขากับเซยะ

“เซยะ ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ”   ชูหันไปคุยกับเซยะ บรรยากาศเก่าๆของพวกเราสามคนจึงหวนกลับมาอีกครั้ง เพราะถึงชูจะไปบ้านเขาแทบทุกวันแต่ก็แทบไม่เจอกับเซยะเลยอย่างน่าประหลาด

“ชู ไม่ได้เจอกันนานเลย ถึงแม้ฉันจะมั่นใจว่านายอยากเจอฉันถึงได้ให้บัตรเชิญมินาโตะมาสองใบก็เถอะ”

“อืม ฉันอยากให้นายมา...คอยทำหน้าที่อัศวินของนายตอนที่ฉันไม่อยู่”

“พวกนายคุยเรื่องอะไรกันเนี่ย? อัศวิน?”   บางครั้งสองคนนี้ก็พูดอะไรที่เขาไม่เข้าใจอยู่เรื่อย

“มินาโตะไม่ต้องรู้หรอก”   แล้วเขาก็ถูกกันออกมาจากบทสนทนาที่ไม่เข้าใจนั่นอยู่เรื่อย

พวกเขาสามคนยืนคุยกันอยู่อีกพักใหญ่ตามความเคยชิน จึงไม่ทันสังเกตเลยว่ารอบกายเริ่มจับตามองพวกเขาเป็นตาเดียว






นารุมิยะ?

นั่น นารุมิยะกับทาเคฮายะไม่ใช่เหรอ?

ยังคบกันอยู่จริงๆด้วย...

ถึงว่า...ฟูจิวาระไม่สนใจจะคบหากับใครเลย นั่นก็เพราะยังคบกับสองคนนั้นอยู่

นารุมิยะอีกแล้วเหรอ? หมอนั่นมีอะไรดี? ฟูจิวาระถึงยิ้มให้แต่หมอนั่น

ขนาดออกไปจากโรงเรียนแล้ว ฟูจิวาระก็ยังยิ้มให้แต่นารุมิยะเหมือนเดิม...






“ฟูจิวาระ เดี๋ยวจะมีถ่ายรูปรวมนะ”  คนของชมรมการแสดงเดินมาบอกชูหลังจากที่พวกเขาดูท่าว่าจะคุยกันอีกนาน

“ครับ...มินาโตะ รอฉันอยู่หน้าหอประชุมนะ”   ชูจำต้องหันไปรับคำก่อนจะหันมาบอกเขา

“อื้ม”  เขาพยักหน้ารับก่อนจะแยกออกมายืนรออยู่ที่หน้าหอประชุมตามที่ชูบอก

“ทาเคฮายะ? ทาเคฮายะไม่ใช่เหรอ?”   ใครสักคนเดินเข้ามาทักเซยะ...ถ้าเขาจำไม่ผิดน่าจะเป็นรุ่นพี่ที่เคยทำงานกรรมการนักเรียนด้วยกันกับเซยะ?

“รุ่นพี่ สบายดีไหมครับ?”   เซยะหันไปทักทายอีกฝ่าย มันก็ไม่แปลกหรอกที่เขาจะเจอคนรู้จักที่นี่มากมาย เพราะจากม.ต้นก็แทบไม่มีใครย้ายออกไปเรียนต่อม.ปลายที่อื่นเหมือนพวกเขา ส่วนนักเรียนใหม่ที่รับเพิ่มเข้ามาก็มีไม่มากเท่านักเรียนเก่า เขาปล่อยให้เซยะคุยกับรุ่นพี่คนนั้นต่อไป เขากระหายน้ำจึงว่าจะไปหาอะไรดื่มเสียหน่อยเลยเดินออกมาไม่ได้บอกเซยะ


แล้วในขณะที่กำลังลังเลว่าจะกดน้ำอะไรจากตู้กดดี เสียงๆหนึ่งก็ทักมาจากข้างหลัง

“อุ๊ยตาย...คิดว่าเราเจอใครเข้าให้ละเนี่ย?...”   ไม่ใช่คนจากชมรมคิวโด้ของคิริซากิที่เคยเจอกัน แต่กลุ่มเด็กผู้หญิงที่ล้อมเขาอยู่นี้เขาจำหน้าไม่ได้สักคน

“เอ่อ....”   คงจะเป็นเพื่อนร่วมรุ่นตอนม.ต้น? เขาถึงจำหน้าไม่ได้ เพราะถ้าเป็นเพื่อนห้องเดียวกันเขาก็พอจะแยกออกอยู่บ้าง และเมื่ออีกฝ่ายเห็นว่าท่าทางเขาจะจำตนไม่ได้ ใบหน้าที่เคยสวยงามก็บิดเบี้ยวขึ้นมาทันที

“นายนี่มันยังกวนไม่เปลี่ยนเลยนะ นารุมิยะ! อย่าคิดว่าทุกคนเค้าจะรักนายเหมือนฟูจิวาระนะ!  เขาได้แต่ผงะแล้วก้าวถอยหลัง ดูท่าเด็กสาวกลุ่มนี้คงจะเป็นคนที่ชื่นชอบชูแน่ๆ เขาเคยเห็นสถานการณ์นี้แต่ในละคร ไม่คิดว่าจะมาเกิดกับคนธรรมดาๆอย่างเขาจริงๆ แล้วยิ่งเขาเป็นผู้ชายด้วย...เขาควรจะรับมือยังไงเนี่ย?

“เมื่อก่อน ที่ไม่มีใครกล้าทำอะไรนายก็เป็นเพราะมีทาเคฮายะกับฟูจิวาระอยู่ แต่ตอนนี้นายไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว อย่าคิดว่าจะมีใครปกป้องนายได้อีก ฉันละสงสัยจริงๆว่านายมีอะไรดี? หน้าตาก็งั้นๆ รูปร่างก็งั้นๆ ฐานะก็งั้นๆ ทำไม...ทำไมฟูจิวาระถึงเอาแต่ยิ้มให้นาย ทำไมถึงสนใจแต่นาย”

“รู้ไหมว่ามีคนดีใจที่นายย้ายโรงเรียนไปซะได้”

“คนไร้ค่า หายไปซะได้ก็ดี”



ปึก!!



ลูกธนูเฉียดหน้าเด็กสาวไปแค่ไม่กี่เซ็นต์ก่อนจะปักลงที่กระจกของตู้กดน้ำ



เพล้ง!!



มันเร็วจนคนที่โดนเล่นงานยังไม่ทันรู้ตัว

“กรี๊ด?!!”   เด็กสาวมาตกใจจนตัวสั่นก็ต่อเมื่อเห็นหางธนูที่ปักอยู่บนกระจกตู้ที่แหลกละเอียดนั่นไปแล้ว คนอื่นๆที่ล้อมเอาไว้ต่างขยับเข้าไปกอดกันอย่างหวาดกลัว สายตาต่างรวมกันอยู่ที่คนที่เดินถือธนูเข้ามาด้วยใบหน้าเย็นชา

“นี่เป็นแค่ธนูที่ใช้ในการแสดง...แล้วฉัน...ก็ไม่ได้ตั้งใจยิงให้โดน...”   ชูเดินเข้ามาช้าๆก่อนจะรวบเอวเขาไปกอดไว้แล้วหันกลับไปทำหน้าทะมึนใส่เด็กสาว

“ฉันจะไม่บอกให้เธอหยุดแกล้งมินาโตะหรอกนะ แต่เธอคงจะไม่ได้ลืมหรอกใช่ไหม...ว่ามินาโตะเองก็เป็นหนึ่งในสามทหารเสือของชมรมยิงธนูน่ะ?”  ชูยังคงกดดันเด็กสาวอย่างต่อเนื่อง ชูถนัดนักแหละเรื่องกดดันให้คนอื่นกลัวแบบนี้

“เธอไม่กลัวรึไง? คนที่ยิงธนูใส่เธอได้ไม่ใช่มีแค่ฉันหรอกนะ”

“เธอคิดว่ามินาโตะคบกับคนอย่างฉันได้...เขาจะเป็นคนดีที่ไม่มีอันตรายงั้นเหรอ? คิดให้ดีๆสิ ทำไมคนอย่างฉันกับเซยะถึงได้ถูกเขาดึงดูดเอา”   เด็กสาวผงะไปก่อนจะเหลือบตามองเขาตัวสั่น ชูกำลังกดดันให้เด็กสาวกลัวเขา

“ไปกันเถอะ มินาโตะ”   ชูจับต้นแขนของเขาแล้วดึงออกมา เขาทำได้แค่หันไปมองเด็กสาวพวกนั้นอย่างสงสาร พวกเธอคงเพิ่งจะเคยเห็นชูที่เป็นแบบนี้ เขาน่ะไม่เป็นไรหรอกเพราะชินแล้วกับด้านที่น่ากลัวของชูและเซยะ














“นายนี่พูดเหมือนฉันเป็นตัวอันตรายเลยแหะ”   เขายืนหันหลังพิงรั้วกันตกบนดาดฟ้าของตึกเรียนหลังหนึ่งซึ่งชูพาเขาขึ้นไป ปลายนิ้วเปิดกระป๋องน้ำผลไม้ที่กดมาได้มั่วๆก่อนจะยกดื่มหนึ่งทีแล้วส่งให้ชู

“มันไม่มีประโยชน์ถ้าฉันจะเอาแต่ปกป้องนาย เพราะถ้าเมื่อไหร่ที่ฉันไม่อยู่ คนพวกนั้นก็จะทำร้ายนาย การทำให้พวกเขาเกรงกลัวที่ตัวนายต่างหาก ที่จะทำให้พวกเขาไม่กล้ายุ่งกับนายถึงแม้ว่าฉันจะไม่อยู่”   ชูรับกระป๋องน้ำผลไม้ไปดื่มก่อนจะท้าวสองแขนลงบนราวกั้นแล้วเงยหน้ามองท้องฟ้า

“ฉันไม่สามารถจะตามเฝ้านายตลอด 24 ชม.เหมือนเซยะได้ เพราะงั้นต่อให้นายจะไม่พอใจ ฉันก็จะใช้วิธีของฉันในการปกป้องนายแบบนี้แหละ”

“งอนเรื่องเซยะอีกแล้ว?  ถึงเซยะจะอยู่กับฉันตลอดแต่ชูก็ฉกตัวฉันออกมาได้ตลอดเหมือนกันไม่ใช่รึไง?”

“ก็จริง...”   ชูก้มลงมาอมยิ้มน้อยๆ เขาจึงนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้กล่าวชมชูเลย เรื่องการแสดง

“แต่นายแสดงดีมากนะชู  ฉันนึกว่าจะแข็งเป็นท่อนไม้มากกว่านี้ซะอีก ฮะฮะ”  เขากล่าวชมออกไปจากใจ ชูสะกดสายตาของคนดูได้ตลอดทั้งเรื่องจริงๆ ถึงแม้จะเป็นโรเมโอที่ไม่ยิ้มไม่แย้มเลยก็ตาม

ชูหันมายิ้มอ่อนโยนให้เขาก่อนจะขยับใบหน้าเข้ามาหา

“เพราะฉันคิดว่ามินาโตะเป็นจูเลียตไง”  แล้วความร้อนจากที่ไหนมันพุ่งเข้ามาบนใบหน้าของเขาเนี่ย~

“ง่ะ...”   แต่ก็เชื่ออยู่หรอกนะ ชูที่แยกหน้าคนกับลูกธนูไม่ออกนั่นอาจจะจำหน้าคนที่แสดงเป็นนางเอกไม่ได้ด้วยซ้ำ

“แต่ฉากสุดท้าย ฉันกลับไม่อยากให้เป็นนาย”    ...ฉากที่จูเลียตต้องตายสินะ

“...มินาโตะรู้ไหม...ฉันเองก็มีช่วงที่ยิงธนูไม่ได้เลยเหมือนกัน...”   เขาเบิกตาน้อยๆก่อนจะหันไปมองหน้าชูอย่างแปลกใจ มันมีช่วงเวลาแบบนั้นด้วยเหรอ? ในเมื่อตั้งแต่ม.ต้นที่อยู่ด้วยกันมา ฝีมือของชูก็พัฒนาขึ้นตลอด ไม่เคยเห็นจะมีช่วงที่ยิงไม่ได้ตอนไหน

“....ตอนที่มินาโตะหายไปจากโรงฝึกของอ.ไซออนจิ...ตอนนั้นฉันเอาแต่คิดเรื่องของนายจนยิงธนูไม่ได้เลย มินาโตะ”   เขามองชูตาค้าง นั่นเป็นช่วงที่เขาเกิดอุบัติเหตุแล้วก็ไม่ได้ติดต่อไปที่อ.ไซออนจิหรือชูเลย...นี่เขาทำให้ชูกังวลถึงขนาดนั้นเลยเหรอ เขาเพิ่งรู้

“ตอนนั้น...เป็นครั้งแรกที่ฉันรู้ว่าฉันคงขาดมินาโตะไม่ได้...แล้วตอนที่ขึ้นม.ต้น ตอนที่เห็นแผลของนาย ตอนที่รู้ว่านายเกือบตายเพราะอุบัติเหตุนั่น มันก็ทำให้ฉันช็อคมาก”

“ฉันจึงตั้งใจมาตลอด ว่าจะทะนุถนอมนายให้ดีที่สุดเท่าที่คนคนหนึ่งจะทำได้ เพราะสิ่งที่ฉันกลัวที่สุดก็คือการที่ไม่มีนายอยู่ข้างๆ”  นัยน์ตาสีมรกตที่ทอดมองชูนั้นกำลังสั่นพร่าด้วยความรู้สึกลึกซึ้งที่ตีขึ้นมาจากหัวใจ เพราะเขารับรู้มันผ่านการกระทำของชูมาโดยตลอด ว่าชูถนอมเขามากขนาดไหน

“ชู...”



ครืด...ครืด....



โทรศัพท์มือถือของเขาสั่นขึ้นมาขัดจังหวะช่วงเวลาที่กำลังหวานซึ้ง

“เซยะ?”   เขาเอ่ยชื่อเจ้าของปลายสายเรียกเข้านั้นเบาๆ แต่มันก็ดังพอที่ชูจะได้ยินแล้วดึงโทรศัพท์ในมือเขาไป

“มินาโตะ อยู่ที่ไหนน่ะ?”  เขาได้ยินเสียงดังลอดออกมา

“เซยะเหรอ นี่ฉันเอง...ตอนนี้ฉันพามินาโตะออกมาจากโรงเรียนแล้ว มีเรื่องวุ่นวายนิดหน่อย นายเองก็หาทางออกมาก่อนก็แล้วกัน เดี๋ยวฉันพามินาโตะกลับบ้านเอง”  เขาเหล่มองหน้าชูที่ทำไม่รู้ไม่ชี้...ออกจากโรงเรียนแล้วที่ไหนกันล่ะ? นี่ยังยืนอยู่บนดาดฟ้าของอาคารเรียนชัดๆ

“เข้าใจแล้ว”  เซยะรับคำก่อนจะวางสายไป

“ชู ทำไมไปบอกเซยะอย่างงั้นล่ะ?”   เขาหันไปบ่นคนที่คืนโทรศัพท์มือถือให้เขา ชูเอียงหน้ามาก่อนจะพูดกับเขาด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์

“วันคริสมาสต์...แฟนกัน ก็ต้องอยู่ด้วยกันแค่สองคนสิ จริงไหม?”

จู่ๆชูก็จับมือเขาแล้วออกวิ่ง เขาไม่ทันจะได้ถามทำได้แต่วิ่งตามชูไป พวกเราวิ่งผ่านโถงบันไดและเสียงร้องทักของเพื่อนๆ พวกเราวิ่งผ่านป้ายร้านรวงที่แต่ละห้องจัดเอาไว้ พวกเราวิ่งผ่านลูกโป่งและกระดาษกลิตเตอร์ที่โปรยปรายเหนือขบวนพาเหรด พวกเราวิ่งผ่านช่อดอกไม้ที่กำลังยกไปหอประชุมสำหรับงานประกาศรางวัลห้องดีเด่นในเย็นนี้ พวกเราวิ่งผ่านอะไรอีกมากมายโดยไม่ได้หยุดพัก แต่ถึงจะเหนื่อยจนหอบ ใบหน้าของเขาและชูกลับมีแต่รอยยิ้ม

“แฮ่ก...แฮ่ก...แฮ่ก...”  พวกเขาทิ้งตัวลงนั่งเคียงข้างกันเมื่อประตูรถไฟปิดลง ตอนนี้พวกเขาออกมาจากโรงเรียนแล้วและกำลังจะไปที่ไหนก็ไม่รู้เลย

ชูทอดสายตามองที่มือของพวกเราที่ยังจับกันเอาไว้ด้วยสายตาอ่อนโยน นิ้วทั้งห้าสอดประสานจนไม่มีที่ว่าง ถึงแม้อากาศจะหนาวเย็นแต่มือที่จับกันไว้กลับอุ่นอยู่เสมอ

“แล้วนี่...จะไปไหนเนี่ย?”   เขาหันไปถามชู

“ไม่รู้เหมือนกัน...อยากไปที่ไหนก็ได้...กับมินาโตะ”  ชูตอบกลับมาอย่างไม่ได้ทำให้เขาใจชื้นขึ้นเลยสักนิดแต่กระนั้นเขากลับหัวเราะออกไปเบาๆ

“แล้วนี่นายไม่ต้องไปรับรางวัลปริ๊นต์ออฟคิริซากิรึไง? แล้วยังจะงานของชมรมยิงธนูอีก?”   เขามองชูที่หนีออกมาทั้งๆเสื้อผ้าที่ใช้ในการแสดง ยังดีที่ไม่ได้ลากชุดโรเมโอเต็มยศออกมาแต่มีแค่สูทสีดำกรุยชายเข้ารูปกับกางเกงขายาวสีขาวเท่านั้น

“ฉันเป็นเจ้าชายทุกวันอยู่แล้ว ไม่ต้องรับรางวัลปริ๊นต์อะไรนั่นหรอก ส่วนงานของชมรมยิงธนูในส่วนของฉันก็แข่งจบไปตั้งแต่เมื่อเช้าแล้ว ชนะรวด มินาโตะไม่ต้องห่วง”  อืมนะ...ทำไมเขาถึงได้นึกหมั่นไส้ขึ้นมายังไงก็ไม่รู้แหะ

พวกเขานั่งรถไฟไปเรื่อยๆ ทุกครั้งที่ประตูเปิดก็จะได้ยินเสียงเพลงแห่งการเฉลิมฉลอง สองฝั่งที่รถไฟวิ่งผ่านเองก็จะมองเห็นแสงสีที่มีเฉพาะวันพิเศษวันนี้เท่านั้นที่จะได้เห็น

พวกเขาตัดสินใจลงมั่วๆที่สถานีหนึ่งซึ่งคนไม่ถึงกับพลุกพล่านแล้วก้าวขาเดินไปเรื่อยๆท่ามกลางร้านรวงที่ประดับประดาด้วยไฟระยิบระยับ ต้นคริสต์มาสสูงใหญ่หอบกล่องของขวัญเอาไว้มากมาย พวกเขาหยุดยืนมองมันด้วยประกายตาแห่งความสุข

“รู้ไหมว่าฉันอยากจะขออะไรจากซานตาครอส?”   ชูเอ่ยออกมาในขณะที่ยังหันไปมองต้นคริสต์มาสไม่วางตา

“.....”   เขาได้แต่ส่ายหน้าเพราะไม่รู้ อย่างชูยังจะมีอะไรที่อยากได้อีกหรือไง?

“มินาโตะ”   แล้วคำตอบของชูก็ทำเอาสองแก้มร้อนผ่าว

“พรทุกข้อที่ฉันขอได้...ฉันขอแค่มินาโตะเท่านั้นก็พอ”  ชูค่อยๆหันใบหน้ามายิ้มให้เขา สายตาที่ตรงไปตรงมานั่นทำเอาเขาเขินจนจ้องกลับไม่ไหวจึงทำได้แค่เสไปด้านข้าง

“ถ้านายเป็นเด็กดี...คุณซานต้าก็คงให้มินาโตะกับนายเองนั่นแหละ”  เขาพูดงึมงำๆจนชูอมยิ้ม มือแข็งแรงเชยปลายคางของเขาขึ้นมาก่อนที่ใบหน้าของชูจะขยับเข้ามาใกล้จนเต็มสองตา

สัมผัสแผ่วเบาแต่แสนหวานแผ่ซ่านอยู่ที่ริมฝีปาก...ชูจูบเขาท่ามกลางฉากหลังที่เป็นต้นคริสต์มาส...

วันนี้...นายคงเป็นเด็กดีมาทั้งวันแล้วสินะ...



เขาจำต้องกดหัวของตัวเองเอาไว้กับแผงอกของชู ความร้อนแผ่กระจายไปถึงใบหู ถึงเราจะไปถึงขั้นไหนต่อไหน แต่นี่น่าจะเป็นครั้งแรกที่เราจูบกันกลางที่สาธารณะแบบนี้...

เขาต้องใช้เวลาพักใหญ่ กว่าหัวใจที่เต้นกระหน่ำนี้จะสงบลง...



ชูจูงมือเขาออกเดินอีกครั้งท่ามกลางแสงไฟแสนโรแมนติก...


นี่น่าจะเป็นคริสต์มาสแรกที่เขาอยู่กับชูตามลำพัง...


เป็นคริสต์มาสที่ไม่มีจุดหมาย...ไม่มีปลายทาง...


รู้เพียงแค่ว่า เราจะเดินไปด้วยกัน...


คงไม่มีของขวัญใดดีไปกว่านี้อีกแล้ว...








.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.

Story never End



ขยันอย่างไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นคุณกวางถถถถ ลงตอน 5-6 ติดกันซะงั้น 5555+

แล้วก็มีเพลงที่ฟังตอนแต่ง แบบคิดว่ามันน่าจะเข้ากับตอนนี้ >////< จริงๆเพลงนี้ฟังมาตั้งแต่ตอนที่แต่งคู่มาสะมินาโตะแระ บรรยากาศมันจะโรแมนติกๆละมุนๆบางทีก็เหงาๆโหยหาๆดีอ่ะ >////<  Yuki no Hana เวอร์ชั่น male cover (ต้นฉบับเป็นของ มิกะ นากาชิมะ) เวอร์ชั่นที่คิดว่าเข้ากับคู่ ชูมินาโตะ ส่วนตัวแล้วยกให้เวอร์ชั่นประสานเสียงอันนี้ เพิ่งเห็นเมื่อวันก่อน น่าจะเพิ่งลงค่ะโคตรเพราะ ฟฟฟฟ >////< ฟังละเห็นภาพชูเดินจูงมือมินาโตะท่ามกลางหิมะโปรยปรายในคืนคริสต์มาสเรย =q=






ส่วนใครอยากรู้คำแปลก็ดูจากเวอร์ชั่นนี้ได้ค่ะ คือแบบ มันโรแมนติกมว๊าก






แอบแปะเวอร์ชั่นแรกที่คุณกวางฟัง ละ AMV ทำดีจนจิ้นบรรลัยวายวอดมากอ่ะค่ะ ฮือออออ ชอบบบบบ เวอร์ชั่นนี้ยกให้คู่ มาสะมินาโตะ เรื่องที่กำลังแต่งอยู่ชื่อ หนึ่งร้อยคืนกับหมื่นคำรัก ค่ะ =q= แค่ชื่อก็รู้ว่าตั้งใจ ปกติชื่อฟิคนี่จะตั้งแบบส่งๆไป // โดนตบ // ก็หวังว่ามันจะจบจนได้ลงให้อ่านกันอ่ะนะ 5555+






สุดท้ายขอขอบพระคุณทุกๆการติดตามนะค้า แล้วเจอกันตอนหน้าน้า >3<




1 ความคิดเห็น:

  1. ชอบบ น่ารักแบ๊วๆ ดูการ์ตูนก็ถูกใจพระเอกมาก
    ตาใส๊ใส เหมาะจะเป็นเคะจริงๆอะ

    ตอบลบ